Innocent Flower ตอนที่ 29 หนทางที่จะต้องก้าว P.4 27/12/58 (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

จากในเรื่อง คุณชอบใครมากที่สุด

พีช ลูกพีช
0 (0%)
อเล็กเซย์
1 (25%)
เจย์
1 (25%)
อาร์ท
0 (0%)
ออย
0 (0%)
แบม
0 (0%)
อลัน พี่ชายฝาแฝดอเล็กเซย์
2 (50%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 4

ผู้เขียน หัวข้อ: Innocent Flower ตอนที่ 29 หนทางที่จะต้องก้าว P.4 27/12/58 (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)  (อ่าน 30038 ครั้ง)

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้


1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้าม มิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอ ให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่ นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อ ความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 
*****************************************************************************************




























อารัมภบท

........................................

ใครๆก็ว่าความรักเหมือนของหวาน ที่ไม่ว่าทานตอนไหนก็อร่อย

แต่บางครั้งก็ขมจนอยากจะคายทิ้ง


“พีช ฉันว่าพวกเราเลิกกันเถอะนะ”

เสียงหวานพูดอย่างเนิบนาบ ซึ่งทำเอาผมที่กำลังจะโชว์กระถางดอกกุหลาบสีขาวมีอันต้องหยุดชะงัก

“เมื่อกี้เมย์พูดอะไรนะ ผมไม่ทันได้ยิน”

แล้วร่างบางก็ถอนหายใจแรงๆ ก่อนจะพูดช้าๆชัดๆอีกครั้ง

“พีช..พวกเรา...เลิก...กัน...เถอะ”

แค่เพียงประโยคเดียว ผมก็รู้สึกเหมือนว่าแผ่นดินที่ผมเหยียบอยู่นี้กำลังจะถล่มทลาย แถมกระถางในมือทั้งสองข้างที่ซ่อนอยู่ด้านหลังตัวเองก็ดันหล่นลงกับพื้นแตกกระจาย

“เมย์...พูด...อะไรนะ” ผมพูดพลางกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ราวกับมีอะไรมาจุกอยู่ที่ลำคอก็มิปาน “ผมไม่เข้าใจ ผมทำอะไรผิด เมย์บอกผมได้นะ”

“พีชไม่ผิดหรอก เพียงแต่...”

เพียงแต่? เพียงแต่อะไร ผมไม่อยากรู้ไม่อยากได้ยินเลยแม้แต่น้อย

“เพียงแต่แกเป็นผู้ชายที่อ้อนแอ้นเหมือนผู้หญิงมากไปหน่อยก็เท่านั้นเองเข้าใจหรือยังล่ะ” น้ำเสียงแหบแห้งพูดต่อแทนเมย์ แถมยังเอามือมาเกาะไหล่เธอราวกับเป็นเจ้าของ “ดูสิ แม้กระทั่งของขวัญวันเกิดก็ยังให้เป็นกระถางดอกไม้ บอกตามตรงว่ามันจี้วะ มีผู้ชายที่ไหนจะให้กระถางดอกไม้ผู้หญิง ไม่มี๊ ไม่มี ฮ่ะๆ”

เพียงแค่นั้นแหละ ผมก็ตะบันหน้าอีกฝ่ายโดยไม่คิดจะฟังต่อ

“ว้าย!”

เสียงเมย์กรีดร้องด้วยความตกใจ แน่นอนว่าผมไม่รอให้อีกฝ่ายลุกขึ้นมาสวนกลับหรอก ผมรีบคว้าคอเสื้อของมันก่อนจะชกเข้าไปไม่ยั้งท่ามกลางเสียงหวีดร้องของชาวบ้านที่เดินผ่านไปผ่านมา แต่ผมต่อยมันได้ไม่นานนัก ก็โดนตำรวจเข้ามาจับเสียก่อน

“คุณตำรวจจับมันเลย มันทำร้ายผมก่อน อะ อูย เจ็บๆ”

“ไม่เป็นไรใช่ไหมเอ” เมย์หันไปปลอบมัน ทำเอาผมเห็นแล้วแทบใจสลาย “เจ็บมากหรือเปล่า ไปหาหมอกันเถอะ”

“เมย์!!”

แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่ฟังที่ผมเรียก กลับพยุงมันเดินจากไปต่อหน้าต่อตาผม สุดท้ายแล้วผมก็โดนตำรวจจับไปโรงพักเรียกค่าปรับนิดหน่อยก่อนจะปล่อยตัวออกมา แต่จะให้ผมกลับไปที่ไหนได้อีกละ ในเมื่อโดนผู้หญิงที่คบกันมาถึงสองปีทิ้งอย่างไม่ใยดี จะกลับไปร้านขายดอกไม้ที่ตัวผมเองเป็นเจ้าของร้านตอนนี้ก็ทำไม่ได้ เดี๋ยวไอ้เจที่เป็นลูกพี่ลูกน้องที่กำลังเฝ้าร้านแทนผมเห็นผมร้องไห้แล้วมันจะเป็นห่วงเอา สุดท้ายผมก็ตัดสินใจเลือกที่จะเข้าไปในผับกินเหล้าแทน ทว่าด้วยเวลานี้ยังเพิ่งจะหกโมงเย็น เลยทำให้ในผับไม่ค่อยมีคนเสียเท่าไหร่

“ขอแรงที่สุดในร้านมาเลยไอ้น้อง”

“ได้ครับพี่ รอซักครู่”

แล้วผมก็นั่งรอ ระหว่างนั้นผมก็คิดถึงดอกกุหลาบสีขาวที่ถูกทิ้งไว้กับพื้น ไม่รู้ว่าป่านนี้โดนคนเหยียบจนเละไปถึงไหนแล้ว ที่ผมคิดถึงดอกไม้แทนที่คิดจะถึงเมย์ก่อนนั้นก็เป็นเพราะผมเป็นคนรักดอกไม้มาก มากถึงขนาดยอมกู้เงินเปิดร้านขายดอกไม้เองคนเดียว ก็ไอ้เพราะความรักนี่แหละ ผมถึงกับยอมลงทุนปลูกดอกไม้ที่ดีที่สุดไปมอบให้กับคนรัก ซึ่งก็คือเมย์ แต่สุดท้ายแล้วผมก็ถูกทิ้งอย่างไม่ใยดี!

“ของที่สั่งได้แล้วครับพี่”

“อืม ขอบใจ”

หลังจากเด็กเสิร์ฟส่งเหล้ามาให้ผมแล้ว ผมก็รีบดื่มมันเข้าไปไม่ยั้ง ราวกับต้องการลืมเรื่องวันนี้ให้หมด พอหมดก็สั่งมาใหม่ ซึ่งผมทำแบบนี้ตลอดจนกระทั่งเวลาผ่านไปได้สองชั่วโมง

“นี่แก้วที่ยี่สิบแล้วนะพี่ ผมว่าพี่พอได้แล้วมั้งครับ” เด็กเสิร์ฟบอกผมด้วยความหวังดี แต่ผมไม่สนซะอย่าง

“บอกแล้วงายว่าห้ายเอามาอีก เอิ้ก!” ซึ่งเด็กเสิร์ฟก็ยอม ก่อนจะส่งแก้วให้ผม ไม่ทันที่ผมจะได้จับแก้วยกดื่ม จู่ก็มีมือของใครบางคนเข้ามาคว้าเอาไว้ “เฮ้ย นายเป็นครายวะ มาแย่งแก้วเหล้าฉาน”

ผมเมาได้ที่ครับ มองอีกฝ่ายแทบไม่เห็นหน้า รู้แต่เพียงว่าเป็นผู้ชายผมทองสั้นสวมสูทสีเทา

“ดื่มมากไม่ดี พอแค่นี้เถอะ” อีกฝ่ายบอกเสียงเรียบ แต่เรื่องอะไรที่ผมจะยอมกันล่ะ

“อย่ามาเสือกเรื่องฉาน อาวเหล้าคืนมา” ผมพูดพลางคว้าแก้วเหล้า แต่ก็วืด “บอกแล้วงายว่าอาวเหล้าคืนมา”

ทว่าอีกฝ่ายไม่ตอบ กลับส่งแก้วเหล้าคืนเด็กเสิร์ฟ พร้อมกับยัดเงินค่าเหล้าให้เสร็จสรรพ จากนั้นหันมาจับแขนผมดึงให้ลุกขึ้นยืน “ลุกขึ้น เดี๋ยวไปส่ง”

“ม่ายอาว!” ผมบอกพลางสะบัดแขนให้หลุด แต่มันก็ไม่ยอมหลุด แถมเหนียวแน่นอย่างกับกาวตราช้าง “บอกห้ายปล่อยงายอ้ายบ้า”

ถึงจะพูดปฏิเสธ แต่สุดท้ายก็โดนฉุดกระชากให้ลุกขึ้นยืนอยู่ดี

“นายเป็นคราย อึ่ก มาสะเออะยุ่งเรื่อง…” ผมพูดไปยืนเซไปมา “…ของคน…อื่น”

อีกฝ่ายไม่ตอบ กลับดึงแขนผมให้เดินออกจากผับ ก่อนจะลากผมยัดใส่รถเบนซ์สีดำที่จอดอยู่ด้านหน้าผับ

“จาพาฉานปายหนาย” ผมเริ่มชี้หน้าคนนั้นอย่างไม่พอใจ แต่อีกฝ่ายก็หาได้ตอบคำถามของผมไม่ กลับสตาร์ทรถก่อนจะเหยียบคันเร่งออกเดินหน้า “ปล่อยฉาน ฉานกลับเองด้ายยย”

ผมโวยวายไปเรื่อยๆจนกระทั่งเผลอหลับไปไม่รู้ตัว

...........................................

“ตกลง เจอกันตอนหกโมงเย็นที่ผับนะ แค่นี้”

พูดจบผมก็วางสายลง ก่อนจะก้าวเท้าลงจากรถเบนซ์สีเทาเดินไปร้านดอกไม้เพื่อซื้อดอกไม้ซักช่อ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ก้าวเท้าเข้าร้าน ผมก็ได้เดินชนกับใครบางคนที่เดินสวนออกมาพอดี

เพล้ง!

เสียงกระถางดอกไม้ตกพื้นแตกละเอียด ทำเอาคนที่ถูกชนชะงักค้าง แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้กล่าวขอโทษ อีกฝ่ายกลับเงยหน้าขึ้นมองผมด้วยสายตาเครียดแค้น ทว่าเท่าที่ผมสังเกต อีกฝ่ายมีดวงตาที่สวยงามมาก โดยเฉพาะขนตาที่งอนงามราวกับตุ๊กตา กับผิวพรรณที่ขาวเนียนอมชมพูทำเอาผมรู้สึกใจเต้นอย่างบอกไม่ถูก

“นี่นายเดินประสาอะไร ดูสิ กระถางดอกไม้แตกหมดแล้วนะ!” ร่างเล็กตะโกนเสียงเดือดดาล ดูสิ แม้กระทั่งน้ำเสียงก็ยังเล็กคล้ายผู้หญิงอีกด้วย “คำขอโทษซักคำมีบ้างไหมห๊ะ”

“เกิดอะไรขึ้นพีช! เสียงดังไปถึงหลังร้านเลย”

ชายหนุ่มอีกคนเดินออกมาจากในร้านก่อนจะทำท่าชะงักเมื่อเห็นผม

“ก็ไอ้หมอนี่มาเดินชนกระถางดอกไม้ฉันแตกนะสิเจ” ร่างเล็กหรือพีชพูดฟ้อง แถมจ้องหน้าผมอย่างไม่วางตา “แถมไม่ยอมขอโทษด้วย เป็นผู้ชายซะเปล่า เฮ้อ เสียเวลาเป็นบ้า คนยิ่งรีบๆอยู่”

แล้วร่างเล็กก็ก้มลงเก็บเศษกระถางดอกไม้ของตัวเอง ทำเอาผมต้องรีบก้มลงเก็บตาม

“ใครบอกให้นายช่วย ถอยไปไกลๆเลย ฉันทำของฉันเอง...โอ๊ย!” พูดไม่ทันขาดคำ มือของอีกฝ่ายโดนกระถางบาดจนเลือดออก ซึ่ง ณ วินาทีนั้นเอง ผมเองก็ไม่รู้ตัวหรอกว่าผมเป็นอะไร เพราะทันทีที่เห็นเลือดออก ผมรีบจับมือข้างนั้นของอีกฝ่ายขึ้นก่อนจะใช้ริมฝีปากของตัวเองดูดเลือดออก ทำเอาผู้ที่ถูกดูดกับผู้ชมที่ยืนอยู่ใกล้ๆถึงกับตกตะลึงค้างไปชั่วขณะ ซึ่งผมก็ไม่คิดจะสนใจ รีบคว้าผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาจากกระเป๋าเสื้อก่อนจะพันเข้าที่นิ้วอย่างเรียบร้อย

“ทีหลังก็ระมัดระวังหน่อยล่ะ ของพวกนี้มันบาดมือง่าย” ผมบอกไปแบบนั้น ก่อนจะลุกขึ้นยืน “และต้องขอโทษด้วยที่ทำให้กระถางดอกไม้แตก”

“อะ...อืม ไม่เป็นไร” อีกฝ่ายพูดตอบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก

“จริงสิ คุณเป็นเจ้าของร้านดอกไม้ใช่ไหม” ผมเอ่ยปากถามอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้ ซึ่งร่างเล็กก็พยักหน้าตอบ “ถ้างั้นผมขอซื้อดอกกุหลาบสีแดงซักช่อเป็นการขอโทษที่ทำให้กระถางดอกไม้คุณแตกตกลงไหม”

“ตะ...ตกลง”

แล้วร่างเล็กที่เป็นเจ้าของก็วิ่งหายเข้าไปในร้าน ซักพักก่อนจะวิ่งออกมาพร้อมกับช่อดอกไม้ที่สั่ง ผมรับดอกไม้มาก่อนจะควักเงินให้ปึกหนึ่งโดยไม่คิดจะไถ่ถามเรื่องราคาแม้แต่น้อย

“หวังว่าผมจะได้กลับมาใช้บริการคุณอีกนะครับ...คุณเจ้าของร้าน”

ผมบอกพลางหมุนตัวกลับไปเดินขึ้นรถ ก่อนจะสตาร์ทรถแล้วขับออกไปท่ามกลางสายตาอันงุนงงของทั้งคู่ ซึ่งหลังจากเวลาผ่านไปอีกสองชั่วโมง ผมก็ไม่นึกเลยว่าจะได้มาพบกับเจ้าของร้านดอกไม้อีกครั้งที่ผับด้วยความบังเอิญ เพียงแต่อีกฝ่ายกลับเมาจนไม่ลืมหูลืมตาแล้ว ผมจึงพาเขากลับไปส่งที่ร้าน เมื่อไปถึงร้านกลับปิด ซึ่งผมเองก็ได้กดกริ่งเรียกคนข้างในหลายครั้งต่อหลายครั้งแต่ก็ไม่ยักมีใครออกมา ทำให้ผมต้องพาเขากลับไปคอนโดของตัวเองก่อน

“ฉานมานม่ายดีตรงหนาย ทามมายเธอถึงม่ายสนจาย” ร่างเล็กเริ่มร้องเพลงในขณะที่ผมพยุงเขาเดินเข้าห้อง เมื่อพาเข้ามาในห้องได้แล้ว ผมก็ปล่อยให้เขานอนลงบนเตียง แต่พอปล่อยแล้วอีกฝ่ายกลับลุกขึ้นอ้วกใส่ผมไปเต็มๆ “อ้วกกกกกกก”

พออ้วกเสร็จ ผมก็รีบถอดสูทของตัวเองออกก่อนจะหันไปจัดการถอดเสื้อของอีกฝ่ายที่เปื้อนอ้วกด้วย

“นายรู้หมายว่าฉานเป็นคราย” อีกฝ่ายพูดพลางปัดมือผมที่กำลังพยายามถอดเสื้ออยู่

“รู้สิ”

“เห รู้ด้วยหรือ” ร่างเล็กพูดไปยิ้มไป ก่อนจะชี้นิ้วมายังผม “หน้าหล่ออย่างนาย เอิ้ก จะมารู้จักฉานด้ายงาย ฉานก้อแค่จ้าวของร้านดอกม้ายธรรมด๊าธรรมดา หน้าตาก้อเหมือนผู้หญิง ครายจามาสนจายยย”

“ผมไงที่สนคุณ”

“ห๊ะ! นายนะหรือสนฉาน” อีกฝ่ายพูดพลางหรี่ตามองผมอย่างสงสัย “นายมานก้อแค่ผู้…ชาย ม่ายช่ายผู้หญิงซักหน่อย เอิ้ก”

“คุณเมามากแล้ว รีบนอนเถอะ” ผมพูดพลางดึงเสื้ออีกฝ่ายออก แลเห็นร่างอันบอบบางผิวขาวเนียนอมชมพู ซึ่งผมเห็นแล้วรู้สึกใจเต้นอย่างบอกไม่ถูก ส่วนอีกฝ่ายเมื่อโดนผมถอดเสื้อออกแล้ว ก็ล้มตัวลงนอน “นอนรอไปก่อนนะ เดี๋ยวผมมา”

แล้วผมก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ไม่นานนักผมก็เดินกลับออกมาอีกทีพร้อมกับผ้าที่ชุบน้ำเรียบร้อยแล้ว

“คุณลุกขึ้นนั่งไหวไหม เดี๋ยวผมเช็ดตัวให้” ผมบอกพลางสะกิดร่างเล็กที่นอนหลับ ซึ่งแน่นอนว่าอีกฝ่ายไม่มีปฏิกิริยาที่ผมเรียก ดังนั้นผมจึงตัดสินใจเช็ดตัวไปทั้งๆที่อีกฝ่ายยังนอนหลับอยู่อย่างนี้ แน่นอนว่าผมไม่ลืมที่จะถอดกางเกงยีนส์ของอีกฝ่ายด้วย เพราะมันเปื้อนอ้วกจนเหม็นแล้ว เมื่อเช็ดเสร็จผมก็หาเสื้อกับกางเกงขาสั้นมาให้ร่างเล็กใส่ แต่เนื่องด้วยอีกฝ่ายมีร่างที่เล็กกว่าผมนัก จึงทำให้เสื้อผ้าที่ผมนำมาใส่เห็นดูหลวมโครกไปถนัดตา

ดูเซ็กซี่ชะมัด!

ผมครุ่นคิดในใจ เพราะอีกฝ่ายดันมีใบหน้าหวานเหมือนหญิง พอมาใส่ชุดแบบนี้แล้วยิ่งทำให้ผมรู้สึกใจเต้นอย่างบอกไม่ถูก

“ฮือๆ เมย์ ทำไมคุณต้องทิ้งผมด้วย” ร่างเล็กนอนละเมอร้องไห้ ซึ่งเสียงร้องไห้ของอีกฝ่ายนั้นทำเอาผมเขยิบเข้าไปดูใกล้ๆ ก่อนจะเห็นแพขนตางอนงามเต็มไปด้วยน้ำตา “ทำไมต้องทิ้งผมด้วย ทำไม ฮือๆ”

ผมไม่รู้จะปลอบใจอีกฝ่ายยังไงดี จึงได้แต่ลูบหัวร่างเล็กอย่างแผ่วเบา จนกระทั่งร่างเล็กหลับไปผมจึงค่อยลุกขึ้นแล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ


.........................................

ซ่า!

เสียงน้ำไหลดังแว่วเข้ามา ทำเอาผมรู้สึกตัวลืมตาขึ้นมองเพดานที่ไม่คุ้นตา

เอ ที่นี่ที่ไหนเนี่ย?

ผมครุ่นคิดในใจก่อนลุกขึ้นนั่งมองไปรอบๆ ภายในห้องเป็นห้องสูทหรูราวกับโรงแรมชั้นหนึ่ง ทว่าพอลุกขึ้นแล้วกลับรู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้าอย่างบอกไม่ถูก

“ให้ตายสิ ทำไมปวดหัวอย่างนี้นะ” ผมพูดพลางยกมือขึ้นกุมขมับ ทว่าพอยกมือขึ้นแล้วผมกลับรู้สึกถึงแขนเสื้อที่ยาวปิดมือ ครั้นพอผมก้มหน้าถึงได้รู้ว่ามันเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวขนาดใหญ่ “เอ๋? นี่มันเสื้อของใครกันหว่า?”

“นั่นเป็นเสื้อของผมเองครับคุณพีช”

น้ำเสียงทุ้มตอบกลับมาอย่างนุ่มนวล ทำเอาผมที่กำลังสำรวจเสื้อผ้าถึงกับต้องเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะแลเห็นร่างสูงโปร่งเปลือยกายครึ่งท่อน ผมสีทองสั้นเปียกน้ำหมาดๆ เบื้องล่างห่มด้วยผ้าขนหนูผืนเดียวกำลังยืนกอดอกพิงประตูห้องน้ำ

หุ่นดีเป็นบ้า!

“เสื้อนาย?” ผมพูดอย่างสับสน เพราะผมจำได้ว่าผมนั่งดื่มเหล้าที่ผับ แต่ไหงถึงมานอนอยู่ที่นี่ได้

“ใช่ เสื้อของผมเอง” ร่างสูงโปร่งพูดพลางเดินเข้ามาใกล้ ทำเอาผมสะดุ้งตกใจถอยหลังไปติดกับหัวเตียง “เมื่อคืนนี้คุณเมาเหล้ามากแล้วคุณก็อ้วกรดใส่เสื้อตัวเอง แถมอ้วกรดใส่ผมด้วย ผมก็เลยถือวิสาสะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คุณ หวังว่าคุณคงไม่ว่าอะไรนะคุณพีช”

อ้วกใส่แล้วยังเปลี่ยนเสื้อผ้าให้…

“เฮ้ย!” ผมร้องอุทานเสียงดังลั่นก่อนจะคว้าผ้าห่มมาห่มกอด “งั้นแสดงว่านายเห็นของฉันหมดแล้วงั้นสิ!”

“ครับ เห็นหมดแล้ว” อีกฝ่ายยิ้มตอบ ซึ่งทำเอาผมสะดุ้งตกใจ “โธ่คุณ เราผู้ชายด้วยกันน่า จะไปอายเอยอะไร”

คำตอบของอีกฝ่ายทำเอาผมเพิ่งนึกขึ้นได้ นั่นสิ ผมจะอายไปทำไมกัน

“ส่วนเรื่องเสื้อผ้าของคุณ ผมเอาไปให้แม่บ้านซักแล้วนะครับ คาดว่าเย็นๆคงได้”

“อืม” ผมพยักหน้าตอบก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “จริงสิ นายรู้จักฉันได้ยังไง ก็ในเมื่อฉันยังไม่ได้บอกชื่อตัวเองเลย”

พอผมพูดจบ ร่างสูงกลับหัวเราะเสียงดังลั่น ทำเอาผมหน้าหงิกหน้างอ

“โทษทีๆ ผมไม่ได้ตั้งใจหัวเราะเยาะคุณเลยคุณพีช” อีกฝ่ายบอกขอโทษทันที ก่อนจะนั่งลงบนเตียง ซึ่งทำเอาผมรีบเขยิบถอยหนีอย่างกลัวๆ “เพียงแต่ขำที่คุณลืมผมไปได้ยังไง ทั้งๆที่เราเพิ่งเจอกันเมื่อวานนี้เอง คุณลืมไปแล้วหรือ ที่หน้าร้านดอกไม้นะ เรื่องที่ผมเดินชนคุณจนกระถางดอกกุหลาบสีขาวของคุณตกแตกยังไงล่ะ”

“อ๊ะ?! นายนั่นเอง”

ผมร้องอุทานเสียงดังลั่นเมื่อนึกได้ทันทีที่อีกฝ่ายพูดจบ จะว่าไปตอนนั้นเขามาชนผมจริงๆ แล้วตอนนั้นผมก็มัวรีบเก็บเศษกระถางดอกไม้เร็วเกินไปจนมันบาดเป็นแผล แล้วอีกฝ่ายก็....

“เอ หน้าคุณแดงนี่ ไม่สบายหรือเปล่าครับ” อยู่ๆร่างสูงก็ถามขึ้นมา ทำเอาผมสะดุ้งตกใจ

“เปล่าๆ ฉันสบายดี ไม่ต้องเป็นห่วง”

ใครจะไปกล้าพูดได้ล่ะว่าที่หน้าแดงเป็นเพราะอะไร....

“ส่วนเรื่องที่ผมรู้ชื่อคุณได้ก็เพราะเพื่อนของคุณที่อยู่ในร้านตะโกนพูดชื่อคุณขึ้นมายังไงล่ะ” อีกฝ่ายบอกยิ้มๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนจากเตียง “นี่มันก็สายมากแล้ว เดี๋ยวผมขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ ถ้ายังไงคุณช่วยไปนั่งรอที่ห้องรับแขกที่อยู่ข้างนอกห้องก่อนได้ไหม”

“ดะ...ได้” ผมตอบรับคำ ซึ่งไม่ทันที่อีกฝ่ายจะได้เดินจากไป ผมก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “จริงสิ ฉันยังไม่รู้จักชื่อของนายเลย นายชื่ออะไรหรือ”

ร่างสูงโปร่งที่กำลังเดินออกจากห้องได้หันหน้ามาตอบพร้อมรอยยิ้มว่า

“ผมอเล็กเซย์ครับคุณพีช ยินดีที่ได้รู้จัก”

..............................

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:   เปิดเรื่องใหม่อีกแล้ว อีกแล้ว อีกแล้ววววววว

[attachment deleted by admin]
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-12-2015 23:00:47 โดย dragon123 »

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: Innocent Flower (อัพ อารัมภบท 24/8/57)
«ตอบ #1 เมื่อ24-08-2014 09:07:49 »

ตอนที่ 1 อเล็กเซย์

..............................

ระหว่างที่รออยู่นั้นผมไม่รู้จะทำอะไรดี จึงได้แต่นั่งมองไปรอบๆ ทว่าเสียงท้องร้องมันดังประท้วงไม่ยอมหยุด ทำเอาผมต้องลุกขึ้นไปยังห้องครัวที่อยู่ใกล้ๆ ก่อนจะเปิดตู้เย็นเพื่อหาอะไรรองท้อง ซึ่งภายในตู้เย็นมีเพียงแค่ไข่สองสามฟอง ฮอตดอก แฮม น้ำ นมสดหนึ่งเหยือก และเบียร์เท่านั้น

“เอาวะ มีแค่ไข่ก็ยังพอทำกินได้เหมือนกัน” ผมพูดพึมพำกับตัวเอง ไหนๆก็มาพักบ้านคนอื่นแล้ว ทำอาหารให้เจ้าของกินด้วยก็ดี ถือซะว่าเป็นการตอบแทนที่อุตส่าห์ให้ผมค้างตั้งหนึ่งคืน พอคิดได้ดังนั้นผมก็รีบลงมือทำอาหารทันที ซึ่งในระหว่างที่ผมทำนั้น ผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ๆ “เอ่อ ฉันต้องขอโทษด้วยที่ถือวิสาสะทำอาหารโดยไม่ได้ขออนุญาต พอดีรู้สึกหิวๆนะ”

“ไม่เป็นไรครับ เชิญทำได้ตามสบาย”

อีกฝ่ายตอบกลับมา ซึ่งผมก็ลงมือทำต่อทันที เมื่อทอดไข่เสร็จแล้ว ผมก็ตักฮอตดอก แฮม ไข่ดาวสองฟองลงในจานสองใบพร้อมกับหยิบมีดส้อมมาใส่ด้วย ก่อนจะหันกลับมาเพื่อที่จะนำไปวางไว้บนโต๊ะ แต่ผมก็ต้องผงะเมื่อเห็นอีกฝ่ายมายืนใกล้ผมซะชิด

“เอ่อ ถอยออกไปก่อนได้ไหม ฉันเดินผ่านไปไม่ได้” ผมบอกร่างหนา แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับยืนจ้องผมนิ่ง “อเล็กเซย์ นายถอยไปก่อนได้ไหม ฉันเดินผ่านไปไม่ได้นะ”

ทว่าอีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมขยับอยู่ดี จนผมเริ่มรู้สึกหงุดหงิด

“อเล็กเซย์”

“ครับผม”

“ขอทางหน่อย”

“ครับๆ” ร่างสูงโปร่งตอบก่อนจะยอมเดินถอยออกไป ครั้นพอผมเดินออกไปบ้าง กลับเดินสะดุดมุมเคาน์เตอร์ ทำให้อีกฝ่ายรีบใช้มือรับผมอย่างรวดเร็ว “คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมพีช”

อเล็กเซย์ถามด้วยความเป็นห่วง

“เอ่อ อืม ฉันไม่เป็นอะไร ขอบคุณที่เป็นห่วง” ผมตอบด้วยน้ำเสียงเคอะเขิน เพราะอยู่ใกล้กันเกินไป ทำให้ผมได้กลิ่นหอมของสบู่ได้อย่างชัดเจน “ปะ…ปล่อยฉันสิอเล็กเซย์ ฉันยืนของฉันเองได้”

เมื่อผมพูดจบ อีกฝ่ายก็ยอมให้ผมยืนเอง ซึ่งพอผมยืนเองได้ ผมก็รีบเดินกลับไปที่โต๊ะอาหารก่อนจะตามด้วยร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีเทาเดินมาทีหลังแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ตรงกันข้ามกับผม

“ดูคุณถนัดเรื่องอาหารเหมือนกันนะครับ” อีกฝ่ายถามทันทีที่เห็นไข่ดาว

“ก็ไม่เท่าไหร่หรอก” ผมตอบพลางเดินกลับไปที่ตู้เย็นเพื่อเอานมสด ก่อนจะเดินกลับมาพร้อมกับแก้วสองใบ “พอดีอยู่บ้านคนเดียว ก็เลยพอทำเป็นได้บ้างเป็นบางอย่าง”

“อยู่บ้านคนเดียว?”

“ใช่ อยู่บ้านคนเดียว”

“แล้วคนชื่อเจ?”

“อ้อ คนนั้นเป็นลูกพี่ลูกน้องฉันนะ พอดีเขามาขอทำงานด้วย ตอนนี้พักอยู่ที่หอพักใกล้ๆร้านดอกไม้นะ” ผมตอบพลางเทนมใส่แก้ว แล้วจึงค่อยส่งให้กับร่างสูง ก่อนจะหันมาเทนมให้กับตัวเองพร้อมกับนั่งลงบนเก้าอี้ ซึ่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับอเล็กเซย์

“แล้วพ่อแม่ของคุณล่ะ”

พอได้ยินคำถาม ผมก็ฝืนยิ้มตอบกลับไปว่า

“พวกท่านเสียไปพร้อมกับเหตุการณ์เครื่องบินตกเมื่อห้าปีที่แล้วนะ”

ร่างสูงถึงกับนิ่งเมื่อได้ยินคำตอบของผม

“เอ่อ ผมขอโทษ”

“ไม่เป็นไร ฉันพอรับได้แล้วล่ะ” ผมยิ้มตอบ ก่อนจะลงมือทานไข่ดาว แต่ทานไปได้ซักพักก็วางส้อมลง “ว่าแต่นายทำอาชีพอะไรอยู่หรืออเล็กเซย์ เห็นใส่สูทซะหรูเชียว”

ผมพูดเปลี่ยนเรื่อง ซึ่งทำเอาอีกฝ่ายฉีกยิ้มหวาน

“ผมหรือ ผมทำงานธุรกิจด้านส่งออกไวน์นะ”

“ไวน์?”

“ใช่ครับไวน์” อเล็กเซย์ตอบก่อนจะพูดต่อ “ผมทำธุรกิจด้านไวน์ที่ทำขึ้นในประเทศไทย ก่อนจะส่งออกไปขายยังต่างประเทศ รายได้ทางนี้ช่วยไทยได้มากเลย เพราะคนต่างชาติชื่นชอบไวน์ไทยเป็นพิเศษ โดยเฉพาะชาโต เดส์ บรูมส์เป็นไวน์ไทยที่มีรสเยี่ยมเท่าที่เคยผมดื่มมา”

“ถ้างั้นนายก็ได้ดื่มไวน์นี้บ่อยๆนะสิ”

ผมถามด้วยความชื่นชม เพราะตัวผมเองก็เคยสะสมไวน์มาก่อน แต่พอพ่อแม่จากไป ผมก็เลิกสะสมไวน์และหันหน้าทำธุรกิจร้านดอกไม้แทน

“ก็ไม่บ่อยมากถ้าไม่จำเป็น” ร่างหนาตอบยิ้มๆ “แต่ส่วนมากจะได้ดื่มก็ต่อเมื่อผมได้ไปออกงานสังสรรค์พวกนี้นะครับ ถ้าคุณพีชสนใจ เดี๋ยวผมจะพาคุณไปดูโรงงานดีไหมครับ”

“เอ่อ อย่าเลยดีกว่า ฉันเกรงใจนายนะ” ผมรีบปฏิเสธ เพราะแค่อีกฝ่ายพาผมที่เมาจัดจนกลับบ้านไม่ถูกมาพักค้างคืนด้วยก็มากพออยู่แล้ว

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับคุณพีช เพราะผมต้องไปโรงงานเกือบทุกวันอยู่แล้ว” อีกฝ่ายแย้งมา ซึ่งทำเอาผมพูดไม่ออก “ว่ายังไงครับคุณพีช คุณสนใจจะไปดูโรงงานของผมไหม ผมจะได้พาคุณไปวันนี้เลย”

ห๊ะ! วันนี้เลยหรือ

“เอ่อ ฉันว่า…” ผมตอบเสียงตะกุกตะกัก ก่อนจะส่งยิ้มแห้งๆกลับไป “ไว้วันอื่นดีกว่า เพราะวันนี้ฉันต้องรีบกลับไปที่ร้าน ไม่งั้นเจย์จะเป็นห่วงเอาได้นะ”

อีกฝ่ายได้ยินคำตอบของผมถึงกับมุ่นคิ้ว แต่ถึงกระนั้นก็ยังยิ้มได้อยู่

“ก็ได้ครับ ถ้างั้นตอนกลับ เดี๋ยวผมขอไปส่งคุณเลยแล้วกัน เพราะผมจะได้ตรงดิ่งไปยังที่ทำงานเลย”

“อืม ก็แล้วแต่นายละกัน ฉันยังไงก็ได้” ผมตอบตกลงก่อนจะลงมือรับประทานอาหารต่อ

.....................................

ขากลับอเล็กเซย์พาผมไปส่งที่ร้านดอกไม้ตามที่บอกเอาไว้จริงๆ พอไปถึงผมก็โดนเจย์เขกหัวแรงๆโทษฐานที่ทำให้เป็นห่วง แถมหันมาขอโทษอเล็กเซย์ที่ทำให้เดือดร้อนอีกด้วย ซึ่งอีกฝ่ายไม่ได้ว่าอะไร เห็นยืนยิ้มอย่างเดียว

“ถ้างั้นผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ ส่วนเรื่องเสื้อผ้า ถ้าเรียบร้อยแล้วผมจะเอามาคืนให้คุณทีหลัง”

“อะ...อืม” เมื่ออีกฝ่ายขับรถออกไปแล้ว ผมจึงหมุนตัวเดินกลับเข้าร้านไป แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเจย์กำลังยืนกอดอกพิงเคาน์เตอร์นับเงินปราดตามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าอยู่ “มีอะไรเหรอเจย์ ทำไมทำหน้าซีเรียสจัง”

“ฉันเปล่าซีเรียส แต่แค่สงสัยว่าทำไมแกถึงได้ไปนอนค้างบ้านคุณอเล็กเซย์ได้ทั้งๆที่แกเป็นคนพูดกับฉันเองว่าจะไปเลี้ยงฉลองงานวันเกิดยัยเมย์ก็เท่านั้นเอง” คำถามของเจย์ทำเอาผมถึงกับสะอึก ผมว่าผมเกือบลืมไปแล้วถ้าเจย์ไม่พูดย้อนขึ้นมา ภาพเหตุการณ์ของเมื่อวานนี้ทำเอาผมเกือบตายทั้งเป็น ซึ่งผมยืนเงียบจนอีกฝ่ายถึงกับทอดถอนหายใจแรงๆ “ถ้ามันลำบากมากนักล่ะก็ ไม่ต้องตอบก็ได้นะ ฉันก็แค่ถามดูเฉยๆ เอาล่ะ ไปทำงานดีกว่า วันนี้ต้องรดน้ำพรวนปุ๋ยอีกเยอะเลย ส่วนแกอย่าคิดว่าเป็นเจ้าของร้านแล้วจะอู้ได้นะ อ้อแล้วก็ชุดที่ใส่อยู่นะ รีบไปเปลี่ยนเข้า เดี๋ยวลูกค้ามาเห็นแล้วจะตกใจเอาได้นะ”

คำพูดสุดท้ายของเจย์ทำเอาผมถึงกับหน้าแดง เพราะตอนนี้ผมสวมแค่เสื้อเชิ้ตตัวใหญ่โคร่งกับกางเกงขาสั้นเหนือเข่าเท่านั้นจริงๆ

“เออ ไม่ลืมหรอกน่า จะรีบไปเปลี่ยนเดี๋ยวนี้แหละ”

พอผมพูดจบ เจย์ก็เดินกลับไปทำงานของตัวเอง ซึ่งนี่เป็นข้อดีอย่างหนึ่งของเจย์ที่ผมเห็นมันเป็นลูกพี่ลูกน้องที่ดีคนหนึ่งในสายตาผม เพราะด้วยเหตุนี้ผมจึงยอมให้มันมาทำงานที่ร้านด้วย จวบจนกระทั่งเย็นร่างสูงโปร่งก็ได้กลับมาตามที่พูดเอาไว้จริงๆ มาพร้อมกับเสื้อผ้าชุดเมื่อวานที่ผมใส่

“ผมเอาเสื้อผ้ามาคืนคุณแล้วนะครับคุณพีช” อีกฝ่ายพูดในขณะที่เดินเข้ามาในร้านด้วยชุดสูทตัวเมื่อเช้า ซึ่งผมเห็นแล้วจึงรีบเดินเข้าไปรับเสื้อผ้าของตัวเองโดยไม่ลืมพูดขอบคุณด้วย “จะว่าไปร้านดอกไม้ของคุณนี่ก็ดูไม่เลวนะครับ นอกจากจะตกแต่งร้านได้สวยแล้ว ยังมีดอกไม้ที่ผมไม่รู้จักวางอยู่เยอะพอสมควรเลย ไม่ทราบว่าคุณพีชใช้เวลาในการเปิดร้านนี้นานเท่าไหร่หรือครับ”

อีกฝ่ายเริ่มเปิดประเด็นตามนิสัยของคนที่อยู่ในแวดวงธุรกิจ

“เกือบจะห้าปีได้นะ ว่าแต่นายอยากรู้เรื่องนี้ไปทำไมหรือ” ผมถามกลับด้วยความสงสัย

“ไม่มีอะไรมากหรอกครับ ผมก็แค่อยากรู้เฉยๆ” อเล็กเซย์ยิ้มตอบก่อนจะหันไปมองดอกไม้ต้นหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะเป็นดอกไม้สีฟ้าห้าแฉกขนาดจิ๋ว “เอ่อ คุณพีช ไม่ทราบว่าดอกไม้ต้นนี้เขาเรียกว่าดอกอะไรหรือครับ ทำไมดูสวยจัง”

“Forget me not”

“ดอกอะไรนะครับ?” ร่างสูงถามย้ำอีกครั้งอย่างไม่แน่ใจ

“Forget me not” ผมพูดตอบพลางเดินเข้าไปใกล้ๆเพื่อที่จะอธิบายให้ฟัง “เป็นดอกไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศแคนาดา เป็นพืชเมืองหนาวที่จะต้องปลูกในที่มีอุณหภูมิต่ำกว่ายี่สิบองศาเซลเซียส ถ้านายคิดมาปลูกที่นี่จะต้องรดน้ำวันละสองครั้ง ซึ่งตามหลักภาษาไทยเรียกดอกไม้นี้ว่า อย่าลืมฉัน มันเป็นคำพูดสุดท้ายของผู้ชายคนหนึ่งก่อนที่ความตายจะมาพลัดพรากเขาไปจากคนที่รัก แต่ถ้านายอยากรู้ลึกมากกว่านี้ นายก็สามารถไปหาได้จากหนังสือในห้องสมุดหรือไม่ก็เสิร์จเอนจิ้งจากเว็บกูลเกิ้ลเอาก็ได้นะ”

พอผมพูดจบ อีกฝ่ายก็ยังคงนิ่งเงียบจนผมรู้สึกอึดอัด

“มีอะไร ทำไมนายจ้องหน้าฉันแบบนั้นล่ะ มีอะไรติดอยู่ที่หน้ารึไง”

“เปล่าครับ ไม่มีอะไร” ร่างสูงตอบพลางส่ายหน้าไปมา “ผมก็แค่รู้สึกทึ่งที่คุณรู้เรื่องดอกไม้เยอะจัง”

“เยอะแยะอะไรกัน ก็แค่ความรู้พื้นๆสำหรับคนขายดอกไม้นะ”

ผมตอบอย่างเขินอาย เพราะน้อยครั้งที่จะมีคนมากล่าวชมต่อหน้าต่อตา

“อะแฮ่ม!” เสียงกระแอมไอจากใครบางคนที่ถูกลืมดังขึ้น ทำเอาผมกับร่างหนาสะดุ้งเล็กน้อย “ถ้าอยากจะทานขนมจีบแล้วล่ะก็ โน่นครับ เซเว่นอีเลฟเว่น”

เจย์พูดแซวพลางเหล่ตามองผมกับอเล็กเซย์ไปด้วยพร้อมกัน

“เอ่อ ถ้าไม่สะดวก เดี๋ยวผมไปรอข้างนอกก็ได้นะ”

ร่างสูงโปร่งพูดอย่างเกรงใจ ซึ่งทำเอาผมโบกมือไปมา

“ไม่เป็นไรอเล็กเซย์ เดี๋ยวก็ปิดร้านแล้วล่ะ” แต่ถึงกระนั้นอีกฝ่ายก็เดินออกไปรอข้างนอก ทำให้ผมต้องหันมาถลึงตาใส่เจย์ “เพราะแกคนเดียวไอ้เจย์ ทีหลังอย่าพูดแบบนี้อีกเด็ดขาดนะ”

คนถูกด่ายักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ

“ก็มันจริงนิ เห็นถามเรื่องดอกไม้แต่สายตาแม่งมองมาที่แกตลอด แบบนี้ไม่ให้เรียกว่าจีบแล้วจะเรียกว่าอะไรได้ล่ะ” เจย์หลับตาพูดก่อนจะลืมตาแล้วหันมามองผม “ระวังไว้เถอะ สวยๆแบบแก ต่อให้เป็นผู้ชาย มันก็ต้องมีมาแลกันบ้างเข้าซักวันนั่นแหละ”

คำพูดของเจย์ทำเอาผมถึงกับสะอึก เพราะผมเคยโดนผู้ชายเข้าใจผิดว่าเป็นผู้หญิง แล้วเข้ามาจีบออกบ่อยอยู่เหมือนกัน

“ฉันว่ามันคงบังเอิญมากกว่ามั้ง” ผมพูดเข้าข้างตัวเอง เพราะอเล็กเซย์ไม่น่าจะเป็นคนแบบนั้น “เขาก็แค่ถามไปตามประสาคนที่อยู่ในแวดวงธุรกิจที่สนใจเรื่องดอกไม้ก็เท่านั้นเอง”

ก็แค่ถามเฉยๆ เท่านั้น…

“ตามใจแกแล้วกัน ฉันก็แค่เตือนด้วยความหวังดี”

เจย์บอกก่อนจะเดินออกไปเก็บดอกไม้ที่ตั้งโชว์ที่อยู่นอกร้านเพื่อปิดร้าน ส่วนผมเองก็รีบเคลียร์บัญชีให้เสร็จเพราะไม่อยากให้คนข้างนอกต้องคอยนาน

.................................................

หลังจากปิดร้านเสร็จแล้ว อเล็กเซย์ก็ได้เอ่ยปากชวนผมไปทานข้าวเย็นที่ข้างนอก ซึ่งทีแรกผมบอกปฏิเสธ แต่อีกฝ่ายกลับคะยั้นคะยอว่าจะพาผมไปชิมไวน์ที่คุยกันเมื่อเช้านี้ให้ได้ แถมยังย้ำว่าจะขอเลี้ยงอาหารเป็นการตอบแทนที่เมื่อเช้าผมได้ทำอาหารให้เขาทานอีกด้วย ซึ่งทำให้ผมไม่กล้าบอกปฏิเสธอีก

“อ่ะ อันนี้เสื้อผ้าของนาย ฉันซักรีดให้เรียบร้อยแล้วนะ” ผมบอกพลางส่งถุงผ้าคืนในขณะที่กำลังนั่งอยู่ในรถเบนซ์สีดำของอเล็กเซย์ “ว่าแต่นายจะพาฉันไปทานอาหารที่ไหนหรือ”

ผมถามด้วยความสงสัย ทว่าอีกฝ่ายกลับหันหน้ายิ้มให้ผม

“ความลับครับ” ร่างสูงตอบเสียงทะเล้นก่อนจะหันหน้ากลับไปดูถนนต่อ “ล้อเล่นนะ ก็แค่ภัตตาคารในโรงแรมที่ผมเคยไปทานอาหารอยู่บ่อยๆ”

“แล้วมันแพงมากหรือเปล่าอาหารนะ” ผมถามต่ออย่างเกรงอกเกรงใจ เพราะถึงแม้อีกฝ่ายจะดูร่ำรวยในสายตาผม แต่ผมก็ไม่ชอบให้เขาใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายเพียงเพื่อเลี้ยงอาหารตอบแทนผมอยู่ดี

“ก็ไม่เท่าไหร่นักหรอกครับ” อีกฝ่ายตอบยิ้มๆ “คุณอย่าไปกังวลมันเลย ผมเต็มใจที่จะเลี้ยงคุณอยู่แล้ว และอีกอย่างโรงแรมที่ผมจะพาคุณไปอยู่นี้ มันเป็นโรงแรมในเครือบริษัทของผม ฉะนั้นเรื่องราคาอาหารคุณไม่ต้องเป็นห่วง”

เมื่อมาถึงที่หมาย ผมกับอเล็กเซย์ก็ลงจากรถก่อนจะเดินเข้าไปในโรงแรม ซึ่งภายในตัวโรงแรมมันดูสะอาดและดูหรูหราจนผมต้องก้มมองเสื้อผ้าตัวเองที่ยังอยู่ในสภาพเลอะดินจากต้นไม้ ต่างจากร่างสูงที่สวมชุดสูทหรูดูมีราคาลิบลับ

“เอ่อ ฉันว่าฉันอิ่มแล้วนะ ไว้ทานวันหลังเถอะอเล็กเซย์” ผมเริ่มถอย ในขณะที่อีกฝ่ายมุ่นคิ้วมองผมอย่างสงสัย

“แต่เจย์บอกผมแล้วนะว่าคุณยังไม่ได้ทานข้าวเย็นเลย” ร่างสูงแย้งทันควัน ซึ่งทำเอาผมนึกอยากจะกลับไปตบกะบาลคนปากมากอย่างมัน “อย่าบอกนะว่าคุณคิดมากเรื่องราคาอาหารอีกนะ”

“ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก ไม่ใช่”

“ถ้าไม่ใช่แล้วทำไมคุณถึงปฏิเสธที่จะทานอาหารกับผมล่ะ” อีกฝ่ายเริ่มทักท้วงหาความยุติธรรม ซึ่งทำเอาผมไม่รู้จะตอบกลับไปว่ายังไงดี “คุณรังเกียจผมหรือคุณพีช”

“ไม่ใช่ซักหน่อย!” ผมรีบแย้งกลับไปทันที ซึ่งทำเอาอีกฝ่ายกลับมายิ้มได้อีกครั้ง

“ถ้างั้นคุณบอกผมได้หรือเปล่าว่าเป็นเพราะอะไร”

“เป็นเพราะ....”

“เพราะ?” ร่างสูงมุ่นคิ้วพลางเดินเข้ามาใกล้ๆเพื่อเงี่ยหูฟังให้ชัดๆ

“เป็นเพราะ...” อยากจะบอกว่าอายสุดๆครับ ผมไม่เคยรู้สึกอายแบบนี้มาก่อน “...การแต่งตัวของผมมัน...เอ่อ...”

ไม่พูดเปล่าผมยังชี้นิ้วมายังเสื้อผ้าของตัวเองสลับกับชุดสูทของอเล็กเซย์ด้วย ซึ่งทีแรกร่างสูงไม่เข้าใจ แต่พอผมชี้นิ้วไปยังคราบดินโคลนเท่านั้นแหละ อีกฝ่ายถึงกับบางอ้อ

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ผมเข้าใจคุณแล้วล่ะคุณพีช”

แล้วร่างสูงก็คว้ามือของผมก่อนจะพาผมเดินออกนอกโรงแรม

“นี่นายจะพาฉันไปไหนนะ” ผมถามด้วยความสงสัย ซึ่งอีกฝ่ายไม่ตอบ กลับพาผมเดินขึ้นสะพานลอยข้ามถนนไปยังอีกฝั่ง ก่อนจะพาเดินไปเรื่อยๆจนกระทั่งหยุดเดินที่หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นร้านอาหารที่ติดกระจกใสแลเห็นภายในร้านได้อย่างชัดเจน “เจฟฟรีย์เรสเทอรองก์? หมายความว่ายังไงกันแน่?”

“ก็หมายความว่าผมจะพาคุณเข้าไปทานอาหารที่ร้านนี้ยังไงล่ะครับคุณพีช”

อีกฝ่ายยิ้มตอบกลับมาก่อนจะดึงผมให้เข้าไปในร้านด้วยกัน

กรุ้งกริ่ง! กรุ้งกริ่ง!

เสียงกระดิ่งตอนเปิดร้านดังเบาๆ แลเห็นภายในร้านที่ถูกตกแต่งอย่างทันสมัย พอร่างสูงพาผมเดินเข้าไปข้างในร้านแล้ว ผมก็เห็นชายหนุ่มผมแดงยาวรวบไปด้านหลังสวมหมวกสีขาวทรงสูง นัยน์ตาสีทอง ผิวขาว ร่างกายสูงโปร่งสวมชุดพ่อครัวยืนอยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์

“ไฮอเล็กเซย์ เป็นไงมาไงถึงมาที่นี่ได้”

“พอดีเบื่ออาหารที่โรงแรมนะ ก็เลยแวะมาที่นี่” อเล็กเซย์พูดตอบกับอีกฝ่ายเป็นภาษาฝรั่งเศส ซึ่งทำเอาผมกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ลำพังแค่ภาษาอังกฤษก็แทบแย่ เพราะฉะนั้นเรื่องภาษาฝรั่งเศสก็ไม่ต้องพูดถึงกันอีก แล้วร่างหนาก็หันมาทางผม “เจฟฟรีย์นี่คุณพีชเป็นเจ้าของร้านดอกไม้ คุณพีชครับนี่เจฟฟรีย์เป็นเพื่อนสมัยเรียนด้วยกันสมัยมหาวิทยาลัย และเป็นเจ้าของร้านอาหารที่นี่ด้วยครับ”

“เอ่อ ไนซ์ทูมีทยูมิสเตอร์…”

“พูดภาษาไทยกับผมก็ได้นะครับคุณพีช ผมฟังออก” เจฟฟรีย์บอก ซึ่งทำเอาผมยิ้มแห้งๆ

“เจฟฟรีย์ ขอห้องอาหารแบบพิเศษหน่อยได้หรือเปล่า” อเล็กเซย์เอ่ยปากถาม “พอดีอยากทานแบบส่วนตัวนะ”

“ได้สิ มันว่างอยู่พอดี เชิญเลยๆ”

แล้วเจฟฟรีย์ก็พาพวกผมเดินขึ้นไปชั้นสอง ก่อนจะพาเข้าไปในห้องอาหาร ซึ่งดูไม่เล็กไม่ใหญ่ แถมถูกตกแต่งอย่างมีระดับมีสไตล์ มีโต๊ะปูด้วยผ้าสีแดงเข้มวางอยู่กลางห้อง ตามด้วยเก้าอี้พนักพิงคลุมผ้าสีขาวอ่อนทับไว้ทั้งสองตัว และนอกจากนี้ยังมีทีวีจอแบนกับเครื่องสเตริโอไว้สำหรับร้องเพลงตั้งไว้ในห้องอีกด้วย

“เอ่อเจฟฟรีย์ ขออาหารแบบพิเศษสำหรับสองที่ แล้วก็ไวน์แบบเดิมด้วย” อเล็กเซย์สั่งอาหารหลังจากพวกผมนั่งที่เรียบร้อยแล้ว

“ได้เลย เดี๋ยวจัดการให้”

พอเจ้าของร้านเดินออกไปแล้ว ร่างสูงก็หันมาถอดเสื้อสูทออกพร้อมกับดึงเนคไทออกนิดหน่อยเพื่อให้หายใจสะดวก ก่อนจะหันมายิ้มให้กับผม

“เป็นยังไงบ้างครับคุณพีช ร้านของเพื่อนผมถูกใจคุณหรือเปล่า”

“อะ...อืม ก็ถูกใจดีนะ” ผมตอบพลางมองไปรอบๆแก้เขิน เพราะอีกฝ่ายเล่นทำตัวเสมอภาคกับผมจนผมเกือบมองหน้าไม่ติด “จริงสิอเล็กเซย์ นายเคยร้องเพลงคาราโอเกะบ้างหรือเปล่า”

ผมรีบพูดเปลี่ยนเรื่อง

“เคยครับ” ร่างหนาพยักหน้าตอบก่อนจะพูดต่อ “ผมจะร้องก็ตอนที่มาสังสรรค์กับครอบครัวหรือไม่ก็เพื่อนเท่านั้น ว่าแต่คุณล่ะ คุณชอบร้องเพลงคาราโอเกะหรือเปล่า”

“ก็ชอบนะ แต่ฉันร้องไม่ค่อยเก่งซักเท่าไหร่ ส่วนมากจะฟังเพื่อนๆร้องเสียมากกว่า”

“ถ้างั้นผมจะร้องเพลงให้คุณฟังเอง” ว่าแล้วร่างสูงก็ผุดลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปที่คอมพิวเตอร์เพื่อเลือกเนื้อเพลงที่จะร้อง ไม่นานนักเสียงเพลงก็เริ่มบรรเลง พร้อมกับจอทีวีที่เขียนชื่อเพลงว่า’ไม่รู้จักฉัน ไม่รู้จักเธอ’ ของดา เอ็นโดรฟิน–ป๊อบ แคลอรี่ บลา บลา แล้วร่างสูงก็รีบคว้าไมค์ก่อนจะเดินกลับมาร้องที่โต๊ะ

หากความรักเกิดในความฝัน เราจุมพิตโดยไม่รู้จักกัน

ปฏิทินไม่บอกคืนและวัน ดังที่ฉันไม่เคยต้องการ

อเล็กเซย์ร้องพลางจ้องมาที่ผมตลอดเวลา ซึ่งทำเอาผมรู้สึกหน้าร้อนผ่าวอย่างบอกไม่ถูก

อยากให้เธอได้พบกับฉัน เราสมรสโดยไม่มองหน้ากัน

จูบเพื่อล่ำลาในความสัมพันธ์ ก่อนที่ฉันจะปล่อยให้เธอหายไป

โดยไม่รู้จักเธอ


เพลงจบแต่คนไม่จบ กลับวางไมค์ลงบนโต๊ะแล้วโน้มตัวลงมาหาผมที่นั่งอยู่ ก่อนจะจูบบนริมฝีปากของผมโดยที่ผมได้แต่มองตาค้างเพียงอย่างเดียว

..............................

 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
 :hao7: ว๊ากกกกก อเลกเซย์เคลมเร็วมาก 5555

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ตอนที่ 2 ลักหลับ

................................................

ผมไม่รู้ตัวหรอกว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่พอหลังร้องเพลงจบผมก็จูบพีชเข้าไปแล้ว ใบหน้าของร่างบางเริ่มตื่นตระหนกเมื่อถูกผมจูบลงไป กลิ่นอันหอมหวานของน้ำดอกไม้จากริมฝีปากของพีชทำเอาผมอยากจะบดอยากจะขยี้ริมฝีปากอันบอบบางนั่นเสียจับใจ แต่ก็ต้องผละออกอย่างน่าเสียดายเพราะได้ยินเสียงแก้วน้ำตกแตกที่พื้น

“เอ่อ ขอโทษที่เข้ามารบกวน” เสียงของเจฟฟรีย์พูด ซึ่งทำเอาร่างบางรู้สึกตัวรีบลุกขึ้นยืน

“เดี๋ยวฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” แล้วอีกฝ่ายก็รีบเดินออกไปข้างนอกห้องอย่างรวดเร็ว

“รุกไวจังนะเพื่อนยาก” เพื่อนสนิทถามผมพลางก้าวเท้าข้ามแก้วน้ำที่ตัวเองเพิ่งทำตกแตกไปเมื่อครู่นี้ ก่อนจะวางถาดแก้วน้ำลงบนโต๊ะ “ดูสิอายจนหน้าแดงหนีเข้าห้องน้ำไปเลยเห็นไหม”

“เห็นสิ ทำไมจะไม่เห็นล่ะ”

ผมยิ้มตอบ เพราะเมื่อครู่นี้พีชหน้าแดงจริงๆ

“นี่ๆขอถามไรหน่อยสิ” เจฟฟรีย์สะกิดเรียกผม

“อะไร”

“แน่ใจแล้วรึว่าจะจีบนะ” อีกฝ่ายถามอย่างสงสัย ซึ่งผมพยักหน้าตอบ “ถ้างั้นก็อย่าแค่จูบแบบเด็กๆ คราวหน้าก็จัดการเผด็จศึกเลย”

ผมมุ่นคิ้วมองเพื่อนซี้ที่ชักชวนให้ผมทำในสิ่งที่ไม่ดีตั้งแต่แรกเริ่ม

“เถื่อนไปมั้ยครับคุณเชฟ”

“เถื่อนเถิ่นอะไรกัน ฉันอุตส่าห์ชี้ทางสว่างให้แกแล้วนะไอ้อเล็กเซย์”

“ถ้าทำแบบนั้น เขาก็ได้ต่อยฉันหน้าแหกเอาสิ” ผมเถียงย้อนกลับไป “เหมือนอย่างที่สุภาษิตของไทยว่าเอาไว้ ช้าๆได้พร้าเล่มงามนะ ของแบบนี้ต้องใจเย็น ไม่รีบร้อน”

“เออๆ งามไปคนเดียวของแกเถอะ ฉันไม่ยุ่งด้วยแล้ว”

เจฟฟรีย์บอกก่อนหันไปจัดการกับแก้วที่แตก ซึ่งผมรอได้ไม่นานนัก ร่างบางก็เดินกลับมานั่งอีกครั้งแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเลยซักคำเดียว ส่วนผมก็พูดอะไรไม่ออกเช่นเดียวกัน เพราะกลัวร่างบางจะรังเกียจ แต่ถึงกระนั้นผมก็ไม่อยากให้เงียบอยู่อย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ ผมจึงหยิบขวดไวน์ขึ้นมารินใส่แก้วของพีชทันที

“ไม่ลองดื่มไวน์หน่อยหรือครับคุณพีช ผมอุตส่าห์บอกให้เจฟฟรีย์ไปเอามาให้เป็นพิเศษเลยเชียวนะ”

ผมพูดเปลี่ยนเรื่องเพื่อเอาใจอีกฝ่าย และรอลุ้นให้พีชยอมเงยหน้าขึ้นอย่างใจจดใจจ่อ แล้วความหวังของผมก็สำเร็จ ร่างบางยอมเงยหน้าขึ้นแต่หน้าก็ยังคงแดงอยู่เหมือนก่อนหน้านี้ไม่มีผิด

“อะ...อืม” พีชพูดตอบเสียงเบาพลางยกแก้วขึ้นจิบอย่างช้าๆ ไม่นานนักร่างบางก็ทำหน้าเหมือนประหลาดใจพร้อมกับมองแก้วไวน์สลับกับไวน์ที่ผมถืออยู่ “นุ่มมากเลย แถมอร่อยกว่าที่ฉันเคยดื่มมาซะอีก อเล็กเซย์ไวน์นี้สุดยอดไปเลยนะ!”

คำตอบของอีกฝ่ายทำเอาผมถึงกับโล่งอก เพราะอย่างน้อยผมก็สามารถทำให้พีชกลับมายิ้มได้อีกครั้ง

“ถ้าคุณชอบแล้วล่ะก็ พรุ่งนี้ผมจะเอาไวน์จากที่คอนโดมาให้คุณดื่มอีกดีไหมครับ”

“จริงเหรอ จะเอามาให้จริงๆเหรอ!”

“จริงสิครับ ผมจะแกล้งพูดหลอกคุณเล่นไปทำไมกันล่ะ” ผมยิ้มตอบ แล้วหลังจากนั้นผมกับพีชก็นั่งรับประทานอาหารสลับกับร้องเพลงคาราโอเกะไปด้วยพร้อมกันอย่างสนุกสนาน จนกระทั่งถึงเวลากลับ ผมก็ขับรถไปส่งพีชถึงบ้าน โดยไม่ลืมที่จะบอกร่างบางว่าพรุ่งนี้จะมาหาแต่เช้าด้วย


..................................

คืนนั้นผมแทบไม่ได้นอนเพราะมัวแต่ครุ่นคิดถึงการกระทำของอเล็กเซย์ ผมไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าเขาทำกับผมแบบนี้ไปทำไม ก็ในเมื่อผมไม่ใช่ผู้หญิงซักหน่อย แถมยังเป็นผู้ชายเพศเดียวกับเขาอีกด้วย

หรือว่าเป็นการจูบทักทายที่ฝรั่งเขาชอบทำกัน…

ผมคิดเข้าข้างตัวเอง พอรุ่งเช้าผมก็ลุกขึ้นมาเปิดร้านต่อโดยที่ยังไม่ได้นอน

“อรุณสวัสดิ์พีช เมื่อวานนี้เป็นยังไง…” เสียงเจย์ร้องทักอรุณสวัสดิ์ ซึ่งพอผมหันหน้ากลับไป อีกฝ่ายถึงกลับอ้าปากค้างเมื่อเห็นหน้าผม “…เฮ้ยพีช ทำไมตาหมองคล้ำแบบนั้นล่ะ เมื่อคืนกลับดึกหรือไง”

“ก็ไม่ดึกมากหรอก เพียงแต่เมื่อคืนฉันกลับมานั่งคิดบัญชีใหม่อีกทีนะ”

ผมพูดโกหกทั้งที่จริงไม่ใช่แบบนั้นซักนิดเดียว

“ขยันเกินเหตุจริงเชียวนะแก” เจย์พูดพลางเอามือขยี้เส้นผมของผมด้วยความหมั่นไส้ “แล้วคราวหน้าก็อย่าได้ทำแบบนี้อีกนะ เดี๋ยวแม่ฉันจะมาวีนหาว่าฉันไม่ดูดำดูดีแก”

“เออ ไม่ทำแล้วแน่ๆ ฉันให้สัญญา”

แล้วเจย์ก็ผละออกจากผมไปทำหน้าที่ของตัวเองต่ออย่างรู้หน้าที่ ส่วนผมก็หันมายกกระถางดอกไม้ออกมาเรียงโชว์หน้าร้านของตัวเอง

“เอ่อ อรุณสวัสดิ์ครับคุณพีช” เสียงทุ้มดังมาจากด้านหลัง ทำเอาผมหันหน้ากลับไปก่อนจะพบว่าร่างสูงไม่ได้สวมเสื้อสูทเหมือนอย่างเคย แต่เป็นเพียงแค่เสื้อคอวีสีเทากับกางเกงยีนส์สีเข้มเท่านั้น แถมในมือก็ยังถือถุงใหญ่ใบหนึ่งซึ่งผมเดาได้เลยว่ามันต้องเป็นขวดไวน์ตามที่อีกฝ่ายเคยพูดเอาไว้เมื่อคืนอีกด้วย พอผมหันหน้ากลับไปแล้ว ร่างสูงถึงกับเบิกตากว้างมองผมด้วยความตกใจ “คุณเป็นอะไรไปคุณพีช! ทำไมตาของคุณถึงหมองคล้ำแบบนั้นล่ะ”

ก็เพราะมัวแต่คิดเรื่องของนายจนไม่ได้นอนยังไงล่ะ

“พอดีฉันมัวแต่นั่งทำบัญชีจนดึกนะ” ผมคิดอีกอย่างแต่ตอบกลับไปอีกอย่าง ก่อนจะรีบพูดเปลี่ยนเรื่อง “ว่าแต่วันนี้นายไม่ไปทำงานหรืออเล็กเซย์”

ร่างหนาได้ยินก็รีบส่ายหน้าไปมา

“วันนี้ผมหยุดนะครับ” อีกฝ่ายตอบในขณะที่ยกถุงนั้นขึ้นมา “แล้วนี่ไวน์ที่คุยกันไว้เมื่อคืน ถ้าคุณต้องการเพิ่มก็บอกผมได้นะครับ ผมจะได้เอามาให้อีก”

“ไม่ต้องหรอก แค่นี้ก็เกรงใจแทบแย่แล้ว” ผมยิ้มตอบก่อนจะรับถุงนั้นมาเปิดดู ซึ่งภายในถุงเต็มไปด้วยขวดไวน์อยู่สี่ห้าขวดเห็นจะได้

“จริงสิคุณพีช วันนี้คุณว่างทั้งวันหรือเปล่าครับ” อยู่ๆอีกฝ่ายก็เอ่ยปากถามขึ้นมา ทำเอาผมถึงกับเงยหน้าขึ้นมองด้วยความประหลาดใจ “พอดีผมอยากจะชวนคุณไปเที่ยวโรงงานไวน์นะครับ ไม่ทราบว่าคุณสนใจจะไปกับผมหรือเปล่า”

คำพูดของร่างสูงทำเอาผมถึงกับตกตะลึง เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะพาผมไปออกเดต เอ่อ ไม่สิ ต้องเรียกว่าเที่ยวถึงจะถูก

“ว่ายังไงครับคุณพีช คุณสนใจจะไปกับผมไหม” ร่างสูงโปร่งถามย้ำอีกครั้ง ซึ่งทำเอาผมรู้สึกลังเล ใจหนึ่งก็อยากไปดูโรงงานผลิตไวน์ที่ตัวเองชื่นชอบ อีกใจหนึ่งก็ห่วงร้านกลัวจะไม่มีคนช่วยเจย์ดูร้าน

“คือผมต้องอยู่ทำงานนะครับ คงไป...”

“แกไปเถอะพีช ฉันอยู่คนเดียวได้” อยู่ๆคนกวนประสาทอย่างเจย์ก็พูดขึ้นแทรก ทำเอาผมหันไปถลึงตาใส่ ทว่าอีกฝ่ายไม่สนใจ กลับพูดขึ้นมาอีกอย่างหน้าด้านๆ “เมื่อคืนนายก็มัวแต่ทำบัญชีจนดึกจนดื่นไม่ใช่รึไง ไปพักเถอะ เดี๋ยวก็เป็นลมเป็นแล้งอีก ส่วนทางนี้ฉันจะเป็นคนดูแลเอง ไม่ต้องห่วง”

ทีแรกผมไม่ยอมไป แต่สุดท้ายก็ต้องไปเพราะถูกเจย์ขู่ไว้ว่า ถ้าผมไม่ไป มันจะเอาเรื่องที่ผมนอนดึกไปฟ้องแม่มัน

“ดูเหมือนคุณจะสนิทกับลูกพี่ลูกน้องคุณมากเลยนะครับคุณพีช” อีกฝ่ายถามในขณะที่กำลังขับรถพาผมไปที่โรงงานผลิตไวน์ ซึ่งทำเอาผมที่นั่งอยู่ฝั่งข้างคนขับได้ยินที่อเล็กเซย์ถามถึงกับถอนหายใจด้วยความอ่อนเพลีย

“ก็ไม่เท่าไหร่หรอก เพียงแต่คุณอาชอบพาเจย์มาเที่ยวบ้านฉันบ่อยๆ ก็เลยเล่นด้วยกันตั้งแต่ยังเล็ก” ผมตอบพลางมองไปนอกตัวรถที่กำลังวิ่งแล่นออกนอกเมืองหลวง “แต่พอโตขึ้น ฉันกับเจย์ก็ไม่ได้เล่นด้วยกันอีก เพราะต่างคนต่างเรียนหนังสือ แถมที่เรียนก็อยู่ห่างกันไกลจนไม่สามารถไปมาหาสู่ได้กันบ่อยๆเหมือนตอนเด็กได้อีก”

“ขอโทษนะครับที่เสียมารยาท คุณพีชเรียนจบจากอะไรหรือครับ”

อีกฝ่ายถามอย่างสงสัย ซึ่งทำเอาผมที่กำลังเหม่อลอยมองทัศนียภาพของท้องทุ่งนาถึงกับสะดุ้งตกใจ

“เอ่อ คือฉัน...” ผมพูดด้วยความลังเล ก่อนจะตัดสินใจพูดให้อีกฝ่ายฟังด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “...เรียนหนังสือไม่จบ พอดีมีปัญหาด้านสุขภาพร่างกายนะอเล็กเซย์”

คำตอบของผมทำเอาอีกฝ่ายชะลอความเร็ว แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้เอ่ยปากถามผมอีก จนกระทั่งถึงโรงงานผลิตไวน์ ซึ่งมันเป็นสถานที่ๆใหญ่พอสมควร แถมติดกับสวนผลไม้ที่เอาไว้เพาะบ่มไวน์ด้วย ทำเอาผมที่เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกถึงกับดีใจจนลืมเรื่องที่อเล็กเซย์ถามไปเสียสนิท พอมาถึงที่แล้วร่างสูงโปร่งก็พาผมลงจากรถก่อนจะออกพาเดินส่วนหน้า ซึ่งผมเดาเอาว่าน่าจะเป็นสำนักงาน

“ที่โรงงานนี้จะแบ่งออกเป็นสี่ส่วน หนึ่งนั่นก็คือส่วนหน้าซึ่งจะมีสำนักงาน ห้องวีดีทัศน์และห้องโถง” อเล็กเซย์พูดอธิบายในขณะพาผมเดินนำราวกับเป็นไกด์ซะเอง ซึ่งในระหว่างเดินอยู่นั้น ก็จะมีเจ้าหน้าที่แวะมาคุยกับร่างสูงบ้างเป็นบางครั้งบางคราวแต่ผมก็ไม่ได้สนใจจะฟัง “สองจะเป็นส่วนกลาง เป็นที่ตั้งของห้องบ่มไวน์ ซึ่งก็คือห้องนี้ครับคุณพีช”

อีกฝ่ายพูดพลางผายมือ ทำให้ผมต้องหันไปมองผ่านประตูก่อนจะเห็นห้องสี่เหลี่ยมที่เก็บถังไม้โอ๊คอยู่เต็มไปหมด

“ที่นี่จะมีถังไม้โอ๊คฝรั่งเศสอยู่สองขนาด และถัดจากห้องนี้ไปจะเป็นห้องบรรจุขวดกับระบบบรรจุแบบกึ่งอัตโนมัติ ส่วนนั่นก็เป็นห้องเก็บสต๊อคสินค้าควบคุมอุณหภูมิ และนั่นก็เป็นส่วนของโกดังเก็บของครับ”

“โอ้โห! สุดยอดไปเลย” ผมเผลอร้องอุทานออกมา ทำเอาคนที่ทำหน้าที่เป็นไกด์อดอมยิ้มเสียมิได้ “เคยเห็นแต่ในทีวี ไม่คิดว่าจะได้มาเห็นของจริง”

“ถ้าคุณพีชชอบ คราวหน้าผมจะพาคุณมาที่นี่อีก”

ร่างหนาตอบ หลังจากนั้นไกด์จำเป็นก็พาผมเดินชมต่อจนกระทั่งมาถึงส่วนสุดท้าย ซึ่งเป็นพื้นที่ตั้งของถังหมักสกัดสีไวน์ ห้องเย็น ห้องเก็บของ ห้องกลั่น และห้องเก็บบ่มบรั่นดี เมื่ออีกฝ่ายพาผมจนทั่วโรงงานแล้วก็พาขึ้นรถกลับ

“นี่มันก็เที่ยงแล้ว คุณพีชอยากกินข้าวที่ไหนบอกผมมาได้เลยครับ” ร่างสูงถามในขณะที่ขับรถอยู่

“ที่ไหนก็ได้แล้วแต่นายนะอเล็กเซย์” ผมตอบ แล้วร่างสูงก็ขับพาผมมาแวะจอดที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นร้านที่ผมไม่คิดว่าคนอย่างอเล็กเซย์จะมากินอาหารที่นี่ “เอ่อ อเล็กเซย์ นายแน่ใจแล้วเหรอว่าจะมากินอาหารกลางวันที่นี่นะ”

ผมถามในขณะที่เงยหน้ามองป้ายร้านอาหาร

ส้มตำซ่าแซบ

“แน่ใจสิครับคุณพีช” ร่างสูงหันมายิ้มตอบ “ถ้าคุณพีชกินไม่ได้ ผมจะได้พาคุณไปที่ร้านอื่นแทน”

“กินได้สิ ส้มตำนี่ของชอบเลยล่ะ” ผมบอก แล้วร่างสูงก็พาผมเดินเข้าไปในร้าน ก่อนจะนั่งโต๊ะไม้ที่ว่างอยู่ หลังจากนั้นพวกผมก็สั่งส้มตำ ต้มแซบ ไก่ทอด และอื่นๆมาอย่างละนิดอย่างละหน่อย เพราะพวกผมมากันแค่สองคนคงกินได้ไม่มาก “ถามหน่อยเถอะ นายกินส้มตำเป็นจริงๆเหรอ”

“ก็เป็นสิครับ เห็นผมหน้าตาออกฝรั่งจ๋าแบบนี้แต่ผมก็กินส้มตำเป็นเหมือนกันนะครับคุณพีช”

อีกฝ่ายพูดตอบเสียงเข้มปนโกรธเล็กน้อย ซึ่งทำเอาผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ

โธ่ ไม่น่าถามเลยเรา

พออาหารที่สั่งมาเสิร์ฟถึงโต๊ะแล้ว พวกผมก็ลงมือรับประทานอาหารทันที ซึ่งในระหว่างทานส้มตำไปด้วยนั้น อเล็กเซย์ก็ได้พูดถึงประวัติของโรงงานไวน์ แถมยังอธิบายวิธีการหมักบ่มให้ผมฟังอีกด้วย หลังจากพวกผมทานส้มตำเสร็จแล้วก็พากันขึ้นรถ ทว่าเนื่องด้วยผมไม่ได้นอนมาทั้งคืน ทำให้ผมเผลอหลับไปทั้งๆที่นั่งรถไปได้เพียงแค่สิบนาทีเท่านั้น

....................................

หลังจากผมกับพีชทานส้มตำเสร็จแล้วก็พาขึ้นรถ พอออกรถไปได้แค่สิบนาทีผมก็รู้สึกว่าร่างบางเงียบไป จึงหันไปมองก่อนลอบอมยิ้มเมื่อเห็นอีกฝ่ายนอนหลับปุ๋ย เพราะท่าทางตอนหลับของร่างบางดูเหมือนผู้หญิงมากๆ โดยเฉพาะแพขนตาที่งอนงามทำเอาผมนึกอยากจะจูบอีกรอบแต่ก็กลัวจะตื่นเสียก่อน แต่พอคิดหวนย้อนกลับไปเมื่อคืนวาน ผมจูบเขาไปแล้วแต่ไฉนวันนี้ถึงทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมยังดูเหมือนลืมเรื่องเมื่อวานนี้ไปแล้วด้วย

ลืมอย่างนั้นเหรอ

ไม่รู้ความคิดอะไรมาดลใจให้ผมรู้สึกโกรธขึ้นมา ทำให้ผมรีบเหยียบเบรกหยุดรถทันที โชคดีที่ร่างบางหลับลึกไปแล้วถึงไม่รู้สึกว่ารถได้หยุดจอด เมื่อรถหยุดสนิทผมก็ดึงเบรกมือพลางหันไปมองร่างบาง ก่อนจะโน้มตัวลงจูบกับริมฝีปากอันบอบบางนั้นทันที ถึงแม้จะได้กลิ่นหอมหวานของลูกอมรสเป๊ปเปอร์มินที่เจ้าตัวนำขึ้นมาอมหลังทานส้มตำไปแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมคลายโกรธไปได้ ผมทั้งขยี้ทั้งบดเบียดริมฝีปากนั้นอย่างรุนแรงจนร่างบางที่นอนหลับอยู่เริ่มดิ้น แต่ทว่าอีกฝ่ายไม่ยอมเปิดปากออก ผมจึงสอดมือเข้าไปใต้เสื้อก่อนจะลูบไล้ที่หน้าท้องแบนราบ ซึ่งทำเอาร่างเล็กถึงกับเปิดปากส่งเสียงร้องในลำคอ เมื่ออีกฝ่ายยอมเปิดปากออกแล้ว ผมก็รีบสอดลิ้นลงไปทันที

“อื้มม อือออ”

อีกฝ่ายร้องครวญครางเมื่อผมสอดลิ้นเกี่ยวกระหวัดลิ้นเล็กอย่างไม่หยุดยั้ง จนกระทั่งพีชขูดเล็บลงบนแผ่นหลังของผมอย่างแรง ผมถึงได้สติก่อนจะรีบผละร่างบางออกมาด้วยความตกใจ โชคยังดีที่พีชยังไม่ตื่น เพราะไม่งั้นผมคงถูกอีกฝ่ายต่อยเอาอย่างแน่นอน ผมมองริมฝีปากที่บวมเจ่อของอีกฝ่ายอย่างรู้สึกผิด ผิดที่ใช้อารมณ์ของตัวเองมาทำร้ายร่างบาง ผิดที่ทำร้ายอีกฝ่ายตอนหลับไม่ได้สติอีกด้วย

พีช ผมขอโทษ….

เมื่อคิดได้ดังนั้นผมก็หันกลับไปขับรถต่ออย่างเงียบๆ


.................................

“พีชครับ คุณพีช ตื่นได้แล้ว ถึงบ้านแล้วนะครับ”

เสียงทุ้มสะกิดเรียกให้ผมรู้สึกตัว ผมลืมตาขึ้นมาอย่างงัวเงีย ก่อนจะเห็นร่างสูงในระยะประชิด

“นี่ฉันหลับไปงั้นหรือเนี่ย” ผมพูดพลางยกมือขยี้ตา

“ครับ หลับสนิทตั้งแต่ออกจากร้านส้มตำเลย” อเล็กเซย์ตอบก่อนจะพูดต่อ “ผมว่าคุณกลับไปนอนพักผ่อนจะดีกว่านะครับ เรื่องร้านก็ปล่อยให้เจย์ดูต่อแทน”

“อืม เอางั้นก็ได้”

อเล็กเซย์ว่ายังไงผมก็ว่าอย่างนั้น เพราะตอนนี้ผมง่วงจะแทบแย่อยู่แล้ว ในขณะที่ผมกำลังจะเปิดประตูรถ มือหนาก็คว้าแขนของผมเสียก่อน

“เอ่อ ขอ…”

ขอ? ขออะไรมิทราบ คนยิ่งง่วงๆอยู่

“…ผมขอยืมมือถือคุณพีชได้หรือเปล่าครับ พอดีมือถือของผมแบตหมดนะ”

“อ้อ ได้สิ”

ผมตอบพลางควักมือถือจากกระเป๋าส่งให้อีกฝ่าย ร่างสูงรับมาก่อนทำท่าจิ้มมือถือ ซึ่งผมไม่ได้สนใจจะดูเพราะง่วงจะแทบแย่ ผมรอได้ไม่นานนักร่างสูงก็ส่งมือถือคืนผม

“ขอบคุณคุณพีชมากนะครับที่ให้ยืม”

“ไม่เป็นไร” ผมตอบก่อนจะลงจากรถ “ขอบคุณมากที่มาส่งฉันนะอเล็กเซย์ วันนี้สนุกมากเลย”

ผมหันไปบอก ซึ่งอีกฝ่ายก็ยิ้มตอบกลับมา

“ไม่เป็นไรครับ แค่คุณพีชชอบผมก็พอใจแล้ว”

พอร่างสูงขับรถออกไปแล้ว ผมก็เดินกลับเข้าร้านก่อนเห็นเจย์กำลังยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ด้วยสีหน้าตกใจ

“เป็นไรเจย์ ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ” ผมถามอย่างสงสัย ซึ่งพออีกฝ่ายได้ยินที่ผมพูด ก็ยกนิ้วชี้มาทางผม

“ก็ปากนายนะสิ มันบวมแดงไปหมดแล้ว”

“ห๊ะ?! ปากฉันนะหรือบวมแดง”

ผมพูดพลางรีบยกมือขึ้นจับปากตัวเอง ซึ่งพบว่ามันบวมอย่างที่เจย์พูดเอาไว้จริงๆ

“ก็ใช่นะสิบวมจนเจ่อไปหมดแล้ว” ร่างสูงตอบก่อนจะพูดต่อ “ถามจริงเถอะ แกไปทำอะไรมากันแน่พีช”

ผมมุ่นคิ้วพลางนึกย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ก่อนจะร้องอ้อ

“คงเป็นเพราะส้มตำแน่ๆเลย เพราะเมื่อตอนกลางวันนี้ฉันกับอเล็กเซย์ไปกินส้มตำกันมานะ”

“แพ้ส้มตำงั้นรึ?”

“อืม คงประมาณนั้นแหละ” ผมตอบก่อนจะทำท่าเดินเข้าไปหยิบยาแก้แพ้ขึ้นมากิน “เดี๋ยวพอกินยาเสร็จ ฉันขอตัวไปนอนก่อนนะเจย์ มันเบลอๆยังไงไม่รู้แหะ”

“เออๆ ไปนอนเหอะ เดี๋ยวทางนี้ฉันดูแลเองได้”

แล้วผมก็ขึ้นบนบ้านไปนอน พอหัวถึงหมอนก็หลับไปทันที ซึ่งผมไม่รู้หลับไปนานเท่าไหร่ รู้สึกตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงมือถือดังขึ้น จนทำเอาผมต้องเงยหน้าจากหมอนคว้ามือถือที่วางอยู่ข้างหัวเตียงขึ้นมาหรี่ตามองเบอร์ในมือถือ

Aleksey

“อเล็กเซย์?” ผมพูดชื่อที่เห็นก่อนจะกดรับสายโทรศัพท์ด้วยความมึนงง “สวัสดีครับ พีชกำลังพูดอยู่ครับ”

“ผมต้องขอโทษด้วยนะครับคุณพีช ที่โทรมารบกวนคุณในเวลานอน” เสียงคุ้นหูดังขึ้น ทำเอาผมมุ่นคิ้ว “แล้วก็ต้องขอโทษที่ผมเมมเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองไว้ในเครื่องของคุณด้วย”

“อ้อ ไม่เป็นไรหรอก เรื่องแค่นี้ฉันไม่ถือ” ผมตอบพลางยกมือขึ้นเกาหัวหยิกๆ

“ว่าแต่คุณพีชเป็นยังไงบ้างครับ”

“ก็สบายดี หลับเต็มอิ่มดี”

“ไม่ใช่ครับ ผมหมายถึง…” อีกฝ่ายชะงักราวกับลังเลที่จะถาม แต่สุดท้ายก็ยอมพูดออกมา “…ปากของคุณ ผมเห็นมันบวมแดงตอนคุณลงจากรถนะครับ”

“เอ๋? นายเห็นด้วยงั้นหรือ” ผมถามกลับด้วยความประหลาดใจ เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเห็นด้วย

“ครับ ผมเห็น” ดูเหมือนน้ำเสียงที่อีกฝ่ายพูดจะแผ่วเบาลง ซึ่งผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ก่อนจะหันไปมองกระจกในตู้กระจก ซึ่งบัดนี้ปากของผมได้หายบวมแล้ว มีเพียงแค่รอยแดงที่ยังคงอยู่

“ก็ใกล้จะหายดีแล้วล่ะ เพราะก่อนนอนฉันได้กินยาแก้แพ้ไปแล้วนะ” ผมบอกเพื่อมิให้อีกฝ่ายต้องเป็นห่วง “ว่าแต่นายมีเรื่องจะคุยกับฉันแค่นี้ใช่ไหม”

แล้วผมก็รอเสียงปลายสายตอบกลับมา แต่ก็เงียบจนผมต้องเอ่ยปากเรียกอีกครั้ง

“อเล็กเซย์? นายยังอยู่หรือเปล่า”

“อ๊ะ ยังอยู่ครับ” เสียงทุ้มตอบกลับมา “ถ้าคุณไม่เป็นอะไรแล้ว ผมก็ค่อยเบาใจหน่อย เพราะผมทำให้คุณต้อง…ปากแดง”

“ไม่ต้องคิดมากหรอกอเล็กเซย์ กะอีแค่ปากแดงเพราะแพ้ส้มตำ กินยาเดี๋ยวก็หาย” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ

“ครับ ถ้างั้นวันนี้พอแค่นี้ก่อนนะครับ ผมไม่รบกวนคุณแล้วล่ะ ราตรีสวัสดิ์ครับคุณพีช”

“เช่นกันอเล็กเซย์ ราตรีสวัสดิ์” แล้วอีกฝ่ายก็วางสายไป ทำให้ผมต้องมานั่งครุ่นคิดอย่างหนักว่าทำไมอีกฝ่ายถึงต้องโทรมาถามเรื่องนี้ทั้งๆที่มันเป็นเรื่องเล็กด้วยซ้ำไป “เฮ้อ ช่างมันเถอะ นอนต่อดีกว่าเรา”

แล้วผมก็ล้มตัวนอนลงก่อนจะหลับไปอย่างรวดเร็ว

.......................

 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 2 ลักหลับ 24/8/57)
«ตอบ #4 เมื่อ24-08-2014 15:02:47 »

 :pig4:   :katai2-1:
สนุกค่ะ แวะมาสร้างแลนด์มาร์ค
แอบจูบไม่ถือว่าลักหลับนะจ๊ะคุณ  Alexay

ออฟไลน์ shichina

  • Hina-Chang
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 2 ลักหลับ 24/8/57)
«ตอบ #5 เมื่อ25-08-2014 00:24:33 »

 :katai1: ทำไมทำแค่จูบล่ะ!!!!

อัพต่อไวๆนะคะ จะรอดูว่าหมาป่าอเล็กเซย์จะสลัดคราบหนังแกะเผด็จศึกพีชเมื่อไร  :hao6:

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 2 ลักหลับ 24/8/57)
«ตอบ #6 เมื่อ25-08-2014 08:59:08 »

ตอนที่ 3 ลูกพีช

.........................

วันถัดมาผมก็ลุกขึ้นตื่นแต่เช้ามาจัดดอกไม้ตามเดิม ส่วนไอ้เจย์ก็ทำหน้าที่ของมันไป ในขณะที่ผมกำลังขายดอกไม้อยู่นั้น ผมก็เหลือบเห็นรถเบนซ์คันสีดำคุ้นตาก่อนที่เจ้าของจะลงเดินมาจากรถ ซึ่งวันนี้มาด้วยชุดสูทสีเทาเต็มยศ

“อ้าวคุณอเล็กเซย์ วันนี้มีธุระอะไรกับเจ้าพีชหรือครับ” เจย์ที่ยืนอยู่หน้าร้านเอ่ยปากทักทายร่างสูงทันทีที่เห็น ทำเอาผมรู้สึกคันไม้คันปากนึกอยากจะต่อยคนกวนประสาทแถวนี้จริงๆ ส่วนร่าง สูงเมื่อถูกมันทักแล้ว ก็หันมายิ้มตอบให้ว่า

“เปล่าครับ ผมก็แค่แวะมาซื้อดอกไม้เฉยๆ”

“อ้าวงั้นหรอกรึ” ไอ้เจย์พูดทำท่าผิดหวังเสียเต็มประดา “ถ้างั้นก็เชิญด้านในเลยครับ เลือกชมได้ตามสบายเลย”

“ครับ ขอบคุณครับ”

ร่างสูงพูดขอบคุณก่อนจะเดินเข้ามาข้างใน ทีแรกผมก็อยากเข้าไปต้อนรับในฐานะเจ้าของร้านดอกไม้ แต่มือไม่ว่าง เพราะวันนี้ลูกค้าเยอะเหลือเกิน ซึ่งในช่วงที่ผมกำลังขายดอกไม้ให้กับลูกค้าคนอื่นอยู่นั้น ผมก็รู้สึกเหมือนมีใครกำลังมองอยู่ จึงเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะพบกับนัยน์ตาสีทองที่จ้องมองมา

อเล็กเซย์...

แล้วอีกฝ่ายก็หันหน้ากลับไปมองดอกไม้ตามเดิม ซึ่งผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะคิดว่าอเล็กเซย์คงต้องการจะถามอะไรจากผม แต่พอเห็นว่าผมยังไม่ว่างที่จะคุยด้วยก็เลยเลิกหันมามอง จนกระทั่งลูกค้าคนสุดท้ายเดินออกจากร้านไป ร่างสูงถึงจะเดินกลับมาหาผมพร้อมด้วยกระถางดอกกุหลาบสีแดงในมือ

“นายจะซื้อดอกกุหลาบไปปลูกที่บ้านหรืออเล็กเซย์” ผมถามอย่างสงสัย ซึ่งอีกฝ่ายพยักหน้าตอบ

“ครับ พอดีแม่ของผมต้องการปลูกดอกไม้นะครับ แต่ท่านไม่ได้บอกผมว่าจะปลูกดอกไม้อะไร ผมก็เลยเดินเลือกอยู่ตั้งนานจนได้เจ้าดอกกุหลาบสีแดงมานี่แหละครับคุณพีช” ร่างสูงพูดไปหัวเราะไปพลาง

“ก็ดีแล้วนี่ เพราะดอกกุหลาบนี่แสดงถึงความรัก นายเลือกได้เหมาะสมที่สุดสำหรับท่านแล้วล่ะ” ผมพูดอย่างเห็นด้วยกับความคิดของร่างสูง “แต่ก็ดีแล้วที่คิดมาซื้อในตอนนี้ เพราะมันอยู่ในช่วงซัมเมอร์เซลล์ สำหรับนายแล้ว ฉันจะลดให้อีกสิบเปอร์เซ็นต์ ถือซะว่าเป็นของตอบแทนที่นายอุตส่าห์พาฉันไปเที่ยวชมโรงงานไวน์แล้วกันนะ”

อเล็กเซย์ได้ยินถึงกับยิ้ม

“ขอบคุณครับคุณพีช”

เมื่อซื้อเสร็จแล้วอีกฝ่ายก็เดินขึ้นรถกลับไป แล้ววันถัดมาร่างสูงก็มาซื้อดอกไม้อีก แต่คราวนี้เป็นช่อดอกไม้ซึ่งอีกฝ่ายอ้างว่าจะเอาไปให้กับลูกค้าของบริษัท พอวันถัดไปก็มาอีก แต่ซื้อดอกไม้ไม่เหมือนกับวันที่สอง จนเข้าวันที่ห้าร่างสูงก็ยังคงขับรถมาซื้อดอกไม้ที่ร้านผมอีกตามเคย จะเรียกได้ว่าเป็นลูกค้าขาประจำของร้านเลยก็ว่าได้

“มาซื้อดอกไม้อีกแล้วหรือครับคุณอเล็กเซย์” เสียงเจย์เอ่ยปากทักทายก่อนผมทุกครั้งที่ร่างสูงมา ซึ่งวันนี้เป็นอีกวันที่อเล็กเซย์มาซื้อดอกไม้เหมือนตามปกติ

“เปล่าครับ” อีกฝ่ายส่ายหน้าตอบ ทำเอาเจย์กับผมถึงกับร้องอ้าว “วันนี้ผมตั้งใจจะมาชวนคุณพีชไปดูหนังนะครับ ไม่ทราบว่าวันนี้คุณพีชว่างหรือเปล่าครับ”

“เอ่อ...ขอโทษทีนะอเล็กเซย์ วันนี้ฉันไม่ว่างนะ” ผมตอบปฏิเสธไปแบบอ้อมๆ เพราะรู้สึกเกรงใจที่อีกฝ่ายมาชวนไปเที่ยวบ่อยๆ ส่วนอีกฝ่ายถึงกับหน้าซีดเมื่อได้ยินคำตอบจากปากผม

“อย่างงั้นเหรอครับ”

แล้วอีกฝ่ายก็หมุนตัวเดินกลับไปขึ้นรถ ซึ่งทำเอาผมรู้สึกใจเสียอย่างบอกไม่ถูก

“จะใจร้ายเกินไปหรือเปล่าพีช เล่นปฏิเสธเขาไปแบบนั้นนะ” เจย์พูดพลางสะกิดไหล่ผมอย่างแรงๆ “เขาอุตส่าห์มาซื้อดอกไม้ที่ร้านเราทุกวัน นายน่าจะยอมไปๆกับเขาหน่อยเถอะ”

คำพูดของเจย์ทำเอาผมคิดมาก

“แถมวันนี้ร้านเราก็ไม่ยุ่งซะด้วย จะไปก็ไปเถอะ เดี๋ยวทางนี้ฉันดูแลเองได้” ลูกพี่ลูกน้องยังคงพูดคะยั้นคะยอผม ทีแรกผมจะไม่ไป แต่พอฟังมากๆเข้า ผมกลับถอดผ้ากันเปื้อนออกก่อนจะรีบวิ่งตามอเล็กเซย์ไปอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ตัว

“อเล็กเซย์!” ผมตะโกนเรียกชื่อเสียงดังลั่น ทำเอาร่างสูงที่กำลังขึ้นรถถึงกับชะงัก “ฉันขอไปเที่ยวด้วยแล้วกันนะ พอดีฉันมีหนังที่กำลังอยากดูอยู่พอดี”

พอผมพูดจบ อีกฝ่ายถึงกับยิ้มด้วยความดีใจ

“ครับ ถ้างั้นขึ้นรถไปกันเถอะครับคุณพีช”

“อืม” เมื่อผมกับอเล็กเซย์ไปถึงห้างสรรพสินค้าแล้ว ก็เดินไปส่วนของโรงหนังก่อนจะเดินเข้าไปต่อคิวเพื่อซื้อตั๋ว

“คุณพีชอยากดูหนังอะไรหรือครับ” ร่างสูงหันมาถาม

“แฮร์รี่พอตเตอร์นะ” ผมตอบพลางมองดูทีวีจอแบนที่กำลังฉายรายชื่อหนังภาพยนตร์อยู่ “เห็นว่าภาคนี้เป็นภาคอวสานแล้วด้วย แต่ถ้านายไม่ชอบดู จะเปลี่ยนเป็นเรื่องอื่นก็ได้นะ”

“ไม่ครับคุณพีช ผมยังไงก็ได้ ดูได้เหมือนกันหมด”

ร่างสูงตอบ หลังจากนั้นพอพวกผมซื้อตั๋วได้แล้ว อเล็กเซย์ก็พาผมไปซื้อป๊อปคอร์นกับน้ำอัดลม ก่อนจะพากันเดินเข้าไปในโรงหนังทันที ในตอนช่วงดูหนังนั้นผมรู้สึกสนุกเพลิดเพลินกับหนังมาก แต่ก็ลอบแปลกใจเสียมิได้ว่าร่างหนามักจะเผลอโดนมือของผมบ่อย หรือไม่ก็เผลอจับมือของผมบ่อย ซึ่งผมไม่ได้คิดมาใส่ใจเพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงกำลังสนุกกับหนังเหมือนกับที่ผมสนุกก็เป็นไปได้ เมื่อหนังจบแล้วพวกผมก็พากันเดินออกมาจากโรง

“นี่ก็เที่ยงแล้วคุณพีชอยากจะกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ” อเล็กเซย์หันมาถาม

“อืม นั่นสิจะไปกินที่ไหนดีหนอ” ผมมุ่นคิ้วพลางนึกถึงร้านอาหารที่ผมอยากกินเป็นพิเศษ แต่แล้วก็เหลือบไปเห็นใครบางคนที่ผมไม่อยากจะเห็นในเวลานี้ “มะ…เมย์”

ร่างหนามุ่นคิ้วเมื่อได้ยินที่ผมเรียกชื่อผู้หญิง พร้อมกับหันหน้าไปตามผม ก่อนจะเห็นสองร่างชายหญิงเดินคู่มาด้วยกัน

“อ้าว นึกว่าใคร ที่แท้ก็…” ชายหนุ่มที่เดินเคียงคู่มากับเมย์ร้องทักเมื่อเห็นผม ผิดกับเมย์ที่ยืนหน้าซีด “…อดีตคนรักเก่าของเมย์ เป็นไงมาไงถึงได้มาเดินกับผู้ชายได้ละนี่”

ผมไม่ตอบเพราะเอาแต่มองหน้าเมย์ ความเจ็บปวดในอกครั้งก่อนได้กลับมาอีกครั้ง ผมเกือบลืมไปแล้วแต่พอมาเห็นอีกที น้ำตาก็พาลจะไหลลงเสียให้ได้ ทว่าด้วยผมที่เป็นลูกผู้ชาย จึงได้แต่ขบปากตัวเองแรงๆ

“พีช” เสียงหวานเรียกชื่อผม เมย์จ้องหน้าผมสลับกับอเล็กเซย์ไปด้วยพร้อมกัน เธอคงสงสัยว่าทำไมผมถึงมาเที่ยวกับผู้ชายได้ แต่เรื่องอะไรที่ผมจะบอกกันล่ะ “คนนั้นเป็นเพื่อนพีชเหรอคะ”

“เรียกคู่ขาซะมากกว่านะเมย์ เพราะเดี๋ยวนี้ผู้ชายเป็นเกย์กันเยอะออกถมไป จริงไหมครับคุณพีช”

อีกฝ่ายพูดตอบพลางมองหน้าเยาะเย้ยผม

“ผู้ชายเป็นเกย์ยังไงก็ดีกว่าพวกเกาะชายกระโปรงหลอกตัวเองไปวันๆ” อยู่ๆอเล็กเซย์ก็พูดขึ้นมา ทำเอาผมถึงกับหันขวับไปมองทันที สีหน้าของร่างสูงดูน่ากลัวจนผมอดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น

อเล็กเซย์พูดอะไรนะ ไม่เห็นจะเข้าใจเลย?

ผมครุ่นคิดในใจด้วความงุนงง แต่ถึงกระนั้นผมก็ดีใจที่ร่างสูงเข้าข้างผม

“มะ...มึงอย่าพูดซี้ซั้ว รีบถอนคำพูดเดี๋ยวนี้!” อีกฝ่ายกัดฟันพูดชี้หน้าใส่อเล็กเซย์ด้วยความกราดเกรี้ยว และทำท่าจะเข้ามาชกแต่โดนเมย์รั้งเอาไว้ “ปล่อยกูสิ กูจะไปต่อยมัน!”

“ไม่ได้นะคะเอ อย่ามีเรื่องกันเลย” ร่างบางพูดขอร้องพลางเกาะแขนของมันไปด้วย ซึ่งทำเอาผมที่ยืนจ้องมองอยู่ถึงกับปวดใจ

ทำไม ทำไมคนข้างเธอถึงไม่ใช่ผม ทำไม…

“ใช่ ผมเองก็ไม่อยากมีเรื่อง เพราะเดี๋ยวมันจะวุ่นวายไปเปล่าๆ” ร่างหนายิ้มเยาะ เสียงเยือกเย็นทำผมอดรู้สึกกลัวๆอย่างบอกไม่ถูก ตอนนี้ผู้คนเริ่มมุงดูกันแล้ว แถมผมก็ไม่อยากจะเห็นหน้าเมย์อีก ก็เลยดึงแขนเสื้อสูทของร่างสูงเบาๆ

“ไปกันเถอะอเล็กเซย์ ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว” ผมบอกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนี้ได้ก็แทบแย่ ผมมองหน้าเมย์แต่ก็จี๊ดไปถึงหัวใจ เจ็บมากเสียจนอยากวิ่งหนีไปไกลๆ ทว่าร่างสูงกลับยืนนิ่งจนผมต้องเรียกอีกรอบ “อเล็กเซย์”

“ครับ”

แล้วผมก็ลากอเล็กเซย์ให้เดินออกไปจากที่นี่ท่ามกลางสายตาผู้คนที่จับจ้อง

......................
 
ขากลับร่างบางแทบไม่พูดอะไร เอาแต่นั่งนิ่งเงียบจนผมนึกอยากเข้าไปกอดเข้าไปจูบเพื่อปลอบร่างเล็กให้หายเศร้า แต่ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะผมกลัวอีกฝ่ายจะโกรธเอา จึงได้แต่ขับรถไปเรื่อยๆจนกระทั่งร่างบางยอมเปิดปากพูด

“อเล็กเซย์ ฉันหิวแล้ว ไปหาอะไรกินกันเถอะนะ”

“ครับ”

ผมตอบก่อนจะขับรถพาร่างบางไปร้านอาหารของเจฟฟรีย์ แน่นอนว่าพอไปถึงที่นั่น ร่างบางกลับเอาแต่ซัดเบียร์เพียงอย่างเดียว ซึ่งผมเองก็ห้ามไม่ทัน จึงได้แต่นั่งดื่มดูอีกฝ่ายดื่มเป็นเพื่อนอย่างเงียบๆ จนกระทั่งเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พีชเริ่มเมามากจนหน้าแดงอย่างเห็นได้ชัด ผิดกับผมที่ยังแค่กรึ่มๆ เพราะขืนเมามากกว่านี้กลัวจะพาร่างบางกลับร้านดอกไม้ไม่ไหว

“ผมว่าพวกเรากลับกันได้แล้วนะครับคุณพีช” ผมบอกพลางจ้องมองนาฬิกา ซึ่งตอนนี้บอกเวลาสองทุ่มกว่าแล้ว แต่ทว่าร่างบางกลับพูดจาอ้อแอ้เหมือนกับเด็กน้อย

“ม่ายกลับ ฉานม่ายกลับ”

“แต่เดี๋ยวคุณเจย์จะเป็นห่วงคุณเอาได้นะครับ” ผมบอกแต่อีกฝ่ายกลับยกเบียร์ขึ้นดื่ม ทำให้ผมต้องหันไปจ่ายเงินให้กับเจฟฟรีย์ ก่อนจะกลับมาที่โต๊ะ “กลับกันเถอะครับ เดี๋ยวผมไปส่ง”

แล้วผมก็ฉุดอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นยืน ก่อนจะพยุงร่างบางเดินกลับไปที่รถ พอผมไปส่งถึงร้านดอกไม้ แต่ร้านกลับปิดไปแล้ว ทำให้ผมต้องพาพีชกลับไปที่คอนโดของตัวเอง เมื่อมาถึงคอนโดผมก็วางร่างบางลงบนเตียงแต่อีกฝ่ายกลับร้องโวยวาย

“เอาเบียร์มา บอกแล้วงายว่าห้ายเอาเบียร์มา”

“ไม่เอาครับคุณพีช แค่นี้คุณก็เมามากพออยู่แล้ว”

“บอกแล้วไงว่าห้ายเอามางาย เอามา!”

“ครับๆ จะเอามาให้เดี๋ยวนี้แหละครับ” ผมใจอ่อนอีกแล้วครับ พออยู่กับพีชทีไรผมมักจะใจอ่อนทุกที ว่าแล้วผมก็ลุกขึ้นเดินไปหยิบเบียร์กระป๋องจากตู้เย็น ก่อนจะเอามาให้กับร่างบาง “นี่ครับคุณพีช”

พีชรับไปเปิดก่อนจะยกขึ้นดื่มอย่างรวดเร็ว ทว่าร่างบางยกดื่มขึ้นไวไปหน่อย ทำให้เบียร์หกรดใส่เสื้อผ้าตัวเอง แลเห็นเสื้อยืดแนบเนื้อจนเห็นข้างในได้อย่างชัดเจน

เอ่อ จะยั่วไปไหมครับลูกพีช…

“นาย…” ร่างบางพูดพลางชี้หน้าผมทั้งๆที่ถือกระป๋องเบียร์ในขณะที่นั่งอยู่บนเตียง ส่วนผมนั่งดื่มอยู่ข้างๆ “…นายเคยมีแฟนบ้างม้ายยยอาเล็กเซย์”

“ไม่เคยมีครับ” ผมตอบไปตามตรง และพยายามหลบหน้าไม่มองพีชเพราะกลัวหักห้ามใจไม่อยู่ แต่อีกฝ่ายกลับจับหน้าผมให้หันกลับไปมอง ทำให้ผมได้เห็นสีหน้าอันแดงกล่ำของร่างบางอย่างชัดเจน

“ดีแล้วที่ม่ายมี” ร่างบางพูดพลางหรี่ตามองผม ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “เพราะม่ายงั้นนายจาเป็นเหมือนกับที่ฉานเป็น อึก รู้หมายว่ามานเจ็บแค่หนาย ที่ต้องทนดูคนที่เราร๊ากกกปายกับคนอื่น”

“คุณพีช คุณเมามากแล้ว รีบนอนเถอะ” ผมพูดพลางผลักร่างบางให้นอน แต่อีกฝ่ายไม่ยอมนอน กลับจ้องหน้าผมซะชิดจนสามารถรู้สึกถึงลมหายใจของกันและกันได้

ใกล้กันเกินไปแล้ว…

“ตั้งแต่พ่อแม่จากปาย ฉานก้อม่ายมีครายอีกแล้ว ม่ายมีครายอีก…” ร่างบางพูดไม่จบเพราะถูกผมจูบเข้าเสียก่อน ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะขัดขืน แต่กลับยอมรับจูบผมอย่างว่าง่าย ผมจูบอยู่เนิ่นนานก่อนจะผละออกมา แล้วหันมาจูบน้ำตาที่ไหลรินจากดวงตาของร่างบางอย่างแผ่วเบา

“ถึงคุณไม่มีใครแต่คุณยังมีผมนะคุณพีช” ผมกระซิบบอกพลางลูบไล้ใบหน้าร่างบางอย่างทะนุถนอม “ผมจะไม่ทิ้งคุณไปไหน จะอยู่เคียงข้างคุณไปตลอด”

ไปตลอดจนกว่าชีวิตจะหาไม่…


......................

ผมรู้สึกตัวอีกที แสงแดดก็เข้ามาแยงตาแล้ว พอขยับตัวไปอีกข้าง กลับต้องชะงักเมื่อเห็นใบหน้าอันคุ้นตาในระยะเผาขน

…อเล็กเซย์?

ผมมุ่นคิ้วครุ่นคิดในใจด้วยความงุนงง ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมผมถึงมานอนอยู่กับอเล็กเซย์ได้ แถมยังอยู่ในอ้อมกอดของอีกฝ่ายด้วย ครั้นพอผมเลิกผ้าห่มขึ้นถึงกับตกใจเมื่อพบว่าตัวเองไม่ได้สวมเสื้อผ้าสักชิ้น แถมเนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยแดงจ้ำๆ ตามลำคอ หัวไหล่ ไหปลาร้า หน้าท้อง โดยเฉพาะหน้าอกกับต้นขาจะเยอะเป็นพิเศษ และนอกจากนี้ร่างสูงก็ไม่ได้สวมเสื้อผ้าด้วยเช่นเดียวกัน

มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?!

ผมคิดได้ดังนั้นก็รีบดันแขนร่างหนาออก ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง

แปลบ!

อยู่ๆผมก็ปวดสะโพกขึ้นมา ทำเอาผมถึงกับนิ่วหน้า แถมนอกจากนี้ร่างกายก็ไม่มีเรี่ยวแรงจนผมต้องล้มตัวลงไปนอนอีกครั้ง แน่นอนว่าการล้มตัวของผมทำให้ร่างหนาลืมตาตื่นขึ้นมา

“อรุณสวัสดิ์ครับคุณพีช” ไม่พูดยิ้มเปล่าเพียงอย่างเดียว กลับยกมือขึ้นโอมกอดพร้อมกับหอมแก้มผมไปด้วย

“นี่นายทำบ้าอะไร!!” ผมตวาดเสียงกลับไปพลางขยับตัวหนีด้วยความตกใจ หากแต่ร่างหนากลับดึงผมเข้าไปในอ้อมกอดของตัวเอง “บอกให้ปล่อยไงเล่าอเล็กเซย์!”

“ทำไมผมต้องปล่อยด้วยล่ะ? ก็ในเมื่อคุณเป็นเมียของผมแล้วนี่ครับ”

ร่างหนามุ่นคิ้วพูด ซึ่งคำว่าเมียทำเอาผมถึงกับอึ้ง

“มะ…ไม่จริงใช่ไหม”

“จริงสิครับ” อเล็กเซย์ตอบก่อนจะพูดต่อ “เพราะเมื่อคืนคุณเมามาก พอผมไปส่งที่ร้าน ร้านคุณก็ดันปิดไปแล้ว ดังนั้นผมก็เลยพาคุณมาที่นี่ แต่ผมไม่ได้ขืนใจคุณนะคุณพีช ที่ผมทำไปก็เพราะผมรักคุณ แล้วคุณเองก็ตอบรับจูบของผมด้วย”

ผมฟังที่อีกฝ่ายพูดถึงกับอึ้งเป็นรอบที่สอง แต่มันก็ยากที่จะเชื่อ เพราะตอนนั้นผมเมาจนจำอะไรไม่ได้เลย

“แต่คุณไม่ต้องเป็นห่วงนะครับคุณพีช เพราะผมจะรับผิดชอบกับสิ่งที่ผมทำกับคุณทั้งหมด” อีกฝ่ายพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม ดูจริงจังเสียจนผมพูดแย้งไม่ออก “ถ้าคุณไม่เชื่อ เอาฟ้ามาเป็นพยานได้ ว่าผมจะรักคุณและจะไม่จากคุณไปไหนเลยตลอดชีวิต”

“จะ…จะบ้าเหรอ! ฉันกับนายเป็นผู้ชายนะ จะให้มารักกันได้ยังไง”

“ทำไมจะรักกันไม่ได้ล่ะ ถ้าผมจะรักคุณซะอย่าง อะไรก็ห้ามไม่ได้หรอก” อีกฝ่ายแย้งทันควัน “แล้วอีกอย่างความรักมันห้ามกันไม่ได้ ต่อให้เป็นเพศเดียวกันก็เถอะ”

“แต่ฉันไม่ได้รักนายนะอเล็กเซย์ นายก็รู้นี่ว่าฉันยังรักเมย์อยู่”

“ไม่เป็นไร ผมรอได้” ร่างหนาตอบก่อนจะคว้ามือผมขึ้นมาหอม ซึ่งทำเอาผมสะดุ้ง “ต่อให้นานแค่ไหนผมก็จะรอ”

“แล้วจะให้ฉันเชื่อนายได้ยังไง ในเมื่อฉันจำอะไรไม่ได้เลย"

ผมแย้งอย่างมีเหตุผล เพราะเมื่อคืนผมจำไม่ได้จริงๆ

“แน่ใจแล้วนะว่าคุณจำไม่ได้” ร่างหนาพูดย้ำเสียงเข้มพลางจ้องผมเขม็งจนผมเป็นฝ่ายที่ต้องหันหน้าหนี “แล้วถ้าผมทำแบบนี้กับคุณล่ะ ยังพอจะจำได้อีกรึไม่”

พูดจบ อีกฝ่ายก็ซุกหน้าเข้ามาที่ลำคอของผม ก่อนจะขบแรงๆ ซึ่งทำเอาผมที่หันหน้าหนีถึงกับสะดุ้งตกใจ

“ยะ…อย่า!” ร่างหนาไม่สนที่ผมบอก กลับรุกต่อจนผมถึงกับร้องคราง “อ่า อเล็ก…เซย์ พอเถอะ ฉัน อึก พอทีเถอะนะ ฉันขอร้อง”

ผมพูดพลางหันหน้าหนี แล้วอยู่ๆภาพเหตุการณ์เมื่อคืนวานก็ได้หวนกลับขึ้นมาในหัว ภาพของอเล็กเซย์จูบผมก่อน แล้วผมก็ดันตอบรับเขาด้วยการจูบ ซึ่งคงไม่ต้องบอกให้รู้ว่าอะไรจะเกิดอะไรขึ้นต่อหลังจากนั้นอีก พอผมคิดได้ดังนั้นก็รู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งหน้า ส่วนร่างสูงที่กำลังนัวเนียกับแก้มผมอยู่นั้น เมื่อไม่ได้ยินเสียงผมร้องก็หยุดทำก่อนจะหันมามองผมด้วยรอยยิ้ม

“เท่านี้คุณพอคงจะจำได้ทั้งหมดแล้วสินะครับ” ผมไม่ตอบ ได้แต่หนีหน้าด้วยความเขินอาย “จะว่าอะไรไหมถ้าผมเรียกคุณว่าลูกพีช”

ผมมุ่นคิ้วหันหน้ากลับมา แต่ก็ชะงักทันทีที่เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายในระยะประชิด

“ว่ายังไงครับ”

“จะเรียกก็เรียกไปแต่…” ผมบอกพลางหันหน้าหนี “…อย่าเรียกต่อหน้าคนอื่นได้ไหม ฉันยังไม่พร้อมที่จะบอกให้ใครรู้ โดยเฉพาะเจย์ ยิ่งบอกไม่ได้ใหญ่”

“ครับลูกพีช ผมไม่บอกใครแน่ๆ” ร่างหนาพูดพลางหอมแก้มผมเบาๆ ทำเอาผมรู้สึกสะดุ้งเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้

“แต่นายต้องสัญญากับฉันด้วยว่าห้ามทำกับฉันแบบนี้ต่อหน้าคนอื่น” ผมหันมาพูดอย่างเอาเรื่อง เพราะผมไม่อยากให้เรื่องนี้ต้องแพร่งพรายออกไป “ไม่ว่าจะกอดหรือหอม ก็ไม่ได้”

ร่างสูงทำหน้ามู่เมื่อได้ยินที่ผมบอก

“ข้อห้ามเยอะจังนะครับ เว้นซักข้อไม่ได้เลยเหรอ”

“ไม่ได้” ผมพูดเสียงแข็ง ก่อนจะดันร่างหนาให้ออกห่าง “ฉันแค่ยอมรับว่าเมื่อคืนฉันเผลอตัวเผลอใจนอนกับนายจริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะต้องยอมนายไปซะทุกเรื่อง นายอย่าลืมข้อนี้ไปสิอเล็กเซย์”

“ครับลูกพีช”

“ว่าแต่นายเมื่อไหร่จะเอาแขนออกไปซะที มันหนักนะ” ถึงแม้ผมจะผลักร่างหนาให้ออกห่างเป็นคืบแล้ว แต่อีกฝ่ายยังคงวางแขนทับผมอยู่ “เอ๊ะ บอกให้เอาแขนออกไปไงเล่าอเล็กเซย์”

“ไม่ออกครับ”

“อเล็กเซย์!”

“ก็ทีคุณยังมีข้อห้ามเลย ผมเองก็ต้องมีข้อห้ามของผมเหมือนกันบ้างสิ” อีกฝ่ายพูดเสียงเง้างอน

“ข้อห้ามอะไร?” ผมถามย้อนอย่างมึนงง ซึ่งทำเอาร่างหนายิ้มก่อนจะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ว่า

“ข้อห้ามที่ว่าเวลาคุณอยู่บนเตียงกับผมแล้ว ห้ามปฏิเสธกับสิ่งที่ผมจะทำกับคุณจนกว่าผมจะพอใจยังไงล่ะ”

.........................

สุดท้ายแล้วผมก็ต้องยอมศิโรราบให้กับอเล็กเซย์ โดยที่อีกฝ่ายเล่นเอาผมซะตลอดเช้า พอตกบ่ายผมตื่นขึ้นอีกครั้งก็พบว่าร่างหนาอยู่ในชุดสูทตัวใหม่กำลังยกชามอาหารเดินมาทางเตียงที่ผมนอนอยู่

“สวัสดียามบ่ายครับลูกพีช” ร่างสูงกล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงระรื่น ซึ่งทำเอาผมที่ลุกไม่ขึ้นถึงกับหงุดหงิด “คุณไม่ได้กินข้าวตั้งสองมื้อคงหิวแย่ ผมก็เลยทำข้าวต้มมาให้”

แล้วใครกันที่เล่นเอาซะหนัก แถมไม่มีพักยกด้วย ใครไม่หิวก็บ้าแล้วล่ะ!

ผมด่าทออีกฝ่ายในใจด้วยความเดือดดาล แล้วร่างหนาก็วางชามลงบนโต๊ะข้างเตียง ก่อนจะหันมาพยุงผมให้ลุกขึ้นนั่งอย่างเบาๆ พอได้ลุกขึ้นนั่ง ผมถึงได้รู้ว่าตัวเองไม่ได้เปลือยกายเหมือนอย่างเมื่อเช้านี้ แต่กลับอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ต กางเกงขาสั้น

สงสัยจะเปลี่ยนให้ตอนหลับแน่ๆเลย

“ผมว่าคุณกินเองไม่ไหวแน่ เดี๋ยวผมป้อนให้นะ”

“เฮ้ย ไม่ต้อง ฉันกินเองได้” ผมรีบบอกก่อนที่อีกฝ่ายจะป้อน ทำให้ร่างหนายอมส่งชามมาให้แต่โดยดี ครั้นพอจะตักข้าวเข้าปาก ร่างสูงกลับนั่งอมยิ้มจ้องผมจนผมกินข้าวไม่ลง “อย่าจ้องฉันแบบนั้นสิ ฉันกินไม่ลงนะ”

“ก็คุณไม่อยากให้ผมป้อนเองนี่ครับ ผมก็เลยต้องจ้องคุณแบบนี้แหละ” อเล็กเซย์ตอบยิ้มๆ ทำเอาผมรู้สึกอายจนต้องหันหน้าหนีไปอีกทางเพื่อกินข้าว แต่ก็กินไปได้ไม่กี่คำก็ต้องวางช้อนลง เพราะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

“จริงสิอเล็กเซย์ มือถือของฉันอยู่ที่ไหนล่ะ พอดีฉันจะโทรไปหาเจย์ซักหน่อย” ผมพูดพลางหันหน้ามา

“ถ้าเป็นเรื่องนั้นลูกพีชไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ เพราะเมื่อตอนกลางวันผมได้โทรบอกเขาไปแล้วว่าคุณไม่สบาย ต้องการนอนพักผ่อนอยู่ที่คอนโดผม ไว้หายดีแล้วจะกลับ” ร่างสูงตอบ ซึ่งทำเอาผมหน้าหงิก

“นายนี่ชอบจุ้นเรื่องคนอื่นซะจริงๆนะ”

“ก็ผมเห็นคุณกำลังหลับสบายอยู่นี่ครับ เลยโทรไปบอกเขาแทนคุณยังไงละ” ร่างสูงพูดหัวเราะพลางลุกขึ้นยืน “เดี๋ยวพอคุณกินข้าวเสร็จแล้วก็วางชามไว้บนโต๊ะข้างเตียงนี่ได้เลยนะครับ ส่วนเรื่องยาแก้อักเสบ ผมวางไว้บนโต๊ะแล้วนะ อย่าลืมกินซะล่ะ”

พอผมได้ยินที่อีกฝ่ายก็พยักหน้าตอบ

“จริงสิ แล้วนั่นนายจะไปไหนหรืออเล็กเซย์” ผมถามต่อด้วยความสงสัย เพราะเห็นร่างสูงสวมชุดสูทเต็มยศ

“อ้อ ผมหรือ ผมก็จะกลับไปที่บริษัทนะครับ พอดีมีปัญหานิดหน่อย” ร่างสูงตอบก่อนจะโน้มตัวเข้ามาหอมแก้มผมเสียงดังฟอด ซึ่งทำเอาผมที่ถูกหอมแก้มโดยไม่ตั้งตัวถึงกับหน้าแดง “ผมไปเดี๋ยวเดียวก็กลับครับ แต่ถ้าลูกพีชเบื่อแล้วล่ะก็ หยิบรีโมทเปิดทีวีดูได้ตามสบายเลยนะ”

แล้วร่างสูงก็เดินออกนอกห้องไป ซึ่งหลังจากที่ผมกินข้าวกินยาเสร็จ ก็นั่งดูทีวีด้วยความเบื่อหน่าย

ให้ตายสิ นั่งอยู่เฉยๆนี่มันน่าเบื่อชะมัดยาด

ผมครุ่นคิดในใจก่อนจะก้าวเท้าลงจากเตียงด้วยความยากลำบาก โชคดีที่ความเจ็บปวดแถวสะโพกนั้นได้ทุเลาลงแล้ว จึงทำให้ผมสามารถเดินได้อย่างสบาย เมื่อลงเดินแล้วผมก็เดินสำรวจห้องคอนโดของอเล็กเซย์ไปซะทั่ว จนเหลือแต่นอกกะชานที่ผมยังไม่ได้ออกไปสำรวจ พอคิดได้ดังนั้นผมก็เปิดประตูกระจก ก่อนจะตกใจเมื่อเห็นกระถางดอกไม้วางอยู่เรียงเต็มไปหมด

“ไม่นึกเลยว่าพวกนักธุรกิจส่งไวน์ก็บ้าเลี้ยงดอกไม้เป็นกับเขาด้วย” ผมพูดพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะเดินออกไปสำรวจดอกไม้ ครั้นพอดูไปได้ซักระยะ ก็ทำให้ผมได้รู้อะไรบางอย่างจากดอกไม้เท่าที่ผมสังเกตมาทั้งหมด “นี่มันกระถางดอกไม้ที่อเล็กเซย์ไปซื้อจากร้านเราทั้งนั้นเลยนี่! ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ”

ผมพูดด้วยความมึนงง เพราะตอนที่ร่างหนาไปซื้อดอกไม้จากร้านผม เขาก็ได้อ้างว่าซื้อไปให้กับลูกค้าของบริษัท

อย่าบอกนะว่าที่ไปซื้อดอกไม้ที่ร้านทุกวันนี้ก็เพื่อ....

ผมมุ่นคิ้วครุ่นคิดอย่างหนักใจ แต่แล้วก็ต้องส่ายหน้าให้กับความคิดงี่เง่าของตัวเอง เพราะเป็นไปไม่ได้ที่อเล็กเซย์จะไปซื้อดอกไม้ที่ร้านเพื่อต้องการเห็นหน้าผมทุกวัน พอคิดได้ดังนั้นผมก็เดินกลับไปนอนที่เตียงต่อ ก่อนจะเผลอหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย

..............................

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-08-2014 09:03:43 โดย dragon123 »

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: Innocent Flower (อัพตอนที่ 3 ลูกพีช 25/8/57)
«ตอบ #7 เมื่อ25-08-2014 09:05:58 »

อเล็กซ์จู่โจมแล้วแฮะ ไวกว่าที่คิดนะนี่ (หนูพีชก็นะ ใสแบ๊วจริงๆตอนแรก แต่ว่าตอนนี้มาคบกันแล้ว ไม่รู้ยังจะใสแบ๊วต่ออีกหรือเปล่า)

(อิเมย์กับอิเอนี่....ต้องโดนเล่นซะหน่อยละ  :beat: :beat: :z6: :z6:)

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-08-2014 10:50:08 โดย กุ้งเชอรี่ »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
Re: Innocent Flower (อัพตอนที่ 3 ลูกพีช 25/8/57)
«ตอบ #8 เมื่อ25-08-2014 09:39:49 »

 :กอด1:  :mew1:
ลูกพีชเอ๊ย คิดเข้าข้างตัวเองบ้างก็ไม่เป็นไรหรอกนะ มาถึงขั้นนี้แล้ว อิอิ

ออฟไลน์ shichina

  • Hina-Chang
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
Re: Innocent Flower (อัพตอนที่ 3 ลูกพีช 25/8/57)
«ตอบ #9 เมื่อ25-08-2014 14:33:23 »

 :laugh: ก็ว่าอยู่ว่าจะอดทนได้นานแค่ไหน

ในที่สุดลูกพีชก็โดนงาบ อรั๊ยยย  :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Innocent Flower (อัพตอนที่ 3 ลูกพีช 25/8/57)
« ตอบ #9 เมื่อ: 25-08-2014 14:33:23 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: Innocent Flower (อัพตอนที่ 3 ลูกพีช 25/8/57)
«ตอบ #10 เมื่อ25-08-2014 17:24:34 »

ตอนที่ 4 รอยแผลเป็น

......................................

ผมมารู้สึกตัวอีกทีก็รู้สึกเหมือนมีอะไรมาสัมผัสที่ริมฝีปากอย่างแผ่วเบา ทำเอาผมลืมตาขึ้นมามองก่อนจะเห็นร่างหนาผมทองในระยะเผาขน ส่วนร่างหนาเมื่อเห็นผมลืมตาขึ้นมาแล้ว ก็ถอนริมฝีปากออกมายิ้มให้กับผม

“อรุณสวัสดิ์ครับลูกพีช”

“อรุณสวัสดิ์บ้านนายแอบลักจูบคนอื่นตอนหลับสิ” ผมยอมรับว่าสัมผัสเมื่อครู่นี้มันทำให้ผมรู้สึกดีจริง แต่ผมไม่ชอบให้ใครมายุ่งตอนผมหลับ ผมคิดได้ดังนั้นก็ลุกขึ้นนั่ง ทำให้ร่างหนาต้องเขยิบถอยห่าง ซึ่งทำให้ผมเห็นอีกฝ่ายสวมชุทสูทสีเทาเรียบร้อยแล้ว “เมื่อคืนกลับมากี่โมงล่ะ พอดีฉันหลับไปก่อนก็เลยไม่รู้”

“สองทุ่มครับ ผมกลับมาก็เห็นคุณหลับไปแล้ว เลยไม่ได้ปลุก” อเล็กเซย์ยังคงสุภาพบุรุษเสมอต้นเสมอปลาย ถึงแม้ผมจะไปมีอะไรกับเขาไปแล้วก็ตาม แต่เขาก็ไม่ได้คิดฉวยโอกาสทำผมตอนหลับ (ยกเว้นจูบนะ) “ว่าแต่คุณหายดีแล้วหรือยังล่ะ ผมจะได้ขับรถพาคุณกลับบ้าน”

“อืม ก็หายดีแล้วล่ะ” แล้วผมก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำ เมื่อผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว พอเดินออกมาก็เห็นร่างสูงกำลังวางจานข้าวลงบนโต๊ะ

“มานั่งกินก่อนสิครับ นี่ผมทำให้เองกับมือเลยนะ” ร่างสูงบอก ซึ่งผมพยักหน้าก่อนจะเดินไปนั่ง แลเห็นข้าวผัดไข่ดาวกลิ่นหอมยั่วน้ำลาย “ผมไม่รู้ว่าคุณชอบกินอะไร ก็เลยทำข้าวผัดให้ หวังว่าคุณคงกินได้นะครับ”

“อืม ฉันยังไงก็ได้ กินได้หมดแหละ” แล้วผมก็ลงมือกินข้าว ส่วนอีกฝ่ายก็นั่งลงกินข้าวด้วยเช่นกัน แต่ร่างหนากินไปมองผมไป ทำเอาผมที่กำลังนั่งกินอยู่นั้นต้องหยุดกิน “มองหน้าฉันอยู่นั่นแหละ มีอะไรจะถามก็ถามมาได้เลย”

“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมก็แค่อยากมองหน้าคุณเท่านั้นเอง”

อีกฝ่ายพูดด้วยน้ำเสียงกวนประสาท ทำเอาผมนึกอยากจะบ้า

“อย่ากวนฉันสิอเล็กเซย์”

“ครับๆ ไม่กวนแล้วครับ” ร่างหนายิ้มตอบก่อนจะพูดเข้าเรื่องต่อด้วยสีหน้าจริงจัง “ผมเห็นตั้งนานแล้ว แต่ก็ไม่ได้ถามซักที เอ่อ…แผลเป็นที่หลังลูกพีช ไปได้มาจากไหนหรือครับ”

คำถามของร่างสูงทำเอาผมชะงักจนเผลอปล่อยช้อนตกลงบนจานเสียงดัง

“ถ้าคุณไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไรนะครับ” ร่างสูงรีบพูดทันทีที่เห็นผมตกใจ ซึ่งผมได้แต่ยิ้มแห้งๆตอบกลับไป ก่อนจะก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อไปอย่างเงียบๆ พอหลังจากทานข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ร่างสูงก็พาผมขับรถกลับไปส่งที่ร้านดอกไม้ ในขณะที่ผมกำลังจะลงจากรถ ร่างสูงกลับคว้ามือของผมเอาไว้ ทำให้ผมต้องหันกลับไปมอง “ลูกพีช ผมขอโทษ คราวหลังผมจะไม่ถามเรื่องนั้นกับคุณอีก แต่ขออย่างเดียว คุณอย่าโกรธผมเลยนะครับ”

ผมยิ้มก่อนจะตอบกลับไปว่า

“อืม ไม่โกรธหรอก” ผมตอบได้แค่นั้นจริงๆ พอผมลงจากรถ ผมก็ยืนมองจนกระทั่งร่างสูงขับรถออกไป แล้วจึงค่อยเดินกลับเข้าร้านตัวเอง ซึ่งก็พบเจย์กำลังยืนรอผมอยู่ที่หลังเคาน์เตอร์

“เป็นไงบ้าง หายดีแล้วใช่ไหม” เจย์ถามผมอย่างเป็นห่วง

“อืม หายดีแล้วล่ะ” ผมยิ้มตอบพลางเดินไปหยิบผ้ากันเปื้อนขึ้นมาสวมใส่

“เฮ้ยพีช นั่นแกไปโดนอะไรมานะ คอเป็นจุดแดงจ้ำเชียว” อยู่ๆเจย์ก็เอ่ยปากถามผมขึ้นมา ทำเอาผมที่กำลังสวมผ้ากันเปื้อนอยู่นั้นถึงกับสะดุ้งตกใจ “ที่คอนโดของอเล็กเซย์มียุงเยอะหรือไง ถึงได้โดนกัดซะเยอะขนาดนั้นนะ”

เวรล่ะ ลืมเรื่องนี้ไปซะสนิทเลย

“เออใช่ ฉันโดนยุงกัดนะ” ผมตอบพลางขยับคอเสื้อเชิ้ตให้ตั้งขึ้นเพื่อปิดรอยตรงคอ แต่ก็ไม่วายที่จะโดนถามอีก

“แล้วทำไมแกต้องเอาคอเสื้อขึ้นด้วยฟ่ะ ร้อนตายชัก แล้วนี่หน้าแดงทำไม หรือว่าไข้จะขึ้นอีก”

ไม่ว่าเปล่าเพียงอย่างเดียว แถมจะเอามือมาวัดไข้ด้วย ทำเอาผมรีบถอยห่างอย่างรวดเร็ว

“เฮ้ยไม่ต้องไอ้เจย์ ฉันสบายดี เดี๋ยวก็หายแล้วล่ะ ว่าแต่แกมัวแต่ถามอยู่ได้ รีบกลับไปทำงานไป๊ ชิ้วๆ” ผมบอกพลางโบกมือไล่ร่างสูงให้กลับไปทำงาน ซึ่งทำเอาอีกฝ่ายหน้ามู่ไม่พอใจ

“เออ ไปก็ได้วะ ถามแค่นี้ก็ไม่ได้” แล้วอีกฝ่ายก็เดินกลับไปทำงานของตัวเอง ทำเอาผมรู้สึกหายใจโล่งคอ

ทีหลังต้องระมัดระวังหน่อยซะแล้ว…

..............................

ผมเจย์ครับ ไม่ใช่เจย์เจตริน พื้นเพผมอยู่ที่ต่างจังหวัด ตอนตั้งยังเล็กแม่ชอบพาผมไปบ้านไอ้พีชเสมอ ครั้งแรกที่ผมเห็นมัน หลงนึกว่าเป็นเด็กผู้หญิงซะอีก เพราะเล่นหน้าหวานซะหยดย้อย ขนตางอนงาม ริมฝีปากเล็กอมชมพู แถมยังใส่ชุดตุ๊กตาสวยๆจนไม่มีใครคิดว่ามันเป็นเด็กผู้ชาย ทุกครั้งที่ได้เล่นด้วยกัน ผมมักจะชวนพีชเล่นเป็นพ่อแม่หรือไม่ก็เล่นเกมอะไรที่ไม่รุนแรงสำหรับมันโดยเฉพาะ เพราะเดี๋ยวแม่ของผมจะด่าเอาว่าไปเล่นรุนแรงกับพีช จนกระทั่งโตพอเข้าโรงเรียนมัธยม ผมกับพีชก็ไม่ได้เจอกันอีก เพราะมันเล่นย้ายตามพ่อแม่ไปอยู่อังกฤษ แต่โชคดีที่สมัยนี้อิเล็กทรอนิกก้าวไกล ก็เลยทำให้ผมสามารถพูดคุยกับมันได้โดยการส่งอีเมล์หรือแชทผ่านโปรแกรมสไกฟ์นั่นเอง ซึ่งมีอยู่วันหนึ่งพีชได้ส่งอีเมล์มาว่าพรุ่งนี้จะนั่งเครื่องบินกลับมาเที่ยวประเทศไทยพร้อมกับพ่อแม่มัน ทำเอาผมที่ค้างอยู่หอพักมหาวิทยาลัยถึงกับรีบนั่งรถบึ่งเข้ากทมเพื่อจะไปรอรับมันที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อถึงเวลา แทนที่ผมจะได้เห็นหน้าพีชพร้อมกับพ่อแม่มัน กลับได้รับข่าวร้ายที่ไม่คาดถึงในชีวิตของผม

‘มีรายงานข่าวด่วนเข้ามานะครับ เครื่องบินโดยสารแบบโบอิ้งค์ของสายการบินอังกฤษแอร์เวย์ประสบอุบัติเหตุตกจากรันเวย์ ส่งผลให้เกิดไฟลุกไหม้ เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิต 300 ราย เป็นผู้โดยสารและลูกเรือ อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ช่วยชีวิตผู้โดยสารรายหนึ่งที่บาดเจ็บสาหัสออกมาได้ เบื้องต้นทราบว่าเป็นชายไทย อายุประมาณ 25 ปี ขณะนี้ร่างผู้บาดเจ็บได้นำไปรักษาตัวยังห้องไอซียูของโรงพยาบาลxxxแล้ว”

ผมแทบช็อกเมื่อได้มาเห็นร่างบางที่เต็มไปด้วยบาดแผลถูกสวมที่ช่วยหายใจไว้ตลอดเวลาในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่ดีที่สุดในกรุงเทพ ซึ่งบอกตามตรงเลยว่าอาการของพีชหนักถึงขั้นวิกฤต เป็นตายเท่ากัน ทำให้ผมกินไม่ได้นอนไม่หลับ รวมถึงพ่อแม่ของผมด้วยเช่นกัน เพราะท่านคงช็อกกับการจากไปของเพื่อนตัวเองอย่างไม่มีวันกลับ ซึ่งก็คือพ่อแม่ของพีชที่นั่งเครื่องบินมาด้วยกันนั่นเอง

‘เจย์กลับไปนอนเถอะ ถึงเฝ้าไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา ถ้าเกิดพีชรู้เข้า เดี๋ยวเขาจะเป็นห่วงลูกเอาได้นะ’ แม่ของผมที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักเข้ามาพูดกับผม ในขณะที่ตัวผมเองได้แต่นั่งก้มหน้านิ่งอยู่หน้าห้องไอซียู ซึ่งแม่ของผมพยายามพูดเกลี้ยกล่อมแล้วเกลี้ยกล่อมอีก แต่ผมไม่ฟัง สุดท้ายแม่ผมก็ต้องยอมแพ้กลับไปบ้านพร้อมกับพ่อแต่โดยดี แล้วสามวันสามคืนแห่งการรอคอยก็ได้สิ้นสุดลง พีชได้สติขึ้นมาท่ามกลางความดีใจของทุกคน แต่ทว่า...ทันทีที่ผมเข้าไปเยี่ยม ผมก็ได้เห็นร่างบางนอนลืมตาขึ้นเหม่อมองเพดานปราศจากเครื่องช่วยหายใจ ซึ่งทำเอาผมแทบกลืนไม่เข้าคายไม่ออก อยากจะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก

‘พีช ในที่สุดนายก็ฟื้นซักที ฉันเป็นห่วงนายแทบแย่เลยรู้ไหม’ ผมพูดด้วยน้ำเสียงสดใส เพราะต่อหน้าพีชแล้ว ผมอยากจะทำตัวให้ดูสดชื่น แต่ลึกๆแล้วใจผมกลับปวดร้าวจนอยากจะร้องไห้ออกมาเป็นสายเลือด ซึ่งพอผมพูดจบ ร่างบางก็ละสายตาจากเพดานพลางหันหน้ามามองผมด้วยสายตาที่ว่างเปล่า ก่อนจะเอ่ยปากพูดตอบอย่างตะกุกตะกักชนิดที่ทำเอาผมแทบช็อกยิ่งกว่าตอนแรกที่ได้ทราบข่าวเสียอีก

‘คุณ...คือ...ใคร...ผม...ไม่...รู้...จัก’

หลังจากนั้นผมก็ได้เรียกหมอให้มาตรวจเช็คดู ซึ่งไม่นานนักผมกับพ่อแม่ก็ได้คำตอบที่แน่ชัดจากหมอ

‘เนื่องจากคนไข้ได้รับการกระทบกระเทือนทางสมองส่วนที่ควบคุมเรื่องความทรงจำ ทำให้มีอาการของโรคความจำเสื่อม ซึ่งอาการจะค่อยๆดีขึ้นเมื่อคนไข้พักฟื้นและได้รับการกระตุ้นความทรงจำ ส่วนอาการอื่นๆเป็นสาเหตุมาจากการสูดดมควันไฟมากเกินไป ไม่นานก็กลับเป็นปกติครับ สำหรับบาดแผลที่หลัง หมอได้รักษาอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่เนื่องจากแผลมีขนาดใหญ่ และได้รับการติดเชื้อ จึงเหลือรอยแผลเป็น แต่สามารถรักษาได้ด้วยการทำศัลยกรรมครับ”

เพราะด้วยเหตุนี้ทั้งผมทั้งพ่อทั้งแม่ต่างผลัดช่วยกันดูแลพีชจนกว่ามันจะกลับมาหายดีเป็นปกติ (เพราะมันไม่มีญาติที่ไหนอีกแล้วนอกจากครอบครัวผม) ส่วนเรื่องเรียนนั้น ผมได้ไปบอกยกเลิกกับทางมหาวิทยาลัยเรียบร้อยแล้ว เพราะผมไม่คิดว่าพีชจะกลับมาเรียนได้อีก ไม่สิ ถึงจะหายดีจนสามารถกลับเรียนหนังสือได้ก็จริงอยู่ แต่มันคงยากที่พีชจะยอมขึ้นเครื่องบินที่เคยปลิดชีวิตพ่อแม่และเกือบจะปลิดชีวิตตัวมันเองกลับไปเรียนหนังสืออีกครั้งอย่างแน่นอน หลังจากที่มันหายดีแล้ว มันก็ได้เอ่ยปากว่าจะหางานทำ แต่ด้วยวุฒิของคนจบชั้นมอหกบวกกับร่างกายที่อ่อนแอของพีชทำให้พวกเขาไม่กล้ารับมันเข้าทำงาน ซึ่งทำให้มันถึงกับหัวเสียแทบบ้า ดังนั้นผมจึงชักชวนให้มันกลับไปช่วยพ่อแม่ของผมทำบัญชีที่บ้าน (พอดีบ้านผมเปิดร้านมินิมาร์ทนะ) แต่มันกลับปฏิเสธคำชวนของผมได้อย่างหน้าตาเฉย

‘ขอโทษด้วยไอ้เจย์ ฉันคงไม่ไปทำงานบ้านแกหรอก เพราะฉันจะกู้เงินไปเปิดร้านขายดอกไม้นะ’

เพราะคำพูดของพีชทำให้ผมต้องแบกหน้ามาขอทำงานด้วยกับมันที่ร้านตามคำขอของแม่ผม

“แกมัวเหม่ออะไรอยู่ล่ะไอ้เจย์ รีบรดน้ำพรวนดินใส่ปุ๋ยให้ดอกไม้ได้แล้วนะ” เสียงพีชดังแว่วเข้ามาเรียกสติ ทำเอาผมที่กำลังนั่งครุ่นคิดความหลังอยู่นั้นถึงกับสะดุ้งตกใจ “ถ้าไม่รีบล่ะก็ ฉันจะหักเงินเดือนแกไม่รู้ด้วยนะ”

“เออๆ จะรีบทำเดี๋ยวนี้แหละ”

ผมตอบก่อนจะรีบไปทำงานของตัวเอง แต่ผมทำไปได้ไม่นานนัก รถเบนซ์สีเทาคันงามก็ได้แล่นมาจอดที่หน้าร้าน ซึ่งทำให้ผมต้องหยุดมือ ก่อนจะเห็นเจ้าของรถเดินลงมาด้วยชุดสูทสีเทาเต็มยศ นับตั้งแต่วันที่อเล็กเซย์มาเดินชนกระถางดอกไม้ของพีชจนตกแตก เขาก็ได้มาแวะหาพีชโดยอ้างว่ามาซื้อดอกไม้ไปให้ลูกค้าอยู่ทุกวี่ทุกวัน ทีแรกผมไม่ได้นึกเอะใจเพราะเห็นเป็นเพียงลูกค้าที่รู้จักกันแบบผิวเผิน แต่พอเห็นอีกฝ่ายมาชักชวนพีชไปเที่ยวอยู่บ่อยๆ ประกอบกับรอยยุงกัดบนต้นคอของพีช ผมก็เริ่มชักจะสงสัยขึ้นมาตงิดๆ

“คุณเจย์เห็นลูก เอ้ย พีชหรือเปล่าครับ” อเล็กเซย์เดินมาถามผมหลังจากเดินเข้ามาในร้านแล้วไม่เจอ

“คงจะเข้าไปห้องน้ำล่ะมั้ง เดี๋ยวมันก็ออกมาแล้วล่ะ”

ผมตอบก่อนจะหันไปทำงานต่อโดยปล่อยให้ร่างสูงยืนรอ จนกระทั่งพีชเดินออกมา ร่างสูงจึงชักชวนร่างบางให้เดินเข้าไปพูดคุยข้างในหลังร้านด้วยกัน ซึ่งผมคิดว่าอเล็กเซย์คงอยากจะเห็นดอกไม้ที่ปลูกอยู่หลังร้าน จึงไม่ได้สนใจอะไรมาก แต่ผมนั่งพรวนดินไปได้ไม่นานนัก ผมก็ได้ยินเสียงคล้ายคนหายใจหอบดังมาจากข้างใน ทำให้ผมรีบหยุดมือก่อนจะเดินเข้าไปชะเง้อมองหลังร้านด้วยความสงสัย แต่แล้วก็ต้องตกตะลึงตัวแข็งค้างชนิดที่ผมเกือบหยุดหายใจไปเมื่อได้เห็นภาพนั้น…

ภาพของอเล็กเซย์ในชุดสูทสีเทากำลังสวมกอดจูบกับพีชอย่างมัวเมา!

.............................

“อือ อืมมม”

หลังจากผมเดินออกมาจากห้องน้ำ ผมก็ถูกร่างสูงเดินเข้ามาสวมกอดจูบไม่ยั้ง อะไรของมันกันเนี่ย เพราะนับตั้งแต่วันที่ผมถูกร่างสูงเอาด้วยกันเป็นครั้งแรก และมีครั้งสองในตอนเช้าของอีกวัน ร่างสูงก็เริ่มทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของในตัวผม โดยวันแรกที่ผมได้กลับมานอนบ้านตัวเอง ตอนเช้าร่างสูงก็มาบ่นที่ร้านว่าอยากดูดอกไม้หลังร้านตามที่ผมเคยบอกเอาไว้ ทำให้ผมไม่ได้นึกเอะใจอะไรจึงพาอีกฝ่ายเดินเข้าไปชมอย่างว่าง่าย แต่ทันทีที่พ้นสายตาคนแล้ว ผมก็ถูกร่างหนาเข้าสวมกอดจูบอย่างกระหื่นกระหายทันที ไม่เพียงแต่กอดจูบเท่านั้น ยังไซร้คอเอามือลูบไล้ไปตามทั่วร่างกายในขณะที่ผมยังสวมเสื้อผ้าอยู่เต็มครบทุกชิ้นอีกด้วย แต่โชคยังดีที่อีกฝ่ายไม่ได้รุกไปมากกว่านี้ คงเพราะกลัวเจย์ที่ทำงานอยู่ข้างนอกจะมาเห็นเอาได้จึงยอมหยุดแค่นั้น แต่พอวันถัดไปร่างสูงก็มาทำแบบนี้กับผมอีกจนผมได้แต่จนใจ ปล่อยเลยตามเลย

“ผมอยากให้คุณไปคอนโดกับผมจังเลยลูกพีช” ร่างหนาพูดพลางเอานิ้วเกลี่ยเส้นผมที่ตกหน้าของผมออกอย่างแผ่วเบาหลังจากที่วันนี้ได้จูบผมจนพอใจแล้ว “ได้ไหมครับลูกพีช ไปกับผมเถอะ”

ดูเขาอ้อนสิครับ น่ารักตายล่ะ เขาคิดว่าผมจะยอมเขาทุกเรื่องเลยหรือไง ถึงได้มาพูดเกลี้ยกล่อมได้อยู่ทุกวี่ทุกวันไม่มีขาด นี่ถ้าไม่เห็นว่าเขาเอาใจผมและช่วยปลอบใจผมไม่ให้ร้องไห้เสียใจเรื่องเมย์ในวันนั้นแล้วล่ะก็ ผมไม่มีวันแลเขาหรอก!

“ขอคิดดูก่อนนะ” ผมตอบเหมือนที่ตอบอยู่ทุกวัน “เพราะวันนี้มีดอกไม้มาส่งเยอะ ต้องใช้เวลาขุดแยกใส่กระถางดอกไม้จนดึกเลย อ๊ะ ยะ อย่าสิ อเล็กเซย์”

ผมพูดยังไม่ทันจบ มือหนาได้ลูบไล้อยู่แถวหน้าท้องแบนราบของผม จึงทำเอาผมเสียววูบจนเกือบร้องครางออกมาเสียงดัง

“งั้นค่อยกลับมาทำตอนเช้าก็ได้นี่ครับ” ร่างหนายังคงพูดเอาแต่ได้ ก่อนจะเอามือขวาลูบไล้ตามต้นขากับจรดจมูกบนแก้มของผมอย่างแผ่วเบา บอกตามตรงเลยครับว่าเสียว มันเสียวมากเสียจนผมได้แต่กัดริมฝีปากตัวเองเบาๆเพื่อมิให้เสียงของผมเล็ดรอดออกมา “นะลูกพีช เดี๋ยวผมจะพาคุณไปดูโรงงานไวน์อีกก็ได้”

ดูพูดสิครับ เพราะกว่าจะถึงตอนนั้น ผมคงหมดแรงข้าวต้มไปกับเรื่องอย่างว่าไปซะแล้ว

“ตะ ตะ แต่ฉันต้องทำบัญ…” เสียงผมหายเข้าไปในลำคอเพราะโดนร่างหนาจูบ แถมนอกจากนี้ยังสอดลิ้นเข้ามากระหวัดกระเหวี่ยงกับลิ้นผม จนทำให้ผมต้องเผลอยกมือขึ้นโอบต้นคออีกฝ่ายเพื่อให้จูบได้ถนัดถนี่อย่างลืมตัว “…อืม อือ อ่า”

เพล้ง!

เสียงกระถางดอกไม้ตกแตกดังลอดออกมาจากข้างนอกร้าน ทำเอาผมรีบผลักร่างสูงให้ออกห่าง

“วันนี้…แฮ่กๆ…พอก่อนเถอะนะ” ผมพูดไปหอบไปพลาง ทุกครั้งที่ร่างหนาทำแบบนี้กับผม ผมมักจะลืมตัวเผลอไผลไป ถึงแม้จะไม่ชินแต่ลึกๆแล้วกลับรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก พอพูดจบ ผมก็หันมาขยับเสื้อผ้าตัวเองให้เข้าที่ แต่ดูเหมือนร่างหนาจะไม่ยอม กลับทำท่าจะรุกต่อจนผมถึงกับต้องยอมแพ้ “โอเค ไปก็ได้ แต่นายห้ามทำอะไรฉันไปมากกว่าจูบ อ้อ แล้วก็อย่าลืมพาฉันไปดูโรงงานไวน์ด้วยนะ”

ร่างสูงยิ้มเมื่อได้ยินคำตอบจากปากผม ก่อนจะยอมปล่อยมือออกจากเอวผม

“ครับลูกพีช”

แล้วร่างสูงยอมเดินออกไป ก่อนตามด้วยผมที่เพิ่งจัดแจงเสื้อผ้าตัวเองเสร็จ พอเดินออกไปข้างนอกแล้ว ผมก็เห็นเจย์กำลังเก็บกวาดเศษกระถางดอกไม้ที่ตกแตกอยู่หน้าเคาน์เตอร์ ส่วนอเล็กเซย์นั้นแสร้งทำเป็นเดินดูดอกไม้ต่อ แต่ก็ยังมิวายหันหน้ามามองผมเป็นระยะๆ

“เกิดอะไรขึ้นหรือเจย์ เสียงดังไปถึงข้างในเลย” ผมถามด้วยความสงสัย ส่วนคนถูกถามนั้นกลับทำไม้กวาดตกพื้นทันทีที่ผมพูดจบ ก่อนจะรีบคว้าไม้กวาดขึ้นมากวาดต่อ

“อ้อ พอดีแขนฉันไปโดนมันเข้า ก็เลยตกแตกนะ” เจย์ตอบด้วยสีหน้าเลิ่กลั่ก ดูท่าคงจะกลัวโดนผมด่าสินะ ถึงได้ตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า แต่มันก็น่าจะรู้ว่าผมไม่เคยด่ามันด้วยเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ เพราะส่วนมากผมจะทำโทษมันด้วยการหักเงินเดือนนิดๆหน่อยๆก็เท่านั้นเอง

“เหรอ งั้นก็เก็บอย่างระมัดระวังด้วยล่ะ เดี๋ยวเศษกระเบื้องมันจะบาดมือนายเอาได้” ผมบอกด้วยความเป็นห่วง ซึ่งมันพยักหน้าตอบก่อนจะเดินออกไปข้างนอกพร้อมกับที่ตักผง เมื่อเจย์เดินออกไปข้างนอกแล้ว ร่างหนาก็เดินย้อนกลับมาหาผมอีกครั้ง

“อย่าลืมที่ให้สัญญากับผมไว้เมื่อตะกี้นี้ด้วยนะครับคุณพีช” อีกฝ่ายพูดทวงสัญญา โดยร่างหนาไม่ลืมที่จะเรียกชื่อผมแบบเดิมก็ต่อเมื่อไม่ได้อยู่ตามลำพังกันสองคน “แล้วตอนเย็นผมจะมารับ”

“อืม”

ผมตอบสั้นๆ แล้วร่างสูงก็เดินกลับขึ้นรถก่อนจะขับออกไปทำงาน ในขณะที่เจย์ก็ได้เดินกลับเข้ามาด้วยท่าทางชวนน่าสงสัย แต่ผมก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจก่อนจะเดินกลับไปเคาน์เตอร์เพื่อที่จะทำงานต่อ

.....................................

พอตกเย็นหลังจากผมกับพีชปิดร้านเสร็จแล้ว อเล็กเซย์ก็ได้ขับรถมารับพีชกลับไปนอนคอนโดด้วยกัน โดยพีชอ้างว่าพรุ่งนี้ขอปิดร้านหนึ่งวันเพื่อที่จะไปดูโรงงานไวน์พร้อมกับอเล็กเซย์แต่เช้า ซึ่งทำเอาผมถึงกับหงุดหงิดใจ ใช่ ผมหงุดหงิด เพราะตั้งแต่ได้เห็นร่างหนาในชุดสูทยืนกอดจูบพีชเมื่อเช้านี้ มันทำให้ผมไม่เป็นอันทำงาน ในใจก็หมกมุ่นคิดแต่เรื่องของมันอยู่เกือบตลอดเวลา แต่ก็น่าแปลกว่าทำไมพีชถึงไปคบกับอเล็กเซย์ได้ทั้งๆที่ตัวมันยังมีเมย์เป็นแฟนอยู่ทั้งคน

หรือว่ามันเพิ่งจะค้นพบตัวเองกันแน่?...

กริ๊ง!

เสียงมือถือดังในขณะที่ผมกำลังเตรียมขับรถมิร่าออกไปผับอย่างที่เคยไปทุกวัน พอได้ยินดังนั้นผมก็รีบกดรับโทรศัพท์โดยไม่มองจอ ก่อนจะกรอกเสียงตามลงไป

“สวัสดีครับ เจย์กำลังพูดอยู่ครับ”

“เจย์ นี่แม่นะลูก ตอนนี้เจย์กำลังทำอะไรอยู่ ว่างคุยกับแม่หรือเปล่าลูก”

“เอ่อ แม่ ผม…” ผมแทบพูดไม่ออกว่าจะไปผับ เพราะกลัวแม่จะด่าว่าผมเอาแต่เที่ยวกลางคืน “…ว่างครับแม่ แม่มีอะไรงั้นเหรอครับ”

“คืองี้นะ พอดีพรุ่งนี้แม่จะไปทำบุญที่วัดนะ ก็เลยอยากจะชวนลูกกับพีชไปด้วยกัน” คำถามของแม่ทำเอาผมอยากจะเอาหัวไปโขกกับพวงมาลัยรถของตัวเอง ไอ้พีชมันคงจะไปได้อยู่หรอกนะ ก็ในเมื่อมันได้นั่งรถไปพร้อมกับอเล็กเซย์แล้ว โดยไม่รู้ว่าจะได้กลับวันพรุ่งนี้หรือมะรืนด้วย “ว่ายังไงจ้ะลูก แม่จะได้นัดกับคนขับให้ไปรับพวกลูกที่ร้านดอกไม้ตอนตีห้า”

“เอ่อ แม่ครับ ผมต้องขอโทษด้วย พอดีพรุ่งนี้พีชไม่ว่างนะครับ”

“เอ๋? ไม่ว่างงั้นหรือ แล้วพีชเค้าจะไปไหนล่ะ”

“ผมไม่รู้ครับ แค่นี้ก่อนนะครับแม่ พอดีผมรีบนะ”

“ดะ…เดี๋ยวก่อนสิเจย์ แม่ยังพูดไม่ทัน…”

ผมรีบปิดสายทิ้งก่อนจะโยนมันลงที่นั่งฝั่งตรงข้ามคนขับ แล้วจึงหันกลับมาสตาร์ทรถขับออกไปด้วยอารมณ์ที่แปรปรวน แต่ขับไปได้ไม่นานเสียงมือถือก็ดังขึ้นอีกครั้ง ทำเอาผมต้องชะลอรถจอดข้างทางก่อนจะคว้ามือถือขึ้นมามองจอ ครั้นพอเห็นว่าใครเป็นคนโทรมา ก็รีบกดรับสายอย่างโมโห

“มึงมีอะไรวะไอ้ออย กูกำลังรีบไปผับอยู่ เดี๋ยวพี่เป้แม่งโกรธกูหาว่ากูไปเล่นดนตรีสายซะหรอก”

“เออ กูรู้ว่ามึงรีบ แต่กูขอเวลามึงแค่สองนาที” อีกฝ่ายกรอกสายตอบกลับมาด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวเช่นกัน เวลาผมอยู่กับเพื่อนมักจะคุยกันแบบนี้ แต่กับพีช พ่อแม่ หรือคนที่ไม่สนิทจริง ผมจะคุยแบบสุภาพไม่หยาบคายขึ้นกูมึงเด็ดขาด “เมื่อกี้ตอนกูอยู่ห้างกับแฟนกู มึงรู้ไหมว่ากูเจอใคร”

“แล้วกูจะรู้ไหมว่ามึงเจอใครไอ้สัด” ผมพูดย้อนอย่างหัวเสีย

“แหม แค่ล้อเล่นหน่อยเดียวทำเป็นโมโหไปได้” อีกฝ่ายพูดหัวเราะ แต่ผมไม่หัวเราะด้วย “โอเค กูยอมมึงล่ะ คนที่กูเจอในห้างเมื่อกี้เป็นยัยเมย์แฟนของพีชลูกพี่ลูกน้องมึงไงไอ้เจย์”

“อ้อ ที่แท้ก็ยัยเมย์ แล้วมึงจะมาบอกกูแค่นี้ทำเหี้ยไรฟะ!”

“เฮ้ยใจเย็นสิวะไอ้เจย์ ก็กูกำลังจะบอกมึงอยู่แล้วนี่ไง” ออยรีบพูดเพราะกลัวผมจะโมโหจนปิดสายหนี “ที่กูเจอไม่ใช่แค่ยัยเมย์คนเดียว แต่เป็นผู้ชายหน้าเหี้ยคนหนึ่งที่เดินควงมาด้วยกันตั้งหากล่ะ”

“อะไรนะ?! ยัยเมย์เดินควงผู้ชายมางั้นรึ”

ผมแทบตะลึงเมื่อได้ยินข่าวที่ได้รับมา

“ใช่ เดินควง” ปลายสายตอบก่อนจะพูดต่อ “ไม่ใช่แค่เดินควงอย่างเดียว แต่นี่แม่งจูบกันในโรงหนังต่อหน้ากูกับแฟนเลยวะ กูขอเตือนอะไรมึงไอ้เจย์ อย่าได้ไปบอกไอ้พีชเชียวนะ แม่งเดี๋ยวมันช้ำใจตายเลยไอ้ห่า”

“เออๆ กูไม่บอกหรอก แค่นี้นะ”

ผมบอกก่อนจะกดวางสายไป พลางนึกย้อนไปเมื่อหลายวันก่อน วันที่พีชกลับมาบ้านพร้อมกับอเล็กเซย์ในตอนเช้าทั้งๆที่มันเป็นคนบอกผมว่าจะไปเลี้ยงฉลองวันเกิดยัยเมย์ยันสว่าง นี่แสดงว่าพีชกับเมย์ได้เลิกกันไปแล้วจริงๆ แต่คนที่เป็นฝ่ายขอเลิกก่อนกลับเป็นยัยเมย์ ยัยตัวแสบที่ผมอุตส่าห์ฝากฝังให้ช่วยดูแลพีชดีๆหน่อย เพราะมันไม่ได้เข้มแข็งหรือแข็งแรงเหมือนคนปกติทั่วไปอย่างแต่ก่อนหน้าประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกในครั้งนั้น แต่ที่ไหนได้กลับทรยศไปคบกับผู้ชายคนอื่นทั้งๆที่มีพีชอยู่ด้วย พอผมคิดได้ดังนั้นก็รีบปลดเบรกมือก่อนจะเหยียบคันเร่งให้รถออกตัววิ่งทันที

“อย่าให้กูได้เจอตัวเชียวนะยัยตัวแสบ แม่งจะเอาคืนให้สาสมที่ทำไว้กับพีชเลยคอยดู!!”


ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :katai2-1: แวะมาบวกเป็ดค่ะ น้องลูกพีชน่าสงสารจัง โอ๋ๆ เดี๋ยวเจย์จัดการให้
ตัวอักษรใหญ่ขึ้นอ่านบนมือถือสบายตาขึ้นเยอะค่ะ :pig4:

ออฟไลน์ shichina

  • Hina-Chang
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
 :-[ สัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างในตอนที่ 4

หวังว่ามันจะไม่ใช่อย่างที่เราคิดนะ  :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
หืมมมมมมมมม

เจย์ช่างเป็นญาติที่ดีเหลือเกิน เป็นห่วงพีชน้อยของเรา

(เอาตำแหน่งญาติแสนดีไปพอแล้ว อย่าริเลิฟๆหนูพีชเชียวล่ะ)

ปอลอ อิเมย์จะโดนลงฑัณท์แล้ว วะฮ่าๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ตอนที่ 5 สับสน

..........................

วันนี้ผมไม่น่าหลงกลคำพูดของอเล็กเซย์เลยให้ตายสิ เพราะตั้งแต่นั่งรถกลับมาคอนโดพร้อมด้วยกัน ทันทีที่เข้าห้องผมก็โดนร่างหนาลากลงเตียง ทีแรกผมไม่ยอมเพราะอเล็กเซย์ได้สัญญากับผมไว้ว่าจะทำกับผมแค่จูบเท่านั้น แต่ร่างหนากลับแย้งว่าถ้าอยู่บนเตียงแล้วกับเขาแล้วห้ามปฏิเสธข้อห้ามของเขาที่เคยพูดไว้ในทีแรก ทำให้ผมโดนร่างหนาเอาเกือบสิบยก แม่งเอ้ย เล่นเอาลุกไม่ขึ้น ผมหลับไปได้สักพักก็ต้องตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะถูกอเล็กเซย์ปลุก

“อื้อ ไม่เอาแล้ว เหนื่อย” ผมบอกด้วยความอ่อนเพลีย แต่อีกฝ่ายก็ยังคงสะกิดเรียกผมอยู่ “บอกแล้วไงว่าไม่เอา ขอหลับหน่อยเถอะ”

“คุณยังไม่ได้กินข้าวเย็นเลยนะ ลุกขึ้นมากินข้าวก่อนเถอะครับ” ร่างหนาบอกก่อนจะตามมาด้วยกลิ่นหอมของข้าวต้ม

“เอาไว้ก่อนเถอะ” ผมบอกพลางดึงผ้าห่มคลุมหัว แต่ก็มิวายโดนดึงผ้าห่มจนต้องนอนขดตัวเป็นกุ้งด้วยความหนาวเย็นของแอร์ โชคดีที่อเล็กเซย์ได้เหลือเสื้อเชิ้ตไว้ให้ผมอยู่ตัวหนึ่ง ไม่ได้ถอดออกหมดทุกชิ้นเหมือนครั้งแรก ก็เลยทำให้ผมไม่รู้สึกหนาวซักเท่าไหร่ “อือ อย่าแกล้งกันสิอเล็กเซย์”

“ถ้าคุณยังนอนอีก เดี๋ยวผมจะป้อนข้าวทางปากให้คุณไม่รู้ด้วยนะครับลูกพีช”

เท่านั้นแหละผมรีบลุกขึ้นมานั่งทันที แต่ก็ต้องนิ่วหน้าเพราะรู้สึกปวดที่สะโพก ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะไปดูโรงงานไวน์ไหวหรือเปล่า คิดแล้วกลุ้มจริงๆ ระหว่างผมนั่งกินข้าวต้มอยู่นั้น ร่างหนาก็เปิดโทรทัศน์ให้ผมดูเล่นแก้เซ็ง ซึ่งผมก็ดูไปกินไปด้วยพร้อมกัน พอกินเสร็จแล้วผมก็ลุกเดินเข้าไปห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ

.................................

พอร่างบางเข้าไปอาบน้ำแล้ว ผมก็หันมาเตรียมจะเก็บชามแต่เสียงมือถือของพีชดังขึ้นเสียก่อน ผมมุ่นคิ้วพลางเดินเข้าไปดูมือถือ ก่อนจะเห็นชื่อผู้ที่โทรเข้ามา

Jey

ทำไมเจย์ถึงโทรมาหาพีชเอาในเวลานี้ แถมยังเป็นตอนเกือบเที่ยงคืนอีกด้วย แต่ก็ไม่แน่ว่าอีกฝ่ายอาจจะมีเหตุจำเป็นโทรมาหาพีชก็เป็นได้ ทีแรกผมไม่อยากถือวิสาสะรับสายของคนอื่น แต่ถึงกระนั้นผมก็หยิบมันขึ้นมากดรับอยู่ดี

“สวัสดีครับคุณเจย์”

พอผมพูดจบ ปลายสายเงียบไปพักหนึ่ง คงตกใจเห็นว่าผู้รับสายเป็นผม

“พีชไปไหน” อีกฝ่ายถามเสียงห้วน

“ห้องน้ำครับ” ผมตอบอย่างว่าง่าย “มีอะไรจะฝากข้อความไหมครับ เดี๋ยวผมบอกเขาให้”

อีกฝ่ายก็เงียบไปอีกครั้ง นานจนผมนึกว่าปลายสายวางไปแล้ว จึงคิดจะวางบ้างแต่…

“ไม่ต้อง”

แกรก! ตู๊ดๆ!

ปลายสายพูดคำเดียวแล้วก็วางทันที ทำเอาผมถึงกับมึนงง จะว่าไปตั้งแต่เมื่อเช้ายังเห็นดีๆอยู่เลย แต่พอผมไปรับพีชในตอนเย็น สายตาของเจย์ที่จ้องมองผมนั้นได้เปลี่ยนไป คล้ายกับมองผมอย่างเย็นชาราวกับโกรธอะไรบางอย่างในตัวผม แถมยังถามพีชด้วยน้ำเสียงห้วนชวนดูน่าสงสัยอีกด้วย

แกรก!

ประตูห้องน้ำถูกเปิด ร่างบางเดินออกมาพร้อมกับชุดนอนสีฟ้าลายทางของตัวเองที่ได้เตรียมเอามาด้วย

“ใครโทรมาหรือ” พีชหรือลูกพีชถามทันทีที่เดินออกมา

“คุณเจย์นะครับ” ผมตอบอย่างไม่ปิดบัง “เขาถามหาคุณด้วย แต่พอผมจะถามว่าต้องการฝากข้อความอะไรไหม เขากลับบอกว่าไม่ต้อง”

ร่างบางมุ่นคิ้วทันที

“แปลกแหะ ปกติมันไม่เคยโทรหาฉันเวลานี้นอกเสียจากมีเหตุจำเป็นจริงๆ” พีชพูดด้วยความสงสัย ก่อนจะเดินมาหาผม “ขอมือถือคืนหน่อยอเล็กเซย์ ฉันจะโทรกลับไปหาเจย์นะ”

“ครับ” ผมตอบพลางส่งมือถือของพีชกลับคืนไป แล้วร่างบางก็จิ้มมือถือก่อนจะเอามาแนบหูฟังเสียงสัญญาณพร้อมกับก้าวเท้าเดินออกไปนอกชาน ซึ่งทีแรกผมก็ไม่คิดจะก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของพีช แต่พอนึกย้อนถึงเมื่อเย็น ภาพใบหน้าเย็นชาของเจย์ที่ดูไม่ไว้วางใจนั้น มันทำเอาผมต้องแอบเดินไปฟังอย่างเงียบๆ


...........................

เมื่อผมขับรถมาถึงผับแล้ว ผมก็เล่นดนตรีไปตามเพลงที่อยากจะเล่น ไม่มีใครกล้าแย้ง เพราะผมเป็นไอดอลของที่นี่ ปกติผมไม่คิดจะมาเล่นดนตรีตามผับหรอก มันเหนื่อย แต่ลำพังแค่เงินเดือนที่พีชให้มานั้นมันไม่พอ ผมจึงต้องหางานทำในช่วงกลางคืนแทน ปีแรกที่ผมแอบพีชมาเล่นดนตรีตามผับนั้น บอกตามตรงเลยว่าเหนื่อยมาก เพราะกว่าจะเสร็จงานก็ปาไปตีสอง กลับถึงหอพักก็เกือบตีสามกว่า ไหนจะต้องตื่นนอนเจ็ดโมงเช้าเพื่อลุกขึ้นมาทำงานที่ร้านดอกไม้พร้อมกับพีชอีก ทำเอาผมถึงกับหืดขึ้นคอเลยทีเดียว แต่พอนานเข้าก็เริ่มชิน จากที่เคยทำแค่อาทิตย์ละสามครั้ง ก็เปลี่ยนมาเป็นอาทิตย์ละสี่ถึงห้าครั้ง ซึ่งแล้วแต่สภาพร่างกายจะเอื้ออำนวย แน่นอนว่าไอ้พีชมันไม่รู้เรื่องนี้หรอก เพราะมันเป็นเด็กดีว่านอนสอนง่าย ปิดร้านปุ๊บ กินข้าวเย็นปั๊บ ทำบัญชีอีกนิดหน่อย แล้วพอสามทุ่มก็อาบน้ำเข้านอนจนเป็นกิจวัตรประจำวัน ยกเว้นนอกเสียจากวันที่มันไปเที่ยวกับยัยเมย์ถึงจะกลับดึก

“เฮ้ย!ไอ้เจย์ ทำไมวันนี้มึงถึงเล่นแต่เพลงเศร้าๆวะ แม่งฟังแล้วปวดใจชิบหาย” พี่เป้เจ้าของร้านที่จ้างผมมาเล่นดนตรีนั้นเดินมาพูดกับผมในช่วงพักเบรกสิบนาที เพราะปกติผมมักจะเล่นแต่เพลงแนวอินดี้หรือไม่ก็ร็อคอยู่ทุกครั้ง แต่ไม่รู้ว่าวันนี้มีอะไรดลใจให้ผมมาเล่นเพลงเศร้าแทนซะได้ พอผมได้ยินที่อีกฝ่ายพูดแล้ว ก็ยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มซักอึกก่อนจะวางลงข้างเก้าอี้ที่ผมนั่งอยู่

“ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันครับพี่เป้” ผมตอบพลางยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่อยู่บนหน้าผากออก ก่อนจะหันไปจับกีต้าร์ขึ้นมาดีดทดลองเสียงนิดๆหน่อยๆ “มันไปของมันเอง นึกอยากจะเล่นเพลงร็อค แต่กลับกลายเป็นเพลงเศร้าได้ยังไงก็ไม่รู้”

พี่เป้ถึงกับหน้าเหวอเมื่อได้ยินคำตอบของผม ก่อนจะเอามือวางไหล่ผมเบาๆ

“เออ กูว่ามึงคงไม่สบายแล้วล่ะไอ้เจย์ เอางี้ มึงกลับไปพักผ่อนเอาแรงซักวัน พรุ่งนี้มึงไม่ต้องมาทำงานนะเข้าใจ๋”

“แต่พี่เป้...”

“ไม่มีแต่” ร่างสูงผมหยิกหัวโตพูดแย้งเสียงเข้ม “กูสั่งให้ไปพักก็ไปพักซะ เพราะขืนมึงไม่ไปพัก ประเดี๋ยวพวกแฟนคลับมึงจะพากันแอนตี้กู หาว่ากูใช้งานมึงหนักเยี่ยงทาสนะโอเค!”

“ก็ได้ครับพี่เป้ โอเคก็โอเค”

ผมตอบอย่างว่าง่าย ก่อนจะเอาสายกีต้าร์ที่คล้องตัวออกแล้วนำมันกลับไปวางไว้ที่เดิม หลังจากนั้นผมก็ค่อยลุกขึ้นเดินลงจากเวที ก่อนจะไปหาที่นั่งในมุมอับเพื่อจะจุดบุหรี่สูบให้หายเครียด ครั้นพอได้ที่และผมกำลังจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบนั้น ก็ถูกใครบางคนคว้าบุหรี่ออกไปจากมือของผม

“มึงจะสูบที่นี่หาพ่อมึงเหรอ มึงก็รู้ๆอยู่ว่าที่นี่ห้ามสูบแต่แม่งยังสูบอยู่ได้นะไอ้สัด!” คำพูดหยาบคาบถูกพ่นออกมาเป็นขบวน ซึ่งผมหันไปมองก่อนจะเห็นเป็นร่างสูง ผมสั้นทรงเม่นถูกย้อมด้วยสีเขียวแสบตา สวมเสื้อคอวีสีดำลายหัวกะโหลกกับกางเกงยีนส์สีเข้มปะขาดกำลังยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับโต๊ะตัวที่ผมนั่งอยู่

“มึงมาตั้งแต่เมื่อไหร่วะไอ้ออย ทำไมกูไม่เห็น” ผมถามกลับอย่างรำคาญนิดๆ ส่วนอีกฝ่ายนั้นเมื่อได้ยินที่ผมพูด ก็เดินอ้อมเข้ามาข้างในก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ข้างที่ผมนั่ง

“ก็มาตั้งแต่มึงเล่นเพลงเศร้าเป็นเพลงที่ห้าแล้วล่ะ” ออยตอบพลางหยิบขวดเหล้าขึ้นมาเทใส่แก้ว “ว่าแต่มึงเป็นเหี้ยไรฟ่ะ เล่นแต่เพลงเศร้าอยู่ได้ กูฟังแล้วโคตรจะรันทดชิบหาย”

“กูก็ไม่รู้เหมือนกันวะ” ผมตอบสั้นๆก่อนจะหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมาดูเวลา ซึ่งตอนนี้เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืน ผมคิดว่าป่านนี้ไอ้ตัวเล็กคงจะหลับไปแล้ว แต่ทันใดนั้นภาพที่ทั้งคู่กอดจูบเมื่อเช้านี้มันได้ผุดขึ้นมาในหัวผมอีกครั้ง ทำเอาผมถึงกับเม้มปากรีบกดเบอร์ของใครบางคนที่ผมแทบจะไม่เคยคิดโทรหามันเลยซักครั้งนอกจากเวลางาน

แกรก!

“สวัสดีครับคุณเจย์”

เสียงคุ้นหูดังแว่วลอดมือถือออกมา ทำเอาผมที่ได้ยินถึงกับอึ้ง เพราะไม่คิดว่าอเล็กเซย์จะเป็นคนรับสาย

“พีชไปไหน” ผมถามเสียงห้วนหลังจากที่นั่งนิ่งอึ้งอยู่นานพอสมควร

“ห้องน้ำครับ” ปลายสายตอบก่อนจะพูดต่อ “มีอะไรจะฝากข้อความไหมครับ เดี๋ยวผมบอกเขาให้”

ลองพูดได้ขนาดนี้แสดงว่าอีกฝ่ายอยู่ใกล้ชิดมากจนรู้ว่าพีชกำลังทำอะไรอยู่

“ไม่ต้อง” พูดจบผมก็ตัดสายทิ้งโดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้ตอบกลับมา ก่อนจะผุดลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ทำเอาคนนั่งข้างๆที่กำลังนั่งดริ้งเพลินๆอยู่นั้นถึงกับสะดุ้งตกใจ

“เฮ้ยมึงเป็นบ้าอะไรของมึงไอ้เจย์ อยู่ๆก็ลุกขึ้นพรวดพราด เล่นเอากูใจหายหมด” ผมไม่ตอบก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากที่นี่ไปโดยทิ้งให้เพื่อนตัวเองมองผมด้วยความงุนงง ในขณะที่ผมกำลังขึ้นรถเตรียมจะขับกลับหอพักของตัวเองนั้น เสียงมือถือของผมก็ดังขึ้นอีกครั้ง

กริ้ง!

ผมรีบหยิบมือถือขึ้นมาก่อนจะมุ่นคิ้วเมื่อเห็นชื่อบนหน้าจอ

Peach

เพิ่งจะวางสายไปได้ไม่ถึงสิบนาที อีกฝ่ายก็โทรกลับมาเสียแล้ว ทำเอาผมสองจิตสองใจว่าจะรับดีหรือไม่ เพราะเดาดูแล้วว่าน่าจะเป็นพีชโทรมา ซึ่งผมจ้องอยู่นานจนกระทั่งโทรศัพท์ตัดไปของมันเอง

...นี่เราเป็นบ้าอะไร ทำไมถึงไม่รับโทรศัพท์ไปนะ?

ครั้นพอจะบิดกุญแจสตาร์ทรถ มือถือของผมก็ดังอีกครั้ง ซึ่งผมไม่ต้องดูก็พอรู้ว่าใครเป็นคนโทรมา ผมจ้องอยู่ได้ซักพักก็ตัดสินใจกดรับโทรศัพท์ทันที

“เจย์ นี่ฉันเองนะพีช นายมีธุระอะไรจะคุยกับฉันหรือเปล่า” ปลายสายถามทันทีที่ผมรับสาย ซึ่งผมฟังดูจากน้ำเสียงแล้ว ก็ไม่มีทีท่าว่าจะสั่นหรือเหนื่อยหอบแม้แต่น้อย “ว่ายังไงล่ะเจย์ ทำไมไม่ตอบกลับมาซะทีล่ะ”

“เปล่า ไม่มีอะไร ก็แค่โทรมาหาเฉยๆ”

“อ้าว?”

“นี่ก็ดึกมากแล้ว รีบนอนซะ เพราะถ้าเกิดนายไม่สบายขึ้นมา เดี๋ยวแม่ฉันจะหาว่าฉันดูแลนายไม่ดี”

“อะ...อืม จะรีบนอนเดี๋ยวนี้แหละ”

“ดีมาก งั้นแค่นี้นะ ราตรีสวัสด์”

“อืม ราตรีสวัสดิ์”

แล้วผมก็ตัดสายทิ้งก่อนจะทิ้งหน้าฟุบกับพวงมาลัยรถด้วยใจที่หนักอึ้ง ผมรู้ดีว่าพวกเขาต้องมีอะไรกันมากเกินกว่าจูบที่เห็นเมื่อเช้านี้แน่ เพราะไม่งั้นไอ้ตัวเล็กคงไม่อยู่ดึกขนาดนี้หรอก พอนึกภาพทั้งคู่ที่นอนเปลือยกายกอดกันท่ามกลางห้องสี่เหลี่ยมในคอนโดหรูแล้ว มันทำเอาผมรู้สึกเจ็บปวดที่ใจอย่างบอกไม่ถูก

นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเรากันแน่?


.................................

พอรุ่งเช้าอาการปวดสะโพกได้หายไปหมดแล้ว เหลือแต่ความเพลียที่ยังคงอยู่ แต่ถึงกระนั้นมันก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคกับผมที่จะไปเที่ยวดูโรงงานไวน์พร้อมกับอเล็กเซย์เลยแม้แต่น้อย หลังจากทานข้าวเช้าเสร็จแล้ว พวกผมก็ไปโรงงานไวน์ทันที ซึ่งการไปเที่ยวครั้งนี้ผมยอมรับว่าสนุกมากกว่าครั้งแรก เพราะได้มีโอกาสทดลองชิมไวน์ที่เขาเพิ่งจะทำเสร็จใหม่ๆด้วย

“อย่าดื่มเยอะนะครับเดี๋ยวเมา” ร่างหนาพูดพลางเอามือลูบหัวผมอย่างแผ่วเบา ทำเอาผมสะดุ้งตกใจหันซ้ายหันขวามองหาคน แต่โชคดีที่เจ้าหน้าที่เดินออกไปแล้วจึงไม่ทันมองเห็น “นี่ก็เที่ยงแล้ว ผมว่าพวกเราออกไปหาอะไรกินกันดีกว่านะครับลูกพีช”

“อืม ก็เอาสิ”

แล้วผมกับอเล็กเซย์ก็เดินออกไปข้างนอก พอจะขึ้นรถกลับมีผู้หญิงคนหนึ่ง มีใบหน้าที่สะสวย ผมยาวสีน้ำตาลประกายแดงพลิ้วไสว สวมเสื้อผ้าทันสมัยแลดูงามตากับส้นสูงสีแดงแลดูสูงชะลูดคล้ายนางแบบชั้นนำ ในมือถือกระเป๋าสะพายย่างเท้าเดินมาทางพวกผมอย่างมาดมั่น

“ฉันไม่นึกเลยว่าจะมาเจอคุณที่นี่อเล็กเซย์” ร่างบางถามหลังจากหยุดยืนตรงหน้าผม ถึงหล่อนจะดูสูงแถมยังสวมรองเท้าส้นสูงก็ตาม แต่ก็ยังดูเตี้ยกว่าผมอยู่ดี “ครั้งล่าสุดที่ฉันได้เจอคุณ ก็ที่สิงคโปร์เมื่อปีที่แล้วนี่เอง นานแล้วนะคะที่เราสองคนไม่ได้มายืนคุยกันแบบนี้อีก”

ดูเหมือนหญิงสาวจะมองข้ามผมไป เอาแต่มองอเล็กเซย์คนเดียว แต่ดูเหมือนร่างสูงจะไม่ค่อยสนใจคู่สนทนาเอาเสียเลย กลับเปิดประตูรถข้างคนขับให้ผมแทน

“ขึ้นรถครับคุณพีช เดี๋ยวผมจะพาคุณไปกินอาหารญี่ปุ่นที่คุณชอบ”

“อเล็กเซย์!” ร่างบางพูดเสียงสูงปรี๊ด ทำเอาผมนึกอยากจะอุดหูตัวเองเสียเหลือเกิน “คุณอย่าแกล้งทำเป็นเมินฉันแบบนี้สิ ฉันอุตส่าห์ได้เจอคุณทั้งที แต่คุณ…”

หญิงพูดยังไม่ทันจบ ก็ตวัดสายตามามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ซึ่งทำเอาผมรู้สึกแปลกๆชอบกล

“เดี๋ยวนี้รสนิยมคุณเป็นแบบนี้เองรึ” อีกฝ่ายพูดเสียงเย็น “จากที่เคยควงผู้หญิงสวยๆ เปลี่ยนมาควงสาวทอมบอยแทน ดูท่าคุณจะตกต่ำไปแล้วจริงๆนะอเล็กเซย์”

คำว่าสาวทอมบอยทำเอาผมรู้สึกหงุดหงิด เพราะผมไม่ชอบให้ใครมาว่าผมเหมือนผู้หญิง ในขณะที่ผมคิดจะพูดแย้งกลับไปว่าไม่ใช่ แต่ร่างหนากลับส่งเสียงตวาดใส่ร่างบางเสียก่อน

“หุบปากเดี๋ยวนี้นะดาริน!” ตั้งแต่รู้จักกับอเล็กเซย์มาหลายวัน ผมไม่เคยเห็นร่างหนาตวาดเสียงดังแบบนี้เลยมาก่อน ก็เลยทำเอาผมรู้สึกกลัวอยู่นิดๆ “ไม่ว่าเขาจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เธอก็ไม่มีสิทธิ์ไปว่าคุณพีช จะไปไหนก็ไปซะ”

“เขา? อ้อ นี่คงจะเป็นผู้ชายสินะ แหม หน้าหวานเหมือนผู้หญิงซะขนาดนี้ มิน่าล่ะ ถึงได้ควงมาที่โรงงานไวน์ด้วย”

ร่างบางพูดดูถูกอเล็กเซย์ ทำเอาผมนึกโกรธแทนเขา

“ถ้าเธอยังพูดอีก ฉันจะไปเรียกยามให้มาไล่เธอออกไป” ร่างหนาพูดเสียงเย็นชาตอบ ทำเอาร่างบางถึงกับยืนเม้มปากแน่นด้วยความโกรธ แล้วอเล็กเซย์ก็หันมาพูดกับผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ไปกันเถอะครับคุณพีช”

“อะ อืม”

ผมตอบก่อนจะเดินขึ้นรถ พออเล็กเซย์เห็นผมเดินขึ้นรถแล้วก็เดินมาปิดประตูให้ผม ก่อนจะเดินกลับไปขึ้นรถฝั่งตรงคนขับแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว เมื่อผมกับอเล็กเซย์ออกมาจากโรงงานไวน์แล้ว ร่างสูงก็เอาแต่เงียบมาโดยตลอด ขนาดตอนไปทานอาหารญี่ปุ่นด้วยกันกับผมก็ยังเงียบเฉย ซึ่งทำเอาผมนึกสงสัยแต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปากถาม พอครั้นรถแล่นมาจอดหน้าร้านดอกไม้ ผมเตรียมจะถอดเซฟตี้เบลล์เพื่อที่ลงจากรถ แต่มือหนากลับคว้ามือของผมเข้าเสียก่อน ทำเอาผมมุ่นคิ้วหันไปมองด้วยความงุนงง

“ผมกับดารินไม่ได้เป็นอะไรกัน” ร่างสูงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “แค่คนเคยร่วมธุรกิจด้วยกันเฉยๆ ลูกพีชอย่าเข้าใจผมผิดไปนะครับ”

ผมถึงกับบางอ้อ ที่อเล็กเซย์เงียบไปก็เพราะคิดเรื่องนี้อยู่นี่เอง

“ก็ไม่ได้เข้าใจผิดอะไรนี่” ผมตอบไปตามตรง “ฉันแค่สงสัยว่าทำไมนายกับผู้หญิงคนนั้นถึงไม่ถูกกัน”

คำตอบของผมทำเอาร่างสูงยิ้มราวกับเหมือนยกภูเขาออกจากอก

“เรื่องนั้นไว้คืนนี้ผมจะเล่าเรื่องดารินให้คุณฟังทางมือถือเองนะครับลูกพีช”

“อืม แล้วฉันจะรอฟังนะ”

..............................

แล้วคืนนั้นอเล็กเซย์ก็โทรมาเล่าให้ผมฟัง เขาบอกว่าดารินเป็นหนึ่งในลูกค้าที่มาร่วมหุ้นธุรกิจการออกส่งไวน์ และนอกจากนี้เธอยังเป็นนางแบบชื่อดังของไทยซึ่งผมไม่ค่อยจะรู้จัก ไม่สิ ไม่รู้จักเสียมากกว่า เพราะวันๆผมเอาแต่ทำงานในร้านดอกไม้ ไม่ค่อยได้ติดตามข่าวสาร ก็เลยไม่รู้เรื่องวงการบันเทิงเหมือนคนอื่นๆ

“นี่ก็ดึกมากแล้ว ฉันนอนก่อนนะ” ผมพูดไปหาวไป

“ครับ นอนหลับฝันดีนะครับลูกพีช” แล้วอีกฝ่ายก็วางสายไป ซึ่งผมเองก็เตรียมจะนอน จึงเดินไปเข้าห้องน้ำก่อน แต่ยังไม่ได้ทันทำธุระส่วนตัว เสียงมือถือก็ดังอีกครั้ง ทำให้ผมต้องรีบวิ่งออกมารับโดยไม่ทันมองจอมือถือเพราะคิดว่าเป็นอเล็กเซย์โทรมาหาผม

“ลืมอะไรงั้นหรืออเล็กเซย์” ผมถามด้วยความสงสัย หากแต่ปลายสายเงียบไปจนทำเอาผมมุ่นคิ้ว “อเล็กเซย์?”

“พีชนี่ฉันเอง” เสียงทุ้มตอบกลับมา ทำเอาผมถึงกับหน้าเหวอแดก

“จะ…จะ เจย์?!”

“ใช่ ฉันเอง” ปลายสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ฉันจำได้ว่านายเมมเบอร์มือถือของฉันไปแล้วนี่ แล้วทำไมถึงคิดว่าเป็นอเล็กเซย์ไปได้ล่ะ”

คำถามของอีกฝ่ายทำเอาผมสะดุ้งโหยง

“อะ…เอ่อ ไม่ใช่อย่างที่นายคิดนะเจย์ พอดีฉันลืมมองโทรศัพท์นะ” ผมรีบพูดแก้ตัวเพราะกลัวอีกฝ่ายจะเข้าใจผิดไป ก่อนจะพูดเปลี่ยนเรื่อง “ว่าแต่นายมีธุระอะไรกับฉันงั้นหรือ”

“ตอนนี้นายว่างหรือเปล่าพีช”

“ก็ว่างนะ ทำไมหรือ”

“ออกมาข้างนอกได้หรือเปล่า” เจย์ถาม ซึ่งทำเอาผมมุ่นคิ้ว “ตอนนี้ฉันยืนอยู่หน้าร้านนะ”

พอเจย์พูดจบ ผมก็ลุกเดินลงจากเตียงก่อนจะเปิดผ้าม่านหน้าต่างออก แล้วค่อยก้มลงมองดูชั้นล่างก่อนจะเห็นร่างสูงคุ้นตายืนเงยหน้ามองมาทางผม ในมือมีถือมือแนบหูอยู่

“ได้ ฉันจะลงไปเดี๋ยวนี้แหละ” พูดจบ ผมก็วางสายลงก่อนจะหันไปเปลี่ยนเป็นชุดอื่น พอเสร็จแล้วค่อยเดินลงไปชั้นล่างก่อนจะเปิดประตูเดินออกไปหาเจย์ที่กำลังยืนรอผมอยู่ข้างรถมิร่าตัวเอง “นี่มันก็ดึกมากแล้วนะเจย์ นายมีธุระอะไรกับฉันงั้นรึ”

“ไปนั่งรถเล่นกับฉันหน่อยไหม”

ร่างสูงถาม ทำเอาผมแทบตะลึง

“นั่งรถเล่นเวลานี้เนี่ยนะ?!”

“ใช่ เวลานี้แหละ” เจย์พยักหน้าตอบก่อนจะพูดต่อ “ไม่นานหรอกน่า เดี๋ยวเดียวเอง”

ไม่พูดเปล่าอย่างเดียว มีการจับไม้จับมือผมพร้อมกับทำหน้าออดอ้อนราวกับเป็นเด็กสามขวบ

“เออๆ ไปก็ได้ แต่อย่าเกินเที่ยงคืนล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้พวกเราต้องเปิดร้านแต่เช้านะ”

“อืม ไม่เกินเที่ยงคืนแน่นอน”

แล้วผมก็ขึ้นรถนั่งไปกับเจย์อย่างว่าง่าย

........................

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 5 สับสน 26/8/57)
«ตอบ #15 เมื่อ26-08-2014 08:51:04 »

ม่ายยยยยยยยยย

เจย์ชอบพีชเหรอนี่  :z3: :z3: :z3: :z3:

ชะนีดารินนี่ปากจัดจริงๆ ต้องฝากอเล็กซ์สั่งสอนซะหน่อยละ

(พีชไปนั่งรถเล่นกะเจย์แล้วอ่าาาา เจย์จะสารภาพรักเหรอ?)

อย่าเป็นรักสามเศร้าเลยยยยย  :ling1: มีดารินกะนังเมย์ก็เศร้าพอละ มาม่าได้หลายตลบ ฮือๆๆๆ
 

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 5 สับสน 26/8/57)
«ตอบ #16 เมื่อ26-08-2014 09:14:34 »

 :bye2: เจย์เอ๋ย มันสายไปแล้วล่ะ

ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8
Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 5 สับสน 26/8/57)
«ตอบ #17 เมื่อ27-08-2014 05:27:21 »

สงสารเจย์อ่ะกว่าจะรู้ตัวก็เมื่อสายไปแล้ว
หาคู่ให้เค้าใหม่หน่อยคร้าคนเขียน

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 5 สับสน 26/8/57)
«ตอบ #18 เมื่อ03-09-2014 13:21:52 »

ตอนที่ 6 เปลี่ยนไป

.......................

ผมนั่งเงียบมองวิวข้างถนนมาตลอดทาง มีบ้างที่จะหันไปลอบมองไอ้เจย์ที่กำลังขับรถอยู่ ผมไม่นึกเลยว่ามันจะบ้าถึงขนาดพาผมมานั่งรถชมวิวเล่นในยามค่ำคืน แต่ก็ช่างเถอะ เพราะตั้งแต่รู้จักกันมา เจย์ช่วยผมอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ก็ตาม จนกระทั่งวันที่ผมกับพ่อแม่ประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตก มีเพียงผมคนเดียวที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์นั้น ซึ่งไอ้เจย์ก็ยังตามมาช่วยเหลือผมอยู่ดี ไม่ว่าจะเป็นการป้อนข้าวป้อนน้ำหรือพาผมหัดเดิน (ตอนนั้นผมต้องทำกายภาพบำบัดด้วย เพราะยังเดินไม่ได้) เป็นต้น มันล้วนทำด้วยความยินดีถึงแม้ผมในตอนนั้นจะยังจำอะไรเกี่ยวกับตัวเองหรือมันไม่ได้ก็ตาม

“หลับแล้วหรือพีช”

อยู่ๆเจย์ก็เอ่ยปากพูดขึ้นมา ทำเอาผมได้สติก่อนจะหันกลับไปมองมัน

“ยัง” ผมตอบก่อนจะพูดต่อ “ว่าแต่นายจะพาฉันไปที่ไหนเนี่ย”

“เดี๋ยวก็รู้” ร่างสูงยิ้ม แล้วผมก็เผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว พอมารู้สึกอีกที เจย์ก็มาสะกิดเรียกผมให้ตื่น “พีช...พีช ถึงแล้วนะ ตื่นได้แล้ว”

ผมได้ยินดังนั้นก็เอามือมาขยี้ตาอย่างงัวเงีย ก่อนจะสังเกตว่าตอนนี้ผมกับเจย์กำลังนั่งอยู่ในรถโดยมีทะเลสีดำยามค่ำคืนอยู่เบื้องหน้า

“ทะเล? นายพาฉันมาที่นี่ทำไมกัน” ผมถามด้วยความสงสัย

“ก็เดินเล่นไง ปะ ลงไปกันเถอะ” ว่าแล้วร่างสูงก็เดินประตูรถออกลงไปเดิน ซึ่งทำให้ผมต้องรีบออกเดินไปตาม แลเห็นผืนท้องทะเลสีดำตัดกับท้องฟ้าที่มีดาวส่องประกายอยู่เต็มไปทั่ว มันพาผมเดินไปถึงชายหาดซึ่งบัดนี้เงียบสงบ มีเพียงลมพัดอยู่บางเบาดูเงียบสงบดี “ทะเลตอนกลางคืนนี่ก็ดูสวยดีนะว่าไหมพีช”

มันพูดพลางมองไปที่ทะเล

“อือ สวยดี” ผมตอบ เพราะทะเลตอนกลางคืนผมไม่เคยเห็นจริงๆ

“ห้าปีแล้วนะตั้งแต่พ่อแม่ของนายจากไป” อยู่ๆเจย์ก็พูดโพล่งออกมา ทำเอาผมหันไปมอง “นี่ถ้าพวกท่านยังอยู่ก็คงจะดี เพราะนายจะได้ไม่ต้องมาเป็นแบบนี้ นายก็จะได้เรียนหนังสือจนจบตามที่นายอยาก นายก็จะได้ไม่ต้องมีแผลเป็นให้ดูเจ็บช้ำเล่น”

“อืม นั่นสินะ” ผมพูดเสียงเบาก่อนจะหันไปเหม่อมองบนท้องฟ้า

“แล้วนี่ปีนี้จะไปหาหมอวันไหนล่ะ เดี๋ยวฉันจะขับพานายไปหาหมอให้” เจย์หันมาพูดเปลี่ยนเรื่อง

“เอ่อก็วันมะรืนทีจะถึงนี้นะ” ผมหันมาตอบก่อนจะพูดต่อ “แต่ฉันว่านายไม่ต้องพาฉันไปหรอก ฉันไปคนเดียวเองได้ นายอยู่เฝ้าร้านเถอะ เพราะกว่าจะตรวจเสร็จก็เกือบทั้งวัน นายเองก็เคยไปนั่งรอฉันตั้งหลายครั้งแล้วก็น่าจะรู้ดีนี่”

ผมบอก เพราะมันขับรถพาผมไปหาหมอเป็นเพื่อนทุกปีจริงๆ

“ไม่เป็นไร ฉันอยากไป” เจย์ยิ้มตอบ ดูครับ มันดื้อจะเอาจนได้ ผมนึกหน่ายกับมันจริงๆ “นายรออยู่ที่นี่ไปก่อนนะพีช เดี๋ยวฉันมา แปปเดียว”

“อืม”

ผมตอบสั้นๆ แล้วไอ้เจย์ก็เดินกลับไปที่รถ ส่วนผมก็นั่งลงบนโขดหินรอมันมา ซึ่งระหว่างนั้นผมก็นั่งหวนนึกถึงความหลัง วันที่ผมกับพ่อแม่อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ถึงแม้จะเป็นช่วงระยะสั้นแต่ผมก็ไม่มีวันลืม ผมยังจำได้ตอนที่นั่งอยู่บนเครื่องบิน ผมนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างพวกท่าน ยังชวนกันชี้ดูเมฆบนท้องฟ้าว่ามันสวยอยู่เลย แต่เพียงครู่เดียวผมก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย มารู้สึกตัวอีกทีผมก็นอนอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว

“เฮ้! น้องสาว ทำไมมานั่งที่นี่อยู่คนเดียวจ้ะ ไม่กลัวผีหรอกรึไง” อยู่ๆก็มีเสียงแซวแทรกความคิด ทำเอาผมหันไปมองต้นเสียง ก่อนจะเห็นพวกขี้เมาสองคนเดินตุปัดตุเป๋มาทางผม ทว่าผมไม่ตอบ กลับผุดลุกขึ้นยืนเพื่อจะหนีพวกมัน แต่ก็ต้องชะงักเมื่อมีมือหยาบหนาเข้ามาคว้าแขนไว้เสียก่อน “อย่าเพิ่งไปสิจ้ะ มาสนุกกับพวกพี่ๆก่อน”

“ใครจะไปสนุกด้วยกับพวกมึง ปล่อยกูเดี๋ยวนี้” ผมตวาดเสียงเข้ม พยายามสลัดแขนที่จับไว้อยู่ให้ออก แต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะออก เพราะมันเหนียวแน่นอย่างกับกาวตราช้าง

“โห พูดคำหยาบซะด้วย แรงแบบนี้พวกพี่ชอบ ฮะๆ” พูดจบอีกฝ่ายก็ดึงผมให้เข้าหาตัว จนทำให้ตัวผมเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของมัน “มามะ เดี๋ยวพวกพี่จะพาไปขึ้นสวรรค์”

“ไม่เอา! ปล่อยกูเดี๋ยวนี้นะ! เจย์ช่วยฉัน...อื้อ!” ผมพยายามดิ้นให้หลุดจากพันธนาการพร้อมกับพยายามตะโกนเรียกเจย์ไปด้วย แต่พูดยังไม่ทันจบก็โดนมือหนาอุดปากเอาไว้ ก่อนจะถูกอีกคนกระชากเสื้ออย่างแรงจนกระดุมหลุดเป็นยวง แลเห็นแผงอกผิวขาวเนียนหิมะที่แบนราบ “อื้อ!”

“ผู้หญิงอาราย สวยก็สวย แต่หน้าอกดันแบนราบวะ” ดูเหมือนทั้งคู่จะเมาจัด จึงเข้าใจผิดว่าผมเป็นผู้หญิงที่มีหน้าอกเล็กเท่าไข่ดาว และนอกจากนี้มันคงลืมไปว่าผู้หญิงบ้าที่ไหนจะลืมใส่เสื้อชั้นในด้วย “ช่างหัวแม่ง จะเล็กหรือใหญ่ไม่สำคัญ ขอให้ได้ฟันมันก่อนแล้วกัน”

พูดจบ มันก็ทำท่าจะเข้ามาข่มขืนผมอีก ผมเห็นดังนั้นจึงใช้เท้าถีบมันอย่างแรงๆ จนอีกฝ่ายกระเด็นถอยหลังไปหลายก้าว

“เหี้ย! เดี๋ยวแม่งจัดหนัก...”

ผัวะ!

คนพูดโดนใครบางคนต่อยเข้าที่ใบหน้าอย่างแรงก่อนจะกระเด็นไปนอนกลิ้งกับพื้น แล้วคนต่อยก็ได้หันหน้ามาแลเห็นสีหน้าเย็นยะเยือกราวกับเป็นคนละคนที่ผมเห็นเมื่อครู่นี้

เจย์?!

“ถ้าไม่อยากตาย ก็ปล่อยคนของกู...” ร่างสูงพูดเสียงเข้มพลางชักปืนขึ้นมาขู่ ก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าหาอย่างเนิบนาบ “...เดี๋ยวนี้!”

ดูเหมือนคำพูดของเจย์จะศักดิ์สิทธิ์ ทันทีที่เจย์พูดจบ ผมก็ถูกคนข้างหลังผลักไปด้านหน้าอย่างแรง พวกมันก็ได้วิ่งหนีเตลิดไปโดยไม่หันกลับมามอง

“ไม่เป็นอะไรใช่ไหมพีช มันทำอะไรนายตรงไหนหรือเปล่า เจ็บตรงไหนบอกฉันมาสิ” เจย์ยิงคำถามรัวด้วยความเป็นห่วง แต่ดูเหมือนหูของผมจะไม่รับฟังอะไรทั้งสิ้น พอรู้สึกว่าตัวเองปลอดภัยแล้ว ผมถึงกับต่อมน้ำตาแตก

“ฮือๆ เจย์ ฮือๆ ฉันกลัว”

“พีช” อีกฝ่ายเรียกชื่อผมก่อนจะคว้าผมมาโอบกอด “พีช ใจเย็นๆ ฉันอยู่ที่นี่แล้ว ปลอดภัยแล้ว”

ไม่พูดเปล่าอย่างเดียว เจย์ยังใช้มือลูบหัวผมที่กำลังสะอื้นไห้ด้วย

“เจย์...ฮึก...เจย์...อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียวอีกนะ...ฮือๆ”

“...อือ ฉันจะไม่ทิ้งนายไว้คนเดียวอีกแน่ ฉันสัญญา”

นั่นเป็นเสียงสุดท้ายที่ผมได้ยินก่อนจะเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว

..................

หลังจากพีชได้ร้องไห้จนหลับไปแล้ว ผมก็อุ้มร่างบางขึ้นรถแล้วขับรถกลับร้านดอกไม้ เมื่อกลับมาถึงผมก็วางร่างบางลงบนเตียง ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นเสื้อของพีชที่ถูกฉีกขาด ทำเอาอารมณ์ที่เคยขุ่นมัวกลับหงุดหงิดมากขึ้น ผมไม่น่าทิ้งพีชไว้ตามลำพัง ไม่งั้นไอ้ตัวเล็กคงจะไม่โดนพวกขี้เมาลวนลามแน่ พอคิดได้ดังนั้นผมก็ลุกขึ้นเดินไปหยิบชุดนอนที่ถูกแขวนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า ก่อนจะนำมาวางบนเตียง แล้วจึงค่อยหันมาถอดเสื้อที่ขาดออก แต่ครั้นพอถอดไปได้นิดเดียว ผมกลับต้องชะงักอีกครั้งเมื่อเห็นรอยแดงจ้ำประทับอยู่แถวท้องน้อย

นะ...นี่มัน...

คิสมาร์ค!!


ไม่ต้องคิดให้เสียเวลาว่ารอยนี้ใครเป็นผู้ประทับไว้

“อย่าเข้ามานะ อย่า” อยู่ๆ ไอ้ตัวเล็กก็ละเมอร้องขึ้นมา ทำเอาผมที่กำลังใช้ความคิดก็ต้องหยุดชะงักทันที

“ไม่ต้องกลัวพีช ฉันอยู่ที่นี่แล้ว” ผมพูดพลางคว้ามือของตัวเล็กมากุมอย่างที่เคยทำมาก่อน เพราะตอนช่วงหลังประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตก พีชมักจะฝันร้ายอยู่ทุกวัน ทำให้ผมที่มานอนเฝ้าต้องคอยมาปลอบใจให้หายกลัวอยู่เสมอ แต่ครั้งนี้ความฝันต่างกัน “นอนซะนะคนเก่ง ไม่มีอะไรต้องกลัวอีกแล้ว”

ผมพูดปลอบพลางเอามืออีกข้างลูบหัวอย่างแผ่วเบา ไม่นานนักเสียงละเมอร้องไห้ของพีชก็ได้เงียบไป ผมก็รีบเปลี่ยนเสื้อให้พีชก่อนเตรียมจะผุดลุกขึ้นยืนเพื่อที่จะกลับหอพัก แต่ยังไม่ทันจะได้ลุกขึ้นดี ผมก็ถูกมือบางคว้ามือเอาไว้เสียก่อน

“อย่าจากผมไปเลยนะ...” เสียงละเมอของพีชทำเอาผมถึงกับมุ่นคิ้วหันไปมอง แต่ก็คลายลงเมื่อได้ยินคำพูดถัดไป “...คุณพ่อ...คุณแม่”

ใจผมอ่อนยวบเมื่อได้ยินคำนั้น เพราะเวลาพีชละเมอถึงพ่อแม่ทีไร ผมมักใจอ่อนทุกที พอคิดได้ดังนั้นผมก็คว้าผ้าห่มมาห่มให้พีชก่อนจะฟุบนอนหลับข้างเตียงไปทั้งอย่างนั้น

จะอยู่นอนเป็นเพื่อนด้วยซักคืนแล้วกัน…

................

ผมรู้สึกตัวอีกทีก็มีแสงแดดมาแยงตา ทำให้ผมต้องลืมตาขึ้นมา ก่อนจะเห็นร่างคุ้นตานอนหลับอยู่ข้างเตียง แถมนอกจากนี้มือขวาผมก็กำลังจับมือของอีกฝ่ายอยู่ด้วย

เจย์?

ทำไมมันมานอนอยู่ที่นี่ได้?

ผมครุ่นคิดในใจพลางนึกย้อนถึงเรื่องเมื่อคืน ผมไปนั่งรถเที่ยวชมวิวกับเจย์ที่ชายทะเล ระหว่างที่ผมนั่งรอมันอยู่บนโขดหิน ผมก็โดนพวกขี้เมาฉุดกระชากจะไปข่มขืน แต่ก็ได้เจย์ช่วยเอาไว้ แล้วหลังจากนั้นผมก็ร้องไห้ในอ้อมกอดของเจย์จนเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัวด้วย พอคิดได้ดังนั้นผมก็หน้าร้อนผ่าวรีบปล่อยมืออีกฝ่ายออก ทำให้ร่างสูงจะรู้สึกตัวทันทีที่ผมปล่อยมือ

“อรุณสวัสดิ์พีช” เจย์พูดทักทายด้วยน้ำเสียงงัวเงีย

“อะ อืม อรุณสวัสดิ์” ผมทักทายตอบ ก่อนจะพูดต่อ “ขอโทษด้วยนะที่ทำให้นายต้องนอนแบบนั้น ถ้านายนอนไม่พอ ก็กลับไปนอนที่หอได้นะ วันนี้ไม่ต้องอยู่ช่วยทำงานหรอก”

“อืม”

อีกฝ่ายพยักหน้าตอบก่อนจะลุกขึ้นเดินออกจากนอกห้องไปอย่างงัวเงีย ดูท่าเจย์จะนอนหลับไม่พอจริง ถึงได้เดินเซกลับไปทั้งอย่างนั้น เมื่ออีกฝ่ายไปแล้ว ผมก็ลุกขึ้นเดินก่อนจะถอดเสื้อนอนออก ซึ่งประจวบเหมาะกับบานประตูที่ได้ถูกเปิดออกอีกครั้ง ทำเอาผมชะงักค้างในท่าถอดเสื้อก่อนหันไปมองผู้ที่เปิดประตู

“ลืมของเหรอเจย์” ผมถามพลางมองร่างสูงที่ยืนมองผมนิ่งค้างอยู่อย่างนั้น “เจย์ ทำไมไม่ตอบซักทีล่ะ”

ร่างสูงสะดุ้งไหวเล็กน้อย ดูท่าจะยังตื่นไม่พอ เล่นเหม่อลอยซะขนาดนั้น แถมหน้าแดงก็ด้วย

“เอ่อ ก็แค่มาบอกว่าพรุ่งนี้ฉันจะไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนนายนะ”

“อ้อ ได้สิ พรุ่งนี้เจอกันตีห้านะ”

พอผมพูดจบ อีกฝ่ายก็พยักหน้าตอบพลางเดินกลับออกไป ก่อนจะตามด้วยเสียงเดินชนกำแพงดังต่อเนื่องอยู่ตลอดทาง ทำเอาผมได้ยินถึงกับส่ายหน้าเอือมกับความขี้เซาไม่หายของเจย์

จะกลับไปรอดถึงห้องไหมวะนั่น…

..................

เช้านี้เป็นอีกวันที่ผมขับรถไปหาลูกพีชเช่นเคย เมื่อไปถึงร้านดอกไม้กลับไม่พบเจย์ยืนอยู่หน้าร้าน

“อ้อ วันนี้เจย์ไม่มาทำงานนะ” พีชบอกหลังจากผมเดินไปถาม ซึ่งผมก็คิดว่ามันแปลก แต่ก็ไม่ได้เก็บมาคิด “ว่าแต่วันนี้นายจะมาซื้อดอกไม้หรืออเล็กเซย์”

“เปล่าครับคุณพีช พอดีผมตั้งใจจะมาชวนคุณไปทำบุญที่วัดในวันพรุ่งนี้นะครับ ไม่ทราบว่าคุณว่างหรือเปล่า”

“ขอโทษนะอเล็กเซย์ ฉันไปด้วยไม่ได้นะ” ร่างบางตอบ ทำเอาผมถึงกับมุ่นคิ้ว “พอดีพรุ่งนี้ฉันต้องไปหาหมอที่โรงพยาบาลกับเจย์นะ”

“ไปโรงพยาบาล? คุณเป็นอะไร ทำไมถึงต้องไปด้วย?!” ผมถามด้วยความเป็นห่วง

“ฉันไม่ได้เป็นอะไร ก็แค่ไปตรวจสุขภาพประจำปีเฉยๆ” ร่างบางรีบตอบกลับ ซึ่งทำเอาผมถึงกับโล่งอก แต่ถึงกระนั้นผมก็ไม่ชอบให้พีชไปกับเจย์อยู่ดี

“ถ้างั้นผมขอไปด้วยคนแล้วกันนะครับ เพราะยังไงพรุ่งนี้ผมก็ว่างอยู่แล้ว”

“เฮ้ยไม่ได้ รถมิร่าของเจย์มันคันเล็ก นั่งกันได้แค่สองคนเท่านั้น” ร่างบางแย้งทันควัน “ถ้านายจะไป ก็ต้องขับรถไปเอง เอางี้ นายขับรถไปรอที่โรงพยาบาล Xxx ตอนหกโมงเช้าเลยจะดีกว่า เพราะพวกเราจะไปถึงกันเวลานั้นพอดีนะ”

“ก็ได้ครับ ถ้างั้นเจอกันพรุ่งนี้นะ”

แล้วผมก็บอกลาก่อนจะขับรถออกไปทำงาน


..............

วันรุ่งขึ้นเจย์มารับผมตั้งแต่ตีห้าตามที่รับปากไว้จริง ร่างสูงสวมเสื้อยืดคอวีสีแดงกางเกงยีนส์เข้มกำลังยืนรอผมอยู่หน้ารถมิร่าของตัวเอง

“รอนานไหมเจย์” ผมถามพลางเดินเข้าไปหา

“ไม่นานหรอก” อีกฝ่ายพูดตอบพลางเปิดประตูให้ผม ก่อนจะผายมือเข้าไปยังข้างในรถ “เชิญเสด็จพะยะค่ะ”

ผมได้ยินดังนั้นก็มะเหงกให้เจย์หนึ่งลูกโทษฐานทำให้ผมหมั่นไส้

“เสด็จบ้านพ่อแกสิ มัวแต่เล่นเดี๋ยวก็ไปรพ.สายเอาหรอก”

“ฮะๆ รู้แล้วน่า แค่หยอกเล่นหน่อยเองทำเป็นโกรธไปได้”

ผมไม่ตอบก่อนจะเดินเข้าไปนั่งรถ ซึ่งทำให้เจย์ต้องเดินเข้าไปในรถตาม เมื่อรถเคลื่อนตัวแล้ว เจย์ก็หันมาเปิดเครื่องเสียง ซึ่งผมรอไม่นานนัก ก็ได้ยินเสียงเพลงออกมา...

ไม่ทราบมันเป็นไร ไม่รู้ว่ามาไง

อาการรักเธอ

ก็รู้มีคนจอง ยังมาไปยืนมอง

ตกเย็นก็เพ้อ

ยิ้มให้เมื่อเจอกัน เผื่อฟลุ๊กไปวันๆ

ไม่กล้าขอเบอร์

ก็รู้เธอมีแฟน

ไม่ได้จะไปแทนที่คนของเธอ

ผมมุ่นคิ้วเมื่อได้ยินเพลงนี้ ก่อนจะเงยหน้ามองรายชื่อเพลงบนจอขนาดเล็กของเครื่องเสียง ‘รักคนมีเจ้าของ by ไอน้ำ’ ดูท่าเพลงนี้ไอ้เจย์มันชอบ ถึงได้เปิดก่อนเป็นเพลงแรก แต่ก็เอาเถอะ ไม่ว่าเจย์จะเปิดเพลงไหนผมก็ฟังไม่รู้เรื่องอยู่ดีนั่นแหละ

บ๊อก บ๊อก

เสียงริงโทนหมาเห่าดังขึ้นแทรกขัดจังหวะ ทำเอาผมรีบหรี่เสียงเพลงพลางคว้ามือถือขึ้นมาดู

Aleksey

ผมมุ่นคิ้วเมื่อเห็นชื่อของคนโทรมา ใจหนึ่งก็อยากรับแต่ก็กลัวเจย์จะได้ยินเสียงปลายสายเอา

“ทำไมไม่รับมือถือซักทีล่ะ ปล่อยให้มันดังอยู่ทำไม” เจย์บอกผมในขณะที่กำลังสาละวนขับรถอยู่ ทำเอาผมถอนหายใจ เพราะยังไงเดี๋ยวเจย์ก็ต้องรู้อยู่ดี ผมกดรับก่อนจะยกมือถือขึ้นแนบหูซ้าย

“ทำไมรับช้าจังเลยครับลูกพีช” ปลายสายพูดเสียงเง้างอน “แล้วนี่ออกมากันรึยังครับ ตอนนี้ผมรออยู่ที่หน้ารพ.แล้วนะ”

“เพิ่งจะออกตะกี้เอง ว่าแต่ทำไมนายถึงไปที่นั่นไวขนาดนั้นล่ะ นี่มันเพิ่งจะตีห้าเองนะ” ผมถามด้วยความสงสัย ซึ่งทำเอาเจย์ที่กำลังขับรถมุ่นคิ้วหันมามองผม ก่อนจะหันกลับไปมองถนนตามเดิม

“ก็ผมใจร้อนนี่ครับ อยากจะเห็นหน้าคุณไวๆด้วย”

ดูเขาสิครับ เอาแต่ใจจริงๆ แต่ก็เอาเถอะ ขออย่าให้เขาทำตัวสนิทสนมกับผมเกินเหตุต่อหน้าเจย์ก็พอ

“เดี๋ยวอีกครึ่งชั่วโมงคงจะถึงถ้ารถไม่ติดไปซะก่อน”

“ครับ แล้วผมจะรอ”

แล้วปลายสายก็ตัดสายทิ้งไป ทำเอาผมถึงกับถอนหายใจเป็นรอบที่สอง

“ใครโทรมาหรือพีช” คนขับรถเอ่ยปากถามผมอย่างสงสัย

“อเล็กเซย์นะ” พอสิ้นคำตอบของผม อีกฝ่ายถึงกับเหยียบเบรกกะทันหัน ทำเอาผมเกือบหน้าทิ่มถ้าไม่ได้เซฟตี้เบลล์ช่วยเอาไว้ “ทำบ้าอะไรของนายนะเจย์! นึกอยากจะเบรกก็เบรก”

คนถูกด่าหันหน้ามามองผมนิ่งๆ ทำเอาผมได้แต่มุ่นคิ้วมองมันอย่างมึนงง

“มองทำไม มีอะไรติดที่หน้าฉันรึไง”

“เปล่า ไม่มีอะไร” อีกฝ่ายตอบก่อนจะหันไปเข้าเกียร์เดินหน้าต่อ “ว่าแต่เขาโทรมาหานายทำไมหรือ”

“อ้อ แค่โทรมาถามว่าออกมาแล้วรึยังนะ เพราะตอนนี้เขาอยู่ที่หน้าโรงพยาบาล....”

เอี๊ยด!

เสียงเบรกดังขึ้นอีกครั้ง ทำเอาผมหน้าคะมำเป็นครั้งที่สอง

“อะไรของนายอีกล่ะไอ้เจย์! เล่นเบรกบ่อยแบบนี้เดี๋ยวรถยนต์ทางหลังก็ได้ชนตูดเอาปะไร” ผมบ่นพลางมองกระจกข้าง ก่อนจะถอนหายใจเพราะตอนนี้ไม่มีรถยนต์คันไหนแล่นตามหลังมา พอหันหน้ากลับมาทางเจย์อีกครั้ง ผมถึงกับสะดุ้งตกใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายจ้องตาเขม็ง “เป็นอะไรเจย์ ทำไมจ้องฉันแบบนั้นล่ะ”

ทว่าเจย์ไม่ตอบ กลับหันหน้าไปทางเดิมก่อนจะใส่คาร์ทเปลี่ยนเกียร์แล้วเหยียบคันเร่งเดินหน้าต่อโดยไม่พูดอะไรกับผมอีกเลย
 
.............

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :katai5: โธ่ เจย์
ขอบคุณที่มาต่อค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 6 เปลี่ยนไป 3/9/57)
« ตอบ #19 เมื่อ: 03-09-2014 13:32:47 »





ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
อารายของเจย์ จะสารภาพรักก็ไม่

อ้ำๆอึ้งๆ

ลื้อก็รู้นะว่าอเล็กซ์เค้ามาจีบ(เพราะมาถี่ซะทุกวันขนาดนั้น)

รุกจีบไปเลยเด้

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ตอนที่ 7 หงุดหงิด

.....................

เมื่อผมขับรถพาพีชมาจอดรถในโรงพยาบาลแล้ว ผมก็ได้ยินเสียงมือถือของพีชดังขึ้นอีกครั้ง

บ๊อก บ๊อก

เสียงริงโทนหมาเห่าทำเอาไอ้ตัวเล็กทำท่าลังเลมองผมราวกับชั่งใจว่าจะรับดีหรือไม่ดี แต่ผมขี้เกียจอยู่รอฟัง จึงเปิดประตูลงจากรถไปทันที ก่อนจะเดินออกห่างจากตัวรถไปซักหน่อย แล้วจึงค่อยหยิบบุหรี่พร้อมกับไฟแช็คขึ้นมาจุดสูบ เดิมทีผมเป็นคนสูบบุหรี่จัด แต่พอผ่านเหตุการณ์เครื่องบินตกครั้งนั้น ผมก็ได้เพลาการสูบบุหรี่ลง ไม่ใช่เป็นเพราะผมเป็นห่วงตัวเอง แต่เป็นเพราะผมเป็นห่วงพีชตั้งหาก เพราะก่อนหน้านี้หมอเคยพูดกำชับกับผมไว้ว่าอย่าให้คนไข้ได้สูดดมควันมาก มิเช่นนั้นจะเป็นอันตรายต่อสมองเอาได้ ไม่นานนักผมก็เห็นร่างบางลงจากรถ จึงรีบดับควันบุหรี่อย่างรวดเร็ว ก่อนจะคว้าหมากฝรั่งขึ้นมาเคี้ยวแทน

“เอ่อ ขอโทษที่ให้คอยนาน พอดีฉันมัวแต่บอกทางกับอเล็กเซย์ว่าพวกเราจะไปเจอกันได้ที่ไหนนะ” ร่างบางบอกหน้าตื่นในขณะที่เดินมาทางผม แต่พอพีชเดินมาถึงแล้ว ถึงกับทำหน้ามุ่นคิ้วทันที “นี่นาย...สูบบุหรี่ด้วยงั้นเหรอเจย์”

“อืม” ผมตอบสั้นๆ สงสัยกลิ่นควันบุหรี่ยังไม่จางหายไป ก็เลยทำให้ตัวเล็กได้กลิ่น ซึ่งผมไม่ชอบให้ตัวเล็กได้สูดนานนักหรอก ผมก็เลยรีบก้าวเท้าออกเดินนำทันที ทำเอาร่างบางรีบเดินตาม นี่เป็นครั้งแรกที่ผมยอมเผยให้อีกฝ่ายรู้ว่าผมสูบบุหรี่ เพราะก่อนหน้านี้ผมปิดบังมันมาโดยตลอด ไม่สิ เรื่องที่ผมสูบบุหรี่นั้นพีชรู้ดีอยู่แล้ว เพียงแต่อุบัติเหตุครั้งนั้นมันพรากความทรงจำของพีชไปเสียหมด ก็เลยทำให้พีชจำเรื่องที่ผมสูบบุหรี่นี้ไม่ได้เลยตั้งหาก (แล้วผมก็ไม่ได้บอกเรื่องนี้ให้พีชรู้เลยด้วย) เมื่อเดินมาถึงหน้าตึกที่ตัวเล็กต้องไปหาหมอ ก็เห็นร่างสูงผมทองสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวลายทางกางเกงแสลกสีเทายืนรออยู่ด้านหน้าแล้ว

“อรุณสวัสดิ์ครับคุณเจย์” อีกฝ่ายทักทายผมทันทีที่เห็นหน้า

“อืม” ผมทักทายตอบสั้นๆ ก่อนจะหยุดเดิน

“แล้วนี่ได้ทานอะไรรองท้องมากันแล้วบ้างรึยังครับ”

“ยัง” ร่างเล็กยังไม่ทันตอบ ผมก็ชิงตอบเสียก่อน “พีชยังดื่มหรือกินอะไรไม่ได้ ต้องโดนเจาะเลือดก่อน”

“อย่างงั้นหรือครับ” แล้วความเงียบก็เข้าครอบงำ ทั้งผมทั้งมันต่างมองหน้ากันจนไอ้พีชดึงแขนเสื้อผมให้ออกไปคุยกันห่างๆ

“วันนี้นายเป็นบ้าอะไรของนายห๊ะ ไปพูดกับเขาห้วนๆแบบนั้นได้ยังไงกัน” พีชพูดเสียงกระซิบ

“ฉันไม่ได้เป็นอะไร” ผมหันหน้าหนีตอบ อย่าว่าแต่พีชเลย แม้กระทั่งตัวผมเองก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ แค่เห็นหน้าหมอนั่นก็พาลหงุดหงิดจนไม่อยากอยู่ใกล้แล้ว “รีบไปตรวจเลือดเถอะ เดี๋ยวก็ไม่ทันหมอตรวจหรอก”

“อะ อืม” ระหว่างที่ผมกับอเล็กเซย์รอไอ้ตัวเล็กเจาะเลือดนั้น ผมก็คว้ามือถือขึ้นมาเล่นเกมยิกๆ ส่วนร่างสูงยืนมองทีวีอยู่ห่างจากผมซักก้าวได้

“ผมขอถามอะไรคุณหน่อยได้ไหมครับคุณเจย์” ร่างสูงเอ่ยปากถามผม ทำเอาผมชะงักไปชั่วขณะก่อนจะกดเล่นเกมอีกครั้งโดยไม่เงยหน้ามอง “คุณพีชเป็นอะไรกันแน่ ทำไมถึงต้องมาหาหมอด้วย”

“อยากรู้ก็ถามหมอนั่นเองสิ” ผมตอบเสียงเรียบ มือกดเกมยิกๆต่อไปอย่างไม่ใส่ใจ

“แต่เขาไม่บอกผม”

“นั่นมันก็เรื่องของคุณ ไม่เกี่ยวกับผม” ผมตอบหน้าตาย แล้วร่างสูงก็เงียบไป ซึ่งมันก็ดีเหมือนกัน เพราะผมขี้เกียจตอบคำถามอีก พวกผมก็ยืนรอจนกระทั่งร่างเล็กเดินออกมาโดยที่ข้อแขนมีสำลีแปะทับด้วยพลาสเตอร์ติดอยู่ด้วย แต่ดูเหมือนว่าร่างบางออกจะหน้าซีดไปเล็กน้อย สงสัยคงจะโดนดูดเลือดเยอะไปหน่อย

“หิวแล้ว ไปกินข้าวกันเถอะ” ไอ้ตัวเล็กพูดพลางเอามือลูบท้องตัวเอง แหงล่ะ ก็ตอนเช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยนี่ เมื่อพวกผมเดินมาถึงโรงอาหารแล้ว ตัวเล็กก็อาสาไปเข้าคิวต่อแถวซื้อคูปองอาหาร ทำให้ผมกับอเล็กเซย์ต้องยืนรออย่างเงียบๆ แต่จะว่าไปท่าทางตอนที่พีชเดินไปซื้อคูปองนั้นมันทำเอาผมนึกขำในใจ เพราะดูเงอะงะเหมือนเด็กน้อยเพิ่งหัดซื้อเป็นครั้งแรกไม่มีผิด พอร่างเล็กซื้อเสร็จก็เดินกลับมายิ้มหน้าแป้น “เดี๋ยวฉันจะแบ่งคูปองกันคนละครึ่งนะ ถ้าไม่พอยังไงก็มาเอาคูปองอีกได้นะ”

“ครับ” อเล็กเซย์ตอบ แต่สำหรับผมพยักหน้าตอบเท่านั้นครับ แล้วผมก็เดินแยกไปอีกทาง แต่ก็แอบเห็นทั้งคู่เดินเลือกซื้ออาหารด้วยกัน ซึ่งผมบอกตามตรงเลยว่ามันหงุดหงิด หงุดหงิดจนอยากจะกระชากพวกเขาให้แยกจากกันเสียเดี๋ยวนั้น เมื่อพวกผมทานข้าวเสร็จ ไอ้ตัวเล็กก็พาพวกผมไปยังตึกศัลยกรรมระบบประสาททันที ทำเอาร่างสูงผมทองอย่างอเล็กเซย์ถึงกับมุ่นคิ้วทันทีที่เห็นชื่อตึก แต่ก็ไม่ยักเอ่ยปากถามพีชอะไรเลยซักคำ ครั้นพอร่างบางขอตัวไปเข้าห้องน้ำเท่านั้นแหละ อีกฝ่ายก็รีบชิงถามผมทันที “นี่ไม่ใช่การตรวจสุขภาพประจำปีแล้ว คุณบอกผมมาตามตรงเดี๋ยวนี้คุณเจย์ คุณพีชเป็นอะไรกันแน่”

อ้าว ฉลาดเป็นกับเขาด้วยหรอกรึ นึกว่าจะโง่ไม่รู้เรื่องอะไรซะอีก แต่จะว่าไปไอ้พีชไปโกหกอเล็กเซย์ว่ามาตรวจสุขภาพประจำปีหรอกรึเนี่ย ไม่ยักรู้เลยแฮะ

“แล้วทำไมผมต้องบอกคุณด้วยล่ะ ก็เห็นไปเที่ยวด้วยกันบ่อย ผมนึกว่าพีชบอกคุณไปซะแล้วอีก” ผมพูดด้วยน้ำเสียงยียวนกวนประสาทพลางยกมือขึ้นกอดอกพิงกำแพง

“ถ้าเขาบอก ผมคงไม่ถามคุณหรอก” ดูเหมือนอีกฝ่ายเริ่มจะอารมณ์เสียกับท่าทางของผมแล้ว

“หึ แล้วคุณจะรู้ไปทำไม ในเมื่อคุณก็เป็นเพียงแค่ลูกค้าขาประจำของร้าน ไม่ใช่ญาติหรือคนรักกันซักหน่อย” ผมได้ทีใส่ไฟ เพราะผมเองก็ไม่ชอบให้คนนอกอย่างมัน (ถึงแม้ตอนนี้มันจะเป็นคู่นอนของพีชแล้วก็เถอะ) มาซักถามไล่เลียงอดีตที่ไม่น่าจดจำของพีชแบบนี้อยู่เหมือนกัน ส่วนอีกฝ่ายเมื่อได้ยินที่ผมพูด ก็ถึงกับเม้มปากและกำหมัดของตัวเองไปด้วยพร้อมกัน

ก็แค่อยากลองยั่วประสาทดูเล่น แต่ไม่นึกเลยว่าจะได้ผล...

แล้วร่างบางก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ทำให้ผมกับอเล็กเซย์มีอันต้องยุติการสนทนา


..........................

ตั้งแต่เดินเข้ามาในตึกนี้ ผมก็แทบมองหน้าอเล็กเซย์ไม่ติด เพราะผมดันไปบอกเขาว่ามาตรวจสุขภาพประจำปี ซึ่งใครหน้าไหนจะมาตรวจสุขภาพประจำปีที่ตึกศัลยกรรมระบบประสาทกันเล่า ครั้นพอหมอเรียกให้เข้าไปคุย ผมก็บอกให้พวกเขาทั้งคู่นั่งรออยู่ข้างนอก ไม่ต้องตามเข้ามา ซึ่งทั้งคู่ก็ยอมแต่โดยดี พอผมเข้าไปคุยกับหมอแล้ว หมอก็ไถ่ถามผมเรื่องนู่นเรื่องนี้ ซึ่งผมก็บอกไปว่าไม่มีอะไรผิดปกติ มีเพียงแค่บางเรื่องที่ผมยังนึกไม่ออกเท่านั้น (ก็ไอ้เรื่องที่เจย์สูบบุหรี่ตอนอยู่ที่ลานจอดรถนั่นไง) แต่ถึงกระนั้นหมอก็ขอแสกนเอ็กซเรย์สมองผมเหมือนตามปกติทุกปีเพื่อจะเช็คดูผลภายใน ซึ่งผมก็ไม่ได้คิดจะปฏิเสธ

“หมอว่ายังไง” เจย์เดินเข้ามาถามผมก่อน ซึ่งทำเอาผมเหลือบมองอีกคนที่ยืนทำหน้าบึ้งตึงอยู่ไม่ห่าง

นั่นไง กำลังโกรธอยู่จริงๆด้วย…

“ก็ให้แสกนเอ็กซเรย์สมองเหมือนทุกปีนั่นแหละ” ผมตอบเจย์โดยที่ยังมองร่างหนาอยู่ แล้วผมก็ถูกนางพยาบาลเรียกตัวให้ไปเอ็กซเรย์สมอง ซึ่งใช้เวลาไม่นานนักผมก็เดินกลับมาอีกครั้ง ก่อนจะพบว่าอเล็กเซย์ได้หายหัวไปแล้ว เหลือเพียงแต่เจย์ที่ยังคงยืนรอผมอยู่ “แล้วอเล็กเซย์ล่ะเจย์ เขาไปไหนหรือ”

คนถูกถามยักไหล่

“ไม่รู้สิ เห็นทำหน้าเคร่งเครียดแล้วเดินออกไปแบบไม่พูดไม่จา”

ดูมันกวนสิครับ ผมเห็นแล้วกลุ้ม ไม่รู้ว่าหมู่นี้มันเป็นอะไร ถึงได้พูดจากวนส้นตีนแบบนี้

ติ๊ด

เสียงข้อความมือถือเข้า ทำเอาผมรีบควักมือถือขึ้นมาดู

มาหาผมที่ลานจอดรถหน่อย BY อเล็กเซย์

ผมเห็นถึงกับถอนหายใจ ก่อนจะหันไปมองเจย์ที่กำลังยืนกอดอกมองทีวีอยู่

“เจย์ เดี๋ยวฉันมานะ ถ้าพยาบาลเรียกก็ให้บอกว่าฉันไปทำธุระข้างนอกแป๊บนึง”

“อืมๆ”

พอผมไปถึงลานจอดรถแล้ว ผมก็มองหาร่างสูงเพราะผมไม่รู้ว่าเขาไปรอผมตรงไหน รู้แค่ว่าอยู่ที่นี่เท่านั้น ในขณะที่ผมกำลังมองหาร่างสูงอยู่นั้น อยู่ๆก็มีมือหนามาคว้าแขนผมอย่างแรง ทำเอาผมสะดุ้งหันกลับไปมอง ก่อนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อรู้ว่าเป็นใคร

“อยู่ๆก็หายไป รู้หรือเปล่าว่าฉันเป็นห่วงแค่ไหน”

“คุณเป็นห่วงผมด้วยหรือครับลูกพีช” ร่างสูงพูดเสียงตัดพ้อ โชคดีที่แถวนี้ไม่มีคน ก็เลยไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะมีใครมาได้ยินชื่อของผมที่อเล็กเซย์เป็นคนเรียก “ผมรู้ว่าคุณยังตัดใจกับผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ แต่คุณก็ไม่น่าจะมาพูดโกหกผมแบบนี้เลย คุณรู้หรือเปล่าว่าผมเสียใจมากแค่ไหน”

คำพูดของอเล็กเซย์ทำเอาผมถึงกับสะอึก

“ฉันขอโทษอเล็กเซย์ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” ผมเม้มปากตอบ ไม่ใช่ว่าผมอยากจะโกหกหรอกนะ แต่ผมไม่อยากให้อีกฝ่ายเป็นห่วงว่าผมมาหาหมอเพราะอะไร “แต่ฉันยังไม่พร้อมที่จะบอก…โอ๊ย ฉันเจ็บนะอเล็กเซย์”

ผมพูดยังไม่ทันจบก็ต้องกรีดร้องเมื่อถูกอีกฝ่ายบีบแขนซะแรง

“เจ็บซะได้ก็ดี เพราะคุณจะได้รู้สึกเจ็บเหมือนที่ผมกำลังเจ็บอยู่นี่ไง” ร่างสูงพูดเสียงเข้มดูน่ากลัวจนใจหาย “ขนาดเรื่องดารินผมยังไม่ปิดบังคุณเลย แต่กับอีแค่เรื่องอาการเจ็บป่วยของคุณแค่นี้ ทำไมถึงบอกผมไม่ได้”

พูดจบ ร่างสูงก็ดันผมให้ชิดกับกำแพง พลางเอาหน้ามาไซร้คอผมก่อนจะกัดลงไปอย่างแรง

“โอ๊ย! อย่านะอเล็กเซย์ นายจะมาทำกับฉันแบบนี้ที่นี่ไม่ อ๊ะ ได้ ยะ อย่า!” ร่างสูงไม่ฟังที่ผมพูดเลยแม้แต่น้อย กลับใช้มือสอดใต้เสื้อลูบไล้หน้าท้องผมได้อย่างหน้าตาเฉย “ฉันบอกแล้วไงว่า อย่า อ๊ะ อึก”

ผมพูดห้ามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ นี่เป็นครั้งแรกที่อเล็กเซย์ทำรุนแรงกับผม เพราะที่แล้วมาร่างสูงมักจะปฏิบัติกับผมอย่างนุ่มนวลเสมอ แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ มันรุนแรงจนผมรับไม่ได้ คิดแล้วน้ำตาก็พาลไหลออกมา ทำเอามือหนาที่กำลังจะลูบไล้ยอดอกถึงกับหยุดชะงักทันทีที่ได้ยินเสียงร้องไห้ของผม

“ฉันยอมนายแล้ว ฮือๆ ฉันยอมบอกกับนายทุกอย่างแล้วฮือๆ” ผมพูดไปร้องไห้ไปพลาง “ฮือๆ ที่ฉันมาหาหมอก็เพราะ…ก็เพราะ…ก็เพราะว่า...ฉันเคยประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกพร้อมกับพ่อแม่ที่เสียไป”

ร่างสูงได้ยินที่ผมพูดถึงกับผละตัวออกมามองผมด้วยสีหน้าตกตะลึง

“ฉัน…เป็น…คนเดียวในเครื่องบินลำนั้น…ที่รอด…ชีวิต ฮึก มาได้”

...........................
 
ร่างบางพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือแถมยังตัวสั่นอีก นี่ผมทำอะไรลงไป เพียงเพราะคำพูดของเจย์ทำเอาผมถึงกับหัวฟัดหัวเหวี่ยงแล้วเอามาลงกับร่างบาง คนที่ผมรักและทะนุถนอมยิ่งกว่าไข่ในหินเสียอีก

นี่ผมทำอะไรลงไป...

“ลูกพีช ผม...” นี่ผมกลายเป็นคนติดอ่างไปตั้งแต่เมื่อไหร่ กะอีแค่คำว่าขอโทษยังพูดยากเลย “...ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำกับคุณแบบนี้ คุณอย่าโกรธผมเลยนะครับขอร้องล่ะ”

ร่างบางไม่ตอบ กลับร้องไห้เสียงสะอื้นจนผมต้องโอบกอดอีกครั้ง แน่นอนว่าพีชถึงกับสะดุ้งตกใจเมื่อถูกผมกอด แต่ผมไม่คิดจะทำอะไรร่างบางหรอก เพราะแค่นี้ผมก็ผิดต่อพีชมากพออยู่แล้ว มากเกินที่ยากจะให้อภัยกันได้ง่ายๆ

“ผมขอโทษที่ทำกับคุณรุนแรงเกินไป” ผมพูดพลางยกมือขึ้นลูบเช็ดน้ำตาของอีกฝ่ายออกอย่างแผ่วเบา “ขอโทษที่ทำให้คุณต้องนึกถึงเรื่องอดีตที่เจ็บปวด ขอโทษที่ทำให้คุณต้องฝืนเล่ามันออกมาทั้งๆที่ไม่อยากจะเล่า เพราะฉะนั้นคุณจะลงโทษอะไรกับผมก็เชิญลงโทษมาได้เลย ผมยินดีให้คุณลงโทษจนกว่าคุณจะพอใจ แต่ขอเพียงอย่างเดียว คุณอย่าเกลียดผมก็พอ”

พอผมพูดจบ ร่างบางก็ยังคงนิ่งไม่ยอมพูดออกมาอยู่ดี ซึ่งทำเอาผมได้แต่โอบกอดร่างบางอยู่อย่างนั้น

.....................

ช่วงระหว่างที่ผมนั่งรอพีชกลับมา ผมก็ได้บอกกับนางพยาบาลไปว่าเจ้าตัวออกไปทำธุระข้างนอก ให้คนอื่นรักษาไปก่อนได้เลย ซึ่งผมก็นั่งรอนานจนชักหงุดหงิด หงุดหงิดจนเดินวนเวียนไปมานับสิบรอบจนคนอื่นเริ่มรำคาญ ผมรู้ดีว่าไอ้ตัวเล็กออกไปข้างนอกทำไมในเมื่อร่างสูงผมทองอย่างอเล็กเซย์ก็ไม่ได้อยู่ด้วย

คงจะเรียกไปซักถามเรื่องที่มาหาหมออย่างแน่นอนชัวร์!

จะว่าไปตั้งแต่ผมเห็นพีชกับอเล็กเซย์จูบกัน ผมก็ชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่ามันเป็นเพราะอะไรกัน ทำไมผมต้องหงุดหงิดกับเรื่องพรรค์นี้ด้วย ไม่เข้าใจเลยจริงๆ

แม่ง! โทรหาไอ้ออยดีกว่า เผื่อมันให้คำตอบอะไรดีๆกลับมาก็ได้

ผมคิดได้ดังนั้นก็รีบโทรไปหามันอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักอีกฝ่ายก็รับสายด้วยน้ำเสียงโมโห

“มึงจะโทรหากูทำไมแต่เช้าวะไอ้เหี้ยเจย์!”

“เออ กูรบกวนเวลาพักผ่อนมึงซักสิบนาทีหน่อย ไม่นานนักหรอก” ผมพูดพลางเดินออกไปข้างนอก เพราะกลัวจะไปรบกวนคนป่วยที่นั่งรอหมออยู่ข้างใน “กูสงสัยมานานแล้ว ก็เลยอยากถามมึงดูเผื่อมึงจะช่วยกูได้”

“เออๆ มึงมีอะไรก็ว่ามาเลยไอ้เจย์” ปลายสายตอบ ซึ่งทำเอาผมชั่งใจนิดหนึ่งก่อนจะถามกลับไป

“มึงเคยเห็นคนที่เรารู้จักไปจูบกับอีกคนแล้วรู้สึกหงุดหงิดบ้างป่ะ”

“เคยวะ”

“ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้กูไม่ได้รู้สึกอะไรเลย แต่พอได้เห็นแม่งทำเอากูแทบกินไม่ได้นอนไม่หลับ โดยเฉพาะเวลาเห็นสองคนนั้นอยู่ด้วยกันแล้ว มันทำเอากูอยากจะไปแยกพวกมันให้ออกห่างจากกันเดี๋ยวนั้น ฟังแบบนี้แล้วมึงคิดว่ากูเป็นอะไรกันแน่”

ปลายสายเงียบไปสักพักใหญ่ก่อนจะตอบผมกลับมาว่า

“มึงกำลังหึง”

“หึง? กูเนี่ยนะหึง” ผมมุ่นคิ้วพูด

“เออใช่ มึงหึง”ปลายสายตอบย้ำอีกรอบ “ทั้งหึงทั้งหวงอย่างรุนแรงด้วย ว่าแต่มึงหึงใครวะ ช่วยบอกกูได้ป่ะ เผื่อกูช่วยมึงได้มากขึ้น”
ผมลังเลใจไปชั่วครู่ ก่อนจะตัดสินใจตอบกลับไปว่า

“พีช” คำตอบของผมทำเอาอีกฝ่ายถึงกับร้องเฮ้ยเสียงดังลั่น

“มึงหึงไอ้พีชเนี่ยนะ?!”

“เออวะ” ผมตอบอย่างหงุดหงิด “วันๆกูทำงานอยู่กับพีชแล้วมึงจะให้กูไปหึงใครได้อีกวะ”

“เออๆ กูผิดเองที่ถามมึง ว่าแต่มึงรู้สึกอะไรกับพีชอีกไหม อย่างเช่นอยากกอดอยากหอมอะไรประมาณนี้” ผมมุ่นคิ้วคิดก่อนจะตอบกลับไปว่า

“กูไม่รู้วะ กูรู้แค่เพียงว่ากูไม่อยากให้พีชอยู่กับหมอนั่น”

“หมอนั่น? ใครวะ”

“เออ มึงอย่ารู้เลย รู้แค่ว่ามันเป็นคนที่มาเทียวไล้เทียวขื่อพีชแล้วกัน” ผมตอบอย่างหงุดหงิดใจ

“เออๆ ถ้างั้นกูให้มึงกลับไปคิดเป็นการบ้านแล้วกัน ว่ามึงรู้สึกยังไงกับพีช พอได้แล้วค่อยโทรบอกกู”

“อืม ขอบใจมึงมากนะไอ้ออย”

“ไม่เป็นไรวะเพื่อน”

แล้วผมก็ตัดสายทิ้งพลางถอนหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน ก่อนจะทำท่าเดินกลับเข้าไปในตึกอีกครั้งแต่กลับชะงักเมื่อเห็นร่างบางเดินกลับมาคนเดียว

“มัวทำอะไรอยู่ พยาบาลเขาเรียกนายตั้ง...” ผมพูดยังไม่ทันจบ ถึงกับชะงักเมื่อผมได้เห็นนัยน์ตาแดงก่ำของไอ้ตัวเล็กที่ดูเหมือนจะผ่านการร้องไห้มาอย่างโชกโชน แถมนอกจากนี้ต้นคอของมันยังมีจ้ำแดงทิ้งไว้ให้เห็นเด่นชัดทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่มีเลยด้วยซ้ำ ทำเอาผมที่เพิ่งจะหายขุ่นมัวกลับต้องขึ้นปี๊ดด้วยความโมโห เพราะนี่ไม่ใช่การเรียกไปซักถามแบบธรรมดาแล้ว แต่เป็นการบังคับให้ปริปากบอกตั้งหาก “...ใครทำนายร้องไห้ พีช”

ผมถามเสียงเรียบพลางจ้องร่างบางอย่างไม่วางตา ทำเอาคนถูกถามถึงกับสะดุ้งเฮือก

“ฉันถามว่าใครทำ” ผมรู้ว่าใครเป็นคนทำ เพียงแต่ผมแกล้งทำเป็นไม่รู้ตั้งหาก ทว่าพีชไม่ยอมบอก ทำเอาผมถึงกับถอนหายใจเป็นรอบที่สองของวันนี้ “เฮ้อ ไม่บอกก็ไม่เป็นไร ถ้างั้นพวกเรากลับเข้าไปหาหมอเถอะพีช”

“อะ...อืม”


.................

“ถ้าคุณตรวจเสร็จแล้วอย่าลืมโทรบอกผมด้วยนะลูกพีช”

นั่นคือคำพูดของอเล็กเซย์ก่อนจะขอตัวกลับก่อน ซึ่งผมเองก็ไม่ได้ขัดอะไร ผมปล่อยให้ร่างสูงขับกลับไป ส่วนตัวผมเองก็ไปล้างหน้าล้างตาก่อนจะเดินกลับไปหาเจย์

“มัวทำอะไรอยู่ พยาบาลเขาเรียกนายตั้ง…” ร่างสูงถามแต่ก็ชะงักไป “…ใครทำนายร้องไห้ พีช”

อีกฝ่ายถามเสียงเข้ม ทำเอาผมสะดุ้งตกใจ

“ฉันถามว่าใครทำ” เสียงของเจย์ทำเอาผมรู้สึกกลัว ผมไม่กล้าตอบมันหรอก เพราะขืนมันรู้มีหวังได้ไปหาอเล็กเซย์เพื่อเอาเรื่องแน่ ดังนั้นผมจึงเลือกที่จะไม่ตอบ “เฮ้อ ไม่บอกก็ไม่เป็นไร ถ้างั้นพวกเรากลับเข้าไปหาหมอเถอะพีช”

“อะ…อืม”

แล้วผมก็เดินกลับไปหาหมออีกครั้งเพื่อฟังผล

“หมู่นี้คุณเครียดอะไรบ้างหรือเปล่า” คำถามของหมอทำเอาผมชะงักหลังจากเดินมานั่งฟังอยู่ในห้องเพียงคนเดียว (ส่วนเจย์นั่งรออยู่ข้างนอก) “เพราะเท่าที่ดูจากการแสกนเอ็กซเรย์สมอง มันมีปัญหานิดหน่อย”

“ปัญหา? ปัญหาอะไรเหรอครับ” ผมถามด้วยความสงสัย ซึ่งหมอก็ได้เอาแผ่นฟิลม์เอ็กซเรย์ออกมาก่อนจะชี้ให้ผมดู

“คุณคงจำได้นะครับว่าตอนเกิดอุบัติเหตุใหม่ๆสมองของคุณมีก้อนเลือดคั่งในสมองด้วย” ผมได้ยินที่หมอพูดก็พยักหน้าตอบหงึกหงัก เพราะตอนนั้นผมเป็นแบบนั้นจริง และได้ถูกผ่าตัดเอาออกจนหายเป็นปกติดีแล้วด้วย “ตอนนี้ยังหลงเหลืออยู่ แต่มีนิดเดียว ฉะนั้นคุณไม่ต้องห่วง ปัญหานี้แก้ได้โดยการทานยาละลายเลือด”

“ครับคุณหมอ”

“แต่คุณเองก็ต้องดูแลรักษาตัวเองด้วยนะครับ อย่าเครียดมาก พักผ่อนให้เยอะๆ”

“ครับคุณหมอ” แล้วหมอก็สั่งยาละลายเลือดกับยาคลายเครียดให้ผมไปทานด้วย พอเดินออกมาจากห้องเจย์ก็ลุกขึ้นเดินมาหาผมทันที

“หมอว่ายังไงบ้าง” ร่างสูงถามเสียงเรียบ

“ก็ให้ทานยาและพักผ่อนให้มากๆนะ” ผมจงใจเลี่ยงที่จะตอบเรื่องเลือดในสมอง เพราะมันเป็นเรื่องเล็กนิดเดียว

“แล้วนี่จะกลับร้านเลยไหม จะได้ไปส่ง” เจย์ถามต่อ

“อืม เดี๋ยวไปเอายาแล้วค่อยกลับ” ผมพยักหน้าตอบ เมื่อไปเอายาแล้ว เจย์ก็พาผมขับรถกลับไปส่งที่ร้าน พอถึงร้านแล้ว เจย์ก็ขอตัวกลับหอพัก ส่วนผมนั้นเมื่อมองอีกฝ่ายขับรถกลับไปแล้ว ผมก็คว้ามือถือขึ้นมาดูอย่างชั่งใจว่าจะโทรไปหาดีหรือไม่ แต่แล้วเสียงมือถือก็ดังขึ้นมา ทำเอาผมสะดุ้งตกใจรีบกดรับสายทันที

“ตรวจเสร็จแล้วรึยังครับลูกพีช” ปลายสายถามทันทีที่ผมรับสาย

“อืม” ผมตอบสั้นๆ

“แล้วหมอว่ายังไงบ้างครับ”

“ไม่ได้ว่าอะไร แค่บอกให้พักผ่อน” ผมตอบสั้นๆโดยเลี่ยงที่จะบอกเรื่องเลือดคั่งในสมอง

“แล้วตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนครับ คุณเจย์ได้มาส่งที่ร้านหรือยัง”

“อยู่บ้านแล้ว เจย์เพิ่งมาส่งและเพิ่งกลับไปเมื่อกี้นี้เอง”

“งั้นก็ดีแล้วครับ ถ้างั้นผมไม่รบกวนคุณแล้วล่ะ นอนพักผ่อนให้มากๆนะครับ ฝันดีนะ”

“อืม ฝันดี”

แล้วอีกฝ่ายก็วางสายไป จากนั้นผมจึงค่อยเดินกลับเข้าร้านตัวเอง
 
..................

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-09-2014 08:47:20 โดย dragon123 »

ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8
Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 7 หงุดหงิด 4/9/57)
«ตอบ #22 เมื่อ04-09-2014 08:37:49 »

นายพลาดแล้วอเล็กเซย์เอ้ยมาทำให้พีชเครียด
แล้วเนี่ยคงต้องง้อเค้าดีๆด้วยทำเค้าตกใจและ
กลัวขนาดนั้นรีบมาปลอบเลย

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 7 หงุดหงิด 4/9/57)
«ตอบ #23 เมื่อ04-09-2014 09:47:03 »

 :L2:  :pig4:
 ชอบค่ะ พีชเครียดเพราะรักสามเส้านี่แหละ เคลียร์ซะนะ

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 7 หงุดหงิด 4/9/57)
«ตอบ #24 เมื่อ05-09-2014 14:19:10 »

ตอนที่ 8 หวั่นใจ

...........................

รุ่งเช้าวันถัดมา ผมกับเจย์ก็เปิดร้านตามปกติ โดยเจย์จะเดินเข้าไปหลังร้านเพื่อหยิบดอกไม้ออกมาเรียง ส่วนผมยืนรดน้ำให้กับดอกไม้ที่หน้าร้านตัวเอง

“ที่แท้ก็อยู่ที่นี่เอง หลงขับรถตามหาร้านซะนาน”

ผมมุ่นคิ้วพลางหันกลับไป ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นคนคุ้นตาใส่ชุดเปรี้ยวจี๊ดยืนอยู่หลังผม

“คุณดาริน”

“ใช่ ฉันเอง” อีกฝ่ายตอบพลางจ้องผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะแค่นยิ้มออกมา “หึ สมแล้วที่เป็นเจ้าของร้านดอกไม้ กระจอก แถมต่ำติดดินซะเสียไม่มีดี ไม่รู้ว่าอเล็กเซย์หน้ามืดตามัวมาหลงนายได้ยังไงกัน”

ผมไม่อยากหากับเรื่องผู้หญิง จึงหันกลับไปทำงานต่ออย่างไม่สนใจ

“ไม่ฟังก็ไม่เป็นไร ฉันมาที่นี่ก็เพื่อจะบอกอะไรกับนายเป็นบางอย่าง” ร่างบางพูดเสียงเข้ม “อเล็กเซย์เป็นของฉัน เขาเป็นของฉันมานานก่อนที่จะเจอนายอีก ที่เขาทำดีกับนายด้วยก็เพราะเห็นนายเป็นแค่คู่นอนแก้เซ็งเท่านั้น”

คำว่าคู่นอนแก้เซ็งทำเอาผมสะดุ้งเฮือก

“และอีกไม่นานฉันกับเขาก็จะได้แต่งงานกันตามที่ผู้ใหญ่พูดกันเอาไว้ ฉะนั้นนายควรเลิกยุ่งกับเขาซะ ออกห่างไปได้เลยก็ยิ่งดี ไม่งั้นแล้วชื่อเสียงของเขาก็จะตกต่ำเพราะนาย ฉันพูดมาเท่านี้หวังว่านายคงจะเข้าใจนะ”

ผมได้ยินดังนั้นถึงกับเม้มปากแน่น มือที่ถือบัวรดน้ำสั่นระริกระรี้

“อ้อ ถ้านายกลัวจะเสียเปรียบแล้วล่ะก็ ฉันจะให้เงินค่าเสียเวลาเสียตัวให้กับนายแทนอเล็กเซย์แล้วกัน ตกลงไหม” ร่างบางพูดเหยียดยิ้มก่อนจะควักเงินขึ้นมาให้ผม “นี่ฉันใจดีมากแล้วนะ รับไปซะสิ”

เพียะ!

ธนบัตรในมือบอบบางถึงกับกระจายเมื่อถูกผมปัดอย่างแรง

“เอาเงินสกปรกของคุณกลับไปซะคุณดาริน ก่อนที่ผมจะหมดความอดทน” ผมกัดฟันพูดด้วยความโมโห

“เงินสกปรก? พูดมาได้นะ ทั้งๆที่ตัวเองก็สกปรกแย่งของคนอื่นเหมือนกันนั่นแหละ” ร่างบางเถียงฉอดๆ “นายนะมันทั้งร่านทั้งแรด เพศเดียวกันแท้ๆก็ยังเอากันได้ ทุ...”

วูบ เพล้ง!

อะไรบางอย่างเฉียดหน้าร่างบางไปก่อนจะตามด้วยเสียงของตกแตก

“ก่อนจะว่าคนอื่นหัดตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาตัวเองซะบ้างยัยชะนี” เสียงเข้มดังมาจากในร้าน ก่อนจะเผยให้เห็นร่างสูงเดินออกมาด้วยสีหน้านิ่ง ถึงจะดูนิ่งแบบนี้แต่ผมรู้ดีว่ามันกำลังโมโห ส่วนอีกฝ่ายเมื่อถูกด่าแล้วก็ได้ตวาดกลับใส่อย่างไม่อายใคร

“แล้วแกล่ะเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรที่เอาของมาปาใส่ฉันห๊ะ!”

“แล้วเธอล่ะเป็นใคร อยู่ๆก็มาว่าเพื่อนของฉันฉอดๆแบบนี้” เจย์พูดเสียงเย็นชา นัยน์ตาดุดัน ทำเอาผมที่ไม่เคยเห็นมันทำแบบนี้มาก่อนเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมานิดๆ “ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเธอไปมีเรื่องอะไรมากับพีช แต่ฉันไม่ยอมนิ่งเฉยให้เธอมาเอาเงินฟาดหัวมันได้หรอกนะ รีบไสหัวไปซะ ก่อนที่ฉันจะโทรแจ้งตำรวจมาจับเธอ”

ร่างบางได้ยินถึงกับขยี้เท้าด้วยความเจ็บใจ ก่อนจะหันมาชี้หน้าใส่ผมอย่างเอาเรื่อง

“อย่าคิดว่ามันจบแค่นี้นะ แล้วเราจะได้เห็นดีกันแน่!”

แล้วร่างบางก็ก้มเก็บเงินของตัวเองก่อนจะเดินสะบัดก้นจากไป เมื่อร่างบางไปแล้ว ทำเอาผมถึงกับเข่าอ่อน

“ไม่เป็นอะไรใช่ไหมพีช” มันถามผมด้วยความเป็นห่วง “ยัยชะนีนั่นมาทำอะไรนายเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

“ไม่เลย เขาไม่ได้ทำอะไรฉันเลย” ผมตอบพลางส่ายหน้า

“ว่าแต่ยัยนั่นเป็นใครกัน ทำไมอยู่ๆถึงเอาเงินมาฟาดหัวคนอื่นได้ล่ะนี่” ร่างสูงพูดด้วยความสงสัย ซึ่งทำเอาผมสะดุ้ง เวรล่ะ ไม่รู้ว่ามันได้ยินเรื่องที่ดารินพูดเมื่อครู่นี้ด้วยหรือเปล่าเนี่ย

“นาย...ได้ยิน...หมด...แล้วเหรอ” ผมถามด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ทว่าอีกฝ่ายกลับทำหน้ามุ่นคิ้วใส่ผม

“ได้ยินอะไรหรือพีช”

“ก็เรื่อง...เมื่อครู่นี้ที่ผู้หญิงคนนั้น...ด่าฉัน”

ร่างสูงชะงักเมื่อได้ยินที่ผมถาม ก่อนจะส่ายหน้าไปมา

“เรื่องนั้นฉันไม่ได้ยินหรอก รู้แค่ว่ายัยนั่นมายืนด่านายแล้วเอาเงินมาฟาดหัวก็เท่านั้นเอง”

คำตอบของเจย์ทำเอาผมถึงกับโล่งอก เพราะอย่างน้อยเจย์ก็ไม่ได้รู้เรื่องที่ดารินด่าผม

“ว่าแต่นายก็เหอะ ทำไมถึงเอากระถางดอกไม้มาปาใส่คนอื่นห๊ะ ถ้าเขาเกิดเป็นอะไรขึ้นมา เรื่องมันใหญ่โตถึงตำรวจได้เลยนะ” ผมได้ทีก็หันไปว่าเจย์อย่างเอาเรื่อง

“ก็แหม ฉันเป็นห่วงนายนี่” ร่างสูงผมพูดเสียงอ่อยพลางเอามือเกาหัวตัวเองหยิกๆ ทำเอาผมได้แต่ส่ายหน้าอย่างจนใจ “ว่าแต่นายไปทำอะไรมาล่ะพีช ผู้หญิงคนนั้นถึงได้ตามมาด่ากับเอาเงินมาฟาดหัวนายถึงร้าน”

คำถามของเจย์ทำเอาผมสะดุ้งเป็นรอบที่สอง

“เอ่อ ฉัน...เอ่อ”

“ฉัน?”

ผมได้แต่เม้มปาก ไม่รู้จะตอบกลับไปว่ายังไงดี

“ฉัน...เอ่อ”

“ถ้าไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร” ร่างสูงพูดตัดบทพลางเดินเข้าไปเก็บเศษกระถางดอกไม้ที่ตกแตก “แต่ถ้าผู้หญิงคนนั้นมาหาเรื่องนายอีก นายก็รีบมาบอกฉันได้เลยนะ ฉันจะได้จัดการยัยชะนีแทนนายเอง”

“อะ...อืม ขอบใจมากนะเจย์”

เจย์ยักไหล่แทนคำพูดก่อนจะเดินกลับเข้าไปในร้าน ส่วนผมก็หันมารดน้ำดอกไม้ต่อ ตกเย็นผมกับเจย์ก็รีบเก็บร้านอย่างรวดเร็ว เพราะวันนี้พวกผมจะไปเที่ยวห้างเพื่อดูหนังด้วยกัน แต่ที่น่าแปลกวันนี้อเล็กเซย์ไม่ได้มาหาผมที่ร้านเหมือนทุกๆวัน ซึ่งทีแรกผมจะโทรไปหาเขาแต่ก็นึกขึ้นได้ว่ายังโมโหอยู่ ผมก็เลยไม่โทรกลับไปหาเขา เมื่อพวกผมถึงห้างสรรพสินค้าแล้ว เจย์ก็พาผมไปทานอาหารที่ร้านอาหารญี่ปุ่นก่อน

“แม่ฉันบ่นว่าตัวนายมันเล็กเกินไป เลยสั่งให้ฉันดูแลเรื่องการกินของนายด้วย อ่ะ นี่เนื้อ ทานเยอะๆนะ” เจย์พูดพลางคีบเนื้อให้กับผม ซึ่งไม่ใช่เนื้อเพียงอย่างเดียว ยังคีบนู่นคีบนี่จนอาหารพูนเต็มชาม

“เยอะเกินไปแล้วเจย์ แบบนี้ฉันกินไม่หมดหรอก” ผมพูดพลางเขี่ยอาหารของตัวเอง ถึงผมจะเป็นผู้ชาย แต่ก็ใช่ว่าจะกินเยอะเหมือนผู้ชายคนอื่นๆ “นายเอากลับไปเถอะ มันเสียของ”

ผมพูดพลางคืนอาหารให้กับมัน แต่ร่างสูงกลับยกชามหนี

“ไม่เอา ฉันจะกินอย่างอื่น นายกินของนายไปเลย ต้องกินให้หมดด้วยนะ ไม่งั้นฉันจะไปฟ้องแม่ว่านายกินของเหลือ” ดูมันพูดสิครับ เอาแต่ใจเป็นบ้า “เอ่อพีช เดี๋ยวฉันขอตัวไปห้องน้ำแป๊ปนะ”

“อืมๆ”

แล้วร่างสูงก็ลุกขึ้นเดินหายออกไปนอกร้าน ส่วนผมก็หันมาจัดการอาหารของตัวเองต่อ

..................

เมื่อผมทำธุระเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เดินออกมาจากห้องน้ำ แต่กลับชะงักเมื่อเห็นร่างคุ้นตากำลังยืนควงกับชายหนุ่มใครบางคนที่ผมไม่รู้จัก ทำเอาอารมณ์ที่กำลังดีๆอยู่กลับต้องเดือดพล่านจนต้องสาวเท้าเข้าไปหาร่างบางที่กำลังยืนหัวเราะอยู่อย่างรวดเร็ว

เพี๊ยะ!

เสียงตบหน้าดังลั่นท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้ถูกตบ

“มึงเป็นใคร บังอาจตบหน้าแฟนกู!” ชายหนุ่มที่เป็นคู่ควงพูด ซึ่งผมหันไปถลึงตาใส่คนพูด

“จะเป็นใครก็ช่าง มึงอย่าเสือก” แล้วผมก็หันไปจ้องยัยเมย์ที่ยืนเอามือกุมแก้มที่ถูกผมตบอย่างเอาเรื่อง ใช่ครับ คนที่ผมตบคือยัยเมย์ อดีตแฟนของพีชที่ทิ้งไปอย่างไม่ใยดี ส่วนร่างบางเมื่อถูกผมจ้องก็รีบหลบตาผมอย่างหวาดกลัว “ฉันอุตส่าห์ฝากฝังเธอให้ช่วยดูแลพีชให้ดีๆ แต่นี่กลับทิ้งพีชไปคบไอ้หมอนี่ได้หน้าตาเฉย มันหมายความว่ายังไงกัน พูด!”

ร่างบางสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกผมตวาดใส่

“เมย์…เมย์ ขอโทษนะเจย์”

“ขอโทษแล้วมันหายกันเหรอ!” ผมตวาดเสียงกลับด้วยความเดือดดาล “รู้บ้างหรือเปล่าว่าไอ้พีชมันกลุ้มใจมากแค่ไหนตั้งแต่เธอทิ้งมันไป”

“เมย์ ไม่รู้ เมย์ขอโทษ” ร่างบางพูดเสียงอ่อย

“นี่คงจะเป็นคู่นอนของไอ้หน้าหวานอีกคนสินะ” ไอ้หน้าจืดพูดพลางชี้หน้าใส่ผม ทำเอาผมหันไปถลึงตาใส่ “คราวก่อนด่าพวกกูยังไม่พออีกรึไง ถึงได้ตามมาราวีพวกกูแบบนี้!”

ถึงผมไม่ถาม ผมก็พอเดาออกว่ามันหมายถึงใคร เพราะคราวก่อนพีชก็ได้ออกมาเที่ยวห้างพร้อมกับอเล็กเซย์ด้วย

“มึงเองก็เหมือนกันไอ้เลว ผู้หญิงมีเจ้าของอยู่แล้วก็ยังเสือกมาแย่งของคนอื่นได้นะ!” ผมตะคอกเสียงดังลั่น ทำเอาผู้คนแถวนั้นเริ่มเข้ามามุงดู “ดูอะไรวะ ไม่เคยเห็นคนทะเลาะกันเลยรึไง!!”

ผมหันไปตวาดใส่คนดูก่อนจะถูกอีกฝ่ายชกโดยไม่ทันตั้งตัว ทำเอาผู้คนที่มุงดูถึงกับกรีดร้อง

“แม่งเหี้ยเอ้ย!” ผมสบถคำก่อนจะสวนกลับไป ทำเอาไอ้หน้าจืดเดินเซถอยหลังด้วยแรงหมัดของผม ซึ่งผมไม่รอให้อีกฝ่ายได้สวนกลับ ผมตามไปสวนซ้ำทันที ส่วนอีกฝ่ายก็ใช่ว่าจะยอมผมท่าเดียว พยายามต่อยผมกลับมาด้วย

“พอได้แล้วไอ้เจย์ พอ!!” เสียงเล็กตวาดก่อนจะเข้ามาห้ามผม แต่กลับถูกลูกหลงจากไอ้หน้าจืดไปเต็มๆ

“พีช!” ผมร้องอุทานด้วยความตกใจเมื่อเห็นพีชถูกต่อย “แม่งไอ้เหี้ย ตายซะเถอะ!”

ผมทำท่าจะเข้าไปเอาคืนอีกครั้งแต่ก็ถูกพีชคว้าแขนเอาไว้

“อย่าทะเลาะกันอีกเลยเจย์ ฉันขอร้อง!” ไอ้ตัวเล็กพูดห้ามเสียงสั่น “รีบกลับกันเถอะ เดี๋ยวตำรวจมาแล้วพวกเราจะแย่”

ผมมองไอ้ตัวเล็กที่บัดนี้หน้าซีดราวกับไข่มุก ที่แก้มมีรอยฟกช้ำเนื่องจากถูกลูกหลงด้วย

“ก็ได้ กลับก็กลับ” ผมบอกพลางหันไปมองไอ้หน้าจืดที่ตอนนี้ถูกยัยเมย์ประคองเอาไว้ “จำใส่กะโหลกพวกมึงสองคนไว้ให้ดี ถ้ากูเห็นพวกมึงอีกเมื่อไหร่แล้วล่ะก็…พวกมึงตาย!”

แล้วผมก็เดินกลับไปพร้อมกับตัวเล็กโดยไม่คิดจะหันกลับไปมองอีก พอผมกับพีชขึ้นรถแล้ว ผมก็ขับรถพาออกจากไปที่ห้างทันที ซึ่งผมขับไปได้ไม่นานนัก ผมก็เหลือบหันไปมองไอ้ตัวเล็ก ก็พบว่าอีกฝ่ายได้นอนหลับไปแล้ว

คงจะเครียดเรื่องยัยเมย์แน่ ก็เลยเผลอหลับไปไม่รู้ตัว...

Trr… Trr…

เสียงโทรศัพท์มือถือไม่คุ้นหูดังขึ้น ทำเอาผมต้องจอดรถมองหาต้นตอของเสียงก่อนจะพบว่ามันถูกวางอยู่บนมือของพีช ดังนั้นผมจึงคว้ามือถือขึ้นมาดู ก่อนจะเห็นชื่อของผู้ที่โทรเข้ามา

Aleksey

ช่างโทรมาได้ประจวบเหมาะมากเลยนะไอ้หมอนี่!


ผมครุ่นคิดในใจพลางคว้ามือถือขึ้นมาปิดเสียงเอาไว้ ก่อนจะวางลงไว้ที่เดิม แล้วขับรถต่อไปโดยไม่สนปลายสายที่โทรเข้ามาในมือถือของพีชเกือบนับสามสิบสายได้


...............

ผมมารู้สึกตัวอีกทีแสงแดดก็ได้เข้ามาแยงตา พอลืมตาขึ้นก็ดูมึนงงไม่น้อยว่าทำไมถึงมานอนที่ห้องตัวเองได้ แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานผมกับเจย์ไปเที่ยวห้างสรรพสินค้าด้วยกัน ในระหว่างที่ผมนั่งรอเจย์อยู่ในร้านอาหารนั้น ก็ได้ยินเสียงเจย์ดังมาจากนอกร้าน ผมจึงรีบทิ้งเงินเอาไว้แล้วรีบวิ่งออกไปดู ก่อนจะพบว่าเจย์กำลังชกต่อยกับแฟนคนใหม่ของเมย์ ซึ่งผมรีบเข้าไปห้ามแต่กลับโดนลูกหลงเข้าไปเต็มๆ ทำเอาเจย์แทบจะฆ่ามันถ้าผมไม่ห้ามไว้ก่อน หลังจากผมดึงเจย์ให้กลับมาขึ้นรถเสร็จ ผมก็เผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว

สงสัยไอ้เจย์มันอุ้มผมขึ้นมานอนที่ห้องละมั้ง…

“เฮ้อ” ผมถอนหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน พลางหันไปคว้ามือถือขึ้นมาเพื่อดูเวลา ก่อนจะสะดุ้งตกใจเมื่อเห็นสายที่ไม่ได้รับสามสิบสาย ซึ่งจะเป็นใครที่ไหนไม่ได้นอกจากอเล็กเซย์ ผมคิดได้ดังนั้นจึงรีบโทรกลับไปอย่างรวดเร็ว เพียงไม่อึดใจปลายสายก็รับทันที

“เมื่อวานทำไมคุณถึงไม่รับสายผม” ปลายสายพูดเสียงห้วน ดูท่าจะโมโหเอาพอสมควร

“เอ่อ เมื่อวานฉันมีเรื่องนิดหน่อยนะ” ผมตอบตามตรง เพราะไม่อยากโกหกร่างสูงอีกแล้ว ดังนั้นผมจึงเล่าเรื่องเมื่อวานที่เกิดขึ้นให้อเล็กเซย์ฟัง ซึ่งอีกฝ่ายก็รับฟังผมอย่างเงียบๆ “ทั้งหมดก็มีเท่านี้แหละ ถ้าอยากจะว่าอะไรฉันก็ว่ามาเลย”

ผมพูดกึ่งประชดกึ่งงอน เพราะเมื่อวานอเล็กเซย์ก็ไม่ยอมมาหาผมตอนเช้าเหมือนกัน

เขาทำดีกับนายด้วยก็เพราะเห็นนายเป็นแค่คู่นอนแก้เซ็งเท่านั้น…

อยู่ๆคำพูดของดารินเมื่อวานนี้ก็ผุดขึ้นมาเสียเอาดื้อๆ

“อย่างอนสิครับลูกพีช” ร่างสูงพูดเสียงอ่อนลง “ผมก็แค่เป็นห่วงคุณเท่านั้นเอง”

“แล้วใครกันที่ลืมมาหาฉันเมื่อวานนี้ล่ะ แถมไม่โทรมาบอกอีกด้วย”

“เมื่อวานผมติดประชุมทั้งวัน ก็เลยไม่ว่างโทรไปหาคุณ” อเล็กเซย์รีบตอบทันทีที่ได้ยินผมพูด “งั้นเดี๋ยววันนี้ผมจะไปหาคุณ ไปอยู่เป็นเพื่อนคุณทั้งวันเลยเอาดีไหม”

“ไม่ต้อง นายทำงานของนายไปเถอะ ฉันอยู่คนเดียวเองได้” ผมพูดเสียงเข้ม

“ลูกพีช ทำไมคุณพูดแบบนั้นล่ะ ผมอยากไปหาคุณจริงๆนะ” อีกฝ่ายพูดเสียงเง้างอน

“แต่ฉันต้องทำงาน ไม่ว่างทั้งวันหรอก”

และอีกไม่นานฉันกับเขาก็จะได้แต่งงานกันตามที่ผู้ใหญ่พูดกันเอาไว้ ฉะนั้นนายควรเลิกยุ่งกับเขาซะ ออกห่างไปได้เลยก็ยิ่งดี ไม่งั้นแล้วชื่อเสียงของเขาก็จะตกต่ำเพราะนาย ฉันพูดมาเท่านี้หวังว่านายคงจะเข้าใจนะ…

ทำไมผมต้องไปแคร์คำพูดของดารินด้วยในเมื่อผมไม่ได้คิดอะไรกับอเล็กเซย์

ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ…

“ถ้างั้นผมไปช่วยคุณทำงานดีไหมครับลูกพีช เพราะยังไงวันนี้กับพรุ่งนี้ผมก็ว่างอยู่แล้ว”

นายนะมันทั้งร่านทั้งแรด เพศเดียวกันแท้ๆก็ยังเอากันได้…

“ไม่ได้หรอก เดี๋ยวเจย์มันว่าเอา” ผมเม้มปากพูดในขณะที่ความคิดมันตีกันวุ่น ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงสั่นเครือโดยไม่รู้ตัว “แถมตอนนี้ร้านกำลังยุ่งด้วย เอาเป็นว่านายไม่ต้องมาหาฉันในช่วงนี้ได้ไหม ไม่สิ คงอีกนานกว่าที่ฉันจะว่าง ฉันว่าแทนที่นายจะมาหาฉัน นายเอาเวลาไปทำงานของนายดีกว่านะ เราต่างคนต่างอยู่เถอะ”

นี่ผมพูดอะไรออกมาเนี่ย…

“ต่างคนต่างอยู่รึ? ผมไม่ยอมหรอก” ร่างสูงพูดเสียงแข็งกระด้างหลังจากฟังที่ผมพูดจนจบ ดูท่าเขาจะโกรธผมมากเลยทีเดียว “คุณเป็นเมียผมทั้งคนนะ จะให้เลิกกันง่ายๆแบบนี้ได้ยังไงกัน…ทุกวันนี้ผมใจดียอมคุณมามากแล้วนะลูกพีช ผมยอมทนไม่บอกเรื่องเราเป็นอะไรกันให้เจย์รู้ ไหนจะคนอื่นอีก แต่คุณกลับพูดแบบนี้ออกมาได้หน้าตาเฉย ไม่รู้ล่ะ ผมจะไปหาคุณเดี๋ยวนี้ จะไปคุยให้รู้เรื่องกันไปข้าง คุณเองก็อย่าได้หนีผมไปไหนเชียวล่ะ!”

“ดะเดี๋ยวอเล็กเซย์!” ผมเรียกชื่ออีกฝ่ายแต่ก็ไม่ทัน เพราะอีกฝ่ายปิดสายหนีไปแล้ว

Trr… Trr…

คราวนี้เป็นเจย์ที่โทรเข้ามา ผมรีบรับสายทันที

“มัวทำอะไรอยู่พีช ป่านนี้แล้วยังไม่เปิดร้านอีก” เจย์ถามด้วยความสงสัย เพราะปกติผมเปิดร้านเร็ว แต่นี่สายไปมากพอสมควร “จะให้ฉันยืนรอนานจนขาแข็งรึไง รีบลงมาเปิดร้านเร็วเข้า”

“เอ่อ เจย์ คือวันนี้ฉัน…ไม่สบายนะ ขอปิดร้านอีกซักวัน”

“อะไรนะ ไม่สบายงั้นหรือ ไปหาหมอดีไหม” ปลายสายถามด้วยความเป็นห่วง แต่ผมไม่มีเวลามากพอแล้ว อเล็กเซย์กำลังจะมาที่นี่ ถ้าขืนเจย์ยังอยู่ มีหวังความลับที่ผมปิดไว้ได้แตกแน่

“ไม่เป็นไร ฉันนอนพักเดี๋ยวเดียวก็หาย” ผมรีบบอกด้วยน้ำเสียงเลิ่กลั่ก ในใจก็หวาดกลัวว่าจะไม่ทันการ

“โอเค ถ้านายไม่ไหวก็โทรมาบอกฉันนะ ฉันจะได้ขับรถมารับนายไปหาหมอ”

“อืมๆ งั้นแค่นี้นะ” ผมตอบก่อนจะรีบกดวางสายทิ้ง พลางลุกขึ้นเดินไปเปิดผ้าม่านออกดู ซึ่งทันเห็นรถมิร่าสีขาวของเจย์ได้ขับออกไป ทำเอาผมถึงกับหายใจโล่งอก เพราะอย่างน้อยก็ไล่เจย์ไปได้ ผมไม่อยากนึกภาพเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเจย์รู้เรื่องของผมกับอเล็กเซย์ แล้วผมก็เดินวนไปวนมาในชุดนอน ใจหนึ่งก็อยากจะหนีอเล็กเซย์ อีกใจหนึ่งก็ไม่กล้าหนี กลัวจนลนลานทำอะไรไม่ถูก ผมเดินวนอยู่ได้ไม่นานนักก็ต้องสะดุ้งกับเสียงกริ่งที่ถูกกดรัวอย่างบ้าคลั่ง

อเล็กเซย์มาแล้ว!!

...............................

หลังจากที่ผมขับรถเบนซ์คันเก่งมาถึงหน้าร้านดอกไม้ ผมก็เดินตรงดิ่งไปกดกริ่งรัวทันที ซึ่งไม่นานนักประตูร้านก็ได้ถูกเปิดออก ก่อนจะเห็นร่างบางในชุดนอนยืนอยู่เบื้องหน้า ผมไม่รอช้ารีบเดินจ้ำเข้าไปพลางปิดประตูให้พร้อมฉับ ก่อนจะจับแขนบอบบางให้เดินขึ้นไปชั้นสองโดยที่อีกฝ่ายไม่กล้าขัดขืน ถึงแม้ผมยังไม่เคยเข้าไปในห้องของลูกพีชก็จริงอยู่ แต่พอเห็นชั้นสองมีอยู่เพียงห้องเดียว ผมก็เดาได้เลยว่านี่คงเป็นห้องนอนของร่างบางอย่างแน่นอน จึงพาร่างโปร่งเข้าไปในห้องก่อนจะล็อกประตูทันที

“อะ…อเล็ก…เซย์” ลูกพีชเรียกชื่อผมเสียงอ่อย ดูท่าจะกลัวผมมากจนแทบไม่กล้ามองหน้าผมตรงๆ

“วันนี้คุณเป็นอะไรกันแน่ลูกพีช ทำไมต้องพูดแบบนั้นกับผมด้วย” ผมพูดพลางข่มใจไม่ให้โมโหไปมากกว่านี้ “ผมถามแล้วทำไมคุณถึงไม่ตอบล่ะลูกพีช อย่าบอกนะว่าคุณเกลียดผมแล้ว”

“เปล่านะ ไม่ใช่แบบนั้นซักหน่อย!” ร่างบางเถียงย้อนทันควัน

“ถ้าไม่ใช่ แล้วมันเรื่องอะไรล่ะ” ผมถามย้อนต่อเสียงเข้ม ก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าไปหา ซึ่งทำเอาร่างบางเดินถอยหลังหนีผมจนไปสะดุดกับขาเตียงล้มลงนั่ง “หรือว่าคุณกำลังจะมีคนใหม่”

ร่างบางทำท่าจะลุกขึ้นนั่งแต่ก็โดนผมใช้มือผลักร่างบางให้นอนหงายไปบนเตียง

“ฉันไม่ได้…มีใคร” ร่างบางหันหน้าหนีตอบ แต่ก็ไม่วายโดนผมจับให้หันหน้ากลับมามองผมตรงๆ “เชื่อฉันสิอเล็กเซย์ ฉันไม่ได้มีใคร เพียงแต่…เพียงแต่ว่า”

“เพียงแต่อะไร?” ผมถามกลับอย่างห้วนๆ ทว่าร่างบางหาได้ตอบไม่ กลับเม้มปากราวกับไม่ต้องการจะตอบคำถามของผม “ดี ไม่ตอบไม่เป็นไร ถ้างั้นผมจะทำให้คุณยอมเปิดปากเอง”

“นายจะทำอะไร…อุ๊บ!”

ร่างบางยังพูดไม่จบก็ถูกผมจูบเข้าเสียก่อน ถ้าให้เลือกได้ผมคงไม่ทำกับร่างบางแบบนี้หรอก เพียงแต่ความโกรธกับความน้อยใจมันเข้าครอบงำผมมากกว่า ผมไม่เพียงแค่จูบยังสอดลิ้นเข้าไปกระหวัดกระเหวี่ยงกับลิ้นบางอย่างรุนแรง แถมเนิ่นนานจนร่างบางเริ่มประท้วงขออากาศหายใจ ผมจึงยอมถอนริมฝีปากออกมาให้ร่างบางได้หายใจบ้าง แต่ก็กลับเข้าไปจูบใหม่อีกครั้ง และทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆจนร่างบางอ่อนระทวย ผมถึงค่อยถอนริมฝีปากออกมามองอีกฝ่ายที่บัดนี้หน้าแดงหอบหายใจตัวโยน แต่พอเห็นน้ำตาของอีกฝ่ายแล้วทำเอาผมถึงกับใจอ่อนยวบ ความโกรธกับความน้อยใจที่เคยมีก็หายไป ซึ่งถูกแทนที่ด้วยความสมเพชตัวเอง สมเพชที่ทำอะไรรุนแรงกับร่างบางโดยที่อีกฝ่ายไม่ยินยอม

ไม่ต่างอะไรกับเดนนรกดีๆนี่เอง…

ผมคิดได้ดังนั้นก็ลุกขึ้นยืน ปล่อยให้ร่างบางมองผมด้วยความงุนงง

“ผมขอโทษ” ผมบอกอย่างนั้นโดยไม่มองหน้าพีช “ผมเสียใจที่ทำแบบนี้กับคุณ เพียงแต่ผมสับสน สับสนว่าผมทำอะไรผิดหรือ คุณถึงได้รังเกียจผม พยายามผลักไสไล่ส่งผมทั้งๆที่ผมพยายามทำดีกับคุณมาตลอด ถ้าคุณไม่ต้องการผมแล้ว คุณก็บอกผมมาตรงๆก็ได้ ผมจะได้จากคุณไปโดยไม่กลับมาให้คุณเห็นหน้าอีก”

“อเล็กเซย์”


....................

 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 8 หวั่นใจ 5/9/57)
«ตอบ #25 เมื่อ05-09-2014 14:32:33 »

 :o12: นังดารินนนนน

ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8
Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 8 หวั่นใจ 5/9/57)
«ตอบ #26 เมื่อ05-09-2014 14:44:38 »

ใครก็ได้เอาอิชะนีดารินไปเก็บด่วนๆเลย
ทำเอาคนอื่นเค้าวุ่นวายไปหมด :z6: :angry2: :m31:

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 8 หวั่นใจ 5/9/57)
«ตอบ #27 เมื่อ06-09-2014 12:28:23 »

ตอนที่ 9 บอกรัก

............

“ผมขอโทษ” ร่างสูงบอกอย่างนั้นโดยไม่มองหน้าผม “ผมเสียใจที่ทำแบบนี้กับคุณ เพียงแต่ผมสับสน สับสนว่าผมทำอะไรผิดหรือ คุณถึงได้รังเกียจผม ถึงได้พยายามผลักไสไล่ส่งผมทั้งๆที่ผมพยายามทำดีกับคุณมาตลอด ถ้าคุณไม่ต้องการผมแล้ว คุณก็บอกผมมาตรงๆก็ได้นี่ ผมจะได้จากคุณไปโดยไม่กลับมาให้คุณเห็นหน้าอีก”

“อเล็กเซย์”

ผมแทบตะลึงเมื่อได้ยินที่ร่างหนาพูดตัดพ้อ ผมไม่รู้เป็นอะไรกันแน่ พอได้ยินที่อเล็กเซย์พูดถึงกับเจ็บปวดรวดร้าวหัวใจราวกับคนเป็นโรคหัวใจขั้นรุนแรง พออีกฝ่ายทำท่าจะออกไปจากห้อง ผมก็รีบผุดลุกขึ้นจากเตียงวิ่งเข้าไปคว้าแขนร่างสูงเอาไว้อย่างรวดเร็ว

“อย่าเพิ่งไปเล็กเซย์! ฉันก็แค่งอนนายเท่านั้นเอง ไม่ได้ตั้งใจจะ…ไล่…นายไปซัก…หน่อย ฮือๆ”

ผมไม่ได้แรดหรือร่านเหมือนที่ดารินบอกไว้นะ แต่ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนมีอะไรกำลังจะขาดหายไป จะพูดให้ถูกก็คือ ผมรู้สึกขาดเขาไปไม่ได้จริงๆ เพราะตั้งแต่คบกับอเล็กเซย์มา ผมรู้สึกมีความสุขอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แถมเขาก็เอาใจผมเสียตลอดทุกเรื่อง แล้วนี่อยู่ๆเขาก็จะมาจากผมไป ผมคงทนไม่ได้แน่

สงสัยผมจะรักเขาเข้าแล้วจริงๆ…

ร่างสูงแกะมือของผมออก ก่อนจะหันกลับมาเช็ดน้ำตาให้ผมอย่างแผ่วเบา

“ครับลูกพีช ผมไม่ไปแล้ว”

“แน่นะ” ผมถามย้ำอีกครั้งพลางเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงที่จ้องมองผมอย่างอ่อนโยน “จะไม่ไปไหนแน่นะ”

“แน่สิครับ ผมจะไม่ไปไหนอย่างแน่นอน ผมสัญญา” ร่างสูงยิ้มตอบก่อนจะคว้าผมขึ้นมากอดจูบ ซึ่งมันแตกต่างจากเมื่อครู่นี้ลิบลับ มันทั้งนุ่มนวลอ่อนโยนจนสมองผมแทบขาวโพลน แต่ผมกับเขาจูบกันได้ไม่นานนัก ร่างสูงก็ผละหน้าออกมากระซิบข้างหูผม “ผมรักคุณนะลูกพีช”

“อะ…อืม…ฉันก็…ก็…”

“ก็?” ร่างสูงถามย้อนพลางกัดติ่งหูผมเบาๆ ซึ่งทำเอาผมรู้สึกเสียวอย่างบอกไม่ถูก “ก็อะไรครับลูกพีช”

“ก็…รัก…นาย…เหมือนกัน…อเล็กเซย์” ผมตอบไปตามความรู้สึกของตัวเองโดยไม่ปิดบัง แถมรู้สึกร้อนผ่าวที่หน้าจนผมถึงกับต้องซุกหน้ากับแผงอกของร่างสูงเพื่อหนีความเขินอาย ส่วนอีกฝ่ายเมื่อเห็นผมซุกตัวหนีก็ได้แต่หัวเราะเบาๆอย่างชอบใจ ก่อนจะช้อนผมอุ้มขึ้นไปยังที่เตียง ซึ่งมาถึงตอนนี้แล้วผมก็ไม่คิดจะปฏิเสธที่จะมีอะไรกับเขาอีก มีเพียงแต่ตอบรับรักที่เขาหยิบยื่นให้ผมอย่างอ่อนโยน

.........................

ผมมารู้สึกตัวอีกทีก็มีอะไรมาคลอเคลียที่แก้ม แถมนอกจากนี้ยังลูบไล้บนยอดอกจนเล่นทำเอาผมถึงกับร้องครางออกมาด้วยความเสียว

“อ๊ะ อ๊า!”

“ขี้เซาจังเลยนะครับลูกพีช” เสียงทุ้มกระซิบบอกก่อนจะพูดต่อโดยที่ผมยังไม่ลืมตาขึ้นมามอง “ถ้าขืนคุณยังไม่ลืมตาขึ้นมาอีก ผมจะรุกคุณต่อจนถึงเย็นเลยนะครับ”

เพียงเท่านั้นแหละผมถึงกับรีบลืมตาขึ้นมา ก่อนจะเห็นใบหน้าคมเข้มในระยะประชิดกำลังอมยิ้มอยู่

“จะบ้าเหรอ ไม่เอาแล้วนะมันเหนื่อย” ผมตอบพลางตีไหล่หนาเบาๆด้วยความเขินอาย เพราะเท่าที่จำได้ผมกับร่างสูงอยู่ร่วมกิจกรรมเลิฟด้วยกันร่วมนับสามสี่ชั่วโมง จนเที่ยงวันนั่นแหละร่างสูงถึงจะหยุดให้พักผ่อน “ว่าแต่ตอนนี้กี่โมงแล้วล่ะอเล็กเซย์ ฉันหิวจังเลย”

ผมถามพลางมองอีกฝ่ายที่กำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนโดยมีผ้าห่มบังครึ่งท่อนล่างมองผมอยู่ไม่ห่างกาย

“ฮะๆ ตอนนี้บ่ายสองแล้วครับลูกพีช” ร่างสูงตอบขำๆพลางเอามือเกลี่ยเส้นผมที่บังตาผมออกอย่างแผ่วเบา “ผมว่าคุณเลิกเรียกผมว่าอเล็กเซย์เฉยๆเถอะ ฟังดูแล้วห่างเหินชอบกล”

“อ้าว แล้วจะให้เรียกว่าอะไรดีล่ะ” ผมถามกลับด้วยความสงสัย

“อเล็กซ์สั้นๆก็พอครับ” อีกฝ่ายตอบก่อนจะพูดต่อ “ส่วนคุณก็จะต้องพูดแทนตัวเองว่าลูกพีช ไม่เอาฉันหรือเรียกผมว่านายเหมือนแต่ก่อนเด็ดขาด มันฟังดูไม่เพราะนะครับรู้ไหม”

“แต่…แต่มันฟังดูน่าอายนี่”

“อายเอยอะไรครับ ผมว่ามันฟังดูเพราะดีออกจะตายไป” ร่างสูงตอบพลางโอบตัวผมให้เข้ามาใกล้ๆ “มาถึงตอนนี้แล้วผมคิดว่าน่าจะบอกคุณเจย์ให้รู้ไปกันเลยว่าพวกเราเป็นอะไรกัน เพราะเขาจะได้เลิกสงสัยพวกเราซักที”

“สงสัย? เจย์สงสัยพวกเรางั้นหรืออเล็กเซย์”

“อเล็กซ์” ร่างสูงพูดตำหนิเรื่องชื่อกับผม

“ก็ได้อเล็กซ์ ว่าแต่อเล็กซ์ไปรู้ได้ยังไงว่าเจย์กำลังสงสัยพวกเรานะ” ผมถามกลับอย่างสงสัย

“ดูจากตาก็รู้แล้วล่ะครับ” ร่างหนาตอบเสียงเรียบพลางทำท่าครุ่นคิดในใจ “แต่เรื่องนี้ผมยังไม่แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้าจะให้ดีผมว่าคุณควรไปบอกกับเขาโดยตรงเลยดีกว่านะครับ”

“แต่…แต่ฉัน เอ้ย ลูกพีชกลัวเขาจะรังเกียจ”

“รังเกียจ? เขาจะรังเกียจคุณเรื่องอะไรครับลูกพีช”

“ก็เรื่องที่…ที่พวกเรามี…อะไรกัน” ผมตอบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก หน้าร้อนผ่าวจนอยากจะซุกหน้าหนีอีกรอบ

“โธ่ นึกว่าเรื่องอะไร” ร่างสูงพูดแกมขำที่เห็นผมหน้าแดง “ผมว่าเขาคงไม่รังเกียจคุณหรอกครับลูกพีช เพราะถ้าเขาจะรังเกียจคุณจริง สู้เอาไปโกรธเรื่องที่คุณไม่ยอมบอกเขาจะไม่ดีกว่าหรอกหรือ”

“แล้วอเล็กซ์รู้ได้ยังไงว่าเขาจะไม่รังเกียจนะ”

“ผมก็แค่เดาเอา” อเล็กเซย์ตอบสั้นๆ ก่อนจะพูดเปลี่ยนเรื่อง “ว่าแต่คุณจะบอกผมได้รึยังว่าวันนี้คุณน้อยใจผมด้วยเรื่องอะไร ห้ามพูดว่าไม่มีเด็ดขาดนะ เพราะไม่งั้นผมจะรุกคุณต่อจนกว่าคุณจะยอมเปิดปากพูดเลยคอยดูสิ”

คำขู่ของอีกฝ่ายทำเอาผมสะดุ้งโหยง

“โอเค บอกแล้วๆ!” แล้วผมก็เล่าเรื่องที่ดารินมาหาผมเมื่อวานนี้ให้อเล็กเซย์ได้ฟังตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งพอผมเล่าจบแล้ว ร่างสูงถึงกับตีสีหน้าเคร่งเครียด “ลูกพีชเล่าให้ฟังแล้วนะ อเล็กซ์ก็ห้ามไปทำอะไรคุณดารินเด็ดขาด เพราะลูกพีชกลัวเรื่องราวมันจะใหญ่โตไปมากกว่านี้”

ผมรีบบอกเพราะกลัวอเล็กเซย์จะไปเอาเรื่องกับดาริน ซึ่งร่างสูงได้แต่มองหน้าผมก่อนจะถอนหายใจเฮือก

“ถ้าลูกพีชไม่ต้องการมีเรื่อง ผมก็จะไม่ไปยุ่งกับเขา” ร่างสูงตอบ ซึ่งทำเอาผมดีใจ “แต่ถ้าดารินมายุ่งกับคุณอีก ผมไม่ปล่อยเอาไว้แน่”

แหงะ!

“ส่วนเรื่องงานแต่งงานที่เขาว่ามานั้นไม่เป็นความจริงซักนิดเดียว ผมกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน แถมพวกผู้ใหญ่ที่ว่ามานี้เขาก็ไม่ได้เข้ามายุ่งกับชีวิตผมด้วย แล้วแบบนี้จะให้ผมไปแต่งงานกับเขาได้ยังไงกันครับ” ร่างสูงพูดอธิบายพลางมองหน้าผมไปด้วยพร้อมกัน “แล้วก็อีกอย่างที่ผมอยากจะบอกให้คุณรู้...ผมไม่เคยเห็นคุณเป็นแค่คู่นอนแก้เซ็ง แต่ผมเห็นคุณเป็นเมียของผม คนที่ผมรักและจะใช้ชีวิตไปด้วยพร้อมกันกับผมตลอดจนกว่าชีวิตจะหาไม่”

แค่ประโยคนี้ก็ทำเอาผมแทบตื้นตันจนพูดอะไรไม่ออกแล้ว

...............

ตกเย็นอเล็กเซย์ก็พาผมออกไปทานข้าวนอกบ้าน เพียงแต่ครั้งนี้ไม่ได้เป็นร้านของเจฟฟรีย์ แต่เป็นโรงแรมหรูระดับห้าดาวจนผมแทบจะเดินหนีออกจากโรงแรมถ้าไม่ติดตรงที่ร่างสูงยื้อผมเอาไว้

“ครั้งนี้ขอให้ผมเลี้ยงอาหารคุณแบบดีๆเถอะครับลูกพีช”

แล้วร้านของเจฟฟรีย์มันไม่ดีตรงไหนผมอยากรู้จริง แต่สุดท้ายก็ยอมเข้าไปทานอาหารโดยดี ซึ่งผมบอกตามตรงว่าบรรยากาศในภัตตาคารโรงแรมดีกว่าร้านเจฟฟรีย์เป็นไหนๆ เพราะไม่เพียงมีแต่อาหารดีๆแล้ว ยังมีเสียงดนตรีจากเครื่องดนตรีคลาสิกอาทิเช่นไวโอลินให้ฟังในระหว่างทานอาหารอีกด้วย

เหมือนมาเที่ยวฮันนีมูนหลังแต่งงานเลยแฮะ

ผมครุ่นคิดในใจอย่างขำๆ ระหว่างทานอาหารอเล็กเซย์ก็ได้เอ่ยปากชวนผมไปอยู่ที่คอนโดด้วยกันตามประสาคนรัก แต่ผมก็บอกปฏิเสธ เพราะผมไม่กล้าทิ้งร้านเอาไว้ ซึ่งร่างสูงก็เข้าใจดี

“ถ้างั้นผมจะมานอนอยู่ที่นี่กับคุณที่ร้านเลยแล้วกัน” อ้าวเป็นงั้นไป แต่ส่วนเรื่องที่จะเปิดตัวอเล็กเซย์ให้เจย์รู้ว่าผมกับเขาเป็นอะไรกันนั้น ผมบอกร่างสูงไปว่ายังไม่พร้อมที่จะบอกมัน ทำเอาร่างหนาหน้าหงิกไปเลยทีเดียว “ถ้าคุณยังไม่พร้อมก็ไม่เป็นไร แต่ต้องมีค่าปิดปากผมด้วยนะ”

“ค่าปิดปากอะไรเหรอ?”

ผมถึงกับมึนงงเมื่อได้ยินที่อีกฝ่ายพูด แต่ร่างสูงกลับกวักมือเรียกผมให้เข้ามาใกล้ๆ ซึ่งทำให้ผมต้องลุกจากที่นั่งแล้วเดินเข้าไปหา แต่พอผมเดินไปถึง กลับโดนมือหนาคว้าเอวผมอุ้มขึ้นไปนั่งบนหน้าตักเขาทันที ทำเอาผมถึงกับร้องเหวอหน้าขึ้นสี

“อเล็กซ์ทำบ้าอะไร ที่นี่ไม่ใช่ที่บ้านนะ” ผมบอกพลางใช้มือทุบแผงอกร่างสูงเบาๆด้วยความเขินอาย แต่ทว่าร่างสูงหาได้สนใจฟังที่ผมพูดไม่ กลับยิ้มระรื่นแถมกอดผมเสียแน่นโดยไม่สนใจสายตาคนรอบข้างแม้แต่น้อย “บอกให้ปล่อยไงอเล็กซ์”

“ผมปล่อยแน่ถ้าลูกพีชให้ค่าปิดปากกับผมก่อน”

ดูเขาสิครับ เอาแต่ใจเหลือเกิน

“ค่าปิดปากอะไรล่ะ” ผมพูดเสียงเบาโดยไม่หันไปมองข้างๆ

“จูบยังไงล่ะครับ” คำตอบของร่างสูงทำเอาผมหน้าร้อนผ่าว “ผมอยากให้คุณจูบผม แล้วก็กอดผมด้วย”

“ตะ…แต่…ที่นี่มันที่สาธารณะนะ”

“ผมไม่สน” ร่างสูงตอบหน้าตาย “แต่ถ้าคุณไม่ทำ ผมจะไปบอกให้เขารู้เดี๋ยวนี้แหละ”

พูดจบ ร่างสูงทำท่าจะผลักผมออกไป ทำเอาผมถึงกับตกใจ

“มะ…ไม่ต้อง ลูกพีชจะทำเดี๋ยวนี้แหละ!”

“หึๆ”

ร่างสูงหัวเราะในลำคออย่างขบขันก่อนจะปล่อยมือออกจากเอวของผม คล้ายกับรอให้ผมทำตามที่สั่งเอาไว้ ซึ่งผมได้แต่เหลียวซ้ายแลขวา พอเห็นว่าไม่มีใครมองจึงค่อยใช้มือทั้งสองข้างโอบกอดร่างสูงอย่างกล้าๆกลัวๆ พอผมได้กอดร่างสูงแล้วก็ค่อยโน้มหน้าเข้าไปใกล้ๆ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้จูบ มือหนากลับรั้งต้นคอผมหมับเข้าไปจูบทันที

“อื้ออออ!” ดีนะที่ผมไม่ได้อ้าปากไว้ ไม่งั้นโดนไปมากกว่านี้แน่ พอผมเห็นว่าอีกฝ่ายจูบนานเกินไปแล้วจึงทุบหลังประท้วงเบาๆ ซึ่งทำให้ร่างสูงยอมถอนริมฝีปากออกแต่โดยดี “แฮ่กๆ คนเจ้าเล่ห์ ไหนบอกว่าจะให้ลูกพีชเป็นคนจูบยังไงล่ะ”

ผมพูดไปหอบไปพลาง ซึ่งตอนนี้ผมคิดว่าผมได้ยินเสียงคนรอบข้างกระซิบแล้วนะ

“ก็ลูกพีชชักช้านี่ครับ ผมทนรอไม่ไหวก็เลยทำให้มันเร็วขึ้นเท่านั้นเอง”

เร็วบ้านพ่อนายสิ!

หลังจากนั้นอเล็กซ์ก็พาผมกลับไปส่งร้าน โดยบอกว่าขอกลับไปเก็บเสื้อผ้าที่บ้านตัวเองก่อนแล้วจะกลับมาใหม่

..................

ย้อนกลับไปตอนเช้า หลังจากพีชบอกผมทางโทรศัพท์ว่าไม่สบายขอปิดร้านหนึ่งวัน ทำเอาผมกลุ้มใจเพราะเมื่อวานผมมีเรื่องชกต่อยกับแฟนใหม่ของยัยเมย์ จนพีชต้องโดนลูกหลงไปด้วย วันนี้ก็เลยทำให้เจ้าตัวถึงกับไม่สบาย

Trr…Trr…

เสียงมือถือดังขึ้นผมกดรับสายทันทีที่รู้ว่าใครโทรมาหา

“ครับแม่ แม่มีอะไรเหรอครับ”

“เจย์ว่างหรือเปล่าลูก พอดีแม่กับพ่อนั่งรถทัวร์เข้ากทมมา อยากให้ลูกขับรถมารับหน่อย”

“ได้สิครับ ผมจะไปรับเดี๋ยวนี้แหละ” พอวางสายแล้ว ผมก็สตาร์ทรถขับไปยังหมอชิตทันที เมื่อไปถึงผมก็เห็นพ่อแม่ยืนรออยู่หน้าประตูทางเข้าหมอชิต จึงรีบยกมือสวัสดีพวกท่าน “ทำไมแม่กับพ่อมายืนรอตรงนี้ล่ะครับ อากาศข้างนอกมันร้อนนะ”

“ก็แม่แกอยากจะไปหาเจ้าพีชไวๆนะสิ ถึงได้ลากพ่อให้มายืนรอแกตรงนี้” พ่อบ่น ทำเอาแม่หันไปตีไหล่พ่อด้วยความหมั่นไส้

“อย่าว่าแต่ฉันเลย คุณเองก็เหมือนกัน เห็นบ่นตั้งแต่ก่อนออกเดินทางว่าอยากจะเจอตาพีชไวๆ จะได้เอาขนมที่เขาชอบไปให้กิน” แม่เถียงย้อนกลับ ซึ่งทำเอาผมถึงกับส่ายหน้า เพราะเวลาพูดถึงพีชทีไร ทั้งคู่มักจะชอบทะเลาะกันแบบเด็กๆทุกที แต่ไม่ต้องเป็นห่วง เห็นพวกท่านทะเลาะกันแบบนี้แต่ก็ยังรักกันเหมือนเดิม “ว่าแต่แกเถอะ ไปทำอะไรมาหน้าถึงได้เป็นแบบนั้น อย่าบอกนะว่าไปมีเรื่องทะเลาะต่อยตีอีกแล้ว”

ผมยิ้มเจื่อนเมื่อถูกแม่ถาม ก่อนจะเล่าเรื่องยัยเมย์ให้พวกท่านฟัง ที่ผมเล่าให้ฟังนี่ก็เพราะพวกท่านรู้จักยัยเมย์ในฐานะแฟนของพีชเหมือนกัน ซึ่งพอผมเล่าจบ พวกท่านถึงกับมีสีหน้าหงุดหงิด

“แล้วแกทำไมไม่โทรไปบอกแม่ตั้งแต่แรกห๊ะ!”

“คือผมยังไม่แน่ใจว่ายัยเมย์จะเลิกกับพีชจริงๆนี่ครับ” ผมตอบก่อนจะพูดต่อ “แถมพีชก็ไม่ยอมบอกผมด้วย ชอบปิดบังผมตลอดเวลาเลย”

รวมถึงเรื่องอเล็กเซย์ก็ด้วย…

“อย่ามัวแต่พูดอยู่เลย แกพาพ่อกับแม่ไปหาพีชที่ร้านดอกไม้เดี๋ยวนี้เร็ว” พ่อบอกหลังจากยืนฟังอยู่นานแล้ว

“เอ่อ วันนี้พีชเขาไม่สบายนะครับพ่อ”

“ไม่สบายเหรอ งั้นก็ต้องรีบกลับไปดูแลสิ” คนเป็นแม่พูดด้วยความเป็นห่วง “ปล่อยให้คนป่วยนอนคนเดียวนานๆไม่ดีนะรู้ไหม”

“เอ่อ พีชเขาบอกว่าเขาดูแลตัวเองได้นะครับ” ผมแย้ง ซึ่งทำเอาพวกท่านหันมาถลึงตาใส่

“ดูแลตัวเองได้บ้าอะไร นี่แกยังไม่รู้นิสัยตาพีชอีกรึเนี่ย รู้ก็รู้อยู่ว่ามันเกรงใจแกถึงได้พูดออกมาแบบนั้น”

“ทำไมผมจะไม่รู้ล่ะครับ แต่พีชเขาไม่ยอมให้ผมไปช่วยดูแล”

“ไม่รู้ล่ะ แม่กับพ่อจะไป ยังไงแกต้องขับรถพาพวกแม่ไปด้วยล่ะ” พวกท่านไม่ยอมครับ ทำให้ผมต้องขับรถพาพวกท่านกลับไปที่ร้านดอกไม้ แต่พอมาถึงที่หมาย ผมก็เห็นรถเก๋งคุ้นตาจอดที่หน้าร้านดอกไม้แล้ว ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้แล้วครับว่าเจ้าของรถคันนี้เป็นของใคร เท่านั้นแหละผมถึงกับทุบพวงมาลัยด้วยความโมโห ทำเอาพ่อกับแม่ที่อยู่ในรถถึงกับสะดุ้งตกใจ “ลูกเจย์เป็นอะไรไป ทำไมอยู่ๆก็ทุบพวงมาลัยอย่างนั้นล่ะ”

แม่ถามผมด้วยความสงสัยที่อยู่ๆผมก็ทำท่าแบบนั้นออกมา

“ไม่มีอะไรครับแม่” ผมตอบอย่างหงุดหงิด สงสัยไอ้พีชมันจะโทรไปตามให้อเล็กเซย์มาที่บ้านชัวร์ แถมยังให้เข้าไปในบ้านด้วยกันตามลำพังอีกด้วย “ถ้าพ่อกับแม่จะเข้าไปก็เข้าไปนะครับ แต่ผมจะไม่เข้าไปตามด้วย”

“อ้าว ทำไมไม่เข้าไปด้วยกันล่ะลูกเจย์” แม่ยังถามผมอยู่ครับ ผิดกับพ่อที่นั่งจ้องผมอย่างเงียบๆ

“ผมมีเหตุผลของผม แม่อย่าถามผมได้ไหมครับ ผมขอร้อง” ผมขบริมฝีปากตอบ ซึ่งพวกท่านก็ได้แต่มองหน้ากันอย่างจนใจ สุดท้ายแล้วพวกท่านก็เปลี่ยนใจไม่เข้าไปหาพีช กลับให้ผมพาไปหอพักของผมแทน พอผมส่งพวกท่านเสร็จ ผมก็ขอตัวออกมาข้างนอก เมื่อออกมาข้างนอกแล้วผมก็โทรไปหาไอ้ออยทันที “เฮ้ย มึงว่างหรือเปล่าวะ เออ วันนี้กูว่าง ไปดูหนังกันไหม เออ วันนี้พีชป่วย กูเลยว่างไง เออ ห้างxxx นะเว้ย มึงก็พาแฟนกับเพื่อนๆมึงไปด้วยก็ได้ ไปหลายคนสนุกดี เออ แค่นี้นะ”
แล้วผมก็ขับรถไปห้างตามที่นัดกับเพื่อนเอาไว้ทันที


..................

ผมอาร์ทเป็นเพื่อนสนิทของแบม ทำงานเป็นนักเขียนนวนิยาย ตามปกติผมจะขลุกอยู่ในห้องเพื่อนั่งเขียนนิยาย แต่วันนี้เป็นพิเศษ แบมมันโทรชวนผมให้ไปดูหนังที่ห้างด้วยกัน ทีแรกผมอิดออดไม่ไปด้วยเพราะเห็นว่าแบมไปกับแฟนของตัวเองที่ชื่อออย แต่พอมันบอกว่ามันไม่ได้ไปกันแค่นี้ ยังมีเพื่อนสนิทของออยด้วยอีกคน ซึ่งทำให้ผมยอมตามมันไปแต่โดยดี พอผมไปถึง ผมก็เห็นแบมกับออยยืนรออยู่หน้าโรงภาพยนตร์แล้ว

“ไงอาร์ท กว่าจะออกมาได้นะ มัวแต่แต่งนิยายอยู่ล่ะสิ” แบมพูดแซวผมในขณะที่เดินเข้าไปหา

“เออ ก็ฉันทำงานด้านนี้นี่หว่า แล้วนายจะให้ฉันไปทำอะไรล่ะแบม แล้วไหนเพื่อนของพี่ออยล่ะ ไม่เห็นมาเลย” ผมถามหาอีกคนเมื่อไม่เห็นมีใครนอกจากแบมกับพี่ออย

“เดี๋ยวเขาก็มา เห็นว่าแวะดูร้านหนังสือ อ๊ะ พูดถึงก็มาเลย” แบมพูดจบ ผมก็หันไปมองตามแบม ก่อนจะเห็นร่างสูงผมสีน้ำตาลยาวระต้นคอ ใบหน้าคมเข้ม สวมเสื้อยืดสีแดงกางเกงยีนส์เก่าๆกำลังเดินถือถุงก็อบแก๊ปมาทางนี้ “สวัสดีฮะพี่เจย์ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะฮะ”

แบมยกมือไหว้สวัสดีกับร่างสูง ทำเอาผมรีบยกมือไหว้ขึ้นตาม ซึ่งอีกฝ่ายก็ยกมือไหว้ตอบด้วยเช่นกัน

“พี่เจย์ฮะ นี่อาร์ทเพื่อนของผมเป็นนักเขียนนิยาย อาร์ทนี่พี่เจย์เป็นเพื่อนสนิทของพี่ออยทำงานอยู่ร้านดอกไม้นะ” แบมพูดแนะนำตัว

“สวัสดีฮะพี่เจย์ ยินดีที่ได้รู้จักนะฮะ” ผมพูดทักทาย

“อืม” อีกฝ่ายพยักหน้าทักทายตอบก่อนจะหันไปหาพี่ออย “ไอ้ออยวันนี้มีหนังเรื่องอะไรดูบ้างวะ”

“อ้อ ก็มีเรื่องสไปเดอร์แมนนะ”

“อืมดีเลย แล้วนี่ซื้อตั๋วมาแล้วหรือยัง”

“ซื้อแล้ว เดี๋ยวมึงจะแวะซื้อป็อปคอร์นกับน้ำก็ซื้อเข้าไปเลยนะ” พี่ออยบอก ซึ่งอีกฝ่ายพยักหน้าตอบก่อนจะหันมาทางผม “ว่าแต่น้องอาร์ทจะเอาขนมไหม พี่จะได้ซื้อมาให้ด้วย”

“ไม่เป็นไรฮะพี่เจย์ ผมไม่หิว” ผมตอบก่อนที่ร่างสูงจะเดินเข้าไปซื้อป็อปคอร์น เมื่อเรียบร้อยแล้วพวกผมก็พากันเดินเข้าไปในโรงหนังเพื่อดูหนัง แต่ในช่วงตอนต้นของเรื่องผมแอบสังเกตเห็นพี่ออยแอบลูบคลำมือไอ้แบมด้วย ซึ่งผมอยากจะพูดเหลือเกินว่าทำไมพวกเขาช่างกล้าแบบนี้ แต่นี่ก็ยังดีนะที่โรงหนังมันมืด เลยทำให้มองเห็นได้ไม่ชัดเจน แต่พอผมหันไปมองอีกคนที่นั่งอยู่ข้างขวากลับต้องทำหน้าตกใจสุดขีด

พี่เจย์หลับครับ!

หลับสนิทชนิดแบบมีเสียงกรนดังขึ้นมาเบาๆด้วย นี่ยังดีที่เสียงในโรงมันดัง ก็เลยไม่มีใครได้ยินเสียงกรน พอผมเลิกสนใจพี่เจย์ ก็รีบหันหน้ากลับมาดูหนังต่อแต่กลับต้องสะดุ้งตกใจเมื่อพี่เจย์เอาหัวมาพิงไหล่ผมได้อย่างหน้าตาเฉย

“เอ่อ...พี่เจย์ครับ ผมหนักนะ ช่วยเอาหัวออกไปด้วย” ผมหันไปกระซิบบอก ทว่าร่างสูงกลับหาได้ยินไม่ ครั้นจะปลุกก็ไม่กล้า เพราะเกรงใจพี่แก แล้วพอผมหันกลับไปมองดูหนังอีกครั้ง ก็ต้องสะดุ้งตกใจเป็นรอบที่สอง เพราะอยู่ๆก็มือหนาก็เข้ามาวางบนมือของผม ซึ่งทำเอาผมรู้สึกแปลกๆอย่างบอกไม่ถูก “เอ่อ พี่เจย์ ปล่อยมือผมเถอะครับ ผมดูหนังไม่รู้เรื่องนะ”

“อือ อย่ามายุ่งน่าพีช คนจะหลับจะนอน” คำว่าพีชทำเอาผมมุ่นคิ้ว ครั้นจะถามกลับไปว่าพีชคือใครก็ไม่กล้าถาม เพราะไม่ใช่เรื่องของตัวเอง พอจะดูหนังอีกครั้งคราวนี้มือหนากลับจับมือผมซะแน่น “พีช ฉัน…ฉัน…ชอบนายนะ”

แล้วพี่เจย์ก็เงียบไปก่อนจะตามด้วยเสียงกรนอีกที ดูท่าพี่แกจะชอบคนชื่อพีชมาก ถึงได้ละเมอเพ้อพกขนาดนี้ พอหนังฉายจบแล้ว ผมก็หันไปปลุกพี่เจย์

“พี่เจย์ฮะ หนังจบแล้วนะฮะ” ผมปลุก ซึ่งอีกฝ่ายทำท่างัวเงีย พอเห็นมือของตัวเองจับมือของผมอยู่ ก็สะดุ้งตกใจก่อนจะรีบปล่อยมือผมออกอย่างรวดเร็ว ซึ่งผมไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก เพราะยังไงอีกฝ่ายแค่ละเมอจับมือผมก็เท่านั้นเอง “แบม เดี๋ยวฉันขอตัวกลับก่อนนะ ต้องไปนั่งแต่งนิยายต่อ”

ผมหันไปบอกเพื่อนสนิทที่กำลังลุกขึ้นยืน ทำเอาแบมหันขวับมามอง

“เฮ้ยได้ไง มาทั้งทีจะให้ดูหนังอย่างเดียวได้ไง”

“อ้าว แล้วจะให้ฉันไปไหนต่อล่ะ หนังก็จบไปแล้วนี่” ผมถามกลับอย่างสงสัย

“ก็ไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันต่อสิน้องอาร์ท” พี่ออยบอกก่อนจะหันไปพูดกับพี่เจย์ “เฮ้ยมึง เดี๋ยวไปต่อกันที่ร้านอาหารเอ็มเคดีไหม”
“ก็ดีเหมือนกัน เมื่อเช้ากินข้าวมานิดเดียวเอง”

“แต่ฉันเอาเงินมานิดเดียวเองนะแบม” ผมหันไปทักท้วงเพื่อน “ไม่มีเงินมาจ่ายค่าเอ็มเคด้วยหรอก”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพวกพี่ออกให้เอง”

“แต่ผมเกรงใจพี่ออยนี่ฮะ”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกอาร์ท ถือซะว่าฉันเลี้ยงแล้วกัน แล้วคราวหน้านายค่อยมาเลี้ยงอาหารพวกเราทีหลัง ตกลงไหม” แบมพูดเสียงออดอ้อนพลางดึงแขนเสื้อผมไปมา

“ก็ได้ๆ ไปก็ไป”


........................

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

[attachment deleted by admin]

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 9 บอกรัก 6/9/57)
«ตอบ #28 เมื่อ06-09-2014 12:58:10 »

 :hao3:  เอิ่ม ถ้าเจย์อิมเมจนี้คงไม่มีอกหักแล้วล่ะ
อาลู่ของเค้า  :mew1:

ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8
Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 9 บอกรัก 6/9/57)
«ตอบ #29 เมื่อ07-09-2014 14:48:30 »

 จากอิมเมจอาร์ทแบ๊วน่ารักมากๆเลย
เจย์ไม่หวั่นไหวบ้างหรอ
อีกเรื่องอ่ะไม่เห็นอัพบ้างเยยตะเอง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด