ตอนที่ ๑๓.๑ ดาวติดดิน
“บูม ผลัดนี้มึงลงฝึกทหารใหม่ไปก่อนนะ กูขอไปฝึกหลักสูตร......”
“เออๆ ผลัดหน้ามึงลงฝึกละกัน กูลงมาตั้ง ๒ ผลัดแล้ว”
“ได้เพื่อน จับมือ”
พันธะสัญญาระหว่างเพื่อนเริ่มขึ้นท่ามกลางแสงไฟและไอกลิ่นของฝนที่ตกโปรยปรายลงมา ผมผู้หมวดบูมถึงจะไม่ใช่ผู้หมวดใหม่แต่ยังไฟแรง ผมรับราชการทหารมาได้ปีนี้ปีที่ ๓ แล้ว ส่วนไอ้คนที่ผมจับมือด้วยเมื่อครู่นี้มันเป็นเพื่อนกับผม จบมาพร้อมกันลงหน่วยทหารหน่วยเดียวกัน ปีแรกที่เรามาบรรจุก็มาฝึกทหารใหม่แต่ในตำแหน่งผู้ช่วยผู้ฝึก จากนั้นผมเป็นผู้ฝึก ไอ้เต้ย(ชื่อเพื่อน)มันมาเป็นผู้ช่วยผู้ฝึก ผลัดต่อไปเลยเป็นมันที่ต้องลงเป็นผู้ฝึก ผมเองไปเป็นผู้ช่วยให้มัน แล้วผลัดต่อมาผมลงอีก พอมาผลัดนี้มันบอกว่ามันขอไปฝึกหลักสูตร.....มันเลยให้ผมลงอีกผลัด ผมก็โอเคถือว่าช่วยเหลือเพื่อน
การฝึกทหารใหม่ไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องง่าย ก่อนฝึกเราก็ต้องมาฝึกครูกันก่อน มีครูที่เป็นนายสิบและครูที่เป็นพลทหาร ใช้เวลาประมาณเดือนเศษเพื่อฝึกครู จนมาถึงช่วงที่ต้องรับทหารใหม่ผลัดนี้มาฝึก
การตระเตรียมงานทุกอย่างผ่านไปด้วยดีแม้จะมีสะดุดบ้างต่างฝ่ายก็ได้ช่วยเหลือกันเต็มที่ วันที่ ๑ พฤษภา ทหารใหม่เข้ามาผมก็ไปต้อนรับขับสู้อย่างดีแล้วทำตามขั้นตอนโดยมีครูนายสิบและครูผู้ช่วยเข้ามาดูแลอย่างใกล้ชิด จนมาถึงวันที่ ๔ ต้องรับทหารจากต่างจังหวัดเข้ามาอีกเพราะกำหนดเดินทางมารายงานตัวของทหารต่างหวัดที่จะเข้ามาเป็นพลทหารเขาต้องมาวันที่ ๓ มาถึงก็เป็นวันที่ ๔ วันนั้นผมไม่ได้มาต้อนรับเหมือนพวกที่มาวันที่ ๑ เพราะต้องไปหาหมอ รู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยสบาย
กว่าจะได้เจอหน้าค่าตาก็เป็นช่วงเย็นแล้ว เพิ่งจะสร่างไข้เลยรีบเด้งตัวลุกขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าไปต้อนรับทหาร ลงมาจากห้องพักได้ผมก็ไปสอบถามกับจ่าที่ทำหน้าที่แทนผมช่วงที่ผมป่วย ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี จ่าคนนี้แกฝีมือดีฝึกทหารมาหลายผลัดผมเลยไว้วางใจแกให้ทำหน้าที่แทน นอกจากจ่าแล้วก็จะมีนายสิบที่สอบผู้หมวดได้มาช่วยดูแล ก็โอเคครับ
“ตรง”เสียงสั่งดังขึ้นเมื่อผมก้าวเข้าไปถึงสถานที่ที่อบรมทหารใหม่ ต่างคนต่างลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็วแต่มีบางคนที่ยังงงๆ ผมกวาดสายตาผ่านหมวดที่ตัวเล็กที่สุดเป็นอันดับแรกแล้วก็กวาดสายตาไปยังเบื้องหน้าจนมาสะดุดกึกกับใครคนหนึ่ง
ตัวของเขาสูงร่างกายกำยำ กล้ามเป็นมัดเหมือนพวกนักมวยปล้ำก็มิปาน โครงหน้าคมดุ สายตาดุจพญาเสือโคร่งที่คอยจับจ้องกับเหยื่อ ผมหยุดมองเขาค้างอยู่ประมาณ ๕ วินาทีก่อนจะมองดูคนที่ยืนข้างๆ หุ่นบางแต่สูงโย่ง คิ้วยังไม่ขึ้น
คว้าไมค์มาก็กล่าวทักทายกันแล้วแนะนำเรื่องราวต่างๆ พร้อมทั้งแนะนำชื่อตัวเอง แอบมองคนตัวใหญ่นั่นหลายครั้งเขามองมาที่ผมอย่างเดียว บางทีผมเองก็รู้สึกประหม่าได้เช่นกัน แต่อาศัยความใจกล้าหน้าด้าน กวาดสายตาไปที่คนนั้นทีคนนี้ที ทำให้พูดไปได้เรื่อยเปื่อย
แต่ถึงจะกวาดสายตาไปหาใครก็ตามทีแต่ก็ยังมีที่ผมจะต้องเหลือบตาหันไปมองอยู่ตรงนั้น ทำไมทหารใหม่คนนั้นถึงได้มีอะไรที่ดึงดูดสายตาผมถึงขนาดนี้ มันเป็นสิ่งดึงดูดที่เร้า เย้ายวน ชวนให้อยากเข้าไปใกล้ชิด ผมไม่เคยเจอผู้ชายแบบนี้มาก่อน ยอมรับว่าตั้งแต่เล็กจนมาเป็นนายทหารก็เรียนกับชายล้วนมาตลอดแต่ไม่เคยเจอผู้ชายที่ดึงดูดสายตาเหมือนคนนี้
จนผมเข้าไปถามเขาว่าผมชื่ออะไร เขาทำหน้างง จากนั้นผมก็ของขึ้นครับเพราะพูดอะไรไม่ฟังผมเลยลงโทษไปซะ พอเขาลุกขึ้นเขามองหน้าผมแล้วสายตาของเขาที่มองมามันทำให้ผมรู้สึกขวยเขิน ห่าเอ๊ย กูไม่อยู่ใกล้มึงแล้วล่ะ
ทุกวันผมจะมาออกกำลังกายทั้งเช้าและเย็น ช่วงที่ว่างจากงานที่ได้รับจากผู้พันผมก็จะเดินไปดูทหารใหม่ฝึกอย่างใกล้ชิด หรือวันไหนไม่มีงานอื่นใดผมก็จะไปดูการฝึก ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำไมเขาถึงทำให้ผมละสายตาจากเขาไม่ได้ ความกระตุ้นอารมณ์หลายๆอย่างของเขาทำให้ผมหมดความเป็นตัวของตัวเองจนมาถึงวันนั้นครับ
ผมอาบน้ำช่วงเที่ยงคืนประจำเพราะต้องวางแผนว่าจะรับมือกับทหารใหม่อย่างไรดี มานั่งปรึกษากับครูนายสิบบ้าง ครูผู้ช่วยบ้าง แล้วนั่งไตร่ตรองดูนั่งดูนี่คลายเครียดไปบ้าง เที่ยงคืนผมจึงได้ลงไปอาบน้ำ
สายน้ำที่อาบรดมายังร่างกายช่วยให้ความเหนื่อยล้าเพลาลงไปไม่มากก็น้อย เช็ดตัวให้แห้งเก็บอุปกรณ์อาบน้ำใส่ตะกร้าปลดล็อกแล้วเปิดประตูออกมา พอเห็นว่าใครอยู่ข้างหน้าเท่านั้นแหละผมรู้สึกตกใจอย่างมาก แล้วหลังจากนั้นกว่าผมจะรู้ตัวริมฝีปากของเขาก็ประกบมาที่ริมฝีปากของผม ผมอึ้งอยู่พักหนึ่งก่อนจะตอบรับสัมผัสของเขาไปอย่างง่ายดายโดยไม่ต่อต้านหรือผลักไส
มันเหมือนกับว่าสิ่งที่ผมต้องการมานานแสนนานตอนนี้ได้ถูกเติมเข้ามา ได้ค้นพบได้พบเจอ เขาจูบผมอย่างหนักหน่วงลิ้นเกี่ยวกระหวัดกันอย่างไม่ลดละจนผมเริ่มจะขาดลมหายใจ เขาจึงผละหน้าออกไปไล่จูบตามใบหน้า ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วสรรพางค์กายของผม ผมยังยกมือคล้องคอเขาเอาไว้ไม่ผลักไสไล่ส่ง จากนั้นเขาก็พูดอะไรมามากมายตามความรู้สึกของเขาไป ผมเองได้แต่ยืนอยู่อย่างนั้นกอดเขาแล้วก็จูบกันอีกครั้งหนึ่ง
อารมณ์คุโชนขึ้นมาเหมือนบ่อน้ำมันถูกไฟเผาไหม้ อารมณ์ดิบถูกกระตุ้นออกมาจนผมรู้สึกมีอารมณ์ทางเพศ แล้วก็ไม่เหลือเมื่อเขากระเซ้าเย้าแหย่ผม บวกกับอารมณ์ความต้องการทำให้ผมต้องให้เขาช่วยเหลือ
แขนแกร่งโอบมาที่เอวมือเขาแปะมาที่หน้าท้อง แขนอีกข้างลดผ่านรักแร้ขึ้นมาแปะอยู่ที่หน้าอก เขากอดผมจากด้านหลัง ผมเปลือยแต่เขายังอยู่ครบทุกชิ้น มือที่แปะหน้าท้องของเขาไล้ไปที่สะดือลดลงไปที่หัวเหน่าผ่านเส้นใยไหมลงไปด้านล่างแล้วสัมผัสเบาๆที่ท่อนเนื้อซึ่งพองขึ้นมาเพราะอารมณ์ใคร่ถูกปลุก
“เสียวไหม”น้ำเสียงแหบพร่ากระซิบเบาๆที่ข้างหูทำให้ผมรู้สึกร้อนวูบในช่องท้องขึ้นมาทันใด อาการขนลุกซู่แผ่ไปทั่วตั้งแต่หัวจรดเท้า
“อืม”ผมพยักหน้าเบาๆ จากนั้นเขาก็ใช้มือในการช่วยสำเร็จความใคร่ให้กับผม ผมรู้สึกเสียวมากแทบจะขาดใจตายไม่เคยเสียวเท่านี้มาก่อน อาจจะเป็นเพราะว่าเขามีแรงดึงดูดต่อผมด้วยมั้งครับทำให้ผมมีอารมณ์ความต้องการรุนแรง จนถึงจุดสุดยอด สารคัดหลั่งพุ่งออกมาเป็นกระแสสายหลายระลอก มันเยอะมากจนเขาขำขึ้นมาเบาๆ
“สงสัยไม่ได้ว่าวนานนะครับ”เขายิ้มแต่ผมนี่แทบทรุดถ้าเขาไม่โอบผมไว้ผมได้ขาพับอยู่ตรงนั้นแน่ๆ ผมหายใจสะดุดไปตามแรงกระตุกของหน้าท้องหลายครั้งจากนั้นจึงเริ่มหายใจเป็นปกติ อาการหน้าบางวูบวาบขึ้นมาทันที รู้สึกอายขึ้นมาจับใจ ผู้บังคับบัญชาให้ลูกน้องสำเร็จความใคร เขาเปิดน้ำฉีดล้างให้ผมจนสะอาด ปิดน้ำแล้วหมุนตัวผมเข้ามาฉกจูบผมอีกครั้ง
ความรู้สึกไม่เคยพอมีเต็มล้มอยู่ในทรวงอกด้านซ้ายของผม นานพอสมควรแก่เวลาเขาจึงละริมฝีปากของเขาออก จูบมาที่ปลูกจมูก ดวงตา หน้าผาก แก้ม ซอกคอทั้ง ๒ ข้าง
“ผมชอบผู้หมวดนะครับ”เขาสารภาพออกมา ผมรู้สึกพองโตร่างกายเหมือนจะพองใหญ่คับเต็มห้องน้ำหลังนี้ ผมยิ้มให้เขาไม่ได้พูดอะไร แล้วเขาก็หยิบผ้าเช็ดตัวมานุ่งให้ผม ผมดึงเขามาจูบครั้งหนึ่งเพื่อบอกเขาว่า ไม่ใช่แค่เขาที่รู้สึกว่าชอบผม ผมเองก็ชอบเขาเช่นเดียวกัน
ขึ้นไปนอนผมคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย กลัวว่าเขาจะเอาเรื่องนี้ไปพูดกับคนอื่น กลัวว่าตัวเองจะเสื่อมเสียชื่อเสียง กลัวโดนเขาดูถูกต่างๆนานากว่าจะหลับได้ก็นานพอสมควร ตอนเช้าผมเลยลงโทษเขา เพียงแค่เห็นหน้าจากเมื่อคืนที่คิดว่าจะหยุดความสัมพันธ์ให้จบลงเพียงแค่นั้น เจอหน้าเขาผมก็ใจอ่อน ความรู้สึกที่ดีกับเขามันมีมากกว่า ผมเลยไม่คิดที่จะหยุดมัน
โชคดีอยู่อย่างหนึ่งที่เขาไม่เอาเรื่องนี้ไปพูดให้ใครฟัง เขาเก็บเงียบจนมาครั้งที่ ๒ ผมเจอเขาอีกครั้ง เขาก็เข้ามาแต่ครั้งนี้ผมยังไม่ได้อาบน้ำและเขาเองก็คงไม่ได้มาเยี่ยวเฉยๆ เขาจับที่บั้นเอวผมถามด้วยน้ำเสียงสดใสแต่ไม่ดังมากพอได้ยินกันอยู่แค่ ๒ คน ความคิดถึงของผมที่มีต่อเขาอยากให้เขาทำกับผมแบบเมื่อวันนั้นมันเปี่ยมล้มอยู่ แต่ผมน่ะปากแข็งครับจนเขาหันหน้าจะออกจากห้องน้ำนั้นแหละผมจึงอนุญาต แล้วก็เสต็ปเดิมคือเราจูบกันแทบเป็นแทบตาย อารมณ์ของผมเองก็พุ่งพล่านอยากให้เขาช่วยผมปลดปล่อยอีก แต่มันดึกแล้ว เขาฝึกทั้งวันมันเหนื่อย ผมอยากให้เขาพักผ่อน จึงแค่ให้เขาจูบผมอย่างเดียวจนผมไล่เขาไปนอนแล้วก็ช่วยตัวเอง
“เหี้ย”ผมสบถออกมาเพราะอารมณ์มันไม่เหมือนวันนั้น เลยได้แค่ช่วยตัวเองแบบเซ็งๆ เฮ้อ รู้งี้ขอเห็นแก่ตัวให้เขาช่วยก็ดี ความรู้สึกระหว่างผมกับเขามันเพิ่มขึ้นทุกวันแต่ไม่มีใครพูดไม่มีใครแสดงออก เขาวางตัวได้ดีต่อหน้าเขาจะไม่ทำตัวประเจิดประเจ้อตีสนิท ยืนตรงคุยกับผมพูดจาฉะฉานให้ความเคารพจนผมวางใจว่าเขาคงจะไม่ทำให้ข่าวด้านลบเผยแพร่ออกไป
แม้กระทั่งเรียกเขามาช่วยงานที่จะต้องนำเสนอผู้ใหญ่เขาก็วางตัวได้ดี งานเป็นงาน ทำจริงจังไม่มีเล่น รีบแก้ไขทำจนผมพอใจ ต่อหน้าคนอื่นผมกับเขาเราไม่เคยแสดงออกว่าเราเป็นคนสำคัญของกันและกัน แต่พออยู่เงียบๆกัน ๒ คนเหมือนวันนั้น ผมเป็นคนเริ่มเอง ผมจูบเขาก่อนแต่เพียงชั่วครูให้หัวใจพอเอิบอิ่มก็พอไม่ต้องการมากกว่านี้เพราะผู้คนข้างนอกไม่รู้ว่าจะเข้ามาเมื่อไหร่
แล้ววันหนึ่งก็เกิดเรื่องราวที่ไม่สมควรจะเกิดขึ้นมา เสียงอึกทึกโหวกเหวกโวยวายอลหม่านอลวนเกิดขึ้น ผมวิ่งออกจากห้องด้วยชุดครึ่งท่อนที่ยังไม่ได้เปลี่ยน สิ่งที่ผมประสบนั่นก็คือสายตาอันน่าเกรงขามของเขาและพละกำลังที่เขาได้ใช้มัน ความพินาศขนาดย่อมๆเกิดขึ้น ผมเข้าไปตะคอกถามเขา ใจหนึ่งก็กลัวว่าเขาจะทำร้ายกลับแต่อีกใจก็กล้า เขาเดินมาหาผม ผมต่อยหน้าเขาด้วยความแค้น ความผิดหวัง ความช้ำใจที่มีต่อเขา จนเขาพูดความจริงออกมา ทำให้ผมอยากจะเข้าไปขอโทษที่ผมตบหน้า แต่ความผิดของเขาก็ยังเป็นความผิด เขาทำร้ายร่างกายผู้บังคับบัญชา ผมไม่เตะต่อยเขาแต่ลงโทษเขาที่สนามฟุตบอลทั้งคืน
