ตอนที่ 11 เจ็บปวด
......................
เช้าวันถัดมา ผมลุกขึ้นตื่นนอนแต่เช้าก่อนจะหันมาปลุกร่างสูงที่นอนกอดเอวผมอยู่ข้างกาย
“อเล็กซ์เช้าแล้วนะ ตื่นได้แล้ว” ร่างสูงลืมตาขึ้นมองผม ก่อนจะขยับหน้ามาหอมแก้มผมได้อย่างหน้าตาเฉย ซึ่งทำเอาผมถึงกับหน้าร้อนผ่าว “พอๆเลย ลูกพีชจะไปเปิดร้าน เมื่อวานก็ปิดไปหนึ่งวันแล้วด้วย”
“ปิดอีกวันไม่ได้เหรอครับเมีย” ดูเขาพูดสิครับ ถ้าพูดคำว่าเมียเมื่อไหร่ แสดงว่ากำลังอยู่ในโหมดอ้อนอยู่
“ไม่ได้ ปิดบ่อยเจ๊งหมดกันพอดี” ผมตอบพลางจับแขนร่างหนาให้ออกจากเอว ก่อนจะลุกขึ้นเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ เมื่อเรียบร้อยแล้วก็เดินกลับออกมา เห็นร่างสูงนั่งหน้าบูดบนเตียง ดูท่าจะงอนผมเอามากพอสมควร ผมเห็นดังนั้นจึงเข้าไปนั่งใกล้ๆ “อย่างอนสิอเล็กซ์ ลูกพีชก็แค่กลัวลูกค้าจะหนีนะ”
พอผมพูดจบ ร่างสูงถึงกับหันหน้าหนี เอ้า จะงอนไปถึงไหนกันละครับคุณพี่ ยิ่งง้อคนไม่ค่อยจะเป็นซะด้วย ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยๆ พลางลุกขึ้นไปนั่งตักร่างสูงก่อนจะเอามือทั้งสองข้างคล้องคออีกฝ่ายทันที
จุ๊บ!ผมหอมแก้มร่างสูงหนึ่งที ซึ่งทำเอาร่างสูงถึงกับหันขวับมามอง
“งอนมากระวังแก่เร็วนะคิกๆ” ผมหัวเราะ แต่ก็ต้องผงะเมื่อโดนร่างสูงจูบปากคืน แถมเอามือสอดเข้ามาในเสื้อลูบไล้หน้าท้องจนผมต้องรีบห้าม “อ๊ะ ไม่ได้นะอเล็กซ์ ลูกพีชต้องไป อือออ ต้องไปเปิดร้านก่อน”
“เปิดร้านสายซักวันหน่อยจะเป็นไรครับเมีย น่านะ ขอตอนเช้าซักสองยกได้ไหมครับ”
ดูพูดเข้าสิ เอาแต่ใจจริงๆ“มะ…มะไม่…ได้หรอกอะ…อเล็กซ์” ผมตอบเสียงสั่นเมื่อร่างหนาลูบไล้ยอดอกผม ซึ่งทำเอาผมรู้สึกเสียว “ขืนทำแบบนั้น…ลูก…ลูกพีชก็…เหนื่อยแย่”
“งั้นเอาแค่ครั้งเดียวนะครับเมีย” คำก็เมีย สองคำก็เมีย ให้ตายสิ นี่จะอ้อนกันไปถึงไหน
“กะ…กะ…ก็ได้” ผมตอบเสียงสั่น หน้าร้อนผ่าว “คะ…แค่ครั้งเดียวนะ”
“ครับผม แค่ครั้งเดียว” พูดจบผมก็โดนร่างสูงอุ้มลงไปนอนที่เตียงทันที แต่ครั้งเดียวของอเล็กเซย์นี้ล่อเอาซะเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็ม หลังจากนั้นผมก็รีบเข้าไปอาบน้ำเป็นครั้งที่สองก่อนจะลงมาเปิดประตู ซึ่งน่าแปลกที่เจย์ไม่ยอมมาทำงานเลยซักที ทำให้ผมต้องโทรไปตามมันมา ผลปรากฏว่าเจย์ขอหยุดครึ่งวันครับ เพราะมันบอกว่าเมื่อคืนไปดื่มเหล้ากับเพื่อนหนักไปหน่อย ก็เลยทำให้วันนี้ตื่นสาย “งั้นผมไปทำงานก่อนนะครับลูกพีช”
อเล็กเซย์หันมาบอกในขณะที่ผมกำลังจัดร้าน
“อืม ไปดีมาดีนะ” ผมตอบ แต่ร่างสูงกลับไม่ยอมไปซักที ทำเอาผมต้องหันมาถามอย่างสงสัย “รออะไรอยู่ล่ะ ยังไม่รีบไปทำงานอีก”
“จูบผมหน่อยสิ”
“ห๊ะ?!”
“ก็ผมกำลังจะออกไปทำงาน คุณเป็นเมียผมก็ช่วยจูบให้กำลังใจผมบ้างสิครับ” คำพูดของอเล็กเซย์ทำเอาผมถึงกับหน้าแดง
“จูบเจิบอะไรกัน ไม่ต้องหรอกมั้งลูกพีชว่า” ผมตอบพลางหันหน้าหนีด้วยความเขินอาย นี่ยังดีนะที่ยังเช้าอยู่ ก็เลยยังไม่มีลูกค้าเข้ามาในร้าน แต่ร่างสูงหาได้ยอมไม่ กลับคว้าแขนผมขึ้นมาหอมมือผมซะงั้น
“นะครับที่รัก ขอซักหน่อยก็ยังดี” ไม่เพียงพูดอย่างเดียว กลับจ้องผมจนผมแทบจะละลายไปตรงนั้น
“ก็ได้ ลูกพีชยอมแล้ว” ผมตอบอย่างเขินอาย “แต่อเล็กซ์ต้องหลับตาก่อน ไม่งั้นลูกพีชไม่จูบด้วย”
“ได้ครับ เพื่อลูกพีช ผมทำได้อยู่แล้วครับ”
ว่าแล้วร่างสูงก็หลับตาทันที ทำเอาผมกลืนน้ำลายมองอเล็กเซย์อย่างยากลำบาก ซึ่งผมรีบหันซ้ายหันขวามองดูจังหวะ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครเข้ามาในร้านแล้วก็ยื่นหน้าเข้าไปเพื่อจูบที่ริมฝีปาก แต่ยังไม่ทันจะได้จูบลงไป มือหนากลับรั้งต้นคอผมให้เข้าไปใกล้ ทำเอาริมฝีปากของผมปะทะกับริมฝีปากของอเล็กเซย์ทันที
“อื้ออออ” ทั้งกดทั้งเบียดจนผมได้แต่ร้องครางด้วยความเสียว ซึ่งอีกฝ่ายจูบผมได้ไม่นานนักก็ผละริมฝีปากออกมา ทำให้ผมถึงกับหอบหายใจแรงเพราะขาดอากาศหายใจไปนานพอสมควร แถมนอกจากนี้ใจยังเต้นสั่นรัวเป็นกลองจนผมต้องยกมือขึ้นกุมหัวใจตัวเอง “อเล็กซ์ขี้โกง ไหนว่าให้ลูกพีชเป็นคนจูบยังไงล่ะ”
“ก็ลูกพีชทำช้านี่ครับ ผมทนรอไม่ได้ก็เลยจูบคุณแทน” อเล็กเซย์ยิ้มให้ผม ก่อนจะดึงผมมาหอมแก้มเสียงดังฟอดหนึ่งทีโดยไม่ธงไม่ถามสุขภาพซักคำ “ผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับลูกพีช แล้วตอนเย็นเจอกัน”
แล้วร่างสูงก็เดินออกไปขึ้นรถ ก่อนจะขับออกไปอย่างรวดเร็วโดยที่ผมได้แต่ยืนหน้าแดงมองตามอย่างเงียบๆ
.................
“พีช แม่มาหาลูกแล้วนะจ้ะ!”
ในขณะที่ผมกำลังง่วนรดน้ำดอกไม้ในช่วงที่ไม่มีลูกค้าอยู่นั้นก็ได้มีเสียงเรียกผมดังมาจากด้านหลัง ก่อนจะมีใครบางคนเข้ามาสวมกอดผมอย่างรวดเร็ว ทำเอาผมผงะหลังจนฝักบัวในมือเกือบร่วงหลุดมือ
“คุณนี่ทำตัวเป็นเด็กไปได้ อายเด็กมันบ้างสิ” เสียงทุ้มพูดแทรกอย่างหัวเสีย “จะว่าไปร้านดอกไม้ก็ดูดีแต่กว่าก่อนเยอะนะเรา”
แค่นี้ผมก็พอรู้แล้วว่าสองเสียงนี้เป็นใคร
“สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่” ผมหันไปสวัสดีทั้งสองคนหลังจากถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ก่อนจะเหลือบไปเห็นเจย์ ซึ่งมันกำลังเดินหิ้วของพะรุงพะรังตามหลังมา “มากันตั้งแต่เมื่อไหร่ครับเนี่ย ไม่เห็นบอกผมก่อนเลย”
“แม่เขาอยากจะเซอร์ไพรส์เราน่ะไม่มีอะไรมากหรอก” พ่อบอกพลางเดินดูดอกไม้อย่างสนอกสนใจ
“คุณนี่ก็ พูดให้มันน้อยหน่อยก็ได้นะ ฉันอาย” แม่ของเจย์พูดอย่างเคอะเขิน ก่อนจะหันมาทางผม “พีช แม่ได้เอาของชอบมาให้ลูกด้วยนะ เจย์ เอาของมาให้พีชดูด้วยสิ”
“ครับแม่” ร่างสูงตอบก่อนจะเดินถือถุงเข้ามา แล้วผมก็รับมาดู ซึ่งเป็นพวกขนมไทยที่ผมชอบมากที่สุด
“ขอบคุณนะครับแม่ ผมรักแม่ที่สุดเลย” ผมพูดขอบคุณก่อนจะเข้าไปหอมแก้มแม่ของเจย์ ที่ผมเรียกแม่ของเจย์ว่าแม่ก็เพราะพวกเขาให้ผมเรียกแบบนี้เอง แล้วอีกอย่างพวกเขาก็ได้รับผมเป็นลูกบุญธรรมด้วย (ถึงแม้จะใช้นามสกุลเดิมอยู่ก็ตามที) “แล้วพ่อกับแม่ทานอะไรมาแล้วหรือยังครับเนี่ย ผมจะได้เข้าครัวไปทำอาหารมาให้”
ผมถามอย่างสงสัย เพราะนี่ก็เกือบจะเที่ยงวันแล้ว
“โอ้ย ไม่ต้องหรอกลูก พวกพ่อทานมากันเรียบร้อยแล้ว” พ่อเจย์ตอบก่อนจะพูดต่อ “เดี๋ยวเที่ยงวันพ่อกับแม่ก็จะกลับบ้านแล้วล่ะ ว่าแต่เราน่ะ เปิดร้านมาไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม”
“ครับพ่อ ไม่มีปัญหาอะไรเลย”
ผมตอบยิ้มๆ แล้วหลังจากนั้นผมก็ได้คุยสารทุกข์สุกดิบกับพ่อแม่เจย์อยู่เกือบครึ่งค่อนชั่วโมง ก่อนจะยืนส่งพวกท่านกลับไปท่ารถมีเจย์ขับรถไปส่ง เมื่อพวกท่านไปแล้วผมก็เดินกลับเข้ามาในร้าน กะว่าจะจัดร้านต่อ ซึ่งยังไม่ทันที่จะได้เข้าไปในร้าน อยู่ๆก็มีของแข็งมากระแทกหัวผมอย่างแรง ทำเอาผมถึงกับทรุดลงไปนอนกับพื้นทันที
“พังร้านให้หมดเลยพวกเรา!” เสียงคนตะโกนดังลั่น ก่อนต้นเสียงนั้นจะหันมากระทืบผมต่อ
ตุบ! ผัวะ! ตุบ! ผัวะ!“อั่ก! อ็อก!” ผมถึงกับจุกเมื่อถูกอีกฝ่ายเตะเข้าที่ท้องอยู่หลายที ก่อนจะถูกอีกฝ่ายดึงเส้นผมให้เงยหน้าขึ้น
“แม่งหน้าสวยงี้ชักอยากเอาไปทำเป็นเมียแล้ววะ” มันแสยะยิ้มพูดพลางใช้มือลูบไล้ใบหน้าของผม ทำเอาผมรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา
อเล็กซ์ช่วยด้วย…“เฮ้ยมึงอย่านะเว้ย นายหญิงสั่งให้ทำร้ายร่างกายกับพังร้านมันเท่านั้น” อีกหนึ่งในนั้นหันมาบอกมัน ก่อนจะเดินเข้ามาหาผมท่ามกลางเสียงชุลมุนของชาวบ้านที่แตกตื่น พอมันมาถึงก็นั่งลงยองพลางชักมีดขึ้นมาจ่อคอผม “ขอเตือนไว้ก่อนนะว่ามึงห้ามเข้าใกล้กับผู้ชายที่ชื่ออเล็กเซย์อีก ทำยังไงก็ได้ห้ามยุ่งกับเขา ไม่งั้นคราวหน้ามึงตายแน่!”
แล้วพวกมันก็สั่งถอยหนีเมื่อได้ยินเสียงรถหวอตำรวจ ส่วนผมได้แต่นอนกุมท้องหน้าซีดก่อนจะสลบไป…
.................
ตึก! ตึก! ตึก!
ผมเดินวนเวียนไปมาอยู่หน้าห้องไอซียู เพราะก่อนหน้าไม่ถึงยี่สิบนาทีดีผมยังไม่ทันได้ส่งพ่อแม่ขึ้นรถทัวร์ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากตำรวจ ว่าพีชโดนพวกนักเลงทำร้ายร่างกาย และนอกจากนี้ร้านก็ยังพังเละไม่เป็นชิ้นดีด้วย
“เจย์ ใจเย็นๆลูก แม่ว่าลูกนั่งพักก่อนเถอะนะ” แม่ผมพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เพราะก่อนหน้านี้แม่ได้รับทราบข่าวจากปากผมแล้ว ท่านถึงกับเป็นลมล้มพับไป พอตื่นขึ้นมาก็เอาแต่ร้องห่มร้องไห้จนพ่อต้องคอยปลอบอยู่ตลอดเวลา ส่วนพ่อของผมนั้นก็ได้แต่นั่งหน้าเครียดไม่พูดไม่จา
“ไม่ครับแม่ ผมไม่นั่งจนกว่าหมอจะออกมาจากห้อง” ผมตอบเสียงเครียดก่อนจะเดินไปมองดูประตูที่เป็นกระจก ซึ่งภายในถูกผ้าม่านปิดเอาไว้ ก็เลยทำให้ไม่สามารถมองเห็นภายในได้ “เพราะผมแท้ๆ นี่ถ้าผมอยู่กับพีชด้วย พีชก็คงไม่เป็นอะไรมาก”
“อย่าโทษตัวเองแบบนั้นสิเจย์ เพราะเราไม่รู้ว่ามันจะเกิดขึ้นแบบนี้จริงไหม” แม่พูดปลอบผม ซึ่งผมก็ได้แต่ยืนนิ่งเงียบเพียงอย่างเดียว
Trr…Trr…
เสียงมือถือดังขึ้น ผมมุ่นคิ้วก่อนจะล้วงมือถือขึ้นมาดู มันเป็นมือถือเปื้อนเลือดของพีชที่ผมได้รับมาจากตำรวจ ส่วนสาเหตุที่ตำรวจโทรมาหาผมก็เพราะเบอร์โทรออกล่าสุดในมือถือของพีชก็คือเบอร์ของผม
Aleksey
ผมเห็นดังนั้นถึงกับกัดฟันกรอดก่อนจะกดตัดสายทิ้งทันที แน่นอนว่าอีกฝ่ายโทรกลับมาหาอีกครั้งหลังจากผมตัดสายทิ้งไปได้ไม่ถึงหนึ่งนาที ซึ่งผมก็ตัดสายทิ้งอีกครั้งก่อนจะปิดครื่องนี้ท่ามกลางสายตางุนงงของพ่อแม่ผม
“เจย์ ปิดมือถือพีชทำไมล่ะลูก เผื่อมีเพื่อนโทรหาพีชจะว่ายังไงล่ะ” แม่ถามอย่างสงสัย ซึ่งผมไม่คิดจะตอบกลับไป ได้แต่ยืนเฝ้ามองที่หน้าประตูด้วยความเป็นห่วง
ขอร้องล่ะพีช อย่าเป็นอะไรเลย…......................
“ขอบคุณครับที่ใช้บริการ”
เจ้าของร้านซูชิพูดขอบคุณผมหลังจากที่ผมซื้อซูชิของเขามา ซึ่งผมพยักหน้าตอบก่อนจะเดินขึ้นรถขับออกไป โชคดีที่บ่ายนี้ไม่มีประชุม ผมจึงคิดจะเซอร์ไพร์สร่างเล็กซักหน่อย ก็เลยแวะไปซื้อซูชิเพื่อที่จะนำกลับไปกินกับตัวเล็กในตอนกลางวันด้วยกัน ครั้นพอขับรถไปถึงร้านดอกไม้ กลับมีคนเข้ามามุงดูเต็มไปหมด แถมนอกจากนี้ยังมีรถตำรวจจอดเกะกะเต็มหน้าร้านอีกด้วย ผมนึกสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จึงรีบลงจากรถลงไปถามคนแถวนั้นอย่างเร็ว
“มันเกิดอะไรขึ้นเหรอครับ ทำไมตำรวจแห่มากันเยอะแยะจัง” ผมถามอย่างสงสัย
“ก็เจ้าของร้านนี้ถูกพวกนักเลงรุมทำร้ายร่างกายนะสิ แถมร้านก็ยังถูกทำพังจนเละไปหมดด้วย”
สิ้นคำตอบจากปากชาวบ้าน ทำเอาผมใจหายวาบ ซึ่งผมไม่รอช้า รีบแทรกฝูงชนเข้าไปดูก่อนจะตกตะลึงเมื่อเห็นร้านดอกไม้ ซึ่งผิดกับเมื่อเช้านี้ลิบลับ กระถางต้นไม้นับร้อยแตกละเอียด ข้าวของกระจัดกระจาย ป้ายร้านถูกหักครึ่ง และนอกจากนี้ที่พื้นทางเข้าร้านดอกไม้กลับมีรอยเลือดกองอยู่ที่พื้นด้วย
มันไม่จริงใช่ไหม?!
พอผมคิดได้ดังนั้นจึงรีบกดมือถือโทรหาพีชทันที และภาวนาในใจว่าตัวเล็กจะต้องไม่เป็นอะไรมาก แต่ทว่าสายแรกที่ผมโทรไป กลับถูกตัดสายทิ้งซะงั้น พอผมโทรไปอีกรอบก็ถูกตัดสายทิ้งอีกรอบด้วยเช่นกัน พอกดโทรครั้งสาม ปลายสายกลับปิดเครื่องหนีทิ้ง ซึ่งทำเอาผมแทบจะเป็นบ้า
“คุณตำรวจรู้บ้างไหมครับว่าเจ้าของร้านถูกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลไหน” ผมหันไปถามตำรวจนายหนึ่ง
“อ้อ ก็โรงพยาบาล xxx นะ”
พอรู้ชื่อโรงพยาบาแล้ว ผมก็รีบกลับไปขึ้นรถก่อนจะขับรถบึ่งไปอย่างรวดเร็ว
ลูกพีชอย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะ ผมกำลังจะไปหาคุณเดี๋ยวนี้แหละ!!......................
เมื่อผมไปถึงโรงพยาบาลแล้ว ก็ตรงดิ่งไปยังห้องไอซียูซึ่งพบว่ามีคนอยู่สามคนอยู่บริเวณด้านหน้าห้องแล้ว หนึ่งในนั้นก็คือเจย์ ส่วนคนที่เหลือผมเดาว่าน่าจะเป็นพ่อแม่ของเจย์ พอผมหันไปมองเจย์อีกที ก็เห็นมือถือที่เปื้อนเลือดของพีชอยู่ในมือแล้ว
นี่สินะคือสาเหตุที่โทรเข้าเครื่องแล้วโดนตัดสายทิ้งสามรอบ
“พีชอยู่ในห้องผ่าตัดใช่ไหมครับคุณเจย์” ผมถามอย่างสงสัย ซึ่งอีกฝ่ายแค่มองผมด้วยสายตาเย็นชาก่อนจะหันกลับไปมองบานประตูกระจกนั้นต่ออย่างเงียบๆ
“เธอเป็นใคร รู้จักกับลูกพีชด้วยหรือจ้ะ” หญิงวัยกลางคนลุกขึ้นเอ่ยถามผมอย่างสงสัย
“ผมชื่ออเล็กเซย์ เป็นลูกค้าร้านดอกไม้และเป็นเพื่อนของพีชด้วยนะครับ” ผมเอ่ยทักทายพลางยกมือขึ้นไหว้สวัสดีทั้งคู่ ซึ่งพวกเขาก็ได้ยกมือขึ้นไหว้ตอบด้วยเช่นกัน “แล้วพวกคุณคือ...”
“พวกเราเป็นพ่อแม่ของเจย์ พอดีแวะมาเที่ยวหาพีชนะ” คนเป็นพ่อตอบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ยังไม่ทันที่ผมจะได้ถามอะไรพวกเขาอีก ประตูห้องไอซียูก็ถูกเปิดออกแลเห็นหมอในชุดผ่าตัดสีเขียวเดินออกมา ทำเอาผม เจย์ และพ่อแม่ของเจย์รีบปราดเข้าไปถามทันที
“พีชเป็นยังไงบ้างครับหมอ” เจย์รีบถามก่อนใครเขา
“คนไข้มีบาดแผลที่ศีรษะ เพราะถูกของแข็งกระแทกอย่างรุนแรง หมอเย็บแผลให้เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้คนไข้พ้นขีดอันตรายแล้วครับ” สิ้นคำตอบหมอ ทำเอาทุกคนรวมผมด้วยถึงกับโล่งอก “ส่วนอาการบอบช้ำบริเวณท้องก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง พักผ่อนให้มากๆ แล้วทานยาที่หมอสั่งให้ครบประมาณ 3-4 วันก็น่าจะหายดี อ้อ เดี๋ยวหมอขอเชิญญาติคนไข้ปรึกษาที่ห้องตรวจซักครู่นะครับ”
“ค่ะคุณหมอ”
“เดี๋ยวครับคุณหมอ ตอนนี้ผมขอไปดูพีชได้หรือเปล่าครับ” เจย์ร้องถามก่อนที่หมอจะเดินไป
“ได้ครับ แต่เข้าได้คนละห้านาทีเท่านั้นนะ” พอสิ้นคำตอบจากหมอ เจย์รีบปราดเข้าไปในห้องทันที ซึ่งทำเอาผมที่ยืนมองได้แต่เม้มปากด้วยความหงุดหงิดที่ไม่ได้เข้าเป็นคนแรก............
เจ็บ...
เจ็บเหลือเกิน...
ใครก็ได้ช่วยผมด้วย...ความเจ็บปวดที่ศีรษะกับท้องทำเอาผมน้ำตาร่วงท่ามกลางความมืดมิดอันเย็นยะเยือก ถ้าให้เลือกได้ผมอยากออกไปจากที่นี่ แต่มันกลับไปไม่ได้ เหมือนกับมีอะไรบางอย่างทำให้ผมขยับตัวไม่ได้ มันทรมานจนผมอยากแผดเสียงร้องออกมาแต่ก็ทำได้เพียงขยับปากเท่านั้น
อเล็กซ์...
ช่วยลูกพีชด้วย...ด้วยแรงฮึดบวกกับอยากออกไปจากที่นี่ ทำให้มือผมขยับก่อนจะยกมือขวาขึ้นมาราวกับต้องการหาที่พึ่ง
หมับ!อยู่ๆก็มีมือปริศนาคว้ามือผมไว้ ทำเอาผมดีใจจนน้ำตาไหลอาบแก้ม
“อะ...อะ...อะ...อเล็กซ์” ผมเรียกชื่อนั้นอย่างยากลำบาก แค่นี้ก็มากพอสำหรับผมแล้ว ขอให้ได้เรียกคนรักได้เป็นพอ “ลูก...ลูก...พีช...กลัว...อะ...อเล็กซ์...อย่า...หนี...ลูก...พีช...ไป...ไหน...นะ”
ถึงแม้จะมองไม่เห็นหน้า แต่ผมก็พอใจแล้วที่มีเขามาอยู่ใกล้ผม ซึ่งอีกฝ่ายก็ตอบรับผมด้วยการกอด
“ลูก...พีช...รัก...อเล็กซ์...นะ”
แล้วผมก็หลับไปอีกครั้งอย่างไม่รู้ตัว แต่มารู้สึกตัวอีกที ผมก็ได้ยินเสียงคุ้นหูดังแว่วเข้ามา
“ลูกพีช ผมขอโทษ ขอโทษที่ไม่ได้อยู่เคียงข้างคุณตลอดเวลา ไม่งั้นคุณคงไม่ต้องเป็นแบบนี้”
นั่นมันเสียงอเล็กซ์นี่...ผมครุ่นคิดในใจ ก่อนจะรู้สึกถึงแรงบีบที่มือขวา ทำให้ผมได้รับรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจับมือของผมอยู่ ซึ่งทำให้ผมรีบลืมตาขึ้นมา ถึงแม้จะยากลำบากแต่ผมก็จะทำ ก่อนจะเห็นแสงไฟจากหลอดนีออนสาดส่องมา ทำเอาผมต้องรีบหลับตาลงอีกครั้ง ก่อนจะลืมตาขึ้นมาใหม่
“อะ...อะ...อเล็กซ์” ผมเรียกเขาอย่างยากลำบาก แต่ถึงกระนั้นก็ทำให้ร่างหนาที่นั่งก้มหน้ากุมมือผมอยู่ถึงกับเงยหน้ามองทันที
“ลูกพีช คุณฟื้นแล้ว!” อเล็กเซย์พูดด้วยความดีใจก่อนจะหอมมือผมเสียงดังฟอด “ขอบคุณที่คุณฟื้นมา ผมเป็นห่วงคุณแทบแย่ รู้หรือเปล่าว่าคุณน่ะหลับไปตั้งสองวันเต็มเลยเชียวนะ”
อะไรนะ สองวันเลยหรือ?!“คุณหิวน้ำไหมลูกพีช เดี๋ยวผมจะเอาน้ำมาให้คุณดื่ม” ร่างสูงถามอย่างเป็นห่วง ซึ่งผมพยักหน้าตอบ แล้วอีกฝ่ายก็ลุกขึ้นไปเอาน้ำมาให้ผม ก่อนจะเดินกลับมาแล้วใช้มือช้อนศีรษะผมให้เงยหน้าขึ้นแล้วค่อยยกขอบแก้วประชิดริมฝีปากผมได้ดื่มน้ำ เมื่อผมได้ดื่มน้ำจนอิ่ม ร่างสูงก็ค่อยวางผมลงบนหมอนอย่างแผ่วเบา
“ที่นี่...ที่ไหนเหรออเล็กซ์” ผมถามอย่างสงสัย ก่อนจะมองไปรอบๆ ทำให้ผมรู้ว่าที่นี่เป็นห้องพักพิเศษ
“โรงพยาบาล xxx นะครับลูกพีช” ร่างหนาตอบยิ้มๆ ก่อนจะยกมือขวาผมขึ้นมาจูบ ซึ่งทำเอาผมถึงกับหน้าร้อนผ่าว “คุณรู้ไหมว่าผมเป็นห่วงคุณแทบแย่ แทบจะไม่ได้หลับได้นอนเลยทีเดียว”
พออีกฝ่ายพูดจบผมก็มองขอบตาของอเล็กเซย์ ซึ่งขอบคล้ำเหมือนหมีแพนด้ามิปาน
ไม่ได้หลับจริงๆด้วย เล่นเอาขอบตาคล้ำซะขนาดนั้น...“แล้วลูกพีชมานอนอยู่ที่นี่ได้ยังไงอ่ะอเล็กซ์” ผมถามกลับอย่างสงสัย แล้วร่างสูงก็เล่าทุกอย่างให้ผมฟัง ก่อนจะถามผมต่อว่ายังพอจำหน้าคนที่เข้ามาทำร้ายตัวเองได้รึไหม ซึ่งพออเล็กซ์ถามจบ ผมก็พลันนึกถึงคำขู่ของคนที่เข้ามาทำร้ายผมได้พอดี
“ขอเตือนไว้ก่อนนะว่ามึงห้ามเข้าใกล้กับผู้ชายที่ชื่ออเล็กเซย์อีก ทำยังไงก็ได้ห้ามยุ่งกับเขา ไม่งั้นคราวหน้ามึงตายแน่!”“ลูกพีชจำไม่ค่อยได้ พอดีตอนนั้นลูกพีชโดนฟาดหัว ก็เลยเบลอนะ” ผมตอบไปตามจริง เพราะตอนนั้นผมถูกฟาดจนเบลอจริง แต่กับเรื่องคำขู่ของพวกนั้นผมไม่อยากจะบอก เพราะกลัวอเล็กเซย์จะเป็นห่วงเอาได้ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ถามอะไรอเล็กเซย์อีก ประตูห้องก็ถูกเปิดออก ทำให้มือหนาที่จับมือผมอยู่ถึงกับคลายออกอย่างรวดเร็ว
“พีชฟื้นแล้วหรือลูก!” เสียงหวานร้องอุทานเมื่อเห็นผม ซึ่งไม่ใช่ใครอื่นเลยนอกจากแม่ของเจย์ แล้วคุณแม่ก็เดินเข้ามาหาผมก่อนจะตามด้วยพ่อของเจย์ (ส่วนอเล็กซ์ได้ลุกขึ้นเดินหลบให้แม่ของเจย์ได้เดินเข้ามาหาผมแล้ว) “พีช แม่เป็นห่วงแทบแย่ นึกว่าลูกจะเป็นอะไรไปแล้วซะอีก”
“ใช่ พ่อเองก็เป็นห่วงลูกอยู่เหมือนกัน นี่ถ้าพ่อกับแม่ไม่รีบกลับแล้วล่ะก็ ลูกคงไม่ต้องโดนพวกนั้นมาทำร้ายแน่” ผมได้ยินที่พ่อกับแม่พูดถึงกับปลื้มตันใจ
“ขอบคุณครับคุณพ่อคุณแม่ที่เป็นห่วงผม” ผมพูดพลางทำท่าจะลุกขึ้นนั่ง ทำให้แม่ของเจย์รีบช่วยพยุงผมให้นั่งทันที “มันเป็นเหตุสุดวิสัยที่ช่วยไม่ได้จริงๆ ผมเองก็ไม่คิดว่าพวกนั้นจะมาทำร้ายผมแบบนี้ด้วย ว่าแต่ตอนนี้ร้านของผมเป็นยังไงบ้าง แล้วเจย์ล่ะ ไม่ได้มากับพ่อแม่ด้วยเหรอครับ”
ผมถามกลับอย่างสงสัย เพราะจำได้ว่าพวกนั้นมันบอกว่าจะพังร้านผมด้วย ซึ่งพอผมพูดจบ ทั้งคู่ต่างมองหน้ากันก่อนจะหันมามองผมด้วยสีหน้าไม่สู้ดี
“ตอนนี้เจย์ไปทำธุระอยู่ข้างนอกนะจ้ะ” ร่างบางตอบก่อนจะพูดต่อ “แม่ว่าลูกนอนพักผ่อนก่อนจะดีกว่าไหมเอ่ย”
“ไม่เป็นไรครับ ผมว่าคุณแม่เล่ามาเถอะครับ ผมพอรับได้”
“แต่แม่อยากให้...”
“พอเถอะคุณ เดี๋ยวผมจะเล่าให้ลูกฟังเอง” พ่อสะกิดบอกแม่ก่อนจะหันมาทางผมต่อ “ตอนแรกร้านของลูกพังไม่มาก แค่ป้ายหน้าร้านหักครึ่งกับกระถางดอกไม้แตก แต่พอวันถัดมา...ร้านของลูกโดนคนวางเพลิง จนตอนนี้ไม่เหลืออะไรเลยแม้แต่นิดเดียว”
สิ้นคำพูดของพ่อเจย์ ทำเอาผมถึงกับจุกพูดอะไรไม่ออก เพราะทุกอย่างที่อยู่ในร้านเป็นของสำคัญของผม แม้กระทั่งรูปของพ่อแม่ที่เสียไปด้วย มันกลับหายไปพร้อมกับเปลวเพลิงทั้งหมดยากที่จะกลับคืนมาได้
“ถึงแม้ลูกจะเสียทุกอย่างไปแล้ว แต่ลูกยังมีพ่อกับแม่และเจย์ที่คอยดูแลอยู่ แล้วไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องร้านที่ไหม้ไปนะ พังแล้วก็สร้างใหม่ได้ แม่กับพ่อจะคอยช่วยลูกอยู่เสมอจ้ะ” แล้วแม่ก็ร้องไห้ออกมา ซึ่งทำให้พ่อต้องพาแม่ออกไปข้างนอกก่อน ทิ้งให้ผมกับอเล็กเซย์อยู่ในห้องกันตามลำพังสองคน
“ลูกพีช” ร่างสูงเรียกชื่อผมอย่างแผ่วเบา “ผมขอโทษที่ไม่ได้เล่าเรื่องร้านให้ฟัง ผมขอโทษจริงๆ”
“ไม่เป็นไร อเล็กซ์ไม่ผิด ไม่ผิด” พอผมพูดจบ น้ำตาก็พลันเอ่อไหลออกมา ร่างสูงเห็นดังนั้นก็ตกใจรีบเข้ามาหาผม ซึ่งผมเห็นอเล็กซ์เข้ามาใกล้จึงอ้าแขนสวมกอดร่างหนาร้องไห้ทันที “มันไม่เหลืออะไรแล้วอเล็กซ์ ลูกพีชไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ฮือๆ”
ร่างสูงไม่ได้พูดอะไรออกมา ได้แต่กอดผมกับลูบหัวผมอยู่อย่างนั้น ซึ่งผมร้องไห้อยู่นานพอสมควรก่อนจะเผลอหลับคาอ้อมกอดของอเล็กเซย์ไปอย่างไม่รู้ตัว...
................