พิมพ์หน้านี้ - Innocent Flower ตอนที่ 29 หนทางที่จะต้องก้าว P.4 27/12/58 (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: dragon123 ที่ 24-08-2014 07:35:02

หัวข้อ: Innocent Flower ตอนที่ 29 หนทางที่จะต้องก้าว P.4 27/12/58 (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 24-08-2014 07:35:02
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้


1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้าม มิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอ ให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่ นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อ ความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 
*****************************************************************************************




























อารัมภบท

........................................

ใครๆก็ว่าความรักเหมือนของหวาน ที่ไม่ว่าทานตอนไหนก็อร่อย

แต่บางครั้งก็ขมจนอยากจะคายทิ้ง


“พีช ฉันว่าพวกเราเลิกกันเถอะนะ”

เสียงหวานพูดอย่างเนิบนาบ ซึ่งทำเอาผมที่กำลังจะโชว์กระถางดอกกุหลาบสีขาวมีอันต้องหยุดชะงัก

“เมื่อกี้เมย์พูดอะไรนะ ผมไม่ทันได้ยิน”

แล้วร่างบางก็ถอนหายใจแรงๆ ก่อนจะพูดช้าๆชัดๆอีกครั้ง

“พีช..พวกเรา...เลิก...กัน...เถอะ”

แค่เพียงประโยคเดียว ผมก็รู้สึกเหมือนว่าแผ่นดินที่ผมเหยียบอยู่นี้กำลังจะถล่มทลาย แถมกระถางในมือทั้งสองข้างที่ซ่อนอยู่ด้านหลังตัวเองก็ดันหล่นลงกับพื้นแตกกระจาย

“เมย์...พูด...อะไรนะ” ผมพูดพลางกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ราวกับมีอะไรมาจุกอยู่ที่ลำคอก็มิปาน “ผมไม่เข้าใจ ผมทำอะไรผิด เมย์บอกผมได้นะ”

“พีชไม่ผิดหรอก เพียงแต่...”

เพียงแต่? เพียงแต่อะไร ผมไม่อยากรู้ไม่อยากได้ยินเลยแม้แต่น้อย

“เพียงแต่แกเป็นผู้ชายที่อ้อนแอ้นเหมือนผู้หญิงมากไปหน่อยก็เท่านั้นเองเข้าใจหรือยังล่ะ” น้ำเสียงแหบแห้งพูดต่อแทนเมย์ แถมยังเอามือมาเกาะไหล่เธอราวกับเป็นเจ้าของ “ดูสิ แม้กระทั่งของขวัญวันเกิดก็ยังให้เป็นกระถางดอกไม้ บอกตามตรงว่ามันจี้วะ มีผู้ชายที่ไหนจะให้กระถางดอกไม้ผู้หญิง ไม่มี๊ ไม่มี ฮ่ะๆ”

เพียงแค่นั้นแหละ ผมก็ตะบันหน้าอีกฝ่ายโดยไม่คิดจะฟังต่อ

“ว้าย!”

เสียงเมย์กรีดร้องด้วยความตกใจ แน่นอนว่าผมไม่รอให้อีกฝ่ายลุกขึ้นมาสวนกลับหรอก ผมรีบคว้าคอเสื้อของมันก่อนจะชกเข้าไปไม่ยั้งท่ามกลางเสียงหวีดร้องของชาวบ้านที่เดินผ่านไปผ่านมา แต่ผมต่อยมันได้ไม่นานนัก ก็โดนตำรวจเข้ามาจับเสียก่อน

“คุณตำรวจจับมันเลย มันทำร้ายผมก่อน อะ อูย เจ็บๆ”

“ไม่เป็นไรใช่ไหมเอ” เมย์หันไปปลอบมัน ทำเอาผมเห็นแล้วแทบใจสลาย “เจ็บมากหรือเปล่า ไปหาหมอกันเถอะ”

“เมย์!!”

แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่ฟังที่ผมเรียก กลับพยุงมันเดินจากไปต่อหน้าต่อตาผม สุดท้ายแล้วผมก็โดนตำรวจจับไปโรงพักเรียกค่าปรับนิดหน่อยก่อนจะปล่อยตัวออกมา แต่จะให้ผมกลับไปที่ไหนได้อีกละ ในเมื่อโดนผู้หญิงที่คบกันมาถึงสองปีทิ้งอย่างไม่ใยดี จะกลับไปร้านขายดอกไม้ที่ตัวผมเองเป็นเจ้าของร้านตอนนี้ก็ทำไม่ได้ เดี๋ยวไอ้เจที่เป็นลูกพี่ลูกน้องที่กำลังเฝ้าร้านแทนผมเห็นผมร้องไห้แล้วมันจะเป็นห่วงเอา สุดท้ายผมก็ตัดสินใจเลือกที่จะเข้าไปในผับกินเหล้าแทน ทว่าด้วยเวลานี้ยังเพิ่งจะหกโมงเย็น เลยทำให้ในผับไม่ค่อยมีคนเสียเท่าไหร่

“ขอแรงที่สุดในร้านมาเลยไอ้น้อง”

“ได้ครับพี่ รอซักครู่”

แล้วผมก็นั่งรอ ระหว่างนั้นผมก็คิดถึงดอกกุหลาบสีขาวที่ถูกทิ้งไว้กับพื้น ไม่รู้ว่าป่านนี้โดนคนเหยียบจนเละไปถึงไหนแล้ว ที่ผมคิดถึงดอกไม้แทนที่คิดจะถึงเมย์ก่อนนั้นก็เป็นเพราะผมเป็นคนรักดอกไม้มาก มากถึงขนาดยอมกู้เงินเปิดร้านขายดอกไม้เองคนเดียว ก็ไอ้เพราะความรักนี่แหละ ผมถึงกับยอมลงทุนปลูกดอกไม้ที่ดีที่สุดไปมอบให้กับคนรัก ซึ่งก็คือเมย์ แต่สุดท้ายแล้วผมก็ถูกทิ้งอย่างไม่ใยดี!

“ของที่สั่งได้แล้วครับพี่”

“อืม ขอบใจ”

หลังจากเด็กเสิร์ฟส่งเหล้ามาให้ผมแล้ว ผมก็รีบดื่มมันเข้าไปไม่ยั้ง ราวกับต้องการลืมเรื่องวันนี้ให้หมด พอหมดก็สั่งมาใหม่ ซึ่งผมทำแบบนี้ตลอดจนกระทั่งเวลาผ่านไปได้สองชั่วโมง

“นี่แก้วที่ยี่สิบแล้วนะพี่ ผมว่าพี่พอได้แล้วมั้งครับ” เด็กเสิร์ฟบอกผมด้วยความหวังดี แต่ผมไม่สนซะอย่าง

“บอกแล้วงายว่าห้ายเอามาอีก เอิ้ก!” ซึ่งเด็กเสิร์ฟก็ยอม ก่อนจะส่งแก้วให้ผม ไม่ทันที่ผมจะได้จับแก้วยกดื่ม จู่ก็มีมือของใครบางคนเข้ามาคว้าเอาไว้ “เฮ้ย นายเป็นครายวะ มาแย่งแก้วเหล้าฉาน”

ผมเมาได้ที่ครับ มองอีกฝ่ายแทบไม่เห็นหน้า รู้แต่เพียงว่าเป็นผู้ชายผมทองสั้นสวมสูทสีเทา

“ดื่มมากไม่ดี พอแค่นี้เถอะ” อีกฝ่ายบอกเสียงเรียบ แต่เรื่องอะไรที่ผมจะยอมกันล่ะ

“อย่ามาเสือกเรื่องฉาน อาวเหล้าคืนมา” ผมพูดพลางคว้าแก้วเหล้า แต่ก็วืด “บอกแล้วงายว่าอาวเหล้าคืนมา”

ทว่าอีกฝ่ายไม่ตอบ กลับส่งแก้วเหล้าคืนเด็กเสิร์ฟ พร้อมกับยัดเงินค่าเหล้าให้เสร็จสรรพ จากนั้นหันมาจับแขนผมดึงให้ลุกขึ้นยืน “ลุกขึ้น เดี๋ยวไปส่ง”

“ม่ายอาว!” ผมบอกพลางสะบัดแขนให้หลุด แต่มันก็ไม่ยอมหลุด แถมเหนียวแน่นอย่างกับกาวตราช้าง “บอกห้ายปล่อยงายอ้ายบ้า”

ถึงจะพูดปฏิเสธ แต่สุดท้ายก็โดนฉุดกระชากให้ลุกขึ้นยืนอยู่ดี

“นายเป็นคราย อึ่ก มาสะเออะยุ่งเรื่อง…” ผมพูดไปยืนเซไปมา “…ของคน…อื่น”

อีกฝ่ายไม่ตอบ กลับดึงแขนผมให้เดินออกจากผับ ก่อนจะลากผมยัดใส่รถเบนซ์สีดำที่จอดอยู่ด้านหน้าผับ

“จาพาฉานปายหนาย” ผมเริ่มชี้หน้าคนนั้นอย่างไม่พอใจ แต่อีกฝ่ายก็หาได้ตอบคำถามของผมไม่ กลับสตาร์ทรถก่อนจะเหยียบคันเร่งออกเดินหน้า “ปล่อยฉาน ฉานกลับเองด้ายยย”

ผมโวยวายไปเรื่อยๆจนกระทั่งเผลอหลับไปไม่รู้ตัว

...........................................

“ตกลง เจอกันตอนหกโมงเย็นที่ผับนะ แค่นี้”

พูดจบผมก็วางสายลง ก่อนจะก้าวเท้าลงจากรถเบนซ์สีเทาเดินไปร้านดอกไม้เพื่อซื้อดอกไม้ซักช่อ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ก้าวเท้าเข้าร้าน ผมก็ได้เดินชนกับใครบางคนที่เดินสวนออกมาพอดี

เพล้ง!

เสียงกระถางดอกไม้ตกพื้นแตกละเอียด ทำเอาคนที่ถูกชนชะงักค้าง แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้กล่าวขอโทษ อีกฝ่ายกลับเงยหน้าขึ้นมองผมด้วยสายตาเครียดแค้น ทว่าเท่าที่ผมสังเกต อีกฝ่ายมีดวงตาที่สวยงามมาก โดยเฉพาะขนตาที่งอนงามราวกับตุ๊กตา กับผิวพรรณที่ขาวเนียนอมชมพูทำเอาผมรู้สึกใจเต้นอย่างบอกไม่ถูก

“นี่นายเดินประสาอะไร ดูสิ กระถางดอกไม้แตกหมดแล้วนะ!” ร่างเล็กตะโกนเสียงเดือดดาล ดูสิ แม้กระทั่งน้ำเสียงก็ยังเล็กคล้ายผู้หญิงอีกด้วย “คำขอโทษซักคำมีบ้างไหมห๊ะ”

“เกิดอะไรขึ้นพีช! เสียงดังไปถึงหลังร้านเลย”

ชายหนุ่มอีกคนเดินออกมาจากในร้านก่อนจะทำท่าชะงักเมื่อเห็นผม

“ก็ไอ้หมอนี่มาเดินชนกระถางดอกไม้ฉันแตกนะสิเจ” ร่างเล็กหรือพีชพูดฟ้อง แถมจ้องหน้าผมอย่างไม่วางตา “แถมไม่ยอมขอโทษด้วย เป็นผู้ชายซะเปล่า เฮ้อ เสียเวลาเป็นบ้า คนยิ่งรีบๆอยู่”

แล้วร่างเล็กก็ก้มลงเก็บเศษกระถางดอกไม้ของตัวเอง ทำเอาผมต้องรีบก้มลงเก็บตาม

“ใครบอกให้นายช่วย ถอยไปไกลๆเลย ฉันทำของฉันเอง...โอ๊ย!” พูดไม่ทันขาดคำ มือของอีกฝ่ายโดนกระถางบาดจนเลือดออก ซึ่ง ณ วินาทีนั้นเอง ผมเองก็ไม่รู้ตัวหรอกว่าผมเป็นอะไร เพราะทันทีที่เห็นเลือดออก ผมรีบจับมือข้างนั้นของอีกฝ่ายขึ้นก่อนจะใช้ริมฝีปากของตัวเองดูดเลือดออก ทำเอาผู้ที่ถูกดูดกับผู้ชมที่ยืนอยู่ใกล้ๆถึงกับตกตะลึงค้างไปชั่วขณะ ซึ่งผมก็ไม่คิดจะสนใจ รีบคว้าผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาจากกระเป๋าเสื้อก่อนจะพันเข้าที่นิ้วอย่างเรียบร้อย

“ทีหลังก็ระมัดระวังหน่อยล่ะ ของพวกนี้มันบาดมือง่าย” ผมบอกไปแบบนั้น ก่อนจะลุกขึ้นยืน “และต้องขอโทษด้วยที่ทำให้กระถางดอกไม้แตก”

“อะ...อืม ไม่เป็นไร” อีกฝ่ายพูดตอบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก

“จริงสิ คุณเป็นเจ้าของร้านดอกไม้ใช่ไหม” ผมเอ่ยปากถามอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้ ซึ่งร่างเล็กก็พยักหน้าตอบ “ถ้างั้นผมขอซื้อดอกกุหลาบสีแดงซักช่อเป็นการขอโทษที่ทำให้กระถางดอกไม้คุณแตกตกลงไหม”

“ตะ...ตกลง”

แล้วร่างเล็กที่เป็นเจ้าของก็วิ่งหายเข้าไปในร้าน ซักพักก่อนจะวิ่งออกมาพร้อมกับช่อดอกไม้ที่สั่ง ผมรับดอกไม้มาก่อนจะควักเงินให้ปึกหนึ่งโดยไม่คิดจะไถ่ถามเรื่องราคาแม้แต่น้อย

“หวังว่าผมจะได้กลับมาใช้บริการคุณอีกนะครับ...คุณเจ้าของร้าน”

ผมบอกพลางหมุนตัวกลับไปเดินขึ้นรถ ก่อนจะสตาร์ทรถแล้วขับออกไปท่ามกลางสายตาอันงุนงงของทั้งคู่ ซึ่งหลังจากเวลาผ่านไปอีกสองชั่วโมง ผมก็ไม่นึกเลยว่าจะได้มาพบกับเจ้าของร้านดอกไม้อีกครั้งที่ผับด้วยความบังเอิญ เพียงแต่อีกฝ่ายกลับเมาจนไม่ลืมหูลืมตาแล้ว ผมจึงพาเขากลับไปส่งที่ร้าน เมื่อไปถึงร้านกลับปิด ซึ่งผมเองก็ได้กดกริ่งเรียกคนข้างในหลายครั้งต่อหลายครั้งแต่ก็ไม่ยักมีใครออกมา ทำให้ผมต้องพาเขากลับไปคอนโดของตัวเองก่อน

“ฉานมานม่ายดีตรงหนาย ทามมายเธอถึงม่ายสนจาย” ร่างเล็กเริ่มร้องเพลงในขณะที่ผมพยุงเขาเดินเข้าห้อง เมื่อพาเข้ามาในห้องได้แล้ว ผมก็ปล่อยให้เขานอนลงบนเตียง แต่พอปล่อยแล้วอีกฝ่ายกลับลุกขึ้นอ้วกใส่ผมไปเต็มๆ “อ้วกกกกกกก”

พออ้วกเสร็จ ผมก็รีบถอดสูทของตัวเองออกก่อนจะหันไปจัดการถอดเสื้อของอีกฝ่ายที่เปื้อนอ้วกด้วย

“นายรู้หมายว่าฉานเป็นคราย” อีกฝ่ายพูดพลางปัดมือผมที่กำลังพยายามถอดเสื้ออยู่

“รู้สิ”

“เห รู้ด้วยหรือ” ร่างเล็กพูดไปยิ้มไป ก่อนจะชี้นิ้วมายังผม “หน้าหล่ออย่างนาย เอิ้ก จะมารู้จักฉานด้ายงาย ฉานก้อแค่จ้าวของร้านดอกม้ายธรรมด๊าธรรมดา หน้าตาก้อเหมือนผู้หญิง ครายจามาสนจายยย”

“ผมไงที่สนคุณ”

“ห๊ะ! นายนะหรือสนฉาน” อีกฝ่ายพูดพลางหรี่ตามองผมอย่างสงสัย “นายมานก้อแค่ผู้…ชาย ม่ายช่ายผู้หญิงซักหน่อย เอิ้ก”

“คุณเมามากแล้ว รีบนอนเถอะ” ผมพูดพลางดึงเสื้ออีกฝ่ายออก แลเห็นร่างอันบอบบางผิวขาวเนียนอมชมพู ซึ่งผมเห็นแล้วรู้สึกใจเต้นอย่างบอกไม่ถูก ส่วนอีกฝ่ายเมื่อโดนผมถอดเสื้อออกแล้ว ก็ล้มตัวลงนอน “นอนรอไปก่อนนะ เดี๋ยวผมมา”

แล้วผมก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ไม่นานนักผมก็เดินกลับออกมาอีกทีพร้อมกับผ้าที่ชุบน้ำเรียบร้อยแล้ว

“คุณลุกขึ้นนั่งไหวไหม เดี๋ยวผมเช็ดตัวให้” ผมบอกพลางสะกิดร่างเล็กที่นอนหลับ ซึ่งแน่นอนว่าอีกฝ่ายไม่มีปฏิกิริยาที่ผมเรียก ดังนั้นผมจึงตัดสินใจเช็ดตัวไปทั้งๆที่อีกฝ่ายยังนอนหลับอยู่อย่างนี้ แน่นอนว่าผมไม่ลืมที่จะถอดกางเกงยีนส์ของอีกฝ่ายด้วย เพราะมันเปื้อนอ้วกจนเหม็นแล้ว เมื่อเช็ดเสร็จผมก็หาเสื้อกับกางเกงขาสั้นมาให้ร่างเล็กใส่ แต่เนื่องด้วยอีกฝ่ายมีร่างที่เล็กกว่าผมนัก จึงทำให้เสื้อผ้าที่ผมนำมาใส่เห็นดูหลวมโครกไปถนัดตา

ดูเซ็กซี่ชะมัด!

ผมครุ่นคิดในใจ เพราะอีกฝ่ายดันมีใบหน้าหวานเหมือนหญิง พอมาใส่ชุดแบบนี้แล้วยิ่งทำให้ผมรู้สึกใจเต้นอย่างบอกไม่ถูก

“ฮือๆ เมย์ ทำไมคุณต้องทิ้งผมด้วย” ร่างเล็กนอนละเมอร้องไห้ ซึ่งเสียงร้องไห้ของอีกฝ่ายนั้นทำเอาผมเขยิบเข้าไปดูใกล้ๆ ก่อนจะเห็นแพขนตางอนงามเต็มไปด้วยน้ำตา “ทำไมต้องทิ้งผมด้วย ทำไม ฮือๆ”

ผมไม่รู้จะปลอบใจอีกฝ่ายยังไงดี จึงได้แต่ลูบหัวร่างเล็กอย่างแผ่วเบา จนกระทั่งร่างเล็กหลับไปผมจึงค่อยลุกขึ้นแล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ

.........................................

ซ่า!

เสียงน้ำไหลดังแว่วเข้ามา ทำเอาผมรู้สึกตัวลืมตาขึ้นมองเพดานที่ไม่คุ้นตา

เอ ที่นี่ที่ไหนเนี่ย?

ผมครุ่นคิดในใจก่อนลุกขึ้นนั่งมองไปรอบๆ ภายในห้องเป็นห้องสูทหรูราวกับโรงแรมชั้นหนึ่ง ทว่าพอลุกขึ้นแล้วกลับรู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้าอย่างบอกไม่ถูก

“ให้ตายสิ ทำไมปวดหัวอย่างนี้นะ” ผมพูดพลางยกมือขึ้นกุมขมับ ทว่าพอยกมือขึ้นแล้วผมกลับรู้สึกถึงแขนเสื้อที่ยาวปิดมือ ครั้นพอผมก้มหน้าถึงได้รู้ว่ามันเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวขนาดใหญ่ “เอ๋? นี่มันเสื้อของใครกันหว่า?”

“นั่นเป็นเสื้อของผมเองครับคุณพีช”

น้ำเสียงทุ้มตอบกลับมาอย่างนุ่มนวล ทำเอาผมที่กำลังสำรวจเสื้อผ้าถึงกับต้องเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะแลเห็นร่างสูงโปร่งเปลือยกายครึ่งท่อน ผมสีทองสั้นเปียกน้ำหมาดๆ เบื้องล่างห่มด้วยผ้าขนหนูผืนเดียวกำลังยืนกอดอกพิงประตูห้องน้ำ

หุ่นดีเป็นบ้า!

“เสื้อนาย?” ผมพูดอย่างสับสน เพราะผมจำได้ว่าผมนั่งดื่มเหล้าที่ผับ แต่ไหงถึงมานอนอยู่ที่นี่ได้

“ใช่ เสื้อของผมเอง” ร่างสูงโปร่งพูดพลางเดินเข้ามาใกล้ ทำเอาผมสะดุ้งตกใจถอยหลังไปติดกับหัวเตียง “เมื่อคืนนี้คุณเมาเหล้ามากแล้วคุณก็อ้วกรดใส่เสื้อตัวเอง แถมอ้วกรดใส่ผมด้วย ผมก็เลยถือวิสาสะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คุณ หวังว่าคุณคงไม่ว่าอะไรนะคุณพีช”

อ้วกใส่แล้วยังเปลี่ยนเสื้อผ้าให้…

“เฮ้ย!” ผมร้องอุทานเสียงดังลั่นก่อนจะคว้าผ้าห่มมาห่มกอด “งั้นแสดงว่านายเห็นของฉันหมดแล้วงั้นสิ!”

“ครับ เห็นหมดแล้ว” อีกฝ่ายยิ้มตอบ ซึ่งทำเอาผมสะดุ้งตกใจ “โธ่คุณ เราผู้ชายด้วยกันน่า จะไปอายเอยอะไร”

คำตอบของอีกฝ่ายทำเอาผมเพิ่งนึกขึ้นได้ นั่นสิ ผมจะอายไปทำไมกัน

“ส่วนเรื่องเสื้อผ้าของคุณ ผมเอาไปให้แม่บ้านซักแล้วนะครับ คาดว่าเย็นๆคงได้”

“อืม” ผมพยักหน้าตอบก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “จริงสิ นายรู้จักฉันได้ยังไง ก็ในเมื่อฉันยังไม่ได้บอกชื่อตัวเองเลย”

พอผมพูดจบ ร่างสูงกลับหัวเราะเสียงดังลั่น ทำเอาผมหน้าหงิกหน้างอ

“โทษทีๆ ผมไม่ได้ตั้งใจหัวเราะเยาะคุณเลยคุณพีช” อีกฝ่ายบอกขอโทษทันที ก่อนจะนั่งลงบนเตียง ซึ่งทำเอาผมรีบเขยิบถอยหนีอย่างกลัวๆ “เพียงแต่ขำที่คุณลืมผมไปได้ยังไง ทั้งๆที่เราเพิ่งเจอกันเมื่อวานนี้เอง คุณลืมไปแล้วหรือ ที่หน้าร้านดอกไม้นะ เรื่องที่ผมเดินชนคุณจนกระถางดอกกุหลาบสีขาวของคุณตกแตกยังไงล่ะ”

“อ๊ะ?! นายนั่นเอง”

ผมร้องอุทานเสียงดังลั่นเมื่อนึกได้ทันทีที่อีกฝ่ายพูดจบ จะว่าไปตอนนั้นเขามาชนผมจริงๆ แล้วตอนนั้นผมก็มัวรีบเก็บเศษกระถางดอกไม้เร็วเกินไปจนมันบาดเป็นแผล แล้วอีกฝ่ายก็....

“เอ หน้าคุณแดงนี่ ไม่สบายหรือเปล่าครับ” อยู่ๆร่างสูงก็ถามขึ้นมา ทำเอาผมสะดุ้งตกใจ

“เปล่าๆ ฉันสบายดี ไม่ต้องเป็นห่วง”

ใครจะไปกล้าพูดได้ล่ะว่าที่หน้าแดงเป็นเพราะอะไร....

“ส่วนเรื่องที่ผมรู้ชื่อคุณได้ก็เพราะเพื่อนของคุณที่อยู่ในร้านตะโกนพูดชื่อคุณขึ้นมายังไงล่ะ” อีกฝ่ายบอกยิ้มๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนจากเตียง “นี่มันก็สายมากแล้ว เดี๋ยวผมขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ ถ้ายังไงคุณช่วยไปนั่งรอที่ห้องรับแขกที่อยู่ข้างนอกห้องก่อนได้ไหม”

“ดะ...ได้” ผมตอบรับคำ ซึ่งไม่ทันที่อีกฝ่ายจะได้เดินจากไป ผมก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “จริงสิ ฉันยังไม่รู้จักชื่อของนายเลย นายชื่ออะไรหรือ”

ร่างสูงโปร่งที่กำลังเดินออกจากห้องได้หันหน้ามาตอบพร้อมรอยยิ้มว่า

“ผมอเล็กเซย์ครับคุณพีช ยินดีที่ได้รู้จัก”

..............................

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:   เปิดเรื่องใหม่อีกแล้ว อีกแล้ว อีกแล้ววววววว

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ อารัมภบท 24/8/57)
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 24-08-2014 09:07:49
ตอนที่ 1 อเล็กเซย์

..............................

ระหว่างที่รออยู่นั้นผมไม่รู้จะทำอะไรดี จึงได้แต่นั่งมองไปรอบๆ ทว่าเสียงท้องร้องมันดังประท้วงไม่ยอมหยุด ทำเอาผมต้องลุกขึ้นไปยังห้องครัวที่อยู่ใกล้ๆ ก่อนจะเปิดตู้เย็นเพื่อหาอะไรรองท้อง ซึ่งภายในตู้เย็นมีเพียงแค่ไข่สองสามฟอง ฮอตดอก แฮม น้ำ นมสดหนึ่งเหยือก และเบียร์เท่านั้น

“เอาวะ มีแค่ไข่ก็ยังพอทำกินได้เหมือนกัน” ผมพูดพึมพำกับตัวเอง ไหนๆก็มาพักบ้านคนอื่นแล้ว ทำอาหารให้เจ้าของกินด้วยก็ดี ถือซะว่าเป็นการตอบแทนที่อุตส่าห์ให้ผมค้างตั้งหนึ่งคืน พอคิดได้ดังนั้นผมก็รีบลงมือทำอาหารทันที ซึ่งในระหว่างที่ผมทำนั้น ผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ๆ “เอ่อ ฉันต้องขอโทษด้วยที่ถือวิสาสะทำอาหารโดยไม่ได้ขออนุญาต พอดีรู้สึกหิวๆนะ”

“ไม่เป็นไรครับ เชิญทำได้ตามสบาย”

อีกฝ่ายตอบกลับมา ซึ่งผมก็ลงมือทำต่อทันที เมื่อทอดไข่เสร็จแล้ว ผมก็ตักฮอตดอก แฮม ไข่ดาวสองฟองลงในจานสองใบพร้อมกับหยิบมีดส้อมมาใส่ด้วย ก่อนจะหันกลับมาเพื่อที่จะนำไปวางไว้บนโต๊ะ แต่ผมก็ต้องผงะเมื่อเห็นอีกฝ่ายมายืนใกล้ผมซะชิด

“เอ่อ ถอยออกไปก่อนได้ไหม ฉันเดินผ่านไปไม่ได้” ผมบอกร่างหนา แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับยืนจ้องผมนิ่ง “อเล็กเซย์ นายถอยไปก่อนได้ไหม ฉันเดินผ่านไปไม่ได้นะ”

ทว่าอีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมขยับอยู่ดี จนผมเริ่มรู้สึกหงุดหงิด

“อเล็กเซย์”

“ครับผม”

“ขอทางหน่อย”

“ครับๆ” ร่างสูงโปร่งตอบก่อนจะยอมเดินถอยออกไป ครั้นพอผมเดินออกไปบ้าง กลับเดินสะดุดมุมเคาน์เตอร์ ทำให้อีกฝ่ายรีบใช้มือรับผมอย่างรวดเร็ว “คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมพีช”

อเล็กเซย์ถามด้วยความเป็นห่วง

“เอ่อ อืม ฉันไม่เป็นอะไร ขอบคุณที่เป็นห่วง” ผมตอบด้วยน้ำเสียงเคอะเขิน เพราะอยู่ใกล้กันเกินไป ทำให้ผมได้กลิ่นหอมของสบู่ได้อย่างชัดเจน “ปะ…ปล่อยฉันสิอเล็กเซย์ ฉันยืนของฉันเองได้”

เมื่อผมพูดจบ อีกฝ่ายก็ยอมให้ผมยืนเอง ซึ่งพอผมยืนเองได้ ผมก็รีบเดินกลับไปที่โต๊ะอาหารก่อนจะตามด้วยร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีเทาเดินมาทีหลังแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ตรงกันข้ามกับผม

“ดูคุณถนัดเรื่องอาหารเหมือนกันนะครับ” อีกฝ่ายถามทันทีที่เห็นไข่ดาว

“ก็ไม่เท่าไหร่หรอก” ผมตอบพลางเดินกลับไปที่ตู้เย็นเพื่อเอานมสด ก่อนจะเดินกลับมาพร้อมกับแก้วสองใบ “พอดีอยู่บ้านคนเดียว ก็เลยพอทำเป็นได้บ้างเป็นบางอย่าง”

“อยู่บ้านคนเดียว?”

“ใช่ อยู่บ้านคนเดียว”

“แล้วคนชื่อเจ?”

“อ้อ คนนั้นเป็นลูกพี่ลูกน้องฉันนะ พอดีเขามาขอทำงานด้วย ตอนนี้พักอยู่ที่หอพักใกล้ๆร้านดอกไม้นะ” ผมตอบพลางเทนมใส่แก้ว แล้วจึงค่อยส่งให้กับร่างสูง ก่อนจะหันมาเทนมให้กับตัวเองพร้อมกับนั่งลงบนเก้าอี้ ซึ่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับอเล็กเซย์

“แล้วพ่อแม่ของคุณล่ะ”

พอได้ยินคำถาม ผมก็ฝืนยิ้มตอบกลับไปว่า

“พวกท่านเสียไปพร้อมกับเหตุการณ์เครื่องบินตกเมื่อห้าปีที่แล้วนะ”

ร่างสูงถึงกับนิ่งเมื่อได้ยินคำตอบของผม

“เอ่อ ผมขอโทษ”

“ไม่เป็นไร ฉันพอรับได้แล้วล่ะ” ผมยิ้มตอบ ก่อนจะลงมือทานไข่ดาว แต่ทานไปได้ซักพักก็วางส้อมลง “ว่าแต่นายทำอาชีพอะไรอยู่หรืออเล็กเซย์ เห็นใส่สูทซะหรูเชียว”

ผมพูดเปลี่ยนเรื่อง ซึ่งทำเอาอีกฝ่ายฉีกยิ้มหวาน

“ผมหรือ ผมทำงานธุรกิจด้านส่งออกไวน์นะ”

“ไวน์?”

“ใช่ครับไวน์” อเล็กเซย์ตอบก่อนจะพูดต่อ “ผมทำธุรกิจด้านไวน์ที่ทำขึ้นในประเทศไทย ก่อนจะส่งออกไปขายยังต่างประเทศ รายได้ทางนี้ช่วยไทยได้มากเลย เพราะคนต่างชาติชื่นชอบไวน์ไทยเป็นพิเศษ โดยเฉพาะชาโต เดส์ บรูมส์เป็นไวน์ไทยที่มีรสเยี่ยมเท่าที่เคยผมดื่มมา”

“ถ้างั้นนายก็ได้ดื่มไวน์นี้บ่อยๆนะสิ”

ผมถามด้วยความชื่นชม เพราะตัวผมเองก็เคยสะสมไวน์มาก่อน แต่พอพ่อแม่จากไป ผมก็เลิกสะสมไวน์และหันหน้าทำธุรกิจร้านดอกไม้แทน

“ก็ไม่บ่อยมากถ้าไม่จำเป็น” ร่างหนาตอบยิ้มๆ “แต่ส่วนมากจะได้ดื่มก็ต่อเมื่อผมได้ไปออกงานสังสรรค์พวกนี้นะครับ ถ้าคุณพีชสนใจ เดี๋ยวผมจะพาคุณไปดูโรงงานดีไหมครับ”

“เอ่อ อย่าเลยดีกว่า ฉันเกรงใจนายนะ” ผมรีบปฏิเสธ เพราะแค่อีกฝ่ายพาผมที่เมาจัดจนกลับบ้านไม่ถูกมาพักค้างคืนด้วยก็มากพออยู่แล้ว

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับคุณพีช เพราะผมต้องไปโรงงานเกือบทุกวันอยู่แล้ว” อีกฝ่ายแย้งมา ซึ่งทำเอาผมพูดไม่ออก “ว่ายังไงครับคุณพีช คุณสนใจจะไปดูโรงงานของผมไหม ผมจะได้พาคุณไปวันนี้เลย”

ห๊ะ! วันนี้เลยหรือ

“เอ่อ ฉันว่า…” ผมตอบเสียงตะกุกตะกัก ก่อนจะส่งยิ้มแห้งๆกลับไป “ไว้วันอื่นดีกว่า เพราะวันนี้ฉันต้องรีบกลับไปที่ร้าน ไม่งั้นเจย์จะเป็นห่วงเอาได้นะ”

อีกฝ่ายได้ยินคำตอบของผมถึงกับมุ่นคิ้ว แต่ถึงกระนั้นก็ยังยิ้มได้อยู่

“ก็ได้ครับ ถ้างั้นตอนกลับ เดี๋ยวผมขอไปส่งคุณเลยแล้วกัน เพราะผมจะได้ตรงดิ่งไปยังที่ทำงานเลย”

“อืม ก็แล้วแต่นายละกัน ฉันยังไงก็ได้” ผมตอบตกลงก่อนจะลงมือรับประทานอาหารต่อ

.....................................

ขากลับอเล็กเซย์พาผมไปส่งที่ร้านดอกไม้ตามที่บอกเอาไว้จริงๆ พอไปถึงผมก็โดนเจย์เขกหัวแรงๆโทษฐานที่ทำให้เป็นห่วง แถมหันมาขอโทษอเล็กเซย์ที่ทำให้เดือดร้อนอีกด้วย ซึ่งอีกฝ่ายไม่ได้ว่าอะไร เห็นยืนยิ้มอย่างเดียว

“ถ้างั้นผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ ส่วนเรื่องเสื้อผ้า ถ้าเรียบร้อยแล้วผมจะเอามาคืนให้คุณทีหลัง”

“อะ...อืม” เมื่ออีกฝ่ายขับรถออกไปแล้ว ผมจึงหมุนตัวเดินกลับเข้าร้านไป แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเจย์กำลังยืนกอดอกพิงเคาน์เตอร์นับเงินปราดตามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าอยู่ “มีอะไรเหรอเจย์ ทำไมทำหน้าซีเรียสจัง”

“ฉันเปล่าซีเรียส แต่แค่สงสัยว่าทำไมแกถึงได้ไปนอนค้างบ้านคุณอเล็กเซย์ได้ทั้งๆที่แกเป็นคนพูดกับฉันเองว่าจะไปเลี้ยงฉลองงานวันเกิดยัยเมย์ก็เท่านั้นเอง” คำถามของเจย์ทำเอาผมถึงกับสะอึก ผมว่าผมเกือบลืมไปแล้วถ้าเจย์ไม่พูดย้อนขึ้นมา ภาพเหตุการณ์ของเมื่อวานนี้ทำเอาผมเกือบตายทั้งเป็น ซึ่งผมยืนเงียบจนอีกฝ่ายถึงกับทอดถอนหายใจแรงๆ “ถ้ามันลำบากมากนักล่ะก็ ไม่ต้องตอบก็ได้นะ ฉันก็แค่ถามดูเฉยๆ เอาล่ะ ไปทำงานดีกว่า วันนี้ต้องรดน้ำพรวนปุ๋ยอีกเยอะเลย ส่วนแกอย่าคิดว่าเป็นเจ้าของร้านแล้วจะอู้ได้นะ อ้อแล้วก็ชุดที่ใส่อยู่นะ รีบไปเปลี่ยนเข้า เดี๋ยวลูกค้ามาเห็นแล้วจะตกใจเอาได้นะ”

คำพูดสุดท้ายของเจย์ทำเอาผมถึงกับหน้าแดง เพราะตอนนี้ผมสวมแค่เสื้อเชิ้ตตัวใหญ่โคร่งกับกางเกงขาสั้นเหนือเข่าเท่านั้นจริงๆ

“เออ ไม่ลืมหรอกน่า จะรีบไปเปลี่ยนเดี๋ยวนี้แหละ”

พอผมพูดจบ เจย์ก็เดินกลับไปทำงานของตัวเอง ซึ่งนี่เป็นข้อดีอย่างหนึ่งของเจย์ที่ผมเห็นมันเป็นลูกพี่ลูกน้องที่ดีคนหนึ่งในสายตาผม เพราะด้วยเหตุนี้ผมจึงยอมให้มันมาทำงานที่ร้านด้วย จวบจนกระทั่งเย็นร่างสูงโปร่งก็ได้กลับมาตามที่พูดเอาไว้จริงๆ มาพร้อมกับเสื้อผ้าชุดเมื่อวานที่ผมใส่

“ผมเอาเสื้อผ้ามาคืนคุณแล้วนะครับคุณพีช” อีกฝ่ายพูดในขณะที่เดินเข้ามาในร้านด้วยชุดสูทตัวเมื่อเช้า ซึ่งผมเห็นแล้วจึงรีบเดินเข้าไปรับเสื้อผ้าของตัวเองโดยไม่ลืมพูดขอบคุณด้วย “จะว่าไปร้านดอกไม้ของคุณนี่ก็ดูไม่เลวนะครับ นอกจากจะตกแต่งร้านได้สวยแล้ว ยังมีดอกไม้ที่ผมไม่รู้จักวางอยู่เยอะพอสมควรเลย ไม่ทราบว่าคุณพีชใช้เวลาในการเปิดร้านนี้นานเท่าไหร่หรือครับ”

อีกฝ่ายเริ่มเปิดประเด็นตามนิสัยของคนที่อยู่ในแวดวงธุรกิจ

“เกือบจะห้าปีได้นะ ว่าแต่นายอยากรู้เรื่องนี้ไปทำไมหรือ” ผมถามกลับด้วยความสงสัย

“ไม่มีอะไรมากหรอกครับ ผมก็แค่อยากรู้เฉยๆ” อเล็กเซย์ยิ้มตอบก่อนจะหันไปมองดอกไม้ต้นหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะเป็นดอกไม้สีฟ้าห้าแฉกขนาดจิ๋ว “เอ่อ คุณพีช ไม่ทราบว่าดอกไม้ต้นนี้เขาเรียกว่าดอกอะไรหรือครับ ทำไมดูสวยจัง”

“Forget me not”

“ดอกอะไรนะครับ?” ร่างสูงถามย้ำอีกครั้งอย่างไม่แน่ใจ

“Forget me not” ผมพูดตอบพลางเดินเข้าไปใกล้ๆเพื่อที่จะอธิบายให้ฟัง “เป็นดอกไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศแคนาดา เป็นพืชเมืองหนาวที่จะต้องปลูกในที่มีอุณหภูมิต่ำกว่ายี่สิบองศาเซลเซียส ถ้านายคิดมาปลูกที่นี่จะต้องรดน้ำวันละสองครั้ง ซึ่งตามหลักภาษาไทยเรียกดอกไม้นี้ว่า อย่าลืมฉัน มันเป็นคำพูดสุดท้ายของผู้ชายคนหนึ่งก่อนที่ความตายจะมาพลัดพรากเขาไปจากคนที่รัก แต่ถ้านายอยากรู้ลึกมากกว่านี้ นายก็สามารถไปหาได้จากหนังสือในห้องสมุดหรือไม่ก็เสิร์จเอนจิ้งจากเว็บกูลเกิ้ลเอาก็ได้นะ”

พอผมพูดจบ อีกฝ่ายก็ยังคงนิ่งเงียบจนผมรู้สึกอึดอัด

“มีอะไร ทำไมนายจ้องหน้าฉันแบบนั้นล่ะ มีอะไรติดอยู่ที่หน้ารึไง”

“เปล่าครับ ไม่มีอะไร” ร่างสูงตอบพลางส่ายหน้าไปมา “ผมก็แค่รู้สึกทึ่งที่คุณรู้เรื่องดอกไม้เยอะจัง”

“เยอะแยะอะไรกัน ก็แค่ความรู้พื้นๆสำหรับคนขายดอกไม้นะ”

ผมตอบอย่างเขินอาย เพราะน้อยครั้งที่จะมีคนมากล่าวชมต่อหน้าต่อตา

“อะแฮ่ม!” เสียงกระแอมไอจากใครบางคนที่ถูกลืมดังขึ้น ทำเอาผมกับร่างหนาสะดุ้งเล็กน้อย “ถ้าอยากจะทานขนมจีบแล้วล่ะก็ โน่นครับ เซเว่นอีเลฟเว่น”

เจย์พูดแซวพลางเหล่ตามองผมกับอเล็กเซย์ไปด้วยพร้อมกัน

“เอ่อ ถ้าไม่สะดวก เดี๋ยวผมไปรอข้างนอกก็ได้นะ”

ร่างสูงโปร่งพูดอย่างเกรงใจ ซึ่งทำเอาผมโบกมือไปมา

“ไม่เป็นไรอเล็กเซย์ เดี๋ยวก็ปิดร้านแล้วล่ะ” แต่ถึงกระนั้นอีกฝ่ายก็เดินออกไปรอข้างนอก ทำให้ผมต้องหันมาถลึงตาใส่เจย์ “เพราะแกคนเดียวไอ้เจย์ ทีหลังอย่าพูดแบบนี้อีกเด็ดขาดนะ”

คนถูกด่ายักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ

“ก็มันจริงนิ เห็นถามเรื่องดอกไม้แต่สายตาแม่งมองมาที่แกตลอด แบบนี้ไม่ให้เรียกว่าจีบแล้วจะเรียกว่าอะไรได้ล่ะ” เจย์หลับตาพูดก่อนจะลืมตาแล้วหันมามองผม “ระวังไว้เถอะ สวยๆแบบแก ต่อให้เป็นผู้ชาย มันก็ต้องมีมาแลกันบ้างเข้าซักวันนั่นแหละ”

คำพูดของเจย์ทำเอาผมถึงกับสะอึก เพราะผมเคยโดนผู้ชายเข้าใจผิดว่าเป็นผู้หญิง แล้วเข้ามาจีบออกบ่อยอยู่เหมือนกัน

“ฉันว่ามันคงบังเอิญมากกว่ามั้ง” ผมพูดเข้าข้างตัวเอง เพราะอเล็กเซย์ไม่น่าจะเป็นคนแบบนั้น “เขาก็แค่ถามไปตามประสาคนที่อยู่ในแวดวงธุรกิจที่สนใจเรื่องดอกไม้ก็เท่านั้นเอง”

ก็แค่ถามเฉยๆ เท่านั้น…

“ตามใจแกแล้วกัน ฉันก็แค่เตือนด้วยความหวังดี”

เจย์บอกก่อนจะเดินออกไปเก็บดอกไม้ที่ตั้งโชว์ที่อยู่นอกร้านเพื่อปิดร้าน ส่วนผมเองก็รีบเคลียร์บัญชีให้เสร็จเพราะไม่อยากให้คนข้างนอกต้องคอยนาน

.................................................

หลังจากปิดร้านเสร็จแล้ว อเล็กเซย์ก็ได้เอ่ยปากชวนผมไปทานข้าวเย็นที่ข้างนอก ซึ่งทีแรกผมบอกปฏิเสธ แต่อีกฝ่ายกลับคะยั้นคะยอว่าจะพาผมไปชิมไวน์ที่คุยกันเมื่อเช้านี้ให้ได้ แถมยังย้ำว่าจะขอเลี้ยงอาหารเป็นการตอบแทนที่เมื่อเช้าผมได้ทำอาหารให้เขาทานอีกด้วย ซึ่งทำให้ผมไม่กล้าบอกปฏิเสธอีก

“อ่ะ อันนี้เสื้อผ้าของนาย ฉันซักรีดให้เรียบร้อยแล้วนะ” ผมบอกพลางส่งถุงผ้าคืนในขณะที่กำลังนั่งอยู่ในรถเบนซ์สีดำของอเล็กเซย์ “ว่าแต่นายจะพาฉันไปทานอาหารที่ไหนหรือ”

ผมถามด้วยความสงสัย ทว่าอีกฝ่ายกลับหันหน้ายิ้มให้ผม

“ความลับครับ” ร่างสูงตอบเสียงทะเล้นก่อนจะหันหน้ากลับไปดูถนนต่อ “ล้อเล่นนะ ก็แค่ภัตตาคารในโรงแรมที่ผมเคยไปทานอาหารอยู่บ่อยๆ”

“แล้วมันแพงมากหรือเปล่าอาหารนะ” ผมถามต่ออย่างเกรงอกเกรงใจ เพราะถึงแม้อีกฝ่ายจะดูร่ำรวยในสายตาผม แต่ผมก็ไม่ชอบให้เขาใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายเพียงเพื่อเลี้ยงอาหารตอบแทนผมอยู่ดี

“ก็ไม่เท่าไหร่นักหรอกครับ” อีกฝ่ายตอบยิ้มๆ “คุณอย่าไปกังวลมันเลย ผมเต็มใจที่จะเลี้ยงคุณอยู่แล้ว และอีกอย่างโรงแรมที่ผมจะพาคุณไปอยู่นี้ มันเป็นโรงแรมในเครือบริษัทของผม ฉะนั้นเรื่องราคาอาหารคุณไม่ต้องเป็นห่วง”

เมื่อมาถึงที่หมาย ผมกับอเล็กเซย์ก็ลงจากรถก่อนจะเดินเข้าไปในโรงแรม ซึ่งภายในตัวโรงแรมมันดูสะอาดและดูหรูหราจนผมต้องก้มมองเสื้อผ้าตัวเองที่ยังอยู่ในสภาพเลอะดินจากต้นไม้ ต่างจากร่างสูงที่สวมชุดสูทหรูดูมีราคาลิบลับ

“เอ่อ ฉันว่าฉันอิ่มแล้วนะ ไว้ทานวันหลังเถอะอเล็กเซย์” ผมเริ่มถอย ในขณะที่อีกฝ่ายมุ่นคิ้วมองผมอย่างสงสัย

“แต่เจย์บอกผมแล้วนะว่าคุณยังไม่ได้ทานข้าวเย็นเลย” ร่างสูงแย้งทันควัน ซึ่งทำเอาผมนึกอยากจะกลับไปตบกะบาลคนปากมากอย่างมัน “อย่าบอกนะว่าคุณคิดมากเรื่องราคาอาหารอีกนะ”

“ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก ไม่ใช่”

“ถ้าไม่ใช่แล้วทำไมคุณถึงปฏิเสธที่จะทานอาหารกับผมล่ะ” อีกฝ่ายเริ่มทักท้วงหาความยุติธรรม ซึ่งทำเอาผมไม่รู้จะตอบกลับไปว่ายังไงดี “คุณรังเกียจผมหรือคุณพีช”

“ไม่ใช่ซักหน่อย!” ผมรีบแย้งกลับไปทันที ซึ่งทำเอาอีกฝ่ายกลับมายิ้มได้อีกครั้ง

“ถ้างั้นคุณบอกผมได้หรือเปล่าว่าเป็นเพราะอะไร”

“เป็นเพราะ....”

“เพราะ?” ร่างสูงมุ่นคิ้วพลางเดินเข้ามาใกล้ๆเพื่อเงี่ยหูฟังให้ชัดๆ

“เป็นเพราะ...” อยากจะบอกว่าอายสุดๆครับ ผมไม่เคยรู้สึกอายแบบนี้มาก่อน “...การแต่งตัวของผมมัน...เอ่อ...”

ไม่พูดเปล่าผมยังชี้นิ้วมายังเสื้อผ้าของตัวเองสลับกับชุดสูทของอเล็กเซย์ด้วย ซึ่งทีแรกร่างสูงไม่เข้าใจ แต่พอผมชี้นิ้วไปยังคราบดินโคลนเท่านั้นแหละ อีกฝ่ายถึงกับบางอ้อ

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ผมเข้าใจคุณแล้วล่ะคุณพีช”

แล้วร่างสูงก็คว้ามือของผมก่อนจะพาผมเดินออกนอกโรงแรม

“นี่นายจะพาฉันไปไหนนะ” ผมถามด้วยความสงสัย ซึ่งอีกฝ่ายไม่ตอบ กลับพาผมเดินขึ้นสะพานลอยข้ามถนนไปยังอีกฝั่ง ก่อนจะพาเดินไปเรื่อยๆจนกระทั่งหยุดเดินที่หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นร้านอาหารที่ติดกระจกใสแลเห็นภายในร้านได้อย่างชัดเจน “เจฟฟรีย์เรสเทอรองก์? หมายความว่ายังไงกันแน่?”

“ก็หมายความว่าผมจะพาคุณเข้าไปทานอาหารที่ร้านนี้ยังไงล่ะครับคุณพีช”

อีกฝ่ายยิ้มตอบกลับมาก่อนจะดึงผมให้เข้าไปในร้านด้วยกัน

กรุ้งกริ่ง! กรุ้งกริ่ง!

เสียงกระดิ่งตอนเปิดร้านดังเบาๆ แลเห็นภายในร้านที่ถูกตกแต่งอย่างทันสมัย พอร่างสูงพาผมเดินเข้าไปข้างในร้านแล้ว ผมก็เห็นชายหนุ่มผมแดงยาวรวบไปด้านหลังสวมหมวกสีขาวทรงสูง นัยน์ตาสีทอง ผิวขาว ร่างกายสูงโปร่งสวมชุดพ่อครัวยืนอยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์

“ไฮอเล็กเซย์ เป็นไงมาไงถึงมาที่นี่ได้”

“พอดีเบื่ออาหารที่โรงแรมนะ ก็เลยแวะมาที่นี่” อเล็กเซย์พูดตอบกับอีกฝ่ายเป็นภาษาฝรั่งเศส ซึ่งทำเอาผมกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ลำพังแค่ภาษาอังกฤษก็แทบแย่ เพราะฉะนั้นเรื่องภาษาฝรั่งเศสก็ไม่ต้องพูดถึงกันอีก แล้วร่างหนาก็หันมาทางผม “เจฟฟรีย์นี่คุณพีชเป็นเจ้าของร้านดอกไม้ คุณพีชครับนี่เจฟฟรีย์เป็นเพื่อนสมัยเรียนด้วยกันสมัยมหาวิทยาลัย และเป็นเจ้าของร้านอาหารที่นี่ด้วยครับ”

“เอ่อ ไนซ์ทูมีทยูมิสเตอร์…”

“พูดภาษาไทยกับผมก็ได้นะครับคุณพีช ผมฟังออก” เจฟฟรีย์บอก ซึ่งทำเอาผมยิ้มแห้งๆ

“เจฟฟรีย์ ขอห้องอาหารแบบพิเศษหน่อยได้หรือเปล่า” อเล็กเซย์เอ่ยปากถาม “พอดีอยากทานแบบส่วนตัวนะ”

“ได้สิ มันว่างอยู่พอดี เชิญเลยๆ”

แล้วเจฟฟรีย์ก็พาพวกผมเดินขึ้นไปชั้นสอง ก่อนจะพาเข้าไปในห้องอาหาร ซึ่งดูไม่เล็กไม่ใหญ่ แถมถูกตกแต่งอย่างมีระดับมีสไตล์ มีโต๊ะปูด้วยผ้าสีแดงเข้มวางอยู่กลางห้อง ตามด้วยเก้าอี้พนักพิงคลุมผ้าสีขาวอ่อนทับไว้ทั้งสองตัว และนอกจากนี้ยังมีทีวีจอแบนกับเครื่องสเตริโอไว้สำหรับร้องเพลงตั้งไว้ในห้องอีกด้วย

“เอ่อเจฟฟรีย์ ขออาหารแบบพิเศษสำหรับสองที่ แล้วก็ไวน์แบบเดิมด้วย” อเล็กเซย์สั่งอาหารหลังจากพวกผมนั่งที่เรียบร้อยแล้ว

“ได้เลย เดี๋ยวจัดการให้”

พอเจ้าของร้านเดินออกไปแล้ว ร่างสูงก็หันมาถอดเสื้อสูทออกพร้อมกับดึงเนคไทออกนิดหน่อยเพื่อให้หายใจสะดวก ก่อนจะหันมายิ้มให้กับผม

“เป็นยังไงบ้างครับคุณพีช ร้านของเพื่อนผมถูกใจคุณหรือเปล่า”

“อะ...อืม ก็ถูกใจดีนะ” ผมตอบพลางมองไปรอบๆแก้เขิน เพราะอีกฝ่ายเล่นทำตัวเสมอภาคกับผมจนผมเกือบมองหน้าไม่ติด “จริงสิอเล็กเซย์ นายเคยร้องเพลงคาราโอเกะบ้างหรือเปล่า”

ผมรีบพูดเปลี่ยนเรื่อง

“เคยครับ” ร่างหนาพยักหน้าตอบก่อนจะพูดต่อ “ผมจะร้องก็ตอนที่มาสังสรรค์กับครอบครัวหรือไม่ก็เพื่อนเท่านั้น ว่าแต่คุณล่ะ คุณชอบร้องเพลงคาราโอเกะหรือเปล่า”

“ก็ชอบนะ แต่ฉันร้องไม่ค่อยเก่งซักเท่าไหร่ ส่วนมากจะฟังเพื่อนๆร้องเสียมากกว่า”

“ถ้างั้นผมจะร้องเพลงให้คุณฟังเอง” ว่าแล้วร่างสูงก็ผุดลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปที่คอมพิวเตอร์เพื่อเลือกเนื้อเพลงที่จะร้อง ไม่นานนักเสียงเพลงก็เริ่มบรรเลง พร้อมกับจอทีวีที่เขียนชื่อเพลงว่า’ไม่รู้จักฉัน ไม่รู้จักเธอ’ ของดา เอ็นโดรฟิน–ป๊อบ แคลอรี่ บลา บลา แล้วร่างสูงก็รีบคว้าไมค์ก่อนจะเดินกลับมาร้องที่โต๊ะ

หากความรักเกิดในความฝัน เราจุมพิตโดยไม่รู้จักกัน

ปฏิทินไม่บอกคืนและวัน ดังที่ฉันไม่เคยต้องการ

อเล็กเซย์ร้องพลางจ้องมาที่ผมตลอดเวลา ซึ่งทำเอาผมรู้สึกหน้าร้อนผ่าวอย่างบอกไม่ถูก

อยากให้เธอได้พบกับฉัน เราสมรสโดยไม่มองหน้ากัน

จูบเพื่อล่ำลาในความสัมพันธ์ ก่อนที่ฉันจะปล่อยให้เธอหายไป

โดยไม่รู้จักเธอ


เพลงจบแต่คนไม่จบ กลับวางไมค์ลงบนโต๊ะแล้วโน้มตัวลงมาหาผมที่นั่งอยู่ ก่อนจะจูบบนริมฝีปากของผมโดยที่ผมได้แต่มองตาค้างเพียงอย่างเดียว

..............................

 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 1 อเล็กเซย์ 24/8/57)
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 24-08-2014 14:07:06
 :hao7: ว๊ากกกกก อเลกเซย์เคลมเร็วมาก 5555
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 1 อเล็กเซย์ 24/8/57)
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 24-08-2014 14:31:43
ตอนที่ 2 ลักหลับ

................................................

ผมไม่รู้ตัวหรอกว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่พอหลังร้องเพลงจบผมก็จูบพีชเข้าไปแล้ว ใบหน้าของร่างบางเริ่มตื่นตระหนกเมื่อถูกผมจูบลงไป กลิ่นอันหอมหวานของน้ำดอกไม้จากริมฝีปากของพีชทำเอาผมอยากจะบดอยากจะขยี้ริมฝีปากอันบอบบางนั่นเสียจับใจ แต่ก็ต้องผละออกอย่างน่าเสียดายเพราะได้ยินเสียงแก้วน้ำตกแตกที่พื้น

“เอ่อ ขอโทษที่เข้ามารบกวน” เสียงของเจฟฟรีย์พูด ซึ่งทำเอาร่างบางรู้สึกตัวรีบลุกขึ้นยืน

“เดี๋ยวฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” แล้วอีกฝ่ายก็รีบเดินออกไปข้างนอกห้องอย่างรวดเร็ว

“รุกไวจังนะเพื่อนยาก” เพื่อนสนิทถามผมพลางก้าวเท้าข้ามแก้วน้ำที่ตัวเองเพิ่งทำตกแตกไปเมื่อครู่นี้ ก่อนจะวางถาดแก้วน้ำลงบนโต๊ะ “ดูสิอายจนหน้าแดงหนีเข้าห้องน้ำไปเลยเห็นไหม”

“เห็นสิ ทำไมจะไม่เห็นล่ะ”

ผมยิ้มตอบ เพราะเมื่อครู่นี้พีชหน้าแดงจริงๆ

“นี่ๆขอถามไรหน่อยสิ” เจฟฟรีย์สะกิดเรียกผม

“อะไร”

“แน่ใจแล้วรึว่าจะจีบนะ” อีกฝ่ายถามอย่างสงสัย ซึ่งผมพยักหน้าตอบ “ถ้างั้นก็อย่าแค่จูบแบบเด็กๆ คราวหน้าก็จัดการเผด็จศึกเลย”

ผมมุ่นคิ้วมองเพื่อนซี้ที่ชักชวนให้ผมทำในสิ่งที่ไม่ดีตั้งแต่แรกเริ่ม

“เถื่อนไปมั้ยครับคุณเชฟ”

“เถื่อนเถิ่นอะไรกัน ฉันอุตส่าห์ชี้ทางสว่างให้แกแล้วนะไอ้อเล็กเซย์”

“ถ้าทำแบบนั้น เขาก็ได้ต่อยฉันหน้าแหกเอาสิ” ผมเถียงย้อนกลับไป “เหมือนอย่างที่สุภาษิตของไทยว่าเอาไว้ ช้าๆได้พร้าเล่มงามนะ ของแบบนี้ต้องใจเย็น ไม่รีบร้อน”

“เออๆ งามไปคนเดียวของแกเถอะ ฉันไม่ยุ่งด้วยแล้ว”

เจฟฟรีย์บอกก่อนหันไปจัดการกับแก้วที่แตก ซึ่งผมรอได้ไม่นานนัก ร่างบางก็เดินกลับมานั่งอีกครั้งแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเลยซักคำเดียว ส่วนผมก็พูดอะไรไม่ออกเช่นเดียวกัน เพราะกลัวร่างบางจะรังเกียจ แต่ถึงกระนั้นผมก็ไม่อยากให้เงียบอยู่อย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ ผมจึงหยิบขวดไวน์ขึ้นมารินใส่แก้วของพีชทันที

“ไม่ลองดื่มไวน์หน่อยหรือครับคุณพีช ผมอุตส่าห์บอกให้เจฟฟรีย์ไปเอามาให้เป็นพิเศษเลยเชียวนะ”

ผมพูดเปลี่ยนเรื่องเพื่อเอาใจอีกฝ่าย และรอลุ้นให้พีชยอมเงยหน้าขึ้นอย่างใจจดใจจ่อ แล้วความหวังของผมก็สำเร็จ ร่างบางยอมเงยหน้าขึ้นแต่หน้าก็ยังคงแดงอยู่เหมือนก่อนหน้านี้ไม่มีผิด

“อะ...อืม” พีชพูดตอบเสียงเบาพลางยกแก้วขึ้นจิบอย่างช้าๆ ไม่นานนักร่างบางก็ทำหน้าเหมือนประหลาดใจพร้อมกับมองแก้วไวน์สลับกับไวน์ที่ผมถืออยู่ “นุ่มมากเลย แถมอร่อยกว่าที่ฉันเคยดื่มมาซะอีก อเล็กเซย์ไวน์นี้สุดยอดไปเลยนะ!”

คำตอบของอีกฝ่ายทำเอาผมถึงกับโล่งอก เพราะอย่างน้อยผมก็สามารถทำให้พีชกลับมายิ้มได้อีกครั้ง

“ถ้าคุณชอบแล้วล่ะก็ พรุ่งนี้ผมจะเอาไวน์จากที่คอนโดมาให้คุณดื่มอีกดีไหมครับ”

“จริงเหรอ จะเอามาให้จริงๆเหรอ!”

“จริงสิครับ ผมจะแกล้งพูดหลอกคุณเล่นไปทำไมกันล่ะ” ผมยิ้มตอบ แล้วหลังจากนั้นผมกับพีชก็นั่งรับประทานอาหารสลับกับร้องเพลงคาราโอเกะไปด้วยพร้อมกันอย่างสนุกสนาน จนกระทั่งถึงเวลากลับ ผมก็ขับรถไปส่งพีชถึงบ้าน โดยไม่ลืมที่จะบอกร่างบางว่าพรุ่งนี้จะมาหาแต่เช้าด้วย

..................................

คืนนั้นผมแทบไม่ได้นอนเพราะมัวแต่ครุ่นคิดถึงการกระทำของอเล็กเซย์ ผมไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าเขาทำกับผมแบบนี้ไปทำไม ก็ในเมื่อผมไม่ใช่ผู้หญิงซักหน่อย แถมยังเป็นผู้ชายเพศเดียวกับเขาอีกด้วย

หรือว่าเป็นการจูบทักทายที่ฝรั่งเขาชอบทำกัน…

ผมคิดเข้าข้างตัวเอง พอรุ่งเช้าผมก็ลุกขึ้นมาเปิดร้านต่อโดยที่ยังไม่ได้นอน

“อรุณสวัสดิ์พีช เมื่อวานนี้เป็นยังไง…” เสียงเจย์ร้องทักอรุณสวัสดิ์ ซึ่งพอผมหันหน้ากลับไป อีกฝ่ายถึงกลับอ้าปากค้างเมื่อเห็นหน้าผม “…เฮ้ยพีช ทำไมตาหมองคล้ำแบบนั้นล่ะ เมื่อคืนกลับดึกหรือไง”

“ก็ไม่ดึกมากหรอก เพียงแต่เมื่อคืนฉันกลับมานั่งคิดบัญชีใหม่อีกทีนะ”

ผมพูดโกหกทั้งที่จริงไม่ใช่แบบนั้นซักนิดเดียว

“ขยันเกินเหตุจริงเชียวนะแก” เจย์พูดพลางเอามือขยี้เส้นผมของผมด้วยความหมั่นไส้ “แล้วคราวหน้าก็อย่าได้ทำแบบนี้อีกนะ เดี๋ยวแม่ฉันจะมาวีนหาว่าฉันไม่ดูดำดูดีแก”

“เออ ไม่ทำแล้วแน่ๆ ฉันให้สัญญา”

แล้วเจย์ก็ผละออกจากผมไปทำหน้าที่ของตัวเองต่ออย่างรู้หน้าที่ ส่วนผมก็หันมายกกระถางดอกไม้ออกมาเรียงโชว์หน้าร้านของตัวเอง

“เอ่อ อรุณสวัสดิ์ครับคุณพีช” เสียงทุ้มดังมาจากด้านหลัง ทำเอาผมหันหน้ากลับไปก่อนจะพบว่าร่างสูงไม่ได้สวมเสื้อสูทเหมือนอย่างเคย แต่เป็นเพียงแค่เสื้อคอวีสีเทากับกางเกงยีนส์สีเข้มเท่านั้น แถมในมือก็ยังถือถุงใหญ่ใบหนึ่งซึ่งผมเดาได้เลยว่ามันต้องเป็นขวดไวน์ตามที่อีกฝ่ายเคยพูดเอาไว้เมื่อคืนอีกด้วย พอผมหันหน้ากลับไปแล้ว ร่างสูงถึงกับเบิกตากว้างมองผมด้วยความตกใจ “คุณเป็นอะไรไปคุณพีช! ทำไมตาของคุณถึงหมองคล้ำแบบนั้นล่ะ”

ก็เพราะมัวแต่คิดเรื่องของนายจนไม่ได้นอนยังไงล่ะ

“พอดีฉันมัวแต่นั่งทำบัญชีจนดึกนะ” ผมคิดอีกอย่างแต่ตอบกลับไปอีกอย่าง ก่อนจะรีบพูดเปลี่ยนเรื่อง “ว่าแต่วันนี้นายไม่ไปทำงานหรืออเล็กเซย์”

ร่างหนาได้ยินก็รีบส่ายหน้าไปมา

“วันนี้ผมหยุดนะครับ” อีกฝ่ายตอบในขณะที่ยกถุงนั้นขึ้นมา “แล้วนี่ไวน์ที่คุยกันไว้เมื่อคืน ถ้าคุณต้องการเพิ่มก็บอกผมได้นะครับ ผมจะได้เอามาให้อีก”

“ไม่ต้องหรอก แค่นี้ก็เกรงใจแทบแย่แล้ว” ผมยิ้มตอบก่อนจะรับถุงนั้นมาเปิดดู ซึ่งภายในถุงเต็มไปด้วยขวดไวน์อยู่สี่ห้าขวดเห็นจะได้

“จริงสิคุณพีช วันนี้คุณว่างทั้งวันหรือเปล่าครับ” อยู่ๆอีกฝ่ายก็เอ่ยปากถามขึ้นมา ทำเอาผมถึงกับเงยหน้าขึ้นมองด้วยความประหลาดใจ “พอดีผมอยากจะชวนคุณไปเที่ยวโรงงานไวน์นะครับ ไม่ทราบว่าคุณสนใจจะไปกับผมหรือเปล่า”

คำพูดของร่างสูงทำเอาผมถึงกับตกตะลึง เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะพาผมไปออกเดต เอ่อ ไม่สิ ต้องเรียกว่าเที่ยวถึงจะถูก

“ว่ายังไงครับคุณพีช คุณสนใจจะไปกับผมไหม” ร่างสูงโปร่งถามย้ำอีกครั้ง ซึ่งทำเอาผมรู้สึกลังเล ใจหนึ่งก็อยากไปดูโรงงานผลิตไวน์ที่ตัวเองชื่นชอบ อีกใจหนึ่งก็ห่วงร้านกลัวจะไม่มีคนช่วยเจย์ดูร้าน

“คือผมต้องอยู่ทำงานนะครับ คงไป...”

“แกไปเถอะพีช ฉันอยู่คนเดียวได้” อยู่ๆคนกวนประสาทอย่างเจย์ก็พูดขึ้นแทรก ทำเอาผมหันไปถลึงตาใส่ ทว่าอีกฝ่ายไม่สนใจ กลับพูดขึ้นมาอีกอย่างหน้าด้านๆ “เมื่อคืนนายก็มัวแต่ทำบัญชีจนดึกจนดื่นไม่ใช่รึไง ไปพักเถอะ เดี๋ยวก็เป็นลมเป็นแล้งอีก ส่วนทางนี้ฉันจะเป็นคนดูแลเอง ไม่ต้องห่วง”

ทีแรกผมไม่ยอมไป แต่สุดท้ายก็ต้องไปเพราะถูกเจย์ขู่ไว้ว่า ถ้าผมไม่ไป มันจะเอาเรื่องที่ผมนอนดึกไปฟ้องแม่มัน

“ดูเหมือนคุณจะสนิทกับลูกพี่ลูกน้องคุณมากเลยนะครับคุณพีช” อีกฝ่ายถามในขณะที่กำลังขับรถพาผมไปที่โรงงานผลิตไวน์ ซึ่งทำเอาผมที่นั่งอยู่ฝั่งข้างคนขับได้ยินที่อเล็กเซย์ถามถึงกับถอนหายใจด้วยความอ่อนเพลีย

“ก็ไม่เท่าไหร่หรอก เพียงแต่คุณอาชอบพาเจย์มาเที่ยวบ้านฉันบ่อยๆ ก็เลยเล่นด้วยกันตั้งแต่ยังเล็ก” ผมตอบพลางมองไปนอกตัวรถที่กำลังวิ่งแล่นออกนอกเมืองหลวง “แต่พอโตขึ้น ฉันกับเจย์ก็ไม่ได้เล่นด้วยกันอีก เพราะต่างคนต่างเรียนหนังสือ แถมที่เรียนก็อยู่ห่างกันไกลจนไม่สามารถไปมาหาสู่ได้กันบ่อยๆเหมือนตอนเด็กได้อีก”

“ขอโทษนะครับที่เสียมารยาท คุณพีชเรียนจบจากอะไรหรือครับ”

อีกฝ่ายถามอย่างสงสัย ซึ่งทำเอาผมที่กำลังเหม่อลอยมองทัศนียภาพของท้องทุ่งนาถึงกับสะดุ้งตกใจ

“เอ่อ คือฉัน...” ผมพูดด้วยความลังเล ก่อนจะตัดสินใจพูดให้อีกฝ่ายฟังด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “...เรียนหนังสือไม่จบ พอดีมีปัญหาด้านสุขภาพร่างกายนะอเล็กเซย์”

คำตอบของผมทำเอาอีกฝ่ายชะลอความเร็ว แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้เอ่ยปากถามผมอีก จนกระทั่งถึงโรงงานผลิตไวน์ ซึ่งมันเป็นสถานที่ๆใหญ่พอสมควร แถมติดกับสวนผลไม้ที่เอาไว้เพาะบ่มไวน์ด้วย ทำเอาผมที่เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกถึงกับดีใจจนลืมเรื่องที่อเล็กเซย์ถามไปเสียสนิท พอมาถึงที่แล้วร่างสูงโปร่งก็พาผมลงจากรถก่อนจะออกพาเดินส่วนหน้า ซึ่งผมเดาเอาว่าน่าจะเป็นสำนักงาน

“ที่โรงงานนี้จะแบ่งออกเป็นสี่ส่วน หนึ่งนั่นก็คือส่วนหน้าซึ่งจะมีสำนักงาน ห้องวีดีทัศน์และห้องโถง” อเล็กเซย์พูดอธิบายในขณะพาผมเดินนำราวกับเป็นไกด์ซะเอง ซึ่งในระหว่างเดินอยู่นั้น ก็จะมีเจ้าหน้าที่แวะมาคุยกับร่างสูงบ้างเป็นบางครั้งบางคราวแต่ผมก็ไม่ได้สนใจจะฟัง “สองจะเป็นส่วนกลาง เป็นที่ตั้งของห้องบ่มไวน์ ซึ่งก็คือห้องนี้ครับคุณพีช”

อีกฝ่ายพูดพลางผายมือ ทำให้ผมต้องหันไปมองผ่านประตูก่อนจะเห็นห้องสี่เหลี่ยมที่เก็บถังไม้โอ๊คอยู่เต็มไปหมด

“ที่นี่จะมีถังไม้โอ๊คฝรั่งเศสอยู่สองขนาด และถัดจากห้องนี้ไปจะเป็นห้องบรรจุขวดกับระบบบรรจุแบบกึ่งอัตโนมัติ ส่วนนั่นก็เป็นห้องเก็บสต๊อคสินค้าควบคุมอุณหภูมิ และนั่นก็เป็นส่วนของโกดังเก็บของครับ”

“โอ้โห! สุดยอดไปเลย” ผมเผลอร้องอุทานออกมา ทำเอาคนที่ทำหน้าที่เป็นไกด์อดอมยิ้มเสียมิได้ “เคยเห็นแต่ในทีวี ไม่คิดว่าจะได้มาเห็นของจริง”

“ถ้าคุณพีชชอบ คราวหน้าผมจะพาคุณมาที่นี่อีก”

ร่างหนาตอบ หลังจากนั้นไกด์จำเป็นก็พาผมเดินชมต่อจนกระทั่งมาถึงส่วนสุดท้าย ซึ่งเป็นพื้นที่ตั้งของถังหมักสกัดสีไวน์ ห้องเย็น ห้องเก็บของ ห้องกลั่น และห้องเก็บบ่มบรั่นดี เมื่ออีกฝ่ายพาผมจนทั่วโรงงานแล้วก็พาขึ้นรถกลับ

“นี่มันก็เที่ยงแล้ว คุณพีชอยากกินข้าวที่ไหนบอกผมมาได้เลยครับ” ร่างสูงถามในขณะที่ขับรถอยู่

“ที่ไหนก็ได้แล้วแต่นายนะอเล็กเซย์” ผมตอบ แล้วร่างสูงก็ขับพาผมมาแวะจอดที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นร้านที่ผมไม่คิดว่าคนอย่างอเล็กเซย์จะมากินอาหารที่นี่ “เอ่อ อเล็กเซย์ นายแน่ใจแล้วเหรอว่าจะมากินอาหารกลางวันที่นี่นะ”

ผมถามในขณะที่เงยหน้ามองป้ายร้านอาหาร

ส้มตำซ่าแซบ

“แน่ใจสิครับคุณพีช” ร่างสูงหันมายิ้มตอบ “ถ้าคุณพีชกินไม่ได้ ผมจะได้พาคุณไปที่ร้านอื่นแทน”

“กินได้สิ ส้มตำนี่ของชอบเลยล่ะ” ผมบอก แล้วร่างสูงก็พาผมเดินเข้าไปในร้าน ก่อนจะนั่งโต๊ะไม้ที่ว่างอยู่ หลังจากนั้นพวกผมก็สั่งส้มตำ ต้มแซบ ไก่ทอด และอื่นๆมาอย่างละนิดอย่างละหน่อย เพราะพวกผมมากันแค่สองคนคงกินได้ไม่มาก “ถามหน่อยเถอะ นายกินส้มตำเป็นจริงๆเหรอ”

“ก็เป็นสิครับ เห็นผมหน้าตาออกฝรั่งจ๋าแบบนี้แต่ผมก็กินส้มตำเป็นเหมือนกันนะครับคุณพีช”

อีกฝ่ายพูดตอบเสียงเข้มปนโกรธเล็กน้อย ซึ่งทำเอาผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ

โธ่ ไม่น่าถามเลยเรา

พออาหารที่สั่งมาเสิร์ฟถึงโต๊ะแล้ว พวกผมก็ลงมือรับประทานอาหารทันที ซึ่งในระหว่างทานส้มตำไปด้วยนั้น อเล็กเซย์ก็ได้พูดถึงประวัติของโรงงานไวน์ แถมยังอธิบายวิธีการหมักบ่มให้ผมฟังอีกด้วย หลังจากพวกผมทานส้มตำเสร็จแล้วก็พากันขึ้นรถ ทว่าเนื่องด้วยผมไม่ได้นอนมาทั้งคืน ทำให้ผมเผลอหลับไปทั้งๆที่นั่งรถไปได้เพียงแค่สิบนาทีเท่านั้น

....................................

หลังจากผมกับพีชทานส้มตำเสร็จแล้วก็พาขึ้นรถ พอออกรถไปได้แค่สิบนาทีผมก็รู้สึกว่าร่างบางเงียบไป จึงหันไปมองก่อนลอบอมยิ้มเมื่อเห็นอีกฝ่ายนอนหลับปุ๋ย เพราะท่าทางตอนหลับของร่างบางดูเหมือนผู้หญิงมากๆ โดยเฉพาะแพขนตาที่งอนงามทำเอาผมนึกอยากจะจูบอีกรอบแต่ก็กลัวจะตื่นเสียก่อน แต่พอคิดหวนย้อนกลับไปเมื่อคืนวาน ผมจูบเขาไปแล้วแต่ไฉนวันนี้ถึงทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมยังดูเหมือนลืมเรื่องเมื่อวานนี้ไปแล้วด้วย

ลืมอย่างนั้นเหรอ

ไม่รู้ความคิดอะไรมาดลใจให้ผมรู้สึกโกรธขึ้นมา ทำให้ผมรีบเหยียบเบรกหยุดรถทันที โชคดีที่ร่างบางหลับลึกไปแล้วถึงไม่รู้สึกว่ารถได้หยุดจอด เมื่อรถหยุดสนิทผมก็ดึงเบรกมือพลางหันไปมองร่างบาง ก่อนจะโน้มตัวลงจูบกับริมฝีปากอันบอบบางนั้นทันที ถึงแม้จะได้กลิ่นหอมหวานของลูกอมรสเป๊ปเปอร์มินที่เจ้าตัวนำขึ้นมาอมหลังทานส้มตำไปแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมคลายโกรธไปได้ ผมทั้งขยี้ทั้งบดเบียดริมฝีปากนั้นอย่างรุนแรงจนร่างบางที่นอนหลับอยู่เริ่มดิ้น แต่ทว่าอีกฝ่ายไม่ยอมเปิดปากออก ผมจึงสอดมือเข้าไปใต้เสื้อก่อนจะลูบไล้ที่หน้าท้องแบนราบ ซึ่งทำเอาร่างเล็กถึงกับเปิดปากส่งเสียงร้องในลำคอ เมื่ออีกฝ่ายยอมเปิดปากออกแล้ว ผมก็รีบสอดลิ้นลงไปทันที

“อื้มม อือออ”

อีกฝ่ายร้องครวญครางเมื่อผมสอดลิ้นเกี่ยวกระหวัดลิ้นเล็กอย่างไม่หยุดยั้ง จนกระทั่งพีชขูดเล็บลงบนแผ่นหลังของผมอย่างแรง ผมถึงได้สติก่อนจะรีบผละร่างบางออกมาด้วยความตกใจ โชคยังดีที่พีชยังไม่ตื่น เพราะไม่งั้นผมคงถูกอีกฝ่ายต่อยเอาอย่างแน่นอน ผมมองริมฝีปากที่บวมเจ่อของอีกฝ่ายอย่างรู้สึกผิด ผิดที่ใช้อารมณ์ของตัวเองมาทำร้ายร่างบาง ผิดที่ทำร้ายอีกฝ่ายตอนหลับไม่ได้สติอีกด้วย

พีช ผมขอโทษ….

เมื่อคิดได้ดังนั้นผมก็หันกลับไปขับรถต่ออย่างเงียบๆ

.................................

“พีชครับ คุณพีช ตื่นได้แล้ว ถึงบ้านแล้วนะครับ”

เสียงทุ้มสะกิดเรียกให้ผมรู้สึกตัว ผมลืมตาขึ้นมาอย่างงัวเงีย ก่อนจะเห็นร่างสูงในระยะประชิด

“นี่ฉันหลับไปงั้นหรือเนี่ย” ผมพูดพลางยกมือขยี้ตา

“ครับ หลับสนิทตั้งแต่ออกจากร้านส้มตำเลย” อเล็กเซย์ตอบก่อนจะพูดต่อ “ผมว่าคุณกลับไปนอนพักผ่อนจะดีกว่านะครับ เรื่องร้านก็ปล่อยให้เจย์ดูต่อแทน”

“อืม เอางั้นก็ได้”

อเล็กเซย์ว่ายังไงผมก็ว่าอย่างนั้น เพราะตอนนี้ผมง่วงจะแทบแย่อยู่แล้ว ในขณะที่ผมกำลังจะเปิดประตูรถ มือหนาก็คว้าแขนของผมเสียก่อน

“เอ่อ ขอ…”

ขอ? ขออะไรมิทราบ คนยิ่งง่วงๆอยู่

“…ผมขอยืมมือถือคุณพีชได้หรือเปล่าครับ พอดีมือถือของผมแบตหมดนะ”

“อ้อ ได้สิ”

ผมตอบพลางควักมือถือจากกระเป๋าส่งให้อีกฝ่าย ร่างสูงรับมาก่อนทำท่าจิ้มมือถือ ซึ่งผมไม่ได้สนใจจะดูเพราะง่วงจะแทบแย่ ผมรอได้ไม่นานนักร่างสูงก็ส่งมือถือคืนผม

“ขอบคุณคุณพีชมากนะครับที่ให้ยืม”

“ไม่เป็นไร” ผมตอบก่อนจะลงจากรถ “ขอบคุณมากที่มาส่งฉันนะอเล็กเซย์ วันนี้สนุกมากเลย”

ผมหันไปบอก ซึ่งอีกฝ่ายก็ยิ้มตอบกลับมา

“ไม่เป็นไรครับ แค่คุณพีชชอบผมก็พอใจแล้ว”

พอร่างสูงขับรถออกไปแล้ว ผมก็เดินกลับเข้าร้านก่อนเห็นเจย์กำลังยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ด้วยสีหน้าตกใจ

“เป็นไรเจย์ ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ” ผมถามอย่างสงสัย ซึ่งพออีกฝ่ายได้ยินที่ผมพูด ก็ยกนิ้วชี้มาทางผม

“ก็ปากนายนะสิ มันบวมแดงไปหมดแล้ว”

“ห๊ะ?! ปากฉันนะหรือบวมแดง”

ผมพูดพลางรีบยกมือขึ้นจับปากตัวเอง ซึ่งพบว่ามันบวมอย่างที่เจย์พูดเอาไว้จริงๆ

“ก็ใช่นะสิบวมจนเจ่อไปหมดแล้ว” ร่างสูงตอบก่อนจะพูดต่อ “ถามจริงเถอะ แกไปทำอะไรมากันแน่พีช”

ผมมุ่นคิ้วพลางนึกย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ก่อนจะร้องอ้อ

“คงเป็นเพราะส้มตำแน่ๆเลย เพราะเมื่อตอนกลางวันนี้ฉันกับอเล็กเซย์ไปกินส้มตำกันมานะ”

“แพ้ส้มตำงั้นรึ?”

“อืม คงประมาณนั้นแหละ” ผมตอบก่อนจะทำท่าเดินเข้าไปหยิบยาแก้แพ้ขึ้นมากิน “เดี๋ยวพอกินยาเสร็จ ฉันขอตัวไปนอนก่อนนะเจย์ มันเบลอๆยังไงไม่รู้แหะ”

“เออๆ ไปนอนเหอะ เดี๋ยวทางนี้ฉันดูแลเองได้”

แล้วผมก็ขึ้นบนบ้านไปนอน พอหัวถึงหมอนก็หลับไปทันที ซึ่งผมไม่รู้หลับไปนานเท่าไหร่ รู้สึกตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงมือถือดังขึ้น จนทำเอาผมต้องเงยหน้าจากหมอนคว้ามือถือที่วางอยู่ข้างหัวเตียงขึ้นมาหรี่ตามองเบอร์ในมือถือ

Aleksey

“อเล็กเซย์?” ผมพูดชื่อที่เห็นก่อนจะกดรับสายโทรศัพท์ด้วยความมึนงง “สวัสดีครับ พีชกำลังพูดอยู่ครับ”

“ผมต้องขอโทษด้วยนะครับคุณพีช ที่โทรมารบกวนคุณในเวลานอน” เสียงคุ้นหูดังขึ้น ทำเอาผมมุ่นคิ้ว “แล้วก็ต้องขอโทษที่ผมเมมเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองไว้ในเครื่องของคุณด้วย”

“อ้อ ไม่เป็นไรหรอก เรื่องแค่นี้ฉันไม่ถือ” ผมตอบพลางยกมือขึ้นเกาหัวหยิกๆ

“ว่าแต่คุณพีชเป็นยังไงบ้างครับ”

“ก็สบายดี หลับเต็มอิ่มดี”

“ไม่ใช่ครับ ผมหมายถึง…” อีกฝ่ายชะงักราวกับลังเลที่จะถาม แต่สุดท้ายก็ยอมพูดออกมา “…ปากของคุณ ผมเห็นมันบวมแดงตอนคุณลงจากรถนะครับ”

“เอ๋? นายเห็นด้วยงั้นหรือ” ผมถามกลับด้วยความประหลาดใจ เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเห็นด้วย

“ครับ ผมเห็น” ดูเหมือนน้ำเสียงที่อีกฝ่ายพูดจะแผ่วเบาลง ซึ่งผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ก่อนจะหันไปมองกระจกในตู้กระจก ซึ่งบัดนี้ปากของผมได้หายบวมแล้ว มีเพียงแค่รอยแดงที่ยังคงอยู่

“ก็ใกล้จะหายดีแล้วล่ะ เพราะก่อนนอนฉันได้กินยาแก้แพ้ไปแล้วนะ” ผมบอกเพื่อมิให้อีกฝ่ายต้องเป็นห่วง “ว่าแต่นายมีเรื่องจะคุยกับฉันแค่นี้ใช่ไหม”

แล้วผมก็รอเสียงปลายสายตอบกลับมา แต่ก็เงียบจนผมต้องเอ่ยปากเรียกอีกครั้ง

“อเล็กเซย์? นายยังอยู่หรือเปล่า”

“อ๊ะ ยังอยู่ครับ” เสียงทุ้มตอบกลับมา “ถ้าคุณไม่เป็นอะไรแล้ว ผมก็ค่อยเบาใจหน่อย เพราะผมทำให้คุณต้อง…ปากแดง”

“ไม่ต้องคิดมากหรอกอเล็กเซย์ กะอีแค่ปากแดงเพราะแพ้ส้มตำ กินยาเดี๋ยวก็หาย” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ

“ครับ ถ้างั้นวันนี้พอแค่นี้ก่อนนะครับ ผมไม่รบกวนคุณแล้วล่ะ ราตรีสวัสดิ์ครับคุณพีช”

“เช่นกันอเล็กเซย์ ราตรีสวัสดิ์” แล้วอีกฝ่ายก็วางสายไป ทำให้ผมต้องมานั่งครุ่นคิดอย่างหนักว่าทำไมอีกฝ่ายถึงต้องโทรมาถามเรื่องนี้ทั้งๆที่มันเป็นเรื่องเล็กด้วยซ้ำไป “เฮ้อ ช่างมันเถอะ นอนต่อดีกว่าเรา”

แล้วผมก็ล้มตัวนอนลงก่อนจะหลับไปอย่างรวดเร็ว

.......................

 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 2 ลักหลับ 24/8/57)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 24-08-2014 15:02:47
 :pig4:   :katai2-1:
สนุกค่ะ แวะมาสร้างแลนด์มาร์ค
แอบจูบไม่ถือว่าลักหลับนะจ๊ะคุณ  Alexay
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 2 ลักหลับ 24/8/57)
เริ่มหัวข้อโดย: shichina ที่ 25-08-2014 00:24:33
 :katai1: ทำไมทำแค่จูบล่ะ!!!!

อัพต่อไวๆนะคะ จะรอดูว่าหมาป่าอเล็กเซย์จะสลัดคราบหนังแกะเผด็จศึกพีชเมื่อไร  :hao6:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 2 ลักหลับ 24/8/57)
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 25-08-2014 08:59:08
ตอนที่ 3 ลูกพีช

.........................

วันถัดมาผมก็ลุกขึ้นตื่นแต่เช้ามาจัดดอกไม้ตามเดิม ส่วนไอ้เจย์ก็ทำหน้าที่ของมันไป ในขณะที่ผมกำลังขายดอกไม้อยู่นั้น ผมก็เหลือบเห็นรถเบนซ์คันสีดำคุ้นตาก่อนที่เจ้าของจะลงเดินมาจากรถ ซึ่งวันนี้มาด้วยชุดสูทสีเทาเต็มยศ

“อ้าวคุณอเล็กเซย์ วันนี้มีธุระอะไรกับเจ้าพีชหรือครับ” เจย์ที่ยืนอยู่หน้าร้านเอ่ยปากทักทายร่างสูงทันทีที่เห็น ทำเอาผมรู้สึกคันไม้คันปากนึกอยากจะต่อยคนกวนประสาทแถวนี้จริงๆ ส่วนร่าง สูงเมื่อถูกมันทักแล้ว ก็หันมายิ้มตอบให้ว่า

“เปล่าครับ ผมก็แค่แวะมาซื้อดอกไม้เฉยๆ”

“อ้าวงั้นหรอกรึ” ไอ้เจย์พูดทำท่าผิดหวังเสียเต็มประดา “ถ้างั้นก็เชิญด้านในเลยครับ เลือกชมได้ตามสบายเลย”

“ครับ ขอบคุณครับ”

ร่างสูงพูดขอบคุณก่อนจะเดินเข้ามาข้างใน ทีแรกผมก็อยากเข้าไปต้อนรับในฐานะเจ้าของร้านดอกไม้ แต่มือไม่ว่าง เพราะวันนี้ลูกค้าเยอะเหลือเกิน ซึ่งในช่วงที่ผมกำลังขายดอกไม้ให้กับลูกค้าคนอื่นอยู่นั้น ผมก็รู้สึกเหมือนมีใครกำลังมองอยู่ จึงเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะพบกับนัยน์ตาสีทองที่จ้องมองมา

อเล็กเซย์...

แล้วอีกฝ่ายก็หันหน้ากลับไปมองดอกไม้ตามเดิม ซึ่งผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะคิดว่าอเล็กเซย์คงต้องการจะถามอะไรจากผม แต่พอเห็นว่าผมยังไม่ว่างที่จะคุยด้วยก็เลยเลิกหันมามอง จนกระทั่งลูกค้าคนสุดท้ายเดินออกจากร้านไป ร่างสูงถึงจะเดินกลับมาหาผมพร้อมด้วยกระถางดอกกุหลาบสีแดงในมือ

“นายจะซื้อดอกกุหลาบไปปลูกที่บ้านหรืออเล็กเซย์” ผมถามอย่างสงสัย ซึ่งอีกฝ่ายพยักหน้าตอบ

“ครับ พอดีแม่ของผมต้องการปลูกดอกไม้นะครับ แต่ท่านไม่ได้บอกผมว่าจะปลูกดอกไม้อะไร ผมก็เลยเดินเลือกอยู่ตั้งนานจนได้เจ้าดอกกุหลาบสีแดงมานี่แหละครับคุณพีช” ร่างสูงพูดไปหัวเราะไปพลาง

“ก็ดีแล้วนี่ เพราะดอกกุหลาบนี่แสดงถึงความรัก นายเลือกได้เหมาะสมที่สุดสำหรับท่านแล้วล่ะ” ผมพูดอย่างเห็นด้วยกับความคิดของร่างสูง “แต่ก็ดีแล้วที่คิดมาซื้อในตอนนี้ เพราะมันอยู่ในช่วงซัมเมอร์เซลล์ สำหรับนายแล้ว ฉันจะลดให้อีกสิบเปอร์เซ็นต์ ถือซะว่าเป็นของตอบแทนที่นายอุตส่าห์พาฉันไปเที่ยวชมโรงงานไวน์แล้วกันนะ”

อเล็กเซย์ได้ยินถึงกับยิ้ม

“ขอบคุณครับคุณพีช”

เมื่อซื้อเสร็จแล้วอีกฝ่ายก็เดินขึ้นรถกลับไป แล้ววันถัดมาร่างสูงก็มาซื้อดอกไม้อีก แต่คราวนี้เป็นช่อดอกไม้ซึ่งอีกฝ่ายอ้างว่าจะเอาไปให้กับลูกค้าของบริษัท พอวันถัดไปก็มาอีก แต่ซื้อดอกไม้ไม่เหมือนกับวันที่สอง จนเข้าวันที่ห้าร่างสูงก็ยังคงขับรถมาซื้อดอกไม้ที่ร้านผมอีกตามเคย จะเรียกได้ว่าเป็นลูกค้าขาประจำของร้านเลยก็ว่าได้

“มาซื้อดอกไม้อีกแล้วหรือครับคุณอเล็กเซย์” เสียงเจย์เอ่ยปากทักทายก่อนผมทุกครั้งที่ร่างสูงมา ซึ่งวันนี้เป็นอีกวันที่อเล็กเซย์มาซื้อดอกไม้เหมือนตามปกติ

“เปล่าครับ” อีกฝ่ายส่ายหน้าตอบ ทำเอาเจย์กับผมถึงกับร้องอ้าว “วันนี้ผมตั้งใจจะมาชวนคุณพีชไปดูหนังนะครับ ไม่ทราบว่าวันนี้คุณพีชว่างหรือเปล่าครับ”

“เอ่อ...ขอโทษทีนะอเล็กเซย์ วันนี้ฉันไม่ว่างนะ” ผมตอบปฏิเสธไปแบบอ้อมๆ เพราะรู้สึกเกรงใจที่อีกฝ่ายมาชวนไปเที่ยวบ่อยๆ ส่วนอีกฝ่ายถึงกับหน้าซีดเมื่อได้ยินคำตอบจากปากผม

“อย่างงั้นเหรอครับ”

แล้วอีกฝ่ายก็หมุนตัวเดินกลับไปขึ้นรถ ซึ่งทำเอาผมรู้สึกใจเสียอย่างบอกไม่ถูก

“จะใจร้ายเกินไปหรือเปล่าพีช เล่นปฏิเสธเขาไปแบบนั้นนะ” เจย์พูดพลางสะกิดไหล่ผมอย่างแรงๆ “เขาอุตส่าห์มาซื้อดอกไม้ที่ร้านเราทุกวัน นายน่าจะยอมไปๆกับเขาหน่อยเถอะ”

คำพูดของเจย์ทำเอาผมคิดมาก

“แถมวันนี้ร้านเราก็ไม่ยุ่งซะด้วย จะไปก็ไปเถอะ เดี๋ยวทางนี้ฉันดูแลเองได้” ลูกพี่ลูกน้องยังคงพูดคะยั้นคะยอผม ทีแรกผมจะไม่ไป แต่พอฟังมากๆเข้า ผมกลับถอดผ้ากันเปื้อนออกก่อนจะรีบวิ่งตามอเล็กเซย์ไปอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ตัว

“อเล็กเซย์!” ผมตะโกนเรียกชื่อเสียงดังลั่น ทำเอาร่างสูงที่กำลังขึ้นรถถึงกับชะงัก “ฉันขอไปเที่ยวด้วยแล้วกันนะ พอดีฉันมีหนังที่กำลังอยากดูอยู่พอดี”

พอผมพูดจบ อีกฝ่ายถึงกับยิ้มด้วยความดีใจ

“ครับ ถ้างั้นขึ้นรถไปกันเถอะครับคุณพีช”

“อืม” เมื่อผมกับอเล็กเซย์ไปถึงห้างสรรพสินค้าแล้ว ก็เดินไปส่วนของโรงหนังก่อนจะเดินเข้าไปต่อคิวเพื่อซื้อตั๋ว

“คุณพีชอยากดูหนังอะไรหรือครับ” ร่างสูงหันมาถาม

“แฮร์รี่พอตเตอร์นะ” ผมตอบพลางมองดูทีวีจอแบนที่กำลังฉายรายชื่อหนังภาพยนตร์อยู่ “เห็นว่าภาคนี้เป็นภาคอวสานแล้วด้วย แต่ถ้านายไม่ชอบดู จะเปลี่ยนเป็นเรื่องอื่นก็ได้นะ”

“ไม่ครับคุณพีช ผมยังไงก็ได้ ดูได้เหมือนกันหมด”

ร่างสูงตอบ หลังจากนั้นพอพวกผมซื้อตั๋วได้แล้ว อเล็กเซย์ก็พาผมไปซื้อป๊อปคอร์นกับน้ำอัดลม ก่อนจะพากันเดินเข้าไปในโรงหนังทันที ในตอนช่วงดูหนังนั้นผมรู้สึกสนุกเพลิดเพลินกับหนังมาก แต่ก็ลอบแปลกใจเสียมิได้ว่าร่างหนามักจะเผลอโดนมือของผมบ่อย หรือไม่ก็เผลอจับมือของผมบ่อย ซึ่งผมไม่ได้คิดมาใส่ใจเพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงกำลังสนุกกับหนังเหมือนกับที่ผมสนุกก็เป็นไปได้ เมื่อหนังจบแล้วพวกผมก็พากันเดินออกมาจากโรง

“นี่ก็เที่ยงแล้วคุณพีชอยากจะกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ” อเล็กเซย์หันมาถาม

“อืม นั่นสิจะไปกินที่ไหนดีหนอ” ผมมุ่นคิ้วพลางนึกถึงร้านอาหารที่ผมอยากกินเป็นพิเศษ แต่แล้วก็เหลือบไปเห็นใครบางคนที่ผมไม่อยากจะเห็นในเวลานี้ “มะ…เมย์”

ร่างหนามุ่นคิ้วเมื่อได้ยินที่ผมเรียกชื่อผู้หญิง พร้อมกับหันหน้าไปตามผม ก่อนจะเห็นสองร่างชายหญิงเดินคู่มาด้วยกัน

“อ้าว นึกว่าใคร ที่แท้ก็…” ชายหนุ่มที่เดินเคียงคู่มากับเมย์ร้องทักเมื่อเห็นผม ผิดกับเมย์ที่ยืนหน้าซีด “…อดีตคนรักเก่าของเมย์ เป็นไงมาไงถึงได้มาเดินกับผู้ชายได้ละนี่”

ผมไม่ตอบเพราะเอาแต่มองหน้าเมย์ ความเจ็บปวดในอกครั้งก่อนได้กลับมาอีกครั้ง ผมเกือบลืมไปแล้วแต่พอมาเห็นอีกที น้ำตาก็พาลจะไหลลงเสียให้ได้ ทว่าด้วยผมที่เป็นลูกผู้ชาย จึงได้แต่ขบปากตัวเองแรงๆ

“พีช” เสียงหวานเรียกชื่อผม เมย์จ้องหน้าผมสลับกับอเล็กเซย์ไปด้วยพร้อมกัน เธอคงสงสัยว่าทำไมผมถึงมาเที่ยวกับผู้ชายได้ แต่เรื่องอะไรที่ผมจะบอกกันล่ะ “คนนั้นเป็นเพื่อนพีชเหรอคะ”

“เรียกคู่ขาซะมากกว่านะเมย์ เพราะเดี๋ยวนี้ผู้ชายเป็นเกย์กันเยอะออกถมไป จริงไหมครับคุณพีช”

อีกฝ่ายพูดตอบพลางมองหน้าเยาะเย้ยผม

“ผู้ชายเป็นเกย์ยังไงก็ดีกว่าพวกเกาะชายกระโปรงหลอกตัวเองไปวันๆ” อยู่ๆอเล็กเซย์ก็พูดขึ้นมา ทำเอาผมถึงกับหันขวับไปมองทันที สีหน้าของร่างสูงดูน่ากลัวจนผมอดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น

อเล็กเซย์พูดอะไรนะ ไม่เห็นจะเข้าใจเลย?

ผมครุ่นคิดในใจด้วความงุนงง แต่ถึงกระนั้นผมก็ดีใจที่ร่างสูงเข้าข้างผม

“มะ...มึงอย่าพูดซี้ซั้ว รีบถอนคำพูดเดี๋ยวนี้!” อีกฝ่ายกัดฟันพูดชี้หน้าใส่อเล็กเซย์ด้วยความกราดเกรี้ยว และทำท่าจะเข้ามาชกแต่โดนเมย์รั้งเอาไว้ “ปล่อยกูสิ กูจะไปต่อยมัน!”

“ไม่ได้นะคะเอ อย่ามีเรื่องกันเลย” ร่างบางพูดขอร้องพลางเกาะแขนของมันไปด้วย ซึ่งทำเอาผมที่ยืนจ้องมองอยู่ถึงกับปวดใจ

ทำไม ทำไมคนข้างเธอถึงไม่ใช่ผม ทำไม…

“ใช่ ผมเองก็ไม่อยากมีเรื่อง เพราะเดี๋ยวมันจะวุ่นวายไปเปล่าๆ” ร่างหนายิ้มเยาะ เสียงเยือกเย็นทำผมอดรู้สึกกลัวๆอย่างบอกไม่ถูก ตอนนี้ผู้คนเริ่มมุงดูกันแล้ว แถมผมก็ไม่อยากจะเห็นหน้าเมย์อีก ก็เลยดึงแขนเสื้อสูทของร่างสูงเบาๆ

“ไปกันเถอะอเล็กเซย์ ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว” ผมบอกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนี้ได้ก็แทบแย่ ผมมองหน้าเมย์แต่ก็จี๊ดไปถึงหัวใจ เจ็บมากเสียจนอยากวิ่งหนีไปไกลๆ ทว่าร่างสูงกลับยืนนิ่งจนผมต้องเรียกอีกรอบ “อเล็กเซย์”

“ครับ”

แล้วผมก็ลากอเล็กเซย์ให้เดินออกไปจากที่นี่ท่ามกลางสายตาผู้คนที่จับจ้อง

......................
 
ขากลับร่างบางแทบไม่พูดอะไร เอาแต่นั่งนิ่งเงียบจนผมนึกอยากเข้าไปกอดเข้าไปจูบเพื่อปลอบร่างเล็กให้หายเศร้า แต่ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะผมกลัวอีกฝ่ายจะโกรธเอา จึงได้แต่ขับรถไปเรื่อยๆจนกระทั่งร่างบางยอมเปิดปากพูด

“อเล็กเซย์ ฉันหิวแล้ว ไปหาอะไรกินกันเถอะนะ”

“ครับ”

ผมตอบก่อนจะขับรถพาร่างบางไปร้านอาหารของเจฟฟรีย์ แน่นอนว่าพอไปถึงที่นั่น ร่างบางกลับเอาแต่ซัดเบียร์เพียงอย่างเดียว ซึ่งผมเองก็ห้ามไม่ทัน จึงได้แต่นั่งดื่มดูอีกฝ่ายดื่มเป็นเพื่อนอย่างเงียบๆ จนกระทั่งเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พีชเริ่มเมามากจนหน้าแดงอย่างเห็นได้ชัด ผิดกับผมที่ยังแค่กรึ่มๆ เพราะขืนเมามากกว่านี้กลัวจะพาร่างบางกลับร้านดอกไม้ไม่ไหว

“ผมว่าพวกเรากลับกันได้แล้วนะครับคุณพีช” ผมบอกพลางจ้องมองนาฬิกา ซึ่งตอนนี้บอกเวลาสองทุ่มกว่าแล้ว แต่ทว่าร่างบางกลับพูดจาอ้อแอ้เหมือนกับเด็กน้อย

“ม่ายกลับ ฉานม่ายกลับ”

“แต่เดี๋ยวคุณเจย์จะเป็นห่วงคุณเอาได้นะครับ” ผมบอกแต่อีกฝ่ายกลับยกเบียร์ขึ้นดื่ม ทำให้ผมต้องหันไปจ่ายเงินให้กับเจฟฟรีย์ ก่อนจะกลับมาที่โต๊ะ “กลับกันเถอะครับ เดี๋ยวผมไปส่ง”

แล้วผมก็ฉุดอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นยืน ก่อนจะพยุงร่างบางเดินกลับไปที่รถ พอผมไปส่งถึงร้านดอกไม้ แต่ร้านกลับปิดไปแล้ว ทำให้ผมต้องพาพีชกลับไปที่คอนโดของตัวเอง เมื่อมาถึงคอนโดผมก็วางร่างบางลงบนเตียงแต่อีกฝ่ายกลับร้องโวยวาย

“เอาเบียร์มา บอกแล้วงายว่าห้ายเอาเบียร์มา”

“ไม่เอาครับคุณพีช แค่นี้คุณก็เมามากพออยู่แล้ว”

“บอกแล้วไงว่าห้ายเอามางาย เอามา!”

“ครับๆ จะเอามาให้เดี๋ยวนี้แหละครับ” ผมใจอ่อนอีกแล้วครับ พออยู่กับพีชทีไรผมมักจะใจอ่อนทุกที ว่าแล้วผมก็ลุกขึ้นเดินไปหยิบเบียร์กระป๋องจากตู้เย็น ก่อนจะเอามาให้กับร่างบาง “นี่ครับคุณพีช”

พีชรับไปเปิดก่อนจะยกขึ้นดื่มอย่างรวดเร็ว ทว่าร่างบางยกดื่มขึ้นไวไปหน่อย ทำให้เบียร์หกรดใส่เสื้อผ้าตัวเอง แลเห็นเสื้อยืดแนบเนื้อจนเห็นข้างในได้อย่างชัดเจน

เอ่อ จะยั่วไปไหมครับลูกพีช…

“นาย…” ร่างบางพูดพลางชี้หน้าผมทั้งๆที่ถือกระป๋องเบียร์ในขณะที่นั่งอยู่บนเตียง ส่วนผมนั่งดื่มอยู่ข้างๆ “…นายเคยมีแฟนบ้างม้ายยยอาเล็กเซย์”

“ไม่เคยมีครับ” ผมตอบไปตามตรง และพยายามหลบหน้าไม่มองพีชเพราะกลัวหักห้ามใจไม่อยู่ แต่อีกฝ่ายกลับจับหน้าผมให้หันกลับไปมอง ทำให้ผมได้เห็นสีหน้าอันแดงกล่ำของร่างบางอย่างชัดเจน

“ดีแล้วที่ม่ายมี” ร่างบางพูดพลางหรี่ตามองผม ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “เพราะม่ายงั้นนายจาเป็นเหมือนกับที่ฉานเป็น อึก รู้หมายว่ามานเจ็บแค่หนาย ที่ต้องทนดูคนที่เราร๊ากกกปายกับคนอื่น”

“คุณพีช คุณเมามากแล้ว รีบนอนเถอะ” ผมพูดพลางผลักร่างบางให้นอน แต่อีกฝ่ายไม่ยอมนอน กลับจ้องหน้าผมซะชิดจนสามารถรู้สึกถึงลมหายใจของกันและกันได้

ใกล้กันเกินไปแล้ว…

“ตั้งแต่พ่อแม่จากปาย ฉานก้อม่ายมีครายอีกแล้ว ม่ายมีครายอีก…” ร่างบางพูดไม่จบเพราะถูกผมจูบเข้าเสียก่อน ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะขัดขืน แต่กลับยอมรับจูบผมอย่างว่าง่าย ผมจูบอยู่เนิ่นนานก่อนจะผละออกมา แล้วหันมาจูบน้ำตาที่ไหลรินจากดวงตาของร่างบางอย่างแผ่วเบา

“ถึงคุณไม่มีใครแต่คุณยังมีผมนะคุณพีช” ผมกระซิบบอกพลางลูบไล้ใบหน้าร่างบางอย่างทะนุถนอม “ผมจะไม่ทิ้งคุณไปไหน จะอยู่เคียงข้างคุณไปตลอด”

ไปตลอดจนกว่าชีวิตจะหาไม่…

......................

ผมรู้สึกตัวอีกที แสงแดดก็เข้ามาแยงตาแล้ว พอขยับตัวไปอีกข้าง กลับต้องชะงักเมื่อเห็นใบหน้าอันคุ้นตาในระยะเผาขน

…อเล็กเซย์?

ผมมุ่นคิ้วครุ่นคิดในใจด้วยความงุนงง ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมผมถึงมานอนอยู่กับอเล็กเซย์ได้ แถมยังอยู่ในอ้อมกอดของอีกฝ่ายด้วย ครั้นพอผมเลิกผ้าห่มขึ้นถึงกับตกใจเมื่อพบว่าตัวเองไม่ได้สวมเสื้อผ้าสักชิ้น แถมเนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยแดงจ้ำๆ ตามลำคอ หัวไหล่ ไหปลาร้า หน้าท้อง โดยเฉพาะหน้าอกกับต้นขาจะเยอะเป็นพิเศษ และนอกจากนี้ร่างสูงก็ไม่ได้สวมเสื้อผ้าด้วยเช่นเดียวกัน

มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?!