เปียกฝน หนาวสั่นผมก็ยังยืนอยู่ตรงนั้น ผมลงโทษเขาไปด้วยอบรมเขาไปด้วยจนไฟบนโรงนอนเปิดขึ้นมาอีกครั้งและเห็นว่ามันสมควรผมจึงปล่อยไปอาบน้ำ วันนั้นทั้งวันผมโดนผู้ใหญ่เรียกเข้าไปสอบถามและโดนด่ามามากมาย ส่วนเจ้าตัวเมื่อผู้ใหญ่เข้ามาถามก็ตอบฉะฉาน ไม่มีใครกล้าทำเขาเพราะเขาพร้อมที่จะเอาคืนในเมื่อเขาไม่ผิด แล้วผู้พันก็เข้ามาไต่ถามอีกครั้ง ผมหนักใจอย่างมากแต่เมื่อได้รับรายงานว่า ทั้ง ๓ คนนั้นเมาด้วยทุกอย่างจึงผ่านไปโดยที่ บอมบ์ก็ต้องรับผิดและ ๓ คนนั้นก็ต้องรับผิดเช่นเดียวกัน
ตลอดสัปดาห์ผมไม่ได้คุยกับเขา ให้เพื่อนเขาดูแล ผมดูแลอยู่ห่างๆเพราะผมกำลังสับสน ผมควรจะก้าวต่อไปข้างหน้าหรือหยุดอยู่เพียงเท่านี้ วันเสาร์เขาไปทำงานโยธา ผมขับมอไซด์ผ่านเขาแสร้งว่าออกไปซื้อของแต่อยากรู้ว่าเขาทำอะไร จนมาถึงวันอาทิตย์วันที่เขาควรจะมีความสุขกับญาติ เขาต้องไปทำงานเพื่อรับผิด ช่วงบ่ายของวันนั้นผมเห็นหญิงสูงวัยคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับหญิงวัยกลางคน สีหน้าของทั้งคู่ยิ้มแย้มแจ่มใส
“สวัสดีค่ะ มาเยี่ยมลูกค่ะ”ผู้หญิงสูงวัยยกมือไหว้สีหน้ายิ้มแย้ม
“ลูกชายชื่ออะไรครับยาย”ครูนายสิบที่ทำหน้าที่เป็นประชาสัมพันธ์เอ่ยถาม
“ขีปนาวุธค่ะ เอ๊ ใช่หรือเปล่าแม่ภา แม่จำชื่อสับสน”ผู้หญิงสูงวัยหันไปปรึกษาลูกตนเอง
“ใช่ค่ะ ชื่อขีปนาวุธ อุดมลักษณ์ค่ะ ชื่อเล่นชื่อบอมบ์”ผู้หญิงวัยกลางคนบอกกับนายสิบที่รับหน้าที่คนนั้นไป
“ผู้หมวดครับ”นายสิบคนนั้นหันมาทำสีหน้าอึกอักกับผม ผมจึงต้องรับหน้าที่ไป
“เชิญญาติของทหารทางนี้ครับ” ผมผายมือไปที่ส่วนข้างหนึ่งเงียบๆ จากนั้นก็เล่าให้ฟังว่าบอมบ์ถูกผู้พันสั่งงดเยี่ยมญาติเนื่องจากทำความผิด ผมพยายามจะเล่าว่าเขาผิดเรื่องอื่นแต่ผู้หญิงสูงวัยก็ถามมาตรงประเด็น
“บอมบ์มันต่อยใครค่ะผู้หมวด”
“เอ่อ ไม่ใช่เรื่องชกต่อยครับ การฝึกของเขาเนี่ยออกมาไม่ค่อยจะดี ทางเราเลยสั่งงดเป็นการลงโทษ”
“เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ ฉันรู้จักลูกของฉันดี เขาต้องมีเรืองแน่นอน เล่ามาเถอะค่ะผู้หมวด ฉันยอมรับได้ทุกอย่าง”ผมจึงยอมเล่าเรื่องให้ฟังอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ไม่ได้เล่าทั้งหมดเอาแบบย่อๆไม่โดยไม่โยนความผิดไปให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแต่เพียงผู้เดียว
“แล้วผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ดูแลลูกของคุณแม่ได้ไม่เต็มที่”ผมยกมือไหว้
“ค่ะๆ ลูกแม่ก็ผิดด้วยแหละค่ะ ถ้างดเยี่ยมงั้นเดี๋ยวแม่ฝากของไว้ให้ด้วยแล้วกัน”คุณแม่ของบอมบ์ยื่นของมาให้ ผมเห็นแล้วก็ใจอ่อน ถ้าเป็นผมโดนงดเยี่ยมแบบนี้ผมคงทรมานน่าดู ผมจึงตัดสินใจแอบขัดคำสั่งผู้พันจะพาคุณแม่ของบอมบ์ไปเยี่ยมเขา
“จะดีเหรอคะผู้หมวด แม่ว่าไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะ ถ้าเกิดใครเขาจับได้เนี่ยผู้หมวดจะเป็นคนเสียหายนะ แม่เสียหายน่ะไม่เท่าไหร่ แม่เป็นคนนอกเขาจำแม่ไม่ได้ แต่ผู้หมวดเป็นเจ้าคนนายคนแล้วอยู่ข้างใน เรือล่มในหนองทองจะไปไหน”คุณแม่ของบอมบ์เตือน
“แล้วคุณแม่ไม่อยากเจอบอมบ์เหรอครับ”
“อยากเจอค่ะ แต่ทำไงได้คะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมรับหน้าแทนให้ถ้าผมโดนด่า”ผมยืดอกขึ้นมาทันที จากนั้นแม่ของบอมบ์ก็ตกลงผมจึงพาซ้อนมอไซด์ไปยังที่บอมบ์ถูกทำโทษให้ทำโยธา
ความชื่นฉ่ำหัวใจเพิ่มขึ้นเมื่อเห็นแม่กับลูกคุยกัน แล้วยิ่งตอนที่บอมบ์กราบแทบเท้าแม่ของเขาผมแทบน้ำตาร่วง ได้แต่มองไปด้วยความยินดี ผมหายโกรธเขาแล้วและผมคิดว่าผมสานสัมพันธ์ต่อกับเขา จะออกมาในรูปแบบพี่น้อง เพื่อนกันผมก็ยอม ขอแค่ได้อยู่ใกล้ๆเขาก็เป็นพอ (กูเพ้อ)
“ขอบคุณครับ”หลังจากที่แม่เขากับพี่สะใภ้(เพิ่งมารู้ทีหลัง ครั้งแรกคิดว่าเป็นแม่มากับยาย)ของเขากลับไป ผมก็ยื่นของที่แม่เขาเอามาฝากไว้กับผม เขายืนตรงยิ้มขอบคุณผมแล้วเอาข้าวของขึ้นไปเก็บข้างบน ตกเย็นก็ปล่อยให้ทหารใหม่ออกกำลังกายเล่นกีฬาตามใจชอบโดยกำชับให้ผู้ช่วยครูกับครูนายสิบดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันการหลบหนีของทหารใหม่
ตอนกลางคืนผมเอาหนังมาให้พวกเขาดูคลายเครียด วันหยุดพักผ่อนอยากให้ทุกคนมีสีหน้าที่ยิ้มแย้มเต็มที่เปิดตลกให้ดู ตบท้ายด้วยการเปิดเพลงแดนซ์ให้เต้นกัน
“เรียบร้อยดีไหม”ผมถามผู้ช่วยครูยามค่ำคืนหลังจากที่เดินตรวจโรงนอนครบทุกซอกทุกซอย
“เรียบร้อยดีครับ”
“อื้ม ดูดีๆละ”ผมกล่าวทิ้งท้ายก่อนจะไปหยิบอุปกรณ์ลงไปอาบน้ำ
แกร๊ก ปิดล็อกกลอนได้วางตะกร้าสบู่ลง หันมามองคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้า เขายิ้มตาหยีจนเห็นฟัน ผมเองก็ยิ้ม
“ขอบคุณมากครับ”เขาพูดเสียงเบามาก ผมพยักหน้าแล้วก็กอดเขา ผมไม่รู้หรอกว่าคนอื่นจะมองผมยังไง แต่สำหรับผมคำว่าพรมแดนไม่มีต่อเขาและหวังว่าเขาก็คงไม่มีพรมแดนกับผม
“ผู้หมวดคนเดิมของผมกลับมาแล้ว”เขาพูดก่อนที่ริมฝีปากเราจะแนบชิดติดกัน จากนั้นก็จูบกันจนพอใจผมจึงให้เขาขึ้นไปพักผ่อน ส่วนผมก็อาบน้ำทั้งที่อารมณ์ยังค้างๆคาๆ เฮ้อ ราตรีสวัสดิ์