ตอนพิเศษ เมื่อลูกชายผมโต
“แบร่”
“เฮ้ย เหี้ย”
ผมสะดุ้งตกใจเมื่อมีใครสักคนเข้ามาตะครุบรวบกอดผมอย่างไม่ทันตั้งตัว
“เหี้ยที่ไหนอ่ะพ่อ นี่ลูกพ่อนะ”เจ้าซ่าพูดไปขำไป
“แกล้งพ่อนะซ่า ระวังขี้กลากกินหัว”เสียงของเจ้าแสบดังไล่หลังมา
“เพิ่งมาถึงกันเหรอไง”
“ครับ อ้าว พ่อไม่ได้ยินเสียงรถเหรอ”เจ้าซ่ายังกอดผมอยู่ ลูกชายนี่ตัวโตเกือบเท่าผมแล้วนะครับ
“ไม่ได้ยิน”
“เหรอพ่อ พ่อหอมแก้มซ่าหน่อยดิ”
“เฮอะ คิดว่าน่าหอมมากรึไง หน้าตาไม่หล่อเท่าพ่อแล้วยังอ้อนให้หอมแก้มอีก”
“พ่อหลงตัวเองอ่ะ”ดูลูกผมครับ “ไม่หอมซ่า งั้นซ่าหอมแก้มพ่อก็ได้ ฟอด คุณย่าไปไหนอ่ะพ่อ”
“ไปวัด วันนี้วันพระ”
“อ๋อ ไปหมดบ้านเลยสิ ทิ้งพ่อให้อยู่คนเดียว”
“อือ พ่อว่าจะไปเหมือนกัน ถ้าไม่มีไอ้ลูกหมาโทรมาบอกก่อนว่าจะมา”
“ฮ่าๆๆ”
“เออ ลืมสวัสดีพ่อ พ่อสวัสดีครับ”เจ้าซ่าคุกเข่าลงแล้วไหว้ลงที่ตักผม ผมนั่งเก้าอี้อยู่นะ เจ้าแสบตอนนี้เอาของไปเก็บครับ
“ขยับไปเลยซ่า ข้าจะกอดพ่อบ้าง”เจ้าแสบเอาตีนเขี่ยๆ “พ่อสวัสดีครับ”เจ้าแสบคุกเข่ากราบที่อกผมแล้วกอด
“พอๆ โตเป็นควายแล้วยังกอดกันเหมือนเด็กๆ”ลูกๆมาขอกอดแบบนี้ก็เขินๆเหมือนกันนะครับ เด็กๆมันติดอ้อน ตั้งแต่เล็กๆแล้ว จนตอนนี้เรียนปี ๒ แล้วยังติดอ้อนเหมือนเดิม
“พ่ออ่ะ ก็ไม่ได้กอดทุกวันซะหน่อย นี่เดือนละครั้งนะพ่อ ชาลียังไม่เลิกเรียนเหรอพ่อ”เจ้าแสบตัดพ้อผมนิดหน่อยก่อนจะถามหาน้อง
“ยัง นี่เพิ่งจะบ่าย ๓ กว่าๆ กว่าน้องจะมาถึงบ้านก็นู้น ๖ โมงเย็นอ่ะ จะไปเล่นไปทำอะไรก็ไปทำไป พ่อขอทำงานแปบนึง”
“พ่อได้พักบ้างป่ะ โทรมาก็ทำแต่งาน แสบมาถึงก็ยังทำงานอีก”
“เออ พวกเอ็งก็ช่างหาจังหวะถูกเนอะ ก็พักบ้างสิวะ คนนะไม่ใช่เครื่องจักร เดี๋ยวก็เสร็จแล้วละ”ผมทำงานต่อ ลูกๆแยกย้ายกันไปตามประสา ตอนนี้ลูกชายอายุ ๒๐ แล้วครับ เรียนปี ๒ แล้ว มหาวิทยาลัยในกรุงเทพครับ ช่วงนี้เป็นวันหยุดเขาจึงกลับบ้านกันครับ ปกติก็กลับกันเดือนละครั้ง นั่งเครื่องบินมา แต่หยุดหลายวันแบบนี้จะขับรถมากัน ๒ พี่น้อง ชาลีปีนี้เรียนชั้นม.๖ แล้ว เรียนโรงเรียนในตัวเมือง ผมให้ขับรถไปเรียนเองเพราะชาลีมีใบขับขี่รถยนต์ ทีแรกจะหาบ้านเช่าในตัวเมืองให้อยู่ จะได้ไม่ต้องเหนื่อยกับการขับรถ แต่เขาไม่ยอมครับ จากบ้านผมไปตัวเมืองก็ถือว่าไกลอยู่นะครับ เกือบๆ ๖๐ กิโลเมตร ถ้าอยู่ในตัวเมือง จะหาบ้านให้ใกล้ๆ ขับมอไซด์ไปแปบเดียว แต่ลูกไม่ยอม ผมก็ต้องยอมเขาครับ
ลูกชายทั้ง ๓ คน บวกกับลูกชายบ้านใกล้ เจ้าตะวัน โตแล้วหน้าตาผิวพรรณดีทั้งพี่ทั้งน้อง เจ้าแฝดขาวได้แม่เขาครับ หน้าตาหล่อเหลาเอาการส่วนใหญ่จะได้ทางแม่มาเยอะ แต่หน้าเจ้าแสบเจ้าซ่าไม่ได้หวานเหมือนแม่เขานะ คือโครงหน้าทางฝ่ายแม่เขาดีไง เลยได้มาเฉพาะที่ดีๆ แต่ความสูงนี่เอาจากผมไปหมด ตอนนี้น่าจะ ๑๘๙ ได้มั้ง ยืนใกล้กันนี่แยกไม่ออกแล้วคนไหนพ่อคนไหนลูก สูงใกล้กัน แต่ผมหน้าแก่กว่าเท่านั้นเอง
ส่วนชาลีนี่ได้ทางพ่อมาเยอะ ไม่อยากพูดถึงอดีตนะครับ แต่พ่อชาลีมันก็หล่อของมันอยู่นะ ระดับนายแบบ บิวก็สวย แล้วลูกมีเหรอมันจะไม่หน้าตาดี ได้ข่าวว่าชาลีทั้งหนุ่มทั้งสาวรุมชอบเยอะทีเดียว นอกจาก ๓ หนุ่มแล้วยังมีหนุ่มหล่อบ้านใกล้ เจ้าตะวันครับ ตอนนี้เรียนม.๔ แล้ว กำลังโต ฟางบ่นปวดหัวกับเจ้าตะวันมาก ก็ตามประสาเด็กหนุ่มวัยรุ่นกำลังโตอ่ะนะ มีซน มีเฟี้ยว นิสัยนี่นักเลงได้พ่อมันครับ แต่ตะวันไม่ใช่คนหาเรื่องใครก่อนนะ ส่วนใหญ่จะมีคนมาหาเรื่องก่อน แล้วก็ตามไปเตะไปกระทืบเขา อย่าว่าแต่ตะวันเลยครับ ชาลีนี่ไม่เบาเหมือนกัน ๒ คนนี้จะไปโรงเรียนด้วยกันครับ พูดถึงตะวัน ตะวันก็มีน้องเหมือนกันนะครับ มีน้อง ๓ คน ชาย ๒ หญิงอีก ๑ ผู้หญิงนี่ลูกคนสุดท้องขึ้นม.๑ คนรองเรียนม.๓ และคนกลางเรียนม.๒ มีลูกติดๆกัน โตพร้อมกัน ไอ้ภูมิไอ้ภีมก็มีลูกแล้วครับ โตแล้วด้วยซนมาก นี่ยังไม่ปิดเทอมใหญ่ เพราะปิดเทอมใหญ่เด็กๆต้องมาอยู่ที่บ้านคุณย่าหรือคุณทวด หลานชายจะโดนไล่ให้ไปบวชภาคฤดูร้อนกับหลวงพ่อ ส่วนหลานสาวจะอยู่บ้านครับ คิดดูสิครับว่าหลานกี่คนเหลนกี่คน ผักกาด น้องของผักหวาน หลานพี่นิด ตอนนี้ ๒๖ แล้ว เพิ่งแต่งงาน เมียกำลังท้อง ถ้าคลอดออกมานี่เป็นลื่อ ครบวงศาคณาญาติเลยครับ ลูก หลาน เหลน ลื่อ
แม่ผมเองก็แก่แล้ว ๙๔ แล้วครับ ยังเดินไปไหนมาไหนได้ปกตินะครับ แต่จะช้าหน่อยตามธรรมดาของคนแก่ วันนี้แม่ผมกับลูกชายลูกสะใภ้ไปถือศีลวันพระที่วัดครับ ปกติถ้าผมว่างผมจะไปด้วยนะ แต่วันนี้เจ้าลูกชายโทรมาบอกเมื่อเย็นวานว่าจะกลับบ้าน ผมจึงไม่ได้ไปกับเขา หลวงพ่อที่วัดก็ยังอยู่นะครับ ตอนนี้ ๑๑๔ ปีแล้ว ยังเดินได้ปกติ กวาดลานวัด สวดมนต์ได้ ผมแปลกใจมากที่หลวงพ่อไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก ขนาดว่าแก่มากแล้วนะครับ เหมือนที่มหามันบอกว่าคนที่สมาธิดีอะไรๆก็เป็นไปได้ทุกอย่าง
มาอยู่บ้านแล้วผมทำอะไร ช่วงนี้ก็มีกิจการเป็นของตัวเอง ผมทำเกี่ยวกับการเกษตร ปลูกผัก ปลูกข้าว ทำไร่นาสวนผสม มีผลิตภัณฑ์เป็นของตัวเองครับส่งขายเป็นล่ำเป็นสัน นอกจากทำนาแล้วผมก็เล่นหุ้นไปด้วย หึหึ กลัวไม่รวยอ่ะครับ หลักๆก็แค่นี้ครับ ลูกๆไม่ลำบากหรอกครับ
ผ่านไปพักใหญ่ผมตรวจเช็คงานเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงลงไปด้านล่าง เจ้าแสบเจ้าซ่าเดินสำรวจบ้านทำนั่นทำนี่ไปเรื่อยเปื่อย ช่วงนี้เทศกาลวันออกพรรษาครับ วันนี้วันออกพรรษาเป็นวันพระด้วย แม่ผมจึงพาลูกชายลูกสะใภ้ไปเข้าวัดทำบุญ นี่เย็นนี้ก็จะมีการทำบุญตามประเพณีท้องถิ่นอ่ะครับ
“พ่อกินไหม”เจ้าแสบถามระหว่างที่ตัวเองกำลังเฉพาะมะพร้าวด้วยความถนัด
“เฉาะให้พ่อลูกหนึ่งดิ”เจ้าแสบก็จัดการหยิบมะพร้าวมา เอามีดสับฉับๆ แปบเดียวก็ได้กินแล้วครับ
๕ โมงเย็นรถยนต์มาจอดที่หน้าบ้านพร้อมกับลูกชายคนเล็ก ชาลี ตะวัน และน้องๆอีก ๓ คนครับ
“พ่อบอมบ์สวัสดีครับ/ค่ะ”
“พ่อแสบพี่ซ่า สวัสดี”
“สวัสดี กินมะพร้าวป่าว”เจ้าแสบรับไหว้และถามน้องๆ
“พี่แสบหอมแก้มหน่อยดิ พี่ซ่าด้วย”เจ้าชาลีวางกระเป๋าลงแล้วไปจับแถวๆต้นคอพี่ชายตัวเองหอมแก้มคนละที อย่าได้แปลกใจกับลูกชายบ้านนี้ เขาทำแบบนี้กันตั้งแต่เด็กๆแล้ว เขารักใคร่กลมเกลียวกันดี เท่าที่ถามๆมา ลูกผมไม่ได้เป็นเกย์นะครับ ถ้าเขาเป็นก็คงบอกผมสักวัน แต่ผมก็บอกเขาไว้แล้วล่ะ จะเป็นเกย์ เป็นอะไรก็ตาม ให้บอกผม ผมไม่ว่าอะไร เปิดเสรีทุกอย่างครับ “พ่อ ชาลีปลาหมึกมาฝาก”เจ้าชาลีโชว์หมึกสดถุงใหญ่
“ซื้อมาฝาก หรือซื้อมาเพราะอยากกิน หืม”
“ฮ่าๆๆ พ่อชอบรู้ทัน วันนี้ชาลีอย่ากินหมึกย่าง เออ พี่แสบพี่ซ่า เราทำบาร์บีคิวกินกันไหม”
“จัดไปเลยพี่ เอาหมูกี่โลดี”เจ้าตะวันเอาด้วยครับ น้องของตะวันนี่ชื่ออาทิตย์ ธันว์ และน้องอัญ ๓ คนหลังนี่ตอนนี้นั่งบนเก้าอี้ทรงเตี้ยรอพี่ๆเฉาะมะพร้าวให้ครับ เวลาเห็นของกินนี่จะเงียบกริ๊บ แต่คนพี่นี่ ไอ้ซันเรียกว่าตัวแหกปาก ฮ่าๆๆ
“ทำหมูกระทะกินเลยป่ะละ”เจ้าซ่าเสนออีก
“เพิ่งกินไปเมื่อวันก่อนนะพี่ วันนี้ทำบาร์บีคิวกัน เนอะพ่อบอมบ์ วันนี้ทำบาร์บีคิว พรุ่งนี้ทำขนมจีนและส้มตำ”เจ้าตะวันหาแนวร่วม
“ที่พูดๆกันมาเนี่ยใครเป็นคนทำ”ผมไล่มองลูกๆทั้งหมด
“ก็พ่อบอมบ์ไง”ชาลีมองมาที่ผม
“อ้าว เกี่ยวอะไรกับพ่อ จะหลอกใช้ไง”
“ก็พ่อทำกับข้าวอร่อย แต่แสบจะหมักหมูเอง พรุ่งนี้พ่อก็ทำน้ำยาขนมจีนไง”
“ทำกันเอง โชว์ฝีมือให้ย่าได้กินด้วยละกัน รีบไปเปลี่ยนชุดไป”สภาพแต่ละคนนะ เจ้าชาลีนี่คุณชายหน่อยครับ การแต่งกายจะเป๊ะมาก เสื้อไม่ค่อยยับ แต่เจ้าตะวัน เหมือนไปบุกป่าฝ่าดงมา เสื้อยับ ปล่อยลอยชาย อาทิตย์ก็เฮี้ยวไม่ต่างจากพี่ ธันว์เพิ่งจะม.๒ ยังไม่ออกลาย เงียบๆ เรียบร้อย แนวคุณชายหน่อยๆเหมือนชาลี ส่วนน้องอัญคนนี้จะแนวเจ้าหญิง พี่ๆหวงมาก เพิ่งจะม.๑ แต่หน้าตาน่ารัก ผิวขาวผ่องสมกับเป็นลูกฟางละครับ แม่เขาสวยยังไง ลูกก็ได้มาทั้งหมด
“ตะวันไม่เปลี่ยนได้ไหมพ่อบอมบ์”
“ก็แล้วแต่สิ พ่อแค่แนะนำ จะทำไม่ทำก็ตามใจ”
“พ่ออ่ะ ไปเปลี่ยนก็ได้ ไปอาทิตย์ มัวแต่กินอยู่นั่นแหละ เอามานี่กินด้วย”
“ไม่ทันแล้วพี่ตะวัน กินหมดแล้ว”อาทิตย์คว่ำลูกมะพร้าวลง เนื้อยังอยู่แต่น้ำหมด
“ไรวะ กินไม่แบ่งพี่แบ่งน้องเลยนะเอ็ง”
“ดูๆ ยังจะแย่งน้องอีกเรา ไปเปลี่ยนชุดแล้วมาเฉาะกินเอง”
“คร้าบบบบบบบบบบบบบบ หอมแก้มพ่อบอมบ์ก่อน”มันทำหน้าทะเล้นแล้วเดินมาหอมแก้มผม กับพ่อมันนี่มันเขิน แต่กับผมนี่ ตกลงว่าใครเป็นพ่อตัวจริงกันแน่วะ
เด็กๆไปเปลี่ยนชุดแล้วจากนั้นทุกคนก็ช่วยกันคนละไม้คนละมือ คนนี้หั่นหมู หั่นหมึก คนนี้หั่นพริก หั่นสับปะรด อีกคนก็ไปหาไม้เสียบลูกชิ้น ส่วนน้องสาวคนเล็กนั่งทำการบ้านที่บ้านครับ เราหมักหมูแช่ตู้เย็นเอาไว้ จากนั้นก็มีการทำบุญในช่วงเย็น พวกเราหนุ่มสาว แหม จะพูดก็พูดได้ไม่เต็มปากเพราะตอนนี้ผม ๔๗ แล้ว ไม่ใช่คนหนุ่มเหมือนเดิมแล้ว เราไปทำบุญที่วัดกันครับ ไปถึงวัด แสบ ซ่า ชาลี และลูกหลานไปนั่งห้อมล้อมหลวงตา ไปบีบไปนวดหลวงตาเล่านู้นเล่านี้ให้ฟัง อยู่ต่อหน้าหลวงตานี่เรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ แต่พอกลับมาที่บ้านเหมือนผ้าม่านปลิวจากหน้าต่าง เฮี้ยวมาก
คุณกับหลวงตาเสร็จแล้วก็มาอ้อนย่าต่อ อ้อนพ่อเบิ้ล พ่อนิด พ่อน้อย อ้อนทุกคนครับ อ้อนจนอิ่ม ค่ำๆมีสวดมนต์กับฟังเทศน์ พอเสร็จแล้วเราจึงกลับบ้านกัน ตอนนี้ก็ ๓ ทุ่มแล้ว มาถึงจัดการปิ้งย่างหมู่ไก่ที่เสียบไม้เอาไว้แล้ว
ผม ไอ้ซัน ฟาง แสบ ซ่า ชาลี ตะวัน อาทิตย์ ธันว์ น้องอัญ นั่งล้อมวงกันทำบาร์บีคิว
“ตะวันมีการบ้านไหม”ฟางถามลูกชายคนโต
“ไม่มีครับแม่ ทำเสร็จตั้งแต่รอพี่ชาลีเลิกเรียนแล้ว”
“อืม”
“แม่อาบน้ำแล้วเหรอ อือ เพิ่งคิดออก แม่ สัปดาห์หน้าจะมีกีฬาสีนะแม่ ครูให้พาผู้ปกครองไปด้วย แม่อยากไปไหม แต่ตะวันว่าแม่ไม่ต้องไปก็ได้นะ เหนื่อยด้วย ร้อนด้วย เดี๋ยวฝนตกอีก”
“คิดแทนแม่ไปหมด ทำไมจะไม่ไป ไปดูอาทิตย์แข่งตะกร้อ”ฟางตอบลูกชาย
“พ่อ ชาลีเตะบอล พ่อไปดูนะ”
“สัปดาห์หน้าพ่อต้องเอาของไปส่งลูกค้า”
“ไม่เอา ถ้าพ่อไม่ไป ชาลีไม่เตะล่ะ”
“อ้าว ทำไมวะ”ไอ้ซันทำหน้างงๆ
“ก็พ่อไม่ไปไงพี่ซัน พี่ซันก็ไปด้วยนะ ไปหมดอ่ะ พี่ฟางด้วย คุณย่าด้วย พ่อเบิ้ล พ่อน้อย พ่อนิด แม่ภา แม่พร แม่ป่าน ย่าไพ”
“โห จะให้เหมารถบัสไปเลยรึไงถ้าจะพาไปทั้งตระกูลแบบนี้”
“ฮ่าๆๆๆ ไม่รู้ละ ไปเยอะๆ งานนี้มีกีฬาผู้ปกครองด้วย พ่อบอมบ์ไปเตะบอลด้วยนะ พี่ซันด้วย”
“จะไหวไหมอา”ไอ้ซันทำสีหน้ากังวล
“พ่อเพิ่งจะ๔๐กว่าๆ เองนะ ทำไมจะไม่ไหว ถ้าพ่อไปตะวันจะเป็นแด๊นเซอร์เชียร์พ่อ ฮ่าๆๆๆ”
“เฮอะ ชอบหาเรื่องให้พ่อขายขี้หน้าจริง อ้าว ไอ้ทิตย์ ได้ของกินนี่เงียบเลยนะเอ็ง”ไอ้ซันตบไหล่ลูกชาย
“ก็พ่อไม่ยอมกินนี่ เนี่ย ปิ้งให้ตั้งเยอะไม่ยอมกินกัน”
“หึหึ”
เราครึกครื้นกันในวงบาร์บีคิว นั่งคุยเล่นเรื่องทั่วไป ตะวันถึงจะแสบแค่ไหนก็ตามแต่ไม่กล้าอะไรกับพ่อแม่มาก เคยมีนะที่แบบลูกๆสนิทกับพ่อแม่มาก คือ เป็นแบบเพื่อน ทีนี้คุยๆไปเกินลิมิตไง พี่เบิ้ลเรียกไปอบรมทั้งบ้านเลยครับ ไม้เรียวคนละทีแล้วอบรมในห้องเงียบ ๑ ชั่วโมง จริงๆผมไม่ค่อยอะไรกับลูกมากนะ คุยเฮฮา แต่ทีนี้พี่เบิ้ลในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่เน้นเรื่องสัมมาคารวะไง พี่เบิ้ลไม่ชอบ ดุลูกไม่พอ ดุผมด้วยครับ ฮ่าๆๆ ผมก็ฟังนะ พยายามไม่สร้างทิฐิระหว่างพี่ระหว่างน้องหรอก พี่แนะนำอะไรนั่งเพราะว่าพี่เขาคิดมาดีแล้ว ถ้าเราคิดว่าเราเจ๊งใครแตะไม่ได้ เดี๋ยวมันจะเจ๊ง ต่อมาลูกๆก็โอเค รู้ขอบเขต เราคุยกันแค่ไหน เล่นได้แค่ไหน ลงท้ายทำพูดคำจา ผู้หลักผู้ใหญ่ แล้วปลูกฝังความเป็นลูกผู้ชายให้ลูกๆ ให้เขารับผิดชอบครับ
“พ่ออิ่มแล้วเหรอครับ”
“อืม กินแค่นี้แหละ กินเยอะเดี๋ยวไม่ย่อย ตอนเย็นๆแบบนี้เขาไม่ให้กินพวกแบบนี้เยอะๆนะ มันจะมีไขมันสะสม”
“วันนี้วันเดียวนะพ่อ พรุ่งนี้แสบก็ตื่นแต่เช้าไปวิ่งแล้ว เผาผลาญไขมัน”ลูกชายผมเขาหุ่นดีกันนะ ตอนนี้ก็ล่ำสมสวนกับความเป็นหนุ่มของเขา อาจจะยังไม่ก้ามปู แต่ดูล่ำพอดี อวยลูกหน่อยนะ อย่าเพิ่งเบะปาก อะไรดีเราก็ชม อะไรไม่ดีเราติกันครับ ว่ากันไปตรงไปตรงมา ลูกผมอาจจะไม่ใช่เด็กดีเป๊ะมากมาย ก็ตามนิสัยพ่อมัน พ่อเคยทำยังไงมา เชื้อพ่อมันก็แรง แต่โดยรวมก็โอเค เรื่องเดือดเนื้อร้อนใจเขาไม่ค่อยมีครับ
ลูกๆยังคงนั่งกินกันต่อ ส่วนผู้ใหญ่อย่างผมมานั่งกินข้าวกับน้ำพริกและบาร์บีคิวอีกนิดหน่อย กินเนื้ออย่างเดียวเดี๋ยวไม่ย่อยครับ ตะกี้ก็กินไปไม่ถึง ๕ ไม้ กินอิ่มแล้วมานั่งดูลูกๆนั่งกินนั่งคุยกัน
กินอิ่มเก็บของไปล้างเรียบร้อย ฝีมือเด็กๆช่วยกันครับ จากนั้นเหลือทั้งหมดก็มานั่งล้อมวงกับผม รบเร้าให้ผมเล่าเรื่องเก่าๆให้ฟังครับ ไม่รู้ว่าเป็นอะไรทั้งๆที่รูปถ่ายผมถ่ายไว้เยอะแยะนะ แต่เด็กๆชอบให้ผมเล่าให้ฟัง แล้วก็ชอบถามว่า จริงเหรอพ่อ ผมเล่าพอสมควรจึงไล่ให้ไปอาบน้ำนอน
ตอนเช้าไปวัด ไปรับแม่มาจากวัดครับ คุณย่ามาถึงบ้านเจ้าแสบเจ้าซ่าก็อ้อนคุณย่าใหญ่เลยครับ เล่านู้นเล่านี่ให้ฟัง จนเขาพอใจ แล้วพากันพี่น้องไปที่นา หายไปชั่วโมงหนึ่ง เจ้าซ่าแบกกระสอบอะไรมาไม่รู้
“เอาอะไรมา”
“ข้าวครับพ่อ อยากกินข้าวเม่า”
“อ้าว แล้วก็ไม่มีบอกเลยนะ”
“แฮะๆ ก็ไปถึงเห็นข้าวกำลังสวยอ่ะพ่อ ซ่าก็เลยคิดขึ้นมาได้”
“อ่ะๆ เอาไปจัดการกัน”จากนั้นลูกชายจึงจัดการเอาข้าวเปลือกซึ่งยังไม่เหลืองนะครับ ยังเขียวๆแต่เม็ดแข็งแล้ว เอาไปฟาดให้ข้าวหลุดออก จากนั้นเอาข้าวเปลือกไปคั่วครับให้ข้าวเปลือกพอแตก แล้วนำมาใส่ครกไม้ตำ เจ้าซ่าเป็นคนคั่วข้าว เจ้าแสบ ชาลี ตะวัน เป็นคนตำ ใช้สากยาวๆ ๒ อัน ช่วยกันตำ อาทิตย์ไปเก็บมะพร้าวแก่ๆมาเตรียมไว้ เมื่อตำจนเปลือกข้าวแยกออกจากข้าวแล้ว และข้าวมันแบนก็ตักใส่กระด้ง ไม่มีใครฟัดเป็นครับ ต้องพี่นก แม่ผมก็แก่แล้วไม่มีแรงแล้วครับ
“ได้ยังลูก มาๆ ตักใส่”ชาลีตักข้าวเม่าที่แบนๆแล้วใส่กระด้ง จากนั้นก็เอาข้าวเปลือกกระทะใหม่ใส่ลงครก ช่วยกันตำ ๓ ชั่วโมงจึงเสร็จอ่ะครับ
“ย่าไม่ทานเหรอ”
“ย่าเคี้ยวไม่ไหวแล้วลูก”
“ย่าใส่ฟันปลอมไง”
“หือ คนแก่แล้ว มันเหนียวด้วย เอาน้ำมาแช่ให้มันแฉะๆหน่อยสิ”หลานๆก็จัดการให้ย่าไปครับ แม่กินนิดเดียวถ้วยเล็กๆ ตอนนี้พี่เบิ้ลขูดมะพร้าวจากนั้นจึงผสม ใส่น้ำตาลนิดหน่อย เพิ่มความหอมด้วยน้ำมะพร้าว จากนั้นก็แย่งกันโซ้ยให้สมกับความเหนื่อย เอาไปแบ่งคนข้างบ้านเล็กๆน้อยๆ
ลูกชายกลับบ้านหลายวันผมก็มีความสุขดี พอถึงเวลาที่เขากลับไปเรียนแล้ว เหลือแค่ไอ้ขี้ดื้อคนเล็กคนเดียว ปีนี้ลูกชายเข้ากรุงเทพ ๒ คนไปแล้ว ปีหน้าก็คงจะเป็นเจ้าชาลีคนเล็ก ผมคงเหงากว่าเดิมมั้ง
ลูกโตขึ้น เราก็แก่ตัวลง บางทีเทคโนโลยีก็ไม่สามารถเติมเต็มความอบอุ่นได้อย่างเต็มที่เหมือนกับที่ลูกของเรากลับมาหาเรา แต่เทคโนโลยีก็ช่วยให้ช่องว่างระหว่างครอบครัวไม่ห่างจนเกินไป
อย่าลืมโทรหาคนที่บ้านนะครับ