ตอนที่ ๗๖ ชมไพร
“ไปฝึกด้วยกันไหมพี่เบิ้ล”
“จะสู้พี่ไหวเหรอ ถึงพี่แก่แล้วดูถูกพี่ไม่ได้นะ”พี่เบิ้ลพูดแล้วขำเบาๆ
“ก็เผื่อพี่จะลืมไง ไปเป็นกำลังใจให้น้องหน่อย”
“อืม เดี๋ยวพี่จะแอบๆไปหาแล้วกัน แล้วนี่จะกลับกี่โมง ผู้กองไม่ว่ารึไง”
“อีกแปบไม่ได้เหรอ ข้าวยังไม่ย่อยเลย”
“รีบไปพักผ่อนไง พรุ่งนี้ต้องออกแต่เช้าไปใช่เหรอ”
“อืม รำคาญแล้วใช่ป่ะ กอดพี่นิดก็ได้”ผมคลายอ้อมกอดจากพี่เบิ้ลไปนั่งแซะกับพี่นิด ที่คุยกันนี่คือวันนี้ผู้กองให้พวกเราออกมาซื้อของกันครับ ให้ลาครึ่งวัน ตั้งแต่บ่ายโมง กลับก่อน ๖ โมง แต่สำหรับผมผู้กองไม่ได้กำหนดเวลาว่าต้องกลับกี่โมง แต่พรุ่งนี้ตอนออกฝึกต้องเจอหน้าผม ผมเลยแวะเข้ามาหาพี่เบิ้ล พอดีกับที่พี่น้อยเข้ามาคุยงานกับพี่เบิ้ลเลยมีโอกาสไอ้อ้อนพี่ชายทั้ง ๒ คน ฮ่าๆๆ จะ ๓๐ แล้วก็ยังอ้อนเหมือนเด็กๆเลยครับ
“ลูกแหง่ก็แบบนี้แหละ ไม่รู้จักโต”พี่นิดโอบไหล่ผมแล้วลูบหัวเกรียน พี่นิดนี่ผมหงอกเต็มหัวแล้วครับ นี่เพิ่งจะ ๕๘ ย่าง ๕๙ เองนะครับ ผมนี่ไปแล้ว หงอกขาวโพลนเต็มหัว แต่ใบหน้าพี่นิดดูอ่อนกว่าอายุครับ คงเป็นเพราะว่าดูแลสุขภาพมั้ง เหล้ายาปลาปิ้งพี่ๆผมก็ไม่ค่อยได้แตะยกเว้นว่าจะเป็นงานสังสรรค์กันจริงๆ หรือมีงานสำคัญๆที่ควรจะกินพี่แกก็จะกิน
“พี่เบิ้ลจะแวะไปจริงป่ะ วันไหนบอกก่อนด้วยนะ”
“หึหึ เรื่องอะไรจะบอก เดี๋ยวไปเซอร์ไพรส์ ภูมิ แกเอาอาของแกไปกล่อมให้นอนหน่อยไป”พี่เบิ้ลตอบผมแล้วหันไปคุยกับไอ้ภูมิที่เพิ่งจะกลับเข้าบ้าน
“โห นี่มันคนอายุ ๒๗ หรือเด็ก ๑๐ ขวบเนี่ย น้องแสบน้องซ่าอ้อนนี่ยังพอไหว คนแก่อ้อนนี่ไม่ไหวนะอา”ไอ้ภูมิมันว่าผม
“ถุย ภูมิ วันก่อนให้อ้อนอาให้นอนกอดวะ”
“ฮ่าๆๆๆ แม่ ภูมิหิวข้าว แม่มีอะไรเหลือไหม เศษไข่เจียวก้นถ้วยก็ยังดี”ไอ้ภูมิพูดเสียงดัง
“อ้าว แม่ก็คิดว่าแกหาอะไรกินมาก่อนหน้าแล้ว ไม่มีอะไรเหลือแล้วล่ะ อาบอมบ์ซัดเรียบ”
“วันนี้พี่ภาทำต้มยำเว้ยภูมิ อยากบอกว่าน้ำข้นมาก กุ้งตัวโตๆนะ หมึกก็กรอบกำลังดีเลย มีเห็ดฟางลอยตุ๊บป่อง กลิ่นหอมชวนกินเชียว”ผมพูดอวดไอ้ภูมิ
“แม่ ต้มยำหมดจริงอ่ะแม่ โหย ลูกชายหิวนะแม่ แม่ทำใหม่ได้ป่ะ”ไอ้ภูมิลูบท้องเลยครับ
“หึหึ ดูๆไปนี่มันก็ลูกแหง่ดีๆนี่เอง”พี่เบิ้ลขำ
“ไปดูในตู้เอา แม่เก็บไว้ให้”พี่ภาลงมาจากด้านบน “นี่ถ้าแม่ไม่ตักแบ่งไว้ให้วันนี้ก็คงจะอดนะสิ ทีหลังจะกินข้าวในบ้านหรือนอกบ้านก็โทรมาบอกแม่หน่อย เอานมไหมบอมบ์ พี่จะชงให้ เห็นขวดนมน้องแสบถูกลืมอยู่ชั้นบนแน่ะ”
“ฮ่าๆๆ โดนรุมเลย ไม่เอาดีกว่า แค่นี้พี่เบิ้ลก็ว่าผมเป็นลูกแหง่ไปหลายครั้งแล้ว”
“นี่ฝึกเสร็จพี่จะไปรับแม่กับน้องมานะบอมบ์ ทนคิดถึงไม่ไหว”
“แม่จะไปรับน้องมาเหรอ วันไหนแม่ พรุ่งนี้เลยไหม ภูมิไม่มีเวร”ไอ้ภูมิตะโกนมาจากในครัว
“สัปดาห์หน้า จะกินก็กินไปก่อนแล้วค่อยมาคุย แม่บอกนี่ไม่เคยจำเลย”พี่ภาหันไปเอ็ดไอ้ภูมิ แล้วมันก็เงียบ
“เออ พาหลานมาอยู่นี่สักเดือนก็ดีนะ จะได้พาแม่ไปเที่ยวหน่อย พี่ก็ไม่ค่อยได้กลับบ้าน เฮ้อ คิดถึงหลังควายถึกนะเบิ้ล แต่ก่อนนะ พวกพี่จะพากันไปเลี้ยงควายกัน มีควายอยู่ ๓๐ กว่าตัว เวลาไปเลี้ยงควายก็ขี่กันคนละตัวไปช่วยพ่อเลี้ยง ควายหายไปครึ่งฝูงก็ตอนพี่เข้ามาเรียนนายร้อย ไม่ขายควายก็ไม่มีเงินเรียน กว่าจะเรียนจบเป็นนายทหาร ขายควายไปไม่รู้กี่ตัว”
“หมดควายไปเป็นร้อยตัวแน่เลย”ผมล้มตัวลงนอนหนุนตักพี่นิด
“ฮ่าๆๆๆ ๓ คนนี่เนอะ แล้วนี่กว่าจะโต หมดข้าวไปกี่ยุ้งแล้วเนี่ย”พี่นิดลูบหัวผม รู้สึกเหมือนเป็นเด็กเลยครับ พ่อแม่เลี้ยงผมกว่าจะโตก็หมดไปเยอะเหมือนกันครับ ก็ผมมันลูกคนสุดท้ายนี่ครับ อยากมีอยากได้อะไรนี่ไม่ต้องเรียกร้องเป็นครั้งที่ ๒ ครั้งที่ ๓ พูดปั๊บได้ปั๊บ มันเลยเป็นนิสัยที่ไม่ค่อยดีอย่างหนึ่ง โตมาก็ค่อยๆปรับปรุงตัวเองครับ ใจเย็นลงมาก (เป็นบางเรื่องนะ)
นอนหนุนตักคุยกับพี่นิด พี่เบิ้ลพักใหญ่ครับจนเวลาใกล้จะ ๓ ทุ่ม ผมจึงอิดออดลุกขึ้นแต่งเนื้อแต่งตัวให้เรียบร้อย ต้องกลับกองร้อยแล้วล่ะครับ คืนนี้ยังไงก็ต้องนอนกองร้อย ผู้หมวด ผู้กองก็นอนที่กองร้อยครับ เพราะวันรุ่งขึ้นเราต้องเดินทางแต่เช้า ผมกอดพี่เบิ้ล พี่นิด พี่ภา คนละทีแล้วเรียกไอ้ภูมิมากอด ครอบครัวอบอุ่นก็แบบนี้แหละครับ ฮ่าๆๆ
“ภูมิ มาหอมแก้มหน่อย”ผมเรียกไอ้ภูมิที่กำลังยืนมองทีวี
“โหยอา ผู้ชายที่ไหนหอมแก้มกัน จะกลับก็กลับดิ”
“นับ๑”
“อาจะเบี่ยงเบนก็เบี่ยงเบนคนเดียวสิ”
“นับ ๒”
“จะไปอาบน้ำนอนแล้วอา”
“นับ ๓ จะมาไม่มา”ผมกอดอกมองหน้าเข้ม
“เล่นเป็นเด็กไปได้ อ่ะๆ”มันยอมเดินมาแต่โดยดี ถามว่าผมหอมแก้มมันไหม ไม่หรอกครับ เรียกมันมาให้ขับรถไปส่งแค่นั้นเอง “อ้าว ไหนว่าจะหอมแก้ม”
“อาล้อเล่น ขับรถไปส่งหน่อยดิ”
“หึหึ คิดถึงน้องว่ะอา เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปรับมาดีกว่า”
“จะทำอะไรปรึกษาย่าหน่อยสิ ก็รู้อยู่ย่าไม่ค่อยอยากจะทิ้งบ้านมานานๆ”
“ก็คิดถึงน้องนี่หว่า กำลังน่ารักเลย คิดแล้วอยากมีลูก ถ้าผมแต่งงานนะจะมีลูกสักโหลหนึ่ง”
“โห ถ้าเมียแกขยันท้องขนาดนั้นนะ เชื่อเหอะ พอไปทำคลอดนะ กูไม่เอาแล้ว กูไม่ท้องอีกแล้ว”
“เหมือนเคยไปคลอดเองนะอา ร้องซะเหมือนเชียว”
“เคยไปส่งคนท้องไปโรงพยาบาลเว้ย แม่ง ร้องตลอดทาง ไม่ไหวแล้ว กูไม่ท้องอีกแล้ว ใครจะท้องก็ท้องไป กูไม่อยากมีแล้วลูกผัว โอ๊ย โอ๊ย พอปีถัดมานะ ท้องอีกซะงั้น ฮ่าๆๆๆ”
“ฮ่าๆๆ จริงๆผมอยากมีลูกสัก ๓ คนนะ ชาย ๒ หญิง ๑”
“หาเมียได้ยัง”
“ก็กำลังหยอดๆจีบๆอยู่นะอา”
“ใครวะ มีรูปป่ะ เผื่อรู้จัก”
“อานี่รู้จักเขาไปทั่วเลยนะ”
“ฮ่าๆๆ ก็คนมันกว้างขวางนี่หว่า ไหนคนไหน คนนี้เหรอ”ระหว่างที่ถามไอ้ภูมิมันก็ส่งมือถือของมันโชว์รูปหญิงสาวคนหนึ่ง ผมมองแล้วตกใจเลยครับ
“ภูมิ ถ้าอาบอกว่าให้ห่างๆผู้หญิงคนนี้จะเชื่ออาไหม”
“หือ ทำไมล่ะ”ไอ้ภูมิหันมามองทำหน้าตกใจ
“คืออาก็ไม่ได้อยากจะใส่ร้ายป้ายความใครนะ แต่อาเคยสัมผัสกับผู้หญิงคนนี้มาแล้ว พอรู้ตื้นลึกหนาบางมาบ้าง”
“เหรออา แต่ทำไมดูเขาดีจังเลย ก็เห็นน่ารักดีนี่อา”
“อืม ภายนอกอาจจะเป็นเช่นนั้น แต่อาสัมผัสมาพอสมควรแล้ว หรืออยากลองก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ แต่อย่าหาว่าอาไม่เตือนทีหลัง”
“จริงเหรออา”ไอ้ภูมิทำหน้าลังเล
“กูล้อมึงเล่น ฮ่าๆๆๆ ดูทำหน้าเข้าสิ เฮ้ย คนนี้น่ารักจริงว่ะ เหมือนเคยเจอที่ไหนสักที่ คุ้นๆนะภูมิ อาจีบได้ป่ะ”
“โหย ไอ้เราก็คิดเป็นตุเป็นตะ คิดจะจีบแข่งหลานเนี่ยไม่ห่วงสวัสดิภาพของตัวเองเลยนะ อยากเจอตีนหนักๆของไอ้บูมไง”
“หึหึ มึงอย่าไปพูดถึงเขาดิ ขยาดเลยนะเว้ย”
“ฮ่าๆๆ คนกลัวเมียก็งี้”
“ถุย สักวันเหอะภูมิ คำนี้มันสนองมึง เก่งนักว่าแต่คนอื่นกลัวเมียอย่างนั้นอย่างนี้ พอมีเมียนี่แทบจะนั่งพับเพียบฟังคำเมีย”
“แหม่ อา เป็นทหารทั้งทีกลัวเมียนี่เสียความเป็นลูกผู้ชายนะ”
“หึหึ กูไม่เชื่อหรอกภูมิ กูเห็นมากับตา พ่อมึงอ่ะ ต่อหน้าลูกน้องนี่เสียงดัง ดุดัน พอกลับมาบ้านนะ แม่ วันนี้ทำอะไรกินดี แม่ซักผ้าให้พ่อยัง ฮ่าๆๆ เสียงนี่คนละโทน”
“จะฟ้องพ่อว่าอานินทาพ่อ”
“อะไรของแก เอามาเล่าสู่กันฟัง เชื่อเหอะ ผู้หญิงน่ะเอาชนะยากว่ะ อารมณ์ซับซ้อน อารมณ์เป็นหลัก เหตุผลเป็นรอง ไม่พอใจนี่ฟาดงวงฟาดงา กว่าจะง้อให้หายงอน”
“ลากขึ้นเตียงซะหมดเรื่อง”
“เออว่ะ ฮ่าๆๆ อาเคยทำเว้ย แฟนเก่าแม่งบ่นเรื่องเสื้อมั้ง ซื้อให้เป็นของขวัญแล้วไม่ถูกใจ บ่นงุ้งงิ้งๆ งอนเป็นอาทิตย์ พอพาทำกายบริหารเท่านั้นแหละ อารมณ์สดใส ตกลงคืองอนเรื่องเสื้อหรืองอนเรื่องนี้ก็ไม่รู้ ฮ่าๆๆๆ”
“พูดแล้วเปรี้ยวปากเลยนะอา แล้วไอ้บูมเคยมีงอนมีอะไรบ้างไหม”
“รายนั้นไม่มีงอน โกรธอย่างเดียว โกรธแล้วต้องออกกำลัง เตะไม่ยั้ง”
“สมน้ำหน้า เล่นกับใครไม่เล่น”
“เป็นปี่เป็นขลุ่ยเชียวนะมึง”
“ฮ่าๆๆๆ”ไอ้ภูมิหัวเราะร่วนเลยครับ
มาถึงกองร้อย ๓ ทุ่มครึ่งพอดีเลยครับ ผมมารายงานตัวกับสิบเวรจากนั้นก็เคาะห้องหมวดบูมเข้าไปกระแซะกับพี่แกสักหน่อย
“เพิ่งจะมาเอาป่านนี้เนี่ยนะ”หมวดบูมนอนเล่นมือถืออยู่บนเตียง พอเจอหน้าพี่แกก็ต่อว่า
“ดีแค่ไหนที่ไม่มาพรุ่งนี้เช้า”ผมขึ้นคร่อมทับตัวพี่แกไว้
“หนักนะบอมบ์ ขอร้อง ลงเหอะ”
“อะไรกัน หนักที่ไหน แค่ ๘๕ เองนะที่รัก”
“ไอ้ยักษ์หน้ามึนเอ๊ย หนักจริง”หมวดบูมพยายามพลักผมลงแต่ผมเกร็งตัวไว้
“อ้อนก่อนดิ”
“อ้อนตีนไง นับ ๑ นับ ๒ นะอุ๊บ”ผมก้มลงประกบจูบปากหมวดบูมอย่างรวดเร็ว ทีแรกพี่แกจะผลักหน้าผมออกแต่ไปๆมาๆลิ้นกลับพันกันซะงั้น จูบแบบนี้แล้วอารมณ์ขึ้นเลยครับ
“ปากหวานจริง”ผมต้องรีบหยุดไม่งั้นเดี๋ยวควบคุมอารมณ์ไม่ได้
“ไปนอนเหอะ อันตรายว่ะ อยู่ใกล้กันทีไรนี่เหมือนไฟ”
“ฮ่าๆๆ ก็ยังวัยรุ่นไง ไฟมันเลยแรงไปนิดหนึ่ง นอนดีๆนะ อย่าดิ้นจนตกเตียงแล้วกัน”
“ไม่มีอ่ะ ระดับนี้แล้ว”
“ให้มันจริงเหอะ ไอ้คราวไปเที่ยวทะเลที่แล้ว ตัวเองไม่ตกแต่ถีบผมซะกลิ้งเชียว ไปละ จุ๊บ”หอมแก้มทีหนึ่งแล้วก็ออกจากห้องไปทายากันยุงนอน พวกหมอนมุ้งนี่ผมพับเก็บยัดใส่เป้ไว้นะครับไม่มีหมอนมุ้งสำรอง