ตอนที่ ๗๓ อารมณ์
“หน้าละห้อยเชียว”อีหนูจิ้มที่หัวไหล่ผมพูดเบาๆหลังจากที่ส่งผู้หมวดที่โรงรถ
“ทะลึ่งแล้วหนู ละห้อยละเหี่ยวอะไรของมึง ไม่มีเว้ย”ผมกอดคออีหนูเข้ามาฟัดมาเหวี่ยง
“ฮ่าๆๆๆ”หัวเราะถูกอกใจของมันไป
เดินไปตลาดบรรยากาศยังเหมือนเดิมล้งเล้ง ผมไปตลาดแม่ค้าแม่ขายซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นบรรดาเมียจ่าก็ถามไถ่ว่าผมหายไปไหนมา ผมก็เข้าไปทักทายคนนู้นทีคนนี้ที ร้านไหนลูกสาวสวยก็คุยนานหน่อยครับ คุยไปคุยมาแล้วตบท้ายด้วยการกินข้าวมื้อเย็นอีกรอบหลังจากที่กินไปแล้วเมื่อประมาณ ๖ โมงเย็น
๒ ทุ่มครึ่งเราคงทำกิจวัตรทุกอย่างเหมือนเดิม พรุ่งนี้ก็ ๓๐ เมษายนแล้วสิ ถึงเวลาที่พวกรุ่นพี่จะต้องปลดประจำการไปเป็นพลเรือนแล้ว พวกผมก็คงต้องอยู่ทำหน้าที่กันต่อไป หน้าที่ชายไทย
มหานำสวดมนต์และกล่าวคำปฏิญาณจบแล้ว พวกเรามานั่งรวมที่หน้ามุขกลางเพื่อรอบสิบเวรเช็คยอดนอนในคืนนี้ ก่อนสิบเวรจะขึ้นมารุ่นพี่ก็ออกมากล่าวอะไรเล็กๆน้อยๆกับน้องๆ ในฐานะที่เข้ามาประจำการก่อนและมีประสบการณ์มากกว่า ส่วนใหญ่ก็บอกให้อดทน เขาให้ทำอะไรก็ทำ เชื่อฟังรุ่นพี่ อย่าปีนเกลียว การช่วยกันทำงาน อย่าแจงเวรอะไรแบบนี้นะครับ รุ่นพี่ที่ดีก็มีนะครับ แต่ไม่กี่คน ส่วนมากมีแต่รุ่นพี่หลบๆอู้ๆ ก็เหมือนกับผลัดเดียวกันกับผมล่ะครับ พออยู่นานแล้วมันเจนสนาม รู้ทางหนีทีไล่ ไม่ว่ากี่รุ่นต่อกี่รุ่นปัญหาก็ยังเหมือนเดิม เพราะนิสัยคนมันถูกถ่ายทอดมาแบบซ้ำๆ
รุ่นพี่กล่าวทิ้งทวนเสร็จแล้ว สิบเวรก็มาพูดคุย เช็คยอดอีกครั้งหนึ่งเพื่อความแน่ใจ สิบเวรกำชับรุ่นพี่ว่าอย่าหนีเที่ยวไม่งั้นจะโดนโทษหนักและไม่มีความปรานี ส่วนรุ่นพี่ที่โดนจับยาบ้าเมื่อครั้งนั้น ตอนนี้ยังติดคุกอยู่ครับ คาดว่าจะปล่อยตัวหลังจากที่คนอื่นปลดกันไปแล้ว ๑ เดือน
“ร้อนว่ะ”กางมุ้งเรียบร้อยใกล้เวลาจะ ๓ ทุ่มแล้ว ผมมุดเข้าไปในมุ้งถอดเสื้อออก ไม่ไหวครับขนาดเปิดพัดลมเบอร์ ๓ ใบพัดแทบจะหลุดออกจากขั้วยังไม่หายร้อนเลย จะนอนเปล่าๆโดยไม่มีมุ้งยุงก็เยอะซะด้วย พอกางมุ้งเสร็จเข้ามานอน ลมก็พัดเข้ามาในมุ้งนิดหน่อย ก็นอนไปทั้งแบบนั้น ถ้าอยากสบายก็กลับไปอยู่บ้าน
“ตื่นๆๆ”
“ตื่นโว้ย วันสุดท้ายแล้ว กูจะปลดแล้วโว้ย”
“อยากปลดจังเลยพี่บอมบ์ ฮ้าว”
“คนที่อยู่ก็สู้กันต่อไป”คำๆนี้ไม่ว่ากี่รุ่นต่อกี่รุ่นก็มักจะกล่าวแบบนี้ ก็คงต้องอยู่ ต้อยทนต่อไป อีกแปบเดียวก็ถึงคราวของเราบ้าง ไม่นานเกินรอ แค่ปีเดียว แต่ละปีผ่านไปไวยิ่งกว่าอะไรดี ก็ได้แค่ปลอบใจตัวเองไปครับ ฮ่าๆๆ
“ในที่สุดวันนี้ของพวกกูก็มาถึง ฮ่าๆๆๆ”รุ่นปลดพากันหัวเราะอย่าสะใจ พวกผมเองก็พารีบใส่ถุงเท้า หยิบรองเท้าผ้าใบกับขันสบู่วิ่งลงไปด้านล่าง เอาขันสบู่กับผ้าเช็ดตัววางบนโต๊ะปิงปองแล้วใส่รองเท้า เดินไปเข้าห้องน้ำห้องท่าให้เรียบร้อยจากนั้นก็รีบมารวมแถวที่หน้ากองร้อย ใช้เวลาไม่เกิน ๑๐ นาทีในการจัดการธุระก่อนรวมแถว ผู้ช่วยสิบเวรสั่งจัดแถวเสียงดัง
“เอาหน่อยพี่ เอาหน่อย วันสุดท้ายแล้ว”ผู้ช่วยสิบเวรนี่เป็นรุ่นรองนะครับ รุ่นที่จะปลดผลัดหน้า สนิทกันเลยพูดกันแบบนี้
“กูเอาตั้งแต่มึงยังไม่ขึ้นกองร้อยเว้ย”รุ่นพี่ที่เกรียนๆตอบกลางแถวเสียงดัง ก็ขำกันไปครับ พอสั่งนิ่ง เช็คยอดว่าครบหรือเปล่า จากนั้นก็บอกสิบเวร ผู้ช่วยสิบเวรพาแถวไปรวมที่หน้าลานพระบรมรูปในกองพัน แล้วสิบเวรก็เดินตามมาด้วยครับ ครู่หนึ่งนายทหารเวรก็มาเช็คยอดว่าแต่ละกองร้อยยอดเท่าไหร่ พอทราบจำนวนจึงสั่งให้ไปวิ่งออกกำลังกายรอบสนามฟุตบอล กองร้อยละ ๑ รอบ เรียกว่าวิ่งกันพอเป็นพิธีครับ รอบเดียวเหงื่อยังไม่ทันซึมถึงร่องตูดเลย
วิ่งเสร็จแล้วมาอาบน้ำ เหตุที่ผมต้องเอาขันสบู่ลงมาก่อนก็เพราะว่าไม่ต้องวิ่งขึ้นไปด้านบนให้เสียเวลาครับ แค่ถอดรองเท้ากับถุงเท้าวางไว้ที่เหมาะๆ จากนั้นก็เดินเท้าเปล่าเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำอาบท่าอย่างสบายอารมณ์ อาบน้ำไปคุยกันไปหัวเราะขำขัน ใครจังไรหน่อยก็ตดเสียงดังลั่น ผมรีบอาบให้เร็วที่สุด มีอะไรก็รีบๆทำครับ อาบเสร็จเดินไปหยิบรองเท้าถุงเท้าขึ้นไปด้านบน แต่งตัวชุดฝึกพราง
“พี่บอมบ์หล่ออ่ะ ชอบจัง”อีหนูมันยังฉอเลาะผมไม่เปลี่ยนแปลง คือผมใส่กางเกงในสีดำตัวเดียวกำลังยืนทาแป้งอยู่หน้าตู้ มันพูดแซวผมทั้งที่ตัวมันเองกำลังเอาหน้ามุดตู้เสื้อ ตกลงคือความหล่อของกูต้องมุดตู้ถึงจะเห็นใช่ไหมวะหนู
ผมทาแป้ง หยิบกางเกงมาใส่ ใส่เข็มขัด จากนั้นก็รัดท็อปที่ขากางเกง รัดท็อปนี่คือมันจะเป็นแผ่นยืดนะครับ กว้างประมาณ ๒ หรือ ๓ นิ้วนี่แหละครับ จะเอามารัดที่บริเวณเหนือตาตุ่มขึ้นมาประมาณคืบหนึ่ง พอรัดท็อปเสร็จก็จะใส่ซิ่ง ซิ่งคือผมไม่แน่ใจว่าเป็นพลาสติกหรือเปล่านะครับ เรียกไม่ถูกแต่มันเป็นแผ่น กว้างประมาณ ๒ นิ้ว ยาวประมาณ ๑ ฟุตกว่าๆครับ สามารถงอได้ จะเอาไว้ยัดเข้าใส่ในกางเกง เราจะใส่ที่ขาทั้ง ๒ ข้างนะครับ พอเราใส่ซิ่งไปแล้วเนี่ยมันจะเป็นวงกลมพันรอบขาพอดี พอมันตกลงไปอยู่ตรงรัดท็อป ขากางเกงมันจะเป็นกระบอกสวยงามครับ
รัดท็อปใส่ซิ่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว หยิบเสื้อพรางมาใส่ เสื้อพรางนี่ต้องพับแขน เพราะไม่ได้อยู่ในช่วงฝึกเราต้องพับแขนให้สวยงาม เขามีกำหนดมาด้วยนะครับว่าต้องพับให้ได้ขนาดเท่าไหร่ บางคนพับแขนเสื้อใหญ่เกินไปมันก็จะดูเหมือนเป็นจ่าแก่ๆ โดนลงโทษอีกด้วยครับ ความกว้างของการพับแขนเสื้อพรางไม่ให้กว้างเกิน ๔ นิ้วมือเรา พอเราเอานิ้วมือไปทาบนี่ต้องได้ประมาณนี้ อาจจะหย่อนหรือเกินไปบ้างไม่เป็นไร แต่อย่าให้กว้างเกินไปจนดูเหมือนเป็นจ่าแก่ๆใกล้เกษียณ เดี๋ยวเขาจะหาว่าเลียนแบบผู้บังคับบัญชา
ใส่เสื้อติดกระดุมเรียบร้อยแล้วหยิบหมวดเปเล่ บางที่เขาจะเรียกว่าไปเล่ ส่วนภาษาปากที่นี่เขาเรียกกันจนชินปากว่าหมวกเปเล่ หมวกเปเล่ ภาษาทางการที่เรียกกันคือหมวกทรงอ่อนสีดำ เอาหมวกเปเล่มาพับแล้วสอดที่บ่าด้านซ้าย บางคนเคยทะลึ่งเอาหมวกเปเล่ใส่กระเป๋ากางเกงด้านข้าง โดนด่าและโดนแดกเลยครับ ที่เขาไม่ให้ใส่กระเป๋ากางเกงเพราะบนหมวกจะมีตราอุณาโลมอยู่ครับ ควรวางไว้ที่สูง พวกเราก็จะเอามาสอดที่บ่าซึ่งมีอินธนูอยู่ครับ
พอเสร็จแล้วปิดตู้แล้วล็อกให้เรียบร้อย ตบๆจัดแจงที่นอนอีกครั้งให้เรียบร้อย ที่นอนต้องตึงเป๊ะ การพับผ้าห่มต้องพับยังไง สอดยังไง เขาจะสอนมาหมดแล้วต้องทำแบบนี้ทุกวัน และจะมีการตรวจเตียงด้วย เตียงนอนใครไม่เรียบร้อย คนนั้นโดนแดกไปครับ พอผมเห็นว่าเตียงนอนของผมเรียบร้อยแล้วก็ก้มหยิบรองเท้าคอมแบท ที่สำคัญอย่าลืมกระเป๋าสตางค์หรือมือถือไว้เด็ดขาด เพราะถ้าหายไปไม่มีใครรับผิดชอบหรอกครับ มันมีคนแค่ไม่กี่คนก็จริง แต่สันดานโจรเราก็รู้ๆกันอยู่ มันทำไม่มีใครยืดอกมารับหรอกว่ามันทำ แล้วก็ลอยนวลไปก็หลายครั้ง เอาข้าวของที่จำเป็นมาแล้วก็ลงมาด้านล่าง ใส่รองเท้าคอมแบทอย่างรวดเร็วแล้วรีบวิ่งไปรวมที่สนามบาสหน้ากองร้อย
ทุกเช้าเราก็จะวุ่นวายกันแบบนี้แหละครับ ต้องรีบทำการงานส่วนตัวทุกอย่างให้รวดเร็ว อย่าให้เขามาด่ามาว่าเราได้ บางคนที่เก๋าเกมส์หน่อยก็ตีหน้าเซ่อ ทำหน้ามึนเอื่อยเฉื่อย โดนลงโทษทีก็ดีไปไม่กี่วัน วันหลังก็เอาอีก แบบนี้เขาจะเรียกกันว่าไอ้พวกหน้ามึนครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องดูสิบเวรหน่อย อย่างวันไหนหมู่อาร์ตเข้าสิบเวร ทุกคนก็จะกระเตื้องหน่อยเพราะหมู่อาร์ตหาเรื่องแดกทหารได้ทุกเรื่อง แต่ถ้าเจอสิบเวรไม่ค่อยอะไรมาก ใจดีหน่อยก็พาทำเอื่อยเฉื่อย ส่วนผมก็ไม่ใช่ว่าจะแอคทีฟตลอดหรอกครับ มีทำไม่ทันบ้าง ทำเร็วกว่าคนอื่นบ้าง อยู่ในเกณฑ์กลางๆ โดนแดกพอเป็นกระษัย เดี๋ยวจะหาว่า โห ไอ้บอมบ์นี่แม่งเปอร์เฟ็คแมนว่ะ ก็มีดี มีไม่ดีปนๆกันไป วันไหนอารมณ์ดีหางก็ไม่โผล่ วันไหนโมโหก็ว่ากันตามเรื่องตามราว
“ตอนเรียง ๕ ทั้งหมด จัดแถว”สิบเวรสั่งเสียงดัง พวกผมรีบจัดแถวกันย่างรวดเร็ว ไอ้พวกที่มาช้าก็วิ่งดุ๊กๆกันมา “เฮ้ย ไอ้พวกมาช้า หมอบเลย หมอบ”พวกที่มาช้าโดนแต่เช้าเลยครับ ก็มีรุ่นพี่ปนๆกับรุ่นน้องครับ หลายคนเลยทีเดียว “คลานต่ำมา”สิบเวรสั่ง ปกติสิบเวรคนนี้แกก็ไม่ถึงกับใจดีและไม่ถึงกับใจร้ายครับ “ข้างในยุกยิกอะไร จะปลดแล้วไม่เอาเหี้ยอะไรเลยใช่ไหม”สิบเวรทำหน้าเข้ม ทำเอาพวกผมใจฝ่อกันเลยทีเดียว สิ่งที่เราเกลียดมาอย่างหนึ่งคือการโดนแดกรวมครับ ผมไม่ค่อยชอบเลยกับการแดกรวม เพราะมันผิดแค่ไม่กี่คนแล้วมาลงโทษรวมกันทั้งหมด ไอ้คนที่ทำดีแล้วก็หมดกำลังใจน่ะสิครับ “พอๆ รีบมาเข้าแถว”จากนั้นพวกที่คลานต่ำก็มาเข้าแถวอย่างรวดเร็ว สั่งจัดแถวอีกครั้งจากนั้นก็เช็คยอดอีกทีแล้วจ่ายงานให้ไปทำความสะอาด คนอื่นเขาได้งานหมดยกเว้นผมคนเดียวที่ไม่มีงานทำครับ สงสัยสิบเวรไม่กล้าให้ผมทำงาน
“ไม่มีงานให้ผมทำเหรอครับหมู่”ผมถามหลังจากที่สิบเวรจ่ายงานไปหมดทุกจุดที่กองร้อยเรารับผิดชอบแล้ว
“ไม่ต้องก็ได้มั้ง”หมู่ตอบแบบเกรงใจ
“งั้นผมไปทำความสะอาดห้องผู้หมวดแล้วกันครับ”
“อืมๆ ตามใจ อยากทำตรงไหนก็ทำ อย่าให้หมู่เดือดร้อนแล้วกัน”หมู่พยักหน้า แล้วผมก็ขึ้นไปทำความสะอาดห้องผู้หมวด เก็บกวาดโต๊ะทำงาน เช็ดถูในส่วนที่ทำได้ ห้องทำงานพี่แกเริ่มจะรกขึ้นทุกวันครับ ทำไปได้ครึ่งชั่วโมง ผู้หมวดก็มาถึงกองร้อย ซื้อของกินมาเผื่อผมด้วยแฮะ
“ไม่ให้คนอื่นเข้ามาทำล่ะ”หมวดบูมวางของลงบนโต๊ะแล้วถามด้วยความฉงนที่เห็นผมกำลังงกๆเงิ่นๆกับการกวาดเศษดินเศษฝุ่น ผมพิงไม้กวาดไว้กับโต๊ะแล้วเดินไปกอดพี่แกทีหนึ่ง ตามด้วยการหอมแก้มแรงๆสักฟอด แต่การหอมแก้มมันก็ไม่พอสำหรับผม จับจูบซะเลย “เดี๋ยวไม่ได้ทำงานหรอก”หมวดบูมพูดหลังจากที่เราผละจูบออกจากกัน เออ มันก็จริงอย่างที่พี่แกว่านั่นแหละครับ
“นี่ซื้อมากินหรือซื้อมาขายต่ออ่ะผู้หมวด”
“ซื้อให้ควายกิน คนกระเพาะควาย มันกินเยอะ”
“หึหึ ดีนะเราไม่ใช่ควาย เราเป็นหนุ่มน้อยน่ารัก”ผมทำท่ากุ๊กกิ๊กใส่ผู้หมวด
“บอมบ์ ขอร้อง มันไม่ได้ช่วยให้น่ารักขึ้นเลยว่ะ ฮ่าๆๆๆ”
“จุ๊บ”ผมยื่นหน้าไปจุ๊บปากพี่แกทีหนึ่งแล้วหรี่ตาถาม “แล้วแบบนี้ล่ะน่ารักไหม”
“ไอ้สัส กูเขิน”หมวดบูมหน้าแดงเห่อขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ฮ่าๆๆ ผมยิ้มแล้วก็กวาดห้องต่อไป ส่วนผู้หมวดพี่แกก็ช่วยเก็บนู้นเก็บนี่จนผมเห็นว่าใกล้เวลาจะกินข้าวมื้อเช้าแล้ว ผมก็ขออนุญาตผู้หมวด
“เดี๋ยวผมไปกินที่โรงเลี้ยง แล้วผมจะกลับมากินเป็นเพื่อนนะครับ”
“ทำไมต้องไปด้วย”
“เดี๋ยวเขาจะหาว่าเราไม่เอาเพื่อนเอาฝูงสิครับ อีกอย่างตอนนี้ฐานะของผมก็แค่ทหารเกณฑ์ เราทำอะไรก็อยู่ในขอบเขตของฐานะของตัวเอง เดี๋ยวผมกลับมากินข้าวกับผู้หมวดด้วย ผมไปให้เขาเห็นหน้า เขาจะได้ไม่ว่าผม โอเคนะครับ”
“อืม อย่ากินเยอะจนกินของพวกนี้ไม่ไหวแล้วกัน”ผู้หมวดยิ้มให้อย่างเข้าใจผม ผมยื่นหน้าไปหอมแก้มพี่แกอีกทีก่อนจะเปิดประตูออกจากห้อง หยิบคอมแบทลงมาใส่ที่ตีนบันได ครู่หนึ่งนกหวีดดังทุกคนรีบวางมือจากงานที่ทำแล้ววิ่งมารวมอย่างรวดเร็ว พอรวมแถวได้แล้วก็เดินแถวไปรอกินข้าวที่หน้าโรงเลี้ยง พวกที่ไปทำความสะอาดในส่วนอื่นๆก็ทยอยพากันมาที่หน้าโรงเลี้ยง บางคนก็ไปตลาดซื้อตับปิ้ง หมูปิ้ง แหนมปิ้งหรืออะไรก็ว่ากันไป เขาเรียกว่าอาหารเสริมครับ ไม่ใช่วิตามิน แต่เอาเมาเสริมอาหารหลักอีกที ซึ่งอาหารหลักก็ที่รู้กัน ผมบ่นมานานมากแล้ว ฮ่าๆๆ
พอใกล้เวลาที่นายทหารเวรจะมาแล้ว แต่ละกองร้อยก็สั่งจัดแถวหน้ากระดาน ในกองพันผมมีอยู่ ๕ กองร้อยครับ ก็จะมีกองร้อยอาวุธเบาที่ ๑ ซึ่งผมสังกัดอยู่ ต่อมาก็คือกองร้อยอาวุธเบาที่ ๒ ต่อมาอีกก็จะเป็นกองร้อยอาวุธเบาที่ ๓ กองร้อยของหมวดเต้ย แล้วอีก ๒ กองร้อยเป็นกองร้อยสนับสนุน นั่นก็คือ กองร้อยสนับสนุนการรบ หรือเรียกย่อๆว่า ร้อย สสก. หรือเรียกย่อมาอีกว่า ร้อย สก. ส่วนกองร้อยถัดมาก็จะเป็นกองร้อยสนับสนุนการช่วยรบ หรือ สสช. หรือเรียกสั้นๆลงอีกว่า ร้อยสช. เมื่อแต่ละกองร้อยจัดแถวหน้ากระดานหน้าโรงเลี้ยงเรียบร้อยแล้วนายทหารเวรก็มาถึง กล่าวอะไรเล็กน้อยจากนั้นก็ให้แต่ละกองร้อยเข้าไปกินข้าวมื้อเช้า
มื้อเช้าเรากินกันไม่เท่าไหร่นะครับ ข้าวแต่ละจานก็ตักน้อยเสียเหลือเกิน ประมาณว่ามากินพอเป็นพิธีครับ กับข้าวมันไม่ถูกปาก ผมกินข้าวหมดจานก็นั่งรอคนอื่น เรากินกันไม่นานกรอกครับ ๑๐ นาทีนี่หมดจานแล้ว กินไวมาก พอแต่ละคนกินอิ่มแล้วผู้ช่วยสิบเวรสั่งลุก จากนั้นพวกที่ต้องอยู่เวรเลี้ยงก็คอยล้างจาน พวกที่ต้องไปทำความสะอาดเขตรอบนอกก็แยกย้ายกันไป พวกที่ต้องไปทำความสะอาดที่กองร้อยก็ตั้งแถวแล้วเดินไปทำความสะอาดที่กองร้อย มาถึงกองร้อยแล้วหมวดเต้ยก็มานั่งรอที่หน้ามุขกลางจัดแจงข้าวปลาอาหารจะกินกันแล้วครับ ผมก็ถูกเชิญร่วมวงกับเขาด้วย ๒ หมวดกินอย่างรวดเร็ว ผมเองก็ไม่กันแปบเดียวเกลี้ยงโต๊ะแล้ว จากนั้นผมก็เก็บจานชามเอาไปล้างครับ
“บอมบ์ ไปเปลี่ยนเป็นชุดอ่อนป่ะ”
“เปลี่ยนทำไมครับ”ผมมองหน้าผู้หมวดด้วยความฉงน
“ไปกรมไง”ผมพยักหน้าแล้วเข้าไปในโรงนอนเปลี่ยนเป็นชุดอ่อน ยังไม่ได้ซักเลยครับ ใส่ตัวเดิมทั้งอย่างนั้น ฮ่าๆๆ แต่มันก็ไม่ได้เหม็นนะ วันก่อนที่ผมใส่ ใส่ไม่นาน ยังโอเคอยู่
วันนี้นายทหารในกองพันต้องไปร่วมทำพิธีปลดทหารรุ่นพี่ ผู้กองก็มาแต่เช้าเลยครับแต่งชุดอ่อนสง่างาม หมวดบูมก็แต่งชุดอ่อนครับ ส่วนหมวดเต้ยวันนี้ได้รับภารกิจพิเศษคือเป็นนายทหารกำกับธงครับ เมื่อวานที่ผู้หมวดให้ผมเอากระบี่มาให้หมวดเต้ยก็เพราะว่าหมวดเต้ยจะต้องไปเป็นนายทหารกำกับธงนั่นเอง
นายทหารกำกับธงที่ผมพูดถึงก็คือนายทหารที่คอยยืนดูแลธงชัยเฉลิมพลนะครับ ทุกๆกองพันในประเทศไทยจะมีธงชัยเฉลิมพลอยู่ ซึ่งจะเป็นธงที่สำคัญต่อหน่วยของทหารเป็นอย่างมากครับ การเชิญธงชัยเฉลิมพลก็จะมีการเชิญในพิธีสำคัญๆเท่านั้น อย่างเช่นพิธีปลดทหาร พิธีสวนสนามสาบานธง พระราชพิธีเป็นต้น พิธีปลดนี้ก็เป็นพิธีสำคัญและศักดิ์สิทธิ์อย่างหนึ่งซึ่งชายไทยที่ต้องมารับราชการทหารต้องกล่าวอำลาธงชัยเฉลิมพล เป็นการบอกว่าพวกเราหมดวาระที่จะต้องรับใช้ชาติแล้วนะ ประมาณนี้นะครับ
การเชิญธงชัยของแต่ละหน่วยก็จะมีนายสิบเชิญธง ซึ่งจะเป็นนายสิบครับจะเป็นคนถือธงชัย และจะมีผู้ช่วยก็จะเป็นนายสิบเช่นกัน และขนาบข้างด้วยนายทหารกำกับธงซึ่งวันนี้หมวดเต้ยได้รับหน้าที่นั่นเอง หมวดเต้ยกับหมวดเพชรครับเป็นนายทหารกำกับธง ก็จะยืนขนาบข้างนายสิบเชิญธง มีการใช้กระบี่ นายสิบที่เชิญธงก็ใช้กระบี่ครับแต่ไม่ได้ชัก เหน็บไว้ที่ข้างเอว ส่วนการแต่งกายในวันนี้จะเป็นการแต่งกายด้วยชุดฝึกพราง ใส่หมวกรองในหรือภาษาปากเรียกว่าหมวกกะโล่ แล้วมีผ้าพันคอซึ่งจะเป็นสีประจำกองพัน แต่ละกองพันก็จะมีสีประจำตัวเอง บนผ้าพันคอก็จะมีตราสัญลักษณ์ประจำกองพันครับ และมีถุงมือสีขาว ก็จะครบองค์ประกอบของการเชิญธง ซึ่งถ้าจะเรียกอย่างเป็นทางการก็จะเรียกว่า หมู่เชิญธง
นอกจากหมู่เชิญธงแล้วยังมีหมวดเชิญธง ซึ่งแบ่งเป็น ๓ หมวดครับ ก็จะมีกำลังพลในแถวประมาณหมวดละ ๑๒ คนเห็นจะได้ จะยืนเป็นหน้ากระดาน ๒ แถว หน้า ๖ คน หลัง ๖ คน มีอยู่ ๓ หมวด ในแต่ละหมวดก็จะมีนายทหารเป็นผู้หมวด นายทหารที่เป็นผู้หมวดของหมวดเชิญธง
ถ้าพิธีใหญ่ๆจะจัดกำลังพลมากกว่านี้ครับ อย่างเช่นการสวนสนามสาบานธง ก็จะมีการจัดกำลังพลเยอะมาก มีหมู่เชิญธง หมู่แตร และกำลังพลในแถว หมวดละไม่ต่ำกว่า ๒๐ คน ก็พิธีมันใหญ่เลยใช่คนเยอะครับ
ประมาณ ๘ โมงหลังจากเคารพธงชาติเสร็จเรียบร้อยแล้ว หมวดเต้ยก็ไปที่บก.พัน เพื่อจะเตรียมตัวเชิญธง ส่วนกำลังพลก็เตรียมตัวรออยู่แล้วครับ ๘ โมง ๑๕ ทหารหมวดเชิญธงมาจัดแถวแล้วเดินตบเท้าฟันมือแบกปืนเพื่อจะทำการเชิญธงชัยเฉลิมพล ผมทำหน้าที่เป็นช่างกล้องเพราะหมวดเต้ยแกไหว้วานให้ผมถ่ายรูปให้พี่แกหน่อย ผมไปยืนอยู่ใกล้ๆ จากนั้นพิธีก็เริ่มขึ้นเมื่อหมวดเชิญธงเดินมายืนที่หน้าบก.พัน
“แถวหยุด”ผู้กองซึ่งเป็นนายทหารที่ควบคุมหมวดเชิญธงสั่งเสียงดัง ผู้กองนี่ไม่ใช่ผู้กองกองร้อยผมนะครับ มาจากร้อย สสก. “ซ้าย หัน”ปึก ปึก เสียงตบอัดเท้าประกอบจังหวะการบิดการหันเต็มไปด้วยความเข้มแข็ง หมวดเชิญธงที่มาในวันนี้ก็เป็นกำลังพลพวกที่จะปลดทั้งนั้นจะครับ ไม่มีรุ่นน้องมาแทรกซึมสักคน แต่ละคนนี่เข้มแข็งมากเพราะถือว่าเป็นวันสุดท้ายแล้วที่เราจะได้ทำอะไรแบบนี้
“หมวดเชิญธง ทำความเคารพธงชัยเฉลิมพล ตรงหน้าระวัง”ผู้กองสั่งเป็นจังหวะและเข้มแข็ง หลังจากเสร็จสิ้นคำว่าระวัง นายทหารก็จะชักกระบี่ออกมา พวกที่อยู่ในแถวจะกระชับปืนเพื่อเตรียมตบจับ พอนายทหารชักกระบี่ออกมาแล้ว ผู้กองก็สั่งต่อครับ “วันทยา วุธ”ปึ้ง ปึ้ง ทหารในแถวยกปืนขึ้นมาตบที่ฝาประกับปืนแล้วฟันมือลง เสียงแตรดังขึ้น ผมยืนตรงทำความเคารพแล้วจากนั้น ธงชัยเฉลิมพลก็ถูกเชิญออกมาจากข้างในบก.พัน ผมยืนตรงทำความเคารพแล้วยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูป ถ่ายเสร็จก็ทำความเคารพอีกครั้ง
ปึ้งๆๆๆ เสียงตบเท้าดังหนักแน่น เมื่อหมู่เชิญธงถูกเชิญมาที่แถวแล้ว ผู้กองก็สั่งต่อ “เรียบ อาวุธ”ปึ้ง ปึ้ง ปึ้ง ทหารทำท่าเรียบอาวุธ เอาปืนเอ็มสิบหกเรียบลงวางที่ข้างขา พอได้จังหวะก็สั่งขวาหัน สั่งแบกอาวุธแล้วหน้าเดิน ก็เดินตบเท้ามาที่ลานหน้ากองพันเพื่อที่จะเชิญธงชัยขึ้นรถ หลังจากเชิญธงชัยขึ้นรถแล้ว หมวดเชิญธงก็ขึ้นรถบัส ๑ คัน ส่วนกำลังพลที่จะปลดก็ขึ้นรถจีเอ็มซีอีก ๒ คันซึ่งทางกองพันได้จัดเตรียมไว้ พอกำลังพลขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว รถก็เคลื่อนขบวนออกไป ส่วนผมรับหน้าที่เป็นสารถีให้กับผู้กองและผู้หมวดครับ ขับตามไปติดๆ
เมื่อมาถึงกรมแล้ว ก็เชิญธงลงจากรถครับ ผมก็ตามไปถ่ายรูปหมวดเต้ยและถ่ายรูปกำลังพลที่จะปลด รุ่นพี่แต่ละคนนี่หน้าชื่นตาบานกันทั้งนั้นเลยครับ พอเชิญธงลงมาแล้วก็นำธงชัยไปตั้งในที่ที่เขาจัดให้ แต่การตั้งธงชัยไม่ใช่ว่าทิ้งธงแล้วทหารจะเดินเอ้อระเหยไม่ได้นะครับ ต้องมีทหารคอยมายืนข้างๆธง ยืนจับธงคนหนึ่งและยืนตรงอีกคนหนึ่งก็มาทำหน้าที่แทนทหารทหารกำกับธงครับ ส่วนนายทหารกำกับธงก็มานั่งพักผ่อน