ผมคิดได้ดังนั้นก็รีบดันแขนร่างหนาออก ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง

แปลบ!

อยู่ๆผมก็ปวดสะโพกขึ้นมา ทำเอาผมถึงกับนิ่วหน้า แถมนอกจากนี้ร่างกายก็ไม่มีเรี่ยวแรงจนผมต้องล้มตัวลงไปนอนอีกครั้ง แน่นอนว่าการล้มตัวของผมทำให้ร่างหนาลืมตาตื่นขึ้นมา

“อรุณสวัสดิ์ครับคุณพีช” ไม่พูดยิ้มเปล่าเพียงอย่างเดียว กลับยกมือขึ้นโอมกอดพร้อมกับหอมแก้มผมไปด้วย

“นี่นายทำบ้าอะไร!!” ผมตวาดเสียงกลับไปพลางขยับตัวหนีด้วยความตกใจ หากแต่ร่างหนากลับดึงผมเข้าไปในอ้อมกอดของตัวเอง “บอกให้ปล่อยไงเล่าอเล็กเซย์!”

“ทำไมผมต้องปล่อยด้วยล่ะ? ก็ในเมื่อคุณเป็นเมียของผมแล้วนี่ครับ”

ร่างหนามุ่นคิ้วพูด ซึ่งคำว่าเมียทำเอาผมถึงกับอึ้ง

“มะ…ไม่จริงใช่ไหม”

“จริงสิครับ” อเล็กเซย์ตอบก่อนจะพูดต่อ “เพราะเมื่อคืนคุณเมามาก พอผมไปส่งที่ร้าน ร้านคุณก็ดันปิดไปแล้ว ดังนั้นผมก็เลยพาคุณมาที่นี่ แต่ผมไม่ได้ขืนใจคุณนะคุณพีช ที่ผมทำไปก็เพราะผมรักคุณ แล้วคุณเองก็ตอบรับจูบของผมด้วย”

ผมฟังที่อีกฝ่ายพูดถึงกับอึ้งเป็นรอบที่สอง แต่มันก็ยากที่จะเชื่อ เพราะตอนนั้นผมเมาจนจำอะไรไม่ได้เลย

“แต่คุณไม่ต้องเป็นห่วงนะครับคุณพีช เพราะผมจะรับผิดชอบกับสิ่งที่ผมทำกับคุณทั้งหมด” อีกฝ่ายพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม ดูจริงจังเสียจนผมพูดแย้งไม่ออก “ถ้าคุณไม่เชื่อ เอาฟ้ามาเป็นพยานได้ ว่าผมจะรักคุณและจะไม่จากคุณไปไหนเลยตลอดชีวิต”

“จะ…จะบ้าเหรอ! ฉันกับนายเป็นผู้ชายนะ จะให้มารักกันได้ยังไง”

“ทำไมจะรักกันไม่ได้ล่ะ ถ้าผมจะรักคุณซะอย่าง อะไรก็ห้ามไม่ได้หรอก” อีกฝ่ายแย้งทันควัน “แล้วอีกอย่างความรักมันห้ามกันไม่ได้ ต่อให้เป็นเพศเดียวกันก็เถอะ”

“แต่ฉันไม่ได้รักนายนะอเล็กเซย์ นายก็รู้นี่ว่าฉันยังรักเมย์อยู่”

“ไม่เป็นไร ผมรอได้” ร่างหนาตอบก่อนจะคว้ามือผมขึ้นมาหอม ซึ่งทำเอาผมสะดุ้ง “ต่อให้นานแค่ไหนผมก็จะรอ”

“แล้วจะให้ฉันเชื่อนายได้ยังไง ในเมื่อฉันจำอะไรไม่ได้เลย"

ผมแย้งอย่างมีเหตุผล เพราะเมื่อคืนผมจำไม่ได้จริงๆ

“แน่ใจแล้วนะว่าคุณจำไม่ได้” ร่างหนาพูดย้ำเสียงเข้มพลางจ้องผมเขม็งจนผมเป็นฝ่ายที่ต้องหันหน้าหนี “แล้วถ้าผมทำแบบนี้กับคุณล่ะ ยังพอจะจำได้อีกรึไม่”

พูดจบ อีกฝ่ายก็ซุกหน้าเข้ามาที่ลำคอของผม ก่อนจะขบแรงๆ ซึ่งทำเอาผมที่หันหน้าหนีถึงกับสะดุ้งตกใจ

“ยะ…อย่า!” ร่างหนาไม่สนที่ผมบอก กลับรุกต่อจนผมถึงกับร้องคราง “อ่า อเล็ก…เซย์ พอเถอะ ฉัน อึก พอทีเถอะนะ ฉันขอร้อง”

ผมพูดพลางหันหน้าหนี แล้วอยู่ๆภาพเหตุการณ์เมื่อคืนวานก็ได้หวนกลับขึ้นมาในหัว ภาพของอเล็กเซย์จูบผมก่อน แล้วผมก็ดันตอบรับเขาด้วยการจูบ ซึ่งคงไม่ต้องบอกให้รู้ว่าอะไรจะเกิดอะไรขึ้นต่อหลังจากนั้นอีก พอผมคิดได้ดังนั้นก็รู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งหน้า ส่วนร่างสูงที่กำลังนัวเนียกับแก้มผมอยู่นั้น เมื่อไม่ได้ยินเสียงผมร้องก็หยุดทำก่อนจะหันมามองผมด้วยรอยยิ้ม

“เท่านี้คุณพอคงจะจำได้ทั้งหมดแล้วสินะครับ” ผมไม่ตอบ ได้แต่หนีหน้าด้วยความเขินอาย “จะว่าอะไรไหมถ้าผมเรียกคุณว่าลูกพีช”

ผมมุ่นคิ้วหันหน้ากลับมา แต่ก็ชะงักทันทีที่เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายในระยะประชิด

“ว่ายังไงครับ”

“จะเรียกก็เรียกไปแต่…” ผมบอกพลางหันหน้าหนี “…อย่าเรียกต่อหน้าคนอื่นได้ไหม ฉันยังไม่พร้อมที่จะบอกให้ใครรู้ โดยเฉพาะเจย์ ยิ่งบอกไม่ได้ใหญ่”

“ครับลูกพีช ผมไม่บอกใครแน่ๆ” ร่างหนาพูดพลางหอมแก้มผมเบาๆ ทำเอาผมรู้สึกสะดุ้งเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้

“แต่นายต้องสัญญากับฉันด้วยว่าห้ามทำกับฉันแบบนี้ต่อหน้าคนอื่น” ผมหันมาพูดอย่างเอาเรื่อง เพราะผมไม่อยากให้เรื่องนี้ต้องแพร่งพรายออกไป “ไม่ว่าจะกอดหรือหอม ก็ไม่ได้”

ร่างสูงทำหน้ามู่เมื่อได้ยินที่ผมบอก

“ข้อห้ามเยอะจังนะครับ เว้นซักข้อไม่ได้เลยเหรอ”

“ไม่ได้” ผมพูดเสียงแข็ง ก่อนจะดันร่างหนาให้ออกห่าง “ฉันแค่ยอมรับว่าเมื่อคืนฉันเผลอตัวเผลอใจนอนกับนายจริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะต้องยอมนายไปซะทุกเรื่อง นายอย่าลืมข้อนี้ไปสิอเล็กเซย์”

“ครับลูกพีช”

“ว่าแต่นายเมื่อไหร่จะเอาแขนออกไปซะที มันหนักนะ” ถึงแม้ผมจะผลักร่างหนาให้ออกห่างเป็นคืบแล้ว แต่อีกฝ่ายยังคงวางแขนทับผมอยู่ “เอ๊ะ บอกให้เอาแขนออกไปไงเล่าอเล็กเซย์”

“ไม่ออกครับ”

“อเล็กเซย์!”

“ก็ทีคุณยังมีข้อห้ามเลย ผมเองก็ต้องมีข้อห้ามของผมเหมือนกันบ้างสิ” อีกฝ่ายพูดเสียงเง้างอน

“ข้อห้ามอะไร?” ผมถามย้อนอย่างมึนงง ซึ่งทำเอาร่างหนายิ้มก่อนจะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ว่า

“ข้อห้ามที่ว่าเวลาคุณอยู่บนเตียงกับผมแล้ว ห้ามปฏิเสธกับสิ่งที่ผมจะทำกับคุณจนกว่าผมจะพอใจยังไงล่ะ”

.........................

สุดท้ายแล้วผมก็ต้องยอมศิโรราบให้กับอเล็กเซย์ โดยที่อีกฝ่ายเล่นเอาผมซะตลอดเช้า พอตกบ่ายผมตื่นขึ้นอีกครั้งก็พบว่าร่างหนาอยู่ในชุดสูทตัวใหม่กำลังยกชามอาหารเดินมาทางเตียงที่ผมนอนอยู่

“สวัสดียามบ่ายครับลูกพีช” ร่างสูงกล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงระรื่น ซึ่งทำเอาผมที่ลุกไม่ขึ้นถึงกับหงุดหงิด “คุณไม่ได้กินข้าวตั้งสองมื้อคงหิวแย่ ผมก็เลยทำข้าวต้มมาให้”

แล้วใครกันที่เล่นเอาซะหนัก แถมไม่มีพักยกด้วย ใครไม่หิวก็บ้าแล้วล่ะ!

ผมด่าทออีกฝ่ายในใจด้วยความเดือดดาล แล้วร่างหนาก็วางชามลงบนโต๊ะข้างเตียง ก่อนจะหันมาพยุงผมให้ลุกขึ้นนั่งอย่างเบาๆ พอได้ลุกขึ้นนั่ง ผมถึงได้รู้ว่าตัวเองไม่ได้เปลือยกายเหมือนอย่างเมื่อเช้านี้ แต่กลับอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ต กางเกงขาสั้น

สงสัยจะเปลี่ยนให้ตอนหลับแน่ๆเลย

“ผมว่าคุณกินเองไม่ไหวแน่ เดี๋ยวผมป้อนให้นะ”

“เฮ้ย ไม่ต้อง ฉันกินเองได้” ผมรีบบอกก่อนที่อีกฝ่ายจะป้อน ทำให้ร่างหนายอมส่งชามมาให้แต่โดยดี ครั้นพอจะตักข้าวเข้าปาก ร่างสูงกลับนั่งอมยิ้มจ้องผมจนผมกินข้าวไม่ลง “อย่าจ้องฉันแบบนั้นสิ ฉันกินไม่ลงนะ”

“ก็คุณไม่อยากให้ผมป้อนเองนี่ครับ ผมก็เลยต้องจ้องคุณแบบนี้แหละ” อเล็กเซย์ตอบยิ้มๆ ทำเอาผมรู้สึกอายจนต้องหันหน้าหนีไปอีกทางเพื่อกินข้าว แต่ก็กินไปได้ไม่กี่คำก็ต้องวางช้อนลง เพราะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

“จริงสิอเล็กเซย์ มือถือของฉันอยู่ที่ไหนล่ะ พอดีฉันจะโทรไปหาเจย์ซักหน่อย” ผมพูดพลางหันหน้ามา

“ถ้าเป็นเรื่องนั้นลูกพีชไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ เพราะเมื่อตอนกลางวันผมได้โทรบอกเขาไปแล้วว่าคุณไม่สบาย ต้องการนอนพักผ่อนอยู่ที่คอนโดผม ไว้หายดีแล้วจะกลับ” ร่างสูงตอบ ซึ่งทำเอาผมหน้าหงิก

“นายนี่ชอบจุ้นเรื่องคนอื่นซะจริงๆนะ”

“ก็ผมเห็นคุณกำลังหลับสบายอยู่นี่ครับ เลยโทรไปบอกเขาแทนคุณยังไงละ” ร่างสูงพูดหัวเราะพลางลุกขึ้นยืน “เดี๋ยวพอคุณกินข้าวเสร็จแล้วก็วางชามไว้บนโต๊ะข้างเตียงนี่ได้เลยนะครับ ส่วนเรื่องยาแก้อักเสบ ผมวางไว้บนโต๊ะแล้วนะ อย่าลืมกินซะล่ะ”

พอผมได้ยินที่อีกฝ่ายก็พยักหน้าตอบ

“จริงสิ แล้วนั่นนายจะไปไหนหรืออเล็กเซย์” ผมถามต่อด้วยความสงสัย เพราะเห็นร่างสูงสวมชุดสูทเต็มยศ

“อ้อ ผมหรือ ผมก็จะกลับไปที่บริษัทนะครับ พอดีมีปัญหานิดหน่อย” ร่างสูงตอบก่อนจะโน้มตัวเข้ามาหอมแก้มผมเสียงดังฟอด ซึ่งทำเอาผมที่ถูกหอมแก้มโดยไม่ตั้งตัวถึงกับหน้าแดง “ผมไปเดี๋ยวเดียวก็กลับครับ แต่ถ้าลูกพีชเบื่อแล้วล่ะก็ หยิบรีโมทเปิดทีวีดูได้ตามสบายเลยนะ”

แล้วร่างสูงก็เดินออกนอกห้องไป ซึ่งหลังจากที่ผมกินข้าวกินยาเสร็จ ก็นั่งดูทีวีด้วยความเบื่อหน่าย

ให้ตายสิ นั่งอยู่เฉยๆนี่มันน่าเบื่อชะมัดยาด

ผมครุ่นคิดในใจก่อนจะก้าวเท้าลงจากเตียงด้วยความยากลำบาก โชคดีที่ความเจ็บปวดแถวสะโพกนั้นได้ทุเลาลงแล้ว จึงทำให้ผมสามารถเดินได้อย่างสบาย เมื่อลงเดินแล้วผมก็เดินสำรวจห้องคอนโดของอเล็กเซย์ไปซะทั่ว จนเหลือแต่นอกกะชานที่ผมยังไม่ได้ออกไปสำรวจ พอคิดได้ดังนั้นผมก็เปิดประตูกระจก ก่อนจะตกใจเมื่อเห็นกระถางดอกไม้วางอยู่เรียงเต็มไปหมด

“ไม่นึกเลยว่าพวกนักธุรกิจส่งไวน์ก็บ้าเลี้ยงดอกไม้เป็นกับเขาด้วย” ผมพูดพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะเดินออกไปสำรวจดอกไม้ ครั้นพอดูไปได้ซักระยะ ก็ทำให้ผมได้รู้อะไรบางอย่างจากดอกไม้เท่าที่ผมสังเกตมาทั้งหมด “นี่มันกระถางดอกไม้ที่อเล็กเซย์ไปซื้อจากร้านเราทั้งนั้นเลยนี่! ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ”

ผมพูดด้วยความมึนงง เพราะตอนที่ร่างหนาไปซื้อดอกไม้จากร้านผม เขาก็ได้อ้างว่าซื้อไปให้กับลูกค้าของบริษัท

อย่าบอกนะว่าที่ไปซื้อดอกไม้ที่ร้านทุกวันนี้ก็เพื่อ....

ผมมุ่นคิ้วครุ่นคิดอย่างหนักใจ แต่แล้วก็ต้องส่ายหน้าให้กับความคิดงี่เง่าของตัวเอง เพราะเป็นไปไม่ได้ที่อเล็กเซย์จะไปซื้อดอกไม้ที่ร้านเพื่อต้องการเห็นหน้าผมทุกวัน พอคิดได้ดังนั้นผมก็เดินกลับไปนอนที่เตียงต่อ ก่อนจะเผลอหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย

..............................

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพตอนที่ 3 ลูกพีช 25/8/57)
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 25-08-2014 09:05:58
อเล็กซ์จู่โจมแล้วแฮะ ไวกว่าที่คิดนะนี่ (หนูพีชก็นะ ใสแบ๊วจริงๆตอนแรก แต่ว่าตอนนี้มาคบกันแล้ว ไม่รู้ยังจะใสแบ๊วต่ออีกหรือเปล่า)

(อิเมย์กับอิเอนี่....ต้องโดนเล่นซะหน่อยละ  :beat: :beat: :z6: :z6:)

 
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพตอนที่ 3 ลูกพีช 25/8/57)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 25-08-2014 09:39:49
 :กอด1:  :mew1:
ลูกพีชเอ๊ย คิดเข้าข้างตัวเองบ้างก็ไม่เป็นไรหรอกนะ มาถึงขั้นนี้แล้ว อิอิ
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพตอนที่ 3 ลูกพีช 25/8/57)
เริ่มหัวข้อโดย: shichina ที่ 25-08-2014 14:33:23
 :laugh: ก็ว่าอยู่ว่าจะอดทนได้นานแค่ไหน

ในที่สุดลูกพีชก็โดนงาบ อรั๊ยยย  :-[
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพตอนที่ 3 ลูกพีช 25/8/57)
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 25-08-2014 17:24:34
ตอนที่ 4 รอยแผลเป็น

......................................

ผมมารู้สึกตัวอีกทีก็รู้สึกเหมือนมีอะไรมาสัมผัสที่ริมฝีปากอย่างแผ่วเบา ทำเอาผมลืมตาขึ้นมามองก่อนจะเห็นร่างหนาผมทองในระยะเผาขน ส่วนร่างหนาเมื่อเห็นผมลืมตาขึ้นมาแล้ว ก็ถอนริมฝีปากออกมายิ้มให้กับผม

“อรุณสวัสดิ์ครับลูกพีช”

“อรุณสวัสดิ์บ้านนายแอบลักจูบคนอื่นตอนหลับสิ” ผมยอมรับว่าสัมผัสเมื่อครู่นี้มันทำให้ผมรู้สึกดีจริง แต่ผมไม่ชอบให้ใครมายุ่งตอนผมหลับ ผมคิดได้ดังนั้นก็ลุกขึ้นนั่ง ทำให้ร่างหนาต้องเขยิบถอยห่าง ซึ่งทำให้ผมเห็นอีกฝ่ายสวมชุทสูทสีเทาเรียบร้อยแล้ว “เมื่อคืนกลับมากี่โมงล่ะ พอดีฉันหลับไปก่อนก็เลยไม่รู้”

“สองทุ่มครับ ผมกลับมาก็เห็นคุณหลับไปแล้ว เลยไม่ได้ปลุก” อเล็กเซย์ยังคงสุภาพบุรุษเสมอต้นเสมอปลาย ถึงแม้ผมจะไปมีอะไรกับเขาไปแล้วก็ตาม แต่เขาก็ไม่ได้คิดฉวยโอกาสทำผมตอนหลับ (ยกเว้นจูบนะ) “ว่าแต่คุณหายดีแล้วหรือยังล่ะ ผมจะได้ขับรถพาคุณกลับบ้าน”

“อืม ก็หายดีแล้วล่ะ” แล้วผมก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำ เมื่อผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว พอเดินออกมาก็เห็นร่างสูงกำลังวางจานข้าวลงบนโต๊ะ

“มานั่งกินก่อนสิครับ นี่ผมทำให้เองกับมือเลยนะ” ร่างสูงบอก ซึ่งผมพยักหน้าก่อนจะเดินไปนั่ง แลเห็นข้าวผัดไข่ดาวกลิ่นหอมยั่วน้ำลาย “ผมไม่รู้ว่าคุณชอบกินอะไร ก็เลยทำข้าวผัดให้ หวังว่าคุณคงกินได้นะครับ”

“อืม ฉันยังไงก็ได้ กินได้หมดแหละ” แล้วผมก็ลงมือกินข้าว ส่วนอีกฝ่ายก็นั่งลงกินข้าวด้วยเช่นกัน แต่ร่างหนากินไปมองผมไป ทำเอาผมที่กำลังนั่งกินอยู่นั้นต้องหยุดกิน “มองหน้าฉันอยู่นั่นแหละ มีอะไรจะถามก็ถามมาได้เลย”

“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมก็แค่อยากมองหน้าคุณเท่านั้นเอง”

อีกฝ่ายพูดด้วยน้ำเสียงกวนประสาท ทำเอาผมนึกอยากจะบ้า

“อย่ากวนฉันสิอเล็กเซย์”

“ครับๆ ไม่กวนแล้วครับ” ร่างหนายิ้มตอบก่อนจะพูดเข้าเรื่องต่อด้วยสีหน้าจริงจัง “ผมเห็นตั้งนานแล้ว แต่ก็ไม่ได้ถามซักที เอ่อ…แผลเป็นที่หลังลูกพีช ไปได้มาจากไหนหรือครับ”

คำถามของร่างสูงทำเอาผมชะงักจนเผลอปล่อยช้อนตกลงบนจานเสียงดัง

“ถ้าคุณไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไรนะครับ” ร่างสูงรีบพูดทันทีที่เห็นผมตกใจ ซึ่งผมได้แต่ยิ้มแห้งๆตอบกลับไป ก่อนจะก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อไปอย่างเงียบๆ พอหลังจากทานข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ร่างสูงก็พาผมขับรถกลับไปส่งที่ร้านดอกไม้ ในขณะที่ผมกำลังจะลงจากรถ ร่างสูงกลับคว้ามือของผมเอาไว้ ทำให้ผมต้องหันกลับไปมอง “ลูกพีช ผมขอโทษ คราวหลังผมจะไม่ถามเรื่องนั้นกับคุณอีก แต่ขออย่างเดียว คุณอย่าโกรธผมเลยนะครับ”

ผมยิ้มก่อนจะตอบกลับไปว่า

“อืม ไม่โกรธหรอก” ผมตอบได้แค่นั้นจริงๆ พอผมลงจากรถ ผมก็ยืนมองจนกระทั่งร่างสูงขับรถออกไป แล้วจึงค่อยเดินกลับเข้าร้านตัวเอง ซึ่งก็พบเจย์กำลังยืนรอผมอยู่ที่หลังเคาน์เตอร์

“เป็นไงบ้าง หายดีแล้วใช่ไหม” เจย์ถามผมอย่างเป็นห่วง

“อืม หายดีแล้วล่ะ” ผมยิ้มตอบพลางเดินไปหยิบผ้ากันเปื้อนขึ้นมาสวมใส่

“เฮ้ยพีช นั่นแกไปโดนอะไรมานะ คอเป็นจุดแดงจ้ำเชียว” อยู่ๆเจย์ก็เอ่ยปากถามผมขึ้นมา ทำเอาผมที่กำลังสวมผ้ากันเปื้อนอยู่นั้นถึงกับสะดุ้งตกใจ “ที่คอนโดของอเล็กเซย์มียุงเยอะหรือไง ถึงได้โดนกัดซะเยอะขนาดนั้นนะ”

เวรล่ะ ลืมเรื่องนี้ไปซะสนิทเลย

“เออใช่ ฉันโดนยุงกัดนะ” ผมตอบพลางขยับคอเสื้อเชิ้ตให้ตั้งขึ้นเพื่อปิดรอยตรงคอ แต่ก็ไม่วายที่จะโดนถามอีก

“แล้วทำไมแกต้องเอาคอเสื้อขึ้นด้วยฟ่ะ ร้อนตายชัก แล้วนี่หน้าแดงทำไม หรือว่าไข้จะขึ้นอีก”

ไม่ว่าเปล่าเพียงอย่างเดียว แถมจะเอามือมาวัดไข้ด้วย ทำเอาผมรีบถอยห่างอย่างรวดเร็ว

“เฮ้ยไม่ต้องไอ้เจย์ ฉันสบายดี เดี๋ยวก็หายแล้วล่ะ ว่าแต่แกมัวแต่ถามอยู่ได้ รีบกลับไปทำงานไป๊ ชิ้วๆ” ผมบอกพลางโบกมือไล่ร่างสูงให้กลับไปทำงาน ซึ่งทำเอาอีกฝ่ายหน้ามู่ไม่พอใจ

“เออ ไปก็ได้วะ ถามแค่นี้ก็ไม่ได้” แล้วอีกฝ่ายก็เดินกลับไปทำงานของตัวเอง ทำเอาผมรู้สึกหายใจโล่งคอ

ทีหลังต้องระมัดระวังหน่อยซะแล้ว…

..............................

ผมเจย์ครับ ไม่ใช่เจย์เจตริน พื้นเพผมอยู่ที่ต่างจังหวัด ตอนตั้งยังเล็กแม่ชอบพาผมไปบ้านไอ้พีชเสมอ ครั้งแรกที่ผมเห็นมัน หลงนึกว่าเป็นเด็กผู้หญิงซะอีก เพราะเล่นหน้าหวานซะหยดย้อย ขนตางอนงาม ริมฝีปากเล็กอมชมพู แถมยังใส่ชุดตุ๊กตาสวยๆจนไม่มีใครคิดว่ามันเป็นเด็กผู้ชาย ทุกครั้งที่ได้เล่นด้วยกัน ผมมักจะชวนพีชเล่นเป็นพ่อแม่หรือไม่ก็เล่นเกมอะไรที่ไม่รุนแรงสำหรับมันโดยเฉพาะ เพราะเดี๋ยวแม่ของผมจะด่าเอาว่าไปเล่นรุนแรงกับพีช จนกระทั่งโตพอเข้าโรงเรียนมัธยม ผมกับพีชก็ไม่ได้เจอกันอีก เพราะมันเล่นย้ายตามพ่อแม่ไปอยู่อังกฤษ แต่โชคดีที่สมัยนี้อิเล็กทรอนิกก้าวไกล ก็เลยทำให้ผมสามารถพูดคุยกับมันได้โดยการส่งอีเมล์หรือแชทผ่านโปรแกรมสไกฟ์นั่นเอง ซึ่งมีอยู่วันหนึ่งพีชได้ส่งอีเมล์มาว่าพรุ่งนี้จะนั่งเครื่องบินกลับมาเที่ยวประเทศไทยพร้อมกับพ่อแม่มัน ทำเอาผมที่ค้างอยู่หอพักมหาวิทยาลัยถึงกับรีบนั่งรถบึ่งเข้ากทมเพื่อจะไปรอรับมันที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อถึงเวลา แทนที่ผมจะได้เห็นหน้าพีชพร้อมกับพ่อแม่มัน กลับได้รับข่าวร้ายที่ไม่คาดถึงในชีวิตของผม

‘มีรายงานข่าวด่วนเข้ามานะครับ เครื่องบินโดยสารแบบโบอิ้งค์ของสายการบินอังกฤษแอร์เวย์ประสบอุบัติเหตุตกจากรันเวย์ ส่งผลให้เกิดไฟลุกไหม้ เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิต 300 ราย เป็นผู้โดยสารและลูกเรือ อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ช่วยชีวิตผู้โดยสารรายหนึ่งที่บาดเจ็บสาหัสออกมาได้ เบื้องต้นทราบว่าเป็นชายไทย อายุประมาณ 25 ปี ขณะนี้ร่างผู้บาดเจ็บได้นำไปรักษาตัวยังห้องไอซียูของโรงพยาบาลxxxแล้ว”

ผมแทบช็อกเมื่อได้มาเห็นร่างบางที่เต็มไปด้วยบาดแผลถูกสวมที่ช่วยหายใจไว้ตลอดเวลาในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่ดีที่สุดในกรุงเทพ ซึ่งบอกตามตรงเลยว่าอาการของพีชหนักถึงขั้นวิกฤต เป็นตายเท่ากัน ทำให้ผมกินไม่ได้นอนไม่หลับ รวมถึงพ่อแม่ของผมด้วยเช่นกัน เพราะท่านคงช็อกกับการจากไปของเพื่อนตัวเองอย่างไม่มีวันกลับ ซึ่งก็คือพ่อแม่ของพีชที่นั่งเครื่องบินมาด้วยกันนั่นเอง

‘เจย์กลับไปนอนเถอะ ถึงเฝ้าไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา ถ้าเกิดพีชรู้เข้า เดี๋ยวเขาจะเป็นห่วงลูกเอาได้นะ’ แม่ของผมที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักเข้ามาพูดกับผม ในขณะที่ตัวผมเองได้แต่นั่งก้มหน้านิ่งอยู่หน้าห้องไอซียู ซึ่งแม่ของผมพยายามพูดเกลี้ยกล่อมแล้วเกลี้ยกล่อมอีก แต่ผมไม่ฟัง สุดท้ายแม่ผมก็ต้องยอมแพ้กลับไปบ้านพร้อมกับพ่อแต่โดยดี แล้วสามวันสามคืนแห่งการรอคอยก็ได้สิ้นสุดลง พีชได้สติขึ้นมาท่ามกลางความดีใจของทุกคน แต่ทว่า...ทันทีที่ผมเข้าไปเยี่ยม ผมก็ได้เห็นร่างบางนอนลืมตาขึ้นเหม่อมองเพดานปราศจากเครื่องช่วยหายใจ ซึ่งทำเอาผมแทบกลืนไม่เข้าคายไม่ออก อยากจะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก

‘พีช ในที่สุดนายก็ฟื้นซักที ฉันเป็นห่วงนายแทบแย่เลยรู้ไหม’ ผมพูดด้วยน้ำเสียงสดใส เพราะต่อหน้าพีชแล้ว ผมอยากจะทำตัวให้ดูสดชื่น แต่ลึกๆแล้วใจผมกลับปวดร้าวจนอยากจะร้องไห้ออกมาเป็นสายเลือด ซึ่งพอผมพูดจบ ร่างบางก็ละสายตาจากเพดานพลางหันหน้ามามองผมด้วยสายตาที่ว่างเปล่า ก่อนจะเอ่ยปากพูดตอบอย่างตะกุกตะกักชนิดที่ทำเอาผมแทบช็อกยิ่งกว่าตอนแรกที่ได้ทราบข่าวเสียอีก

‘คุณ...คือ...ใคร...ผม...ไม่...รู้...จัก’

หลังจากนั้นผมก็ได้เรียกหมอให้มาตรวจเช็คดู ซึ่งไม่นานนักผมกับพ่อแม่ก็ได้คำตอบที่แน่ชัดจากหมอ

‘เนื่องจากคนไข้ได้รับการกระทบกระเทือนทางสมองส่วนที่ควบคุมเรื่องความทรงจำ ทำให้มีอาการของโรคความจำเสื่อม ซึ่งอาการจะค่อยๆดีขึ้นเมื่อคนไข้พักฟื้นและได้รับการกระตุ้นความทรงจำ ส่วนอาการอื่นๆเป็นสาเหตุมาจากการสูดดมควันไฟมากเกินไป ไม่นานก็กลับเป็นปกติครับ สำหรับบาดแผลที่หลัง หมอได้รักษาอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่เนื่องจากแผลมีขนาดใหญ่ และได้รับการติดเชื้อ จึงเหลือรอยแผลเป็น แต่สามารถรักษาได้ด้วยการทำศัลยกรรมครับ”

เพราะด้วยเหตุนี้ทั้งผมทั้งพ่อทั้งแม่ต่างผลัดช่วยกันดูแลพีชจนกว่ามันจะกลับมาหายดีเป็นปกติ (เพราะมันไม่มีญาติที่ไหนอีกแล้วนอกจากครอบครัวผม) ส่วนเรื่องเรียนนั้น ผมได้ไปบอกยกเลิกกับทางมหาวิทยาลัยเรียบร้อยแล้ว เพราะผมไม่คิดว่าพีชจะกลับมาเรียนได้อีก ไม่สิ ถึงจะหายดีจนสามารถกลับเรียนหนังสือได้ก็จริงอยู่ แต่มันคงยากที่พีชจะยอมขึ้นเครื่องบินที่เคยปลิดชีวิตพ่อแม่และเกือบจะปลิดชีวิตตัวมันเองกลับไปเรียนหนังสืออีกครั้งอย่างแน่นอน หลังจากที่มันหายดีแล้ว มันก็ได้เอ่ยปากว่าจะหางานทำ แต่ด้วยวุฒิของคนจบชั้นมอหกบวกกับร่างกายที่อ่อนแอของพีชทำให้พวกเขาไม่กล้ารับมันเข้าทำงาน ซึ่งทำให้มันถึงกับหัวเสียแทบบ้า ดังนั้นผมจึงชักชวนให้มันกลับไปช่วยพ่อแม่ของผมทำบัญชีที่บ้าน (พอดีบ้านผมเปิดร้านมินิมาร์ทนะ) แต่มันกลับปฏิเสธคำชวนของผมได้อย่างหน้าตาเฉย

‘ขอโทษด้วยไอ้เจย์ ฉันคงไม่ไปทำงานบ้านแกหรอก เพราะฉันจะกู้เงินไปเปิดร้านขายดอกไม้นะ’

เพราะคำพูดของพีชทำให้ผมต้องแบกหน้ามาขอทำงานด้วยกับมันที่ร้านตามคำขอของแม่ผม

“แกมัวเหม่ออะไรอยู่ล่ะไอ้เจย์ รีบรดน้ำพรวนดินใส่ปุ๋ยให้ดอกไม้ได้แล้วนะ” เสียงพีชดังแว่วเข้ามาเรียกสติ ทำเอาผมที่กำลังนั่งครุ่นคิดความหลังอยู่นั้นถึงกับสะดุ้งตกใจ “ถ้าไม่รีบล่ะก็ ฉันจะหักเงินเดือนแกไม่รู้ด้วยนะ”

“เออๆ จะรีบทำเดี๋ยวนี้แหละ”

ผมตอบก่อนจะรีบไปทำงานของตัวเอง แต่ผมทำไปได้ไม่นานนัก รถเบนซ์สีเทาคันงามก็ได้แล่นมาจอดที่หน้าร้าน ซึ่งทำให้ผมต้องหยุดมือ ก่อนจะเห็นเจ้าของรถเดินลงมาด้วยชุดสูทสีเทาเต็มยศ นับตั้งแต่วันที่อเล็กเซย์มาเดินชนกระถางดอกไม้ของพีชจนตกแตก เขาก็ได้มาแวะหาพีชโดยอ้างว่ามาซื้อดอกไม้ไปให้ลูกค้าอยู่ทุกวี่ทุกวัน ทีแรกผมไม่ได้นึกเอะใจเพราะเห็นเป็นเพียงลูกค้าที่รู้จักกันแบบผิวเผิน แต่พอเห็นอีกฝ่ายมาชักชวนพีชไปเที่ยวอยู่บ่อยๆ ประกอบกับรอยยุงกัดบนต้นคอของพีช ผมก็เริ่มชักจะสงสัยขึ้นมาตงิดๆ

“คุณเจย์เห็นลูก เอ้ย พีชหรือเปล่าครับ” อเล็กเซย์เดินมาถามผมหลังจากเดินเข้ามาในร้านแล้วไม่เจอ

“คงจะเข้าไปห้องน้ำล่ะมั้ง เดี๋ยวมันก็ออกมาแล้วล่ะ”

ผมตอบก่อนจะหันไปทำงานต่อโดยปล่อยให้ร่างสูงยืนรอ จนกระทั่งพีชเดินออกมา ร่างสูงจึงชักชวนร่างบางให้เดินเข้าไปพูดคุยข้างในหลังร้านด้วยกัน ซึ่งผมคิดว่าอเล็กเซย์คงอยากจะเห็นดอกไม้ที่ปลูกอยู่หลังร้าน จึงไม่ได้สนใจอะไรมาก แต่ผมนั่งพรวนดินไปได้ไม่นานนัก ผมก็ได้ยินเสียงคล้ายคนหายใจหอบดังมาจากข้างใน ทำให้ผมรีบหยุดมือก่อนจะเดินเข้าไปชะเง้อมองหลังร้านด้วยความสงสัย แต่แล้วก็ต้องตกตะลึงตัวแข็งค้างชนิดที่ผมเกือบหยุดหายใจไปเมื่อได้เห็นภาพนั้น…

ภาพของอเล็กเซย์ในชุดสูทสีเทากำลังสวมกอดจูบกับพีชอย่างมัวเมา!
 
.............................

“อือ อืมมม”

หลังจากผมเดินออกมาจากห้องน้ำ ผมก็ถูกร่างสูงเดินเข้ามาสวมกอดจูบไม่ยั้ง อะไรของมันกันเนี่ย เพราะนับตั้งแต่วันที่ผมถูกร่างสูงเอาด้วยกันเป็นครั้งแรก และมีครั้งสองในตอนเช้าของอีกวัน ร่างสูงก็เริ่มทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของในตัวผม โดยวันแรกที่ผมได้กลับมานอนบ้านตัวเอง ตอนเช้าร่างสูงก็มาบ่นที่ร้านว่าอยากดูดอกไม้หลังร้านตามที่ผมเคยบอกเอาไว้ ทำให้ผมไม่ได้นึกเอะใจอะไรจึงพาอีกฝ่ายเดินเข้าไปชมอย่างว่าง่าย แต่ทันทีที่พ้นสายตาคนแล้ว ผมก็ถูกร่างหนาเข้าสวมกอดจูบอย่างกระหื่นกระหายทันที ไม่เพียงแต่กอดจูบเท่านั้น ยังไซร้คอเอามือลูบไล้ไปตามทั่วร่างกายในขณะที่ผมยังสวมเสื้อผ้าอยู่เต็มครบทุกชิ้นอีกด้วย แต่โชคยังดีที่อีกฝ่ายไม่ได้รุกไปมากกว่านี้ คงเพราะกลัวเจย์ที่ทำงานอยู่ข้างนอกจะมาเห็นเอาได้จึงยอมหยุดแค่นั้น แต่พอวันถัดไปร่างสูงก็มาทำแบบนี้กับผมอีกจนผมได้แต่จนใจ ปล่อยเลยตามเลย

“ผมอยากให้คุณไปคอนโดกับผมจังเลยลูกพีช” ร่างหนาพูดพลางเอานิ้วเกลี่ยเส้นผมที่ตกหน้าของผมออกอย่างแผ่วเบาหลังจากที่วันนี้ได้จูบผมจนพอใจแล้ว “ได้ไหมครับลูกพีช ไปกับผมเถอะ”

ดูเขาอ้อนสิครับ น่ารักตายล่ะ เขาคิดว่าผมจะยอมเขาทุกเรื่องเลยหรือไง ถึงได้มาพูดเกลี้ยกล่อมได้อยู่ทุกวี่ทุกวันไม่มีขาด นี่ถ้าไม่เห็นว่าเขาเอาใจผมและช่วยปลอบใจผมไม่ให้ร้องไห้เสียใจเรื่องเมย์ในวันนั้นแล้วล่ะก็ ผมไม่มีวันแลเขาหรอก!

“ขอคิดดูก่อนนะ” ผมตอบเหมือนที่ตอบอยู่ทุกวัน “เพราะวันนี้มีดอกไม้มาส่งเยอะ ต้องใช้เวลาขุดแยกใส่กระถางดอกไม้จนดึกเลย อ๊ะ ยะ อย่าสิ อเล็กเซย์”

ผมพูดยังไม่ทันจบ มือหนาได้ลูบไล้อยู่แถวหน้าท้องแบนราบของผม จึงทำเอาผมเสียววูบจนเกือบร้องครางออกมาเสียงดัง

“งั้นค่อยกลับมาทำตอนเช้าก็ได้นี่ครับ” ร่างหนายังคงพูดเอาแต่ได้ ก่อนจะเอามือขวาลูบไล้ตามต้นขากับจรดจมูกบนแก้มของผมอย่างแผ่วเบา บอกตามตรงเลยครับว่าเสียว มันเสียวมากเสียจนผมได้แต่กัดริมฝีปากตัวเองเบาๆเพื่อมิให้เสียงของผมเล็ดรอดออกมา “นะลูกพีช เดี๋ยวผมจะพาคุณไปดูโรงงานไวน์อีกก็ได้”

ดูพูดสิครับ เพราะกว่าจะถึงตอนนั้น ผมคงหมดแรงข้าวต้มไปกับเรื่องอย่างว่าไปซะแล้ว

“ตะ ตะ แต่ฉันต้องทำบัญ…” เสียงผมหายเข้าไปในลำคอเพราะโดนร่างหนาจูบ แถมนอกจากนี้ยังสอดลิ้นเข้ามากระหวัดกระเหวี่ยงกับลิ้นผม จนทำให้ผมต้องเผลอยกมือขึ้นโอบต้นคออีกฝ่ายเพื่อให้จูบได้ถนัดถนี่อย่างลืมตัว “…อืม อือ อ่า”

เพล้ง!

เสียงกระถางดอกไม้ตกแตกดังลอดออกมาจากข้างนอกร้าน ทำเอาผมรีบผลักร่างสูงให้ออกห่าง

“วันนี้…แฮ่กๆ…พอก่อนเถอะนะ” ผมพูดไปหอบไปพลาง ทุกครั้งที่ร่างหนาทำแบบนี้กับผม ผมมักจะลืมตัวเผลอไผลไป ถึงแม้จะไม่ชินแต่ลึกๆแล้วกลับรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก พอพูดจบ ผมก็หันมาขยับเสื้อผ้าตัวเองให้เข้าที่ แต่ดูเหมือนร่างหนาจะไม่ยอม กลับทำท่าจะรุกต่อจนผมถึงกับต้องยอมแพ้ “โอเค ไปก็ได้ แต่นายห้ามทำอะไรฉันไปมากกว่าจูบ อ้อ แล้วก็อย่าลืมพาฉันไปดูโรงงานไวน์ด้วยนะ”

ร่างสูงยิ้มเมื่อได้ยินคำตอบจากปากผม ก่อนจะยอมปล่อยมือออกจากเอวผม

“ครับลูกพีช”

แล้วร่างสูงยอมเดินออกไป ก่อนตามด้วยผมที่เพิ่งจัดแจงเสื้อผ้าตัวเองเสร็จ พอเดินออกไปข้างนอกแล้ว ผมก็เห็นเจย์กำลังเก็บกวาดเศษกระถางดอกไม้ที่ตกแตกอยู่หน้าเคาน์เตอร์ ส่วนอเล็กเซย์นั้นแสร้งทำเป็นเดินดูดอกไม้ต่อ แต่ก็ยังมิวายหันหน้ามามองผมเป็นระยะๆ

“เกิดอะไรขึ้นหรือเจย์ เสียงดังไปถึงข้างในเลย” ผมถามด้วยความสงสัย ส่วนคนถูกถามนั้นกลับทำไม้กวาดตกพื้นทันทีที่ผมพูดจบ ก่อนจะรีบคว้าไม้กวาดขึ้นมากวาดต่อ

“อ้อ พอดีแขนฉันไปโดนมันเข้า ก็เลยตกแตกนะ” เจย์ตอบด้วยสีหน้าเลิ่กลั่ก ดูท่าคงจะกลัวโดนผมด่าสินะ ถึงได้ตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า แต่มันก็น่าจะรู้ว่าผมไม่เคยด่ามันด้วยเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ เพราะส่วนมากผมจะทำโทษมันด้วยการหักเงินเดือนนิดๆหน่อยๆก็เท่านั้นเอง

“เหรอ งั้นก็เก็บอย่างระมัดระวังด้วยล่ะ เดี๋ยวเศษกระเบื้องมันจะบาดมือนายเอาได้” ผมบอกด้วยความเป็นห่วง ซึ่งมันพยักหน้าตอบก่อนจะเดินออกไปข้างนอกพร้อมกับที่ตักผง เมื่อเจย์เดินออกไปข้างนอกแล้ว ร่างหนาก็เดินย้อนกลับมาหาผมอีกครั้ง

“อย่าลืมที่ให้สัญญากับผมไว้เมื่อตะกี้นี้ด้วยนะครับคุณพีช” อีกฝ่ายพูดทวงสัญญา โดยร่างหนาไม่ลืมที่จะเรียกชื่อผมแบบเดิมก็ต่อเมื่อไม่ได้อยู่ตามลำพังกันสองคน “แล้วตอนเย็นผมจะมารับ”

“อืม”

ผมตอบสั้นๆ แล้วร่างสูงก็เดินกลับขึ้นรถก่อนจะขับออกไปทำงาน ในขณะที่เจย์ก็ได้เดินกลับเข้ามาด้วยท่าทางชวนน่าสงสัย แต่ผมก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจก่อนจะเดินกลับไปเคาน์เตอร์เพื่อที่จะทำงานต่อ

.....................................

พอตกเย็นหลังจากผมกับพีชปิดร้านเสร็จแล้ว อเล็กเซย์ก็ได้ขับรถมารับพีชกลับไปนอนคอนโดด้วยกัน โดยพีชอ้างว่าพรุ่งนี้ขอปิดร้านหนึ่งวันเพื่อที่จะไปดูโรงงานไวน์พร้อมกับอเล็กเซย์แต่เช้า ซึ่งทำเอาผมถึงกับหงุดหงิดใจ ใช่ ผมหงุดหงิด เพราะตั้งแต่ได้เห็นร่างหนาในชุดสูทยืนกอดจูบพีชเมื่อเช้านี้ มันทำให้ผมไม่เป็นอันทำงาน ในใจก็หมกมุ่นคิดแต่เรื่องของมันอยู่เกือบตลอดเวลา แต่ก็น่าแปลกว่าทำไมพีชถึงไปคบกับอเล็กเซย์ได้ทั้งๆที่ตัวมันยังมีเมย์เป็นแฟนอยู่ทั้งคน

หรือว่ามันเพิ่งจะค้นพบตัวเองกันแน่?...

กริ๊ง!

เสียงมือถือดังในขณะที่ผมกำลังเตรียมขับรถมิร่าออกไปผับอย่างที่เคยไปทุกวัน พอได้ยินดังนั้นผมก็รีบกดรับโทรศัพท์โดยไม่มองจอ ก่อนจะกรอกเสียงตามลงไป

“สวัสดีครับ เจย์กำลังพูดอยู่ครับ”

“เจย์ นี่แม่นะลูก ตอนนี้เจย์กำลังทำอะไรอยู่ ว่างคุยกับแม่หรือเปล่าลูก”

“เอ่อ แม่ ผม…” ผมแทบพูดไม่ออกว่าจะไปผับ เพราะกลัวแม่จะด่าว่าผมเอาแต่เที่ยวกลางคืน “…ว่างครับแม่ แม่มีอะไรงั้นเหรอครับ”

“คืองี้นะ พอดีพรุ่งนี้แม่จะไปทำบุญที่วัดนะ ก็เลยอยากจะชวนลูกกับพีชไปด้วยกัน” คำถามของแม่ทำเอาผมอยากจะเอาหัวไปโขกกับพวงมาลัยรถของตัวเอง ไอ้พีชมันคงจะไปได้อยู่หรอกนะ ก็ในเมื่อมันได้นั่งรถไปพร้อมกับอเล็กเซย์แล้ว โดยไม่รู้ว่าจะได้กลับวันพรุ่งนี้หรือมะรืนด้วย “ว่ายังไงจ้ะลูก แม่จะได้นัดกับคนขับให้ไปรับพวกลูกที่ร้านดอกไม้ตอนตีห้า”

“เอ่อ แม่ครับ ผมต้องขอโทษด้วย พอดีพรุ่งนี้พีชไม่ว่างนะครับ”

“เอ๋? ไม่ว่างงั้นหรือ แล้วพีชเค้าจะไปไหนล่ะ”

“ผมไม่รู้ครับ แค่นี้ก่อนนะครับแม่ พอดีผมรีบนะ”

“ดะ…เดี๋ยวก่อนสิเจย์ แม่ยังพูดไม่ทัน…”

ผมรีบปิดสายทิ้งก่อนจะโยนมันลงที่นั่งฝั่งตรงข้ามคนขับ แล้วจึงหันกลับมาสตาร์ทรถขับออกไปด้วยอารมณ์ที่แปรปรวน แต่ขับไปได้ไม่นานเสียงมือถือก็ดังขึ้นอีกครั้ง ทำเอาผมต้องชะลอรถจอดข้างทางก่อนจะคว้ามือถือขึ้นมามองจอ ครั้นพอเห็นว่าใครเป็นคนโทรมา ก็รีบกดรับสายอย่างโมโห

“มึงมีอะไรวะไอ้ออย กูกำลังรีบไปผับอยู่ เดี๋ยวพี่เป้แม่งโกรธกูหาว่ากูไปเล่นดนตรีสายซะหรอก”

“เออ กูรู้ว่ามึงรีบ แต่กูขอเวลามึงแค่สองนาที” อีกฝ่ายกรอกสายตอบกลับมาด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวเช่นกัน เวลาผมอยู่กับเพื่อนมักจะคุยกันแบบนี้ แต่กับพีช พ่อแม่ หรือคนที่ไม่สนิทจริง ผมจะคุยแบบสุภาพไม่หยาบคายขึ้นกูมึงเด็ดขาด “เมื่อกี้ตอนกูอยู่ห้างกับแฟนกู มึงรู้ไหมว่ากูเจอใคร”

“แล้วกูจะรู้ไหมว่ามึงเจอใครไอ้สัด” ผมพูดย้อนอย่างหัวเสีย

“แหม แค่ล้อเล่นหน่อยเดียวทำเป็นโมโหไปได้” อีกฝ่ายพูดหัวเราะ แต่ผมไม่หัวเราะด้วย “โอเค กูยอมมึงล่ะ คนที่กูเจอในห้างเมื่อกี้เป็นยัยเมย์แฟนของพีชลูกพี่ลูกน้องมึงไงไอ้เจย์”

“อ้อ ที่แท้ก็ยัยเมย์ แล้วมึงจะมาบอกกูแค่นี้ทำเหี้ยไรฟะ!”

“เฮ้ยใจเย็นสิวะไอ้เจย์ ก็กูกำลังจะบอกมึงอยู่แล้วนี่ไง” ออยรีบพูดเพราะกลัวผมจะโมโหจนปิดสายหนี “ที่กูเจอไม่ใช่แค่ยัยเมย์คนเดียว แต่เป็นผู้ชายหน้าเหี้ยคนหนึ่งที่เดินควงมาด้วยกันตั้งหากล่ะ”

“อะไรนะ?! ยัยเมย์เดินควงผู้ชายมางั้นรึ”

ผมแทบตะลึงเมื่อได้ยินข่าวที่ได้รับมา

“ใช่ เดินควง” ปลายสายตอบก่อนจะพูดต่อ “ไม่ใช่แค่เดินควงอย่างเดียว แต่นี่แม่งจูบกันในโรงหนังต่อหน้ากูกับแฟนเลยวะ กูขอเตือนอะไรมึงไอ้เจย์ อย่าได้ไปบอกไอ้พีชเชียวนะ แม่งเดี๋ยวมันช้ำใจตายเลยไอ้ห่า”

“เออๆ กูไม่บอกหรอก แค่นี้นะ”

ผมบอกก่อนจะกดวางสายไป พลางนึกย้อนไปเมื่อหลายวันก่อน วันที่พีชกลับมาบ้านพร้อมกับอเล็กเซย์ในตอนเช้าทั้งๆที่มันเป็นคนบอกผมว่าจะไปเลี้ยงฉลองวันเกิดยัยเมย์ยันสว่าง นี่แสดงว่าพีชกับเมย์ได้เลิกกันไปแล้วจริงๆ แต่คนที่เป็นฝ่ายขอเลิกก่อนกลับเป็นยัยเมย์ ยัยตัวแสบที่ผมอุตส่าห์ฝากฝังให้ช่วยดูแลพีชดีๆหน่อย เพราะมันไม่ได้เข้มแข็งหรือแข็งแรงเหมือนคนปกติทั่วไปอย่างแต่ก่อนหน้าประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกในครั้งนั้น แต่ที่ไหนได้กลับทรยศไปคบกับผู้ชายคนอื่นทั้งๆที่มีพีชอยู่ด้วย พอผมคิดได้ดังนั้นก็รีบปลดเบรกมือก่อนจะเหยียบคันเร่งให้รถออกตัววิ่งทันที

“อย่าให้กูได้เจอตัวเชียวนะยัยตัวแสบ แม่งจะเอาคืนให้สาสมที่ทำไว้กับพีชเลยคอยดู!!”
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 4 รอยแผลเป็น 25/8/57)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 25-08-2014 18:01:24
 :katai2-1: แวะมาบวกเป็ดค่ะ น้องลูกพีชน่าสงสารจัง โอ๋ๆ เดี๋ยวเจย์จัดการให้
ตัวอักษรใหญ่ขึ้นอ่านบนมือถือสบายตาขึ้นเยอะค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 4 รอยแผลเป็น 25/8/57)
เริ่มหัวข้อโดย: shichina ที่ 25-08-2014 23:45:07
 :-[ สัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างในตอนที่ 4

หวังว่ามันจะไม่ใช่อย่างที่เราคิดนะ  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 4 รอยแผลเป็น 25/8/57)
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 26-08-2014 00:01:41
หืมมมมมมมมม

เจย์ช่างเป็นญาติที่ดีเหลือเกิน เป็นห่วงพีชน้อยของเรา

(เอาตำแหน่งญาติแสนดีไปพอแล้ว อย่าริเลิฟๆหนูพีชเชียวล่ะ)

ปอลอ อิเมย์จะโดนลงฑัณท์แล้ว วะฮ่าๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 4 รอยแผลเป็น 25/8/57)
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 26-08-2014 07:50:08
ตอนที่ 5 สับสน

..........................

วันนี้ผมไม่น่าหลงกลคำพูดของอเล็กเซย์เลยให้ตายสิ เพราะตั้งแต่นั่งรถกลับมาคอนโดพร้อมด้วยกัน ทันทีที่เข้าห้องผมก็โดนร่างหนาลากลงเตียง ทีแรกผมไม่ยอมเพราะอเล็กเซย์ได้สัญญากับผมไว้ว่าจะทำกับผมแค่จูบเท่านั้น แต่ร่างหนากลับแย้งว่าถ้าอยู่บนเตียงแล้วกับเขาแล้วห้ามปฏิเสธข้อห้ามของเขาที่เคยพูดไว้ในทีแรก ทำให้ผมโดนร่างหนาเอาเกือบสิบยก แม่งเอ้ย เล่นเอาลุกไม่ขึ้น ผมหลับไปได้สักพักก็ต้องตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะถูกอเล็กเซย์ปลุก

“อื้อ ไม่เอาแล้ว เหนื่อย” ผมบอกด้วยความอ่อนเพลีย แต่อีกฝ่ายก็ยังคงสะกิดเรียกผมอยู่ “บอกแล้วไงว่าไม่เอา ขอหลับหน่อยเถอะ”

“คุณยังไม่ได้กินข้าวเย็นเลยนะ ลุกขึ้นมากินข้าวก่อนเถอะครับ” ร่างหนาบอกก่อนจะตามมาด้วยกลิ่นหอมของข้าวต้ม

“เอาไว้ก่อนเถอะ” ผมบอกพลางดึงผ้าห่มคลุมหัว แต่ก็มิวายโดนดึงผ้าห่มจนต้องนอนขดตัวเป็นกุ้งด้วยความหนาวเย็นของแอร์ โชคดีที่อเล็กเซย์ได้เหลือเสื้อเชิ้ตไว้ให้ผมอยู่ตัวหนึ่ง ไม่ได้ถอดออกหมดทุกชิ้นเหมือนครั้งแรก ก็เลยทำให้ผมไม่รู้สึกหนาวซักเท่าไหร่ “อือ อย่าแกล้งกันสิอเล็กเซย์”

“ถ้าคุณยังนอนอีก เดี๋ยวผมจะป้อนข้าวทางปากให้คุณไม่รู้ด้วยนะครับลูกพีช”

เท่านั้นแหละผมรีบลุกขึ้นมานั่งทันที แต่ก็ต้องนิ่วหน้าเพราะรู้สึกปวดที่สะโพก ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะไปดูโรงงานไวน์ไหวหรือเปล่า คิดแล้วกลุ้มจริงๆ ระหว่างผมนั่งกินข้าวต้มอยู่นั้น ร่างหนาก็เปิดโทรทัศน์ให้ผมดูเล่นแก้เซ็ง ซึ่งผมก็ดูไปกินไปด้วยพร้อมกัน พอกินเสร็จแล้วผมก็ลุกเดินเข้าไปห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ

.................................

พอร่างบางเข้าไปอาบน้ำแล้ว ผมก็หันมาเตรียมจะเก็บชามแต่เสียงมือถือของพีชดังขึ้นเสียก่อน ผมมุ่นคิ้วพลางเดินเข้าไปดูมือถือ ก่อนจะเห็นชื่อผู้ที่โทรเข้ามา

Jey

ทำไมเจย์ถึงโทรมาหาพีชเอาในเวลานี้ แถมยังเป็นตอนเกือบเที่ยงคืนอีกด้วย แต่ก็ไม่แน่ว่าอีกฝ่ายอาจจะมีเหตุจำเป็นโทรมาหาพีชก็เป็นได้ ทีแรกผมไม่อยากถือวิสาสะรับสายของคนอื่น แต่ถึงกระนั้นผมก็หยิบมันขึ้นมากดรับอยู่ดี

“สวัสดีครับคุณเจย์”

พอผมพูดจบ ปลายสายเงียบไปพักหนึ่ง คงตกใจเห็นว่าผู้รับสายเป็นผม

“พีชไปไหน” อีกฝ่ายถามเสียงห้วน

“ห้องน้ำครับ” ผมตอบอย่างว่าง่าย “มีอะไรจะฝากข้อความไหมครับ เดี๋ยวผมบอกเขาให้”

อีกฝ่ายก็เงียบไปอีกครั้ง นานจนผมนึกว่าปลายสายวางไปแล้ว จึงคิดจะวางบ้างแต่…

“ไม่ต้อง”

แกรก! ตู๊ดๆ!

ปลายสายพูดคำเดียวแล้วก็วางทันที ทำเอาผมถึงกับมึนงง จะว่าไปตั้งแต่เมื่อเช้ายังเห็นดีๆอยู่เลย แต่พอผมไปรับพีชในตอนเย็น สายตาของเจย์ที่จ้องมองผมนั้นได้เปลี่ยนไป คล้ายกับมองผมอย่างเย็นชาราวกับโกรธอะไรบางอย่างในตัวผม แถมยังถามพีชด้วยน้ำเสียงห้วนชวนดูน่าสงสัยอีกด้วย

แกรก!

ประตูห้องน้ำถูกเปิด ร่างบางเดินออกมาพร้อมกับชุดนอนสีฟ้าลายทางของตัวเองที่ได้เตรียมเอามาด้วย

“ใครโทรมาหรือ” พีชหรือลูกพีชถามทันทีที่เดินออกมา

“คุณเจย์นะครับ” ผมตอบอย่างไม่ปิดบัง “เขาถามหาคุณด้วย แต่พอผมจะถามว่าต้องการฝากข้อความอะไรไหม เขากลับบอกว่าไม่ต้อง”

ร่างบางมุ่นคิ้วทันที

“แปลกแหะ ปกติมันไม่เคยโทรหาฉันเวลานี้นอกเสียจากมีเหตุจำเป็นจริงๆ” พีชพูดด้วยความสงสัย ก่อนจะเดินมาหาผม “ขอมือถือคืนหน่อยอเล็กเซย์ ฉันจะโทรกลับไปหาเจย์นะ”

“ครับ” ผมตอบพลางส่งมือถือของพีชกลับคืนไป แล้วร่างบางก็จิ้มมือถือก่อนจะเอามาแนบหูฟังเสียงสัญญาณพร้อมกับก้าวเท้าเดินออกไปนอกชาน ซึ่งทีแรกผมก็ไม่คิดจะก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของพีช แต่พอนึกย้อนถึงเมื่อเย็น ภาพใบหน้าเย็นชาของเจย์ที่ดูไม่ไว้วางใจนั้น มันทำเอาผมต้องแอบเดินไปฟังอย่างเงียบๆ

...........................

เมื่อผมขับรถมาถึงผับแล้ว ผมก็เล่นดนตรีไปตามเพลงที่อยากจะเล่น ไม่มีใครกล้าแย้ง เพราะผมเป็นไอดอลของที่นี่ ปกติผมไม่คิดจะมาเล่นดนตรีตามผับหรอก มันเหนื่อย แต่ลำพังแค่เงินเดือนที่พีชให้มานั้นมันไม่พอ ผมจึงต้องหางานทำในช่วงกลางคืนแทน ปีแรกที่ผมแอบพีชมาเล่นดนตรีตามผับนั้น บอกตามตรงเลยว่าเหนื่อยมาก เพราะกว่าจะเสร็จงานก็ปาไปตีสอง กลับถึงหอพักก็เกือบตีสามกว่า ไหนจะต้องตื่นนอนเจ็ดโมงเช้าเพื่อลุกขึ้นมาทำงานที่ร้านดอกไม้พร้อมกับพีชอีก ทำเอาผมถึงกับหืดขึ้นคอเลยทีเดียว แต่พอนานเข้าก็เริ่มชิน จากที่เคยทำแค่อาทิตย์ละสามครั้ง ก็เปลี่ยนมาเป็นอาทิตย์ละสี่ถึงห้าครั้ง ซึ่งแล้วแต่สภาพร่างกายจะเอื้ออำนวย แน่นอนว่าไอ้พีชมันไม่รู้เรื่องนี้หรอก เพราะมันเป็นเด็กดีว่านอนสอนง่าย ปิดร้านปุ๊บ กินข้าวเย็นปั๊บ ทำบัญชีอีกนิดหน่อย แล้วพอสามทุ่มก็อาบน้ำเข้านอนจนเป็นกิจวัตรประจำวัน ยกเว้นนอกเสียจากวันที่มันไปเที่ยวกับยัยเมย์ถึงจะกลับดึก

“เฮ้ย!ไอ้เจย์ ทำไมวันนี้มึงถึงเล่นแต่เพลงเศร้าๆวะ แม่งฟังแล้วปวดใจชิบหาย” พี่เป้เจ้าของร้านที่จ้างผมมาเล่นดนตรีนั้นเดินมาพูดกับผมในช่วงพักเบรกสิบนาที เพราะปกติผมมักจะเล่นแต่เพลงแนวอินดี้หรือไม่ก็ร็อคอยู่ทุกครั้ง แต่ไม่รู้ว่าวันนี้มีอะไรดลใจให้ผมมาเล่นเพลงเศร้าแทนซะได้ พอผมได้ยินที่อีกฝ่ายพูดแล้ว ก็ยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มซักอึกก่อนจะวางลงข้างเก้าอี้ที่ผมนั่งอยู่

“ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันครับพี่เป้” ผมตอบพลางยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่อยู่บนหน้าผากออก ก่อนจะหันไปจับกีต้าร์ขึ้นมาดีดทดลองเสียงนิดๆหน่อยๆ “มันไปของมันเอง นึกอยากจะเล่นเพลงร็อค แต่กลับกลายเป็นเพลงเศร้าได้ยังไงก็ไม่รู้”

พี่เป้ถึงกับหน้าเหวอเมื่อได้ยินคำตอบของผม ก่อนจะเอามือวางไหล่ผมเบาๆ

“เออ กูว่ามึงคงไม่สบายแล้วล่ะไอ้เจย์ เอางี้ มึงกลับไปพักผ่อนเอาแรงซักวัน พรุ่งนี้มึงไม่ต้องมาทำงานนะเข้าใจ๋”

“แต่พี่เป้...”

“ไม่มีแต่” ร่างสูงผมหยิกหัวโตพูดแย้งเสียงเข้ม “กูสั่งให้ไปพักก็ไปพักซะ เพราะขืนมึงไม่ไปพัก ประเดี๋ยวพวกแฟนคลับมึงจะพากันแอนตี้กู หาว่ากูใช้งานมึงหนักเยี่ยงทาสนะโอเค!”

“ก็ได้ครับพี่เป้ โอเคก็โอเค”

ผมตอบอย่างว่าง่าย ก่อนจะเอาสายกีต้าร์ที่คล้องตัวออกแล้วนำมันกลับไปวางไว้ที่เดิม หลังจากนั้นผมก็ค่อยลุกขึ้นเดินลงจากเวที ก่อนจะไปหาที่นั่งในมุมอับเพื่อจะจุดบุหรี่สูบให้หายเครียด ครั้นพอได้ที่และผมกำลังจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบนั้น ก็ถูกใครบางคนคว้าบุหรี่ออกไปจากมือของผม

“มึงจะสูบที่นี่หาพ่อมึงเหรอ มึงก็รู้ๆอยู่ว่าที่นี่ห้ามสูบแต่แม่งยังสูบอยู่ได้นะไอ้สัด!” คำพูดหยาบคาบถูกพ่นออกมาเป็นขบวน ซึ่งผมหันไปมองก่อนจะเห็นเป็นร่างสูง ผมสั้นทรงเม่นถูกย้อมด้วยสีเขียวแสบตา สวมเสื้อคอวีสีดำลายหัวกะโหลกกับกางเกงยีนส์สีเข้มปะขาดกำลังยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับโต๊ะตัวที่ผมนั่งอยู่

“มึงมาตั้งแต่เมื่อไหร่วะไอ้ออย ทำไมกูไม่เห็น” ผมถามกลับอย่างรำคาญนิดๆ ส่วนอีกฝ่ายนั้นเมื่อได้ยินที่ผมพูด ก็เดินอ้อมเข้ามาข้างในก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ข้างที่ผมนั่ง

“ก็มาตั้งแต่มึงเล่นเพลงเศร้าเป็นเพลงที่ห้าแล้วล่ะ” ออยตอบพลางหยิบขวดเหล้าขึ้นมาเทใส่แก้ว “ว่าแต่มึงเป็นเหี้ยไรฟ่ะ เล่นแต่เพลงเศร้าอยู่ได้ กูฟังแล้วโคตรจะรันทดชิบหาย”

“กูก็ไม่รู้เหมือนกันวะ” ผมตอบสั้นๆก่อนจะหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมาดูเวลา ซึ่งตอนนี้เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืน ผมคิดว่าป่านนี้ไอ้ตัวเล็กคงจะหลับไปแล้ว แต่ทันใดนั้นภาพที่ทั้งคู่กอดจูบเมื่อเช้านี้มันได้ผุดขึ้นมาในหัวผมอีกครั้ง ทำเอาผมถึงกับเม้มปากรีบกดเบอร์ของใครบางคนที่ผมแทบจะไม่เคยคิดโทรหามันเลยซักครั้งนอกจากเวลางาน

แกรก!

“สวัสดีครับคุณเจย์”

เสียงคุ้นหูดังแว่วลอดมือถือออกมา ทำเอาผมที่ได้ยินถึงกับอึ้ง เพราะไม่คิดว่าอเล็กเซย์จะเป็นคนรับสาย

“พีชไปไหน” ผมถามเสียงห้วนหลังจากที่นั่งนิ่งอึ้งอยู่นานพอสมควร

“ห้องน้ำครับ” ปลายสายตอบก่อนจะพูดต่อ “มีอะไรจะฝากข้อความไหมครับ เดี๋ยวผมบอกเขาให้”

ลองพูดได้ขนาดนี้แสดงว่าอีกฝ่ายอยู่ใกล้ชิดมากจนรู้ว่าพีชกำลังทำอะไรอยู่

“ไม่ต้อง” พูดจบผมก็ตัดสายทิ้งโดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้ตอบกลับมา ก่อนจะผุดลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ทำเอาคนนั่งข้างๆที่กำลังนั่งดริ้งเพลินๆอยู่นั้นถึงกับสะดุ้งตกใจ

“เฮ้ยมึงเป็นบ้าอะไรของมึงไอ้เจย์ อยู่ๆก็ลุกขึ้นพรวดพราด เล่นเอากูใจหายหมด” ผมไม่ตอบก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากที่นี่ไปโดยทิ้งให้เพื่อนตัวเองมองผมด้วยความงุนงง ในขณะที่ผมกำลังขึ้นรถเตรียมจะขับกลับหอพักของตัวเองนั้น เสียงมือถือของผมก็ดังขึ้นอีกครั้ง

กริ้ง!

ผมรีบหยิบมือถือขึ้นมาก่อนจะมุ่นคิ้วเมื่อเห็นชื่อบนหน้าจอ

Peach

เพิ่งจะวางสายไปได้ไม่ถึงสิบนาที อีกฝ่ายก็โทรกลับมาเสียแล้ว ทำเอาผมสองจิตสองใจว่าจะรับดีหรือไม่ เพราะเดาดูแล้วว่าน่าจะเป็นพีชโทรมา ซึ่งผมจ้องอยู่นานจนกระทั่งโทรศัพท์ตัดไปของมันเอง

...นี่เราเป็นบ้าอะไร ทำไมถึงไม่รับโทรศัพท์ไปนะ?

ครั้นพอจะบิดกุญแจสตาร์ทรถ มือถือของผมก็ดังอีกครั้ง ซึ่งผมไม่ต้องดูก็พอรู้ว่าใครเป็นคนโทรมา ผมจ้องอยู่ได้ซักพักก็ตัดสินใจกดรับโทรศัพท์ทันที

“เจย์ นี่ฉันเองนะพีช นายมีธุระอะไรจะคุยกับฉันหรือเปล่า” ปลายสายถามทันทีที่ผมรับสาย ซึ่งผมฟังดูจากน้ำเสียงแล้ว ก็ไม่มีทีท่าว่าจะสั่นหรือเหนื่อยหอบแม้แต่น้อย “ว่ายังไงล่ะเจย์ ทำไมไม่ตอบกลับมาซะทีล่ะ”

“เปล่า ไม่มีอะไร ก็แค่โทรมาหาเฉยๆ”

“อ้าว?”

“นี่ก็ดึกมากแล้ว รีบนอนซะ เพราะถ้าเกิดนายไม่สบายขึ้นมา เดี๋ยวแม่ฉันจะหาว่าฉันดูแลนายไม่ดี”

“อะ...อืม จะรีบนอนเดี๋ยวนี้แหละ”

“ดีมาก งั้นแค่นี้นะ ราตรีสวัสด์”

“อืม ราตรีสวัสดิ์”

แล้วผมก็ตัดสายทิ้งก่อนจะทิ้งหน้าฟุบกับพวงมาลัยรถด้วยใจที่หนักอึ้ง ผมรู้ดีว่าพวกเขาต้องมีอะไรกันมากเกินกว่าจูบที่เห็นเมื่อเช้านี้แน่ เพราะไม่งั้นไอ้ตัวเล็กคงไม่อยู่ดึกขนาดนี้หรอก พอนึกภาพทั้งคู่ที่นอนเปลือยกายกอดกันท่ามกลางห้องสี่เหลี่ยมในคอนโดหรูแล้ว มันทำเอาผมรู้สึกเจ็บปวดที่ใจอย่างบอกไม่ถูก

นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเรากันแน่?

.................................

พอรุ่งเช้าอาการปวดสะโพกได้หายไปหมดแล้ว เหลือแต่ความเพลียที่ยังคงอยู่ แต่ถึงกระนั้นมันก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคกับผมที่จะไปเที่ยวดูโรงงานไวน์พร้อมกับอเล็กเซย์เลยแม้แต่น้อย หลังจากทานข้าวเช้าเสร็จแล้ว พวกผมก็ไปโรงงานไวน์ทันที ซึ่งการไปเที่ยวครั้งนี้ผมยอมรับว่าสนุกมากกว่าครั้งแรก เพราะได้มีโอกาสทดลองชิมไวน์ที่เขาเพิ่งจะทำเสร็จใหม่ๆด้วย

“อย่าดื่มเยอะนะครับเดี๋ยวเมา” ร่างหนาพูดพลางเอามือลูบหัวผมอย่างแผ่วเบา ทำเอาผมสะดุ้งตกใจหันซ้ายหันขวามองหาคน แต่โชคดีที่เจ้าหน้าที่เดินออกไปแล้วจึงไม่ทันมองเห็น “นี่ก็เที่ยงแล้ว ผมว่าพวกเราออกไปหาอะไรกินกันดีกว่านะครับลูกพีช”

“อืม ก็เอาสิ”

แล้วผมกับอเล็กเซย์ก็เดินออกไปข้างนอก พอจะขึ้นรถกลับมีผู้หญิงคนหนึ่ง มีใบหน้าที่สะสวย ผมยาวสีน้ำตาลประกายแดงพลิ้วไสว สวมเสื้อผ้าทันสมัยแลดูงามตากับส้นสูงสีแดงแลดูสูงชะลูดคล้ายนางแบบชั้นนำ ในมือถือกระเป๋าสะพายย่างเท้าเดินมาทางพวกผมอย่างมาดมั่น

“ฉันไม่นึกเลยว่าจะมาเจอคุณที่นี่อเล็กเซย์” ร่างบางถามหลังจากหยุดยืนตรงหน้าผม ถึงหล่อนจะดูสูงแถมยังสวมรองเท้าส้นสูงก็ตาม แต่ก็ยังดูเตี้ยกว่าผมอยู่ดี “ครั้งล่าสุดที่ฉันได้เจอคุณ ก็ที่สิงคโปร์เมื่อปีที่แล้วนี่เอง นานแล้วนะคะที่เราสองคนไม่ได้มายืนคุยกันแบบนี้อีก”

ดูเหมือนหญิงสาวจะมองข้ามผมไป เอาแต่มองอเล็กเซย์คนเดียว แต่ดูเหมือนร่างสูงจะไม่ค่อยสนใจคู่สนทนาเอาเสียเลย กลับเปิดประตูรถข้างคนขับให้ผมแทน

“ขึ้นรถครับคุณพีช เดี๋ยวผมจะพาคุณไปกินอาหารญี่ปุ่นที่คุณชอบ”

“อเล็กเซย์!” ร่างบางพูดเสียงสูงปรี๊ด ทำเอาผมนึกอยากจะอุดหูตัวเองเสียเหลือเกิน “คุณอย่าแกล้งทำเป็นเมินฉันแบบนี้สิ ฉันอุตส่าห์ได้เจอคุณทั้งที แต่คุณ…”

หญิงพูดยังไม่ทันจบ ก็ตวัดสายตามามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ซึ่งทำเอาผมรู้สึกแปลกๆชอบกล

“เดี๋ยวนี้รสนิยมคุณเป็นแบบนี้เองรึ” อีกฝ่ายพูดเสียงเย็น “จากที่เคยควงผู้หญิงสวยๆ เปลี่ยนมาควงสาวทอมบอยแทน ดูท่าคุณจะตกต่ำไปแล้วจริงๆนะอเล็กเซย์”

คำว่าสาวทอมบอยทำเอาผมรู้สึกหงุดหงิด เพราะผมไม่ชอบให้ใครมาว่าผมเหมือนผู้หญิง ในขณะที่ผมคิดจะพูดแย้งกลับไปว่าไม่ใช่ แต่ร่างหนากลับส่งเสียงตวาดใส่ร่างบางเสียก่อน

“หุบปากเดี๋ยวนี้นะดาริน!” ตั้งแต่รู้จักกับอเล็กเซย์มาหลายวัน ผมไม่เคยเห็นร่างหนาตวาดเสียงดังแบบนี้เลยมาก่อน ก็เลยทำเอาผมรู้สึกกลัวอยู่นิดๆ “ไม่ว่าเขาจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เธอก็ไม่มีสิทธิ์ไปว่าคุณพีช จะไปไหนก็ไปซะ”

“เขา? อ้อ นี่คงจะเป็นผู้ชายสินะ แหม หน้าหวานเหมือนผู้หญิงซะขนาดนี้ มิน่าล่ะ ถึงได้ควงมาที่โรงงานไวน์ด้วย”

ร่างบางพูดดูถูกอเล็กเซย์ ทำเอาผมนึกโกรธแทนเขา

“ถ้าเธอยังพูดอีก ฉันจะไปเรียกยามให้มาไล่เธอออกไป” ร่างหนาพูดเสียงเย็นชาตอบ ทำเอาร่างบางถึงกับยืนเม้มปากแน่นด้วยความโกรธ แล้วอเล็กเซย์ก็หันมาพูดกับผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ไปกันเถอะครับคุณพีช”

“อะ อืม”

ผมตอบก่อนจะเดินขึ้นรถ พออเล็กเซย์เห็นผมเดินขึ้นรถแล้วก็เดินมาปิดประตูให้ผม ก่อนจะเดินกลับไปขึ้นรถฝั่งตรงคนขับแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว เมื่อผมกับอเล็กเซย์ออกมาจากโรงงานไวน์แล้ว ร่างสูงก็เอาแต่เงียบมาโดยตลอด ขนาดตอนไปทานอาหารญี่ปุ่นด้วยกันกับผมก็ยังเงียบเฉย ซึ่งทำเอาผมนึกสงสัยแต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปากถาม พอครั้นรถแล่นมาจอดหน้าร้านดอกไม้ ผมเตรียมจะถอดเซฟตี้เบลล์เพื่อที่ลงจากรถ แต่มือหนากลับคว้ามือของผมเข้าเสียก่อน ทำเอาผมมุ่นคิ้วหันไปมองด้วยความงุนงง

“ผมกับดารินไม่ได้เป็นอะไรกัน” ร่างสูงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “แค่คนเคยร่วมธุรกิจด้วยกันเฉยๆ ลูกพีชอย่าเข้าใจผมผิดไปนะครับ”

ผมถึงกับบางอ้อ ที่อเล็กเซย์เงียบไปก็เพราะคิดเรื่องนี้อยู่นี่เอง

“ก็ไม่ได้เข้าใจผิดอะไรนี่” ผมตอบไปตามตรง “ฉันแค่สงสัยว่าทำไมนายกับผู้หญิงคนนั้นถึงไม่ถูกกัน”

คำตอบของผมทำเอาร่างสูงยิ้มราวกับเหมือนยกภูเขาออกจากอก

“เรื่องนั้นไว้คืนนี้ผมจะเล่าเรื่องดารินให้คุณฟังทางมือถือเองนะครับลูกพีช”

“อืม แล้วฉันจะรอฟังนะ”

..............................

แล้วคืนนั้นอเล็กเซย์ก็โทรมาเล่าให้ผมฟัง เขาบอกว่าดารินเป็นหนึ่งในลูกค้าที่มาร่วมหุ้นธุรกิจการออกส่งไวน์ และนอกจากนี้เธอยังเป็นนางแบบชื่อดังของไทยซึ่งผมไม่ค่อยจะรู้จัก ไม่สิ ไม่รู้จักเสียมากกว่า เพราะวันๆผมเอาแต่ทำงานในร้านดอกไม้ ไม่ค่อยได้ติดตามข่าวสาร ก็เลยไม่รู้เรื่องวงการบันเทิงเหมือนคนอื่นๆ

“นี่ก็ดึกมากแล้ว ฉันนอนก่อนนะ” ผมพูดไปหาวไป

“ครับ นอนหลับฝันดีนะครับลูกพีช” แล้วอีกฝ่ายก็วางสายไป ซึ่งผมเองก็เตรียมจะนอน จึงเดินไปเข้าห้องน้ำก่อน แต่ยังไม่ได้ทันทำธุระส่วนตัว เสียงมือถือก็ดังอีกครั้ง ทำให้ผมต้องรีบวิ่งออกมารับโดยไม่ทันมองจอมือถือเพราะคิดว่าเป็นอเล็กเซย์โทรมาหาผม

“ลืมอะไรงั้นหรืออเล็กเซย์” ผมถามด้วยความสงสัย หากแต่ปลายสายเงียบไปจนทำเอาผมมุ่นคิ้ว “อเล็กเซย์?”

“พีชนี่ฉันเอง” เสียงทุ้มตอบกลับมา ทำเอาผมถึงกับหน้าเหวอแดก

“จะ…จะ เจย์?!”

“ใช่ ฉันเอง” ปลายสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ฉันจำได้ว่านายเมมเบอร์มือถือของฉันไปแล้วนี่ แล้วทำไมถึงคิดว่าเป็นอเล็กเซย์ไปได้ล่ะ”

คำถามของอีกฝ่ายทำเอาผมสะดุ้งโหยง

“อะ…เอ่อ ไม่ใช่อย่างที่นายคิดนะเจย์ พอดีฉันลืมมองโทรศัพท์นะ” ผมรีบพูดแก้ตัวเพราะกลัวอีกฝ่ายจะเข้าใจผิดไป ก่อนจะพูดเปลี่ยนเรื่อง “ว่าแต่นายมีธุระอะไรกับฉันงั้นหรือ”

“ตอนนี้นายว่างหรือเปล่าพีช”

“ก็ว่างนะ ทำไมหรือ”

“ออกมาข้างนอกได้หรือเปล่า” เจย์ถาม ซึ่งทำเอาผมมุ่นคิ้ว “ตอนนี้ฉันยืนอยู่หน้าร้านนะ”

พอเจย์พูดจบ ผมก็ลุกเดินลงจากเตียงก่อนจะเปิดผ้าม่านหน้าต่างออก แล้วค่อยก้มลงมองดูชั้นล่างก่อนจะเห็นร่างสูงคุ้นตายืนเงยหน้ามองมาทางผม ในมือมีถือมือแนบหูอยู่

“ได้ ฉันจะลงไปเดี๋ยวนี้แหละ” พูดจบ ผมก็วางสายลงก่อนจะหันไปเปลี่ยนเป็นชุดอื่น พอเสร็จแล้วค่อยเดินลงไปชั้นล่างก่อนจะเปิดประตูเดินออกไปหาเจย์ที่กำลังยืนรอผมอยู่ข้างรถมิร่าตัวเอง “นี่มันก็ดึกมากแล้วนะเจย์ นายมีธุระอะไรกับฉันงั้นรึ”

“ไปนั่งรถเล่นกับฉันหน่อยไหม”

ร่างสูงถาม ทำเอาผมแทบตะลึง

“นั่งรถเล่นเวลานี้เนี่ยนะ?!”

“ใช่ เวลานี้แหละ” เจย์พยักหน้าตอบก่อนจะพูดต่อ “ไม่นานหรอกน่า เดี๋ยวเดียวเอง”

ไม่พูดเปล่าอย่างเดียว มีการจับไม้จับมือผมพร้อมกับทำหน้าออดอ้อนราวกับเป็นเด็กสามขวบ

“เออๆ ไปก็ได้ แต่อย่าเกินเที่ยงคืนล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้พวกเราต้องเปิดร้านแต่เช้านะ”

“อืม ไม่เกินเที่ยงคืนแน่นอน”

แล้วผมก็ขึ้นรถนั่งไปกับเจย์อย่างว่าง่าย

........................

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 5 สับสน 26/8/57)
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 26-08-2014 08:51:04
ม่ายยยยยยยยยย

เจย์ชอบพีชเหรอนี่  :z3: :z3: :z3: :z3:

ชะนีดารินนี่ปากจัดจริงๆ ต้องฝากอเล็กซ์สั่งสอนซะหน่อยละ

(พีชไปนั่งรถเล่นกะเจย์แล้วอ่าาาา เจย์จะสารภาพรักเหรอ?)

อย่าเป็นรักสามเศร้าเลยยยยย  :ling1: มีดารินกะนังเมย์ก็เศร้าพอละ มาม่าได้หลายตลบ ฮือๆๆๆ
 
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 5 สับสน 26/8/57)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 26-08-2014 09:14:34
 :bye2: เจย์เอ๋ย มันสายไปแล้วล่ะ
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 5 สับสน 26/8/57)
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 27-08-2014 05:27:21
สงสารเจย์อ่ะกว่าจะรู้ตัวก็เมื่อสายไปแล้ว
หาคู่ให้เค้าใหม่หน่อยคร้าคนเขียน
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 5 สับสน 26/8/57)
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 03-09-2014 13:21:52
ตอนที่ 6 เปลี่ยนไป

.......................

ผมนั่งเงียบมองวิวข้างถนนมาตลอดทาง มีบ้างที่จะหันไปลอบมองไอ้เจย์ที่กำลังขับรถอยู่ ผมไม่นึกเลยว่ามันจะบ้าถึงขนาดพาผมมานั่งรถชมวิวเล่นในยามค่ำคืน แต่ก็ช่างเถอะ เพราะตั้งแต่รู้จักกันมา เจย์ช่วยผมอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ก็ตาม จนกระทั่งวันที่ผมกับพ่อแม่ประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตก มีเพียงผมคนเดียวที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์นั้น ซึ่งไอ้เจย์ก็ยังตามมาช่วยเหลือผมอยู่ดี ไม่ว่าจะเป็นการป้อนข้าวป้อนน้ำหรือพาผมหัดเดิน (ตอนนั้นผมต้องทำกายภาพบำบัดด้วย เพราะยังเดินไม่ได้) เป็นต้น มันล้วนทำด้วยความยินดีถึงแม้ผมในตอนนั้นจะยังจำอะไรเกี่ยวกับตัวเองหรือมันไม่ได้ก็ตาม

“หลับแล้วหรือพีช”

อยู่ๆเจย์ก็เอ่ยปากพูดขึ้นมา ทำเอาผมได้สติก่อนจะหันกลับไปมองมัน

“ยัง” ผมตอบก่อนจะพูดต่อ “ว่าแต่นายจะพาฉันไปที่ไหนเนี่ย”

“เดี๋ยวก็รู้” ร่างสูงยิ้ม แล้วผมก็เผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว พอมารู้สึกอีกที เจย์ก็มาสะกิดเรียกผมให้ตื่น “พีช...พีช ถึงแล้วนะ ตื่นได้แล้ว”

ผมได้ยินดังนั้นก็เอามือมาขยี้ตาอย่างงัวเงีย ก่อนจะสังเกตว่าตอนนี้ผมกับเจย์กำลังนั่งอยู่ในรถโดยมีทะเลสีดำยามค่ำคืนอยู่เบื้องหน้า

“ทะเล? นายพาฉันมาที่นี่ทำไมกัน” ผมถามด้วยความสงสัย

“ก็เดินเล่นไง ปะ ลงไปกันเถอะ” ว่าแล้วร่างสูงก็เดินประตูรถออกลงไปเดิน ซึ่งทำให้ผมต้องรีบออกเดินไปตาม แลเห็นผืนท้องทะเลสีดำตัดกับท้องฟ้าที่มีดาวส่องประกายอยู่เต็มไปทั่ว มันพาผมเดินไปถึงชายหาดซึ่งบัดนี้เงียบสงบ มีเพียงลมพัดอยู่บางเบาดูเงียบสงบดี “ทะเลตอนกลางคืนนี่ก็ดูสวยดีนะว่าไหมพีช”

มันพูดพลางมองไปที่ทะเล

“อือ สวยดี” ผมตอบ เพราะทะเลตอนกลางคืนผมไม่เคยเห็นจริงๆ

“ห้าปีแล้วนะตั้งแต่พ่อแม่ของนายจากไป” อยู่ๆเจย์ก็พูดโพล่งออกมา ทำเอาผมหันไปมอง “นี่ถ้าพวกท่านยังอยู่ก็คงจะดี เพราะนายจะได้ไม่ต้องมาเป็นแบบนี้ นายก็จะได้เรียนหนังสือจนจบตามที่นายอยาก นายก็จะได้ไม่ต้องมีแผลเป็นให้ดูเจ็บช้ำเล่น”

“อืม นั่นสินะ” ผมพูดเสียงเบาก่อนจะหันไปเหม่อมองบนท้องฟ้า

“แล้วนี่ปีนี้จะไปหาหมอวันไหนล่ะ เดี๋ยวฉันจะขับพานายไปหาหมอให้” เจย์หันมาพูดเปลี่ยนเรื่อง

“เอ่อก็วันมะรืนทีจะถึงนี้นะ” ผมหันมาตอบก่อนจะพูดต่อ “แต่ฉันว่านายไม่ต้องพาฉันไปหรอก ฉันไปคนเดียวเองได้ นายอยู่เฝ้าร้านเถอะ เพราะกว่าจะตรวจเสร็จก็เกือบทั้งวัน นายเองก็เคยไปนั่งรอฉันตั้งหลายครั้งแล้วก็น่าจะรู้ดีนี่”

ผมบอก เพราะมันขับรถพาผมไปหาหมอเป็นเพื่อนทุกปีจริงๆ

“ไม่เป็นไร ฉันอยากไป” เจย์ยิ้มตอบ ดูครับ มันดื้อจะเอาจนได้ ผมนึกหน่ายกับมันจริงๆ “นายรออยู่ที่นี่ไปก่อนนะพีช เดี๋ยวฉันมา แปปเดียว”

“อืม”

ผมตอบสั้นๆ แล้วไอ้เจย์ก็เดินกลับไปที่รถ ส่วนผมก็นั่งลงบนโขดหินรอมันมา ซึ่งระหว่างนั้นผมก็นั่งหวนนึกถึงความหลัง วันที่ผมกับพ่อแม่อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ถึงแม้จะเป็นช่วงระยะสั้นแต่ผมก็ไม่มีวันลืม ผมยังจำได้ตอนที่นั่งอยู่บนเครื่องบิน ผมนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างพวกท่าน ยังชวนกันชี้ดูเมฆบนท้องฟ้าว่ามันสวยอยู่เลย แต่เพียงครู่เดียวผมก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย มารู้สึกตัวอีกทีผมก็นอนอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว

“เฮ้! น้องสาว ทำไมมานั่งที่นี่อยู่คนเดียวจ้ะ ไม่กลัวผีหรอกรึไง” อยู่ๆก็มีเสียงแซวแทรกความคิด ทำเอาผมหันไปมองต้นเสียง ก่อนจะเห็นพวกขี้เมาสองคนเดินตุปัดตุเป๋มาทางผม ทว่าผมไม่ตอบ กลับผุดลุกขึ้นยืนเพื่อจะหนีพวกมัน แต่ก็ต้องชะงักเมื่อมีมือหยาบหนาเข้ามาคว้าแขนไว้เสียก่อน “อย่าเพิ่งไปสิจ้ะ มาสนุกกับพวกพี่ๆก่อน”

“ใครจะไปสนุกด้วยกับพวกมึง ปล่อยกูเดี๋ยวนี้” ผมตวาดเสียงเข้ม พยายามสลัดแขนที่จับไว้อยู่ให้ออก แต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะออก เพราะมันเหนียวแน่นอย่างกับกาวตราช้าง

“โห พูดคำหยาบซะด้วย แรงแบบนี้พวกพี่ชอบ ฮะๆ” พูดจบอีกฝ่ายก็ดึงผมให้เข้าหาตัว จนทำให้ตัวผมเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของมัน “มามะ เดี๋ยวพวกพี่จะพาไปขึ้นสวรรค์”

“ไม่เอา! ปล่อยกูเดี๋ยวนี้นะ! เจย์ช่วยฉัน...อื้อ!” ผมพยายามดิ้นให้หลุดจากพันธนาการพร้อมกับพยายามตะโกนเรียกเจย์ไปด้วย แต่พูดยังไม่ทันจบก็โดนมือหนาอุดปากเอาไว้ ก่อนจะถูกอีกคนกระชากเสื้ออย่างแรงจนกระดุมหลุดเป็นยวง แลเห็นแผงอกผิวขาวเนียนหิมะที่แบนราบ “อื้อ!”

“ผู้หญิงอาราย สวยก็สวย แต่หน้าอกดันแบนราบวะ” ดูเหมือนทั้งคู่จะเมาจัด จึงเข้าใจผิดว่าผมเป็นผู้หญิงที่มีหน้าอกเล็กเท่าไข่ดาว และนอกจากนี้มันคงลืมไปว่าผู้หญิงบ้าที่ไหนจะลืมใส่เสื้อชั้นในด้วย “ช่างหัวแม่ง จะเล็กหรือใหญ่ไม่สำคัญ ขอให้ได้ฟันมันก่อนแล้วกัน”

พูดจบ มันก็ทำท่าจะเข้ามาข่มขืนผมอีก ผมเห็นดังนั้นจึงใช้เท้าถีบมันอย่างแรงๆ จนอีกฝ่ายกระเด็นถอยหลังไปหลายก้าว

“เหี้ย! เดี๋ยวแม่งจัดหนัก...”

ผัวะ!

คนพูดโดนใครบางคนต่อยเข้าที่ใบหน้าอย่างแรงก่อนจะกระเด็นไปนอนกลิ้งกับพื้น แล้วคนต่อยก็ได้หันหน้ามาแลเห็นสีหน้าเย็นยะเยือกราวกับเป็นคนละคนที่ผมเห็นเมื่อครู่นี้

เจย์?!

“ถ้าไม่อยากตาย ก็ปล่อยคนของกู...” ร่างสูงพูดเสียงเข้มพลางชักปืนขึ้นมาขู่ ก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าหาอย่างเนิบนาบ “...เดี๋ยวนี้!”

ดูเหมือนคำพูดของเจย์จะศักดิ์สิทธิ์ ทันทีที่เจย์พูดจบ ผมก็ถูกคนข้างหลังผลักไปด้านหน้าอย่างแรง พวกมันก็ได้วิ่งหนีเตลิดไปโดยไม่หันกลับมามอง

“ไม่เป็นอะไรใช่ไหมพีช มันทำอะไรนายตรงไหนหรือเปล่า เจ็บตรงไหนบอกฉันมาสิ” เจย์ยิงคำถามรัวด้วยความเป็นห่วง แต่ดูเหมือนหูของผมจะไม่รับฟังอะไรทั้งสิ้น พอรู้สึกว่าตัวเองปลอดภัยแล้ว ผมถึงกับต่อมน้ำตาแตก

“ฮือๆ เจย์ ฮือๆ ฉันกลัว”

“พีช” อีกฝ่ายเรียกชื่อผมก่อนจะคว้าผมมาโอบกอด “พีช ใจเย็นๆ ฉันอยู่ที่นี่แล้ว ปลอดภัยแล้ว”

ไม่พูดเปล่าอย่างเดียว เจย์ยังใช้มือลูบหัวผมที่กำลังสะอื้นไห้ด้วย

“เจย์...ฮึก...เจย์...อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียวอีกนะ...ฮือๆ”

“...อือ ฉันจะไม่ทิ้งนายไว้คนเดียวอีกแน่ ฉันสัญญา”

นั่นเป็นเสียงสุดท้ายที่ผมได้ยินก่อนจะเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว

..................

หลังจากพีชได้ร้องไห้จนหลับไปแล้ว ผมก็อุ้มร่างบางขึ้นรถแล้วขับรถกลับร้านดอกไม้ เมื่อกลับมาถึงผมก็วางร่างบางลงบนเตียง ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นเสื้อของพีชที่ถูกฉีกขาด ทำเอาอารมณ์ที่เคยขุ่นมัวกลับหงุดหงิดมากขึ้น ผมไม่น่าทิ้งพีชไว้ตามลำพัง ไม่งั้นไอ้ตัวเล็กคงจะไม่โดนพวกขี้เมาลวนลามแน่ พอคิดได้ดังนั้นผมก็ลุกขึ้นเดินไปหยิบชุดนอนที่ถูกแขวนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า ก่อนจะนำมาวางบนเตียง แล้วจึงค่อยหันมาถอดเสื้อที่ขาดออก แต่ครั้นพอถอดไปได้นิดเดียว ผมกลับต้องชะงักอีกครั้งเมื่อเห็นรอยแดงจ้ำประทับอยู่แถวท้องน้อย

นะ...นี่มัน...

คิสมาร์ค!!


ไม่ต้องคิดให้เสียเวลาว่ารอยนี้ใครเป็นผู้ประทับไว้

“อย่าเข้ามานะ อย่า” อยู่ๆ ไอ้ตัวเล็กก็ละเมอร้องขึ้นมา ทำเอาผมที่กำลังใช้ความคิดก็ต้องหยุดชะงักทันที

“ไม่ต้องกลัวพีช ฉันอยู่ที่นี่แล้ว” ผมพูดพลางคว้ามือของตัวเล็กมากุมอย่างที่เคยทำมาก่อน เพราะตอนช่วงหลังประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตก พีชมักจะฝันร้ายอยู่ทุกวัน ทำให้ผมที่มานอนเฝ้าต้องคอยมาปลอบใจให้หายกลัวอยู่เสมอ แต่ครั้งนี้ความฝันต่างกัน “นอนซะนะคนเก่ง ไม่มีอะไรต้องกลัวอีกแล้ว”

ผมพูดปลอบพลางเอามืออีกข้างลูบหัวอย่างแผ่วเบา ไม่นานนักเสียงละเมอร้องไห้ของพีชก็ได้เงียบไป ผมก็รีบเปลี่ยนเสื้อให้พีชก่อนเตรียมจะผุดลุกขึ้นยืนเพื่อที่จะกลับหอพัก แต่ยังไม่ทันจะได้ลุกขึ้นดี ผมก็ถูกมือบางคว้ามือเอาไว้เสียก่อน

“อย่าจากผมไปเลยนะ...” เสียงละเมอของพีชทำเอาผมถึงกับมุ่นคิ้วหันไปมอง แต่ก็คลายลงเมื่อได้ยินคำพูดถัดไป “...คุณพ่อ...คุณแม่”

ใจผมอ่อนยวบเมื่อได้ยินคำนั้น เพราะเวลาพีชละเมอถึงพ่อแม่ทีไร ผมมักใจอ่อนทุกที พอคิดได้ดังนั้นผมก็คว้าผ้าห่มมาห่มให้พีชก่อนจะฟุบนอนหลับข้างเตียงไปทั้งอย่างนั้น

จะอยู่นอนเป็นเพื่อนด้วยซักคืนแล้วกัน…

................

ผมรู้สึกตัวอีกทีก็มีแสงแดดมาแยงตา ทำให้ผมต้องลืมตาขึ้นมา ก่อนจะเห็นร่างคุ้นตานอนหลับอยู่ข้างเตียง แถมนอกจากนี้มือขวาผมก็กำลังจับมือของอีกฝ่ายอยู่ด้วย

เจย์?

ทำไมมันมานอนอยู่ที่นี่ได้?

ผมครุ่นคิดในใจพลางนึกย้อนถึงเรื่องเมื่อคืน ผมไปนั่งรถเที่ยวชมวิวกับเจย์ที่ชายทะเล ระหว่างที่ผมนั่งรอมันอยู่บนโขดหิน ผมก็โดนพวกขี้เมาฉุดกระชากจะไปข่มขืน แต่ก็ได้เจย์ช่วยเอาไว้ แล้วหลังจากนั้นผมก็ร้องไห้ในอ้อมกอดของเจย์จนเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัวด้วย พอคิดได้ดังนั้นผมก็หน้าร้อนผ่าวรีบปล่อยมืออีกฝ่ายออก ทำให้ร่างสูงจะรู้สึกตัวทันทีที่ผมปล่อยมือ

“อรุณสวัสดิ์พีช” เจย์พูดทักทายด้วยน้ำเสียงงัวเงีย

“อะ อืม อรุณสวัสดิ์” ผมทักทายตอบ ก่อนจะพูดต่อ “ขอโทษด้วยนะที่ทำให้นายต้องนอนแบบนั้น ถ้านายนอนไม่พอ ก็กลับไปนอนที่หอได้นะ วันนี้ไม่ต้องอยู่ช่วยทำงานหรอก”

“อืม”

อีกฝ่ายพยักหน้าตอบก่อนจะลุกขึ้นเดินออกจากนอกห้องไปอย่างงัวเงีย ดูท่าเจย์จะนอนหลับไม่พอจริง ถึงได้เดินเซกลับไปทั้งอย่างนั้น เมื่ออีกฝ่ายไปแล้ว ผมก็ลุกขึ้นเดินก่อนจะถอดเสื้อนอนออก ซึ่งประจวบเหมาะกับบานประตูที่ได้ถูกเปิดออกอีกครั้ง ทำเอาผมชะงักค้างในท่าถอดเสื้อก่อนหันไปมองผู้ที่เปิดประตู

“ลืมของเหรอเจย์” ผมถามพลางมองร่างสูงที่ยืนมองผมนิ่งค้างอยู่อย่างนั้น “เจย์ ทำไมไม่ตอบซักทีล่ะ”

ร่างสูงสะดุ้งไหวเล็กน้อย ดูท่าจะยังตื่นไม่พอ เล่นเหม่อลอยซะขนาดนั้น แถมหน้าแดงก็ด้วย

“เอ่อ ก็แค่มาบอกว่าพรุ่งนี้ฉันจะไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนนายนะ”

“อ้อ ได้สิ พรุ่งนี้เจอกันตีห้านะ”

พอผมพูดจบ อีกฝ่ายก็พยักหน้าตอบพลางเดินกลับออกไป ก่อนจะตามด้วยเสียงเดินชนกำแพงดังต่อเนื่องอยู่ตลอดทาง ทำเอาผมได้ยินถึงกับส่ายหน้าเอือมกับความขี้เซาไม่หายของเจย์

จะกลับไปรอดถึงห้องไหมวะนั่น…

..................

เช้านี้เป็นอีกวันที่ผมขับรถไปหาลูกพีชเช่นเคย เมื่อไปถึงร้านดอกไม้กลับไม่พบเจย์ยืนอยู่หน้าร้าน

“อ้อ วันนี้เจย์ไม่มาทำงานนะ” พีชบอกหลังจากผมเดินไปถาม ซึ่งผมก็คิดว่ามันแปลก แต่ก็ไม่ได้เก็บมาคิด “ว่าแต่วันนี้นายจะมาซื้อดอกไม้หรืออเล็กเซย์”

“เปล่าครับคุณพีช พอดีผมตั้งใจจะมาชวนคุณไปทำบุญที่วัดในวันพรุ่งนี้นะครับ ไม่ทราบว่าคุณว่างหรือเปล่า”

“ขอโทษนะอเล็กเซย์ ฉันไปด้วยไม่ได้นะ” ร่างบางตอบ ทำเอาผมถึงกับมุ่นคิ้ว “พอดีพรุ่งนี้ฉันต้องไปหาหมอที่โรงพยาบาลกับเจย์นะ”

“ไปโรงพยาบาล? คุณเป็นอะไร ทำไมถึงต้องไปด้วย?!” ผมถามด้วยความเป็นห่วง

“ฉันไม่ได้เป็นอะไร ก็แค่ไปตรวจสุขภาพประจำปีเฉยๆ” ร่างบางรีบตอบกลับ ซึ่งทำเอาผมถึงกับโล่งอก แต่ถึงกระนั้นผมก็ไม่ชอบให้พีชไปกับเจย์อยู่ดี

“ถ้างั้นผมขอไปด้วยคนแล้วกันนะครับ เพราะยังไงพรุ่งนี้ผมก็ว่างอยู่แล้ว”

“เฮ้ยไม่ได้ รถมิร่าของเจย์มันคันเล็ก นั่งกันได้แค่สองคนเท่านั้น” ร่างบางแย้งทันควัน “ถ้านายจะไป ก็ต้องขับรถไปเอง เอางี้ นายขับรถไปรอที่โรงพยาบาล Xxx ตอนหกโมงเช้าเลยจะดีกว่า เพราะพวกเราจะไปถึงกันเวลานั้นพอดีนะ”

“ก็ได้ครับ ถ้างั้นเจอกันพรุ่งนี้นะ”

แล้วผมก็บอกลาก่อนจะขับรถออกไปทำงาน

..............

วันรุ่งขึ้นเจย์มารับผมตั้งแต่ตีห้าตามที่รับปากไว้จริง ร่างสูงสวมเสื้อยืดคอวีสีแดงกางเกงยีนส์เข้มกำลังยืนรอผมอยู่หน้ารถมิร่าของตัวเอง

“รอนานไหมเจย์” ผมถามพลางเดินเข้าไปหา

“ไม่นานหรอก” อีกฝ่ายพูดตอบพลางเปิดประตูให้ผม ก่อนจะผายมือเข้าไปยังข้างในรถ “เชิญเสด็จพะยะค่ะ”

ผมได้ยินดังนั้นก็มะเหงกให้เจย์หนึ่งลูกโทษฐานทำให้ผมหมั่นไส้

“เสด็จบ้านพ่อแกสิ มัวแต่เล่นเดี๋ยวก็ไปรพ.สายเอาหรอก”

“ฮะๆ รู้แล้วน่า แค่หยอกเล่นหน่อยเองทำเป็นโกรธไปได้”

ผมไม่ตอบก่อนจะเดินเข้าไปนั่งรถ ซึ่งทำให้เจย์ต้องเดินเข้าไปในรถตาม เมื่อรถเคลื่อนตัวแล้ว เจย์ก็หันมาเปิดเครื่องเสียง ซึ่งผมรอไม่นานนัก ก็ได้ยินเสียงเพลงออกมา...

ไม่ทราบมันเป็นไร ไม่รู้ว่ามาไง

อาการรักเธอ

ก็รู้มีคนจอง ยังมาไปยืนมอง

ตกเย็นก็เพ้อ

ยิ้มให้เมื่อเจอกัน เผื่อฟลุ๊กไปวันๆ

ไม่กล้าขอเบอร์

ก็รู้เธอมีแฟน

ไม่ได้จะไปแทนที่คนของเธอ

ผมมุ่นคิ้วเมื่อได้ยินเพลงนี้ ก่อนจะเงยหน้ามองรายชื่อเพลงบนจอขนาดเล็กของเครื่องเสียง ‘รักคนมีเจ้าของ by ไอน้ำ’ ดูท่าเพลงนี้ไอ้เจย์มันชอบ ถึงได้เปิดก่อนเป็นเพลงแรก แต่ก็เอาเถอะ ไม่ว่าเจย์จะเปิดเพลงไหนผมก็ฟังไม่รู้เรื่องอยู่ดีนั่นแหละ

บ๊อก บ๊อก

เสียงริงโทนหมาเห่าดังขึ้นแทรกขัดจังหวะ ทำเอาผมรีบหรี่เสียงเพลงพลางคว้ามือถือขึ้นมาดู

Aleksey

ผมมุ่นคิ้วเมื่อเห็นชื่อของคนโทรมา ใจหนึ่งก็อยากรับแต่ก็กลัวเจย์จะได้ยินเสียงปลายสายเอา

“ทำไมไม่รับมือถือซักทีล่ะ ปล่อยให้มันดังอยู่ทำไม” เจย์บอกผมในขณะที่กำลังสาละวนขับรถอยู่ ทำเอาผมถอนหายใจ เพราะยังไงเดี๋ยวเจย์ก็ต้องรู้อยู่ดี ผมกดรับก่อนจะยกมือถือขึ้นแนบหูซ้าย

“ทำไมรับช้าจังเลยครับลูกพีช” ปลายสายพูดเสียงเง้างอน “แล้วนี่ออกมากันรึยังครับ ตอนนี้ผมรออยู่ที่หน้ารพ.แล้วนะ”

“เพิ่งจะออกตะกี้เอง ว่าแต่ทำไมนายถึงไปที่นั่นไวขนาดนั้นล่ะ นี่มันเพิ่งจะตีห้าเองนะ” ผมถามด้วยความสงสัย ซึ่งทำเอาเจย์ที่กำลังขับรถมุ่นคิ้วหันมามองผม ก่อนจะหันกลับไปมองถนนตามเดิม

“ก็ผมใจร้อนนี่ครับ อยากจะเห็นหน้าคุณไวๆด้วย”

ดูเขาสิครับ เอาแต่ใจจริงๆ แต่ก็เอาเถอะ ขออย่าให้เขาทำตัวสนิทสนมกับผมเกินเหตุต่อหน้าเจย์ก็พอ

“เดี๋ยวอีกครึ่งชั่วโมงคงจะถึงถ้ารถไม่ติดไปซะก่อน”

“ครับ แล้วผมจะรอ”

แล้วปลายสายก็ตัดสายทิ้งไป ทำเอาผมถึงกับถอนหายใจเป็นรอบที่สอง

“ใครโทรมาหรือพีช” คนขับรถเอ่ยปากถามผมอย่างสงสัย

“อเล็กเซย์นะ” พอสิ้นคำตอบของผม อีกฝ่ายถึงกับเหยียบเบรกกะทันหัน ทำเอาผมเกือบหน้าทิ่มถ้าไม่ได้เซฟตี้เบลล์ช่วยเอาไว้ “ทำบ้าอะไรของนายนะเจย์! นึกอยากจะเบรกก็เบรก”

คนถูกด่าหันหน้ามามองผมนิ่งๆ ทำเอาผมได้แต่มุ่นคิ้วมองมันอย่างมึนงง

“มองทำไม มีอะไรติดที่หน้าฉันรึไง”

“เปล่า ไม่มีอะไร” อีกฝ่ายตอบก่อนจะหันไปเข้าเกียร์เดินหน้าต่อ “ว่าแต่เขาโทรมาหานายทำไมหรือ”

“อ้อ แค่โทรมาถามว่าออกมาแล้วรึยังนะ เพราะตอนนี้เขาอยู่ที่หน้าโรงพยาบาล....”

เอี๊ยด!

เสียงเบรกดังขึ้นอีกครั้ง ทำเอาผมหน้าคะมำเป็นครั้งที่สอง

“อะไรของนายอีกล่ะไอ้เจย์! เล่นเบรกบ่อยแบบนี้เดี๋ยวรถยนต์ทางหลังก็ได้ชนตูดเอาปะไร” ผมบ่นพลางมองกระจกข้าง ก่อนจะถอนหายใจเพราะตอนนี้ไม่มีรถยนต์คันไหนแล่นตามหลังมา พอหันหน้ากลับมาทางเจย์อีกครั้ง ผมถึงกับสะดุ้งตกใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายจ้องตาเขม็ง “เป็นอะไรเจย์ ทำไมจ้องฉันแบบนั้นล่ะ”

ทว่าเจย์ไม่ตอบ กลับหันหน้าไปทางเดิมก่อนจะใส่คาร์ทเปลี่ยนเกียร์แล้วเหยียบคันเร่งเดินหน้าต่อโดยไม่พูดอะไรกับผมอีกเลย
 
.............

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 6 เปลี่ยนไป 3/9/57)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 03-09-2014 13:32:47
 :katai5: โธ่ เจย์
ขอบคุณที่มาต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 6 เปลี่ยนไป 3/9/57)
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 03-09-2014 13:36:42
อารายของเจย์ จะสารภาพรักก็ไม่

อ้ำๆอึ้งๆ

ลื้อก็รู้นะว่าอเล็กซ์เค้ามาจีบ(เพราะมาถี่ซะทุกวันขนาดนั้น)

รุกจีบไปเลยเด้
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 6 เปลี่ยนไป 3/9/57)
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 04-09-2014 07:23:59
ตอนที่ 7 หงุดหงิด

.....................

เมื่อผมขับรถพาพีชมาจอดรถในโรงพยาบาลแล้ว ผมก็ได้ยินเสียงมือถือของพีชดังขึ้นอีกครั้ง

บ๊อก บ๊อก

เสียงริงโทนหมาเห่าทำเอาไอ้ตัวเล็กทำท่าลังเลมองผมราวกับชั่งใจว่าจะรับดีหรือไม่ดี แต่ผมขี้เกียจอยู่รอฟัง จึงเปิดประตูลงจากรถไปทันที ก่อนจะเดินออกห่างจากตัวรถไปซักหน่อย แล้วจึงค่อยหยิบบุหรี่พร้อมกับไฟแช็คขึ้นมาจุดสูบ เดิมทีผมเป็นคนสูบบุหรี่จัด แต่พอผ่านเหตุการณ์เครื่องบินตกครั้งนั้น ผมก็ได้เพลาการสูบบุหรี่ลง ไม่ใช่เป็นเพราะผมเป็นห่วงตัวเอง แต่เป็นเพราะผมเป็นห่วงพีชตั้งหาก เพราะก่อนหน้านี้หมอเคยพูดกำชับกับผมไว้ว่าอย่าให้คนไข้ได้สูดดมควันมาก มิเช่นนั้นจะเป็นอันตรายต่อสมองเอาได้ ไม่นานนักผมก็เห็นร่างบางลงจากรถ จึงรีบดับควันบุหรี่อย่างรวดเร็ว ก่อนจะคว้าหมากฝรั่งขึ้นมาเคี้ยวแทน

“เอ่อ ขอโทษที่ให้คอยนาน พอดีฉันมัวแต่บอกทางกับอเล็กเซย์ว่าพวกเราจะไปเจอกันได้ที่ไหนนะ” ร่างบางบอกหน้าตื่นในขณะที่เดินมาทางผม แต่พอพีชเดินมาถึงแล้ว ถึงกับทำหน้ามุ่นคิ้วทันที “นี่นาย...สูบบุหรี่ด้วยงั้นเหรอเจย์”

“อืม” ผมตอบสั้นๆ สงสัยกลิ่นควันบุหรี่ยังไม่จางหายไป ก็เลยทำให้ตัวเล็กได้กลิ่น ซึ่งผมไม่ชอบให้ตัวเล็กได้สูดนานนักหรอก ผมก็เลยรีบก้าวเท้าออกเดินนำทันที ทำเอาร่างบางรีบเดินตาม นี่เป็นครั้งแรกที่ผมยอมเผยให้อีกฝ่ายรู้ว่าผมสูบบุหรี่ เพราะก่อนหน้านี้ผมปิดบังมันมาโดยตลอด ไม่สิ เรื่องที่ผมสูบบุหรี่นั้นพีชรู้ดีอยู่แล้ว เพียงแต่อุบัติเหตุครั้งนั้นมันพรากความทรงจำของพีชไปเสียหมด ก็เลยทำให้พีชจำเรื่องที่ผมสูบบุหรี่นี้ไม่ได้เลยตั้งหาก (แล้วผมก็ไม่ได้บอกเรื่องนี้ให้พีชรู้เลยด้วย) เมื่อเดินมาถึงหน้าตึกที่ตัวเล็กต้องไปหาหมอ ก็เห็นร่างสูงผมทองสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวลายทางกางเกงแสลกสีเทายืนรออยู่ด้านหน้าแล้ว

“อรุณสวัสดิ์ครับคุณเจย์” อีกฝ่ายทักทายผมทันทีที่เห็นหน้า

“อืม” ผมทักทายตอบสั้นๆ ก่อนจะหยุดเดิน

“แล้วนี่ได้ทานอะไรรองท้องมากันแล้วบ้างรึยังครับ”

“ยัง” ร่างเล็กยังไม่ทันตอบ ผมก็ชิงตอบเสียก่อน “พีชยังดื่มหรือกินอะไรไม่ได้ ต้องโดนเจาะเลือดก่อน”

“อย่างงั้นหรือครับ” แล้วความเงียบก็เข้าครอบงำ ทั้งผมทั้งมันต่างมองหน้ากันจนไอ้พีชดึงแขนเสื้อผมให้ออกไปคุยกันห่างๆ

“วันนี้นายเป็นบ้าอะไรของนายห๊ะ ไปพูดกับเขาห้วนๆแบบนั้นได้ยังไงกัน” พีชพูดเสียงกระซิบ

“ฉันไม่ได้เป็นอะไร” ผมหันหน้าหนีตอบ อย่าว่าแต่พีชเลย แม้กระทั่งตัวผมเองก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ แค่เห็นหน้าหมอนั่นก็พาลหงุดหงิดจนไม่อยากอยู่ใกล้แล้ว “รีบไปตรวจเลือดเถอะ เดี๋ยวก็ไม่ทันหมอตรวจหรอก”

“อะ อืม” ระหว่างที่ผมกับอเล็กเซย์รอไอ้ตัวเล็กเจาะเลือดนั้น ผมก็คว้ามือถือขึ้นมาเล่นเกมยิกๆ ส่วนร่างสูงยืนมองทีวีอยู่ห่างจากผมซักก้าวได้

“ผมขอถามอะไรคุณหน่อยได้ไหมครับคุณเจย์” ร่างสูงเอ่ยปากถามผม ทำเอาผมชะงักไปชั่วขณะก่อนจะกดเล่นเกมอีกครั้งโดยไม่เงยหน้ามอง “คุณพีชเป็นอะไรกันแน่ ทำไมถึงต้องมาหาหมอด้วย”

“อยากรู้ก็ถามหมอนั่นเองสิ” ผมตอบเสียงเรียบ มือกดเกมยิกๆต่อไปอย่างไม่ใส่ใจ

“แต่เขาไม่บอกผม”

“นั่นมันก็เรื่องของคุณ ไม่เกี่ยวกับผม” ผมตอบหน้าตาย แล้วร่างสูงก็เงียบไป ซึ่งมันก็ดีเหมือนกัน เพราะผมขี้เกียจตอบคำถามอีก พวกผมก็ยืนรอจนกระทั่งร่างเล็กเดินออกมาโดยที่ข้อแขนมีสำลีแปะทับด้วยพลาสเตอร์ติดอยู่ด้วย แต่ดูเหมือนว่าร่างบางออกจะหน้าซีดไปเล็กน้อย สงสัยคงจะโดนดูดเลือดเยอะไปหน่อย

“หิวแล้ว ไปกินข้าวกันเถอะ” ไอ้ตัวเล็กพูดพลางเอามือลูบท้องตัวเอง แหงล่ะ ก็ตอนเช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยนี่ เมื่อพวกผมเดินมาถึงโรงอาหารแล้ว ตัวเล็กก็อาสาไปเข้าคิวต่อแถวซื้อคูปองอาหาร ทำให้ผมกับอเล็กเซย์ต้องยืนรออย่างเงียบๆ แต่จะว่าไปท่าทางตอนที่พีชเดินไปซื้อคูปองนั้นมันทำเอาผมนึกขำในใจ เพราะดูเงอะงะเหมือนเด็กน้อยเพิ่งหัดซื้อเป็นครั้งแรกไม่มีผิด พอร่างเล็กซื้อเสร็จก็เดินกลับมายิ้มหน้าแป้น “เดี๋ยวฉันจะแบ่งคูปองกันคนละครึ่งนะ ถ้าไม่พอยังไงก็มาเอาคูปองอีกได้นะ”

“ครับ” อเล็กเซย์ตอบ แต่สำหรับผมพยักหน้าตอบเท่านั้นครับ แล้วผมก็เดินแยกไปอีกทาง แต่ก็แอบเห็นทั้งคู่เดินเลือกซื้ออาหารด้วยกัน ซึ่งผมบอกตามตรงเลยว่ามันหงุดหงิด หงุดหงิดจนอยากจะกระชากพวกเขาให้แยกจากกันเสียเดี๋ยวนั้น เมื่อพวกผมทานข้าวเสร็จ ไอ้ตัวเล็กก็พาพวกผมไปยังตึกศัลยกรรมระบบประสาททันที ทำเอาร่างสูงผมทองอย่างอเล็กเซย์ถึงกับมุ่นคิ้วทันทีที่เห็นชื่อตึก แต่ก็ไม่ยักเอ่ยปากถามพีชอะไรเลยซักคำ ครั้นพอร่างบางขอตัวไปเข้าห้องน้ำเท่านั้นแหละ อีกฝ่ายก็รีบชิงถามผมทันที “นี่ไม่ใช่การตรวจสุขภาพประจำปีแล้ว คุณบอกผมมาตามตรงเดี๋ยวนี้คุณเจย์ คุณพีชเป็นอะไรกันแน่”

อ้าว ฉลาดเป็นกับเขาด้วยหรอกรึ นึกว่าจะโง่ไม่รู้เรื่องอะไรซะอีก แต่จะว่าไปไอ้พีชไปโกหกอเล็กเซย์ว่ามาตรวจสุขภาพประจำปีหรอกรึเนี่ย ไม่ยักรู้เลยแฮะ

“แล้วทำไมผมต้องบอกคุณด้วยล่ะ ก็เห็นไปเที่ยวด้วยกันบ่อย ผมนึกว่าพีชบอกคุณไปซะแล้วอีก” ผมพูดด้วยน้ำเสียงยียวนกวนประสาทพลางยกมือขึ้นกอดอกพิงกำแพง

“ถ้าเขาบอก ผมคงไม่ถามคุณหรอก” ดูเหมือนอีกฝ่ายเริ่มจะอารมณ์เสียกับท่าทางของผมแล้ว

“หึ แล้วคุณจะรู้ไปทำไม ในเมื่อคุณก็เป็นเพียงแค่ลูกค้าขาประจำของร้าน ไม่ใช่ญาติหรือคนรักกันซักหน่อย” ผมได้ทีใส่ไฟ เพราะผมเองก็ไม่ชอบให้คนนอกอย่างมัน (ถึงแม้ตอนนี้มันจะเป็นคู่นอนของพีชแล้วก็เถอะ) มาซักถามไล่เลียงอดีตที่ไม่น่าจดจำของพีชแบบนี้อยู่เหมือนกัน ส่วนอีกฝ่ายเมื่อได้ยินที่ผมพูด ก็ถึงกับเม้มปากและกำหมัดของตัวเองไปด้วยพร้อมกัน

ก็แค่อยากลองยั่วประสาทดูเล่น แต่ไม่นึกเลยว่าจะได้ผล...

แล้วร่างบางก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ทำให้ผมกับอเล็กเซย์มีอันต้องยุติการสนทนา

..........................

ตั้งแต่เดินเข้ามาในตึกนี้ ผมก็แทบมองหน้าอเล็กเซย์ไม่ติด เพราะผมดันไปบอกเขาว่ามาตรวจสุขภาพประจำปี ซึ่งใครหน้าไหนจะมาตรวจสุขภาพประจำปีที่ตึกศัลยกรรมระบบประสาทกันเล่า ครั้นพอหมอเรียกให้เข้าไปคุย ผมก็บอกให้พวกเขาทั้งคู่นั่งรออยู่ข้างนอก ไม่ต้องตามเข้ามา ซึ่งทั้งคู่ก็ยอมแต่โดยดี พอผมเข้าไปคุยกับหมอแล้ว หมอก็ไถ่ถามผมเรื่องนู่นเรื่องนี้ ซึ่งผมก็บอกไปว่าไม่มีอะไรผิดปกติ มีเพียงแค่บางเรื่องที่ผมยังนึกไม่ออกเท่านั้น (ก็ไอ้เรื่องที่เจย์สูบบุหรี่ตอนอยู่ที่ลานจอดรถนั่นไง) แต่ถึงกระนั้นหมอก็ขอแสกนเอ็กซเรย์สมองผมเหมือนตามปกติทุกปีเพื่อจะเช็คดูผลภายใน ซึ่งผมก็ไม่ได้คิดจะปฏิเสธ

“หมอว่ายังไง” เจย์เดินเข้ามาถามผมก่อน ซึ่งทำเอาผมเหลือบมองอีกคนที่ยืนทำหน้าบึ้งตึงอยู่ไม่ห่าง

นั่นไง กำลังโกรธอยู่จริงๆด้วย…

“ก็ให้แสกนเอ็กซเรย์สมองเหมือนทุกปีนั่นแหละ” ผมตอบเจย์โดยที่ยังมองร่างหนาอยู่ แล้วผมก็ถูกนางพยาบาลเรียกตัวให้ไปเอ็กซเรย์สมอง ซึ่งใช้เวลาไม่นานนักผมก็เดินกลับมาอีกครั้ง ก่อนจะพบว่าอเล็กเซย์ได้หายหัวไปแล้ว เหลือเพียงแต่เจย์ที่ยังคงยืนรอผมอยู่ “แล้วอเล็กเซย์ล่ะเจย์ เขาไปไหนหรือ”

คนถูกถามยักไหล่

“ไม่รู้สิ เห็นทำหน้าเคร่งเครียดแล้วเดินออกไปแบบไม่พูดไม่จา”

ดูมันกวนสิครับ ผมเห็นแล้วกลุ้ม ไม่รู้ว่าหมู่นี้มันเป็นอะไร ถึงได้พูดจากวนส้นตีนแบบนี้

ติ๊ด

เสียงข้อความมือถือเข้า ทำเอาผมรีบควักมือถือขึ้นมาดู

มาหาผมที่ลานจอดรถหน่อย BY อเล็กเซย์

ผมเห็นถึงกับถอนหายใจ ก่อนจะหันไปมองเจย์ที่กำลังยืนกอดอกมองทีวีอยู่

“เจย์ เดี๋ยวฉันมานะ ถ้าพยาบาลเรียกก็ให้บอกว่าฉันไปทำธุระข้างนอกแป๊บนึง”

“อืมๆ”

พอผมไปถึงลานจอดรถแล้ว ผมก็มองหาร่างสูงเพราะผมไม่รู้ว่าเขาไปรอผมตรงไหน รู้แค่ว่าอยู่ที่นี่เท่านั้น ในขณะที่ผมกำลังมองหาร่างสูงอยู่นั้น อยู่ๆก็มีมือหนามาคว้าแขนผมอย่างแรง ทำเอาผมสะดุ้งหันกลับไปมอง ก่อนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อรู้ว่าเป็นใคร

“อยู่ๆก็หายไป รู้หรือเปล่าว่าฉันเป็นห่วงแค่ไหน”

“คุณเป็นห่วงผมด้วยหรือครับลูกพีช” ร่างสูงพูดเสียงตัดพ้อ โชคดีที่แถวนี้ไม่มีคน ก็เลยไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะมีใครมาได้ยินชื่อของผมที่อเล็กเซย์เป็นคนเรียก “ผมรู้ว่าคุณยังตัดใจกับผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ แต่คุณก็ไม่น่าจะมาพูดโกหกผมแบบนี้เลย คุณรู้หรือเปล่าว่าผมเสียใจมากแค่ไหน”

คำพูดของอเล็กเซย์ทำเอาผมถึงกับสะอึก

“ฉันขอโทษอเล็กเซย์ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” ผมเม้มปากตอบ ไม่ใช่ว่าผมอยากจะโกหกหรอกนะ แต่ผมไม่อยากให้อีกฝ่ายเป็นห่วงว่าผมมาหาหมอเพราะอะไร “แต่ฉันยังไม่พร้อมที่จะบอก…โอ๊ย ฉันเจ็บนะอเล็กเซย์”

ผมพูดยังไม่ทันจบก็ต้องกรีดร้องเมื่อถูกอีกฝ่ายบีบแขนซะแรง

“เจ็บซะได้ก็ดี เพราะคุณจะได้รู้สึกเจ็บเหมือนที่ผมกำลังเจ็บอยู่นี่ไง” ร่างสูงพูดเสียงเข้มดูน่ากลัวจนใจหาย “ขนาดเรื่องดารินผมยังไม่ปิดบังคุณเลย แต่กับอีแค่เรื่องอาการเจ็บป่วยของคุณแค่นี้ ทำไมถึงบอกผมไม่ได้”

พูดจบ ร่างสูงก็ดันผมให้ชิดกับกำแพง พลางเอาหน้ามาไซร้คอผมก่อนจะกัดลงไปอย่างแรง

“โอ๊ย! อย่านะอเล็กเซย์ นายจะมาทำกับฉันแบบนี้ที่นี่ไม่ อ๊ะ ได้ ยะ อย่า!” ร่างสูงไม่ฟังที่ผมพูดเลยแม้แต่น้อย กลับใช้มือสอดใต้เสื้อลูบไล้หน้าท้องผมได้อย่างหน้าตาเฉย “ฉันบอกแล้วไงว่า อย่า อ๊ะ อึก”

ผมพูดห้ามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ นี่เป็นครั้งแรกที่อเล็กเซย์ทำรุนแรงกับผม เพราะที่แล้วมาร่างสูงมักจะปฏิบัติกับผมอย่างนุ่มนวลเสมอ แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ มันรุนแรงจนผมรับไม่ได้ คิดแล้วน้ำตาก็พาลไหลออกมา ทำเอามือหนาที่กำลังจะลูบไล้ยอดอกถึงกับหยุดชะงักทันทีที่ได้ยินเสียงร้องไห้ของผม

“ฉันยอมนายแล้ว ฮือๆ ฉันยอมบอกกับนายทุกอย่างแล้วฮือๆ” ผมพูดไปร้องไห้ไปพลาง “ฮือๆ ที่ฉันมาหาหมอก็เพราะ…ก็เพราะ…ก็เพราะว่า...ฉันเคยประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกพร้อมกับพ่อแม่ที่เสียไป”

ร่างสูงได้ยินที่ผมพูดถึงกับผละตัวออกมามองผมด้วยสีหน้าตกตะลึง

“ฉัน…เป็น…คนเดียวในเครื่องบินลำนั้น…ที่รอด…ชีวิต ฮึก มาได้”

...........................
 
ร่างบางพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือแถมยังตัวสั่นอีก นี่ผมทำอะไรลงไป เพียงเพราะคำพูดของเจย์ทำเอาผมถึงกับหัวฟัดหัวเหวี่ยงแล้วเอามาลงกับร่างบาง คนที่ผมรักและทะนุถนอมยิ่งกว่าไข่ในหินเสียอีก

นี่ผมทำอะไรลงไป...

“ลูกพีช ผม...” นี่ผมกลายเป็นคนติดอ่างไปตั้งแต่เมื่อไหร่ กะอีแค่คำว่าขอโทษยังพูดยากเลย “...ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำกับคุณแบบนี้ คุณอย่าโกรธผมเลยนะครับขอร้องล่ะ”

ร่างบางไม่ตอบ กลับร้องไห้เสียงสะอื้นจนผมต้องโอบกอดอีกครั้ง แน่นอนว่าพีชถึงกับสะดุ้งตกใจเมื่อถูกผมกอด แต่ผมไม่คิดจะทำอะไรร่างบางหรอก เพราะแค่นี้ผมก็ผิดต่อพีชมากพออยู่แล้ว มากเกินที่ยากจะให้อภัยกันได้ง่ายๆ

“ผมขอโทษที่ทำกับคุณรุนแรงเกินไป” ผมพูดพลางยกมือขึ้นลูบเช็ดน้ำตาของอีกฝ่ายออกอย่างแผ่วเบา “ขอโทษที่ทำให้คุณต้องนึกถึงเรื่องอดีตที่เจ็บปวด ขอโทษที่ทำให้คุณต้องฝืนเล่ามันออกมาทั้งๆที่ไม่อยากจะเล่า เพราะฉะนั้นคุณจะลงโทษอะไรกับผมก็เชิญลงโทษมาได้เลย ผมยินดีให้คุณลงโทษจนกว่าคุณจะพอใจ แต่ขอเพียงอย่างเดียว คุณอย่าเกลียดผมก็พอ”

พอผมพูดจบ ร่างบางก็ยังคงนิ่งไม่ยอมพูดออกมาอยู่ดี ซึ่งทำเอาผมได้แต่โอบกอดร่างบางอยู่อย่างนั้น

.....................

ช่วงระหว่างที่ผมนั่งรอพีชกลับมา ผมก็ได้บอกกับนางพยาบาลไปว่าเจ้าตัวออกไปทำธุระข้างนอก ให้คนอื่นรักษาไปก่อนได้เลย ซึ่งผมก็นั่งรอนานจนชักหงุดหงิด หงุดหงิดจนเดินวนเวียนไปมานับสิบรอบจนคนอื่นเริ่มรำคาญ ผมรู้ดีว่าไอ้ตัวเล็กออกไปข้างนอกทำไมในเมื่อร่างสูงผมทองอย่างอเล็กเซย์ก็ไม่ได้อยู่ด้วย

คงจะเรียกไปซักถามเรื่องที่มาหาหมออย่างแน่นอนชัวร์!

จะว่าไปตั้งแต่ผมเห็นพีชกับอเล็กเซย์จูบกัน ผมก็ชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่ามันเป็นเพราะอะไรกัน ทำไมผมต้องหงุดหงิดกับเรื่องพรรค์นี้ด้วย ไม่เข้าใจเลยจริงๆ

แม่ง! โทรหาไอ้ออยดีกว่า เผื่อมันให้คำตอบอะไรดีๆกลับมาก็ได้

ผมคิดได้ดังนั้นก็รีบโทรไปหามันอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักอีกฝ่ายก็รับสายด้วยน้ำเสียงโมโห

“มึงจะโทรหากูทำไมแต่เช้าวะไอ้เหี้ยเจย์!”

“เออ กูรบกวนเวลาพักผ่อนมึงซักสิบนาทีหน่อย ไม่นานนักหรอก” ผมพูดพลางเดินออกไปข้างนอก เพราะกลัวจะไปรบกวนคนป่วยที่นั่งรอหมออยู่ข้างใน “กูสงสัยมานานแล้ว ก็เลยอยากถามมึงดูเผื่อมึงจะช่วยกูได้”

“เออๆ มึงมีอะไรก็ว่ามาเลยไอ้เจย์” ปลายสายตอบ ซึ่งทำเอาผมชั่งใจนิดหนึ่งก่อนจะถามกลับไป

“มึงเคยเห็นคนที่เรารู้จักไปจูบกับอีกคนแล้วรู้สึกหงุดหงิดบ้างป่ะ”

“เคยวะ”

“ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้กูไม่ได้รู้สึกอะไรเลย แต่พอได้เห็นแม่งทำเอากูแทบกินไม่ได้นอนไม่หลับ โดยเฉพาะเวลาเห็นสองคนนั้นอยู่ด้วยกันแล้ว มันทำเอากูอยากจะไปแยกพวกมันให้ออกห่างจากกันเดี๋ยวนั้น ฟังแบบนี้แล้วมึงคิดว่ากูเป็นอะไรกันแน่”

ปลายสายเงียบไปสักพักใหญ่ก่อนจะตอบผมกลับมาว่า

“มึงกำลังหึง”

“หึง? กูเนี่ยนะหึง” ผมมุ่นคิ้วพูด

“เออใช่ มึงหึง”ปลายสายตอบย้ำอีกรอบ “ทั้งหึงทั้งหวงอย่างรุนแรงด้วย ว่าแต่มึงหึงใครวะ ช่วยบอกกูได้ป่ะ เผื่อกูช่วยมึงได้มากขึ้น”
ผมลังเลใจไปชั่วครู่ ก่อนจะตัดสินใจตอบกลับไปว่า

“พีช” คำตอบของผมทำเอาอีกฝ่ายถึงกับร้องเฮ้ยเสียงดังลั่น

“มึงหึงไอ้พีชเนี่ยนะ?!”

“เออวะ” ผมตอบอย่างหงุดหงิด “วันๆกูทำงานอยู่กับพีชแล้วมึงจะให้กูไปหึงใครได้อีกวะ”

“เออๆ กูผิดเองที่ถามมึง ว่าแต่มึงรู้สึกอะไรกับพีชอีกไหม อย่างเช่นอยากกอดอยากหอมอะไรประมาณนี้” ผมมุ่นคิ้วคิดก่อนจะตอบกลับไปว่า

“กูไม่รู้วะ กูรู้แค่เพียงว่ากูไม่อยากให้พีชอยู่กับหมอนั่น”

“หมอนั่น? ใครวะ”

“เออ มึงอย่ารู้เลย รู้แค่ว่ามันเป็นคนที่มาเทียวไล้เทียวขื่อพีชแล้วกัน” ผมตอบอย่างหงุดหงิดใจ

“เออๆ ถ้างั้นกูให้มึงกลับไปคิดเป็นการบ้านแล้วกัน ว่ามึงรู้สึกยังไงกับพีช พอได้แล้วค่อยโทรบอกกู”

“อืม ขอบใจมึงมากนะไอ้ออย”

“ไม่เป็นไรวะเพื่อน”

แล้วผมก็ตัดสายทิ้งพลางถอนหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน ก่อนจะทำท่าเดินกลับเข้าไปในตึกอีกครั้งแต่กลับชะงักเมื่อเห็นร่างบางเดินกลับมาคนเดียว

“มัวทำอะไรอยู่ พยาบาลเขาเรียกนายตั้ง...” ผมพูดยังไม่ทันจบ ถึงกับชะงักเมื่อผมได้เห็นนัยน์ตาแดงก่ำของไอ้ตัวเล็กที่ดูเหมือนจะผ่านการร้องไห้มาอย่างโชกโชน แถมนอกจากนี้ต้นคอของมันยังมีจ้ำแดงทิ้งไว้ให้เห็นเด่นชัดทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่มีเลยด้วยซ้ำ ทำเอาผมที่เพิ่งจะหายขุ่นมัวกลับต้องขึ้นปี๊ดด้วยความโมโห เพราะนี่ไม่ใช่การเรียกไปซักถามแบบธรรมดาแล้ว แต่เป็นการบังคับให้ปริปากบอกตั้งหาก “...ใครทำนายร้องไห้ พีช”

ผมถามเสียงเรียบพลางจ้องร่างบางอย่างไม่วางตา ทำเอาคนถูกถามถึงกับสะดุ้งเฮือก

“ฉันถามว่าใครทำ” ผมรู้ว่าใครเป็นคนทำ เพียงแต่ผมแกล้งทำเป็นไม่รู้ตั้งหาก ทว่าพีชไม่ยอมบอก ทำเอาผมถึงกับถอนหายใจเป็นรอบที่สองของวันนี้ “เฮ้อ ไม่บอกก็ไม่เป็นไร ถ้างั้นพวกเรากลับเข้าไปหาหมอเถอะพีช”

“อะ...อืม”

.................

“ถ้าคุณตรวจเสร็จแล้วอย่าลืมโทรบอกผมด้วยนะลูกพีช”

นั่นคือคำพูดของอเล็กเซย์ก่อนจะขอตัวกลับก่อน ซึ่งผมเองก็ไม่ได้ขัดอะไร ผมปล่อยให้ร่างสูงขับกลับไป ส่วนตัวผมเองก็ไปล้างหน้าล้างตาก่อนจะเดินกลับไปหาเจย์

“มัวทำอะไรอยู่ พยาบาลเขาเรียกนายตั้ง…” ร่างสูงถามแต่ก็ชะงักไป “…ใครทำนายร้องไห้ พีช”

อีกฝ่ายถามเสียงเข้ม ทำเอาผมสะดุ้งตกใจ

“ฉันถามว่าใครทำ” เสียงของเจย์ทำเอาผมรู้สึกกลัว ผมไม่กล้าตอบมันหรอก เพราะขืนมันรู้มีหวังได้ไปหาอเล็กเซย์เพื่อเอาเรื่องแน่ ดังนั้นผมจึงเลือกที่จะไม่ตอบ “เฮ้อ ไม่บอกก็ไม่เป็นไร ถ้างั้นพวกเรากลับเข้าไปหาหมอเถอะพีช”

“อะ…อืม”

แล้วผมก็เดินกลับไปหาหมออีกครั้งเพื่อฟังผล

“หมู่นี้คุณเครียดอะไรบ้างหรือเปล่า” คำถามของหมอทำเอาผมชะงักหลังจากเดินมานั่งฟังอยู่ในห้องเพียงคนเดียว (ส่วนเจย์นั่งรออยู่ข้างนอก) “เพราะเท่าที่ดูจากการแสกนเอ็กซเรย์สมอง มันมีปัญหานิดหน่อย”

“ปัญหา? ปัญหาอะไรเหรอครับ” ผมถามด้วยความสงสัย ซึ่งหมอก็ได้เอาแผ่นฟิลม์เอ็กซเรย์ออกมาก่อนจะชี้ให้ผมดู

“คุณคงจำได้นะครับว่าตอนเกิดอุบัติเหตุใหม่ๆสมองของคุณมีก้อนเลือดคั่งในสมองด้วย” ผมได้ยินที่หมอพูดก็พยักหน้าตอบหงึกหงัก เพราะตอนนั้นผมเป็นแบบนั้นจริง และได้ถูกผ่าตัดเอาออกจนหายเป็นปกติดีแล้วด้วย “ตอนนี้ยังหลงเหลืออยู่ แต่มีนิดเดียว ฉะนั้นคุณไม่ต้องห่วง ปัญหานี้แก้ได้โดยการทานยาละลายเลือด”

“ครับคุณหมอ”

“แต่คุณเองก็ต้องดูแลรักษาตัวเองด้วยนะครับ อย่าเครียดมาก พักผ่อนให้เยอะๆ”

“ครับคุณหมอ” แล้วหมอก็สั่งยาละลายเลือดกับยาคลายเครียดให้ผมไปทานด้วย พอเดินออกมาจากห้องเจย์ก็ลุกขึ้นเดินมาหาผมทันที

“หมอว่ายังไงบ้าง” ร่างสูงถามเสียงเรียบ

“ก็ให้ทานยาและพักผ่อนให้มากๆนะ” ผมจงใจเลี่ยงที่จะตอบเรื่องเลือดในสมอง เพราะมันเป็นเรื่องเล็กนิดเดียว

“แล้วนี่จะกลับร้านเลยไหม จะได้ไปส่ง” เจย์ถามต่อ

“อืม เดี๋ยวไปเอายาแล้วค่อยกลับ” ผมพยักหน้าตอบ เมื่อไปเอายาแล้ว เจย์ก็พาผมขับรถกลับไปส่งที่ร้าน พอถึงร้านแล้ว เจย์ก็ขอตัวกลับหอพัก ส่วนผมนั้นเมื่อมองอีกฝ่ายขับรถกลับไปแล้ว ผมก็คว้ามือถือขึ้นมาดูอย่างชั่งใจว่าจะโทรไปหาดีหรือไม่ แต่แล้วเสียงมือถือก็ดังขึ้นมา ทำเอาผมสะดุ้งตกใจรีบกดรับสายทันที

“ตรวจเสร็จแล้วรึยังครับลูกพีช” ปลายสายถามทันทีที่ผมรับสาย

“อืม” ผมตอบสั้นๆ

“แล้วหมอว่ายังไงบ้างครับ”

“ไม่ได้ว่าอะไร แค่บอกให้พักผ่อน” ผมตอบสั้นๆโดยเลี่ยงที่จะบอกเรื่องเลือดคั่งในสมอง

“แล้วตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนครับ คุณเจย์ได้มาส่งที่ร้านหรือยัง”

“อยู่บ้านแล้ว เจย์เพิ่งมาส่งและเพิ่งกลับไปเมื่อกี้นี้เอง”

“งั้นก็ดีแล้วครับ ถ้างั้นผมไม่รบกวนคุณแล้วล่ะ นอนพักผ่อนให้มากๆนะครับ ฝันดีนะ”

“อืม ฝันดี”

แล้วอีกฝ่ายก็วางสายไป จากนั้นผมจึงค่อยเดินกลับเข้าร้านตัวเอง
 
..................

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 7 หงุดหงิด 4/9/57)
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 04-09-2014 08:37:49
นายพลาดแล้วอเล็กเซย์เอ้ยมาทำให้พีชเครียด
แล้วเนี่ยคงต้องง้อเค้าดีๆด้วยทำเค้าตกใจและ
กลัวขนาดนั้นรีบมาปลอบเลย
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 7 หงุดหงิด 4/9/57)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 04-09-2014 09:47:03
 :L2:  :pig4:
 ชอบค่ะ พีชเครียดเพราะรักสามเส้านี่แหละ เคลียร์ซะนะ
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 7 หงุดหงิด 4/9/57)
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 05-09-2014 14:19:10
ตอนที่ 8 หวั่นใจ

...........................

รุ่งเช้าวันถัดมา ผมกับเจย์ก็เปิดร้านตามปกติ โดยเจย์จะเดินเข้าไปหลังร้านเพื่อหยิบดอกไม้ออกมาเรียง ส่วนผมยืนรดน้ำให้กับดอกไม้ที่หน้าร้านตัวเอง

“ที่แท้ก็อยู่ที่นี่เอง หลงขับรถตามหาร้านซะนาน”

ผมมุ่นคิ้วพลางหันกลับไป ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นคนคุ้นตาใส่ชุดเปรี้ยวจี๊ดยืนอยู่หลังผม

“คุณดาริน”

“ใช่ ฉันเอง” อีกฝ่ายตอบพลางจ้องผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะแค่นยิ้มออกมา “หึ สมแล้วที่เป็นเจ้าของร้านดอกไม้ กระจอก แถมต่ำติดดินซะเสียไม่มีดี ไม่รู้ว่าอเล็กเซย์หน้ามืดตามัวมาหลงนายได้ยังไงกัน”

ผมไม่อยากหากับเรื่องผู้หญิง จึงหันกลับไปทำงานต่ออย่างไม่สนใจ

“ไม่ฟังก็ไม่เป็นไร ฉันมาที่นี่ก็เพื่อจะบอกอะไรกับนายเป็นบางอย่าง” ร่างบางพูดเสียงเข้ม “อเล็กเซย์เป็นของฉัน เขาเป็นของฉันมานานก่อนที่จะเจอนายอีก ที่เขาทำดีกับนายด้วยก็เพราะเห็นนายเป็นแค่คู่นอนแก้เซ็งเท่านั้น”

คำว่าคู่นอนแก้เซ็งทำเอาผมสะดุ้งเฮือก

“และอีกไม่นานฉันกับเขาก็จะได้แต่งงานกันตามที่ผู้ใหญ่พูดกันเอาไว้ ฉะนั้นนายควรเลิกยุ่งกับเขาซะ ออกห่างไปได้เลยก็ยิ่งดี ไม่งั้นแล้วชื่อเสียงของเขาก็จะตกต่ำเพราะนาย ฉันพูดมาเท่านี้หวังว่านายคงจะเข้าใจนะ”

ผมได้ยินดังนั้นถึงกับเม้มปากแน่น มือที่ถือบัวรดน้ำสั่นระริกระรี้

“อ้อ ถ้านายกลัวจะเสียเปรียบแล้วล่ะก็ ฉันจะให้เงินค่าเสียเวลาเสียตัวให้กับนายแทนอเล็กเซย์แล้วกัน ตกลงไหม” ร่างบางพูดเหยียดยิ้มก่อนจะควักเงินขึ้นมาให้ผม “นี่ฉันใจดีมากแล้วนะ รับไปซะสิ”

เพียะ!

ธนบัตรในมือบอบบางถึงกับกระจายเมื่อถูกผมปัดอย่างแรง

“เอาเงินสกปรกของคุณกลับไปซะคุณดาริน ก่อนที่ผมจะหมดความอดทน” ผมกัดฟันพูดด้วยความโมโห

“เงินสกปรก? พูดมาได้นะ ทั้งๆที่ตัวเองก็สกปรกแย่งของคนอื่นเหมือนกันนั่นแหละ” ร่างบางเถียงฉอดๆ “นายนะมันทั้งร่านทั้งแรด เพศเดียวกันแท้ๆก็ยังเอากันได้ ทุ...”

วูบ เพล้ง!

อะไรบางอย่างเฉียดหน้าร่างบางไปก่อนจะตามด้วยเสียงของตกแตก

“ก่อนจะว่าคนอื่นหัดตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาตัวเองซะบ้างยัยชะนี” เสียงเข้มดังมาจากในร้าน ก่อนจะเผยให้เห็นร่างสูงเดินออกมาด้วยสีหน้านิ่ง ถึงจะดูนิ่งแบบนี้แต่ผมรู้ดีว่ามันกำลังโมโห ส่วนอีกฝ่ายเมื่อถูกด่าแล้วก็ได้ตวาดกลับใส่อย่างไม่อายใคร

“แล้วแกล่ะเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรที่เอาของมาปาใส่ฉันห๊ะ!”

“แล้วเธอล่ะเป็นใคร อยู่ๆก็มาว่าเพื่อนของฉันฉอดๆแบบนี้” เจย์พูดเสียงเย็นชา นัยน์ตาดุดัน ทำเอาผมที่ไม่เคยเห็นมันทำแบบนี้มาก่อนเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมานิดๆ “ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเธอไปมีเรื่องอะไรมากับพีช แต่ฉันไม่ยอมนิ่งเฉยให้เธอมาเอาเงินฟาดหัวมันได้หรอกนะ รีบไสหัวไปซะ ก่อนที่ฉันจะโทรแจ้งตำรวจมาจับเธอ”

ร่างบางได้ยินถึงกับขยี้เท้าด้วยความเจ็บใจ ก่อนจะหันมาชี้หน้าใส่ผมอย่างเอาเรื่อง

“อย่าคิดว่ามันจบแค่นี้นะ แล้วเราจะได้เห็นดีกันแน่!”

แล้วร่างบางก็ก้มเก็บเงินของตัวเองก่อนจะเดินสะบัดก้นจากไป เมื่อร่างบางไปแล้ว ทำเอาผมถึงกับเข่าอ่อน

“ไม่เป็นอะไรใช่ไหมพีช” มันถามผมด้วยความเป็นห่วง “ยัยชะนีนั่นมาทำอะไรนายเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

“ไม่เลย เขาไม่ได้ทำอะไรฉันเลย” ผมตอบพลางส่ายหน้า

“ว่าแต่ยัยนั่นเป็นใครกัน ทำไมอยู่ๆถึงเอาเงินมาฟาดหัวคนอื่นได้ล่ะนี่” ร่างสูงพูดด้วยความสงสัย ซึ่งทำเอาผมสะดุ้ง เวรล่ะ ไม่รู้ว่ามันได้ยินเรื่องที่ดารินพูดเมื่อครู่นี้ด้วยหรือเปล่าเนี่ย

“นาย...ได้ยิน...หมด...แล้วเหรอ” ผมถามด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ทว่าอีกฝ่ายกลับทำหน้ามุ่นคิ้วใส่ผม

“ได้ยินอะไรหรือพีช”

“ก็เรื่อง...เมื่อครู่นี้ที่ผู้หญิงคนนั้น...ด่าฉัน”

ร่างสูงชะงักเมื่อได้ยินที่ผมถาม ก่อนจะส่ายหน้าไปมา

“เรื่องนั้นฉันไม่ได้ยินหรอก รู้แค่ว่ายัยนั่นมายืนด่านายแล้วเอาเงินมาฟาดหัวก็เท่านั้นเอง”

คำตอบของเจย์ทำเอาผมถึงกับโล่งอก เพราะอย่างน้อยเจย์ก็ไม่ได้รู้เรื่องที่ดารินด่าผม

“ว่าแต่นายก็เหอะ ทำไมถึงเอากระถางดอกไม้มาปาใส่คนอื่นห๊ะ ถ้าเขาเกิดเป็นอะไรขึ้นมา เรื่องมันใหญ่โตถึงตำรวจได้เลยนะ” ผมได้ทีก็หันไปว่าเจย์อย่างเอาเรื่อง

“ก็แหม ฉันเป็นห่วงนายนี่” ร่างสูงผมพูดเสียงอ่อยพลางเอามือเกาหัวตัวเองหยิกๆ ทำเอาผมได้แต่ส่ายหน้าอย่างจนใจ “ว่าแต่นายไปทำอะไรมาล่ะพีช ผู้หญิงคนนั้นถึงได้ตามมาด่ากับเอาเงินมาฟาดหัวนายถึงร้าน”

คำถามของเจย์ทำเอาผมสะดุ้งเป็นรอบที่สอง

“เอ่อ ฉัน...เอ่อ”

“ฉัน?”

ผมได้แต่เม้มปาก ไม่รู้จะตอบกลับไปว่ายังไงดี

“ฉัน...เอ่อ”

“ถ้าไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร” ร่างสูงพูดตัดบทพลางเดินเข้าไปเก็บเศษกระถางดอกไม้ที่ตกแตก “แต่ถ้าผู้หญิงคนนั้นมาหาเรื่องนายอีก นายก็รีบมาบอกฉันได้เลยนะ ฉันจะได้จัดการยัยชะนีแทนนายเอง”

“อะ...อืม ขอบใจมากนะเจย์”

เจย์ยักไหล่แทนคำพูดก่อนจะเดินกลับเข้าไปในร้าน ส่วนผมก็หันมารดน้ำดอกไม้ต่อ ตกเย็นผมกับเจย์ก็รีบเก็บร้านอย่างรวดเร็ว เพราะวันนี้พวกผมจะไปเที่ยวห้างเพื่อดูหนังด้วยกัน แต่ที่น่าแปลกวันนี้อเล็กเซย์ไม่ได้มาหาผมที่ร้านเหมือนทุกๆวัน ซึ่งทีแรกผมจะโทรไปหาเขาแต่ก็นึกขึ้นได้ว่ายังโมโหอยู่ ผมก็เลยไม่โทรกลับไปหาเขา เมื่อพวกผมถึงห้างสรรพสินค้าแล้ว เจย์ก็พาผมไปทานอาหารที่ร้านอาหารญี่ปุ่นก่อน

“แม่ฉันบ่นว่าตัวนายมันเล็กเกินไป เลยสั่งให้ฉันดูแลเรื่องการกินของนายด้วย อ่ะ นี่เนื้อ ทานเยอะๆนะ” เจย์พูดพลางคีบเนื้อให้กับผม ซึ่งไม่ใช่เนื้อเพียงอย่างเดียว ยังคีบนู่นคีบนี่จนอาหารพูนเต็มชาม

“เยอะเกินไปแล้วเจย์ แบบนี้ฉันกินไม่หมดหรอก” ผมพูดพลางเขี่ยอาหารของตัวเอง ถึงผมจะเป็นผู้ชาย แต่ก็ใช่ว่าจะกินเยอะเหมือนผู้ชายคนอื่นๆ “นายเอากลับไปเถอะ มันเสียของ”

ผมพูดพลางคืนอาหารให้กับมัน แต่ร่างสูงกลับยกชามหนี

“ไม่เอา ฉันจะกินอย่างอื่น นายกินของนายไปเลย ต้องกินให้หมดด้วยนะ ไม่งั้นฉันจะไปฟ้องแม่ว่านายกินของเหลือ” ดูมันพูดสิครับ เอาแต่ใจเป็นบ้า “เอ่อพีช เดี๋ยวฉันขอตัวไปห้องน้ำแป๊ปนะ”

“อืมๆ”

แล้วร่างสูงก็ลุกขึ้นเดินหายออกไปนอกร้าน ส่วนผมก็หันมาจัดการอาหารของตัวเองต่อ

..................

เมื่อผมทำธุระเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เดินออกมาจากห้องน้ำ แต่กลับชะงักเมื่อเห็นร่างคุ้นตากำลังยืนควงกับชายหนุ่มใครบางคนที่ผมไม่รู้จัก ทำเอาอารมณ์ที่กำลังดีๆอยู่กลับต้องเดือดพล่านจนต้องสาวเท้าเข้าไปหาร่างบางที่กำลังยืนหัวเราะอยู่อย่างรวดเร็ว

เพี๊ยะ!

เสียงตบหน้าดังลั่นท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้ถูกตบ

“มึงเป็นใคร บังอาจตบหน้าแฟนกู!” ชายหนุ่มที่เป็นคู่ควงพูด ซึ่งผมหันไปถลึงตาใส่คนพูด

“จะเป็นใครก็ช่าง มึงอย่าเสือก” แล้วผมก็หันไปจ้องยัยเมย์ที่ยืนเอามือกุมแก้มที่ถูกผมตบอย่างเอาเรื่อง ใช่ครับ คนที่ผมตบคือยัยเมย์ อดีตแฟนของพีชที่ทิ้งไปอย่างไม่ใยดี ส่วนร่างบางเมื่อถูกผมจ้องก็รีบหลบตาผมอย่างหวาดกลัว “ฉันอุตส่าห์ฝากฝังเธอให้ช่วยดูแลพีชให้ดีๆ แต่นี่กลับทิ้งพีชไปคบไอ้หมอนี่ได้หน้าตาเฉย มันหมายความว่ายังไงกัน พูด!”

ร่างบางสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกผมตวาดใส่

“เมย์…เมย์ ขอโทษนะเจย์”

“ขอโทษแล้วมันหายกันเหรอ!” ผมตวาดเสียงกลับด้วยความเดือดดาล “รู้บ้างหรือเปล่าว่าไอ้พีชมันกลุ้มใจมากแค่ไหนตั้งแต่เธอทิ้งมันไป”

“เมย์ ไม่รู้ เมย์ขอโทษ” ร่างบางพูดเสียงอ่อย

“นี่คงจะเป็นคู่นอนของไอ้หน้าหวานอีกคนสินะ” ไอ้หน้าจืดพูดพลางชี้หน้าใส่ผม ทำเอาผมหันไปถลึงตาใส่ “คราวก่อนด่าพวกกูยังไม่พออีกรึไง ถึงได้ตามมาราวีพวกกูแบบนี้!”

ถึงผมไม่ถาม ผมก็พอเดาออกว่ามันหมายถึงใคร เพราะคราวก่อนพีชก็ได้ออกมาเที่ยวห้างพร้อมกับอเล็กเซย์ด้วย

“มึงเองก็เหมือนกันไอ้เลว ผู้หญิงมีเจ้าของอยู่แล้วก็ยังเสือกมาแย่งของคนอื่นได้นะ!” ผมตะคอกเสียงดังลั่น ทำเอาผู้คนแถวนั้นเริ่มเข้ามามุงดู “ดูอะไรวะ ไม่เคยเห็นคนทะเลาะกันเลยรึไง!!”

ผมหันไปตวาดใส่คนดูก่อนจะถูกอีกฝ่ายชกโดยไม่ทันตั้งตัว ทำเอาผู้คนที่มุงดูถึงกับกรีดร้อง

“แม่งเหี้ยเอ้ย!” ผมสบถคำก่อนจะสวนกลับไป ทำเอาไอ้หน้าจืดเดินเซถอยหลังด้วยแรงหมัดของผม ซึ่งผมไม่รอให้อีกฝ่ายได้สวนกลับ ผมตามไปสวนซ้ำทันที ส่วนอีกฝ่ายก็ใช่ว่าจะยอมผมท่าเดียว พยายามต่อยผมกลับมาด้วย

“พอได้แล้วไอ้เจย์ พอ!!” เสียงเล็กตวาดก่อนจะเข้ามาห้ามผม แต่กลับถูกลูกหลงจากไอ้หน้าจืดไปเต็มๆ

“พีช!” ผมร้องอุทานด้วยความตกใจเมื่อเห็นพีชถูกต่อย “แม่งไอ้เหี้ย ตายซะเถอะ!”

ผมทำท่าจะเข้าไปเอาคืนอีกครั้งแต่ก็ถูกพีชคว้าแขนเอาไว้

“อย่าทะเลาะกันอีกเลยเจย์ ฉันขอร้อง!” ไอ้ตัวเล็กพูดห้ามเสียงสั่น “รีบกลับกันเถอะ เดี๋ยวตำรวจมาแล้วพวกเราจะแย่”

ผมมองไอ้ตัวเล็กที่บัดนี้หน้าซีดราวกับไข่มุก ที่แก้มมีรอยฟกช้ำเนื่องจากถูกลูกหลงด้วย

“ก็ได้ กลับก็กลับ” ผมบอกพลางหันไปมองไอ้หน้าจืดที่ตอนนี้ถูกยัยเมย์ประคองเอาไว้ “จำใส่กะโหลกพวกมึงสองคนไว้ให้ดี ถ้ากูเห็นพวกมึงอีกเมื่อไหร่แล้วล่ะก็…พวกมึงตาย!”

แล้วผมก็เดินกลับไปพร้อมกับตัวเล็กโดยไม่คิดจะหันกลับไปมองอีก พอผมกับพีชขึ้นรถแล้ว ผมก็ขับรถพาออกจากไปที่ห้างทันที ซึ่งผมขับไปได้ไม่นานนัก ผมก็เหลือบหันไปมองไอ้ตัวเล็ก ก็พบว่าอีกฝ่ายได้นอนหลับไปแล้ว

คงจะเครียดเรื่องยัยเมย์แน่ ก็เลยเผลอหลับไปไม่รู้ตัว...

Trr… Trr…

เสียงโทรศัพท์มือถือไม่คุ้นหูดังขึ้น ทำเอาผมต้องจอดรถมองหาต้นตอของเสียงก่อนจะพบว่ามันถูกวางอยู่บนมือของพีช ดังนั้นผมจึงคว้ามือถือขึ้นมาดู ก่อนจะเห็นชื่อของผู้ที่โทรเข้ามา

Aleksey

ช่างโทรมาได้ประจวบเหมาะมากเลยนะไอ้หมอนี่!


ผมครุ่นคิดในใจพลางคว้ามือถือขึ้นมาปิดเสียงเอาไว้ ก่อนจะวางลงไว้ที่เดิม แล้วขับรถต่อไปโดยไม่สนปลายสายที่โทรเข้ามาในมือถือของพีชเกือบนับสามสิบสายได้

...............

ผมมารู้สึกตัวอีกทีแสงแดดก็ได้เข้ามาแยงตา พอลืมตาขึ้นก็ดูมึนงงไม่น้อยว่าทำไมถึงมานอนที่ห้องตัวเองได้ แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานผมกับเจย์ไปเที่ยวห้างสรรพสินค้าด้วยกัน ในระหว่างที่ผมนั่งรอเจย์อยู่ในร้านอาหารนั้น ก็ได้ยินเสียงเจย์ดังมาจากนอกร้าน ผมจึงรีบทิ้งเงินเอาไว้แล้วรีบวิ่งออกไปดู ก่อนจะพบว่าเจย์กำลังชกต่อยกับแฟนคนใหม่ของเมย์ ซึ่งผมรีบเข้าไปห้ามแต่กลับโดนลูกหลงเข้าไปเต็มๆ ทำเอาเจย์แทบจะฆ่ามันถ้าผมไม่ห้ามไว้ก่อน หลังจากผมดึงเจย์ให้กลับมาขึ้นรถเสร็จ ผมก็เผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว

สงสัยไอ้เจย์มันอุ้มผมขึ้นมานอนที่ห้องละมั้ง…

“เฮ้อ” ผมถอนหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน พลางหันไปคว้ามือถือขึ้นมาเพื่อดูเวลา ก่อนจะสะดุ้งตกใจเมื่อเห็นสายที่ไม่ได้รับสามสิบสาย ซึ่งจะเป็นใครที่ไหนไม่ได้นอกจากอเล็กเซย์ ผมคิดได้ดังนั้นจึงรีบโทรกลับไปอย่างรวดเร็ว เพียงไม่อึดใจปลายสายก็รับทันที

“เมื่อวานทำไมคุณถึงไม่รับสายผม” ปลายสายพูดเสียงห้วน ดูท่าจะโมโหเอาพอสมควร

“เอ่อ เมื่อวานฉันมีเรื่องนิดหน่อยนะ” ผมตอบตามตรง เพราะไม่อยากโกหกร่างสูงอีกแล้ว ดังนั้นผมจึงเล่าเรื่องเมื่อวานที่เกิดขึ้นให้อเล็กเซย์ฟัง ซึ่งอีกฝ่ายก็รับฟังผมอย่างเงียบๆ “ทั้งหมดก็มีเท่านี้แหละ ถ้าอยากจะว่าอะไรฉันก็ว่ามาเลย”

ผมพูดกึ่งประชดกึ่งงอน เพราะเมื่อวานอเล็กเซย์ก็ไม่ยอมมาหาผมตอนเช้าเหมือนกัน

เขาทำดีกับนายด้วยก็เพราะเห็นนายเป็นแค่คู่นอนแก้เซ็งเท่านั้น…

อยู่ๆคำพูดของดารินเมื่อวานนี้ก็ผุดขึ้นมาเสียเอาดื้อๆ

“อย่างอนสิครับลูกพีช” ร่างสูงพูดเสียงอ่อนลง “ผมก็แค่เป็นห่วงคุณเท่านั้นเอง”

“แล้วใครกันที่ลืมมาหาฉันเมื่อวานนี้ล่ะ แถมไม่โทรมาบอกอีกด้วย”

“เมื่อวานผมติดประชุมทั้งวัน ก็เลยไม่ว่างโทรไปหาคุณ” อเล็กเซย์รีบตอบทันทีที่ได้ยินผมพูด “งั้นเดี๋ยววันนี้ผมจะไปหาคุณ ไปอยู่เป็นเพื่อนคุณทั้งวันเลยเอาดีไหม”

“ไม่ต้อง นายทำงานของนายไปเถอะ ฉันอยู่คนเดียวเองได้” ผมพูดเสียงเข้ม

“ลูกพีช ทำไมคุณพูดแบบนั้นล่ะ ผมอยากไปหาคุณจริงๆนะ” อีกฝ่ายพูดเสียงเง้างอน

“แต่ฉันต้องทำงาน ไม่ว่างทั้งวันหรอก”

และอีกไม่นานฉันกับเขาก็จะได้แต่งงานกันตามที่ผู้ใหญ่พูดกันเอาไว้ ฉะนั้นนายควรเลิกยุ่งกับเขาซะ ออกห่างไปได้เลยก็ยิ่งดี ไม่งั้นแล้วชื่อเสียงของเขาก็จะตกต่ำเพราะนาย ฉันพูดมาเท่านี้หวังว่านายคงจะเข้าใจนะ…

ทำไมผมต้องไปแคร์คำพูดของดารินด้วยในเมื่อผมไม่ได้คิดอะไรกับอเล็กเซย์

ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ…

“ถ้างั้นผมไปช่วยคุณทำงานดีไหมครับลูกพีช เพราะยังไงวันนี้กับพรุ่งนี้ผมก็ว่างอยู่แล้ว”

นายนะมันทั้งร่านทั้งแรด เพศเดียวกันแท้ๆก็ยังเอากันได้…

“ไม่ได้หรอก เดี๋ยวเจย์มันว่าเอา” ผมเม้มปากพูดในขณะที่ความคิดมันตีกันวุ่น ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงสั่นเครือโดยไม่รู้ตัว “แถมตอนนี้ร้านกำลังยุ่งด้วย เอาเป็นว่านายไม่ต้องมาหาฉันในช่วงนี้ได้ไหม ไม่สิ คงอีกนานกว่าที่ฉันจะว่าง ฉันว่าแทนที่นายจะมาหาฉัน นายเอาเวลาไปทำงานของนายดีกว่านะ เราต่างคนต่างอยู่เถอะ”

นี่ผมพูดอะไรออกมาเนี่ย…

“ต่างคนต่างอยู่รึ? ผมไม่ยอมหรอก” ร่างสูงพูดเสียงแข็งกระด้างหลังจากฟังที่ผมพูดจนจบ ดูท่าเขาจะโกรธผมมากเลยทีเดียว “คุณเป็นเมียผมทั้งคนนะ จะให้เลิกกันง่ายๆแบบนี้ได้ยังไงกัน…ทุกวันนี้ผมใจดียอมคุณมามากแล้วนะลูกพีช ผมยอมทนไม่บอกเรื่องเราเป็นอะไรกันให้เจย์รู้ ไหนจะคนอื่นอีก แต่คุณกลับพูดแบบนี้ออกมาได้หน้าตาเฉย ไม่รู้ล่ะ ผมจะไปหาคุณเดี๋ยวนี้ จะไปคุยให้รู้เรื่องกันไปข้าง คุณเองก็อย่าได้หนีผมไปไหนเชียวล่ะ!”

“ดะเดี๋ยวอเล็กเซย์!” ผมเรียกชื่ออีกฝ่ายแต่ก็ไม่ทัน เพราะอีกฝ่ายปิดสายหนีไปแล้ว

Trr… Trr…

คราวนี้เป็นเจย์ที่โทรเข้ามา ผมรีบรับสายทันที

“มัวทำอะไรอยู่พีช ป่านนี้แล้วยังไม่เปิดร้านอีก” เจย์ถามด้วยความสงสัย เพราะปกติผมเปิดร้านเร็ว แต่นี่สายไปมากพอสมควร “จะให้ฉันยืนรอนานจนขาแข็งรึไง รีบลงมาเปิดร้านเร็วเข้า”

“เอ่อ เจย์ คือวันนี้ฉัน…ไม่สบายนะ ขอปิดร้านอีกซักวัน”

“อะไรนะ ไม่สบายงั้นหรือ ไปหาหมอดีไหม” ปลายสายถามด้วยความเป็นห่วง แต่ผมไม่มีเวลามากพอแล้ว อเล็กเซย์กำลังจะมาที่นี่ ถ้าขืนเจย์ยังอยู่ มีหวังความลับที่ผมปิดไว้ได้แตกแน่

“ไม่เป็นไร ฉันนอนพักเดี๋ยวเดียวก็หาย” ผมรีบบอกด้วยน้ำเสียงเลิ่กลั่ก ในใจก็หวาดกลัวว่าจะไม่ทันการ

“โอเค ถ้านายไม่ไหวก็โทรมาบอกฉันนะ ฉันจะได้ขับรถมารับนายไปหาหมอ”

“อืมๆ งั้นแค่นี้นะ” ผมตอบก่อนจะรีบกดวางสายทิ้ง พลางลุกขึ้นเดินไปเปิดผ้าม่านออกดู ซึ่งทันเห็นรถมิร่าสีขาวของเจย์ได้ขับออกไป ทำเอาผมถึงกับหายใจโล่งอก เพราะอย่างน้อยก็ไล่เจย์ไปได้ ผมไม่อยากนึกภาพเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเจย์รู้เรื่องของผมกับอเล็กเซย์ แล้วผมก็เดินวนไปวนมาในชุดนอน ใจหนึ่งก็อยากจะหนีอเล็กเซย์ อีกใจหนึ่งก็ไม่กล้าหนี กลัวจนลนลานทำอะไรไม่ถูก ผมเดินวนอยู่ได้ไม่นานนักก็ต้องสะดุ้งกับเสียงกริ่งที่ถูกกดรัวอย่างบ้าคลั่ง

อเล็กเซย์มาแล้ว!!

...............................

หลังจากที่ผมขับรถเบนซ์คันเก่งมาถึงหน้าร้านดอกไม้ ผมก็เดินตรงดิ่งไปกดกริ่งรัวทันที ซึ่งไม่นานนักประตูร้านก็ได้ถูกเปิดออก ก่อนจะเห็นร่างบางในชุดนอนยืนอยู่เบื้องหน้า ผมไม่รอช้ารีบเดินจ้ำเข้าไปพลางปิดประตูให้พร้อมฉับ ก่อนจะจับแขนบอบบางให้เดินขึ้นไปชั้นสองโดยที่อีกฝ่ายไม่กล้าขัดขืน ถึงแม้ผมยังไม่เคยเข้าไปในห้องของลูกพีชก็จริงอยู่ แต่พอเห็นชั้นสองมีอยู่เพียงห้องเดียว ผมก็เดาได้เลยว่านี่คงเป็นห้องนอนของร่างบางอย่างแน่นอน จึงพาร่างโปร่งเข้าไปในห้องก่อนจะล็อกประตูทันที

“อะ…อเล็ก…เซย์” ลูกพีชเรียกชื่อผมเสียงอ่อย ดูท่าจะกลัวผมมากจนแทบไม่กล้ามองหน้าผมตรงๆ

“วันนี้คุณเป็นอะไรกันแน่ลูกพีช ทำไมต้องพูดแบบนั้นกับผมด้วย” ผมพูดพลางข่มใจไม่ให้โมโหไปมากกว่านี้ “ผมถามแล้วทำไมคุณถึงไม่ตอบล่ะลูกพีช อย่าบอกนะว่าคุณเกลียดผมแล้ว”

“เปล่านะ ไม่ใช่แบบนั้นซักหน่อย!” ร่างบางเถียงย้อนทันควัน

“ถ้าไม่ใช่ แล้วมันเรื่องอะไรล่ะ” ผมถามย้อนต่อเสียงเข้ม ก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าไปหา ซึ่งทำเอาร่างบางเดินถอยหลังหนีผมจนไปสะดุดกับขาเตียงล้มลงนั่ง “หรือว่าคุณกำลังจะมีคนใหม่”

ร่างบางทำท่าจะลุกขึ้นนั่งแต่ก็โดนผมใช้มือผลักร่างบางให้นอนหงายไปบนเตียง

“ฉันไม่ได้…มีใคร” ร่างบางหันหน้าหนีตอบ แต่ก็ไม่วายโดนผมจับให้หันหน้ากลับมามองผมตรงๆ “เชื่อฉันสิอเล็กเซย์ ฉันไม่ได้มีใคร เพียงแต่…เพียงแต่ว่า”

“เพียงแต่อะไร?” ผมถามกลับอย่างห้วนๆ ทว่าร่างบางหาได้ตอบไม่ กลับเม้มปากราวกับไม่ต้องการจะตอบคำถามของผม “ดี ไม่ตอบไม่เป็นไร ถ้างั้นผมจะทำให้คุณยอมเปิดปากเอง”

“นายจะทำอะไร…อุ๊บ!”

ร่างบางยังพูดไม่จบก็ถูกผมจูบเข้าเสียก่อน ถ้าให้เลือกได้ผมคงไม่ทำกับร่างบางแบบนี้หรอก เพียงแต่ความโกรธกับความน้อยใจมันเข้าครอบงำผมมากกว่า ผมไม่เพียงแค่จูบยังสอดลิ้นเข้าไปกระหวัดกระเหวี่ยงกับลิ้นบางอย่างรุนแรง แถมเนิ่นนานจนร่างบางเริ่มประท้วงขออากาศหายใจ ผมจึงยอมถอนริมฝีปากออกมาให้ร่างบางได้หายใจบ้าง แต่ก็กลับเข้าไปจูบใหม่อีกครั้ง และทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆจนร่างบางอ่อนระทวย ผมถึงค่อยถอนริมฝีปากออกมามองอีกฝ่ายที่บัดนี้หน้าแดงหอบหายใจตัวโยน แต่พอเห็นน้ำตาของอีกฝ่ายแล้วทำเอาผมถึงกับใจอ่อนยวบ ความโกรธกับความน้อยใจที่เคยมีก็หายไป ซึ่งถูกแทนที่ด้วยความสมเพชตัวเอง สมเพชที่ทำอะไรรุนแรงกับร่างบางโดยที่อีกฝ่ายไม่ยินยอม

ไม่ต่างอะไรกับเดนนรกดีๆนี่เอง…

ผมคิดได้ดังนั้นก็ลุกขึ้นยืน ปล่อยให้ร่างบางมองผมด้วยความงุนงง

“ผมขอโทษ” ผมบอกอย่างนั้นโดยไม่มองหน้าพีช “ผมเสียใจที่ทำแบบนี้กับคุณ เพียงแต่ผมสับสน สับสนว่าผมทำอะไรผิดหรือ คุณถึงได้รังเกียจผม พยายามผลักไสไล่ส่งผมทั้งๆที่ผมพยายามทำดีกับคุณมาตลอด ถ้าคุณไม่ต้องการผมแล้ว คุณก็บอกผมมาตรงๆก็ได้ ผมจะได้จากคุณไปโดยไม่กลับมาให้คุณเห็นหน้าอีก”

“อเล็กเซย์”

....................

 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 8 หวั่นใจ 5/9/57)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 05-09-2014 14:32:33
 :o12: นังดารินนนนน
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 8 หวั่นใจ 5/9/57)
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 05-09-2014 14:44:38
ใครก็ได้เอาอิชะนีดารินไปเก็บด่วนๆเลย
ทำเอาคนอื่นเค้าวุ่นวายไปหมด :z6: :angry2: :m31:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 8 หวั่นใจ 5/9/57)
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 06-09-2014 12:28:23
ตอนที่ 9 บอกรัก

............

“ผมขอโทษ” ร่างสูงบอกอย่างนั้นโดยไม่มองหน้าผม “ผมเสียใจที่ทำแบบนี้กับคุณ เพียงแต่ผมสับสน สับสนว่าผมทำอะไรผิดหรือ คุณถึงได้รังเกียจผม ถึงได้พยายามผลักไสไล่ส่งผมทั้งๆที่ผมพยายามทำดีกับคุณมาตลอด ถ้าคุณไม่ต้องการผมแล้ว คุณก็บอกผมมาตรงๆก็ได้นี่ ผมจะได้จากคุณไปโดยไม่กลับมาให้คุณเห็นหน้าอีก”

“อเล็กเซย์”

ผมแทบตะลึงเมื่อได้ยินที่ร่างหนาพูดตัดพ้อ ผมไม่รู้เป็นอะไรกันแน่ พอได้ยินที่อเล็กเซย์พูดถึงกับเจ็บปวดรวดร้าวหัวใจราวกับคนเป็นโรคหัวใจขั้นรุนแรง พออีกฝ่ายทำท่าจะออกไปจากห้อง ผมก็รีบผุดลุกขึ้นจากเตียงวิ่งเข้าไปคว้าแขนร่างสูงเอาไว้อย่างรวดเร็ว

“อย่าเพิ่งไปเล็กเซย์! ฉันก็แค่งอนนายเท่านั้นเอง ไม่ได้ตั้งใจจะ…ไล่…นายไปซัก…หน่อย ฮือๆ”

ผมไม่ได้แรดหรือร่านเหมือนที่ดารินบอกไว้นะ แต่ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนมีอะไรกำลังจะขาดหายไป จะพูดให้ถูกก็คือ ผมรู้สึกขาดเขาไปไม่ได้จริงๆ เพราะตั้งแต่คบกับอเล็กเซย์มา ผมรู้สึกมีความสุขอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แถมเขาก็เอาใจผมเสียตลอดทุกเรื่อง แล้วนี่อยู่ๆเขาก็จะมาจากผมไป ผมคงทนไม่ได้แน่

สงสัยผมจะรักเขาเข้าแล้วจริงๆ…

ร่างสูงแกะมือของผมออก ก่อนจะหันกลับมาเช็ดน้ำตาให้ผมอย่างแผ่วเบา

“ครับลูกพีช ผมไม่ไปแล้ว”

“แน่นะ” ผมถามย้ำอีกครั้งพลางเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงที่จ้องมองผมอย่างอ่อนโยน “จะไม่ไปไหนแน่นะ”

“แน่สิครับ ผมจะไม่ไปไหนอย่างแน่นอน ผมสัญญา” ร่างสูงยิ้มตอบก่อนจะคว้าผมขึ้นมากอดจูบ ซึ่งมันแตกต่างจากเมื่อครู่นี้ลิบลับ มันทั้งนุ่มนวลอ่อนโยนจนสมองผมแทบขาวโพลน แต่ผมกับเขาจูบกันได้ไม่นานนัก ร่างสูงก็ผละหน้าออกมากระซิบข้างหูผม “ผมรักคุณนะลูกพีช”

“อะ…อืม…ฉันก็…ก็…”

“ก็?” ร่างสูงถามย้อนพลางกัดติ่งหูผมเบาๆ ซึ่งทำเอาผมรู้สึกเสียวอย่างบอกไม่ถูก “ก็อะไรครับลูกพีช”

“ก็…รัก…นาย…เหมือนกัน…อเล็กเซย์” ผมตอบไปตามความรู้สึกของตัวเองโดยไม่ปิดบัง แถมรู้สึกร้อนผ่าวที่หน้าจนผมถึงกับต้องซุกหน้ากับแผงอกของร่างสูงเพื่อหนีความเขินอาย ส่วนอีกฝ่ายเมื่อเห็นผมซุกตัวหนีก็ได้แต่หัวเราะเบาๆอย่างชอบใจ ก่อนจะช้อนผมอุ้มขึ้นไปยังที่เตียง ซึ่งมาถึงตอนนี้แล้วผมก็ไม่คิดจะปฏิเสธที่จะมีอะไรกับเขาอีก มีเพียงแต่ตอบรับรักที่เขาหยิบยื่นให้ผมอย่างอ่อนโยน

.........................

ผมมารู้สึกตัวอีกทีก็มีอะไรมาคลอเคลียที่แก้ม แถมนอกจากนี้ยังลูบไล้บนยอดอกจนเล่นทำเอาผมถึงกับร้องครางออกมาด้วยความเสียว

“อ๊ะ อ๊า!”

“ขี้เซาจังเลยนะครับลูกพีช” เสียงทุ้มกระซิบบอกก่อนจะพูดต่อโดยที่ผมยังไม่ลืมตาขึ้นมามอง “ถ้าขืนคุณยังไม่ลืมตาขึ้นมาอีก ผมจะรุกคุณต่อจนถึงเย็นเลยนะครับ”

เพียงเท่านั้นแหละผมถึงกับรีบลืมตาขึ้นมา ก่อนจะเห็นใบหน้าคมเข้มในระยะประชิดกำลังอมยิ้มอยู่

“จะบ้าเหรอ ไม่เอาแล้วนะมันเหนื่อย” ผมตอบพลางตีไหล่หนาเบาๆด้วยความเขินอาย เพราะเท่าที่จำได้ผมกับร่างสูงอยู่ร่วมกิจกรรมเลิฟด้วยกันร่วมนับสามสี่ชั่วโมง จนเที่ยงวันนั่นแหละร่างสูงถึงจะหยุดให้พักผ่อน “ว่าแต่ตอนนี้กี่โมงแล้วล่ะอเล็กเซย์ ฉันหิวจังเลย”

ผมถามพลางมองอีกฝ่ายที่กำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนโดยมีผ้าห่มบังครึ่งท่อนล่างมองผมอยู่ไม่ห่างกาย

“ฮะๆ ตอนนี้บ่ายสองแล้วครับลูกพีช” ร่างสูงตอบขำๆพลางเอามือเกลี่ยเส้นผมที่บังตาผมออกอย่างแผ่วเบา “ผมว่าคุณเลิกเรียกผมว่าอเล็กเซย์เฉยๆเถอะ ฟังดูแล้วห่างเหินชอบกล”

“อ้าว แล้วจะให้เรียกว่าอะไรดีล่ะ” ผมถามกลับด้วยความสงสัย

“อเล็กซ์สั้นๆก็พอครับ” อีกฝ่ายตอบก่อนจะพูดต่อ “ส่วนคุณก็จะต้องพูดแทนตัวเองว่าลูกพีช ไม่เอาฉันหรือเรียกผมว่านายเหมือนแต่ก่อนเด็ดขาด มันฟังดูไม่เพราะนะครับรู้ไหม”

“แต่…แต่มันฟังดูน่าอายนี่”

“อายเอยอะไรครับ ผมว่ามันฟังดูเพราะดีออกจะตายไป” ร่างสูงตอบพลางโอบตัวผมให้เข้ามาใกล้ๆ “มาถึงตอนนี้แล้วผมคิดว่าน่าจะบอกคุณเจย์ให้รู้ไปกันเลยว่าพวกเราเป็นอะไรกัน เพราะเขาจะได้เลิกสงสัยพวกเราซักที”

“สงสัย? เจย์สงสัยพวกเรางั้นหรืออเล็กเซย์”

“อเล็กซ์” ร่างสูงพูดตำหนิเรื่องชื่อกับผม

“ก็ได้อเล็กซ์ ว่าแต่อเล็กซ์ไปรู้ได้ยังไงว่าเจย์กำลังสงสัยพวกเรานะ” ผมถามกลับอย่างสงสัย

“ดูจากตาก็รู้แล้วล่ะครับ” ร่างหนาตอบเสียงเรียบพลางทำท่าครุ่นคิดในใจ “แต่เรื่องนี้ผมยังไม่แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้าจะให้ดีผมว่าคุณควรไปบอกกับเขาโดยตรงเลยดีกว่านะครับ”

“แต่…แต่ฉัน เอ้ย ลูกพีชกลัวเขาจะรังเกียจ”

“รังเกียจ? เขาจะรังเกียจคุณเรื่องอะไรครับลูกพีช”

“ก็เรื่องที่…ที่พวกเรามี…อะไรกัน” ผมตอบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก หน้าร้อนผ่าวจนอยากจะซุกหน้าหนีอีกรอบ

“โธ่ นึกว่าเรื่องอะไร” ร่างสูงพูดแกมขำที่เห็นผมหน้าแดง “ผมว่าเขาคงไม่รังเกียจคุณหรอกครับลูกพีช เพราะถ้าเขาจะรังเกียจคุณจริง สู้เอาไปโกรธเรื่องที่คุณไม่ยอมบอกเขาจะไม่ดีกว่าหรอกหรือ”

“แล้วอเล็กซ์รู้ได้ยังไงว่าเขาจะไม่รังเกียจนะ”

“ผมก็แค่เดาเอา” อเล็กเซย์ตอบสั้นๆ ก่อนจะพูดเปลี่ยนเรื่อง “ว่าแต่คุณจะบอกผมได้รึยังว่าวันนี้คุณน้อยใจผมด้วยเรื่องอะไร ห้ามพูดว่าไม่มีเด็ดขาดนะ เพราะไม่งั้นผมจะรุกคุณต่อจนกว่าคุณจะยอมเปิดปากพูดเลยคอยดูสิ”

คำขู่ของอีกฝ่ายทำเอาผมสะดุ้งโหยง

“โอเค บอกแล้วๆ!” แล้วผมก็เล่าเรื่องที่ดารินมาหาผมเมื่อวานนี้ให้อเล็กเซย์ได้ฟังตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งพอผมเล่าจบแล้ว ร่างสูงถึงกับตีสีหน้าเคร่งเครียด “ลูกพีชเล่าให้ฟังแล้วนะ อเล็กซ์ก็ห้ามไปทำอะไรคุณดารินเด็ดขาด เพราะลูกพีชกลัวเรื่องราวมันจะใหญ่โตไปมากกว่านี้”

ผมรีบบอกเพราะกลัวอเล็กเซย์จะไปเอาเรื่องกับดาริน ซึ่งร่างสูงได้แต่มองหน้าผมก่อนจะถอนหายใจเฮือก

“ถ้าลูกพีชไม่ต้องการมีเรื่อง ผมก็จะไม่ไปยุ่งกับเขา” ร่างสูงตอบ ซึ่งทำเอาผมดีใจ “แต่ถ้าดารินมายุ่งกับคุณอีก ผมไม่ปล่อยเอาไว้แน่”

แหงะ!

“ส่วนเรื่องงานแต่งงานที่เขาว่ามานั้นไม่เป็นความจริงซักนิดเดียว ผมกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน แถมพวกผู้ใหญ่ที่ว่ามานี้เขาก็ไม่ได้เข้ามายุ่งกับชีวิตผมด้วย แล้วแบบนี้จะให้ผมไปแต่งงานกับเขาได้ยังไงกันครับ” ร่างสูงพูดอธิบายพลางมองหน้าผมไปด้วยพร้อมกัน “แล้วก็อีกอย่างที่ผมอยากจะบอกให้คุณรู้...ผมไม่เคยเห็นคุณเป็นแค่คู่นอนแก้เซ็ง แต่ผมเห็นคุณเป็นเมียของผม คนที่ผมรักและจะใช้ชีวิตไปด้วยพร้อมกันกับผมตลอดจนกว่าชีวิตจะหาไม่”

แค่ประโยคนี้ก็ทำเอาผมแทบตื้นตันจนพูดอะไรไม่ออกแล้ว

...............

ตกเย็นอเล็กเซย์ก็พาผมออกไปทานข้าวนอกบ้าน เพียงแต่ครั้งนี้ไม่ได้เป็นร้านของเจฟฟรีย์ แต่เป็นโรงแรมหรูระดับห้าดาวจนผมแทบจะเดินหนีออกจากโรงแรมถ้าไม่ติดตรงที่ร่างสูงยื้อผมเอาไว้

“ครั้งนี้ขอให้ผมเลี้ยงอาหารคุณแบบดีๆเถอะครับลูกพีช”

แล้วร้านของเจฟฟรีย์มันไม่ดีตรงไหนผมอยากรู้จริง แต่สุดท้ายก็ยอมเข้าไปทานอาหารโดยดี ซึ่งผมบอกตามตรงว่าบรรยากาศในภัตตาคารโรงแรมดีกว่าร้านเจฟฟรีย์เป็นไหนๆ เพราะไม่เพียงมีแต่อาหารดีๆแล้ว ยังมีเสียงดนตรีจากเครื่องดนตรีคลาสิกอาทิเช่นไวโอลินให้ฟังในระหว่างทานอาหารอีกด้วย

เหมือนมาเที่ยวฮันนีมูนหลังแต่งงานเลยแฮะ

ผมครุ่นคิดในใจอย่างขำๆ ระหว่างทานอาหารอเล็กเซย์ก็ได้เอ่ยปากชวนผมไปอยู่ที่คอนโดด้วยกันตามประสาคนรัก แต่ผมก็บอกปฏิเสธ เพราะผมไม่กล้าทิ้งร้านเอาไว้ ซึ่งร่างสูงก็เข้าใจดี

“ถ้างั้นผมจะมานอนอยู่ที่นี่กับคุณที่ร้านเลยแล้วกัน” อ้าวเป็นงั้นไป แต่ส่วนเรื่องที่จะเปิดตัวอเล็กเซย์ให้เจย์รู้ว่าผมกับเขาเป็นอะไรกันนั้น ผมบอกร่างสูงไปว่ายังไม่พร้อมที่จะบอกมัน ทำเอาร่างหนาหน้าหงิกไปเลยทีเดียว “ถ้าคุณยังไม่พร้อมก็ไม่เป็นไร แต่ต้องมีค่าปิดปากผมด้วยนะ”

“ค่าปิดปากอะไรเหรอ?”

ผมถึงกับมึนงงเมื่อได้ยินที่อีกฝ่ายพูด แต่ร่างสูงกลับกวักมือเรียกผมให้เข้ามาใกล้ๆ ซึ่งทำให้ผมต้องลุกจากที่นั่งแล้วเดินเข้าไปหา แต่พอผมเดินไปถึง กลับโดนมือหนาคว้าเอวผมอุ้มขึ้นไปนั่งบนหน้าตักเขาทันที ทำเอาผมถึงกับร้องเหวอหน้าขึ้นสี

“อเล็กซ์ทำบ้าอะไร ที่นี่ไม่ใช่ที่บ้านนะ” ผมบอกพลางใช้มือทุบแผงอกร่างสูงเบาๆด้วยความเขินอาย แต่ทว่าร่างสูงหาได้สนใจฟังที่ผมพูดไม่ กลับยิ้มระรื่นแถมกอดผมเสียแน่นโดยไม่สนใจสายตาคนรอบข้างแม้แต่น้อย “บอกให้ปล่อยไงอเล็กซ์”

“ผมปล่อยแน่ถ้าลูกพีชให้ค่าปิดปากกับผมก่อน”

ดูเขาสิครับ เอาแต่ใจเหลือเกิน

“ค่าปิดปากอะไรล่ะ” ผมพูดเสียงเบาโดยไม่หันไปมองข้างๆ

“จูบยังไงล่ะครับ” คำตอบของร่างสูงทำเอาผมหน้าร้อนผ่าว “ผมอยากให้คุณจูบผม แล้วก็กอดผมด้วย”

“ตะ…แต่…ที่นี่มันที่สาธารณะนะ”

“ผมไม่สน” ร่างสูงตอบหน้าตาย “แต่ถ้าคุณไม่ทำ ผมจะไปบอกให้เขารู้เดี๋ยวนี้แหละ”

พูดจบ ร่างสูงทำท่าจะผลักผมออกไป ทำเอาผมถึงกับตกใจ

“มะ…ไม่ต้อง ลูกพีชจะทำเดี๋ยวนี้แหละ!”

“หึๆ”

ร่างสูงหัวเราะในลำคออย่างขบขันก่อนจะปล่อยมือออกจากเอวของผม คล้ายกับรอให้ผมทำตามที่สั่งเอาไว้ ซึ่งผมได้แต่เหลียวซ้ายแลขวา พอเห็นว่าไม่มีใครมองจึงค่อยใช้มือทั้งสองข้างโอบกอดร่างสูงอย่างกล้าๆกลัวๆ พอผมได้กอดร่างสูงแล้วก็ค่อยโน้มหน้าเข้าไปใกล้ๆ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้จูบ มือหนากลับรั้งต้นคอผมหมับเข้าไปจูบทันที

“อื้ออออ!” ดีนะที่ผมไม่ได้อ้าปากไว้ ไม่งั้นโดนไปมากกว่านี้แน่ พอผมเห็นว่าอีกฝ่ายจูบนานเกินไปแล้วจึงทุบหลังประท้วงเบาๆ ซึ่งทำให้ร่างสูงยอมถอนริมฝีปากออกแต่โดยดี “แฮ่กๆ คนเจ้าเล่ห์ ไหนบอกว่าจะให้ลูกพีชเป็นคนจูบยังไงล่ะ”

ผมพูดไปหอบไปพลาง ซึ่งตอนนี้ผมคิดว่าผมได้ยินเสียงคนรอบข้างกระซิบแล้วนะ

“ก็ลูกพีชชักช้านี่ครับ ผมทนรอไม่ไหวก็เลยทำให้มันเร็วขึ้นเท่านั้นเอง”

เร็วบ้านพ่อนายสิ!

หลังจากนั้นอเล็กซ์ก็พาผมกลับไปส่งร้าน โดยบอกว่าขอกลับไปเก็บเสื้อผ้าที่บ้านตัวเองก่อนแล้วจะกลับมาใหม่

..................

ย้อนกลับไปตอนเช้า หลังจากพีชบอกผมทางโทรศัพท์ว่าไม่สบายขอปิดร้านหนึ่งวัน ทำเอาผมกลุ้มใจเพราะเมื่อวานผมมีเรื่องชกต่อยกับแฟนใหม่ของยัยเมย์ จนพีชต้องโดนลูกหลงไปด้วย วันนี้ก็เลยทำให้เจ้าตัวถึงกับไม่สบาย

Trr…Trr…

เสียงมือถือดังขึ้นผมกดรับสายทันทีที่รู้ว่าใครโทรมาหา

“ครับแม่ แม่มีอะไรเหรอครับ”

“เจย์ว่างหรือเปล่าลูก พอดีแม่กับพ่อนั่งรถทัวร์เข้ากทมมา อยากให้ลูกขับรถมารับหน่อย”

“ได้สิครับ ผมจะไปรับเดี๋ยวนี้แหละ” พอวางสายแล้ว ผมก็สตาร์ทรถขับไปยังหมอชิตทันที เมื่อไปถึงผมก็เห็นพ่อแม่ยืนรออยู่หน้าประตูทางเข้าหมอชิต จึงรีบยกมือสวัสดีพวกท่าน “ทำไมแม่กับพ่อมายืนรอตรงนี้ล่ะครับ อากาศข้างนอกมันร้อนนะ”

“ก็แม่แกอยากจะไปหาเจ้าพีชไวๆนะสิ ถึงได้ลากพ่อให้มายืนรอแกตรงนี้” พ่อบ่น ทำเอาแม่หันไปตีไหล่พ่อด้วยความหมั่นไส้

“อย่าว่าแต่ฉันเลย คุณเองก็เหมือนกัน เห็นบ่นตั้งแต่ก่อนออกเดินทางว่าอยากจะเจอตาพีชไวๆ จะได้เอาขนมที่เขาชอบไปให้กิน” แม่เถียงย้อนกลับ ซึ่งทำเอาผมถึงกับส่ายหน้า เพราะเวลาพูดถึงพีชทีไร ทั้งคู่มักจะชอบทะเลาะกันแบบเด็กๆทุกที แต่ไม่ต้องเป็นห่วง เห็นพวกท่านทะเลาะกันแบบนี้แต่ก็ยังรักกันเหมือนเดิม “ว่าแต่แกเถอะ ไปทำอะไรมาหน้าถึงได้เป็นแบบนั้น อย่าบอกนะว่าไปมีเรื่องทะเลาะต่อยตีอีกแล้ว”

ผมยิ้มเจื่อนเมื่อถูกแม่ถาม ก่อนจะเล่าเรื่องยัยเมย์ให้พวกท่านฟัง ที่ผมเล่าให้ฟังนี่ก็เพราะพวกท่านรู้จักยัยเมย์ในฐานะแฟนของพีชเหมือนกัน ซึ่งพอผมเล่าจบ พวกท่านถึงกับมีสีหน้าหงุดหงิด

“แล้วแกทำไมไม่โทรไปบอกแม่ตั้งแต่แรกห๊ะ!”

“คือผมยังไม่แน่ใจว่ายัยเมย์จะเลิกกับพีชจริงๆนี่ครับ” ผมตอบก่อนจะพูดต่อ “แถมพีชก็ไม่ยอมบอกผมด้วย ชอบปิดบังผมตลอดเวลาเลย”

รวมถึงเรื่องอเล็กเซย์ก็ด้วย…

“อย่ามัวแต่พูดอยู่เลย แกพาพ่อกับแม่ไปหาพีชที่ร้านดอกไม้เดี๋ยวนี้เร็ว” พ่อบอกหลังจากยืนฟังอยู่นานแล้ว

“เอ่อ วันนี้พีชเขาไม่สบายนะครับพ่อ”

“ไม่สบายเหรอ งั้นก็ต้องรีบกลับไปดูแลสิ” คนเป็นแม่พูดด้วยความเป็นห่วง “ปล่อยให้คนป่วยนอนคนเดียวนานๆไม่ดีนะรู้ไหม”

“เอ่อ พีชเขาบอกว่าเขาดูแลตัวเองได้นะครับ” ผมแย้ง ซึ่งทำเอาพวกท่านหันมาถลึงตาใส่

“ดูแลตัวเองได้บ้าอะไร นี่แกยังไม่รู้นิสัยตาพีชอีกรึเนี่ย รู้ก็รู้อยู่ว่ามันเกรงใจแกถึงได้พูดออกมาแบบนั้น”

“ทำไมผมจะไม่รู้ล่ะครับ แต่พีชเขาไม่ยอมให้ผมไปช่วยดูแล”

“ไม่รู้ล่ะ แม่กับพ่อจะไป ยังไงแกต้องขับรถพาพวกแม่ไปด้วยล่ะ” พวกท่านไม่ยอมครับ ทำให้ผมต้องขับรถพาพวกท่านกลับไปที่ร้านดอกไม้ แต่พอมาถึงที่หมาย ผมก็เห็นรถเก๋งคุ้นตาจอดที่หน้าร้านดอกไม้แล้ว ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้แล้วครับว่าเจ้าของรถคันนี้เป็นของใคร เท่านั้นแหละผมถึงกับทุบพวงมาลัยด้วยความโมโห ทำเอาพ่อกับแม่ที่อยู่ในรถถึงกับสะดุ้งตกใจ “ลูกเจย์เป็นอะไรไป ทำไมอยู่ๆก็ทุบพวงมาลัยอย่างนั้นล่ะ”

แม่ถามผมด้วยความสงสัยที่อยู่ๆผมก็ทำท่าแบบนั้นออกมา

“ไม่มีอะไรครับแม่” ผมตอบอย่างหงุดหงิด สงสัยไอ้พีชมันจะโทรไปตามให้อเล็กเซย์มาที่บ้านชัวร์ แถมยังให้เข้าไปในบ้านด้วยกันตามลำพังอีกด้วย “ถ้าพ่อกับแม่จะเข้าไปก็เข้าไปนะครับ แต่ผมจะไม่เข้าไปตามด้วย”

“อ้าว ทำไมไม่เข้าไปด้วยกันล่ะลูกเจย์” แม่ยังถามผมอยู่ครับ ผิดกับพ่อที่นั่งจ้องผมอย่างเงียบๆ

“ผมมีเหตุผลของผม แม่อย่าถามผมได้ไหมครับ ผมขอร้อง” ผมขบริมฝีปากตอบ ซึ่งพวกท่านก็ได้แต่มองหน้ากันอย่างจนใจ สุดท้ายแล้วพวกท่านก็เปลี่ยนใจไม่เข้าไปหาพีช กลับให้ผมพาไปหอพักของผมแทน พอผมส่งพวกท่านเสร็จ ผมก็ขอตัวออกมาข้างนอก เมื่อออกมาข้างนอกแล้วผมก็โทรไปหาไอ้ออยทันที “เฮ้ย มึงว่างหรือเปล่าวะ เออ วันนี้กูว่าง ไปดูหนังกันไหม เออ วันนี้พีชป่วย กูเลยว่างไง เออ ห้างxxx นะเว้ย มึงก็พาแฟนกับเพื่อนๆมึงไปด้วยก็ได้ ไปหลายคนสนุกดี เออ แค่นี้นะ”
แล้วผมก็ขับรถไปห้างตามที่นัดกับเพื่อนเอาไว้ทันที

..................

ผมอาร์ทเป็นเพื่อนสนิทของแบม ทำงานเป็นนักเขียนนวนิยาย ตามปกติผมจะขลุกอยู่ในห้องเพื่อนั่งเขียนนิยาย แต่วันนี้เป็นพิเศษ แบมมันโทรชวนผมให้ไปดูหนังที่ห้างด้วยกัน ทีแรกผมอิดออดไม่ไปด้วยเพราะเห็นว่าแบมไปกับแฟนของตัวเองที่ชื่อออย แต่พอมันบอกว่ามันไม่ได้ไปกันแค่นี้ ยังมีเพื่อนสนิทของออยด้วยอีกคน ซึ่งทำให้ผมยอมตามมันไปแต่โดยดี พอผมไปถึง ผมก็เห็นแบมกับออยยืนรออยู่หน้าโรงภาพยนตร์แล้ว

“ไงอาร์ท กว่าจะออกมาได้นะ มัวแต่แต่งนิยายอยู่ล่ะสิ” แบมพูดแซวผมในขณะที่เดินเข้าไปหา

“เออ ก็ฉันทำงานด้านนี้นี่หว่า แล้วนายจะให้ฉันไปทำอะไรล่ะแบม แล้วไหนเพื่อนของพี่ออยล่ะ ไม่เห็นมาเลย” ผมถามหาอีกคนเมื่อไม่เห็นมีใครนอกจากแบมกับพี่ออย

“เดี๋ยวเขาก็มา เห็นว่าแวะดูร้านหนังสือ อ๊ะ พูดถึงก็มาเลย” แบมพูดจบ ผมก็หันไปมองตามแบม ก่อนจะเห็นร่างสูงผมสีน้ำตาลยาวระต้นคอ ใบหน้าคมเข้ม สวมเสื้อยืดสีแดงกางเกงยีนส์เก่าๆกำลังเดินถือถุงก็อบแก๊ปมาทางนี้ “สวัสดีฮะพี่เจย์ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะฮะ”

แบมยกมือไหว้สวัสดีกับร่างสูง ทำเอาผมรีบยกมือไหว้ขึ้นตาม ซึ่งอีกฝ่ายก็ยกมือไหว้ตอบด้วยเช่นกัน

“พี่เจย์ฮะ นี่อาร์ทเพื่อนของผมเป็นนักเขียนนิยาย อาร์ทนี่พี่เจย์เป็นเพื่อนสนิทของพี่ออยทำงานอยู่ร้านดอกไม้นะ” แบมพูดแนะนำตัว

“สวัสดีฮะพี่เจย์ ยินดีที่ได้รู้จักนะฮะ” ผมพูดทักทาย

“อืม” อีกฝ่ายพยักหน้าทักทายตอบก่อนจะหันไปหาพี่ออย “ไอ้ออยวันนี้มีหนังเรื่องอะไรดูบ้างวะ”

“อ้อ ก็มีเรื่องสไปเดอร์แมนนะ”

“อืมดีเลย แล้วนี่ซื้อตั๋วมาแล้วหรือยัง”

“ซื้อแล้ว เดี๋ยวมึงจะแวะซื้อป็อปคอร์นกับน้ำก็ซื้อเข้าไปเลยนะ” พี่ออยบอก ซึ่งอีกฝ่ายพยักหน้าตอบก่อนจะหันมาทางผม “ว่าแต่น้องอาร์ทจะเอาขนมไหม พี่จะได้ซื้อมาให้ด้วย”

“ไม่เป็นไรฮะพี่เจย์ ผมไม่หิว” ผมตอบก่อนที่ร่างสูงจะเดินเข้าไปซื้อป็อปคอร์น เมื่อเรียบร้อยแล้วพวกผมก็พากันเดินเข้าไปในโรงหนังเพื่อดูหนัง แต่ในช่วงตอนต้นของเรื่องผมแอบสังเกตเห็นพี่ออยแอบลูบคลำมือไอ้แบมด้วย ซึ่งผมอยากจะพูดเหลือเกินว่าทำไมพวกเขาช่างกล้าแบบนี้ แต่นี่ก็ยังดีนะที่โรงหนังมันมืด เลยทำให้มองเห็นได้ไม่ชัดเจน แต่พอผมหันไปมองอีกคนที่นั่งอยู่ข้างขวากลับต้องทำหน้าตกใจสุดขีด

พี่เจย์หลับครับ!

หลับสนิทชนิดแบบมีเสียงกรนดังขึ้นมาเบาๆด้วย นี่ยังดีที่เสียงในโรงมันดัง ก็เลยไม่มีใครได้ยินเสียงกรน พอผมเลิกสนใจพี่เจย์ ก็รีบหันหน้ากลับมาดูหนังต่อแต่กลับต้องสะดุ้งตกใจเมื่อพี่เจย์เอาหัวมาพิงไหล่ผมได้อย่างหน้าตาเฉย

“เอ่อ...พี่เจย์ครับ ผมหนักนะ ช่วยเอาหัวออกไปด้วย” ผมหันไปกระซิบบอก ทว่าร่างสูงกลับหาได้ยินไม่ ครั้นจะปลุกก็ไม่กล้า เพราะเกรงใจพี่แก แล้วพอผมหันกลับไปมองดูหนังอีกครั้ง ก็ต้องสะดุ้งตกใจเป็นรอบที่สอง เพราะอยู่ๆก็มือหนาก็เข้ามาวางบนมือของผม ซึ่งทำเอาผมรู้สึกแปลกๆอย่างบอกไม่ถูก “เอ่อ พี่เจย์ ปล่อยมือผมเถอะครับ ผมดูหนังไม่รู้เรื่องนะ”

“อือ อย่ามายุ่งน่าพีช คนจะหลับจะนอน” คำว่าพีชทำเอาผมมุ่นคิ้ว ครั้นจะถามกลับไปว่าพีชคือใครก็ไม่กล้าถาม เพราะไม่ใช่เรื่องของตัวเอง พอจะดูหนังอีกครั้งคราวนี้มือหนากลับจับมือผมซะแน่น “พีช ฉัน…ฉัน…ชอบนายนะ”

แล้วพี่เจย์ก็เงียบไปก่อนจะตามด้วยเสียงกรนอีกที ดูท่าพี่แกจะชอบคนชื่อพีชมาก ถึงได้ละเมอเพ้อพกขนาดนี้ พอหนังฉายจบแล้ว ผมก็หันไปปลุกพี่เจย์

“พี่เจย์ฮะ หนังจบแล้วนะฮะ” ผมปลุก ซึ่งอีกฝ่ายทำท่างัวเงีย พอเห็นมือของตัวเองจับมือของผมอยู่ ก็สะดุ้งตกใจก่อนจะรีบปล่อยมือผมออกอย่างรวดเร็ว ซึ่งผมไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก เพราะยังไงอีกฝ่ายแค่ละเมอจับมือผมก็เท่านั้นเอง “แบม เดี๋ยวฉันขอตัวกลับก่อนนะ ต้องไปนั่งแต่งนิยายต่อ”

ผมหันไปบอกเพื่อนสนิทที่กำลังลุกขึ้นยืน ทำเอาแบมหันขวับมามอง

“เฮ้ยได้ไง มาทั้งทีจะให้ดูหนังอย่างเดียวได้ไง”

“อ้าว แล้วจะให้ฉันไปไหนต่อล่ะ หนังก็จบไปแล้วนี่” ผมถามกลับอย่างสงสัย

“ก็ไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันต่อสิน้องอาร์ท” พี่ออยบอกก่อนจะหันไปพูดกับพี่เจย์ “เฮ้ยมึง เดี๋ยวไปต่อกันที่ร้านอาหารเอ็มเคดีไหม”
“ก็ดีเหมือนกัน เมื่อเช้ากินข้าวมานิดเดียวเอง”

“แต่ฉันเอาเงินมานิดเดียวเองนะแบม” ผมหันไปทักท้วงเพื่อน “ไม่มีเงินมาจ่ายค่าเอ็มเคด้วยหรอก”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพวกพี่ออกให้เอง”

“แต่ผมเกรงใจพี่ออยนี่ฮะ”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกอาร์ท ถือซะว่าฉันเลี้ยงแล้วกัน แล้วคราวหน้านายค่อยมาเลี้ยงอาหารพวกเราทีหลัง ตกลงไหม” แบมพูดเสียงออดอ้อนพลางดึงแขนเสื้อผมไปมา

“ก็ได้ๆ ไปก็ไป”

........................

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 9 บอกรัก 6/9/57)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 06-09-2014 12:58:10
 :hao3:  เอิ่ม ถ้าเจย์อิมเมจนี้คงไม่มีอกหักแล้วล่ะ
อาลู่ของเค้า  :mew1:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 9 บอกรัก 6/9/57)
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 07-09-2014 14:48:30
 จากอิมเมจอาร์ทแบ๊วน่ารักมากๆเลย
เจย์ไม่หวั่นไหวบ้างหรอ
อีกเรื่องอ่ะไม่เห็นอัพบ้างเยยตะเอง
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 9 บอกรัก 6/9/57)
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 09-09-2014 18:14:29
ตอนที่ 10 งานเข้า

............

ผมไม่นึกเลยว่าการไปกินเอ็มเคครั้งนี้จะสนุกอย่างที่ไม่เคยสนุกมาก่อน เพราะแบมเป็นคนเปิดประเด็นเรื่องนิยายที่ผมแต่งได้วางแผงขายตามร้านหนังสือทั่วไป ซึ่งทำเอาพี่ออยกับพี่เจย์ถึงกับหูผึ่งพูดถามผมยกใหญ่

“หนังสือที่น้องเขียนเป็นแนวอะไรหรือ” คำถามนี้เป็นพี่ออยถาม

“แนวแฟนตาซีกับแนวรักครับ”

“แล้วหนังสือที่เขียนนี่ได้วางแผงไปกี่เรื่องแล้ว” คราวนี้เป็นพี่เจย์ถามบ้าง

“ก็ประมาณห้าเรื่องได้แล้วครับ”

“เก่งเหมือนกันนี่ ถ้างั้นพวกพี่ขอลายเซ็นได้ป่ะ” พี่ออยถาม

“กะ…ก็ได้ฮะ” ผมตอบพลางเซ็นลายเซ็นลงบนกระดาษที่พวกพี่ออยยื่นให้มา หลังจากนั้นผมก็ถูกถามอีกหลายคำถามจนกระทั่งอาหารในหม้อไฟหมด “ขอบคุณที่เลี้ยงนะครับ”

ผมไม่ลืมที่จะขอบคุณพวกเขา เพราะพ่อแม่สอนมาว่าใครทำอะไรดีกับเรา ให้เราพูดขอบคุณกับเขา

“ไม่เป็นไร เรื่องแค่นี้เอง” พี่ออยตอบก่อนจะหันไปหาพี่เจย์ “เฮ้ย คืนนี้มึงจะเข้าไปผับเล่นดนตรีไหม”

“ไปสิ มึงจะถามทำไมวะ”

“คือแบมอยากจะไปดูพี่เจย์เล่นดนตรีนะฮะ ก็เลยขอให้พี่ออยพาผมไปดูด้วย” แบมบอกก่อนจะหันมาหาผม “อาร์ทไปด้วยกันไหม ไปดูพี่เจย์เล่นดนตรีที่ผับคืนนี้อ่ะ”

“ไม่ล่ะแบม ฉันต้องกลับไปเขียนนิยายต่อนะ” ผมรีบบอกปฏิเสธทันที

“วันๆเอาแต่แต่งนิยาย ออกไปข้างนอกบ้างก็ได้นะอาร์ท”

“แต่ฉันต้องเขียนนิยายนะแบม”

“ลองพักซักหน่อยจะเป็นอะไรล่ะ” พี่ออยเสริมก่อนจะพูดต่อ “เปิดหูเปิดตาดูโลกภายนอก ว่าเขาไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ดีไม่ดีน้องอาจจะได้ไอเดียกลับไปแต่งนิยายของน้องก็เป็นไปได้นะ”

“นั่นสิอาร์ท ไปด้วยกันเถอะนะ” แบมพูดเสียงอ้อน ทำเอาผมได้แต่ถอนหายใจ

“ก็ได้ ไปก็ไป” ชีวิตนี้ผมไม่เคยปฏิเสธแบมได้เลยซักครั้ง เฮ้อ แล้วหลังจากนั้นพวกพี่ก็นัดเวลากันว่าจะมารับผมที่หอพักตอนหกโมงเย็นก่อนจะแยกย้ายกันไป พอถึงเวลาที่นัดไว้ แบมกับพี่ออยก็ขับรถมารับผมที่หอ ส่วนพี่เจย์นั้นเขาขับรถไปล่วงหน้าก่อนแล้ว พอไปถึงผับแล้ว ในขณะที่พวกผมกำลังจะเดินเข้าไปนั้นผมก็โดนพี่พนักงานเฝ้าประตูเรียกไว้ซะก่อน

“เฮ้น้อง อายุยังไม่ถึงนะ เข้าผับไม่ได้”

เวรล่ะ เห็นเราหน้าอ่อนขนาดนั้นเลยเชียวรึ!

ทั้งพี่ออยทั้งแบมต่างหัวเราะผมอย่างขำๆเมื่อเห็นผมโดนห้ามไม่ให้เข้า ทำเอาผมแทบบ้า สุดท้ายแล้วพี่ออยกับแบมก็ช่วยพูดแก้ต่างให้กับผม แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่แน่ใจอยู่ดี ผมจึงตัดปัญหาโดยการหยิบบัตรประชาชนให้มันดูซะสิ้นเรื่อง ซึ่งทำเอาพี่พนักงานถึงกับหน้าเหวอ

“หน้าเด็กแบบนี้ไปไหนลำบากเหมือนกันไม่ใช่น้อยนะเรา” พี่ออยพูดแซวในขณะที่ผมได้แต่หน้าบึ้ง

“ดีนะที่ผมไม่หน้าเด็ก ไม่งั้นคงเข้าผับลำบาก” แบมพูดเข้าข้างตัวเอง ทำเอาพี่ออยหันไปหยิกแก้มเบาๆ

“ได้ข่าวว่าเมื่อปีก่อนโดนเรียกตรวจบัตรประชาชนไม่ใช่รึไงครับ”

“โธ่พี่ออย ไม่เข้าข้างกันบ้างเลยนะ” แบมพูดเสียงเง้างอน ทำเอาผมกับพี่ออยหัวเราะอย่างขำๆ แล้วพี่ออยก็พาผมกับแบมไปนั่งยังโต๊ะหนึ่งซึ่งห่างจากเวทีพอสมควร (เห็นพี่ออยบอกว่าไม่ชอบนั่งที่มีคนเยอะๆ ก็เลยมานั่งห่างเวทีอย่างที่เห็น) แต่ถึงกระนั้นพวกผมก็สามารถมองเห็นพี่เจย์ที่กำลังเทสกีต้าร์ได้ชัดเจนอยู่ดี “ตั้งใจฟังพี่แกให้ดีล่ะอาร์ท เพราะพี่เจย์เป็นพวกร้องเพลงเก่ง โดยเฉพาะกีต้าร์เรียกขั้นเทพได้เลย”

ขั้นเทพ? มันไปติดภาษาแชทของพวกเด็กเกรียนไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เท่าที่จำได้แค่เปิดคอมพิวเตอร์ก็ยังเปิดไม่เป็นเลยนะ

“ใช่แล้ว เสียงดีถึงขนาดพี่เป้เจ้าของผับนี้ยอมยกนิ้วให้เลยนะ” พี่ออยบอกพลางหยิบเหล้าที่เด็กเสิร์ฟมาให้เมื่อครู่นี้รินใส่แก้วตัวเอง ก่อนจะรินให้แบมกับผมตามหลัง “แต่วันนี้น้องอาร์ทต้องทนฟังหน่อยนะ เพราะช่วงนี้มันเอาแต่เล่นเพลงเศร้าๆ”

“ไม่เป็นไรครับพี่ออย ผมฟังได้หมดแหละ” ผมรับปากแต่ในใจคิดถึงคนชื่อพีช สงสัยคนนั้นคงจะไปหักอกพี่เจย์เข้ากระมัง พี่เจย์ถึงได้เอาแต่ร้องเพลงเศร้าตามที่พี่ออยพูดไว้ หลังจากนั่งมองบรรยากาศผับไปซักพัก เสียงดนตรีก็เริ่มดังขึ้น ก่อนจะตามด้วยเสียงของพี่เจย์ที่เริ่มร้องตามมา...

ไม่ทราบมันเป็นไร ไม่รู้ว่ามาไง

อาการรักเธอ

ก็รู้มีคนจอง ยังมาไปยืนมอง

ตกเย็นก็เพ้อ

ยิ้มให้เมื่อเจอกัน เผื่อฟลุ๊กไปวันๆ

ไม่กล้าขอเบอร์

ก็รู้เธอมีแฟน

ไม่ได้จะไปแทนที่คนของเธอ


ผมฟังแล้วรู้สึกแปลกในใจอย่างบอกไม่ถูก รู้แต่ว่าพี่เจย์ร้องเพลงเพราะกับดีดกีต้าร์เก่งมากพอสมควร แต่เท่าที่สังเกตผมเห็นพี่เจย์ดื่มเหล้าไปดีดกีต้าร์ไปด้วย

“พี่ออยฮะ ผมว่าพี่เจย์เขาดื่มมากเกินไปแล้วนะฮะ” ผมหันไปบอกพี่ออยด้วยความหวังดี

“ไม่เป็นไร ปล่อยเขาดื่มไป” พี่ออยตอบในขณะที่ยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ ส่วนแบมเองก็นั่งแทะถั่วเล่นไปพลางๆ “มันเป็นของมันอยู่อย่างนี้มาหลายวันแล้ว น้องไม่ต้องเป็นห่วงมันหรอก”

“แต่ผมกลัวว่าพี่เขาจะร้องเพลงผิดคีย์”

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ถ้ามันมึนจนไม่รู้เรื่อง เดี๋ยวมันก็หยุดเล่นไปเองแหละ” พี่ออยปากพูดไปแบบนั้น แต่ถ้าสังเกตดูดีๆผมเห็นพี่แกจ้องเพื่อนอยู่เกือบตลอดเวลา เวลาผ่านไปได้สองชั่วโมง จากที่เคยกรึ่มๆ ตอนนี้ผมเมาแล้วครับ มัวแต่มองพี่เจย์ร้องเพลงก็เลยเผลอดื่มมากไปหน่อย “น้องอาร์ทดื่มมากไปแล้วนะครับ พอแค่นี้เถอะ”

พี่ออยบอกพลางคว้าแก้วเหล้าออกจากมือของผม

“ฮะๆ มันเพิ่งจะดื่มเป็นครั้งแรกก็งี้แหละพี่ออย” แบมพูดไปหัวเราะไปพลาง ซึ่งทำเอาผมหน้าหงิก “ป่ะกลับกันเถอะอาร์ท”

แบมเอ่ยปากชวนเมื่อเห็นพี่เจย์เลิกร้องเพลงแล้ว ซึ่งผมก็ลุกขึ้นเดินตามแบมแต่ก็เซไปเซมาจนแบมต้องพยุงผมเดินไปด้วยพร้อมกัน

“สงสัยจะกลับหอพักไม่ไหวซะแล้วมั้งแบม เมาซะขนาดนี้นะ” พี่ออยบอกเมื่อเห็นสภาพของผม ก่อนจะหันไปมองพี่เจย์ซึ่งเดินโซซัดโซเซมาทางพวกเรา “อ้าว แล้วมึงจะขับกลับไหวไหมนั่นไอ้เจย์ ไปนอนพักบ้านกูก่อนไหม”

พี่เจย์พยักหน้าตอบ แล้วแบมก็พาผมขึ้นรถของพี่เจย์ ส่วนพี่ออยก็พาพี่เจย์ขึ้นรถของตัวเองก่อนจะขับกลับบ้านพี่ออย

มารู้สึกตัวอีกที ผมก็รู้สึกถึงความเย็นของแอร์ทำเอาผมรู้สึกปวดท้องฉี่ จึงลุกขึ้นนั่งท่ามกลางความมืด โชคดีที่หน้าต่างเปิดไว้ ทำให้แสงจันทร์สอดส่องมาแลเห็นห้องนอนออกโทนสีเขียวขาว พอหันไปข้างตัวเองก็พบแบมนอนหลับในชุดนอนหลับตาพริ้มอยู่

แล้วพี่ออยกับพี่เจย์ล่ะ?

ผมมุ่นคิ้วครุ่นคิดในใจอย่างสงสัย เพราะจำได้ว่าพวกผมมาบ้านหลังนี้พร้อมกัน แต่ก็เดาได้ว่าพวกพี่เขาคงจะไปนอนห้องอื่น ก็เลยให้ผมกับแบมนอนที่ห้องนี้แทน

“แบม แบม ห้องน้ำอยู่ตรงไหนเหรอ” ผมหันไปสะกิดเพื่อนที่นอนหลับอยู่

“อือ...อยู่ชั้นล่าง...ใกล้ทางออกบ้านนะ”

แบมบอกเสียงงัวเงียก่อนจะหลับต่อ แล้วผมก็ลงจากเตียงพลางเดินออกนอกห้องไป โชคดีที่ตามระเบียงห้องมีแสงไฟจากโคมตามผนังเป็นระยะๆ เลยทำให้ไม่ค่อยมืดซักเท่าไหร่ พอลงไปชั้นล่างผมก็พบว่าที่ห้องครัวมีแสงไฟจากหลอดนีออนยังติดอยู่ จึงหวังดีเข้าไปปิดให้เรียบร้อยก่อนจะเดินเข้าไปห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัว พอเสร็จแล้วผมก็เดินออกมา แต่อยู่ๆท้องก็เกิดร้องขึ้นมา ทำเอาผมต้องแวะเข้าไปในครัวเพื่อหานมมาดื่มรองท้องแทน

ว่าแต่มันจะมีนมในตู้เย็นบ้างหรือเปล่าเนี่ย?

ผมครุ่นคิดในใจอย่างสงสัย เพราะที่นี่ไม่ใช่บ้านของตัวเอง ในขณะที่ผมกำลังจะเดินไปเปิดสวิตซ์ไฟอีกครั้ง กลับมีมือหนาเข้ามาคว้าเอวกอดผมจากด้านหลังเอาไว้ ซึ่งทำเอาผมถึงกับสะดุ้งเฮือก

“เอ่อ นั่นใครนะ?” ผมถามอย่างโง่ๆ ในใจก็กลัวว่าจะเป็นพี่ออย เพราะถ้าใช่จริง ก็เกรงว่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด ยังไม่ทันที่ผมจะได้เอ่ยปากพูด มือหนาก็สอดเข้ามาในเสื้อของผม ทำเอาผมสะดุ้งเฮือกเป็นรอบที่สอง “พะ...พะ...พี่...ผม...ผม...ไม่...ใช่...บะ…อ๊ะ...อย่า...อือ”

ผมร้องครางออกมาด้วยความเสียวเมื่อถูกมือหนาลูบไล้ยอดอก ทำให้ผมรีบจับมือนั้นอย่างเร็ว แทนที่อีกฝ่ายจะหยุดมือ กลับบีบคางผมให้เชิดหน้าขึ้นพลางสอดนิ้วชี้ตัวเองเข้ามาที่ปากของผม ก่อนจะนัวเนียกับลิ้นเล็กของผมอย่างมัวมัน

“อืมมมม อือออ” ให้ตายสิ นี่ผมควบคุมตัวเองไม่ได้เลย ซึ่งเวลาผ่านไปได้ไม่นานนัก ขาผมก็อ่อนระทวยอย่างหมดเรี่ยวแรง ร่างสูงไม่รอช้ากลับอุ้มผมพาดบ่าออกเดินทันที “ดะ...ดะ...เดี๋ยว...ผมว่ามีการเข้าใจผิดนะ โอ้ย!”

ผมถูกอีกฝ่ายเหวี่ยงลงบนโซฟา ซึ่งเป็นห้องรับแขกที่อยู่ถัดไปจากห้องครัว ด้วยความมืดไร้แสงไฟทำให้ผมไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายได้เลยแม้แต่น้อย พอผมถูกเหวี่ยงลงบนโซฟาแล้ว ผมก็รีบลุกขึ้นนั่งทันทีแต่ก็มิวายโดนมือหนาผลักให้ลงไปนอนอีกครั้ง ก่อนที่อีกฝ่ายจะตามลงมานั่งคร่อมผม

“ดะ...เดี๋ยว...นี่คิดจะทำอะไรผมนะ” ผมร้องถามด้วยความสงสัย แต่อีกฝ่ายไม่ตอบ กลับดึงเสื้อผมขึ้นมามัดมือผมทั้งสองข้างอย่างรวดเร็วชนิดที่ผมแทบตั้งตัวไม่ทัน “ปล่อยผม...อือออ”

ผมยังพูดไม่ทันจบ ก็โดนอีกฝ่ายจูบทันที แถมยังสอดลิ้นเข้ามาเล่นลิ้นกับผมอีกด้วย ซึ่งทำให้ผมได้กลิ่นของแอลกอฮอล์ได้เป็นอย่างดี ผมโดนอีกฝ่ายใช้ลิ้นตวัดไปมาอยู่นานก็รู้สึกขาดอากาศหายใจจึงดิ้นพล่านไปมา ซึ่งทำให้ร่างสูงยอมผละออกมาแต่โดยดี

“แฮ่กๆ อื้อ!” ผมสูดอากาศไปได้ไม่นาน ก็โดนอีกฝ่ายจูบอีกครั้ง ก่อนจะตามด้วยมือหนาเข้ามาลูบไล้บนยอดอก ซึ่งทำเอาผมถึงกับร้องครางทันที “อือออออ”

อีกฝ่ายจูบผมไม่นานนักก็หยุดมือ ก่อนจะผละริมฝีปากออกมา ซึ่งทำให้ผมเห็นใบหน้าอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน

พี่เจย์?!

“ฉันชอบนายนะ...” คำสารภาพรักดังเปรี้ยงลงมา ทำเอาผมแทบช็อคตาตั้ง “...มาเป็นของฉันเถอะพีช”

“ไม่นะพี่เจย์ ผมไม่ใช่พีช ผม...อื้อ!” คำพูดของผมถูกกลืนหายลงไปในคอเมื่อถูกอีกฝ่ายจูบ ซึ่งหลังจากนั้นไม่ต้องบอกให้รู้ว่าผมโดนพี่เจย์ทำอะไรต่อมิอะไรโดยที่ผมไม่สามารถขัดขืนเลยได้แม้แต่น้อย...

ผมมารู้สึกตัวอีกทีก็ถูกมือหนารวบเอวเอาไว้ ทีแรกก็มึนงงว่าทำไมถึงมาอยู่ที่โซฟานี่ได้ แต่พอขยับตัวนิดหน่อยก็รู้สึกเจ็บปวดแถวท้องน้อยไปหมด ทำเอาผมนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนวานได้ทันที

ผมโดนพี่เจย์ข่มขืน!

พอคิดได้ดังนั้นน้ำตาก็พาลไหลลงอาบแก้ม ทำไมผมต้องมาโดนแบบนี้ด้วย ไม่เข้าใจเลยจริงๆ โชคดีที่มือของผมถูกคลายออกแล้ว จึงรีบดันแขนของพี่เจย์ที่นอนเปลือยกายครึ่งท่อนโอบกอดเอวผมอยู่ออก ก่อนจะก้าวเท้าลงจากโซฟา

แปลบ!

ความเจ็บปวดแถวสะโพกแล่นเข้ามา ทำเอาผมเกือบจะล้มหน้าทิ่มไป แล้วผมก็รีบควานหากางเกงของตัวเองก่อนจะรีบสวมใส่อย่างรวดเร็ว แต่ในขณะที่สวมกางเกงอยู่ ผมกลับต้องชะงักเมื่อเห็นสายตาของใครบางคนที่ยืนมองผมอยู่ทางเข้าของห้องรับแขก ซึ่งเป็นใครไม่ได้เลยนอกเสียจากแบม

“อาร์ท” แบมร้องเรียกชื่อผมด้วยสายตาตกตะลึงเมื่อเห็นสภาพของผม “มันเกิด…อะไรขึ้นกับนาย”

พอแบมพูดจบ ผมก็โผเข้าไปกอดแบมร้องไห้เสียงสะอื้นทันที

“แบม ฮือๆ”

“อาร์ท พี่เจย์ข่ม…” ดูท่าแบมจะเห็นพี่เจย์แล้ว

“ขอร้องล่ะแบม อย่าถามอะไรฉันอีกเลย” ผมเม้มปากพูดขัดทันที เพราะแค่นี้ผมก็เจ็บใจจะแย่อยู่แล้ว “พาฉันออกไปจากที่นี่ทีแบม ฉันไม่อยากอยู่อีกแล้ว ฮือๆ”

แค่วินาทีเดียวก็ไม่อยากจะอยู่…

เจ็บเหลือเกิน…


“อือ ได้สิอาร์ท”

แบมพูดตอบผม ก็รีบพยุงผมออกไปจากบ้านโดยไม่ถามอะไรผมซักคำเดียว

.............................

Trr… Trr…

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ทำเอาผมควานหามือถือไปมาแต่ก็ไม่พบ ครั้นพอลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกำลังนอนเปลือยกายท่อนบนอยู่บนโซฟาท่ามกลางห้องรับแขก

นี่เรามานอนที่นี่ได้ยังไงหว่า?

เมื่อคิดได้ดังนั้นก็มองหามือถือของตัวเอง พอเจอแล้วก็รีบกดรับสายทันที

“ครับแม่….เอ่อผมขอโทษที่ไม่ได้โทรบอก ครับ ตอนนี้นอนพักบ้านออยอยู่ครับ ครับ เดี๋ยวสายๆจะกลับไป แค่นี้นะครับ” ผมพูดก่อนจะวางสายไป แล้วทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้เป็นพีชที่โทรมาหาผม ทำให้ผมรีบรับสายทันที “เอ่อ ฉันขอโทษนะพีช พอดีเมื่อคืนไปดื่มเหล้ากับเพื่อนมานะ อือ เดี๋ยวบ่ายๆจะกลับไปทำงานแน่ ไม่ต้องห่วง อืม งั้นแค่นี้นะ”

แล้วผมก็วางสายก่อนจะยัดมือถือเข้ากระเป๋ากางเกง แต่แล้วก็ชะงักเมื่อเห็นตัวเองไม่ได้รูดซิปกางเกง

ให้ตายสิ นี่เราเมามากจนลืมรูดซิปหรือเนี่ย?

ครั้นพอรูดซิป ผมกลับสังเกตเห็นโซฟามีรอยคราบสีขาวกับเลือดเป็นด่างด้วงขึ้นอยู่ประปราย ยังไม่ทันที่ผมจะได้สงสัยที่มาของมัน เสียงฝีเท้าก็วิ่งมาทางนี้ ทำเอาผมละสายตาหันไปมองเจ้าของต้นเสียง ก่อนจะเห็นออยยืนหอบหายใจอยู่หน้าประตูทางเข้าห้องรับแขก

“ไงออย วิ่งออกกำลังกายแต่เช้าเลยรึ” ผมถามอย่างสงสัย ซึ่งอีกฝ่ายยังไม่ตอบ กลับเหลียวซ้ายแลขวาก่อนจะหันมามองผมอีกครั้ง

“มึงเห็นแบมกับอาร์ทหรือเปล่าวะ”

“เปล่าวะ กูนอนอยู่นี่ยังไม่เห็นใครเลย เอ้อ มึงลองโทรเข้าเครื่องน้องแบมดูสิ”

พอผมพูดจบ อีกฝ่ายก็โทรเช็คทันที ซึ่งไม่นานนักแบมก็รับสายออย

“ไปไหนไม่บอกพี่เลยนะแบม...อะไรนะ...อยู่หอพักอาร์ทแล้วรึ...จะอยู่กับอาร์ทซักคืน...ได้...แล้วพรุ่งนี้พี่จะไปรับ”

“น้องแบมว่ายังไงบ้างไอ้ออย” ผมถามอย่างสงสัยหลังจากออยวางสายไปแล้ว

“ก็เห็นว่าจะอยู่พักค้างหอพักน้องอาร์ทซักคืน แม่งเอ้ย นึกอยากจะไปก็ไป เฮ้อ ไม่เห็นหัวกูบ้างเลย” ออยพูดพลางถอนหายใจแรงๆ “ว่าแต่มึงเหอะ ไม่รีบไปทำงานรึไง เดี๋ยวพีชมันก็โทรตามจิกเอาหรอก”

“เรื่องนั้นพีชโทรมาหาแล้ว กูบอกว่าจะไปตอนบ่ายนะ เอ้อ เดี๋ยวกูขอตัวกลับก่อนนะไอ้ออย เพราะต้องไปดูพ่อกับแม่ที่หอซะก่อน ป่านนี้คงเป็นห่วงแย่แล้วล่ะ” ผมบอกพลางลุกขึ้นยืน ก่อนจะหยิบเสื้อของตัวเองขึ้นมาสวมใส่

“เออๆ ไปดีมาดีแล้วกัน”

...........

หลังจากแบมขับรถพาผมกลับมาที่หอพักแล้ว ผมก็ตรงดิ่งเข้าไปห้องน้ำทันที เมื่อเข้าห้องน้ำ ผมก็รีบเปิดฝักบัวก่อนจะอาบน้ำไปทั้งเสื้อผ้าโดยไม่ห่วงว่ามันจะเปียก เพราะว่าตอนนี้ผมมีเรื่องที่จะต้องให้คิดมากกว่า

เจ็บใจที่โดนย่ำยีเพราะเห็นเป็นตัวแทนของคนๆนั้น...

“ฉันชอบนายนะ...”

“...มาเป็นของฉันเถอะพีช”


พอคิดได้ดังนั้นน้ำตาก็พลันไหลอาบแก้มอีกครั้ง ก่อนจะไหลไปกับสายน้ำของฝักบัว ซึ่งผมยืนพิงหัวกับกำแพงนิ่งอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งได้ยินเสียงแบมเคาะประตูเรียกผมอย่างเอาเป็นเอาตาย

“อาร์ทอย่าคิดสั้นนะ! นายยังมีฉันมีพ่อมีแม่มีพี่ชายอยู่ทั้งคนนะ” ดูท่าแบมคิดว่าผมเข้ามาในห้องน้ำเพื่อจะฆ่าตัวตายซะแล้วสิ ถึงได้เคาะประตูเรียกผมเสียงดังโครมๆ “อาร์ท ตอบฉันสิ อาร์ท”

ผมทนเสียงเรียกไม่ไหว จึงหมุนปิดก๊อกน้ำฝักบัวก่อนจะเดินกลับไปเปิดประตูห้องน้ำ แลเห็นใบหน้าของแบมที่ดูเป็นห่วงผมจ้องอย่างไม่กระพริบตา

“ฉันไม่เป็นไร ฉันสบายดี” ผมตอบสั้นๆ ซึ่งทำเอาอีกฝ่ายถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“ทีหลังก็อย่าเข้าไปนานนักสิ ฉันเป็นห่วงนายนะอาร์ท”

“อืม ขอบใจที่เป็นห่วงนะแบม” แล้วอีกฝ่ายก็ไล่ผมให้กลับเข้าไปอาบน้ำ โดยกำชับกับผมว่าห้ามอาบน้ำนานจนเกินไป ซึ่งผมก็ใช้เวลาอาบน้ำไม่นานนัก ก็เดินออกมาข้างนอกก่อนจะเห็นแบมทำท่าสะดุ้งตกใจ “ทำอะไรอยู่เหรอแบม”

“อ้อ เปล่า ไม่มีอะไร นายเองก็รีบไปใส่เสื้อผ้าซะสิ เดี๋ยวจะไม่สบายเอาได้นะ”

“อืม” ผมตอบสั้นๆ เมื่อใส่เสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมก็เดินขึ้นไปนอนบนเตียงอย่างหมดแรง

“นายนอนหลับรอไปก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะทำข้าวต้มให้” แบมพูดอย่างเอาใจ ซึ่งผมพยักหน้าตอบก่อนที่แบมจะลุกขึ้นไปทำข้าวต้มโดยใช้เตาไมโครเวฟที่ห้องผม ไม่นานนักข้าวต้มก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว แบมก็เรียกผมให้ลุกขึ้นมานั่งทานด้วยกัน ซึ่งบอกตามตรงว่าผมรู้สึกทานไม่ค่อยลง จึงทานไปได้หน่อยเดียว “ทานอีกหน่อยสิอาร์ท”

“ไม่ล่ะ แค่นี้ก็พอ” ผมบอกอย่างผะอืดผะอม ซึ่งแบมก็ไม่ได้ว่าอะไร ก่อนจะส่งยาแก้อักเสบกับแก้ปวดให้ผมกิน

“เรื่องนี้นายจะ...” แบมพูดด้วยความลังเลใจ พลางมองผมที่กำลังดื่มน้ำอยู่ “...ให้ฉันบอกพี่ออยไหม”

“ไม่ต้อง ปิดมันไว้อย่างนี้แหละ ห้ามนายพูดหรือบอกใครเด็ดขาด” ผมเม้มปากตอบ ทำเอาแบมถึงกับร้องอ้าว

“ทำไมล่ะอาร์ท ทำไมต้องปิดไว้ด้วย พี่เจย์ทำกับนายถึงขนาดนี้แล้ว ทำไมนายถึงยัง...”

“ฉันอยากให้มันจบแค่นี้แบม” ผมพูดขัดทันที มือที่จับแก้วสั่นระริกระรี้ “อย่าไปพูดถึงมันอีกเลย แล้วอีกอย่างพี่เจย์เขาก็แค่เมา ไม่รู้เรื่องว่าตัวเองทำอะไรลงไปหรอก”

“แล้วนายจะให้ฉันยอมได้ยังไงในเมื่อพี่เขาทำกับนายแบบนี้ห๊ะ” แบมย้อนอย่างหัวเสีย

“ก็ไม่ต้องทำอะไร ปล่อยให้มันเงียบไปแบบนี้แหละ ดีแล้วฮะๆ เพราะยังไงฉันก็เป็นผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิง ไม่ต้องห่วงเรื่องจะท้องหรอก ฮะๆ” ผมพูดไปฝืนหัวเราะไปพลาง ทั้งที่ในใจเจ็บปวดแทบเจียนตาย

“นายแน่ใจนะว่าจะไม่ให้ฉันบอกใครนะ” อีกฝ่ายถามผมอีกครั้งอย่างเป็นกังวล

“แน่ใจสิ” ผมตอบพลางถอนหายใจแรงๆ “ไม่ต้องห่วงฉันหรอกแบม เพราะอีกไม่นานฉันก็จะลืมมันไปได้เอง”

จะลืมมันไปได้แน่หรือ?...

ผมครุ่นคิดในใจ แล้วหลังจากนั้นแบมก็ขอนอนค้างกับผมด้วยหนึ่งวัน เพราะกลัวว่าคืนนี้ผมจะไม่สบายเอาได้

...................

 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 10 งานเข้า 9/9/57)
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 09-09-2014 18:37:16
เจย์ ลื้อทำอารายลงปายยยย เมาแล้วชอบจับกดเหรอ?

สงสารอาร์ทเลยงานนี้ เจย์จะระลึกชาติจำความเองได้ไหมนะ?
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 10 งานเข้า 9/9/57)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 09-09-2014 18:41:31
 :katai1: Jay แกทำงี้ได้ไง
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 10 งานเข้า 9/9/57)
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 14-09-2014 07:33:54
ตอนที่ 11 เจ็บปวด

......................

เช้าวันถัดมา ผมลุกขึ้นตื่นนอนแต่เช้าก่อนจะหันมาปลุกร่างสูงที่นอนกอดเอวผมอยู่ข้างกาย

“อเล็กซ์เช้าแล้วนะ ตื่นได้แล้ว” ร่างสูงลืมตาขึ้นมองผม ก่อนจะขยับหน้ามาหอมแก้มผมได้อย่างหน้าตาเฉย ซึ่งทำเอาผมถึงกับหน้าร้อนผ่าว “พอๆเลย ลูกพีชจะไปเปิดร้าน เมื่อวานก็ปิดไปหนึ่งวันแล้วด้วย”

“ปิดอีกวันไม่ได้เหรอครับเมีย” ดูเขาพูดสิครับ ถ้าพูดคำว่าเมียเมื่อไหร่ แสดงว่ากำลังอยู่ในโหมดอ้อนอยู่

“ไม่ได้ ปิดบ่อยเจ๊งหมดกันพอดี” ผมตอบพลางจับแขนร่างหนาให้ออกจากเอว ก่อนจะลุกขึ้นเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ เมื่อเรียบร้อยแล้วก็เดินกลับออกมา เห็นร่างสูงนั่งหน้าบูดบนเตียง ดูท่าจะงอนผมเอามากพอสมควร ผมเห็นดังนั้นจึงเข้าไปนั่งใกล้ๆ “อย่างอนสิอเล็กซ์ ลูกพีชก็แค่กลัวลูกค้าจะหนีนะ”

พอผมพูดจบ ร่างสูงถึงกับหันหน้าหนี เอ้า จะงอนไปถึงไหนกันละครับคุณพี่ ยิ่งง้อคนไม่ค่อยจะเป็นซะด้วย ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยๆ พลางลุกขึ้นไปนั่งตักร่างสูงก่อนจะเอามือทั้งสองข้างคล้องคออีกฝ่ายทันที

จุ๊บ!

ผมหอมแก้มร่างสูงหนึ่งที ซึ่งทำเอาร่างสูงถึงกับหันขวับมามอง

“งอนมากระวังแก่เร็วนะคิกๆ” ผมหัวเราะ แต่ก็ต้องผงะเมื่อโดนร่างสูงจูบปากคืน แถมเอามือสอดเข้ามาในเสื้อลูบไล้หน้าท้องจนผมต้องรีบห้าม “อ๊ะ ไม่ได้นะอเล็กซ์ ลูกพีชต้องไป อือออ ต้องไปเปิดร้านก่อน”

“เปิดร้านสายซักวันหน่อยจะเป็นไรครับเมีย น่านะ ขอตอนเช้าซักสองยกได้ไหมครับ”

ดูพูดเข้าสิ เอาแต่ใจจริงๆ

“มะ…มะไม่…ได้หรอกอะ…อเล็กซ์” ผมตอบเสียงสั่นเมื่อร่างหนาลูบไล้ยอดอกผม ซึ่งทำเอาผมรู้สึกเสียว “ขืนทำแบบนั้น…ลูก…ลูกพีชก็…เหนื่อยแย่”

“งั้นเอาแค่ครั้งเดียวนะครับเมีย” คำก็เมีย สองคำก็เมีย ให้ตายสิ นี่จะอ้อนกันไปถึงไหน

“กะ…กะ…ก็ได้” ผมตอบเสียงสั่น หน้าร้อนผ่าว “คะ…แค่ครั้งเดียวนะ”

“ครับผม แค่ครั้งเดียว” พูดจบผมก็โดนร่างสูงอุ้มลงไปนอนที่เตียงทันที แต่ครั้งเดียวของอเล็กเซย์นี้ล่อเอาซะเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็ม หลังจากนั้นผมก็รีบเข้าไปอาบน้ำเป็นครั้งที่สองก่อนจะลงมาเปิดประตู ซึ่งน่าแปลกที่เจย์ไม่ยอมมาทำงานเลยซักที ทำให้ผมต้องโทรไปตามมันมา ผลปรากฏว่าเจย์ขอหยุดครึ่งวันครับ เพราะมันบอกว่าเมื่อคืนไปดื่มเหล้ากับเพื่อนหนักไปหน่อย ก็เลยทำให้วันนี้ตื่นสาย “งั้นผมไปทำงานก่อนนะครับลูกพีช”

อเล็กเซย์หันมาบอกในขณะที่ผมกำลังจัดร้าน

“อืม ไปดีมาดีนะ” ผมตอบ แต่ร่างสูงกลับไม่ยอมไปซักที ทำเอาผมต้องหันมาถามอย่างสงสัย “รออะไรอยู่ล่ะ ยังไม่รีบไปทำงานอีก”

“จูบผมหน่อยสิ”

“ห๊ะ?!”

“ก็ผมกำลังจะออกไปทำงาน คุณเป็นเมียผมก็ช่วยจูบให้กำลังใจผมบ้างสิครับ” คำพูดของอเล็กเซย์ทำเอาผมถึงกับหน้าแดง

“จูบเจิบอะไรกัน ไม่ต้องหรอกมั้งลูกพีชว่า” ผมตอบพลางหันหน้าหนีด้วยความเขินอาย นี่ยังดีนะที่ยังเช้าอยู่ ก็เลยยังไม่มีลูกค้าเข้ามาในร้าน แต่ร่างสูงหาได้ยอมไม่ กลับคว้าแขนผมขึ้นมาหอมมือผมซะงั้น

“นะครับที่รัก ขอซักหน่อยก็ยังดี” ไม่เพียงพูดอย่างเดียว กลับจ้องผมจนผมแทบจะละลายไปตรงนั้น

“ก็ได้ ลูกพีชยอมแล้ว” ผมตอบอย่างเขินอาย “แต่อเล็กซ์ต้องหลับตาก่อน ไม่งั้นลูกพีชไม่จูบด้วย”

“ได้ครับ เพื่อลูกพีช ผมทำได้อยู่แล้วครับ”

ว่าแล้วร่างสูงก็หลับตาทันที ทำเอาผมกลืนน้ำลายมองอเล็กเซย์อย่างยากลำบาก ซึ่งผมรีบหันซ้ายหันขวามองดูจังหวะ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครเข้ามาในร้านแล้วก็ยื่นหน้าเข้าไปเพื่อจูบที่ริมฝีปาก แต่ยังไม่ทันจะได้จูบลงไป มือหนากลับรั้งต้นคอผมให้เข้าไปใกล้ ทำเอาริมฝีปากของผมปะทะกับริมฝีปากของอเล็กเซย์ทันที

“อื้ออออ” ทั้งกดทั้งเบียดจนผมได้แต่ร้องครางด้วยความเสียว ซึ่งอีกฝ่ายจูบผมได้ไม่นานนักก็ผละริมฝีปากออกมา ทำให้ผมถึงกับหอบหายใจแรงเพราะขาดอากาศหายใจไปนานพอสมควร แถมนอกจากนี้ใจยังเต้นสั่นรัวเป็นกลองจนผมต้องยกมือขึ้นกุมหัวใจตัวเอง “อเล็กซ์ขี้โกง ไหนว่าให้ลูกพีชเป็นคนจูบยังไงล่ะ”

“ก็ลูกพีชทำช้านี่ครับ ผมทนรอไม่ได้ก็เลยจูบคุณแทน” อเล็กเซย์ยิ้มให้ผม ก่อนจะดึงผมมาหอมแก้มเสียงดังฟอดหนึ่งทีโดยไม่ธงไม่ถามสุขภาพซักคำ “ผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับลูกพีช แล้วตอนเย็นเจอกัน”

แล้วร่างสูงก็เดินออกไปขึ้นรถ ก่อนจะขับออกไปอย่างรวดเร็วโดยที่ผมได้แต่ยืนหน้าแดงมองตามอย่างเงียบๆ

.................

“พีช แม่มาหาลูกแล้วนะจ้ะ!”

ในขณะที่ผมกำลังง่วนรดน้ำดอกไม้ในช่วงที่ไม่มีลูกค้าอยู่นั้นก็ได้มีเสียงเรียกผมดังมาจากด้านหลัง ก่อนจะมีใครบางคนเข้ามาสวมกอดผมอย่างรวดเร็ว ทำเอาผมผงะหลังจนฝักบัวในมือเกือบร่วงหลุดมือ

“คุณนี่ทำตัวเป็นเด็กไปได้ อายเด็กมันบ้างสิ” เสียงทุ้มพูดแทรกอย่างหัวเสีย “จะว่าไปร้านดอกไม้ก็ดูดีแต่กว่าก่อนเยอะนะเรา”

แค่นี้ผมก็พอรู้แล้วว่าสองเสียงนี้เป็นใคร

“สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่” ผมหันไปสวัสดีทั้งสองคนหลังจากถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ก่อนจะเหลือบไปเห็นเจย์ ซึ่งมันกำลังเดินหิ้วของพะรุงพะรังตามหลังมา “มากันตั้งแต่เมื่อไหร่ครับเนี่ย ไม่เห็นบอกผมก่อนเลย”

“แม่เขาอยากจะเซอร์ไพรส์เราน่ะไม่มีอะไรมากหรอก” พ่อบอกพลางเดินดูดอกไม้อย่างสนอกสนใจ

“คุณนี่ก็ พูดให้มันน้อยหน่อยก็ได้นะ ฉันอาย” แม่ของเจย์พูดอย่างเคอะเขิน ก่อนจะหันมาทางผม “พีช แม่ได้เอาของชอบมาให้ลูกด้วยนะ เจย์ เอาของมาให้พีชดูด้วยสิ”

“ครับแม่” ร่างสูงตอบก่อนจะเดินถือถุงเข้ามา แล้วผมก็รับมาดู ซึ่งเป็นพวกขนมไทยที่ผมชอบมากที่สุด

“ขอบคุณนะครับแม่ ผมรักแม่ที่สุดเลย” ผมพูดขอบคุณก่อนจะเข้าไปหอมแก้มแม่ของเจย์ ที่ผมเรียกแม่ของเจย์ว่าแม่ก็เพราะพวกเขาให้ผมเรียกแบบนี้เอง แล้วอีกอย่างพวกเขาก็ได้รับผมเป็นลูกบุญธรรมด้วย (ถึงแม้จะใช้นามสกุลเดิมอยู่ก็ตามที) “แล้วพ่อกับแม่ทานอะไรมาแล้วหรือยังครับเนี่ย ผมจะได้เข้าครัวไปทำอาหารมาให้”

ผมถามอย่างสงสัย เพราะนี่ก็เกือบจะเที่ยงวันแล้ว

“โอ้ย ไม่ต้องหรอกลูก พวกพ่อทานมากันเรียบร้อยแล้ว” พ่อเจย์ตอบก่อนจะพูดต่อ “เดี๋ยวเที่ยงวันพ่อกับแม่ก็จะกลับบ้านแล้วล่ะ ว่าแต่เราน่ะ เปิดร้านมาไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม”

“ครับพ่อ ไม่มีปัญหาอะไรเลย”

ผมตอบยิ้มๆ แล้วหลังจากนั้นผมก็ได้คุยสารทุกข์สุกดิบกับพ่อแม่เจย์อยู่เกือบครึ่งค่อนชั่วโมง ก่อนจะยืนส่งพวกท่านกลับไปท่ารถมีเจย์ขับรถไปส่ง เมื่อพวกท่านไปแล้วผมก็เดินกลับเข้ามาในร้าน กะว่าจะจัดร้านต่อ ซึ่งยังไม่ทันที่จะได้เข้าไปในร้าน อยู่ๆก็มีของแข็งมากระแทกหัวผมอย่างแรง ทำเอาผมถึงกับทรุดลงไปนอนกับพื้นทันที

“พังร้านให้หมดเลยพวกเรา!” เสียงคนตะโกนดังลั่น ก่อนต้นเสียงนั้นจะหันมากระทืบผมต่อ

ตุบ! ผัวะ! ตุบ! ผัวะ!

“อั่ก! อ็อก!” ผมถึงกับจุกเมื่อถูกอีกฝ่ายเตะเข้าที่ท้องอยู่หลายที ก่อนจะถูกอีกฝ่ายดึงเส้นผมให้เงยหน้าขึ้น

“แม่งหน้าสวยงี้ชักอยากเอาไปทำเป็นเมียแล้ววะ” มันแสยะยิ้มพูดพลางใช้มือลูบไล้ใบหน้าของผม ทำเอาผมรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา

อเล็กซ์ช่วยด้วย…

“เฮ้ยมึงอย่านะเว้ย นายหญิงสั่งให้ทำร้ายร่างกายกับพังร้านมันเท่านั้น” อีกหนึ่งในนั้นหันมาบอกมัน ก่อนจะเดินเข้ามาหาผมท่ามกลางเสียงชุลมุนของชาวบ้านที่แตกตื่น พอมันมาถึงก็นั่งลงยองพลางชักมีดขึ้นมาจ่อคอผม “ขอเตือนไว้ก่อนนะว่ามึงห้ามเข้าใกล้กับผู้ชายที่ชื่ออเล็กเซย์อีก ทำยังไงก็ได้ห้ามยุ่งกับเขา ไม่งั้นคราวหน้ามึงตายแน่!”

แล้วพวกมันก็สั่งถอยหนีเมื่อได้ยินเสียงรถหวอตำรวจ ส่วนผมได้แต่นอนกุมท้องหน้าซีดก่อนจะสลบไป…

.................

ตึก! ตึก! ตึก!

ผมเดินวนเวียนไปมาอยู่หน้าห้องไอซียู เพราะก่อนหน้าไม่ถึงยี่สิบนาทีดีผมยังไม่ทันได้ส่งพ่อแม่ขึ้นรถทัวร์ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากตำรวจ ว่าพีชโดนพวกนักเลงทำร้ายร่างกาย และนอกจากนี้ร้านก็ยังพังเละไม่เป็นชิ้นดีด้วย

“เจย์ ใจเย็นๆลูก แม่ว่าลูกนั่งพักก่อนเถอะนะ” แม่ผมพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เพราะก่อนหน้านี้แม่ได้รับทราบข่าวจากปากผมแล้ว ท่านถึงกับเป็นลมล้มพับไป พอตื่นขึ้นมาก็เอาแต่ร้องห่มร้องไห้จนพ่อต้องคอยปลอบอยู่ตลอดเวลา ส่วนพ่อของผมนั้นก็ได้แต่นั่งหน้าเครียดไม่พูดไม่จา

“ไม่ครับแม่ ผมไม่นั่งจนกว่าหมอจะออกมาจากห้อง” ผมตอบเสียงเครียดก่อนจะเดินไปมองดูประตูที่เป็นกระจก ซึ่งภายในถูกผ้าม่านปิดเอาไว้ ก็เลยทำให้ไม่สามารถมองเห็นภายในได้ “เพราะผมแท้ๆ นี่ถ้าผมอยู่กับพีชด้วย พีชก็คงไม่เป็นอะไรมาก”

“อย่าโทษตัวเองแบบนั้นสิเจย์ เพราะเราไม่รู้ว่ามันจะเกิดขึ้นแบบนี้จริงไหม” แม่พูดปลอบผม ซึ่งผมก็ได้แต่ยืนนิ่งเงียบเพียงอย่างเดียว

Trr…Trr…

เสียงมือถือดังขึ้น ผมมุ่นคิ้วก่อนจะล้วงมือถือขึ้นมาดู มันเป็นมือถือเปื้อนเลือดของพีชที่ผมได้รับมาจากตำรวจ ส่วนสาเหตุที่ตำรวจโทรมาหาผมก็เพราะเบอร์โทรออกล่าสุดในมือถือของพีชก็คือเบอร์ของผม

Aleksey

ผมเห็นดังนั้นถึงกับกัดฟันกรอดก่อนจะกดตัดสายทิ้งทันที แน่นอนว่าอีกฝ่ายโทรกลับมาหาอีกครั้งหลังจากผมตัดสายทิ้งไปได้ไม่ถึงหนึ่งนาที ซึ่งผมก็ตัดสายทิ้งอีกครั้งก่อนจะปิดครื่องนี้ท่ามกลางสายตางุนงงของพ่อแม่ผม

“เจย์ ปิดมือถือพีชทำไมล่ะลูก เผื่อมีเพื่อนโทรหาพีชจะว่ายังไงล่ะ” แม่ถามอย่างสงสัย ซึ่งผมไม่คิดจะตอบกลับไป ได้แต่ยืนเฝ้ามองที่หน้าประตูด้วยความเป็นห่วง

ขอร้องล่ะพีช อย่าเป็นอะไรเลย…

......................

“ขอบคุณครับที่ใช้บริการ”

เจ้าของร้านซูชิพูดขอบคุณผมหลังจากที่ผมซื้อซูชิของเขามา ซึ่งผมพยักหน้าตอบก่อนจะเดินขึ้นรถขับออกไป โชคดีที่บ่ายนี้ไม่มีประชุม ผมจึงคิดจะเซอร์ไพร์สร่างเล็กซักหน่อย ก็เลยแวะไปซื้อซูชิเพื่อที่จะนำกลับไปกินกับตัวเล็กในตอนกลางวันด้วยกัน ครั้นพอขับรถไปถึงร้านดอกไม้ กลับมีคนเข้ามามุงดูเต็มไปหมด แถมนอกจากนี้ยังมีรถตำรวจจอดเกะกะเต็มหน้าร้านอีกด้วย ผมนึกสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จึงรีบลงจากรถลงไปถามคนแถวนั้นอย่างเร็ว

“มันเกิดอะไรขึ้นเหรอครับ ทำไมตำรวจแห่มากันเยอะแยะจัง” ผมถามอย่างสงสัย

“ก็เจ้าของร้านนี้ถูกพวกนักเลงรุมทำร้ายร่างกายนะสิ แถมร้านก็ยังถูกทำพังจนเละไปหมดด้วย”

สิ้นคำตอบจากปากชาวบ้าน ทำเอาผมใจหายวาบ ซึ่งผมไม่รอช้า รีบแทรกฝูงชนเข้าไปดูก่อนจะตกตะลึงเมื่อเห็นร้านดอกไม้ ซึ่งผิดกับเมื่อเช้านี้ลิบลับ กระถางต้นไม้นับร้อยแตกละเอียด ข้าวของกระจัดกระจาย ป้ายร้านถูกหักครึ่ง และนอกจากนี้ที่พื้นทางเข้าร้านดอกไม้กลับมีรอยเลือดกองอยู่ที่พื้นด้วย

มันไม่จริงใช่ไหม?!

พอผมคิดได้ดังนั้นจึงรีบกดมือถือโทรหาพีชทันที และภาวนาในใจว่าตัวเล็กจะต้องไม่เป็นอะไรมาก แต่ทว่าสายแรกที่ผมโทรไป กลับถูกตัดสายทิ้งซะงั้น พอผมโทรไปอีกรอบก็ถูกตัดสายทิ้งอีกรอบด้วยเช่นกัน พอกดโทรครั้งสาม ปลายสายกลับปิดเครื่องหนีทิ้ง ซึ่งทำเอาผมแทบจะเป็นบ้า

“คุณตำรวจรู้บ้างไหมครับว่าเจ้าของร้านถูกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลไหน” ผมหันไปถามตำรวจนายหนึ่ง

“อ้อ ก็โรงพยาบาล xxx นะ”

พอรู้ชื่อโรงพยาบาแล้ว ผมก็รีบกลับไปขึ้นรถก่อนจะขับรถบึ่งไปอย่างรวดเร็ว

ลูกพีชอย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะ ผมกำลังจะไปหาคุณเดี๋ยวนี้แหละ!!

......................

เมื่อผมไปถึงโรงพยาบาลแล้ว ก็ตรงดิ่งไปยังห้องไอซียูซึ่งพบว่ามีคนอยู่สามคนอยู่บริเวณด้านหน้าห้องแล้ว หนึ่งในนั้นก็คือเจย์ ส่วนคนที่เหลือผมเดาว่าน่าจะเป็นพ่อแม่ของเจย์ พอผมหันไปมองเจย์อีกที ก็เห็นมือถือที่เปื้อนเลือดของพีชอยู่ในมือแล้ว
นี่สินะคือสาเหตุที่โทรเข้าเครื่องแล้วโดนตัดสายทิ้งสามรอบ

“พีชอยู่ในห้องผ่าตัดใช่ไหมครับคุณเจย์” ผมถามอย่างสงสัย ซึ่งอีกฝ่ายแค่มองผมด้วยสายตาเย็นชาก่อนจะหันกลับไปมองบานประตูกระจกนั้นต่ออย่างเงียบๆ

“เธอเป็นใคร รู้จักกับลูกพีชด้วยหรือจ้ะ” หญิงวัยกลางคนลุกขึ้นเอ่ยถามผมอย่างสงสัย

“ผมชื่ออเล็กเซย์ เป็นลูกค้าร้านดอกไม้และเป็นเพื่อนของพีชด้วยนะครับ” ผมเอ่ยทักทายพลางยกมือขึ้นไหว้สวัสดีทั้งคู่ ซึ่งพวกเขาก็ได้ยกมือขึ้นไหว้ตอบด้วยเช่นกัน “แล้วพวกคุณคือ...”

“พวกเราเป็นพ่อแม่ของเจย์ พอดีแวะมาเที่ยวหาพีชนะ” คนเป็นพ่อตอบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ยังไม่ทันที่ผมจะได้ถามอะไรพวกเขาอีก ประตูห้องไอซียูก็ถูกเปิดออกแลเห็นหมอในชุดผ่าตัดสีเขียวเดินออกมา ทำเอาผม เจย์ และพ่อแม่ของเจย์รีบปราดเข้าไปถามทันที

“พีชเป็นยังไงบ้างครับหมอ” เจย์รีบถามก่อนใครเขา

“คนไข้มีบาดแผลที่ศีรษะ เพราะถูกของแข็งกระแทกอย่างรุนแรง หมอเย็บแผลให้เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้คนไข้พ้นขีดอันตรายแล้วครับ” สิ้นคำตอบหมอ ทำเอาทุกคนรวมผมด้วยถึงกับโล่งอก “ส่วนอาการบอบช้ำบริเวณท้องก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง พักผ่อนให้มากๆ แล้วทานยาที่หมอสั่งให้ครบประมาณ 3-4 วันก็น่าจะหายดี อ้อ เดี๋ยวหมอขอเชิญญาติคนไข้ปรึกษาที่ห้องตรวจซักครู่นะครับ”

“ค่ะคุณหมอ”

“เดี๋ยวครับคุณหมอ ตอนนี้ผมขอไปดูพีชได้หรือเปล่าครับ” เจย์ร้องถามก่อนที่หมอจะเดินไป

“ได้ครับ แต่เข้าได้คนละห้านาทีเท่านั้นนะ” พอสิ้นคำตอบจากหมอ เจย์รีบปราดเข้าไปในห้องทันที ซึ่งทำเอาผมที่ยืนมองได้แต่เม้มปากด้วยความหงุดหงิดที่ไม่ได้เข้าเป็นคนแรก

............

เจ็บ...

เจ็บเหลือเกิน...

ใครก็ได้ช่วยผมด้วย...


ความเจ็บปวดที่ศีรษะกับท้องทำเอาผมน้ำตาร่วงท่ามกลางความมืดมิดอันเย็นยะเยือก ถ้าให้เลือกได้ผมอยากออกไปจากที่นี่ แต่มันกลับไปไม่ได้ เหมือนกับมีอะไรบางอย่างทำให้ผมขยับตัวไม่ได้ มันทรมานจนผมอยากแผดเสียงร้องออกมาแต่ก็ทำได้เพียงขยับปากเท่านั้น

อเล็กซ์...

ช่วยลูกพีชด้วย...


ด้วยแรงฮึดบวกกับอยากออกไปจากที่นี่ ทำให้มือผมขยับก่อนจะยกมือขวาขึ้นมาราวกับต้องการหาที่พึ่ง

หมับ!

อยู่ๆก็มีมือปริศนาคว้ามือผมไว้ ทำเอาผมดีใจจนน้ำตาไหลอาบแก้ม

“อะ...อะ...อะ...อเล็กซ์” ผมเรียกชื่อนั้นอย่างยากลำบาก แค่นี้ก็มากพอสำหรับผมแล้ว ขอให้ได้เรียกคนรักได้เป็นพอ “ลูก...ลูก...พีช...กลัว...อะ...อเล็กซ์...อย่า...หนี...ลูก...พีช...ไป...ไหน...นะ”

ถึงแม้จะมองไม่เห็นหน้า แต่ผมก็พอใจแล้วที่มีเขามาอยู่ใกล้ผม ซึ่งอีกฝ่ายก็ตอบรับผมด้วยการกอด

“ลูก...พีช...รัก...อเล็กซ์...นะ”

แล้วผมก็หลับไปอีกครั้งอย่างไม่รู้ตัว แต่มารู้สึกตัวอีกที ผมก็ได้ยินเสียงคุ้นหูดังแว่วเข้ามา

“ลูกพีช ผมขอโทษ ขอโทษที่ไม่ได้อยู่เคียงข้างคุณตลอดเวลา ไม่งั้นคุณคงไม่ต้องเป็นแบบนี้”

นั่นมันเสียงอเล็กซ์นี่...

ผมครุ่นคิดในใจ ก่อนจะรู้สึกถึงแรงบีบที่มือขวา ทำให้ผมได้รับรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจับมือของผมอยู่ ซึ่งทำให้ผมรีบลืมตาขึ้นมา ถึงแม้จะยากลำบากแต่ผมก็จะทำ ก่อนจะเห็นแสงไฟจากหลอดนีออนสาดส่องมา ทำเอาผมต้องรีบหลับตาลงอีกครั้ง ก่อนจะลืมตาขึ้นมาใหม่

“อะ...อะ...อเล็กซ์” ผมเรียกเขาอย่างยากลำบาก แต่ถึงกระนั้นก็ทำให้ร่างหนาที่นั่งก้มหน้ากุมมือผมอยู่ถึงกับเงยหน้ามองทันที

“ลูกพีช คุณฟื้นแล้ว!” อเล็กเซย์พูดด้วยความดีใจก่อนจะหอมมือผมเสียงดังฟอด “ขอบคุณที่คุณฟื้นมา ผมเป็นห่วงคุณแทบแย่ รู้หรือเปล่าว่าคุณน่ะหลับไปตั้งสองวันเต็มเลยเชียวนะ”

อะไรนะ สองวันเลยหรือ?!

“คุณหิวน้ำไหมลูกพีช เดี๋ยวผมจะเอาน้ำมาให้คุณดื่ม” ร่างสูงถามอย่างเป็นห่วง ซึ่งผมพยักหน้าตอบ แล้วอีกฝ่ายก็ลุกขึ้นไปเอาน้ำมาให้ผม ก่อนจะเดินกลับมาแล้วใช้มือช้อนศีรษะผมให้เงยหน้าขึ้นแล้วค่อยยกขอบแก้วประชิดริมฝีปากผมได้ดื่มน้ำ เมื่อผมได้ดื่มน้ำจนอิ่ม ร่างสูงก็ค่อยวางผมลงบนหมอนอย่างแผ่วเบา

“ที่นี่...ที่ไหนเหรออเล็กซ์” ผมถามอย่างสงสัย ก่อนจะมองไปรอบๆ ทำให้ผมรู้ว่าที่นี่เป็นห้องพักพิเศษ

“โรงพยาบาล xxx นะครับลูกพีช” ร่างหนาตอบยิ้มๆ ก่อนจะยกมือขวาผมขึ้นมาจูบ ซึ่งทำเอาผมถึงกับหน้าร้อนผ่าว “คุณรู้ไหมว่าผมเป็นห่วงคุณแทบแย่ แทบจะไม่ได้หลับได้นอนเลยทีเดียว”

พออีกฝ่ายพูดจบผมก็มองขอบตาของอเล็กเซย์ ซึ่งขอบคล้ำเหมือนหมีแพนด้ามิปาน

ไม่ได้หลับจริงๆด้วย เล่นเอาขอบตาคล้ำซะขนาดนั้น...

“แล้วลูกพีชมานอนอยู่ที่นี่ได้ยังไงอ่ะอเล็กซ์” ผมถามกลับอย่างสงสัย แล้วร่างสูงก็เล่าทุกอย่างให้ผมฟัง ก่อนจะถามผมต่อว่ายังพอจำหน้าคนที่เข้ามาทำร้ายตัวเองได้รึไหม ซึ่งพออเล็กซ์ถามจบ ผมก็พลันนึกถึงคำขู่ของคนที่เข้ามาทำร้ายผมได้พอดี

“ขอเตือนไว้ก่อนนะว่ามึงห้ามเข้าใกล้กับผู้ชายที่ชื่ออเล็กเซย์อีก ทำยังไงก็ได้ห้ามยุ่งกับเขา ไม่งั้นคราวหน้ามึงตายแน่!”

“ลูกพีชจำไม่ค่อยได้ พอดีตอนนั้นลูกพีชโดนฟาดหัว ก็เลยเบลอนะ” ผมตอบไปตามจริง เพราะตอนนั้นผมถูกฟาดจนเบลอจริง แต่กับเรื่องคำขู่ของพวกนั้นผมไม่อยากจะบอก เพราะกลัวอเล็กเซย์จะเป็นห่วงเอาได้ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ถามอะไรอเล็กเซย์อีก ประตูห้องก็ถูกเปิดออก ทำให้มือหนาที่จับมือผมอยู่ถึงกับคลายออกอย่างรวดเร็ว

“พีชฟื้นแล้วหรือลูก!” เสียงหวานร้องอุทานเมื่อเห็นผม ซึ่งไม่ใช่ใครอื่นเลยนอกจากแม่ของเจย์ แล้วคุณแม่ก็เดินเข้ามาหาผมก่อนจะตามด้วยพ่อของเจย์ (ส่วนอเล็กซ์ได้ลุกขึ้นเดินหลบให้แม่ของเจย์ได้เดินเข้ามาหาผมแล้ว) “พีช แม่เป็นห่วงแทบแย่ นึกว่าลูกจะเป็นอะไรไปแล้วซะอีก”

“ใช่ พ่อเองก็เป็นห่วงลูกอยู่เหมือนกัน นี่ถ้าพ่อกับแม่ไม่รีบกลับแล้วล่ะก็ ลูกคงไม่ต้องโดนพวกนั้นมาทำร้ายแน่” ผมได้ยินที่พ่อกับแม่พูดถึงกับปลื้มตันใจ

“ขอบคุณครับคุณพ่อคุณแม่ที่เป็นห่วงผม” ผมพูดพลางทำท่าจะลุกขึ้นนั่ง ทำให้แม่ของเจย์รีบช่วยพยุงผมให้นั่งทันที “มันเป็นเหตุสุดวิสัยที่ช่วยไม่ได้จริงๆ ผมเองก็ไม่คิดว่าพวกนั้นจะมาทำร้ายผมแบบนี้ด้วย ว่าแต่ตอนนี้ร้านของผมเป็นยังไงบ้าง แล้วเจย์ล่ะ ไม่ได้มากับพ่อแม่ด้วยเหรอครับ”

ผมถามกลับอย่างสงสัย เพราะจำได้ว่าพวกนั้นมันบอกว่าจะพังร้านผมด้วย ซึ่งพอผมพูดจบ ทั้งคู่ต่างมองหน้ากันก่อนจะหันมามองผมด้วยสีหน้าไม่สู้ดี

“ตอนนี้เจย์ไปทำธุระอยู่ข้างนอกนะจ้ะ” ร่างบางตอบก่อนจะพูดต่อ “แม่ว่าลูกนอนพักผ่อนก่อนจะดีกว่าไหมเอ่ย”

“ไม่เป็นไรครับ ผมว่าคุณแม่เล่ามาเถอะครับ ผมพอรับได้”

“แต่แม่อยากให้...”

“พอเถอะคุณ เดี๋ยวผมจะเล่าให้ลูกฟังเอง” พ่อสะกิดบอกแม่ก่อนจะหันมาทางผมต่อ “ตอนแรกร้านของลูกพังไม่มาก แค่ป้ายหน้าร้านหักครึ่งกับกระถางดอกไม้แตก แต่พอวันถัดมา...ร้านของลูกโดนคนวางเพลิง จนตอนนี้ไม่เหลืออะไรเลยแม้แต่นิดเดียว”

สิ้นคำพูดของพ่อเจย์ ทำเอาผมถึงกับจุกพูดอะไรไม่ออก เพราะทุกอย่างที่อยู่ในร้านเป็นของสำคัญของผม แม้กระทั่งรูปของพ่อแม่ที่เสียไปด้วย มันกลับหายไปพร้อมกับเปลวเพลิงทั้งหมดยากที่จะกลับคืนมาได้

“ถึงแม้ลูกจะเสียทุกอย่างไปแล้ว แต่ลูกยังมีพ่อกับแม่และเจย์ที่คอยดูแลอยู่ แล้วไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องร้านที่ไหม้ไปนะ พังแล้วก็สร้างใหม่ได้ แม่กับพ่อจะคอยช่วยลูกอยู่เสมอจ้ะ” แล้วแม่ก็ร้องไห้ออกมา ซึ่งทำให้พ่อต้องพาแม่ออกไปข้างนอกก่อน ทิ้งให้ผมกับอเล็กเซย์อยู่ในห้องกันตามลำพังสองคน

“ลูกพีช” ร่างสูงเรียกชื่อผมอย่างแผ่วเบา “ผมขอโทษที่ไม่ได้เล่าเรื่องร้านให้ฟัง ผมขอโทษจริงๆ”

“ไม่เป็นไร อเล็กซ์ไม่ผิด ไม่ผิด” พอผมพูดจบ น้ำตาก็พลันเอ่อไหลออกมา ร่างสูงเห็นดังนั้นก็ตกใจรีบเข้ามาหาผม ซึ่งผมเห็นอเล็กซ์เข้ามาใกล้จึงอ้าแขนสวมกอดร่างหนาร้องไห้ทันที “มันไม่เหลืออะไรแล้วอเล็กซ์ ลูกพีชไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ฮือๆ”

ร่างสูงไม่ได้พูดอะไรออกมา ได้แต่กอดผมกับลูบหัวผมอยู่อย่างนั้น ซึ่งผมร้องไห้อยู่นานพอสมควรก่อนจะเผลอหลับคาอ้อมกอดของอเล็กเซย์ไปอย่างไม่รู้ตัว...
 
................

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 11 เจ็บปวด 14/9/57)
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 14-09-2014 08:36:39
นายหญิง?

ขอตบหน้านังนี่เลยได้ไหมคะ? ทำเกินไปแล้วจริงๆนะ

สงสารลูกพีชอ่ะ รูปคุณพ่อคุณแม่ด้วย TvT เป็นเราจะไม่ให้อภัยทั้งชาติแน่

 :beat: :beat: :beat: :beat: :z6: :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 11 เจ็บปวด 14/9/57)
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 19-09-2014 09:35:24
ตอนที่ 12 โชคร้าย

...................

ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เที่ยงวันแล้ว แต่ตื่นคราวนี้ไม่พบใครเลย ทำให้ผมคิดว่าพวกเขาคงมีธุระยุ่งก็เลยไม่ได้มาเฝ้าผม (ส่วนอเล็กเซย์ได้โทรมาบอกผมว่ามีงานต้องกลับไปทำ แล้วตอนเย็นๆจะกลับมาหาผมใหม่อีกที) หลังจากฝืนรับประทานข้าวต้มไปสองสามคำ ตำรวจก็เข้ามาสอบปากคำผมเรื่องที่พวกนักเลงเข้ามาทำร้ายกับเรื่องร้านที่ถูกไฟไหม้ ซึ่งผมก็ตอบไปเท่าที่ผมตอบได้ หลังจากตำรวจกลับไปแล้ว ผมก็หลับไปอีกครั้งก่อนจะตื่นขึ้นมาเห็นเจย์กำลังนั่งกอดอกหลับสัปหงกอยู่บนโซฟาข้างเตียง ซึ่งทำเอาผมนึกเป็นห่วงมัน เพราะเห็นขอบตามันคล้ำเสียเหลือเกิน ผมได้แต่มองอยู่อย่างนั้นเพราะไม่อยากรบกวนการพักผ่อนของมัน จนกระทั่งประตูห้องถูกเปิดอีกครั้ง เห็นผู้ชายสองคนเดินเข้ามาพร้อมกระเช้าผลไม้ในมือ ซึ่งไม่ใช่ใครอื่นเลยนอกเสียจากออยกับน้องแบม

“ไงพีช ฟื้นแล้วหรือ” ออยทักทันทีที่เห็นผมมอง

“อืม แต่ช่วยพูดเบาๆหน่อย เจย์มันนอนอยู่นะ” ผมบอก ทำเอาทั้งคู่หันไปมองเจย์ที่กำลังนั่งหลับอยู่

“ให้ตายสิ มาเฝ้าคนป่วยแต่กลับหลับซะเอง แย่ชะมัด” ออยบ่นพึมพำ ซึ่งทำเอาผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ “เอ่อ เรื่องร้านของนาย ฉันเสียใจด้วยนะ ถ้ามีอะไรให้ฉันช่วยได้ ก็บอกฉันได้นะพีช”

ออยบอกตามประสาคนรู้จักกัน

“อืม ขอบใจนะออย” ผมพูดขอบคุณก่อนจะหันไปมองแบม ซึ่งตัวเล็กพอๆกับผมกำลังยืนหลบอยู่ด้านหลังร่างสูงมองหน้าผมอย่างมีพิรุธ “ว่ายังไงล่ะน้องแบม สบายดีไหมเอ่ย แล้วที่ทำงานเป็นยังไงบ้าง”

อีกฝ่ายได้ยินที่ผมถามถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะตอบผมกลับมาว่า

“สบายดีฮะพี่พีช เอ่อ ส่วนเรื่องที่ทำงานก็…ราบรื่นดีฮะ”

“เหรอ งั้นก็ดีแล้วล่ะ ฮะๆ” ผมพูดอย่างขำๆแต่คนฟังกลับไม่ขำไปด้วย “ตั้งใจทำงานให้มากล่ะ เพราะงานไม่ได้มาง่ายๆอย่างที่เราคิดไว้ อย่าปล่อยให้มันหลุดลอยเหมือน....พี่ล่ะ”

“พีช”

ออยเรียกชื่อผมอย่างเห็นใจ แล้วหลังจากนั้นออยก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ผมจึงหันไปสนใจผลไม้ในตะกร้าต่อ

“ผลไม้เยอะแยะเลย น้องแบมช่วยพี่กินซักหน่อยสิ” ผมบอกพลางหยิบแอปเปิ้ลขึ้นมาก่อนจะชะงักเมื่อเห็นน้องแบมกำลังยืนเม้มปากมองเจย์ที่นั่งหลับด้วยสีหน้าเครียดแค้น “น้องแบมครับ น้องแบมได้ยินที่พี่เรียกหรือเปล่า”

“ห๊ะ ครับ เมื่อกี้พี่พีชว่าอะไรเหรอครับ ผมได้ยินไม่ชัด”

อีกฝ่ายสะดุ้งแล้วหันมาถามผมอย่างเร็ว

“พี่ถามเราว่าจะกินผลไม้หรือเปล่า เพราะพี่กินคนเดียวคงไม่หมดแน่” ผมถามกลับไปทั้งที่ในใจนึกสงสัยในตัวน้องแบม

มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

“ไม่ล่ะฮะพี่พีช ผมอิ่มแล้ว” แบมตอบก่อนจะเดินไปหยิบมีดปอกผลไม้ที่อยู่ในกล่องภาชนะออกมา “เดี๋ยวผมปอกผลไม้ให้พี่ดีกว่านะฮะ”

แล้วแบมก็ปอกแอปเปิ้ลให้ผมอย่างเงียบๆ พอออยออกจากห้องน้ำแล้ว ก็อยู่คุยกับผมสองสามคำก่อนจะขอตัวกลับบ้าน

.....................

“เอ่อ โทษทีนะ เสียงทีวีดังเกินไปหรือเปล่าเจย์” ร่างบางถามหลังจากเห็นผมลืมตาขึ้นมา

“ไม่ดังหรอก” ผมตอบพลางยกมือขยี้ตาอย่างงัวเงีย เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นมา ผมแทบไม่ได้นอนเลยด้วยซ้ำ เพราะมัวแต่วิ่งวุ่นหาต้นตอของปัญหาที่ทำให้ร้านของพีชถูกวางเพลิง รวมถึงพวกนักเลงที่เข้ามาทำร้ายพีชด้วย ผมลุกขึ้นเดินจากโซฟาก่อนจะไปนั่งเก้าอี้ข้างเตียง “แกยังเจ็บอยู่หรือเปล่าพีช”

ผมถามด้วยความเป็นห่วง ซึ่งร่างบางส่ายหน้าเป็นคำตอบ

“หิวไหม ฉันจะได้เอาข้าวเอาน้ำมาให้กิน” ผมถามอีกครั้งก่อนจะเห็นตะกร้าผลไม้วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ซึ่งถูกแกะกินไปได้หลายอย่างแล้ว “แล้วนั่นใครเอามาให้นะ”

ผมถามกลับอย่างสงสัย เพราะก่อนที่ผมจะหลับไป ตรงนั้นยังไม่มีตะกร้าผลไม้อยู่เลย

“อ้อ นั่นเป็นของออยนะ พอดีออยกับแบมมาเยี่ยมตอนนายหลับนะเจย์”

“อ้อเหรอ” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ เพราะก่อนหน้านี้ผมได้โทรไปบอกพวกออยไปแล้ว “ตอนนี้ก็บ่ายแล้ว จะกินผลไม้ไหม ฉันจะได้ปอกผลไม้ให้”

“ไม่ต้องเจย์ เมื่อกี้ตอนนายหลับฉันกินไปหน่อยแล้ว” ร่างบางตอบก่อนจะหันไปดูโทรทัศน์ต่อ ซึ่งหลังจากนี้ผมก็พูดอะไรไม่ออก เพราะกลัวพีชจะคิดมากเรื่องร้านดอกไม้ที่ถูกเผาไป “เอ้อ เจย์ นาย...เอ่อ...นาย”

พีชพูดเสียงตะกุกตะกักคล้ายกับจะถามอะไรผมซักอย่างแต่ก็ไม่กล้าพูดออกมา

“มีอะไรหรือพีช จะถามก็ถามมาสิ” ผมบอกยิ้มๆ

“เอ่อ...ตอนนี้นาย...มีเรื่องอะไรกับน้องแบมหรือเปล่า” คำพูดของพีชทำเอาผมหุบยิ้ม ก่อนจะเอียงคอมองตัวเล็กอย่างมึนงง “ก็...วันนี้น้องแบมมองนายแบบแปลกๆ...ฉันก็เลยนึกสงสัยเท่านั้นเอง”

“เหรอ ไม่รู้สินะ เพราะช่วงนี้ฉันไม่ค่อยได้คุยกับน้องแบมซักเท่าไหร่ ...อืม แต่ก็ไม่แน่ บางทีฉันอาจเผลอพูดอะไรออกมาไม่รู้ตัวแล้วทำให้น้องแบมไม่พอใจก็ได้มั้ง อย่าไปสนใจเลย”

“แค่นั้นเองเหรอ”

“อืม แค่นั้นเองแหละ” ผมตอบก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “อ้อ เมื่อสามวันก่อนตอนที่ฉันไปดูหนังกับพวกไอ้ออย ฉันได้รู้จักกับเพื่อนน้องแบมด้วย รู้สึกจะชื่อน้องอาร์ทเนี่ยแหละ จริงสิ น้องอาร์ทเค้าเป็นนักเขียนชื่อดังด้วยล่ะพีช”

“เหรอ แล้วไงต่อ”

“แล้วฉันกับไอ้ออยก็ขอลายเซ็นน้องเขาสิวะ เอ่อ หลังจากนั้นฉันก็ไปกินเหล้ากับพวกออยต่อ แต่ขากลับขับรถกลับไม่ไหว ไอ้ออยก็เลยพาฉันไปนอนค้างที่บ้านมันด้วย แล้วพอตื่นเช้ามาไอ้ออยก็วิ่งหน้าตาตื่นมาบอกฉันว่าไม่เจอน้องแบม แต่ที่ไหนได้ น้องแบมพาเพื่อนตัวเองนั่งรถแท็กซี่กลับหอพักไปแล้ว ฮะๆ” ผมเล่าไปหัวเราะไปพลาง แต่ทันใดนั้นภาพของคราบเลือดกับคราบขาวที่เกาะติดอยู่บนโซฟาในวันนั้น ซึ่งผมลืมมันไปแล้วได้ผุดขึ้นมาอีกครั้ง ทำเอาผมนึกสงสัยความเป็นมาของมันอย่างเงียบๆ

“แล้วพ่อกับแม่ล่ะเจย์”

“อ้อ พ่อกับแม่กลับไปบ้านนะ เห็นว่าจะกลับไปเอาเสื้อผ้าของแกที่ยังเหลืออยู่ที่บ้านมาให้ด้วย” ผมตอบ ซึ่งทำเอาร่างบางถึงกับซึมไปอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้พีชไม่เหลืออะไรแม้กระทั่งเสื้อผ้า เพราะมันไหม้ไปหมดแล้ว “จริงสิพีช ไว้แกหายดีแล้ว ฉันจะพาแกไปเที่ยวดีไหม”

“ไปเที่ยวงั้นเหรอ”

“ใช่แล้ว ไปเที่ยว” ผมตอบก่อนจะพูดต่ออย่างเอาใจ “พอดีฉันเห็นว่าช่วงนี้ทะเลที่กระบี่กำลังสวยมาก เลยกะว่าจะชวนแกไปเที่ยว ไปเถอะนะพีช เพราะฉันจะได้ชวนพ่อแม่ ไอ้ออย น้องแบม อ้อ แล้วก็น้องอาร์ทไปทะเลด้วยกันไงล่ะ น่านะ ไปกันหลายคนสนุกดีออก”

ร่างบางนิ่งไปชั่วครู่ราวกับใช้ความคิด ก่อนจะเงยหน้าตอบผมกลับมาว่า

“ขอเก็บไปคิดไว้ก่อนแล้วกันนะเจย์ เพราะตอนนี้ฉันรู้สึกเหนื่อยมากเหลือเกิน”

“อืม ไม่เป็นไร ฉันรอได้”

แล้วพีชก็ปิดโทรทัศน์ก่อนจะขอตัวนอนหลับต่อ ส่วนผมเห็นตัวเล็กหลับไปแล้วก็หยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่านเล่นแก้เซ็ง

.......................

“พวกนักเลงที่ฉันให้พวกลูกน้องของฉันไปหาให้มาได้ก็มีกันอยู่เจ็ดแปดคน รู้สึกว่ามันจะทำงานตามคำสั่งของใครบางคน แต่ใครนั้นฉันยังไม่รู้ ไว้หาได้เมื่อไหร่จะรีบโทรไปบอกละกัน”

“อืม ขอบใจนะเจฟฟรีย์ ถ้าไม่ได้นายแล้วฉันก็ไม่รู้จะไปพึ่งใคร”

“ฮะๆ ไม่เป็นไร เรามันเพื่อนกันวะ ถ้าไม่ช่วยเพื่อนแล้วจะให้ช่วยใคร”

แล้วอีกฝ่ายก็วางสายไป เจฟฟรีย์เป็นเชฟร้านอาหารก็จริงแต่เบื้องหลังเขาเป็นถึงมาเฟียคุมกิจการหลายอย่างที่ไม่คาดถึง แม้กระทั่งผมเองก็เป็นแบบเจฟฟรีย์ด้วย แต่เรื่องนี้ผมยังไม่ได้บอกลูกพีชเลยซักนิดเดียว เพราะผมกลัวว่าร่างบางจะรังเกียจผมที่เป็นมาเฟียเอาได้ ถึงผมจะให้เจฟฟรีย์ช่วยทำแล้วก็ตาม แต่ผมก็ใช่ว่าจะอยู่เฉย เพราะผมได้สั่งงานให้บอดี้การ์ดของผมไปทำด้วย

Trr…Tr...

ผมรับสายทันทีที่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ ซึ่งไม่ใช่ใครอื่นเลยนอกเสียจากเลขาของผม

“ว่าไงเรย์”

“พอดีมีคนต้องการจะพบกับท่านนะครับ” ปลายสายตอบเสียงเรียบ

“ใคร”

“คุณดารินครับ”

คำตอบของเรย์ทำเอาผมเกือบจะตอบปฏิเสธ แต่ก็พลันนึกขึ้นได้ว่าหญิงสาวเคยไปหาเรื่องลูกพีชมาก่อน จึงรีบตอบกลับไปว่า

“ให้หล่อนเข้ามาได้”

“ครับท่าน”

หลังจากวางสายได้สักพัก ประตูห้องก็ถูกเปิด เผยให้เห็นร่างบางสูงเพรียวมาในชุดแซ็กสีชมพูหวานเดินถือกระเป๋าโฉบมาอย่างมาดมั่น

“ห้องทำงานคุณก็ไม่เลวนะคะ แต่ดูเล็กกว่าที่เก่าไปซักหน่อย” หญิงสาวพูดพลางมองไปรอบๆ “จะว่าไปเลขาคุณก็แย่ซะเหลือเกิน รู้อยู่ว่าเป็นฉัน น่าจะปล่อยให้ฉันเข้ามาหา…”

“มีธุระอะไรก็ว่ามา ผมไม่ได้ว่างทั้งวัน” ผมพูดขัด ทำเอาร่างบางชะงักก่อนจะเหยียดยิ้มให้ผม

“แหม ฉันก็มาหาคุณตามประสาคนเคยรู้จักกัน” ดารินพูดเสียงหวาน แต่ผมไม่สนหรอก “ได้ข่าวว่าคู่ขาคุณถูกคนทำร้ายหรือคะ แถมร้านดอกไม้ก็โดนวางเพลิงอีก น่าสงสารเหลือเกิน”

ปึง!

ผมทุบโต๊ะเสียงดังลั่น ทำเอาร่างบางสะดุ้งตกใจนิดหน่อย

“พีชไม่ใช่คู่ขาของผม แต่เป็นคนรักของผม กรุณาพูดให้ถูกด้วย”

ร่างบางถึงกับเม้มปากเมื่อได้ยินที่ผมพูด แต่ไม่นานนักก็คลี่ยิ้มออกมาได้อยู่ดี

“ก็ได้ค่ะ คนรักก็คนรัก แต่จะเป็นได้นานแค่ไหนกันหนอ อยากรู้จริงเชียว”

“ถ้าคิดจะมาหาเรื่องก็เชิญกลับไปซะ” ผมพูดเสียงห้วนพร้อมกับผายมือไปยังประตู

“ไม่ได้หรอกค่ะอเล็กเซย์” ร่างบางพูดเหยียดยิ้มพลางเดินอ้อมโต๊ะทำงานเข้ามาทางด้านหลังของผม ก่อนจะโน้มตัวโอบกอดผมราวกับเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ “ตราบใดถ้าฉันยังไม่ได้ชวนคุณไปทานข้าวมื้อเย็นพร้อมกับคุณพ่อของฉัน ฉันก็จะไม่กลับไปง่ายๆหรอกค่ะ”

ถ้าเป็นแต่ก่อนผมคงปฏิเสธคำเชิญหล่อนไปทันทีโดยไม่ต้องคิดให้เสียเวลา แต่พอลองมานึกดูแล้ว ดารินก็ไม่ชอบขี้หน้าลูกพีชเหมือนกัน ฉะนั้นอาจเป็นไปได้ว่าหญิงสาวอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกนักเลงกลุ่มนั้น เผลอๆอาจเป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้ร้านดอกไม้ของพีชถูกเผาก็เป็นไปได้

ต้องลองสืบดู...

“ตกลงดาริน ผมจะไปกับคุณ”

........................

หลังจากผมทานข้าวต้มมื้อเย็นกับทานยาเสร็จแล้ว เจย์ก็ขอตัวกลับหอพัก เพราะหมอยังไม่อนุญาตให้ญาติมานอนค้างด้วย พอเจย์ไปแล้วผมก็นอนดูโทรทัศน์รออเล็กเซย์มา จนกระทั่งหนึ่งทุ่มแล้วก็ไม่มีวี่แววจะมาซักที ผมจึงหยิบมือถือของตัวเองที่เจย์อาสาเช็ดให้จนสะอาดแล้วขึ้นมากดปุ่มโทรหาอเล็กเซย์ทันที

Trr… Trr...

ผมรอฟังไปเรื่อยๆแต่อีกฝ่ายกลับไม่รับสายผม

สงสัยงานยุ่งมากจนไม่ว่างรับโทรศัพท์...

ผมครุ่นคิดในใจก่อนจะทอดถอนหายใจ แล้วผมก็หันไปดูข่าวในโทรทัศน์ต่อ จนกระทั่งข่าวจบก็ยังไม่มีวี่แววว่าร่างสูงจะโทรกลับมาหาผมเลยแม้แต่น้อย ทำเอาผมรู้สึกอดเป็นห่วงไม่ได้ จึงรีบโทรกลับไปหาอีกครั้ง แน่นอนว่าอีกฝ่ายไม่ได้รับสายเช่นเดิม ยิ่งทำให้ผมเป็นห่วงคนรักมากขึ้น

“ทำไมไม่รับสายซะทีล่ะเนี่ย” ผมบ่นอย่างหัวเสีย แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้กดโทรออกอีกครั้ง ประตูห้องก็ถูกเปิดอีกครั้ง ทำเอาผมหันไปมองก่อนเผลอปล่อยมือถือลงตักของตัวเองเมื่อเห็นบุคคลที่เข้ามาในห้อง “เมย์”

ร่างบางมาด้วยชุดทำงานออฟฟิต นัยน์ตาแดงกล่ำราวกับผ่านการร้องไห้มาอย่างโชกโชน

“พีช” ร่างบางเรียกชื่อผมเสียงสะอื้นเบาๆ ทำเอาความเจ็บปวดที่เคยมีต่อเมย์พลันหายไปในพริบตา แทนที่ด้วยความเป็นห่วงอดีตคนที่เคยรักกันมานาน แล้วร่างบางก็เดินมาหาผมอย่างช้าๆก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียง “เมย์ได้ยินข่าวแล้ว พีชเจ็บมากไหม”

“ไม่มากเท่าไหร่หรอก ว่าแต่ร้องไห้ทำไมล่ะครับคนดี” ผมพูดพลางใช้มือเกลี่ยน้ำตาของเมย์อย่างแผ่วเบา

ผมยอมให้อภัยเมย์ ต่อให้อีกฝ่ายทำผมเจ็บมากแค่ไหนก็ตาม...

“เมย์...เมย์...ฮึก...เมย์...ขอโทษนะ” ร่างบางพูดขอโทษเสียงสะอื้นไห้ก่อนจะเอาหน้ามาซบที่อกผม ซึ่งทำเอาผมตกใจนิดหน่อย แต่ถึงกระนั้นผมก็ใช้มือเข้าโอบกอดร่างบางเพื่อปลอบใจไม่ให้ร้องไปมากกว่านี้

“จะขอโทษผมทำไม เมย์ไม่ได้ทำผิดอะไรนี่ครับ” ผมพูดอย่างขำๆ แต่ร่างบางก็ไม่ได้พูดอะไรกลับมา “ว่าแต่เมย์มาหาผมถึงที่นี่ ไม่กลัวแฟนของเมย์จะว่าเอาเหรอครับ”

ผมถามพลางเอามือลูบหัวร่างบางเบาๆ

“เขาไม่ว่าหรอก” เมย์พูดเสียงเบา ทำเอาผมแปลกใจมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

“อะไรนะครับ?”

“เขาไม่ว่าหรอก” ร่างบางพูดย้ำอีกครั้ง “เพราะเขาบอกเลิกกับเมย์แล้ว”

คำพูดของเมย์ทำเอาผมถึงกับชะงักมือที่กำลังลูบหัวทันที ซึ่งร่างบางก็ได้ผละตัวออกมาจากอกผม ก่อนจะมองหน้าผมด้วยหน้าตาเศร้าหมอง

“เขาบอกเลิกกับเมย์แล้ว เขาไม่ต้องการเมย์อีก...”

“มันอยู่ที่ไหน” ผมถามแทรกด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ซึ่งทำเอาร่างบางสะดุ้งตกใจ “ผมถามว่ามันอยู่ที่ไหน”

ถึงผมจะโดนเมย์ทอดทิ้งแล้วตามมันไปก็จริงอยู่ แต่มันไม่มีสิทธิ์ที่จะทิ้งเมย์ไปง่ายๆแบบนี้!

“อย่าพีช เมย์ผิดเอง ฮึก ฮือๆ เมย์ผิดเอง” ร่างบางจับแขนเสื้อผมพร้อมกับร้องไห้ไปพลาง “เมย์สมควรที่จะได้รับกรรมแล้วล่ะพีช เพราะเมย์ทำผิดกับพีชมาก ฮือๆ”

“เมย์อย่าพูดว่าตัวเองแบบนั้นสิครับ คนที่ผิดคือมันตั้งหาก” ผมพูดเข้าข้างเมย์ แต่ร่างบางกลับส่ายหน้าไปมา

“เขาไม่ผิด เพราะคนที่ผิดคือเมย์” ร่างบางพูดเสียงสะอื้นไห้หนักยิ่งกว่าเดิม “ที่เขาเลิกกับเมย์ก็เพราะ...ก็เพราะว่าเมย์...ท้อง”

คำพูดสุดท้ายของเมย์ทำเอาผมถึงกับช็อก

“เมย์พูดอะไรนะ ท้องงั้นเหรอ” ผมถามย้ำหลังจากนั่งอึ้งอยู่ได้ไม่นาน

“ใช่พีช เมย์ท้อง”

“ถ้างั้นสมควรที่มันจะต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่มาทิ้งเมย์แบบนี้!!” ผมพูดเสียงดังพลางทำท่าลุกขึ้นยืน แต่ก็โดนร่างบางถึงแขนเสื้อให้นั่งลงบนเตียงอีกครั้ง “คุณจะห้ามผมทำไมเมย์ ผมจะไปเอาเรื่องกับมันนะ”

ร่างบางส่ายหน้าไปมาก่อนจะพูดต่อ

“พีชจะไปเอาเรื่องกับเขาก็ไม่ถูกนะ เพราะเขาไม่ได้ทำผิด”

“นี่เมย์ยังพูดเข้าข้างมันอยู่อีกหรือ!”

“เมย์ไม่ได้พูดเข้าข้างเขาเลยพีช ฮึก” ร่างบางพูดพลางยกมือปาดน้ำตาตัวเองออก ก่อนจะพูดต่อด้วยประโยคบางอย่างที่ทำเอาผมถึงกับช็อกยิ่งกว่าช็อก “แต่คนที่ผิดจริงคือเมย์ ที่เขาไม่ยอมรับและทิ้งเมย์ไปเพราะเขาไม่ได้ทำเมย์ท้อง แต่เป็นเพราะเมย์...เมย์...ท้องกับพีชตั้งหาก”

“ว่ายังไงนะ?!”

..............

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 12 โชคร้าย 19/9/57)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 19-09-2014 09:58:48
 :hao7:   
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 12 โชคร้าย 19/9/57)
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 19-09-2014 10:10:26
พีชคะ ถึงเมย์จะน่าสงสารยังไงก็ต้องตรวจดีเอ็นเอนะคะ
หลังจากนั้นจะช่วยเหลือ ก็ช่วยเหลือได้
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 12 โชคร้าย 19/9/57)
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 19-09-2014 10:26:26
อ้าวยัยเมย์แกท้องกะคนอื่นแล้วจะให้พีชรับผิดชอบหรอ

ยัยผู้หญิงหน้าไม่อายเลิกกับเค้าไปตั้งนานแล้วมาบอกว่า

ท้องกะเค้าจะมีใครเค้าเชื่อแกในเมื่อแกมีคนใหม่ตั้งแต่ยัง

 ไม่ได้เลิกกับพีชอีก :angry2: :beat: :z6:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 12 โชคร้าย 19/9/57)
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 08-10-2014 18:47:44
ตอนที่ 13 วุ่นวาย

......................

ผมยอมรับว่าก่อนหน้านั้นผมเคยมีอะไรกับเมย์ก็จริงอยู่ แต่ผมก็ได้ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีอะไรด้วยกันมาตลอด ซึ่งพอมาเทียบกับหมอนั่นแล้ว มันเพิ่งจะมาคบกับเมย์ได้ไม่ถึงเดือน ไม่น่าจะทำเมย์ท้องได้ เพราะฉะนั้นมีคนเดียวที่ทำเมย์ท้องก็คือผมนั่นเอง

“แล้วเมย์...ท้องได้กี่เดือนแล้วล่ะ” ผมถามพลางเอามือกุมหน้าตัวเอง เพราะชักเริ่มรู้สึกปวดหัวตุบๆขึ้นมา

“สองเดือนแล้วนะพีช” ร่างบางตอบก่อนจะพูดต่อ “ตอนแรกเมย์ไม่รู้ว่าตัวเองท้อง แต่พอเมย์รู้สึกว่าประจำเดือนมันขาดหายไป ก็เลยไปหาหมอ ซึ่งหมอก็ได้บอกกับเมย์ว่าเมย์ท้องได้สองเดือนแล้ว”

คำพูดของเมย์ทำเอาผมถึงกับรู้สึกหนักอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก เพราะไม่คิดว่าเมย์จะท้องกับผมได้

“ถึงแม้พีชจะเป็นคนทำเมย์ท้อง แต่พีชไม่ต้องมารับผิดชอบเมย์หรอก เพราะเมย์เป็นคนทิ้งพีชไปตั้งแต่แรกเอง” ร่างบางพูดแทรกความคิด ทำเอาผมถึงกับเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายด้วยความโมโห

“นี่เมย์เห็นผมเป็นคนไม่มีความรับผิดชอบนักรึไงถึงได้พูดออกมานะ!”

“ปะ...เปล่า ไม่ใช่แบบนั้นพีช” ร่างบางสะดุ้งตกใจที่เห็นผมตะคอกเสียงใส่ “เมย์ก็แค่…ก็แค่รู้สึกผิดที่ทิ้งพีชไป ก็เลยไม่อยากให้พีช…ไม่อยากให้พีชต้องมารับผิดชอบนะ”

“เมย์ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก เพราะถึงยังไงผมก็ต้องรับผิดชอบลูกในท้องอยู่ดีนั่นแหละ” ผมตอบพลางถอนหายใจเฮือกแรงๆ “เอาเป็นว่าผมจะรับผิดชอบลูกของคุณเอง ส่วนเรื่องอื่นๆไว้ค่อยคุยกันได้วันหลังตอนนี้คุณกลับไปก่อนเถอะ ผมรู้สึกเหนื่อย อยากพักผ่อน”

“อะ…อืมจ้ะ”

แล้วร่างบางก็เดินออกไป ทิ้งให้ผมนั่งกุมขมับด้วยความเครียดอย่างเงียบๆ

อเล็กซ์ช่วยบอกผมหน่อย ว่าผมควรจะทำยังไงต่อไปดี!

............................................

หลังจากผมขอตัวกลับหอพักแล้ว ผมก็รีบอาบน้ำก่อนจะขับรถออกไปผับเพื่อทำงานเหมือนเช่นเคย ตอนนี้ผมต้องโหมเล่นดนตรีหนักขึ้นกว่าเดิม เพราะร้านของพีชถูกเผาไปแล้ว และไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนกว่าพีชจะกลับมาตั้งตัวได้ ดังนั้นผมจึงได้ตั้งหน้าตั้งตาทำงานนี้ไปก่อน แน่นอนว่าเรื่องนี้พ่อแม่ผมรับรู้เรื่องงานของผมหมดแล้ว ซึ่งท่านก็ไม่ได้ว่าอะไรผมเลยแม้แต่คำเดียว มีเพียงแต่ให้เงินเล็กๆน้อยๆไว้ใช้ยามยากลำบากเท่านั้น

“ไงเจย์ วันนี้มาไวเหมือนกันนะเรา” พี่เป้เอ่ยทักหลังจากเห็นผมเดินเข้ามาในผับแล้ว “ว่าแต่พีชเพื่อนของมึงเป็นยังไงบ้างล่ะ”

อีกฝ่ายถามด้วยความเป็นห่วง เพราะได้ยินข่าวว่าเพื่อนของผมถูกพวกนักเลงรุมทำร้าย แถมยังโดนผู้ไม่ประสงค์ดีเผาร้านดอกไม้ทั้งๆที่เจ้าของร้านยังนอนในโรงพยาบาลไม่รู้สึกตัวอีกด้วย

“พีชสบายดีครับ ขอบคุณพี่เป้ที่เป็นห่วง” ผมตอบอย่างขอไปที เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้ว่าพีชในตอนนี้เจ็บปวดมากแค่ไหน “เดี๋ยวผมขอตัวไปลองเสียงกีต้าร์ก่อนนะครับพี่เป้”

“อืมๆ”

แล้วผมก็เดินไปลองเสียงกีต้าร์ทันที หลังจากลองได้สักพักแล้ว แขกก็เริ่มทยอยเข้าร้าน ผมก็เริ่มเล่นเพลงไปตามใจที่ผมอยากเล่น ยกเว้นแขกคนไหนขอเพลงกับผม ผมก็เล่นให้เท่าที่เล่นได้ (เพราะผมจะได้ค่าทิปด้วย) ในระหว่างที่ผมเล่นอยู่นั้น ผมก็เหลือบไปเห็นใครบางคนที่คุ้นตาซึ่งไม่น่าจะมาอยู่แถวนี้ได้

น้องอาร์ท?

แถมมากับผู้ชายที่ผมไม่รู้จัก ซึ่งมันน่าแปลกที่น้องอาร์ทจะมาที่นี่โดยไม่มีน้องแบมกับไอ้ออยมาด้วย

อาจจะเป็นเพื่อนหรือพี่ก็ได้…

ผมคิดในใจก่อนจะหันไปเล่นดนตรีต่ออย่างไม่สนใจ

...............................

นี่เป็นอะไรที่บ้ามากที่ผมชักชวนรุ่นพี่ที่ทำงานนักเขียนด้วยกันมาที่ผับแห่งนี้ ซึ่งพอผมมาถึงผับผมก็เห็นพี่เจย์นั่งเล่นดนตรีอยู่

หวังว่าพี่เจย์คงจะไม่รู้ว่าผมมาที่นี่หรอกนะ…

“น้องอาร์ทไปนั่งโต๊ะตรงนู่นไหมครับ” รุ่นพี่ที่ผมชวนมาสะกิดบอกผม ซึ่งผมหันไปมองก่อนจะพบว่านั้นหลบมุมในอยู่ ยากที่คนบนเวทีจะเห็นได้ชัด

“เอาแบบนั้นก็ได้ฮะพี่” ผมตอบก่อนจะเดินตามร่างสูงไป เมื่อได้ที่นั่งแล้ว รุ่นพี่ก็สั่งเหล้าอ่อนๆพร้อมกับแกล้มทันที ซึ่งระหว่างนั้นผมก็หันไปมองพี่เจย์เล่นดนตรี บอกตามตรงว่าครั้งนี้พี่เจย์เล่นดนตรีได้ดีมาก ดีจนผมฟังแล้วแทบเคลิ้มตาม

“น้องอาร์ทครับ กับแกล้มกับเหล้ามาแล้วนะ” อีกฝ่ายบอก ทำเอาผมสะดุ้งตกใจนิดหน่อย ก่อนจะหันไปยิ้มแห้งๆให้กับรุ่นพี่ “สนใจฟังเพลงกับเขาเป็นด้วยรึเรา”

“ก็นิดหน่อยฮะ”

“อยากฟังเพลงอะไรก็ไปขอเพลงกับเขาสิ เดินไปขอถึงที่เลย”

เอ่อ ถ้าไปขอตรงๆ พี่เจย์ก็เห็นผมสิครับรุ่นพี่

“เอ่อ ผมว่าอย่าดีกว่าเลยนะฮะ” ผมบอกก่อนจะหยิบกับแกล้มขึ้นมากิน “ผมว่าฟังอยู่แบบนี้แหละดีแล้ว”

“หึๆ ตามใจเราแล้วกัน” รุ่นพี่หัวเราะพลางเอามือจับหัวผมแล้วเขย่าเบาๆ หลังจากนั้นผมก็กินไปฟังไป จนกระทั่งเริ่มรู้สึกกรึ่ม แอร์เย็นมากจนผมต้องขอตัวรุ่นพี่ไปเข้าห้องน้ำ หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้ว ผมก็เดินกลับออกมานั่งกินต่อ แต่นั่งกินไปได้ไม่นาน ผมชักเริ่มรู้สึกร้อนรุ่มอย่างบอกไม่ถูก แถมร่างกายเพลียจนแทบไม่มีแรงจะยกแก้วเหล้าเสียด้วยซ้ำ

นี่เราเป็นอะไรไปกันแน่?...

“พี่ว่าเราเมามากแล้ว กลับกันเถอะนะ” เสียงรุ่นพี่บอกผม ทันทีที่ผมถูกรุ่นพี่มาสัมผัสตัว ผมถึงกับสะดุ้งวาบด้วยความเสียวแบบแปลกๆ

“อ๊ะ พี่ อย่าถูกตัว…ผม ผมเดิน…เองได้” ผมขบปากบอกเสียงสั่น แต่อีกฝ่ายหาได้ฟังไม่ กลับโอบตัวผมพยุงเดินออกไปจากผับ ครั้นพอไปถึงตัวรถซึ่งจอดเปลี่ยวอยู่ในที่มืดไร้แสงไฟ อีกฝ่ายก็เปิดประตูด้านข้างคนขับออกแล้ว ก่อนจะผลักผมให้นั่งลงอย่างแรง “พะ…พี่…จะทำอะไร…ผมนะ”

ผมถามเสียงสั่นด้วยความแปลกใจก่อนจะเห็นใบหน้าของรุ่นพี่ที่มองมาอย่างหื่นกระหาย

อย่าบอกนะว่า…

“กูก็จะข่มขืนมึงยังไงล่ะไอ้โง่!”

............................

ผมเล่นดนตรีไปได้สักพักก็หยุดดื่มน้ำแก้กระหาย ซึ่งประจวบเหมาะที่ไปเห็นร่างเล็กกำลังโดนผู้ชายคนนั้นโอบตัวพยุงให้เดินออกไปข้างนอก ทำเอาผมนึกแปลกใจจึงวางแก้วน้ำลงก่อนจะเดินตามไปดูด้วยความเป็นห่วง ครั้นพอเดินออกไปข้างนอก ผมก็ไม่เห็นทั้งคู่แล้ว แต่น่าแปลกที่ไม่มีรถคันใดขยับออกซักคัน ทำเอาผมเป็นห่วงน้องอาร์ท จึงรีบออกเดินตามหาน้องอาร์ทอย่างเร็ว พอเดินหาไปได้สักพัก ผมก็รู้สึกคล้ายจะได้ยินเสียงคนร้องออกมาดังแว่วๆอยู่ในที่มืด จึงรีบสาวเท้าเดินไปตามเสียงนั้นอย่างเร็ว ครั้นพอถึงต้นเสียงแล้ว ผมถึงกับตกตะลึงเมื่อเห็นตัวเล็กถูกผู้ชายคนนั้นระดมจูบอย่างมัวมันโดยที่ร่างเล็กเองก็กำลังขัดขืนด้วยเช่นกัน ผมเห็นดังนั้นก็เลือดขึ้นหน้าก่อนจะสืบเท้าเข้าไปใกล้ พลางใช้มือจิกกระชากผมมันขึ้นมาก่อนจะง้างหมัดใส่ใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างแรง

บึก!!

แล้วตัวมันก็กระเด็นออกนอกตัวรถไป ก่อนที่ผมจะตามมันไปต่อยซ้ำ ซึ่งผมต่อยไปสองสามทีมันถึงกับสลบเหมือดคาที่ พอผมเห็นมันสลบไปแล้ว จึงลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปหาน้องอาร์ทที่นอนร้องไห้อยู่ในรถยนต์

“ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับน้องอาร์ท” ผมถามด้วยความเป็นห่วง พลางมองร่างเล็กที่ถูกถอดเสื้อไปครึ่งหนึ่ง ซึ่งอีกฝ่ายไม่ตอบ ได้แต่ร้องไห้จนผมต้องเข้าไปดึงเสื้อลง แต่ครั้นพอผมถูกตัว ร่างบางถึงกับสะดุ้งโหยง “เจ็บตรงไหนเหรอ บอกพี่ได้นะ”

ผมถามพลางก้มมองหาบาดแผล แต่เจ้าตัวกลับกระเถิบตัวหนีผม ซึ่งทำเอาผมถึงกับมุ่นคิ้ว

“มะ…ไม่…ผมไม่เป็น…อะไร”

“ไม่เป็นอะไรแล้วทำไมต้องหนีพี่ด้วยล่ะ”

ผมถามอย่างสงสัย ซึ่งพอสังเกตดูดีๆแล้ว น้องอาร์ทมีใบหน้าที่แดงกล่ำ แถมตัวยังสั่นราวกับจับไข้

เอ๊ะ หรือว่าน้องอาร์ทจะโดน…

มอมยา...


เนื่องจากผมเคยเห็นคนโดนมอมยาปลุกเซ็กมาก่อน จึงสามารถพอจะเดาอาการนี้ได้อยู่บ้าง ผมคิดได้ดังนั้นก็เข้าไปอุ้มน้องอาร์ทออกมาจากรถทันที ทำเอาร่างเล็กถึงกับสะดุ้งโหยง

“พะ…พี่เจย์…จะพาผมไปไหนครับ” น้องอาร์ทถามเสียงสั่น

ผมไม่ตอบก่อนจะพาร่างเล็กขึ้นรถ แล้วค่อยเดินอ้อมมาขึ้นนั่งฝั่งคนขับ พอนั่งแล้วผมก็กดมือถือโทรออกทันที

“โรงพยาบาลxxx ใช่ไหมครับ ตอนนี้มีคนสลบอยู่หน้าผับxxxครับ ครับ ช่วยมารับที ขอบคุณครับ” พูดจบก็วางสายทันที ก่อนจะกดโทรศัพท์อีกครั้ง “พี่เป้ครับ ผมขอหยุดก่อนเวลานะครับ พอดีมีธุระนิดหน่อยนะครับ ครับพี่ สวัสดีครับ”

แล้วผมก็เก็บมือถือเข้ากระเป๋าก่อนจะสตาร์ทรถขับออกไปทันที

“พี่เจย์…แฮ่กๆ จะพาผม…ไปไหนเหรอครับ” ร่างบางถามไปหอบไปพลาง ดูท่ายาจะออกฤทธิ์แรงพอสมควร

“ไปบ้านออยนะ”

“ไม่เอา!” ร่างบางตอบกลับทันที ทำเอาผมถึงกับหันไปมองด้วยความแปลกใจ ก่อนจะหันกลับไปมองถนนตามเดิม “ขอร้องล่ะฮะพี่เจย์…แฮ่กๆ อย่าพา…ผมไป…เดี๋ยวแบม…เห็นผมในสภาพนี้แล้ว…จะโกรธเอาได้”

ไม่โกรธก็บ้าแล้วล่ะ หน้าแดงออกขนาดนั้น แถมยังมีรอยจูบช้ำที่ตรงต้นคออีก

“เอางั้นก็ได้ ว่าแต่จะให้พี่พาเรากลับไปหอพักตัวเองรึไง”

“ฮะพี่เจย์”

“ด้วยสภาพนี้เนี่ยนะ” ผมตอบพลางเหล่ตามองร่างบางที่นอนหอบหน้าแดงกล่ำ “พี่คงไม่พาเรากลับไปที่หอพักตัวเองหรอก ยังไงก็กลับไปหอพักพี่ก่อนแล้วกัน”

ร่างบางไม่ตอบ คาดว่าคงไม่มีเรี่ยวแรงจะตอบคำถามผมแล้วล่ะ พอผมขับไปถึงหอพักแล้ว ผมก็อุ้มร่างเล็กเข้าไปนอนบนเตียงในห้อง ทีแรกผมตั้งใจจะให้น้องอาร์ทเข้าไปดับอารมณ์ของตัวเองในห้องน้ำ ครั้นพอผมวางกุญแจรถลงบนหัวเตียงแล้วหันกลับมาอีกที ถึงกลับตกใจเมื่อเห็นร่างเล็กถอดเสื้อตัวเองออกเรียบร้อยแล้ว

“พี่เจย์ แฮ่กๆ ผมร้อน…ผมทน…ไม่…ไหวแล้ว”

ไม่พูดเปล่าอย่างเดียว กลับโถมตัวเข้ามาโอบกอดผมแถมยังจูบผมอีกด้วย ซึ่งทำเอาผมตกตะลึง และนอกจากนี้น้องอาร์ทจะจูบผมแล้ว ยังใช้มือสองข้างดึงเสื้อผมขึ้นอีกด้วย

?!

“พี่เจย์…ขอร้องล่ะ…ช่วยผม…ด้วยนะครับ” อีกฝ่ายพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า นัยน์ตาแวววาวจนน่าหยิกนัก ซึ่งผมเองก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่จะมาทนโดนคนยั่วแบบนี้ได้ ผมจึงคว้าร่างบางโอบกอดจูบตอบทันที แน่นอนว่าอีกฝ่ายก็ตอบรับจูบผมด้วยเช่นกัน

“อือออ อืมมม” ผมไม่จูบเปล่าเพียงอย่างเดียว กลับสอดลิ้นควานหาความหวานในช่องปากอย่างมัวมัน พอจูบไปได้สักพักผมก็ค่อยจูบไล่ลงมาตั้งแต่ริมฝีปาก คอ หน้าอก และยอดอก ซึ่งทำเอาร่างบางถึงกับร้องคราง “อื้อออ พี่เจย์”

เสียงครางของตัวเล็กทำเอาภาพความทรงจำได้ผุดขึ้นมาในหัวผมเป็นดอกเห็ด ซึ่งมันเป็นภาพของน้องอาร์ทที่อยู่ใต้ร่างของผม แถมถูกผมมัดไว้ด้วยเสื้ออย่างแน่นหนา และภาพอื่นๆที่ผมทำอะไรต่อมิอะไรกับน้องอาร์ทอีกมากมายนับไม่ถ้วน ทำเอาผมนึกถึงคราบเลือดกับคราบสีขาวที่อยู่บนโซฟาในตอนเช้าของวันนั้น แถมอาร์ทกับแบมก็พากันหนีกลับไปหอพักแต่เช้าตรู่ด้วย

มิน่าถึงได้ดูคุ้นกับรสจูบกับน้องอาร์ทนัก ที่แท้ก็…

ผมครุ่นคิดในใจอย่างสับสน เพราะผมไม่ได้รักหรือชอบน้องอาร์ทแม้แต่น้อย ซึ่งคนที่ผมรักในตอนนี้คือพีชเท่านั้น

“อือออ พี่เจย์ อย่าหยุดสิ” เสียงน้องอาร์ทร้องครางประท้วงเมื่อเห็นผมหยุดมือ ทำเอาผมขบปากตัวเอง เพราะจะดับอารมณ์ของตัวเองในตอนนี้ก็คงไม่ทันการแล้วล่ะ

“ไว้เสร็จเมื่อไหร่น้องอาร์ทค่อยมาลงโทษพี่แล้วกัน” ผมกระซิบบอกข้างหูพลางผลักร่างเล็กนอนลงบนเตียง ก่อนจะคร่อมตัวตามลงไป “ไม่ต้องกลัวว่าพี่จะหนีไปหรอกนะ เพราะพี่จะอยู่ที่นี่ จะไม่หนีไปไหน จะขอรับความผิดที่ทำกับน้องไป พี่ขอโทษ ขอโทษจริงๆ”

ขอโทษที่เห็นน้องเป็นตัวแทนของพีช…

....................

ผมมารู้สึกตัวอีกทีแสงแดดก็ได้เข้ามาแยงตาแล้ว ทำเอาผมรู้สึกแสบตาจึงรีบหลับตาลง ก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้ง ทำให้แลเห็นใบหน้าคุ้นตานอนหลับอยู่ในระยะเผาขน

พะ...พี่เจย์?!

แถมนอกจากนี้ผมยังนอนเปลือยกายอยู่ในอ้อมกอดของเขาอีกด้วย ทำเอาผมนึกย้อนกลับไปว่าทำไมถึงมานอนอยู่กับพี่เจย์ได้ ซึ่งผมใช้เวลาคิดไม่นานนัก ก็นึกเรื่องราวออกได้ทั้งหมด รวมถึงสิ่งที่ผมทำกับพี่เจย์เมื่อคืนนี้ด้วย

ให้ตายสิ นี่ผมไปยั่วพี่เขาได้ยังไงเนี่ย?!

ผมยอมรับว่าครั้งแรกผมโดนพี่เจย์ข่มขืนแบบไม่เต็มใจ แต่ครั้งนี้ผมดันไปยั่วเขาก่อน ซึ่งคิดแล้วน่าอายจนอยากจะมุดดินหนี จะว่าไปครั้งนี้พี่เจย์ไม่ได้ทำผมแบบรุนแรงเหมือนครั้งแรก แต่กลับทำแบบนุ่มนวลจนผมที่เมาแล้วรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก พอคิดได้ดังนั้นผมก็รู้สึกหน้าร้อนผ่าว

ไม่คงไม่คิดแล้ว ไปอาบน้ำดีกว่า!

พอผมจะเอาแขนพี่เจย์ออก ร่างสูงกลับลืมตาขึ้นมองผมแป๋ว ทำเอาผมได้แต่มองอีกฝ่ายอย่างนิ่งอึ้ง เพราะจะหนีหน้าพี่เจย์เหมือนครั้งแรกก็ไม่ทันเสียแล้ว แถมตอนนี้ก็ไม่มีแบมอยู่ช่วยผมเสียด้วย

“น้องอาร์ท”

“คะ…ครับ” ผมตอบเสียงสั่น แต่แทนที่พี่แกจะพูดต่อ กลับจ้องผมจนผมต้องหันหน้าหนีด้วยความเขินอาย

พูดอะไรบ้างสิครับพี่เจย์ อย่าจ้องเงียบแบบนี้สิ ผมเขินนะ!

แล้วผมก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อมือหนาเข้ามาเกลี่ยผมที่ปรกตาผมออกอย่างแผ่วเบา ทำเอาผมหันหน้าไปมองก่อนจะประสานตากับพี่เจย์ที่จ้องมองมา

“พี่ปล่อยผมเถอะ ผมจะไปอาบน้ำ” ผมบอกพลางดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดของร่างสูง แต่อีกฝ่ายหาได้ปล่อยผมไม่ “ผมบอกแล้วไงว่าให้…”

“ขอโทษ” ร่างสูงพูดขอโทษ ทำเอาผมถึงกับหยุดดิ้นก่อนจะหันไปมองร่างสูงที่มองหน้าผมอย่างเศร้าๆ

“พี่ไม่ได้ตั้งใจทำน้อง เพราะตอนนั้นพี่เมามาก” พี่เจย์พูดเกริ่น ซึ่งทำเอาผมงงนิดหน่อย แต่พออีกฝ่ายพูดขึ้นมาอีกครั้ง ผมก็ถึงกับบางอ้อ “พี่ขอโทษที่เห็นน้องเป็นตัวแทนพีช ขอโทษที่ทำรุนแรงไป แต่ไม่ต้องห่วงนะน้องอาร์ท เพราะพี่จะขอรับความผิดทุกอย่าง ฉะนั้นเราจะลงโทษพี่ยังไงก็แล้วแต่ เชิญทำได้ตามสบายเลย”

แล้วพี่เจย์ก็ปล่อยผมให้เป็นอิสระ ก่อนจะหลับตาลงคล้ายกับรอให้ผมลงโทษได้ตามสบาย ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ผมจะทุบตีพี่แกให้หนำใจ เพราะพี่แกเห็นผมเป็นตัวแทนของคนๆนั้น แต่ครั้งนี้ผมกลับทำไม่ลง เหมือนมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมไม่กล้าลงมือ

ให้ตายสิ นี่เราเป็นอะไรไปกันแน่?

ส่วนร่างสูงนั้นเมื่อเห็นผมเงียบอยู่นานแล้ว จึงลืมตาขึ้นมองผมอีกครั้ง

“ทำไมยังไม่ลงมือล่ะหืม?” พี่เจย์ถามผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทำเอาผมที่ได้ยินเสียงนั้นถึงกับใจเต้นสั่นระรัว

“คือผม…ผม”

“ผม?”

“ผมว่า…ผมจะไปอาบน้ำก่อน!” ผมพูดตอบเสียงดังก่อนจะลุกขึ้นลงจากเตียงอย่างรวดเร็ว แต่ครั้นพอก้าวลงจากเตียง ความเจ็บปวดที่สะโพกกับแข้งขาที่อ่อนแรงก็ประดังเข้ามาทำเอาผมล้มลงไปนอนกับพื้น “อะ อูย เจ็บๆ”

ผมร้องครวญครางพลางเอามือลูบที่สะโพกของตัวเอง

โอย สะโพกจะหักไหมเนี่ย…

“อ๊ะ” ผมสะดุ้งตกใจร้องเสียงหลงเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังลอยขึ้นเหนือพื้น ก่อนจะพบว่าตัวเองกำลังถูกพี่เจย์อุ้มในท่าเจ้าหญิง “พี่เจย์อุ้มผมทำไม ปล่อยผมนะ”

“ถ้าพี่ปล่อยแล้ว น้องจะมีปัญญาเดินเข้าห้องน้ำเองเหรอ ให้พี่ช่วยเถอะนะ” ร่างสูงบอก ทำเอาผมพูดไม่ออก ได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายพาเข้าไปในห้องน้ำ ซึ่งพอเข้าห้องน้ำแล้วพี่เจย์ก็เปิดก๊อกน้ำอุ่นในอ่างให้ผม ก่อนจะวางผมลงในอ่างแล้วปล่อยให้ผมอาบน้ำเอง เมื่อผมอาบน้ำเสร็จแล้วก็ฝืนเดินออกไปโดยไม่ลืมนุ่งผ้าเช็ดตัวด้วย พอเดินออกมาข้างนอกผมก็ไม่เห็นพี่เจย์อยู่ในห้องนอนแล้ว

ไปไหนของเขาหว่า?

ครั้นพอมองไปที่เตียงก็พบเสื้อผ้าชุดหนึ่งถูกวางไว้อยู่ คาดว่าพี่เจย์คงจะเตรียมเอาไว้ให้ผมอย่างแน่นอน ซึ่งผมใส่ได้พอดิบพอดี ทำเอาผมนึกสงสัยว่าทำไมพี่เจย์ถึงมีเสื้อผ้าไซส์เล็กอยู่ในตู้เสื้อผ้าด้วย ผมเลิกสงสัยก่อนจะเดินออกไปนอกห้อง ก็พบว่าพี่เจย์กำลังเทข้าวต้มออกจากถุงใส่ชามอยู่พอดี

“ทำไมไม่เรียกพี่ แล้วนั่นเดินไหวแล้วหรือเราน่ะ” พี่เจย์เงยหน้าถามผมหลังจากได้ยินเสียงประตูเปิด

“คือผมคิดว่าผมพอจะเดินไหวแล้วนะฮะ” ผมยิ้มตอบพลางยกมือขึ้นเกาหัวแก้เขิน ก่อนจะชะเง้อมองข้าวต้มอย่างสงสัย “พี่เจย์ออกไปซื้อข้าวต้มมาหรือฮะ”

“ใช่ น้องอาร์ทมานั่งกินก่อนสิ แล้วจะได้กินยาต่อเลยไง”

“ยา? กินทำไมหรือฮะ” ผมถามพลางเดินเอื่อยอาดมานั่งลงบนเก้าอี้อย่างสงสัย

“ก็กินไม่ให้มันอักเสบไง หรือน้องจะปล่อยให้มันเจ็บอยู่อย่างนั้นล่ะ หึๆ” ร่างสูงพูดอย่างขำขัน ทำเอาผมสงสัย แต่พอนึกขึ้นได้ว่าพี่เจย์พูดถึงเรื่องอะไร หน้าผมถึงกับร้อนผ่าวขึ้นมาทันที “กินเถอะ เดี๋ยวมันจะหายร้อนแล้วไม่อร่อย”

“ฮะ” ผมตอบก่อนจะลงมือกิน ส่วนร่างสูงเมื่อเห็นผมนั่งกินแล้วจึงนั่งลงกินตาม

“เรื่องเมื่อวานนี้…” อยู่ๆพี่เจย์ก็พูดเกริ่นขึ้นมา ทำเอาผมที่กำลังกินข้าวต้มอยู่ถึงกับหยุดชะงัก “…น้องอาร์ทบอกพี่ได้ไหมว่ามันเป็นใคร”

“เอ่อ คือ…”

“ที่พี่ถามก็ไม่ใช่จะไปทำร้ายเขาต่อ แค่อยากรู้ว่าเป็นใครเฉยๆ” พี่เจย์บอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ผมไม่ตอบกลับไป ทำเอาร่างสูงถึงกับถอนหายใจเฮือกแรงๆ “ถ้าไม่บอกก็ไม่เป็นไร แต่คราวหน้าคราวหลังอย่าไปเที่ยวผับกับคนอื่นสุ่มสี่สุ่มห้าโดยไม่มีแบมกับออยไปด้วยอีกล่ะ เข้าใจไหมครับน้องอาร์ท”

ร่างสูงพูดพลางเอื้อมมือมาขยี้ผมบนหัวผมอย่างแผ่วเบา ซึ่งทำเอาผมถึงกับหน้าร้อนผ่าว

“ฮะพี่เจย์”

เมื่อกินเรียบแล้วร้อย ทีแรกผมอาสาไปล้างจานให้แต่พี่เจย์ไม่ยอม กลับไล่ผมให้ไปนั่งรอที่โซฟาแทน ระหว่างรอพี่เจย์ล้างจานอยู่นั้น ผมก็ดูโทรทัศน์ไปเรื่อยเปื่อย จนกระทั่งได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะข้างโซฟาที่ผมนั่งอยู่ดังขึ้น ทำเอาร่างสูงที่เข้าไปล้างจานในครัวถึงกับรีบวิ่งออกมารับอย่างรวดเร็ว

“เออ ว่าไง” พี่เจย์ขานรับด้วยสีหน้าหงุดหงิดหลังจากมองจอมือถือของตัวเอง “อืม ตอนนี้น้องอาร์ทอยู่กับกู เออ เมื่อวานกูเจอน้องเมาที่ผับวะ เออ มึงจะตะคอกทำเหี้ยไรฟะ ห๊ะ มึงกับน้องแบมจะมาหาที่นี่เรอะ! เฮ้ย ไม่ต้อง กูดูน้องเค้าเองได้ ว่าไงนะ น้องแบมคาดคั้นมึงจะมาที่นี่ให้ได้งั้นรึ มึงก็บอกเมียมึงไปสิว่าไม่ต้องเป็นห่วง เออ พูดให้ได้นะมึง เออ ไม่ต้องห่วงหรอก เออ เดี๋ยวกูไปส่งน้องให้แน่มึงไอ้ออย เออ แค่นี้ล่ะ”

แล้วพี่เจย์ก็กดปิดโทรศัพท์

“เอ่อ พี่ออยโทรมาหรือครับพี่เจย์” ผมถามอย่างสงสัย ซึ่งร่างสูงหันมาตอบผมว่า

“อืมใช่ แต่น้องไม่ต้องห่วง พี่ไม่ได้บอกเรื่องเมื่อวานนี้ให้ออยฟังหรอก”

“ฮะ ขอบคุณมากฮะพี่เจย์”

“ว่าแต่เราน่ะ มีงานทำอะไรตอนเช้าหรือเปล่า” พี่เจย์ถามต่ออย่างสงสัย ซึ่งผมส่ายหน้าเป็นคำตอบ “ก็ดี งั้นน้องอาร์ทก็พักอยู่ที่นี่ไปก่อนแล้วกัน เพราะพี่ยังไม่ไว้ใจให้น้องกลับไปหอพักตอนนี้หรอก”

“ทำไมล่ะฮะพี่เจย์” ผมถามกลับอย่างสงสัย

“ก็พี่กลัวว่ามันจะกลับมาเล่นงานน้องอีกยังไงล่ะ”

“แต่ผมต้องกลับ เพราะผมยังมีนิยายต้องแต่งส่งสำนักพิมพ์…”

“จะกลับไปให้มันข่มขืนทำเหี้ยอีกรึไงห๊ะพูดไม่เรื่อง!” ร่างสูงตะคอกเสียงใส่ ทำเอาผมถึงกับสะดุ้งตกใจ

“ผะ…ผมขอโทษฮะ” ผมพูดเสียงสั่นเครือ ไม่รู้ว่ามันเป็นอะไรกันแน่ พอได้ยินที่พี่ตะคอกเสียงใส่แล้ว น้ำตามันก็พาลไหลออกมา “ผมขอโทษ ฮึก ผมไม่ได้ตั้งใจ”

ร่างสูงเห็นผมร้องไห้แล้วถึงกับถอนหายใจ ก่อนจะเอามือมาลูบหัวผมอย่างเบาๆ

“ไว้ให้พี่มั่นใจว่าปลอดภัยแล้ว ถึงตอนนั้นพี่จะพาเรากลับไปหอพักแน่ ว่าแต่งานที่จะต้องทำมันอยู่ที่ไหนล่ะ เดี๋ยวพี่ขับรถไปเอามาให้”

“ฮึก อยู่ที่โน้ตบุ๊คผมในหอพักฮะ”

“โอเค งั้นเดี๋ยวพี่ไปเอามาให้พร้อมกับเสื้อผ้าของน้องเลยทีเดียว เอ่อ ระหว่างนี้ก็นั่งดูหนังแก้เซ็งไปก่อนนะ เพราะพี่มีแผ่นหนังอยู่ในห้องเพียบ” พี่เจย์บอกพลางชี้นิ้วไปที่เก็บซีดีให้ผมดู

“เอ่อพี่เจย์ฮะ แล้วถ้าแบมไปหาผมที่หอพักแล้วไม่เจอ จะให้ผมทำยังไงดีฮะ” ผมถามต่ออย่างสงสัย เพราะเมื่อครู่นี้พี่เจย์บอกกับพี่ออยว่าจะไปส่งผมที่หอพัก

“ไม่ต้องห่วง เรื่องนี้เดี๋ยวพี่จัดการให้เอง แต่ถ้าแบมโทรมาน้องก็บอกไปว่าออกไปทำงานที่สำนักพิมพ์ก็หมดเรื่อง”

“แต่เรื่องนี้ผมคงพูดโกหกแบมไปตลอดไม่ได้หรอกนะฮะ” ผมพูดต่ออย่างเป็นกังวล “เพราะแบมเป็นห่วงผมมาก ถ้าไม่ได้เจอแค่วันสองวันยังพอได้ แต่ถ้าหลายวันเข้าผมเกรงว่า…”

มือหนาเข้ามาลูบหัวผมอย่างเบาๆก่อนจะตอบมาว่า

“ไว้ให้ถึงตอนนั้นพี่จะพูดกับแบมเอง เราน่ะไม่ต้องคิดมากไปหรอก”

“ฮะพี่เจย์”

............................

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 13 วุ่นวาย (อัพ 100%) 8/10/57)
เริ่มหัวข้อโดย: ตีสี่ ที่ 09-10-2014 07:18:44
อเล็กซ์จะว่ายังไงละเนี่ยถ้ารูเรื่องที่เมย์ท้อง แถมพีชยังยอมรับเป็นพ่อง่ายๆอีก
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 13 วุ่นวาย (อัพ 100%) 8/10/57)
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 09-10-2014 08:22:35
คู่เจย์ยังไม่ได้คบกันสินะคะ เหมือนรับผิดชอบสิ่งที่ทำลงไป..หรือเปล่า??


ว่าแต่นั่นลูกของลูกพีชแน่เรอะ?? ชักไม่ไว้ใจนังเมย์
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 13 วุ่นวาย (อัพ 100%) 8/10/57)
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 16-11-2014 21:12:51
ตอนที่ 14 บอก

.................

หลังจากผมบอกให้น้องอาร์ทนั่งดูหนังรอผมอยู่ในห้องแล้ว ผมก็ขับรถออกมาก่อนจะมุ่งตรงไปยังหอพักน้องอาร์ท เมื่อเก็บข้าวของของน้องอาร์ทเสร็จ ผมก็ขับรถไปยังโรงพยาบาลเพื่อหาพีชทันที (ก่อนถึงโรงพยาบาล ผมได้แวะซื้อขนมที่พีชชอบติดมือมาด้วย)

“ว่าไงพีช เช้านี้แกกินข้าวหรือยัง” ผมพูดพลางเดินเข้าไปในห้อง แลเห็นพีชนั่งพิงหมอนดูโทรทัศน์อย่างเงียบๆ

“กินแล้ว”

“เหรอ งั้นกินขนมนี่ไหม พอดีฉันแวะซื้อมาฝากแกด้วย ของชอบของแกเชียวนะพีช” ผมบอกพลางถือถุงขึ้นมาให้พีชดู “ดีนะที่ช่วงนี้อยู่ในช่วงโปรโมชั่น ซื้อหนึ่งแถมสอง ฉันก็เลยซื้อมาสองถุงซะ…”

“เจย์ทำยังไงดี เมย์ท้องกับฉันแล้ว” อยู่ๆพีชก็พูดแทรกขึ้นมา ทำเอาผมที่ยังพูดไม่จบถึงกับหยุดชะงัก

“อะไรนะพีช เมื่อกี้แกว่าอะไร ฉันได้ยินไม่ชัด”

“เมย์ท้องกับฉันแล้ว” ร่างบางพูดย้ำอีกครั้ง ทำเอาถุงขนมที่ผมถืออยู่ถึงกับร่วงหล่นลงพื้น “เมื่อคืนหลังจากแกกลับไปแล้ว เมย์ก็มาหาฉัน และบอกว่าเธอท้องได้สองเดือนแล้ว”

“ไม่จริงน่า ล้อเล่นใช่ไหม” ผมพูดอย่างไม่เชื่อเรื่องที่ได้ยินมา

“ไม่ได้ล้อเล่น มันคือเรื่องจริง” ร่างบางขบริมฝีปากพูด ก่อนจะก้มหน้าฟุบลงบนฝ่ามือของตัวเอง “ทีแรกฉันไม่เชื่อ แต่พอลองมาคิดดูแล้ว เมย์คบกับคนนั้นได้ไม่ถึงเดือน ซึ่งไม่น่าจะทำเมย์ท้องได้ ฉะนั้นคนที่ทำเมย์ท้องก็คือฉันคนเดียว”

เหมือนโลกจะมาถล่มทลายจนผมยืนทรงแทบไม่อยู่

นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย?!

“เมื่อคืนฉันมาลองคิดดูแล้วว่าจะไปสู่ขอแต่งงานกับเมย์ให้เร็วที่สุด” ร่างบางพูดพลางเงยหน้าขึ้นมามองผมอีกครั้ง เผยให้เห็นรอยคล้ำบนขอบตาซึ่งดูแล้วเจ้าตัวคงจะไม่ได้นอนหลับมาทั้งคืน “ส่วนเรื่องเงินที่จะไปขอเขา คงต้องกู้พ่อแม่ของนายมาแล้วล่ะ เพราะในธนาคารของฉันมีอยู่นิดหน่อยเอง”

“แล้วไอ้หมอนั่นล่ะ”

“หมอนั่น?”

“ก็ไอ้หน้าจืดที่มาคบกับยัยนั่นไงเล่า!”

“อ้อ เมย์บอกว่าเขามาขอเลิกกับเธอหลังจากรู้เรื่องท้องกับฉันไปแล้วนะ” พีชพูดเสียงอ่อย ซึ่งทำเอาผมแทบกุมขมับ “เจย์ เรื่องที่เมย์ท้อง เจย์อย่าเอาไปบอกออย น้องแบมแล้วก็…อเล็กเซย์จะได้ไหม”

“ได้สิ ฉันไม่บอกใครแน่ ว่าแต่แกแน่ใจแล้วเหรอว่ายัยนั่นท้องกับแกจริงนะ” ผมถามย้ำอีกครั้งอย่างไม่แน่ใจ เพราะฟังจากความข้างเดียวมันดูไม่น่าเชื่อถือซักหน่อย

“ก็จริงนะสิ ไม่งั้นเมย์จะมาร้องไห้บอกฉันถึงที่นี่ไปทำไมกันล่ะ” ร่างบางตอบก่อนจะขอตัวนอนเพราะรู้สึกเพลีย ซึ่งผมก็ไม่ได้คิดจะห้าม เมื่อร่างบางนอนไปแล้ว ผมยืนมองพีชซักพักก็เก็บถุงขนมขึ้นมาวางบนโต๊ะ ก่อนจะเดินออกไป

.......................

เมื่อคืนผมออกไปทานข้าวมื้อค่ำกับดารินมา ซึ่งการไปครั้งนี้ผมคิดว่ามันเสียเปล่า เพราะไม่ได้อะไรกลับมาเลย แถมหนำซ้ำยังถูกพ่อของดารินพูดถึงเรื่องงานแต่งงานกับดารินด้วย

“ผมคิดว่าผมเคยบอกท่านไปแล้วนะครับ” ผมบอกเสียงเย็นหลังจากตอนที่ดารินขอตัวไปเข้าห้องน้ำ “ว่าผมจะไม่แต่งงานกับลูกสาวของท่าน ผมมีคนรักของผมอยู่แล้ว”

“โฮ่ คนรักที่เป็นผู้ชายนะรึ”

“ท่านรู้?”

“แน่นอน เขาลือกันให้แซดว่าท่านประธานเอนเตอร์ไพร์สกรุ๊ปตามจีบกับเจ้าของร้านดอกไม้อยู่ทุกวัน” อีกฝ่ายพูดพลางหมุนแก้วไวน์ไปมาเล่น “จริงสิ ได้ข่าวว่าถูกพวกนักเลงทำร้ายร่างกายจนเข้าโรงพยาบาลเลยไม่ใช่รึ แถมร้านดอกไม้ก็ถูกวางเพลิงอีก คงจะหมดเนื้อหมดตัวแล้วกระมัง ช่างน่าสงสารซะจริง”

“ถึงจะหมดเนื้อหมดตัวยังไง ผมก็ยังรักและจะคบกับเขาต่อไปอยู่ดี”

“พ่อพระเชียวนะ” อีกฝ่ายพูดขำๆ แต่ผมไม่ขำไปด้วย “เอาเป็นว่าเธอเก็บเรื่องงานแต่งกับดารินไปคิดไว้ให้ดีแล้วกัน เพราะถ้าเธอตกลงตามที่ฉันพูดในวันนี้ ฉันจะยอมยกทุกอย่างที่เป็นของฉันทั้งหมดให้กับเธอ”

“ไม่จำเป็น ผมมีพร้อมทุกอย่างแล้ว ขอบคุณที่หวังดี แล้วพบกันใหม่”

พอออกมาจากคฤหาสน์แล้ว ผมก็รีบเปิดมือถือขึ้นมาดู ก็พบว่าพีชโทรเข้ามาหาผมตั้งหลายรอบแล้ว ซึ่งพอโทรกลับ อีกฝ่ายก็หาได้รับสายผมไม่ ทำให้ผมคาดเดาได้ว่าร่างบางคงจะนอนหลับไปแล้ว จึงไม่คิดโทรไปรบกวนอีก พอรุ่งเช้าแทนที่ผมจะได้ไปหาพีชตามที่ตั้งใจไว้ กลับต้องเข้ามานั่งประชุมงานโดยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

...............

ผมตื่นมาอีกครั้งก็ไม่พบเจย์อยู่ในห้องแล้ว ผมเดาว่ามันคงจะออกไปทำธุระอยู่แน่ๆ พอคิดได้ดังนั้นผมจึงคว้ามือถือขึ้นมาดูก่อนจะพบสายที่ไม่ได้รับตอนตีหนึ่งอยู่สองสามครั้ง ซึ่งเป็นใครไม่ได้นอกเสียจากอเล็กเซย์ แต่ผมไม่คิดจะโทรกลับไป เพราะตอนนี้สมองตื้อไปหมด แค่เรื่องของเมย์ก็ทำเอาผมกลุ้มจนแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว

แกรก!

เสียงประตูถูกเปิดทำเอาผมนึกว่าเป็นอเล็กเซย์จึงหันไปมองอย่างรวดเร็ว

“อเล็กซ์…”

“อุ้ยตาย ขอโทษนะที่ฉันไม่ใช่คนที่นายกำลังพูดถึง” เสียงหวานแหลมพูดเยาะเย้ยทันที ซึ่งไม่ใช่ใครนอกเสียจากดารินที่มาด้วยชุดแซ็กสีดำทั้งตัว ในมือถือช่อดอกกุหลาบสีขาวมาด้วย “ได้ข่าวว่าถูกพวกนักเลงกระทืบ ไม่คิดเลยว่าจะรอดมาได้นะ ฮิๆ”

“ถ้าคิดจะมาเยาะเย้ยผมก็เชิญกลับไปเถอะครับ ผมต้องการพักผ่อน” ผมพูดพลางหันหน้ากลับไปมองโทรทัศน์ต่ออย่างไม่ใส่ใจ แต่อีกฝ่ายกลับเดินมาหาผมก่อนจะโยนช่อดอกกุหลาบสีขาวใส่ ทำเอาผมหันไปมองอย่างไม่พอใจ

เพราะดอกกุหลาบสีขาวเป็นดอกที่ไว้ใช้เยี่ยมเคารพศพ

“ของเยี่ยม” ร่างบางพูดเย้ยหยัน “คงไม่ปฏิเสธรับของเยี่ยมจากฉันหรอกนะ เพราะซื้อมาซะแพง คนจนที่หมดเนื้อหมดตัวอย่างนายคงไม่มีปัญญาซื้อมันแน่อยู่แล้วล่ะ”

“คุณรีบกลับไปซะเถอะคุณดารินก่อนที่ผมจะหมดความอดทน” ผมกัดฟันพูดด้วยความโมโห

ต่อยผู้หญิงนี่คงไม่ผิดหรอกนะใช่ไหม

“หึ กลับแน่แต่จะมาบอกข่าวดีให้นายรู้ซะก่อน เพราะอีกไม่นานฉันกับอเล็กเซย์จะต้องได้แต่งงานกันแน่ เพราะเมื่อคืนพ่อของฉันได้คุยกับเขาแล้ว” ร่างบางพูดเสียงสูงเชิดหน้าใส่ผม แต่เรื่องอะไรที่ผมจะเชื่อล่ะ ไม่มีวันซะหรอก

“เหรอครับ แต่ก็เสียใจด้วยนะคุณดาริน ผมจะเชื่อก็ต่อเมื่อเขามาพูดกับผมเองเท่านั้น” ผมพูดเสียงแข็งใส่ ทำเอาร่างบางชักสีหน้าใส่อย่างไม่พอใจ “คุณกลับไปซะเถอะ อย่าให้ผมต้องเรียกพยาบาลมาไล่คุณให้ออกไป”

“ชิ ไม่ต้องเรียกฉันก็จะไปอยู่แล้วย่ะ แค่อยากจะพูดเตือนนายเป็นครั้งสุดท้ายว่าให้เลิกกับอเล็กเซย์ซะ ไม่งั้นนายจะได้เจอมากกว่านี้แน่” แล้วร่างบางก็เดินย้ำเท้าอย่างแรงออกนอกห้องไป ทำเอาผมที่นั่งฟังได้แต่มึนงง

ยัยนี่พูดอะไรของมันฟะ?

......................

ผมนั่งเคาะนิ้วกับพวงมาลัยขับรถระหว่างนั่งรอรถติดไฟแดง เพราะตั้งแต่เสร็จจากประชุมแล้ว ผมก็รีบขับออกรถมาจากที่ทำงานโดยไม่รอเรย์ที่เป็นเลขาของผมเลยซักนิด แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้รถจะติดมากพอสมควร เพราะเยื้องไปข้างหน้าอีกสองสามร้อยเมตร มีอุบัติเหตุรถชนกันหลายคัน เลยทำให้รถติดแน่นกันเป็นปลากระป๋องอยู่อย่างนี้มานับชั่วโมงแล้ว

ให้ตายสิ ทำไมต้องมาเอาเป็นเวลานี้ด้วยนะ!

ผมครุ่นคิดในใจอย่างรีบร้อน เพราะอยากจะรีบกลับไปหาลูกพีชไวๆ พอคิดได้ดังนั้นผมก็รีบคว้ามือถือก่อนจะกดโทรเข้าหาคนรักอย่างรวดเร็ว ซึ่งผมถือสายรอซักพัก อีกฝ่ายก็หาได้รับสายผมไม่ ทำเอาผมนึกแปลกใจเพราะปกติร่างบางมักจะรับสายทันทีที่ผมโทรเข้าไปหา จนกระทั่งเสียงมือถือดับไปแล้วผมก็รีบกดโทรหาอีกครั้ง ไม่นานนักอีกฝ่ายก็กดรับสายทันที

“คุณมัวทำอะไรอยู่ลูกพีช ทำไมตอนแรกถึงไม่รับสายผมล่ะ” ผมถามด้วยความสงสัย ซึ่งร่างบางไม่ตอบ กลับเงียบไปซักพักจนผมต้องเรียกคนรักอีกครั้ง “ลูกพีชได้ยินที่ผมพูดหรือเปล่าครับ”

“...ได้ยิน พอดีลูกพีชกำลังกินขนมอยู่นะ เลยตอบช้าไปหน่อย”

“อย่ากินขนมเยอะนะครับ เดี๋ยวจะปวดท้องเอาได้” ผมบอกด้วยความเป็นห่วง “ตอนนี้ผมใกล้จะถึงโรงพยาบาลแล้ว ติดไฟแดงนิดหน่อย อีกสักพักก็คงถึง นั่งดูโทรทัศน์ไปก่อนนะครับ”

“...อืม...”

แล้วผมก็กดวางสายโดยไม่ได้เอะใจกับน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปของลูกพีชเลยแม้แต่น้อย

........................

ปัง!

เสียงประตูปิดเสียงดังสนั่น ทำเอาผมที่กำลังนั่งดูโทรทัศน์ในห้องนั่งเล่นถึงกับสะดุ้งตกใจ แต่ดูเหมือนเจ้าของห้องไม่สนใจกับท่าทางตกใจของผม กลับวางโน้ตบุ๊คกับถุงเสื้อผ้าของผมลงบนโต๊ะรับแขกก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าไปในห้องนอนอย่างรวดเร็ว ทำเอาผมต้องลุกขึ้นเดินตามเข้าไปในห้องอย่างเป็นห่วง

“พี่เจย์” ผมเรียกชื่ออีกฝ่ายพลางเดินเข้าไปใกล้ๆ แลเห็นร่างสูงที่นั่งบนเตียงก้มหน้ากุมขมับของตัวเอง “พี่เจย์ปวดหัวหรือฮะ งั้นเดี๋ยวผมไปเอายามาให้กิน ว่าแต่ยาพาราอยู่…”

หมับ!

ยังไม่ทันที่ผมพูดจบ ร่างสูงกลับคว้าแขนผมดึงเข้าไปโอบกอดทันที

“พะ…พี่เจย์?!” ผมร้องเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยความตกใจ ก่อนจะดิ้นตัวให้หลุดจากอ้อมกอด “ปล่อยผมสิฮะพี่…”

“ขอพี่อยู่อย่างนี้ก่อนซักพักได้ไหมครับน้องอาร์ทพี่ขอร้องล่ะ” ร่างสูงบอกเสียงอู้อี้ ทำเอาผมได้แต่ปล่อยเลยตามเลย เพราะไม่รู้ว่าตอนพี่เจย์ออกไปข้างนอกแล้วไปเจออะไรมาบ้าง แต่ก็เต็มใจให้อีกฝ่ายกอดผมอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งร่างสูงคลายกอดนั่นแหละ ทำให้ผมต้องรีบเขยิบถอยห่างเพราะกลัวจะโดนกอดอีก “พี่ก็แค่ไปเจอเรื่องเครียดมานิดหน่อยนะ แต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว เอ้อ พี่เอาของที่น้องอยากได้มาแล้วนะ ถ้าจะใช้อินเทอร์เนตร่วมด้วยก็ใช้ได้ตามสบาย เพราะที่นี่ใช้แบบไวไฟน์นะ”

“ฮะพี่เจย์”

“แล้วตอนที่พี่ไม่อยู่นี่ แบมกับออยได้โทรมาหาน้องบ้างหรือเปล่าล่ะ” ร่างสูงถามต่ออย่างสงสัย

“โทรมาแล้วฮะ” ผมพูดพลางพยักหน้า “ผมบอกพวกเขาไปว่าผมทำงานอยู่ที่สำนักพิมพ์แล้ว”

“อืม ดีแล้วล่ะ จริงสิ นี่ก็เที่ยงแล้ว พวกเราออกไปกินข้าวข้างนอกกันไหมครับน้องอาร์ท”

“ก็อยากไปอยู่นะฮะ เอ่อ แต่ผมกลัวไปจ๊ะเอ๋พี่ออยกับแบมที่ข้างนอก” ผมพูดเสียงอ่อย เพราะผมยังไม่พร้อมที่จะเจอพวกเขาในตอนนี้

“ไม่ยาก พวกเราก็ไปที่ๆพวกเขาไม่ไปซะก็สิ้นเรื่อง” พี่เจย์ตอบยิ้มๆ พลางเอามือลูบหัวผม ทำเอาผมรู้สึกหน้าร้อนผ่าว แล้วพี่เจย์ก็ไล่ผมให้ไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ ก่อนพี่เจย์จะพาผมขึ้นรถขับออกไปทานข้าวกันสองคนตามลำพัง

.......................

พอผมมาถึงโรงพยาบาล หมอก็มาตรวจร่างกายพีชอีกครั้งก่อนจะบอกว่าร่างกายเป็นปกติดีแล้ว พรุ่งนี้ให้เตรียมกลับบ้านได้ ทว่าเนื่องด้วยร้านดอกไม้ของพีชถูกเผาหมดไปจนหมดแล้ว ผมจึงเอ่ยปากชวนร่างบางให้ไปนอนที่คอนโดผมด้วยกัน ทีแรกร่างบางทำท่าอิดออดเหมือนไม่อยากจะไป เพราะบอกว่าโดนเจย์ชักชวนให้ไปนอนที่หอพักแล้ว แต่พอผมทำท่าน้อยใจเท่านั้นแหละ อีกฝ่ายก็ยอมไปเสียแต่โดยดี

“ถ้างั้นลูกพีชก็ต้องบอกเรื่องของพวกเราให้เจย์รู้นะสิ” ร่างบางก้มหน้าพูดเสียงอ่อย ดูท่ายังไม่อยากให้เจย์รู้เรื่องนี้

“มาถึงตอนนี้แล้วลูกพีชยังคิดปิดอยู่อีกหรือ” ผมแสร้งพูดเสียงเย็นชาใส่ ซึ่งทำเอาร่างบางหันมามองผมทันที “เฮ้อ ตามใจคุณแล้วกัน ผมไม่อยากยุ่งวุ่นวายกับคุณอีกแล้ว อยากจะทำอะไรก็ทำไป เชิญ”

“ไม่นะ อเล็กซ์…ลูกพีชขอโทษ ลูกพีชยอมบอกแล้ว อย่าโกรธลูกพีชเลยนะ” ร่างบางตอบเสียงแผ่วเบา พอได้ยินดังนั้นแล้วผมก็หันมาจุ๊บหน้าผากคนรักทันที

“ดีมากครับคนเก่ง งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะมารับลูกพีชแต่เช้านะครับ” ผมพูดพลางเอามือลูบหัวลูกพีชเบาๆ “จะว่าไปหลังจากออกโรงพยาบาลแล้ว ผมกะว่าจะชวนลูกพีชไปเที่ยวกันสองคนด้วย ลูกพีชอยากจะไปเที่ยวที่ไหนเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ”

“ทะเล”

“โอเคครับ ทะเลนะ”

แกรก!

เสียงประตูถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง ทำเอาผมกับพีชชะงักก่อนจะหันไปมองผู้ที่เปิดประตู ซึ่งเป็นตำรวจสามนายเดินเข้ามาในห้อง

“รบกวนขอเวลาซักครู่ได้ไหมครับ” หนึ่งในตำรวจพูดเกริ่น ซึ่งผมพยักหน้าตอบ แล้วตำรวจก็หยิบอะไรบางอย่างออกมาจากแฟ้มที่ติดมือมา ก่อนจะยื่นส่งให้กับผมและพีชดู ซึ่งมันเป็นภาพถ่ายผู้ชายกลุ่มหนึ่งเข้ามาลอบทำร้ายพีชที่หน้าร้านดอกไม้ในตอนเช้า กับอีกภาพซึ่งถูกถ่ายไว้ตอนดึก มันเป็นภาพของชายชุดดำสวมหมวกโม่งปิดบังใบหน้ากำลังจุดไม้ขีดไฟเตรียมเผาร้านดอกไม้ของพีชอยู่ “นี่คือภาพที่ทางพวกเราได้ไปแสกนมาจากกล้องวงจรปิด”

ตำรวจคนเดิมบอกก่อนจะหันหน้าไปทางพีช “แม้ภาพจะใบหน้าของพวกที่เข้ามาทำร้ายคุณจะไม่ชัด แต่ทางพวกเราจะพยายามสืบหาที่อยู่ของพวกนั้นมาจับเข้าคุกให้จงได้ ฉะนั้นคุณอย่าได้เป็นห่วง”

“ครับ” ลูกพีชตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ส่วนเรื่องคนร้ายที่เผาร้าน เอ่อ ทางพวกเราจะพยายามหาต้นตอให้ได้ แม้หลักฐานจะถูกเผาไปจนหมดแล้วก็ตาม ว่าแต่คุณเคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งอะไรกับใครไปหรือเปล่าครับ” ตำรวจถามอย่างสงสัย ซึ่งทำเอาร่างบางสะดุ้งตกใจเล็กน้อย

“ก็...มีครับ” ร่างบางพูดเสียงตะกุกตะกัก

“ไม่ทราบว่าคนนั้นเป็นใครครับ อ๊ะ คุณไม่ต้องกลัวหรอกนะ เพราะทางเราจะปิดไว้เป็นความลับ”

“เอ่อ...คือ” ลูกพีชพูดด้วยความลังเล พลางหันหน้ามามองผมราวกับต้องการความเห็นจากผม ซึ่งผมพยักหน้าส่งไป ทำให้ร่างบางถอนหายใจก่อนจะหันกลับไปตอบกับตำรวจว่า “...คือผมมีเรื่องทะเลาะกับคุณดารินนะครับ”

“นางสาวดาริน อรวรรณ นางแบบชื่อดังของประเทศไทย” ผมพูดต่อทันทีโดยไม่ให้ตำรวจได้ถามร่างบางอีก

“เอ๊ะ?” ตำรวจร้องอุทานพลางหันหน้ามองผมด้วยความแปลกใจ

“พอดีดารินทำงานเป็นหุ้นส่วนกับบริษัทของผมนะ”

“คุณคือ?”

“ผมอเล็กเซย์ ดี เฟอร์กูล ประธานบริษัทเอนเตอร์ไพร์สกรุ๊ป ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณตำรวจ” ผมพูดแนะนำตัวพลางยื่นมือเพื่อเช็กแฮนด์ด้วย แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับยืนเบิกตากว้างมองผมราวกับตกใจกับสิ่งที่ได้ยินมา “หวังว่าคุณตำรวจคงไม่ทำให้พวกผมต้องผิดหวังนะครับ”

อีกฝ่ายเมื่อได้ยินที่ผมพูดแล้วถึงกับยกมือขึ้นปาดเหงื่อของตัวเองทันที ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะผมคือประธานบริษัทยักษ์ใหญ่หรือมาเฟียที่ไม่ว่าใครต่างก็รู้จัก เพียงแต่ผมไม่เคยจะออกสื่อเท่าที่ควร เพราะด้วยเหตุนี้ตอนแรกที่ตำรวจเข้ามาในห้องเห็นผมแล้วทำเป็นเฉย เพราะคนส่วนมากถ้าได้ยินชื่อของผมแล้วล้วนต่างพากันวิ่งหนีหายไปทันที

“ครับๆ ผมไม่ทำให้คุณต้องผิดหวังแน่ ถ้าได้เรื่องแล้วยังไงผมจะรีบกลับมาติดต่อคุณอีกครั้งนะครับคุณพีช”

“ครับคุณตำรวจ” แล้วพวกตำรวจก็ขอภาพคืน ก่อนจะพากันทยอยออกไปจากห้องด้วยความรวดเร็วท่ามกลางความแปลกใจของพีช “อเล็กซ์ ตำรวจเขาเป็นอะไรไปเหรอ ทำไมดูเหมือนรีบร้อนกลับโรงพักกันจัง”

“เรื่องนั้นผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันครับลูกพีช” ผมตอบทั้งที่ในใจรู้ว่ามันเป็นเพราะอะไร

..............

มีต่อข้างล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 13 วุ่นวาย (อัพ 100%) 8/10/57)
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 16-11-2014 21:13:09
ผมชื่อแบมทำงานบริษัทคอมพิวเตอร์แห่งหนึ่งเล็กๆ มีแฟนเป็นผู้ชายชื่อพี่ออย และมีเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวคืออาร์ท ผมกับอาร์ทเรียนหนังสือมาด้วยกันตั้งแต่ยังเล็กจนกระทั่งจบมหาวิทยาลัย ต่างคนต่างแยกย้ายกันทำงานที่ตัวเองถนัด แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่ลืมที่จะติดต่อหากันเรื่อยมา จนกระทั่งวันหนึ่งพี่เจย์ เพื่อนสนิทของพี่ออยได้ชักชวนพวกเราไปนั่งดูหนังด้วยกัน พอตกเย็นพี่ออยก็ชวนอาร์ทไปผับด้วยกัน แต่พี่เจย์ดันเมาจนขับรถกลับไม่ไหว ก็เลยพากลับนอนค้างที่บ้านของพี่ออยด้วยกัน จนรุ่งเช้าผมตื่นขึ้นมาเพื่อที่ลงมาทำอาหารเช้าให้ทุกคน แต่กลับต้องเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น

อาร์ทถูกพี่เจย์ข่มขืน!

ทีแรกผมจะเอาเรื่องพี่เจย์แต่อาร์ทกลับขอร้องผมเอาไว้ แถมยังให้ผมรีบพากลับไปหอพักของตัวเองด้วย ซึ่งกลับไปถึงหอพักแล้ว ผมก็คาดคั้นให้อาร์ทเล่าเรื่องให้ฟังว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไงกันแน่ ทำไมอยู่ๆพี่เจย์ถึงทำแบบนั้นกับอาร์ทได้ แต่ทว่าอาร์ทกลับไม่ยอมเล่าอะไรให้ผมฟังเลยแม้แต่นิดเดียว จนกระทั่งวันเวลาผ่านไปได้ไม่กี่วันผมก็ได้รับข่าวไม่ดีจากพี่ออย ว่าพี่พีชเพื่อนสนิทวัยเด็กของพี่เจย์ถูกพวกนักเลงรุมซ้อมจนต้องเข้าไอซียู แถมวันถัดมาร้านดอกไม้ของพีชยังถูกคนวางเพลิงอีกด้วย พี่ออยก็เลยชวนผมไปเยี่ยมพี่พีชถึงที่โรงพยาบาล แน่นอนว่าการไปครั้งนี้ผมได้พบกับพี่เจย์ด้วย (แต่ร่างสูงกลับนอนหลับไปซะงั้น) ซึ่งผมทำอะไรไม่ได้นอกจากได้แต่มองเพียงอย่างเดียว ขากลับจากโรงพยาบาล ผมกับพี่ออยไปหาอาร์ทที่หอพักเพื่อชวนมันไปเที่ยวห้างสรรพสินค้า แต่พอไปถึงนั้นห้องกลับปิดเงียบสนิท ทำเอาผมกลัวว่ามันจะไปฆ่าตัวตาย จึงรีบกดมือถือโทรหามันทันที

“ไปไหนห๊ะอาร์ท ทำไมไม่อยู่ที่ห้อง!” ผมตวาดเสียงใส่ลงไป ทำเอาร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆจับไหล่ผมเพื่อบอกทางอ้อมว่าให้ค่อยพูดค่อยจากัน “ว่าไง รีบตอบมาสิ”

ปลายสายนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้มว่า

“อยู่...ที่สำนักพิมพ์นะ พอดีพี่บอกอเรียกให้ฉันมาดูงานหนังสือที่จะตีพิมพ์ ก็เลยไม่ได้อยู่ที่ห้อง ขอโทษที่ไม่ได้บอกนายก่อนนะแบม”

“ไม่เป็นไร ถ้ากลับแล้วก็ช่วยโทรบอกฉันด้วยล่ะ เป็นห่วง”

“อืม แล้วจะโทรกลับ แค่นี้นะแบม” แล้วอีกฝ่ายก็วางสายไปอย่างรวดเร็ว

“อาร์ทว่ายังไง” พี่ออยถามหลังจากเห็นผมคุยเสร็จแล้ว

“เห็นบอกว่าไปสำนักพิมพ์นะฮะพี่ออย” ผมตอบพลางเก็บมือถือเข้ากระเป๋า ก่อนจะตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ “พี่ออยฮะ ผมว่าพวกเราเลิกไปห้างดีกว่า ผมมีที่ๆหนึ่งอยากให้พี่ออยพาไปนะฮะ”

“จะไปไหนหรือแบม?” ร่างสูงถามด้วยความสงสัย

“หอพักพี่เจย์ฮะ”

.................

“น้องอาร์ทครับ น้องอาร์ท ถึงที่แล้ว ตื่นได้แล้วนะ” เสียงพี่เจย์ปลุก ทำเอาผมลืมตาขึ้นมาอย่างงัวเงีย หลังจากพี่เจย์พาผมออกมาจากหอพักแล้ว ผมก็เผลอหลับไป

“ที่นี่ที่ไหนเหรอฮะ” ผมถามพลางมองซ้ายมองขวา ซึ่งด้านหน้าของรถเป็นร้านอาหารริมน้ำแลดูสวยงาม

“สมุทรปราการนะ” ร่างสูงตอบก่อนจะเดินลงจากรถ ทำให้ผมต้องรีบลงไปตาม เมื่อเข้าไปนั่งในร้านแล้ว ทำให้ผมได้รู้ว่าร้านนี้มีบรรยากาศที่ดีมากพอควร “อยากกินอะไรก็สั่งได้ตามสบายเลยนะน้องอาร์ท ไม่ต้องเกรงใจพี่”

“ฮะ” ผมตอบก่อนจะก้มมองรายการอาหารก่อนจะสั่งกับพนักงานร้าน ส่วนพี่เจย์ก็สั่งของตัวเองไป

“เอาตามนี้นะครับ กรุณารอซักครู่” พนักงานของร้านบอกก่อนจะเดินหายเข้าไปในหลังร้าน

“ที่นี่บรรยากาศดีจังเลยนะฮะ แถมมีที่นั่งให้ดูปลาในน้ำด้วย” ผมบอกพลางหันหน้าไปทางซ้ายเพื่อมองปลาที่อยู่ในน้ำ “ว่าแต่พี่เจย์เคยมาที่นี่หรือฮะ ถึงได้รู้ว่ามีที่ดีๆอยู่ที่นี่ด้วยนะ”

ผมถามอย่างสงสัย เพราะที่นี่มันไกลจากที่พวกผมอยู่มากนัก

“อืมใช่ เคยมา...” ร่างสูงตอบยิ้มๆก่อนจะพูดต่อด้วยประโยคหนึ่งที่ทำเอาผมถึงกับตัวแข็ง “...กับพีชนะ”

นั่นสินะ ก็พวกเขาเป็นคนรักกันนี่ ย่อมต้องมาด้วยกันอยู่แล้วเป็นของธรรมดา...

“อย่างงั้นเหรอฮะ” ผมทนฝืนยิ้มตอบกลับไปทั้งที่ในใจกลับรู้สึกปวดร้าวอย่างบอกไม่ถูก “แล้วตอนนี้พี่พีชอยู่ที่ไหนเหรอฮะ ทำไมถึงไม่ได้มาอยู่ด้วยกันกับพี่เจย์ล่ะ”

“อ้อ ตอนนี้เขาอยู่โรงพยาบาลนะ” คำตอบของร่างสูงทำเอาผมถึงกับชะงัก ก่อนจะหันหน้ากลับไปมองพี่เจย์ด้วยความสงสัย

“อยู่โรงพยาบาล? พี่พีชเขาเป็นอะไรไปหรือฮะ ทำไมถึงต้องอยู่โรงพยาบาลด้วย” พอผมถามจบ รู้สึกเหมือนว่าสีหน้าของพี่เจย์ดูหมองลงไปทันที “เอ่อ ผมต้องขอโทษที่เสียมารยาทถาม...”

“ไม่เป็นไร น้องอาร์ทไม่ต้องขอโทษพี่หรอก” ร่างสูงพูดพลางส่งยิ้มมาให้ผม ก่อนจะเล่าสาเหตุที่ทำให้พี่พีชต้องไปนอนอยู่ที่โรงพยาบาลให้ผมฟังตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งพอผมได้ฟังเรื่องทั้งหมดแล้ว ทำเอาผมรู้สึกเห็นใจแทนพี่เจย์เอามากๆ โดยเฉพาะกับคนชื่อพีชด้วย “ตอนนั้นพี่คิดว่าถ้าพี่อยู่ด้วย พีชก็คง...ไม่เป็นอะไรมาก”

พี่เจย์ก้มหน้าพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย ทำเอาผมต้องยื่นมือขวาไปกุมมือของร่างสูงเพื่อปลอบใจ

“เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว พี่เจย์อย่าคิดมากไปเลยนะฮะ แล้วอีกอย่างพี่พีชก็คงไม่อยากให้เรื่องมันเกิดขึ้นแบบนี้ด้วย”

“น้องอาร์ท” ร่างสูงเงยหน้ามองผมด้วยความปลาบปลื้มใจ “ขอบใจนะที่พูดปลอบใจพี่ ถ้าพีชได้รู้จักน้องด้วยก็คงจะดีไม่น้อย จริงสิ หลังจากกินข้าวเสร็จพี่จะพาเราไปหาพีชด้วยล่ะกัน ตกลงนะ”

!!!!!!

คำพูดของพี่เจย์เหมือนน้ำที่สาดใส่หน้าผมอย่างแรง ทำเอาผมจุกจนพูดอะไรไม่ออก แต่ถึงกระนั้นผมก็ยังฝืนยิ้มตอบกลับไปอยู่ดี

“ตกลงฮะพี่เจย์”

..................

หลังจากพวกตำรวจไปแล้ว ผมก็หันมาดูโทรทัศน์ต่อ ส่วนอเล็กเซย์ก็นั่งเปิดหนังสือพิมพ์อ่านอยู่บนเก้าอี้โซฟาอย่างเงียบๆ แต่ผมดูไม่รู้เรื่องหรอกครับ เพราะตอนนี้ในหัวผมมีแต่เรื่องให้คิดอยู่เต็มไปหมด ตั้งแต่เรื่องเมย์ เรื่องลูก เรื่องเงิน เรื่องนู้นเรื่องนี้ แล้วไหนจะเรื่องของอเล็กเซย์อีก

บอกตามตรงเลยว่าเครียด…

แกรก!

เสียงประตูถูกเปิดออก ทำเอาผมที่กำลังนั่งครุ่นคิดในใจหันไปมอง ก่อนจะพบว่าเป็นเจย์กับเด็กหนุ่มที่ดูอ่อนกว่าพวกผมสักสองสามปีเห็นจะได้กำลังเดินเข้ามา ซึ่งทำเอาอเล็กเซย์ที่กำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่นั้นถึงกับรีบพับเก็บวางมันลงบนโต๊ะอย่างไว

“อ้าว ลืมอะไรไว้เหรอเจย์ แล้วนั่นใคร เพื่อนคนใหม่เหรอ” ผมถามโดยไม่มองหน้าอเล็กเซย์ที่ลุกขึ้นเดินมายืนข้างผม แถมยังบีบไหล่ผมส่งซิกแกมบังคับว่าอย่าลืมทำตามที่เคยพูดกันเอาไว้ ส่วนคนถูกถามชะงักเดินเมื่อเห็นอเล็กเซย์มายืนข้างเตียงที่ผมนั่งอยู่ “ว่ายังไงล่ะเจย์”

ผมรู้ดีว่ายังไงๆก็ต้องบอกเจย์ แต่ขอยื้อเวลาไว้ซักหน่อยก็ยังดี

“อ้อ พอดีฉันพาน้องมาให้แกรู้จักนะ” อีกฝ่ายตอบก่อนจะดึงอีกคนให้เข้ามาใกล้ๆ “นี่น้องอาร์ท คนที่ฉันบอกว่าเป็นนักเขียนนิยายคนนั้นยังไงล่ะ”

เท่านั้นแหละผมถึงกับบางอ้อ ที่แท้ก็เป็นน้องคนที่เจย์เคยพาไปดูหนังกินข้าวพร้อมกับพวกออยนี่เอง

“ผมอาร์ท ยินดีที่ได้รู้จักนะฮะพี่พีช” ร่างเล็กพูดแนะนำตัวเอง ซึ่งผมพยักหน้าตอบส่งกลับไป

“อื้อ เช่นกันนะน้องอาร์ท” ผมตอบก่อนจะสะดุ้งตกใจเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงแรงบีบของมือหนา ดูท่าผมคงจะยื้อเวลาไว้ไม่ได้ตามที่ต้องการเสียแล้ว “เอ้อ น้องอาร์ท นี่อเล็กเซย์ เอ่อ…เขาเป็น…แฟนของพี่นะ”

พอผมพูดจบ น้องอาร์ทถึงกับมุ่นคิ้วทันที ผิดกับเจย์ที่ทำท่าสะดุ้งตกใจ

อย่าบอกนะว่ามันรังเกียจที่ผมเป็นเกย์นะ…

ผมครุ่นคิดในใจอย่างระหวาดระแวง แต่ที่ไหนได้ เจย์มันกลับส่งยิ้มให้ผมแทน

ค่อยยังชั่ว นึกว่ามันจะรังเกียจผมซะอีก…

“เหรอ งั้นยินดีด้วยนะ” มันบอกก่อนจะหันไปมองอเล็กเซย์ต่อ “ผมขอฝากเพื่อนด้วยนะครับคุณอเล็กเซย์ ช่วยดูแลมันให้ดีๆหน่อย อย่าทำมันร้องไห้นะครับ เพราะมันขี้แยเก่งเป็นที่หนึ่ง”

“เจย์!”

“ครับคุณเจย์ ผมจะดูแลพีชเป็นอย่างดีเลยล่ะ” ร่างสูงยิ้มตอบกลับไป คงพอใจกับคำพูดของเจย์อยู่พอสมควร “เอ้อคุณเจย์ครับ หลังจากพีชออกจากโรงพยาบาลแล้ว ผมกะว่าจะพาพีชไปเที่ยว ถ้ายังไงผมขอยืมตัวเพื่อนของคุณไปเที่ยวซักสองสามวันได้หรือเปล่าครับ”

“อเล็กซ์!” ผมถึงกับร้องอุทานเสียงหลง เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าพูดขอเอาดื้อๆแบบนี้

“ได้สิครับ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” เจย์ยิ้มตอบกลับมาก่อนจะยกแขนขึ้นโอบกอดน้องอาร์ททันที ซึ่งทำเอาคนถูกกอดถึงกับสะดุ้งตกใจ “เพราะผมเองก็กะว่าจะพาน้องอาร์ทไปเที่ยวกับพวกเพื่อนด้วยอยู่เหมือนกัน”

“เอ๋? ถ้างั้นคุณก็ชวนพวกเขาไปเที่ยวพร้อมกับผมด้วยเลยสิครับคุณเจย์ จะได้ประหยัดเงินค่าเที่ยวไปในตัว” ดูเหมือนอเล็กเซย์จะอารมณ์ดีเกินคาด มีการพูดชวนเจย์ให้ไปเที่ยวด้วยกัน

“เอาอย่างนั้นก็ได้ครับคุณอเล็กเซย์ เพราะช่วงนี้ผมขาดเงินอยู่พอดี” ดูเหมือนเจย์มีอารมณ์ดีร่วมกับอเล็กเซย์ ถึงได้พูดออกมาอย่างหน้าระรื่น “เดี๋ยวผมโทรไปบอกพวกเพื่อนให้แล้วกัน ว่าแต่คุณอเล็กเซย์จะไปเที่ยวกันที่ไหนหรือครับ”

“ทะเลที่กระบี่นะครับ” คราวนี้ผมถึงกับสะดุ้งตกใจ เพราะดันนึกขึ้นได้ว่าเจย์มันเองก็ชวนผมไปเที่ยวที่นั่นด้วยอยู่เหมือนกัน

“งั้นก็ดีเลยครับ เอาเป็นว่าตามนี้ ถ้าได้วันยังไง คุณก็โทรมาบอกผมด้วยแล้วกัน” เจย์ตอบก่อนจะหันมาทางผมต่อ “เอ้อ พีช เดี๋ยวฉันขอตัวกลับหอพักก่อนนะ ว่าจะไปส่งน้องอาร์ทที่หอพักเขาด้วย”

“อะ อืม ขับรถกลับดีๆล่ะ เออ เจย์ พรุ่งนี้ฉันจะออกจากรพ.แล้ว ไม่ต้องมาแล้วนะ เพราะฉันจะไปเอ่อ…”

“นอนที่คอนโดของอเล็กเซย์สินะ อยู่ที่นั่นแหละดีแล้ว เพราะแฟนต้องอยู่กับแฟนสิ จริงไหมครับคุณอเล็กเซย์” เจย์หันไปถามความเห็นกับร่างสูง ซึ่งคนถูกถามพยักหน้าตอบ

“จริงครับคุณเจย์” เมื่อเจย์กับอาร์ทไปแล้ว ร่างสูงก็เข้ามาสวมกอดผมทันที “เห็นไหมครับ เจย์เขาไม่ได้รังเกียจคุณซักหน่อยลูกพีช แถมยินดีกับพวกเราอีกด้วยตั้งหาก ฟอด!”

ไม่ว่าเปล่า กลับหอมแก้มผมอีกด้วย

“ก็ลูกพีชไม่รู้นี่…” ผมพูดเสียงแผ่วเบา ถึงแม้ตอนนี้จะเบาใจกับเรื่องที่เจย์ไม่รังเกียจผมแล้ว แต่ถึงกระนั้นผมก็ยังมีเรื่องอีกตั้งมากมายที่ต้องให้คิดอีก “…ลูกพีชง่วงแล้วอเล็กซ์ ขอนอนก่อนได้ไหม”

“ได้สิครับ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” แล้วร่างสูงก็ปล่อยให้ผมได้นอนพักตามสบาย ก่อนจะกลับไปนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ของตัวเองต่อตามเดิม

....................


นอกเรื่อง ตอนที่ 14

“เอ้อ น้องอาร์ท นี่อเล็กเซย์ เอ่อ…เขาเป็น…แฟนของพี่นะ” พอผมพูดจบ น้องอาร์ทถึงกับมุ่นคิ้วทันที ผิดกับเจย์ที่ทำท่าสะดุ้งตกใจ

อย่าบอกนะว่ามันรังเกียจที่ผมเป็นเกย์นะ…

ผมครุ่นคิดในใจอย่างระหวาดระแวง แต่ที่ไหนได้ เจย์มันกลับส่งยิ้มให้ผมแทน

ค่อยยังชั่ว นึกว่ามันจะรังเกียจผมซะอีก…

“อืม แล้วไง” มันบอกก่อนจะหันไปมองอเล็กเซย์แววตาหยาดเยิ้ม “เพราะอเล็กซ์ก็เป็นผัวฉันเหมือนกัน”

!!!!!!

.............................

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ ตอนที่ 14 บอก (อัพ 100%) 16/11/57)
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 17-11-2014 14:30:19
จากที่ดราม่ามาพอสมควรแล้วพอมาเจอ
อิตอนอกเรื่องของคนเขียนเข้าไปแล้ว
เรานี้กร๊ากกกไปเลยกะการนอกเรื่อง
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ ตอนที่ 14 บอก (อัพ 100%) 16/11/57)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 17-11-2014 15:03:06
 o13 ตลกอาร์ทอะ
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ ตอนที่ 14 บอก (อัพ 100%) 16/11/57)
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 08-12-2014 10:08:20
ตอนที่ 15 เกือบ

................

ปัง!

เสียงประตูรถถูกปิดดังสนั่น ทำเอาผมที่ขึ้นมานั่งก่อนถึงกับสะดุ้งตกใจ เพราะตั้งแต่ออกจากห้องพี่พีชมา พี่เจย์ก็เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน ไม่พูดไม่จา แถมดึงแขนผมเสียแน่นจนผมรู้สึกกลัว การมาโรงพยาบาลครั้งนี้ทำให้ผมรู้ว่าพี่เจย์ไม่ได้เป็นแฟนกับพี่พีช ซึ่งทำเอาผมรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ถึงกระนั้นผมก็รู้สึกเสียใจที่เห็นพี่เจย์เป็นแบบนี้

คงแอบรักเขาข้างเดียวสินะ…

“พี่เจย์” ผมเรียกชื่อเมื่อเห็นร่างสูงนั่งก้มหน้าพิงพวงมาลัยนิ่งอยู่นานพอสมควร แต่ทว่าอีกฝ่ายหาได้ตอบไม่ กลับนิ่งเงียบเสียจนผมนึกเป็นห่วง “พี่เจย์ฮะ”

ร่างสูงไม่ตอบ กลับเงยหน้าขึ้นจากพวงมาลัยสตาร์ทรถขับพาผมออกไปจากโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว ซึ่งมันดูน่ากลัว และเร็วมากเสียจนผมต้องรีบห้ามเอาไว้

“พี่เจย์ขับรถช้าๆหน่อยได้ไหมฮะ ผมกลัว” ซึ่งพอผมพูดจบ อีกฝ่ายก็ยอมลดความเร็วตามที่บอก แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่ยอมพูดอะไรออกมาอยู่ดี นั่งไปสักพักผมก็เริ่มรู้สึกว่าพี่เจย์ไม่ได้ขับพาผมกลับหอของตัวเอง แต่กลับขับเลยไปนานเสียจนผมเผลอหลับไปไม่รู้ตัว ก่อนจะรู้สึกตัวอีกทีเมื่อรถหยุดจอดใกล้ชายหาดทะเลแห่งหนึ่งที่ผมไม่รู้จัก “ที่นี่ที่ไหนเหรอฮะพี่เจย์”

พี่เจย์ไม่ตอบคำถามของผม กลับหยิบบุหรี่พร้อมไฟแช็กขึ้นมาจุดสูบอย่างเงียบๆ ซึ่งผมไม่คิดจะห้าม เพราะดูแล้วว่าถ้าห้ามก็คงห้ามไม่ได้อยู่ดี แล้วอีกอย่างผมก็แค่คนนอก ไม่กล้าพูดหรอกครับ ได้แต่นั่งหันหน้าไปมองทะเลข้างนอกแทน

ถ้าเป็นไปได้ผมอยากให้พี่เจย์กลับมาเป็นเหมือนเดิม ไม่ใช่นั่งนิ่งอย่างนี้…

“ขอโทษด้วยนะที่พี่เอาแต่ใจตัวเอง พี่แค่เครียดนิดหน่อยนะ” อยู่ๆพี่เจย์ก็พูดขึ้นเกริ่นขึ้นมา ทำเอาผมที่นั่งเหม่อมองทะเลต้องหันกลับมามอง “น้องอาร์ทรู้สึกเบื่อหรือเปล่า อยากกลับไปหาแบมไหม พี่จะได้พาเรากลับไปเอาของแล้วจะพาไปส่งถึงที่ให้”

ผมได้ยินดังนั้นถึงกับรู้สึกปวดหัวใจอย่างบอกไม่ถูก

“ไม่เลยฮะ ผมไม่รู้สึกเบื่อเลย ทำไมพี่เจย์ถึงถามผมแบบนี้ละฮะ” ผมถามกลับด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“ก็พี่กลัวเราจะเบื่อไปก่อนนะสิถึงได้ถาม” ร่างสูงตอบพลางขยี้บุหรี่ลงบนที่เขี่ยบุหรี่ “แต่ถ้าอยู่กับแบมก็ดีไป เพราะมีไอ้ออยอยู่ด้วย มันคงดูแลน้องแทนพี่ได้”

!!!!!

คำพูดของพี่เจย์ทำเอาผมถึงกับจุก ไหนว่าจะดูแลจนมั่นใจว่าไอ้รุ่นพี่คนนั้นไม่มาทำร้ายผมยังไงล่ะ

“ผมยังไงก็ได้ฮะ แล้วแต่พี่เจย์” ผมก้มหน้าเม้มปากพูดด้วยความน้อยอกน้อยใจ เพราะยังไงผมก็ไม่กล้าออกความเห็นหรอก ก็ในเมื่อผมเป็นแค่คนนอกที่หลงผ่านเข้ามาในชีวิตของพี่เจย์เท่านั้น

“พูดแบบนั้นได้ไงฮึ พี่ตามใจเรานะ ไม่ใช่ให้มาตามใจพี่” อีกฝ่ายบอกพลางเอามือลูบหัวผม “เอาเป็นว่าอยู่กับพี่ไปก่อนแล้วกัน จนกว่าพี่มั่นใจแล้วว่าไอ้เหี้ยนั่นไม่มาทำอะไรน้องแล้ว พี่ถึงจะพาเรากลับหอ ตกลงไหม”

คำพูดของพี่เจย์ทำเอาผมรู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย

“ตกลงฮะพี่เจย์”

แล้วพี่เจย์ก็พาผมกลับไปขึ้นรถก่อนจะย้อนกลับไปหอพักของตัวเอง ซึ่งโดยหารู้ไม่ว่าการกลับครั้งนี้มันทำให้ผมกับพี่เจย์ต้องเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันในชีวิต

...........................

“แบมบอกพี่ได้ไหมว่าทำไมต้องมาที่นี่ด้วยนะฮึ”

ร่างสูงถามด้วยความสงสัย หลังจากที่ขับรถพาผมมาที่หอพักของพี่เจย์

“แค่มารอดูอะไรนิดหน่อยนะฮะ” ผมตอบพลางนึกย้อนถึงคำพูดของอาร์ทอย่างสงสัย มันเป็นไปไม่ได้ที่เพื่อนของผมจะโดนบอกอเรียกให้ไปที่สำนักพิมพ์ เพราะนิยายของมันเพิ่งวางแผงขายตามร้านหนังสือ จึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไรที่ต้องตามกลับไปแก้ไข “พี่ออยฮะ ถ้าหลังจากนี้เห็นอะไรมันผิดปกติแล้ว พี่ต้องสัญญากับผมว่าพี่จะไม่ฆ่าพี่เจย์นะฮะ”

พอผมพูดจบ ร่างสูงถึงกับมุ่นคิ้วมองผมด้วยความสงสัย

“ทำไมพี่ต้องไปฆ่ามันด้วยล่ะแบม”

“นะฮะพี่ออย พี่ต้องสัญญากับผมว่าจะไม่ทำอะไรพี่เจย์” ผมพูดอย่างเป็นกังวล เพราะกลัวพี่ออยจะฆ่าพี่เจย์ถ้าหากได้รู้ความจริง “ถือว่าผมขอร้องล่ะ”

“อืมก็ได้ สัญญาก็สัญญา” ร่างสูงตอบส่งๆไป หลังจากนั้นพวกผมก็ยืนรออยู่สักพัก อยู่ๆก็มีชายแปลกหน้ากลุ่มหนึ่งเดินถือไม้เข้ามาหา

“ขอถามอะไรหน่อย ไม่ทราบว่าที่หอพักนี้มีคนชื่อเจย์พักอยู่ด้วยหรือเปล่า” หนึ่งในนั้นถามเสียงห้วน ซึ่งทำเอาผมรู้สึกกลัวขึ้นมาทันที

“ไม่รู้สิ พอดีไม่ได้อยู่แถวนี้” พี่ออยตอบกลับไปแบบห้วนๆด้วยเช่นกัน พอพวกนั้นเดินจากไปแล้ว พี่ออยก็รีบคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดทันที ซึ่งผมไม่ต้องถามก็รู้ได้ทันทีว่าพี่ออยโทรหาใคร “เออ นี่กูเองนะ มึงอย่าเพิ่งรีบกลับมาหอพักตอนนี้นะ”

“ทำไมวะ ทำไมกูกลับตอนนี้ไม่ได้” เสียงพี่เจย์ดังแววลอดออกมาให้ผมได้ยิน

“เออเชื่อกู มึงอย่าเพิ่งรีบกลับมา…”

“พี่เจย์ระวังข้างหน้า!!” เสียงอาร์ทตะโกนลั่นออกมาจากโทรศัพท์มือถือ ก่อนจะตามด้วยเสียงเบรกของล้อรถยนต์

เอี๊ยด!! โครม!!!

ตู๊ด! ตู๊ด! ตู๊ด!


.............................

เอี๊ยด!! โครม!!

เสียงล้อรถเบรกกะทันหันก่อนจะหงายท้องชี้ฟ้าหลังจากปะทะกับรถอีกคันที่วิ่งสวนมา

“โอย” ผมร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดหลังจากรถของตัวเองหยุดนิ่งแล้ว พอผมลืมตาขึ้นมาก็เห็นรถคู่กรณีที่จอดอยู่ห่างๆ ซึ่งดูแล้วอีกฝ่ายไม่มีทีท่าว่าจะลงมาดูพวกผมเสียด้วยซ้ำ แต่ไม่นานนักรถคันนั้นก็ขับแล่นหนีออกไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ผมละสายตาก่อนจะหันไปมองอีกคนที่นั่งมาด้วย ซึ่งบัดนี้สลบไม่ได้สติ “ตื่นสิน้องอาร์ท ตื่นเร็วเข้า”

ผมตบหน้าอย่างแรงเพื่อปลุกให้อีกฝ่ายตื่น ซึ่งร่างบางร้องครวญครางก่อนจะลืมตาขึ้นมา

“พี่เจย์...ผมเจ็บ”

“รู้อยู่ว่าเจ็บ แต่ตอนนี้เราต้องรีบออกไปจากรถก่อนที่มันจะระเบิด” ผมบอกพลางปลดเข็มขัดนิรัดภัยให้ตัวเองก่อนจะหันไปปลดให้กับร่างเล็กอย่างเร่งรีบ “พอคลานออกไปไหวใช่ไหม”

“ฮะ”

แล้วผมกับตัวเล็กก็รีบคลานออกไปอย่างทุลักทุเล เมื่อตั้งหลักได้ผมก็รีบวิ่งออกห่างจากตัวรถโดยไม่ลืมหันไปมองร่างบางที่เพิ่งออกตัววิ่งข้ามไปยังอีกฟากถนน

ตูม!

เสียงรถระเบิดดังกึกก้องท่ามกลางถนนสองเลนที่ปราศจากรถวิ่ง เมื่อผมเห็นรถระเบิดไปแล้ว จึงวิ่งอ้อมไปหาน้องอาร์ท ซึ่งบัดนี้นั่งอยู่กับพื้นดินหอบหายใจตัวโยน

“บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า บอกพี่ซิ” ผมถามพลางนั่งลงยองมองอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง

“แค่ถลอกนิดหน่อยเองฮะ พี่เจย์ไม่ต้องเป็นห่วง เอ่อ แล้วพี่เจย์ละฮะ บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” ร่างบางถามกลับด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

คงจะกลัวมากสินะ...

“แค่ถลอกนิดหน่อยเหมือนกับเรานั่นแหละ” ผมตอบพลางเอามือลูบหัวตัวเล็กอย่างแผ่วเบา แต่พอเห็นร่างบางตัวสั่นน้ำตาคลอเบ้าเท่านั้นแหละ ผมจึงคว้าตัวเล็กเข้ามาสวมกอดทันที “ชีสสส์ ไม่ต้องร้องนะคนเก่ง ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว ไม่มีอะไรแล้วล่ะ”

“ฮึก ผมกลัว ฮือๆ พี่เจย์ ผมกลัว” ร่างบางร้องไห้เสียงสะอื้น ซึ่งทำเอาผมรู้สึกแย่ที่พาตัวเล็กมาเจอกับเรื่องน่ากลัว

อย่าให้รู้ว่ามันเป็นใครนะ แม่งจะตามเอาคืนแน่ไอ้สัด!!

โชคยังดีที่ถนนเส้นนั้นยังพอมีรถผ่านอยู่บ้าง จึงมีคนเข้ามาช่วยพาพวกผมไปส่งที่โรงพยาบาล

....................

“ว่ายังไงนะออย เจย์กับน้องอาร์ทรถคว่ำงั้นรึ?!”

“ใช่ รถคว่ำ” ปลายสายตอบ “แต่โชคดีมากที่ไม่เป็นอะไรร้ายแรง แค่ถลอกนิดหน่อย แต่นายไม่ต้องเป็นห่วงนะพีช ตอนนี้ทั้งคู่ทำแผลเรียบร้อยแล้ว”

“งั้นแล้วตอนนี้เจย์ทำอะไรอยู่ ขอฉันคุยกับมันหน่อยสิ อ๊ะเจ็บ” ผมรีบพูดจนเผลอกัดปากของตัวเอง ทำให้ร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างเตียงจับไหล่ผมบอกว่าให้ใจเย็น ค่อยๆพูด

“เป็นอะไรพีช” อีกฝ่ายถามด้วยความเป็นห่วง

“อ้อ แค่กัดปากตัวเองนะ ไม่มีอะไรหรอก เอ้อ ขอสายเจย์หน่อยสิ อยากคุยด้วย”

“อือได้รอเดี๋ยวนะ” แล้วปลายสายก็เรียกชื่อเจย์ ไม่นานนักผมก็ได้ยินเสียงของมันขานเรียก

“ว่าไงพีช”

“นี่ยังมีหน้ามาพูดว่าไงอีกได้นะเจย์ แกเป็นอะไรมากหรือเปล่า” ผมถามมันด้วยความเป็นห่วง เพราะผมมีมันคนเดียวที่เป็นญาติ “แล้วน้องอาร์ทละ”

“ฉันกับน้องอาร์ทไม่เป็นอะไรมากหรอก แค่หัว แขน ขาถลอก ตอนนี้ทายาเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง”

“แน่ใจนะว่าไม่เป็นอะไรแล้ว”

“เออ ไม่เป็นไรแล้ว แต่แกอย่าโทรบอกพ่อกับแม่นะ เดี๋ยวพวกเขาจะเป็นห่วง”

“เฮ้ยได้ไง เรื่องใหญ่แบบนี้ต้องบอกสิ แกก็รู้ว่าฉันไม่ชอบโกหกพวกท่าน”

“ก็ได้ เดี๋ยวฉันโทรไปบอกพวกท่านเอง”

“แล้วนี่โทรแจ้งตำรวจรึยัง”

“ไอ้ออยโทรแจ้งให้แล้ว เดี๋ยวอีกสักพักตำรวจก็จะมา”

“แล้วนี่จะนอนพักที่โรงพยาบาลเลยรึเปล่า”

“คงไม่” อีกฝ่ายตอบก่อนจะพูดต่อ “เดี๋ยวว่าจะไปพักบ้านไอ้ออย”

“ทำไมต้องพักบ้านออยด้วยล่ะ?” ผมถามกลับอย่างสงสัย

“แค่นี้ก่อนนะพีช พอดีตำรวจมานะ” แล้วอีกฝ่ายก็ตัดสายทิ้งไปดื้อๆ ทำเอาผมถึงกับขยี้ผมตัวเอง

“ทางนู้นว่ายังไงบ้างครับลูกพีช” ร่างสูงถามหลังจากเห็นผมวางมือถือลงบนตักตัวเองแล้ว

“ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากนะอเล็กซ์ แค่ถลอกตามแขนขากับหัวนิดหน่อยเอง” ผมตอบพลางถอนหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน ก่อนจะหันไปอ้อนร่างสูงต่อ “อเล็กซ์ ลูกพีชอยากจะออกรพ.เดี๋ยวนี้เลย อเล็กซ์ช่วยไปบอกหมอได้หรือเปล่า”

“เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ออกอยู่แล้วนี่ จะใจร้อนรีบออกตอนนี้ไปทำไมล่ะครับ”

“ก็ลูกพีชเป็นห่วงเจย์นี่”

“ไม่ได้ครับ” ร่างสูงพูดปฏิเสธเสียงแข็ง “คุณหมอบอกให้ออกพรุ่งนี้ได้ ก็ต้องออกพรุ่งนี้ ไม่ใช่วันนี้”

“แต่...”

“ไม่มีแต่” อเล็กซ์พูดเสียงเข้ม ทำเอาผมถึงกับมุ่ย แล้วร่างสูงก็เอามือลูบหัวผมเบาๆ “เป็นเด็กดีนะครับ อย่าดื้อ แล้วพรุ่งนี้ผมจะมารับคุณแต่เช้า”

ร่างสูงบอกพลางหอมแก้มผมหนึ่งที ก่อนจะขอตัวกลับไปทำงานต่อ

...........................

ตกดึกหลังจากผมได้นอนหลับไปแล้ว ก็ต้องตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะได้ยินเสียงประตูถูกเปิด ซึ่งผมไม่ต้องเดาก็รู้ว่าต้องเป็นคุณพยาบาลแน่ๆ เพราะพวกเขามีหน้าที่มาคอยเช็คความดันกับวัดไข้อยู่ทุกคืน ผมจึงไม่ได้ลืมตาขึ้นมามอง แต่แล้วผมก็นึกแปลกใจว่าทำไมถึงไม่มีเสียงคุณพยาบาลบอกว่าจะเข้ามาเช็คความดันเหมือนตามปกติ กลับมีเสียงล็อกประตูแทนซะได้ จึงทำให้ผมรีบลืมตาขึ้นมาก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นชายแปลกหน้าสวมผ้าปิดจมูกในชุดกาวน์สีขาวยืนเหนือศีรษะผม

ไม่ใช่คุณหมอนี่!!

“เฮ้ย! นี่แกเป็น...อื้อออ!!” ผมไม่ทันพูดจบดี อีกฝ่ายก็เอามือมาปิดปากผมเสียแน่น ก่อนจะเอามีดสั้นมาจ่อคอผม

“ถ้าไม่อยากตายก็อย่าได้ขยับแม้แต่นิดเดียว” อีกฝ่ายพูดขู่ ทำเอาผมที่กำลังขัดขืนถึงกับต้องหยุดชะงัก “ดีมากไอ้หนุ่ม เอาล่ะ ฟังกูให้ดี เพราะกูจะบอกมึงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น”

อะไร จะบอกอะไร...

“ภายในหนึ่งเดือนนี้ถ้ามึงไม่อยากให้เพื่อนหรือคนรู้จักต้องมีอันเป็นไป ก็จงเลิกยุ่งกับอเล็กเซย์ซะ” มันบอกด้วยน้ำเสียงเหี้ยม ซึ่งทำเอาผมรู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก “ดูได้จากวันนี้ก็คงจะรู้นะว่าเพื่อนมึงไปเจออะไรมา เพราะนี่เป็นการเตือนครั้งสุดท้าย แต่จะว่าไป...มึงก็หน้าสวยไม่หยอกนะไอ้หนุ่ม”

ไม่พูดเปล่าอย่างเดียว กลับเอามีดสั้นมาลูบใบหน้าผมไปมา ซึ่งทำเอาผมได้แต่ร้องครางในลำคอด้วยความกลัว

“อื้อออออ!”

“กลัวงั้นรึ หึ ไม่ต้องกลัวไป เพราะกูไม่ฆ่ามึงหรอก เดี๋ยวเจ้านายกูจะว่ากูไม่ทำตามหน้าที่ แต่เขาก็ไม่ได้สั่งห้ามไม่ให้กูข่มขืนมึงนี่นะ” พูดจบเท่านั้นแหละ อีกฝ่ายขึ้นเตียงมานั่งค่อมบนตัวผมอย่างรวดเร็วก่อนจะใช้มือที่เคยปิดปากผมต่อยเข้าที่ท้องผมอย่างแรง ซึ่งทำเอาผมถึงกับจุกพูดอะไรไม่ออก “ไม่ต้องกลัวว่าจะน้อยหน้าอเล็กซ์นะ เพราะกูจะเอามึงให้ขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ดเลยคอยดู!”

!!!!

แล้วอีกฝ่ายก็ใช้ผ้าเช็ดหน้าที่วางอยู่ข้างเตียงยัดปากผมอย่างลวกๆ ก่อนจะถลกเสื้อคนป่วยที่ผมสวมใส่ขึ้นมามัดมือของผมซะแน่น

อเล็กซ์ช่วยลูกพีชด้วย!!

“อึ๊! อื้อ!!” ผมสะดุ้งร้องเมื่อมือหนาหยาบกร้านเข้ามาลูบไล้บนยอดอก แล้วมันก็เอาหน้าตัวเองซุกที่ลำคอขาวของผมก่อนจะกัดอย่างแรง “อื้อออออ!”

เจ็บ!!

เจ็บทั้งกายเจ็บทั้งใจ!!

แล้วอีกฝ่ายก็เงยหน้าขึ้น พลางเขยิบตัวถอยออกจากตัวผมก่อนจะถลกกางเกงผมออกอย่างรวดเร็ว ซึ่งไม่เว้นกระทั่งกางเกงในด้วย

“อื้ออออ!!” ผมส่ายหน้าไปมาน้ำตาไหลพราก ซึ่งมันก็ไม่ได้ช่วยเรียกความสงสารให้อีกฝ่ายได้เลยแม้แต่น้อย

“หึ ของมึงเล็กแต่ขาวใช่ย่อยนะมึง น่าฟัดชิบหายเลยวะ” คนบาปใจช้าพูดด้วยน้ำเสียงหื่นกระหาย แล้วมันก็ยกขาของผมทั้งสองข้างขึ้นพาดบ่าของมัน “อย่าโทษกูเลยนะ มึงอยากสวยเองช่วยไม่ได้”

แล้วมันก็รูดซิปกางเกงของตัวเองลง ก่อนจะควักสิ่งนั้นออกมา ซึ่งทำเอาผมตกใจจนต้องสะบัดขาตัวเองลงจากบ่ามันเพื่อเอาตัวรอด

“อื้อออออ!!!”

“มึงจะดิ้นทำเหี้ยไรฟะ เดี๋ยวกูตบ...”

โครม!

เสียงบานประตูเปิดดังสนั่น ทำเอามันสะดุ้งตกใจหันไปมอง แต่ยังไม่ทันรู้เป็นใครก็ถูกตะบันหน้าอย่างแรงจนมันกระเด็นตกเตียงชนกับผนังไป แต่ทว่ามันกลับลุกขึ้นได้อีกครั้ง ก่อนจะหันไปกระโดดใส่หน้าต่างวิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งคนที่มาช่วยผมสั่งให้คนที่วิ่งตามเข้ามาในห้องให้วิ่งไล่ตามคนร้ายไป แล้วจากนั้นจึงค่อยหันหน้ามาสวมกอดผมทันที

“ผมขอโทษลูกพีช ผมขอโทษที่มาช้าไป” แค่ได้ยินเสียงผมก็รู้แล้วว่าใคร แล้วอีกฝ่ายก็เลิกกอดผมก่อนจะแก้มัดให้ผม รวมถึงเอาผ้าที่อุดปากออก ก่อนจะคว้าผ้าห่มมาห่อผมทั้งตัวแล้วช้อนร่างผมอุ้มขึ้นทันที “ผมขอโทษ ผมไม่น่าทิ้งคุณไว้คนเดียวเลยจริงๆ”

เท่านั่นแหละบ่อน้ำตาผมก็แตกอีกรอบ

“ฮืออออ อเล็กซ์ อเล็กซ์ ลูกพีช ฮึก ลูกพีชกลัว”

“ชีสสส์ อย่าร้องไห้ครับลูกพีช ปลอดภัยแล้ว ไม่มีอะไรแล้วนะ” ร่างสูงพูดปลอบผมพร้อมกับกอดผมแนบอกไปพลาง ซึ่งผมร้องไห้อยู่ได้สักพักก็เผลอหลับไปโดยที่ยังอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่นของอเล็กซ์

....................

คืนนั้นผมขอให้หมอย้ายพีชไปนอนห้องอื่นเพราะห้องเดิมมันไม่ปลอดภัยแล้ว ซึ่งหมอก็ยอมย้ายแต่โดยดี แถมผู้อำนวยการของโรงพยาบาลก็มาขอโทษผมว่าจะไม่ให้เกิดเหตุแบบนี้อีก พอเรื่องห้องแล้วตำรวจก็เข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซักถามผมกับลูกน้องอยู่ราวครึ่งชั่วโมงก่อนจะขอตัวกลับไป หลังจากนั้นผมจึงค่อยกลับมานั่งเฝ้าลูกพีชต่อ ซึ่งไม่นานนักพวกลูกน้องของผมที่วิ่งไล่ตามคนร้ายไปก็ได้กลับมาพร้อมกับความผิดหวัง เพราะคนร้ายดันวิ่งหนีขึ้นรถกระบะที่จอดรออยู่ด้านนอกโรงพยาบาลก่อนจะรีบขับหนีไปอย่างรวดเร็ว

“เรื่องประชุมวันนี้ก็ให้ยกเลิกไปก่อน”

“ครับท่าน”

แล้วผมก็ตัดสายทิ้งหลังจากโทรศัพท์คุยเรื่องงานกับเรย์ที่เป็นทั้งเลขาทั้งบอดีการ์ดของผม ก่อนจะหันไปมองร่างบางที่นอนตะแคงข้างซ้ายกุมมือผมไม่ยอมปล่อยวางตั้งแต่เมื่อคืน แน่นอนว่ามันเหน็บกินเพราะอยู่ในท่าเดิมมานาน แต่ผมไม่สนใจอาการเหล่านั้น หากเมื่อเทียบกับความเจ็บปวดความกลัวที่ลูกพีชได้เผชิญกับมันเมื่อคืนนี้แล้ว มันแค่ขี้ปะติ๋ว

ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะรับความเจ็บปวดพวกนั้นทั้งหมดมาไว้ที่ผมคนเดียว...

“อือ”

เสียงเล็กร้องคราง ทำเอาผมชะงักความคิดทั้งหมดก่อนจะหันไปมองคนรักที่กำลังยกมือขยี้ตาของตัวเอง

“อรุณสวัสดิ์ยามเช้าครับลูกพีช” ผมพูดพลางเข้าไปหอมแก้มร่างบางเบาๆ ซึ่งทำเอาลูกพีชลืมตาขึ้นมามองผมอย่างอ่อนเพลีย “หิวอะไรแล้วหรือยังครับ ผมจะได้เอาข้าวต้มมาให้ลูกพีชทาน”

ร่างบางไม่ตอบ กลับมองผมสลับกับมือของตัวเองที่กุมมือผมอยู่ไปมา เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองกุมมือผมอยู่ จึงรีบปล่อยมือผมทันที

“ขอโทษนะอเล็กซ์ ลูกพีชไม่รู้ว่าลูกพีชกุมมืออเล็กซ์นานขนาดนี้ อเล็กซ์คงเมื่อยแย่”

ผมแทบอมยิ้มเมื่อเห็นร่างบางพูดขอโทษสำนึกผิดกับผม

น่ารักจังเลยครับเมียผม...

“ไม่เป็นไรครับ ถ้ามันทำให้ลูกพีชสบายใจ ผมยอมเมื่อยทั้งวันยังได้” ผมพูดพลางเอามือเกลี่ยเส้นผมที่ปรกตาคนรักออกอย่างเบาๆ “ว่าแต่รู้สึกหิวหรือยังครับเนี่ย”

“อืม หิวแล้ว”

“โอเคครับ ถ้างั้นรอซักครู่นะ” ผมตอบพลางลุกขึ้นเดินไปหยิบชามข้าวต้ม ก่อนจะเดินกลับมานั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม “อ๊ะ ไม่ต้องลุกครับ เดี๋ยวผมช่วยพยุงให้”

ผมรีบบอกทันทีที่เห็นร่างบางกำลังพยายามลุกขึ้นนั่งด้วยตนเองอย่างยากลำบาก (ก็เมื่อคืนลูกพีชโดนคนร้ายต่อยท้องนี่ครับ เลยทำให้ขยับตัวไม่ค่อยจะได้) ซึ่งอีกฝ่ายก็ยอมให้ผมช่วยแต่โดยดี หลังจากป้อนข้าวลูกพีชได้ไม่กี่คำก็บอกผมว่าอิ่ม

“อเล็กซ์ ลูกพีชอยากออกจากรพ.วันนี้” อยู่ๆลูกพีชก็พูดเกริ่นออกมา ทำเอาผมที่กำลังจะเทน้ำใส่แก้วอยู่นั้นถึงกับชะงัก “ลูกพีชไม่อยากนอนที่นี่แล้ว”

“แต่ลูกพีชยังเจ็บท้องอยู่ไม่ใช่รึครับ” ผมถามกลับไป ซึ่งร่างบางถึงกับส่ายหน้าไปมา

“แค่นี้ลูกพีชทนได้” ร่างบางตอบก่อนจะดึงแขนเสื้อผมเบาๆ “นะอเล็กซ์ ให้ลูกพีชออกรพ.วันนี้นะ”

เมื่อเห็นว่าลูกพีชอ้อนไม่อยากอยู่ ผมก็ไม่คิดจะห้าม

“ก็ได้ครับ เดี๋ยวผมบอกหมอให้”

...................

 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 15 เกือบ (อัพ 100%) P.2 8/12/57)
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 08-12-2014 12:11:13
ใครก็ได้เอาอิเจ้นั่นไปฆ่าทีมันตามจิงล้างจองผลาญเกินไปแล้วนะกัอิอค่ปู้ชายคนเดียว
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 15 เกือบ (อัพ 100%) P.2 8/12/57)
เริ่มหัวข้อโดย: zeroj ที่ 09-12-2014 11:24:09
ความรักมันเป็นดาบสองคม  ทั้งสุขและทุกข์ในเวลาเดียวกัน


 :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 15 เกือบ (อัพ 100%) P.2 8/12/57)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 09-12-2014 11:57:46
เมื่อไหร่พีชจะมีความสุขสักทีคือชีวิตนางรันทดมากอะ
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 15 เกือบ (อัพ 100%) P.2 8/12/57)
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 14-12-2014 07:06:03
ตอนที่ 16 ไปเที่ยว

.....................

ย้อนกลับไปหลังจากผมคุยกับพีชเสร็จแล้ว ก็กดวางสายก่อนจะยื่นมือถือคืนให้กับออย ซึ่งบัดนี้เพื่อนสนิทยืนกอดอกพิงกำแพงด้วยสีหน้าไม่บอกอารมณ์ ส่วนน้องอาร์ทนั้น แบมได้ชักชวนไปหาซื้อขนมรองท้องที่ข้างนอกแล้ว

“มึงมีอะไรจะแก้ตัวไหมไอ้เจย์” ออยพูดเสียงเรียบพลางรับมือถือจากผมมาเก็บใส่กระเป๋ากางเกง “อย่าคิดว่าจะปิดกูได้ ไอ้รอยคิสมาร์คบนตามตัวของน้องอาร์ทนะ”

มันคงเห็นหลังจากที่พยาบาลเข้ามาทำแผลให้กับน้องอาร์ทถึงได้มาพูดกับผมแบบนี้

“ที่เงียบนี่แสดงว่าฝีมือของมึงสินะไอ้เจย์”

“ใช่ ฝีมือกูเองแหละ”

ผัวะ! โครม!!

แรงหมัดจากเพื่อนรักทำเอาผมถึงกับหงายท้องลงไปนอนนับดาวกับพื้น โชคดีที่พวกผมยืนอยู่นั้นเป็นแถวหลังโรงพยาบาล ซึ่งไม่มีคนเดินพลุกพล่าน จึงไม่ต้องเป็นกังวลว่ามีใครจะมาเห็นเข้า

“ตั้งแต่เมื่อไหร่” อีกฝ่ายถามเสียงเข้มพลางนั่งลงยองข้างกายผม ก่อนจะกระชากคอเสื้อผมขึ้นมาอย่างแรง “กูถามว่ามึงทำกับน้องอาร์ทแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่!!”

ผมหันข้างถุยเลือดลงบนพื้นก่อนจะหันไปตอบคำถามของมัน

“ตั้งแต่วันที่กูได้เจอกับน้องอาร์ทวันแรก”

“ไอ้เหี้ยเอ้ย!!”

“เออใช่ กูมันเหี้ย กูยอมรับ แต่วันนั้นกูเมามาก มึงก็รู้ดีนี่”

“ใช่กูรู้ แล้วไงต่อ”

“แล้วกูก็นึกว่าน้องอาร์ทเป็นพีช ก็เลย...”

“ก็เลยข่มขืนน้องเขาสินะ” ออยพูดแทรกโดยที่ผมยังพูดไม่ทันจบดี ร่างสูงปล่อยคอเสื้อผมออกก่อนจะลุกขึ้นยืนล้วงบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบต่อหน้าผม “กูไม่นึกเลยว่ามึงจะเป็นเอามากขนาดนี้ รักพีชมากเลยรึไง ถึงได้หน้ามืดตามัวลากน้องอาร์ทมาเป็นตัวแทนพีชนะ”

“.....”

ผมไม่ตอบ ได้แต่นอนนิ่งอยู่อย่างนั้น

“มันก็ผ่านไปได้หลายวันแล้ว แต่ทำไมมึงยังมาเอากับน้องอาร์ทอีก” ออยถามผมอีกครั้ง เพราะมันคงเห็นว่ารอยจูบบนต้นคอกับไหปลาร้าบนตัวน้องอาร์ทยังเพิ่งใหม่อยู่ จึงไม่น่าจะเป็นรอยเก่าที่ผมเคยทำเอาไว้ในตอนแรก “มึงได้ยินที่กูถามไหมเนี่ยไอ้เจย์”

“ได้ยิน แต่พอดีวันนั้นกูไปช่วยน้องอาร์ทไม่ให้ถูกรุ่นพี่ที่เป็นนักเขียนไม่ให้ข่มขืนวะ”

“แล้วไงต่อ”

“แล้วตอนนั้นน้องอาร์ทเองก็โดนไอ้เหี้ยหลอกให้กินยาปลุกเซ็กส์ด้วย” ผมตอบพลางลุกขึ้นนั่งโดยไม่มองหน้าเพื่อนที่กำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ “มึงก็น่าจะรู้ดีนี่ ว่าคนที่โดนยาปลุกเซ็กส์แล้วมันเป็นยังไง แล้วอีกอย่างกูไม่ใช่พระอิฐพระปูน ที่จะมาต้องทนอารมณ์ยั่วยุน้องเขาได้”

“มึงก็เลยช่วยน้องเขาอย่างเต็มที่สินะ”

“ใช่” ผมตอบพลางยกมือขึ้นจับแก้มที่ถูกออยต่อย “แล้ววันนี้กูก็ได้ขอโทษน้องเขาไปแล้ว แต่น้องเขาไม่ยอมรับคำขอโทษจากกูเลยซักนิด”

“หึ มันก็สมควรอยู่แล้วนี่ ใครหน้าไหนจะไปให้อภัยกับคนที่ข่มขืนตัวเองได้กันเล่า” คำพูดของออยทำเอาผมถึงกับสะอึก “แล้วเรื่องที่รถคว่ำนี่ คงไม่ใช่เพราะมึงขับรถประมาทหรอกนะไอ้เจย์”

“ไม่ใช่อย่างแน่นอน มึงก็รู้ว่ากูเป็นยังไง” ผมเถียงย้อนกลับไป

“เออรู้น่าพ่อแชมเปี้ยนรถแข่ง” ออยพูดประชดทั้งๆที่มันเป็นความจริง ผมเคยเข้าร่วมแข่งขันรถมาหลายรายการก่อนที่พีชจะกลับมาประเทศไทย “มึงคิดว่าคู่กรณีเป็นใคร ใช่พวกที่ยกมาจะรุมมึงแต่ดันมาเจอกูวันนั้นก่อนหรือเปล่าวะ”

“น่าจะ แต่ยังไม่แน่ใจว่าใช่ไอ้รุ่นพี่นักเขียนหรือเปล่านะ เพราะไม่มีหลักฐานซะด้วย”

ผมพูดพลางถอนหายใจ เสียดายที่ตอนรถคว่ำ ผมไม่เห็นหน้าตาของอีกฝ่ายเลย

“แล้วเรื่องรถของมึงล่ะ”

“คงต้องทำใจ มันพังแล้ว” ผมบอกอย่างนึกเสียดาย เพราะคันนั้นผมทำงานเก็บเงินซื้อมาเองด้วยกับมือ “ช่างเถอะ เดี๋ยวกูนั่งรถเมล์เองก็ได้ ไหนๆก็เคยนั่งมาก่อนแล้วนี่นะ”

“เอารถกูที่บ้านไปยืมใช้ก่อนได้นะไอ้เจย์ แต่ค่าน้ำมันมึงต้องจ่ายเอง”

“เออ แม่งขอบใจมึงเหลือส้นตีนวะ ฮะๆ”

“ฮะๆ”

ทั้งผมทั้งมันต่างหัวเราะแข่งกันจนกระทั่งน้องแบมกับน้องอาร์ทได้เดินกลับมาพร้อมกับขนมเต็มมือ

“ขนมมาแล้ว...อ๊ะ แก้มของพี่เจย์ทำไมช้ำอย่างนั้นละฮะ” ดูเหมือนน้องอาร์ทจะจำได้ว่าก่อนไป แก้มของผมยังเป็นปกติดี ไม่ใช่ฟกช้ำม่วงเข้มเหมือนตอนนี้ แล้วเจ้าตัวก็ปล่อยขนมลงพื้นก่อนจะถลาเข้ามาจับแก้มผมเพื่อดูรอยฟกช้ำ ซึ่งทำเอาผม ออย และน้องแบมต่างตกตะลึงในท่าทางของอาร์ทที่กำลังทำอยู่ “เจ็บมากไหมฮะพี่เจย์”

ผมได้แต่ยืนอึ้ง ทำเอาออยต้องหันมาสะกิดเพื่อเรียกสติของผม

“เอ่อ ไม่...ไม่เท่าไหร่ พี่ไม่เจ็บหรอก ว่าแต่เราเถอะทิ้งขนมลงพื้นแบบนั้นได้ยังไงกัน ป่านนี้ไม่เละแล้วรึ” พอผมพูดจบ ทำเอาร่างบางถึงกับสะดุ้งตกใจก่อนจะหันไปก้มลงเก็บขนมที่ตกอยู่กับพื้นอย่างรวดเร็ว

“แล้วนี่มึงจะเอายังไง กลับหอพักหรือจะไปบ้านกู” ออยถามอย่างสงสัย

“คงต้องบ้านมึงล่ะ เพราะตอนนี้หอพักกูไม่ปลอดภัยแล้ว” ผมตอบพลางหันหน้าไปทางน้องอาร์ท “ส่วนเรื่องข้าวของของเรา เดี๋ยวพี่จะคิดหาทางกลับไปเอาทีหลังนะครับน้องอาร์ท”

“ฮะ ผมยังไงก็ได้” ร่างบางตอบ ก่อนที่ออยจะพาพวกผมนั่งรถขับออกจากโรงพยาบาลไป

.........................

หลังจากกลับจากโรงพยาบาลได้สองสามวัน ผมก็เฝ้าดูแลลูกพีชไม่ให้ห่างกาย ส่วนเรื่องงานที่บริษัท ผมก็ได้สั่งให้เรย์หอบเอางานมาให้ผมทำที่คอนโด มีบ้างเป็นบางวันที่ผมต้องเข้าบริษัทเพื่อประชุม แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับผม เพราะก่อนไปผมได้สั่งให้ลูกน้องมาคอยเฝ้าดูที่หน้าห้องอยู่ตลอดเวลา จนเข้าวันที่สามลูกพีชได้อ้อนผมว่าอยากจะไปเที่ยว ซึ่งผมก็ไม่ขัดศรัทธา เพราะอย่างน้อยให้คนรักได้มีโอกาสผ่อนคลายจากความเครียด และนอกจากนี้ผมก็ได้บอกให้ลูกพีชโทรชวนเจย์กับเพื่อนๆให้ไปเที่ยวด้วยกัน ทำเอาร่างบางถึงกับดีอกดีใจพูดขอบคุณผมยกใหญ่

ขอแค่เรียกเสียงหัวเราะกับรอยยิ้มกลับคืนมาได้ เท่านี้ผมก็พอใจแล้วล่ะ....

วันรุ่งขึ้นลูกพีชถึงกับปลุกผมแต่เช้าด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ทำเอาผมเอามือขยี้ผมอีกฝ่ายด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะตามด้วยหอมแก้มซ้ายทีขวาที ซึ่งทำเอาคนถูกหอมแก้มถึงกับหน้าแดงอายม้วนไปเลยทีเดียว พอเก็บข้าวของเสร็จผมก็เดินถือกระเป๋าทั้งสองใบเดินตามร่างบางที่เดินนำหน้าผมออกจากห้องไป ซึ่งการเดินตามหลังครั้งนี้มันทำให้ผมได้เห็นแผ่นหลังของลูกพีชที่ถูกห่มหุ้มด้วยเสื้อยืดสีน้ำเงินคอกลมสดใส ถึงแม้เจ้าตัวจะเจออุปสรรคที่ขวากหนาม แต่เท้าที่เดินก้าวย่างแต่ละก้าวของลูกพีชกลับดูมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง ทำเอาผมถึงกับยิ้มอย่างภาคภูมิใจที่ได้เมียเข้มแข็ง ครั้นพอประตูลิฟต์ถูกเปิดด้วยฝีมือกดปุ่มของลูกพีช ผมกลับรู้สึกใจหายวาบเมื่อเห็นร่างบางที่เคยยืนอยู่ตรงหน้านั้นกำลังจะจางหายไป ทำเอาผมถึงกับปล่อยสัมภาระลงอย่างไม่ไยดีก่อนจะอ้าแขนสวมกอดร่างบางอย่างรวดเร็ว

“ไม่นะลูกพีช คุณอย่าหายไปนะ!!” ผมหลับตากอดร่างบางอย่างแนบแน่นราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะจางหายไป

อย่าหนีผมไปไหนนะ!

ลูกพีช!!

“อเล็กซ์เป็นอะไรไป อยู่ๆก็เข้ามากอด ลูกพีชตกใจหมดเลย” เสียงหวานดังขึ้นขัดจังหวะความคิด ทำเอาผมที่กำลังกอดร่างบางอยู่นั้นถึงกับลืมตาขึ้นมอง ก่อนแลเห็นร่างกายที่กอดอยู่นั้นไม่ได้หายไปอย่างที่เข้าใจ แถมนอกจากนี้กลิ่นอายสัมผัสของลูกพีชยังลอยเตะจมูก กับไอความร้อนของร่างกายที่ยังคงแผ่กระจายทำเอาผมรู้สึกหายใจโล่งคอ

ค่อยยังชั่ว...

ยังอยู่...

ไม่ได้ไปไหน...


“ผมกลัว” ผมพูดพลางหลับตาลงโดยเอาหน้าซุกที่ลำคอของอีกฝ่ายไปด้วยพร้อมกัน “กลัวคุณจะหายไป ลูกพีช ขอผมกอดอยู่อย่างนี้ซักพักได้ไหม ขอร้องล่ะ”

ขอให้รู้ว่าคุณยังอยู่กับผม

ไม่ได้หายไปไหน...


“ได้สิอเล็กซ์” ร่างบางตอบก่อนจะปล่อยให้ผมกอดอยู่อย่างนั้นเป็นเวลาเนิ่นนาน

...............................

ผมนึกประหลาดใจที่แบมมาชวนผมให้ไปเที่ยวทะเลด้วยกัน ทีแรกผมนึกว่าจะได้ไปกันแค่สี่คน (แบม พี่เจย์ พี่ออย และผม) แต่ที่ไหนได้ กลับมี พี่พีช และพี่อเล็กเซย์รวมอยู่ด้วย พอไปถึงคอนโดของพี่อเล็กเซย์ กลับพบว่าพี่เค้าได้เหมารถตู้สีขาวมา ซึ่งผมบอกตามตรงเลยว่ารถคันนี้โคตรหรู เพราะข้างในมีของครบครัน ทั้งเครื่องเล่นเสียงคาราโอเกะ ทีวีจอแบน ทั้งของกินในตู้เย็นมินิ ไหนจะที่นั่งแสนจะนุ่มชวนน่านอนอีก ส่วนคนขับนั้น ผมนึกว่าพี่อเล็กซ์เซย์จะเป็นคนขับเอง แต่ที่ไหนได้ กลับเป็นเลขาหนุ่มที่บริษัทของเขา (ผมเพิ่งรู้จากแบมว่าพี่อเล็กเซย์เป็นถึงประธานบริษัทเอนเตอร์ไพร์สกรุ๊ป ส่วนเลขาชื่อเรย์) ผม แบม นั่งแถวหลังสุด ก่อนจะตามมาด้วยพี่เจย์กับพี่ออย นั่งอยู่ด้านหน้าที่นั่งของพวกผม ส่วนพี่พีชกับพี่อเล็กเซย์นั่งอยู่หลังคนขับ ซึ่งระหว่างการเดินทาง พี่อเล็กเซย์กลัวว่าพวกผมจะเบื่อเลยหันมาถามว่า

“จะดูอะไรก็บอกได้นะครับ”

“อะไรก็ได้ฮะพี่อเล็กเซย์ พวกผมดูได้หมด” ผมตอบด้วยความเกรงใจเพราะอาศัยรถเขามา แล้วอีกฝ่ายก็หันไปเปิดโทรทัศน์ให้พวกผมดู ซึ่งเป็นหนังตลกที่ดูแล้วไม่เครียด แต่ดูได้ไม่นานนักผมก็เผลอหลับไป มารู้สึกตัวอีกทีแบมก็มาปลุกผมให้ตื่นแล้ว

“ตอนนี้พวกเราแวะปั้มอยู่นะ จะเข้าห้องน้ำไหมอาร์ท”

“อือ” ผมตอบอย่างงัวเงีย ก่อนจะเดินลงรถไปเข้าห้องน้ำคนเดียว (แบมเดินไปเซเว่นพร้อมกับพี่ออย ส่วนคนอื่นๆผมไม่เห็นเลย) พอทำธุระเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะเดินออกมาล้างมือกลับชะงักเมื่อได้ยินเสียงคนพูดดังออกมาจากหลังห้องน้ำ

“อะไรนะ พ่อกับแม่รู้เรื่องแล้วเหรอเมย์...ไม่เอาน่า อย่าร้องไห้เลยคนดี ผมบอกแล้วไงว่าจะรับผิดชอบลูกในท้อง ครับ ไม่นานหรอก สามวันเดี๋ยวผมก็กลับแล้ว อือ มากับพวกเพื่อนเจย์นะ งั้นแค่นี้ก่อนนะครับ แล้วผมจะโทรกลับไปหาใหม่” พออีกฝ่ายพูดจบ ผมก็รีบวิ่งกลับเข้าห้องน้ำไป ก่อนจะแง้มประตูดูว่าผู้พูดเป็นใคร ซึ่งพอร่างนั้นเดินออกมาแล้ว ทำเอาผมถึงกับตกตะลึง เพราะคนที่เดินออกมาจากหลังห้องน้ำก็คือ

พี่พีช...

พอกลับขึ้นรถอีกที ผมแอบเหลือบมองพี่พีชพลางครุ่นคิดถึงคำพูดของเขาตอนเข้าห้องน้ำอย่างสงสัย

“อะไรนะ พ่อกับแม่รู้เรื่องแล้วเหรอเมย์...ไม่เอาน่า อย่าร้องไห้เลยคนดี ผมบอกแล้วไงว่าจะรับผิดชอบลูกในท้อง ครับ ไม่นานหรอก สามวันเดี๋ยวผมก็กลับแล้ว อือ มากับพวกเพื่อนเจย์นะ งั้นแค่นี้ก่อนนะครับ แล้วผมจะโทรกลับไปหาใหม่”

ผมบอกแล้วไงว่าจะรับผิดชอบลูกในท้อง...

จะรับผิดชอบลูกในท้อง…

ลูกในท้อง..


คำพูดนี้ทำเอาผมแทบไม่อยากจะเชื่อว่าอีกฝ่ายพูดจริง และไม่เชื่อว่าพี่พีชจะทำผู้หญิงท้อง ครั้นพอเหลือบมองแฟนพี่พีช ซึ่งกำลังลูบหัวอย่างเอาใจ ทำเอาผมรู้สึกสงสารเขาขึ้นมาจับใจ

ไม่นานหรอก สามวันเดี๋ยวผมก็กลับแล้ว

คำพูดประโยคนี้ทำเอาผมนึกสงสัย เพราะแบมบอกกับผมว่าพวกเราจะมาเที่ยวทะเลที่กระบี่ด้วยกันสี่คืนห้าวัน แต่ไฉนพี่พีชบอกว่าแค่สามวัน

“เป็นอะไรไปเหรออาร์ท เห็นนั่งเงียบเชียว คิดอะไรอยู่หรือ” เสียงแบมถามขึ้นเบาๆ เพราะเกรงว่ากลัวคนในรถที่หลับไปแล้วจะตื่น ซึ่งทำเอาผมที่มองทิวทัศน์นอกรถถึงกับต้องหันมามอง

“ไม่มีอะไรหรอก แค่คิดพล็อตนิยายเฉยๆนะ” ผมโกหก

“เที่ยวทั้งที อย่าเอาแต่คิดนิยายสิ ทำใจให้ว่างแล้วสนุกไปกับมันดีกว่านะ” แบมบอกด้วยความหวังดี คงเป็นเพราะเห็นผมเครียดมาหลายวัน ไหนจะเรื่องงาน ไหนจะเรื่องพี่เจย์อีก แบมก็เลยอยากให้ผมได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ “นอนซะ เดี๋ยวถึงกระบี่เมื่อไหร่แบมจะปลุกอาร์ทให้เอง”

“อื้อ ขอบใจนะแบม จะหลับเดี๋ยวนี้แหละ” แล้วผมก็หลับตาลงด้วยความอ่อนเพลีย

...............................

ตอนแวะปั้ม ผมโดนน้องแบมเรียกไปคุยด้วย ไม่สิ เรียกผมไปต่อว่าซะจนออยต้องเข้ามาห้ามเอาไว้

“พี่ต้องรับผิดชอบอาร์ทด้วย ไม่งั้นผมเอาพี่ตายแน่!”

“เรื่องนั้นน้องแบมไม่ต้องห่วง พี่กล้าทำพี่ก็กล้ารับ” ผมพูดพลางมองอีกฝ่ายที่มองผมด้วยสีหน้าเกรี้ยวกราด ดูท่าแบมคงจะทนเก็บอารมณ์ไว้มานานพอสมควร แต่กลับมาระเบิดเอาวันนี้ โชคยังดีที่น้องอาร์ทไปเข้าห้องน้ำ ก็เลยไม่ได้มาเห็นผมกับแบมทะเลาะกัน “แต่พี่ขอเวลาหน่อย ขอให้พี่ได้ทำใจ...ลืมพีช”

พอผมพูดจบ แบมถึงกับทำหน้าตะลึง ดูท่ายังไม่รู้ว่าผมแอบชอบพีชข้างเดียว

“พี่เจย์...ชอบพี่พีชเหรอ”

“ใช่” ผมตอบเสียงเบา “แต่เขามีคนรักอยู่แล้ว พี่คงได้แต่ทำใจ”

แล้วน้องแบมก็ไม่ได้ถามอะไรผมต่ออีก เพราะโดนออยลากกลับไปนั่งรถ ส่วนผมนั้นก็เดินไปเข้าห้องน้ำก่อนจะเดินกลับไปนั่งรถต่อด้วยจิตใจห่อเหี่ยว แต่ทว่าพอกลับไปนั่งที่รถ ผมก็เห็นพีชกับอเล็กเซย์นั่งคุยกันอย่างสนุกสนาน ซึ่งมันทำเอาผมรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวจนต้องหลับตาลงเพื่อลบภาพเหล่านั้นออกไปจากหัว

ลบมันออกไปซะไอ้เจย์ ไม่งั้นมึงจะเจ็บไปจนตายแน่...

..............................

เมื่อถึงกระบี่แล้ว ทุกคนก็พากันลงจากรถตู้ ก่อนจะพากันเข้าไปพักในรีสอร์ท ซึ่งเป็นรีสอร์ทในความดูแลของอเล็กเซย์ (ผมได้ยินถึงกับตะลึง เพราะไม่คิดว่าอเล็กซ์จะรวยขนาดนี้)

“ใครอยากจะนอนห้องไหนก็เลือกได้ตามสบายเลยนะครับ” เจ้าของรีสอร์ทบอก ซึ่งทุกคนพยักหน้าก่อนจะพากันแยกย้ายเดินเข้าไปดูห้องพัก ทำให้เหลือแต่ผมกับอเล็กซ์ที่ยังคงอยู่ “มาทางนี้ดีกว่านะครับลูกพีช ผมจะมีอะไรให้ดู”

แล้วร่างสูงก็จับมือผมจูงเดินเข้าไปยังห้องหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พวกผมยืน เมื่อเข้าไปข้างในห้องแล้ว ผมแทบตะลึงเมื่อเห็นภายในห้องที่ถูกจัดอย่างสวยงาม พอมองออกไปนอกประตูบานกระจก ก็แลเห็นชายหาดทะเลสีขาวกับท้องทะเลอยู่ใกล้กับที่พักได้อย่างชัดเจน

“สวยไหมครับลูกพีช” คนรักถามพลางบีบมือผมเบาๆ “นี่เป็นห้องที่สามารถดูวิวได้สวยที่สุด ผมเลือกไว้ให้สำหรับคุณโดยเฉพาะเลยนะครับเนี่ย”

คำพูดของอเล็กซ์ทำเอาผมเริ่มรู้สึกผิด

นี่ถ้าอเล็กซ์รู้ว่าผมมีลูกกับเมย์ เขาจะรู้สึกยังไง...

“ลูกพีช คุณร้องไห้ทำไม!” เสียงอเล็กซ์ถามอย่างตื่นตระหนก ทำเอาผมที่กำลังครุ่นคิดถึงกับสะดุ้งตกใจ “เป็นอะไรไปครับ เจ็บตรงไหนบอกผมได้นะ”

ไม่พูดเปล่าอย่างเดียว กลับเอาลูบไม้ลูบมือสำรวจหาบาดแผลตามร่างกายผมอีกด้วย

“ไม่มีอะไรอเล็กซ์ ลูกพีชไม่ได้เจ็บตรงไหนเลย” ผมรีบตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว ทำเอาร่างสูงชะงักก่อนจะเงยหน้ามองผมด้วยความเป็นห่วง “ลูกพีชไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ ลูกพีชแค่รู้สึก...รู้สึกดีใจที่อเล็กซ์ให้ความสำคัญกับลูกพีชก็เท่านั้นเอง”

ยิ่งพูดน้ำตายิ่งไหล ทำเอาอเล็กซ์ที่มองผมอยู่ถึงกับสวมกอดทันที

“อย่าร้องนะครับที่รัก ยิ่งคุณร้อง ผมยิ่งรู้สึกเจ็บ ฉะนั้นอย่าร้องไห้อีกเลยนะครับลูกพีช ผมขอร้องล่ะ”

“อืม”

ผมตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ก่อนจะหลับตาโอบกอดตอบอีกฝ่ายอย่างเงียบๆ

ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากหยุดเวลาความสุขนี้ไว้นานๆ...

จะได้อยู่กับคุณแบบนี้ไปตลอด...


....................

 :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 16 ไปเที่ยว (100%) P.2 14/12/57)
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 14-12-2014 11:56:38
ตกลงว่ายัยเมย์เนี่ยท้องกะพีชจริงหรอ
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 16 ไปเที่ยว (100%) P.2 14/12/57)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 14-12-2014 12:25:43
 :mew5:  หน่วง
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 16 ไปเที่ยว (100%) P.2 14/12/57)
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 26-12-2014 07:59:34
ตอนที่ 17 จมน้ำ

....................

หลังจากตัดสินใจเลือกห้องแล้ว ผมก็ชวนแบมให้ไปนอนด้วยกัน ซึ่งอีกฝ่ายก็ยอมมานอนกับผมแต่โดยดี ก็เลยทำให้พี่ออยต้องหันไปชวนพี่เจย์นอนห้องเดียวกันแทน พอจัดสัมภาระเข้าตู้เสื้อผ้าแล้ว พวกผมก็พากันเดินออกมาที่ห้องรับแขก ก่อนจะเห็นพี่อเล็กเซย์นั่งกอดเอวพี่พีชที่บัดนี้ตาแดงก่ำอยู่บนโซฟาด้วยกัน

พี่พีชร้องไห้?

ผมครุ่นคิดในใจอย่างสงสัยแต่ก็ไม่กล้าถามกลับไป

“จะไปเล่นน้ำทะเลเลยหรือจะไปหาอะไรรองท้องก่อนดีกันล่ะครับ” อเล็กเซย์เป็นฝ่ายเปิดคำถามก่อน

“ผมว่าหาอะไรรองท้องก่อนดีกว่านะครับคุณอเล็กเซย์ เพราะนี่ก็เลยบ่ายมามากแล้วเดี๋ยวเวลาเล่นน้ำจะหิวกันจนเป็นลมเป็นแล้งไปซะก่อน” พี่ออยพูดตอบ

“เอาตามนั้นก็ได้ครับ” อเล็กเซย์ตอบ แล้วทุกคนก็พากันเดินตามอเล็กเซย์ไป (ส่วนเลขาเรย์เดินตามหลังพี่อเล็กเซย์อยู่ห่างๆ) เมื่อไปถึงร้านอาหารที่เป็นเพิงไม้แล้ว อเล็กเซย์ก็บอกให้ทุกคนสั่งอาหารได้ตามสบาย ซึ่งผมเลือกส้มตำไทยกับข้าวเหนียว เพราะนานๆได้กินที ส่วนคนอื่นก็สั่งคล้ายกับผม และกับอื่นๆอีกสามสี่ที่ผมไม่เคยกิน เมื่อกับข้าวพร้อมแล้วทุกคนก็เริ่มลงมือทาน ระหว่างทานไปนั้นพี่อเล็กเซย์กับพี่ออยก็ชวนคุยกัน มีบ้างที่หันมาคุยกับผม หรือไม่ก็แบม บางครั้งก็หันไปคุยกับพี่เจย์ แต่ดูเหมือนพี่เจย์ไม่ค่อยมีอารมณ์ที่จะตอบมากเท่าที่ควร ยิ่งโดยเฉพาะเวลาพี่อเล็กเซย์หันไปคุยกับพี่พีช ยิ่งทำให้พี่เจย์ทานข้าวได้ช้าลงกว่าเดิม ไม่นานนักพี่เจย์ก็วางช้อนส้อมลง ทำเอาทุกคนหันไปมอง “อิ่มแล้วเหรอครับคุณเจย์”

พี่อเล็กเซย์ถามพลางมองพี่เจย์อย่างสงสัย เพราะเห็นข้าวลดลงหน่อยเดียว

“ครับคุณอเล็กเซย์ พอดีผมกินขนมจากเซเว่นมาก่อนแล้ว ก็เลยไม่ค่อยหิว” พี่เจย์ตอบก่อนจะดันเก้าอี้ลุกขึ้นยืน “เดี๋ยวผมขอตัวไปเดินเล่นที่ชายหาดก่อนนะครับ”

แล้วร่างสูงก็เดินออกนอกร้านไป ซึ่งทำให้ผมรีบทานข้าวให้หมดก่อนจะแสร้งทำเป็นบอกทุกคนว่าขอออกมาเดินเล่นบ้าง เมื่อผมเดินออกมาข้างนอกแล้ว ผมก็รีบกวาดสายตาหาร่างสูงอย่างรวดเร็ว

พี่เจย์ไปเดินเล่นแถวไหนของเขากันนะ...

ผมครุ่นคิดในใจอย่างสงสัย ซึ่งผมใช้เวลาไม่นานนัก ก็หาพี่เจย์เจอจนได้ ร่างสูงนั่งห้อยขาอยู่บนโขดหินกำลังขว้างหินลงทะเลอยู่ ผมเห็นดังนั้นจึงเดินเข้าไปอย่างเงียบๆ

“ผมขอนั่งด้วยคนได้ไหมฮะพี่เจย์” ร่างสูงได้ยินก็เหลือบมามองผมก่อนจะหันกลับไปมองทะเลตามเดิม

“อืม” ร่างสูงตอบสั้นๆ ซึ่งทำให้ผมรีบหย่อนก้นนั่งลงข้างกายพี่เจย์ ทว่าผมไม่รู้จะพูดอะไรดี จึงได้แต่นั่งแกว่งเท้าไปมา “พี่ขอโทษนะ”

อยู่ๆร่างสูงก็พูดเกริ่นขึ้นมา ทำเอาผมที่กำลังแกว่งเท้าเล่นถึงกับชะงัก

“อะไรนะครับพี่เจย์ ผมได้ยินไม่ชัด”

“พี่ขอโทษ” ร่างสูงพูดโดยไม่มองหน้าผม “ขอโทษเรื่องที่ทำให้เราต้อง...”

แต่พี่เจย์พูดไม่จบ ซึ่งผมพอรู้ว่าพี่เจย์หมายถึงเรื่องอะไร

“เรื่องมันผ่านไปแล้วผมไม่คิดมากหรอกฮะ ผมยอมให้อภัยพี่” ผมตอบยิ้มกว้าง ซึ่งทำเอาร่างสูงถึงกับหันขวับมามองผมด้วยสีหน้าตกตะลึง เพราะก่อนหน้านี้พี่เจย์ได้พูดขอโทษผมแล้ว แต่ผมยังไม่ได้พูดให้อภัยกับพี่เขาเลย “พี่เจย์ก็แค่เมามากไปหน่อยจนทำอะไรไม่รู้ตัว แต่จะว่าไปตอนนั้นมันก็มืดมากเสียด้วย ผมไม่แปลกใจเลยที่พี่จะเข้าใจผิดคิดว่าผมเป็นพี่พีช จริงไหมฮะ”

“น้องอาร์ท”

“ส่วนครั้งที่สอง ผมก็ไม่ถือโทษโกรธพี่หรอกฮะ ก็เพราะผมไปยั่วพี่ก่อน”

“แต่นั่นมันเป็นเพราะยา...”

“ถึงจะเป็นยา แต่มันก็เป็นความเต็มใจของผมเอง” ผมตอบพลางถอนหายใจ ก่อนจะพูดต่อ “เพราะถ้าพี่เจย์ไม่ช่วย ผมก็คงทุกข์ทรมานไปเพราะเจ้ายาบ้านั่นแน่ แต่จะว่าไปผมก็ต้องขอบคุณพี่เจย์ที่ช่วยผมไว้นะฮะ เพราะถ้าไม่ได้พี่ ผมคงโดนรุ่นพี่คนนั้นข่มขืนไปแล้ว”

“น้องอาร์ท”

“เดี๋ยวผมต้องขอตัวก่อนนะฮะพี่เจย์ ว่าจะลองไปชวนแบมเล่นบานานาโบ๊ทซักหน่อย” พูดจบ ผมก็รีบลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินหนีพี่เจย์ไปโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันได้พูดอะไรต่อ

................

หลังจากรับประทานอาหารกันเสร็จแล้ว ออยก็ชวนแบมไปเดินเล่นข้างนอก ทำให้เหลือแต่ผม อเล็กซ์ และเลขาเรย์ยังคงอยู่ที่เดิม

“จะไปเล่นน้ำทะเลหรือเปล่าครับลูกพีช” อเล็กซ์หันมาถามในขณะที่ผมกำลังดื่มน้ำอยู่

“ไปสิอเล็กซ์” ผมตอบยิ้มๆ แล้วอเล็กซ์ก็หันไปพูดกับเรย์ซักสองสามประโยค ก่อนที่เลขาหนุ่มจะลุกขึ้นเดินออกจากนอกร้านไป “อเล็กซ์พูดอะไรกับเขาเหรอ”

“อ้อ ผมบอกให้เขาไปเช่าห่วงยางนะครับ”

“ห่วงยาง? ไปเช่ามาทำไมล่ะ” ผมถามกลับอย่างสงสัย

“ก็จะได้เอาไปเล่นน้ำยังไงละครับ” ร่างหนาตอบยิ้มๆ “ผมกลัวลูกพีชจะจมน้ำ ก็เลยคิดว่าไปเช่าห่วงยางมาให้”

“เฮ้ย ไม่ต้อง ลูกพีชว่ายน้ำเป็น” ผมแทบตกใจเมื่อได้ยินที่อเล็กซ์พูด เพราะตอนสมัยมัธยม ผมเป็นถึงนักว่ายน้ำของโรงเรียนตัวยง แต่เพิ่งจะมาเลิกว่ายก็ตอนเรียนจบมัธยมนี่เอง แต่อีกฝ่ายกลับทำหน้าบึ้งตึง

“ไม่ได้ครับ ถึงจะว่ายน้ำเป็นแต่ผมไม่ยอมให้ลูกพีชต้องเป็นอะไรไปอีกแล้ว” คำพูดของอเล็กซ์ยิ่งทำเอาผมรู้สึกผิดมากขึ้นกว่าเดิม แล้วอเล็กซ์ก็จูงมือผมเดินออกนอกร้านอาหารก่อนจะไปนั่งรอเลขาเรย์อยู่เก้าอี้ผ้าใบริมชายหาด นั่งไปได้ซักพักเลขาหนุ่มก็เอาห่วงยางมาให้ “ปะ ไปเล่นน้ำกันเถอะครับ”

แล้วร่างสูงก็คว้ามือผมจูงเดินลงน้ำ เมื่อลงน้ำแล้วอเล็กซ์ก็วางห่วงยางลงบนน้ำทะเลก่อนจะคว้าผมอุ้มขึ้นไปนั่งบนห่วงยางนั้น

“จะทำอะไรหรืออเล็กซ์” ผมถามกลับด้วยความมึนงง เพราะไม่ค่อยเข้าใจที่อีกฝ่ายทำ ส่วนอเล็กซ์เมื่อได้ยินที่ผมพูดถึงกับฉีกยิ้มให้ทันที

“เดี๋ยวก็รู้ครับ” แล้วอีกฝ่ายก็ตีขาว่ายน้ำทันที ในขณะที่ร่างสูงพาผมลอยน้ำ ก็ได้บอกให้ผมหลับตาด้วย ทำเอาผมกลัวแทบแย่ เพราะนั่งลอยน้ำอยู่บนห่วงยางนี่ครับ ไม่นานนักเสียงตีเท้าของร่างสูงก็หยุดลง “เอาล่ะ ทีนี้ก็ลืมตาได้แล้วครับ”

ผมได้ยินดังนั้นก็ค่อยลืมตาขึ้นมา ก่อนจะแลเห็นแสงสีเขียวระยิบระยับท่ามกลางความมืดมิด

“ว้าว! สวยจังเลย” ผมร้องอุทานเสียงดังพลางมองไปรอบๆอย่างตกตะลึง ซึ่งไม่ต้องถามก็พอรู้ว่าที่นี่เป็นที่ไหน

“ผมเห็นว่าที่นี่มีถ้ำสวยๆอยู่ ก็เลยพาลูกพีชมาดู เป็นไงบ้าง ชอบไหมล่ะครับ”

“อื้ม ชอบสิ ชอบมากเลย” ผมหันไปตอบอเล็กซ์ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองแสงสีเขียวอีกครั้ง ซึ่งทำเอาผมอดนึกถึงคุณพ่อคุณแม่เสียมิได้ “สมัยเด็กพ่อแม่เคยพาลูกพีชมาเที่ยวที่กระบี่ ตั้งใจว่าจะพาลูกพีชมาดูถ้ำหินย้อยด้วย แต่เผอิญว่าตอนนั้นลูกพีชยังเล็ก ว่ายน้ำไม่เป็น ก็เลยไม่ได้มา เลยตั้งใจว่าถ้าว่ายน้ำเป็นแล้ว จะมาดูพร้อมกับพ่อแม่อีก...แต่มัน...ไม่มีโอกาสแบบนั้นอีกแล้วล่ะ”

“ลูกพีช” เสียงทุ้มเรียกชื่อผมด้วยความเป็นห่วง

“ลูกพีชไม่เป็นไร ฮึก อเล็กซ์ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก” ผมพูดไปพลางยกมือขึ้นปาดน้ำตาตัวเอง ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้อีกฝ่ายเพื่อคลายกังวล “ลูกพีชอยากดูข้างในอีก อเล็กซ์พาลูกพีชเข้าไปดูข้างในได้ไหมครับ”

“ได้สิครับ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ”

แล้วร่างสูงก็ตีขาว่ายน้ำพาผมไปยังข้างในถ้ำต่อ

..........................

หลังจากเล่นบานานาโบ๊ทกับแบมกับพี่ออย(ส่วนพี่เจย์ก็มาเล่นด้วยเพราะถูกพี่ออยชวน)เสร็จ ผมก็ชวนแบมดำน้ำดูปะการังต่อ

“จะดำน้ำเหรอ พี่ไปด้วยคนสิ” พี่ออยบอกก่อนจะหันไปทางพี่เจย์ “เฮ้ยไอ้เจย์ ไปด้วยกันไหม”

“ฮึ ไม่เอาล่ะ กูเหนื่อย ว่าจะไปนอนหลับที่เตียงผ้าใบนะ เชิญเล่นกันได้ตามสบาย เสร็จเมื่อไหร่ก็ปลุกด้วยนะมึง” แล้วร่างสูงก็เดินกลับไปนอนบนเตียงผ้าใบ

“ปะอาร์ท ไปดำน้ำกัน” แบมสะกิดผมให้ไป

“อืม” เมื่อผม แบม และพี่ออยกำลังเตรียมอุปกรณ์ดำน้ำแล้ว ก็เห็นพี่อเล็กซ์ว่ายน้ำเกาะห่วงยางที่พี่พีชนั่งอยู่ลอยมาใกล้ๆ

“จะไปดำน้ำกันเหรอออย” พี่พีชถามในขณะที่จับมือพี่อเล็กซ์เพื่อจะลงจากห่วงยาง

“อืม จะไปด้วยกันไหมล่ะ” พี่ออยพูดชวนกลับไป แต่พี่พีชกลับส่ายหน้าปฏิเสธ

“ไม่ล่ะ เหนื่อยแล้ว ว่าจะไปนั่งพักซักหน่อย เชิญเล่นกันตามสบายเถอะ”

“อืม” แล้วทั้งคู่ก็เดินขึ้นน้ำไปด้วยพร้อมกัน ส่วนผมมองทั้งคู่แวบหนึ่งก่อนจะเดินลงน้ำตามแบมไป

....................

การมาเที่ยวครั้งนี้มันทำเอาผมรู้สึกหดหู่ใจที่ต้องมาทนเห็นทั้งคู่เล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน แต่ถึงกระนั้นผมก็รู้สึกยินดีที่ได้เห็นรอยยิ้มของพีชกลับคืนมาอีกครั้ง

Trr…

“ครับคุณแม่” ผมรับสายทันทีเมื่อเห็นว่าแม่โทรมา “พีชเหรอครับ สบายดีครับ คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วง ตอนนี้ผมกับเพื่อนๆพาพีชมาเที่ยวที่กระบี่ครับ ครับ…เรียบร้อยดีครับ สวัสดีครับ”

พอผมกดวางสาย เสียงข้อความก็ดังเข้ามาทันที ทำเอาผมมุ่นคิ้วก่อนจะกดเปิดดู

มาเจอกันที่ข้างนอกริมชายหาดตอนตีสอง มีเรื่องจะคุยด้วย

From.ลูกพีช


เมื่อเห็นข้อความบนมือถือแล้ว ทำเอาผมมุ่นคิ้วมากขึ้นกว่าเดิม แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ส่งข้อความถามกลับไป ผมก็ได้ยินเสียงคุ้นหูหวีดร้องขอความช่วยเหลือดังแว่วเข้ามา

“ใครก็ได้ช่วยด้วย อึก ช่วย…ด้วย!” พอเห็นหน้ากับมือที่โผล่เหนือน้ำเท่านั้นแหละ ทำเอาผมถึงกับผุดลุกจากเตียงผ้าใบทันที
 
น้องอาร์ท!

ผมรีบวิ่งลงน้ำทันทีโดยไม่ต้องคิดให้เสียเวลา ทว่าพอว่ายไปถึง ร่างของน้องอาร์ทก็จมลงไปต่อหน้าต่อตาแล้ว

“ฮ้า ฮึบ” ผมสูดลมหายเข้าใจเข้าไปเต็มปอดก่อนจะดำน้ำลงไปเพื่อตามหาตัวเล็ก ซึ่งใช้เวลาไม่นานนักก็พบจนได้ ผมรีบคว้าแขนบางขึ้นมาก่อนจะตีเท้าว่ายน้ำขึ้นมาสูดอากาศหายใจ พอขึ้นมาบนผิวน้ำแล้วผมก็ค่อยประคองศีรษะน้องพร้อมกับว่ายน้ำไปพลาง เมื่อขึ้นฝั่งแล้วผมก็อุ้มร่างบางลงพื้นทราย แน่นอนว่าทุกคนที่อยู่แถวนั้น รวมถึงออยกับน้องแบมด้วย ต่างพากันวิ่งกรูเข้ามาล้อมวงดู “อย่ามามุง ถอยไป!”

ผมตะโกนสั่งเสียงเดือดดาล ทำเอาไทยมุงทั้งหลายถอยห่างทันที พอทุกคนถอยห่างแล้ว ผมก็ใช้นิ้วอังจมูกร่างบางกับก้มลงเอาหน้าแนบกับหน้าอกร่างบางเพื่อตรวจดูชีพจร

ไม่หายใจ…แถมหัวใจก็ไม่เต้นด้วย!

พอคิดได้ดังนั้นผมก็รีบปั้มหน้าอกพร้อมกับผายปอดอย่างรวดเร็ว

“ฟื้นสิ ต้องฟื้นสิ!” ผมพูดไปปั้มหน้าอกไป ก่อนจะก้มลงผายปอดร่างบางไปด้วยพร้อมกัน ไม่รู้ว่าผมเป็นบ้าอะไร พอเห็นอีกฝ่ายไม่ฟื้นขึ้นมาซักที ทำเอาผมถึงกับใจหายวาบ “ฟื้นสิน้องอาร์ท ฟื้นสิ ฟื้นเร็วเข้า!!”

อย่าตายนะ ห้ามตายเด็ดขาด!!

บึก บึก บึก

ผมปั้มหน้าอกอยู่สองสามที ร่างบางก็ได้สำลักน้ำออกมา

“แค่กๆ”

“เย้!” ทุกคนที่ยืนเฝ้ามองอยู่ห่างๆ ถึงกับโห่ร้องด้วยความดีใจ ครั้นพอร่างบางปรือตาขึ้นมามอง เท่านั้นแหละ ผมถึงกับช้อนหลังร่างบางขึ้นมาสวมกอดอย่างรวดเร็ว โดยไม่แคร์สายตาคนที่จับจ้องเลยแม้แต่น้อย

“พะ…พี่เจย์?” ร่างบางเรียกชื่อผมด้วยความมึนงง ซึ่งผิดกับผมที่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ค่อยยังชั่ว ยังหายใจอยู่…

“อะแฮ่มๆ” เสียงกระแอมไอดังขึ้น “กูว่ามึงกอดพอได้แล้วมั้งไอ้เจย์”

ผมได้ยินดังนั้นก็คลายกอดร่างบางทันที พลางลุกขึ้นเดินไปหาคนพูดก่อนจะ…

ผัวะ!

“พี่ออย!” เสียงของน้องแบมร้องอุทานขึ้นเมื่อเห็นผมต่อยแฟนของตัวเองต่อหน้าต่อตา “พี่เจย์ทำอะไรนะ ต่อยพี่ออยทำไม!”

ผมไม่ตอบคำถามแบม เพราะถึงยังไงไอ้ออยมันก็รู้ดีว่าผมต่อยมันไปทำไม

“กูขอโทษ พอดีตอนนั้นกูมัวแต่ดำน้ำอยู่ ก็เลยไม่ทันเห็น” มันพูดขอโทษผม ความจริงก็ไม่ใช่ความผิดของมัน เพราะไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นได้ “ไอ้เจย์ กูขอ…”

“มึงไม่ผิดไอ้ออย กูตั้งหากที่ผิด ถ้ากูไม่นอนอยู่บนเตียงผ้าใบ เรื่องมันก็คงไม่เกิดขึ้น”

“ไอ้เจย์ มึง”

“พี่เจย์”

เสียงหวานเรียกชื่อผม ทำเอาผมหันกลับไปมองร่างบาง ซึ่งผมแค่มองแวบเดียวเท่านั้นจริงๆ ก่อนจะหันกลับแล้วก้าวเท้าเดินกลับเข้าที่พักไปอย่างเงียบๆ

....................

พอพระอาทิตย์ตกดิน ทุกคนมารวมตัวกันที่ห้องรับแขกอีกครั้ง

“ไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหมฮึเรา” ผมถามพลางสวมกอดน้องอาร์ทพร้อมกับลูบหัวด้วยความเป็นห่วงหลังจากได้ยินข่าวเรื่องการจมน้ำจากปากออย

“ครับพี่พีช ขอบคุณพี่มากที่เป็นห่วง ผมไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ” ตัวเล็กพูดพลางส่งยิ้มให้ผม ถึงแม้จะหน้าซีดไปหน่อย แต่ดูโดยรวมแล้วก็ถือว่าไม่เป็นอะไรมาก

“แล้วนี่เจย์ไปไหนล่ะออย” ผมถามต่ออย่างสงสัย

“อยู่ในห้องนอนนะ” อีกฝ่ายตอบเสียงแผ่วเบา

“เดี๋ยวผมไปเคาะประตูเรียกพี่เจย์ให้เองฮะ พวกพี่ๆก็ออกไปกินข้าวก่อนเถอะ” น้องอาร์ทพูดเสนอขึ้นมา

“เอาตามนั้นแล้วกัน แล้วรีบๆตามมาล่ะ”

“ฮะพี่พีช”

....................

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 17 จมน้ำ up 100% P.2 26/12/57)
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 27-12-2014 07:25:41
ตอนที่ 18 วันแห่งความสุข

................

หลังทานข้าวเย็นเสร็จแล้ว ทุกคนต่างแยกย้ายกันไปพักผ่อนตามอิริยาบถของตัวเอง ส่วนผมนั้นได้ถูกอเล็กซ์ชวนมาเดินเล่นย่อยอาหารแถวริมชายหาดทะเล ซึ่งมันช่างดูโรแมนติกไม่ใช่น้อย

“นั่งพักกันหน่อยดีไหมครับลูกพีช” ร่างสูงเอ่ยปากถามหลังจากพาผมเดินจูงมือเล่นกันได้ซักระยะแล้ว

“ก็ดีเหมือนกันอเล็กซ์” ผมตอบ แล้วอเล็กซ์ก็พาผมไปนั่งบนขอนไม้อันใหญ่ ก่อนจะนั่งลงข้างๆตาม

“ที่รักครับ” อยู่ๆร่างสูงก็เรียกผมขึ้นมา ก่อนจะหันหน้ามาทางทางผม แล้วยกมือขวาของผมขึ้นพรมจูบบนมือเบาๆ “คืนนี้ผม...ขอนะ”

ดูพูดเข้าสิ คนอะไรเอาแต่ใจจริงๆ...

“แต่ลูกพีชยังไม่พร้อม” ผมยังไม่พร้อมจริงๆ เพราะยังฝังใจกับวันที่คนร้ายเข้ามาจะข่มขืนผม

“แล้วเมื่อไหร่จะพร้อมละครับเมีย” เอาอีกแล้วล่ะครับ อ้อนอีกแล้ว

“ไม่รู้สิ” ผมตอบพลางหันหน้าหนี เพราะเล่นถูกจ้องตาตลอดเวลา “อเล็กซ์ เรามาเล่นก่อกองทรายกันเถอะ”

ผมพูดเปลี่ยนเรื่อง

“มันมืดแล้ว เล่นไม่ได้หรอกครับ” อเล็กซ์พูดพลางยกแขนโอบตัวผมให้เข้ามาใกล้ๆ “นะครับเมีย ผมจะทำแค่ครั้งเดียว”

เหอะๆ กลัวมันจะไม่ครั้งเดียวตามที่พูดเอาไว้นะสิ…

“นะครับเมีย” เล่นจ้องตาแบบนี้ อ้อนเสียงหวานแบบนี้ ใครจะกล้าปฏิเสธได้ลงคอ(?)

เอาก็เอาวะ…

“ก็ได้อเล็กซ์ เฮ้ย!” พูดยังไม่ทันจบ ผมก็ถูกอีกฝ่ายอุ้มท่าเจ้าหญิงทันควัน “เอาตอนนี้เลยเหรออเล็กซ์”

“ก็ใช่นะสิครับ หึๆ”

สุดท้ายผมก็ไม่รอดเงื้อมมือมารหื่น(?)

..............................

01.40 นาฬิกา

ผมมองหน้าคนรักที่นอนหลับตาพริ้มในอ้อมกอดของเขา ถ้าจะถามว่าตอนนี้ผมมีความสุขไหม ผมตอบได้เลยว่ามีความสุขมาก แต่มันเป็นความสุขในระยะแสนสั้น ถ้าให้เลือกได้ ผมอยากจะอยู่แบบนี้ไปตลอด ผมคิดได้ดังนั้นก่อนจะยกแขนหนาให้ออกจากตัว หลังจากนั้นก็ลุกขึ้นเดินเซไปอาบน้ำแต่งตัว เมื่อจัดการเรียบร้อยแล้ว ก็เดินออกมาอีกที เห็นอเล็กซ์ยังนอนหลับตาบนเตียงอยู่

คนอะไรก็ไม่รู้หล่อได้แม้กระทั่งตอนหลับ

ผมครุ่นคิดในใจก่อนจะเดินย่องออกนอกห้องไปอย่างเงียบๆ เมื่อออกจากที่พักแล้ว ผมก็เดินตรงไปยังที่ชายหาดเพื่อไปตามนัดกับคนที่ได้นัดไว้ ซึ่งพอถึงที่แล้ว ผมก็พบกับร่างสูงสวมเสื้อยืดสีขาวกางเกงผ้าฝ้ายสีน้ำตาลสวมรองเท้าแตะยืนกอดอกอยู่บนชายหาดทะเลทราย

เหมือนนัดชู้ออกมาเจอกันลับหลังผัวเลยวุ้ย

ผมคิดในใจอย่างขำๆ

“เจย์” ผมเรียกเขา ซึ่งอีกฝ่ายสะดุ้งตัวนิดหน่อย ก่อนจะหันกลับมามองผม “ขอโทษนะที่เรียกให้ออกมาตอนดึกๆ”

“อืม ไม่เป็นไร” ผมนิ่งเจย์ก็นิ่ง เพราะผมไม่รู้จะเริ่มต้นพูดยังไงดี อุตส่าห์คิดมาหลายวัน

“ออกมานี่ ไม่กลัวคุณอเล็กซ์ว่าเอาเหรอ” ร่างสูงโปร่งเอ่ยปากพูดขึ้นมาก่อน

“อืม ไม่กลัว เขาหลับไปแล้วนะ” ผมตอบพลางมองหน้าเจย์ “ว่าแต่เมื่อเย็น ช่วยน้องอาร์ทไว้เหรอ”

“อืม ใช่”

“ฮีโร่เชียวนะมึง” ผมพูดสัพยอก ซึ่งอีกฝ่ายได้แต่หัวเราะแห้งๆตอบกลับมา “กับคนนี้เอาจริงหรือเปล่า”

พอผมถามกลับไปเท่านั้นแหละ เจย์ถึงกับหยุดหัวเราะ ผมไม่ใช่คนโง่นะที่ดูไม่ออก เมื่อตอนบ่ายเห็นๆอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างทั้งคู่

“ไม่รู้สิ”

“เจย์” ผมเรียกชื่อเพื่อนห้วนๆ “อย่าปิดเลย ถ้าชอบก็บอก ไม่ต้องอาย ขนาดฉันยังบอกแกได้เลย”

“มันไม่เหมือนกัน”

“ไม่เหมือน? ไม่เหมือนยังไง” ผมถามกลับอย่างสงสัย

“ไม่เหมือนก็คือไม่เหมือน รีบเข้าเรื่องเถอะพีช ที่เรียกฉันมานี่ มีเรื่องอะไรจะคุยรึเปล่า” อีกฝ่ายจงใจเลี่ยงที่จะตอบ

“อืม มี” เมื่อเจย์ไม่อยากตอบ ผมก็ไม่คิดจะขัดศรัทธา “เจย์ ช่วยฉันหน่อยสิ”

“ช่วย? ช่วยอะไรเหรอ” แล้วผมก็เล่าในสิ่งที่ผมคิดมาหลายวัน พอผมเล่าจบ เจย์ถึงกับทำหน้าเครียด

“แน่ใจแล้วนะว่าคิดดีแล้ว” เจย์ถามผมย้ำอีกครั้งอย่างเป็นห่วง

“อือ แน่ใจแล้ว”

“ไม่เปลี่ยนใจแน่นะ” มันถามผมอีกครั้ง ซึ่งผมได้แต่พยักหน้าตอบ “โอเค ช่วยก็ช่วย”

“อืม ขอบใจนะเจย์”

“ไม่เป็นไร เพราะยังไงเรื่องของนายมันก็เรื่องของฉันแหละ” แล้วผมก็ขอตัวกลับไปนอนก่อน เพราะกลัวอเล็กซ์จะตื่นมาไม่เห็นผมขึ้นแล้วจะแย่

....................

เช้าวันรุ่งขึ้น ผมตื่นขึ้นมามองร่างบางที่นอนหลับตาพริ้มในอ้อมกอดตัวเอง ไม่ว่าจะมองมุมไหน ลูกพีชในสายตาผมก็ดูน่ารักอยู่เสมอ ผมมองไปพลางใช้มือเขี่ยเส้นผมที่ปรกตาร่างบางออกเบาๆ แต่กลับกลายเป็นว่าทำเอาคนรักได้ร้องครางฮือไม่พอใจที่ถูกรบกวนเวลานอน

เหมือนเด็กน้อยไม่มีผิดเลยครับเมียผม

ผมคิดในใจก่อนจะหอมแก้มคนรักเบาๆ ไม่อยากปลุกให้ตื่นตอนนี้ เพราะเมื่อคืนผมเล่นจัดซะหนัก เลยอยากให้พักเต็มที่ พอคิดได้แล้วผมก็ลงจากเตียงก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ เมื่อเรียบร้อยแล้ว ผมก็เดินออกไปข้างนอกห้องเพื่อดื่มกาแฟรองเท้าตอนเช้า โชคดีที่เช้านี้ยังไม่มีใครลุกจากห้องนอน มีเพียงคนหนึ่งที่ลุกขึ้นมาทำหน้าที่ของตัวเอง

“อรุณสวัสดิ์ครับท่าน” เลขาเรย์ผมเอ่ยปากทักทายผมในขณะที่สาละวนกับงานในครัว ไม่อยากบอกเลยว่าเลขาของผมคนนี้ใช้งานได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะทำอาหาร ซักผ้า กระทั่งรีดผ้าเย็บผ้าก็ยังเป็นเลยคิดดูสิ

“อืม อรุณสวัสดิ์” ผมตอบอย่างว่าง่าย ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ เมื่อผมนั่งแล้วเรย์ก็เอากาแฟมาเสิร์ฟผมอย่างรู้หน้าที่ดี “ขอบใจนะ ว่าแต่เรื่องที่ให้ไปสืบ ได้คืบหน้าไปถึงไหนแล้วล่ะ”

พูดจบ ก็ยกถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบนิดหน่อย ที่ผมถามเรย์คือเรื่องหาตัวคนร้ายที่คิดจะมาข่มขืนคนรักผมในโรงพยาบาล

“ตอนนี้ได้ตัวมันมาเรียบร้อยแล้วครับท่าน” มันต้องแบบนี้สิลูกน้องผม สั่งงานอะไรไปก็ได้กลับมาเป็นชิ้นเป็นอัน แต่บางอย่างไม่ได้ก็มี ซึ่งผมก็ไม่ได้คิดว่าอะไรอยู่แล้ว เพราะของมันพลาดกันได้ “ท่านจะให้ผมทำยังไงกับมันดีต่อครับ”

ผมมุ่นคิ้วครุ่นคิดในใจ นั่นสิ จะให้ทำยังไงดีต่อ

“ขังมันไว้ก่อน เดี๋ยวดึกๆฉันจะไปจัดการเอง”

“ครับท่าน” อีกฝ่ายตอบก่อนจะส่งจานที่มีปาท่องโก๋ให้ผม “ท่านครับ ผมมีเรื่องจะรายงานให้ท่านทราบครับ”

“หืม? เรื่องอะไรอีกล่ะ” ผมถามกลับอย่างไม่ใส่ใจ พลางหยิบปาท่องโก๋ขึ้นมาฉีกกินเล่น

“คือเมื่อเช้านี้ผมได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดแล้ว เอ่อ” ดูเหมือนเลขาจะพูดติดๆขัดๆ คล้ายกับเกรงใจอะไรบางอย่างแต่ไม่กล้าพูดออกมา

“ก็พูดมาสิ อย่าได้ชักช้า”

“ครับ” แล้วเรย์ก็เล่าทุกอย่างให้ผมฟัง ซึ่งทำเอาผมที่นั่งจิบกาแฟสบายๆ ถึงกับเครียดจนต้องวางถ้วยกาแฟลง

“ที่พูดมานะใช่แน่รึ ไม่ได้ตาฝาดนะเรย์”

“ครับท่าน ผมได้ตรวจสอบกล้องหมดทุกตัวแล้ว มันเป็นแบบนั้นจริงครับ” แล้วผมก็ไล่เลขาให้ไปทำอย่างอื่นต่อ ส่วนผมนั้นก็ได้แต่หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบนั่งครุ่นคิดในใจอย่างเงียบๆ

..................

ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็ไม่พบกับอเล็กซ์แล้ว

ไปไหนของเขา ไม่ยอมปลุกกันบ้างเลย

ผมคิดอย่างน้อยใจพลางลุกขึ้นเดินไปอาบน้ำ เมื่อเรียบร้อยแล้วผมก็เดินออกมา ก่อนจะเห็นคนรักกำลังนั่งไขว่ห้างในมือซ้ายถือบุหรี่อยู่บนเก้าอี้ไม้ข้างหน้าต่างที่ถูกเปิดอยู่

“ไปไหนมาเหรออเล็กซ์ ลูกพีชตื่นมาไม่เจอเลย” ผมถามพลางเดินเข้าไปหยิบเสื้อผ้าในตู้เสื้อผ้า แต่เมื่อเห็นว่าร่างสูงไม่ยอมตอบกลับมา จึงหันกลับไปถามอีกครั้ง “ไม่ได้ยินที่ลูกพีชถาม...”

“เมื่อคืนคุณออกไปไหนมาลูกพีช” อีกฝ่ายถามเสียงเข้ม ทำเอาผมถึงกับสะดุ้งตกใจ

“ใครไปไหน ลูกพีชเปล่านะ เมื่อคืนอเล็กซ์ก็รู้ว่าเราสองคน...”

“ผมรู้ว่าเราสองคนทำอะไร” อเล็กซ์พูดแย้งทันทีโดยไม่รอให้ผมพูดจนจบ ก่อนจะวางบุหรี่ลงบนที่เขี่ยบุหรี่ “แทนที่คุณจะเหนื่อยจากเมคเลิฟของผมแล้วหลับไป แต่คุณกลับเดินออกไปข้างนอกตอนกลางดึก”

“อเล็กซ์ ลูกพีชเปล่า...”

“คุณกำลังแก้ตัวรู้ไหมลูกพีช” คำพูดของอเล็กซ์ทำเอาผมถึงกับสะอึก “นี่ถ้าเลขาเรย์ไม่บอกผมเรื่องกล้องวงจรปิด ผมก็คงไม่รู้ ลูกพีช คุณออกไปทำอะไรข้างนอกกับเจย์มากันแน่ บอกผมสิ”

“ลูกพีช...ลูกพีช” ผมแทบหาคำแก้ตัวไม่ทัน เพราะไม่คิดว่าอเล็กซ์จะรู้เร็วขนาดนี้

“ผมเกลียดคนพูดโกหก เพราะงั้นรีบสารภาพกับผมมาซะดีๆ อย่าให้ผมต้องลงไม้ลงมือกับคุณ” ร่างสูงพูดเสียงเข้มพลางผุดลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้ามาหา ซึ่งทำเอาผมถึงกับเผลอเดินถอยหลังหนี ก่อนแผ่นหลังจะไปชนกับตู้เสื้อผ้า ทำให้ร่างสูงที่เดินตามมาใช้มือสองข้างยันตู้เสื้อผ้ากันผมไม่ให้เดินหนีไปไหน “ตอบมาสิลูกพีช ว่าคุณไปทำอะไรกับเจย์มาเมื่อคืนนี้”

“เอ่อ ลูกพีชไม่ได้ทำอะไร ลูกพีชก็แค่...”

“แค่? แค่อะไร” อเล็กซ์ถามซ้ำพลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้

“...แค่สงสัยเลยถามเจย์ว่าเจย์เป็นอะไรกับน้องอาร์ท...ก็เท่านั้นเอง”

“แค่นั้น?”

“อืม แค่นั้น”

“ไม่ได้มีมากกว่านี้แน่นะ” ร่างสูงถามย้ำอีกครั้ง

“อืม ไม่ได้มีมากกว่านี้ ถ้าอเล็กซ์ไม่เชื่อ ก็ลองไปถามเจย์ดูสิ” ผมพูดย้อนทั้งๆที่ใจเต้นสั่นระรัว เพราะถึงยังไงถ้าอีกฝ่ายไปถามเจย์จริง เจย์ก็ต้องตอบมาแบบเดียวกับที่ผมบอกอเล็กซ์ไปอย่างแน่นอน

“ตกลง ผมเชื่อคุณแล้วลูกพีช” ร่างสูงพูดก่อนจะเอามือที่ยันตู้ออก ซึ่งทำเอาผมถึงกับโล่งอก แต่แล้วกลับต้องสะดุ้งตกใจอีกครั้งเมื่ออเล็กซ์อุ้มผมขึ้นในท่าเจ้าหญิง “แต่ต้องมีลงโทษกันซักหน่อย เพราะคุณอยากแอบหนีออกไปข้างนอกโดยไม่บอกผมให้รู้เองนะครับที่รัก ฟอด!”

สุดท้ายผมก็โดนอเล็กซ์ลงโทษอยู่บนเตียงตั้งแต่เช้าจนยันเที่ยงแบบไม่มีพักเบรก...

.....................

พอตกบ่าย ผมก็เอ่ยปากชวนลูกพีชไปเดินเล่นตลาดนัดกันตอนเย็น ทีแรกอีกฝ่ายทำท่าอิดออดไม่อยากไป อ้างว่าเหนื่อย อยากพักผ่อน พอผมบอกว่าจะซื้อของที่ระลึกให้ ร่างบางถึงกับรีบตอบตกลงอย่างเร็ว (เด็กน้อยจริงๆเลยครับเมียผม) แล้วผมก็ปล่อยให้ลูกพีชนอนพักต่อ ส่วนตัวผมก็เดินออกมาข้างนอก แต่ทันทีที่ผมเดินออกมาจากห้อง ก็พบกับเจย์กำลังเดินออกมาจากห้องนอนของตัวเองอยู่พอดี

“ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ ออกไปข้างนอกกันหน่อยได้ไหมครับคุณเจย์” ผมเอ่ยปากชวนเสียงเรียบ

“แต่ผมไม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับคุณ” อีกฝ่ายปฏิเสธทันควันแถมทำท่าจะเดินหนีไปอีก

“ผมรู้นะว่าคุณกับลูกพีชออกไปเจอกันข้างนอกตอนตีสอง” พอผมพูดจบ อีกฝ่ายถึงกับหยุดชะงักเดินทันที “อย่าลืมสิว่าผมกับลูกพีชเป็นอะไรกัน คุณทำแบบนี้ก็เท่ากับคุณต้องการท้าทายผม”

เจย์ได้ยินที่ผมพูดถึงกับหัวเราะออกมาเบาๆ

“คุณขำอะไรคุณเจย์”

“ก็ขำคุณนะสิคุณอเล็กเซย์” อีกฝ่ายพูดไปยิ้มไปพลาง แต่เป็นรอยยิ้มแกมสมเพชเสียมากกว่า “ทั้งๆที่พีชเชื่อใจคุณ รักคุณยิ่งกว่าอะไรดี แต่คุณกลับทรยศความเชื่อใจพีชด้วยการมาถามผมเรื่องเมื่อคืนนี้”

ผมถึงกับกัดฟันเสียงดังกร็อดเมื่อได้ยินคำพูดดูถูกจากปากเจย์

“หึ แต่เรื่องเมื่อคืนคุณไม่ต้องเป็นห่วงไป เพราะผมไม่ได้แตะตัวพีชเลยแม้แต่น้อย” แล้วอีกฝ่ายก็เดินจากไป ทิ้งให้ผมยืนโมโหแต่เพียงผู้เดียว

.......................

ห้าโมงเย็น ผมถูกอเล็กซ์ปลุกอีกครั้ง ผมบอกตามตรงว่าโคตรเพลียเลยครับแต่ก็พอเดินไหวบ้าง พอใกล้เวลาจะไปตลาดนัดผมก็ได้เอ่ยปากขออเล็กซ์ว่าให้ชวนทุกคนไปด้วยกัน ซึ่งอีกฝ่ายยอมตกลง แต่มีข้อแม้ว่าถ้าเดินอยู่ในตลาดนัดแล้วให้แยกกลุ่มกันเดิน

“งั้นเอาเป็นว่าอีกชั่วโมงเจอกันที่เดิมนะครับ” อเล็กซ์บอกกับทุกคนหลังจากลงจากรถตู้กันเรียบร้อยแล้ว ซึ่งออย น้องแบม น้องอาร์ท และเจย์เลือกที่จะเดินไปด้วยพร้อมกัน เหลือแต่ผมกับอเล็กซ์ที่ยังคงอยู่ “ลูกพีชไม่ว่าอะไรนะครับ ถ้าผมจะให้เรย์คอยเดินตามหลังพวกเรามาด้วยนะ”

“อืม ลูกพีชไม่ว่าหรอก” แล้วร่างสูงก็จับมือผมออกเดินไปด้วยพร้อมกัน ตลอดเวลาที่เดินเบียดผู้คนที่มาเดินนั้นอเล็กซ์มักจะคอยโอบกอดผมให้เข้ามาใกล้ๆ เพื่อกันไม่ให้ใครมาเดินชนผมนั่นเอง

“ดูเสื้อตัวนั้นสิสวยจัง ขอลูกพีชเข้าไปดูหน่อยได้ไหมอเล็กซ์” ผมหันมาบอกกับคนรัก ซึ่งอีกฝ่ายพยักหน้าตอบยิ้มๆ แล้วผมก็เดินเข้าไปเลือกเสื้อผ้า ไม่นานนักก็ได้อยู่สองสามตัวก่อนจะทำท่าควักตังออกมาจ่าย แต่กลับชะงักเมื่อเห็นคนรักควักเงินออกจากกระเป๋าตังตัวเองแล้ว “เฮ้ยไม่ต้อง อันนี้ลูกพีชจ่ายเอง”

อีกฝ่ายทำหน้างงเมื่อเห็นผมพูดห้ามออกมา

“ถ้าอเล็กซ์เป็นคนจ่าย เสื้อผ้าที่ลูกพีชจะให้อเล็กซ์ก็เป็นหมันสิ” เท่านั้นแหละครับ ร่างสูงถึงกับยิ้ม ไม่เพียงยิ้มอย่างเดียว กลับโอบผมให้เข้ามาใกล้ก่อนจะหอมหน้าผากผมเบาๆ

จุ๊บ

“ขอบคุณนะครับที่รัก”

“คนบ้า...มาทำอะไรตรงนี้ก็ไม่รู้ คนเยอะน่าอายจะตายไป” ผมพูดเสียงเบาพลางหยิกต้นแขนอีกฝ่ายด้วยความเขินอาย แน่นอนว่าร่างสูงถึงกับหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นท่าทางเขินอายของผม พอได้เสื้อแล้วผมกับอเล็กซ์ก็เดินต่อ ยิ่งเดินก็ยิ่งมีของเต็มไม้เต็มมือ หลังจากเดินได้อยู่เกือบชั่วโมง อเล็กซ์ก็พาผมเดินย้อนกลับไปที่เก่ายังจุดนัดพบ ซึ่งตอนนี้พวกออยได้เดินกลับมายืนรอแล้ว “ว่าไง ได้ของเยอะไหมออย”

“ก็ได้เยอะเหมือนกัน ว่าแต่มึงเถอะ ได้ของเยอะเหมือนกันนี่” ออยถามย้อนเมื่อเห็นอเล็กซ์ถือถุงก็อบแก๊ปอยู่สามสี่ถุง

“ใช่แล้ว เยอะมาก แต่เสียดายที่ไม่ได้ของกิน” ผมพูดพลางทำหน้าง้ำงอ

“อ้าวทำไมไม่ซื้อมาละครับพี่พีช” แบมถามอย่างสงสัย

“ก็อเล็กซ์นะสิ บอกว่าของในตลาดดูไม่สดไม่สะอาด เลยไม่ยอมให้ซื้อ”

“ฮะๆ เอาน่าพีช อย่าคิดมาก รีบๆขึ้นรถเถอะ จะได้กลับไปเล่นประทัดด้วยกัน” ผมมุ่นคิ้วทันทีที่ได้ยินออยพูด ซึ่งอีกฝ่ายชูถุงให้ดู แลเห็นของจำพวกประทัดหลากหลายชนิดวางอยู่ในถุงเป็นจำนวนมาก

“เอาสิน่าสนุกดี อเล็กซ์ รีบกลับกันเถอะ ลูกพีชอยากเล่นประทัดจะแย่อยู่แล้ว”

“ครับๆ กลับก็กลับ” แล้วทุกคนก็พากันนั่งรถตู้กลับไปที่พักพร้อมกัน

..............

เมื่อกลับมาถึงที่พักแล้ว อเล็กซ์บอกว่าจะจัดงานปาร์ตี้เล็กๆ จึงไล่ให้ทุกคนไปอาบน้ำก่อน

“ไปอาบน้ำก่อนเลยนะครับที่รัก เดี๋ยวผมจะไปตามทีหลัง”

“อืม รีบๆมานะ” ผมบอก ซึ่งอีกฝ่ายพยักหน้าตอบก่อนจะไล่ให้ผมไปอาบน้ำ พอผมอาบน้ำเสร็จ ก็เดินกลับออกมาอีกที แต่ในขณะที่กำลังจะสวมเสื้อผ้าอยู่นั้นผมก็ได้ยินเสียงมือถือของตัวเองดังขึ้น พอผมเดินไปหยิบขึ้นมาดูกลับต้องมุ่นคิ้วด้วยความสงสัย เพราะหมายเลขที่โทรเข้ามันเป็นหมายเลขที่ผมไม่รู้จัก “ฮัลโหล?”

พอผมพูดเซย์ฮัลโหลไป ปลายสายที่ผมได้ยินกลับมานั้นทำเอาผมขบปากตัวเองด้วยความโมโห

“ที่ไหน?”

“.....”

“เดี๋ยวนี้เลยหรือ?”

“.....”

“แค่คนเดียว?”

“.....”

“ตกลงผมจะไป ห้ามทำร้ายเธอเด็ดขาดนะ” พอผมตกปากรับคำ อีกฝ่ายก็ตัดสายทิ้งไปดื้อๆ ผมวางมือถือตัวเองลงบนโต๊ะ เวลานี้จะช้าไม่ได้ สองชีวิตที่สำคัญสำหรับผมกำลังรอคอยผมให้ไปช่วยอยู่ พอคิดได้ดังนั้นผมก็รีบใส่เสื้อผ้าก่อนจะเขียนโน้ตทิ้งไว้บนโต๊ะกลมที่ตั้งอยู่ข้างเตียงนอน แล้วพุ่งตัวออกทางหน้าต่างอีกทางอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ว่าข้อความบนกระดาษที่ผมเขียนไว้ถูกลมพัดปลิวหล่นลงกับพื้นพรม ซึ่งแลเห็นข้อความที่ถูกเขียนขึ้นอย่างหวัดว่า

Help me!
 
...........................

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 18 วันแห่งความสุข up 100% P.2 27/12/57)
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 27-12-2014 10:46:11
เจย์หรืออเล็กซ์ใครก็ได้ไปช่วยลูกพีชทีโดนยัยนั่น
หลอกไปทำร้ายอีกแล้วววว
ปอลอ ช่วงนี้คนเขียนมาบ่อยคนอ่านปลื้ม :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 18 วันแห่งความสุข up 100% P.2 27/12/57)
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 27-12-2014 13:10:47
ตอนที่ 19 ความจำเสื่อม

...................................

ก๊อก ก๊อก

“ลูกพีชครับ อาบน้ำเสร็จแล้วหรือยังเอ่ย” ผมเห็นว่าลูกพีชอาบน้ำนานเกินไปแล้วจึงเดินกลับมาดูที่ห้องอีกครั้ง พอเคาะประตูเรียกแล้วไม่มีทีท่าว่าอีกฝ่ายจะส่งเสียงตอบ ไม่แน่ว่าลูกพีชอาจจะท้องเสียก็เลยเปิดประตูเข้าไปดูด้วยความเป็นห่วง ภายในห้องว่างเปล่า มีเพียงผ้าม่านถูกลมพัดเสียงดังพลิ้วไหวเบาๆ พอผมเดินไปทางห้องน้ำกลับพบว่าไม่มีร่างโปร่งอยู่เลยซักนิด ทำเอาผมรู้สึกใจคอไม่ดีรีบเดินออกมาจากห้องน้ำตะโกนเรียกคนรักทันที “ลูกพีชคุณอยู่ไหน! ลูกพีช”

เงียบ…

ผมไม่ยอมแพ้ เดินออกไปดูนอกชานเผื่อว่าร่างบางอาจจะแกล้งผมโดยไปซ่อนตัวที่ไหนซักแห่ง

แต่ก็ว่างเปล่า…

“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับคุณอเล็กซ์ เสียงดังไปถึงข้างนอกเชียว” เสียงเลขาเรย์ถามด้วยความสงสัย พร้อมกับพวกเจย์ที่เดินตามหลังมา ผมเห็นดังนั้นจึงหมุนตัวเดินไปกระชากคอเสื้อเจย์ที่ยืนอยู่หน้าประตู

“บอกมาเดี๋ยวนี้คุณเจย์ ลูกพีชไปไหน!”

“ก็พีชอาบน้ำอยู่ไม่ใช่รึไง” เจย์ถามกลับด้วยความงุนงง

“ถ้าอยู่ผมจะถามคุณทำไม?!”

“ว่ายังไงนะ?!”

“ลูกพีชหายตัวไป ไม่ได้อยู่ในห้องน้ำ” ผมกัดฟันบอกด้วยความเดือดดาล “บอกมาเดี๋ยวนี้คุณเจย์ ลูกพีชหายไปไหน ผมรู้นะว่าคุณรู้!”

“ผมไม่รู้!”

“โกหก!”

“ไอ้บ้า! กูจะไปโกหกมึงทำไม” อีกฝ่ายเริ่มพูดคำหยาบใส่ผม เพราะเห็นว่าผมพูดไม่รู้เรื่องแล้ว “คนที่จะต้องโกรธคือกู มึงไม่ดูพีชให้ดีๆ ทำไมปล่อยให้เขาหายไปได้ตั้งหาก!”

!!!!!!

.............................

ณ หน้าผาแห่งหนึ่งริมชายหาดทะเล

“ผมมาแล้ว ช่วยออกมาด้วย” ผมตะโกนบอกหลังจากเดินมาถึงแล้ว ที่ผมยอมมานี่ก็เพราะอีกฝ่ายพูดข่มขู่ว่าถ้าไม่มา เมย์กับลูกในท้องก็จะโดนฆ่าตาย “ผมมา…”

“พีช” เสียงหวานเรียกชื่อผม ทำเอาผมหันไปมองต้นเสียงก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายถูกคนแปลกหน้าสองคนจับตัวเอาไว้ และนอกจากนี้ยังมีอีกคนที่ผมคาดไม่ถึงว่าจะเป็นเธอ

“คุณจับเมย์ทำไมคุณดาริน”

“หึ อย่ามาแกล้งทำเป็นโง่หน่อยเลย สิ่งที่ฉันทำลงไปแกก็น่าจะรู้ดีนะ” ร่างสูงบางเหยียดยิ้มตอบ แน่นอนว่าผมไม่ชอบผู้หญิงคนนี้เอาเสียเลย ทำทุกอย่างเพื่อแย่งผู้ชายทั้งๆที่เจ้าตัวมีดีทุกอย่าง ไม่ว่าจะฐานะ การงาน หรือชื่อเสียง “ถ้าแกไม่อยู่ซักคน ฉันก็จะได้แต่งงานกับอเล็กซ์”

“คุณไม่มีสิทธิ์บังคับถ้าเขาจะเลือกใครมาอยู่เคียงข้าง” ผมเถียงย้อนกลับไป

“ทำไมจะไม่ได้ ในเมื่อฉันกับเขาเหมาะสมกันกว่ายิ่งกระไร” ดารินแสยะยิ้มตอบ “แกตั้งหากที่ไม่เหมาะกับเขา เป็นแค่คนธรรมดาแต่อยากอยู่กับมาเฟีย”

คำว่ามาเฟียทำเอาผมถึงกับมุ่นคิ้วด้วยความสงสัย

“ใครมาเฟีย?”

“ก็จะใครเสียอีกถ้าไม่ใช่อเล็กซ์”

!!!!!!

“จะบอกให้เอาบุญ อเล็กซ์เป็นมาเฟีย เบื้องหน้าเปิดบริษัทนำส่งไวน์ก็จริงแต่เบื้องหลังเขาทำงานค้าขายของผิดกฎหมาย ที่เขาคงปิดเรื่องนี้ไม่ให้แกรู้เพราะเห็นว่าไม่จำเป็น”

“ไม่จริง คุณโกหก”

“ฉันจะโกหกไปทำไมในเมื่อมันเป็นเรื่องจริง” ดารินยิ้มยกมุมปากตอบ “ถ้าไม่เชื่อก็ลองถามยัยนี่ดู เพราะใครๆก็รู้กัน มีแต่แกที่โง่ดักดานขายดอกไม้ไม่รู้เรื่องราวโลกภายนอก”

ผมได้ยินดังนั้นก็หันไปมองเมย์เพื่อคาดคั้นคำตอบ ซึ่งร่างบางเห็นผมมองอยู่ก็พยักหน้าตอบ

“คุณดารินพูดถูกพีช อเล็กซ์เป็นมาเฟีย”

!!!!!!

ผมแทบหน้าชาเมื่อได้รู้ความจริง เพราะไม่คิดว่าจะถูกอเล็กซ์ปิดบังเรื่องนี้ให้ผมรู้ แต่จะว่าอเล็กซ์ผิดก็ไม่ถูก ผมตั้งหากที่ผิด ผิดที่ไม่เคยรับรู้เรื่องโลกภายนอก เพราะมัวแต่ตั้งหน้าตั้งตาขายดอกไม้เพียงอย่างเดียว

“เห็นแก่หน้าแกที่ถูกอเล็กซ์หลอก ฉันจะให้โอกาสแกอีกครั้ง ถ้าอยากมีชีวิตอยู่ อยากกลับมามีร้านขายดอกไม้อีกครั้ง อยากให้ชีวิตเล็กๆที่ใกล้จะเกิดในนี้รอด ก็จงหายหน้าไปจากอเล็กซ์ซะ” อีกฝ่ายพูดข้อเสนอให้ผมฟัง ซึ่งไม่ต่างจากการข่มขู่เลยซักนิด “แต่ถ้าไม่ ยัยนี่ก็จะตายไปพร้อมกับลูกของแก จงเลือกเอา”

คำพูดของอีกฝ่ายทำเอาผมได้แต่เม้มปากด้วยความเจ็บใจ

“ว่ายังไงล่ะ จะเลือกทางไหน ฉันไม่มีเวลาให้แกมากหรอกนะ” ผมไม่มีทางเลือก เพื่อลูกตัวเองที่อยู่ในท้องและเพื่อชีวิตของเมย์ ผมจำต้องเลือกตอบอย่างจำใจ

“ตกลง ผมเลือกข้อแรก” คำตอบของผมทำเอาอีกฝ่ายยิ้มอย่างพอใจ

“ตอบได้ดี งั้นเดินมาเอายัยนี่ไป แล้วหลังจากนั้นแกจะหายไปไหนก็เรื่องของแก” ผมได้ยินดังนั้นก็เดินเข้าไปหาเมย์ตามที่อีกฝ่ายสั่ง ซึ่งพอผมจะเดินถึงตัวเมย์อยู่แล้ว อยู่ๆร่างบางกลับแผดเสียงร้องขึ้นมา

“อย่าเข้ามาพีชเขาจะฆ่าคุณ!”

“อะไรนะ?!”

ปัง!!

.................................

ปัง!!

เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัดหลังจากที่พวกผมได้วิ่งออกตามหาลูกพีชทันทีที่เห็นข้อความบนแผ่นกระดาษ มันเป็นข้อความขอความช่วยเหลือจากคนรัก ผมก็เลยสั่งให้เลขาเรย์ดูกล้องวงจรปิด ซึ่งพบว่าร่างบางได้วิ่งออกไปทางหน้าผาของริมทะเล พอไปถึงหลังจากสิ้นเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด ผมก็ได้ทันเห็นร่างบางถูกยิงหงายท้องร่วงหล่นลงหน้าผาไป แน่นอนว่าใจของผมตกไปถึงตาตุ่มรีบวิ่งไปที่นั่นอย่างรวดเร็วเพื่อช่วยคนรักของตัวเอง

“ไม่!!”

ระหว่างที่ผมวิ่งไปหาคนรัก ก็ได้มีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ซึ่งไม่ต้องบอกว่าเป็นฝีมือใครนอกเสียจากเลขาเรย์กับพวกลูกน้องของผมที่ช่วยกันยิงดารินกับลูกน้องของผู้หญิงคนนั้นที่คิดจะต่อสู้ ผมไม่รู้หรอกว่าผลมันออกมาเป็นยังไง เพราะมัวแต่วิ่งไปดู พอไปถึงก็ก้มลงมองดูเห็นแต่คลื่นซัดเข้าหาฝั่งอย่าบ้าคลั่ง ไม่มีแม้กระทั่งร่างที่ตกหล่นลงไป คาดว่าน่าจะจมลงไปในทะเลแล้ว ผมไม่รอช้ารีบถอดรองเท้าก่อนจะกระโดดลงไปช่วยโดยไม่คิดถึงชีวิตของตัวเอง กระแสน้ำทะเลอันเชี่ยวกราดแลดูน่ากลัวแต่ก็ไม่เท่ากับชีวิตของลูกพีชที่ผมกำลังจะเสียไป

รอก่อนนะที่รัก ผมจะไปช่วยคุณเดี๋ยวนี้แหละ!

...................

ลูกพีชถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลหลังจากอเล็กซ์ได้กระโดดลงไปงมช่วยชีวิต ถึงแม้จะช่วยปั้มหน้าอกกับผายปอดไปแล้ว แต่ก็ต้องพามาให้หมอช่วยรักษาอีกทีเพราะถูกยิงที่ท้อง ไหนจะบาดแผลที่ศีรษะอีก ซึ่งผมเดาว่าเจ้าตัวคงจะไปกระแทกกับโขดหินที่อยู่ใต้หน้าผาอย่างแน่นอน

“ฮึก…ฮือๆ หวังว่าพี่พีชจะไม่เป็นอะไรมากนะฮะพี่เจย์” น้องอาร์ทพูดกับผมด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เจ้าตัวร้องไห้มาตั้งแต่ทราบข่าวว่าพีชโดนยิง น้องแบมเองก็พอกัน เอาแต่นั่งร้องไห้กอดไอ้ออยอยู่อย่างนั้นไม่หยุด ส่วนอเล็กซ์นั้นหลังจากช่วยลูกพีชแล้วก็หายตัวไป ทิ้งให้ผมคอยเฝ้าดูเพราะเจ้าตัวมีเรื่องที่จะต้องไปสะสาง (คาดว่าน่าจะเป็นเรื่องยัยดารินแน่ครับ) แต่ผมไม่ใช่คนอ่อนโยน และยังเป็นห่วงร่างบางที่นอนผ่าตัดอยู่ข้างในห้องไอซียู จึงไม่ได้สนใจที่ปลอบน้องอาร์ทเลยแม้แต่น้อย “พี่เจย์ ฮึก ผมกลัว ฮึกๆ”

“หุบปาก!” ผมตวาดเสียงใส่ ทำเอาร่างบางถึงกับสะดุ้งตกใจ

“ไอ้เจย์ มึงจะตะคอกเสียงใส่น้องอาร์ทไปทำไมวะ” ออยหันมาว่าผมทันที

“จะนั่งเงียบหรือจะนั่งร้องไห้หรือจะอะไรก็ช่าง แต่อย่ามายุ่งกับกู!”

“ไอ้เจย์!”

“พี่ออยพี่เจย์อย่าทะเลาะกันเลยฮะ” แบมพูดห้ามทัพเพราะเห็นรปภ.เขม่นมาทางนี้ แต่ยังไม่ทันพูดอะไรออกมาอีก ประตูห้องไอซียูก็ถูกเปิด ทำเอาผมรีบถลาเข้าไปหาหมอที่เดินออกมาทันที

“คุณหมอครับ พีชเป็นยังไงบ้าง!”

“ตอนนี้คนไข้ปลอดภัยดีครับ หมอได้ทำการผ่าตัดเอากระสุนออกเรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องบาดแผลที่ศีรษะ หมอก็ได้เย็บเรียบร้อยแล้วครับ ที่เหลือก็รอให้คนไข้ได้ฟื้นตัวเอง” พอหมอพูดจบ ทำเอาทุกคนถึงกับหายใจโล่งคอ “ถ้าจะเยี่ยมคนไข้ กรุณาเข้าไปเยี่ยมทีละคนนะครับ”

แน่นอนว่าผมไม่รอให้หมอพูดจบ ผมรีบเข้าไปเยี่ยมก่อนใครเพื่อน พอเดินเข้าไปก็อดใจหายไม่ได้ที่จะได้เห็นภาพของพีชที่นอนบนเตียงในห้องไอซียูนี้เป็นครั้งที่สอง ซึ่งไม่ต่างจากครั้งแรกที่ตอนนั้นพีชประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตก และเป็นเพียงคนเดียวที่มีชีวิตรอดนับจากจำนวนผู้โดยสารบนเครื่องบินนับร้อย

“รีบฟื้นขึ้นมาไวๆนะลูกพีช เจย์มีเรื่องสำคัญจะบอก”

บอกความในใจของตัวเองให้พีชรู้ต่อให้ต้องโดนอีกฝ่ายตัดความเป็นเพื่อนก็ตาม!

...........................

กว่าจะเคลียร์เรื่องดารินกับลูกน้องที่โรงพักได้ก็ผ่านไปหนึ่งวันเต็ม เพราะชื่อเสียงของผมมันดังกระฉ่อน ทำอะไรนิดอะไรหน่อยก็เป็นข่าวไปเสียหมด หญิงสาวโวยวายเอาเรื่อง หาว่าผมเป็นคนใส่ความทั้งๆที่หลักฐานกับพยานก็พร้อมมูล ซึ่งแน่นอนว่าคุณพ่อทางฝ่ายดารินเข้ามาประกันตัวแต่ทางตำรวจไม่ยอม จึงได้แต่ต้องกลับไปบ้านเตรียมสู้คดีกับทางศาลภายหลัง แต่คาดว่าคงสู้ไม่ได้ครับ เพราะมีนักฆ่าที่เคยคิดจะข่มขืนลูกพีชได้สารภาพว่าถูกดารินจ้างวานให้ไปข่มขืนคนรักผม (นักฆ่าคนนี้เองที่ผมเป็นคนบอกให้เรย์จับขังเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับ) แถมพ่วงด้วยเรื่องคดีที่เผาร้านดอกไม้นั้น ลูกน้องที่เหลือของดารินได้สารภาพว่าดารินเป็นคนจ้างวานให้ไปทำ

“เดี๋ยวค่ะคุณอเล็กซ์เซย์” เสียงหวานเจื้อยแจ้วร้องทักในขณะที่ผมกำลังขึ้นรถเตรียมไปโรงพยาบาลเพื่อไปหาลูกพีชที่นอนอยู่ในห้องไอซียูอยู่ (ออยโทรมาบอกผมแล้วครับว่าลูกพีชปลอดภัยแล้ว แต่ยังไม่ฟื้นเท่านั้นเอง) พอผมหันไปมองก็พบว่าอีกฝ่ายเป็นอดีตคนรักของพีชที่ชื่อเมย์ “เมย์มีเรื่องจะคุยกับคุณ แฮ่กๆ”

“ถ้าคิดจะขอบคุณ ไปขอบคุณเมียผมดีกว่า เพราะเขาทำให้คุณรอดตาย” ผมพูดอย่างไม่ไว้หน้า เพราะอีกฝ่ายเป็นคนที่ทำให้ลูกพีชต้องถูกยิง แถมเจ้าตัวก็ได้สารภาพกับผมโดยตรงแล้วว่า ได้หลอกลูกพีชว่าตนเองท้องกับคนรักของผมทั้งๆที่เจ้าตัวไม่ได้ท้องเลยซักนิด (มิน่าล่ะ ช่วงนี้ลูกพีชถึงได้มีท่าทีแปลกๆ) ส่วนคนถูกผมว่าถึงกับสะอึก

“เมย์ขอโทษค่ะที่ทำให้พีชต้องได้รับบาดเจ็บ” ร่างบางก้มหน้าพูด คาดว่าคงกลัวที่จะมองหน้าผมตรงๆ “แต่เมย์ขอสารภาพว่าเมย์ไม่ได้ตั้งใจจะหลอกพีช เมย์ก็แค่กลัว…”

“ตาย”

“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ!”

“ไม่ใช่แล้วยังไงล่ะ” ผมเถียงย้อนกลับไปอย่างเย็นชา “ความจริงก็ย่อมเป็นความจริง คุณหนีมันไม่พ้นหรอก นี่ถ้าไม่ติดว่าคุณเคยเป็นคนรักของเมียผมมาก่อนแล้วล่ะก็ ผมเองก็จะเอาเรื่องคุณให้ถึงที่สุด โทษฐานที่คุณทำให้เมียของผมต้องถูกยิง เอาล่ะ มีอะไรก็รีบพูดมา ผมรีบ จะไปเฝ้าเมีย”

“คือเมย์อยากจะให้คุณช่วยดูแลพีชให้ดีๆหน่อยค่ะ เพราะเขาเป็นคนที่เมย์รักมาก”

“ถึงคุณไม่บอก ผมก็ดูแลเขาดียิ่งกว่าชีวิตของตัวเองอยู่แล้ว”

“แล้วอีกอย่างที่เมย์จะบอก…” ร่างบางพูดพลางเหลือบตาขึ้นมองผมอย่างกล้าๆกลัวๆ “…เมย์อยากให้คุณบอกความจริงกับพีชเรื่องที่คุณเป็น…มาเฟีย”

!!!!!!

ผมถึงกับอึ้งเมื่อได้ยินที่อีกฝ่ายพูด

“เมย์ยอมรับค่ะว่าเมย์ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะพูดเรื่องนี้ได้ แต่เมย์อยากให้คุณทราบเอาไว้ว่าโลกที่คุณอยู่นั้นมันแตกต่างกับโลกที่พีชอยู่” อีกฝ่ายบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ถ้าคุณรักพีชจริง คุณจะต้องวางมือจากวงการมาเฟียซะ แต่ถ้าไม่ คุณก็อย่าได้ลากพีชให้ตกต่ำไปมากกว่านี้เลยค่ะ”

แล้วร่างบางก็ก้มหน้าผมให้หนึ่งทีก่อนจะเดินจากไปอย่างเงียบๆ ทิ้งให้ผมยืนอึ้งอยู่อย่างนั้น

....................................

เมื่อผมนั่งรถยนต์มาถึงที่โรงพยาบาลแล้ว ก็ตรงดิ่งไปยังห้องพักพิเศษทันที (เห็นเรย์บอกว่าลูกพีชฟื้นแล้ว หมอก็ได้ย้ายลูกพีชไปพักห้องพิเศษแทนนะครับ) พอไปถึงก็เจอเจย์กับออยยืนทำหน้าเคร่งเครียดอยู่หน้าห้อง

“มัวทำอะไรอยู่ข้างนอก ทำไมไม่เข้าไปเฝ้าลูกพีชล่ะ” ผมถามด้วยความสงสัย ซึ่งเจย์หันหน้ามามองผมก่อนจะตวาดเสียงใส่ผมด้วยความเกรี้ยวกราด

“อยากรู้นักก็เข้าไปดูเองซะสิ!”

“ใจเย็นๆเจย์”

“ไม่ยงไม่เย็นแล้ว!” เจย์สะบัดแขนเพื่อนตัวเองที่เข้ามาจับไหล่ “เพราะมึงคนเดียว ถ้าไม่ใช่เพราะมึง พีชก็คงไม่ต้องมาเป็นแบบนี้”

“หมายความว่ายังไง? ผมไม่เข้าใจ”

“ผมว่าคุณเข้าไปดูกับตาเองเถอะ” ออยหันมาบอกผมก่อนจะดึงเจย์ให้หลบออกไปที่อื่น เมื่ออีกฝ่ายไม่ได้ให้คำตอบกับผมที่แน่ชัด ผมก็เลยรีบเดินเข้าไปดูด้วยความสงสัย ซึ่งพอเข้าไปข้างในห้องแล้ว ก็พบว่าร่างบางในชุดคนป่วยมีผ้าพันแผลพันอยู่ที่รอบศีรษะกำลังนอนลืมตามองโทรทัศน์อยู่เงียบๆเพียงลำพัง

ก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่นะ?

“ผมเป็นห่วงคุณแทบแย่เลยรู้ไหมครับลูกพีช" ผมพูดพลางเดินเข้าไปสวมกอดร่างบางทันที “ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีก มีอะไรก็ให้บอกผมก่อนรู้ไหมครับ”

ผมตัดสินใจแล้วว่าจะบอกเรื่องที่ตัวเองเป็นมาเฟีย และคิดจะวางมือจากวงการเพื่อลูกพีชด้วย เมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมพูดอะไรออกมา ผมก็เลยคลายกอดก่อนจะก้มมองคนในอ้อมกอดตัวเอง

“ว่ายังไงครับที่รัก ไม่คิดจะพูดกับผมซักคำหน่อย…”

“คุณเป็นใคร รู้จักผมด้วยหรือ”

!!!!!!

..........................

 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 19 ความจำเสื่อม up 100% P.2 27/12/57)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 27-12-2014 13:45:01
 :sad4:  :o12:  :o12: เห้ยยยยยยย
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 19 ความจำเสื่อม up 100% P.2 27/12/57)
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 27-12-2014 18:47:12
เคราะห์ซ้ำกรรมซัดจริงๆพีชเอ้ยยย
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 19 ความจำเสื่อม up 100% P.2 27/12/57)
เริ่มหัวข้อโดย: ฝัullล้วlv ที่ 28-12-2014 12:28:02
เอาแล้วไง! ความจำเสื่อมแล้ววววว
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 19 ความจำเสื่อม up 100% P.2 27/12/57)
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 04-02-2015 13:07:33
 :ling1:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 19 ความจำเสื่อม up 100% P.2 27/12/57)
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 06-02-2015 11:58:36
ตอนที่ 20 ย้ายบ้าน 1

....................

ผมไม่รู้ว่าผมเป็นใครกันแน่ ตื่นมาก็พบกับความว่างเปล่า คิดยังไงก็คิดไม่ออก ถึงแม้จะมีคนมาบอกว่าผมเป็นใคร ทำอะไรที่ไหนอย่างไร มีพ่อมีแม่หรือเปล่าก็ตาม แต่ผมกลับครุ่นคิดถึงไออุ่นของชายร่างยักษ์คนนั้นที่เข้ามากอดผมในวันแรกที่ผมฟื้นคืนสติ มันช่างอบอุ่นจนผมรู้สึกโหยหาอย่างบอกไม่ถูก

“คุณเจย์ครับ ผู้ชายคนนั้น เอ่อ...” ผมเอ่ยปากถามหลังจากเข้าวันที่สี่ของการพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ผมรู้มาว่าตัวผมได้ถูกคนร้ายยิง แต่ไม่รู้ว่าถูกยิงด้วยสาเหตุใด เจย์ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องผมก็ไม่ได้เล่าให้ฟัง เพราะเจ้าตัวบอกกับผมว่าถึงรู้ไปก็เปล่าประโยชน์ ส่วนคนร้ายที่ยิงผมนั้นได้เข้าคุกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว “...คุณอเล็กซ์เซย์เป็นใครเหรอครับ”

ผมถามด้วยความสงสัย เพราะคนนั้นมาหาผมแค่วันแรกวันเดียว จากนั้นก็ไม่ได้มาอีกเลย

“ก็เป็นคนที่ช่วยพีชตอนถูกยิงแล้วจมน้ำนะ ว่าแต่ลูกพีชจะถามไปทำไมกันล่ะ?” ร่างสูงพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดใจ ต่างจากทุกทีที่พูดกับผมด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

แปลก?

“อ้อ ไม่มีอะไรหรอกครับคุณเจย์ ผมก็แค่ถามดูเฉยๆ”

“อย่าเรียกฉันว่าคุณนำหน้าสิพีช เรียกเจย์สิเรียกเจย์”

“ครับเจย์” แล้ววันถัดมาคุณพ่อคุณแม่ของเจย์ก็มาเยี่ยมผม (เจย์เป็นคนบอกล่วงหน้าครับว่าพวกท่านจะมา) ทีแรกผมมองพวกเขาด้วยความสงสัย เพราะจำไม่ได้ว่าพวกเขาเป็นใคร แน่นอนว่าคุณแม่ของเจย์ถึงกับร้องไห้ทันทีที่เห็นผม “อย่าร้องสิครับคุณเอ่อ น้า”

“เรียกแม่เถอะจ้ะลูกพีช” คุณแม่พูดด้วยน้ำเสียงสะอื้นไห้

“ใช่ลูกพีช เรียกพ่อกับแม่เถอะ” คุณพ่อเจย์เม้มปากพูด “ไว้หายดีแล้ว กลับบ้านเราเถอะลูกพีช”

“นั่นสิลูกพีช กลับไปอยู่บ้านที่ต่างจังหวัดกับพ่อแม่นะ เรื่องร้านดอกไม้ช่างมันเถอะ เดี๋ยวแม่ตั้งใหม่ให้ทีหลังถ้าลูกพีชอยากเปิดอีก” คุณแม่พูดเสริมต่อ แต่ผมไม่ได้ให้คำตอบกับท่านไป เพราะลึกๆผมไม่อยากไปไหน อยากอยู่เจอผู้ชายร่างยักษ์คนนั้นเสียมากกว่า เมื่อพวกท่านเห็นว่าผมไม่ตอบ ก็ขอตัวกลับต่างจังหวัดเพราะต้องกลับไปทำงานต่อ หลังจากพวกท่านกลับไปแล้ว ก็มีคนมาเยี่ยมผมใหม่ครับ แต่เป็นออยกับน้องแบม (เจย์ได้บอกผมแล้วครับว่าสองคนนี้เป็นใคร)

“ฉันเอาขนมที่นายชอบมาด้วยพีช อ่ะ” ออยพูดพลางส่งถุงขนมให้ผม

“ขอบคุณครับคุณออย” ผมยิ้มตอบพลางยื่นมือรับถุงขนมที่อีกฝ่ายยื่นมาให้

“เฮ้ย ไม่ต้องพูดคงคุณ คนกันเองแท้ๆพีชนี่ก็” อีกฝ่ายบอกร้องเหวอเมื่อได้ยินที่ผมพูด แน่นอนว่าทำเอาน้องแบมถึงกับหัวเราะอย่างพอใจ

“ว่าแต่น้องอาร์ทล่ะครับ ไม่ได้มาด้วยกันเหรอ” ผมถามหาอีกคนที่เคยเห็นวันแรก

“เอ่อคือ” ทั้งออยทั้งแบมต่างมองหน้ากัน ซึ่งผมก็เอียงคอรอฟังคำตอบ

“น้องอาร์ทเขามีธุระ เห็นว่าติดงานนะพีช” เจย์พูดพลางเดินเข้ามาหาผม “เอาขนมมานี่ครับ เดี๋ยวเจย์แกะถุงใส่จานให้ พีชจะได้ทานขนมได้สะดวก”

แล้วเจ้าตัวก็หยิบถุงขนมในมือผมไปแกะใส่จานให้ ก่อนจะเดินกลับมาอีกที

“อย่ากินเยอะนะครับ เดี๋ยวจะกินข้าวเที่ยงไม่ได้” อีกฝ่ายบอกด้วยความหวังดี

“ครับเจย์” ผมยิ้มตอบก่อนจะหันไปชวนอีกสองคนที่ยืนอยู่ แต่เจ้าตัวปฏิเสธก่อนจะขอตัวกลับเพราะมีงานต้องทำ

..........................

พอตกกลางคืนเจย์ขอตัวกลับ เพราะเห็นบอกว่ามีงานต้องไปทำ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ปล่อยให้อีกฝ่ายไปทำงานแต่โดยดี ส่วนผมก็นั่งดูโทรทัศน์แก้เซ็งจนเห็นว่าดึกพอสมควรแล้วจึงลุกขึ้นไปปิดไฟแล้วนอน แต่นอนไปได้ซักพัก เสียงประตูห้องก็ได้ถูกเปิดออกอีกครั้ง ทำเอาผมที่ยังไม่หลับลืมตาขึ้นมองไปยังทางประตู เห็นเงาดำใหญ่กำลังคืบคลานเข้ามา

“นั่นใครครับ” ผมถามด้วยความสงสัย แต่ยังไม่ได้ทันลุกขึ้นนั่งดี ก็ถูกเงานั้นสวมกอดทันที ผมก็ขัดขืนสิครับ คนแปลกหน้าที่ไหนไม่รู้มากอด “ปะ…ปล่อย…”

“ลูกพีชครับ นี่ผมเอง” อีกฝ่ายพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ทำเอาผมที่ดิ้นอยู่ในอ้อมกอดถึงกับชะงัก

เสียงนี้มัน?

“คุณ…คุณอเล็กซ์เซย์ใช่ไหมครับ!” ผมถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น รู้สึกดีใจมากที่ได้เจอกับผู้ชายคนนี้อีกครั้ง ถึงแม้ผมจะจำเขาไม่ได้ แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนตัวเองจะรู้จักและคุ้นเคยคนนี้เป็นอย่างดีมาก่อน “ผมรอคุณตั้งนาน ทำไมคุณถึงไม่ยอมกลับมาเยี่ยมผมบ้างเลย”

ร่างหนาได้ยินที่ผมพูดก็คลายกอดก่อนจะก้มหน้ามองผมด้วยสายตาอ่อนโยน

“พอดีผมมีงานที่จะต้องสะสางนะครับก็เลยไม่ว่างมาเยี่ยมคุณ” ไม่ว่าเปล่า ยังยกมือขึ้นเกลี่ยเส้นผมที่ปรกตาผมออกอีกด้วย “ถึงแม้ตอนนี้คุณจะจำผมไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะผมจะสร้างความทรงจำใหม่ระหว่างเราสองคนกับคุณเอง”

!!!!!!

“คุณกับผมเป็นอะไรกันแน่ครับอเล็กซ์” ผมถามด้วยความสงสัย เพราะดูจากการกระทำของอีกฝ่ายแล้ว มันมากเสียยิ่งกว่าคนรู้จักทั่วไป จะว่าเป็นพี่ก็ไม่ใช่หรือจะเป็นเพื่อนก็ไม่เชิง แถมผมกับเขาเป็นเพศเดียวกันอีกซะด้วย ซึ่งมันไม่ต่างจากคนรักเลยแม้แต่น้อย ทว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตอบคำถามผมเดี๋ยวนั้น กลับโน้มหน้าเข้ามาใกล้พลางประกบปากผมอย่างนิ่มนวล ก่อนจะผละออกมาตอบคำถามของผมว่า

“ผมกับคุณก็เป็นคนที่รักกันยังไงล่ะครับลูกพีช”

!!!!!!

.........................

ผมกลัวลูกพีชที่ปราศจากความทรงจำอยู่ที่โรงพยาบาลคนเดียวนานเกินไป จึงรีบมาที่โรงพยาบาลแต่เช้าตรู่ด้วยความเป็นห่วง ครั้นพอเข้าไปก็พบว่าอีกฝ่ายนอนหลับอยู่บนเตียง นับตั้งแต่วันที่อเล็กซ์มาเยี่ยมลูกพีชในวันนั้น ผมก็ห้ามไม่ให้อีกฝ่ายเข้ามาหาลูกพีชอีกเลย ซึ่งแน่นอนว่าไอ้ออยรู้เข้าก็ด่าใส่ผมเป็นชุด

“แทนที่จะให้เขามาคุยทบทวนความทรงจำเผื่อจะกลับคืนมา แต่นี่กลับแยกพวกเขาออกจากกัน มึงมันบ้าไอ้เจย์!”

“คนที่บ้าคือมึงตั้งหากไอ้ออย ถ้าไม่เป็นเพราะมัน พีชก็คงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้หรอก รู้หรือเปล่าว่ากูเจ็บมากแค่ไหนที่ต้องทนเห็นพีชนอนอยู่ห้องไอซียูกับเห็นพีชต้องความจำเสื่อมเป็นครั้งที่สองนะห๊ะ!”

“ไอ้เจย์…มึง”

สุดท้ายผมกับมันก็ไม่พูดกันอีกเลย นอกเสียจากตอนอยู่ต่อหน้าพีชเท่านั้นที่จะคุยด้วยกันเป็นปกติ ส่วนน้องอาร์ทนั้นเจ้าตัวได้บอกว่าจะกลับไปนอนหอตามเดิม ซึ่งผมไม่ยอม เลยฝากน้องอาร์ทไว้กับไอ้ออยให้คอยดูแลตอนที่ผมอยู่เฝ้าพีชที่โรงพยาบาล

“อือ คุณเจย์ ไม่สิ เจย์มานานแล้วหรือครับ ทำไมไม่ปลุกพีชล่ะ” เสียงหวานถามอย่างงัวเงีย ทำเอาผมสะดุ้งตกใจนิดหน่อยก่อนจะหันไปยิ้มให้กับเจ้าตัว

“พอดีเจย์เห็นว่าพีชหลับสบาย ก็เลยไม่อยากรบกวนนะครับ”

“รบกวนอะไรเล่าเจย์ พีชนอนมากพอแล้ว ดูสิปวดเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวแย่เลย” ร่างบางพูดเสียงเง้างอน ซึ่งทำเอาผมถึงกับอดหัวเราะเสียมิได้ “อย่าหัวเราะพีชสิเจย์นี่”

เจ้าตัวบอกก่อนที่หมอนจะลอยพุ่งใส่หน้าผมเบาๆ คาดว่าคงเขินอายที่ผมหัวเราะใส่

“เอ้อพีชหิวแล้วหรือยังครับ เดี๋ยวเจย์เทโจ๊กใส่ชามให้”

“อือ พีชหิวแล้วครับเจย์” พอเห็นอีกฝ่ายบอกผมก็เดินถือถุงโจ๊กเข้าไปในห้องครัวเพื่อเทโจ๊กให้ ซึ่งระหว่างที่ผมเทโจ๊กใส่ชามอยู่นั้น ผมก็ได้ยินเสียงประตูห้องเปิด แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจมากเพราะคิดว่าน่าจะเป็นพยาบาลเข้ามาตรวจความดันตามหน้าที่ให้เฉยๆ เมื่อเรียบร้อยแล้วก็เดินกลับมาอีกที ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นร่างบางถือช่อดอกไม้สีน้ำเงิน ผมซึ่งเคยทำงานอยู่กับพีชที่ร้านดอกไม้มานาน ดูปราดเดียวก็รู้เลยว่าช่อดอกไม้ที่พีชถือคือดอกอะไร “เจย์ๆ มาดูสิ มีคนให้ช่อดอกไม้กับพีชด้วย สวยไหมล่ะเจย์”

มันสวยมากถ้าเป็นดอกไม้อย่างอื่น แต่นี่กลับเป็นดอกฟอร์เก็ตมีนอท

อย่าลืมฉัน นั่นคือความหมายของช่อดอกไม้นี้

“สวยครับสวย” ผมกัดฟันพูด หวังว่าคนที่ส่งดอกไม้ช่อนี้จะไม่ใช่คนที่ผมคิด “ว่าแต่พีชรู้แล้วหรือยังว่าใครเป็นคนส่งมาให้”

“ยังไม่รู้เลย อ๊ะ เจอแล้ว เดี๋ยวพีชจะอ่านให้ฟังนะ” ร่างบางยิ้มเมื่อเห็นการ์ดอวยพรสีชมพู แต่พอเห็นข้อความบนแผ่นกระดาษแล้ว เจ้าตัวกลับหน้าแดงราวกับมะเขือเทศ “เอ่อเจย์ครับ พีชขอโทษนะ พีชขอไม่อ่านให้ฟังได้ไหม”

“ได้สิครับ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” ผมฝืนยิ้มตอบกลับไปด้วยความขมขื่น ผมอยากจะบอกความในใจตัวเองให้อีกฝ่ายได้รับรู้เหมือนกันครับ แต่พอเอาเข้าจริงกลับไม่กล้า กลัวจะได้เห็นใบหน้าคนที่ตัวเองรักผิดหวังเมื่อได้ยินคำสารภาพรักของตัวเองออกไป แล้วร่างบางก็เอาช่อดอกไม้นี้ใส่แจกันที่อยู่ข้างเตียงก่อนจะจ้องมองดอกไม้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มราวกับเด็กน้อยที่เพิ่งจะรู้จักคำว่ารัก ทำเอาผมได้แต่ขบปากตัวเองมองด้วยความโมโห เพราะมันเป็นใบหน้าที่...

ผมไม่มีวันจะได้มาเป็นของตัวเอง

....................

หายป่วยไวๆนะครับลูกพีช

From Alexey


การ์ดอวยพรที่ผมอ่านนั้นถึงแม้จะเป็นแค่ข้อความสั้นๆ แต่ผมกลับชอบมันจนต้องหยิบขึ้นมาดูหลายรอบ ส่วนดอกไม้ที่อีกฝ่ายให้มานั้นผมจัดใส่แจกันวางไว้ข้างหัวเตียง ซึ่งมองดูยังไงก็ไม่มีวันเบื่อครับ

“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลยนะครับพี่พีช ใครให้ดอกไม้นั่นมาเหรอ” น้องแบมเอ่ยปากแซว วันนี้เจย์ไม่อยู่ครับ เห็นบอกว่ามีธุระที่ต้องออกไปทำข้างนอก ก็เลยให้น้องแบมกับออยมาอยู่เฝ้าเป็นเพื่อนผม

“อ้อ คุณอเล็กซ์ให้มานะครับน้องแบม” ผมยิ้มตอบกลับไปอย่างหน้าชื่นตาบานโดยไม่ทันสังเกตคนฟังที่สะดุ้งตกใจทันทีที่ได้ยินชื่อนั้น “สวยใช่ไหมล่ะดอกฟอร์เก็ตมีนอทนะ”

ถึงผมจะความจำเสื่อมแต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้ชื่อกับความหมายของดอกไม้นะครับ มันผุดขึ้นมาในหัวของผมเองโดยอัตโนมัติ ซึ่งนั่นไม่ใช่เป็นเรื่องแปลกสำหรับคนที่เคยขายดอกไม้อย่างผม ออยกับน้องแบมอยู่คุยกับผมได้ซักพักก็ต้องขอตัวกลับไปทำงาน เนื่องจากโดนที่บริษัทเรียกให้กลับไปแก้ไขงานของตัวเอง

“ขอโทษนะพีชที่ไม่ได้อยู่คุยเป็นเพื่อนด้วยนะ”

“ไม่เป็นไรครับออย รีบกลับไปเถอะ เดี๋ยวเขาจะว่าเอาได้นะ”

“อืม ถ้ามีอะไรก็ให้โทรเข้าเบอร์ออยได้เลยนะ”

“ครับออย” พอออยกับน้องแบมออกไปแล้ว ผมก็นั่งดูโทรทัศน์ต่อ แต่นั่งดูได้ไม่นานนัก เสียงประตูก็เปิดออกอีกครั้ง “ลืมของเหรอครับออย”

ผมนึกว่าออยก็เลยไม่หันไปดู แต่อีกฝ่ายกลับเงียบจนผมต้องหันไปดู แลเห็นผู้ชายแปลกหน้าสวมเสื้อยืดสีดำกางเกงยีนส์สวมหมวกแก๊ปปิดหน้าปิดตา

“ไม่ทราบว่าคุณเป็น…”

ผัวะ!

“โอ๊ย!” ผมถามยังไม่ทันจบ ก็โดนอีกฝ่ายต่อยหน้าเสียก่อน แถมนอกจากนี้ยังโดนกระชากสายน้ำเกลือจนเลือดออก “อ๊ะ โอ๊ย อย่า อย่าทำผม”

ผมสู้สุดใจทั้งถีบทั้งเตะแต่ก็สู้แรงอีกฝ่ายไม่ได้

“เพราะมึง เพราะมึงคนเดียวไอ้พีช ถ้าไม่เป็นมึง เมย์ก็คงไม่ทิ้งกูไป” อีกฝ่ายตวาดเสียงใส่ก่อนจะผลักผมอย่างแรงจนตกเตียงเสียงดังโครม พอผมตกลงเตียงแล้ว ร่างสูงทำท่าจะมาต่อแต่กลับต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านนอก “หึ กูจะกลับมาหามึงใหม่ อย่าได้วิ่งแจ้นไปฟ้องไอ้เจย์หรือไอ้ฝรั่งนั่นอีก ไม่งั้นมึงตาย!”

แล้วอีกฝ่ายก็วิ่งออกจากนอกห้องไปอย่างรวดเร็ว

......................

ผมวิ่งกระหืดกระหอบเข้าไปในห้องของพีชทันทีที่ทราบข่าวจากลูกน้องของตัวเอง ว่าลูกพีชโดนชายแปลกหน้าเข้าไปทำร้ายร่างกายถึงห้อง พอไปถึงผมก็วิ่งเข้าไปกอดร่างบางทันที

“ลูกพีช ผมขอโทษ ผมขอโทษที่ไม่ได้อยู่ข้างคุณ” ผมบอกด้วยน้ำเสียงลนลานก่อนจะผละออกมาสำรวจบาดแผลตามร่างกายของคนรัก “บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับที่รัก บอกผมมาสิ”

“ผมไม่เป็นไร แค่เจ็บนิดหน่อยเอง เดี๋ยวก็หายครับ” ร่างบางยิ้มตอบ

“ว่าแต่ลูกพีชเห็นหน้าคนร้ายไหม”

“ไม่ครับ พอดีผมหลับอยู่” ลูกพีชส่ายหน้าตอบ “รู้แต่ว่าถูกผลักตกจากเตียงแล้ว”

แล้วลูกพีชก็ขอตัวนอนต่อเพราะรู้สึกอ่อนเพลีย ส่วนผมก็ปล่อยให้ร่างบางนอนต่อไป ก่อนจะเดินออกมาข้างนอกห้อง โดยมีเรย์ที่เป็นเลขาของผมยืนคอยอยู่ข้างนอก

“ทำยังไงก็ได้ขอให้รู้ตัวคนร้าย จัดการลงโทษมันให้สาสม แต่อย่าเอาให้ถึงตายก็พอ”

“ครับคุณอเล็กซ์” แล้วเรย์ก็ขอตัวไปทำงานที่ผมสั่ง ส่วนผมก็เดินกลับเข้าไปหาคนรักพลางนั่งลงกุมมือคนป่วย ก่อนจะมองอีกฝ่ายด้วยความห่วงใย

ผมจะไม่ทิ้งคุณไปไหนอีกแล้วลูกพีช จะอยู่เคียงข้างคุณไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม…

ผมให้สัญญา…


....................

“วันนี้พี่ไม่ไปหาพี่พีชเหรอฮะ”

ผมถามด้วยความสงสัย หลังจากพี่เจย์ขับรถมารับผมที่บริษัท เนื่องจากผมต้องเตรียมปิดหนังสือเพื่อจะตีพิมพ์นิยายที่ตัวเองเขียนออกมาเป็นรูปเล่ม โชคดีรุ่นพี่ที่เคยคิดจะข่มขืนผมนั้นได้ลาออกจากบริษัทไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมก็เลยไม่ต้องมาระแวงว่าอีกฝ่ายจะเข้ามาทำร้ายได้อีก ส่วนร่างสูงที่กำลังขับรถเหล่ตามองผมเพียงแวบเดียวก่อนจะหันกลับไปมองถนนตรงหน้าตามเดิม

“ถ้าไปแล้วจะมารับเราได้หรือ” พี่เจย์ตอบเสียงเรียบ “ไม่ต้องเป็นห่วง พี่ได้ให้ออยกับแบมช่วยดูให้แล้ว ว่าแต่เราเถอะ จะไปหาพีชหรือจะกลับหอพักพี่เลยล่ะ”

“เอ่อ ขอกลับหอพักดีกว่าฮะ ผมเหนื่อย อยากจะพักผ่อน”

ไม่อยากเจอหน้าพี่พีชกับพี่เจย์ตอนคุยกัน…

“ตามใจเราแล้วกัน” พี่เจย์ตอบก่อนจะขับรถพาผมไปส่งที่หอพักตัวเอง เมื่อมาถึงแล้วผมกำลังจะลงจากรถ อีกฝ่ายกลับคว้ามือผมไว้เสียก่อน “ไม่ต้องรอนะ นอนไปได้เลย คืนนี้พี่จะนอนที่โรงพยาบาลเป็นเพื่อนพีชน่ะ”

!!!!!!

“แล้วเราน่ะจะร้องไห้ทำไมห๊ะ!” มือหนาบีบแรงขึ้นกว่าเดิม ทำเอาผมถึงกับตกใจ

“ผะ…ผะ…ผมเปล่าร้องไห้นะ!”

“ไม่ร้องแล้วน้ำตาที่ไหลมันคืออะไรกันล่ะ!” พี่เจย์ตวาดเสียงดุใส่ ก่อนจะกระชากผมเข้าไปใกล้

“โอ๊ย พี่เจย์ผมเจ็บนะ!”

“กูบอกให้ตอบก็ตอบมาสิ!” อีกฝ่ายเค้นเสียงถามก่อนจะใช้อีกมือบีบคางผมให้เชิดหน้าขึ้น “อ้อ ที่ทำเป็นร้องไห้นี่ก็คงคิดจะเรียกความสงสารให้กูนอนเป็นเพื่อนมึงสินะใช่ไหมไอ้อาร์ท”

“ผะ…ผมเปล่า”

“ดี! ถ้าอยากนอนกับกูมากนัก กูจะสนองให้”

!!!!!!

พูดจบอีกฝ่ายก็ลงจากรถแล้วรีบวิ่งวนอ้อมมาเปิดประตูรถฝั่งที่ผมนั่ง ก่อนจะกระชากผมลงจากรถอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าผมก็ขัดขืนสิครับ

“พี่เจย์จะทำอะไรผม!” พี่เจย์ไม่ตอบ กลับต่อยท้องผมอย่างแรง ทำเอาผมถึงกับทรุดลงไปกองกับพื้นทันที “พะ…พี่…เจย์ ฮึก อย่า…ทำอะไรผม…เลย ฮึก…ผม…กลัวแล้ว”

อีกฝ่ายหาได้ฟังผมไม่ กลับช้อนตัวผมอุ้มพาดบ่าก่อนจะพาผมเดินเข้าไปในห้องพักของตัวเอง แน่นอนว่าการกระทำของพี่เจย์ทำให้พี่ยามวิ่งเข้ามาหา

“เรื่องของชาวบ้านอย่ามาเสือก” พี่เจย์หันไปดุใส่พี่ยาม ทำให้อีกฝ่ายยอมถอยกลับไปแต่โดยดี พอไปถึงห้องพักของพี่เจย์แล้ว อีกฝ่ายก็โยนผมลงเตียงทันที ส่วนผมนั้นพอได้สบโอกาสก็รีบลงจากเตียงเพื่อจะหนี แต่ก็หนีไม่ทันเพราะโดนพี่เจย์คว้าดึงกลับไปนอนบนเตียงต่ออย่างเดิม “จะหนีทำไม มึงอยากนอนกับกูมากนักไม่ใช่รึไงไอ้อาร์ท”

ผมทำท่าจะลุกขึ้นหนีต่อแต่ก็โดนพี่เจย์คร่อมตัวผมไว้เสียก่อน

“พี่เจย์…ปล่อยผมไปเถอะนะ ฮึก ผมขอ ฮึก ร้องล่ะ ฮือๆ”

“งั้นก็พูดมาสิว่ามึงร้องไห้ทำไม” พี่เจย์ถามเสียงเข้ม แต่แววตาดูอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด

“ฮึก ฮึก ผม…ผม ฮึก ผมไม่รู้ฮะ” ผมตอบเสียงสะอื้นไห้ พยายามจะขยี้ตาแต่ก็โดนอีกฝ่ายขวางไว้เสียก่อน “ผมไม่รู้จริงๆฮะ ฮึกๆ ผมไม่รู้จริงๆ”

ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรกันแน่ พอได้ยินว่าพี่เจย์จะไปนอนเป็นเพื่อนพี่พีชที่โรงพยาบาลแล้ว กลับรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวที่หัวใจราวกับจะแตกสลายได้ทุกเมื่อ

“เฮ้อ!” พี่เจย์ถอนหายใจก่อนจะลุกขึ้นผละออกจากตัวผมไปลงนั่งข้างเตียง “เอาเป็นว่าพี่ขอโทษเราแล้วกัน อยู่ที่นี่เป็นเด็กดี อย่าลืมกินข้าวกินยาด้วยล่ะ แล้วค่ำๆพี่จะกลับมานอนที่นี่ด้วย ถ้าใครมาก็อย่าเปิดให้เข้านะ”

“ฮึก ครับพี่เจย์ ฮึก”

“ดีมาก” พี่เจย์พูดพลางเอามือลูบหัวผมเบาๆ “เดี๋ยวจะซื้อขนมมาฝาก จะเอา…”

Rrr…

พี่เจย์ชะงักพูดก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมากดรับสาย

“มีอะไรวะไอ้ออย…ห๊ะ?! ว่ายังไงนะ พีชโดนคนเข้ามาลอบทำร้ายงั้นรึ”

!!!!!!

...............

ผมลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าในห้องคนป่วยไม่ได้มีเพียงแค่อเล็กเซย์เพียงคนเดียว กลับมีทั้งออยทั้งน้องแบม ทั้งเจย์ทั้งน้องอาร์ท เรียกได้ว่าครบทีมเลยทีเดียว

“เป็นไงบ้างพีช” ออยถามด้วยความเป็นห่วง ซึ่งผมยิ้มตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า

“เจ็บนิดหน่อยเองครับ เดี๋ยวก็หาย”

“พี่พีช ใครทำพี่พีช ผมจะไปเอาคืนมันให้สาสม” น้องแบมพูดด้วยความฉุนเฉียว ทำเอาผมนึกเอ็นดูน้องแบมที่ยังอุตส่าห์เป็นห่วงผม

“ไม่ต้องหรอกครับน้องแบม ปล่อยเขาไปเถอะ พี่ไม่อยากสร้างเวรสร้างกรรมอีกแล้ว”

“พี่พีช” น้องแบมร้องคราง ในขณะที่น้องอาร์ทกับเจย์ยืนเงียบไม่ยอมเดินเข้ามาคุยกับผม

แปลกคน?

“พอแค่นี้ได้แล้วนะครับ เพราะตอนนี้ก็ได้เวลาที่ลูกพีชต้องนอนพักผ่อน ไว้วันหลังค่อยมาเยี่ยมใหม่” อเล็กเซย์พูดตัดบท ซึ่งทำให้ทุกคนยอมกลับไปแต่โดยดี ทำให้ตอนนี้เหลือแต่ผมกับอเล็กเซย์ ทีแรกผมถามเจย์ว่าวันนี้ไม่ได้มานอนเป็นเพื่อนผมหรอกหรือ แต่เจย์กลับชิงตอบตัดหน้าว่าวันนี้มีงาน ก็เลยอยู่เป็นเพื่อนผมไม่ได้ “ลูกพีชครับ หลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้ว คุณย้ายไปอยู่กับผมนะครับ”

“ย้ายไปอยู่กับอเล็กซ์เหรอฮะ”

“ใช่แล้วครับ” ร่างหนายิ้มตอบพลางนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียง ก่อนจะจับมือผมไปกุมเอาไว้ “ย้ายไปอยู่กับผม ที่ผมให้คุณย้ายไปก็เพราะผมกลัวคุณจะไม่ปลอดภัย ไปอยู่กับผมนะครับคนดี”

!!!!!!

“ผมรักคุณนะลูกพีช ย้ายไปอยู่กับผมแบบถาวรเถอะนะ ผมจะได้อยู่ดูแลคุณไปตลอดชั่วชีวิต”

!!!!!!

“กะ…ก็ได้ครับอเล็กซ์ ผมตกลง” พอผมตอบตกลง อีกฝ่ายยิ้มก่อนจะเข้ามากอดเข้ามาหอมแก้มผมรัว ตบท้ายด้วยปากที่ทำเอาผมถึงกับไปไม่เป็น

“จุ๊บ ขอบคุณครับที่รัก ผมรักคุณมากที่สุดเลย”

“ลูกพีชก็รักอเล็กซ์เหมือนกัน อย่าทิ้งลูกพีชไปไหนอีกนะ” ผมเงยหน้าเพื่อท้วงคำสัญญา ซึ่งอีกฝ่ายก็ก้มยิ้มตอบกลับมาด้วยเช่นกัน

“ครับลูกพีช ผมจะไม่ทิ้งคุณไปไหนอีกแน่ๆ ผมให้สัญญา”

.......................

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 20 ย้ายบ้าน 1 (อัพ 100%) P.2 6/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 06-02-2015 13:14:04
ตกลงลูกน้องอเล็กนี่มีไว้ทำไม ปล่อยให้คนอื่นมาทำร้ายลูกพีชได้  :hao5:

หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 20 ย้ายบ้าน 1 (อัพ 100%) P.2 6/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 06-02-2015 13:23:02
 :z3:  เคราะห์ซ้ำกรรมซัดแท้ ลูกพีชเอ๋ย
คุณอเล็กเซย์ต้องดุแลให้ดีๆนะ

เจย์แม่ม ตอนแรกนึกว่าเป็นคนดี ที่แท้ซาดิสเหรอ สงสารน้องอาร์ท  :katai1:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 20 ย้ายบ้าน 1 (อัพ 100%) P.2 6/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 24-02-2015 07:42:40
ตอนที่ 21 ย้ายบ้าน 2

.............

เนื่องจากผมไม่มีข้าวของติดตัวอะไรมากมายนอกจากบัตรประชาชนบัตรประกันสุขภาพอะไรก็ว่าไป เพราะข้าวของรวมถึงบ้านได้ถูกไฟเผาไหม้เป็นจุลไม่เหลือซากแล้ว จากคำบอกเล่าของอเล็กเซย์ว่าบ้านของผมถูกเผาเพราะมีคนร้ายมาแอบเผาบ้าน ส่วนคนร้ายก็ได้ถูกจับเข้าคุกตารางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“แล้วที่ดินตรงนั้นเป็นของลูกพีชเหรอฮะ” เนื่องจากอเล็กเซย์ไม่อยากให้ฟังดูห่างเหินจนเกินไป จึงให้ผมพูดแทนตัวเองว่าลูกพีช ซึ่งทำเอาผมรู้สึกเขินมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อต้องพูดแทนตัวเองแบบนั้นออกมา

“ครับ เท่าที่ฟังจากคุณพ่อคุณแม่ของคุณเจย์ พวกท่านบอกว่าใช่” ร่างหนายิ้มตอบในขณะที่ช่วยผมขนเสื้อผ้าของผมที่มีอยู่ไม่กี่ชิ้นเข้าตู้เสื้อผ้า ตอนนี้ผมได้ย้ายมาอยู่คอนโดของอเล็กเซย์แล้ว ซึ่งตอนเข้ามาครั้งแรก ผมกลับรู้สึกว่าตัวเองเคยนอนที่นี่มาก่อน “ส่วนเรื่องโฉนดที่ดิน รู้สึกว่าคุณได้ฝากโฉนดไว้กับพวกท่านน่ะ พวกท่านบอกว่าถ้าอยากได้คืนก็ให้ไปเอากับพวกท่านได้ ว่าแต่ลูกพีชหิวแล้วหรือยังครับ ผมจะได้เข้าครัวทำอาหารให้ลูกพีชกิน”

“หิวแล้วฮะ งั้นให้ลูกพีชช่วยนะ” ผมบอกอย่างตื่นเต้น แต่อีกฝ่ายกลับยกมือขึ้นห้าม

“ไม่เอาครับ ลูกพีชยังไม่หายดี ผมว่าลูกพีชนั่งเฉยๆเถอะ”

“แต่ลูกพีชอยากช่วย” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเง้างอน ก็ผมไม่อยากเป็นภาระนี่ครับ ถ้ามีอะไรพอจะช่วยได้ก็จะช่วย “ไม่ได้เหรออเล็กซ์ ลูกพีชอยากช่วยอเล็กซ์จริงๆนะ”

อีกฝ่ายได้ยินถึงกับถอนหายใจก่อนจะพูดยิ้มกลับมาว่า

“ก็ได้ครับ งั้นลูกพีชช่วยหุงข้าวให้ผมที เพราะผมจะได้ไปทำกับข้าวอย่างอื่นให้คุณทาน”

“เย้!” ผมโห่ร้องด้วยความดีใจก่อนจะไปหุงข้าวด้วยจิตใจที่เบิกบาน เห็นผมความจำเสื่อมแบบนี้แต่ก็หุงข้าวได้นะครับ ซึ่งผมไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร แต่หลังจากหุงข้าวเสร็จแล้ว ผมก็ช่วยอเล็กซ์หยิบจานช้อนส้อมแก้วน้ำมาจัดโต๊ะตั้งท่าเตรียมรอไว้พร้อม เมื่อเรียบร้อยแล้วผมก็นั่งมองอาหารที่อเล็กซ์ตักมาวางบนโต๊ะด้วยความตื่นเต้น “อเล็กซ์ทำอาหารเก่งจัง นี่เขาเรียกว่าอะไรเหรอ”

ผมถามด้วยความสงสัย เพราะอาหารที่อเล็กซ์ทำนั้นน่าจะไม่ใช่อาหารไทย

“สปาเกตตีมีทบอล ซุปฟักทอง ทูน่ากริลล์กับสลัดผักสีเขียว ส่วนเครื่องดื่มเป็นน้ำขิงมะนาวโซดาไว้กันเลี่ยนครับ” อเล็กซ์ยิ้มตอบ ซึ่งทำเอาผมถึงกับร้องเหวอ เพราะมันเยอะจนผมคิดว่าคงทานไม่หมดแน่ “ทานเท่าที่ทานได้ครับ ไม่หมดเดี๋ยวผมช่วยคุณเองครับลูกพีช”

“แต่ลูกพีชเกรงใจ” ผมพูดเสียงอ่อย หากแต่อีกฝ่ายกลับคว้ามือผมมาบีบเบาๆ

“ไม่ต้องเกรงใจครับ เพื่อลูกพีช ผมให้ได้แม้กระทั่งชีวิต”

!!!!!!

หน้าผมถึงกับร้อนผ่าวเมื่อได้ยินคำนั้น

“ทานเถอะครับ เดี๋ยวอาหารหายร้อนแล้วจะไม่อร่อย” อเล็กซ์บอกก่อนจะปล่อยมือผมออก

“อะ…อืม” แล้วผมกับอเล็กซ์ก็ลงมือทานอาหารพร้อมกัน

........................

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 21 ย้ายบ้าน 2 (อัพ 20%) P.2 24/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 24-02-2015 09:21:55
เหมือนกำลังจะดีแต่ว่าก็ยังหวั่นๆ
เรื่องคนที่จะมาทำร้ายลูกพีชอีก
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 21 ย้ายบ้าน 2 (อัพ 20%) P.2 24/02/58)
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 04-03-2015 21:14:48
ถึงแม้จะออกมาจากโรงพยาบาลแล้วแต่คุณหมอก็ให้ผมดูแลตัวเองด้วยการจดบันทึกประจำวัน ว่าแต่ละวันนั้นผมทำอะไรลงไปบ้าง และแน่นอนว่ายังต้องกลับไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจเช็คสภาพร่างกายของตัวเองเป็นระยะๆ ซึ่งร่างกายผมไม่มีอะไรร้ายแรง แข็งแรงปกติ มีเพียงแค่ความทรงจำเท่านั้นที่ยังไม่กลับคืนมา ผมเองก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะผมได้เจอกับคนที่ตัวเองรักอย่างอเล็กเซย์ เขาคอยอยู่เคียงข้างผมเสมอในวันที่ผมล้มลง หลังจากย้ายเข้ามาอยู่คอนโดของอเล็กเซย์ เจย์เคยมาเยี่ยมผมถึงที่นี่แค่ครั้งเดียว นอกนั้นก็ไม่ได้มาอีกเลย รู้แต่เพียงว่าเจ้าตัวได้งานใหม่ทำเรียบร้อยแล้ว

“ขอโทษนะเจย์ ร้านดอกไม้น่ะ พีชเองก็อยากทำแต่อเล็กซ์...”

ไม่ยอมให้ผมเปิดร้านดอกไม้อีกต่อไปแล้ว...

“ไม่เป็นไรครับพีช เจย์ยังไงก็ได้” อีกฝ่ายตอบยิ้มๆ ก่อนจะวางมือบนไหล่ผมแล้วตบเบาๆ “ไม่ต้องคิดมาก เจย์เข้าใจดีว่าอเล็กซ์ไม่อยากให้พีชเหนื่อย ถ้าพีชไปอยู่กับเขาแล้วมีความสุข เจย์ก็ยินดีด้วยนะ เพราะจากนี้เจย์จะไปทำงานที่เจย์ชอบ อาจจะมีแวะมาหาบ้างตามโอกาสถ้าพีชอยากเจอเจย์ล่ะก็นะ”

นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายของเจย์ก่อนที่เจ้าตัวจะขาดการติดต่อไป ซึ่งผมโทรถามพ่อแม่ของเจย์แล้ว พวกท่านบอกว่าเจย์ขึ้นเครื่องบินไปทำงานที่ต่างประเทศเพียงคนเดียว

ทำไมจากไปโดยไม่บอกกันบ้างเลยนะ...

เจย์…


ความเครียดบวกกับร่างกายที่อ่อนแอทำให้ผมกลับมานอนซมอีกครั้ง แต่ผมไม่อยากไปโรงพยาบาล เพราะฝังใจว่าจะมีคนมาลอบทำร้ายตัวเอง ซึ่งอเล็กซ์ก็เข้าใจผมดี จึงยอมให้ผมนอนพักรักษาตัวที่คอนโด แต่มีข้อแม้ต้องรับการตรวจจากคุณหมอที่มาหาถึงคอนโดด้วย แล้ววันหนึ่งที่ผมตื่นขึ้นมาไม่เจออเล็กซ์นอนอยู่เคียงข้าง จึงลุกขึ้นมากะหมายว่าจะเข้าห้องน้ำ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงทุ้มลอดออกมาจากข้างนอก ทีแรกผมไม่ได้ตั้งใจฟังเพราะจะไปเข้าห้องน้ำ แต่กลับต้องชะงักเมื่อได้ยินชื่อของเจย์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

“นี่ถ้าไม่เป็นเพราะลูกพีชป่วย ผมคงไม่ตามหาคุณหรอกเป็นบ้าเป็นหลังหรอกคุณเจย์”

“หึ ถ้าดูแลพีชไม่ได้ ทีหลังอย่าเอาเขาไปจากกูสิ”

!!!!!!

ผมแทบตกตะลึงเมื่อเสียงนั้นเป็นเสียงของคนที่ขาดการติดต่อไปนาน แต่ทว่าคำพูดของเจย์ทำเอาผมสับสนมึนงงอย่างบอกไม่ถูก จึงได้แต่ยืนแอบอิงฟังการสนทนาต่อไปอย่างเงียบๆ

“เห็นทีคงไม่ได้ เพราะถ้าคุณเจย์จะเอาลูกพีชไปจากผม คุณต้องข้ามศพผมไปเสียก่อน”

!!!!!!

“หึ ข้ามศพงั้นรึ” เสียงของเจย์พูดฟังดูประชดประชัน “ถ้าทำได้คงทำไปนานแล้วล่ะ แต่กูจะไปสู้รบปรบมืออะไรกับมาเฟียอย่างมึงได้ล่ะ จริงไหม...อเล็กเซย์”

!!!!!!

ไม่จริงน่า...

อเล็กซ์นะหรือจะเป็น...

...มาเฟีย!!


ผมแทบตะลึงจนชาวาบไปทั่วร่างกายเมื่อได้ยินคำนั้น แต่ก็ยังฝืนยืนฟังต่อให้จบ

“ผมเป็นมาเฟียก็จริง แต่อีกไม่นานก็จะล้างมือจากวงการแล้วล่ะ ฉะนั้นคุณไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้ไปหรอกคุณเจย์ ผมดูแลคนที่ผมรักได้แน่นอน” เสียงของอเล็กซ์เถียงสู้เจย์กลับไปอย่างไม่ยอมแพ้ แต่ทว่า...

“ห่วงตัวเองก่อนเถอะ เพราะการล้างมือจากวงการมาเฟียก็ไม่ต่างจากการฆ่าตัวเองให้ตายเลยชัดๆ”

!!!!!!

.....................

 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 21 ย้ายบ้าน 2 (อัพ 50%) P.3 4/03/58)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 04-03-2015 21:18:26
 :sad4: 
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 21 ย้ายบ้าน 2 (อัพ 50%) P.3 4/03/58)
เริ่มหัวข้อโดย: Chrysan ที่ 05-03-2015 09:00:41
เจย์ไปทำงานถึงต่างประเทศเลยหรอ
แล้วอาร์ทล่ะ สงสารอาร์ทจัง  :mew2:

อเล็กซ์จะวางมือหรอ ไม่นะ เราชอบพระเอกเป็นมาเฟีย  :ling1:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 21 ย้ายบ้าน 2 (อัพ 50%) P.3 4/03/58)
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 14-03-2015 07:58:09
“แน่ใจนะว่าจะไม่เข้าไปเยี่ยมลูกพีชน่ะคุณเจย์”

เขาถามพลางมองหน้าอีกฝ่ายที่อุตส่าห์ตามตัวแทบตาย กลับพบว่าเจ้าตัวหนีไปทำงานถึงเกาหลี ซึ่งยังดีที่แถวนั้นเป็นถิ่นของเขาก็เลยตามตัวกลับมาได้อย่างง่ายดาย ส่วนอีกฝ่ายนั้นเมื่อได้ยินที่เขาถามถึงกับแค่นยิ้มส่ายหน้าตอบกลับมาทันที

“ไม่ล่ะ ขืนเข้าไปมีหวังได้ใจอ่อนจนกูไม่อยากไปไหนกันพอดี” แล้วเจย์ก็หันไปมองบานประตูที่ปิดสนิท มันเป็นห้องนอนของเขาที่มีร่างบางกำลังนอนหลับพักผ่อนอยู่พอดี เจย์มองซักพักก่อนจะหันมามองเขาอีกครั้ง “ฝากดูแลพีชแทนกูด้วย เพราะกว่าที่กูจะกลับมาอีกครั้งก็อีกสามปี ทำไงได้ ก็เซ็นสัญญากับค่ายที่นั่นไปแล้วก็ต้องอยู่ทำงานจนกว่าจะครบนี่นะ”

“งั้นผมขอแสดงความยินดีล่วงหน้าด้วยแล้วกัน ถ้าเป็นนักร้องชื่อดังแล้วอย่าลืมส่งลายเซ็นมาด้วยนะครับคุณเจย์ เพราะลูกพีชเห็นแล้วคงจะชอบมาก” เขาเอ่ยปากแซว เพราะอีกฝ่ายไปเซ็นสัญญาเป็นนักร้องของเกาหลี ซึ่งอีกฝ่ายได้ยินก็ยักไหล่หมุนตัวหันกลับไปที่ประตูทางออก

“ได้สิ ลายเซ็นพร้อมรูปภาพ อ้อ แล้วก็แผ่นเสียงด้วย” แล้วเจ้าตัวก็ขอตัวกลับ โดยมีเลขาของเขาขับรถไปส่งให้ถึงสนามบิน ส่วนเขาก็นั่งทำงานต่อไปอีกหน่อย เพราะตั้งใจแล้วว่าจะล้างมือจากวงการมาเฟียเลยต้องเคลียร์งานเยอะพอสมควร แต่หลังจากล้างมือแล้วเขาตั้งใจว่าจะเปลี่ยนมาเป็นทำธุรกิจแทน ถึงจะไม่ใช่มาเฟียแต่ก็ยังต้องทำงานหาเยอะเลี้ยงดูลูกน้องของตัวเองอยู่ดีครับ แล้วไหนจะคนรักของตัวเองที่ยังไม่มีทีท่าว่าความทรงจำจะกลับคืนมาอีก

เดินไปดูลูกพีชหน่อยดีกว่าแหะ…

อเล็กซ์ลอบยิ้มในใจก่อนจะวางงานแล้วลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องนอน แต่พอเข้าไปแล้วเขากลับชะงักไปชั่วครู่ เพราะห้องนอนแทนที่จะมีคนรักนอนพักผ่อนอยู่นั้นกลับว่างเปล่า

“ลูกพีชคุณอยู่ที่ไหน?!” เขาร้องเรียกหาคนรักพร้อมกับวิ่งหาไปทั่วห้องแต่ก็ไม่พบ “ลูกพีชอย่าเล่นแบบนี้สิครับ ผมไม่ชอบนะ ออกมาเถอะครับ”

เงียบ…

เขาคิดว่ากำลังจะโทรตามเลขาเรย์ให้รีบกลับมาแต่สายตากลับเห็นกระดาษสีขาวถูกวางอยู่บนหัวเตียงนอน จึงเดินเข้าไปหยิบขึ้นมาดูก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง

ขอโทษที่อยู่ด้วยไม่ได้ เพราะลูกพีชไม่อยากให้อเล็กซ์ต้องตาย กรุณาอย่าล้างมือออกจากวงการมาเฟียเพียงเพราะลูกพีชคนเดียวนะครับ

จาก คนที่คุณรักสุดหัวใจ

ปล.ลูกพีชจะไม่มีวันลืมคุณและจะรักคุณตลอดไป


.......................

ปล.อเล็กซ์ยังไม่รู้เรื่องของเจย์กับอาร์ท เพราะเจย์ปิดเรื่องนี้เงียบ
ปล2.ส่วนเรื่องของอาร์ทกับเจย์ เดี๋ยวจะมีออกมาให้ทุกคนได้ทราบค่ะ
ปล3.สงสารลูกพีชกับอเล็กเซย์มาก

:o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 21 ย้ายบ้าน 2 (อัพ 70%) P.3 14/03/58)
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 22-03-2015 18:59:57
“ขอบคุณเจย์มากนะครับที่คอยช่วยเหลือลูกพีชมาตลอด”

“ไม่เป็นไรครับลูกพีช ไม่ต้องคิดมาก” ผมอยู่คุยกับลูกพีชที่บัดนี้หัวล้านโพกหัวด้วยผ้าพันแผลในชุดคนป่วยของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในห้องผู้ป่วยพักฟื้นอยู่สองสามคำก่อนที่อีกฝ่ายจะหลับไปด้วยฤทธิ์ยาจากที่คุณหมอในโรงพยาบาลต่างจังหวัดเป็นคนให้ พอเห็นว่าลูกพีชหลับไปแล้ว ผมจึงเดินออกจากห้องผู้ป่วย ก่อนจะไปหาคุณพ่อคุณแม่ที่นั่งรออยู่ข้างนอกไม่ยอมเข้ามา (ท่านอ้างว่ากลัวว่าเห็นลูกพีชแล้วจะร้องไห้น่ะครับ) “ตอนนี้ลูกพีชหลับไปแล้วครับคุณพ่อคุณแม่”

คุณแม่หน้าตาแดงก่ำ ไม่มีน้ำตา คิดว่าคงจะเพิ่งหยุดร้องไห้ไปได้ซักพักแล้ว ส่วนคุณพ่อนั้นแม้จะไม่ร้องไห้ออกมาให้เห็น แต่ท่านคงจะเจ็บปวดไม่ใช่น้อยเหมือนกัน

“ลูกพีชเป็นไงบ้างเจย์” คุณแม่ถามเสียงสะอื้นไห้ ซึ่งผมฝืนยิ้มตอบกลับไปว่า

“ตอนนี้พีชหลับไปแล้วครับคุณแม่”

“เห็นไหมฉันบอกเธอแล้วว่าไม่เป็นไร กลับไปนอนที่บ้านเรากันเถอะ พรุ่งนี้เช้าค่อยมาใหม่แล้วกัน” คุณพ่อบอกด้วยความหวังดี เพราะหลังจากที่ผมเดินออกมาจากคอนโดอเล็กซ์แล้ว ก็ไปเคลียร์เอกสารเตรียมตัวย้ายออกจากประเทศไทยเพื่อที่จะไปทำงานที่ต่างประเทศ ครั้นพอกลับไปหาคุณพ่อคุณแม่ที่อยู่ต่างจังหวัดเพื่อเตรียมจะบอกลาพวกท่าน กลับพบลูกพีชนอนร้องไห้กอดคุณแม่ผมที่นั่งอยู่ในบ้านแทนซะได้

“ทำไม…ลูกพีชถึงมาอยู่ที่นี่ได้?” ผมถามด้วยความตกตะลึง เพราะก่อนมานั้นผมจำได้ว่าลูกพีชยังนอนอยู่ในห้องนอนที่คอนโดของอเล็กซ์อยู่เลย “แล้วอเล็กซ์มาด้วยหรือเปล่า”

“ไม่ได้มาจ้ะตาเจย์ แม่เห็นลูกพีชมาคนเดียว” พอลูกพีชตื่นขึ้นมา ผมก็ได้ลองถามดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น ปรากฏว่าลูกพีชจำทุกอย่างได้ทั้งหมดแล้ว รวมถึงเรื่องอเล็กซ์ที่เป็นมาเฟียก็ด้วย

“ลูกพีชแน่ใจแล้วนะว่าจะไม่กลับไปหาเขาน่ะ” ผมถามย้ำอีกรอบ แม้ผมจะไม่ชอบใจอเล็กซ์ที่แย่งคนรักไปจากผม แต่ผมก็ไม่ได้อยากให้ลูกพีชต้องมาทุกข์ทรมานแบบนี้ครับ

“แน่ใจสิ” ร่างบางตอบเสียงสะอื้นไห้ “เจย์ห้ามบอกเขาเป็นอันขาดนะว่าลูกพีชอยู่ที่นี่น่ะ”

“อืม ไม่บอกหรอก” สุดท้ายแล้วคืนนั้นลูกพีชป่วยหนักมาก ไข้ขึ้นสูงจนผมต้องขับรถนำตัวไปส่งที่โรงพยาบาล แต่ทว่ากลับต้องมาพบกับข่าวร้ายเสียก่อน

“ทำไมพวกคุณถึงไม่พาคนป่วยมารักษาให้เร็วกว่านี้” คุณหมอที่ทำการตรวจรักษาให้ลูกพีชหันมาต่อว่าผมทันทีที่เดินออกมาจากห้องไอซียู ซึ่งทำเอาผมที่ยืนอยู่หน้าห้องถึงกับมึนงง “ถ้ามาช้าซักวันสองวันมีหวังรักษาไม่ทันการแน่”

“ทำไมครับคุณหมอ ผมไม่เข้าใจ กะอีแค่ป่วยเป็นไข้ขึ้นสูง…”

“ก็ลูกพี่ลูกน้องของคุณน่ะไม่ได้ป่วยเป็นไข้สูงเพียงอย่างเดียว แต่นี่กลับมีเลือดคั่งในสมองก้อนใหญ่จนต้องผ่าตัดออกด่วนเดี๋ยวนี้ด้วยน่ะสิครับคุณ!”

!!!!!!


เพราะด้วยเหตุนี้ผมจึงต้องมาเฝ้าแวะเวียนลูกพีชไม่ให้คิดมาก โชคยังดีที่ผ่าตัดผลออกมาประสบความสำเร็จ ร่างกายของลูกพีชปลอดภัยดี ไม่มีผลข้างเคียง ส่วนเรื่องความทรงจำนั้นลูกพีชจำได้ทุกคนส่วนของอเล็กซ์นี่ไม่รู้ครับ เพราะคุณหมอสั่งไว้ว่าห้ามพูดเรื่องสะเทือนใจให้คนป่วยฟังเด็ดขาด ผมกับคุณพ่อคุณแม่จึงไม่พูดถึงผู้ชายคนนั้นออกมาเลยซักคำเดียว

Trr…

เสียงริงโทนดังขึ้น ทำเอาผมที่กำลังเตรียมตัวขับรถไปส่งคุณพ่อคุณแม่ที่บ้านถึงกับหยุดชะงัก

“เดี๋ยวผมขอตัวไปรับโทรศัพท์ก่อนนะครับ คุณพ่อคุณแม่ขึ้นไปนั่งรออยู่ที่รถยนต์ได้เลย” แล้วผมก็เดินออกมาก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาดู พอเห็นชื่อแล้วผมกลับปล่อยให้มันดังไปเรื่อยๆจนหยุดไปเอง

ขอโทษด้วยนะลูกพีช เพื่อนายแล้วฉันจำเป็นต้องทำ…

แล้วผมก็ตัดสินใจกดโทรหาเบอร์นั้น พออีกฝ่ายรับสายผมก็กรอกเสียงลงไปทันทีว่า

“ขอโทษนะอเล็กซ์ เมื่อกี้ฉันขับรถอยู่เลยไม่ทันได้รับสายน่ะ”

.................................

 :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 21 ย้ายบ้าน 2 (อัพ 100%) P.3 22/03/58)
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 02-04-2015 21:58:08
ตอนที่ 22 ตามหาดอกรักที่หายไป...

....................................................................

เกือบหนึ่งปีเต็มแล้วที่พี่เจย์ไปทำงานที่ต่างประเทศ ทีแรกผมถึงกับเครียดเมื่อรู้จากแบมว่าพี่เจย์ไปทำงานที่ต่างประเทศ แต่พอแบมนำกระดาษที่พี่เจย์ฝากมาให้ผมอ่านเท่านั้นแหละ ทำเอาผมถึงกับยกมือขึ้นปิดปากตัวเองน้ำตาคลอเบ้าทันที

ขอเวลาพี่ทำใจเรื่องลูกพีชซักระยะ แล้วพี่จะกลับมาหาเรา

จาก พี่เจย์

ปล.ระหว่างนี้ให้ไปอยู่กับไอ้ออยน้องแบมไปก่อนนะครับ


ส่วนเรื่องการหายตัวไปของพี่พีชนั้นทำเอาพวกผมตกใจไปตามๆกัน ทีแรกคุณอเล็กซ์มาหาพวกผมด้วยสีหน้าอิดโรยเพราะคิดว่าพี่พีชแอบหนีมาที่นี่ แต่พอรู้ว่าพี่พีชไม่ได้อยู่กับพวกผม ก็นั่งรถกลับออกไปด้วยความผิดหวัง

“คงไม่ใช่หนีไปพร้อมกับพี่เจย์หรอกนะฮะ” แบมเอ่ยปากพูดอย่างคาดเดา

“ไม่ใช่หรอกครับที่รัก” พี่ออยส่ายหน้าตอบทันที “เพราะตอนที่พี่ส่งเจย์ที่สนามบิน มันไปเองคนเดียว ไม่ได้มีพีชตามไปด้วยหรอกครับ”

“ถ้างั้นพี่พีชหายตัวไปไหนล่ะฮะพี่ออย” แบมถามต่อ ซึ่งทำเอาผมถึงกับสงสัยตามไปด้วย

“ไม่รู้สิ เพราะพี่ได้ลองโทรถามพ่อแม่ของเจย์ดูแล้ว พวกท่านเองก็บอกว่าไม่ทราบอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าให้เดาพี่คิดว่าพวกเขากำลังปิดบังเรื่องพีชอยู่แน่ๆ ถึงไม่ยอมบอกให้พวกเรารู้น่ะ”

ในเมื่อไม่มีการแจ้งตำรวจว่าคนหาย ก็แสดงว่าพี่พีชอยู่กับพ่อแม่ของพี่เจย์อย่างแน่นอน ส่วนสถานที่ๆพี่พีชไปอยู่นั้นพวกผมไม่ทราบครับ เพราะพ่อแม่ของพี่เจย์ไม่ยอมบอกพวกผมเลยซักนิดเดียว ในขณะเดียวกันเรื่องที่คุณอเล็กเซย์กำลังวางมือจากวงการมาเฟียนั้นกำลังเป็นข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ ซึ่งทำเอาทุกคนถึงกับตกใจไปตามๆกัน เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยอมทิ้งทุกอย่างที่ตัวเองสร้างมันขึ้นมา

“พี่เดาว่าน่าจะเป็นเพราะการหายตัวไปของพีชแน่ๆ” พี่ออยพูดพลางวางหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะ “ไม่งั้นเขาจะยอมล้างมือออกจากวงการมาเฟียไปทำไมกันจริงไหมล่ะ”

“จริงฮะ” แต่ผมยังไม่ทันได้พูดต่อ เสียงมือถือของพี่ออยก็ดังขึ้นเสียก่อน

“ใครโทรมาตอนมืดๆเนี่ย แย่จริงๆ คนจะพักผ่อนซักหน่อย” พี่ออยบ่นไปตามเรื่องตามราว แต่มือก็ยังกดรับสายก่อนจะแนบหูตัวเองทันที “สวัสดีครับ ออยกำลังพูดอยู่ ไม่ทราบว่า...”

พี่ออยชะงักไปทันที ซึ่งทำเอาผมกับแบมถึงกับหันไปมองด้วยความสงสัย

“...จริงหรือ ได้ เออ พวกกูว่าง ไม่ต้องห่วง ได้ แล้วเจอกัน” แล้วพี่ออยก็กดวางสายไป ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองผมกับแบมที่กำลังรอคอยคำตอบจากพี่ออยอยู่พอดี “น้องแบม น้องอาร์ท เราสองคนรีบขึ้นไปบนห้องเตรียมเสื้อผ้าไปซักหกเจ็ดชุดใส่กระเป๋าเดินทางซะ อ้อ เตรียมพาสปอร์ตด้วยล่ะ เพราะเดี๋ยวเราจะต้องไปสนามบินพร้อมกัน”

“พี่ออยยังไม่ได้บอกพวกผมเลยว่าใครโทรมา แล้วนี่จะพาพวกเราสองคนไปไหนกันหรือฮะ” แบมถามด้วยความสงสัย ซึ่งพี่ออยมองแบมสลับกับผมก่อนจะฉีกยิ้มตอบด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ว่า

“ถึงเวลาเดี๋ยวก็รู้เองครับ”

...................................

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (ตอนที่ 22 ตามหาดอกรักที่หายไป... (อัพ 20%) P.3 2/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 03-04-2015 09:38:50
 :กอด1: เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (ตอนที่ 22 ตามหาดอกรักที่หายไป... (อัพ 20%) P.3 2/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 30-04-2015 22:55:02
“ถึงนายคิดจะออกจากวงการนี้ไปแต่ก็ใช่ว่าเรื่องมันจะจบทุกอย่างหรอกนะอเล็กซ์”

“ใช่ ฉันรู้เจฟฟี่” ร่างหนาที่ใส่ชุดสูทสีดำผูกเนกไทสีเทาสวมแว่นตาจ้องมองเอกสารในมือพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน ก่อนจะวางทุกอย่างลงแล้วถอดแว่นตาออกมาพลางใช้นิ้วมือขวากดหัวคิ้วเพื่อคลายความเมื่อยล้าจากการใช้สายตามานานพอสมควร “แต่ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะเลือกหนทางนี้”

“นายจะเลือกแบบนั้นได้จริงหรือ นายไม่กลัวว่านายจะพาคนรักต้องไปเสี่ยงตายรึไง รู้ทั้งรู้ว่าบั้นปลายชีวิตของอดีตมาเฟียไม่ได้จบลงอย่างสวยหรูแบบที่นายคิดหรอกนะรู้ไหมอเล็กซ์!” อีกฝ่ายตวาดเสียงดังลั่นห้องด้วยความเดือดดาล ซึ่งก็ไม่เท่ากับจิตใจของคนฟังที่ตอนนี้อยากจะไปตามหาคนรักใจแทบขาด แต่ก็ไม่สามารถออกไปตามหาได้เพราะตนเองยังออกจากวงการมาเฟียไปไม่ได้ดั่งใจคิด

ใช่เขารู้...

เพราะพวกเขามีชีวิตที่แตกต่างกันเกินไป…

ระหว่างมาเฟียกับคนธรรมดาที่ไม่สามารถมาบรรจบลงกันได้...


“แล้วลูกน้องของนายล่ะ นายกล้าทิ้งพวกเขาได้ลงคองั้นหรือ” เจฟฟี่ถามต่ออย่างสงสัยเพราะอีกฝ่ายมีลูกน้องอีกนับพันชีวิตที่คอยทำงานคอยปกป้องเจ้านายของตัวเองมาตั้งแต่แรกเริ่ม ซึ่งอเล็กเซย์กลับตอบคำถามนี้ไม่ได้ ได้แต่ทอดถอนหายใจก่อนจะเอนหลังพิงเก้าอี้โซฟาหนังหรูสีดำอย่างหมดเรี่ยวแรง “ฉันว่านายควรจะต้องทบทวนเรื่องนี้ดูใหม่อีกครั้งนะอเล็กซ์ แล้วฉันจะมาถามเรื่องนี้กับนายใหม่อีกที”

แล้วเพื่อนสนิทก็เดินออกจากห้องไป ในขณะที่เขาได้แต่นั่งจมกับความคิดในห้องทำงานตามลำพัง

นี่เขาควรจะทำยังไงดี...

Trr.. Trr...

อเล็กเซย์มุ่นคิ้วทันทีที่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา แต่เพราะเขาไม่อยากจะรับสายในตอนนี้ จึงได้แต่ปล่อยให้เสียงมันดังอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งดับไปเอง ทว่าเสียงโทรศัพท์กลับดังขึ้นอีกครั้งจนเขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา เพราะเดิมทีถ้าเขาไม่คิดจะรับสายโทรศัพท์แล้วล่ะก็ เลขาเรย์ก็จะเป็นผู้รับสายแทนตน แต่ครั้งนี้หาได้เป็นแบบนั้นไม่

รับสายเองก็ได้วะ!

อเล็กเซย์คิดในใจอย่างเดือดดาล ก่อนจะผุดลุกขึ้นนั่งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจ่อหูเตรียมพร้อมจะพูดกรอกสายตามลงไป กลับต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงปลายสายพูดแทรกเสียก่อน

“...”

“ตกลง ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้ล่ะ” แล้วเขาก็วางสายโทรศัพท์ลง ก่อนจะหยิบเสื้อคลุมแล้วรีบวิ่งออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว...

..........................

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (ตอนที่ 22 ตามหาดอกรักที่หายไป... (อัพ 40%) P.3 30/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 01-05-2015 11:05:44
ทุกคนกะลังไปคอนของเจย์ที่เกาหลีรึป่าว
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (ตอนที่ 22 ตามหาดอกรักที่หายไป... (อัพ 40%) P.3 30/04/58)
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 13-05-2015 22:13:14
“ขอแสดงความยินดีด้วยนะฮะกับการแสดงคอนเสิร์ตครั้งแรกของพี่เจย์”

“อืม ขอบใจนะครับน้องแบม น้องอาร์ท อ้อ แล้วก็มึงด้วยนะไอ้ออย” ผมขอบคุณทั้งสามคนที่อุตส่าห์ขึ้นเครื่องบินตรงมายังประเทศเกาหลีเพื่อชมการแสดงคอนเสิร์ตครั้งแรกของผม (โดยเฉพาะน้องอาร์ทที่เอาแต่มองผมด้วยความปลาบปลื้มเป็นพิเศษ) ซึ่งกว่าผมจะผ่านจุดนี้มาได้ก็แทบหืดขึ้นคอ เพราะไหนจะเรื่องงานไหนจะเรื่องดูแลคนป่วยอีกด้วย “ไหนๆก็มาถึงแล้ว ไปพักบ้านกูเถอะ พอดีกูพักกับพวกเพื่อนในวงนักร้องด้วยกัน จะได้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายโรงแรมยังไงล่ะ บอกไว้ก่อนนะว่าที่เกาหลีแพงโคตร”

“ก็ดีเหมือนกัน จะได้ประหยัดค่าใช้จ่าย” ออยพูดอย่างเห็นด้วยกับผม

“เอ๊ะ แบมว่าอย่าดีกว่านะฮะ เกรงใจพวกพี่ๆในทีมของพี่เจย์ด้วย”

“นั่นสิฮะพี่ออย อาร์ทเองก็เกรงใจเหมือนกัน” ทั้งแบมทั้งอาร์ทต่างพูดพร้อมกันๆ

“จะดีหรือ ถ้าพวกน้องสองคนไม่ไป จะอดเจอกับใครบางคนไม่รู้ด้วยน้า” ผมแกล้งพูดหยอก ซึ่งทำเอาน้องแบมกับน้องอาร์ทถึงกับสงสัย “และที่สำคัญเขารอที่จะได้เจอกับพวกเธอด้วย ถ้าไม่ไปพี่ก็ไม่ได้ว่าอะไร”

“ใครเหรอฮะพี่เจย์?!” ทั้งคู่ต่างอ้าปากถามพร้อมๆกันอย่างสนใจ ซึ่งผมหันไปยิ้มเจ้าเล่ห์กับไอ้ออยที่หันมายิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับผมด้วยเช่นกัน ก่อนจะหันไปตอบคำถามน้องแบมน้องอาร์ทว่า

“ไปถึงที่นั่นเดี๋ยวพวกน้องก็รู้กันเองครับ”

.........................

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (ตอนที่ 22 ตามหาดอกรักที่หายไป... (อัพ 50%) P.3 13/05/58)
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 24-05-2015 20:55:46
“ที่นี่หรือบ้านพักที่พี่เจย์มาอยู่กับพวกพี่ในวงดนตรีด้วยน่ะฮะ”

แบมถามพลางเงยหน้ามองบ้านพักที่ดูหรูหราท่ามกลางป่าเขาเขียวขจี ในขณะที่ผมกำลังสาละวนกับการช่วยพี่ออยขนกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเองลงจากรถยนต์ส่วนบุคคล ส่วนพี่เจย์นั้นก็ช่วยดึงกระเป๋าผมไปถือก่อนจะหันไปตอบแบมว่า

“ใช่ ที่นี่แหละ”

“แล้วคนที่พี่เจย์อยากจะให้พวกเราเจอล่ะฮะ?” แบมถามต่ออย่างสงสัย ซึ่งผมเองก็หันไปมองด้วยความสงสัยปนอยากรู้ด้วยเช่นกัน “เขาอยู่ที่ไหนเหรอ ผมอยากเจอไวๆแล้วล่ะ”

พี่เจย์กับพี่ออยหันมายิ้มให้กันก่อนที่พี่เจย์เป็นฝ่ายให้คำตอบ

“เขารออยู่ในสวนดอกไม้หลังบ้านน่ะ” แล้วพี่เจย์ก็ให้ป้าแม่บ้านของที่นี่นำกระเป๋าเสื้อผ้าของพวกเราไปเก็บในห้องพักสำหรับแขก ก่อนที่พี่เจย์จะเดินนำพาพวกผมเดินไปยังสวนดอกไม้ของหลังบ้านพักแห่งนี้ แต่ครั้นไปถึงกลับพบว่าไม่มีใครอยู่เลยซักนิด “เอ พี่จำได้ว่าบอกเขาให้รออยู่ที่นี่ หายไปไหนของเขานะ”

“ผมคิดว่าเขาน่าจะไปเข้าห้องน้ำอยู่น่ะฮะ” ผมพูดขึ้นบ้าง ซึ่งพี่เจย์ถึงกับส่ายหน้าทันที

“เป็นไปไม่ได้หรอก เพราะเขาน่ะ’เดินไม่ได้’ถ้าหากไม่มีคนพาไปด้วยน่ะ”

!!!!!!

“อะไรนะฮะ? เดินไม่ได้งั้นหรือ” ผมกับแบมพูดโพล่งออกมาพร้อมกันทันที

“ใช่ เดินไม่ได้น่ะ” พี่เจย์พยักหน้าตอบ “แต่ก็ไม่เชิงว่าเดินไม่ได้ เพียงแต่เขายังรอใครซักคนที่จะมาช่วยให้เดินได้ เขากำลังรอคนสำคัญของเขาอยู่ รอให้เขามารับกลับไปอยู่ด้วยกันทั้งๆที่รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยซักนิดเดียว”

พอถึงจุดนี้ผมสังเกตเห็นว่าพี่เจย์กำลังพูดด้วยน้ำเสียงเชิงตัดพ้อ

อย่าบอกนะว่าเขาที่พี่เจย์กำลังพูดถึงคือ…

“คุยอะไรกันเสียงดังอยู่เหรอครับคุณเจย์ เดี๋ยวพวกคุณปลาในบ่อน้ำก็ตื่นตกใจเอาได้หรอก” เสียงหวานคุ้นหูดังขึ้น ก่อนจะตามด้วยเสียงอะไรบางอย่างที่กำลังแล่นเข้ามา ซึ่งทำเอาพี่เจย์รีบหมุนตัววิ่งไปหาต้นเสียงทันที แน่นอนว่าพวกผมรีบหันไปมองตาม ก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง เพราะภาพที่พวกผมเห็นนั้น...

เป็นภาพพี่พีชสวมหมวกไหมพรมในชุดยูกาตะลายซากุระสีชมพูกำลังนั่งอยู่บนรถวีลแชร์!

..................................

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (ตอนที่ 22 ตามหาดอกรักที่หายไป... (อัพ 70%) P.3 24/05/58)
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 12-06-2015 22:16:36
“พี่พีช”

“ทำไมหัวพี่พีชถึง...” ทั้งอาร์ททั้งผมต่างมองพี่พีชที่นั่งอยู่บนรถวีลแชร์ด้วยความตกตะลึง โดยเฉพาะบนหัวของอีกฝ่ายที่สวมหมวกไหมพรมที่ปราศจากเส้นผม ทำเอาพวกผมถึงกับพูดอะไรไม่ออก

“นั่นคงจะเป็นน้องอาร์ทกับน้องแบมสินะใช่ไหมเอ่ย” พี่พีชเอียงคอถามผมด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“ใช่ฮะ” ผมกับอาร์ทต่างตอบพร้อมกันเป็นเสียงเดียว ก่อนที่ผมจะหันไปกระซิบถามพี่ออยเบาๆ

“พี่พีชเป็นอะไรไปเหรอฮะพี่ออย” ซึ่งคนรักของผมหันมากระซิบตอบสั้นๆว่า

“เลือดคั่งในสมองน่ะ”

!!!!!!

“แต่ผ่าเอาออกไปได้หนึ่งปีเต็มแล้ว และไอ้เจย์ก็เป็นห่วงเรื่องสุขภาพกายกับจิตของเพื่อนตัวเอง ก็เลยพาพีชมารักษาตัวที่นี่น่ะ” คำพูดของพี่ออยทำเอาผมถึงกับคลายความสงสัย “พอฟื้นมาก็จำได้เป็นบางคน บางคนก็จำไม่ได้ อย่างกรณีของเจย์จำได้บ้างเป็นบางส่วน พี่หมายถึงช่วงชีวิตที่พีชเคยอยู่กับเจย์น่ะ แต่นี่ยังดีที่เขาจำที่รักกับน้องอาร์ทได้”

“แล้วของพี่ล่ะฮะ?” ผมถามย้อนกลับไป ซึ่งพี่ออยส่ายหน้าทันที

“แล้ว...”

แล้วเรื่องของคุณอเล็กเซย์ล่ะ...พี่พีชจำเขาได้ไหม?

“ไม่รู้สิ” พี่ออยตอบทันที “เรื่องของคุณอเล็กซ์ เจย์บอกว่าพีชไม่เคยพูดถึงเขาเลยซักนิด”

แบบนี้คุณอเล็กเซย์ก็น่าสงสารแย่...

ที่ต้องถูกคนรักลืมอีกครั้ง...


“ยืนคุยอะไรกันอยู่เหรอครับทั้งสองคน” เสียงพี่พีชดังขึ้น ทำเอาผมกับพี่ออยหันไปยิ้มให้กับคนถามทันที “นี่เพิ่งจะมาจากประเทศไทย คงยังปรับตัวกับอากาศที่เกาหลีไม่ได้สินะ ถ้ายังไงก็เข้าไปนั่งข้างในบ้านก่อนดีไหม จะได้ดื่มชาร้อนๆให้สบายตัว”

“อืมก็ดี” แล้วพี่เจย์ก็จูงรถวีลแชร์พาพี่พีชเข้าไปยังข้างในบ้านโดยมีพวกผมเดินตามหลัง

...................

 :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (ตอนที่ 22 ตามหาดอกรักที่หายไป... (อัพ 90%) P.3 12/06/58)
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 24-06-2015 00:29:20
ตกเย็นผมไม่คิดว่าคนที่นี่จะให้การต้อนรับเป็นอย่างดี มีการจัดงานปาร์ตี้ในบ้านต้อนรับแขกที่มาเยือนอีกด้วย ถึงแม้จะเป็นปาร์ตี้เล็กๆมีเพียงไม่กี่คน แต่ผมกลับรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ครั้นหันไปมองพี่พีชที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้แล้ว ก็เห็นอีกฝ่ายพูดคุยยิ้มหัวเราะร่าเริงอย่างมีความสุข

แล้วจิตใจข้างในของพี่พีชล่ะ…

จะยังมีคุณอเล็กเซย์อยู่อีกหรือเปล่า?


วันนี้ผมกะว่าจะลองเลียบเคียงถามดู แต่กลับพบสายตาของพี่เจย์ที่จ้องมองมาดุๆราวกับรู้ทันเกมผมก็มิปาน แถมนอกจากนี้พี่เจย์กลับไม่ยอมปล่อยให้พี่พีชอยู่ตามลำพังอีกด้วย

หรือว่าพี่เจย์กลัวว่าคุณอเล็กซ์จะมาเอาตัวพี่พีชกลับคืนไป...

คิดได้ดังนั้นผมก็รู้สึกเหมือนมีมีดมาแทงที่ขั้วหัวใจจนเจ็บช้ำเหมือนตายทั้งเป็น ครั้นมองพี่เจย์ที่พูดคุยกับพี่พีชอย่างมีความสุขแล้ว ทำเอาหัวใจผมยิ่งเจ็บปวดรวดร้าวมากขึ้นไปกว่าเดิมอีก

ทนไม่ไหวแล้ว...

หมับ!

ผมสะดุ้งตกใจเมื่อมีมือมาจับ พอหันไปดูก็พบกับสายตาของแบมที่จ้องมองมาอย่างเป็นห่วงเป็นใย

“ถ้าทนไม่ไหวก็กลับห้องได้นะ เดี๋ยวแบมกลับด้วย” แบมพูดกระซิบข้างหูผม ซึ่งผมรีบส่ายหน้าไปมาทันที “ทำไมล่ะอาร์ท นายจะทนมองอีกไปทำไมกัน”

“เปล่าไม่ใช่แบบนั้น ฉัน...”

“น้องอาร์ทน้องแบม” เสียงหวานเรียกชื่อ ทำเอาผมกับแบมสะดุ้งตกใจพร้อมกัน ก่อนจะหันไปมองต้นเสียง ซึ่งแลเห็นอีกฝ่ายกำลังฉีกยิ้มหวานให้กับพวกผมอยู่พอดี “ถ้าหิวก็บอกได้นะ จะได้ให้คุณเจย์ไปตักเพิ่มมาให้”

รอยยิ้มของพี่พีชในตอนนี้ช่างดูบริสุทธิ์ไร้เดียงสาประดุจเด็กทารกแรกเกิด ทำเอาผมถึงกับรู้สึกผิดที่ดันไปอิจฉาพี่พีชโดยที่อีกฝ่ายไม่ได้รับรู้เรื่องนี้ด้วยเลยแม้แต่น้อย

ขอโทษนะครับพี่พีช

“ไม่ล่ะครับพี่พีช พอดีผมอิ่มแล้ว” ผมยิ้มตอบกลับไป ก่อนจะพูดต่อทันที “ถ้าพี่พีชไม่ว่าอะไร ผมขอตัวกลับไปที่ห้องพักก่อนได้ไหมฮะ พอดีรู้สึกเพลียๆชอบกล”

คำพูดของผมทำให้พี่พีชถึงกับทำหน้าตื่นตระหนกตกใจ

“เพลียหรือ? ไม่สบายแน่เลย คุณเจย์รีบพาน้องอาร์ทไปพักผ่อนที่ห้องเร็ว หรือไม่ก็พาคุณหมอ...”

“ใจเย็นๆครับลูกพีช ค่อยๆพูดก็ได้ เดี๋ยวข้าวติดคอหรอก” พี่เจย์พูดห้ามปรามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ซึ่งผิดกับผมที่พี่เจย์ไม่เคยพูดแบบนั้นกับผมเลยซักครั้งเดียว

“แต่น้องอาร์ท...”

“ไม่เป็นไรฮะพี่พีช ผมสบายดี ขอบคุณที่เป็นห่วง” ผมรีบบอกออกไปเพราะกลัวอีกฝ่ายจะเป็นห่วงผมไปมากกว่านี้ และที่สำคัญผมไม่อยากให้พี่เจย์ต้องหันมาดุผมต่อหน้าทุกคนอีกด้วย “แค่อ่อนเพลียจากการเดินทาง เอ่อ เจ็ทแลคน่ะฮะ ถ้ายังไงผมขอตัวไปนอนพักก่อนนะครับพี่พีช”

พูดจบผมก็รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อนจะก้มหน้าขอโทษทุกคน แล้วรีบชิ่งเดินออกไปจากที่นี่ทันที

ไม่ไหวเลยเรา...

แย่มากๆ...

แย่ๆ...


โครม!

อาจเป็นเพราะผมรีบวิ่งออกมาอย่างไม่ดูม้าตาเรือ จึงทำให้ชนกับอะไรบางอย่างจนหงายท้องก้นกระแทกกับพื้นอย่างรุนแรง แน่นอนว่าผมเจ็บปวดจุกจนลุกไม่ขึ้น ได้แต่ร้องโอดครวญอยู่อย่างนั้น

“ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับน้องอาร์ท” เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้น ก่อนจะตามด้วยมือหนาที่ดูคุ้นตา พอผมเงยหน้าขึ้นเพื่อมองดูอีกฝ่ายแล้ว กลับถึงกับเบิกตากว้างอ้าปากค้างทันทีที่เห็น

“คุณอเล็กเซย์!”

....................

 :m4: :m4: :m4: :m1: :m1: :m3: :m3: :m3: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (ตอนที่ 22 ตามหาดอกรักที่หายไป... (อัพ 100%) P.3 24/06/58)
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 25-06-2015 07:20:10
 :mew1:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (ตอนที่ 22 ตามหาดอกรักที่หายไป... (อัพ 100%) P.3 24/06/58)
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 30-06-2015 21:22:37
ตอนที่ 23 แต่งงานกับผมเถอะ...

..........................

“คุณอเล็กเซย์!”

น้องอาร์ทร้องเรียกเขาด้วยความตกตะลึง เพราะคงไม่คิดว่าเขาจะมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้ แน่นอนว่าเสียงของน้องอาร์ททำให้คนในบ้านต่างวิ่งออกมาดู ซึ่งคนแรกที่วิ่งมาก่อนคือน้องแบม ตามด้วยออย และพวกเพื่อนที่เป็นนักดนตรีร่วมวงกับคุณเจย์อีกสองคน ก่อนตามมาด้วยคนที่เขาแสนคิดถึงกำลังนั่งรถวีร์แชร์ถูกเข็นออกมาในสภาพชุดยูกาตะสวมหมวกไหมพรมสีชมพูที่เขาเห็นแล้วรู้สึกใจหายอยากจะเข้าไปกอดร่างบางเสียเดี๋ยวนั้นแต่ทำไม่ได้เพราะมีเจย์ยืนคุมอยู่

“คุณมาได้ยังไงครับคุณอเล็กเซย์ ไหนว่า...” ออยเอ่ยปากถามก่อนเป็นคนแรก ก่อนจะช่วยดึงน้องอาร์ทให้ลุกขึ้นยืนดีๆ ซึ่งเขาหันไปยิ้มให้กับคนถามก่อนจะตอบกลับไปว่า

“เรื่องมันยาว ผมว่าไปคุยกันในห้องดีกว่า ถ้าไม่รบกวนเวลาพักผ่อนพวกคุณ”

“ไม่รบกวนหรอก จะเข้ามาก็เข้ามาสิ” เจย์บอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงไปด้วยความเย็นชา ก่อนที่เจ้าตัวจะหันไปพูดคุยกับเพื่อนในวงสองสามคำ “กูขอโทษพวกมึงด้วยนะ ไว้คราวหน้าจะเลี้ยงอีกที”

“ไม่เป็นไร เชิญมึงคุยกับเพื่อนๆที่ไทยเถอะ เดี๋ยวพวกกูจัดการเรื่องอาหารบนโต๊ะให้เอง”

“อืม ขอโทษนะที่ไม่ได้อยู่ช่วยเก็บจานน่ะ”

“ไม่เป็นไร แค่นี้เอง” แล้วพวกเพื่อนในวงของคุณเจย์เดินกลับเข้าไปในห้องครัว ซึ่งเหลือแต่พวกเขาที่ยังคงยืนอยู่ข้างนอก อเล็กเซย์มองลูกพีชด้วยความโหยหา หากแต่อีกฝ่ายกลับจ้องมองเขาด้วยสีหน้าที่ยากเกินจะคาดเดา

ทำไมลูกพีชไม่พูดอะไรบ้างเลยล่ะ?

“ที่นี่มันเย็น ไม่เหมาะกับคนป่วยอย่างลูกพีช ผมว่าเราไปหาที่คุยกันดีๆเถอะ เพราะดูท่าคงอีกยาวเลย” เจย์พูดออกมาอย่างขัดจังหวะ ซึ่งทุกคนเห็นด้วยจึงเดินตามเจย์ที่เข็นลูกพีชที่นั่งอยู่บนรถวีร์แชร์ไปอย่างเงียบๆ

..................................

 :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (ตอนที่ 23 แต่งงานกับผมเถอะ... (อัพ 20%) P.3 30/06/58)
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 07-07-2015 21:16:48
“พอดีบ้านมันแคบ คุยกันที่นี่ไปก่อนแล้วกัน”

“ไม่เป็นไรครับ ผมยังไงก็ได้” แล้วทุกคนก็พากันเงียบ เอาแต่จ้องหน้ากันไปจ้องหน้ากันมา จนไอ้ออยกับน้องแบมเป็นฝ่ายลุกขึ้นยืนก่อน

“ผมว่าผมกับแบมออกไปก่อนดีกว่า”

“นั่นสิครับ ผมเองก็ขอไปด้วยคน” น้องอาร์ทลุกขึ้นตาม “พอดีผมอยากจะเข้าห้องน้ำด้วย”

“งั้นก็ไปกับแบมแล้วกัน แบมอยากเข้าห้องน้ำพอดี” แล้วทั้งสามคนก็เดินออกไปอย่างเงียบๆ ทิ้งให้ผม ลูกพีช และอเล็กเซย์นั่งอยู่ในห้อง ซึ่งผมเห็นลูกพีชจ้องหน้าอเล็กเซย์ด้วยสีหน้าที่เกินจะคาดเดา

ลูกพีชคิดอะไรของเขาอยู่น่ะ?

“ได้ข่าวว่าคุณกำลังจะถอนตัวออกจากวงการมาเฟียใช่ไหมครับคุณอเล็กเซย์” ผมไม่ชอบความเงียบจึงพูดเปิดประเด็นแบบตรงๆ ซึ่งคำถามของผมกลับทำให้ร่างบางที่นั่งอยู่ถึงกับสะดุ้งไหวเล็กน้อย ในขณะเดียวกันอเล็กเซย์เหมือนจะเห็นความผิดปกติของลูกพีชได้จึงหันมาตอบผมว่า

“ใช่ครับคุณเจย์ แต่...”

“แต่?”

“แต่ผมไม่ได้ถอนตัวออกจากวงการมาเฟียครับคุณเจย์”

“หมายความว่ายังไงครับคุณอเล็กเซย์ ผมไม่เข้าใจ” ผมถามย้อนกลับไปด้วยความฉงน ในข่าวบอกว่าจะถอนตัวออกจากวงการมาเฟียแต่เจ้าตัวกลับบอกว่าไม่ได้ถอนตัว ซึ่งอีกฝ่ายกระแอมไอก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดว่า

“ก็เพราะเรื่องนี้แหละที่ทำให้ผมถึงต้องดั้นด้นมาพูดเคลียร์ให้ลูกพีชฟังโดยเฉพาะ แต่...” อีกฝ่ายพูดพลางเหลือบตามองลูกพีชที่นั่งอยู่ข้างกายผม ก่อนจะวกสายตากลับมามองผมอีกครั้ง “...ลูกพีชดันเป็นแบบนี้ไปเสียก่อน ผมไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไงดี เพราะตั้งแต่ผมมาที่นี่ เขายังไม่ยอมพูดกับผมเลยซักครั้ง”

ผมฟังแล้วรู้สึกสงสารแทนอเล็กเซย์ เพราะที่อีกฝ่ายพูดมาเป็นความจริง

“แล้วคุณรู้หรือเปล่าว่าลูกพีชได้รับการผ่าตัดน่ะ”

“ครับ ผมรู้” อีกฝ่ายพยักหน้าตอบ เพราะไม่ใช่เป็นเรื่องยากอะไรที่หัวหน้าเจ้าพ่อมาเฟียอย่างอเล็กเซย์จะตามสืบหาใครซักคนบนโลกแห่งนี้ “แต่ผมมาหาลูกพีชไม่ได้ คุณเจย์ก็น่าจะรู้ดี”

ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับที่อเล็กเซย์พูด เพราะคนธรรมดาอย่างลูกพีชกับมาเฟียอย่างอเล็กเซย์นั้นจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไม่ได้ แถมลูกพีชเองก็ทนไม่ได้ที่อเล็กเซย์จะเลิกเป็นมาเฟียเพราะตัวเอง จึงแอบหนีออกมาอย่างที่เห็น ซึ่งการหนีของลูกพีชก็เท่ากับเป็นการบอกเลิกกับอเล็กเซย์ไปโดยปริยาย

“แล้วที่คุณมานี่มีจุดประสงค์อะไรอีก” ผมถามต่อด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด เพราะถ้าหากอีกฝ่ายเล่นไม้แข็ง คิดพาลูกพีชกลับไปอยู่ด้วยทั้งๆที่เจ้าตัวไม่ยอมแล้วล่ะก็ ผมคนนี้แหละที่จะคอยปกป้องไม่ให้คนที่ผมรักต้องกลับไปทุกข์ทรมานเหมือนตกนรกทั้งเป็นแน่ “ถ้าคิดจะพาลูกพีชไปด้วยแล้วล่ะก็ เชิญข้ามศพผมไปก่อนเถอะ”

“คุณเจย์!” ดูเหมือนลูกพีชตกใจกับคำพูดของผมมาก จึงได้ร้องอุทานชื่อผมออกมา

“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ผมพาเขากลับไปแน่” อีกฝ่ายพูดท้าทายผมกลับ “แต่เป็นหลังจากที่ผมได้อธิบายทุกอย่างให้ฟังหมดก่อน ส่วนคุณเจย์ คุณเองก็ไม่ต้องมาตายเพราะผมด้วย”

?!

“หมายความว่ายังไง?” ผมถามย้อนกลับไปด้วยความฉงน ซึ่งอีกฝ่ายไม่ตอบกลับฉีกยิ้มมุมปากพลางล้วงมือถือกดโทรหาใครบางคนด้วยภาษาที่ผมไม่รู้จัก ก่อนจะกดวางสายแล้วเงยหน้ามองผมสลับกับลูกพีช

“กรุณารอซักครู่ แล้วผมจะเล่าทุกอย่างให้ฟังเอง”

..............................

 :hao4: :hao4: :hao4: :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (ตอนที่ 23 แต่งงานกับผมเถอะ... (อัพ 30%) P.3 07/07/58)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 07-07-2015 22:05:09
ต่อๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (ตอนที่ 23 แต่งงานกับผมเถอะ... (อัพ 30%) P.3 07/07/58)
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 18-07-2015 21:44:59
“กรุณารอซักครู่ แล้วผมจะเล่าทุกอย่างให้ฟังเอง”

เสียงทุ้มบอกกล่าวก่อนจะนั่งเงียบไป ซึ่งผมบอกตามตรงว่าตัวเองรู้สึกคุ้นกับผู้ชายคนนี้อย่างบอกไม่ถูก แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุอันใด พอผมเห็นหน้าเขาแล้วรู้สึกได้อยู่สองอย่าง คือรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวราวกับถูกบีบคั้นหัวใจจนอยากจะหนีหน้าไปให้ไกล กับอีกความรู้สึกหนึ่งคือ รู้สึกดีใจจนอยากจะเข้าไปกอดร่างหนาใจจะขาดรอนๆ

อย่าบอกนะว่าเขาเป็น...

คนรักของผม...


แต่จะเป็นไปได้ยังไงก็ในเมื่อเขาเป็นผู้ชาย และผมเองก็เป็นผู้ชายด้วยเช่นกัน มันคงยากที่จะมารักกันได้ ซึ่งสังคมไทยแม้ตอนนี้จะยอมรับเรื่องพวกรักร่วมเพศแล้วก็ตาม แต่บางกลุ่มก็ยังรับไม่ได้ก็มี ผมไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าหากผมกับเขาเป็นคนรักกันจริง คุณพ่อคุณแม่ของคุณเจย์และตัวคุณเจย์เองจะยอมรับเรื่องพวกนี้ได้หรือไม่

หมับ!

แรงบีบที่มือทำเอาผมชะงักความคิด ก่อนจะรู้ว่าคนบีบมือผมนั้นคือคุณเจย์ ซึ่งผมไม่รู้ว่าเขาบีบมือผมทำไม รู้แต่เพียงว่ามันเจ็บมากอยู่พอสมควร ครั้นพอหันไปมองคุณเจย์ ผมถึงกับชะงักเมื่อเห็นสีหน้าอันเจ็บปวดของเจ้าตัวอย่างเห็นได้ชัด

คุณเจย์เป็นอะไร...ไป?

ครั้นพอผมหันหน้าไปมองอีกฝ่ายที่นั่งอยู่ตรงข้ามพวกเรา ก็พบสีหน้าอันโกรธเคืองเล็กๆไม่ใช่น้อย

เขาโกรธอะไรผมน่ะ?

ผมกำลังจะอ้าปากถามกลับไป แต่กลับต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของคนหลายคนเดินเข้ามา ก่อนที่ผมจะได้เห็นพี่ออยเดินเข้ามาด้วยสีหน้าซีดเซียว แต่ผมยังไม่ได้ทันถามอีก กลับต้องอ้าปากค้าง ตาเบิกกว้างมองผู้มาใหม่ด้วยความตกตะลึง

นะ...นะ...นี่มัน?!

“ขอโทษที่ให้คอยนาน พอดีมัวแต่หลงทางน่ะ” เสียงทุ้มผู้มาใหม่กล่าวขอโทษขอโพยก่อนจะถือวิสาสะเดินเข้ามาในห้องนี้แล้วนั่งลงบนเก้าอี้โซฟาข้างคนที่ชื่ออเล็กเซย์อะไรนั่น ในขณะที่พี่ออยมองทั้งคู่ตาค้างราวกับเห็นผี “ขอบคุณที่พามาห้องนี้ ถ้าจะนั่งฟังด้วยก็ไม่ว่าอะไรนะคุณออย”

ไม่เพียงถือวิสาสะนั่งลงบนเก้าอี้โซฟาโดยไม่ขออนุญาตเจ้าของบ้านแล้ว อีกฝ่ายยังพูดเชิญชวนพี่ออยให้ร่วมมานั่งฟังด้วยอีกคนราวกับตัวเองเป็นเจ้าของบ้านก็มิปาน

“ไม่ล่ะ ผมไม่อยากฟัง เชิญพวกคุณคุยกันตามสบาย” แล้วพี่ออยก็เดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ห้องจะกลับเข้าสู่บรรยากาศเงียบสงบอีกครั้ง

“เอ่อ...” ผมกำลังจะอ้าปากถามอะไรบางอย่างแต่กลับถูกคุณเจย์ถามขึ้นแทรกเสียก่อน

“ผมไม่ยักรู้มาก่อนว่าคุณอเล็กเซย์จะมีพี่น้องฝาแฝดด้วยน่ะ”

........................

 :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (ตอนที่ 23 แต่งงานกับผมเถอะ... (อัพ 50%) P.3 18/07/58)
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 19-07-2015 21:41:01
“ผมไม่ยักรู้มาก่อนว่าคุณอเล็กเซย์จะมีพี่น้องฝาแฝดด้วยน่ะ”

คำถามของเจย์ทำเอาเขานิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะหันไปมองผู้ชายที่มีใบหน้าเหมือนกับตนเองนั่งอยู่ข้างกาย ซึ่งอีกฝ่ายก็หันมามองเขาอยู่ด้วยเช่นกัน

“ใช่ ผมมีพี่น้องฝาแฝด” อเล็กเซย์หันหน้ากลับไปตอบเจย์ ก่อนจะเหลือบมองร่างบางที่ไม่มีท่าทีอะไรเกิดขึ้นนอกเสียจากทำหน้าประหลาดใจที่ได้เห็นฝาแฝดตรงหน้าตัวเอง “อลัน เป็นฝาแฝดคนพี่ของผมเอง เรื่องฝาแฝดผมไม่เคยรู้มาก่อนว่ามี เขาเพิ่งจะมาปรากฏตัวได้ไม่กี่วันนี้เอง”

“หมายความว่า?”

“หมายความว่าฉันเพิ่งจะโผล่ออกมาจากที่มืดยังไงล่ะ” อลันหันไปตอบเจย์ด้วยสีหน้าดูเชิง “เรื่องตระกูลมาเฟียอย่างพวกเราจะมีหัวหน้าได้เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น และฉันเลือกที่จะอยู่มุมมืดไม่เปิดเผยโฉมออกมาให้ใครได้รับรู้ แม้กระทั่งฝาแฝดของตัวเองก็ตามที ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่อเล็กซ์จะไม่รู้เรื่องนี้”

“แล้วพ่อแม่ของคุณไม่เคยบอกบ้างเลยหรือคุณอเล็กเซย์” เจย์หันมาถามเขา แต่ยังไม่ทันได้ตอบคำถามกลับไป อลันก็แย่งชิงตอบไปเสียก่อน

“เพื่อความปลอดภัยของตระกูล จะไม่มีการบอกใดๆทั้งสิ้น”

“แล้วทำไมคุณถึงยอมอยู่ในเงามืดแทนที่จะอยู่ในที่แสงสว่าง”

“เพราะฉันเต็มใจที่จะอยู่ในเงามืดยังไงล่ะ” อลันยกขาขึ้นไขว่ห้างกอดอกยิ้มตอบกลับไป “จนกระทั่งมาถึงปีนี้ฉันทนดูไม่ได้ที่เห็นน้องชายตัวเองทำงานเป็นบ้าเป็นหลัง และพยายามจะหาทางถอนตัวเองออกจากวงการมาเฟียเพียงเพื่อคนรักที่เป็นผู้ชายที่มีใบหน้าเหมือนตุ๊ดเหมือนแต๋ว จึงยอมออกมา...”

“ใครตุ๊ดใครแต๋วฮะไอ้นี่!” เจย์ทำท่าจะเข้ามาชกต่อยกับอลัน ซึ่งทำให้เขารีบลุกขึ้นห้ามทันที

“อย่าทะเลาะกัน พี่เองก็พอทีเถอะ จะพูดล้อเล่นก็ล้อเล่นให้มันพอเหมาะพอควรได้ไหม”

“หึ พอก็พอ” อลันแค่นเสียงหัวเราะเบาๆอย่างพออกพอใจ แต่ในขณะเดียวกันเจย์กับลูกพีชได้แต่ทำหน้าเอ๋อจนงงไปหมดแล้ว “เรื่องเมื่อครู่นี้ฉันล้อเล่นน่ะ ไม่มีหรอกไอ้ที่ตระกูลมาเฟียจะมีหัวหน้าได้เพียงแค่คนเดียว ส่วนเรื่องที่ฉันไม่เคยโผล่หัวออกมานั้นเป็นเรื่องจริง เพราะนับตั้งแต่ฉันกับอเล็กซ์ลืมตาดูโลก พวกเราสองคนก็ถูกจับแยกให้ออกห่างจากกัน โดยที่อเล็กซ์ถูกให้ทำงานอยู่เบื้องหน้า ในขณะที่ฉันถูกให้ทำงานอยู่เบื้องหลัง ซึ่งกว่าที่ฉันจะได้รับรู้ว่าตัวเองมีน้องชายฝาแฝด ก็เมื่อตอนที่ฉันถูกพ่อตัวเองสั่งให้ดูแลอเล็กซ์อย่างลับๆโดยไม่ให้เจ้าตัวได้รับรู้รับทราบน่ะ”

“เหรอ แล้วมันเกี่ยวอะไรที่คุณมาด่ามาว่าลูกพีชด้วยล่ะ”

“เกี่ยวสิ ก็ในเมื่อที่ฉันพูดมันเป็นความจริง” อลันหรี่ตาลงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ซึ่งผิดกับใบหน้ายิ้มแย้มเมื่อครู่นี้ลิบลับ “ลูกพีชของเธอทำให้น้องชายฉันเริ่มไขว้เขว ทำงานทำการไม่เป็นผู้เป็นคนประดุจหุ่นยนต์ที่ถูกชักใยไม่มีวันหยุด แถมยังมีความคิดที่จะทรยศลูกน้องตัวเองด้วยการลาออกจากวงการมาเฟียเพียงเพื่อไปหาคนรักที่เป็นคนธรรมดาอีก พูดแบบนี้แล้วเธอยังคิดว่ามันไม่เกี่ยวได้ด้วยหรอกหรือ”

“กร็อด!” เสียงคุณเจย์กัดฟันกรอดด้วยความโมโห ไม่แปลกที่จะโกรธหรอก เพราะมันเป็นความจริงทุกอย่าง หนึ่งปีมานี้เขาแทบจะเป็นหุ่นยนต์เลยก็ว่าได้   

“เพราะด้วยเหตุนี้ฉันถึงได้ก้าวเท้ายอมออกมาจากเบื้องหลัง และเข้ามาทำงานแทนที่ในส่วนของอเล็กเซย์ที่ไม่สามารถทำต่อไปได้อีก” อลันพูดต่อทันที ซึ่งทำเอาเจย์ที่กำลังกัดฟันโมโหพี่ชายของเขาอยู่นั้นถึงกับหยุดชะงักมองอลันด้วยความแปลกใจ

“ว่ายังไงนะ?”

“พูดง่ายๆภาษาชาวบ้านก็คือ ฉันจะเข้ามาทำงานเป็นหัวหน้ามาเฟียแทนน้องชายยังไงล่ะ”

.................................

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (ตอนที่ 23 แต่งงานกับผมเถอะ...1 (อัพ 100%) P.3 19/07/58)
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 21-07-2015 22:44:41
ตอนที่ 24 แต่งงานกับผมเถอะ...2

............................................................

“พูดง่ายๆภาษาชาวบ้านก็คือ ฉันจะเข้ามาทำงานเป็นหัวหน้ามาเฟียแทนน้องชายยังไงล่ะ”

“มะ...มะ...มาเฟีย?!” ผมร้องอุทานเสียงหลงทันทีที่อีกฝ่ายพูดจบ ซึ่งทำเอาทุกคนหันมามองผมพร้อมกัน โดยเฉพาะผู้ชายที่ชื่ออเล็กเซย์หันมามองผมด้วยสายตาเจ็บปวดรวดร้าวชนิดที่ผมเห็นแล้วรู้สึกเจ็บปวดที่หัวใจอย่างบอกไม่ถูก “คุณอลันกับคุณอเล็กเซย์เป็น...”

“มาเฟีย ใช่ ผมกับพี่ชายเป็นมาเฟียครับลูกพีช” คุณอเล็กเซย์พูดตอบคำถามผมด้วยน้ำเสียงเชิงตัดพ้อ “ถ้าลูกพีชรังเกียจพวกเรา แค่บอกมาคำเดียว ผมกับพี่ชายก็พร้อมจะจากคุณไปเลยทันที และจะไม่กลับมาให้คุณเห็นหน้าอีกด้วย”

!!!!!!

“ใจเย็นๆสิอเล็กซ์ ฉันรู้ว่านายกำลังเจ็บปวดอยู่ แต่นายอย่าลืมสิว่าคนรักของนายผ่าตัดเนื้องอกมา จึงไม่แปลกที่เขาจะจำนายไม่ได้”

คนรัก?

ผมเนี่ยนะ?!


“ผมรู้ ผมก็แค่สงสัยบางอย่างว่าทำไมทีคุณเจย์ลูกพีชกลับจำได้ แต่...” ร่างหนาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “...ทีกับผมเขากลับจำไม่ได้”

!!!!!!

ผมแทบสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นน้ำตาของอีกฝ่ายไหลรินอาบแก้ม ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ที่มาเฟียอย่างเขาจะร้องไห้ออกมา แต่ที่น่าแปลกยิ่งกว่านั้นก็คือผมกลับรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวที่หัวใจเมื่อเห็นน้ำตาของเขา

ทำไมถึง...

รู้สึกเจ็บมากขนาดนี้...


“ลูกพีช!” ผมสะดุ้งตกใจเมื่อจู่ๆคุณอเล็กเซย์ก็พูดเรียกชื่อผมออกมาเสียดื้อๆ “น้ำตา...คุณร้องไห้”

เป็นคราวผมบ้างที่ต้องตกใจ ก่อนจะยกมือขึ้นสัมผัสน้ำตาที่ไหลรินอาบแก้มตัวเอง

จริงๆด้วย...

ผมกำลังร้องไห้...


“ฉันว่าปล่อยให้พวกเขาสองคนคุยกันตามลำพังหน่อยดีไหม” เสียงของคุณอลันพูด ซึ่งผมไม่สามารถเห็นหน้าเขาได้เพราะถูกบดบังด้วยน้ำตาของตัวเอง

“ขอปฏิเสธ” เสียงคุณเจย์ตอบกลับมาอย่างห้วนๆทันที “ถ้าอยากจะคุยก็ให้พูดออกมาตอนนี้เลย เพราะผมกับลูกพีชไม่เคยมีความลับกันและกัน”

“แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างของคนสองคน คนนอกอย่างคุณไม่เกี่ยว”

“ผมไม่ใช่คน...” คุณเจย์หยุดพูดเพราะถูกผมสะกิดห้ามเอาไว้

“ลูกพีชอยากคุยกับคุณอเล็กเซย์...” ผมพูดไปเช็ดน้ำตาไปพลาง “...สองต่อสอง ขอโทษนะฮะที่ลูกพีชเอาแต่ใจ แต่ลูกพีชอยากรู้เรื่องทั้งหมดว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

“ลูกพีช” คุณเจย์พูดด้วยน้ำเสียงเชิงตัดพ้อ ซึ่งผมไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะอะไร ก่อนที่อีกฝ่ายจะทอดถอนลมหายใจเฮือกแรงๆ “ก็ได้ เจย์จะปล่อยให้ลูกพีชคุยกับเขากันแค่สองคน แต่ถ้าลูกพีชรู้สึกไม่ดี ก็ให้รีบตะโกนเรียกเจย์ได้เลยนะ แล้วเจย์จะรีบเข้ามาช่วย ตกลงไหม”

“ตกลงครับ” ผมพยักหน้าตอบ ก่อนที่คุณเจย์จะลุกขึ้นยืนพร้อมๆกับคุณอลันที่ลุกขึ้นยืนตาม

“ผมจะให้เวลาคุณแค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้นนะคุณอเล็กเซย์ แค่หนึ่งชั่วโมง เพราะลูกพีชต้องกลับไปนอนพักผ่อนแล้ว” คุณเจย์หันไปพูดกับร่างหนา ซึ่งอีกฝ่ายพยักหน้าตอบตกลง

“โอเคครับ แค่หนึ่งชั่วโมง”

...........................

สู้ๆนะคะคุณอเล็กเซย์  :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (ตอนที่ 24 แต่งงานกับผมเถอะ...2 (อัพ 20%) P.3 21/07/58)
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 22-07-2015 19:27:23
เกือบห้านาที ที่เขาเอาแต่จ้องหน้าร่างบางเพียงอย่างเดียว ในขณะที่อีกฝ่ายหลบหน้าหลบตาเขาทั้งๆที่เมื่อครู่นี้ปากบอกกับเจย์ว่าจะถามอะไรเขาซักอย่าง แต่ก็ไม่ยอมถามเสียที เอาแต่นั่งก้มหน้าก้มตาเพียงอย่างเดียว แต่ถึงแม้ลูกพีชจะก้มหน้าก้มตาหลบเขาด้วยความกลัว เขาก็ได้เห็นดวงตากลมสวยบอบช้ำด้วยน้ำตาที่ยังคงไหลรินอย่างเงียบๆ พอคิดได้ดังนั้นเขาจึงหยิบผ้าเช็ดหน้าก่อนจะโยกตัวไปเช็ดน้ำตาให้เบาๆอย่างทะนุถนอม

“คะ...คุณอเล็กเซย์?!” ลูกพีชร้องอุทานด้วยความตกใจเมื่อรับรู้ว่าเขากำลังเช็ดน้ำตาให้

“ผมขอโทษที่มาหาคุณช้าไป” เขาบอกพลางหยุดมือ ก่อนจะถือวิสาสะจับมือบางทั้งสองข้างขึ้นมาจุมพิตเบาๆ “ตอนนั้นผมไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไปดี มันมืดแปดด้านไปหมด นับตั้งแต่ผมทราบข่าวว่าคุณเข้าผ่าตัดเนื้องอกในสมอง ผมก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ อยากจะไปดูคุณถึงที่โรงพยาบาลแต่ก็ทำไม่ได้ ผมกลัวเหลือเกิน กลัวว่าพอไปแล้วจะเห็นคุณหลับไม่ตื่นขึ้นมา...อีกเลย”

“คุณอเล็กเซย์” ร่างบางเรียกชื่อเขาอย่างแผ่วเบา

“ต้องขอบคุณสวรรค์ที่ทำให้คุณกลับมาหาผมอีกครั้ง” เขาพูดพลางจุมพิตที่หลังมือบอบบางอีกครั้ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองลูกพีชที่หน้าขึ้นสีด้วยความเขินอาย “คราวนี้ผมจะไม่ปล่อยคุณไปจากผมได้อีกแน่ เพราะผมได้พี่ชายมาช่วยงานที่บริษัทแล้ว ดังนั้น...”

“ดังนั้น?” เจ้าตัวเลิกคิ้วสูงถามด้วยความสงสัย แต่อเล็กเซย์ไม่ตอบคำถามเดี๋ยวนั้น กลับลุกขึ้นยืนแล้วเดินอ้อมไปหาลูกพีชที่นั่งอยู่บนรถวีร์แชร์ ก่อนจะย่อขาลงในท่าอัศวินรับดาบ แล้วจึงค่อยหยิบของบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง ซึ่งเผยให้เห็นกล่องหนังสีแดงเลือดหมูอย่างดี เขาไม่รอให้ลูกพีชได้ถามไถ่ จึงรีบเปิดกล่องนั้นออกอ้า แลเห็นแหวนเพชรขนาดเล็กกะทัดรัดรูปหัวใจสีน้ำเงิน

“แต่งงานกับผมเถอะนะครับลูกพีช” พอเขาพูดจบ ร่างบางถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง “ผมจะพาคุณไปใช้ชีวิตในที่คุณต้องการ ชีวิตที่มีแต่ความสงบ เป็นคนธรรมดาที่ไม่ใช่มาเฟีย ผมให้สัญญา”

“ตะ...แต่ลูกพีชไม่รู้จักคุณ ไม่สิ ลูกพีชจำคุณไม่ได้เลยซักนิดเดียว ขอโทษนะ ลูกพีชคงรับคำขอแต่งงานจากคุณไม่ได้ คุณอเล็กเซย์” ลูกพีชบอกปฏิเสธ ซึ่งอเล็กเซย์รู้อยู่แล้วว่าเจ้าตัวต้องพูดออกมาแบบนี้ จึงหยิบของอีกชิ้นที่ตั้งใจเอามาให้โดยเฉพาะ ครั้นพอหยิบออกมาให้คนรักดูแล้ว อีกฝ่ายถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงทันทีที่เห็นมัน “นะ...นะ...นี่มัน”

อเล็กเซย์ยิ้มมุมปากพลางก้มมองของในมือ ซึ่งมันเป็นช่อดอกไม้สีฟ้าห้าแฉกขนาดจิ๋ว ครั้นพอเขาเงยหน้ากลับขึ้นไปมองคนรักเพื่อบอกชื่อดอกไม้ที่เขาตั้งใจมอบให้

“ดอกฟอร์เก็ตมีนอท ดอกไม้ที่ลูกพีชชอบยังไง...อ๊ะ ลูกพีชระวัง!!”

โครม!

...............................

 :m17: :m17: :m17: :m17: :m17: :m17: :m17:


[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (ตอนที่ 24 แต่งงานกับผมเถอะ...2 (อัพ 50%) P.3 22/07/58)
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 01-08-2015 21:37:24
พีช...

ลูกพีช...


ผมมุ่นคิ้วกับเสียงที่ได้ยิน ก่อนจะลืมตาขึ้นมาอย่างเชื่องช้า แลเห็นสองร่างคุ้นตาที่จากไปด้วยอุบัติเหตุตามคำบอกเล่าของคุณเจย์ ทั้งคู่ยืนกุมมือส่งยิ้มให้ผมอย่างมีความสุข

คุณพ่อ...

คุณแม่...


ผมร้องเรียกพวกท่านก่อนจะเดินเข้าไปหา แต่ทว่ากลับต้องชะงักเมื่อเห็นแม่น้ำขนาดใหญ่สีแดงไหลผ่านอย่างเชี่ยวกราดขวางทางผมราวกับไม่ต้องการให้ไปหาพวกท่าน

ยังไม่ถึงเวลาของลูกหรอกนะจ้ะลูกพีช...

คุณแม่กล่าวกับผมด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ในขณะที่คุณพ่อยิ้มไปส่ายหน้าไปพลาง

แต่ลูกพีชอยากไปหาคุณพ่อคุณแม่...

ผมบอกพวกท่านก่อนจะตัดสินใจก้าวเท้าลงน้ำ หากแต่เสียงทุ้มของใครบางคนเรียกชื่อผมเอาไว้

ลูกพีช!!

ผมสะดุ้งตกใจพลางหันกลับไปมอง ก่อนจะเห็นเงาสีดำขนาดใหญ่ยืนอยู่ท่ามกลางแสงสว่าง

นั่น...ใคร?

ครั้นหันกลับไปหาคุณพ่อคุณแม่ กลับพบว่าแม่น้ำสีแดงที่เคยไหลเชี่ยวกราดนั้นกลับมีขนาดใหญ่ขึ้นราวกับทะเล แถมนอกจากนี้ยังมีโครงกระดูกมือโผล่ขึ้นมาเหนือผิวน้ำอีกด้วย

นะ...น่ากลัวเกินไปแล้ว!!

ผมครุ่นคิดอย่างหวาดกลัว ครั้นเงยหน้าขึ้นเพื่อขอความช่วยเหลือจากคุณพ่อคุณแม่ กลับสะดุ้งตกใจเมื่อเห็นร่างของทั้งคู่ยืนอยู่อีกฝั่งห่างไกลออกไปจนผมเกือบมองไม่เห็นแล้ว

กลับไป...

กลับไปซะลูกพีช...

ที่นี่ยังไม่ใช่เวลาที่ลูกจะมาที่นี่...


แม้ผมจะไม่เห็นหน้าพวกท่าน แต่น้ำเสียงอันอ่อนโยนของคุณแม่ที่ดังออกมาจากอีกฟากของแม่น้ำทำเอาผมถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่

กลับไปซะ...

กลับไปหาเขา...

กลับไปหาคนที่ลูกรัก..


เสียงคุณพ่อดังขึ้นต่อจากคุณแม่ทำเอาผมถึงกับส่ายหน้าไปมาทันที

ลูกพีชกลับไม่ได้ฮะคุณพ่อคุณแม่...

เพราะลูกพีชจำเขาไม่ได้...

เลยซักนิดเดียว...


คราวนี้ระยะทางของฝั่งกลับหดลงมาจนทำให้ผมสามารถเห็นหน้าของพวกท่านได้อย่างชัดเจน แต่ถึงกระนั้นผมก็ไม่สามารถข้ามไปหาพวกท่านได้อยู่ดี

ไม่เห็นจะยาก... คุณพ่อกล่าวกับผมอย่างอ่อนโยน ก็แค่กลับไปเริ่มต้นใหม่...

เริ่มต้นใหม่หรือฮะ?


ใช่แล้วจ้ะลูกพีช... คุณแม่พยักหน้าตอบ กลับไปเริ่มต้นใช้ชีวิตใหม่กับเขา กับคนที่ลูกรัก แม่เชื่อว่าต่อให้ลูกเป็นคนใหม่ที่จดจำเขาไม่ได้ก็ตาม แต่เขาก็ยังคงรักลูกอยู่เสมอต้นเสมอปลายอย่างแน่นอนจ้ะ

ตะ...แต่ลูกพีชจะรู้ได้ยังไงว่าเขายังรักลูกพีชอยู่ฮะคุณพ่อคุณแม่...

ผมพูดอย่างลังเลใจ เพราะตอนนี้ผมเป็นคนใหม่ ที่มีความทรงจำไม่ครบเต็มร้อยเหมือนแต่ก่อน

พ่อไม่รู้จะบอกลูกยังไง เอาเป็นว่าลูกลองใช้ใจของตัวเองคิดดูเอาแล้วกัน...

ใช้ใจคิดงั้นหรือฮะ? ผมเงยหน้าถามคุณพ่อที่มองผมอยู่

ใช่... คุณพ่อตอบย้ำคำตอบของตัวเอง ที่เหลือก็คือ...

...ความเชื่อมั่นของลูกที่มีต่อเขา

ลูกพีช!!!


ผมสะดุ้งอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงทุ้มตะโกนเรียกชื่อตัวเอง ทำเอาผมหันกลับไปมองก่อนจะเบิกตากว้าง ภาพของชายร่างสูงกำลังยื่นมือมาหาผมขณะที่ยืนอยู่บนฝั่ง ในขณะที่ตัวผมเองนั้นกลับไม่ได้ยืนอยู่เหนือพื้นดิน แต่เป็นบนเรือเก่าๆบนแม่น้ำสีแดงที่ไหลเชี่ยวกราด ครั้นผมหันไปมองคุณพ่อคุณแม่อีกครั้ง คราวนี้กลับพบว่าพวกท่านยืนอยู่อีกฝั่งห่างจากผมไปไกลพอสมควร

กลับไปซะลูกพีช...

กลับไปหาเขาก่อนที่ลูกจะไม่ได้มีโอกาสกลับไปอีก!!


ผมยืนมองพวกท่านสลับกับมองอเล็กเซย์ด้วยความลังเล ใจหนึ่งก็อยากไปหาคุณพ่อคุณแม่ แต่อีกใจหนึ่งก็อยากกลับไปหาคนที่ตัวเองรัก

บอกให้กลับไปไงเล่าไอ้เด็กโง่!!

ลูกพีช...ผมรักคุณ กลับมาหาผมเถอะลูกพีช!!


ผมหันไปมองคุณพ่อคุณแม่อีกครั้ง ก่อนจะลดตัวลงก้มลงกราบพวกท่านทั้งน้ำตา

ลูกพีชขอขมาต่อคุณพ่อคุณแม่ ถ้าชาติหน้ามีจริงขอให้พวกเราได้เกิดมาเป็นพ่อแม่ลูกอีกครั้ง

แล้วผมก็เงยหน้าขึ้นมา แลเห็นพวกท่านกำลังยืนกอดร่ำไห้กับคำพูดของผม

พ่อกับแม่ก็ด้วยเช่นกัน หากชาติหน้ามีจริง เราสามคนจะกลับมาเกิดเป็นพ่อแม่ลูกกันอีก...

แล้วพบกันใหม่นะลูกพีช...


สิ้นเสียงคำกล่าวบอกลา ร่างของพวกท่านก็พลันจางหายไป เหลือแต่ผมที่ยังคงอยู่ ซึ่งผมเองก็ไม่รอช้า ลุกขึ้นยืนก่อนจะหันไปมองร่างสูงที่ยื่นมือรอผมอยู่อีกฝั่ง

ลูกพีช...

คุณอเล็กซ์...


แล้วผมก็ยื่นมือไปหาเขาก่อนจะกุมมือหนาที่รอรับอยู่อย่างแนบแน่น

หมับ!

.................................

 :m17: :m17: :m17: :m17: :m17: :m17: :m17:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (ตอนที่ 24 แต่งงานกับผมเถอะ...2 (อัพ 100%) P.3 01/08/58)
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 11-08-2015 23:06:37
ตอนที่ 25 เริ่มต้นชีวิตใหม่...

........................

“ว่ายังไงนะ แต่งงาน?!”

“ใช่แล้วครับคุณพ่อคุณแม่ แต่งงาน” ผมยิ้มไปตอบคุณพ่อคุณแม่เจย์ไปพลาง ก่อนจะหันไปมองคนรักที่นั่งอยู่ข้างกายผม “ลูกพีชกับคุณอเล็กซ์ตกลงจะแต่งงานกันในเดือนหน้านี้ คิดว่าจะจัดที่ประเทศไทย เพราะจะได้ไม่ต้องถ่อขึ้นเครื่องบินไปร่วมงานถึงต่างประเทศฮะ”

พอผมพูดจบ พวกท่านก็หันมองหน้ากันก่อนจะหันมามองผมกับคุณอเล็กซ์อีกครั้ง

“แน่ใจนะว่าพวกเธอสองคนจะแต่งงานกัน” คุณพ่อของคุณเจย์เป็นฝ่ายถามขึ้นมาก่อน “ความรักระหว่างชายกับชายแม้ตอนนี้สังคมไทยจะเปิดใจรับ แต่ก็ใช่ว่าจะเปิดกันทุกคน ที่พ่อพูดเตือนก็เพราะต้องการหวังดี พ่อไม่อยากให้พวกเธอต้องเสียใจภายหลัง”

“อันนี้ผมทราบดีครับ แต่ผมตัดสินใจไปแล้ว ผมจะไม่ทำให้พวกคุณผิดหวังอย่างแน่นอน” คุณอเล็กซ์ตอบคำถามของคุณพ่อเจย์ด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“แล้วเธอ...เอ่อ จะเลิกทำอาชีพมาเฟีย...แน่แล้วใช่ไหม” คุณแม่ของคุณเจย์ถามอย่างไม่แน่ใจ เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่าอเล็กซ์ทำงานอาชีพอะไร

“ใช่ครับคุณแม่ ผมแน่ใจและไม่คิดจะกลับไปทำอาชีพนี้อีกด้วย” ร่างสูงพยักหน้าตอบก่อนจะควักบัตรประชาชนตัวเองออกมาให้คุณพ่อคุณแม่ของเจย์ดู ซึ่งในบัตรเป็นภาพของคุณอเล็กซ์ก็จริงอยู่ แต่ชื่อกับนามสกุลนั้นไม่ใช่

Alex De Newman

จะตั้งใหม่ทั้งทีทำไมไม่ตั้งให้ดีกว่านี้นะ!

“แต่เธอกำลังจะทิ้งทุกอย่างที่ตัวเองสร้างขึ้นมากับมือเพื่อคนที่ยังไม่ได้รักเธอ แม้กระทั่งความทรงจำก็ยังไม่มี เธอทนรอได้แน่หรืออเล็กซ์” คุณแม่ถามต่อ ซึ่งมันเป็นความจริงครับ เพราะตอนนี้ผมไม่มีทั้งความทรงจำครั้งอดีตทั้งความรักที่มีต่ออเล็กซ์เลยซักนิดเดียว ทว่าคุณอเล็กซ์ไม่ได้ตอบคำถามคุณแม่เจย์เดี๋ยวนั้น กลับหันมาจ้องตาผมแล้วส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยน (เขาเอามือมาก็กุมมือผมด้วยครับ)

“ทนได้สิครับ เพื่อลูกพีช ผมยอมได้ทุกอย่างกระทั่งชีวิตของตัวเอง”

!!!!!!

“ส่วนเรื่องความทรงจำ ถึงแม้ตอนนี้ลูกพีชจำผมไม่ได้แล้วก็ตาม แต่ผมจะพยายามสร้างความทรงจำระหว่างผมกับเขาขึ้นมาใหม่อีกครั้งครับ”

!!!!!!

ไอ้ผมก็อึ้งสิครับ เจอคำพูดนี้เล่นเอาผมอายจนอยากจะเดินหนีออกไปจากห้องนี้เต็มแก่ (แต่ทำไม่ได้ครับ เพราะผมยังเดินไม่ได้เลยด้วยซ้ำไป)

“แล้วลูกพีชล่ะจ้ะ” คุณแม่ของเจย์หันมาถามผมด้วยความสงสัย “ลูกพีชเต็มใจที่จะแต่งงานกับเขาจริงๆหรือเปล่า คงไม่ใช่สักจะแต่งเพราะเชื่อคำพูดของอเล็กซ์หรอกนะจ้ะ”

“ไม่ใช่ฮะคุณแม่ ไม่ใช่แบบนั้นเลย” ผมได้ยินที่คุณแม่พูดก็รีบส่ายหน้าไปมาตอบท่านทันที เรื่องนี้ผมได้ถามคุณเจย์ดูแล้ว ซึ่งอีกฝ่ายบอกว่าสิ่งที่อเล็กซ์พูดมานั้นเป็นความจริง เพราะผมกับเขาเป็นคนรักกัน แถมยังรักกันมากเสียด้วย

“คิดไตร่ตรองดีแน่แล้วหรือลูกพีช” คุณพ่อเจย์ถามย้ำอีกครั้ง ซึ่งผมพยักหน้าตอบท่านกลับไป

“ผมคิดดีแล้วฮะคุณพ่อ และจะไม่มีวันเปลี่ยนใจเด็ดขาดด้วย”

.........................

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (ตอนที่ 25 เริ่มต้นชีวิตใหม่... (อัพ 20%) P.3 11/08/58)
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 22-08-2015 22:23:54
“ให้วางป้ายร้านตรงนั้นได้เลยครับ”

“ตรงนี้เหรอพีช”

“ใช่แล้วครับพี่ออย”

“ลูกพีช ให้เจย์วางต้นไม้กับดอกไม้ไว้ตรงไหนครับ”

“ตรงทางเข้านั่นแหละครับคุณเจย์”

“พี่พีชฮะ แบมกับอาร์ทจัดตรงเคาน์เตอร์เสร็จแล้วนะฮะ จะให้พวกผมไปทำที่ไหนอีกต่อ”

“อืม” ผมมุ่นคิ้วครุ่นคิดในใจพร้อมกับเหลือบซ้ายแลขวาหางานให้ทั้งคู่ทำ “อ้อ น้องแบมกับน้องอาร์ทช่วยจัดโต๊ะเก้าอี้สำหรับลูกค้าให้ที เดี๋ยวพี่จะไปเอาแจกันกับดอกไม้ในหลังร้านมาให้เอง”

“ลูกพีชนั่งเฉยๆเถอะ เดี๋ยวผมทำให้เองครับ” ร่างสูงสั่งก่อนจะเดินหายเข้าไปหลังร้านทันที

“ไม่ต้องคิดมากนะพีช อเล็กซ์แค่เป็นห่วงเธอ อยากให้เธอได้พักอยู่เฉยๆน่ะ” คุณเจฟฟรีย์ เพื่อนสนิทของคุณอเล็กซ์ที่กำลังเช็คเครื่องคิดเงินอยู่ตรงเคาน์เตอร์ได้เงยหน้าขึ้นพูดหลังจากที่คุณอเล็กซ์เดินหายเข้าไปหลังร้านแล้ว

“ผมรู้ครับ แต่ผมอยากจะทำเองบ้าง เพราะนั่งเฉยๆรู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีประโยชน์” ผมพูดพลางถอนหายใจ “ว่าแต่คุณเจฟฟรีย์...”

“เรียกฉันว่าเจฟเฉยๆเถอะ”

“ครับคุณเจฟ ผมขอบคุณนะครับที่อุตส่าห์สละเวลามาช่วยจัดของในร้าน” ผมพูดขอบคุณอีกฝ่ายจากใจจริง รวมถึงคนอื่นๆที่ผมได้กล่าวขอบคุณไปแล้ว

“ไม่เป็นไร เรื่องแค่นี้เอง” อีกฝ่ายยิ้มตอบก่อนจะถามผมต่อ “ว่าแต่เธอตัดสินใจแน่แล้วนะว่าจะแต่งงานอยู่กินกับเพื่อนของฉันน่ะ เพราะเพื่อนของฉันตอนนี้ไม่ได้เป็นมาเฟียแล้ว ไม่ได้ร่ำได้รวยเหมือนแต่ก่อนแล้วด้วย”

“แน่สิครับ ก็ผมไม่ได้คิดจะแต่งงานอยู่กับคุณอเล็กซ์เพราะเขารวยหรือเป็นมาเฟียนี่ครับ” ผมยิ้มตอบกลับไป ถึงแม้คนรักของผมจะทิ้งอาชีพนี้ไป แต่ธุรกิจค้าขายส่งออกไวน์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับมาเฟียยังคงอยู่ ดังนั้นเขาจึงหันกลับมาจับอาชีพนี้ต่ออย่างจริงจัง ส่วนผมนะหรือ ก็หันกลับมาค้าขายดอกไม้ต่อสิครับ คุณอเล็กซ์เองก็ไม่ว่าอะไร แถมยังเห็นดีเห็นงามด้วย จึงเจียดเงินของตัวเองจากค้าขายไวน์รวมกับเงินเหลือของผมที่เก็บออมในธนาคารมาหุ้นเปิดร้านขายดอกไม้อยู่นอกเมืองหลวงด้วยกัน แต่ไหนๆก็เปิดร้านขายดอกไม้แล้ว คุณอเล็กซ์ก็ได้ตัดสินใจทำที่นี่ให้เป็นร้านกาแฟกึ่งร้านขายดอกไม้ซะเลย (รวมถึงทำที่นี่ให้เป็นออฟฟิศไว้สำหรับให้ลูกค้ามาสั่งของเรื่องไวน์ด้วย) ซึ่งที่นี่มีอยู่สองชั้น ชั้นแรกเป็นร้านขายดอกไม้กับกาแฟ ในขณะที่ชั้นบนเป็นห้องพักของผมกับคุณอเล็กซ์ ส่วนอีกโซนหนึ่งที่อยู่ติดกับร้านดอกไม้เป็นออฟฟิศขนาดย่อมครับ

“เป็นเพราะความรัก?”

“ข้อนี้ผมตอบไม่ได้ครับ” ผมยิ้มเจื่อนตอบกลับไป “ตอนนี้ผมยังไม่ได้รักเขาจริงๆครับ รู้แค่ว่าเวลาอยู่ใกล้คุณอเล็กซ์แล้ว...รู้สึกดีก็เท่านั้นเอง”

อีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไรต่อ ได้แต่มองผมจนกระทั่งคุณอเล็กซ์เดินออกมาพร้อมแจกันดอกไม้

“ลูกพีชอยากจะใช้ดอกไม้อะไรใส่ในแจกันดีครับ เดี๋ยวผมทำให้”

“เดี๋ยวฉันขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะ” พูดแล้วคุณเจฟฟรีย์ก็เดินไปอย่างรวดเร็ว ทำให้คุณอเล็กซ์หันไปมองเพื่อนสนิทของตัวเองอย่างสงสัยก่อนจะเดินมาหาผมที่นั่งอยู่บนรถวีร์แชร์

“เจฟคุยอะไรกับลูกพีชหรือครับ”

“เปล่าครับ ไม่มีอะไร” ผมส่ายหน้าตอบก่อนจะพูดเปลี่ยนเรื่องทันที “ดอกไม้ในแจกัน ลูกพีชอยากให้เป็นดอกไม้ที่เป็นโทนสีอ่อนอย่างเช่นพวกดอกกุหลาบสีชมพูน่ะครับ”

“โอเค เดี๋ยวผมไปจัดการให้ ลูกพีชนั่งรอไปก่อนนะ เดี๋ยวเที่ยงแล้วเรามานั่งทานข้าวด้วยกัน อ้อ แล้วก็คุยเรื่องงานแต่งงานของเราสองคน ผมตามใจคุณนะครับที่รัก จุ๊บ” พูดจบอีกฝ่ายก็เข้ามาหอมแก้มผมเบาๆ ก่อนจะผละออกไปหาดอกไม้มาปักแจกัน ทิ้งให้ผมนั่งหมกมุ่นกับความคิดของเจฟฟรีย์อย่างเงียบๆ

......................................................

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (ตอนที่ 25 เริ่มต้นชีวิตใหม่... (อัพ 50%) P.3 22/08/58)
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 02-09-2015 22:27:52
“ดูซึมๆไปนะ ไม่สบายหรือเปล่าครับลูกพีช”

ผมถามหลังจากเดินออกมาจากห้องครัว เย็นวันนี้พวกผมตัดสินใจว่าจะจัดกินเลี้ยงหมูกระทะแบบบุพเฟ่ฉลองที่จัดร้านใหม่เสร็จแล้ว จึงแบ่งหน้าที่กันไปทำอย่างเท่าๆกัน ซึ่งผมทำหน้าที่ในการจัดสถานที่ตามที่ได้รับมอบหมาย

“เปล่าครับคุณเจย์ ลูกพีชสบายดี” ร่างบางในรถวีร์แชร์เงยหน้าขึ้นยิ้มตอบกลับมา แต่นัยน์ตาไม่ได้ยิ้มไปกับเขาด้วย “แค่กำลังคิดอยู่ว่าจะเพิ่มเครื่องดื่มอย่างพวกไวน์ดีไหม คิกๆ แต่คงไม่เข้ากับหมูกระทะแน่เลยว่าไหมครับคุณเจย์”

“ต้องถามคนอื่นดูก่อนนะครับลูกพีช” ผมยิ้มตอบกลับไป ก่อนจะเดินเข้าไปลูบผมอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา ซึ่งลูกพีชเองก็เอียงคอมองผมด้วยรอยยิ้มหวาน

เป็นรอยยิ้มที่ผมไม่มีวันได้ครอบครอง...

“แล้วนี่...” ผมตัดสินใจเอ่ยปากถามในเรื่องที่ตัวเองเจ็บมากที่สุด “...ลูกพีชตัดสินใจดีแน่แล้วหรือครับว่าจะแต่งงานกับคุณอเล็กซ์น่ะ เจย์ไม่ใช่ไม่เห็นด้วยนะ แต่เจย์อยากให้ลูกพีชคิดดูให้ดีเสียก่อน”

เผื่อเปลี่ยนใจไม่แต่งงานขึ้นมา...ก็คงจะดีไม่ใช่น้อย

แต่ก็ไม่ได้เป็นดั่งใจคิด ร่างบางพยักหน้าก่อนตอบคำถามผมโดยไม่ต้องคิดให้เสียเวลา

“ลูกพีชตัดสินใจดีแน่แล้วครับคุณเจย์ ขอบคุณที่เป็นห่วง”

“งะ...งั้นเหรอ” ผมพูดเสียงกระท่อนกระแท่น แม้จะรู้คำตอบดีอยู่ก่อนแล้ว แต่ก็อดปวดใจเสียมิได้ “ถ้างั้นเจย์ไปเช็ดโต๊ะก่อนนะครับลูกพีช พอดีเมื่อกี้เจย์ลืมน่ะ”

“ครับคุณเจย์” แล้วผมก็เดินปราดกลับเข้าห้องครัวไป ก่อนยืนพิงกำแพงห้องครัวอย่างหมดแรง

ทำไม...

ทำไมถึงตัดใจไม่ได้ซักที...


“เป็นอะไรวะไอ้เจย์ ทำไมทำหน้าเครียดเหมือนโลกจะแตกแบบนั้นล่ะ” เสียงใครบางคนร้องทัก ทำเอาผมยกมือขึ้นกุมหน้าตัวเองทอดถอนลมหายใจเฮือกหนึ่งครั้งอย่างอ่อนแรง ก่อนจะลืมตาขึ้นมามองต้นเสียง ซึ่งแลเห็นร่างเพื่อนสนิทยืนถือถุงก็อปแก๊ปอยู่หน้าประตูหลังครัวยืนมองผมด้วยความสงสัย “อย่าบอกนะว่าคิดมากเรื่องพีชน่ะ”

ผมถอนลมหายใจอีกครั้งก่อนจะยืดตัวตรงตอบกลับไปว่า

“อืม...ใช่”

“มึงนี่นะ...” ไอ้ออยส่ายหน้าไปมาก่อนจะวางข้าวของลงบนโต๊ะครัว แล้วหันหน้ามาทางผมเพื่อคุยต่อ “...จนป่านนี้แล้วยังไม่ตัดใจจากพีชอีก พวกเขาจะแต่งงานกันเดือนหน้านี้แล้วนะเว้ย”

“อืม กูรู้” ผมตอบก่อนจะทำท่าหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ แต่กลับถูกไอ้ออยคว้าบุหรี่ออกไปเสียก่อน

“ไม่ใช่กูไม่สนับสนุนมึงเรื่องความรักหรอกนะ แต่กูไม่อยากให้มึงไปแย่งของคนอื่นมา”

“แล้วไง”

“กูแค่หวังดีอยากจะเตือนมึง ว่าของๆที่ไม่ใช่ของมึงก็ไม่ใช่ของมึงอยู่วันยังค่ำ ต่อให้มึงไปแย่งเขามา เขาก็ยังเป็นของคนๆนั้น ไม่ใช่ของมึงอยู่ดี” มันบอกก่อนจะเก็บบุหรี่ที่แย่งผมมาใส่เข้ากระเป๋าเสื้อตัวเอง

“กูรู้ แต่กูทนไม่ได้ที่เห็นคนที่ตัวเองรักถูกแย่งไปต่อหน้าต่อตา ไม่แน่ว่าเมื่อถึงวันแต่งงานของพวกเขาแล้ว กูคงจะ...” ผมพูดพลางถอนหายใจออกเบาๆ “...ไปร่วมงานนี้ไม่ได้ ยังไงมึงก็ช่วยแสดงความยินดีลูกพีชกับคุณอเล็กซ์แทนกูให้ด้วยล่ะไอ้ออย”

“เจย์...นี่มึง”

“ขอร้องล่ะไอ้ออย ถือซะว่าเป็นคำขอสุดท้ายของเพื่อนก็แล้วกันนะ แล้วกูจะไม่ขออะไรจากมึงอีกเลย” ผมพูดเสียงอ้อนวอน ซึ่งคนฟังได้ยินถึงกับกุมขมับด้วยความกลัดกลุ้ม

“ได้...ตกลง กูจะบอกพวกเขาให้ แต่...”

“แต่? แต่อะไรวะ” ผมมุ่นคิ้วถามด้วยความสงสัย

“...แต่มึงต้องเลิกสนใจพีชอย่างจริงจังแล้วหันกลับไปดูแลเมียมึงเสียบ้างนะ”

“เมียกู?”

“ก็น้องอาร์ทของมึงยังไงล่ะไอ้เจย์”

!!!!!!


...........................

 :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (ตอนที่ 25 เริ่มต้นชีวิตใหม่... (อัพ 100%) P.4 02/09/58)
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 11-09-2015 22:33:04
ตอนที่ 26 การตัดสินใจของลูกพีช...

.................................................................

“ครับคุณแม่ พรุ่งนี้เวลา...ครับ ส่วนเรื่องงานเลี้ยงคิดว่าจัดที่ร้านกาแฟเลย ครับๆ เป็นแบบบุพเฟ่ ครับ ขอบคุณครับ ฮะๆ ลูกพีชแล้วแต่คุณอเล็กซ์น่ะครับ ครับคุณแม่ แล้วเจอกันพรุ่งนี้ครับ ราตรีสวัสดิ์ครับ”

แล้วปลายสายก็ตัดไปทำให้ผมถึงกับทอดถอนลมหายใจออกมาแผ่วเบา ก่อนจะหันไปมองว่าที่สามีในชุดนอนกำลังนั่งคุยโทรศัพท์ไปถือไวน์ขาวจิบไปพลางอยู่ ซึ่งปลายสายผมคิดว่าน่าจะเป็นพวกเพื่อนของเขาที่มาจากต่างประเทศ เห็นว่าตอนนี้พักค้างที่โรงแรมในเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

พรุ่งนี้แล้วสินะที่ผมกับคุณอเล็กซ์จะเข้าพิธีแต่งงานด้วยกัน

ผมครุ่นคิดในใจก่อนจะหันไปมองดูชุดแต่งงาน ซึ่งเป็นชุดทักสิโด้สีขาวกับสีครีมอย่างดีถูกแขวนไว้อยู่หน้าตู้เสื้อผ้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ปกติงานแต่งงานของไทยจะจัดที่บ้านของเจ้าสาวหรือเจ้าบ่าวตามประเพณีไทยของชาวพุทธ แต่คุณอเล็กซ์นับถือคริสต์(ตามทะเบียนบ้านที่ได้ระบุเอาไว้) ดังนั้นจึงจำต้องจัดงานกันที่โบสถ์ครับ แน่นอนว่าคุณอเล็กซ์ได้พาผมไปจดทะเบียนสมรสโอนสัญชาติให้เป็นศาสนาเดียวกับเขาแล้ว ส่วนเรื่องงานเลี้ยงฉลองแต่งงานจะจัดขึ้นที่หน้าบ้านของพวกผมสองคน โดยคนต้นคิดก็คือผมเอง เพราะเห็นว่าทางฝั่งของคุณอเล็กซ์มีคุณอลัน ญาติพี่น้องกับเพื่อนเยอะอยู่พอสมควร ในขณะที่ทางฝั่งผมมีพ่อแม่ของคุณเจย์ น้องอาร์ท น้องแบม พี่ออย เพื่อนที่ทำงานของคุณเจย์ และเพื่อนสมัยเรียนหนังสือที่ต่างประเทศของผมอยู่ห้าคน งานนี้คุณเจย์เป็นคนโทรไปบอกพวกเขาเองครับเพราะผมจำพวกเขาไม่ได้แล้ว ถึงผมจะจำพวกเขาไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ใจร้ายใจดำถึงขนาดไม่โทรไปบอกพวกเขาหรอกนะครับ

“คุณทานยาก่อนนอนแล้วหรือยังครับลูกพีช” เสียงคุณอเล็กซ์ดังขึ้น ทำเอาผมชะงักความคิดก่อนจะหันไปมองร่างสูง ซึ่งกำลังถือขวดยากับแก้วน้ำมาให้ผมพร้อมเสร็จสรรพ

รู้ว่ายังไม่ได้ทานยาจะถามทำไม?

“ยังเลยครับคุณอเล็กซ์” ผมยิ้มตอบพลางรับขวดยามาเปิดฝายกดื่ม ก่อนจะหยิบแก้วน้ำยกขึ้นดื่มตามทีหลัง “ว่าแต่คุณคุยกับเพื่อนเสร็จแล้วหรือครับ”

ร่างสูงไม่ตอบคำถามผมเดี๋ยวนั้น กลับหยิบแก้วน้ำจากมือผมไปวางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะช้อนกายผมอุ้มในท่าอุ้มเจ้าสาวขึ้นจากรถวีร์แชร์ แล้วพาไปนั่งบนเตียงใหญ่ด้วยกัน

มองอยู่ได้นั่นแหละ จะพูดก็พูดซักทีสิ...

ผมครุ่นคิดในใจอย่างขัดเขิน เพราะไม่เคยเห็นเขามองหน้าผมตรงๆแบบนี้เลยมาก่อน

“ผมรักคุณนะลูกพีช” จู่ๆอีกฝ่ายก็บอกรักผมขึ้นมาทันทีทันใด ซึ่งทำเอาผมถึงกับรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วใบหน้า “ถึงแม้ตอนนี้คุณจะยังไม่ได้รู้สึกชอบหรือรักผมก็ตาม แต่ผมจะไม่มีวันยอมแพ้เด็ดขาด”

ความมุ่งมั่นอย่างไม่ย่อท้อผนวกกับน้ำเสียงของอีกฝ่ายที่พูดชัดถ้อยชัดคำแลดูหนักหน่วง ทำให้ผมได้ยินแล้วถึงกับรู้สึกใจเต้นรัวอย่างบอกไม่ถูก

นี่หรือว่าผมกำลังเริ่มชอบเขาเข้าแล้วกันแน่!

“เอาล่ะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า ผมว่ารีบเข้านอนกันเถอะครับ” อีกฝ่ายพูดตัดบท ก่อนจะล้มตัวลงนอนโดยไม่ลืมที่จะดึงตัวผมให้นอนลงตาม “ถ้าคุณไม่ว่าอะไร คืนนี้ผมขอนอนกอดคุณจะได้หรือไม่”

!!!!!!

ผมถึงกับอึ้งครับ เพราะนับตั้งแต่ผมกับเขานอนร่วมเตียงเดียวกัน อเล็กซ์ไม่เคยล่วงเกินผมเลยซักครั้งเดียว มีเพียงแค่หอมมือหอมแก้มบอกราตรีสวัสดิ์เท่านั้น

นั่นสินะ จะห่วงตัวไปทำไม พรุ่งนี้จะเข้าพิธีอยู่แล้ว ปล่อยให้เขากอดไปเถอะนะลูกพีชเอ๋ย!

“กะ...ก็ได้ครับ” พอสิ้นคำตอบ อีกฝ่ายฉีกยิ้มกว้างดึงผมเข้าไปในอ้อมกอดของตัวเองอย่างรวดเร็ว

“ขอบคุณครับที่เชื่อใจผม!” ดูเหมือนเขาจะดีใจมากไปหน่อย ก็เลยระดมหอมแก้มหอมหน้าผากผมรัวอย่างไม่หยุดยั้ง “ขอบคุณนะครับ ฟอด ขอบคุณจริงๆ ฟอด ฟอด”

“อื้อ พอแล้วคุณอเล็กซ์ เดี๋ยวลูกพีชก็ไม่ให้กอดเลยนี่” ผมบอกพลางยกมือดันแผ่นอกหนาให้ออกห่าง ซึ่งอีกฝ่ายพอได้ยินที่ผมพูด ก็ผละหน้าตัวเองออกมาส่งยิ้มให้อย่างเขินอาย

“ขอโทษครับ พอดีผมดีใจมากไปหน่อย”

นี่ขนาดดีใจมากไปหน่อยยังหอมรัวซะขนาดนี้ แล้วถ้าดีใจมากสุดๆ ไม่กดจมเตียงเลยรึ!

“นอนเถอะครับ ลูกพีชง่วง” ผมบอกพลางยกมือขึ้นขยี้ตาตัวเอง แต่ก็มิวายโดนอีกฝ่ายดึงมือออกไปหอมเสียงดังฟอดอีกครั้ง “คุณ-อะ-อเล็กซ์!”

“คร้าบ!” น่าน ตอบเสียงแบบออดอ้อนด้วย

“ถ้าคุณยังหอมลูกพีชอีกครั้งล่ะก็ ลูกพีชจะไล่ให้คุณออกไปนอนข้างนอกจริงๆด้วย” ผมยื่นคำขาด ซึ่งทำเอาร่างหนาถึงกับหงอยลงทันตาเห็น “ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นเลยครับ ลูกพีชไม่ใจอ่อนกับคุณแน่ รีบนอนเลย ลูก-พีช-ง่วง โอเค?!”

พอผมพูดจบ เขาก็พยักหน้าตอบผมรัวทันที

“โอเคครับลูกพีช นอนก็นอน” แล้วอีกฝ่ายก็ตวัดผ้าห่มผืนใหญ่มาคลุมกายเราสองคน ก่อนจะหลับตาลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งผมพอเห็นเขาหลับตาแล้ว จึงค่อยหลับตาลงนอนตาม

ภาวนาขอให้พรุ่งนี้เป็นวันที่ดีสำหรับเราสองคน...

..................................................................................

ตอนตีสี่ผมกับคุณอเล็กซ์รีบตื่นทำธุระส่วนตัวให้เสร็จ ก่อนจะขนชุดเจ้าบ่าวขึ้นรถไปที่โบสถ์เพื่อเตรียมแต่งตัวที่นั่น ซึ่งมีน้องแบมที่เคยทำงานด้านช่างเสริมสวยเป็นคนลงมือทำผมแต่งหน้าให้ ทีแรกผมรีบบอกคุณอเล็กซ์ไปว่าแค่งานแต่งไม่จำเป็นต้องแต่งหน้าก็ได้ เพราะเราสองคนเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ แต่เขากลัวภาพที่ถ่ายออกมาไม่สวย ผมจึงต้องยอมให้น้องอาร์ทแต่งหน้าแต่โดยดี

“สวย...สวยมากเลยครับพี่พีช!”

“สวยอะไร พี่หล่อเถอะน้องอาร์ท” ผมพูดหน้าหงิกหน้างอหลังจากที่อีกฝ่ายแต่งหน้าให้ผมเสร็จ ก็มาเอ่ยปากชมผมต่อหน้าต่อตา “ไหนขอพี่ดูกระจกหน่อยสิครับ”

เจ้าตัวยิ้มก่อนจะยื่นกระจกให้กับผม ซึ่งพอผมรับมามอง ก่อนจะเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง ใบหน้าเรียวบางถูกแต่งแต้มด้วยรองพื้นสลับกับแป้งพับ ก่อนจบด้วยสีชมพูบนแก้มขาวทั้งสองข้างแลดูมีเลือดฝาด ไหนจะริมฝีปากเรียวบางที่ดูชุ่มชื่นด้วยลิปกรอสสีชมพูอ่อนประกายแวววาวนั่นอีกด้วย

นี่หรือผม...

มันจะสวยเกินหน้าเกินตาผู้หญิงไปแล้ว!


“นี่ถ้าคุณอเล็กซ์เห็นพี่พีชแล้วล่ะก็ มีหวังตกตะลึงจนตาค้างจนพูดไม่ออกแน่ๆเลยครับ”

“เหอะๆ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกมั้งพี่ว่า” ผมพูดไปหัวเราะในลำคอเบาๆไปพลาง แต่แล้วอีกฝ่ายกลับบอกให้ผมนั่งรออยู่ที่นี่ ก่อนจะลุกขึ้นเดินหายออกไปจากห้องแต่งตัวพักใหญ่ แล้วกลับมาพร้อมกับถุงก็อปแก๊ปหลายใบ “นั่นไปเอาถุงอะไรมาน่ะครับน้องอาร์ท”

อีกฝ่ายไม่ตอบคำถามของผม กลับวางถุงก็อปแก๊ปลงบนโต๊ะที่มีเครื่องสำอางวางอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว จากนั้นจึงค่อยล้วงมือหยิบอะไรบางอย่างในถุงออกมาคลี่ให้ผมได้เห็นเด่นชัดถึงขั้นช็อกซีนีม่า

“แท่นแทน!! มันก็คือ....ชุดเจ้าสาวสีขาวกระโปรงฟองฟู่ลายลูกไม้ยังไงล่ะครับพี่พีช”

!!!!!!


..................................

“ทำไมถึงแต่งตัวช้าจัง กะอีแค่แต่งหน้ากับใส่ชุดเจ้าบ่าว”

ผมบ่นอย่างหัวเสีย หลังจากที่ผมเป็นคนแรกที่น้องอาร์ทแต่งหน้าให้ เสร็จแล้วจึงค่อยเข้าไปในห้องเพื่อแต่งหน้าให้กับลูกพีชต่อ ทีแรกผมคิดว่าน้องอาร์ทคงจะใช้เวลาในการแต่งหน้าให้กับลูกพีชนานกว่าผมเล็กน้อยเพราะเป็นฝ่ายเจ้าสาว แต่นี่กลับใช้เวลานาน แถมยังเดินออกมาจากห้องนั้นแล้วออกมาพูดกระซิบกระซาบอะไรกับน้องแบม ก่อนที่น้องแบมจะพยักหน้าแล้วเดินออกไปข้างนอก แล้วกลับมาอีกทีพร้อมกับถุงก็อปแก๊ปใบโตอยู่สองสามใบ

มีอะไรอยู่ในนั้นหรือ?

“ใจเย็นไอ้น้องชาย เห็นใจฝ่ายเจ้าสาวบ้างสิ เพราะเขาต้องแต่งหน้านานกว่าฝ่ายเจ้าบ่าวนะรู้ไหม” พี่อลันพูดไปตบไหล่ผมปลอบใจไปพลาง “พี่ว่าเราไปรอที่โบสถ์เถอะ เดี๋ยวบาทหลวงจะคอยนาน”

ผมมุ่นคิ้วครุ่นคิดอย่างหนักใจสลับกับมองประตูห้องแต่งตัว

“ก็ได้ครับพี่” งานแต่งครั้งนี้ผมพกความสบายใจปนความทุกข์ไปด้วยพร้อมกัน ซึ่งก็คือเจย์ไม่ได้มาร่วมงานนี้ด้วย เท่าที่ฟังจากออยเห็นว่าเจย์หลบไปสงบสติอารมณ์ที่วัด ได้แต่ฝากคำอวยพรมาแทน

“เจย์ฝากอวยพรว่าขอให้คุณอเล็กซ์อยู่ดูแลลูกพีชให้ดี เพราะถ้าทำให้เสียใจ มันจะกลับมาทวงคืน”

ทวงคืน?

ฝันไปเถอะ!!


ผมตั้งปณิธานในใจก่อนจะก้าวเท้าเดินออกไปข้างนอกพร้อมกับพี่อลัน ทว่าพอก้าวเท้าออกไปแล้ว กลับพบกับใครบางคนที่ไม่คาดคิดว่าจะโผล่หัวมาที่นี่ได้

นี่ถ้าคุณเจย์มางานนี้ล่ะก็ มีหวังงานแต่งของผมได้กลายเป็นงานศพแน่...

“นั่นคนรู้จักของเราหรือเปล่าไอ้น้องชาย” พี่อลันพูดพลางชี้นิ้วไปยังร่างบาง ซึ่งเป็นหญิงสาวคุ้นหน้าคุ้นตาสำหรับผม ในขณะที่คนถูกกล่าวถึงกำลังยืนหน้าซีดเหงื่อแตก เพราะถูกออยยืนกอดอกบังทางเข้างานเอาไว้ “หรือว่าจะเป็นคนรู้จักของน้องพีชน่ะ”

ผมพยักหน้าก่อนจะตอบคำถามพี่ชายกลับไปทั้งๆที่ยังมองหญิงสาวอย่างไม่พอใจเล็กน้อย

“เธอชื่อเมย์ เป็นอดีตแฟนของลูกพีชน่ะครับพี่อลัน”

............................................................................

“ไม่คิดเลยว่าพี่พีชจะสวยขนาดนี้”

น้องอาร์ทเอ่ยปากชมอย่างไม่ขาดสายหลังจากที่ผมถูกอีกฝ่ายบังคับให้สวมชุดเจ้าสาวสีขาวกระโปรงฟองฟู่ลายลูกไม้แลดูมีราคาแพง ในขณะที่น้องแบมที่เพิ่งจะเดินเข้ามา ถึงกับตกตะลึงอ้าปากค้างเมื่อเห็นผมในชุดเจ้าสาว

“นั่นสิอาร์ท พี่พีชน่ะสวยยิ่งกว่าผู้หญิงแท้ๆซะอีก” คำชมของน้องแบมทำเอาผมถึงกับยกมือขึ้นเกาหัวด้วยความเขินอาย “แต่เสียดายที่ตอนนี้พี่พีชยังเดินไม่ได้ ไม่งั้นจะได้ใส่ส้นสูงเดินเฉิดฉายเข้าประตูโบสถ์อย่างสมบูรณ์แบบ”

“พอเถอะทั้งคู่ แค่นี้พี่ก็เขินจนไม่รู้จะเขินยังไงแล้ว”

“ก็มันจริงนี่ฮะพี่พีช” อาร์ทรีบพูดแย้ง ก่อนจะเดินวนรอบกายผมเพื่อสำรวจอะไรบางอย่าง “ทั้งผอมเพรียวทั้งขาวทั้งสวย แถมขนตาพี่ก็งอนงามอีก รับรองได้ว่าคุณอเล็กซ์เห็นพี่พีชแล้วต้องตะลึงจนพูดไม่ออกแน่”

“นั่นสิอาร์ท ตะลึงแน่ๆ” ว่าแล้วทั้งคู่ก็ขอถ่ายรูปผมเพื่อเก็บที่ระลึก เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว น้องแบมก็ขออาสาพาผมเข็นออกไปข้างนอกเอง ซึ่งมีน้องอาร์ทเดินตามหลัง ทว่าพอผมถูกพาเข็นออกข้างนอกแล้ว น้องแบมที่เป็นฝ่ายเข็นผมออกมากลับหยุดชะงักเดินกะทันหัน ซึ่งสร้างความแปลกใจให้กับผมมากพอสมควร “ผมว่าผมพาพี่พีชกลับเข้าไปดีกว่า”

“เอ๋? กลับทำไม ลืมของไว้...”

“พีช!” เสียงหวานดังขึ้น ทำเอาผมหันกลับไปมองต้นเสียง ก่อนจะเห็นหญิงสาวไม่คุ้นตากำลังอุ้มเด็กผู้หญิงวัยประมาณขวบเศษวิ่งตรงมาทางนี้ แต่ทว่ากลับถูกพี่ออยกับคุณอเล็กซ์เข้ามายืนขวางทางไว้เสียก่อน “ขอร้องล่ะ ให้ฉันได้คุยกับเขาเป็นครั้งสุดท้าย”

“ไม่ได้!” คุณอเล็กซ์ค้านเสียงเข้มและดุดันจนผมถึงกับสะดุ้ง

“อย่างน้อยก็เพื่อ...” ร่างบางพูดพลางก้มหน้ามองเด็กผู้หญิงในอ้อมแขน ก่อนจะพูดต่อไป “...เด็กคนนี้ คนที่มีสายเลือดเดียวกับคนที่ฉันเคยรัก ฉันยอมรับนะว่าเมื่อหนึ่งปีก่อนฉันได้พูดโกหกทุกคนเอาไว้ แต่นั่นเพื่อความปลอดภัยของลูกในท้อง เพราะถ้าฉันไม่แกล้งพูดหลอกทุกคน หมอนั่นก็คงจะ...ฆ่าฉันทิ้งแน่ถ้าหากรู้ว่าฉันท้องกับเขา”

“สรุปว่าตอนนั้นเธอท้องจริงๆด้วยสินะ” พี่ออยยืนกอดอกพูด

“ค่ะ” ผู้หญิงคนนั้นพยักหน้าตอบก่อนจะหันมามองผมด้วยสีหน้าเศร้าโศก “ฉันท้องกับเขา”

?!

“แม่งเอ๊ย! นี่ถ้าไอ้เจย์รู้เข้า มีหวังเธอได้ถูกฆ่าตายแน่” พี่ออยพูดสบถคำอย่างหัวเสียกับเรื่องที่ได้ยิน ซึ่งผิดกับคุณอเล็กซ์ที่ยังคงยืนฟังอยู่เงียบๆ “คุณอเล็กซ์ รู้แบบนี้แล้วคุณยังจะแต่งงานกับลูกพีชอีกไหม”

!!!!!!

“แต่ถ้าไม่แล้วล่ะก็ ผมจะได้โทรตามไอ้เจย์ให้มารับลูกพีชกลับทันที”

!!!!!!

“ไม่...” คำพูดของคุณอเล็กซ์ทำเอาผมถึงกับใจหายวาบไปทั้งตัว ถึงแม้ตอนนี้ผมจะยังไม่ได้ชอบหรือรักเขาก็จริง แต่พอได้ยินคำนี้แล้วก็อดใจหายเสียมิได้ “...ไม่มีทาง ผมจะไม่มีวันทอดทิ้งลูกพีชไปเพียงเพราะเรื่องนี้เด็ดขาด”

“ต่อให้เขามีลูกเป็นตัวเป็นตนนะหรือ?”

ลูก? พี่ออยพูดถึงเรื่องอะไรน่ะ...

ผมมุ่นคิ้วครุ่นคิดในใจอย่างสงสัย ซึ่งคุณอเล็กซ์ได้พยักหน้าตอบกับพี่ออย แล้วจึงค่อยหันหน้าไปมองผู้หญิงที่อุ้มเด็กคนนั้น ก่อนจะพยักหน้าแล้วหลีกทางให้เธอ ซึ่งทำให้ผู้หญิงที่อุ้มลูกเดินเข้ามาหาผมที่นั่งรถวีร์แชร์ในชุดเจ้าสาวอยู่ไม่ไกล

“คุณ…เป็นใคร เรารู้จักกันด้วยหรือครับ?” ผมถามพลางมองเด็กผู้หญิงในอ้อมแขนเธออย่างเอ็นดู

คุ้นๆเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนเลยแฮะ?

อีกฝ่ายพยักหน้ายิ้มให้กับผม ก่อนจะยื่นเด็กผู้หญิงในอ้อมแขนส่งให้กับผม

“ให้ผม...อุ้มเด็กคนนี้หรือครับ” ผมถามด้วยความสงสัย ซึ่งอีกฝ่ายพยักหน้ายิ้มตอบ

“ค่ะ”

“แต่มันจะดีหรือ...” ผมถามด้วยความลังเล ก่อนจะหันไปมองหน้าคุณอเล็กซ์ที่พยักหน้าให้กับผม

“ดีสิคะ มันต้องดีแน่ๆ” หญิงสาวตอบอย่างมั่นใจ “อุ้มเถอะค่ะลูกพีช”

ลูกพีช?

ลองเรียกชื่อแบบนี้แสดงว่าเธอต้องรู้จักผมอย่างแน่นอน แต่ผมกลับจำเธอไม่ได้แม้แต่นิดเดียว

“ก็ได้ครับ” ผมยิ้มตอบก่อนจะรับเด็กคนนั้นมาอุ้มไว้ในอ้อมแขนตัวเอง ซึ่งเด็กผู้หญิงในอ้อมแขนผมก็ได้หันมามองผม ก่อนจะส่งยิ้มหวานมาให้ “น่ารักจัง หนูจ๋า หนูชื่ออะไรจ้ะ”

“เอ่อ ขอโทษนะคะลูกพีช พอดีเด็กคนนี้ยังไม่มีชื่อน่ะค่ะ” หญิงสาวพูดแย้งออกมา ซึ่งทำให้ผมถึงกับเงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยความแปลกใจ

“อะไรนะ? ไม่มีชื่องั้นหรือครับ”

“ค่ะ ไม่มีชื่อ” เธอบอกกับผมด้วยน้ำเสียงขมขื่น “ทั้งชื่อทั้งนามสกุล รวมถึงชื่อเล่นก็ไม่มี”

“เอ๋?!”

“พอดีเด็กคนนี้ไม่มีทั้งพ่อและแม่น่ะค่ะ” หญิงสาวบอกด้วยสีหน้าเศร้าโศก “พวกเขาเป็นพี่ชายกับพี่สะใภ้ของฉันเองค่ะ แต่ตายไปแล้วด้วยกันทั้งคู่ ลำพังตัวฉันเองก็ไม่มีเวลาเลี้ยงดู เพราะต้องตะเวนเทียวบินไปกลับอยู่หลายประเทศ”

อ้อ เป็นแอร์ฯนี่เอง...

“ถ้าลูกพีชไม่ว่าอะไร กรุณาช่วยรับเด็กคนนี้ไปเลี้ยงดูแทนฉันด้วยเถอะค่ะ” คำพูดของเธอทำเอาผมถึงกับตัดสินใจไม่ถูก แม้ผมจะจำเธอไม่ได้ก็ตาม แต่จากการคาดเดา อีกฝ่ายน่าจะเป็นเพื่อนเก่าของผมมาก่อน แต่เรื่องนี้ผมไม่สามารถตัดสินใจเองได้ เพราะต้องถามอีกคนที่เป็นคู่ชีวิตคนเดียวของผมเท่านั้น

“คุณอเล็กซ์” ผมหันไปมองสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายที่กำลังจะเข้าพิธีแต่งงานด้วยกันในวันนี้ ซึ่งผมยังไม่ทันถาม อีกฝ่ายก็พยักหน้าพูดตอบคำถามผมกลับมาทันที

“ไม่ต้องห่วงครับที่รัก สิ่งที่คุณตัดสินใจไปแล้ว ผมก็พร้อมจะยอมรับมันเสมอ”

!!!!!!

คำตอบของอีกฝ่ายทำเอาผมถึงกับอึ้ง เพราะไม่คิดว่าเขาจะพูดออกมาในรูปแบบนี้

ดีล่ะ ถ้างั้น...

ผมครุ่นคิดในใจก่อนจะหันไปมองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง

“ตกลงครับ ผมจะรับเลี้ยงเด็กคนนี้ไว้เป็นลูกเอง”

..............................................

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (ตอนที่ 26 การตัดสินใจของลูกพีช... (อัพ 100%) P.4 11/09/58)
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 12-09-2015 05:08:51
 :mew1:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (ตอนที่ 26 การตัดสินใจของลูกพีช... (อัพ 100%) P.4 11/09/58)
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 29-09-2015 22:31:19
ตอนที่ 27 ความแค้น...

.........................................................

“ทำไมคุณเจย์ถึงไม่มา?!”

“เอ่อ พอดีเขาติดธุระสำคัญน่ะ” พี่ออยพูดตอบเสียงอ่อยในขณะที่มองหาตัวช่วยในการพูดปลอบใจไม่ให้พี่พีชต้องร้องไห้ท่ามกลางงานแต่งงานของตัวเอง และที่สำคัญในอ้อมกอดของพี่พีชยังมีเด็กผู้หญิงตัวเล็กที่พี่พีชเพิ่งตกปากรับคำจากอดีตแฟนว่าจะขอรับเลี้ยงดูเด็กคนนี้แทนอีกด้วย “แต่ตอนเย็นมันรับปากพี่ไว้แล้วว่าจะมาแน่ๆ ฉะนั้นน้องพีชไม่ต้องคิดมากนะครับ”

พี่พีชทำท่าเครียดเหมือนจะร้องไห้แต่พอคุณอเล็กซ์เดินมาตบไหล่พี่พีชเบาๆ พี่พีชก็เลิกทำหน้าเครียดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมยังฉีกยิ้มหวานจนผมต้องรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วใบหน้าเหมือนโกโก้ครั้นแล้ว

คนอะไรยิ้มสวยเป็นบ้า!

นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นแฟนพี่ออยแล้วล่ะก็ จีบพี่พีชไปนานแล้ว!!


“ครับพี่ออย” กว่าจะถึงเวลางานตอนเย็นก็อีกหลายชั่วโมง พวกเราก็พากันจรลีไปพักผ่อนเพื่อเอาแรงไปร่วมงานแต่งในตอนเย็น ส่วนพี่พีชกับคุณอเล็กซ์เห็นว่าจะไปเดินเรื่องขอเด็กคนนี้มารับเลี้ยง

ว่าแต่แน่ใจแล้วหรือว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกของพี่พีชน่ะ?

เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ และเป็นความลับยิ่งยวด จะบอกให้พี่พีชรู้ไม่ได้เด็ดขาด เพราะทุกคนไม่อยากให้พี่พีชช็อก จึงแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ส่วนยัยชะนีคนนั้นก็ยอมทำตามสัญญาที่ให้กับคุณอเล็กซ์ ว่าจะปิดปากเงียบไม่บอกใคร และจะยอมจากไปโดยไม่กลับมาให้เห็นหน้าอีก

“คิดอะไรอยู่ครับที่รัก ป่านนี้แล้วไม่หลับไม่นอน เดี๋ยวตอนเย็นไปงานเลี้ยงไม่ไหวได้น้า” เสียงพี่ออยขัดจังหวะความคิด ทำให้พลิกตัวกลับไปหาคนรักที่นอนกอดเอวผมอยู่ ดวงตาคมอันโฉบเฉี่ยวของพี่ออยที่จ้องมองมาอย่างอ่อนโยนนั้นทำให้ผมรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วใบหน้า ผมรู้ว่าเขาเป็นห่วง แต่มันอดคิดมากไม่ได้ เพราะยังไงพี่พีชก็เป็นพี่ที่ผมรู้จักคนหนึ่งมานานพอสมควรเหมือนกัน “ว่ายังไงครับคนเก่ง บอกพี่ออยสุดหล่อคนนี้ได้หรือเปล่าเอ่ย”

“คือว่าแบมคิดมากเรื่องของลูกพี่พีชน่ะฮะพี่ออย” ผมพูดเฉลย ซึ่งทำเอาคนฟังถึงกับมุ่นคิ้วทันที

“คิดมากเรื่องพีช?”

“ใช่ฮะ” ผมพยักหน้าตอบก่อนจะพูดต่อ “แบมกลัวว่าผู้หญิงคนนั้นจะพูดโกหกหลอกพวกเรา”

“ต่อหน้ามาเฟียผู้หญิงคนนั้นไม่กล้าที่จะโกหกหรอกครับน้องแบมเชื่อพี่สิ” ร่างสูงพูดตอบคำถามผมกลับมาทันทีโดยไม่ต้องคิดให้เสียเวลา

จริงของพี่ออย...

ไม่มีใครกล้าโกหกมาเฟียหรอก...


“นอนเถอะครับที่รัก พี่ง่วงแล้ว” พี่ออยบอกก่อนจะดึงผมไปกอด ซึ่งผมก็ยอมนอนหลับแต่โดยดี

“ครับพี่ออย”

...........................................

ปล.เรื่องที่เมย์ท้องกับลูกพีชได้ยังไงนั้น มันยังมาไม่ถึงค่ะ อดใจรอกันหน่อย  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (ตอนที่ 27 เริ่มต้นใหม่ก็ยังไม่สาย... (อัพ 20%) P.4 29/09/58)
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 15-10-2015 21:42:05
“ให้ลูกพีชหลับไปก่อนดีแน่แล้วหรือครับท่าน”

“อืม ให้หลับพักผ่อนไปก่อนน่ะดีแล้ว เพราะตอนกลางคืนจะได้ลุกขึ้นไปงานแต่งไหว” ผมเอ่ยปากตอบ หลังจากที่พาลูกพีชกับเด็กผู้หญิงหรือลูกสาวของพีชไปที่อำเภอเพื่อจดทะเบียนสมรส พร้อมกับทำเรื่องอุปการะเด็กผู้หญิงคนนี้ให้เป็นลูกของพวกผมสองคน ซึ่งลูกพีชไม่ได้รู้เรื่องราวอะไร จับปากกาเซ็นชื่อเพียงอย่างเดียว ส่วนอดีตแฟนสาวของลูกพีชหรือยัยเมย์ก็ทำได้แต่เพียงเซ็นชื่อมองลูกพีชสลับกับลูกตัวเองอย่างเงียบๆ พอจบเรื่องผมก็รีบพากลับมาทันที เพราะกลัวอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจเสียก่อน “อย่าลืมที่ฉันสั่ง เตรียมห้องสำหรับเด็กคนนี้ ไม่สิ ลูกของฉันกับลูกพีชให้พร้อมด้วยล่ะเรย์”

เรย์ อดีตเลขาส่วนตัวของผมที่พอรู้เรื่องราวว่าผมจะล้างมือการเป็นมาเฟียก็ขอล้างมือตาม แล้วผันตัวมาเป็นเลขาส่วนตัวของผมอีกครั้ง ผมเคยถามเจ้าตัวแล้วว่าตัดสินใจดีแน่แล้วหรือ เพราะผมให้เงินเดือนไม่เท่ากับตอนเป็นมาเฟีย ซึ่งเรย์ก็ได้ให้คำตอบกับผมว่าตัดสินใจดีแน่แล้ว และอยากตามผมมาเพราะไม่รู้จะไปที่ไหนต่อดี และอยากจะช่วยเหลือผมต่อเท่าที่ตนพอจะทำไหวได้

ช่างเป็นลูกน้องที่ซื่อสัตย์อะไรเช่นนี้...

“ครับท่าน” แล้วเรย์ก็เดินออกจากนอกห้องไป ในขณะที่ผมหันกลับมามองคนรักที่นอนกอดเด็กผู้หญิงหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข ซึ่งทำเอาผมที่จ้องมองอยู่ก็พลอยมีความสุขไปกับเขาด้วยเช่นกัน

Rrr…

เสียงริงโทนมือถือดังขึ้นแผ่วเบา ซึ่งเสียงของมันเกือบปลุกทั้งสองร่างตื่นอยู่รอมร่อ ผมไม่รอช้ารีบหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมาดู หากแต่ชื่อปลายสายทำให้ผมถึงกับขบฟันกรอด ก่อนจะรีบเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ เมื่อเดินออกมาแล้ว ผมจึงค่อยกดรับสายพร้อมกับกรอกเสียงแข็งๆของตัวเองลงไป

“ถ้าคิดโทรมาขอโทษตอนนี้ ผมว่าคุณเจย์ควรจะมาขอโทษลูกพีชในงานตอนกลางคืน...”

“เรื่องนั้นผมรู้ดีคุณอเล็กซ์ แต่ไม่ใช่เรื่องนั้นที่โทรมาหาคุณในตอนนี้แน่” ปลายสายตอบกลับมาทันที ซึ่งทำเอาผมที่ยังพูดไม่จบถึงกับคลายคิ้วออกด้วยความฉงน

“แล้วคุณเจย์โทรมาหาผมทำไม?”

“ผมรู้เรื่องลูกสาวของลูกพีชหมดแล้ว”

“แล้ว?”

“เด็กคนนั้น...” เสียงของเจย์หยุดไปชั่วครู่ราวกับลังเลใจที่จะพูด ก่อนจะตามด้วยเสียงถอนหายใจเฮือกเบาๆแล้วเอ่ยปากถามผมกลับมาว่า “...ใช่ลูกสาวของลูกพีชแน่หรือครับคุณอเล็กซ์”

“แน่สิ เพราะผมพาเด็กคนนั้นไปตรวจผลดีเอ็นเอมาแล้ว” ผมตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจ เพราะได้พาไปตรวจที่โรงพยาบาลในเครือมาเฟียที่ผมเคยร่วมหุ้นด้วยมาก่อน ซึ่งไม่มีผิดพลาด เด็กคนนั้นคือลูกของลูกพีชจริงแท้อย่างแน่นอน

“แต่ผมว่าไม่ใช่”

!!!!!!

“หมายความว่ายังไงว่าไม่ใช่?!” ผมถามกลับด้วยความร้อนรน เพราะไม่อยากจะเชื่อว่าการตรวจของโรงพยาบาลที่ดีที่สุดจะผิดพลาดได้

“คุณอเล็กซ์อย่าลืมสิว่าผมกับลูกพีชเป็นญาติกัน”

“เป็นญาติกันแล้วมันเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ?” ผมถามย้อนอย่างไม่เข้าใจในคำพูดของเจย์ ทว่าแทนที่อีกฝ่ายจะตอบกลับมาทันที กลับทอดถอนลมหายใจเฮือกเบาๆ แล้วจึงค่อยพูดตอบผมกลับมาด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงชนิดที่ผมได้ยินถึงกับอึ้ง

“เกี่ยวสิ ก็ในเมื่อเด็กผู้หญิงคนนั้นก็คือลูกสาวของผมเองยังไงล่ะคุณอเล็กซ์”

..........................................

 :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (ตอนที่ 27 เริ่มต้นใหม่ก็ยังไม่สาย... (อัพ 50%) P.4 15/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 31-10-2015 21:09:39
หลังจากงานแต่งพี่พีชกับคุณอเล็กซ์ในตอนเช้าเสร็จ ผมก็ได้เจอกับพี่เจย์นั่งรออยู่บนรถยนต์ที่จอดอยู่ห่างออกไปจากงานแต่งเพียงไม่กี่เมตร ซึ่งเจ้าตัวเห็นผมแล้วก็บอกว่ามีเรื่องที่จะคุยด้วย ผมก็เลยต้องตามพี่เจย์กับพ่อแม่ของพี่เจย์กลับโรงแรมไป เมื่อถึงห้องพักที่โรงแรมแล้วพี่เจย์ก็ได้นั่งลงพับเพียบต่อหน้าพวกท่าน ก่อนจะหยิบพวงมาลัยมะลิส่งให้กับพวกท่านท่ามกลางความสงสัยของทุกคน

“นี่มันอะไรกันเจย์ แม่กับพ่องงไปหมดแล้ว”

“นั่นสิเจ้าลูกชาย ไหนเล่าให้พ่อกับแม่ฟังหน่อยสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น”

“ผม...” พี่เจย์มองหน้าพ่อแม่ของตัวเองสลับกับมองมาที่ผม ก่อนจะวกสายตากลับไปหาพวกท่านแล้วก้มลงกราบที่ปลายเท้าของพวกท่าน แล้วจึงค่อยเงยหน้าขึ้นพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “...อยากจะกราบขอโทษคุณพ่อคุณแม่ที่เป็นลูกอกตัญญู ผมไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้นแบบนี้ ผม...”

“ผม?” ทีแรกผมไม่เข้าใจว่าพี่เจย์พูดถึงเรื่องอะไร แต่พออีกฝ่ายหันมามองผมเท่านั้นแหละ ผมก็รู้ได้ทันทีโดยไม่ต้องเอ่ยปากถามพี่เจย์ให้เสียเวลา

อย่าบอกนะว่าพี่เจย์จะ...

“เมื่อหนึ่งปีก่อนผมเมา...คิดว่าน้องอาร์ทเป็นลูกพีชก็เลย....”

“ก็เลย?”

“ข่มขืนน้องอาร์ทครับ”

!!!!!!

พวกท่านถึงกับอึ้งไปพักใหญ่ ก่อนจะหันมามองผมด้วยความเป็นห่วงเป็นใยแกมสงสาร

“พ่อกับแม่ต้องขอโทษด้วยนะที่มันล่วงเกินลูกน่ะ”

“ไม่เป็นไรครับคุณพ่อคุณแม่ เพราะผมลืมมันไปหมดแล้ว” ผมแสร้งฝืนยิ้มตอบกลับไปทั้งๆที่ในใจกลับไม่ใช่ ผมไม่ได้ลืมเรื่องนี้แม้แต่นิดเดียว มันฝังใจในซอกหลืบในความทรงจำที่ลึกที่สุด

“แล้วเอ็งจะว่ายังไงไอ้ลูกชาย” คุณพ่อหันไปถามพี่เจย์ต่ออย่างเอาเรื่องเอาราว ซึ่งคนถูกถามหันมามองหน้าผมอีกครั้งก่อนจะหันไปหาพวกท่าน

“ผมคิดว่าจะรับผิดชอบน้องอาร์ทด้วยการแต่งงาน”

!!!!!!

“แต่นั่นคือความคิดเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว ตอนนี้ผม...” พี่เจย์หันมามองผมอีกครั้งก่อนจะดึงมือให้ผมนั่งลงข้างกายตัวเอง จากนั้นจึงค่อยก้มหน้าจุมพิตที่หลังมือผมทันที แล้วผละหน้าออกมาอีกครั้งท่ามกลางความตกใจของพ่อแม่พี่เจย์ และผมด้วยอีกคน “...ไม่คิดแค่จะรับผิดชอบด้วยการแต่งงานเพียงอย่างเดียว ผมจะรับผิดชอบน้องเขาทั้งตัวทั้งหัวใจเลยด้วย”

“หมายความว่าลูก...” พี่เจย์ส่งยิ้มให้กับแม่ตัวเองก่อนจะตอบพวกท่านกลับไปว่า

“ผมรักน้องอาร์ทครับ”

!!!!!!

ตึก ตึก ตึก

“ให้ตายสิเจ้าลูกคนนี้” คุณพ่อคุณแม่พี่เจย์แทบจะกุมขมับเลยทันที ดูท่าพวกท่านจะเครียดอยู่พอสมควรครับ “ว่าแต่เจย์เถอะ แล้วลูกล่ะอาร์ท ลูกรักพี่เจย์หรือเปล่าล่ะ”

!!!!!!

“เอ่อ...คือ”

“ไม่ต้องรีบตอบตอนนี้ก็ได้ เพราะพ่อกับแม่อยากให้เราเก็บไปคิด”

“ครับคุณลุงคุณป้า”

“แต่ไม่ต้องเป็นห่วงไปนะหนูอาร์ท เพราะพ่อกับแม่ไม่ได้โกรธ รังเกียจหรือรับเรื่องพวกนี้ไม่ได้” คุณแม่พี่เจย์บอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พ่อกับแม่เข้าใจดี เรื่องรักมันห้ามกันไม่ได้”

“ครับคุณลุงคุณป้า” แล้วพวกท่านก็หันไปพูดกับพี่เจย์อีกครั้ง

“จากนี้ไปลูกจะจีบหนูอาร์ทหรืออะไรก็แล้วแต่พ่อแม่ไม่ว่า แต่ขอไว้อย่างหนึ่ง”

“ครับคุณพ่อคุณแม่?”

“ห้ามล่วงเกินหนูอาร์ทจนกว่าเขาจะยอมตกลงเป็นแฟนกับลูก”

!!!!!!

“ครับคุณพ่อคุณแม่ ผมจะไม่ทำแบบนั้นเด็ดขาด” พี่เจย์ตอบอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ

“ดีมาก” คุณพ่อพี่เจย์ยิ้มอย่างพึงพอใจกับคำตอบ “ถ้างั้นพ่อกับแม่ก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้วล่ะ เดี๋ยวว่าจะนอนพักผ่อนเอาแรงเสียหน่อย เพราะต้องไปงานแต่งลูกพีชกับอเล็กซ์ตอนกลางคืนอีก ว่าแต่เราเถอะไอ้ตัวแสบ ตอนกลางคืนต้องไปงานลูกพีชด้วยล่ะ ไม่งั้นพ่อกับแม่โกรธลูกจริงๆด้วยนะเออ”

“ครับคุณพ่อคุณแม่ ผมไปแน่”

“หนูอาร์ทจ้ะ” คุณแม่พี่เจย์หันมาเรียกผม

“ครับคุณป้า” ผมขานตอบด้วยความมึนงง

“กว่าจะถึงตอนมืดก็อีกนาน ยังไงก็นอนพักที่นี่ไปก่อนแล้วกัน เพราะตอนกลางคืนเดี๋ยวลูกก็ต้องไปงานของพี่ลูกพีชอีกอยู่ดี” คุณแม่พี่เจย์บอก ซึ่งผมมองหน้าพี่เจย์สลับกับท่านไปมาก่อนจะพยักหน้าตอบตกลง

“ก็ได้ครับคุณป้า” พอหมดเรื่องแล้วพวกท่านทำท่าจะลุกขึ้นยืน แต่พี่เจย์กลับห้ามเสียงไว้ก่อน

“มีอะไรอีกตาเจย์ พ่อกับแม่จะได้รีบไปพักผ่อน”

“คือผมยังมีเรื่องที่สารภาพไม่หมดครับคุณพ่อคุณแม่”

?!

“เรื่องอะไรอีกกันล่ะทีนี้” คุณพ่อถอนหายใจบ่นด้วยความเหนื่อยอ่อน

นั่นสิ...

“คือผม...” พี่เจย์พูดด้วยความลังเล แถมยังมองหน้าผมด้วยแววตาขอโทษขอโพยอะไรบางอย่างที่ผมไม่อาจทราบได้ “...ผมขอโทษครับที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่ผิดหวังอีกครั้งนะครับ เพราะตอนนั้นเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว...ผมแค้นแทนลูกพีชที่ถูกยัยเมย์บอกเลิก ก็เลย...”

ก็เลย?

พี่เจย์หลับตาลงสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะถอนหายใจแรงๆแล้วเอ่ยปากออกมาว่า

“ก็เลยลงมือข่มขืนยัยเมย์จนท้องครับ”

!!!!!!


......................................

 :m16: :m16: :m16: :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (ตอนที่ 27 ความแค้น... (อัพ 100%) P.4 31/10/58)
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 18-11-2015 22:08:15
ตอนที่ 28 บทสรุปของความรัก...

....................................................

“ไม่ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้จะเป็นลูกของคุณหรือใครก็ตาม แต่ในเมื่อลูกพีชเลือกที่จะรับเข้ามาในครอบครัวแล้วผมก็ยินดีพร้อมใจจะรับเด็กคนนี้ไว้เป็นเสมือนลูกสาวของตัวเองด้วยเช่นกัน”

“โอ้ ไม่คิดเลยว่านั่นจะเป็นคำพูดของคนเป็นอดีตหัวหน้ามาเฟียอย่างคุณ”

“ว่าแต่คุณเจย์แน่ใจแล้วหรือว่าจะให้เด็กคนนี้กับเรา...จะมาทวงคืนทีหลังไม่ได้อีกแล้วนะ” ผมบอกกลับไป ซึ่งทำเอาปลายสายเงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงขมขื่น

“ไม่ทวงคืนทีหลังแน่ครับ...เพราะคนชั่วอย่างผมไม่มีสิทธิ์ที่จะเป็นพ่อของเด็กคนนั้นได้...คุณก็รู้”


“กำลังคิดอะไรอยู่เหรอครับคุณอเล็กซ์ คิ้วนี้ขมวดใหญ่เชียว” เสียงหวานถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง ซึ่งทำเอาผมชะงักความคิดของตัวเอง มือกำลังผูกเนกไทยืนอยู่หน้าบานกระจกตู้เสื้อผ้าเตรียมแต่งตัวที่จะไปทำพิธีงานแต่งงานของตัวเองกับลูกพีชในตอนกลางคืน ก่อนจะหันกลับไปมองร่างบางซึ่งอยู่ในชุดแต่งงานกำลังนั่งอยู่บนรถวีร์แชร์เรียบร้อยแล้ว “ปวดหัวหรือเปล่าครับ ลูกพีชจะได้ไปเอายาให้”

“ไม่ครับที่รัก ผมสบายดี” ผมส่ายหน้ายิ้มตอบ พร้อมกับจ้องมองลูกสาวที่กำลังนั่งอยู่ในอ้อมกอดคนรักของตัวเอง “ว่าแต่เรื่องชื่อเล่นลูกสาว...ลูกพีชคิดไว้แล้วหรือยังครับเอ่ย”

ผมพูดเปลี่ยนเรื่อง เพราะตอนไปทำเรื่องขอเด็กคนนี้ ผมเป็นคนคิดชื่อจริงให้กับเขา ซึ่งเหลือแต่ชื่อเล่นที่ยังไม่ได้ตั้ง ดังนั้นผมจึงยกหน้าที่ให้ลูกพีชเป็นคนคิดแทน

“คิดไว้แล้วครับ แต่เยอะจนไม่รู้จะใช้ชื่อว่าอะไรดี คุณอเล็กซ์ต้องช่วยลูกพีชเลือกด้วยนะ” 

“ฟอด! แน่นอนครับที่รัก ผมช่วยคุณแน่” ผมหอมแก้มตอบคนรักกลับไป ก่อนจะนั่งลงฟังลูกพีชร่ายชื่อเล่นที่เป็นคนคิดขึ้นเองให้ผมฟังอย่างสนุกสนาน

..........................................

 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (ตอนที่ 28 บทสรุปของความรัก... (อัพ 20%) P.4 18/11/58)
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 02-12-2015 20:16:28
งานแต่งตอนกลางคืนดูไม่วุ่นวายมากนัก เพราะคุณอเล็กซ์กลัวว่าร่างกายผมที่ยังไม่แข็งแรงพอจะทนความเหน็ดเหนื่อยไม่ไหว จึงชวนแค่ครอบครัวญาติสนิทมิตรสหายมาร่วมงานในเวลานี้เท่านั้น ซึ่งสถานที่จัดงานก็ไม่พ้นบ้านของพวกผมสองคนเองครับ (ส่วนลูกสาว ผมฝากน้องแบมให้ช่วยเลี้ยงชั่วคราว)

“ขอแสดงความยินดีด้วยทั้งสองคน ขอให้พวกเธอรักกันอยู่ไปจนแก่เฒ่า”

“ขอบคุณครับคุณพ่อคุณแม่” ผมกับคุณอเล็กซ์พูดขอบคุณพวกท่านพร้อมกัน ก่อนที่ผมจะเงยหน้ามองหาใครบางคนที่น่าจะมางานตอนกลางคืนด้วย “ว่าแต่คุณเจย์ล่ะครับ เห็นน้องแบมบอกว่าจะมา”

“เห็นบอกว่าขอไปทำธุระก่อนแล้วจะขับรถตามมา...อ๊ะนั่นไง พูดถึงก็มาพอดี” ผมหันไปตามเสียงคุณแม่ของคุณเจย์ ก่อนจะเห็นร่างสูงเดินถือกล่องของขวัญขนาดเล็กมาในขณะที่มือซ้ายกอบกุมมือบางของใครบางคนที่ผมรู้จักอีกด้วย

?!

“ขอโทษนะครับที่มาสาย พอดีขับรถวนไปเอากล่องของขวัญมา” คุณเจย์บอกกับคุณแม่ก่อนจะหันมาหาผมที่นั่งอยู่บนรถวีร์แชร์กับคุณอเล็กซ์ที่ยืนอยู่เคียงข้าง “ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ และก็ต้องขอโทษด้วยที่เมื่อเช้าไม่ได้ไปงาน พอดีติดธุระนิดหน่อย อ๊ะ นี่ของขวัญ อย่าเพิ่งรีบแกะเชียวนะ ไว้เข้าห้องนอนแล้วถึงค่อยแกะนะครับโอเคไหมคุณอเล็กซ์”

?!

“โอเคครับ” คุณอเล็กซ์เอ่ยปากตอบรับอย่างว่าง่ายในขณะที่ผมได้แต่สงสัยเงียบๆ

ทำไมต้องแกะตอนอยู่ในห้องนอนด้วยล่ะ?

“ลูกพีชครับ” คราวนี้คุณเจย์หันมาเรียกผมแทน ซึ่งผมก็หันไปมองก่อนที่อีกฝ่ายยกยิ้มมุมปาก ชูมือซ้ายของน้องอาร์ทขึ้นมา แลเห็นนิ้วนางมีแหวนสีเงินเรียบง่ายอยู่บนนั้นด้วย

เอ๊ะ? อย่าบอกนะว่า...

ผมหันไปมองอีกมือหนึ่งของคุณเจย์ ซึ่งมีแหวนแบบเดียวกันอยู่บนนิ้วนางขวาด้วยเหมือนกัน

“เจย์กับน้องอาร์ท...” คุณเจย์พูดพลางเหลือบตามองน้องอาร์ทด้วยรอยยิ้มเปี่ยมสุข ก่อนจะหันมามองผมกับคุณอเล็กซ์อีกครั้ง “...เราทั้งคู่หมั้นกันแล้วครับ และจะเข้าพิธีแต่งงานในเร็วๆนี้ด้วย”

เอ๊ะ?

เอ๋!!!!!!!!!!


“ลูกพีชไม่ต้องมองแบบนั้นครับ เจย์กับน้องอาร์ทคบกันมานานแล้ว แต่ปิดไม่ให้ใครรู้ก็เท่านั้นเอง” คุณเจย์พูดเฉลยข้อสงสัย ซึ่งผมเองก็ได้แต่นั่งอึ้งพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว “ต่อจากนี้ไปเจย์คงไม่ได้อยู่ข้างกายลูกพีชอีกแล้ว เพราะลูกพีชก็มีคุณอเล็กซ์คอยอยู่ดูแลเป็นคู่ชีวิตแล้วนี่นะ”

“คุณเจย์” ผมร้องเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา ถึงแม้จะดีใจที่อีกฝ่ายมีคนรักเป็นตัวเป็นตนแล้วก็ตาม แต่ก็อดใจหายไม่ได้ที่ต้องแยกจากกับเพื่อนรักอย่างคุณเจย์ไป

“โตแล้วนะครับลูกพีช อย่าขี้แยเหมือนเด็กอีก” ผมพยักหน้ารัว น้ำตาปริ่มเลยงานนี้

“แล้วเรา...” ผมเอ่ยปากพูดขึ้นมาบ้าง “...จะได้เจอกันอีกไหม”

“แหม ทำไมลูกพีชพูดเหมือนกับเจย์ไปอยู่ที่ไกลแสนไกลแบบนั้นล่ะ เจย์ก็ยังอยู่ที่ประเทศไทยตามเดิมนี่แหละครับ ไม่ได้ไปไหนไกลเสียหน่อยจริงไหมน้องอาร์ท” อีกฝ่ายพูดพลางหันไปถามความเห็นคนรักของตัวเอง ซึ่งน้องอาร์ทพยักหน้าตอบกลับมาทันที

“จริงครับพี่เจย์ พี่พีชไม่ต้องเป็นห่วงนะ พวกผมจะมาเยี่ยมเยียนพี่พีชที่นี่บ่อยๆเลยล่ะ”

“จริงๆนะ ต้องมาให้ได้นะ ห้ามลืมลูกพีชล่ะ” ผมพูดย้ำด้วยความหวาดระแวง ก็คนอยู่ด้วยกันเห็นหน้าด้วยกันทุกวัน ก็มีบ้างที่จะรู้สึกใจหวิวเป็นของธรรมดา ส่วนทั้งสองคนเมื่อได้ยินที่ผมพูดก็พยักหน้ายิ้มตอบผมอีกครั้ง

“ครับ มาหาแน่นอน”

.....................................................

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (ตอนที่ 28 บทสรุปของความรัก... (อัพ 50%) P.4 02/12/58)
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 22-12-2015 21:04:56
“แด๊ดดี้ คุณพ่อ! อุ้มรักกลับมาแล้วค่า”

ร่างผอมเพรียวในชุดกระโปรงนางฟ้าสีขาวฟูฟ่องวิ่งถาโถมเข้ากอดผู้เป็นที่รักดุจสายเลือดแท้อย่างรวดเร็ว ทำเอาทั้งคู่ที่ไม่ทันได้ตั้งตัวเกือบจะล้มลงไปเพราะนางฟ้าน้อยของพวกเขาไม่ใช่เด็กน้อยเหมือนแต่ก่อน บัดนี้เจ้าตัวสูงชะลูดเหยียบร้อยเจ็ดสิบเหมือนบิดาในสายเลือดที่แท้จริงของเจ้าตัว ซึ่งอเล็กซ์กับลูกพีชไม่เคยบอกกล่าวกับลูกสาวของตนว่าใครคือพ่อที่แท้จริงของเธอแม้แต่น้อย

“แต่ลูกพีชว่าควรจะบอกนะครับ” หลังจากได้ความทรงจำกลับคืนมา ก็ใช้เวลาอยู่เกือบสิบปีดีดัก แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงรักสามีตนไม่เสื่อมคลาย ส่วนเรื่องลูกสาวที่เลี้ยงดูมา เขาเองก็เพิ่งจะมารับรู้จากปากของสามีตนเอง ซึ่งเขาก็ไม่ได้รังเกียจเดียดฉันท์ แถมยังรักลูกสาวคนนี้มากขึ้นกว่าเดิมเท่าตัว “ไม่ใช่ว่าลูกพีชจะขับไสไล่ส่งอุ้มรักหรอกนะครับ แต่ลูกพีชอยากให้แกได้รับรู้ถึงตัวตนพ่อที่แท้จริงของแกบ้าง”

คนฟังถึงกับหน้านิ่วคิ้วขมวด ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากจะบอกอุ้มรัก แต่เกรงว่าจะมีปัญหาในภายหลัง

“ลูกพีชเชื่อว่าอุ้มรักต้องเข้าใจ ว่าทำไมพ่อที่แท้จริงของแกถึงไม่ยอมรับเลี้ยงดู”


เพราะด้วยเหตุนี้พอถึงวันครบรอบยี่สิบห้าปีบริบูรณ์ของอุ้มรัก พวกเขาสองคนจึงตัดสินใจจะบอกความจริง และได้แอบพาเจย์ตามมาที่สนามบินในครั้งนี้ด้วย

“ว่ายังไงครับอุ้มรัก ไปฝึกงานกับคุณอาอลันเป็นยังไงบ้าง” หลังจากกอดหอมลูกสาวด้วยความรักจนพอใจแล้วลูกพีชจึ่งค่อยถามผลของการไปฝึกงานที่บริษัทของอลันหรือพี่ชายของสามีตนนั่นเอง

“จะให้อุ้มรักตอบแบบไหนล่ะคะคุณพ่อ แบบข่าวดีกับแบบข่าวร้ายเอ่ย” อุ้มรักตอบหน้าระรื่น ซึ่งทำให้อเล็กซ์ถึงกับใช้มือมะเหงกหัวคนตอบเบาๆด้วยความเอือมกับความขี้เล่นของลูกสาวตัวเอง “โธ่ แด๊ดดี้ อุ้มรักแค่ล้อเล่นคุณพ่อเฉยๆเอง ไม่เห็นถึงกับต้องเขกหัวอุ้มรักแบบนี้เลย”

“มันใช่เวลาเล่นไหมล่ะ” อเล็กซ์พูดด้วยความหงุดหงิดใจ เขาไม่น่าปล่อยให้ลูกสาวไปเรียนต่อปริญญาตรีที่ต่างประเทศเลย ทำให้อุ้มรักติดนิสัยขี้เล่นของพี่ชายตนมาอย่างไม่ตั้งใจ

“ไม่เป็นไรครับคุณอเล็กซ์ เรื่องแค่นี้เอง” ลูกพีชกลัวคนรักของตนจะมีเรื่องกับลูกสาวเสียก่อน จึงรีบพูดห้ามปรามไม่ให้เกิดเรื่องทะเลาะกันไปมากกว่านี้ “เอาล่ะอุ้มรัก จะด้วยข่าวดีหรือข่าวร้ายก็บอกคุณพ่อมาได้เลยครับ”

อุ้มรักยิ้มหัวเราะอย่างดีใจที่คุณพ่อเข้าข้างตนเอง ก่อนจะกระแอมไอแล้วพูดเฉลยข้อสงสัยทันที

“ข่าวร้ายก็คือ ที่บริษัทคุณอาอลันฝึกโหดมากจนอุ้มรักเกือบจะไม่ผ่านการฝึกงาน”

“อะไรนะ?! เกือบไม่ผ่านเลยหรือลูก!!” ลูกพีชถึงกับร้องอุทานเสียงหลง เพราะอุ้มรักเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์อยู่ในตัว แม้จะเรียนไม่เก่งเหมือนคุณเจย์ที่เป็นถึงอดีตเด็กห้องคิงก็ตาม แต่เรื่องการเข้าสังคมกับความขยันในการเรียนเป็นเยี่ยมไม่แพ้ผู้เป็นพ่อเลยทีเดียว

“ใช่แล้วค่า แหะๆ” อุ้มรักตอบหัวเราะไปยกมือขึ้นเกาหัวตัวเองไปพลาง “ส่วนข่าวดีก็คือ อุ้มรักสอบผ่านแบบเฉียดฉิวเลยค่า!!”

คำตอบสุดท้ายทำเอาลูกพีชกับอเล็กซ์ถึงกับถอนหายใจพร้อมกัน

“แล้วไปทำอีท่าไหนถึงผ่านได้ล่ะครับอุ้มรัก” อเล็กซ์ถามต่อด้วยความสงสัย ถ้าเป็นสมัยก่อนตอนที่เขายังอยู่ที่นั่น เขาจะเคี่ยวกับเด็กฝึกงานอยู่มากพอสมควร เพราะที่ทำงานเขาไม่ใช่ที่เล่นสำหรับเด็กน้อยมาฝึกเล่นๆได้ แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นพี่อลันมาดูแลแทน ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเคี่ยวกับเด็กฝึกหัดมากแค่ไหน

“ฮี่ๆ” เจ้าตัวหัวเราะก่อนจะเข้าหอมแก้มซ้ายขวาลูกพีชกับอเล็กซ์พร้อมกันอย่างรวดเร็ว โดยที่ทั้งคู่ไม่ทันได้ตั้งตัว “อุ้มรักก็ใช้วิธีนี้ยังไงล่ะคะ”

คำตอบของอุ้มรักทำให้พวกเขาถึงกับทึ่ง โดยเฉพาะอเล็กซ์ถึงกับเกือบจะหลุดขำออกมา เพราะส่วนมากพี่ชายตนจะเป็นคนโหดเหี้ยม ผิดกับเขาที่ยังอ่อนด้อยนัก แต่ถึงกระนั้นพี่ชายก็ยังไม่วายแพ้ความขี้อ้อนของหลานสาวตัวเองอยู่ดี

“เอาล่ะ ถามพอหอมปากหอมคอมากล่ะ วันนี้ที่แด๊ดดี้กับคุณพ่อมารับเราก็เพราะอยากจะให้เจอกับใครซักคนหนึ่ง แด๊ดดี้ขอบอกไว้ก่อนนะว่าถ้าเจอกันแล้วอย่าได้วิ่งหนีไปไหนเด็ดขาดนะรู้ไหม” อเล็กซ์พูดกำกับเป็นอย่างดี ซึ่งทำเอาคนฟังอย่างอุ้มรักถึงกับเอียงคอฟังด้วยความฉงน

“เอ๋? ทำไมอุ้มรักต้องวิ่งหนีด้วยล่ะคะแด๊ดดี้”

“เอาเถอะน่ะ เชื่อฟังที่แด๊ดดี้พูดก็พอ” อเล็กซ์พูดก่อนจะหันกลับหลังไปกวักมือเรียกใครบางคนให้ออกมา ซึ่ง ณ วินาทีที่เจย์เดินออกมา อุ้มรักถึงกับมุ่นคิ้วมองด้วยความสงสัย

“นั่นใครคะแด๊ดดี้คุณพ่อ” เนื่องจากเจย์ไม่เคยมาหาอุ้มรักเลยซักครั้งนอกจากวันงานแต่งของพวกเขาสองคน เด็กสาวจึ่งไม่รู้จักใบหน้าค่าตาของเจย์เลยแม้แต่น้อย ซึ่งลูกพีชหันหน้าไปทางคนรักของตัวเองก่อนจะหันหน้ากลับมาตัดสินใจบอกกับลูกสาวว่า

“นี่คุณเจย์ ลูกพี่ลูกน้องของพ่อหรือพ่อที่แท้จริงของลูกยังไงล่ะครับอุ้มรัก”

.......................................................

“แล้วอุ้มรักวิ่งหนีหรือเปล่าล่ะอเล็กซ์”

เสียงทางโทรศัพท์ถามด้วยความตื่นเต้น ซึ่งทำเอาคนเล่าเรื่องถึงกับถอนลมหายใจตอบกลับไปว่า

“ไม่หนีแต่...”

“ตบหน้า” จะเดาได้แม่นเกินไปแล้ว “ฉันเดาว่าอุ้มรักต้องตบหน้าแกแน่ไอ้น้องชายเอ๋ย”

“ใช่ครับแต่ถูกแค่ครึ่งเดียว”

“อะไรนะ?! นี่ตบหน้าลูกพีชด้วยงั้นหรือ” อีกฝ่ายร้องอุทานเสียงหลง จนอเล็กซ์ต้องถือสายหนีเพราะอีกฝ่ายพูดเสียงดังเกินไป ก่อนจะเอาโทรศัพท์แนบหูตัวเองอีกครั้ง “ฉันไม่เคยสั่งเคยสอนให้เด็กคนนี้ตบหน้าผู้ใหญ่เลยนะสาบานได้”

“แต่สาบานได้ว่าตบไปแล้ว...คนละฉาด” เขาจำเหตุการณ์ได้แม่น อุ้มรักน้ำตาไหลพรากตบหน้าเขากับลูกพีชคนล่ะครั้ง แต่ก็ไม่ได้วิ่งหนีตามที่เขาเคยพูดเอาไว้ ก่อนที่เจย์จะตัดสินใจพาอุ้มรักไปคุยกันที่ร้านกาแฟกันสองคนตามลำพัง ส่วนพวกเขาสองคนก็นั่งดูอยู่อีกร้านไม่ตามเข้าไปข้างในด้วย

“แล้วต่อจากนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง?” อีกฝ่ายถามต่อด้วยความสงสัย ซึ่งอเล็กซ์ได้ยินเสียงละเมอร้องไห้จากคนรักที่นอนอยู่ข้างกาย จึงไม่ตอบคำถามพี่ชายเดี๋ยวนั้น แต่กลับหันไปเช็ดน้ำตาพร้อมกับลูบหัวปลอบคนรักด้วยความอ่อนโยน ซักพักพออีกฝ่ายไม่นอนละเมออีก จึงหันกลับไปตอบคำถามพี่ชายที่ยังคงถือสายรออยู่

“สองคนนั้นคุยกัน...” อเล็กซ์พูดต่อในขณะที่มือยังคงกุมมือบางคนรักไว้ “...ประมาณเกือบหนึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ แล้วเดินออกมาพร้อมกัน เห็นคุณเจย์บอกว่าจะขออุ้มรักไปนอนค้างคืนด้วย”

“อะไรนะ? ค้างคืนงั้นเหรอ”

“ใช่แล้วครับพี่อลัน ค้างคืน” อเล็กซ์ตอบย้ำเสียงเบาพร้อมกับครุ่นคิดถึงช่วงวินาทีนั้น ที่ลูกสาวตนแทบจะไม่มองหน้าไม่คุยกับพวกเขาเลยด้วยซ้ำ “แต่คุณเจย์บอกว่าพรุ่งนี้จะโทรมาบอกอีกที”

“ให้ตายสิ แล้วนี่ลูกพีชไม่ร้องห่มร้องไห้เลยหรือ”

“ร้องครับ แต่หลับไปแล้ว” และคาดว่าพรุ่งนี้ไข้คงจะขึ้นเหตุเนื่องด้วยร้องไห้หนักจนเกินไป...

“ยังไงแกก็พยายามเข้าแล้วกันนะ มีอะไรให้ช่วยก็โทรบอกฉันได้ทุกเมื่อ”

“ครับพี่อลัน” เมื่อปลายสายวางไปแล้ว เขาจึงล้มตัวลงนอนกอดคนรัก ซึ่งเจ้าตัวก็ร้องครางเสียงร่ำไห้ ทำเอาอเล็กซ์ต้องนอนกอดคนรักไปพูดปลอบใจไปพลาง แต่ก็อดเจ็บใจแทนลูกพีชเสียมิได้ ถ้าพรุ่งนี้คำตอบไม่ได้เป็นดั่งที่หวังเอาไว้ เขาจำต้องใช้ไม้แข็งเสียบ้างแล้ว

โทษฐานที่ทำให้ลูกพีชของเขาต้องเจ็บปวด!

...................................................

ปล.ตอนหน้าจบแล้วจริงๆค่า...
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (ตอนที่ 28 บทสรุปของความรัก... (อัพ 100%) P.4 22/12/58)
เริ่มหัวข้อโดย: abcee ที่ 23-12-2015 13:26:23
มาปูเสื่อรอตอนจบจ้า รีบๆมาน้า^^
หัวข้อ: Re: Innocent Flower (ตอนที่ 28 บทสรุปของความรัก... (อัพ 100%) P.4 22/12/58)
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 27-12-2015 22:58:44
ตอนที่ 29 หนทางที่จะต้องก้าวเดินกันต่อไป...

......................................................................

“พ่อให้เรานอนค้างแค่คืนนี้คืนเดียวเท่านั้น”

“คุณพ่อ!” อุ้มรักหรือลูกสาวเพียงคนเดียวของเขาถึงกับทำท่าไม่พอใจในคำตอบ ก่อนจะเข้าไปกอดแขนออดอ้อนคนรักของเขาที่ยืนเกาหัวด้วยความมึนงง “คุณน้าช่วยอุ้มรักกล่อมคุณพ่อหน่อยสิคะ ว่าอุ้มรักจะย้ายมาอยู่ที่นี่...ตลอดไปไม่กลับไปหาคนหลอกลวงเลยด้วย”

“อุ้มรัก!!” เจย์ตวาดเสียงเข้มด้วยความโมโห แน่นอนว่าร่างบางถึงกับก้มหน้าหลบไปอยู่ด้านหลังด้วยความหวาดกลัวทันที

ให้ตายสิ ทำไมเป็นเด็กที่ดื้อขนาดนี้ก็ไม่รู้!!

“นี่ก็ดึกมากแล้วอาร์ทว่าพี่เจย์ค่อยพูดค่อยจากันดีกว่าไหมครับ” อาร์ทรีบพูดห้ามปรามเพราะกลัวเสียงของทั้งคู่จะดังรบกวนชาวบ้านที่อยู่รอบข้าง เพราะตอนนี้พวกเขาไม่ได้พักอยู่ที่คอนโดหรู แต่เป็นบ้านที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของเขากับพี่เจย์ล้วนๆ “เชื่ออาร์ทเถอะครับ นั่งพักให้หายเหนื่อย ดื่มน้ำเย็นๆ แล้วเราค่อยมานั่งคุยกัน...ตกลงนะครับ”

ทั้งเจย์ทั้งอุ้มรักมองหน้ากันก่อนจะหันมาพยักหน้าตอบตกลง ซึ่งทำเอาอาร์ทถึงกับหายใจโล่งคอ เพราะอย่างน้อยทั้งคู่ก็ยอมเชื่อฟังที่เขาพูดแต่โดยดี

สมแล้วที่เป็นพ่อลูกกัน...

เลือดร้อนเหมือนกันทั้งคู่ไม่มีผิด...


“อุ้มรักครับ จะดื่มอะไรดีเอ่ย แต่น้าขอห้ามเรื่องน้ำอัดลมกาแฟเพราะมันไม่ดีต่อสุขภาพ อ้อ รวมถึงของมึนเมาด้วย” เขาย้ำเสียงแข็ง เพราะไม่อยากให้เด็กคนนี้ได้แตะต้องของมึนเมาเหมือนกับพ่อของตัวเอง

“อะไรก็ได้ค่ะคุณน้า อุ้มรักดื่มได้หมดค่ะ” เจ้าตัวกอดอกพูดโดยไม่หันไปมองหน้าคนเป็นพ่อ ส่วนพี่เจย์เองก็ทำท่าคล้ายกัน ผิดตรงที่ร่างสูงลุกขึ้นเดินไปสูบบุหรี่อยู่ข้างนอกระเบียงแล้ว

“โอเคครับ งั้นน้าจะไปเอาน้ำส้มคั้นมาให้” อาร์ทยิ้มตอบพร้อมกับยกมือขึ้นลูบหัวหลานสาวตัวเองด้วยความเอ็นดู ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองคนรักที่กำลังยืนสูบบุหรี่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “พี่เจย์ อาร์ทขอล่ะ เรื่องบุหรี่ให้มันเพลาๆลงบ้าง อายุก็ไม่ใช่น้อยแล้วนะครับ”

คนถูกตำหนิหันมามองเขาทันที ก่อนจะขยี้บุหรี่ด้วยความหงุดหงิด แล้วหมุนตัวเดินกลับเข้ามาในบ้านนั่งลงบนเก้าอี้โซฟาตรงกันข้ามกับลูกสาวของตัวเองที่กำลังนั่งกอดอกอยู่

“พี่ขอน้ำมะนาวเย็นๆชื่นใจหน่อยแล้วกัน พอดีเปรี้ยวปากน่ะ”

“ได้ครับพี่เจย์ กรุณารอซักครู่” แล้วเขาลอบมองทั้งคู่ก่อนจะเดินออกจากห้องรับแขกไป

หวังว่าพวกเขาจะไม่ทะเลาะกันตอนที่ผมไม่อยู่ที่ห้องหรอกนะ...

..........................................

เช้าวันรุ่งขึ้นข่าวที่พวกผมรอคอยก็มาถึง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นหลังจากที่เขาลุกขึ้นไปทำกับข้าวในขณะที่ลูกพีชยังคงนอนป่วยอยู่บนเตียง ก่อนจะรีบวิ่งไปรับสายเพราะเกรงว่าเมียสุดที่รักจะตื่นเสียก่อน

“ว่ายังไงครับคุณเจย์”

“นี่อาร์ทเองครับคุณอเล็กซ์” ปลายสายตอบแก้ความเข้าใจผิด “อาร์ทว่าคุณกับพี่พีชมารับลูกสาวที่บ้านจะดีกว่านะครับ เพราะดูท่าพี่เจย์กับอุ้มรักจะ...”

อีกฝ่ายพูดยังไม่ทันจบดีปลายสายก็ถูกตัดเสียก่อน ซึ่งทำเอาอเล็กซ์หัวเสียจึงโทรกลับไปอีกครั้ง แต่ฝั่งนั่นก็ไม่มีวี่แววว่าจะรับสายเขาแม้แต่น้อย

สงสัยคงต้องไปที่นั่นแล้วจริงๆ...

“อือ...ใครโทรมาเหรอครับคุณอเล็กซ์” ร่างบางในชุดนอนยืนอยู่หน้าประตูทางเข้าห้องครัวกำลังยกมือขึ้นขยี้ตาตัวเองอย่างงัวเงีย ซึ่งทำเอาเขารีบปราดเข้าไปพยุงร่างบางเพราะกลัวว่าคนรักจะเป็นลมล้มพับไปเสียก่อน “อื้อ ลูกพีชเดินเองได้ครับ ไม่ต้องช่วยหรอก”

“ไม่ได้ครับที่รัก เกิดที่รักเป็นอะไรขึ้นมา พี่คงขาดใจตายแน่ๆเลย” หลังจากพวกเขาสองคนได้แต่งงานกัน เขากับลูกพีชก็ได้ทำการตกลงเรื่องการใช้สรรพนามกันและกัน โดยที่เขาจะพูดแทนตัวเองว่าพี่ ส่วนลูกพีชก็ยังคงเรียกตัวเองว่าลูกพีชตามเดิม

“เมื่อครู่นี้คุณอเล็กซ์โทรคุยกับใครหรือครับ” เจ้าตัวพูดเข้าเรื่องหลังจากที่อเล็กซ์พานั่งเก้าอี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้ใบหน้าจะไม่ค่อยแดงเท่าเมื่อคืนแต่ตัวยังรุมๆอยู่

“น้องอาร์ทน่ะครับ” เขาตอบก่อนจะพูดต่อ “เขาอยากให้เราไปรับอุ้มรัก แต่พี่เป็นห่วงเรา เกรงว่าถ้าเดินทางไปๆมาๆ จะทำให้เป็นไข้หนักยิ่งกว่าเก่าได้”

“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงครับคุณอเล็กซ์ เพื่ออุ้มรักแล้วแค่นี้ลูกพีชทนได้” เจ้าตัวเถียงค้านหัวชนฝา ซึ่งทำเอาอเล็กซ์ถึงกับเครียด “นะครับนะคุณอเล็กซ์ ลูกพีชอยากเจออุ้มรัก อยากพูดขอโทษแก อยากปรับความเข้าใจแกด้วย ถึงแม้อุ้มรักจะไม่ใช่ลูกของพวกเราจริง แต่ถึงยังไงเขาก็เป็นเด็กที่พวกเราอุตส่าห์เลี้ยงขึ้นมาเองกับมือนะครับคุณอเล็กซ์”

“แต่พี่...” เขากำลังจะเถียงแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นน้ำตาของลูกพีชที่ไหลอาบแก้มอันนวลเนียน

ให้ตายสิ เจ้าลูกคนนี้ทำให้เมียเขาต้องหลั่งน้ำตาเป็นครั้งที่สอง!!

“นะครับคุณอเล็กซ์” เจ้าตัวพูดเสียงอ้อนวอนอย่างสั่นเครือ

“ตกลงครับ ไปก็ไป” อเล็กซ์ยอมตอบตกลงแต่โดยดี ก่อนจะให้คนรักทานข้าวทานยากับผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมกัน แล้วพากันขึ้นรถออกเดินทางไปยังบ้านของเจย์

.............................

“เก็บเสื้อผ้าซะ เดี๋ยวพวกเขาก็มารับลูกแล้ว”

“ไม่!!” อุ้มรักค้านเสียงแข็ง เธอกอดรักกระเป๋าเสื้อผ้าแน่นราวกับกลัวคุณพ่อตนจะมายื้อแย่งไป “อุ้มรักจะอยู่ที่นี่ จะอยู่กับคุณพ่อ หรือว่าคุณพ่อรังเกียจอุ้มรัก ถึงได้พยายามขับไสไล่ส่งไปอยู่กับคนอื่นน่ะ”

“อุ้มรัก!!” เจย์ถึงกับอึ้ง เขาไม่อยากจะเชื่อว่าอีกฝ่ายจะกล้าพูดออกมาแบบนี้

“อุ้มรักแค่อยากอยู่กับคุณพ่อ มันผิดมากเลยหรือคะ!!” อุ้มรักเถียงกลับไปทั้งน้ำตา เธอไม่อยากจะกลับไปอยู่กับครอบครัวที่แสนจอมปลอมอีก ซึ่งคำตอบของเธอทำให้เจย์ถึงกับลมออกหู ใช้มือตบหน้าลูกสาวของตัวเองจนถึงกับหน้าหันไปอีกข้าง

“พี่เจย์!!” อาร์ทเดินเข้ามาเห็นเข้าพอดี จึงรีบรุดเข้ามาในห้องก่อนจะดึงร่างคนรักให้ออกห่างจากอุ้มรักเพราะเกรงว่าจะมีการตบตีอีก “พอเถอะครับ อย่าทะเลาะกันอีกเลย”

“มีคุณพ่อแบบนี้สู้ไม่มีจะดีกว่าอีก!!”

“อุ้มรัก!!” เจย์ตวาดเสียงใส่และทำท่าจะเข้าไปตบอีกครั้ง แต่หัวใจเกิดเต้นรัวผิดปกติ ทำเอาร่างสูงถึงกับงอเข่าทรุดลงไปนั่งกับพื้นท่ามกลางความตกใจของอุ้มรักกับอาร์ท

“คุณพ่อ! / พี่เจย์!!”

“ไม่เป็นอะไรมากหรอก ไม่ต้องตกใจ” เจย์ยกมือขึ้นห้ามทั้งคู่ ก่อนจะพยายามลุกขึ้นยืนโดยมีอาร์ทกับอุ้มรักคอยช่วยพยุงขึ้นนั่งบนเก้าอี้โซฟาอีกที อันที่จริงเขาแอบปิดไม่ให้ใครรู้ เรื่องที่เขาเป็นโรคหัวใจ

มันคงถึงเวลาแล้วที่เขาต้องชดใช้กรรมที่ตัวเองเป็นคนก่อ...

“อาร์ทว่าพี่เจย์ไปหาหมอจะดีกว่านะครับ เผื่อเป็นอะไรขึ้นมา คุณหมอจะได้...”

“พี่สบายดี อาร์ทไม่ต้องเป็นห่วง” เจย์ไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องเป็นห่วงจึงรีบบอกเอาไว้ก่อน ก่อนจะหันไปมองลูกสาวของตนที่มีสีหน้าเคร่งเครียดแกมกังวล “อุ้มรัก พ่อขออะไรอุ้มรักซักข้อจะได้ไหม”

“อะไรคะคุณพ่อ ทำไมคุณพ่อต้องพูดแบบนี้ด้วย อุ้มรักไม่เข้าใจ” อีกฝ่ายถามด้วยความมึนงง

“เถอะน่า เชื่อพ่อสิ”

“ก็ได้ค่ะ เชิญคุณพ่อว่ามาได้เลย” เจ้าตัวยอมลงหนึ่งก้าว ซึ่งทำให้เขาถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก “แต่ถ้ามันยากเหนือบ่ากว่าแรง อุ้มรักจะพิจารณาอีกที”

“อุ้มรัก”

“ก็ได้ค่ะ อุ้มรักจะทำตามที่คุณพ่อสั่ง” เจ้าตัวยอมแต่โดยดี ในขณะที่คนรักของเขามีสีหน้าเป็นกังวลแต่ก็ไม่ได้ถามคำถามอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว

สมแล้วที่อยู่ด้วยกันมาหลายปี...

รู้ใจเขาไปเสียหมด...


เจย์ยิ้มให้กับความคิดของตัวเองก่อนจะเอ่ยคำขอกับลูกสาวตัวเองว่า

“ถ้าอุ้มรักรักพ่อแล้วล่ะก็ ช่วยกลับไปอยู่กับคุณอเล็กซ์กับลูกพีชเหมือนเดิมเถอะนะ”

.................................

“ที่รักตื่นได้แล้วครับ ถึงบ้านคุณเจย์แล้วนะครับ”

“อือ ถึงแล้วหรือครับคุณอเล็กซ์” ลูกพีชพูดด้วยน้ำเสียงงัวเงีย เนื่องจากระยะทางจากบ้านพวกเขากับบ้านของเจย์ค่อนข้างไกล ทำให้ต้องใช้เวลาในการเดินทางอยู่พอสมควร “ขอโทษด้วยนะครับที่ลูกพีชหลับ ไม่ได้อยู่คุยตอนคุณขับรถเลย”

อเล็กซ์ได้ยินดังนั้นก็หอมแก้มหน้าผากคนขี้เซาเบาๆ ก่อนจะผละหน้าออกมาส่งยิ้มให้

“ไม่เป็นไรครับที่รัก แค่นี้เอง” เมื่อลงจากรถพวกเขาก็พบกับน้องอาร์ทยืนรออยู่หน้าประตูทางเข้าบ้านแล้ว “ขอโทษที่ให้คอยนาน พอดีวันนี้ในเมืองรถติดเยอะน่ะ ว่าแต่อุ้มรักกับคุณเจย์เป็นยังไงบ้าง”

อเล็กซ์พูดตอบก่อนจะถามด้วยความสงสัย เพราะตอนคุยกันทางโทรศัพท์นั้นเขายังฟังไม่ได้ศัพท์ สายก็ชิงตัดไปเสียก่อน ส่วนน้องอาร์ทที่เดินนำพวกเขาเข้าไปในบ้านก็หยุดเดินทันที ก่อนจะหันมาตอบคำถามของเขาด้วยสีหน้าซีดเซียว

“พอดีคุณเจย์...เอาเป็นว่าคุณอเล็กซ์กับพี่พีชเข้าไปเห็นก็จะรู้เองแหละฮะ”

“เอ๋?” ทั้งเขาทั้งลูกพีชต่างร้องอุทานพร้อมๆกัน ครั้นเดินเข้าไปในห้องรับแขก กุญแจรถยนต์ถึงกับต้องหล่นกับพื้นไปทันทีที่เห็นร่างคุ้นตานอนหน้าซีดอยู่บนเก้าอี้โซฟาตัวยาว ในขณะที่อุ้มรักนั่งอยู่ข้างกายเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้กับคนป่วยอยู่พอดี

“เจย์!” เขานึกไว้แล้วว่าลูกพีชจะต้องถลาเข้าไปหาลูกพี่ลูกน้องของตัวเอง จึงก้มลงเก็บกุญแจรถที่ทำตกกับพื้นขึ้นมาเก็บใส่กระเป๋ากางเกงก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้โซฟาอีกตัวที่ว่างอยู่ “เป็นอะไรไป ทำไมถึงนอนซมแบบนี้ล่ะ ทำไมไม่ไปโรงพยาบาลล่ะ”
คนป่วยได้ยินที่ลูกพีชพูดก็พลันลืมตาขึ้นส่งยิ้มหวานให้

“พอดีรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อยน่ะ ไม่เป็นอะไรมากหรอกครับลูกพีช” เพราะอีกฝ่ายเป็นลูกพี่ลูกน้องของคนรักตน แถมอีกฝ่ายก็แต่งงานมีคนรักเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว อเล็กซ์จึงไม่เกิดความหึงหวงเมื่ออีกฝ่ายเรียกสรรพนามเมียของเขาอย่างสนิทสนมเหมือนกับที่เขาเรียกอยู่ทุกวันนี้ “เจย์คุยกับอุ้มรักเรียบร้อยแล้วนะ เขาก็แค่งอนตามประสาเด็กๆก็เท่านั้นเอง ไม่มีอะไรมากนักหรอก”

แน่ใจหรือว่างอนตามประสาเด็กๆ แต่ไฉนอุ้มรักถึงทำหน้าบึ้งตึงขนาดนั้นเล่า...

อเล็กซ์แอบตำหนิเจย์อยู่ในใจเพราะเห็นหน้าอุ้มรักมีสีหน้าไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้ว่ากล่าวอะไรกลับไป

“ผ้าเย็นแล้ว เดี๋ยวอุ้มรักขอไปเปลี่ยนน้ำก่อนนะคะ” เด็กน้อยพูดแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกจากห้องรับแขกไปพร้อมกับกะละมังน้ำในมือ

“ต้องขอโทษด้วยนะครับคุณอเล็กซ์ ที่ผมทำหน้าที่เจ้าบ้านได้ไม่ดีเลย” คนป่วยหันมาพูดต่อหลังจากอุ้มรักเดินออกไปข้างนอกห้องแล้ว

“ไม่เป็นไร แค่นี้เอง” อเล็กซ์บอกปัดแต่ก็แอบสงสัยอาการป่วยของเจย์อยู่เนืองๆ “ว่าแต่จะไม่ไปหาหมอที่โรงพยาบาลหน่อยหรือครับ หน้าซีดเซียวขนาดนี้”

คนป่วยส่ายหน้าก่อนจะฝืนยิ้มตอบกลับมา

“พักหน่อยเดี๋ยวก็หายครับ ว่าแต่จะรีบกลับเลยหรือเปล่า ผมจะได้ให้น้องอาร์ทไปบอกอุ้มรักให้เตรียมตัวเก็บของขึ้นรถเดี๋ยวนี้”
“ทีแรกก็ว่าจะกลับเลยเหมือนกัน แต่ดูจากอาการของคุณแล้ว ผมว่าจะขออยู่ที่นี่ต่ออีกซัก...”

“อุ้มรักไม่กลับ!!” เสียงหวานแย้งขึ้นมาทันควัน ซึ่งทำเอาทุกคนถึงกับหันไปมอง ก่อนจะพากันตกใจเมื่อเห็นร่างบอบบางยืนจังก้าน้ำตาไหลอาบแก้ม “อุ้มรักจะไม่ทิ้งคุณพ่อเจย์ไปไหนเด็ดขาด อุ้มรักรู้นะคะ ว่าอาการป่วยของคุณพ่อเจย์ที่เป็นอยู่นี้ คืออาการของคนเป็นโรคหัวใจไม่ผิดแน่”

!!!!!!

“เอาอะไรมาพูดน่ะอุ้มรัก ไม่น่ารักเอาเสียเลยนะคะคนเก่ง” คนป่วยลุกขึ้นนั่งพูดทันที ซึ่งทำให้น้องอาร์ทกับลูกพีชรีบถลาเข้าไปช่วยพยุงให้ “คุณพ่อแค่เหนื่อยนิดหน่อย ไม่ได้เป็นโรคหัวใจเหมือนที่ลูกกล่าวหามาเลยนะ”

“อุ้มรักพูดความจริง และที่อุ้มรักรู้ก็เพราะอุ้มรักเรียนหมอมา”

“ว่ายังไงนะ?!” ทั้งเขาทั้งลูกพีชต่างร้องอุทานออกมาพร้อมๆกันด้วยความตกตะลึง เพราะตลอดที่ผ่านมาพวกเขาคิดว่าอุ้มรักไปเรียนต่อปริญญาตรีด้านบริหารที่ต่างประเทศ จึงให้เจ้าตัวไปฝึกงานกับพี่อลันที่บริษัทแทนที่จะไปฝึกงานที่บริษัทอื่น แต่นี่กลับปิดบังความจริงพวกเขาไม่ให้รู้มาโดยตลอด ส่วนเรื่องการไปฝึกงานกับพี่อลันนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง คงไม่ได้ฝึกตามที่เขาสั่งอย่างแน่นอน เพราะดันมีตัวช่วยมือดีอย่างพี่อลันคอยปิดบังเรื่องพวกนี้ด้วย

มิน่าล่ะ ถึงว่าฝึกงานอะไรไปตั้งสองสามปี ที่แท้ก็...

“เจย์” เสียงคนรักเขาเรียกชื่อคนป่วยอย่างเอาเรื่อง ดูท่าจะโมโหอยู่พอสมควรที่อีกฝ่ายปิดบังเรื่องสำคัญเอาไว้ไม่ให้ใครรู้ โดยเฉพาะยิ่งน้องอาร์ท รายนี้ไม่พูดไม่ว่าอะไรก็จริง แต่กลับมองเจย์ด้วยสีหน้าหงอยเหงาปนตัดพ้อ ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินหนีออกจากห้องไปเลยทันที “เรื่องสำคัญขนาดนี้ ทำไมต้องปิดบังกันด้วย เจย์เห็นพวกเราเป็นตัวอะไรกันแน่ ฮึก พวกเราเป็นลูกพี่ลูกน้องกันนะ ฮึก...ฮึก ฮือๆ”

คนป่วยเห็นลูกพีชร้องไห้ก็ทำท่าจะเช็ดน้ำตาให้ แต่กลับชะงักมือไปเสียก่อน

“ขอโทษ...ที่ไม่ได้บอก แต่เจย์จำเป็นจริงๆ” แล้วคนป่วยก็หันหน้ามาทางเขา แววตาแม้จะอ่อนแสงเพราะอาการป่วยก็จริง แต่กลับมุ่งมั่นจนเขาต้องหันมามองตอบด้วย “คุณอเล็กซ์ ผมขอฝากอีกครั้ง เรื่องอุ้มรักกับลูกพีช อยากจะให้คุณช่วยดูแลพวกเขาแทนผมไปตลอดชั่วชีวิตได้หรือไม่ เพราะตอนนี้ชีวิตผมเองก็...แขวนอยู่บนเส้นด้าย จะตายวันนี้หรือพรุ่งนี้ก็ยังไม่รู้”

“เจย์!! ไม่เอานะไม่พูด ฮึก ไม่พูด ฮือๆ” ลูกพีชพูดห้ามปรามทั้งน้ำตา ซึ่งทำเอาเขาได้แต่ดึงคนรักมากอดไว้ในอ้อมอกของตัวเอง ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับคนป่วยพร้อมกับคำตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ

“ได้สิครับ ผมขอสาบาน จะดูแลลูกพีชกับอุ้มรักแทนคุณเองครับคุณเจย์”

............................................

ห้าปีผ่านไป เจย์ก็ได้จากพวกเราไปอย่างเงียบๆด้วยโรคหัวใจที่ปิดบังพวกเรามานานอยู่พอสมควร แน่นอนว่าการจากไปของคนสำคัญทำให้ใครบางคนที่เคยอยู่เคียงข้างถึงกับพลอยเศร้า ซึ่งเจ้าตัวทนมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงปีก็ตายตามคนรักของตนไปอย่างสงบด้วยเช่นกัน เหลือแต่พวกเขาที่ยังคงดำเนินชีวิตกันต่อไป ถัดจากนั้นก็ตามด้วยคู่ของออยกับแบมที่จากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ช่างเป็นการสูญเสียที่พวกเราแทบไม่อยากจะให้มันเกิดขึ้น คุณอลันพี่ชายของคุณอเล็กซ์ แม้ธุรกิจจะประสบความสำเร็จก็ตาม แต่ด้วยวัยที่ใกล้จะเกษียณ บวกกับอาชีพมาเฟียทำให้เขาต้องล้างมืออำลาจากวงการแล้วย้ายมาอยู่กับพวกเราที่ประเทศไทย ส่วนตำแหน่งหัวหน้ามาเฟียนั้นคุณอลันก็ได้ยกให้บุตรชายของตนที่เกิดจากการอุ้มบุญไปครอบครองแทน

“ว่ายังไงนะครับอุ้มรัก ลูกบอกว่าจะไปเป็นแพทย์อาสาที่ต่างประเทศงั้นหรือ!” เขาถึงกับร้องโพล่งออกมาด้วยความตกใจหลังจากที่ได้ทราบข่าวจากลูกสาวของตัวเอง ส่วนหญิงสาวที่บัดนี้อายุปาเข้าไปเลขสามแล้ว แต่ก็ยังไร้วี่แววที่จะเข้าพิธีแต่งงาน พูดสั้นๆได้ว่าไม่มีคนรักเป็นตัวเป็นตนนั่นเอง

“ใช่แล้วค่ะคุณพ่อ อุ้มรักจะไปทำงานเป็นแพทย์อาสาที่ต่างประเทศค่ะ” อุ้มรักพยักหน้าตอบ ตอนนี้เธอโตมากพอที่จะไปใช้ชีวิตอยู่โลกภายนอกตามลำพังแล้ว “คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงไป อุ้มรักไปกับพวกเพื่อนๆที่ทำงานในโรงพยาบาลด้วยกันอยู่หลายคนค่ะ”

“แล้วจะไปทำงานที่นั่นกี่ปีล่ะ” อเล็กซ์กอดอกถามด้วยความเป็นห่วง แม้อุ้มรักจะโตมากพอที่จะปีกกล้าขาแข็งไปใช้ชีวิตข้างนอกแล้วก็ตาม แต่เขาก็ยังเห็นอุ้มรักเป็นเด็กน้อยอยู่วันยังค่ำ อุ้มรักได้ยินที่อเล็กซ์ถามก็พลันหันมาตอบคำถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า

“ไม่มีกำหนดค่ะแด๊ดดี้”

“ว่ายังไงนะ! ไม่มีกำหนด!!”

“ใช่แล้วค่ะคุณพ่อ ไม่มีกำหนด” อุ้มรักหันมาพูดย้ำกับลูกพีชอีกครั้ง ซึ่งทำเอาเขาเกือบจะเป็นลมไปทันทีที่ได้ยิน “อุ้มรักรักงานนี้ และจะไม่มีวันเปลี่ยนใจด้วยค่ะ”

“อุ้มรัก!!” ลูกพีชถึงกับลุกขึ้นยืน แต่ก็ต้องนั่งลงอีกครั้งเพราะโดนอเล็กซ์ดึงเอาไว้

“ใจเย็นๆครับที่รักใจเย็นๆ” เขาพูดปลอบคนรักอย่างใจเย็น ก่อนจะหันมาทางอุ้มรักต่อ “นอกจากจะรักงานนี้แล้ว ยังมีเหตุผลอื่นที่จะบอกอีกไหมอุ้มรัก”

“มีค่ะ อุ้มรัก...”

“อุ้มรัก พ่อขอล่ะครับ อย่าไปเลยนะ” ลูกพีชพูดขัดจังหวะทั้งน้ำตา อเล็กซ์ก็อยากจะเข้าข้างลูกพีชเหมือนกันแต่ก็ต้องให้ความยุติธรรมแก่ลูกสาวของตนอีกด้วย “คุณอเล็กซ์เองก็ช่วยพูดห้ามลูกบ้างสิครับ ฮึก...ฮึก ฮือๆ”

อเล็กซ์ใช้ความนิ่งสยบความเคลื่อนไหว ทำให้คนที่คอยรอคำตอบถึงกับซบอกเขาร้องไห้เสียงสะอื้นดังลั่นห้อง ซึ่งเขาปล่อยให้ลูกพีชร้องไห้อยู่อย่างนั้นซักพัก ก่อนที่เจ้าตัวจะผล็อยหลับไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย

“ว่าเหตุผลของลูกมาอุ้มรัก ถ้ามันไม่ดีพอในสายตาแด๊ดดี้แล้วล่ะก็ แด๊ดดี้จะไม่อนุญาตเข้าใจใช่ไหม” อเล็กซ์ยื่นคำขาด ซึ่งอุ้มรักที่นั่งรอฟังเขาพูดถึงกับพยักหน้าตอบทันที

“เข้าใจค่ะแด๊ดดี้ เหตุผลที่อุ้มรักตัดสินไปทำงานที่นั่นก็เพราะว่า...”

...........................

ลูกพีชตื่นมาอีกครั้งก็พบกับความว่างเปล่า อุ้มรักได้ขึ้นเครื่องจากเขาไปแล้วอย่างไม่มีวันหวนกลับ ซึ่งเขาก็ไม่สามารถไปตามอุ้มรักให้กลับมาได้ เพราะคุณอเล็กซ์ไม่ยอมให้เขาไป

“ลูกพีชต้องปล่อยอุ้มรักไปนะครับ เพราะเด็กคนนั้นโตมากพอที่จะออกไปใช้ชีวิตตามที่ตัวเองต้องการแล้ว” คุณอเล็กซ์พูดกับเขาด้วยเหตุผลที่น่าฟังหลังจากเพียรพยายามกล่อมให้นอนอยู่หลายที “พี่รู้ว่าลูกพีชเป็นห่วงลูกมาก แต่จะให้อุ้มรักทำงานอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิตไม่ได้นะครับ เขาก็มีหนทางของตัวเองที่ต้องก้าวเดินออกไป”

“หนทางอะไรกัน...ลูกพีช...ฮึก...ไม่เข้าใจ” ลูกพีชพูดไปส่ายหน้าไปพลาง ซึ่งทำให้อีกฝ่ายดึงเขาเข้าไปซบอยู่กับอกของตัวเอง ก่อนจะยกมือขึ้นลูบแผ่นหลังเขาเบาๆไปด้วยพร้อมกัน

“หนทางที่เขาต้องการจะไปยังไงล่ะครับลูกพีช ก็เหมือนกับพี่ที่เคยมีหนทางของตัวเองมาก่อน ซึ่งตอนแรกพี่ก็ดำเนินชีวิตของตัวเองไปเรื่อยๆ แต่พอมาเจอกับลูกพีชแล้ว ทำให้พี่ตัดสินใจเปลี่ยนหนทางตัวเองที่จะเดินออกไปอีกทางทันที”

“เอ๋?” ลูกพีชเงยหน้ามองคนรักด้วยความตกตะลึง ก่อนที่อีกฝ่ายจะก้มหน้ามองเขาอย่างอ่อนโยน

“เพราะความรักทำให้พี่ตัดสินใจทิ้งทุกอย่างที่เคยเป็นของตัวเองมาอยู่ที่นี่กับลูกพีชยังไงล่ะครับ”

“เอ๋?!”

“ก็ไม่ต่างกับอุ้มรักที่เขาเลือกจะไปทำงานแพทย์อาสาที่นั่น ลูกพีชรู้ไหมครับว่านอกจากความรักในอาชีพการงานแล้ว อุ้มรักยังมีอีกเหตุผลหนึ่งที่เลือกจะไปทำด้วย” ลูกพีชได้ยินถึงกับส่ายหน้าไปมาทันที

ก็ใครจะไปรู้ล่ะ! ยังไม่ทันได้ถามก็ดันชิ่งหนีไปเสียก่อนเองนี่...

“เหตุผลที่อุ้มรักจะไปก็คือ...การไถ่บาปให้กับคุณเจย์ครับ”

“อะไรนะ? ไถ่บาปงั้นหรือครับ” เขาถึงกับอึ้งปนสงสัย “ไถ่บาปทำไมล่ะ”

แล้วอเล็กซ์ก็ได้เล่าเรื่องที่ลูกพีชไม่เคยรับรู้รับทราบมาก่อนให้ฟังทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งทำให้เขาถึงกับตกใจจนพูดไม่ออก เขาไม่คิดเลยว่าเจย์จะข่มขืนน้องอาร์ทเพียงเพราะแอบรักเขามาก่อน แถมนอกจากนี้เจย์เองก็ได้ไปข่มขืนเมย์จนท้องคลอดออกมาเป็นอุ้มรักอีกด้วย ครั้นจะกลับไปพูดขอโทษกับเจย์และน้องอาร์ทที่เขาเป็นตัวต้นเหตุก็ไม่ทันการ เพราะทั้งคู่ได้จากพวกเขาไปนานแล้ว

“ฮึก...ทำไม...ฮึก...ทำไมคุณอเล็กซ์ถึงพึ่งจะมาบอกลูกพีชเอาตอนนี้ล่ะครับ” ลูกพีชพูดไปร้องไห้ไปพลาง ถ้าให้ย้อนเวลากลับไปได้ เขาจะย้อนกลับไปขอโทษสองคนนั้นที่เป็นตัวต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด ส่วนคุณอเล็กซ์เห็นเขาถามก็ก้มหน้าลงมามอง ก่อนจะใช้นิ้วเกลี่ยน้ำตาออกให้เบาๆด้วยความอ่อนโยน

“ก็เพราะมันถึงเวลาที่จะบอกแล้วยังไงล่ะครับ”

“ถึงเวลาแล้วงั้นหรือ?”

“ใช่แล้วครับ ถึงเวลา” อีกฝ่ายย้ำตอบก่อนจะดึงเขาเข้าไปสวมกอดอีกครั้ง “ลูกพีชไม่ต้องคิดมากนะครับ เพราะพี่เชื่อว่าคำขอโทษของลูกพีชจะต้องส่งไปถึงพวกเขาอย่างแน่นอน”

คำขอโทษของเขา...จะส่งไปถึงเจย์กับน้องอาร์ทได้...งั้นหรอกหรือเนี่ย

“ครับคุณอเล็กซ์ ลูกพีชจะไม่คิดมากอีกแล้ว” เขาหยีตายิ้มตอบ ซึ่งทำเอาอีกฝ่ายถึงกับยิ้มตามทันที

“ดีมากครับคนเก่ง แบบนี้ต้องให้รางวัลเสียหน่อยแล้ว”

“รางวัล? รางวัลอะไรหรือครับคุณอเล็กซ์” เขาถามด้วยความสงสัย ซึ่งคุณอเล็กซ์ไม่ได้ตอบคำถามเขา แต่กลับผลักร่างเขาให้ล้มตัวลงนอนบนเตียง ก่อนที่ตัวเองจะล้มตัวลงนอนตามด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์เพทุบาย

“ก็รางวัลสำหรับเด็กดีที่พูดรู้เรื่องแล้วยังไงล่ะครับ คืนนี้พี่ขอทั้งคืนนะที่รัก หึๆ”

“อ๊า...ม่ายน้าคุณอเล็กซ์!! ใครก็ได้ช่วยลูกพีชด้วยยยยยย!!”


......................................................

ปล.อวสานแล้วจ้า ขอบคุณสำหรับทุกๆท่านที่ติดตามนิยายเรื่องนี้มาโดยตลอด  เดี๋ยวจะมีตอนพิเศษของอลันพี่ชายอเล็กซ์ กะ อุ้มรักด้วยจ้า รอหน่อยน้า   :hao6: :hao7: :กอด1:
 
หัวข้อ: Re: Innocent Flower ตอนที่ 29 หนทางที่จะต้องก้าว P.4 27/12/58 (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: abcee ที่ 03-01-2016 22:59:53
ยังไม่ได้อ่านตอนจบ แต่แวะมาขอบคุณคนแต่งก่อน อิอิอิ ขอบคุณนะครับที่แต่งเรื่องสนุกๆให้อ่าน^^ จะติดตามผลงานชิ้นต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: Innocent Flower ตอนที่ 29 หนทางที่จะต้องก้าว P.4 27/12/58 (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: Rabbitongrass ที่ 04-01-2016 03:47:00
อ้าวจบซะเเล้ว ขอบคุณคนเขียนนะครับ เเอบเสียดายนะที่หลายช่วงของเรื่องมันดูเหมือนจะเร่งข้ามไปหน่อยดูว่ามันเหมือนมีจุดให้ใส่ลูกเล่นมากกว่านี้
หัวข้อ: Re: Innocent Flower ตอนที่ 29 หนทางที่จะต้องก้าว P.4 27/12/58 (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 13-01-2016 02:35:12
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Innocent Flower ตอนที่ 29 หนทางที่จะต้องก้าว P.4 27/12/58 (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 21-01-2016 19:45:07
 :pig4: :pig4: :L2: :3123: