ดีแล้วทูนหัวมีผัวเป็นทหาร ปีสองของสองคน ๒๐๐๑๒๕๖๓ ตอนที่๑๔/๒ หน้า๑๓๒
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ดีแล้วทูนหัวมีผัวเป็นทหาร ปีสองของสองคน ๒๐๐๑๒๕๖๓ ตอนที่๑๔/๒ หน้า๑๓๒  (อ่าน 1219482 ครั้ง)

ออฟไลน์ NooNaM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :katai4: บิวคือใคร แล้วตอนพิเศษบูมก๊ไม่ค่อยมีบทเลย แม่บิวคือไผผผผผ

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
แสบ....สมชื่อ น่าร้ากกกก

ออฟไลน์ hormonesyj

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 721
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-3
รักเด็กๆจังเลยยยย
บิวคือใคร  :ling2:

ออฟไลน์ AGELA

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 675
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1109/-0
ตอนที่ ๗๗ คนข้างกาย

“เฮ้ยทหาร มาช่วยเก็บข้าวของก่อน ใครที่ยังว่างๆอยู่มาช่วยกันก่อน”

“แยกส่วนไว้นะ ส่วนไหนจะไปคืนที่ไหน เอานี่เครื่องครัวของกองร้อย”

“อู๊ดๆ ขึ้นไปแก้เชือกให้จ่าหน่อยซิ”

“ไอ้กุ๊ก ไอ้ห่า โยนเบาๆสิวะ โยนแบบนี้ข้าวของก็พังพอดี”

“อีหนู ไหนลังเมื่อกี้เอาไปไหนแล้ว”

“เฮ้ยทหาร ไปเรียกเพื่อนมาอีกสัก ๕ คนซิ”

เสียงดังจากหน้ากองร้อยที่ต่างคนต่างสั่ง ตางคนต่างช่วยเหลือเจอจานซึ่งกันและกัน กลับมาถึงกองพันก็บ่าย ๓ แล้ว จากนั้นเอาปืนไปคืนเอาของไป ยังไม่ได้ทำอะไรเลยครับ เราก็มาช่วยกันเก็บข้าวของอุปกรณ์ที่ออกฝึก

เราจัดการเคลียร์ของกันอยู่ ๓ วันเหมือนที่เคยทำครับ จากนั้นก็ปล่อยให้ลาพักผ่อนจัดลำดับล็อก ใครได้ล็อกลาล็อกแรกก็ดีใจกันไป ส่วนใหญ่จะเป็นรุ่นพี่ รุ่นน้องก็ต้องรอล็อกที่ ๒ ส่วนผมผู้กองไม่ถามครับ อยากจะไปก็ไป อยากกลับวันไหนก็บอก แต่ผมก็ไม่ได้เอารัดเอาเปรียบใครหรอกครับ แค่ขอลาล็อกแรก ซึ่งได้คนละ ๑๕ วันเท่ากัน ผมคงเอาแค่นี้ ตอนเย็นผมเลยรีบแต่งเนื้อแต่งตัวแล้วลากลับบ้าน

“เฮ้ย ไอ้ตัวเล็กมาเมื่อไหร่อ่ะ”ไปถึงบ้านพี่เบิ้ลผมตกใจเลยครับเพราะลูกชายตัวดีของผมนั่งเล่นของเล่นหน้าสลอนอยู่ที่ห้องรับแขก โดยมีไอ้ภีมเป็นคนชวนเล่น เจ้าตัวเล็กเจอหน้าผมก็กระดี๊กระด๊า

“อ๊า”เจ้าแสบโยนลูกบอลใส่ผมแล้วรีบลุกขึ้นมาตบไม้ตบมือวิ่งมาหาผม

“หูย มาเมื่อไหร่อ่ะ มาให้พ่อหอมแก้มหน่อย”ผมคว้าเจ้า ๒ ลิงมากอดรัดฟัดเหวี่ยงหอมแก้มกะเอาให้ช้ำเลยทีเดียว

“บำๆ”ยังบำๆเหมือนเดิมเลยครับ ตอนนี้ลูกผม ๑ ขวบแล้ว เพิ่งจะผ่านไปไม่กี่วันนี่เอง เสียดายไม่ได้จัดงานวันเกิดให้

“คิดถึงอ่ะ คิดถึงพ่อไหม”ผมมองหน้าลูก เจ้าแสบวิ่งไปหาไอ้ภีมที่นั่งพิงกับโซฟา บนตัวโซฟามันไม่นั่งนะครับ มันนั่งกับพื้นแล้วพิง “อ้าว ไม่คิดถึงกันเหรอ”

“ฮ่าๆๆ โดนลูกเมินซะแล้ว”ไอ้ภีมมันหัวเราะเสียงดัง

“บี”เจ้าซ่าตบไม้ตบมือแล้วเดินไปไต่ไอ้ภีม ส่วนไอ้พี่ชายตัวดีก็หยอกน้องงุ้งงิ้ง หัวเราะถูกอกถูกใจเชียว

“แม่ สวัสดีครับ”ผมเดินไปที่ครัวเพราะได้กลิ่นหอมๆของกับข้าว ว้าว แกงขี้เหล็ก นานๆได้กินที แกงขี้เหล็กนี่ใส่ปลาแห้งหรือไม่ก็หมูแดดเดียวมันจะอร่อย เพราะปลาหรือหมูมันจะออกเค็มๆ ที่จริงใส่อะไรก็อร่อยนะครับ มันอยู่ที่ฝีมือ

“อืม เป็นไงบ้างลูก เหนื่อยไหมไปฝึกคราวนี้”

“สนุกดีแม่ ไม่ค่อยหนักมาก แล้วนี่ไม่มีใครอยู่บ้านเลยเหรอแม่”

“พี่ภากับพี่เบิ้ลของแกไปงานอะไรสักอย่างนี่แหละ แม่จำไม่ได้ ดูอ้วนขึ้นไปไหมลูก”แม่มองผมตั้งแต่หัวยันปลายเท้าเลยทีเดียว

“เหรอแม่ ยังไม่ได้ชั่งเลย คราวทีแล้วชั่งไปหนัก ๘๐ กว่าๆ ตอนนี้ไม่รู้เหลือสักเท่าไหร่ อ้วนจริงเหรอแม่ บอมบ์ว่าเนื้อแน่นขึ้นมั้ง”

“อื้ม แม่ก็ไม่รู้สิ เห็นตัวใหญ่ขึ้นกว่าเดิมแม่ก็ว่าอ้วนแหละ ไปเปลี่ยนชุดเชิ๊ดให้เรียบร้อยไป หรือจะอาบน้ำอาบท่าเลยก็ได้”

“อาบมาแล้วแม่ งั้นเดี๋ยวบอมบ์ไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ ภีม มีเสื้อให้ยืมใส่ไหม”

“เข้าไปในห้องไอ้ภูมิอ่ะอา เสื้อผ้าอาอยู่ในตู้มันไม่ใช่เหรอ”

“เออๆ แล้วนี่ไอ้ภูมิยังไม่กลับมาเหรอ”

“ยัง พาแฟนไปกินข้าวมั้ง กลับดึกๆนู้นแหละ”

ผมขึ้นไปเปลี่ยนชุดที่ห้องไอ้ภูมิ หยิบเสื้อผ้ามาใส่ เสื้อยืด กางเกงขาสั้น แล้วลงมาด้านล่าง มาดูลูกแปบนึงแล้วไปช่วยแม่ทำกับข้าว ลูกไม่ต้องเป็นห่วงอะไรมาก มีพี่ชายแสนรักคอยดูแลอยู่แล้ว พอถึงเวลากินข้าวเราก็มาตั้งโต๊ะ เจ้า ๒ ลิงนี่มาป่วนผมทันทีเลยครับ ผมจะกินข้าวก็ร้องขอกินกับผมด้วย ผมเลยต้องป้อน ไม่น่าเชื่อว่าลูกจะกินแกงขี้เหล็กเป็นครับ

“ลูกกินได้เหรอแม่”

“อือ ให้กินเถอะ อยู่บ้านแม่ทำอะไรกินก็กินตามแม่ นี่ยังกินน้ำพริกไม่ได้ ถ้ากินได้นี่กับข้าวไม่เหลือแน่นอน”

“ชอบฝีมือย่าทำกับข้าวอ่ะ ภีมอยากกลับไปอยู่ที่ต่างจังหวัดเลยนะเนี่ย”ไอ้ภีมชมฝีมือทำกับข้าวแม่ผม ไอ้ภีมไอ้ภูมิ ๒ พี่น้องมันกินได้ทุกอย่าง จิ้งหรีด ตั๊กแตน ปลาร้าปลาจ่อม มันกินหมดครับถึงแม้ชีวิตส่วนใหญ่มันจะโตมากลับเมืองหลวงก็ตามที ที่มันกินอาหารพวกนี้เป็น เพราะตั้งแต่มันเด็กเล็กๆ พี่เบิ้ลชอบเอาลูกไปให้แม่ผมเลี้ยงช่วงปิดเทอมครับ ไม่เฉพาะพี่เบิ้ล พี่น้อยพี่นิดก็เอาลูกๆไปให้แม่ผมเลี้ยงช่วงปิดเทอม ตอนนั้นบ้านผมครึกครื้นมาก พอเขาเปิดเทอมผมก็เหงาครับ เพราะทุกคนต้องมาเรียนที่กรุงเทพ พี่เบิ้ลเคยจะพาผมมาเรียนที่กรุงเทพนะ แต่ผมติดพ่อกับแม่มากกว่าครับ เลยเรียนที่บ้าน แต่ญาติๆเราไม่ค่อยห่างกันหรอกครับ จะมีปฏิสัมพันธ์กันตลอด กินนอนด้วยกัน พ่อแม่ผมนี่ขี้คร้านจะเลี้ยงลูกๆหลานๆเลยครับ มันเจี๊ยวจ๊าวจริงๆ

กินข้าวอิ่มแล้วผมเก็บกวาดแล้วก็มานั่งหยอกกับลูก คุยกับแม่ไปด้วยครับเล่าเรื่องไปฝึกในป่า ส่วนไอ้ภีมก็นั่งดูทีวีไป หยอกน้องไป บางทีก็หันมาคุยกับผม จนเวลา ๓ ทุ่ม เจ้าแสบเจ้าซ่าดูท่าจะไม่ไหวแล้วผมจึงอุ้มไปเช็ดเนื้อเช็ดตัวอีกครั้งหนึ่ง ไม่ได้อาบน้ำให้เพราะแม่บอกว่าอาบน้ำให้ลูกผมตั้งแต่ ๖ โมงเย็นแล้ว ผมอุ้มลูกเข้าไปในห้องนอน เทนมใส่ขวดให้ลูกแล้วก็ไปหยิบนิทานมาอ่านให้ฟัง ผมอ่านไปเรื่อยๆ เอารูปให้ลูกดูบ้าง คุยไปบ้าง ลูกผมก็ไม่ยอมหลับซักที จนนมหมดขวดและนิทานจบพอดี พอนิทานจบเท่านั้นแหละครับ เจ้าตัวเล็กเอาขวดนมออกจากปากแล้วก็หลับไปทันที เออ เก่งจริงลูกกู

ผมต้องตื่นแต่เช้าเพราะเจ้าลูกชายขึ้นมาปีนป่ายที่ตัวผม ตื่นก่อนผมซะอีก ผมจะนอนต่อก็ไม่ไหวเจ้าลูกชายไม่ยอมเลยต้องลุกขึ้นมานั่งหยอกล้อแล้วก็ผลัดเปลี่ยนผ้าอ้อม จนเวลา ๖ โมงพาไปอาบน้ำ ตอนอาบน้ำนี่อาบน้ำอุ่นให้ครับ ถึงแม้จะอยู่ในช่วงหน้าร้อนก็ตามแต่ไว้ใจกับฟ้าฝนไม่ได้หรอก อาบน้ำอาบท่าให้ลูกเสร็จผมก็อุ้มออกนอกบ้าน วันนี้จะพาลูกไปเดินเล่นครับ

“จะพาลูกไปไหนแต่เช้าอ่ะลูก”แม่ผมถาม

“พาไปสวนสาธารณะอ่ะแม่”

“อือ อย่ากลับมาสายแล้วกัน จะได้กินข้าวกินปลา”

“ตัวเล็กรีบตื่นจัง จะไปไหนเหรอ”ไอ้ภูมิลงมาจากห้องของตัวเอง

“บู”เจ้าซ่าชี้นิ้วไปที่ไอ้ภูมิ

“พาไปเดินเล่นน่ะ ไปด้วยกันไหม”

“ไม่ทันแล้วละอา ฮึ่บ ย่าให้ภูมิช่วยอะไรไหม”

“ไม่ต้องหรอกลูก ไปอาบน้ำอาบท่าไป จะได้รีบไปทำงาน”แม่ผมตื่นแต่เช้ามาก็เข้าครัวเลยครับ แต่ไม่ได้ทำคนเดียวนะ มีพี่ภาคอยมาช่วยครับ ผมอุ้มเจ้าตัวเล็กไปที่ลานจอดรถ แล้วเดินเอาคาร์ชีทมาติดตั้งที่เบาะหลัง จับเจ้าตัวเล็กนั่งแล้วรัดเข็มขัด ดีนะที่ลูกไม่งอแงไม่ค่อยดิ้น ขับรถประมาณ ๓๐ นาทีก็มาถึงสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง หาที่จอดรถได้แล้วก็อุ้มลูกพาไปเดินเล่น

ตอนเช้าๆแบบนี้มีผู้คนหลากหลายมาวิ่งออกกำลังกายกันครับ ตั้งแต่เด็กหนุ่มวัยรุ่นจนถึงคนแก่หัวหงอกหัวดำเลยทีเดียว เสียงนกเสียงกาดังแว่วมาบวกกับอากาศที่สบายๆ ทำให้รู้สึกสดชื่นมาก เจ้าตัวเล็กพอผมวางลงกับพื้นดินนี่ร่าเริงกันเชียวครับ วิ่งตบไม้ตบมืออย่างมีความสุข ผมเลยเก็บโอกาสเล็กๆถ่ายรูปเจ้าลูกชายแล้วก็พาเดินเล่น ชี้นกชี้ไม้พาดูนู้นนี่ตลอด ไม่รู้ว่าลูกถามอะไรบ้างแต่ก็พูดให้ลูกฟังว่ามันเป็นแบบนั้นแบบนี้ แล้วเจ้าตัวดีก็เหมือนจะรู้เรื่องด้วยครับ

“หิวข้าวยัง”ผมถามเจ้าตัวเล็กที่นั่งยองๆอยู่ริมคูน้ำ

“อือ”อือแต่ส่ายหน้านี่นะ

“ไม่หิวเหรอ”

“อ๊า”แล้วก็ไม่สนใจผมครับ พากันลุกขึ้นแล้วไปวิ่งเล่น ผมก็เดินตามแบบใกล้ชิด บางทีก็จับตัวไม่ทันบ้างเพราะจับคนพี่ แต่คนน้องก็แผล็วไปนู้นแล้ว วุ่นวายกันพอสมควรครับ แต่สนุกดี ผมชอบที่ลูกซน ถึงจะเหนื่อยก็ตามทีเถอะ แต่เขาว่าเด็กซนคือเด็กฉลาด

เราเดินเล่นกันจนแดดเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ ผมรู้สึกหิวข้าวแล้วล่ะสิเพราะตอนนี้มันก็ ๗ โมงกว่าๆแล้ว แต่ลูกผมยังร่าเริงบันเทองใจวิ่งเล่นแบบไม่มีเหน็ดมีเหนื่อย ผมนี่เหงื่อชุ่มหลังแล้วครับ

“แสบ ซ่า พอก่อนได้แล้วไหมลูก ไปกินข้าวก่อน เดี๋ยวคุณย่ารอนานนะ”ผมพูดกับลูกที่กำลังดึงใบไม้เล่น

“บำๆ”

“ครับ ไปกินข้าวก่อนนะ หม่ำๆข้าวก่อน”

“บี”

“อื้ม ป่ะๆ ไปกินข้าวก่อน”

“อา วาๆๆๆ”อะไรของเขาก็ไม่รู้ครับผมคว้าคนพี่ได้แล้วก็คว้าคนน้องขึ้นมาอุ้ม เจ้าตัวเล็กยังซนชี้นกชี้ไม้ไป ผมเองก็อุ้มแล้วพาเดินกลับมาที่รถ


“ตัวเล็กไปเที่ยวไหนมา”พี่ภาถามเจ้าแสบเจ้าซ่า

“หือ บำๆ อ๊า”เจ้าตัวแสบส่งเสียง พี่ภารับไปอุ้มคนหนึ่ง ส่วนอีกคนอยู่กับผม จากนั้นแม่ผมก็เดินมาจากหลังบ้าน

“กว่าจะกลับมานะ แม่โทรหาก็ไม่รับโทรศัพท์อีก มันน่าตีเชียว แสบ ซ่า กินข้าวลูก”แม่เอ็ดผมแล้วหันไปสนใจหลาน จากนั้นก็ป้อนข้าวลูก แม่ป้อนก็ไม่ยอมกิน พี่ภาป้อนก็ไม่ยอม ส่ายหน้าอย่างเดียว มีการเดินมานั่งตักผมแล้วตีที่หน้าอกผม สุดท้ายผมเลยต้องมานั่งป้อนขาวลูก แต่เจ้าตัวเล็กไม่ได้นั่งนิ่งๆนะครับ เดินไปเดินมา พอกลืนข้าวเสร็จแล้วก็เดินมาหาผม

“แสบ ซ่า นั่งนิ่งๆก่อนสิ กินข้าวให้อิ่มก่อนค่อยเล่น”

“อำๆ”ฟังผมบ้างไม่ฟังบ้าง พอนั่งอยู่กับที่ก็จะแย่งช้อนแย่งชาม

“ตัวเล็ก ถ้าไม่นิ่งพอไม่พาไปเที่ยวนะ”ผมพูดขู่ เจ้าตัวดีมองผมหน้าแป๋วเหมือนจะรู้เรื่องแล้วยิ้มให้ผม ลุกขึ้นยืนอ้าปากจะกินข้าว เฮ้อ เหนื่อยจริงครับ เลี้ยงลูกนี่ไม่ใช่เรื่องง่าย “ทำไมลูกซนแบบนี้อะแม่”หลังจากป้อนข้าวอิ่มแล้วผมมานั่งถามแม่

“แค่นี้ยังน้อยไป แกตอนเด็กๆนี่พ่อแกยังเอาไม่อยู่เลย ซนกว่าลิงอีก”แม่พูด

“อย่าว่าแต่ลิงเลยแม่ ภาว่าฝูงลิงต่างหาก เจ้าฉัตร เจ้าอ้วน เจ้าอั้ม เจ้าโด่ง โอ๊ย คนโตก็พอคนโต คนเล็กนี่ก็วุ่นกันจริง เรียกว่าบ้านแตก”พี่ภาพูด

“จริงเหรอพี่ภา”

“พี่จะโกหกทำไมล่ะ เจ้าภูมิก็ยังเล็กๆเพิ่งจะ ๕ เดือน เจ้าภีมก็ขวบแล้ว บอมบ์กับเจ้าภีมนี่ตัวแสบ ทั้งอาทั้งหลาน ถ้ามารวมตัวกันเมื่อไหร่นะไม่ต้องเรียกว่าบ้านหรอก”

“ถูกของภา ทั้งดื้อทั้งซน บอกให้นั่งก็ไม่อยู่ บอกให้นอนก็ไม่เอา หยอกล้อกันฮาเฮกันไป”

“ฮ่าๆๆ จริงเหรอแม่”

“จริงสิ นี่ถ้ามีโอลิโอ”

“วีดีโอแม่”

“เออ ไอ้นั่นแหละ ลิโอลิเอออะไรของแกนั่นแหละ ถ้ามีนะแม่จะถ่ายไว้มาให้ดูเลยเชียว”นั่งฟังแม่เล่าถึงเรื่องราวตอนเด็กๆ แล้วจินตนาการตามไปด้วย ผมคงจะซนจริงอย่างที่แม่ว่าแหละครับ เพราะลูกผมนี่ก็ซนเอาการอยู่เหมือนกัน

สายๆไม่มีอะไรทำ ผมเลยชวนแม่กับพี่ภาไปเดินห้าง แม่ผมก็ใส่ผ้าถุงกับเสื้อแขนสั้นตามสไตล์คนแก่นะครับ ผมเคยสั่งตัดชุดดีๆให้แม่ แต่แม่จะใส่เฉพาะวันไปทำบุญเท่านั้น ไม่ค่อยเอามาใส่อยู่บ้าน ผมตัดไปเยอะนะครับ ชุดไหมทั้งนั้น แต่อยู่บ้านนี่แม่ผมนุ่งผ้าถุงกับเสื้อคอกระเช้า

มาที่ห้างใหญ่ใจกลางเมือง ผมอุ้มเจ้าตัวเล็กทั้ง ๒ ข้าง ไม่กล้าปล่อยลง เดี๋ยวเมื่อยค่อยวางลงแล้วกัน เราเดินกันอยู่พักหนึ่ง พี่พรพี่สะใภ้ของผมก็โทรหาพี่ภาแล้วชวนพี่ภากับแม่ไปไหนไม่รู้ครับ ผมเองด้วยความที่เจ้าตัวเล็กกำลังเพลินกับการดูข้าวของเลยไม่ได้ตามไปด้วย

ผมอุ้มลูกมาที่แผนกของเล่นเด็ก เจ้าตัวเล็กชี้นู้นชี้นี้ไปเรื่อยเลยครับ แต่ดีหน่อยที่ไม่ซนและไม่งอแง คงเห็นว่ามีคนเยอะมั้งเลยไม่กล้างอแงและซนกับผมมากเท่าไหร่ ผมมายืนดูของก็สเต็ปเดิมมีพนักงานมองผมแบบเหยียดๆ แหม ไอ้เราก็หัวเกรียนเพิ่งกลับมาจากการฝึก หน้าดำตัวดำ ล่ำยิ่งกว่ากรรมกรก่อสร้างซะอีก แต่มีบางคนที่ชอบหนุ่มล่ำสไตล์กรรมกรจะมาโฉบเฉี่ยว และก็มีครอบครัวพ่อแม่ลูกอ่อนมายืนซื้อของเลือกของให้ลูก

“ลูกชายหล่อนะครับ กี่ขวบแล้วเอ่ย”คุณพ่อมือใหม่วัยน่าจะเข้า ๔๐ แล้วล่ะกับภรรยาที่อายุมากกว่าผม อุ้มลูกสาววัยน่าจะ ๒ ขวบ คุณพ่อมือใหม่เดินมาทักทาย

“เพิ่งจะ ๑ ขวบได้ไม่กี่วันที่ผ่านมานี่เองครับ มาซื้อของเหรอครับ”

“อื้ม ใช่ครับ มาดูของให้ลูกสาวน่ะ เห็นเขาอยากได้ตุ๊กตา ว่าแต่คุณแม่ไม่ได้มาด้วยเหรอครับ”

“แฮะๆ เราแยกทางกันน่ะ”ผมยิ้มกว้าง ใครจะว่าเมียทิ้งผมก็ไม่อายหรอกครับ โดนเขาทิ้งเพราะทำเขาท้อง

“ขอโทษที่เสียมารยาทนะครับ ว่าไงหนุ่มน้อย มาซื้อของกับคุณพ่อเหรอ”

“บำๆ”เข้าตัวเล็กชี้มาที่ผม ส่วนเจ้าซ่าที่ทำตาใสแจ๋ว

“ตอบคุณลุงสิว่า มาซื้อของเล่นคับ” 

“อั๊บ”เจ้าซ่าพูดได้แค่นี้แล้วก็ยิ้ม ส่วนเจ้าแสบก็พูดอะไรไม่รู้

“ลูกชายหล่อเชียวนะครับ นี่ผมก็ฝันนะว่าอยากจะมีน้องอีกสักคน ครอบครัวจะได้ดูครึกครื้น”

“งั้นก็ปั้มลูกดูสิครับ”

“เฮ้อ ก็คงได้แค่คิดแหละครับ นี่แฟนผมอายุ ๓๘ แล้ว ผมก็ ๔๕ ไปแล้วละ กว่าผมจะมีลูกสาวที่แสนจะน่ารักคนนี้ผมต้องรอมาตั้ง ๑๕ ปี”

“ขนาดนั้นเชียวเหรอครับ”

“ใช่แล้ว ผมกับแฟนเราแต่งงานกันมาปีนี้ก็ปีที่ ๑๖ แล้ว แฟนผมจบปริญญาตรีปั๊บ ผมก็รีบไปสู่ขอแล้วแต่งงาน ๔ ปีแรกเราก็ไม่ได้รีบเร่งจะมีลูกมีเต้านะครับ ก็คิดว่าคุมไว้ก่อนรอทุกอย่างให้มันพร้อม จนเข้าปีที่ ๕ การงานของผมเริ่มลงตัวผมกับแฟนเลยตัดสินใจจะมีลูก แต่เหมือนผมจะไร้น้ำยายังไงไม่รู้ ๑๐ กว่าปีเรียกว่าไม่มีเหตุการณ์อะไรน่าลุ้นเลยแม้แต่นิดเดียว ไปบนก็แล้ว ไปหาหมอหลายโรงบาล ทำหลอดแก้ว ทำกิฟท์ ทำทุกอย่าง แต่ลูกไม่ยอมมาเกิดกับครอบครัวเราสักที จนผมกับแฟนนั่งกอดคอร้องไห้ คิดว่าชาตินี้คงไม่มีลูกแล้วละ จนวันที่เรารอคอยมาถึง นางฟ้าตัวน้อยคงเห็นใจพวกเรามั้งครับ เลยมาอยู่กับเรา ๒ คน จริงไหมครับคนสวยของปะป๊า”

“ค่ะ”ลูกสาวที่อยู่ในอ้อมแขนรับคำแบบไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ ผมเห็นแล้วก็ยิ้มดีใจกับครอบครัวเขาไปด้วยครับ “ปะป๊า ตุ๊กตา”นิ้วน้อยๆชี้ไปที่ตุ๊กตา คนเป็นแม่ก็หยิบมาให้

“ลูกนี่เปรียบเสมือนของขวัญชิ้นวิเศษนะครับ ในใจผมอยากมีลูกชาย แต่แฟนผมก็อายุจะเข้าเลข ๔ แล้ว อะไรต่างๆมันก็เสี่ยงตามไปด้วย”

“ครับ น่าเห็นใจนะครับ ผมนี่เรียกว่าไม่ได้ตั้งใจ ไปทำเขาท้อง แล้วแม่ของลูกผมก็ไม่ยอมบอก มาบอกอีกทีตอนจะหนีไปต่างประเทศซะแล้ว ผมเลยจำใจรับลูกมาเลี้ยง ต้องเรียกว่าจำใจจริงๆครับ แต่พอยิ่งลูกโตนี่ผมเต็มใจ ไปไหนก็มีแต่หน้าลูก”

“ใช่แล้ว ไม่ว่าเราจะทำอะไรอยู่ จะอยู่ที่ไหน จะคิดถึงหน้าลูกเสมอ นี่แหละมั้งท่เขาเรียกว่าหยาดฝนมาชโลมหัวใจ ฮ่าๆๆ”

“แล้วนี่หยาดอะไรหืม หยาดพายุหรือเปล่า อยู่บ้านนี่ซนกับพ่อเชียว”ผมหันมามองหน้าลูก

“อิ๊ บำๆ อ๊า บู”อะไรของเขาก็ไม่รู้ครับ ชี้นิ้วไปตรงนั้นตรงนี้ ผมเริ่มเมื่อยกับการอุ้มลูกเลยวางลง เจ้าตัวดีก็ไม่ซนครับมายืนเกาะขาผมไว้ คงเป็นเพราะว่ากลัวคนอื่นมั้ง แต่อย่าให้อยู่กับคนที่รู้จักเลย วิ่งเล่นแทบจะเหยียบหัวเหยียบหางกันเลยทีเดียว

“เล่นกับน้องไหมลูก”คุณพ่อมือใหม่ถามลูกสาว ลูกสาวพยักหน้า แล้วจากนั้นก็วางลง จากนั้น ๓ คนก็งุ้งงิ้งกันครับ ลูกผมขอดูตุ๊กตา

“ถ้ามีลูกชายอีกสักคนคงจะดีนะคะ”คุณแม่มือใหม่ออกความเห็น

“ลองดูสักตั้งสิครับ เผื่อโอกาสยังมีอยู่”

“ก็พยายามอยู่นะคะ แต่พี่จะเข้าเลข ๔ แล้ว กลัวว่าลูกที่เกิดมาจะไม่สมบูรณ์”

“แฮะๆ ที่จริงแม่ผมท้องผมก็ตอนอายุจะ ๕๐ แล้วมั้งครับ อืม อายุ ๔๘ สิ”

“จริงเหรอคะ ไม่น่าเชื่อ”

“ใช่ครับ ผมมันลูกหลง พี่ของผมตอนนี้อายุ ๕๔ จะเข้า ๕๕ แล้วครับ ห่างกันหลายปี ผมเกิดพร้อมกับลูกชายคนโตของพี่ชายผมแน่ะ”

“ค่ะ ดีจังเลยนะคะที่เกิดมาแล้วแข็งแรง แต่พูดจริงๆนะ พี่อายุเยอะแล้ว พี่เองก็ไม่อยากจะเสี่ยงเท่าไหร่ คิดว่าถ้าปีนี้ไม่มีโอกาสก็คงจะปิดอู่ถาวรล่ะค่ะ”

“ครับ ผมก็อยากจะมีเพิ่มอีกนะ คงจะมันส์น่าดู”

“บำๆ”

“ครับผม ตัวเล็กอยากได้ตุ๊กตาเหรอ จะเอาป่ะล่ะ เดี๋ยวพ่อซื้อให้ ฮ่าๆๆ”ผมแหย่ลูกขำๆ

“อ๊า บำๆ”เข้าซ่าเข้ามาตีที่ขาผมทีหนึ่งแล้วทำท่าจะให้ผมอุ้ม

“มะม๊า น้องเล่นอุลต้าแมน”ลูกสาวตัวเล็กพูดกับแม่ของตัวเอง

“จ๊ะ”

ออฟไลน์ AGELA

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 675
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1109/-0
จากนั้นเราก็เดินคุยกันครับ คุยเรื่องลูกกัน ผมก็เล่าไปบ้างบางส่วนเท่าที่จะเล่าได้ เวลาคุยเรื่องลูกนี่ไอแห่งความสุขมันตลบอบอวลขึ้นมาฟุ้งเลยทีเดียวครับ คุยกันพักใหญ่ก็แยกย้ายกัน เจ้าตัวเล็กเริ่มทำตาเหมือนจะง่วงนอน

“ไหวไหมลูก ง่วงนอนเหรอ”

“บี”

“กลับบ้านไปนอนดีกว่าเนอะ”แล้วผมก็อุ้มเจ้าตัวเล็กเดินออกจากห้าง โดยที่ไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือกลับเลยครับ นั่งแท็กซี่มาถึงบ้านก็เกือบบ่าย ๒ แล้ว แกะนมกล่อมใส่ขวดให้ลูกชายคนละขวด หาที่เหมาะๆ หยิบมือถือมาเปิดนิทานให้ฟัง

“บำๆ”เจ้าซ่าไม่ยอมนอนครับ ลุกขึ้นนั่งแล้วมองหน้าผม หาวทีหนึ่งจากนั้นก็เดินไปหยิบหนังสือมา นิตยสารของพี่ภาครับ แง่ว อยากให้ผมอ่านให้ฟังเหรอนี่

“เอามาทำไมอ่ะ”ผมถามเจ้าลูกชายที่ตาเยิ้มๆเคลิ้มจะหลับ

“บำๆ”เจ้าตัวเล็กโยนหนังสือใส่ตักผมเลยครับ ผมหยิบมาแล้วก็ตบที่ที่นอนด้วยมือข้างหนึ่ง เจ้าซ่าจึงยอมนอนลง ผมหยิบขวดนมให้ จากนั้นก็เปิดหาบทความที่ง่ายๆอ่านให้ลูกชายฟัง แปบเดียวยังไม่ทันจะถึงครึ่งของบทความเจ้าตัวเล็กก็หลับปุ๋ยไปทั้งคู่ ผมนั่งมองลูกอยู่แปบเดียวก็ไปทำนู้นทำนี่ อยู่บ้านท่านไม่นิ่งดูดาย ไม่ปั้นวัวปั้นควายกวาดบ้านล้างจานก็ยังดี ผมทำก๊อกๆแก๊กๆไป จนสักประมาณ ๔ โมง ลูกชายผมตื่น พี่ภากับแม่ พี่พร พี่ป่าน พร้อมทั้งหลานและเหลนก็มาพร้อมหน้าพร้อมตา

ความคึกคักเริ่มต้นขึ้นเมื่อหลายๆคนมาชุมนุมกันที่บ้านของพี่เบิ้ล เด็กๆก็เล่นกันไป เจ้าตัวเล็กของผมดูจะร่าเริงเป็นพิเศษเพราะมีพี่ๆ ที่มีศักดิ์เป็นหลานมาชวนเล่น

“อ้าว”ไอ้ภูมิร้องตกใจเมื่อมันเข้ามาภายในบ้าน

“อะไรภูมิ ตกใจอะไร”

“เปล่า ไม่มีอะไร แฮะๆ”

“อ้าว แล้วนั่นใครอ่ะ”

“สวัสดีค่ะ”

“พี่เบิ้ล ไอ้ภูมิฉุดลูกสาวใครเข้าบ้านก็ไม่รู้อ่ะ”

“เฮ้ยอา ฉุดที่ไหนเล่า เอ่อ ใบบัว นี่อาบอมบ์ น้องชายพ่อพี่ อา นี่ใบบัว แฟนผม”

“ชื่อใบบัวค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะอาบอมบ์”

“โอ๊ย เสียวฟันอ่ะ เรียกอานี่รู้สึกเหมือนอายุ ๕๐ เลย ฮ่าๆๆ ยินดีที่ได้รู้จักครับ พาไปแนะนำพี่เบิ้ลพี่ภาสิภูมิ”

“อ๊า บู บำๆ”เจ้าตัวเล็กวิ่งออกมาจากไหนไม่รู้ครับ กระโจนเข้าหาไอ้ภูมิ

“เอ๊ย ตัวเล็กอย่าวิ่งลูกเดี๋ยวได้ล้มหรอก”

“บู”ไม่ฟังผมเลยครับเรียกชื่อไอ้ภูมิแล้วด๊อกแด๊กเข้าไปกอดแข้งกอดขา จนไอ้ภูมิต้องอุ้มขึ้นมากอดและหอม เจ้าตัวเล็กก็หัวเราะคิกคัก “บู” เจ้าซ่าชี้นิ้วไปที่แฟนไอ้ภูมิ

“แฟนพี่ภูมิ ใบบัวนี่ลูกชายของอาบอมบ์ คนนี้ชื่อซ่า ส่วนอีกคนไม่รู้ไปไหน”

“น่ารักจังเลย ขออุ้มหน่อยพี่ภูมิ”ใบบัวอุ้มลูกชายของผมไปและก็หอมแก้ม เจ้าตัวเล็กทำหน้างงๆใส่แต่สุดท้ายก็ยิ้มร่าเริง

“โหย ไอ้ตัวแสบ พี่ภูมิยังไม่ได้หอมแก้มแฟนพี่ภูมิเลยนะ เจ้าตัวเล็กได้หอมก่อนซะแล้ว”ไอ้ภูมิโอดครวญ

“อ๊า คิกๆ บำๆ คิกๆ”

หลังจากนั้นไอ้ภูมิก็พาแฟนเข้ามาในห้องรับแขก แฟนไอ้ภูมินั่งลงบนโซฟา เจ้าแสบเดินมาจากในครัวแล้วก็มองหน้าใบบัว ทำหน้างงๆใส่แล้วเดินมาหาผม

“น่ารักจังเลย ลูกแฝดเหรอคะอา”

“อืม ไม่อยากให้เรียกอาเลย มันเสียวฟันอ่ะ ฮ่าๆๆ ตัวเล็ก ใครอ่ะรู้จักไหมลูก”

“เมย์”เจ้าลูกชายจะเรียกชื่อของเมย์ชัดมากเลยครับ อาจจะเป็นเพราะว่าเด็กๆเขาจะพูดคำว่าแม่ได้ชัดเจนก่อนคำว่าพ่อมั้งครับ เมย์มันก็ ม.ม้า เหมือนคำว่าเมย์เจ้าตัวเล็กของผมเลยออกเสียงชัดเจน

“ไม่ใช่พี่เมย์ แฟนพี่ภีม ชื่อพี่ใบบัว”

“บู”เจ้าแสบทำปากจู๋ใส่

“น่ารักจังเลย ชื่อน้องแสบใช่ไหมคะ”

“ใช่ๆ คนนี้เจ้าแสบ คนนั้นเจ้าซ่า”ผมชี้ไปที่เจ้าซ่าซึ่งกำลังนั่งเล่นกับลูกๆของพี่ฉัตรพี่อ้วน ครู่หนึ่งพี่เบิ้ลมาจากด้านบนพร้อมกับพี่ภา จากนั้นไอ้ภูมิแนะนำแฟนให้รู้จัก พี่ภาออกจะดูขรึมๆหน่อย ซึ่งปกติไม่ได้เป็นแบบนี้ สงสัยจะลองใจว่าที่ลูกสะใภ้มั้งครับ ส่วนพี่เบิ้ลเองก็นิ่งๆตามสไตล์ผู้หลักผู้ใหญ่ พี่เบิ้ลเป็นคนซักประวัติของแฟนไอ้ภูมิ โปรไฟล์ดีครับสำหรับคนนี้ ถึงแม้ฐานะทางบ้านอาจจะอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง มิได้มีกิจการใหญ่โต พ่อเป็นข้าราชการครู ส่วนแม่ประกอบอาชีพค้าขาย ใบบัวเองตอนนี้กำลังเตรียมตัวสอบเป็นผู้ช่วยผู้พิพากษา คือไม่ได้ติดใจอะไรนะครับ แต่ไอ้ภูมิมันไปจีบติดยังไง คนจะสอบผู้ช่วยนี่มันต้องอ่านหนังสือแทบจะต้มกินแทนข้าวได้แล้วมั้ง

มื้อเย็นผ่านไปด้วยความวุ่นวายกันพอสมควร ผู้ใหญ่ไม่มีอะไรหรอกครับแต่เจ้าตัวเล็กนี่สิ ป่วนมากเลยครับ ป่วนคนนั้นทีคนนี้ที กว่าจะยอมนั่งนิ่งๆทำเอาผมส่ายหน้าเหมือนกัน ประมาณ ๒ ทุ่มผมจะออกไปหาหมวดบูม แต่พอแต่งหล่อเท่านั้นแหละครับตัวเล็กงอแงทันที สรุปแล้วผมต้องกระเตงเจ้าแฝดจอมซนไปด้วย ไปถึงพอเจอหน้าหมวดบูมก็รีบป่วนทันทีเลยครับ ไปกอดแข้งกอดขาปีนป่ายหัวเราะคิกคัก ยิ่งไอ้แบงค์ด้วยแล้ว หยอกลูกผมหัวเราะคิกคัก ไม่เหลือคราบชายหนุ่มรูปหล่อหุ่นสมาร์ทเลยครับ เหลือแต่สภาพคล้ายๆคนบ้า

“แบ๊ม”เจ้าแสบเรียกชื่อไอ้แบงค์ ทำไมกับคนอื่นถึงเรียกชื่อชัดแบบนี้นะ ทีกับพ่อตัวเองนี่บำๆตลอดเลย

“ฮ้าววววววว บำๆ”เจ้าซ่าหาวแล้วก็เดินมานั่งที่ตักผมแล้วเอาหน้าซบมาที่ท้อง ง่วงนอนแล้วล่ะสิเจ้าลูกชาย

“ถึงเวลานอนแล้วละบอมบ์ จะให้นอนที่นี้หรอกลับไปบ้านพี่เบิ้ลล่ะ”พี่ติดถามผม

“ไงตัวเล็ก จะนอนไหน บ้านเยอะเหลือเกินนะ”ผมลูบหัวเจ้าซ่าเบาๆ

“อือ”

สุดท้ายก็ต้องอุ้มเจ้าแฝดขับรถกลับมาที่บ้านพี่เบิ้ล ระหว่างการเดินทางทั้งคู่ก็หลับปุ๋ยไปเรียบร้อย มาถึงบ้านหมวดบูมอุ้มคนหนึ่ง ผมอุ้มอีกคนหนึ่ง แม่ผมรีบกุลีกุจอปูที่นอนให้หลาน ผมค่อยๆวางลูกลงให้นอน นั่งมองครู่หนึ่งกำลังจะลุกขึ้นไปอาบน้ำ เจ้าแสบลืมตาขึ้นมาแล้วนั่งมองหน้าผม

“ไม่นอนอ่ะ”ผมต้องนั่งลงแล้วลูบหัวเบาๆ ลูกชายผมนอนลงอีกครั้ง พอผมลุกขึ้นเจ้าตัวดีก็ลุกขึ้นตามด้วย

“อ้าว ลุกทำไม นอนป่ะ เดี๋ยวพ่ออาบน้ำแปบนึง”เจ้าแสบนอนอีกครั้ง ผมก็ตบก้นเบาๆจนมั่นใจว่าหลับ จากนั้นก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำ พอออกมาจากห้องน้ำก็ได้เรื่องเลยครับ เจ้าลูกชายตัวดีทั้ง ๒ คนงอแงใส่แม่ผม พี่เบิ้ลอุ้มก็ไม่อยู่ ใครอุ้มก็งอแง ผมยังไม่ทันได้แต่งตัวเลยต้องรีบมาปลอบซะแล้ว พอผมอุ้มเท่านั้นแหละครับนิ่งเลย

“แปลกแฮะ มันติดพ่อขนาดนั้นเชียว”พี่เบิ้ลพูดเบาๆ ผมวางลูกให้นอนลงบนที่นอน คราวนี้ก็นอนเป็นปกติ นี่กะว่าจะไม่ให้ผมหนีเที่ยวเลยทีเดียว


เช้าวันใหม่อันสดใสทามกลางน้ำอุ่นๆของเจ้าลูกชายตัวดีที่ซึมเปื้อนผมแต่เช้ามืด หึหึ ความสุขของลูกชายผมคงจะเป็นการได้เยี่ยวรดพ่อล่ะมั้ง

“แอ๊ะ เยี่ยวใส่พ่อทำไม แล้วแพมเพิร์สหลุดหายไปไหน”ผมถามเจ้าลูกชายหลังจากตื่นขึ้นพร้อมกับสภาพที่เฉอะแฉะ

“อ๊า บำๆ”ยิ้มร่าเริงโชว์ฟันขาวๆไม่กี่ซี่ มีขี้ฟันเล็กน้อย ผมต้องลุกขึ้นจัดการทำความสะอาดให้ตัวเองและเจ้าตัวดีทั้ง ๒ คน คือพี่น้องเขาพร้อมใจกันมาก ตื่นมา ไต่ขึ้นมานั่งบนตัวผมแล้วเยี่ยวใส่ผมทั้งพี่ทั้งน้อง ให้มันได้งี้สิ ผมพาลูกอาบน้ำแต่เช้าด้วยน้ำอุ่นๆ และก็อาบเองด้วย บรรยากาศค่อยข้างจะอลวนอลหม่านไปหน่อยเพราะจะหยิบจับอะไรไอ้เจ้าตัวดีทั้ง ๒ ก็ช่วยแย่งจับ แย่งเล่น ป่วนมากเลยครับ


“จับปูใส่กระด้งยังไม่ป่วนเท่าลิง ๒ ตัวนี่เลย”หมวดเต้ยบ่นอุบออกมาเมื่อเห็นความป่วนของเจ้าลูกชายที่สุดแสนรักของผม

“แบ๊ม”เจ้าซ่าวิ่งไปเกาะขาหมวดเต้ยแล้วเรียกชื่อ

“ไม่ใช่อาแบงค์ลูก หมวดเต้ย”

“แบ๊มๆ”ลูกชายทำหน้างง แล้วก็งุ้งงิ้ง เอาของเล่นมาตีคนนั้นทีคนนี้ที

“ฮ่าๆๆ เอ๊ย ตัวเล็กๆ อย่ากัดนมอาสิ ฮ่าๆๆๆ ไอ้บอมบ์ เอาลูกมึงไปด่วน ฮ่าๆๆ”อีกรายคือไอ้มหาที่ตอนนี้มันหัวเราะน้ำตาไหล่ “โอ๊ยๆ ตัวเล็ก อาเจ็บแล้วนะ ฮ่าๆๆๆ เอ๊ย ฮ่าๆๆๆ”มันหัวเราะอย่างคนบ้าจี้เพราะเจ้าลูกชายตัวดีของผมดึงหัวนมและกัดหัวนมไอ้มหา

“แสบ ไปแกล้งอาตวงทำไมลูก ไม่เอา ไม่เล่น”ผมดึงเจ้าลูกชายออกมา

“คิกๆ บำๆ”แหม หัวเราะเสียงดังเสียงนะ

“กูว่าโตไปลูกมึงจะกลายพันธุ์แน่เลย”ไอ้มหาต่อว่า

“กูไม่รู้เหมือนกัน แต่กูว่าลูกกูมันขาดนมว่ะ ตั้งแต่เกิดมากินแต่นมขวด นมจากเต้านี่พ่อมันล่อไปตั้งแต่ก่อนแม่มันท้องแล้ว ฮ่าๆๆ”

“หาแม่ให้ลูกสิบอมบ์”หมวดบูมเสนอ

“ยอมเหรอ”

“หมายถึงหาแม่ ไม่ได้ให้หาเมีย”

“ฮ่าๆๆๆ ก็คิดว่าจะอนุญาต”

“ส้นตีนเหอะครับพี่บอมบ์”

“พูดคำหยาบเดี๋ยวเด็กมันจะเอาไปเลียนแบบหรอกไอ้บูม”หมวดเต้ยเอ็ดเพื่อน

“บู”เจ้าซ่าวิ่งมาเกาะขาแล้วทำปากจู๋ใส่ เฮ้อ ป่วนทั้งวันเลยครับ

ประมาณสักเที่ยงๆ เด็กๆงอแง ให้นอนก็ไม่นอน กินอิ่มแล้ว เล่นก็เล่นแล้ว ไม่ยอมนอนเลยครับ ไม่รู้จะทำยังไง พากลับบ้าน แม่ผมกล่อมก็ไม่อยู่

“บี”ให้ผมอุ้มแล้วก็ชี้นิ้วจะไปที่นั่นที่นี้ ร้องบีๆ ตลอดเลยครับ ผมก็ไม่รู้จะทำยังไง จน ๕ โมงครับ อ่อนใจเลย งอแงตั้งแต่เที่ยงวันยัน ๕ โมง แล้วไม่ได้เป็นแค่คนเดียว เป็นทั้ง ๒ คน

“อ้าว ตัวเล็กเป็นไรอ่ะอา”ไอ้ภีมขับมาไซด์คันเก่งมาจอด วางหมวดกันน็อกแล้วเดินมาถามผมด้วยความสงสัย

“ไม่รู้สิ งอแงใส่ตั้งแต่เที่ยงละ ไม่ยอมนอน”

“ตัวเล็กเป็นไร หื้ม”ไอ้ภีมรับไปอุ้ม

“บี”เจ้าตัวเล็กทำเสียงอ้อนแล้วกอดคอไอ้ภีมไว้ มันงอแงใส่ไอ้ภีมนิดหน่อยแล้วก็เงียบครับ โหย ถ้าจะงอแงทั้งวันแบบนี้นะ ผมขอลาออกทันไหมเนี่ย ฮ่าๆๆ

ไอ้ภีมหยอกน้องงุ้งงิ้งทั้งที่ตัวเองยังไม่ได้เปลี่ยนชุดเลยครับ ถอดแค่เสื้อเท่านั้นเอง ผมก็งงกับลูกผมเหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร สงสัยจะติดพี่ชายเขาละมั้ง พักหนึ่งไอ้ภูมิกลับมา วันนี้ดูหน้าโทรมๆไปหน่อย แล้วมันก็หายไปสักชั่วโมง พอเปิดเข้าไปในห้อง หลับคาเตียงเลยครับ

“อ้าว หลับแล้วเหรอ”ลงมาด้านล่างลูกชายตัวแสบของผมก็หลับไปซะแล้ว นี่เพิ่งจะทุ่มครึ่งเองครับ

“อื้ม อาช่วยอุ้มหน่อย”ผมเข้าไปอุ้มลูกคนหนึ่ง ไอ้ภีมอุ้มคนหนึ่ง แม่ผมก็ตามขึ้นมาด้านบนปูที่นอนให้หลานตามเคย วางลูกลงแล้วนั่งมอง วันนี้คงจะเพลียล่ะมั้งเพราะปกติเจ้าตัวดีของผมจะนอนนู้นแน่ะ ๒ ทุ่มครึ่งบ้าง หรือ ๓ ทุ่มบ้าง แต่วันนี้ไม่ได้นอนกลางวันเลยเพลียมั้ง

“มีลูกป่วนๆแบบนี้จะไหวไหมภีม”

“ไม่รู้สิอา คงจะไหวมั้ง ย่ายังเลี้ยงไหวเลย”

“นี่ย่าจำใจหรอกนะ”แม่ผมพูดขำๆ

“เออแม่ แล้วแม่ทนได้ไงอ่ะ ตอนพวกบอมบ์เด็กๆ เห็นแม่บอกว่าพวกบอมบ์ซนจะตาย”

“ไม้เรียวไง พ่อแกจะมีไม้หวาย ลูกหลานคนไหนดื้อๆนี่จะฟาดกับพื้นแคร่ขู่พวกแกก่อน”

“ฮ่าๆๆๆ”ผมหัวเราะเสียงไม่ดังมาก

“มีใครโดนตีบ้างไหมย่า”

“ไม่มี ใครจะกล้าตีลูกตีหลาน ขู่ไปงั้นแหละ เอาไปให้หลวงพี่เป่าหัวคนละทีก็หายดื้อแล้ว”แม่พูดถึงหลวงพ่อที่วัดนะครับ

“จริงเหรอย่า”

“จริงสิ”แม่ผมยืนยันจากนั้นก็ตามสไตล์ของคนแก่ครับจะเล่าเรื่องตอนพวกผมเด็กๆให้ฟัง ใครเป็นยังไง ลูกหลานคนไหนนิสัยยังไง เล่าไปเล่ามาก็เล่ามาถึงเรื่องพี่เบิ้ล พี่น้อย พี่นิด เรียกได้ว่าลูกๆหลานๆนี่ต้องผ่านมือแม่ผมมาก่อนครับ แม่ผมรู้นิสัยลูกๆหลานๆดีมาก ใครเป็นยังไงนี่เถียงแม่ผมไม่ได้หรอกครับ แม่ผมจับทางได้หมด คุยกันแปบหนึ่งประมาณสัก ๓ ทุ่มเห็นจะได้ ดิ้นเสียงรถมาจอดที่บริเวณบ้านหลายคัน จากนั้นก็ตามด้วยเสียงของผู้คน ไอ้ภีมกับแม่ลงไปด้านล่าง ส่วนผมนั่งอยู่กับลูกครับ เล่นโทรศัพท์ไปพลางๆ พักหนึ่งไอ้ภูมิก็ขึ้นมาเรียกผม สภาพมันเพิ่งตื่นครับ

“มีอะไรเหรอ”ผมลงไปด้านล่างลูกๆหลานๆเต็มเลยครับ วันนี้วันสิ้นเดือนนี่หว่า จะฉลองอะไรกัน

“เอ้า เสี่ยใหญ่ สิ้นเดือนนี่จะให้แม่เท่าไหร่”พี่นิดเดินมาตบไหล่ผม อ๋อ วันนี้เงินเดือนออกนี่เองเลยยกโขยงมาที่บ้านพี่เบิ้ลกันซะใหญ่โต

“ให้อะไรอ่ะพี่นิด”ผมแสร้งทำหน้างง

“ไม่ต้องเลย อย่าทำเป็นลืม ติดแม่กี่งวดแล้ว”พี่น้อยถามผม

“อย่าเบี้ยวนะ ตัดพี่ตัดน้องเลยนะ”พี่เบิ้ลพูด

“เบิ้ล มานี่ซิ”แม่ผมเรียก หน้าเข้มเชียว พี่เดินเดินไปหาแม่แกคงรู้แหละครับว่าพลาดไปแล้ว พอเดินไปหาแม่แล้วก็กอดแม่ไว้ “พูดแบบนี้ได้ไงหึ๊ แม่บอกตั้งหลายครั้งแล้ว พี่น้องเราต้องรักกัน ดูแลกัน”

“ผมพูดเล่น”พี่เบิ้ลหงอเลยครับ แม่ผมดุนี่ดุจริง แต่ดุผมไม่ค่อยจะได้ผล

“พูดเล่นพูดจริงก็ไม่ได้ แม่ไม่ชอบนะคำนี้น่ะ พี่น้องเราจะดีไม่ดียังไงเราก็ต้องรักกัน สายเลือดเดียวกัน มันน่าตีนัก”คนอื่นๆพลอยเงียบไปด้วยเลยครับ

“แม่อย่าดุพี่เบิ้ลสิ”ผมเดินไปกอดแม่บ้าง

“ไม่ดุไม่ได้ โตแล้ว ผ่านโลกมาเยอะแล้ว รู้ว่าอะไรเหมาะอะไรควร”

“ขอโทษครับแม่”

“แม่พูดทุกครั้งไม่ใช่เหรอว่าพี่น้องต้องรักกันมากๆ อย่าเอาเรื่องเงินทองมาเป็นเรื่องบาดหมางใจกัน ดูคนอื่นๆสิ ผิดใจกันเพราะเงินทอง เวลาลำบากก็ไม่มีใครมาดูมาแลกันทั้งที่เป็นญาติพี่น้องกัน แม่ไม่อยากจะให้เกิดเรื่องแบบนั้น เงินทองมันเรื่องเล็ก แต่ครอบครัวนี่มันเรื่องใหญ่ เราไม่ดูและกันไม่รักกัน ก็ไม่มีใครมาสนใจเราหรอก อย่าพูดคำนี้อีกนะ จะคนเล็กคนโตแม่ก็ดุหมดแหละ แล้วพวกแกจะรู้ตอนแม่ตายไปแล้วว่าญาติพี่น้องน่ะสำคัญแค่ไหน”

“หูยแม่ อย่าพูดเรื่องตายสิ ใจไม่ดีเลยนะ”พี่นิดจับมือแม่

“แม่พูดไว้ก่อน ให้พวกแกทำใจ วันหนึ่งแม่ก็ต้องจากโลกนี้ไป ปีนี้แม่ก็ ๗๖ แล้วแม่เหลือเวลาอีกไม่กี่ปี บางทีก็อาจจะไม่ถึงปีด้วยซ้ำ พวกแกอย่าทำให้แม่ต้องห่วงต้องกังวลสิ”

“ย่า”พี่อ้วนแทรกๆเข้ามาบ้าง

“บอมบ์ว่าแม่จะหายใจไม่ออกก็คราวนี้แหละ แม่อ่ะ อย่าดุสิ เข้าวัดเข้าวาแล้วชอบดุลูก ระวังเหอะ โกรธลูกโกรธหลานตัวเองมากๆ จะพลาดของดีๆเอานะ”ผมพูดกับแม่

“ฮื้อ มาให้ตีคนละทีสิ มันน่านักเชียว”แม่ไม่ตีคนอื่นครับ ตีที่แขนผมเบาๆ แล้วบรรยากาศก็ผ่อนคลายลง พี่เบิ้ลอาจจะหงอๆไปบ้าง งี้แหละครับแม่ผมเวลาดุนี่ดุจริง ถ้ายังมีแรงแข่งขันเหมือนตอนสาวๆนี่คงจะตีไม่ยั้งเลยทีเดียว แต่ก็ได้ข่าวมาว่าแม่ไม่เคยตีลูก คนตีน่ะคือพ่อ แต่ถามว่าพวกเรารักแม่มากกว่าพ่อไหมก็ไม่หรอกครับ รักเท่าๆกัน เวลาพ่อใจดีก็จะใจดีมาก เวลาดุก็ดุมากด้วย

“โห เดือนนี้ได้เท่าไหร่อ่ะแม่”ผมถือวิสาสะเปิดซอง สามซองสีชมพูนี่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าใครครับ พี่น้อย พี่นิด พี่เบิ้ล เปิดนับเงินในซอง แบงค์เทาซองละ ๑๐ ใบ ส่วนต่อมาก็เป็นของหลานๆครับ แบงค์เทาคนละ ๓ ใบบ้าง ๔ ใบบ้าง ๕ ใบบ้าง

“อาบอมบ์ล่ะ ให้ย่าเท่าไหร่”พี่โด่งถามผม มีศักดิ์เป็นหลานแต่เขาเกิดก่อนเลยเรียกว่าพี่

“ไม่ได้เตรียมมาก่อนเลยอ่ะ อิอิ ล้อเล่น”ผมลุกขึ้นหยิบถุงแดงห่อเล็กๆแล้วก็เปิดกระเป๋าสตางค์เอาแบงค์ที่กดเมื่อตอนกลางวันมานับ แบงค์เทา ๕๐ ใบ กับทองอีก ๕ บาท

“นี่ไงเสี่ยตัวจริง”พี่เบิ้ลตบไหล่ผม ที่ผมให้เยอะผมไม่ได้จะถมพี่ๆน้องๆผมน่ะครับ ผมว่าผมยังให้น้อยกว่าพี่ๆผมอีก เพราะพี่ๆผมน่ะให้เงินเดือนแม่ตั้งแต่รับราชการใหม่ๆ ตอนนั้นค่าเงินสูงมาก แล้วตลอดระยะเวลารับราชการของพี่ชายทั้ง ๓ คนของผมตอนนี้ก็ร่วมๆ ๓๐ กว่าปีจนตอนนี้ใกล้จะเกษียณแล้ว ผมให้แม่เดือนละเท่านี้ยังไม่ได้เศษเสี้ยวของพี่ๆผมเลย อีกอย่างผมเพิ่งจะให้เงินแม่ใช้จริงๆจังๆตอนอายุ ๒๔ ครับ ผมให้เท่านี้เรียกว่าน้อยไปด้วยซ้ำ

“บอมบ์ นับเงินให้แม่หน่อยซิ”แม่พูด จากนั้นผมก็หยิบจากแต่ละซองมานับรวมกัน เงินสดก็แบงค์เทา ๑๐๐ ใบครับ ส่วนทองนี่ ๕ บาท ยอดของผมคนเดียว ผมยื่นเงินไปให้แม่ จากนั้นแม่ก็หยิบเงินออกมานับ “เอาเบิ้ล นี่แม่ให้แกเอาไว้ใช้”แม่ยื่นแบงค์ให้พี่เบิ้ล

“ไม่ต้องหรอกแม่ ผมให้แม่ไปแล้วจะเอาคืนได้ไง”พี่เบิ้ลปฏิเสธ

“เอ๊ะ เจ้าคนนี้ ให้เงินแม่แล้ว เงินนี้ก็เป็นของแม่ แม่จะให้ใครแกก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ อ่ะ แม่ให้แกเท่านี้แหละ เอ้านี่ของน้อย ของนิด ไอ้คนเล็กของแม่นี่ไม่ให้คืนหรอกนะ มันดื้อ ให้ก็ไม่ยอมรับ เอานี่ไป”แม่เขกหัวผมเบาๆทีหนึ่ง “เอานี่ฉัตร อ้วน โด่ง เมย์ ภีม ภูมิ ชิน กลาง หมิว ยุ้ย อั้ม”แม่ส่งแบงค์เทาให้คืนสำหรับหลานๆคนละ ๒ ใบ “หมดแล้วนะ เอาเหลนๆนี่เอาไปแบ่งกัน”สำหรับเหลนจะได้แบงค์ม่วงคนละใบครับ “ที่เหลือนี่แม่จะเอาไว้ใช้ส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งแม่ก็จะเอาไปทำบุญ ทองนี่แม่จะเอาไปสร้างพระ แม่อยากให้พวกแกได้บุญเยอะๆ แม่ไปทำบุญทีไรแม่ก็นึกถึงแต่หน้าลูกๆหลานๆนี่แหละ อยากให้ได้ดิบได้ดีกันทุกคน ไม่มีทางตกอับ จะได้มีบุญกุศลช่วยหนุนนำ พวกแกก็อย่าลืมทำดี อย่าทำไม่ดีต่อหน้าที่นะ เงินทองไม่พอใช้มาขอกับแม่ อย่าไปหาวิธีการที่ไม่ถูกต้อง จะเป็นบาปเป็นกรรมเอา แม่ก็อยากให้ลูกๆหลานๆเจริญทุกๆคนแหละ”

“สาธุ”แล้วเราก็ทยอยกันกราบที่ตักของแม่ทีละคน แม่ก็ให้พรไปครับ





“เราไม่เจอกันหลายเดือนเลยเนอะ คิดถึงว่ะ”ไอ้มหาพร่ำเพ้อกับหมวดเต้ย

“แปบเดียวเอง”

“๕ เดือนนี่นะแปบเดียว”ผมมองหน้าหมวดเต้ย

“คือพวกมึงอย่าเพ้อมากได้ป่ะ”หมวดบูมพูดดัก

“ความคิดถึงมันห้ามกันไม่ได้นะครับ”ผมมองหน้าหมวดบูม

“เออ ก็ห้ามไม่ได้ไง อย่าแอบไปมีกิ๊กแล้วกัน”

“ไว้ใจได้”

“อือ เชื่อใจกันนะ”หมวดเต้ยจับมือไอ้มหา ส่วนหมวดบูมมองหน้าผมซึ้งๆ วันนี้วันอำลาก่อนไปฝึกครับ ๒ หมวดได้พักแค่ไม่กี่วันก็ต้องไปฝึกแล้ว ที่ผ่านมาเราก็ไม่ค่อยมีเวลาให้กันสักเท่าไหร่ แค่มาเจอหน้ากัน พูดคุยหยอกล้อแต่ผมไม่กล้าทำอะไรนะครับ ให้เขาถนอมร่างกายเขาก่อน ผมกอดหมวดบูมให้กำลังใจ จูบทีหนึ่งพอเป็นกระษัย อีก ๕ เดือน เรากลับมาร่าเริงกันต่อครับ

ออฟไลน์ Akikojae

  • พี่ยุนรักน้องแจ ★彡
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1137/-17
โอย กลัวใจบอมบ์
กลัวมากจริงๆตอนนี้
 :mew2:

ไม่เอาดราม่ามาม่าใดๆทั้งสิ้น
ขอน่ารักๆอบอุ่นแบบนี้เรื่อยๆได้ไหมคะ
 :ling1:

ออฟไลน์ noy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-9

ออฟไลน์ nicksrisat

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 948
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
ขอบคุณมากครับ ห่างกันตั้งห้าเดือน
ยาวนานนะเนี่ย
เป็นกำลังใจให้นะครับ

ออฟไลน์ AMMY★

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ห้าเดือนขอให้มีความสุขน้าา
อย่ามีดราม่าเลย  :mew2:

ออฟไลน์ leefever

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ห่างกันห้าเดือน จะเกิดอะไรขึ้นมั้ยเนี่ยย

 :hao4:
 :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ทิวสนที

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 763
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
ครอบครัวพี่บอมบ์ใหญ่มากๆๆๆ

ออฟไลน์ Sohso

  • You are my precious thing And I will always love you.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1372
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-3
ครอบครัวพี่บอมบ์ไม่ว่าอ่านครั้งใหญ่ ก็รักใคร่กลมเกลียวแถมใหญ่จริงๆ

แค่ลูกก็เยอะแล้วมาหลานอีก สุดๆ

คงไม่มีนอกใจหรอก ก็ขอพ่อเค้ามาแล้วนิ ที่บ้านบอมบ์ก็รู้กันหมดแล้วด้วย

ออฟไลน์ shikyu3211

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1537
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-1
ครอบครัวนี้รักกันมากจริงๆ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เป็นครอบครัวที่ดีจริงๆ

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8

ออฟไลน์ GlassesgirL

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1037
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-2
แสบซ่าร์ซนและป่วนน่าดูเลย
ครอบครัวอบอุ่นมากๆ
หมวดทั้งสองไปฝึกแล้ว สู้ๆนะผู้หมวด
 :mew1: :L2:

ออฟไลน์ Khunnay24

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สมัครมาเพื่อมาเม้นท์โดยเฉพาะ ชอบนิยายเรื่องนี้มากนะคะ ตามมาจากเฟซบุ๊ค ขอบคุณนะคะสำหรับเรื่องราวดีๆอ่านแล้วสนุกมาก

จะติดตามต่อไปเรื่อยๆนะคะ :hao7: :mew1: :katai2-1:

ออฟไลน์ pochu52

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1328
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-0
เป็นครอบครัวใหญ่ที่อบอุ่นมากค่ะ มีคุณย่าเป็นหลักใจที่คอยสอนสั่งลูกหลาน อิจฉาจัง
สองหมวดไปฝึกแล้ว มีหมาหงอยตัวใหญ่ๆ สองตัวเลย สงสารดีไหมนะ^^

ออฟไลน์ TR

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ผู้หมวดหนีไปฝึกซะแล้ว
ตั้ง5เดือนเลยนะ!!!!! หงอยแทนบอมบ์
ขออย่ามีเรื่องเลยช่วงที่ห่างกัน หวั่นใจแทน T^T

ออฟไลน์ nicksrisat

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 948
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ yokky34

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ชอบครอบครัวพี่บอมส์อ่ะ
อบอุ่นชะมัด

รอนะคะ
ห่างกันตั้ง 5 เดือน แอบเสียวเหมือนกันนะ 555+
ลุ้นกะบอมส์มาก

ปล. นี่ยังข้องใจกะบิวอยู่นะ

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg

ออฟไลน์ jing_sng

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 761
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
บอกตรงๆ อ่านไปก็หลอนไปกลัวเจอชื่อของบิว
ไม่ใช่อะไรหรอก ปกติเป็นคนที่รับไม่ได้กับการนอกกายนอกใจ
ไม่ว่าเพศไหนก็ตาม  แล้ว5 เดือนเสี่ยง บอมทั้งรูปลักษณ์ เสน่าเฉพาะตัว ฐานะ อะไรต่างๆ เอื้อเหลือเกิน ที่สำคัญนอกใจกันจริงๆ ครอบครัวได้มีปัญหาแน่ๆ หมายถึงบ้าน2ฝั่งที่ ความสัมพันธ์ดูซับซ้อนหลายทอด

ออฟไลน์ AGELA

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 675
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1109/-0
ตอนที่ ๗๘  ดึกสงัด ครึ่งแรก

“หูย น่ากลัวอ่ะพี่มหา แล้วตอนนั้นพี่มหาทำไง”

“ไม่ได้ทำอะไร ก็สวดมนต์ แผ่เมตตาให้เขาไป แผ่เมตตาอยู่ ๓ คืนอ่ะ กลิ่นถึงหายไป”

“เป็นกู กูวิ่งสบงเปิดแน่เลยว่ะ”

“มึงนี่ก็ชอบเจออะไรแบบนี้เนอะมหา”

“กูไม่ได้ชอบ เขามาเอง หลวงพี่อ่ะเจอบ่อย ของกูอ่ะเจอน้อยกว่าเขาอีก แล้วมีเรื่องหนึ่งเว้ย ตอนนั้นต้นเดือนกันยา ก่อนจะถึงวันสารทไม่กี่วัน คราวนี้กูฝันว่ะ ในฝันนี่เหมือนจริงมาก กูฝันว่าเห็น ชายหญิง แก่แล้วนะ เข้าเดินมาหากู กูก็ไม่รู้จักเขามาก่อน ว่าเขาเป็นใครอะไรยังไง มาถึงเขาก็มานั่งพับเพียบข้างๆกูเว้ย แล้วกอดขากู ร้องห่มร้องไห้ เขาบอกว่าเขาหนาวเหลือเกิน เขาไม่มีเสื้อผ้าจะใส่ เขาหิว เห็นคนอื่นได้กินของดีๆ พอไปขอเขากินก็ไม่มีสิทธิ์ กูมองสภาพเขาแล้ว สภาพตายายคู่นั้นเสื้อผ้ารุ่งริ่งแทบจะไม่เหลือชิ้นดี ผิวพรรณผอมโซมาก หน้าตานี่เหี่ยวย่นหน้าตอบ ตาก็โบ๋ๆ เขามากอดขาร้องห่มร้องไห้อยู่พักหนึ่ง กูก็ถามว่าเขาเป็นใครมาจากไหน เขาก็บอกชื่อของเขามา เขาบอกว่าเขาตายไป ๕๐ กว่าปีแล้ว เขาทรมานมาก เขาหิว เสียงนี่โหยหวนมาก แล้วกูก็ตื่นตอนตี ๔ ทีแรกกูก็ไม่เอะใจนะเว้ย กูคิดว่ากูคงจะเบลอๆเพราะอ่านหนังสือเยอะแน่เลย ช่วงนั้นกูอ่านเรื่องผีๆซะด้วย แล้วทีนี้มาคืนที่ ๒ กูฝันเห็นคู่ตายายเหมือนเดิมอีก กูก็ยังมึนๆ คิดว่าสงสัยเพราะฝนตกแน่เลยทำให้เบลอๆขนาดนั้น แต่พวกมึงเชื่อป่ะ กูฝันเห็นคู่ตายายอยู่ ๕ วันเว้ย กูเลยไปถามหลวงพี่ว่ากูหลอนไปเองหรือเพราะอะไร หลวงพี่แกก็ขำๆ บอกว่ากูมึน ผีเขามาบอกขนาดนี้แล้วยังจะมึนอีก”

“แล้วทีนี้มึงทำไง”ไอ้ศักดิ์ถาม

“กูก็ไปบอกญาติเขาดิ พอกูเล่าจบลูกสาวเขาร้องไห้โฮเลยว่ะ”

“อ้าว ทำไมวะ”

“เพราะเขาฝันเห็นพ่อแม่เขาเหมือนกันน่ะสิ เขาก็คิดว่าเพราะเขานอนมากเกินไปมั้งเลยฝันอะไรแปลกๆ”

“น่ากลัวเนอะ แล้วทำไงต่ออ่ะ”

“ก็ทำบุญกรวดน้ำไปให้”

“เออ มึงพูดแล้วทำให้กูนึกถึงเรื่องหนึ่งว่ะ”ผมเปลี่ยนท่านั่งจากขัดสมาธิเป็นยกเข่าขึ้นมากอดข้างหนึ่ง “เรื่องเมื่อตอนกูอยู่ ม.๑ มั้ง ช่วงนั้นมันหน้าร้อน เด็กๆก็ไปเล่นน้ำกันปกติ แล้วมีอยู่วันหนึ่งเว้ย เด็กในหมู่บ้านกูจมน้ำตาย หลังจากที่เอาศพไปฝัง ที่จริงจะเรียกว่าฝังก็ไม่ได้เพราะเขาขุดดินแค่นิดเดียวนอกนั้นก็จะก่ออิฐฉาบปูน แล้วทีนี้ปีนั้นกูบวชเณรภาคฤดูร้อนด้วย หลังจากที่เขาเอาศพมาที่วัดแล้ว คืนแรกก็ได้เรื่องเลย ผีเด็กคนนั้นร้องไห้โหยหวนมาก แล้วไม่ใช่ได้ยินแค่กูคนเดียวนะ ครึ่งหนึ่งของเณรทั้งหมดแน่ะ จากที่นอนห่างๆกันนี่ เกาะกันนอนเป็นกลุ่ม ร้อนก็ร้อน กลัวผีก็กลัว กูนี่ไม่ไหว วิ่งไปเคาะกุฏิหลวงพ่อกลางดึก หลวงพ่อก็ลุกมาเปิดประตูให้กูเข้าไป กูเข้าไปกอดหลวงพ่อหลับตาปี๋เลยว่ะ คิดแล้วก็ขำ”

“เออๆ เรื่องนี้ผมจำได้ ปีนั้นผมก็บวช คนตายน่ะเพื่อนผมเอง”ไอ้ซันพูดเสริม

“ไอ้นี่แหละตัวดี เกาะกูไม่ปล่อยเลย”ผมเขกหัวไอ้ซันเบาๆ

“ฮ่าๆๆ ก็มันกลัวนี่อา นี่ถ้าพวกมึงได้ยินเสียงจริงๆนะ โห นอนไม่หลับหรอก เช้ามานี่แทบอยากจะสึกไปนอนบ้าน”

“นี่ถ้าหนูไปบวชที่วัดพี่บอมบ์นะ หนูคงหลอนแน่”

“มึงเคยบวชด้วยเหรอหนู”ไอ้ศักดิ์ถาม

“เคยสิ ตอนกูเรียนประถม กูไปบวชเณรภาคฤดูร้อนที่บ้านย่ากูที่ต่างจังหวัด”

“อ้าว ตุ๊ดแบบมึงเขาให้บวชด้วยเหรอ”

“ตอนนั้นกูยังไม่แรดขนาดนี้ กูเป็นเด็กผู้ชายเรียบร้อย หงิมๆเหงียมๆ พอโตมานี่แหละ คนอื่นโตมาเขาโตเป็นหนุ่ม แต่กูโตมากลับโตเป็นสาวซะงั้น ฮ่าๆๆ”

“ฮ่าๆๆๆๆ”

พักเที่ยงเวรเลี้ยงไปจัดเรียบร้อย ตอนนี้ทหารใหม่ยังคงฝึกกันหน้าดำหน้าแดง เข้าเดือนมิถุนาแล้วอีกแปบเดียวมันก็จะผ่านพ้นไป ฝึกทหารน่ะแค่ ๒ เดือนครึ่งเองครับ ผลัด ๒ อ่ะนานหน่อย ใครได้มาผลัดแรกที่โชคดีมาก ส่วนคนที่ไม่โดนทหารน่ะเหรอ เวลาเขาคุยอะไรกันเราไม่สามารถที่จะรู้อะไรไปกับเขาด้วยหรอก เป็นทหารน่ะเป็นง่าย มันอยู่ที่ใจเท่านั้นแหละครับ

ช่วงนี้ช่วงพักผ่อนเช้าจรดเย็นเราก็ทำอะไรก๊อกๆแก๊กๆ เข้าหน้าฝนแล้วด้วย หญ้าขึ้นเร็วครับแปบเดียวก็เขียว พอไม่กี่วันก็รก ต้องตัดบ่อยๆ แต่มันก็ดีตรงนี้เราไม่ต้องไปรดน้ำนี่แหละครับ ได้อย่างเสียอย่าง เช้ากลางวันเย็นมีงานเบาๆ เสร็จแล้วก็พัก จนมาช่วงเย็นชี้แจงเวรยามอะไรเรียบร้อย ผมโดนเวรโรง ผลัด ๒ ตามด้วยอีหนูผลัด ๓ พอถึงเวลา ๓ ทุ่มทุกอย่างเงียบและมืดสนิท อีก ๑ ชั่วโมงผมต้องเข้าเวรแล้วเลยไม่ทำอะไรครับ นอนแชทกับพี่ๆน้องๆ จนใกล้เวลาจึงแต่งตัวเข้าเวร เข้าเวรก็ไม่ได้มีอะไรมากหรอกครับ ก็สำรวจรอบๆกองร้อย ใครไปใครมา ตรวจดูข้าวของ แล้วก็มานั่งสังเกตการณ์อยู่ด้านหน้า ว่างๆก็หยิบมือถือมาเล่น นั่งอัพเฟส ค้นรูปหมวดบูมมาดูแล้วยิ้มคนเดียว แล้วก็ดูรูปลูกบ้าง รูปแม่ รูปพี่ๆ หาอะไรเพลินๆ พอนั่งเมื่อยก็ลุกขึ้นเดินรอบๆ เหตุการณ์ปกติดีทุกอย่าง จนใกล้ถึงเวลาเที่ยงคืน อีหนูซึ่งรับเวรต่อจากผมมันก็แต่งตัวลงมา

“แปบนึงนะพี่บอมบ์ หนูไปเยี่ยวก่อน”

“เป็นสาวเป็นนางนั่งเยี่ยวให้เรียบร้อยนะมึง”

“หนูจะนั่งพับเพียบแล้วเยี่ยวใส่คอห่านเลยแหละ อีตาบ้า ยืนเยี่ยวสิ โชว์ความแมนให้คนอื่นเขาเห็นหน่อย”

“ฮ่าๆๆๆ ระวังเจอกะเทยรอโม๊คนะมึง”แล้วมันก็เดินสะบัดตูดไปเข้าห้องน้ำ ผมก็นั่งรอที่เก้าอี้หน้ากองร้อย พักหนึ่งอีหนูเดินมาหาผม

“พี่บอมบ์ ใครมันทะลึ่งโขกหมากรุกกลางค่ำกลางคืนไม่หลับไม่นอนอ่ะ พอหนูเดินไปจะถามก็ไม่รู้รีบวิ่งไปแอบทีไหน นี่พัดลมที่ใต้ถุนก็เปิดทิ้งไว้อีก เฮ้อ อีพวกนี้ถ้าเป็นรุ่นน้องน่ะ หนูจะแดกให้เลยทีเดียว”อีหนูระบายออกมา ผมก็ได้แต่ขมวดคิ้วน่ะสิ เที่ยงคืนแล้วใครทะลึ่งมาโขกหมากรุกวะ แล้วอีกอย่างเมื่อกี้พัดลมที่ใต้ถุนก็ไม่ได้มีใครเปิดไว้นี่นา อีหนูเยี่ยวแล้วลืมรูดซิปป่าววะ ถึงได้มาพูดจาเลอะเทอะใส่ผม

“มึงอ่ะทะลึ่งอีหนู ใครจะมานั่งโขกหมากรุกกลางค่ำกลางคืน”

“อ้าว ก็เมื่อกี้หนูได้ยินนะ ตอนเดินเข้าห้องน้ำก็ได้ยินเสียงคุยกันแล้วโขกหมากรุกดังป๊อกๆ ฟังก็ไม่ได้ศัพท์อีก พอกลับมาก็ยังได้ยิน นี่หนูพูดเรื่องจริงนะพี่บอมบ์”

“มึงเยี่ยวลืมราดน้ำหรือเปล่าหนู ใครจะมานั่งเล่นดึกดื่น ถ้าเห็นกูด่ามันไปแล้ว”

“อ้าว แล้วใครอ่ะ อย่าบอกนะว่า... พี่บอมบ์”อีหนูรีบขยับมากอดแขนผมไว้ทันทีเลย

“อะไรของมึง อ่ะ เข็มขัดสนาม นี่นกหวีด กูรายงานยอดนายทหารเวรแล้วนะ”

“ไม่นะพี่บอมบ์ นั่งเป็นเพื่อนหนูก่อนสิ”

“มึงนั่งตรงนี้ ผีนั่ง...”

“หือ ไอ้เหี้ยพี่บอมบ์ จะพูดทำไม คนยิ่งกลัวๆอยู่ด้วย เดี๋ยวหนูจะกรี๊ดให้หายเป็นตุ๊ดเลยนะ”

“จะกลัวทำไม เดี๋ยวมึงตายตามเขาไปมึงก็กลายเป็นผี เห็นไหม เราไม่ต่างกันเลย แค่เขาตายก่อนเราเท่านั้นเอง”

“ไม่รู้แหละ พี่บอมบ์นั่งเป็นเพื่อนหนูหน่อยสิ กลัวนะเนี่ย”อีหนูทำเสียงอ่อย

“เกิดเป็นตุ๊ดต้องอดทน สิบล้อชนต้องไม่ตาย เกิดเป็นตุ๊ดอย่าใจร้าย เหล่ผู้ชายแค่พองาม เกิดเป็นตุ๊ดสวยแบบพยายาม ควายวิ่งตามต้องไม่กลัว เป็นตุ๊ดอย่ารีบหาผัว เป็นตุ๊ดอย่ารีบหาผัว ผีต้องไม่กลัวเพราะมึงเกิดเป็นตุ๊ด ตุ๊ดตะละลุดตุ๊ดตุ๊ด”ผมแต่งกลอนเล่นๆ อีหนูค้อนใส่ผมยกใหญ่เลยครับ

“ชิ ทั้งคนทั้งผีอ่ะแหละ บ้าบอสิ้นดี เป็นผีก็ไม่รู้จักหลับจักนอน ตอนกลางวันให้เล่นก็ไม่เล่น ตายไปแล้วยังจะมากวนชาวบ้านชาวช่องเขาอีก อีผีบ้า น่าจับไปโยนทะเลให้เป็นผีทะเลไปซะนี่ เอาไปลอยอังคารที่เจ้าพระยาแล้ววนมาเดินเที่ยวหลักสี่ เที่ยวกะหรี่วงเวียนยี่สิบสองแล้วไปกินยาดองที่สะพานควาย ไปเหล่ผู้ชายที่สีลมแล้วมาซื้อยาดมที่แยกลาดพร้าว และนวดเท้าที่จตุจักร ไปบางรักจดทะเบียนสมรส ดูอาทิตย์ทรงกลดทามกลางสวนลุม ไปปทุมนั่งห้าสองสอง ไปนั่งขายของใต้ต้นมะขาม ถูกกะเทยถามว่า หนูๆ ไปผ่าหมีที่เกาหลีนั่งเที่ยวบินสายไหนคะ ดอกกกกกกกกกกก”

“ฮ่าๆๆๆ เป็นวรรคเป็นเวรมาเลยนะมึง”

“ฮ่าๆๆๆ จริงแหละพี่บอมบ์ เพื่อนของเพื่อนหนูนางเป็นสาวไง นางมาถามว่า ไปผ่าหมีที่ไหนคะดอกกกกก หนูไม่รู้ว่าตอบไง ก็บอกไปมึงถือบัตรประกันสังคมแล้วไปแจ้งกับกรมสัตว์ป่าและพันธุ์พืชว่ามึงจะมาผ่าหมี ฮ่าๆๆๆ”

“ฮ่าๆๆๆ มึงหัวเราะได้แล้วนี่หนู อยู่ได้นะ”

“พี่บอมบ์อ่ะ”อีหนูทำเสียงอ่อยแล้วกอดแขนผมไว้ “อยู่เป็นเพื่อนหนูก่อนสิ”

“เออๆ กลัวไปได้ กูไม่เห็นจะกลัวเลย”

“ก็พี่บอมบ์เป็นผู้ชายมีจิตใจเข้มแข็งนี่นา ส่วนหนูมันแค่ตุ๊ดตัวน้อยๆอ่อนด้อยประสบการณ์”

“ตอนลาพักฝรั่งจัดให้วันละกี่ทีล่ะ จะได้เพิ่มประสบการณ์เสียที”

“ตาบ้า ไปถามพี่เจิดเอานู้นไป”

แล้วผมกับอีหนูก็นั่งเงียบกันครู่หนึ่ง สักพักเหมือนจะได้ยินเสียงโขกหมากรุกดังป๊อกๆ มาจากใต้ถุน อีหนูหันมามองหน้าผม แล้วก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

“จะกลัวทำไมวะหนู มึงตั้งสติดีๆสิ ให้เขาหลอก ก็หลอกไป แน่จริงมาหลอกตอนกลางวันด้วยสิ”ผมพูดท้า แล้วเสียงก็ดังป๊อกๆๆๆๆ เสียงถี่มากเลยครับ ผมเลยเดินไปเปิดไฟ ทุกอย่างเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นครับ

“พี่บอมบ์อ่ะ ไปท้าเขาทำไม มานั่งนี่เลย คนก็พอคน ผีก็พอผี”อีหนูวิ่งมากอดแขนลากผมมานั่ง จากนั้นทุกอย่างก็เงียบเป็นปกติ “พี่ไม่กลัวผีจริงๆเหรอพี่บอมบ์”

“เคยกลัว กลัวมาก กลัวจนเลิกกลัว คือมานั่งคิดไปคิดมานะเว้ย จะกลัวเขาทำไม กลัวเรื่องอะไร เขาก็ไม่ต่างจากเราหรอก แค่เราอ่ะมีร่างกาย เขาไม่มีร่างกาย แต่กว่าจะหายกลัวจริงๆก็พักใหญ่อยู่นะ แต่เชื่อหลวงพ่อไง เลยไม่กลัว”

“เฮ้อ หนูก็อยากมีจิตใจเข้มแข็งนะ แต่มันก็กลัวอยู่ดี นี่ยังหลอนเรื่องป้าในป่าไม่หายเลยเนี่ย แล้วนี่ก็มาเจออีก”

“อือ เขามาเตือนให้เราทำบุญมั้ง แบบว่า พวกเอ็งยังมีชีวิตอยู่รีบทำบุญนะเว้ย เดี๋ยวตายไปเป็นผีเร่ร่อนเหมือนข้า ต้องมาหลอกคนนั้นทีคนนี้ที อะไรแบบนี้ละมั้ง”

“เออ มันก็น่าจะจริงแหละพี่บอมบ์ แต่หนูไปทำบุญกับแม่บ่อยนะ ถึงหนูจะเป็นตุ๊ดแต่เข้าวัดได้ไม่ร้อนจ้า”

“เออ ดีแล้ว เดี๋ยวว่างๆก็ยกพวกกันเข้าวัดดีกว่าไหม”

“ก็ดีนะพี่บอมบ์ เออนี่พี่บอมบ์ หนูมีอะไรจะให้พี่บอมบ์ดู ตลกมากเลยอ่ะ”อีหนูหยิบสมาร์ทโฟนรุ่นเดียวกันกับของผมออกมาแล้วมันก็ปลดล็อกยุกยิกของมันไป จากนั้นมันก็เปิดคลิปตลกให้ผมดู หัวเราะจนน้ำตาเล็ดเลยครับ


“เออหนู มีเรื่องจะถามหน่อย มึงว่าไอ้แป๊กนี่แปลกๆไหมวะ”

“ยังไงอ่ะพี่บอมบ์”

“ไม่รู้สิ บางครั้งก็เหมือนจะเป็นตุ๊ดแบบมึงไง แต่เหมือนแอ๊บๆว่ะ แล้วอีกอย่างมันชอบแย่งตำแหน่งของมึงตอนอาบน้ำอ่ะ เห็นมาอาบใกล้ๆกูบ่อยๆ ชอบของใหญ่แบบกูรึเปล่าวะ”

“ชิ หลงตัวเอง เกลียดนักเชียวไอ้พวกของใหญ่หมอยดกเนี่ย”อีหนูค้อนผม เออ หาเรื่องค้อนกูได้ตลอดเลยนะมึง “นี่ หนูก็ไม่อยากจะพูดหรอกนะ คือ พี่บอมบ์อย่าไปว่ามันนะ ไอ้แป๊กอ่ะ หนูว่ามันพวกอีแอบชัวร์ๆแหละพี่บอมบ์ ผีอย่างหนูย่อมเห็นผีแบบมัน มองแค่เส้นผมหนูก็รู้แล้วล่ะว่าใครแอบไม่แอบ”

“เรดาห์มึงแม่นมากเลยหนู แบบนี้ประเทศไทยไม่ต้องจ้างนักวิทยาศาสตร์ให้เปลืองหรอกมั้ง เอาสายตามึงไปสแกนนี่คงรู้ถึงดีเอ็นเออ่ะ”

“ฮ่าๆๆ แหม พี่บอมบ์ก็ คือหนูอ่ะรู้ตั้งนานแล้วแหละว่ามันน่ะแอบ แต่หนูไม่พูดไงพี่บอมบ์ น้องมันจะเสียหาย”

“อ้าว การยอมรับตัวเองว่าตัวเองเป็นอะไรนี่มันเสียหายตรงไหนวะ แบบกูนี่กูก็ยอมรับว่าชอบหมวดบูม”

“แล้วพี่บอมบ์สามารถบอกคนอื่นที่ไม่สนิทกันได้ป่ะล่ะ”มันย้อนผม เออ ก็ถูกของมัน “มันก็คงจะทรมานแหละพี่บอมบ์ คืองี้พี่บอมบ์ สังคมนี้อ่ะมันมีหลายกลุ่ม หลายเรื่องราวด้วยกันไง กลุ่มหนึ่งก็ยอมรับตัวเองและเปิดเผยต่อสังคม อีกกลุ่มหนึ่งยอมรับตัวเองแต่ไม่เปิดเผย อีกกลุ่มพยายามปฏิเสธความเป็นตัวตนของตัวเอง แล้วที่หนักๆก็ทั้งปฏิเสธตัวเองและหาอะไรมาเป็นภูมิคุ้มกัน เช่นคบหญิงบังหน้า หรือพยายามคบเพื่อนฝูงที่ห้าวๆ อะไรแบบนี้ ๒ กลุ่มหลังนี่เป็นแบบว่า อยู่ในภาวะกลืนไม่เข้า คายไม่ออก”

“อือ เฮ้ย ถึงกูจะยอมรับตัวเองแต่ใช่ว่ากูจะชอบผู้ชายคนอื่นๆนะ กูชอบผู้หมวดคนเดียว แต่ถ้ามีโอกาสกูก็ยังเหล่หญิงเหมือนเดิมแหละ เพราะกูชอบอะไรที่มันตู้มๆ อูมๆว่ะ”

“หนูก็ไม่ได้ชอบผู้ชายเรี่ยราดนะพี่บิมบ์ โอเค เห็นก็อาจจะปิ๊งๆบ้างแหละ หุ่นดี สเปคได้ แต่ถ้าให้เข้าไปจีบเหรอ ไม่อ่ะ คือหนูเป็นตุ๊ดที่ค่อนข้างจะสงวนกิริยานิดหนึ่ง ไม่ใช่ตุ๊ดล่าแต้มล่าคะแนน นี่มาถึงเรื่องไอ้แป๊ก หนูว่ามันน่ะน่าสงสารนะพี่บอมบ์ คือมันจะเปิดเผยว่ามันชอบผู้ชายก็ไม่ได้ จะไปคบหญิงก็ไม่ดี ครึ่งๆกลางๆ จะออกตัวแรงว่าเป็นเกย์ทางบ้านจะว่ายังไง ครั้นจะไปคบหญิงแล้วถ้าวันหนึ่งความแตกขึ้นมา หญิงก็คงจะเสียใจ หนูว่าคนแบบนี้มีในสังคมเยอะนะพี่บอมบ์ พวกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเนี่ย”

“เลยได้แต่อมพะนำเอาไว้”

“ใช่ เพื่อนหนูบางคนก็เป็นนะพี่บอมบ์ คือพวกนางเนี่ยแอ๊บแมนทั้งคู่ แอบกินกันมาตั้งแต่ม.๔ แต่ตอนนี้พวกนางไปคบหญิง หนูก็ได้แต่สงสารหญิงอ่ะพี่บอมบ์ ผัวเธอตอนกลางวัน แต่เมียฉันตอนกลางคืนอะไรแบบนี้อ่ะ จะเปิดเผยให้โลกรับรู้ว่ากูเป็นเกย์ก็ยาก ครั้นจะไม่มีฟงมีแฟนทางบ้านก็ถามไถ่ พอมีไปแล้ว หอยกาบหรือจะสู้หอยหลอด เฮ้อ ขนาดหนูเป็นตุ๊ด เข้าใจว่าตัวเองเป็นรับมาตลอด แต่พอมีแฟน ขอโทษนะ ดอกกกกกกกกก ให้กูรุกจนกูลืมว่ากูเป็นตุ๊ด”

“ฮ่าๆๆๆๆ แล้วเคยขอฝรั่งรุกบ้างไหม”

“ไม่อ่ะ หนูอยากมีผัวไม่ได้อยากมีเมีย มีเมียจวยใหญ่นี่รับไม่ได้ ฮ้าว กี่โมงแล้วอ่ะพี่บอมบ์ โหย ตี ๑ ครึ่งแล้ว อีก ๑๕ นาทีจะออกเวรแล้ว ดีใจจัง”

“แหม่ ทำเป็นตื่นเต้นนะมึง ที่จริงเวลานี้กูควรจะได้หลับได้นอนแล้วเหอะ”

“พี่บอมบ์ก็ หนูขอโทษ หนูกลัวผีนี่นา แต่ครั้งหน้าหนูจะไม่กลัวแล้วละ จะไปขอคาถาป้องกันผีจากพี่มหา พี่มหานี่ก็เก่งเนอะ ไล่ผีได้ด้วย พอได้มานะ หนูจะเสกด้วยคาถา โอม มะลุ๊งกุ๊งกิ๊ง ผีตนใดที่น่ารักในโลกหล้า จงมาสยบแทบเท้าของกู แล้วก็ปิ๊งๆๆๆ”มันทำท่าวาดไม้คทาศักดิ์สิทธิ์ เออ ทีตอนนี้ล่ะกล้าเชียว

“ตุ๊ดเพ้อ”

“ฮ่าๆๆ นี่ถ้าไม่ใช่คนหน้าตาดีทำไม่ได้นะเนี่ย เออ แต่หนูต้องขอคาถาจากพี่มหาแหละ พี่มหาปราบผีได้”

“เออ ก็มันบวชมานานนี่นา เฮ้ย หนู มึงได้กลิ่นสาบอะไรไหมวะ”

“อะไรอีกเนี่ยพี่บอมบ์ มีแต่กลิ่นถังส้วมนี่แหละที่โชยมา”

“เฮ้ยมึง กลิ่นแม่งเหมือนอะไรเน่าเลยว่ะ”กลิ่นเน่ารุนแรงมากเลยครับ

“พี่บอมบ์อ่ะ หนูหลอนอีกแล้วนะ”

“เฮ้ย กูพูดจริงหนู กลิ่นเหมือนอะไรตายเลยว่ะ”ผมพยายามมองหา จากนั้นก็เดินสำรวจรอบๆกองร้อย มันไม่มีอะไรผิดปกตินี่หว่า อีหนูเดินเกาะแขนผมแน่นเลยครับ พอเดินเข้าไปใกล้น้องน้ำกลิ่นยิ่งรุนแรง ผมเดินเข้าไปเปิดทีละประตู ก็ไม่มีอะไร “มึงไม่ได้กลิ่นจริงเหรอหนู”

“จะได้กลิ่นอะไรอ่ะพี่บอมบ์ ก็มีแต่กลิ่นเยี่ยวนี่แหละ พี่บอมบ์ลืมถอนขนจมูกป่ะเนี่ย”

“จะบ้าเหรอ แม่ง แหวะ อะไรมาตายในนี้วะ ห่า”แล้วผมก็หยิบมือถือว่าดูเวลา จากนั้นจึงเดินไปข้างนอก ดูเวลาอีกครั้งแล้วนิ้วมันพลาดไปจิ้มโดนกล้อง แล้วชัตเตอร์แช๊ะหนึ่ง แล้วผมก็ยกกล้องขึ้นมาถ่ายเล่นๆอีกแช๊ะหนึ่ง จากนั้นก็เก็บมือถือลงกระเป๋า

“ไปเหอะพี่บอมบ์ ออกเวรได้แล้ว”

“เออๆ ตัวอะไรมาตายแถวนี้วะ เดี๋ยวมาดูตอนกลางวันเอาละกัน”จากนั้นผมก็เดินไปหน้ากองร้อยแล้วมีรุ่นน้องมารับเวรต่อ มันมองหน้าผมแปลกๆ คิดว่าผมไปล่อตูดอีหนูมาแน่เลย

ถอดรองเท้าถุงเท้า ถอดชุดพรางแขวนไว้ที่ตะปูขอบหน้าต่าง จากนั้นก็มุดมุงเข้าไปนอน ตี ๕ หน่อยๆก็เปิดไฟแล้วลงมารวมแถว ผมโดนแซวว่าเมื่อคืนทำอะไรอีหนูหรือเปล่า เวรโรงที่มารับต่อจากผมเล่าให้คนอื่นฟัง ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ดึงอีหนูเข้ามากอดแล้วทำท่าทางหัวร่อต่อกระซิกจิ๊กๆจั๊กๆใส่อีหนู พวกมันก็โห่หิ้ว ภารกิจดำเนินไปจนมาถึงช่วงเปลี่ยนเวร วันนี้ป๋าเข้าสิบเวรครับ คงจะวุ่นวายน่าดูเพราะพวกผมจะชิว ป๋าพูดอะไรไม่ฟัง จ่านิคเลยให้ผมเข้าผู้ช่วยสิบเวร ตายห่า เมื่อคืนกูยังไม่ได้นอนเลย ผมเลยปฏิเสธไปแล้วก็มีพี่ใหญ่คนหนึ่ง อายุน้อยกว่าผม ๒ ปี รับหน้าที่เข้าผู้ช่วย คือที่จริงพี่ใหญ่คนนี้แกควรจะปลดไปตั้งแต่ ๒ ปีที่แล้วแล้วครับ แต่ว่าแกสมัครต่อเพราะแกลงใต้ไง และคาดว่าน่าจะปลดพร้อมพวกผมครับ ผมก็ไม่ค่อยสนิทกับแกเท่าไหร่นัก

เปลี่ยนสิบเวรแล้ววันนี้ก็ว่างครับ พักผ่อนอีกตามเคย คิดถึงหมวดบูมกับหมวดเต้ย ปกติเวลาพี่แกอยู่พอจะชื่นใจบ้าง แต่นี่ต้องไปฝึก ผมก็ไม่รู้จะไปฝึกทำไมติดๆกันมากนัก คือถ้าเอาเรื่องหมายที่พวกผู้หมวดไปฝึกมาติดที่หน้าอกเนี่ยผมว่าไม่น่าจะเหลือที่ว่างให้ติดหรอกครับ บ้าฝึกกันจริงเลยคู่นี้

สายๆเรามานั่งจับกลุ่มกันที่ใต้ถุน แล้วคุยเรื่องเมื่อคืน มีบางคนเข้ามาแซวผมเรื่องที่ผมอัดตูดอีหนู ใครจะพูดก็พูดไปครับ เพราะเราไม่ได้ทำ ขี้เกียจจะมานั่งอธิบาย ผมไม่ได้ตอบอะไรก็แค่ขำๆ แล้วนี่นี้ผมเล่าเรื่องเมื่อคืนให้ไอ้มหาฟัง

“อ้าว กูคิดว่ากูโดนคนเดียวซะอีก ที่จริงกูได้ยินมานานแล้วนะ แต่กูไม่พูดเท่านั้นเอง เดี๋ยวพวกมึงจะเข้าเวรไม่ได้”

“เฮ้ย มึงก็โดนด้วยเหรอวะมหา”ไอ้ศักดิ์หน้าตาตื่น

“เป็นตาย่าน”ไอ้สุภาพบุรุษ ๔ ด. ครางเบาๆ

“ก็ไม่มีอะไรหรอก นี่น่ะแค่เบาะๆ กูไม่อยากจะพูดว่าที่โรงนอนอีกฝั่งน่ะ ตอนกลางคืนกูเห็นบ่อยมาก เห็นจนชินแล้ว”

“ที่โรงนอนอีกฝั่งมีอะไรวะ”

“ก็พวกมึงจำไม่ได้เหรอที่จ่าเล่าให้ฟังน่ะว่ามีนายสิบผูกคอตายที่โรงนอนฝั่งนู้นอ่ะ ซอย ๔ มั้ง กูเห็นเขาเดินมาผูกคอทุกคืน ผูกเสร็จแล้วก็ร่วงลง แล้วก็ขึ้นไปผูกคอใหม่ ดีที่เขาไม่หลอก เขามาให้เห็นเฉยๆ”

“ไอ้ห่า แบบนี้ไม่เรียกว่าหลอกเหรอวะ หูย กองร้อยเรานี่ทำไมมันหลอนแบบนี้วะ”

“ที่จริงมีเยอะนะ แต่กูไม่พูดหรอก เดี๋ยวพวกมึงนอนไม่หลับ เอาเป็นว่าเขาไม่มาทำอะไรเราหรอก เชื่อกู”

“แต่มันหลอนนะพี่มหา แบบนี้หนูจะกล้าเข้าเวรเหรอ”อีหนูพูดเสียงอ่อย

“คิดอะไรมาก ของแบบนี้มันอยู่ที่กำลังใจเว้ย ต้องสร้างให้มันเข้มแข็ง ผีทุกตัวใช่ว่าจะมาหลอกพวกมึงได้ทุกคนนี่ กูอ่ะเจอบ่อย แต่กูก็ชิน ไม่มีอะไรหรอกน่า ว่างๆมึงก็ท่องพุทโธสิ ให้ใจสงบ บางทีน่ะเขาไม่ได้ต้องการหลอกเราหรอก แต่เราอ่ะกลัวไปเอง ถ้าไม่คิดว่ามันเป็นสิ่งน่ากลัว เราก็จะไม่กลัวเว้ย”

“พูดง่ายทำยาก”ไอ้ซันพูด

“หนูจะลองดูแล้วกัน”อีหนูพูดเสียงเบา

“พวกมึงสังเกตเห็นอะไรในคำพูดของ ไอ้ซันกับอีหนูไหม”ผมถามพวกที่มานั่งฟัง ก็ไม่ใช่ใครหรอกครับเพื่อนร่วมรุ่นบ้าง รุ่นน้องหมู่ปืนกลที่สนิทกันบ้าง

“อะไรเหรอพี่บอมบ์”ไอ้แม็คมองหน้าผม

“เมื่อกี้มึงพูดอะไรซัน”ผมถามไอ้ซัน

“พูดอะไรอ่ะอา ก็พูดว่า พูดง่ายทำยาก”ไอ้ซันตอบ

“แล้วอีหนูล่ะ”ผมมองหน้าอีหนู

“ก็พูดว่า หนูจะพยายามอะไรงี้แหละ ทำไมเหรอพี่บอมบ์”

“พวกมึงคิดตามกูนะ ที่กูถามเนี่ยเพราะอยากบอกให้พวกมึงรู้ คนเราจะประสบความสำเร็จอะไรสักอย่างได้นี่มันขึ้นอยู่กับทัศนคติและความคิดเป็นพื้นฐาน”

“ศัพท์ยากอ่ะพี่บอมบ์”ไอ้แป๊กแทรกขึ้นมา แล้วก็โดนอีหนูตีไหล่โทษฐานเสือกไม่เลือกเวลา

“เออ คือคนเราจะทำอะไรสำเร็จได้เนี่ย พื้นฐานเลยนะเว้ย ความคิด คนที่คิดลบ แบบไอ้ซันที่พูดเมื่อกี้ว่าพูดง่ายทำยาก คือแค่ความคิดก็สะท้อนการกระทำได้แล้วว่ามันเป็นคนยังไง คำพูดของคนที่ไม่มีทางประสบความสำเร็จ มักจะออกมาแนวนี้เสมอ ผมทำไม่ได้ ยากจัง ขี้เกียจว่ะ อะไรประมาณนี้ พอมีความคิดนี้เข้ามาแล้ว เราก็จะไม่พยายามทำอะไรสักอย่าง แต่กับคำพูดของอีหนู มันบอกว่าเดี๋ยวขอลองทำดู นี่ความคิดของคนสำเร็จ งานการทุกอย่างถ้าเราไม่ลองทำมันก่อนเราก็ไม่รู้หรอกว่ามันยากหรือง่าย ถ้าเราบอกว่ามันยากตั้งแต่ทีแรกมันก็จะยากตั้งแต่เริ่มต้นจนจบงาน แต่ถ้าเราคิดว่าลองดูสักตั้งว่าจะไหวไหม พิสูจน์ตัวเองซิว่าเราทำมันไหวหรือเปล่า ดีไม่ดีเราอาจจะได้งานง่ายๆ พอทำเสร็จแล้วมันก็ง่าย แต่ถึงงานมันจะยากแล้วเราทำงานไม่เสร็จ เราก็จะรู้จุดด้อยของงานว่าที่เราทำไม่เสร็จเพราะอะไร คือบางคนยังไม่ทันจะลงมืออะไรเลยก็บ่นว่ายากไปก่อนแล้วอ่ะ เข้าใจป่ะ ฉะนั้นมึง ไอ้ซัน ถ้ามีความคิดแบบเมื่อกี้อีก พ่อตามึงไม่ปลื้ม มึงเข้าใจกูป่ะ”

“ครับอา แต่ว่า...”

“รักลูกสาวเขา ต้องทำตัวเราให้เหมาะสม ถ้าคิดว่าเราเป็นหมา มันก็ยังเป็นหมาอยู่วันยังค่ำ มึงจะไม่รู้สึกพอใจเลยว่ามึงคู่ควรกับเขา เพราะมึงคิดว่ากูนี่แค่หมา แต่ถ้ามึงคิดว่ามึงจะพัฒนาตัวเองทุกวัน ไม่ให้ใครมามองเราด้วยหางตา เมื่อถึงวันหนึ่งที่มึงสำเร็จนั้นแหละมึงจะมีความภาคภูมิใจ เริ่มตั้งแต่ตอนนี้เลย คือความคิดของมึง ท่องเอาไว้ ไม่มีอะไรที่ทหารใหม่ ทำไม่ได้ ทำไม่ไหว ทำไม่ทัน”

“ฮ่าๆๆๆ เอียนกับคำนี้ว่ะอา”

“เออน่า ลูกผู้ชายต้องใจหน่อยเว้ย ไอ้พวกดีแต่กับหมา กล้าแต่กับผู้หญิงนี่ เขาเรียกไอ้พวกนักเลงเห็บหมา คนแท้ต้องทนต่อการพิสูจน์ทุกอย่าง ใช่ไหมหนู”

“ใช่ เป็นตุ๊ดต้องอดทน รถพ่วงชนต้องไม่ตาย ฮ่าๆๆ”

“ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตละวะ รถพ่วงตั้ง ๑๘ ล้อ ชนทีนี่แบนยิ่งกว่ากล้วยตากกำแพงเพชรอีกมึง”

“เออ แต่มีเรื่องหนึ่งที่กูยังไม่เคลียร์เว้ย เรื่องกลิ่นน่ะ มันมาจากไหนวะ กูงงมาก กลิ่นเหมือนอะไรสักอย่างตาย จะว่าหมาเน่าก็ไม่ใช่”แล้วผมก็หยิบมือถือมารับโทรศัพท์ ไอ้ภูมิขอรูปผม ผมเลยเปิดไฟล์ภาพแล้วหารูปส่ง แต่ยังไม่ทันส่งก็ต้องผงะเมื่อเห็นภาพหนึ่ง “เฮ้ย”ผมทิ้งโทรศัพท์ลงพื้นโต๊ะเลยครับ คนอื่นๆก็พลางตกอกตกใจไปด้วย

“เหี้ยอะไรของมึงวะบอมบ์”ไอ้ศักดิ์ถามผม

“ไอ้เหี้ย ตัวเหี้ยอะไรในโทรศัพท์กูวะ”ผมชี้ไปที่โทรศัพท์

“อะไรของมึงวะบอมบ์ เฮ้ย ไอ้ห่าเอาแล้วไงมึง”ไอ้มหาหยิบมือถือผมขึ้นมาดู จากนั้นพวกที่นั่งอยู่ในกลุ่มผมก็มุงดูแล้วก็ตกอกตกใจกัน “มึงไปโหลดมาจากไหนวะบอมบ์ ไอ้ห่า โคตรหลอน”

“โหลดบ้าโหลดบออะไร รูปนี้กูถ่ายเมื่อคืน ไม่เชื่อถามอีหนูดู”

“พี่บอมบ์อ่ะ นี่ใช่ไหมที่พี่บอมบ์ได้กลิ่นเหม็นเน่าอ่ะ”อีหนูกอดแขนผมแน่นเลยครับ ผมหยิบมือถือมาดูอีกครั้งในรูปเป็นรูปแบบมืดๆ แต่มีเงาอยู่เงาหนึ่งชัดเจนมาก เป็นเงาลักษณะรูปร่างคล้ายคน แต่สูงผอม ตาแดงก่ำ เหมือนกำลังคว้าอะไรมากิน นั่งยองๆอยู่ด้านหลังห้องน้ำ รูปนี่ที่ผมตั้งใจกดถ่ายรูปนี่เอง ทำไมเมื่อคืนไม่เห็น ทำไมเพิ่งจะมาเห็นเอาตอนนี้ ผมงงเลยครับ

จากนั้นก็มีคนมาขอดูรูปที่ผมถ่ายติดวิญญาณ คนนั้นแย่งไปดูทีนี้แย่งแย่งมาดูทีแล้วก็วิพากษ์วิจารณ์ บางคนมาขอผมบลูทูธ เอ่อ ก็อยากให้อยู่นะ แต่เป็นที่รู้ที่ไอ้สมาร์ทโฟนยี่ห้อนี้แม่งหยิ่ง ถ้าไม่ใช้ยี่ห้อเดียวกับของมันก็บลูทูธไม่ได้ ต่างคนต่างแต่ขอดู จากนั้นก็วิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆนานา

“กูว่าเปรตชัวร์เลยว่ะ แต่กูงงทำไมไม่อยู่ในวัดวะ”ไอ้ศักดิ์ออกความเห็น

“เปรตไม่ได้อยู่แค่ในวัดเว้ย แถวบ้านกู ตามทุ่งตามท่า ตามเวรกรรมของเขา แต่ส่วนใหญ่จะอยู่วัดเพราะว่าตรงนั้นเป็นเขตบุญ เวลาเขาทำบุญให้อ่ะจะมีสิทธิได้รับผลบุญก่อนใครเว้ย มันเลยเยอะแต่ตามที่ทั่วไปก็มี ที่เฮี้ยนๆอะไรแบบนี้”ไอ้มหาอธิบาย

“น่ากลัวว่ะพี่ คืนนี้ใครจะกล้าเข้าเวรโรงเนี่ย”ไอ้แม็คทำหน้าหลอน

“กูไม่รู้ด้วยนะ คืนนี้ใครจะเจอแจ๊กพอต หึหึ กูสบายตัวไปสักอาทิตย์หนึ่งว่ะ”ผมยิ้ม

“กูไปบอกบก.ร้อยดีกว่าว่ากูไม่ขอเข้าเวรโรง ขอเข้ากองการณ์ดีกว่า”ไอ้นนท์ออกความเห็น

“ไอ้พวกเข้ากองการณ์น่ะระวัง ไม่เจอผีแต่เจอกะเทยนี่หลอนไป ๑๐ เดือนเลยนะมึง ฮ่าๆๆๆ”

ออฟไลน์ Akikojae

  • พี่ยุนรักน้องแจ ★彡
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1137/-17

ออฟไลน์ yokky34

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
แหงะ แง๊ หนูนอนไม่หลับอ่ะ หลอนนนน

ออฟไลน์ ทิวสนที

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 763
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0

ออฟไลน์ shikyu3211

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1537
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-1

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
 :sad5: แง้.....เรื่องผีๆ ยามกลางคืนอีกแล้ว  หลอน บรึ้ยยย

ออฟไลน์ populijang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 75
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โอ๊ยยยย!!!!!ฮามากอ่ะเรื่องนี้
ทำงานอยุ่ขำออกมาคนเดียว
จนเพื่อนถาม (มึงบ้าหรอ)
อดไม่อยุ่ ไม่อยากให้จบเลย
คลายเครียดได้ดีมากเลย
เหนื่อยงานแล้วอ่านเรื่องนี้
ความเหนื่อยความเครียดหายเลย
มีแต่ความเกรียนเท่านั้น :mew4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด