Innocent Flower ตอนที่ 29 หนทางที่จะต้องก้าว P.4 27/12/58 (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

จากในเรื่อง คุณชอบใครมากที่สุด

พีช ลูกพีช
0 (0%)
อเล็กเซย์
1 (25%)
เจย์
1 (25%)
อาร์ท
0 (0%)
ออย
0 (0%)
แบม
0 (0%)
อลัน พี่ชายฝาแฝดอเล็กเซย์
2 (50%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 4

ผู้เขียน หัวข้อ: Innocent Flower ตอนที่ 29 หนทางที่จะต้องก้าว P.4 27/12/58 (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)  (อ่าน 30016 ครั้ง)

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 9 บอกรัก 6/9/57)
«ตอบ #30 เมื่อ09-09-2014 18:14:29 »

ตอนที่ 10 งานเข้า

............

ผมไม่นึกเลยว่าการไปกินเอ็มเคครั้งนี้จะสนุกอย่างที่ไม่เคยสนุกมาก่อน เพราะแบมเป็นคนเปิดประเด็นเรื่องนิยายที่ผมแต่งได้วางแผงขายตามร้านหนังสือทั่วไป ซึ่งทำเอาพี่ออยกับพี่เจย์ถึงกับหูผึ่งพูดถามผมยกใหญ่

“หนังสือที่น้องเขียนเป็นแนวอะไรหรือ” คำถามนี้เป็นพี่ออยถาม

“แนวแฟนตาซีกับแนวรักครับ”

“แล้วหนังสือที่เขียนนี่ได้วางแผงไปกี่เรื่องแล้ว” คราวนี้เป็นพี่เจย์ถามบ้าง

“ก็ประมาณห้าเรื่องได้แล้วครับ”

“เก่งเหมือนกันนี่ ถ้างั้นพวกพี่ขอลายเซ็นได้ป่ะ” พี่ออยถาม

“กะ…ก็ได้ฮะ” ผมตอบพลางเซ็นลายเซ็นลงบนกระดาษที่พวกพี่ออยยื่นให้มา หลังจากนั้นผมก็ถูกถามอีกหลายคำถามจนกระทั่งอาหารในหม้อไฟหมด “ขอบคุณที่เลี้ยงนะครับ”

ผมไม่ลืมที่จะขอบคุณพวกเขา เพราะพ่อแม่สอนมาว่าใครทำอะไรดีกับเรา ให้เราพูดขอบคุณกับเขา

“ไม่เป็นไร เรื่องแค่นี้เอง” พี่ออยตอบก่อนจะหันไปหาพี่เจย์ “เฮ้ย คืนนี้มึงจะเข้าไปผับเล่นดนตรีไหม”

“ไปสิ มึงจะถามทำไมวะ”

“คือแบมอยากจะไปดูพี่เจย์เล่นดนตรีนะฮะ ก็เลยขอให้พี่ออยพาผมไปดูด้วย” แบมบอกก่อนจะหันมาหาผม “อาร์ทไปด้วยกันไหม ไปดูพี่เจย์เล่นดนตรีที่ผับคืนนี้อ่ะ”

“ไม่ล่ะแบม ฉันต้องกลับไปเขียนนิยายต่อนะ” ผมรีบบอกปฏิเสธทันที

“วันๆเอาแต่แต่งนิยาย ออกไปข้างนอกบ้างก็ได้นะอาร์ท”

“แต่ฉันต้องเขียนนิยายนะแบม”

“ลองพักซักหน่อยจะเป็นอะไรล่ะ” พี่ออยเสริมก่อนจะพูดต่อ “เปิดหูเปิดตาดูโลกภายนอก ว่าเขาไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ดีไม่ดีน้องอาจจะได้ไอเดียกลับไปแต่งนิยายของน้องก็เป็นไปได้นะ”

“นั่นสิอาร์ท ไปด้วยกันเถอะนะ” แบมพูดเสียงอ้อน ทำเอาผมได้แต่ถอนหายใจ

“ก็ได้ ไปก็ไป” ชีวิตนี้ผมไม่เคยปฏิเสธแบมได้เลยซักครั้ง เฮ้อ แล้วหลังจากนั้นพวกพี่ก็นัดเวลากันว่าจะมารับผมที่หอพักตอนหกโมงเย็นก่อนจะแยกย้ายกันไป พอถึงเวลาที่นัดไว้ แบมกับพี่ออยก็ขับรถมารับผมที่หอ ส่วนพี่เจย์นั้นเขาขับรถไปล่วงหน้าก่อนแล้ว พอไปถึงผับแล้ว ในขณะที่พวกผมกำลังจะเดินเข้าไปนั้นผมก็โดนพี่พนักงานเฝ้าประตูเรียกไว้ซะก่อน

“เฮ้น้อง อายุยังไม่ถึงนะ เข้าผับไม่ได้”

เวรล่ะ เห็นเราหน้าอ่อนขนาดนั้นเลยเชียวรึ!

ทั้งพี่ออยทั้งแบมต่างหัวเราะผมอย่างขำๆเมื่อเห็นผมโดนห้ามไม่ให้เข้า ทำเอาผมแทบบ้า สุดท้ายแล้วพี่ออยกับแบมก็ช่วยพูดแก้ต่างให้กับผม แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่แน่ใจอยู่ดี ผมจึงตัดปัญหาโดยการหยิบบัตรประชาชนให้มันดูซะสิ้นเรื่อง ซึ่งทำเอาพี่พนักงานถึงกับหน้าเหวอ

“หน้าเด็กแบบนี้ไปไหนลำบากเหมือนกันไม่ใช่น้อยนะเรา” พี่ออยพูดแซวในขณะที่ผมได้แต่หน้าบึ้ง

“ดีนะที่ผมไม่หน้าเด็ก ไม่งั้นคงเข้าผับลำบาก” แบมพูดเข้าข้างตัวเอง ทำเอาพี่ออยหันไปหยิกแก้มเบาๆ

“ได้ข่าวว่าเมื่อปีก่อนโดนเรียกตรวจบัตรประชาชนไม่ใช่รึไงครับ”

“โธ่พี่ออย ไม่เข้าข้างกันบ้างเลยนะ” แบมพูดเสียงเง้างอน ทำเอาผมกับพี่ออยหัวเราะอย่างขำๆ แล้วพี่ออยก็พาผมกับแบมไปนั่งยังโต๊ะหนึ่งซึ่งห่างจากเวทีพอสมควร (เห็นพี่ออยบอกว่าไม่ชอบนั่งที่มีคนเยอะๆ ก็เลยมานั่งห่างเวทีอย่างที่เห็น) แต่ถึงกระนั้นพวกผมก็สามารถมองเห็นพี่เจย์ที่กำลังเทสกีต้าร์ได้ชัดเจนอยู่ดี “ตั้งใจฟังพี่แกให้ดีล่ะอาร์ท เพราะพี่เจย์เป็นพวกร้องเพลงเก่ง โดยเฉพาะกีต้าร์เรียกขั้นเทพได้เลย”

ขั้นเทพ? มันไปติดภาษาแชทของพวกเด็กเกรียนไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เท่าที่จำได้แค่เปิดคอมพิวเตอร์ก็ยังเปิดไม่เป็นเลยนะ

“ใช่แล้ว เสียงดีถึงขนาดพี่เป้เจ้าของผับนี้ยอมยกนิ้วให้เลยนะ” พี่ออยบอกพลางหยิบเหล้าที่เด็กเสิร์ฟมาให้เมื่อครู่นี้รินใส่แก้วตัวเอง ก่อนจะรินให้แบมกับผมตามหลัง “แต่วันนี้น้องอาร์ทต้องทนฟังหน่อยนะ เพราะช่วงนี้มันเอาแต่เล่นเพลงเศร้าๆ”

“ไม่เป็นไรครับพี่ออย ผมฟังได้หมดแหละ” ผมรับปากแต่ในใจคิดถึงคนชื่อพีช สงสัยคนนั้นคงจะไปหักอกพี่เจย์เข้ากระมัง พี่เจย์ถึงได้เอาแต่ร้องเพลงเศร้าตามที่พี่ออยพูดไว้ หลังจากนั่งมองบรรยากาศผับไปซักพัก เสียงดนตรีก็เริ่มดังขึ้น ก่อนจะตามด้วยเสียงของพี่เจย์ที่เริ่มร้องตามมา...

ไม่ทราบมันเป็นไร ไม่รู้ว่ามาไง

อาการรักเธอ

ก็รู้มีคนจอง ยังมาไปยืนมอง

ตกเย็นก็เพ้อ

ยิ้มให้เมื่อเจอกัน เผื่อฟลุ๊กไปวันๆ

ไม่กล้าขอเบอร์

ก็รู้เธอมีแฟน

ไม่ได้จะไปแทนที่คนของเธอ


ผมฟังแล้วรู้สึกแปลกในใจอย่างบอกไม่ถูก รู้แต่ว่าพี่เจย์ร้องเพลงเพราะกับดีดกีต้าร์เก่งมากพอสมควร แต่เท่าที่สังเกตผมเห็นพี่เจย์ดื่มเหล้าไปดีดกีต้าร์ไปด้วย

“พี่ออยฮะ ผมว่าพี่เจย์เขาดื่มมากเกินไปแล้วนะฮะ” ผมหันไปบอกพี่ออยด้วยความหวังดี

“ไม่เป็นไร ปล่อยเขาดื่มไป” พี่ออยตอบในขณะที่ยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ ส่วนแบมเองก็นั่งแทะถั่วเล่นไปพลางๆ “มันเป็นของมันอยู่อย่างนี้มาหลายวันแล้ว น้องไม่ต้องเป็นห่วงมันหรอก”

“แต่ผมกลัวว่าพี่เขาจะร้องเพลงผิดคีย์”

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ถ้ามันมึนจนไม่รู้เรื่อง เดี๋ยวมันก็หยุดเล่นไปเองแหละ” พี่ออยปากพูดไปแบบนั้น แต่ถ้าสังเกตดูดีๆผมเห็นพี่แกจ้องเพื่อนอยู่เกือบตลอดเวลา เวลาผ่านไปได้สองชั่วโมง จากที่เคยกรึ่มๆ ตอนนี้ผมเมาแล้วครับ มัวแต่มองพี่เจย์ร้องเพลงก็เลยเผลอดื่มมากไปหน่อย “น้องอาร์ทดื่มมากไปแล้วนะครับ พอแค่นี้เถอะ”

พี่ออยบอกพลางคว้าแก้วเหล้าออกจากมือของผม

“ฮะๆ มันเพิ่งจะดื่มเป็นครั้งแรกก็งี้แหละพี่ออย” แบมพูดไปหัวเราะไปพลาง ซึ่งทำเอาผมหน้าหงิก “ป่ะกลับกันเถอะอาร์ท”

แบมเอ่ยปากชวนเมื่อเห็นพี่เจย์เลิกร้องเพลงแล้ว ซึ่งผมก็ลุกขึ้นเดินตามแบมแต่ก็เซไปเซมาจนแบมต้องพยุงผมเดินไปด้วยพร้อมกัน

“สงสัยจะกลับหอพักไม่ไหวซะแล้วมั้งแบม เมาซะขนาดนี้นะ” พี่ออยบอกเมื่อเห็นสภาพของผม ก่อนจะหันไปมองพี่เจย์ซึ่งเดินโซซัดโซเซมาทางพวกเรา “อ้าว แล้วมึงจะขับกลับไหวไหมนั่นไอ้เจย์ ไปนอนพักบ้านกูก่อนไหม”

พี่เจย์พยักหน้าตอบ แล้วแบมก็พาผมขึ้นรถของพี่เจย์ ส่วนพี่ออยก็พาพี่เจย์ขึ้นรถของตัวเองก่อนจะขับกลับบ้านพี่ออย

มารู้สึกตัวอีกที ผมก็รู้สึกถึงความเย็นของแอร์ทำเอาผมรู้สึกปวดท้องฉี่ จึงลุกขึ้นนั่งท่ามกลางความมืด โชคดีที่หน้าต่างเปิดไว้ ทำให้แสงจันทร์สอดส่องมาแลเห็นห้องนอนออกโทนสีเขียวขาว พอหันไปข้างตัวเองก็พบแบมนอนหลับในชุดนอนหลับตาพริ้มอยู่

แล้วพี่ออยกับพี่เจย์ล่ะ?

ผมมุ่นคิ้วครุ่นคิดในใจอย่างสงสัย เพราะจำได้ว่าพวกผมมาบ้านหลังนี้พร้อมกัน แต่ก็เดาได้ว่าพวกพี่เขาคงจะไปนอนห้องอื่น ก็เลยให้ผมกับแบมนอนที่ห้องนี้แทน

“แบม แบม ห้องน้ำอยู่ตรงไหนเหรอ” ผมหันไปสะกิดเพื่อนที่นอนหลับอยู่

“อือ...อยู่ชั้นล่าง...ใกล้ทางออกบ้านนะ”

แบมบอกเสียงงัวเงียก่อนจะหลับต่อ แล้วผมก็ลงจากเตียงพลางเดินออกนอกห้องไป โชคดีที่ตามระเบียงห้องมีแสงไฟจากโคมตามผนังเป็นระยะๆ เลยทำให้ไม่ค่อยมืดซักเท่าไหร่ พอลงไปชั้นล่างผมก็พบว่าที่ห้องครัวมีแสงไฟจากหลอดนีออนยังติดอยู่ จึงหวังดีเข้าไปปิดให้เรียบร้อยก่อนจะเดินเข้าไปห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัว พอเสร็จแล้วผมก็เดินออกมา แต่อยู่ๆท้องก็เกิดร้องขึ้นมา ทำเอาผมต้องแวะเข้าไปในครัวเพื่อหานมมาดื่มรองท้องแทน

ว่าแต่มันจะมีนมในตู้เย็นบ้างหรือเปล่าเนี่ย?

ผมครุ่นคิดในใจอย่างสงสัย เพราะที่นี่ไม่ใช่บ้านของตัวเอง ในขณะที่ผมกำลังจะเดินไปเปิดสวิตซ์ไฟอีกครั้ง กลับมีมือหนาเข้ามาคว้าเอวกอดผมจากด้านหลังเอาไว้ ซึ่งทำเอาผมถึงกับสะดุ้งเฮือก

“เอ่อ นั่นใครนะ?” ผมถามอย่างโง่ๆ ในใจก็กลัวว่าจะเป็นพี่ออย เพราะถ้าใช่จริง ก็เกรงว่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด ยังไม่ทันที่ผมจะได้เอ่ยปากพูด มือหนาก็สอดเข้ามาในเสื้อของผม ทำเอาผมสะดุ้งเฮือกเป็นรอบที่สอง “พะ...พะ...พี่...ผม...ผม...ไม่...ใช่...บะ…อ๊ะ...อย่า...อือ”

ผมร้องครางออกมาด้วยความเสียวเมื่อถูกมือหนาลูบไล้ยอดอก ทำให้ผมรีบจับมือนั้นอย่างเร็ว แทนที่อีกฝ่ายจะหยุดมือ กลับบีบคางผมให้เชิดหน้าขึ้นพลางสอดนิ้วชี้ตัวเองเข้ามาที่ปากของผม ก่อนจะนัวเนียกับลิ้นเล็กของผมอย่างมัวมัน

“อืมมมม อือออ” ให้ตายสิ นี่ผมควบคุมตัวเองไม่ได้เลย ซึ่งเวลาผ่านไปได้ไม่นานนัก ขาผมก็อ่อนระทวยอย่างหมดเรี่ยวแรง ร่างสูงไม่รอช้ากลับอุ้มผมพาดบ่าออกเดินทันที “ดะ...ดะ...เดี๋ยว...ผมว่ามีการเข้าใจผิดนะ โอ้ย!”

ผมถูกอีกฝ่ายเหวี่ยงลงบนโซฟา ซึ่งเป็นห้องรับแขกที่อยู่ถัดไปจากห้องครัว ด้วยความมืดไร้แสงไฟทำให้ผมไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายได้เลยแม้แต่น้อย พอผมถูกเหวี่ยงลงบนโซฟาแล้ว ผมก็รีบลุกขึ้นนั่งทันทีแต่ก็มิวายโดนมือหนาผลักให้ลงไปนอนอีกครั้ง ก่อนที่อีกฝ่ายจะตามลงมานั่งคร่อมผม

“ดะ...เดี๋ยว...นี่คิดจะทำอะไรผมนะ” ผมร้องถามด้วยความสงสัย แต่อีกฝ่ายไม่ตอบ กลับดึงเสื้อผมขึ้นมามัดมือผมทั้งสองข้างอย่างรวดเร็วชนิดที่ผมแทบตั้งตัวไม่ทัน “ปล่อยผม...อือออ”

ผมยังพูดไม่ทันจบ ก็โดนอีกฝ่ายจูบทันที แถมยังสอดลิ้นเข้ามาเล่นลิ้นกับผมอีกด้วย ซึ่งทำให้ผมได้กลิ่นของแอลกอฮอล์ได้เป็นอย่างดี ผมโดนอีกฝ่ายใช้ลิ้นตวัดไปมาอยู่นานก็รู้สึกขาดอากาศหายใจจึงดิ้นพล่านไปมา ซึ่งทำให้ร่างสูงยอมผละออกมาแต่โดยดี

“แฮ่กๆ อื้อ!” ผมสูดอากาศไปได้ไม่นาน ก็โดนอีกฝ่ายจูบอีกครั้ง ก่อนจะตามด้วยมือหนาเข้ามาลูบไล้บนยอดอก ซึ่งทำเอาผมถึงกับร้องครางทันที “อือออออ”

อีกฝ่ายจูบผมไม่นานนักก็หยุดมือ ก่อนจะผละริมฝีปากออกมา ซึ่งทำให้ผมเห็นใบหน้าอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน

พี่เจย์?!

“ฉันชอบนายนะ...” คำสารภาพรักดังเปรี้ยงลงมา ทำเอาผมแทบช็อคตาตั้ง “...มาเป็นของฉันเถอะพีช”

“ไม่นะพี่เจย์ ผมไม่ใช่พีช ผม...อื้อ!” คำพูดของผมถูกกลืนหายลงไปในคอเมื่อถูกอีกฝ่ายจูบ ซึ่งหลังจากนั้นไม่ต้องบอกให้รู้ว่าผมโดนพี่เจย์ทำอะไรต่อมิอะไรโดยที่ผมไม่สามารถขัดขืนเลยได้แม้แต่น้อย...

ผมมารู้สึกตัวอีกทีก็ถูกมือหนารวบเอวเอาไว้ ทีแรกก็มึนงงว่าทำไมถึงมาอยู่ที่โซฟานี่ได้ แต่พอขยับตัวนิดหน่อยก็รู้สึกเจ็บปวดแถวท้องน้อยไปหมด ทำเอาผมนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนวานได้ทันที

ผมโดนพี่เจย์ข่มขืน!

พอคิดได้ดังนั้นน้ำตาก็พาลไหลลงอาบแก้ม ทำไมผมต้องมาโดนแบบนี้ด้วย ไม่เข้าใจเลยจริงๆ โชคดีที่มือของผมถูกคลายออกแล้ว จึงรีบดันแขนของพี่เจย์ที่นอนเปลือยกายครึ่งท่อนโอบกอดเอวผมอยู่ออก ก่อนจะก้าวเท้าลงจากโซฟา

แปลบ!

ความเจ็บปวดแถวสะโพกแล่นเข้ามา ทำเอาผมเกือบจะล้มหน้าทิ่มไป แล้วผมก็รีบควานหากางเกงของตัวเองก่อนจะรีบสวมใส่อย่างรวดเร็ว แต่ในขณะที่สวมกางเกงอยู่ ผมกลับต้องชะงักเมื่อเห็นสายตาของใครบางคนที่ยืนมองผมอยู่ทางเข้าของห้องรับแขก ซึ่งเป็นใครไม่ได้เลยนอกเสียจากแบม

“อาร์ท” แบมร้องเรียกชื่อผมด้วยสายตาตกตะลึงเมื่อเห็นสภาพของผม “มันเกิด…อะไรขึ้นกับนาย”

พอแบมพูดจบ ผมก็โผเข้าไปกอดแบมร้องไห้เสียงสะอื้นทันที

“แบม ฮือๆ”

“อาร์ท พี่เจย์ข่ม…” ดูท่าแบมจะเห็นพี่เจย์แล้ว

“ขอร้องล่ะแบม อย่าถามอะไรฉันอีกเลย” ผมเม้มปากพูดขัดทันที เพราะแค่นี้ผมก็เจ็บใจจะแย่อยู่แล้ว “พาฉันออกไปจากที่นี่ทีแบม ฉันไม่อยากอยู่อีกแล้ว ฮือๆ”

แค่วินาทีเดียวก็ไม่อยากจะอยู่…

เจ็บเหลือเกิน…


“อือ ได้สิอาร์ท”

แบมพูดตอบผม ก็รีบพยุงผมออกไปจากบ้านโดยไม่ถามอะไรผมซักคำเดียว


.............................

Trr… Trr…

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ทำเอาผมควานหามือถือไปมาแต่ก็ไม่พบ ครั้นพอลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกำลังนอนเปลือยกายท่อนบนอยู่บนโซฟาท่ามกลางห้องรับแขก

นี่เรามานอนที่นี่ได้ยังไงหว่า?

เมื่อคิดได้ดังนั้นก็มองหามือถือของตัวเอง พอเจอแล้วก็รีบกดรับสายทันที

“ครับแม่….เอ่อผมขอโทษที่ไม่ได้โทรบอก ครับ ตอนนี้นอนพักบ้านออยอยู่ครับ ครับ เดี๋ยวสายๆจะกลับไป แค่นี้นะครับ” ผมพูดก่อนจะวางสายไป แล้วทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้เป็นพีชที่โทรมาหาผม ทำให้ผมรีบรับสายทันที “เอ่อ ฉันขอโทษนะพีช พอดีเมื่อคืนไปดื่มเหล้ากับเพื่อนมานะ อือ เดี๋ยวบ่ายๆจะกลับไปทำงานแน่ ไม่ต้องห่วง อืม งั้นแค่นี้นะ”

แล้วผมก็วางสายก่อนจะยัดมือถือเข้ากระเป๋ากางเกง แต่แล้วก็ชะงักเมื่อเห็นตัวเองไม่ได้รูดซิปกางเกง

ให้ตายสิ นี่เราเมามากจนลืมรูดซิปหรือเนี่ย?

ครั้นพอรูดซิป ผมกลับสังเกตเห็นโซฟามีรอยคราบสีขาวกับเลือดเป็นด่างด้วงขึ้นอยู่ประปราย ยังไม่ทันที่ผมจะได้สงสัยที่มาของมัน เสียงฝีเท้าก็วิ่งมาทางนี้ ทำเอาผมละสายตาหันไปมองเจ้าของต้นเสียง ก่อนจะเห็นออยยืนหอบหายใจอยู่หน้าประตูทางเข้าห้องรับแขก

“ไงออย วิ่งออกกำลังกายแต่เช้าเลยรึ” ผมถามอย่างสงสัย ซึ่งอีกฝ่ายยังไม่ตอบ กลับเหลียวซ้ายแลขวาก่อนจะหันมามองผมอีกครั้ง

“มึงเห็นแบมกับอาร์ทหรือเปล่าวะ”

“เปล่าวะ กูนอนอยู่นี่ยังไม่เห็นใครเลย เอ้อ มึงลองโทรเข้าเครื่องน้องแบมดูสิ”

พอผมพูดจบ อีกฝ่ายก็โทรเช็คทันที ซึ่งไม่นานนักแบมก็รับสายออย

“ไปไหนไม่บอกพี่เลยนะแบม...อะไรนะ...อยู่หอพักอาร์ทแล้วรึ...จะอยู่กับอาร์ทซักคืน...ได้...แล้วพรุ่งนี้พี่จะไปรับ”

“น้องแบมว่ายังไงบ้างไอ้ออย” ผมถามอย่างสงสัยหลังจากออยวางสายไปแล้ว

“ก็เห็นว่าจะอยู่พักค้างหอพักน้องอาร์ทซักคืน แม่งเอ้ย นึกอยากจะไปก็ไป เฮ้อ ไม่เห็นหัวกูบ้างเลย” ออยพูดพลางถอนหายใจแรงๆ “ว่าแต่มึงเหอะ ไม่รีบไปทำงานรึไง เดี๋ยวพีชมันก็โทรตามจิกเอาหรอก”

“เรื่องนั้นพีชโทรมาหาแล้ว กูบอกว่าจะไปตอนบ่ายนะ เอ้อ เดี๋ยวกูขอตัวกลับก่อนนะไอ้ออย เพราะต้องไปดูพ่อกับแม่ที่หอซะก่อน ป่านนี้คงเป็นห่วงแย่แล้วล่ะ” ผมบอกพลางลุกขึ้นยืน ก่อนจะหยิบเสื้อของตัวเองขึ้นมาสวมใส่

“เออๆ ไปดีมาดีแล้วกัน”


...........

หลังจากแบมขับรถพาผมกลับมาที่หอพักแล้ว ผมก็ตรงดิ่งเข้าไปห้องน้ำทันที เมื่อเข้าห้องน้ำ ผมก็รีบเปิดฝักบัวก่อนจะอาบน้ำไปทั้งเสื้อผ้าโดยไม่ห่วงว่ามันจะเปียก เพราะว่าตอนนี้ผมมีเรื่องที่จะต้องให้คิดมากกว่า

เจ็บใจที่โดนย่ำยีเพราะเห็นเป็นตัวแทนของคนๆนั้น...

“ฉันชอบนายนะ...”

“...มาเป็นของฉันเถอะพีช”


พอคิดได้ดังนั้นน้ำตาก็พลันไหลอาบแก้มอีกครั้ง ก่อนจะไหลไปกับสายน้ำของฝักบัว ซึ่งผมยืนพิงหัวกับกำแพงนิ่งอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งได้ยินเสียงแบมเคาะประตูเรียกผมอย่างเอาเป็นเอาตาย

“อาร์ทอย่าคิดสั้นนะ! นายยังมีฉันมีพ่อมีแม่มีพี่ชายอยู่ทั้งคนนะ” ดูท่าแบมคิดว่าผมเข้ามาในห้องน้ำเพื่อจะฆ่าตัวตายซะแล้วสิ ถึงได้เคาะประตูเรียกผมเสียงดังโครมๆ “อาร์ท ตอบฉันสิ อาร์ท”

ผมทนเสียงเรียกไม่ไหว จึงหมุนปิดก๊อกน้ำฝักบัวก่อนจะเดินกลับไปเปิดประตูห้องน้ำ แลเห็นใบหน้าของแบมที่ดูเป็นห่วงผมจ้องอย่างไม่กระพริบตา

“ฉันไม่เป็นไร ฉันสบายดี” ผมตอบสั้นๆ ซึ่งทำเอาอีกฝ่ายถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“ทีหลังก็อย่าเข้าไปนานนักสิ ฉันเป็นห่วงนายนะอาร์ท”

“อืม ขอบใจที่เป็นห่วงนะแบม” แล้วอีกฝ่ายก็ไล่ผมให้กลับเข้าไปอาบน้ำ โดยกำชับกับผมว่าห้ามอาบน้ำนานจนเกินไป ซึ่งผมก็ใช้เวลาอาบน้ำไม่นานนัก ก็เดินออกมาข้างนอกก่อนจะเห็นแบมทำท่าสะดุ้งตกใจ “ทำอะไรอยู่เหรอแบม”

“อ้อ เปล่า ไม่มีอะไร นายเองก็รีบไปใส่เสื้อผ้าซะสิ เดี๋ยวจะไม่สบายเอาได้นะ”

“อืม” ผมตอบสั้นๆ เมื่อใส่เสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมก็เดินขึ้นไปนอนบนเตียงอย่างหมดแรง

“นายนอนหลับรอไปก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะทำข้าวต้มให้” แบมพูดอย่างเอาใจ ซึ่งผมพยักหน้าตอบก่อนที่แบมจะลุกขึ้นไปทำข้าวต้มโดยใช้เตาไมโครเวฟที่ห้องผม ไม่นานนักข้าวต้มก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว แบมก็เรียกผมให้ลุกขึ้นมานั่งทานด้วยกัน ซึ่งบอกตามตรงว่าผมรู้สึกทานไม่ค่อยลง จึงทานไปได้หน่อยเดียว “ทานอีกหน่อยสิอาร์ท”

“ไม่ล่ะ แค่นี้ก็พอ” ผมบอกอย่างผะอืดผะอม ซึ่งแบมก็ไม่ได้ว่าอะไร ก่อนจะส่งยาแก้อักเสบกับแก้ปวดให้ผมกิน

“เรื่องนี้นายจะ...” แบมพูดด้วยความลังเลใจ พลางมองผมที่กำลังดื่มน้ำอยู่ “...ให้ฉันบอกพี่ออยไหม”

“ไม่ต้อง ปิดมันไว้อย่างนี้แหละ ห้ามนายพูดหรือบอกใครเด็ดขาด” ผมเม้มปากตอบ ทำเอาแบมถึงกับร้องอ้าว

“ทำไมล่ะอาร์ท ทำไมต้องปิดไว้ด้วย พี่เจย์ทำกับนายถึงขนาดนี้แล้ว ทำไมนายถึงยัง...”

“ฉันอยากให้มันจบแค่นี้แบม” ผมพูดขัดทันที มือที่จับแก้วสั่นระริกระรี้ “อย่าไปพูดถึงมันอีกเลย แล้วอีกอย่างพี่เจย์เขาก็แค่เมา ไม่รู้เรื่องว่าตัวเองทำอะไรลงไปหรอก”

“แล้วนายจะให้ฉันยอมได้ยังไงในเมื่อพี่เขาทำกับนายแบบนี้ห๊ะ” แบมย้อนอย่างหัวเสีย

“ก็ไม่ต้องทำอะไร ปล่อยให้มันเงียบไปแบบนี้แหละ ดีแล้วฮะๆ เพราะยังไงฉันก็เป็นผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิง ไม่ต้องห่วงเรื่องจะท้องหรอก ฮะๆ” ผมพูดไปฝืนหัวเราะไปพลาง ทั้งที่ในใจเจ็บปวดแทบเจียนตาย

“นายแน่ใจนะว่าจะไม่ให้ฉันบอกใครนะ” อีกฝ่ายถามผมอีกครั้งอย่างเป็นกังวล

“แน่ใจสิ” ผมตอบพลางถอนหายใจแรงๆ “ไม่ต้องห่วงฉันหรอกแบม เพราะอีกไม่นานฉันก็จะลืมมันไปได้เอง”

จะลืมมันไปได้แน่หรือ?...

ผมครุ่นคิดในใจ แล้วหลังจากนั้นแบมก็ขอนอนค้างกับผมด้วยหนึ่งวัน เพราะกลัวว่าคืนนี้ผมจะไม่สบายเอาได้

...................

 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 10 งานเข้า 9/9/57)
«ตอบ #31 เมื่อ09-09-2014 18:37:16 »

เจย์ ลื้อทำอารายลงปายยยย เมาแล้วชอบจับกดเหรอ?

สงสารอาร์ทเลยงานนี้ เจย์จะระลึกชาติจำความเองได้ไหมนะ?

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 10 งานเข้า 9/9/57)
«ตอบ #32 เมื่อ09-09-2014 18:41:31 »

 :katai1: Jay แกทำงี้ได้ไง

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 10 งานเข้า 9/9/57)
«ตอบ #33 เมื่อ14-09-2014 07:33:54 »

ตอนที่ 11 เจ็บปวด

......................

เช้าวันถัดมา ผมลุกขึ้นตื่นนอนแต่เช้าก่อนจะหันมาปลุกร่างสูงที่นอนกอดเอวผมอยู่ข้างกาย

“อเล็กซ์เช้าแล้วนะ ตื่นได้แล้ว” ร่างสูงลืมตาขึ้นมองผม ก่อนจะขยับหน้ามาหอมแก้มผมได้อย่างหน้าตาเฉย ซึ่งทำเอาผมถึงกับหน้าร้อนผ่าว “พอๆเลย ลูกพีชจะไปเปิดร้าน เมื่อวานก็ปิดไปหนึ่งวันแล้วด้วย”

“ปิดอีกวันไม่ได้เหรอครับเมีย” ดูเขาพูดสิครับ ถ้าพูดคำว่าเมียเมื่อไหร่ แสดงว่ากำลังอยู่ในโหมดอ้อนอยู่

“ไม่ได้ ปิดบ่อยเจ๊งหมดกันพอดี” ผมตอบพลางจับแขนร่างหนาให้ออกจากเอว ก่อนจะลุกขึ้นเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ เมื่อเรียบร้อยแล้วก็เดินกลับออกมา เห็นร่างสูงนั่งหน้าบูดบนเตียง ดูท่าจะงอนผมเอามากพอสมควร ผมเห็นดังนั้นจึงเข้าไปนั่งใกล้ๆ “อย่างอนสิอเล็กซ์ ลูกพีชก็แค่กลัวลูกค้าจะหนีนะ”

พอผมพูดจบ ร่างสูงถึงกับหันหน้าหนี เอ้า จะงอนไปถึงไหนกันละครับคุณพี่ ยิ่งง้อคนไม่ค่อยจะเป็นซะด้วย ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยๆ พลางลุกขึ้นไปนั่งตักร่างสูงก่อนจะเอามือทั้งสองข้างคล้องคออีกฝ่ายทันที

จุ๊บ!

ผมหอมแก้มร่างสูงหนึ่งที ซึ่งทำเอาร่างสูงถึงกับหันขวับมามอง

“งอนมากระวังแก่เร็วนะคิกๆ” ผมหัวเราะ แต่ก็ต้องผงะเมื่อโดนร่างสูงจูบปากคืน แถมเอามือสอดเข้ามาในเสื้อลูบไล้หน้าท้องจนผมต้องรีบห้าม “อ๊ะ ไม่ได้นะอเล็กซ์ ลูกพีชต้องไป อือออ ต้องไปเปิดร้านก่อน”

“เปิดร้านสายซักวันหน่อยจะเป็นไรครับเมีย น่านะ ขอตอนเช้าซักสองยกได้ไหมครับ”

ดูพูดเข้าสิ เอาแต่ใจจริงๆ

“มะ…มะไม่…ได้หรอกอะ…อเล็กซ์” ผมตอบเสียงสั่นเมื่อร่างหนาลูบไล้ยอดอกผม ซึ่งทำเอาผมรู้สึกเสียว “ขืนทำแบบนั้น…ลูก…ลูกพีชก็…เหนื่อยแย่”

“งั้นเอาแค่ครั้งเดียวนะครับเมีย” คำก็เมีย สองคำก็เมีย ให้ตายสิ นี่จะอ้อนกันไปถึงไหน

“กะ…กะ…ก็ได้” ผมตอบเสียงสั่น หน้าร้อนผ่าว “คะ…แค่ครั้งเดียวนะ”

“ครับผม แค่ครั้งเดียว” พูดจบผมก็โดนร่างสูงอุ้มลงไปนอนที่เตียงทันที แต่ครั้งเดียวของอเล็กเซย์นี้ล่อเอาซะเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็ม หลังจากนั้นผมก็รีบเข้าไปอาบน้ำเป็นครั้งที่สองก่อนจะลงมาเปิดประตู ซึ่งน่าแปลกที่เจย์ไม่ยอมมาทำงานเลยซักที ทำให้ผมต้องโทรไปตามมันมา ผลปรากฏว่าเจย์ขอหยุดครึ่งวันครับ เพราะมันบอกว่าเมื่อคืนไปดื่มเหล้ากับเพื่อนหนักไปหน่อย ก็เลยทำให้วันนี้ตื่นสาย “งั้นผมไปทำงานก่อนนะครับลูกพีช”

อเล็กเซย์หันมาบอกในขณะที่ผมกำลังจัดร้าน

“อืม ไปดีมาดีนะ” ผมตอบ แต่ร่างสูงกลับไม่ยอมไปซักที ทำเอาผมต้องหันมาถามอย่างสงสัย “รออะไรอยู่ล่ะ ยังไม่รีบไปทำงานอีก”

“จูบผมหน่อยสิ”

“ห๊ะ?!”

“ก็ผมกำลังจะออกไปทำงาน คุณเป็นเมียผมก็ช่วยจูบให้กำลังใจผมบ้างสิครับ” คำพูดของอเล็กเซย์ทำเอาผมถึงกับหน้าแดง

“จูบเจิบอะไรกัน ไม่ต้องหรอกมั้งลูกพีชว่า” ผมตอบพลางหันหน้าหนีด้วยความเขินอาย นี่ยังดีนะที่ยังเช้าอยู่ ก็เลยยังไม่มีลูกค้าเข้ามาในร้าน แต่ร่างสูงหาได้ยอมไม่ กลับคว้าแขนผมขึ้นมาหอมมือผมซะงั้น

“นะครับที่รัก ขอซักหน่อยก็ยังดี” ไม่เพียงพูดอย่างเดียว กลับจ้องผมจนผมแทบจะละลายไปตรงนั้น

“ก็ได้ ลูกพีชยอมแล้ว” ผมตอบอย่างเขินอาย “แต่อเล็กซ์ต้องหลับตาก่อน ไม่งั้นลูกพีชไม่จูบด้วย”

“ได้ครับ เพื่อลูกพีช ผมทำได้อยู่แล้วครับ”

ว่าแล้วร่างสูงก็หลับตาทันที ทำเอาผมกลืนน้ำลายมองอเล็กเซย์อย่างยากลำบาก ซึ่งผมรีบหันซ้ายหันขวามองดูจังหวะ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครเข้ามาในร้านแล้วก็ยื่นหน้าเข้าไปเพื่อจูบที่ริมฝีปาก แต่ยังไม่ทันจะได้จูบลงไป มือหนากลับรั้งต้นคอผมให้เข้าไปใกล้ ทำเอาริมฝีปากของผมปะทะกับริมฝีปากของอเล็กเซย์ทันที

“อื้ออออ” ทั้งกดทั้งเบียดจนผมได้แต่ร้องครางด้วยความเสียว ซึ่งอีกฝ่ายจูบผมได้ไม่นานนักก็ผละริมฝีปากออกมา ทำให้ผมถึงกับหอบหายใจแรงเพราะขาดอากาศหายใจไปนานพอสมควร แถมนอกจากนี้ใจยังเต้นสั่นรัวเป็นกลองจนผมต้องยกมือขึ้นกุมหัวใจตัวเอง “อเล็กซ์ขี้โกง ไหนว่าให้ลูกพีชเป็นคนจูบยังไงล่ะ”

“ก็ลูกพีชทำช้านี่ครับ ผมทนรอไม่ได้ก็เลยจูบคุณแทน” อเล็กเซย์ยิ้มให้ผม ก่อนจะดึงผมมาหอมแก้มเสียงดังฟอดหนึ่งทีโดยไม่ธงไม่ถามสุขภาพซักคำ “ผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับลูกพีช แล้วตอนเย็นเจอกัน”

แล้วร่างสูงก็เดินออกไปขึ้นรถ ก่อนจะขับออกไปอย่างรวดเร็วโดยที่ผมได้แต่ยืนหน้าแดงมองตามอย่างเงียบๆ

.................

“พีช แม่มาหาลูกแล้วนะจ้ะ!”

ในขณะที่ผมกำลังง่วนรดน้ำดอกไม้ในช่วงที่ไม่มีลูกค้าอยู่นั้นก็ได้มีเสียงเรียกผมดังมาจากด้านหลัง ก่อนจะมีใครบางคนเข้ามาสวมกอดผมอย่างรวดเร็ว ทำเอาผมผงะหลังจนฝักบัวในมือเกือบร่วงหลุดมือ

“คุณนี่ทำตัวเป็นเด็กไปได้ อายเด็กมันบ้างสิ” เสียงทุ้มพูดแทรกอย่างหัวเสีย “จะว่าไปร้านดอกไม้ก็ดูดีแต่กว่าก่อนเยอะนะเรา”

แค่นี้ผมก็พอรู้แล้วว่าสองเสียงนี้เป็นใคร

“สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่” ผมหันไปสวัสดีทั้งสองคนหลังจากถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ก่อนจะเหลือบไปเห็นเจย์ ซึ่งมันกำลังเดินหิ้วของพะรุงพะรังตามหลังมา “มากันตั้งแต่เมื่อไหร่ครับเนี่ย ไม่เห็นบอกผมก่อนเลย”

“แม่เขาอยากจะเซอร์ไพรส์เราน่ะไม่มีอะไรมากหรอก” พ่อบอกพลางเดินดูดอกไม้อย่างสนอกสนใจ

“คุณนี่ก็ พูดให้มันน้อยหน่อยก็ได้นะ ฉันอาย” แม่ของเจย์พูดอย่างเคอะเขิน ก่อนจะหันมาทางผม “พีช แม่ได้เอาของชอบมาให้ลูกด้วยนะ เจย์ เอาของมาให้พีชดูด้วยสิ”

“ครับแม่” ร่างสูงตอบก่อนจะเดินถือถุงเข้ามา แล้วผมก็รับมาดู ซึ่งเป็นพวกขนมไทยที่ผมชอบมากที่สุด

“ขอบคุณนะครับแม่ ผมรักแม่ที่สุดเลย” ผมพูดขอบคุณก่อนจะเข้าไปหอมแก้มแม่ของเจย์ ที่ผมเรียกแม่ของเจย์ว่าแม่ก็เพราะพวกเขาให้ผมเรียกแบบนี้เอง แล้วอีกอย่างพวกเขาก็ได้รับผมเป็นลูกบุญธรรมด้วย (ถึงแม้จะใช้นามสกุลเดิมอยู่ก็ตามที) “แล้วพ่อกับแม่ทานอะไรมาแล้วหรือยังครับเนี่ย ผมจะได้เข้าครัวไปทำอาหารมาให้”

ผมถามอย่างสงสัย เพราะนี่ก็เกือบจะเที่ยงวันแล้ว

“โอ้ย ไม่ต้องหรอกลูก พวกพ่อทานมากันเรียบร้อยแล้ว” พ่อเจย์ตอบก่อนจะพูดต่อ “เดี๋ยวเที่ยงวันพ่อกับแม่ก็จะกลับบ้านแล้วล่ะ ว่าแต่เราน่ะ เปิดร้านมาไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม”

“ครับพ่อ ไม่มีปัญหาอะไรเลย”

ผมตอบยิ้มๆ แล้วหลังจากนั้นผมก็ได้คุยสารทุกข์สุกดิบกับพ่อแม่เจย์อยู่เกือบครึ่งค่อนชั่วโมง ก่อนจะยืนส่งพวกท่านกลับไปท่ารถมีเจย์ขับรถไปส่ง เมื่อพวกท่านไปแล้วผมก็เดินกลับเข้ามาในร้าน กะว่าจะจัดร้านต่อ ซึ่งยังไม่ทันที่จะได้เข้าไปในร้าน อยู่ๆก็มีของแข็งมากระแทกหัวผมอย่างแรง ทำเอาผมถึงกับทรุดลงไปนอนกับพื้นทันที

“พังร้านให้หมดเลยพวกเรา!” เสียงคนตะโกนดังลั่น ก่อนต้นเสียงนั้นจะหันมากระทืบผมต่อ

ตุบ! ผัวะ! ตุบ! ผัวะ!

“อั่ก! อ็อก!” ผมถึงกับจุกเมื่อถูกอีกฝ่ายเตะเข้าที่ท้องอยู่หลายที ก่อนจะถูกอีกฝ่ายดึงเส้นผมให้เงยหน้าขึ้น

“แม่งหน้าสวยงี้ชักอยากเอาไปทำเป็นเมียแล้ววะ” มันแสยะยิ้มพูดพลางใช้มือลูบไล้ใบหน้าของผม ทำเอาผมรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา

อเล็กซ์ช่วยด้วย…

“เฮ้ยมึงอย่านะเว้ย นายหญิงสั่งให้ทำร้ายร่างกายกับพังร้านมันเท่านั้น” อีกหนึ่งในนั้นหันมาบอกมัน ก่อนจะเดินเข้ามาหาผมท่ามกลางเสียงชุลมุนของชาวบ้านที่แตกตื่น พอมันมาถึงก็นั่งลงยองพลางชักมีดขึ้นมาจ่อคอผม “ขอเตือนไว้ก่อนนะว่ามึงห้ามเข้าใกล้กับผู้ชายที่ชื่ออเล็กเซย์อีก ทำยังไงก็ได้ห้ามยุ่งกับเขา ไม่งั้นคราวหน้ามึงตายแน่!”

แล้วพวกมันก็สั่งถอยหนีเมื่อได้ยินเสียงรถหวอตำรวจ ส่วนผมได้แต่นอนกุมท้องหน้าซีดก่อนจะสลบไป…

.................

ตึก! ตึก! ตึก!

ผมเดินวนเวียนไปมาอยู่หน้าห้องไอซียู เพราะก่อนหน้าไม่ถึงยี่สิบนาทีดีผมยังไม่ทันได้ส่งพ่อแม่ขึ้นรถทัวร์ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากตำรวจ ว่าพีชโดนพวกนักเลงทำร้ายร่างกาย และนอกจากนี้ร้านก็ยังพังเละไม่เป็นชิ้นดีด้วย

“เจย์ ใจเย็นๆลูก แม่ว่าลูกนั่งพักก่อนเถอะนะ” แม่ผมพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เพราะก่อนหน้านี้แม่ได้รับทราบข่าวจากปากผมแล้ว ท่านถึงกับเป็นลมล้มพับไป พอตื่นขึ้นมาก็เอาแต่ร้องห่มร้องไห้จนพ่อต้องคอยปลอบอยู่ตลอดเวลา ส่วนพ่อของผมนั้นก็ได้แต่นั่งหน้าเครียดไม่พูดไม่จา

“ไม่ครับแม่ ผมไม่นั่งจนกว่าหมอจะออกมาจากห้อง” ผมตอบเสียงเครียดก่อนจะเดินไปมองดูประตูที่เป็นกระจก ซึ่งภายในถูกผ้าม่านปิดเอาไว้ ก็เลยทำให้ไม่สามารถมองเห็นภายในได้ “เพราะผมแท้ๆ นี่ถ้าผมอยู่กับพีชด้วย พีชก็คงไม่เป็นอะไรมาก”

“อย่าโทษตัวเองแบบนั้นสิเจย์ เพราะเราไม่รู้ว่ามันจะเกิดขึ้นแบบนี้จริงไหม” แม่พูดปลอบผม ซึ่งผมก็ได้แต่ยืนนิ่งเงียบเพียงอย่างเดียว

Trr…Trr…

เสียงมือถือดังขึ้น ผมมุ่นคิ้วก่อนจะล้วงมือถือขึ้นมาดู มันเป็นมือถือเปื้อนเลือดของพีชที่ผมได้รับมาจากตำรวจ ส่วนสาเหตุที่ตำรวจโทรมาหาผมก็เพราะเบอร์โทรออกล่าสุดในมือถือของพีชก็คือเบอร์ของผม

Aleksey

ผมเห็นดังนั้นถึงกับกัดฟันกรอดก่อนจะกดตัดสายทิ้งทันที แน่นอนว่าอีกฝ่ายโทรกลับมาหาอีกครั้งหลังจากผมตัดสายทิ้งไปได้ไม่ถึงหนึ่งนาที ซึ่งผมก็ตัดสายทิ้งอีกครั้งก่อนจะปิดครื่องนี้ท่ามกลางสายตางุนงงของพ่อแม่ผม

“เจย์ ปิดมือถือพีชทำไมล่ะลูก เผื่อมีเพื่อนโทรหาพีชจะว่ายังไงล่ะ” แม่ถามอย่างสงสัย ซึ่งผมไม่คิดจะตอบกลับไป ได้แต่ยืนเฝ้ามองที่หน้าประตูด้วยความเป็นห่วง

ขอร้องล่ะพีช อย่าเป็นอะไรเลย…


......................

“ขอบคุณครับที่ใช้บริการ”

เจ้าของร้านซูชิพูดขอบคุณผมหลังจากที่ผมซื้อซูชิของเขามา ซึ่งผมพยักหน้าตอบก่อนจะเดินขึ้นรถขับออกไป โชคดีที่บ่ายนี้ไม่มีประชุม ผมจึงคิดจะเซอร์ไพร์สร่างเล็กซักหน่อย ก็เลยแวะไปซื้อซูชิเพื่อที่จะนำกลับไปกินกับตัวเล็กในตอนกลางวันด้วยกัน ครั้นพอขับรถไปถึงร้านดอกไม้ กลับมีคนเข้ามามุงดูเต็มไปหมด แถมนอกจากนี้ยังมีรถตำรวจจอดเกะกะเต็มหน้าร้านอีกด้วย ผมนึกสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จึงรีบลงจากรถลงไปถามคนแถวนั้นอย่างเร็ว

“มันเกิดอะไรขึ้นเหรอครับ ทำไมตำรวจแห่มากันเยอะแยะจัง” ผมถามอย่างสงสัย

“ก็เจ้าของร้านนี้ถูกพวกนักเลงรุมทำร้ายร่างกายนะสิ แถมร้านก็ยังถูกทำพังจนเละไปหมดด้วย”

สิ้นคำตอบจากปากชาวบ้าน ทำเอาผมใจหายวาบ ซึ่งผมไม่รอช้า รีบแทรกฝูงชนเข้าไปดูก่อนจะตกตะลึงเมื่อเห็นร้านดอกไม้ ซึ่งผิดกับเมื่อเช้านี้ลิบลับ กระถางต้นไม้นับร้อยแตกละเอียด ข้าวของกระจัดกระจาย ป้ายร้านถูกหักครึ่ง และนอกจากนี้ที่พื้นทางเข้าร้านดอกไม้กลับมีรอยเลือดกองอยู่ที่พื้นด้วย

มันไม่จริงใช่ไหม?!

พอผมคิดได้ดังนั้นจึงรีบกดมือถือโทรหาพีชทันที และภาวนาในใจว่าตัวเล็กจะต้องไม่เป็นอะไรมาก แต่ทว่าสายแรกที่ผมโทรไป กลับถูกตัดสายทิ้งซะงั้น พอผมโทรไปอีกรอบก็ถูกตัดสายทิ้งอีกรอบด้วยเช่นกัน พอกดโทรครั้งสาม ปลายสายกลับปิดเครื่องหนีทิ้ง ซึ่งทำเอาผมแทบจะเป็นบ้า

“คุณตำรวจรู้บ้างไหมครับว่าเจ้าของร้านถูกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลไหน” ผมหันไปถามตำรวจนายหนึ่ง

“อ้อ ก็โรงพยาบาล xxx นะ”

พอรู้ชื่อโรงพยาบาแล้ว ผมก็รีบกลับไปขึ้นรถก่อนจะขับรถบึ่งไปอย่างรวดเร็ว

ลูกพีชอย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะ ผมกำลังจะไปหาคุณเดี๋ยวนี้แหละ!!


......................

เมื่อผมไปถึงโรงพยาบาลแล้ว ก็ตรงดิ่งไปยังห้องไอซียูซึ่งพบว่ามีคนอยู่สามคนอยู่บริเวณด้านหน้าห้องแล้ว หนึ่งในนั้นก็คือเจย์ ส่วนคนที่เหลือผมเดาว่าน่าจะเป็นพ่อแม่ของเจย์ พอผมหันไปมองเจย์อีกที ก็เห็นมือถือที่เปื้อนเลือดของพีชอยู่ในมือแล้ว
นี่สินะคือสาเหตุที่โทรเข้าเครื่องแล้วโดนตัดสายทิ้งสามรอบ

“พีชอยู่ในห้องผ่าตัดใช่ไหมครับคุณเจย์” ผมถามอย่างสงสัย ซึ่งอีกฝ่ายแค่มองผมด้วยสายตาเย็นชาก่อนจะหันกลับไปมองบานประตูกระจกนั้นต่ออย่างเงียบๆ

“เธอเป็นใคร รู้จักกับลูกพีชด้วยหรือจ้ะ” หญิงวัยกลางคนลุกขึ้นเอ่ยถามผมอย่างสงสัย

“ผมชื่ออเล็กเซย์ เป็นลูกค้าร้านดอกไม้และเป็นเพื่อนของพีชด้วยนะครับ” ผมเอ่ยทักทายพลางยกมือขึ้นไหว้สวัสดีทั้งคู่ ซึ่งพวกเขาก็ได้ยกมือขึ้นไหว้ตอบด้วยเช่นกัน “แล้วพวกคุณคือ...”

“พวกเราเป็นพ่อแม่ของเจย์ พอดีแวะมาเที่ยวหาพีชนะ” คนเป็นพ่อตอบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ยังไม่ทันที่ผมจะได้ถามอะไรพวกเขาอีก ประตูห้องไอซียูก็ถูกเปิดออกแลเห็นหมอในชุดผ่าตัดสีเขียวเดินออกมา ทำเอาผม เจย์ และพ่อแม่ของเจย์รีบปราดเข้าไปถามทันที

“พีชเป็นยังไงบ้างครับหมอ” เจย์รีบถามก่อนใครเขา

“คนไข้มีบาดแผลที่ศีรษะ เพราะถูกของแข็งกระแทกอย่างรุนแรง หมอเย็บแผลให้เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้คนไข้พ้นขีดอันตรายแล้วครับ” สิ้นคำตอบหมอ ทำเอาทุกคนรวมผมด้วยถึงกับโล่งอก “ส่วนอาการบอบช้ำบริเวณท้องก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง พักผ่อนให้มากๆ แล้วทานยาที่หมอสั่งให้ครบประมาณ 3-4 วันก็น่าจะหายดี อ้อ เดี๋ยวหมอขอเชิญญาติคนไข้ปรึกษาที่ห้องตรวจซักครู่นะครับ”

“ค่ะคุณหมอ”

“เดี๋ยวครับคุณหมอ ตอนนี้ผมขอไปดูพีชได้หรือเปล่าครับ” เจย์ร้องถามก่อนที่หมอจะเดินไป

“ได้ครับ แต่เข้าได้คนละห้านาทีเท่านั้นนะ” พอสิ้นคำตอบจากหมอ เจย์รีบปราดเข้าไปในห้องทันที ซึ่งทำเอาผมที่ยืนมองได้แต่เม้มปากด้วยความหงุดหงิดที่ไม่ได้เข้าเป็นคนแรก


............

เจ็บ...

เจ็บเหลือเกิน...

ใครก็ได้ช่วยผมด้วย...


ความเจ็บปวดที่ศีรษะกับท้องทำเอาผมน้ำตาร่วงท่ามกลางความมืดมิดอันเย็นยะเยือก ถ้าให้เลือกได้ผมอยากออกไปจากที่นี่ แต่มันกลับไปไม่ได้ เหมือนกับมีอะไรบางอย่างทำให้ผมขยับตัวไม่ได้ มันทรมานจนผมอยากแผดเสียงร้องออกมาแต่ก็ทำได้เพียงขยับปากเท่านั้น

อเล็กซ์...

ช่วยลูกพีชด้วย...


ด้วยแรงฮึดบวกกับอยากออกไปจากที่นี่ ทำให้มือผมขยับก่อนจะยกมือขวาขึ้นมาราวกับต้องการหาที่พึ่ง

หมับ!

อยู่ๆก็มีมือปริศนาคว้ามือผมไว้ ทำเอาผมดีใจจนน้ำตาไหลอาบแก้ม

“อะ...อะ...อะ...อเล็กซ์” ผมเรียกชื่อนั้นอย่างยากลำบาก แค่นี้ก็มากพอสำหรับผมแล้ว ขอให้ได้เรียกคนรักได้เป็นพอ “ลูก...ลูก...พีช...กลัว...อะ...อเล็กซ์...อย่า...หนี...ลูก...พีช...ไป...ไหน...นะ”

ถึงแม้จะมองไม่เห็นหน้า แต่ผมก็พอใจแล้วที่มีเขามาอยู่ใกล้ผม ซึ่งอีกฝ่ายก็ตอบรับผมด้วยการกอด

“ลูก...พีช...รัก...อเล็กซ์...นะ”

แล้วผมก็หลับไปอีกครั้งอย่างไม่รู้ตัว แต่มารู้สึกตัวอีกที ผมก็ได้ยินเสียงคุ้นหูดังแว่วเข้ามา

“ลูกพีช ผมขอโทษ ขอโทษที่ไม่ได้อยู่เคียงข้างคุณตลอดเวลา ไม่งั้นคุณคงไม่ต้องเป็นแบบนี้”

นั่นมันเสียงอเล็กซ์นี่...

ผมครุ่นคิดในใจ ก่อนจะรู้สึกถึงแรงบีบที่มือขวา ทำให้ผมได้รับรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจับมือของผมอยู่ ซึ่งทำให้ผมรีบลืมตาขึ้นมา ถึงแม้จะยากลำบากแต่ผมก็จะทำ ก่อนจะเห็นแสงไฟจากหลอดนีออนสาดส่องมา ทำเอาผมต้องรีบหลับตาลงอีกครั้ง ก่อนจะลืมตาขึ้นมาใหม่

“อะ...อะ...อเล็กซ์” ผมเรียกเขาอย่างยากลำบาก แต่ถึงกระนั้นก็ทำให้ร่างหนาที่นั่งก้มหน้ากุมมือผมอยู่ถึงกับเงยหน้ามองทันที

“ลูกพีช คุณฟื้นแล้ว!” อเล็กเซย์พูดด้วยความดีใจก่อนจะหอมมือผมเสียงดังฟอด “ขอบคุณที่คุณฟื้นมา ผมเป็นห่วงคุณแทบแย่ รู้หรือเปล่าว่าคุณน่ะหลับไปตั้งสองวันเต็มเลยเชียวนะ”

อะไรนะ สองวันเลยหรือ?!

“คุณหิวน้ำไหมลูกพีช เดี๋ยวผมจะเอาน้ำมาให้คุณดื่ม” ร่างสูงถามอย่างเป็นห่วง ซึ่งผมพยักหน้าตอบ แล้วอีกฝ่ายก็ลุกขึ้นไปเอาน้ำมาให้ผม ก่อนจะเดินกลับมาแล้วใช้มือช้อนศีรษะผมให้เงยหน้าขึ้นแล้วค่อยยกขอบแก้วประชิดริมฝีปากผมได้ดื่มน้ำ เมื่อผมได้ดื่มน้ำจนอิ่ม ร่างสูงก็ค่อยวางผมลงบนหมอนอย่างแผ่วเบา

“ที่นี่...ที่ไหนเหรออเล็กซ์” ผมถามอย่างสงสัย ก่อนจะมองไปรอบๆ ทำให้ผมรู้ว่าที่นี่เป็นห้องพักพิเศษ

“โรงพยาบาล xxx นะครับลูกพีช” ร่างหนาตอบยิ้มๆ ก่อนจะยกมือขวาผมขึ้นมาจูบ ซึ่งทำเอาผมถึงกับหน้าร้อนผ่าว “คุณรู้ไหมว่าผมเป็นห่วงคุณแทบแย่ แทบจะไม่ได้หลับได้นอนเลยทีเดียว”

พออีกฝ่ายพูดจบผมก็มองขอบตาของอเล็กเซย์ ซึ่งขอบคล้ำเหมือนหมีแพนด้ามิปาน

ไม่ได้หลับจริงๆด้วย เล่นเอาขอบตาคล้ำซะขนาดนั้น...

“แล้วลูกพีชมานอนอยู่ที่นี่ได้ยังไงอ่ะอเล็กซ์” ผมถามกลับอย่างสงสัย แล้วร่างสูงก็เล่าทุกอย่างให้ผมฟัง ก่อนจะถามผมต่อว่ายังพอจำหน้าคนที่เข้ามาทำร้ายตัวเองได้รึไหม ซึ่งพออเล็กซ์ถามจบ ผมก็พลันนึกถึงคำขู่ของคนที่เข้ามาทำร้ายผมได้พอดี

“ขอเตือนไว้ก่อนนะว่ามึงห้ามเข้าใกล้กับผู้ชายที่ชื่ออเล็กเซย์อีก ทำยังไงก็ได้ห้ามยุ่งกับเขา ไม่งั้นคราวหน้ามึงตายแน่!”

“ลูกพีชจำไม่ค่อยได้ พอดีตอนนั้นลูกพีชโดนฟาดหัว ก็เลยเบลอนะ” ผมตอบไปตามจริง เพราะตอนนั้นผมถูกฟาดจนเบลอจริง แต่กับเรื่องคำขู่ของพวกนั้นผมไม่อยากจะบอก เพราะกลัวอเล็กเซย์จะเป็นห่วงเอาได้ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ถามอะไรอเล็กเซย์อีก ประตูห้องก็ถูกเปิดออก ทำให้มือหนาที่จับมือผมอยู่ถึงกับคลายออกอย่างรวดเร็ว

“พีชฟื้นแล้วหรือลูก!” เสียงหวานร้องอุทานเมื่อเห็นผม ซึ่งไม่ใช่ใครอื่นเลยนอกจากแม่ของเจย์ แล้วคุณแม่ก็เดินเข้ามาหาผมก่อนจะตามด้วยพ่อของเจย์ (ส่วนอเล็กซ์ได้ลุกขึ้นเดินหลบให้แม่ของเจย์ได้เดินเข้ามาหาผมแล้ว) “พีช แม่เป็นห่วงแทบแย่ นึกว่าลูกจะเป็นอะไรไปแล้วซะอีก”

“ใช่ พ่อเองก็เป็นห่วงลูกอยู่เหมือนกัน นี่ถ้าพ่อกับแม่ไม่รีบกลับแล้วล่ะก็ ลูกคงไม่ต้องโดนพวกนั้นมาทำร้ายแน่” ผมได้ยินที่พ่อกับแม่พูดถึงกับปลื้มตันใจ

“ขอบคุณครับคุณพ่อคุณแม่ที่เป็นห่วงผม” ผมพูดพลางทำท่าจะลุกขึ้นนั่ง ทำให้แม่ของเจย์รีบช่วยพยุงผมให้นั่งทันที “มันเป็นเหตุสุดวิสัยที่ช่วยไม่ได้จริงๆ ผมเองก็ไม่คิดว่าพวกนั้นจะมาทำร้ายผมแบบนี้ด้วย ว่าแต่ตอนนี้ร้านของผมเป็นยังไงบ้าง แล้วเจย์ล่ะ ไม่ได้มากับพ่อแม่ด้วยเหรอครับ”

ผมถามกลับอย่างสงสัย เพราะจำได้ว่าพวกนั้นมันบอกว่าจะพังร้านผมด้วย ซึ่งพอผมพูดจบ ทั้งคู่ต่างมองหน้ากันก่อนจะหันมามองผมด้วยสีหน้าไม่สู้ดี

“ตอนนี้เจย์ไปทำธุระอยู่ข้างนอกนะจ้ะ” ร่างบางตอบก่อนจะพูดต่อ “แม่ว่าลูกนอนพักผ่อนก่อนจะดีกว่าไหมเอ่ย”

“ไม่เป็นไรครับ ผมว่าคุณแม่เล่ามาเถอะครับ ผมพอรับได้”

“แต่แม่อยากให้...”

“พอเถอะคุณ เดี๋ยวผมจะเล่าให้ลูกฟังเอง” พ่อสะกิดบอกแม่ก่อนจะหันมาทางผมต่อ “ตอนแรกร้านของลูกพังไม่มาก แค่ป้ายหน้าร้านหักครึ่งกับกระถางดอกไม้แตก แต่พอวันถัดมา...ร้านของลูกโดนคนวางเพลิง จนตอนนี้ไม่เหลืออะไรเลยแม้แต่นิดเดียว”

สิ้นคำพูดของพ่อเจย์ ทำเอาผมถึงกับจุกพูดอะไรไม่ออก เพราะทุกอย่างที่อยู่ในร้านเป็นของสำคัญของผม แม้กระทั่งรูปของพ่อแม่ที่เสียไปด้วย มันกลับหายไปพร้อมกับเปลวเพลิงทั้งหมดยากที่จะกลับคืนมาได้

“ถึงแม้ลูกจะเสียทุกอย่างไปแล้ว แต่ลูกยังมีพ่อกับแม่และเจย์ที่คอยดูแลอยู่ แล้วไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องร้านที่ไหม้ไปนะ พังแล้วก็สร้างใหม่ได้ แม่กับพ่อจะคอยช่วยลูกอยู่เสมอจ้ะ” แล้วแม่ก็ร้องไห้ออกมา ซึ่งทำให้พ่อต้องพาแม่ออกไปข้างนอกก่อน ทิ้งให้ผมกับอเล็กเซย์อยู่ในห้องกันตามลำพังสองคน

“ลูกพีช” ร่างสูงเรียกชื่อผมอย่างแผ่วเบา “ผมขอโทษที่ไม่ได้เล่าเรื่องร้านให้ฟัง ผมขอโทษจริงๆ”

“ไม่เป็นไร อเล็กซ์ไม่ผิด ไม่ผิด” พอผมพูดจบ น้ำตาก็พลันเอ่อไหลออกมา ร่างสูงเห็นดังนั้นก็ตกใจรีบเข้ามาหาผม ซึ่งผมเห็นอเล็กซ์เข้ามาใกล้จึงอ้าแขนสวมกอดร่างหนาร้องไห้ทันที “มันไม่เหลืออะไรแล้วอเล็กซ์ ลูกพีชไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ฮือๆ”

ร่างสูงไม่ได้พูดอะไรออกมา ได้แต่กอดผมกับลูบหัวผมอยู่อย่างนั้น ซึ่งผมร้องไห้อยู่นานพอสมควรก่อนจะเผลอหลับคาอ้อมกอดของอเล็กเซย์ไปอย่างไม่รู้ตัว...
 
................

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 11 เจ็บปวด 14/9/57)
«ตอบ #34 เมื่อ14-09-2014 08:36:39 »

นายหญิง?

ขอตบหน้านังนี่เลยได้ไหมคะ? ทำเกินไปแล้วจริงๆนะ

สงสารลูกพีชอ่ะ รูปคุณพ่อคุณแม่ด้วย TvT เป็นเราจะไม่ให้อภัยทั้งชาติแน่

 :beat: :beat: :beat: :beat: :z6: :z6: :z6: :z6:

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 11 เจ็บปวด 14/9/57)
«ตอบ #35 เมื่อ19-09-2014 09:35:24 »

ตอนที่ 12 โชคร้าย

...................

ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เที่ยงวันแล้ว แต่ตื่นคราวนี้ไม่พบใครเลย ทำให้ผมคิดว่าพวกเขาคงมีธุระยุ่งก็เลยไม่ได้มาเฝ้าผม (ส่วนอเล็กเซย์ได้โทรมาบอกผมว่ามีงานต้องกลับไปทำ แล้วตอนเย็นๆจะกลับมาหาผมใหม่อีกที) หลังจากฝืนรับประทานข้าวต้มไปสองสามคำ ตำรวจก็เข้ามาสอบปากคำผมเรื่องที่พวกนักเลงเข้ามาทำร้ายกับเรื่องร้านที่ถูกไฟไหม้ ซึ่งผมก็ตอบไปเท่าที่ผมตอบได้ หลังจากตำรวจกลับไปแล้ว ผมก็หลับไปอีกครั้งก่อนจะตื่นขึ้นมาเห็นเจย์กำลังนั่งกอดอกหลับสัปหงกอยู่บนโซฟาข้างเตียง ซึ่งทำเอาผมนึกเป็นห่วงมัน เพราะเห็นขอบตามันคล้ำเสียเหลือเกิน ผมได้แต่มองอยู่อย่างนั้นเพราะไม่อยากรบกวนการพักผ่อนของมัน จนกระทั่งประตูห้องถูกเปิดอีกครั้ง เห็นผู้ชายสองคนเดินเข้ามาพร้อมกระเช้าผลไม้ในมือ ซึ่งไม่ใช่ใครอื่นเลยนอกเสียจากออยกับน้องแบม

“ไงพีช ฟื้นแล้วหรือ” ออยทักทันทีที่เห็นผมมอง

“อืม แต่ช่วยพูดเบาๆหน่อย เจย์มันนอนอยู่นะ” ผมบอก ทำเอาทั้งคู่หันไปมองเจย์ที่กำลังนั่งหลับอยู่

“ให้ตายสิ มาเฝ้าคนป่วยแต่กลับหลับซะเอง แย่ชะมัด” ออยบ่นพึมพำ ซึ่งทำเอาผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ “เอ่อ เรื่องร้านของนาย ฉันเสียใจด้วยนะ ถ้ามีอะไรให้ฉันช่วยได้ ก็บอกฉันได้นะพีช”

ออยบอกตามประสาคนรู้จักกัน

“อืม ขอบใจนะออย” ผมพูดขอบคุณก่อนจะหันไปมองแบม ซึ่งตัวเล็กพอๆกับผมกำลังยืนหลบอยู่ด้านหลังร่างสูงมองหน้าผมอย่างมีพิรุธ “ว่ายังไงล่ะน้องแบม สบายดีไหมเอ่ย แล้วที่ทำงานเป็นยังไงบ้าง”

อีกฝ่ายได้ยินที่ผมถามถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะตอบผมกลับมาว่า

“สบายดีฮะพี่พีช เอ่อ ส่วนเรื่องที่ทำงานก็…ราบรื่นดีฮะ”

“เหรอ งั้นก็ดีแล้วล่ะ ฮะๆ” ผมพูดอย่างขำๆแต่คนฟังกลับไม่ขำไปด้วย “ตั้งใจทำงานให้มากล่ะ เพราะงานไม่ได้มาง่ายๆอย่างที่เราคิดไว้ อย่าปล่อยให้มันหลุดลอยเหมือน....พี่ล่ะ”

“พีช”

ออยเรียกชื่อผมอย่างเห็นใจ แล้วหลังจากนั้นออยก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ผมจึงหันไปสนใจผลไม้ในตะกร้าต่อ

“ผลไม้เยอะแยะเลย น้องแบมช่วยพี่กินซักหน่อยสิ” ผมบอกพลางหยิบแอปเปิ้ลขึ้นมาก่อนจะชะงักเมื่อเห็นน้องแบมกำลังยืนเม้มปากมองเจย์ที่นั่งหลับด้วยสีหน้าเครียดแค้น “น้องแบมครับ น้องแบมได้ยินที่พี่เรียกหรือเปล่า”

“ห๊ะ ครับ เมื่อกี้พี่พีชว่าอะไรเหรอครับ ผมได้ยินไม่ชัด”

อีกฝ่ายสะดุ้งแล้วหันมาถามผมอย่างเร็ว

“พี่ถามเราว่าจะกินผลไม้หรือเปล่า เพราะพี่กินคนเดียวคงไม่หมดแน่” ผมถามกลับไปทั้งที่ในใจนึกสงสัยในตัวน้องแบม

มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

“ไม่ล่ะฮะพี่พีช ผมอิ่มแล้ว” แบมตอบก่อนจะเดินไปหยิบมีดปอกผลไม้ที่อยู่ในกล่องภาชนะออกมา “เดี๋ยวผมปอกผลไม้ให้พี่ดีกว่านะฮะ”

แล้วแบมก็ปอกแอปเปิ้ลให้ผมอย่างเงียบๆ พอออยออกจากห้องน้ำแล้ว ก็อยู่คุยกับผมสองสามคำก่อนจะขอตัวกลับบ้าน

.....................

“เอ่อ โทษทีนะ เสียงทีวีดังเกินไปหรือเปล่าเจย์” ร่างบางถามหลังจากเห็นผมลืมตาขึ้นมา

“ไม่ดังหรอก” ผมตอบพลางยกมือขยี้ตาอย่างงัวเงีย เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นมา ผมแทบไม่ได้นอนเลยด้วยซ้ำ เพราะมัวแต่วิ่งวุ่นหาต้นตอของปัญหาที่ทำให้ร้านของพีชถูกวางเพลิง รวมถึงพวกนักเลงที่เข้ามาทำร้ายพีชด้วย ผมลุกขึ้นเดินจากโซฟาก่อนจะไปนั่งเก้าอี้ข้างเตียง “แกยังเจ็บอยู่หรือเปล่าพีช”

ผมถามด้วยความเป็นห่วง ซึ่งร่างบางส่ายหน้าเป็นคำตอบ

“หิวไหม ฉันจะได้เอาข้าวเอาน้ำมาให้กิน” ผมถามอีกครั้งก่อนจะเห็นตะกร้าผลไม้วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ซึ่งถูกแกะกินไปได้หลายอย่างแล้ว “แล้วนั่นใครเอามาให้นะ”

ผมถามกลับอย่างสงสัย เพราะก่อนที่ผมจะหลับไป ตรงนั้นยังไม่มีตะกร้าผลไม้อยู่เลย

“อ้อ นั่นเป็นของออยนะ พอดีออยกับแบมมาเยี่ยมตอนนายหลับนะเจย์”

“อ้อเหรอ” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ เพราะก่อนหน้านี้ผมได้โทรไปบอกพวกออยไปแล้ว “ตอนนี้ก็บ่ายแล้ว จะกินผลไม้ไหม ฉันจะได้ปอกผลไม้ให้”

“ไม่ต้องเจย์ เมื่อกี้ตอนนายหลับฉันกินไปหน่อยแล้ว” ร่างบางตอบก่อนจะหันไปดูโทรทัศน์ต่อ ซึ่งหลังจากนี้ผมก็พูดอะไรไม่ออก เพราะกลัวพีชจะคิดมากเรื่องร้านดอกไม้ที่ถูกเผาไป “เอ้อ เจย์ นาย...เอ่อ...นาย”

พีชพูดเสียงตะกุกตะกักคล้ายกับจะถามอะไรผมซักอย่างแต่ก็ไม่กล้าพูดออกมา

“มีอะไรหรือพีช จะถามก็ถามมาสิ” ผมบอกยิ้มๆ

“เอ่อ...ตอนนี้นาย...มีเรื่องอะไรกับน้องแบมหรือเปล่า” คำพูดของพีชทำเอาผมหุบยิ้ม ก่อนจะเอียงคอมองตัวเล็กอย่างมึนงง “ก็...วันนี้น้องแบมมองนายแบบแปลกๆ...ฉันก็เลยนึกสงสัยเท่านั้นเอง”

“เหรอ ไม่รู้สินะ เพราะช่วงนี้ฉันไม่ค่อยได้คุยกับน้องแบมซักเท่าไหร่ ...อืม แต่ก็ไม่แน่ บางทีฉันอาจเผลอพูดอะไรออกมาไม่รู้ตัวแล้วทำให้น้องแบมไม่พอใจก็ได้มั้ง อย่าไปสนใจเลย”

“แค่นั้นเองเหรอ”

“อืม แค่นั้นเองแหละ” ผมตอบก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “อ้อ เมื่อสามวันก่อนตอนที่ฉันไปดูหนังกับพวกไอ้ออย ฉันได้รู้จักกับเพื่อนน้องแบมด้วย รู้สึกจะชื่อน้องอาร์ทเนี่ยแหละ จริงสิ น้องอาร์ทเค้าเป็นนักเขียนชื่อดังด้วยล่ะพีช”

“เหรอ แล้วไงต่อ”

“แล้วฉันกับไอ้ออยก็ขอลายเซ็นน้องเขาสิวะ เอ่อ หลังจากนั้นฉันก็ไปกินเหล้ากับพวกออยต่อ แต่ขากลับขับรถกลับไม่ไหว ไอ้ออยก็เลยพาฉันไปนอนค้างที่บ้านมันด้วย แล้วพอตื่นเช้ามาไอ้ออยก็วิ่งหน้าตาตื่นมาบอกฉันว่าไม่เจอน้องแบม แต่ที่ไหนได้ น้องแบมพาเพื่อนตัวเองนั่งรถแท็กซี่กลับหอพักไปแล้ว ฮะๆ” ผมเล่าไปหัวเราะไปพลาง แต่ทันใดนั้นภาพของคราบเลือดกับคราบขาวที่เกาะติดอยู่บนโซฟาในวันนั้น ซึ่งผมลืมมันไปแล้วได้ผุดขึ้นมาอีกครั้ง ทำเอาผมนึกสงสัยความเป็นมาของมันอย่างเงียบๆ

“แล้วพ่อกับแม่ล่ะเจย์”

“อ้อ พ่อกับแม่กลับไปบ้านนะ เห็นว่าจะกลับไปเอาเสื้อผ้าของแกที่ยังเหลืออยู่ที่บ้านมาให้ด้วย” ผมตอบ ซึ่งทำเอาร่างบางถึงกับซึมไปอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้พีชไม่เหลืออะไรแม้กระทั่งเสื้อผ้า เพราะมันไหม้ไปหมดแล้ว “จริงสิพีช ไว้แกหายดีแล้ว ฉันจะพาแกไปเที่ยวดีไหม”

“ไปเที่ยวงั้นเหรอ”

“ใช่แล้ว ไปเที่ยว” ผมตอบก่อนจะพูดต่ออย่างเอาใจ “พอดีฉันเห็นว่าช่วงนี้ทะเลที่กระบี่กำลังสวยมาก เลยกะว่าจะชวนแกไปเที่ยว ไปเถอะนะพีช เพราะฉันจะได้ชวนพ่อแม่ ไอ้ออย น้องแบม อ้อ แล้วก็น้องอาร์ทไปทะเลด้วยกันไงล่ะ น่านะ ไปกันหลายคนสนุกดีออก”

ร่างบางนิ่งไปชั่วครู่ราวกับใช้ความคิด ก่อนจะเงยหน้าตอบผมกลับมาว่า

“ขอเก็บไปคิดไว้ก่อนแล้วกันนะเจย์ เพราะตอนนี้ฉันรู้สึกเหนื่อยมากเหลือเกิน”

“อืม ไม่เป็นไร ฉันรอได้”

แล้วพีชก็ปิดโทรทัศน์ก่อนจะขอตัวนอนหลับต่อ ส่วนผมเห็นตัวเล็กหลับไปแล้วก็หยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่านเล่นแก้เซ็ง


.......................

“พวกนักเลงที่ฉันให้พวกลูกน้องของฉันไปหาให้มาได้ก็มีกันอยู่เจ็ดแปดคน รู้สึกว่ามันจะทำงานตามคำสั่งของใครบางคน แต่ใครนั้นฉันยังไม่รู้ ไว้หาได้เมื่อไหร่จะรีบโทรไปบอกละกัน”

“อืม ขอบใจนะเจฟฟรีย์ ถ้าไม่ได้นายแล้วฉันก็ไม่รู้จะไปพึ่งใคร”

“ฮะๆ ไม่เป็นไร เรามันเพื่อนกันวะ ถ้าไม่ช่วยเพื่อนแล้วจะให้ช่วยใคร”

แล้วอีกฝ่ายก็วางสายไป เจฟฟรีย์เป็นเชฟร้านอาหารก็จริงแต่เบื้องหลังเขาเป็นถึงมาเฟียคุมกิจการหลายอย่างที่ไม่คาดถึง แม้กระทั่งผมเองก็เป็นแบบเจฟฟรีย์ด้วย แต่เรื่องนี้ผมยังไม่ได้บอกลูกพีชเลยซักนิดเดียว เพราะผมกลัวว่าร่างบางจะรังเกียจผมที่เป็นมาเฟียเอาได้ ถึงผมจะให้เจฟฟรีย์ช่วยทำแล้วก็ตาม แต่ผมก็ใช่ว่าจะอยู่เฉย เพราะผมได้สั่งงานให้บอดี้การ์ดของผมไปทำด้วย

Trr…Tr...

ผมรับสายทันทีที่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ ซึ่งไม่ใช่ใครอื่นเลยนอกเสียจากเลขาของผม

“ว่าไงเรย์”

“พอดีมีคนต้องการจะพบกับท่านนะครับ” ปลายสายตอบเสียงเรียบ

“ใคร”

“คุณดารินครับ”

คำตอบของเรย์ทำเอาผมเกือบจะตอบปฏิเสธ แต่ก็พลันนึกขึ้นได้ว่าหญิงสาวเคยไปหาเรื่องลูกพีชมาก่อน จึงรีบตอบกลับไปว่า

“ให้หล่อนเข้ามาได้”

“ครับท่าน”

หลังจากวางสายได้สักพัก ประตูห้องก็ถูกเปิด เผยให้เห็นร่างบางสูงเพรียวมาในชุดแซ็กสีชมพูหวานเดินถือกระเป๋าโฉบมาอย่างมาดมั่น

“ห้องทำงานคุณก็ไม่เลวนะคะ แต่ดูเล็กกว่าที่เก่าไปซักหน่อย” หญิงสาวพูดพลางมองไปรอบๆ “จะว่าไปเลขาคุณก็แย่ซะเหลือเกิน รู้อยู่ว่าเป็นฉัน น่าจะปล่อยให้ฉันเข้ามาหา…”

“มีธุระอะไรก็ว่ามา ผมไม่ได้ว่างทั้งวัน” ผมพูดขัด ทำเอาร่างบางชะงักก่อนจะเหยียดยิ้มให้ผม

“แหม ฉันก็มาหาคุณตามประสาคนเคยรู้จักกัน” ดารินพูดเสียงหวาน แต่ผมไม่สนหรอก “ได้ข่าวว่าคู่ขาคุณถูกคนทำร้ายหรือคะ แถมร้านดอกไม้ก็โดนวางเพลิงอีก น่าสงสารเหลือเกิน”

ปึง!

ผมทุบโต๊ะเสียงดังลั่น ทำเอาร่างบางสะดุ้งตกใจนิดหน่อย

“พีชไม่ใช่คู่ขาของผม แต่เป็นคนรักของผม กรุณาพูดให้ถูกด้วย”

ร่างบางถึงกับเม้มปากเมื่อได้ยินที่ผมพูด แต่ไม่นานนักก็คลี่ยิ้มออกมาได้อยู่ดี

“ก็ได้ค่ะ คนรักก็คนรัก แต่จะเป็นได้นานแค่ไหนกันหนอ อยากรู้จริงเชียว”

“ถ้าคิดจะมาหาเรื่องก็เชิญกลับไปซะ” ผมพูดเสียงห้วนพร้อมกับผายมือไปยังประตู

“ไม่ได้หรอกค่ะอเล็กเซย์” ร่างบางพูดเหยียดยิ้มพลางเดินอ้อมโต๊ะทำงานเข้ามาทางด้านหลังของผม ก่อนจะโน้มตัวโอบกอดผมราวกับเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ “ตราบใดถ้าฉันยังไม่ได้ชวนคุณไปทานข้าวมื้อเย็นพร้อมกับคุณพ่อของฉัน ฉันก็จะไม่กลับไปง่ายๆหรอกค่ะ”

ถ้าเป็นแต่ก่อนผมคงปฏิเสธคำเชิญหล่อนไปทันทีโดยไม่ต้องคิดให้เสียเวลา แต่พอลองมานึกดูแล้ว ดารินก็ไม่ชอบขี้หน้าลูกพีชเหมือนกัน ฉะนั้นอาจเป็นไปได้ว่าหญิงสาวอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกนักเลงกลุ่มนั้น เผลอๆอาจเป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้ร้านดอกไม้ของพีชถูกเผาก็เป็นไปได้

ต้องลองสืบดู...

“ตกลงดาริน ผมจะไปกับคุณ”

........................

หลังจากผมทานข้าวต้มมื้อเย็นกับทานยาเสร็จแล้ว เจย์ก็ขอตัวกลับหอพัก เพราะหมอยังไม่อนุญาตให้ญาติมานอนค้างด้วย พอเจย์ไปแล้วผมก็นอนดูโทรทัศน์รออเล็กเซย์มา จนกระทั่งหนึ่งทุ่มแล้วก็ไม่มีวี่แววจะมาซักที ผมจึงหยิบมือถือของตัวเองที่เจย์อาสาเช็ดให้จนสะอาดแล้วขึ้นมากดปุ่มโทรหาอเล็กเซย์ทันที

Trr… Trr...

ผมรอฟังไปเรื่อยๆแต่อีกฝ่ายกลับไม่รับสายผม

สงสัยงานยุ่งมากจนไม่ว่างรับโทรศัพท์...

ผมครุ่นคิดในใจก่อนจะทอดถอนหายใจ แล้วผมก็หันไปดูข่าวในโทรทัศน์ต่อ จนกระทั่งข่าวจบก็ยังไม่มีวี่แววว่าร่างสูงจะโทรกลับมาหาผมเลยแม้แต่น้อย ทำเอาผมรู้สึกอดเป็นห่วงไม่ได้ จึงรีบโทรกลับไปหาอีกครั้ง แน่นอนว่าอีกฝ่ายไม่ได้รับสายเช่นเดิม ยิ่งทำให้ผมเป็นห่วงคนรักมากขึ้น

“ทำไมไม่รับสายซะทีล่ะเนี่ย” ผมบ่นอย่างหัวเสีย แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้กดโทรออกอีกครั้ง ประตูห้องก็ถูกเปิดอีกครั้ง ทำเอาผมหันไปมองก่อนเผลอปล่อยมือถือลงตักของตัวเองเมื่อเห็นบุคคลที่เข้ามาในห้อง “เมย์”

ร่างบางมาด้วยชุดทำงานออฟฟิต นัยน์ตาแดงกล่ำราวกับผ่านการร้องไห้มาอย่างโชกโชน

“พีช” ร่างบางเรียกชื่อผมเสียงสะอื้นเบาๆ ทำเอาความเจ็บปวดที่เคยมีต่อเมย์พลันหายไปในพริบตา แทนที่ด้วยความเป็นห่วงอดีตคนที่เคยรักกันมานาน แล้วร่างบางก็เดินมาหาผมอย่างช้าๆก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียง “เมย์ได้ยินข่าวแล้ว พีชเจ็บมากไหม”

“ไม่มากเท่าไหร่หรอก ว่าแต่ร้องไห้ทำไมล่ะครับคนดี” ผมพูดพลางใช้มือเกลี่ยน้ำตาของเมย์อย่างแผ่วเบา

ผมยอมให้อภัยเมย์ ต่อให้อีกฝ่ายทำผมเจ็บมากแค่ไหนก็ตาม...

“เมย์...เมย์...ฮึก...เมย์...ขอโทษนะ” ร่างบางพูดขอโทษเสียงสะอื้นไห้ก่อนจะเอาหน้ามาซบที่อกผม ซึ่งทำเอาผมตกใจนิดหน่อย แต่ถึงกระนั้นผมก็ใช้มือเข้าโอบกอดร่างบางเพื่อปลอบใจไม่ให้ร้องไปมากกว่านี้

“จะขอโทษผมทำไม เมย์ไม่ได้ทำผิดอะไรนี่ครับ” ผมพูดอย่างขำๆ แต่ร่างบางก็ไม่ได้พูดอะไรกลับมา “ว่าแต่เมย์มาหาผมถึงที่นี่ ไม่กลัวแฟนของเมย์จะว่าเอาเหรอครับ”

ผมถามพลางเอามือลูบหัวร่างบางเบาๆ

“เขาไม่ว่าหรอก” เมย์พูดเสียงเบา ทำเอาผมแปลกใจมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

“อะไรนะครับ?”

“เขาไม่ว่าหรอก” ร่างบางพูดย้ำอีกครั้ง “เพราะเขาบอกเลิกกับเมย์แล้ว”

คำพูดของเมย์ทำเอาผมถึงกับชะงักมือที่กำลังลูบหัวทันที ซึ่งร่างบางก็ได้ผละตัวออกมาจากอกผม ก่อนจะมองหน้าผมด้วยหน้าตาเศร้าหมอง

“เขาบอกเลิกกับเมย์แล้ว เขาไม่ต้องการเมย์อีก...”

“มันอยู่ที่ไหน” ผมถามแทรกด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ซึ่งทำเอาร่างบางสะดุ้งตกใจ “ผมถามว่ามันอยู่ที่ไหน”

ถึงผมจะโดนเมย์ทอดทิ้งแล้วตามมันไปก็จริงอยู่ แต่มันไม่มีสิทธิ์ที่จะทิ้งเมย์ไปง่ายๆแบบนี้!

“อย่าพีช เมย์ผิดเอง ฮึก ฮือๆ เมย์ผิดเอง” ร่างบางจับแขนเสื้อผมพร้อมกับร้องไห้ไปพลาง “เมย์สมควรที่จะได้รับกรรมแล้วล่ะพีช เพราะเมย์ทำผิดกับพีชมาก ฮือๆ”

“เมย์อย่าพูดว่าตัวเองแบบนั้นสิครับ คนที่ผิดคือมันตั้งหาก” ผมพูดเข้าข้างเมย์ แต่ร่างบางกลับส่ายหน้าไปมา

“เขาไม่ผิด เพราะคนที่ผิดคือเมย์” ร่างบางพูดเสียงสะอื้นไห้หนักยิ่งกว่าเดิม “ที่เขาเลิกกับเมย์ก็เพราะ...ก็เพราะว่าเมย์...ท้อง”

คำพูดสุดท้ายของเมย์ทำเอาผมถึงกับช็อก

“เมย์พูดอะไรนะ ท้องงั้นเหรอ” ผมถามย้ำหลังจากนั่งอึ้งอยู่ได้ไม่นาน

“ใช่พีช เมย์ท้อง”

“ถ้างั้นสมควรที่มันจะต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่มาทิ้งเมย์แบบนี้!!” ผมพูดเสียงดังพลางทำท่าลุกขึ้นยืน แต่ก็โดนร่างบางถึงแขนเสื้อให้นั่งลงบนเตียงอีกครั้ง “คุณจะห้ามผมทำไมเมย์ ผมจะไปเอาเรื่องกับมันนะ”

ร่างบางส่ายหน้าไปมาก่อนจะพูดต่อ

“พีชจะไปเอาเรื่องกับเขาก็ไม่ถูกนะ เพราะเขาไม่ได้ทำผิด”

“นี่เมย์ยังพูดเข้าข้างมันอยู่อีกหรือ!”

“เมย์ไม่ได้พูดเข้าข้างเขาเลยพีช ฮึก” ร่างบางพูดพลางยกมือปาดน้ำตาตัวเองออก ก่อนจะพูดต่อด้วยประโยคบางอย่างที่ทำเอาผมถึงกับช็อกยิ่งกว่าช็อก “แต่คนที่ผิดจริงคือเมย์ ที่เขาไม่ยอมรับและทิ้งเมย์ไปเพราะเขาไม่ได้ทำเมย์ท้อง แต่เป็นเพราะเมย์...เมย์...ท้องกับพีชตั้งหาก”

“ว่ายังไงนะ?!”

..............

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 12 โชคร้าย 19/9/57)
«ตอบ #36 เมื่อ19-09-2014 09:58:48 »

 :hao7:   

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 12 โชคร้าย 19/9/57)
«ตอบ #37 เมื่อ19-09-2014 10:10:26 »

พีชคะ ถึงเมย์จะน่าสงสารยังไงก็ต้องตรวจดีเอ็นเอนะคะ
หลังจากนั้นจะช่วยเหลือ ก็ช่วยเหลือได้

ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8
Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 12 โชคร้าย 19/9/57)
«ตอบ #38 เมื่อ19-09-2014 10:26:26 »

อ้าวยัยเมย์แกท้องกะคนอื่นแล้วจะให้พีชรับผิดชอบหรอ

ยัยผู้หญิงหน้าไม่อายเลิกกับเค้าไปตั้งนานแล้วมาบอกว่า

ท้องกะเค้าจะมีใครเค้าเชื่อแกในเมื่อแกมีคนใหม่ตั้งแต่ยัง

 ไม่ได้เลิกกับพีชอีก :angry2: :beat: :z6:

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 12 โชคร้าย 19/9/57)
«ตอบ #39 เมื่อ08-10-2014 18:47:44 »

ตอนที่ 13 วุ่นวาย

......................

ผมยอมรับว่าก่อนหน้านั้นผมเคยมีอะไรกับเมย์ก็จริงอยู่ แต่ผมก็ได้ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีอะไรด้วยกันมาตลอด ซึ่งพอมาเทียบกับหมอนั่นแล้ว มันเพิ่งจะมาคบกับเมย์ได้ไม่ถึงเดือน ไม่น่าจะทำเมย์ท้องได้ เพราะฉะนั้นมีคนเดียวที่ทำเมย์ท้องก็คือผมนั่นเอง

“แล้วเมย์...ท้องได้กี่เดือนแล้วล่ะ” ผมถามพลางเอามือกุมหน้าตัวเอง เพราะชักเริ่มรู้สึกปวดหัวตุบๆขึ้นมา

“สองเดือนแล้วนะพีช” ร่างบางตอบก่อนจะพูดต่อ “ตอนแรกเมย์ไม่รู้ว่าตัวเองท้อง แต่พอเมย์รู้สึกว่าประจำเดือนมันขาดหายไป ก็เลยไปหาหมอ ซึ่งหมอก็ได้บอกกับเมย์ว่าเมย์ท้องได้สองเดือนแล้ว”

คำพูดของเมย์ทำเอาผมถึงกับรู้สึกหนักอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก เพราะไม่คิดว่าเมย์จะท้องกับผมได้

“ถึงแม้พีชจะเป็นคนทำเมย์ท้อง แต่พีชไม่ต้องมารับผิดชอบเมย์หรอก เพราะเมย์เป็นคนทิ้งพีชไปตั้งแต่แรกเอง” ร่างบางพูดแทรกความคิด ทำเอาผมถึงกับเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายด้วยความโมโห

“นี่เมย์เห็นผมเป็นคนไม่มีความรับผิดชอบนักรึไงถึงได้พูดออกมานะ!”

“ปะ...เปล่า ไม่ใช่แบบนั้นพีช” ร่างบางสะดุ้งตกใจที่เห็นผมตะคอกเสียงใส่ “เมย์ก็แค่…ก็แค่รู้สึกผิดที่ทิ้งพีชไป ก็เลยไม่อยากให้พีช…ไม่อยากให้พีชต้องมารับผิดชอบนะ”

“เมย์ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก เพราะถึงยังไงผมก็ต้องรับผิดชอบลูกในท้องอยู่ดีนั่นแหละ” ผมตอบพลางถอนหายใจเฮือกแรงๆ “เอาเป็นว่าผมจะรับผิดชอบลูกของคุณเอง ส่วนเรื่องอื่นๆไว้ค่อยคุยกันได้วันหลังตอนนี้คุณกลับไปก่อนเถอะ ผมรู้สึกเหนื่อย อยากพักผ่อน”

“อะ…อืมจ้ะ”

แล้วร่างบางก็เดินออกไป ทิ้งให้ผมนั่งกุมขมับด้วยความเครียดอย่างเงียบๆ

อเล็กซ์ช่วยบอกผมหน่อย ว่าผมควรจะทำยังไงต่อไปดี!

............................................

หลังจากผมขอตัวกลับหอพักแล้ว ผมก็รีบอาบน้ำก่อนจะขับรถออกไปผับเพื่อทำงานเหมือนเช่นเคย ตอนนี้ผมต้องโหมเล่นดนตรีหนักขึ้นกว่าเดิม เพราะร้านของพีชถูกเผาไปแล้ว และไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนกว่าพีชจะกลับมาตั้งตัวได้ ดังนั้นผมจึงได้ตั้งหน้าตั้งตาทำงานนี้ไปก่อน แน่นอนว่าเรื่องนี้พ่อแม่ผมรับรู้เรื่องงานของผมหมดแล้ว ซึ่งท่านก็ไม่ได้ว่าอะไรผมเลยแม้แต่คำเดียว มีเพียงแต่ให้เงินเล็กๆน้อยๆไว้ใช้ยามยากลำบากเท่านั้น

“ไงเจย์ วันนี้มาไวเหมือนกันนะเรา” พี่เป้เอ่ยทักหลังจากเห็นผมเดินเข้ามาในผับแล้ว “ว่าแต่พีชเพื่อนของมึงเป็นยังไงบ้างล่ะ”

อีกฝ่ายถามด้วยความเป็นห่วง เพราะได้ยินข่าวว่าเพื่อนของผมถูกพวกนักเลงรุมทำร้าย แถมยังโดนผู้ไม่ประสงค์ดีเผาร้านดอกไม้ทั้งๆที่เจ้าของร้านยังนอนในโรงพยาบาลไม่รู้สึกตัวอีกด้วย

“พีชสบายดีครับ ขอบคุณพี่เป้ที่เป็นห่วง” ผมตอบอย่างขอไปที เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้ว่าพีชในตอนนี้เจ็บปวดมากแค่ไหน “เดี๋ยวผมขอตัวไปลองเสียงกีต้าร์ก่อนนะครับพี่เป้”

“อืมๆ”

แล้วผมก็เดินไปลองเสียงกีต้าร์ทันที หลังจากลองได้สักพักแล้ว แขกก็เริ่มทยอยเข้าร้าน ผมก็เริ่มเล่นเพลงไปตามใจที่ผมอยากเล่น ยกเว้นแขกคนไหนขอเพลงกับผม ผมก็เล่นให้เท่าที่เล่นได้ (เพราะผมจะได้ค่าทิปด้วย) ในระหว่างที่ผมเล่นอยู่นั้น ผมก็เหลือบไปเห็นใครบางคนที่คุ้นตาซึ่งไม่น่าจะมาอยู่แถวนี้ได้

น้องอาร์ท?

แถมมากับผู้ชายที่ผมไม่รู้จัก ซึ่งมันน่าแปลกที่น้องอาร์ทจะมาที่นี่โดยไม่มีน้องแบมกับไอ้ออยมาด้วย

อาจจะเป็นเพื่อนหรือพี่ก็ได้…

ผมคิดในใจก่อนจะหันไปเล่นดนตรีต่ออย่างไม่สนใจ


...............................

นี่เป็นอะไรที่บ้ามากที่ผมชักชวนรุ่นพี่ที่ทำงานนักเขียนด้วยกันมาที่ผับแห่งนี้ ซึ่งพอผมมาถึงผับผมก็เห็นพี่เจย์นั่งเล่นดนตรีอยู่

หวังว่าพี่เจย์คงจะไม่รู้ว่าผมมาที่นี่หรอกนะ…

“น้องอาร์ทไปนั่งโต๊ะตรงนู่นไหมครับ” รุ่นพี่ที่ผมชวนมาสะกิดบอกผม ซึ่งผมหันไปมองก่อนจะพบว่านั้นหลบมุมในอยู่ ยากที่คนบนเวทีจะเห็นได้ชัด

“เอาแบบนั้นก็ได้ฮะพี่” ผมตอบก่อนจะเดินตามร่างสูงไป เมื่อได้ที่นั่งแล้ว รุ่นพี่ก็สั่งเหล้าอ่อนๆพร้อมกับแกล้มทันที ซึ่งระหว่างนั้นผมก็หันไปมองพี่เจย์เล่นดนตรี บอกตามตรงว่าครั้งนี้พี่เจย์เล่นดนตรีได้ดีมาก ดีจนผมฟังแล้วแทบเคลิ้มตาม

“น้องอาร์ทครับ กับแกล้มกับเหล้ามาแล้วนะ” อีกฝ่ายบอก ทำเอาผมสะดุ้งตกใจนิดหน่อย ก่อนจะหันไปยิ้มแห้งๆให้กับรุ่นพี่ “สนใจฟังเพลงกับเขาเป็นด้วยรึเรา”

“ก็นิดหน่อยฮะ”

“อยากฟังเพลงอะไรก็ไปขอเพลงกับเขาสิ เดินไปขอถึงที่เลย”

เอ่อ ถ้าไปขอตรงๆ พี่เจย์ก็เห็นผมสิครับรุ่นพี่

“เอ่อ ผมว่าอย่าดีกว่าเลยนะฮะ” ผมบอกก่อนจะหยิบกับแกล้มขึ้นมากิน “ผมว่าฟังอยู่แบบนี้แหละดีแล้ว”

“หึๆ ตามใจเราแล้วกัน” รุ่นพี่หัวเราะพลางเอามือจับหัวผมแล้วเขย่าเบาๆ หลังจากนั้นผมก็กินไปฟังไป จนกระทั่งเริ่มรู้สึกกรึ่ม แอร์เย็นมากจนผมต้องขอตัวรุ่นพี่ไปเข้าห้องน้ำ หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้ว ผมก็เดินกลับออกมานั่งกินต่อ แต่นั่งกินไปได้ไม่นาน ผมชักเริ่มรู้สึกร้อนรุ่มอย่างบอกไม่ถูก แถมร่างกายเพลียจนแทบไม่มีแรงจะยกแก้วเหล้าเสียด้วยซ้ำ

นี่เราเป็นอะไรไปกันแน่?...

“พี่ว่าเราเมามากแล้ว กลับกันเถอะนะ” เสียงรุ่นพี่บอกผม ทันทีที่ผมถูกรุ่นพี่มาสัมผัสตัว ผมถึงกับสะดุ้งวาบด้วยความเสียวแบบแปลกๆ

“อ๊ะ พี่ อย่าถูกตัว…ผม ผมเดิน…เองได้” ผมขบปากบอกเสียงสั่น แต่อีกฝ่ายหาได้ฟังไม่ กลับโอบตัวผมพยุงเดินออกไปจากผับ ครั้นพอไปถึงตัวรถซึ่งจอดเปลี่ยวอยู่ในที่มืดไร้แสงไฟ อีกฝ่ายก็เปิดประตูด้านข้างคนขับออกแล้ว ก่อนจะผลักผมให้นั่งลงอย่างแรง “พะ…พี่…จะทำอะไร…ผมนะ”

ผมถามเสียงสั่นด้วยความแปลกใจก่อนจะเห็นใบหน้าของรุ่นพี่ที่มองมาอย่างหื่นกระหาย

อย่าบอกนะว่า…

“กูก็จะข่มขืนมึงยังไงล่ะไอ้โง่!”


............................

ผมเล่นดนตรีไปได้สักพักก็หยุดดื่มน้ำแก้กระหาย ซึ่งประจวบเหมาะที่ไปเห็นร่างเล็กกำลังโดนผู้ชายคนนั้นโอบตัวพยุงให้เดินออกไปข้างนอก ทำเอาผมนึกแปลกใจจึงวางแก้วน้ำลงก่อนจะเดินตามไปดูด้วยความเป็นห่วง ครั้นพอเดินออกไปข้างนอก ผมก็ไม่เห็นทั้งคู่แล้ว แต่น่าแปลกที่ไม่มีรถคันใดขยับออกซักคัน ทำเอาผมเป็นห่วงน้องอาร์ท จึงรีบออกเดินตามหาน้องอาร์ทอย่างเร็ว พอเดินหาไปได้สักพัก ผมก็รู้สึกคล้ายจะได้ยินเสียงคนร้องออกมาดังแว่วๆอยู่ในที่มืด จึงรีบสาวเท้าเดินไปตามเสียงนั้นอย่างเร็ว ครั้นพอถึงต้นเสียงแล้ว ผมถึงกับตกตะลึงเมื่อเห็นตัวเล็กถูกผู้ชายคนนั้นระดมจูบอย่างมัวมันโดยที่ร่างเล็กเองก็กำลังขัดขืนด้วยเช่นกัน ผมเห็นดังนั้นก็เลือดขึ้นหน้าก่อนจะสืบเท้าเข้าไปใกล้ พลางใช้มือจิกกระชากผมมันขึ้นมาก่อนจะง้างหมัดใส่ใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างแรง

บึก!!

แล้วตัวมันก็กระเด็นออกนอกตัวรถไป ก่อนที่ผมจะตามมันไปต่อยซ้ำ ซึ่งผมต่อยไปสองสามทีมันถึงกับสลบเหมือดคาที่ พอผมเห็นมันสลบไปแล้ว จึงลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปหาน้องอาร์ทที่นอนร้องไห้อยู่ในรถยนต์

“ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับน้องอาร์ท” ผมถามด้วยความเป็นห่วง พลางมองร่างเล็กที่ถูกถอดเสื้อไปครึ่งหนึ่ง ซึ่งอีกฝ่ายไม่ตอบ ได้แต่ร้องไห้จนผมต้องเข้าไปดึงเสื้อลง แต่ครั้นพอผมถูกตัว ร่างบางถึงกับสะดุ้งโหยง “เจ็บตรงไหนเหรอ บอกพี่ได้นะ”

ผมถามพลางก้มมองหาบาดแผล แต่เจ้าตัวกลับกระเถิบตัวหนีผม ซึ่งทำเอาผมถึงกับมุ่นคิ้ว

“มะ…ไม่…ผมไม่เป็น…อะไร”

“ไม่เป็นอะไรแล้วทำไมต้องหนีพี่ด้วยล่ะ”

ผมถามอย่างสงสัย ซึ่งพอสังเกตดูดีๆแล้ว น้องอาร์ทมีใบหน้าที่แดงกล่ำ แถมตัวยังสั่นราวกับจับไข้

เอ๊ะ หรือว่าน้องอาร์ทจะโดน…

มอมยา...


เนื่องจากผมเคยเห็นคนโดนมอมยาปลุกเซ็กมาก่อน จึงสามารถพอจะเดาอาการนี้ได้อยู่บ้าง ผมคิดได้ดังนั้นก็เข้าไปอุ้มน้องอาร์ทออกมาจากรถทันที ทำเอาร่างเล็กถึงกับสะดุ้งโหยง

“พะ…พี่เจย์…จะพาผมไปไหนครับ” น้องอาร์ทถามเสียงสั่น

ผมไม่ตอบก่อนจะพาร่างเล็กขึ้นรถ แล้วค่อยเดินอ้อมมาขึ้นนั่งฝั่งคนขับ พอนั่งแล้วผมก็กดมือถือโทรออกทันที

“โรงพยาบาลxxx ใช่ไหมครับ ตอนนี้มีคนสลบอยู่หน้าผับxxxครับ ครับ ช่วยมารับที ขอบคุณครับ” พูดจบก็วางสายทันที ก่อนจะกดโทรศัพท์อีกครั้ง “พี่เป้ครับ ผมขอหยุดก่อนเวลานะครับ พอดีมีธุระนิดหน่อยนะครับ ครับพี่ สวัสดีครับ”

แล้วผมก็เก็บมือถือเข้ากระเป๋าก่อนจะสตาร์ทรถขับออกไปทันที

“พี่เจย์…แฮ่กๆ จะพาผม…ไปไหนเหรอครับ” ร่างบางถามไปหอบไปพลาง ดูท่ายาจะออกฤทธิ์แรงพอสมควร

“ไปบ้านออยนะ”

“ไม่เอา!” ร่างบางตอบกลับทันที ทำเอาผมถึงกับหันไปมองด้วยความแปลกใจ ก่อนจะหันกลับไปมองถนนตามเดิม “ขอร้องล่ะฮะพี่เจย์…แฮ่กๆ อย่าพา…ผมไป…เดี๋ยวแบม…เห็นผมในสภาพนี้แล้ว…จะโกรธเอาได้”

ไม่โกรธก็บ้าแล้วล่ะ หน้าแดงออกขนาดนั้น แถมยังมีรอยจูบช้ำที่ตรงต้นคออีก

“เอางั้นก็ได้ ว่าแต่จะให้พี่พาเรากลับไปหอพักตัวเองรึไง”

“ฮะพี่เจย์”

“ด้วยสภาพนี้เนี่ยนะ” ผมตอบพลางเหล่ตามองร่างบางที่นอนหอบหน้าแดงกล่ำ “พี่คงไม่พาเรากลับไปที่หอพักตัวเองหรอก ยังไงก็กลับไปหอพักพี่ก่อนแล้วกัน”

ร่างบางไม่ตอบ คาดว่าคงไม่มีเรี่ยวแรงจะตอบคำถามผมแล้วล่ะ พอผมขับไปถึงหอพักแล้ว ผมก็อุ้มร่างเล็กเข้าไปนอนบนเตียงในห้อง ทีแรกผมตั้งใจจะให้น้องอาร์ทเข้าไปดับอารมณ์ของตัวเองในห้องน้ำ ครั้นพอผมวางกุญแจรถลงบนหัวเตียงแล้วหันกลับมาอีกที ถึงกลับตกใจเมื่อเห็นร่างเล็กถอดเสื้อตัวเองออกเรียบร้อยแล้ว

“พี่เจย์ แฮ่กๆ ผมร้อน…ผมทน…ไม่…ไหวแล้ว”

ไม่พูดเปล่าอย่างเดียว กลับโถมตัวเข้ามาโอบกอดผมแถมยังจูบผมอีกด้วย ซึ่งทำเอาผมตกตะลึง และนอกจากนี้น้องอาร์ทจะจูบผมแล้ว ยังใช้มือสองข้างดึงเสื้อผมขึ้นอีกด้วย

?!

“พี่เจย์…ขอร้องล่ะ…ช่วยผม…ด้วยนะครับ” อีกฝ่ายพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า นัยน์ตาแวววาวจนน่าหยิกนัก ซึ่งผมเองก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่จะมาทนโดนคนยั่วแบบนี้ได้ ผมจึงคว้าร่างบางโอบกอดจูบตอบทันที แน่นอนว่าอีกฝ่ายก็ตอบรับจูบผมด้วยเช่นกัน

“อือออ อืมมม” ผมไม่จูบเปล่าเพียงอย่างเดียว กลับสอดลิ้นควานหาความหวานในช่องปากอย่างมัวมัน พอจูบไปได้สักพักผมก็ค่อยจูบไล่ลงมาตั้งแต่ริมฝีปาก คอ หน้าอก และยอดอก ซึ่งทำเอาร่างบางถึงกับร้องคราง “อื้อออ พี่เจย์”

เสียงครางของตัวเล็กทำเอาภาพความทรงจำได้ผุดขึ้นมาในหัวผมเป็นดอกเห็ด ซึ่งมันเป็นภาพของน้องอาร์ทที่อยู่ใต้ร่างของผม แถมถูกผมมัดไว้ด้วยเสื้ออย่างแน่นหนา และภาพอื่นๆที่ผมทำอะไรต่อมิอะไรกับน้องอาร์ทอีกมากมายนับไม่ถ้วน ทำเอาผมนึกถึงคราบเลือดกับคราบสีขาวที่อยู่บนโซฟาในตอนเช้าของวันนั้น แถมอาร์ทกับแบมก็พากันหนีกลับไปหอพักแต่เช้าตรู่ด้วย

มิน่าถึงได้ดูคุ้นกับรสจูบกับน้องอาร์ทนัก ที่แท้ก็…

ผมครุ่นคิดในใจอย่างสับสน เพราะผมไม่ได้รักหรือชอบน้องอาร์ทแม้แต่น้อย ซึ่งคนที่ผมรักในตอนนี้คือพีชเท่านั้น

“อือออ พี่เจย์ อย่าหยุดสิ” เสียงน้องอาร์ทร้องครางประท้วงเมื่อเห็นผมหยุดมือ ทำเอาผมขบปากตัวเอง เพราะจะดับอารมณ์ของตัวเองในตอนนี้ก็คงไม่ทันการแล้วล่ะ

“ไว้เสร็จเมื่อไหร่น้องอาร์ทค่อยมาลงโทษพี่แล้วกัน” ผมกระซิบบอกข้างหูพลางผลักร่างเล็กนอนลงบนเตียง ก่อนจะคร่อมตัวตามลงไป “ไม่ต้องกลัวว่าพี่จะหนีไปหรอกนะ เพราะพี่จะอยู่ที่นี่ จะไม่หนีไปไหน จะขอรับความผิดที่ทำกับน้องไป พี่ขอโทษ ขอโทษจริงๆ”

ขอโทษที่เห็นน้องเป็นตัวแทนของพีช…


....................

ผมมารู้สึกตัวอีกทีแสงแดดก็ได้เข้ามาแยงตาแล้ว ทำเอาผมรู้สึกแสบตาจึงรีบหลับตาลง ก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้ง ทำให้แลเห็นใบหน้าคุ้นตานอนหลับอยู่ในระยะเผาขน

พะ...พี่เจย์?!

แถมนอกจากนี้ผมยังนอนเปลือยกายอยู่ในอ้อมกอดของเขาอีกด้วย ทำเอาผมนึกย้อนกลับไปว่าทำไมถึงมานอนอยู่กับพี่เจย์ได้ ซึ่งผมใช้เวลาคิดไม่นานนัก ก็นึกเรื่องราวออกได้ทั้งหมด รวมถึงสิ่งที่ผมทำกับพี่เจย์เมื่อคืนนี้ด้วย

ให้ตายสิ นี่ผมไปยั่วพี่เขาได้ยังไงเนี่ย?!

ผมยอมรับว่าครั้งแรกผมโดนพี่เจย์ข่มขืนแบบไม่เต็มใจ แต่ครั้งนี้ผมดันไปยั่วเขาก่อน ซึ่งคิดแล้วน่าอายจนอยากจะมุดดินหนี จะว่าไปครั้งนี้พี่เจย์ไม่ได้ทำผมแบบรุนแรงเหมือนครั้งแรก แต่กลับทำแบบนุ่มนวลจนผมที่เมาแล้วรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก พอคิดได้ดังนั้นผมก็รู้สึกหน้าร้อนผ่าว

ไม่คงไม่คิดแล้ว ไปอาบน้ำดีกว่า!

พอผมจะเอาแขนพี่เจย์ออก ร่างสูงกลับลืมตาขึ้นมองผมแป๋ว ทำเอาผมได้แต่มองอีกฝ่ายอย่างนิ่งอึ้ง เพราะจะหนีหน้าพี่เจย์เหมือนครั้งแรกก็ไม่ทันเสียแล้ว แถมตอนนี้ก็ไม่มีแบมอยู่ช่วยผมเสียด้วย

“น้องอาร์ท”

“คะ…ครับ” ผมตอบเสียงสั่น แต่แทนที่พี่แกจะพูดต่อ กลับจ้องผมจนผมต้องหันหน้าหนีด้วยความเขินอาย

พูดอะไรบ้างสิครับพี่เจย์ อย่าจ้องเงียบแบบนี้สิ ผมเขินนะ!

แล้วผมก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อมือหนาเข้ามาเกลี่ยผมที่ปรกตาผมออกอย่างแผ่วเบา ทำเอาผมหันหน้าไปมองก่อนจะประสานตากับพี่เจย์ที่จ้องมองมา

“พี่ปล่อยผมเถอะ ผมจะไปอาบน้ำ” ผมบอกพลางดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดของร่างสูง แต่อีกฝ่ายหาได้ปล่อยผมไม่ “ผมบอกแล้วไงว่าให้…”

“ขอโทษ” ร่างสูงพูดขอโทษ ทำเอาผมถึงกับหยุดดิ้นก่อนจะหันไปมองร่างสูงที่มองหน้าผมอย่างเศร้าๆ

“พี่ไม่ได้ตั้งใจทำน้อง เพราะตอนนั้นพี่เมามาก” พี่เจย์พูดเกริ่น ซึ่งทำเอาผมงงนิดหน่อย แต่พออีกฝ่ายพูดขึ้นมาอีกครั้ง ผมก็ถึงกับบางอ้อ “พี่ขอโทษที่เห็นน้องเป็นตัวแทนพีช ขอโทษที่ทำรุนแรงไป แต่ไม่ต้องห่วงนะน้องอาร์ท เพราะพี่จะขอรับความผิดทุกอย่าง ฉะนั้นเราจะลงโทษพี่ยังไงก็แล้วแต่ เชิญทำได้ตามสบายเลย”

แล้วพี่เจย์ก็ปล่อยผมให้เป็นอิสระ ก่อนจะหลับตาลงคล้ายกับรอให้ผมลงโทษได้ตามสบาย ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ผมจะทุบตีพี่แกให้หนำใจ เพราะพี่แกเห็นผมเป็นตัวแทนของคนๆนั้น แต่ครั้งนี้ผมกลับทำไม่ลง เหมือนมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมไม่กล้าลงมือ

ให้ตายสิ นี่เราเป็นอะไรไปกันแน่?

ส่วนร่างสูงนั้นเมื่อเห็นผมเงียบอยู่นานแล้ว จึงลืมตาขึ้นมองผมอีกครั้ง

“ทำไมยังไม่ลงมือล่ะหืม?” พี่เจย์ถามผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทำเอาผมที่ได้ยินเสียงนั้นถึงกับใจเต้นสั่นระรัว

“คือผม…ผม”

“ผม?”

“ผมว่า…ผมจะไปอาบน้ำก่อน!” ผมพูดตอบเสียงดังก่อนจะลุกขึ้นลงจากเตียงอย่างรวดเร็ว แต่ครั้นพอก้าวลงจากเตียง ความเจ็บปวดที่สะโพกกับแข้งขาที่อ่อนแรงก็ประดังเข้ามาทำเอาผมล้มลงไปนอนกับพื้น “อะ อูย เจ็บๆ”

ผมร้องครวญครางพลางเอามือลูบที่สะโพกของตัวเอง

โอย สะโพกจะหักไหมเนี่ย…

“อ๊ะ” ผมสะดุ้งตกใจร้องเสียงหลงเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังลอยขึ้นเหนือพื้น ก่อนจะพบว่าตัวเองกำลังถูกพี่เจย์อุ้มในท่าเจ้าหญิง “พี่เจย์อุ้มผมทำไม ปล่อยผมนะ”

“ถ้าพี่ปล่อยแล้ว น้องจะมีปัญญาเดินเข้าห้องน้ำเองเหรอ ให้พี่ช่วยเถอะนะ” ร่างสูงบอก ทำเอาผมพูดไม่ออก ได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายพาเข้าไปในห้องน้ำ ซึ่งพอเข้าห้องน้ำแล้วพี่เจย์ก็เปิดก๊อกน้ำอุ่นในอ่างให้ผม ก่อนจะวางผมลงในอ่างแล้วปล่อยให้ผมอาบน้ำเอง เมื่อผมอาบน้ำเสร็จแล้วก็ฝืนเดินออกไปโดยไม่ลืมนุ่งผ้าเช็ดตัวด้วย พอเดินออกมาข้างนอกผมก็ไม่เห็นพี่เจย์อยู่ในห้องนอนแล้ว

ไปไหนของเขาหว่า?

ครั้นพอมองไปที่เตียงก็พบเสื้อผ้าชุดหนึ่งถูกวางไว้อยู่ คาดว่าพี่เจย์คงจะเตรียมเอาไว้ให้ผมอย่างแน่นอน ซึ่งผมใส่ได้พอดิบพอดี ทำเอาผมนึกสงสัยว่าทำไมพี่เจย์ถึงมีเสื้อผ้าไซส์เล็กอยู่ในตู้เสื้อผ้าด้วย ผมเลิกสงสัยก่อนจะเดินออกไปนอกห้อง ก็พบว่าพี่เจย์กำลังเทข้าวต้มออกจากถุงใส่ชามอยู่พอดี

“ทำไมไม่เรียกพี่ แล้วนั่นเดินไหวแล้วหรือเราน่ะ” พี่เจย์เงยหน้าถามผมหลังจากได้ยินเสียงประตูเปิด

“คือผมคิดว่าผมพอจะเดินไหวแล้วนะฮะ” ผมยิ้มตอบพลางยกมือขึ้นเกาหัวแก้เขิน ก่อนจะชะเง้อมองข้าวต้มอย่างสงสัย “พี่เจย์ออกไปซื้อข้าวต้มมาหรือฮะ”

“ใช่ น้องอาร์ทมานั่งกินก่อนสิ แล้วจะได้กินยาต่อเลยไง”

“ยา? กินทำไมหรือฮะ” ผมถามพลางเดินเอื่อยอาดมานั่งลงบนเก้าอี้อย่างสงสัย

“ก็กินไม่ให้มันอักเสบไง หรือน้องจะปล่อยให้มันเจ็บอยู่อย่างนั้นล่ะ หึๆ” ร่างสูงพูดอย่างขำขัน ทำเอาผมสงสัย แต่พอนึกขึ้นได้ว่าพี่เจย์พูดถึงเรื่องอะไร หน้าผมถึงกับร้อนผ่าวขึ้นมาทันที “กินเถอะ เดี๋ยวมันจะหายร้อนแล้วไม่อร่อย”

“ฮะ” ผมตอบก่อนจะลงมือกิน ส่วนร่างสูงเมื่อเห็นผมนั่งกินแล้วจึงนั่งลงกินตาม

“เรื่องเมื่อวานนี้…” อยู่ๆพี่เจย์ก็พูดเกริ่นขึ้นมา ทำเอาผมที่กำลังกินข้าวต้มอยู่ถึงกับหยุดชะงัก “…น้องอาร์ทบอกพี่ได้ไหมว่ามันเป็นใคร”

“เอ่อ คือ…”

“ที่พี่ถามก็ไม่ใช่จะไปทำร้ายเขาต่อ แค่อยากรู้ว่าเป็นใครเฉยๆ” พี่เจย์บอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ผมไม่ตอบกลับไป ทำเอาร่างสูงถึงกับถอนหายใจเฮือกแรงๆ “ถ้าไม่บอกก็ไม่เป็นไร แต่คราวหน้าคราวหลังอย่าไปเที่ยวผับกับคนอื่นสุ่มสี่สุ่มห้าโดยไม่มีแบมกับออยไปด้วยอีกล่ะ เข้าใจไหมครับน้องอาร์ท”

ร่างสูงพูดพลางเอื้อมมือมาขยี้ผมบนหัวผมอย่างแผ่วเบา ซึ่งทำเอาผมถึงกับหน้าร้อนผ่าว

“ฮะพี่เจย์”

เมื่อกินเรียบแล้วร้อย ทีแรกผมอาสาไปล้างจานให้แต่พี่เจย์ไม่ยอม กลับไล่ผมให้ไปนั่งรอที่โซฟาแทน ระหว่างรอพี่เจย์ล้างจานอยู่นั้น ผมก็ดูโทรทัศน์ไปเรื่อยเปื่อย จนกระทั่งได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะข้างโซฟาที่ผมนั่งอยู่ดังขึ้น ทำเอาร่างสูงที่เข้าไปล้างจานในครัวถึงกับรีบวิ่งออกมารับอย่างรวดเร็ว

“เออ ว่าไง” พี่เจย์ขานรับด้วยสีหน้าหงุดหงิดหลังจากมองจอมือถือของตัวเอง “อืม ตอนนี้น้องอาร์ทอยู่กับกู เออ เมื่อวานกูเจอน้องเมาที่ผับวะ เออ มึงจะตะคอกทำเหี้ยไรฟะ ห๊ะ มึงกับน้องแบมจะมาหาที่นี่เรอะ! เฮ้ย ไม่ต้อง กูดูน้องเค้าเองได้ ว่าไงนะ น้องแบมคาดคั้นมึงจะมาที่นี่ให้ได้งั้นรึ มึงก็บอกเมียมึงไปสิว่าไม่ต้องเป็นห่วง เออ พูดให้ได้นะมึง เออ ไม่ต้องห่วงหรอก เออ เดี๋ยวกูไปส่งน้องให้แน่มึงไอ้ออย เออ แค่นี้ล่ะ”

แล้วพี่เจย์ก็กดปิดโทรศัพท์

“เอ่อ พี่ออยโทรมาหรือครับพี่เจย์” ผมถามอย่างสงสัย ซึ่งร่างสูงหันมาตอบผมว่า

“อืมใช่ แต่น้องไม่ต้องห่วง พี่ไม่ได้บอกเรื่องเมื่อวานนี้ให้ออยฟังหรอก”

“ฮะ ขอบคุณมากฮะพี่เจย์”

“ว่าแต่เราน่ะ มีงานทำอะไรตอนเช้าหรือเปล่า” พี่เจย์ถามต่ออย่างสงสัย ซึ่งผมส่ายหน้าเป็นคำตอบ “ก็ดี งั้นน้องอาร์ทก็พักอยู่ที่นี่ไปก่อนแล้วกัน เพราะพี่ยังไม่ไว้ใจให้น้องกลับไปหอพักตอนนี้หรอก”

“ทำไมล่ะฮะพี่เจย์” ผมถามกลับอย่างสงสัย

“ก็พี่กลัวว่ามันจะกลับมาเล่นงานน้องอีกยังไงล่ะ”

“แต่ผมต้องกลับ เพราะผมยังมีนิยายต้องแต่งส่งสำนักพิมพ์…”

“จะกลับไปให้มันข่มขืนทำเหี้ยอีกรึไงห๊ะพูดไม่เรื่อง!” ร่างสูงตะคอกเสียงใส่ ทำเอาผมถึงกับสะดุ้งตกใจ

“ผะ…ผมขอโทษฮะ” ผมพูดเสียงสั่นเครือ ไม่รู้ว่ามันเป็นอะไรกันแน่ พอได้ยินที่พี่ตะคอกเสียงใส่แล้ว น้ำตามันก็พาลไหลออกมา “ผมขอโทษ ฮึก ผมไม่ได้ตั้งใจ”

ร่างสูงเห็นผมร้องไห้แล้วถึงกับถอนหายใจ ก่อนจะเอามือมาลูบหัวผมอย่างเบาๆ

“ไว้ให้พี่มั่นใจว่าปลอดภัยแล้ว ถึงตอนนั้นพี่จะพาเรากลับไปหอพักแน่ ว่าแต่งานที่จะต้องทำมันอยู่ที่ไหนล่ะ เดี๋ยวพี่ขับรถไปเอามาให้”

“ฮึก อยู่ที่โน้ตบุ๊คผมในหอพักฮะ”

“โอเค งั้นเดี๋ยวพี่ไปเอามาให้พร้อมกับเสื้อผ้าของน้องเลยทีเดียว เอ่อ ระหว่างนี้ก็นั่งดูหนังแก้เซ็งไปก่อนนะ เพราะพี่มีแผ่นหนังอยู่ในห้องเพียบ” พี่เจย์บอกพลางชี้นิ้วไปที่เก็บซีดีให้ผมดู

“เอ่อพี่เจย์ฮะ แล้วถ้าแบมไปหาผมที่หอพักแล้วไม่เจอ จะให้ผมทำยังไงดีฮะ” ผมถามต่ออย่างสงสัย เพราะเมื่อครู่นี้พี่เจย์บอกกับพี่ออยว่าจะไปส่งผมที่หอพัก

“ไม่ต้องห่วง เรื่องนี้เดี๋ยวพี่จัดการให้เอง แต่ถ้าแบมโทรมาน้องก็บอกไปว่าออกไปทำงานที่สำนักพิมพ์ก็หมดเรื่อง”

“แต่เรื่องนี้ผมคงพูดโกหกแบมไปตลอดไม่ได้หรอกนะฮะ” ผมพูดต่ออย่างเป็นกังวล “เพราะแบมเป็นห่วงผมมาก ถ้าไม่ได้เจอแค่วันสองวันยังพอได้ แต่ถ้าหลายวันเข้าผมเกรงว่า…”

มือหนาเข้ามาลูบหัวผมอย่างเบาๆก่อนจะตอบมาว่า

“ไว้ให้ถึงตอนนั้นพี่จะพูดกับแบมเอง เราน่ะไม่ต้องคิดมากไปหรอก”

“ฮะพี่เจย์”


............................

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Innocent Flower (อัพ ตอนที่ 12 โชคร้าย 19/9/57)
« ตอบ #39 เมื่อ: 08-10-2014 18:47:44 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ตีสี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-5
    • 61'
อเล็กซ์จะว่ายังไงละเนี่ยถ้ารูเรื่องที่เมย์ท้อง แถมพีชยังยอมรับเป็นพ่อง่ายๆอีก

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
คู่เจย์ยังไม่ได้คบกันสินะคะ เหมือนรับผิดชอบสิ่งที่ทำลงไป..หรือเปล่า??


ว่าแต่นั่นลูกของลูกพีชแน่เรอะ?? ชักไม่ไว้ใจนังเมย์

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ตอนที่ 14 บอก

.................

หลังจากผมบอกให้น้องอาร์ทนั่งดูหนังรอผมอยู่ในห้องแล้ว ผมก็ขับรถออกมาก่อนจะมุ่งตรงไปยังหอพักน้องอาร์ท เมื่อเก็บข้าวของของน้องอาร์ทเสร็จ ผมก็ขับรถไปยังโรงพยาบาลเพื่อหาพีชทันที (ก่อนถึงโรงพยาบาล ผมได้แวะซื้อขนมที่พีชชอบติดมือมาด้วย)

“ว่าไงพีช เช้านี้แกกินข้าวหรือยัง” ผมพูดพลางเดินเข้าไปในห้อง แลเห็นพีชนั่งพิงหมอนดูโทรทัศน์อย่างเงียบๆ

“กินแล้ว”

“เหรอ งั้นกินขนมนี่ไหม พอดีฉันแวะซื้อมาฝากแกด้วย ของชอบของแกเชียวนะพีช” ผมบอกพลางถือถุงขึ้นมาให้พีชดู “ดีนะที่ช่วงนี้อยู่ในช่วงโปรโมชั่น ซื้อหนึ่งแถมสอง ฉันก็เลยซื้อมาสองถุงซะ…”

“เจย์ทำยังไงดี เมย์ท้องกับฉันแล้ว” อยู่ๆพีชก็พูดแทรกขึ้นมา ทำเอาผมที่ยังพูดไม่จบถึงกับหยุดชะงัก

“อะไรนะพีช เมื่อกี้แกว่าอะไร ฉันได้ยินไม่ชัด”

“เมย์ท้องกับฉันแล้ว” ร่างบางพูดย้ำอีกครั้ง ทำเอาถุงขนมที่ผมถืออยู่ถึงกับร่วงหล่นลงพื้น “เมื่อคืนหลังจากแกกลับไปแล้ว เมย์ก็มาหาฉัน และบอกว่าเธอท้องได้สองเดือนแล้ว”

“ไม่จริงน่า ล้อเล่นใช่ไหม” ผมพูดอย่างไม่เชื่อเรื่องที่ได้ยินมา

“ไม่ได้ล้อเล่น มันคือเรื่องจริง” ร่างบางขบริมฝีปากพูด ก่อนจะก้มหน้าฟุบลงบนฝ่ามือของตัวเอง “ทีแรกฉันไม่เชื่อ แต่พอลองมาคิดดูแล้ว เมย์คบกับคนนั้นได้ไม่ถึงเดือน ซึ่งไม่น่าจะทำเมย์ท้องได้ ฉะนั้นคนที่ทำเมย์ท้องก็คือฉันคนเดียว”

เหมือนโลกจะมาถล่มทลายจนผมยืนทรงแทบไม่อยู่

นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย?!

“เมื่อคืนฉันมาลองคิดดูแล้วว่าจะไปสู่ขอแต่งงานกับเมย์ให้เร็วที่สุด” ร่างบางพูดพลางเงยหน้าขึ้นมามองผมอีกครั้ง เผยให้เห็นรอยคล้ำบนขอบตาซึ่งดูแล้วเจ้าตัวคงจะไม่ได้นอนหลับมาทั้งคืน “ส่วนเรื่องเงินที่จะไปขอเขา คงต้องกู้พ่อแม่ของนายมาแล้วล่ะ เพราะในธนาคารของฉันมีอยู่นิดหน่อยเอง”

“แล้วไอ้หมอนั่นล่ะ”

“หมอนั่น?”

“ก็ไอ้หน้าจืดที่มาคบกับยัยนั่นไงเล่า!”

“อ้อ เมย์บอกว่าเขามาขอเลิกกับเธอหลังจากรู้เรื่องท้องกับฉันไปแล้วนะ” พีชพูดเสียงอ่อย ซึ่งทำเอาผมแทบกุมขมับ “เจย์ เรื่องที่เมย์ท้อง เจย์อย่าเอาไปบอกออย น้องแบมแล้วก็…อเล็กเซย์จะได้ไหม”

“ได้สิ ฉันไม่บอกใครแน่ ว่าแต่แกแน่ใจแล้วเหรอว่ายัยนั่นท้องกับแกจริงนะ” ผมถามย้ำอีกครั้งอย่างไม่แน่ใจ เพราะฟังจากความข้างเดียวมันดูไม่น่าเชื่อถือซักหน่อย

“ก็จริงนะสิ ไม่งั้นเมย์จะมาร้องไห้บอกฉันถึงที่นี่ไปทำไมกันล่ะ” ร่างบางตอบก่อนจะขอตัวนอนเพราะรู้สึกเพลีย ซึ่งผมก็ไม่ได้คิดจะห้าม เมื่อร่างบางนอนไปแล้ว ผมยืนมองพีชซักพักก็เก็บถุงขนมขึ้นมาวางบนโต๊ะ ก่อนจะเดินออกไป


.......................

เมื่อคืนผมออกไปทานข้าวมื้อค่ำกับดารินมา ซึ่งการไปครั้งนี้ผมคิดว่ามันเสียเปล่า เพราะไม่ได้อะไรกลับมาเลย แถมหนำซ้ำยังถูกพ่อของดารินพูดถึงเรื่องงานแต่งงานกับดารินด้วย

“ผมคิดว่าผมเคยบอกท่านไปแล้วนะครับ” ผมบอกเสียงเย็นหลังจากตอนที่ดารินขอตัวไปเข้าห้องน้ำ “ว่าผมจะไม่แต่งงานกับลูกสาวของท่าน ผมมีคนรักของผมอยู่แล้ว”

“โฮ่ คนรักที่เป็นผู้ชายนะรึ”

“ท่านรู้?”

“แน่นอน เขาลือกันให้แซดว่าท่านประธานเอนเตอร์ไพร์สกรุ๊ปตามจีบกับเจ้าของร้านดอกไม้อยู่ทุกวัน” อีกฝ่ายพูดพลางหมุนแก้วไวน์ไปมาเล่น “จริงสิ ได้ข่าวว่าถูกพวกนักเลงทำร้ายร่างกายจนเข้าโรงพยาบาลเลยไม่ใช่รึ แถมร้านดอกไม้ก็ถูกวางเพลิงอีก คงจะหมดเนื้อหมดตัวแล้วกระมัง ช่างน่าสงสารซะจริง”

“ถึงจะหมดเนื้อหมดตัวยังไง ผมก็ยังรักและจะคบกับเขาต่อไปอยู่ดี”

“พ่อพระเชียวนะ” อีกฝ่ายพูดขำๆ แต่ผมไม่ขำไปด้วย “เอาเป็นว่าเธอเก็บเรื่องงานแต่งกับดารินไปคิดไว้ให้ดีแล้วกัน เพราะถ้าเธอตกลงตามที่ฉันพูดในวันนี้ ฉันจะยอมยกทุกอย่างที่เป็นของฉันทั้งหมดให้กับเธอ”

“ไม่จำเป็น ผมมีพร้อมทุกอย่างแล้ว ขอบคุณที่หวังดี แล้วพบกันใหม่”

พอออกมาจากคฤหาสน์แล้ว ผมก็รีบเปิดมือถือขึ้นมาดู ก็พบว่าพีชโทรเข้ามาหาผมตั้งหลายรอบแล้ว ซึ่งพอโทรกลับ อีกฝ่ายก็หาได้รับสายผมไม่ ทำให้ผมคาดเดาได้ว่าร่างบางคงจะนอนหลับไปแล้ว จึงไม่คิดโทรไปรบกวนอีก พอรุ่งเช้าแทนที่ผมจะได้ไปหาพีชตามที่ตั้งใจไว้ กลับต้องเข้ามานั่งประชุมงานโดยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้


...............

ผมตื่นมาอีกครั้งก็ไม่พบเจย์อยู่ในห้องแล้ว ผมเดาว่ามันคงจะออกไปทำธุระอยู่แน่ๆ พอคิดได้ดังนั้นผมจึงคว้ามือถือขึ้นมาดูก่อนจะพบสายที่ไม่ได้รับตอนตีหนึ่งอยู่สองสามครั้ง ซึ่งเป็นใครไม่ได้นอกเสียจากอเล็กเซย์ แต่ผมไม่คิดจะโทรกลับไป เพราะตอนนี้สมองตื้อไปหมด แค่เรื่องของเมย์ก็ทำเอาผมกลุ้มจนแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว

แกรก!

เสียงประตูถูกเปิดทำเอาผมนึกว่าเป็นอเล็กเซย์จึงหันไปมองอย่างรวดเร็ว

“อเล็กซ์…”

“อุ้ยตาย ขอโทษนะที่ฉันไม่ใช่คนที่นายกำลังพูดถึง” เสียงหวานแหลมพูดเยาะเย้ยทันที ซึ่งไม่ใช่ใครนอกเสียจากดารินที่มาด้วยชุดแซ็กสีดำทั้งตัว ในมือถือช่อดอกกุหลาบสีขาวมาด้วย “ได้ข่าวว่าถูกพวกนักเลงกระทืบ ไม่คิดเลยว่าจะรอดมาได้นะ ฮิๆ”

“ถ้าคิดจะมาเยาะเย้ยผมก็เชิญกลับไปเถอะครับ ผมต้องการพักผ่อน” ผมพูดพลางหันหน้ากลับไปมองโทรทัศน์ต่ออย่างไม่ใส่ใจ แต่อีกฝ่ายกลับเดินมาหาผมก่อนจะโยนช่อดอกกุหลาบสีขาวใส่ ทำเอาผมหันไปมองอย่างไม่พอใจ

เพราะดอกกุหลาบสีขาวเป็นดอกที่ไว้ใช้เยี่ยมเคารพศพ

“ของเยี่ยม” ร่างบางพูดเย้ยหยัน “คงไม่ปฏิเสธรับของเยี่ยมจากฉันหรอกนะ เพราะซื้อมาซะแพง คนจนที่หมดเนื้อหมดตัวอย่างนายคงไม่มีปัญญาซื้อมันแน่อยู่แล้วล่ะ”

“คุณรีบกลับไปซะเถอะคุณดารินก่อนที่ผมจะหมดความอดทน” ผมกัดฟันพูดด้วยความโมโห

ต่อยผู้หญิงนี่คงไม่ผิดหรอกนะใช่ไหม

“หึ กลับแน่แต่จะมาบอกข่าวดีให้นายรู้ซะก่อน เพราะอีกไม่นานฉันกับอเล็กเซย์จะต้องได้แต่งงานกันแน่ เพราะเมื่อคืนพ่อของฉันได้คุยกับเขาแล้ว” ร่างบางพูดเสียงสูงเชิดหน้าใส่ผม แต่เรื่องอะไรที่ผมจะเชื่อล่ะ ไม่มีวันซะหรอก

“เหรอครับ แต่ก็เสียใจด้วยนะคุณดาริน ผมจะเชื่อก็ต่อเมื่อเขามาพูดกับผมเองเท่านั้น” ผมพูดเสียงแข็งใส่ ทำเอาร่างบางชักสีหน้าใส่อย่างไม่พอใจ “คุณกลับไปซะเถอะ อย่าให้ผมต้องเรียกพยาบาลมาไล่คุณให้ออกไป”

“ชิ ไม่ต้องเรียกฉันก็จะไปอยู่แล้วย่ะ แค่อยากจะพูดเตือนนายเป็นครั้งสุดท้ายว่าให้เลิกกับอเล็กเซย์ซะ ไม่งั้นนายจะได้เจอมากกว่านี้แน่” แล้วร่างบางก็เดินย้ำเท้าอย่างแรงออกนอกห้องไป ทำเอาผมที่นั่งฟังได้แต่มึนงง

ยัยนี่พูดอะไรของมันฟะ?

......................

ผมนั่งเคาะนิ้วกับพวงมาลัยขับรถระหว่างนั่งรอรถติดไฟแดง เพราะตั้งแต่เสร็จจากประชุมแล้ว ผมก็รีบขับออกรถมาจากที่ทำงานโดยไม่รอเรย์ที่เป็นเลขาของผมเลยซักนิด แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้รถจะติดมากพอสมควร เพราะเยื้องไปข้างหน้าอีกสองสามร้อยเมตร มีอุบัติเหตุรถชนกันหลายคัน เลยทำให้รถติดแน่นกันเป็นปลากระป๋องอยู่อย่างนี้มานับชั่วโมงแล้ว

ให้ตายสิ ทำไมต้องมาเอาเป็นเวลานี้ด้วยนะ!

ผมครุ่นคิดในใจอย่างรีบร้อน เพราะอยากจะรีบกลับไปหาลูกพีชไวๆ พอคิดได้ดังนั้นผมก็รีบคว้ามือถือก่อนจะกดโทรเข้าหาคนรักอย่างรวดเร็ว ซึ่งผมถือสายรอซักพัก อีกฝ่ายก็หาได้รับสายผมไม่ ทำเอาผมนึกแปลกใจเพราะปกติร่างบางมักจะรับสายทันทีที่ผมโทรเข้าไปหา จนกระทั่งเสียงมือถือดับไปแล้วผมก็รีบกดโทรหาอีกครั้ง ไม่นานนักอีกฝ่ายก็กดรับสายทันที

“คุณมัวทำอะไรอยู่ลูกพีช ทำไมตอนแรกถึงไม่รับสายผมล่ะ” ผมถามด้วยความสงสัย ซึ่งร่างบางไม่ตอบ กลับเงียบไปซักพักจนผมต้องเรียกคนรักอีกครั้ง “ลูกพีชได้ยินที่ผมพูดหรือเปล่าครับ”

“...ได้ยิน พอดีลูกพีชกำลังกินขนมอยู่นะ เลยตอบช้าไปหน่อย”

“อย่ากินขนมเยอะนะครับ เดี๋ยวจะปวดท้องเอาได้” ผมบอกด้วยความเป็นห่วง “ตอนนี้ผมใกล้จะถึงโรงพยาบาลแล้ว ติดไฟแดงนิดหน่อย อีกสักพักก็คงถึง นั่งดูโทรทัศน์ไปก่อนนะครับ”

“...อืม...”

แล้วผมก็กดวางสายโดยไม่ได้เอะใจกับน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปของลูกพีชเลยแม้แต่น้อย


........................

ปัง!

เสียงประตูปิดเสียงดังสนั่น ทำเอาผมที่กำลังนั่งดูโทรทัศน์ในห้องนั่งเล่นถึงกับสะดุ้งตกใจ แต่ดูเหมือนเจ้าของห้องไม่สนใจกับท่าทางตกใจของผม กลับวางโน้ตบุ๊คกับถุงเสื้อผ้าของผมลงบนโต๊ะรับแขกก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าไปในห้องนอนอย่างรวดเร็ว ทำเอาผมต้องลุกขึ้นเดินตามเข้าไปในห้องอย่างเป็นห่วง

“พี่เจย์” ผมเรียกชื่ออีกฝ่ายพลางเดินเข้าไปใกล้ๆ แลเห็นร่างสูงที่นั่งบนเตียงก้มหน้ากุมขมับของตัวเอง “พี่เจย์ปวดหัวหรือฮะ งั้นเดี๋ยวผมไปเอายามาให้กิน ว่าแต่ยาพาราอยู่…”

หมับ!

ยังไม่ทันที่ผมพูดจบ ร่างสูงกลับคว้าแขนผมดึงเข้าไปโอบกอดทันที

“พะ…พี่เจย์?!” ผมร้องเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยความตกใจ ก่อนจะดิ้นตัวให้หลุดจากอ้อมกอด “ปล่อยผมสิฮะพี่…”

“ขอพี่อยู่อย่างนี้ก่อนซักพักได้ไหมครับน้องอาร์ทพี่ขอร้องล่ะ” ร่างสูงบอกเสียงอู้อี้ ทำเอาผมได้แต่ปล่อยเลยตามเลย เพราะไม่รู้ว่าตอนพี่เจย์ออกไปข้างนอกแล้วไปเจออะไรมาบ้าง แต่ก็เต็มใจให้อีกฝ่ายกอดผมอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งร่างสูงคลายกอดนั่นแหละ ทำให้ผมต้องรีบเขยิบถอยห่างเพราะกลัวจะโดนกอดอีก “พี่ก็แค่ไปเจอเรื่องเครียดมานิดหน่อยนะ แต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว เอ้อ พี่เอาของที่น้องอยากได้มาแล้วนะ ถ้าจะใช้อินเทอร์เนตร่วมด้วยก็ใช้ได้ตามสบาย เพราะที่นี่ใช้แบบไวไฟน์นะ”

“ฮะพี่เจย์”

“แล้วตอนที่พี่ไม่อยู่นี่ แบมกับออยได้โทรมาหาน้องบ้างหรือเปล่าล่ะ” ร่างสูงถามต่ออย่างสงสัย

“โทรมาแล้วฮะ” ผมพูดพลางพยักหน้า “ผมบอกพวกเขาไปว่าผมทำงานอยู่ที่สำนักพิมพ์แล้ว”

“อืม ดีแล้วล่ะ จริงสิ นี่ก็เที่ยงแล้ว พวกเราออกไปกินข้าวข้างนอกกันไหมครับน้องอาร์ท”

“ก็อยากไปอยู่นะฮะ เอ่อ แต่ผมกลัวไปจ๊ะเอ๋พี่ออยกับแบมที่ข้างนอก” ผมพูดเสียงอ่อย เพราะผมยังไม่พร้อมที่จะเจอพวกเขาในตอนนี้

“ไม่ยาก พวกเราก็ไปที่ๆพวกเขาไม่ไปซะก็สิ้นเรื่อง” พี่เจย์ตอบยิ้มๆ พลางเอามือลูบหัวผม ทำเอาผมรู้สึกหน้าร้อนผ่าว แล้วพี่เจย์ก็ไล่ผมให้ไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ ก่อนพี่เจย์จะพาผมขึ้นรถขับออกไปทานข้าวกันสองคนตามลำพัง


.......................

พอผมมาถึงโรงพยาบาล หมอก็มาตรวจร่างกายพีชอีกครั้งก่อนจะบอกว่าร่างกายเป็นปกติดีแล้ว พรุ่งนี้ให้เตรียมกลับบ้านได้ ทว่าเนื่องด้วยร้านดอกไม้ของพีชถูกเผาหมดไปจนหมดแล้ว ผมจึงเอ่ยปากชวนร่างบางให้ไปนอนที่คอนโดผมด้วยกัน ทีแรกร่างบางทำท่าอิดออดเหมือนไม่อยากจะไป เพราะบอกว่าโดนเจย์ชักชวนให้ไปนอนที่หอพักแล้ว แต่พอผมทำท่าน้อยใจเท่านั้นแหละ อีกฝ่ายก็ยอมไปเสียแต่โดยดี

“ถ้างั้นลูกพีชก็ต้องบอกเรื่องของพวกเราให้เจย์รู้นะสิ” ร่างบางก้มหน้าพูดเสียงอ่อย ดูท่ายังไม่อยากให้เจย์รู้เรื่องนี้

“มาถึงตอนนี้แล้วลูกพีชยังคิดปิดอยู่อีกหรือ” ผมแสร้งพูดเสียงเย็นชาใส่ ซึ่งทำเอาร่างบางหันมามองผมทันที “เฮ้อ ตามใจคุณแล้วกัน ผมไม่อยากยุ่งวุ่นวายกับคุณอีกแล้ว อยากจะทำอะไรก็ทำไป เชิญ”

“ไม่นะ อเล็กซ์…ลูกพีชขอโทษ ลูกพีชยอมบอกแล้ว อย่าโกรธลูกพีชเลยนะ” ร่างบางตอบเสียงแผ่วเบา พอได้ยินดังนั้นแล้วผมก็หันมาจุ๊บหน้าผากคนรักทันที

“ดีมากครับคนเก่ง งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะมารับลูกพีชแต่เช้านะครับ” ผมพูดพลางเอามือลูบหัวลูกพีชเบาๆ “จะว่าไปหลังจากออกโรงพยาบาลแล้ว ผมกะว่าจะชวนลูกพีชไปเที่ยวกันสองคนด้วย ลูกพีชอยากจะไปเที่ยวที่ไหนเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ”

“ทะเล”

“โอเคครับ ทะเลนะ”

แกรก!

เสียงประตูถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง ทำเอาผมกับพีชชะงักก่อนจะหันไปมองผู้ที่เปิดประตู ซึ่งเป็นตำรวจสามนายเดินเข้ามาในห้อง

“รบกวนขอเวลาซักครู่ได้ไหมครับ” หนึ่งในตำรวจพูดเกริ่น ซึ่งผมพยักหน้าตอบ แล้วตำรวจก็หยิบอะไรบางอย่างออกมาจากแฟ้มที่ติดมือมา ก่อนจะยื่นส่งให้กับผมและพีชดู ซึ่งมันเป็นภาพถ่ายผู้ชายกลุ่มหนึ่งเข้ามาลอบทำร้ายพีชที่หน้าร้านดอกไม้ในตอนเช้า กับอีกภาพซึ่งถูกถ่ายไว้ตอนดึก มันเป็นภาพของชายชุดดำสวมหมวกโม่งปิดบังใบหน้ากำลังจุดไม้ขีดไฟเตรียมเผาร้านดอกไม้ของพีชอยู่ “นี่คือภาพที่ทางพวกเราได้ไปแสกนมาจากกล้องวงจรปิด”

ตำรวจคนเดิมบอกก่อนจะหันหน้าไปทางพีช “แม้ภาพจะใบหน้าของพวกที่เข้ามาทำร้ายคุณจะไม่ชัด แต่ทางพวกเราจะพยายามสืบหาที่อยู่ของพวกนั้นมาจับเข้าคุกให้จงได้ ฉะนั้นคุณอย่าได้เป็นห่วง”

“ครับ” ลูกพีชตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ส่วนเรื่องคนร้ายที่เผาร้าน เอ่อ ทางพวกเราจะพยายามหาต้นตอให้ได้ แม้หลักฐานจะถูกเผาไปจนหมดแล้วก็ตาม ว่าแต่คุณเคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งอะไรกับใครไปหรือเปล่าครับ” ตำรวจถามอย่างสงสัย ซึ่งทำเอาร่างบางสะดุ้งตกใจเล็กน้อย

“ก็...มีครับ” ร่างบางพูดเสียงตะกุกตะกัก

“ไม่ทราบว่าคนนั้นเป็นใครครับ อ๊ะ คุณไม่ต้องกลัวหรอกนะ เพราะทางเราจะปิดไว้เป็นความลับ”

“เอ่อ...คือ” ลูกพีชพูดด้วยความลังเล พลางหันหน้ามามองผมราวกับต้องการความเห็นจากผม ซึ่งผมพยักหน้าส่งไป ทำให้ร่างบางถอนหายใจก่อนจะหันกลับไปตอบกับตำรวจว่า “...คือผมมีเรื่องทะเลาะกับคุณดารินนะครับ”

“นางสาวดาริน อรวรรณ นางแบบชื่อดังของประเทศไทย” ผมพูดต่อทันทีโดยไม่ให้ตำรวจได้ถามร่างบางอีก

“เอ๊ะ?” ตำรวจร้องอุทานพลางหันหน้ามองผมด้วยความแปลกใจ

“พอดีดารินทำงานเป็นหุ้นส่วนกับบริษัทของผมนะ”

“คุณคือ?”

“ผมอเล็กเซย์ ดี เฟอร์กูล ประธานบริษัทเอนเตอร์ไพร์สกรุ๊ป ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณตำรวจ” ผมพูดแนะนำตัวพลางยื่นมือเพื่อเช็กแฮนด์ด้วย แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับยืนเบิกตากว้างมองผมราวกับตกใจกับสิ่งที่ได้ยินมา “หวังว่าคุณตำรวจคงไม่ทำให้พวกผมต้องผิดหวังนะครับ”

อีกฝ่ายเมื่อได้ยินที่ผมพูดแล้วถึงกับยกมือขึ้นปาดเหงื่อของตัวเองทันที ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะผมคือประธานบริษัทยักษ์ใหญ่หรือมาเฟียที่ไม่ว่าใครต่างก็รู้จัก เพียงแต่ผมไม่เคยจะออกสื่อเท่าที่ควร เพราะด้วยเหตุนี้ตอนแรกที่ตำรวจเข้ามาในห้องเห็นผมแล้วทำเป็นเฉย เพราะคนส่วนมากถ้าได้ยินชื่อของผมแล้วล้วนต่างพากันวิ่งหนีหายไปทันที

“ครับๆ ผมไม่ทำให้คุณต้องผิดหวังแน่ ถ้าได้เรื่องแล้วยังไงผมจะรีบกลับมาติดต่อคุณอีกครั้งนะครับคุณพีช”

“ครับคุณตำรวจ” แล้วพวกตำรวจก็ขอภาพคืน ก่อนจะพากันทยอยออกไปจากห้องด้วยความรวดเร็วท่ามกลางความแปลกใจของพีช “อเล็กซ์ ตำรวจเขาเป็นอะไรไปเหรอ ทำไมดูเหมือนรีบร้อนกลับโรงพักกันจัง”

“เรื่องนั้นผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันครับลูกพีช” ผมตอบทั้งที่ในใจรู้ว่ามันเป็นเพราะอะไร


..............

มีต่อข้างล่างค่ะ

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ผมชื่อแบมทำงานบริษัทคอมพิวเตอร์แห่งหนึ่งเล็กๆ มีแฟนเป็นผู้ชายชื่อพี่ออย และมีเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวคืออาร์ท ผมกับอาร์ทเรียนหนังสือมาด้วยกันตั้งแต่ยังเล็กจนกระทั่งจบมหาวิทยาลัย ต่างคนต่างแยกย้ายกันทำงานที่ตัวเองถนัด แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่ลืมที่จะติดต่อหากันเรื่อยมา จนกระทั่งวันหนึ่งพี่เจย์ เพื่อนสนิทของพี่ออยได้ชักชวนพวกเราไปนั่งดูหนังด้วยกัน พอตกเย็นพี่ออยก็ชวนอาร์ทไปผับด้วยกัน แต่พี่เจย์ดันเมาจนขับรถกลับไม่ไหว ก็เลยพากลับนอนค้างที่บ้านของพี่ออยด้วยกัน จนรุ่งเช้าผมตื่นขึ้นมาเพื่อที่ลงมาทำอาหารเช้าให้ทุกคน แต่กลับต้องเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น

อาร์ทถูกพี่เจย์ข่มขืน!

ทีแรกผมจะเอาเรื่องพี่เจย์แต่อาร์ทกลับขอร้องผมเอาไว้ แถมยังให้ผมรีบพากลับไปหอพักของตัวเองด้วย ซึ่งกลับไปถึงหอพักแล้ว ผมก็คาดคั้นให้อาร์ทเล่าเรื่องให้ฟังว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไงกันแน่ ทำไมอยู่ๆพี่เจย์ถึงทำแบบนั้นกับอาร์ทได้ แต่ทว่าอาร์ทกลับไม่ยอมเล่าอะไรให้ผมฟังเลยแม้แต่นิดเดียว จนกระทั่งวันเวลาผ่านไปได้ไม่กี่วันผมก็ได้รับข่าวไม่ดีจากพี่ออย ว่าพี่พีชเพื่อนสนิทวัยเด็กของพี่เจย์ถูกพวกนักเลงรุมซ้อมจนต้องเข้าไอซียู แถมวันถัดมาร้านดอกไม้ของพีชยังถูกคนวางเพลิงอีกด้วย พี่ออยก็เลยชวนผมไปเยี่ยมพี่พีชถึงที่โรงพยาบาล แน่นอนว่าการไปครั้งนี้ผมได้พบกับพี่เจย์ด้วย (แต่ร่างสูงกลับนอนหลับไปซะงั้น) ซึ่งผมทำอะไรไม่ได้นอกจากได้แต่มองเพียงอย่างเดียว ขากลับจากโรงพยาบาล ผมกับพี่ออยไปหาอาร์ทที่หอพักเพื่อชวนมันไปเที่ยวห้างสรรพสินค้า แต่พอไปถึงนั้นห้องกลับปิดเงียบสนิท ทำเอาผมกลัวว่ามันจะไปฆ่าตัวตาย จึงรีบกดมือถือโทรหามันทันที

“ไปไหนห๊ะอาร์ท ทำไมไม่อยู่ที่ห้อง!” ผมตวาดเสียงใส่ลงไป ทำเอาร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆจับไหล่ผมเพื่อบอกทางอ้อมว่าให้ค่อยพูดค่อยจากัน “ว่าไง รีบตอบมาสิ”

ปลายสายนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้มว่า

“อยู่...ที่สำนักพิมพ์นะ พอดีพี่บอกอเรียกให้ฉันมาดูงานหนังสือที่จะตีพิมพ์ ก็เลยไม่ได้อยู่ที่ห้อง ขอโทษที่ไม่ได้บอกนายก่อนนะแบม”

“ไม่เป็นไร ถ้ากลับแล้วก็ช่วยโทรบอกฉันด้วยล่ะ เป็นห่วง”

“อืม แล้วจะโทรกลับ แค่นี้นะแบม” แล้วอีกฝ่ายก็วางสายไปอย่างรวดเร็ว

“อาร์ทว่ายังไง” พี่ออยถามหลังจากเห็นผมคุยเสร็จแล้ว

“เห็นบอกว่าไปสำนักพิมพ์นะฮะพี่ออย” ผมตอบพลางเก็บมือถือเข้ากระเป๋า ก่อนจะตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ “พี่ออยฮะ ผมว่าพวกเราเลิกไปห้างดีกว่า ผมมีที่ๆหนึ่งอยากให้พี่ออยพาไปนะฮะ”

“จะไปไหนหรือแบม?” ร่างสูงถามด้วยความสงสัย

“หอพักพี่เจย์ฮะ”


.................

“น้องอาร์ทครับ น้องอาร์ท ถึงที่แล้ว ตื่นได้แล้วนะ” เสียงพี่เจย์ปลุก ทำเอาผมลืมตาขึ้นมาอย่างงัวเงีย หลังจากพี่เจย์พาผมออกมาจากหอพักแล้ว ผมก็เผลอหลับไป

“ที่นี่ที่ไหนเหรอฮะ” ผมถามพลางมองซ้ายมองขวา ซึ่งด้านหน้าของรถเป็นร้านอาหารริมน้ำแลดูสวยงาม

“สมุทรปราการนะ” ร่างสูงตอบก่อนจะเดินลงจากรถ ทำให้ผมต้องรีบลงไปตาม เมื่อเข้าไปนั่งในร้านแล้ว ทำให้ผมได้รู้ว่าร้านนี้มีบรรยากาศที่ดีมากพอควร “อยากกินอะไรก็สั่งได้ตามสบายเลยนะน้องอาร์ท ไม่ต้องเกรงใจพี่”

“ฮะ” ผมตอบก่อนจะก้มมองรายการอาหารก่อนจะสั่งกับพนักงานร้าน ส่วนพี่เจย์ก็สั่งของตัวเองไป

“เอาตามนี้นะครับ กรุณารอซักครู่” พนักงานของร้านบอกก่อนจะเดินหายเข้าไปในหลังร้าน

“ที่นี่บรรยากาศดีจังเลยนะฮะ แถมมีที่นั่งให้ดูปลาในน้ำด้วย” ผมบอกพลางหันหน้าไปทางซ้ายเพื่อมองปลาที่อยู่ในน้ำ “ว่าแต่พี่เจย์เคยมาที่นี่หรือฮะ ถึงได้รู้ว่ามีที่ดีๆอยู่ที่นี่ด้วยนะ”

ผมถามอย่างสงสัย เพราะที่นี่มันไกลจากที่พวกผมอยู่มากนัก

“อืมใช่ เคยมา...” ร่างสูงตอบยิ้มๆก่อนจะพูดต่อด้วยประโยคหนึ่งที่ทำเอาผมถึงกับตัวแข็ง “...กับพีชนะ”

นั่นสินะ ก็พวกเขาเป็นคนรักกันนี่ ย่อมต้องมาด้วยกันอยู่แล้วเป็นของธรรมดา...

“อย่างงั้นเหรอฮะ” ผมทนฝืนยิ้มตอบกลับไปทั้งที่ในใจกลับรู้สึกปวดร้าวอย่างบอกไม่ถูก “แล้วตอนนี้พี่พีชอยู่ที่ไหนเหรอฮะ ทำไมถึงไม่ได้มาอยู่ด้วยกันกับพี่เจย์ล่ะ”

“อ้อ ตอนนี้เขาอยู่โรงพยาบาลนะ” คำตอบของร่างสูงทำเอาผมถึงกับชะงัก ก่อนจะหันหน้ากลับไปมองพี่เจย์ด้วยความสงสัย

“อยู่โรงพยาบาล? พี่พีชเขาเป็นอะไรไปหรือฮะ ทำไมถึงต้องอยู่โรงพยาบาลด้วย” พอผมถามจบ รู้สึกเหมือนว่าสีหน้าของพี่เจย์ดูหมองลงไปทันที “เอ่อ ผมต้องขอโทษที่เสียมารยาทถาม...”

“ไม่เป็นไร น้องอาร์ทไม่ต้องขอโทษพี่หรอก” ร่างสูงพูดพลางส่งยิ้มมาให้ผม ก่อนจะเล่าสาเหตุที่ทำให้พี่พีชต้องไปนอนอยู่ที่โรงพยาบาลให้ผมฟังตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งพอผมได้ฟังเรื่องทั้งหมดแล้ว ทำเอาผมรู้สึกเห็นใจแทนพี่เจย์เอามากๆ โดยเฉพาะกับคนชื่อพีชด้วย “ตอนนั้นพี่คิดว่าถ้าพี่อยู่ด้วย พีชก็คง...ไม่เป็นอะไรมาก”

พี่เจย์ก้มหน้าพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย ทำเอาผมต้องยื่นมือขวาไปกุมมือของร่างสูงเพื่อปลอบใจ

“เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว พี่เจย์อย่าคิดมากไปเลยนะฮะ แล้วอีกอย่างพี่พีชก็คงไม่อยากให้เรื่องมันเกิดขึ้นแบบนี้ด้วย”

“น้องอาร์ท” ร่างสูงเงยหน้ามองผมด้วยความปลาบปลื้มใจ “ขอบใจนะที่พูดปลอบใจพี่ ถ้าพีชได้รู้จักน้องด้วยก็คงจะดีไม่น้อย จริงสิ หลังจากกินข้าวเสร็จพี่จะพาเราไปหาพีชด้วยล่ะกัน ตกลงนะ”

!!!!!!

คำพูดของพี่เจย์เหมือนน้ำที่สาดใส่หน้าผมอย่างแรง ทำเอาผมจุกจนพูดอะไรไม่ออก แต่ถึงกระนั้นผมก็ยังฝืนยิ้มตอบกลับไปอยู่ดี

“ตกลงฮะพี่เจย์”


..................

หลังจากพวกตำรวจไปแล้ว ผมก็หันมาดูโทรทัศน์ต่อ ส่วนอเล็กเซย์ก็นั่งเปิดหนังสือพิมพ์อ่านอยู่บนเก้าอี้โซฟาอย่างเงียบๆ แต่ผมดูไม่รู้เรื่องหรอกครับ เพราะตอนนี้ในหัวผมมีแต่เรื่องให้คิดอยู่เต็มไปหมด ตั้งแต่เรื่องเมย์ เรื่องลูก เรื่องเงิน เรื่องนู้นเรื่องนี้ แล้วไหนจะเรื่องของอเล็กเซย์อีก

บอกตามตรงเลยว่าเครียด…

แกรก!

เสียงประตูถูกเปิดออก ทำเอาผมที่กำลังนั่งครุ่นคิดในใจหันไปมอง ก่อนจะพบว่าเป็นเจย์กับเด็กหนุ่มที่ดูอ่อนกว่าพวกผมสักสองสามปีเห็นจะได้กำลังเดินเข้ามา ซึ่งทำเอาอเล็กเซย์ที่กำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่นั้นถึงกับรีบพับเก็บวางมันลงบนโต๊ะอย่างไว

“อ้าว ลืมอะไรไว้เหรอเจย์ แล้วนั่นใคร เพื่อนคนใหม่เหรอ” ผมถามโดยไม่มองหน้าอเล็กเซย์ที่ลุกขึ้นเดินมายืนข้างผม แถมยังบีบไหล่ผมส่งซิกแกมบังคับว่าอย่าลืมทำตามที่เคยพูดกันเอาไว้ ส่วนคนถูกถามชะงักเดินเมื่อเห็นอเล็กเซย์มายืนข้างเตียงที่ผมนั่งอยู่ “ว่ายังไงล่ะเจย์”

ผมรู้ดีว่ายังไงๆก็ต้องบอกเจย์ แต่ขอยื้อเวลาไว้ซักหน่อยก็ยังดี

“อ้อ พอดีฉันพาน้องมาให้แกรู้จักนะ” อีกฝ่ายตอบก่อนจะดึงอีกคนให้เข้ามาใกล้ๆ “นี่น้องอาร์ท คนที่ฉันบอกว่าเป็นนักเขียนนิยายคนนั้นยังไงล่ะ”

เท่านั้นแหละผมถึงกับบางอ้อ ที่แท้ก็เป็นน้องคนที่เจย์เคยพาไปดูหนังกินข้าวพร้อมกับพวกออยนี่เอง

“ผมอาร์ท ยินดีที่ได้รู้จักนะฮะพี่พีช” ร่างเล็กพูดแนะนำตัวเอง ซึ่งผมพยักหน้าตอบส่งกลับไป

“อื้อ เช่นกันนะน้องอาร์ท” ผมตอบก่อนจะสะดุ้งตกใจเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงแรงบีบของมือหนา ดูท่าผมคงจะยื้อเวลาไว้ไม่ได้ตามที่ต้องการเสียแล้ว “เอ้อ น้องอาร์ท นี่อเล็กเซย์ เอ่อ…เขาเป็น…แฟนของพี่นะ”

พอผมพูดจบ น้องอาร์ทถึงกับมุ่นคิ้วทันที ผิดกับเจย์ที่ทำท่าสะดุ้งตกใจ

อย่าบอกนะว่ามันรังเกียจที่ผมเป็นเกย์นะ…

ผมครุ่นคิดในใจอย่างระหวาดระแวง แต่ที่ไหนได้ เจย์มันกลับส่งยิ้มให้ผมแทน

ค่อยยังชั่ว นึกว่ามันจะรังเกียจผมซะอีก…

“เหรอ งั้นยินดีด้วยนะ” มันบอกก่อนจะหันไปมองอเล็กเซย์ต่อ “ผมขอฝากเพื่อนด้วยนะครับคุณอเล็กเซย์ ช่วยดูแลมันให้ดีๆหน่อย อย่าทำมันร้องไห้นะครับ เพราะมันขี้แยเก่งเป็นที่หนึ่ง”

“เจย์!”

“ครับคุณเจย์ ผมจะดูแลพีชเป็นอย่างดีเลยล่ะ” ร่างสูงยิ้มตอบกลับไป คงพอใจกับคำพูดของเจย์อยู่พอสมควร “เอ้อคุณเจย์ครับ หลังจากพีชออกจากโรงพยาบาลแล้ว ผมกะว่าจะพาพีชไปเที่ยว ถ้ายังไงผมขอยืมตัวเพื่อนของคุณไปเที่ยวซักสองสามวันได้หรือเปล่าครับ”

“อเล็กซ์!” ผมถึงกับร้องอุทานเสียงหลง เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าพูดขอเอาดื้อๆแบบนี้

“ได้สิครับ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” เจย์ยิ้มตอบกลับมาก่อนจะยกแขนขึ้นโอบกอดน้องอาร์ททันที ซึ่งทำเอาคนถูกกอดถึงกับสะดุ้งตกใจ “เพราะผมเองก็กะว่าจะพาน้องอาร์ทไปเที่ยวกับพวกเพื่อนด้วยอยู่เหมือนกัน”

“เอ๋? ถ้างั้นคุณก็ชวนพวกเขาไปเที่ยวพร้อมกับผมด้วยเลยสิครับคุณเจย์ จะได้ประหยัดเงินค่าเที่ยวไปในตัว” ดูเหมือนอเล็กเซย์จะอารมณ์ดีเกินคาด มีการพูดชวนเจย์ให้ไปเที่ยวด้วยกัน

“เอาอย่างนั้นก็ได้ครับคุณอเล็กเซย์ เพราะช่วงนี้ผมขาดเงินอยู่พอดี” ดูเหมือนเจย์มีอารมณ์ดีร่วมกับอเล็กเซย์ ถึงได้พูดออกมาอย่างหน้าระรื่น “เดี๋ยวผมโทรไปบอกพวกเพื่อนให้แล้วกัน ว่าแต่คุณอเล็กเซย์จะไปเที่ยวกันที่ไหนหรือครับ”

“ทะเลที่กระบี่นะครับ” คราวนี้ผมถึงกับสะดุ้งตกใจ เพราะดันนึกขึ้นได้ว่าเจย์มันเองก็ชวนผมไปเที่ยวที่นั่นด้วยอยู่เหมือนกัน

“งั้นก็ดีเลยครับ เอาเป็นว่าตามนี้ ถ้าได้วันยังไง คุณก็โทรมาบอกผมด้วยแล้วกัน” เจย์ตอบก่อนจะหันมาทางผมต่อ “เอ้อ พีช เดี๋ยวฉันขอตัวกลับหอพักก่อนนะ ว่าจะไปส่งน้องอาร์ทที่หอพักเขาด้วย”

“อะ อืม ขับรถกลับดีๆล่ะ เออ เจย์ พรุ่งนี้ฉันจะออกจากรพ.แล้ว ไม่ต้องมาแล้วนะ เพราะฉันจะไปเอ่อ…”

“นอนที่คอนโดของอเล็กเซย์สินะ อยู่ที่นั่นแหละดีแล้ว เพราะแฟนต้องอยู่กับแฟนสิ จริงไหมครับคุณอเล็กเซย์” เจย์หันไปถามความเห็นกับร่างสูง ซึ่งคนถูกถามพยักหน้าตอบ

“จริงครับคุณเจย์” เมื่อเจย์กับอาร์ทไปแล้ว ร่างสูงก็เข้ามาสวมกอดผมทันที “เห็นไหมครับ เจย์เขาไม่ได้รังเกียจคุณซักหน่อยลูกพีช แถมยินดีกับพวกเราอีกด้วยตั้งหาก ฟอด!”

ไม่ว่าเปล่า กลับหอมแก้มผมอีกด้วย

“ก็ลูกพีชไม่รู้นี่…” ผมพูดเสียงแผ่วเบา ถึงแม้ตอนนี้จะเบาใจกับเรื่องที่เจย์ไม่รังเกียจผมแล้ว แต่ถึงกระนั้นผมก็ยังมีเรื่องอีกตั้งมากมายที่ต้องให้คิดอีก “…ลูกพีชง่วงแล้วอเล็กซ์ ขอนอนก่อนได้ไหม”

“ได้สิครับ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” แล้วร่างสูงก็ปล่อยให้ผมได้นอนพักตามสบาย ก่อนจะกลับไปนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ของตัวเองต่อตามเดิม

....................


นอกเรื่อง ตอนที่ 14

“เอ้อ น้องอาร์ท นี่อเล็กเซย์ เอ่อ…เขาเป็น…แฟนของพี่นะ” พอผมพูดจบ น้องอาร์ทถึงกับมุ่นคิ้วทันที ผิดกับเจย์ที่ทำท่าสะดุ้งตกใจ

อย่าบอกนะว่ามันรังเกียจที่ผมเป็นเกย์นะ…

ผมครุ่นคิดในใจอย่างระหวาดระแวง แต่ที่ไหนได้ เจย์มันกลับส่งยิ้มให้ผมแทน

ค่อยยังชั่ว นึกว่ามันจะรังเกียจผมซะอีก…

“อืม แล้วไง” มันบอกก่อนจะหันไปมองอเล็กเซย์แววตาหยาดเยิ้ม “เพราะอเล็กซ์ก็เป็นผัวฉันเหมือนกัน”

!!!!!!

.............................

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8
จากที่ดราม่ามาพอสมควรแล้วพอมาเจอ
อิตอนอกเรื่องของคนเขียนเข้าไปแล้ว
เรานี้กร๊ากกกไปเลยกะการนอกเรื่อง

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 o13 ตลกอาร์ทอะ

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ตอนที่ 15 เกือบ

................

ปัง!

เสียงประตูรถถูกปิดดังสนั่น ทำเอาผมที่ขึ้นมานั่งก่อนถึงกับสะดุ้งตกใจ เพราะตั้งแต่ออกจากห้องพี่พีชมา พี่เจย์ก็เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน ไม่พูดไม่จา แถมดึงแขนผมเสียแน่นจนผมรู้สึกกลัว การมาโรงพยาบาลครั้งนี้ทำให้ผมรู้ว่าพี่เจย์ไม่ได้เป็นแฟนกับพี่พีช ซึ่งทำเอาผมรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ถึงกระนั้นผมก็รู้สึกเสียใจที่เห็นพี่เจย์เป็นแบบนี้

คงแอบรักเขาข้างเดียวสินะ…

“พี่เจย์” ผมเรียกชื่อเมื่อเห็นร่างสูงนั่งก้มหน้าพิงพวงมาลัยนิ่งอยู่นานพอสมควร แต่ทว่าอีกฝ่ายหาได้ตอบไม่ กลับนิ่งเงียบเสียจนผมนึกเป็นห่วง “พี่เจย์ฮะ”

ร่างสูงไม่ตอบ กลับเงยหน้าขึ้นจากพวงมาลัยสตาร์ทรถขับพาผมออกไปจากโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว ซึ่งมันดูน่ากลัว และเร็วมากเสียจนผมต้องรีบห้ามเอาไว้

“พี่เจย์ขับรถช้าๆหน่อยได้ไหมฮะ ผมกลัว” ซึ่งพอผมพูดจบ อีกฝ่ายก็ยอมลดความเร็วตามที่บอก แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่ยอมพูดอะไรออกมาอยู่ดี นั่งไปสักพักผมก็เริ่มรู้สึกว่าพี่เจย์ไม่ได้ขับพาผมกลับหอของตัวเอง แต่กลับขับเลยไปนานเสียจนผมเผลอหลับไปไม่รู้ตัว ก่อนจะรู้สึกตัวอีกทีเมื่อรถหยุดจอดใกล้ชายหาดทะเลแห่งหนึ่งที่ผมไม่รู้จัก “ที่นี่ที่ไหนเหรอฮะพี่เจย์”

พี่เจย์ไม่ตอบคำถามของผม กลับหยิบบุหรี่พร้อมไฟแช็กขึ้นมาจุดสูบอย่างเงียบๆ ซึ่งผมไม่คิดจะห้าม เพราะดูแล้วว่าถ้าห้ามก็คงห้ามไม่ได้อยู่ดี แล้วอีกอย่างผมก็แค่คนนอก ไม่กล้าพูดหรอกครับ ได้แต่นั่งหันหน้าไปมองทะเลข้างนอกแทน

ถ้าเป็นไปได้ผมอยากให้พี่เจย์กลับมาเป็นเหมือนเดิม ไม่ใช่นั่งนิ่งอย่างนี้…

“ขอโทษด้วยนะที่พี่เอาแต่ใจตัวเอง พี่แค่เครียดนิดหน่อยนะ” อยู่ๆพี่เจย์ก็พูดขึ้นเกริ่นขึ้นมา ทำเอาผมที่นั่งเหม่อมองทะเลต้องหันกลับมามอง “น้องอาร์ทรู้สึกเบื่อหรือเปล่า อยากกลับไปหาแบมไหม พี่จะได้พาเรากลับไปเอาของแล้วจะพาไปส่งถึงที่ให้”

ผมได้ยินดังนั้นถึงกับรู้สึกปวดหัวใจอย่างบอกไม่ถูก

“ไม่เลยฮะ ผมไม่รู้สึกเบื่อเลย ทำไมพี่เจย์ถึงถามผมแบบนี้ละฮะ” ผมถามกลับด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“ก็พี่กลัวเราจะเบื่อไปก่อนนะสิถึงได้ถาม” ร่างสูงตอบพลางขยี้บุหรี่ลงบนที่เขี่ยบุหรี่ “แต่ถ้าอยู่กับแบมก็ดีไป เพราะมีไอ้ออยอยู่ด้วย มันคงดูแลน้องแทนพี่ได้”

!!!!!

คำพูดของพี่เจย์ทำเอาผมถึงกับจุก ไหนว่าจะดูแลจนมั่นใจว่าไอ้รุ่นพี่คนนั้นไม่มาทำร้ายผมยังไงล่ะ

“ผมยังไงก็ได้ฮะ แล้วแต่พี่เจย์” ผมก้มหน้าเม้มปากพูดด้วยความน้อยอกน้อยใจ เพราะยังไงผมก็ไม่กล้าออกความเห็นหรอก ก็ในเมื่อผมเป็นแค่คนนอกที่หลงผ่านเข้ามาในชีวิตของพี่เจย์เท่านั้น

“พูดแบบนั้นได้ไงฮึ พี่ตามใจเรานะ ไม่ใช่ให้มาตามใจพี่” อีกฝ่ายบอกพลางเอามือลูบหัวผม “เอาเป็นว่าอยู่กับพี่ไปก่อนแล้วกัน จนกว่าพี่มั่นใจแล้วว่าไอ้เหี้ยนั่นไม่มาทำอะไรน้องแล้ว พี่ถึงจะพาเรากลับหอ ตกลงไหม”

คำพูดของพี่เจย์ทำเอาผมรู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย

“ตกลงฮะพี่เจย์”

แล้วพี่เจย์ก็พาผมกลับไปขึ้นรถก่อนจะย้อนกลับไปหอพักของตัวเอง ซึ่งโดยหารู้ไม่ว่าการกลับครั้งนี้มันทำให้ผมกับพี่เจย์ต้องเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันในชีวิต


...........................

“แบมบอกพี่ได้ไหมว่าทำไมต้องมาที่นี่ด้วยนะฮึ”

ร่างสูงถามด้วยความสงสัย หลังจากที่ขับรถพาผมมาที่หอพักของพี่เจย์

“แค่มารอดูอะไรนิดหน่อยนะฮะ” ผมตอบพลางนึกย้อนถึงคำพูดของอาร์ทอย่างสงสัย มันเป็นไปไม่ได้ที่เพื่อนของผมจะโดนบอกอเรียกให้ไปที่สำนักพิมพ์ เพราะนิยายของมันเพิ่งวางแผงขายตามร้านหนังสือ จึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไรที่ต้องตามกลับไปแก้ไข “พี่ออยฮะ ถ้าหลังจากนี้เห็นอะไรมันผิดปกติแล้ว พี่ต้องสัญญากับผมว่าพี่จะไม่ฆ่าพี่เจย์นะฮะ”

พอผมพูดจบ ร่างสูงถึงกับมุ่นคิ้วมองผมด้วยความสงสัย

“ทำไมพี่ต้องไปฆ่ามันด้วยล่ะแบม”

“นะฮะพี่ออย พี่ต้องสัญญากับผมว่าจะไม่ทำอะไรพี่เจย์” ผมพูดอย่างเป็นกังวล เพราะกลัวพี่ออยจะฆ่าพี่เจย์ถ้าหากได้รู้ความจริง “ถือว่าผมขอร้องล่ะ”

“อืมก็ได้ สัญญาก็สัญญา” ร่างสูงตอบส่งๆไป หลังจากนั้นพวกผมก็ยืนรออยู่สักพัก อยู่ๆก็มีชายแปลกหน้ากลุ่มหนึ่งเดินถือไม้เข้ามาหา

“ขอถามอะไรหน่อย ไม่ทราบว่าที่หอพักนี้มีคนชื่อเจย์พักอยู่ด้วยหรือเปล่า” หนึ่งในนั้นถามเสียงห้วน ซึ่งทำเอาผมรู้สึกกลัวขึ้นมาทันที

“ไม่รู้สิ พอดีไม่ได้อยู่แถวนี้” พี่ออยตอบกลับไปแบบห้วนๆด้วยเช่นกัน พอพวกนั้นเดินจากไปแล้ว พี่ออยก็รีบคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดทันที ซึ่งผมไม่ต้องถามก็รู้ได้ทันทีว่าพี่ออยโทรหาใคร “เออ นี่กูเองนะ มึงอย่าเพิ่งรีบกลับมาหอพักตอนนี้นะ”

“ทำไมวะ ทำไมกูกลับตอนนี้ไม่ได้” เสียงพี่เจย์ดังแววลอดออกมาให้ผมได้ยิน

“เออเชื่อกู มึงอย่าเพิ่งรีบกลับมา…”

“พี่เจย์ระวังข้างหน้า!!” เสียงอาร์ทตะโกนลั่นออกมาจากโทรศัพท์มือถือ ก่อนจะตามด้วยเสียงเบรกของล้อรถยนต์

เอี๊ยด!! โครม!!!

ตู๊ด! ตู๊ด! ตู๊ด!


.............................

เอี๊ยด!! โครม!!

เสียงล้อรถเบรกกะทันหันก่อนจะหงายท้องชี้ฟ้าหลังจากปะทะกับรถอีกคันที่วิ่งสวนมา

“โอย” ผมร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดหลังจากรถของตัวเองหยุดนิ่งแล้ว พอผมลืมตาขึ้นมาก็เห็นรถคู่กรณีที่จอดอยู่ห่างๆ ซึ่งดูแล้วอีกฝ่ายไม่มีทีท่าว่าจะลงมาดูพวกผมเสียด้วยซ้ำ แต่ไม่นานนักรถคันนั้นก็ขับแล่นหนีออกไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ผมละสายตาก่อนจะหันไปมองอีกคนที่นั่งมาด้วย ซึ่งบัดนี้สลบไม่ได้สติ “ตื่นสิน้องอาร์ท ตื่นเร็วเข้า”

ผมตบหน้าอย่างแรงเพื่อปลุกให้อีกฝ่ายตื่น ซึ่งร่างบางร้องครวญครางก่อนจะลืมตาขึ้นมา

“พี่เจย์...ผมเจ็บ”

“รู้อยู่ว่าเจ็บ แต่ตอนนี้เราต้องรีบออกไปจากรถก่อนที่มันจะระเบิด” ผมบอกพลางปลดเข็มขัดนิรัดภัยให้ตัวเองก่อนจะหันไปปลดให้กับร่างเล็กอย่างเร่งรีบ “พอคลานออกไปไหวใช่ไหม”

“ฮะ”

แล้วผมกับตัวเล็กก็รีบคลานออกไปอย่างทุลักทุเล เมื่อตั้งหลักได้ผมก็รีบวิ่งออกห่างจากตัวรถโดยไม่ลืมหันไปมองร่างบางที่เพิ่งออกตัววิ่งข้ามไปยังอีกฟากถนน

ตูม!

เสียงรถระเบิดดังกึกก้องท่ามกลางถนนสองเลนที่ปราศจากรถวิ่ง เมื่อผมเห็นรถระเบิดไปแล้ว จึงวิ่งอ้อมไปหาน้องอาร์ท ซึ่งบัดนี้นั่งอยู่กับพื้นดินหอบหายใจตัวโยน

“บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า บอกพี่ซิ” ผมถามพลางนั่งลงยองมองอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง

“แค่ถลอกนิดหน่อยเองฮะ พี่เจย์ไม่ต้องเป็นห่วง เอ่อ แล้วพี่เจย์ละฮะ บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” ร่างบางถามกลับด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

คงจะกลัวมากสินะ...

“แค่ถลอกนิดหน่อยเหมือนกับเรานั่นแหละ” ผมตอบพลางเอามือลูบหัวตัวเล็กอย่างแผ่วเบา แต่พอเห็นร่างบางตัวสั่นน้ำตาคลอเบ้าเท่านั้นแหละ ผมจึงคว้าตัวเล็กเข้ามาสวมกอดทันที “ชีสสส์ ไม่ต้องร้องนะคนเก่ง ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว ไม่มีอะไรแล้วล่ะ”

“ฮึก ผมกลัว ฮือๆ พี่เจย์ ผมกลัว” ร่างบางร้องไห้เสียงสะอื้น ซึ่งทำเอาผมรู้สึกแย่ที่พาตัวเล็กมาเจอกับเรื่องน่ากลัว

อย่าให้รู้ว่ามันเป็นใครนะ แม่งจะตามเอาคืนแน่ไอ้สัด!!

โชคยังดีที่ถนนเส้นนั้นยังพอมีรถผ่านอยู่บ้าง จึงมีคนเข้ามาช่วยพาพวกผมไปส่งที่โรงพยาบาล


....................

“ว่ายังไงนะออย เจย์กับน้องอาร์ทรถคว่ำงั้นรึ?!”

“ใช่ รถคว่ำ” ปลายสายตอบ “แต่โชคดีมากที่ไม่เป็นอะไรร้ายแรง แค่ถลอกนิดหน่อย แต่นายไม่ต้องเป็นห่วงนะพีช ตอนนี้ทั้งคู่ทำแผลเรียบร้อยแล้ว”

“งั้นแล้วตอนนี้เจย์ทำอะไรอยู่ ขอฉันคุยกับมันหน่อยสิ อ๊ะเจ็บ” ผมรีบพูดจนเผลอกัดปากของตัวเอง ทำให้ร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างเตียงจับไหล่ผมบอกว่าให้ใจเย็น ค่อยๆพูด

“เป็นอะไรพีช” อีกฝ่ายถามด้วยความเป็นห่วง

“อ้อ แค่กัดปากตัวเองนะ ไม่มีอะไรหรอก เอ้อ ขอสายเจย์หน่อยสิ อยากคุยด้วย”

“อือได้รอเดี๋ยวนะ” แล้วปลายสายก็เรียกชื่อเจย์ ไม่นานนักผมก็ได้ยินเสียงของมันขานเรียก

“ว่าไงพีช”

“นี่ยังมีหน้ามาพูดว่าไงอีกได้นะเจย์ แกเป็นอะไรมากหรือเปล่า” ผมถามมันด้วยความเป็นห่วง เพราะผมมีมันคนเดียวที่เป็นญาติ “แล้วน้องอาร์ทละ”

“ฉันกับน้องอาร์ทไม่เป็นอะไรมากหรอก แค่หัว แขน ขาถลอก ตอนนี้ทายาเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง”

“แน่ใจนะว่าไม่เป็นอะไรแล้ว”

“เออ ไม่เป็นไรแล้ว แต่แกอย่าโทรบอกพ่อกับแม่นะ เดี๋ยวพวกเขาจะเป็นห่วง”

“เฮ้ยได้ไง เรื่องใหญ่แบบนี้ต้องบอกสิ แกก็รู้ว่าฉันไม่ชอบโกหกพวกท่าน”

“ก็ได้ เดี๋ยวฉันโทรไปบอกพวกท่านเอง”

“แล้วนี่โทรแจ้งตำรวจรึยัง”

“ไอ้ออยโทรแจ้งให้แล้ว เดี๋ยวอีกสักพักตำรวจก็จะมา”

“แล้วนี่จะนอนพักที่โรงพยาบาลเลยรึเปล่า”

“คงไม่” อีกฝ่ายตอบก่อนจะพูดต่อ “เดี๋ยวว่าจะไปพักบ้านไอ้ออย”

“ทำไมต้องพักบ้านออยด้วยล่ะ?” ผมถามกลับอย่างสงสัย

“แค่นี้ก่อนนะพีช พอดีตำรวจมานะ” แล้วอีกฝ่ายก็ตัดสายทิ้งไปดื้อๆ ทำเอาผมถึงกับขยี้ผมตัวเอง

“ทางนู้นว่ายังไงบ้างครับลูกพีช” ร่างสูงถามหลังจากเห็นผมวางมือถือลงบนตักตัวเองแล้ว

“ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากนะอเล็กซ์ แค่ถลอกตามแขนขากับหัวนิดหน่อยเอง” ผมตอบพลางถอนหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน ก่อนจะหันไปอ้อนร่างสูงต่อ “อเล็กซ์ ลูกพีชอยากจะออกรพ.เดี๋ยวนี้เลย อเล็กซ์ช่วยไปบอกหมอได้หรือเปล่า”

“เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ออกอยู่แล้วนี่ จะใจร้อนรีบออกตอนนี้ไปทำไมล่ะครับ”

“ก็ลูกพีชเป็นห่วงเจย์นี่”

“ไม่ได้ครับ” ร่างสูงพูดปฏิเสธเสียงแข็ง “คุณหมอบอกให้ออกพรุ่งนี้ได้ ก็ต้องออกพรุ่งนี้ ไม่ใช่วันนี้”

“แต่...”

“ไม่มีแต่” อเล็กซ์พูดเสียงเข้ม ทำเอาผมถึงกับมุ่ย แล้วร่างสูงก็เอามือลูบหัวผมเบาๆ “เป็นเด็กดีนะครับ อย่าดื้อ แล้วพรุ่งนี้ผมจะมารับคุณแต่เช้า”

ร่างสูงบอกพลางหอมแก้มผมหนึ่งที ก่อนจะขอตัวกลับไปทำงานต่อ

...........................

ตกดึกหลังจากผมได้นอนหลับไปแล้ว ก็ต้องตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะได้ยินเสียงประตูถูกเปิด ซึ่งผมไม่ต้องเดาก็รู้ว่าต้องเป็นคุณพยาบาลแน่ๆ เพราะพวกเขามีหน้าที่มาคอยเช็คความดันกับวัดไข้อยู่ทุกคืน ผมจึงไม่ได้ลืมตาขึ้นมามอง แต่แล้วผมก็นึกแปลกใจว่าทำไมถึงไม่มีเสียงคุณพยาบาลบอกว่าจะเข้ามาเช็คความดันเหมือนตามปกติ กลับมีเสียงล็อกประตูแทนซะได้ จึงทำให้ผมรีบลืมตาขึ้นมาก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นชายแปลกหน้าสวมผ้าปิดจมูกในชุดกาวน์สีขาวยืนเหนือศีรษะผม

ไม่ใช่คุณหมอนี่!!

“เฮ้ย! นี่แกเป็น...อื้อออ!!” ผมไม่ทันพูดจบดี อีกฝ่ายก็เอามือมาปิดปากผมเสียแน่น ก่อนจะเอามีดสั้นมาจ่อคอผม

“ถ้าไม่อยากตายก็อย่าได้ขยับแม้แต่นิดเดียว” อีกฝ่ายพูดขู่ ทำเอาผมที่กำลังขัดขืนถึงกับต้องหยุดชะงัก “ดีมากไอ้หนุ่ม เอาล่ะ ฟังกูให้ดี เพราะกูจะบอกมึงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น”

อะไร จะบอกอะไร...

“ภายในหนึ่งเดือนนี้ถ้ามึงไม่อยากให้เพื่อนหรือคนรู้จักต้องมีอันเป็นไป ก็จงเลิกยุ่งกับอเล็กเซย์ซะ” มันบอกด้วยน้ำเสียงเหี้ยม ซึ่งทำเอาผมรู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก “ดูได้จากวันนี้ก็คงจะรู้นะว่าเพื่อนมึงไปเจออะไรมา เพราะนี่เป็นการเตือนครั้งสุดท้าย แต่จะว่าไป...มึงก็หน้าสวยไม่หยอกนะไอ้หนุ่ม”

ไม่พูดเปล่าอย่างเดียว กลับเอามีดสั้นมาลูบใบหน้าผมไปมา ซึ่งทำเอาผมได้แต่ร้องครางในลำคอด้วยความกลัว

“อื้อออออ!”

“กลัวงั้นรึ หึ ไม่ต้องกลัวไป เพราะกูไม่ฆ่ามึงหรอก เดี๋ยวเจ้านายกูจะว่ากูไม่ทำตามหน้าที่ แต่เขาก็ไม่ได้สั่งห้ามไม่ให้กูข่มขืนมึงนี่นะ” พูดจบเท่านั้นแหละ อีกฝ่ายขึ้นเตียงมานั่งค่อมบนตัวผมอย่างรวดเร็วก่อนจะใช้มือที่เคยปิดปากผมต่อยเข้าที่ท้องผมอย่างแรง ซึ่งทำเอาผมถึงกับจุกพูดอะไรไม่ออก “ไม่ต้องกลัวว่าจะน้อยหน้าอเล็กซ์นะ เพราะกูจะเอามึงให้ขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ดเลยคอยดู!”

!!!!

แล้วอีกฝ่ายก็ใช้ผ้าเช็ดหน้าที่วางอยู่ข้างเตียงยัดปากผมอย่างลวกๆ ก่อนจะถลกเสื้อคนป่วยที่ผมสวมใส่ขึ้นมามัดมือของผมซะแน่น

อเล็กซ์ช่วยลูกพีชด้วย!!

“อึ๊! อื้อ!!” ผมสะดุ้งร้องเมื่อมือหนาหยาบกร้านเข้ามาลูบไล้บนยอดอก แล้วมันก็เอาหน้าตัวเองซุกที่ลำคอขาวของผมก่อนจะกัดอย่างแรง “อื้อออออ!”

เจ็บ!!

เจ็บทั้งกายเจ็บทั้งใจ!!

แล้วอีกฝ่ายก็เงยหน้าขึ้น พลางเขยิบตัวถอยออกจากตัวผมก่อนจะถลกกางเกงผมออกอย่างรวดเร็ว ซึ่งไม่เว้นกระทั่งกางเกงในด้วย

“อื้ออออ!!” ผมส่ายหน้าไปมาน้ำตาไหลพราก ซึ่งมันก็ไม่ได้ช่วยเรียกความสงสารให้อีกฝ่ายได้เลยแม้แต่น้อย

“หึ ของมึงเล็กแต่ขาวใช่ย่อยนะมึง น่าฟัดชิบหายเลยวะ” คนบาปใจช้าพูดด้วยน้ำเสียงหื่นกระหาย แล้วมันก็ยกขาของผมทั้งสองข้างขึ้นพาดบ่าของมัน “อย่าโทษกูเลยนะ มึงอยากสวยเองช่วยไม่ได้”

แล้วมันก็รูดซิปกางเกงของตัวเองลง ก่อนจะควักสิ่งนั้นออกมา ซึ่งทำเอาผมตกใจจนต้องสะบัดขาตัวเองลงจากบ่ามันเพื่อเอาตัวรอด

“อื้อออออ!!!”

“มึงจะดิ้นทำเหี้ยไรฟะ เดี๋ยวกูตบ...”

โครม!

เสียงบานประตูเปิดดังสนั่น ทำเอามันสะดุ้งตกใจหันไปมอง แต่ยังไม่ทันรู้เป็นใครก็ถูกตะบันหน้าอย่างแรงจนมันกระเด็นตกเตียงชนกับผนังไป แต่ทว่ามันกลับลุกขึ้นได้อีกครั้ง ก่อนจะหันไปกระโดดใส่หน้าต่างวิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งคนที่มาช่วยผมสั่งให้คนที่วิ่งตามเข้ามาในห้องให้วิ่งไล่ตามคนร้ายไป แล้วจากนั้นจึงค่อยหันหน้ามาสวมกอดผมทันที

“ผมขอโทษลูกพีช ผมขอโทษที่มาช้าไป” แค่ได้ยินเสียงผมก็รู้แล้วว่าใคร แล้วอีกฝ่ายก็เลิกกอดผมก่อนจะแก้มัดให้ผม รวมถึงเอาผ้าที่อุดปากออก ก่อนจะคว้าผ้าห่มมาห่อผมทั้งตัวแล้วช้อนร่างผมอุ้มขึ้นทันที “ผมขอโทษ ผมไม่น่าทิ้งคุณไว้คนเดียวเลยจริงๆ”

เท่านั่นแหละบ่อน้ำตาผมก็แตกอีกรอบ

“ฮืออออ อเล็กซ์ อเล็กซ์ ลูกพีช ฮึก ลูกพีชกลัว”

“ชีสสส์ อย่าร้องไห้ครับลูกพีช ปลอดภัยแล้ว ไม่มีอะไรแล้วนะ” ร่างสูงพูดปลอบผมพร้อมกับกอดผมแนบอกไปพลาง ซึ่งผมร้องไห้อยู่ได้สักพักก็เผลอหลับไปโดยที่ยังอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่นของอเล็กซ์

....................

คืนนั้นผมขอให้หมอย้ายพีชไปนอนห้องอื่นเพราะห้องเดิมมันไม่ปลอดภัยแล้ว ซึ่งหมอก็ยอมย้ายแต่โดยดี แถมผู้อำนวยการของโรงพยาบาลก็มาขอโทษผมว่าจะไม่ให้เกิดเหตุแบบนี้อีก พอเรื่องห้องแล้วตำรวจก็เข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซักถามผมกับลูกน้องอยู่ราวครึ่งชั่วโมงก่อนจะขอตัวกลับไป หลังจากนั้นผมจึงค่อยกลับมานั่งเฝ้าลูกพีชต่อ ซึ่งไม่นานนักพวกลูกน้องของผมที่วิ่งไล่ตามคนร้ายไปก็ได้กลับมาพร้อมกับความผิดหวัง เพราะคนร้ายดันวิ่งหนีขึ้นรถกระบะที่จอดรออยู่ด้านนอกโรงพยาบาลก่อนจะรีบขับหนีไปอย่างรวดเร็ว

“เรื่องประชุมวันนี้ก็ให้ยกเลิกไปก่อน”

“ครับท่าน”

แล้วผมก็ตัดสายทิ้งหลังจากโทรศัพท์คุยเรื่องงานกับเรย์ที่เป็นทั้งเลขาทั้งบอดีการ์ดของผม ก่อนจะหันไปมองร่างบางที่นอนตะแคงข้างซ้ายกุมมือผมไม่ยอมปล่อยวางตั้งแต่เมื่อคืน แน่นอนว่ามันเหน็บกินเพราะอยู่ในท่าเดิมมานาน แต่ผมไม่สนใจอาการเหล่านั้น หากเมื่อเทียบกับความเจ็บปวดความกลัวที่ลูกพีชได้เผชิญกับมันเมื่อคืนนี้แล้ว มันแค่ขี้ปะติ๋ว

ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะรับความเจ็บปวดพวกนั้นทั้งหมดมาไว้ที่ผมคนเดียว...

“อือ”

เสียงเล็กร้องคราง ทำเอาผมชะงักความคิดทั้งหมดก่อนจะหันไปมองคนรักที่กำลังยกมือขยี้ตาของตัวเอง

“อรุณสวัสดิ์ยามเช้าครับลูกพีช” ผมพูดพลางเข้าไปหอมแก้มร่างบางเบาๆ ซึ่งทำเอาลูกพีชลืมตาขึ้นมามองผมอย่างอ่อนเพลีย “หิวอะไรแล้วหรือยังครับ ผมจะได้เอาข้าวต้มมาให้ลูกพีชทาน”

ร่างบางไม่ตอบ กลับมองผมสลับกับมือของตัวเองที่กุมมือผมอยู่ไปมา เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองกุมมือผมอยู่ จึงรีบปล่อยมือผมทันที

“ขอโทษนะอเล็กซ์ ลูกพีชไม่รู้ว่าลูกพีชกุมมืออเล็กซ์นานขนาดนี้ อเล็กซ์คงเมื่อยแย่”

ผมแทบอมยิ้มเมื่อเห็นร่างบางพูดขอโทษสำนึกผิดกับผม

น่ารักจังเลยครับเมียผม...

“ไม่เป็นไรครับ ถ้ามันทำให้ลูกพีชสบายใจ ผมยอมเมื่อยทั้งวันยังได้” ผมพูดพลางเอามือเกลี่ยเส้นผมที่ปรกตาคนรักออกอย่างเบาๆ “ว่าแต่รู้สึกหิวหรือยังครับเนี่ย”

“อืม หิวแล้ว”

“โอเคครับ ถ้างั้นรอซักครู่นะ” ผมตอบพลางลุกขึ้นเดินไปหยิบชามข้าวต้ม ก่อนจะเดินกลับมานั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม “อ๊ะ ไม่ต้องลุกครับ เดี๋ยวผมช่วยพยุงให้”

ผมรีบบอกทันทีที่เห็นร่างบางกำลังพยายามลุกขึ้นนั่งด้วยตนเองอย่างยากลำบาก (ก็เมื่อคืนลูกพีชโดนคนร้ายต่อยท้องนี่ครับ เลยทำให้ขยับตัวไม่ค่อยจะได้) ซึ่งอีกฝ่ายก็ยอมให้ผมช่วยแต่โดยดี หลังจากป้อนข้าวลูกพีชได้ไม่กี่คำก็บอกผมว่าอิ่ม

“อเล็กซ์ ลูกพีชอยากออกจากรพ.วันนี้” อยู่ๆลูกพีชก็พูดเกริ่นออกมา ทำเอาผมที่กำลังจะเทน้ำใส่แก้วอยู่นั้นถึงกับชะงัก “ลูกพีชไม่อยากนอนที่นี่แล้ว”

“แต่ลูกพีชยังเจ็บท้องอยู่ไม่ใช่รึครับ” ผมถามกลับไป ซึ่งร่างบางถึงกับส่ายหน้าไปมา

“แค่นี้ลูกพีชทนได้” ร่างบางตอบก่อนจะดึงแขนเสื้อผมเบาๆ “นะอเล็กซ์ ให้ลูกพีชออกรพ.วันนี้นะ”

เมื่อเห็นว่าลูกพีชอ้อนไม่อยากอยู่ ผมก็ไม่คิดจะห้าม

“ก็ได้ครับ เดี๋ยวผมบอกหมอให้”


...................

 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8
ใครก็ได้เอาอิเจ้นั่นไปฆ่าทีมันตามจิงล้างจองผลาญเกินไปแล้วนะกัอิอค่ปู้ชายคนเดียว

ออฟไลน์ zeroj

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 565
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ความรักมันเป็นดาบสองคม  ทั้งสุขและทุกข์ในเวลาเดียวกัน


 :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
เมื่อไหร่พีชจะมีความสุขสักทีคือชีวิตนางรันทดมากอะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ตอนที่ 16 ไปเที่ยว

.....................

ย้อนกลับไปหลังจากผมคุยกับพีชเสร็จแล้ว ก็กดวางสายก่อนจะยื่นมือถือคืนให้กับออย ซึ่งบัดนี้เพื่อนสนิทยืนกอดอกพิงกำแพงด้วยสีหน้าไม่บอกอารมณ์ ส่วนน้องอาร์ทนั้น แบมได้ชักชวนไปหาซื้อขนมรองท้องที่ข้างนอกแล้ว

“มึงมีอะไรจะแก้ตัวไหมไอ้เจย์” ออยพูดเสียงเรียบพลางรับมือถือจากผมมาเก็บใส่กระเป๋ากางเกง “อย่าคิดว่าจะปิดกูได้ ไอ้รอยคิสมาร์คบนตามตัวของน้องอาร์ทนะ”

มันคงเห็นหลังจากที่พยาบาลเข้ามาทำแผลให้กับน้องอาร์ทถึงได้มาพูดกับผมแบบนี้

“ที่เงียบนี่แสดงว่าฝีมือของมึงสินะไอ้เจย์”

“ใช่ ฝีมือกูเองแหละ”

ผัวะ! โครม!!

แรงหมัดจากเพื่อนรักทำเอาผมถึงกับหงายท้องลงไปนอนนับดาวกับพื้น โชคดีที่พวกผมยืนอยู่นั้นเป็นแถวหลังโรงพยาบาล ซึ่งไม่มีคนเดินพลุกพล่าน จึงไม่ต้องเป็นกังวลว่ามีใครจะมาเห็นเข้า

“ตั้งแต่เมื่อไหร่” อีกฝ่ายถามเสียงเข้มพลางนั่งลงยองข้างกายผม ก่อนจะกระชากคอเสื้อผมขึ้นมาอย่างแรง “กูถามว่ามึงทำกับน้องอาร์ทแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่!!”

ผมหันข้างถุยเลือดลงบนพื้นก่อนจะหันไปตอบคำถามของมัน

“ตั้งแต่วันที่กูได้เจอกับน้องอาร์ทวันแรก”

“ไอ้เหี้ยเอ้ย!!”

“เออใช่ กูมันเหี้ย กูยอมรับ แต่วันนั้นกูเมามาก มึงก็รู้ดีนี่”

“ใช่กูรู้ แล้วไงต่อ”

“แล้วกูก็นึกว่าน้องอาร์ทเป็นพีช ก็เลย...”

“ก็เลยข่มขืนน้องเขาสินะ” ออยพูดแทรกโดยที่ผมยังพูดไม่ทันจบดี ร่างสูงปล่อยคอเสื้อผมออกก่อนจะลุกขึ้นยืนล้วงบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบต่อหน้าผม “กูไม่นึกเลยว่ามึงจะเป็นเอามากขนาดนี้ รักพีชมากเลยรึไง ถึงได้หน้ามืดตามัวลากน้องอาร์ทมาเป็นตัวแทนพีชนะ”

“.....”

ผมไม่ตอบ ได้แต่นอนนิ่งอยู่อย่างนั้น

“มันก็ผ่านไปได้หลายวันแล้ว แต่ทำไมมึงยังมาเอากับน้องอาร์ทอีก” ออยถามผมอีกครั้ง เพราะมันคงเห็นว่ารอยจูบบนต้นคอกับไหปลาร้าบนตัวน้องอาร์ทยังเพิ่งใหม่อยู่ จึงไม่น่าจะเป็นรอยเก่าที่ผมเคยทำเอาไว้ในตอนแรก “มึงได้ยินที่กูถามไหมเนี่ยไอ้เจย์”

“ได้ยิน แต่พอดีวันนั้นกูไปช่วยน้องอาร์ทไม่ให้ถูกรุ่นพี่ที่เป็นนักเขียนไม่ให้ข่มขืนวะ”

“แล้วไงต่อ”

“แล้วตอนนั้นน้องอาร์ทเองก็โดนไอ้เหี้ยหลอกให้กินยาปลุกเซ็กส์ด้วย” ผมตอบพลางลุกขึ้นนั่งโดยไม่มองหน้าเพื่อนที่กำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ “มึงก็น่าจะรู้ดีนี่ ว่าคนที่โดนยาปลุกเซ็กส์แล้วมันเป็นยังไง แล้วอีกอย่างกูไม่ใช่พระอิฐพระปูน ที่จะมาต้องทนอารมณ์ยั่วยุน้องเขาได้”

“มึงก็เลยช่วยน้องเขาอย่างเต็มที่สินะ”

“ใช่” ผมตอบพลางยกมือขึ้นจับแก้มที่ถูกออยต่อย “แล้ววันนี้กูก็ได้ขอโทษน้องเขาไปแล้ว แต่น้องเขาไม่ยอมรับคำขอโทษจากกูเลยซักนิด”

“หึ มันก็สมควรอยู่แล้วนี่ ใครหน้าไหนจะไปให้อภัยกับคนที่ข่มขืนตัวเองได้กันเล่า” คำพูดของออยทำเอาผมถึงกับสะอึก “แล้วเรื่องที่รถคว่ำนี่ คงไม่ใช่เพราะมึงขับรถประมาทหรอกนะไอ้เจย์”

“ไม่ใช่อย่างแน่นอน มึงก็รู้ว่ากูเป็นยังไง” ผมเถียงย้อนกลับไป

“เออรู้น่าพ่อแชมเปี้ยนรถแข่ง” ออยพูดประชดทั้งๆที่มันเป็นความจริง ผมเคยเข้าร่วมแข่งขันรถมาหลายรายการก่อนที่พีชจะกลับมาประเทศไทย “มึงคิดว่าคู่กรณีเป็นใคร ใช่พวกที่ยกมาจะรุมมึงแต่ดันมาเจอกูวันนั้นก่อนหรือเปล่าวะ”

“น่าจะ แต่ยังไม่แน่ใจว่าใช่ไอ้รุ่นพี่นักเขียนหรือเปล่านะ เพราะไม่มีหลักฐานซะด้วย”

ผมพูดพลางถอนหายใจ เสียดายที่ตอนรถคว่ำ ผมไม่เห็นหน้าตาของอีกฝ่ายเลย

“แล้วเรื่องรถของมึงล่ะ”

“คงต้องทำใจ มันพังแล้ว” ผมบอกอย่างนึกเสียดาย เพราะคันนั้นผมทำงานเก็บเงินซื้อมาเองด้วยกับมือ “ช่างเถอะ เดี๋ยวกูนั่งรถเมล์เองก็ได้ ไหนๆก็เคยนั่งมาก่อนแล้วนี่นะ”

“เอารถกูที่บ้านไปยืมใช้ก่อนได้นะไอ้เจย์ แต่ค่าน้ำมันมึงต้องจ่ายเอง”

“เออ แม่งขอบใจมึงเหลือส้นตีนวะ ฮะๆ”

“ฮะๆ”

ทั้งผมทั้งมันต่างหัวเราะแข่งกันจนกระทั่งน้องแบมกับน้องอาร์ทได้เดินกลับมาพร้อมกับขนมเต็มมือ

“ขนมมาแล้ว...อ๊ะ แก้มของพี่เจย์ทำไมช้ำอย่างนั้นละฮะ” ดูเหมือนน้องอาร์ทจะจำได้ว่าก่อนไป แก้มของผมยังเป็นปกติดี ไม่ใช่ฟกช้ำม่วงเข้มเหมือนตอนนี้ แล้วเจ้าตัวก็ปล่อยขนมลงพื้นก่อนจะถลาเข้ามาจับแก้มผมเพื่อดูรอยฟกช้ำ ซึ่งทำเอาผม ออย และน้องแบมต่างตกตะลึงในท่าทางของอาร์ทที่กำลังทำอยู่ “เจ็บมากไหมฮะพี่เจย์”

ผมได้แต่ยืนอึ้ง ทำเอาออยต้องหันมาสะกิดเพื่อเรียกสติของผม

“เอ่อ ไม่...ไม่เท่าไหร่ พี่ไม่เจ็บหรอก ว่าแต่เราเถอะทิ้งขนมลงพื้นแบบนั้นได้ยังไงกัน ป่านนี้ไม่เละแล้วรึ” พอผมพูดจบ ทำเอาร่างบางถึงกับสะดุ้งตกใจก่อนจะหันไปก้มลงเก็บขนมที่ตกอยู่กับพื้นอย่างรวดเร็ว

“แล้วนี่มึงจะเอายังไง กลับหอพักหรือจะไปบ้านกู” ออยถามอย่างสงสัย

“คงต้องบ้านมึงล่ะ เพราะตอนนี้หอพักกูไม่ปลอดภัยแล้ว” ผมตอบพลางหันหน้าไปทางน้องอาร์ท “ส่วนเรื่องข้าวของของเรา เดี๋ยวพี่จะคิดหาทางกลับไปเอาทีหลังนะครับน้องอาร์ท”

“ฮะ ผมยังไงก็ได้” ร่างบางตอบ ก่อนที่ออยจะพาพวกผมนั่งรถขับออกจากโรงพยาบาลไป


.........................

หลังจากกลับจากโรงพยาบาลได้สองสามวัน ผมก็เฝ้าดูแลลูกพีชไม่ให้ห่างกาย ส่วนเรื่องงานที่บริษัท ผมก็ได้สั่งให้เรย์หอบเอางานมาให้ผมทำที่คอนโด มีบ้างเป็นบางวันที่ผมต้องเข้าบริษัทเพื่อประชุม แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับผม เพราะก่อนไปผมได้สั่งให้ลูกน้องมาคอยเฝ้าดูที่หน้าห้องอยู่ตลอดเวลา จนเข้าวันที่สามลูกพีชได้อ้อนผมว่าอยากจะไปเที่ยว ซึ่งผมก็ไม่ขัดศรัทธา เพราะอย่างน้อยให้คนรักได้มีโอกาสผ่อนคลายจากความเครียด และนอกจากนี้ผมก็ได้บอกให้ลูกพีชโทรชวนเจย์กับเพื่อนๆให้ไปเที่ยวด้วยกัน ทำเอาร่างบางถึงกับดีอกดีใจพูดขอบคุณผมยกใหญ่

ขอแค่เรียกเสียงหัวเราะกับรอยยิ้มกลับคืนมาได้ เท่านี้ผมก็พอใจแล้วล่ะ....

วันรุ่งขึ้นลูกพีชถึงกับปลุกผมแต่เช้าด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ทำเอาผมเอามือขยี้ผมอีกฝ่ายด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะตามด้วยหอมแก้มซ้ายทีขวาที ซึ่งทำเอาคนถูกหอมแก้มถึงกับหน้าแดงอายม้วนไปเลยทีเดียว พอเก็บข้าวของเสร็จผมก็เดินถือกระเป๋าทั้งสองใบเดินตามร่างบางที่เดินนำหน้าผมออกจากห้องไป ซึ่งการเดินตามหลังครั้งนี้มันทำให้ผมได้เห็นแผ่นหลังของลูกพีชที่ถูกห่มหุ้มด้วยเสื้อยืดสีน้ำเงินคอกลมสดใส ถึงแม้เจ้าตัวจะเจออุปสรรคที่ขวากหนาม แต่เท้าที่เดินก้าวย่างแต่ละก้าวของลูกพีชกลับดูมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง ทำเอาผมถึงกับยิ้มอย่างภาคภูมิใจที่ได้เมียเข้มแข็ง ครั้นพอประตูลิฟต์ถูกเปิดด้วยฝีมือกดปุ่มของลูกพีช ผมกลับรู้สึกใจหายวาบเมื่อเห็นร่างบางที่เคยยืนอยู่ตรงหน้านั้นกำลังจะจางหายไป ทำเอาผมถึงกับปล่อยสัมภาระลงอย่างไม่ไยดีก่อนจะอ้าแขนสวมกอดร่างบางอย่างรวดเร็ว

“ไม่นะลูกพีช คุณอย่าหายไปนะ!!” ผมหลับตากอดร่างบางอย่างแนบแน่นราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะจางหายไป

อย่าหนีผมไปไหนนะ!

ลูกพีช!!

“อเล็กซ์เป็นอะไรไป อยู่ๆก็เข้ามากอด ลูกพีชตกใจหมดเลย” เสียงหวานดังขึ้นขัดจังหวะความคิด ทำเอาผมที่กำลังกอดร่างบางอยู่นั้นถึงกับลืมตาขึ้นมอง ก่อนแลเห็นร่างกายที่กอดอยู่นั้นไม่ได้หายไปอย่างที่เข้าใจ แถมนอกจากนี้กลิ่นอายสัมผัสของลูกพีชยังลอยเตะจมูก กับไอความร้อนของร่างกายที่ยังคงแผ่กระจายทำเอาผมรู้สึกหายใจโล่งคอ

ค่อยยังชั่ว...

ยังอยู่...

ไม่ได้ไปไหน...


“ผมกลัว” ผมพูดพลางหลับตาลงโดยเอาหน้าซุกที่ลำคอของอีกฝ่ายไปด้วยพร้อมกัน “กลัวคุณจะหายไป ลูกพีช ขอผมกอดอยู่อย่างนี้ซักพักได้ไหม ขอร้องล่ะ”

ขอให้รู้ว่าคุณยังอยู่กับผม

ไม่ได้หายไปไหน...


“ได้สิอเล็กซ์” ร่างบางตอบก่อนจะปล่อยให้ผมกอดอยู่อย่างนั้นเป็นเวลาเนิ่นนาน


...............................

ผมนึกประหลาดใจที่แบมมาชวนผมให้ไปเที่ยวทะเลด้วยกัน ทีแรกผมนึกว่าจะได้ไปกันแค่สี่คน (แบม พี่เจย์ พี่ออย และผม) แต่ที่ไหนได้ กลับมี พี่พีช และพี่อเล็กเซย์รวมอยู่ด้วย พอไปถึงคอนโดของพี่อเล็กเซย์ กลับพบว่าพี่เค้าได้เหมารถตู้สีขาวมา ซึ่งผมบอกตามตรงเลยว่ารถคันนี้โคตรหรู เพราะข้างในมีของครบครัน ทั้งเครื่องเล่นเสียงคาราโอเกะ ทีวีจอแบน ทั้งของกินในตู้เย็นมินิ ไหนจะที่นั่งแสนจะนุ่มชวนน่านอนอีก ส่วนคนขับนั้น ผมนึกว่าพี่อเล็กซ์เซย์จะเป็นคนขับเอง แต่ที่ไหนได้ กลับเป็นเลขาหนุ่มที่บริษัทของเขา (ผมเพิ่งรู้จากแบมว่าพี่อเล็กเซย์เป็นถึงประธานบริษัทเอนเตอร์ไพร์สกรุ๊ป ส่วนเลขาชื่อเรย์) ผม แบม นั่งแถวหลังสุด ก่อนจะตามมาด้วยพี่เจย์กับพี่ออย นั่งอยู่ด้านหน้าที่นั่งของพวกผม ส่วนพี่พีชกับพี่อเล็กเซย์นั่งอยู่หลังคนขับ ซึ่งระหว่างการเดินทาง พี่อเล็กเซย์กลัวว่าพวกผมจะเบื่อเลยหันมาถามว่า

“จะดูอะไรก็บอกได้นะครับ”

“อะไรก็ได้ฮะพี่อเล็กเซย์ พวกผมดูได้หมด” ผมตอบด้วยความเกรงใจเพราะอาศัยรถเขามา แล้วอีกฝ่ายก็หันไปเปิดโทรทัศน์ให้พวกผมดู ซึ่งเป็นหนังตลกที่ดูแล้วไม่เครียด แต่ดูได้ไม่นานนักผมก็เผลอหลับไป มารู้สึกตัวอีกทีแบมก็มาปลุกผมให้ตื่นแล้ว

“ตอนนี้พวกเราแวะปั้มอยู่นะ จะเข้าห้องน้ำไหมอาร์ท”

“อือ” ผมตอบอย่างงัวเงีย ก่อนจะเดินลงรถไปเข้าห้องน้ำคนเดียว (แบมเดินไปเซเว่นพร้อมกับพี่ออย ส่วนคนอื่นๆผมไม่เห็นเลย) พอทำธุระเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะเดินออกมาล้างมือกลับชะงักเมื่อได้ยินเสียงคนพูดดังออกมาจากหลังห้องน้ำ

“อะไรนะ พ่อกับแม่รู้เรื่องแล้วเหรอเมย์...ไม่เอาน่า อย่าร้องไห้เลยคนดี ผมบอกแล้วไงว่าจะรับผิดชอบลูกในท้อง ครับ ไม่นานหรอก สามวันเดี๋ยวผมก็กลับแล้ว อือ มากับพวกเพื่อนเจย์นะ งั้นแค่นี้ก่อนนะครับ แล้วผมจะโทรกลับไปหาใหม่” พออีกฝ่ายพูดจบ ผมก็รีบวิ่งกลับเข้าห้องน้ำไป ก่อนจะแง้มประตูดูว่าผู้พูดเป็นใคร ซึ่งพอร่างนั้นเดินออกมาแล้ว ทำเอาผมถึงกับตกตะลึง เพราะคนที่เดินออกมาจากหลังห้องน้ำก็คือ

พี่พีช...

พอกลับขึ้นรถอีกที ผมแอบเหลือบมองพี่พีชพลางครุ่นคิดถึงคำพูดของเขาตอนเข้าห้องน้ำอย่างสงสัย

“อะไรนะ พ่อกับแม่รู้เรื่องแล้วเหรอเมย์...ไม่เอาน่า อย่าร้องไห้เลยคนดี ผมบอกแล้วไงว่าจะรับผิดชอบลูกในท้อง ครับ ไม่นานหรอก สามวันเดี๋ยวผมก็กลับแล้ว อือ มากับพวกเพื่อนเจย์นะ งั้นแค่นี้ก่อนนะครับ แล้วผมจะโทรกลับไปหาใหม่”

ผมบอกแล้วไงว่าจะรับผิดชอบลูกในท้อง...

จะรับผิดชอบลูกในท้อง…

ลูกในท้อง..


คำพูดนี้ทำเอาผมแทบไม่อยากจะเชื่อว่าอีกฝ่ายพูดจริง และไม่เชื่อว่าพี่พีชจะทำผู้หญิงท้อง ครั้นพอเหลือบมองแฟนพี่พีช ซึ่งกำลังลูบหัวอย่างเอาใจ ทำเอาผมรู้สึกสงสารเขาขึ้นมาจับใจ

ไม่นานหรอก สามวันเดี๋ยวผมก็กลับแล้ว

คำพูดประโยคนี้ทำเอาผมนึกสงสัย เพราะแบมบอกกับผมว่าพวกเราจะมาเที่ยวทะเลที่กระบี่ด้วยกันสี่คืนห้าวัน แต่ไฉนพี่พีชบอกว่าแค่สามวัน

“เป็นอะไรไปเหรออาร์ท เห็นนั่งเงียบเชียว คิดอะไรอยู่หรือ” เสียงแบมถามขึ้นเบาๆ เพราะเกรงว่ากลัวคนในรถที่หลับไปแล้วจะตื่น ซึ่งทำเอาผมที่มองทิวทัศน์นอกรถถึงกับต้องหันมามอง

“ไม่มีอะไรหรอก แค่คิดพล็อตนิยายเฉยๆนะ” ผมโกหก

“เที่ยวทั้งที อย่าเอาแต่คิดนิยายสิ ทำใจให้ว่างแล้วสนุกไปกับมันดีกว่านะ” แบมบอกด้วยความหวังดี คงเป็นเพราะเห็นผมเครียดมาหลายวัน ไหนจะเรื่องงาน ไหนจะเรื่องพี่เจย์อีก แบมก็เลยอยากให้ผมได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ “นอนซะ เดี๋ยวถึงกระบี่เมื่อไหร่แบมจะปลุกอาร์ทให้เอง”

“อื้อ ขอบใจนะแบม จะหลับเดี๋ยวนี้แหละ” แล้วผมก็หลับตาลงด้วยความอ่อนเพลีย


...............................

ตอนแวะปั้ม ผมโดนน้องแบมเรียกไปคุยด้วย ไม่สิ เรียกผมไปต่อว่าซะจนออยต้องเข้ามาห้ามเอาไว้

“พี่ต้องรับผิดชอบอาร์ทด้วย ไม่งั้นผมเอาพี่ตายแน่!”

“เรื่องนั้นน้องแบมไม่ต้องห่วง พี่กล้าทำพี่ก็กล้ารับ” ผมพูดพลางมองอีกฝ่ายที่มองผมด้วยสีหน้าเกรี้ยวกราด ดูท่าแบมคงจะทนเก็บอารมณ์ไว้มานานพอสมควร แต่กลับมาระเบิดเอาวันนี้ โชคยังดีที่น้องอาร์ทไปเข้าห้องน้ำ ก็เลยไม่ได้มาเห็นผมกับแบมทะเลาะกัน “แต่พี่ขอเวลาหน่อย ขอให้พี่ได้ทำใจ...ลืมพีช”

พอผมพูดจบ แบมถึงกับทำหน้าตะลึง ดูท่ายังไม่รู้ว่าผมแอบชอบพีชข้างเดียว

“พี่เจย์...ชอบพี่พีชเหรอ”

“ใช่” ผมตอบเสียงเบา “แต่เขามีคนรักอยู่แล้ว พี่คงได้แต่ทำใจ”

แล้วน้องแบมก็ไม่ได้ถามอะไรผมต่ออีก เพราะโดนออยลากกลับไปนั่งรถ ส่วนผมนั้นก็เดินไปเข้าห้องน้ำก่อนจะเดินกลับไปนั่งรถต่อด้วยจิตใจห่อเหี่ยว แต่ทว่าพอกลับไปนั่งที่รถ ผมก็เห็นพีชกับอเล็กเซย์นั่งคุยกันอย่างสนุกสนาน ซึ่งมันทำเอาผมรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวจนต้องหลับตาลงเพื่อลบภาพเหล่านั้นออกไปจากหัว

ลบมันออกไปซะไอ้เจย์ ไม่งั้นมึงจะเจ็บไปจนตายแน่...


..............................

เมื่อถึงกระบี่แล้ว ทุกคนก็พากันลงจากรถตู้ ก่อนจะพากันเข้าไปพักในรีสอร์ท ซึ่งเป็นรีสอร์ทในความดูแลของอเล็กเซย์ (ผมได้ยินถึงกับตะลึง เพราะไม่คิดว่าอเล็กซ์จะรวยขนาดนี้)

“ใครอยากจะนอนห้องไหนก็เลือกได้ตามสบายเลยนะครับ” เจ้าของรีสอร์ทบอก ซึ่งทุกคนพยักหน้าก่อนจะพากันแยกย้ายเดินเข้าไปดูห้องพัก ทำให้เหลือแต่ผมกับอเล็กซ์ที่ยังคงอยู่ “มาทางนี้ดีกว่านะครับลูกพีช ผมจะมีอะไรให้ดู”

แล้วร่างสูงก็จับมือผมจูงเดินเข้าไปยังห้องหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พวกผมยืน เมื่อเข้าไปข้างในห้องแล้ว ผมแทบตะลึงเมื่อเห็นภายในห้องที่ถูกจัดอย่างสวยงาม พอมองออกไปนอกประตูบานกระจก ก็แลเห็นชายหาดทะเลสีขาวกับท้องทะเลอยู่ใกล้กับที่พักได้อย่างชัดเจน

“สวยไหมครับลูกพีช” คนรักถามพลางบีบมือผมเบาๆ “นี่เป็นห้องที่สามารถดูวิวได้สวยที่สุด ผมเลือกไว้ให้สำหรับคุณโดยเฉพาะเลยนะครับเนี่ย”

คำพูดของอเล็กซ์ทำเอาผมเริ่มรู้สึกผิด

นี่ถ้าอเล็กซ์รู้ว่าผมมีลูกกับเมย์ เขาจะรู้สึกยังไง...

“ลูกพีช คุณร้องไห้ทำไม!” เสียงอเล็กซ์ถามอย่างตื่นตระหนก ทำเอาผมที่กำลังครุ่นคิดถึงกับสะดุ้งตกใจ “เป็นอะไรไปครับ เจ็บตรงไหนบอกผมได้นะ”

ไม่พูดเปล่าอย่างเดียว กลับเอาลูบไม้ลูบมือสำรวจหาบาดแผลตามร่างกายผมอีกด้วย

“ไม่มีอะไรอเล็กซ์ ลูกพีชไม่ได้เจ็บตรงไหนเลย” ผมรีบตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว ทำเอาร่างสูงชะงักก่อนจะเงยหน้ามองผมด้วยความเป็นห่วง “ลูกพีชไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ ลูกพีชแค่รู้สึก...รู้สึกดีใจที่อเล็กซ์ให้ความสำคัญกับลูกพีชก็เท่านั้นเอง”

ยิ่งพูดน้ำตายิ่งไหล ทำเอาอเล็กซ์ที่มองผมอยู่ถึงกับสวมกอดทันที

“อย่าร้องนะครับที่รัก ยิ่งคุณร้อง ผมยิ่งรู้สึกเจ็บ ฉะนั้นอย่าร้องไห้อีกเลยนะครับลูกพีช ผมขอร้องล่ะ”

“อืม”

ผมตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ก่อนจะหลับตาโอบกอดตอบอีกฝ่ายอย่างเงียบๆ

ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากหยุดเวลาความสุขนี้ไว้นานๆ...

จะได้อยู่กับคุณแบบนี้ไปตลอด...


....................

 :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8
ตกลงว่ายัยเมย์เนี่ยท้องกะพีชจริงหรอ

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :mew5:  หน่วง

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ตอนที่ 17 จมน้ำ

....................

หลังจากตัดสินใจเลือกห้องแล้ว ผมก็ชวนแบมให้ไปนอนด้วยกัน ซึ่งอีกฝ่ายก็ยอมมานอนกับผมแต่โดยดี ก็เลยทำให้พี่ออยต้องหันไปชวนพี่เจย์นอนห้องเดียวกันแทน พอจัดสัมภาระเข้าตู้เสื้อผ้าแล้ว พวกผมก็พากันเดินออกมาที่ห้องรับแขก ก่อนจะเห็นพี่อเล็กเซย์นั่งกอดเอวพี่พีชที่บัดนี้ตาแดงก่ำอยู่บนโซฟาด้วยกัน

พี่พีชร้องไห้?

ผมครุ่นคิดในใจอย่างสงสัยแต่ก็ไม่กล้าถามกลับไป

“จะไปเล่นน้ำทะเลเลยหรือจะไปหาอะไรรองท้องก่อนดีกันล่ะครับ” อเล็กเซย์เป็นฝ่ายเปิดคำถามก่อน

“ผมว่าหาอะไรรองท้องก่อนดีกว่านะครับคุณอเล็กเซย์ เพราะนี่ก็เลยบ่ายมามากแล้วเดี๋ยวเวลาเล่นน้ำจะหิวกันจนเป็นลมเป็นแล้งไปซะก่อน” พี่ออยพูดตอบ

“เอาตามนั้นก็ได้ครับ” อเล็กเซย์ตอบ แล้วทุกคนก็พากันเดินตามอเล็กเซย์ไป (ส่วนเลขาเรย์เดินตามหลังพี่อเล็กเซย์อยู่ห่างๆ) เมื่อไปถึงร้านอาหารที่เป็นเพิงไม้แล้ว อเล็กเซย์ก็บอกให้ทุกคนสั่งอาหารได้ตามสบาย ซึ่งผมเลือกส้มตำไทยกับข้าวเหนียว เพราะนานๆได้กินที ส่วนคนอื่นก็สั่งคล้ายกับผม และกับอื่นๆอีกสามสี่ที่ผมไม่เคยกิน เมื่อกับข้าวพร้อมแล้วทุกคนก็เริ่มลงมือทาน ระหว่างทานไปนั้นพี่อเล็กเซย์กับพี่ออยก็ชวนคุยกัน มีบ้างที่หันมาคุยกับผม หรือไม่ก็แบม บางครั้งก็หันไปคุยกับพี่เจย์ แต่ดูเหมือนพี่เจย์ไม่ค่อยมีอารมณ์ที่จะตอบมากเท่าที่ควร ยิ่งโดยเฉพาะเวลาพี่อเล็กเซย์หันไปคุยกับพี่พีช ยิ่งทำให้พี่เจย์ทานข้าวได้ช้าลงกว่าเดิม ไม่นานนักพี่เจย์ก็วางช้อนส้อมลง ทำเอาทุกคนหันไปมอง “อิ่มแล้วเหรอครับคุณเจย์”

พี่อเล็กเซย์ถามพลางมองพี่เจย์อย่างสงสัย เพราะเห็นข้าวลดลงหน่อยเดียว

“ครับคุณอเล็กเซย์ พอดีผมกินขนมจากเซเว่นมาก่อนแล้ว ก็เลยไม่ค่อยหิว” พี่เจย์ตอบก่อนจะดันเก้าอี้ลุกขึ้นยืน “เดี๋ยวผมขอตัวไปเดินเล่นที่ชายหาดก่อนนะครับ”

แล้วร่างสูงก็เดินออกนอกร้านไป ซึ่งทำให้ผมรีบทานข้าวให้หมดก่อนจะแสร้งทำเป็นบอกทุกคนว่าขอออกมาเดินเล่นบ้าง เมื่อผมเดินออกมาข้างนอกแล้ว ผมก็รีบกวาดสายตาหาร่างสูงอย่างรวดเร็ว

พี่เจย์ไปเดินเล่นแถวไหนของเขากันนะ...

ผมครุ่นคิดในใจอย่างสงสัย ซึ่งผมใช้เวลาไม่นานนัก ก็หาพี่เจย์เจอจนได้ ร่างสูงนั่งห้อยขาอยู่บนโขดหินกำลังขว้างหินลงทะเลอยู่ ผมเห็นดังนั้นจึงเดินเข้าไปอย่างเงียบๆ

“ผมขอนั่งด้วยคนได้ไหมฮะพี่เจย์” ร่างสูงได้ยินก็เหลือบมามองผมก่อนจะหันกลับไปมองทะเลตามเดิม

“อืม” ร่างสูงตอบสั้นๆ ซึ่งทำให้ผมรีบหย่อนก้นนั่งลงข้างกายพี่เจย์ ทว่าผมไม่รู้จะพูดอะไรดี จึงได้แต่นั่งแกว่งเท้าไปมา “พี่ขอโทษนะ”

อยู่ๆร่างสูงก็พูดเกริ่นขึ้นมา ทำเอาผมที่กำลังแกว่งเท้าเล่นถึงกับชะงัก

“อะไรนะครับพี่เจย์ ผมได้ยินไม่ชัด”

“พี่ขอโทษ” ร่างสูงพูดโดยไม่มองหน้าผม “ขอโทษเรื่องที่ทำให้เราต้อง...”

แต่พี่เจย์พูดไม่จบ ซึ่งผมพอรู้ว่าพี่เจย์หมายถึงเรื่องอะไร

“เรื่องมันผ่านไปแล้วผมไม่คิดมากหรอกฮะ ผมยอมให้อภัยพี่” ผมตอบยิ้มกว้าง ซึ่งทำเอาร่างสูงถึงกับหันขวับมามองผมด้วยสีหน้าตกตะลึง เพราะก่อนหน้านี้พี่เจย์ได้พูดขอโทษผมแล้ว แต่ผมยังไม่ได้พูดให้อภัยกับพี่เขาเลย “พี่เจย์ก็แค่เมามากไปหน่อยจนทำอะไรไม่รู้ตัว แต่จะว่าไปตอนนั้นมันก็มืดมากเสียด้วย ผมไม่แปลกใจเลยที่พี่จะเข้าใจผิดคิดว่าผมเป็นพี่พีช จริงไหมฮะ”

“น้องอาร์ท”

“ส่วนครั้งที่สอง ผมก็ไม่ถือโทษโกรธพี่หรอกฮะ ก็เพราะผมไปยั่วพี่ก่อน”

“แต่นั่นมันเป็นเพราะยา...”

“ถึงจะเป็นยา แต่มันก็เป็นความเต็มใจของผมเอง” ผมตอบพลางถอนหายใจ ก่อนจะพูดต่อ “เพราะถ้าพี่เจย์ไม่ช่วย ผมก็คงทุกข์ทรมานไปเพราะเจ้ายาบ้านั่นแน่ แต่จะว่าไปผมก็ต้องขอบคุณพี่เจย์ที่ช่วยผมไว้นะฮะ เพราะถ้าไม่ได้พี่ ผมคงโดนรุ่นพี่คนนั้นข่มขืนไปแล้ว”

“น้องอาร์ท”

“เดี๋ยวผมต้องขอตัวก่อนนะฮะพี่เจย์ ว่าจะลองไปชวนแบมเล่นบานานาโบ๊ทซักหน่อย” พูดจบ ผมก็รีบลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินหนีพี่เจย์ไปโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันได้พูดอะไรต่อ


................

หลังจากรับประทานอาหารกันเสร็จแล้ว ออยก็ชวนแบมไปเดินเล่นข้างนอก ทำให้เหลือแต่ผม อเล็กซ์ และเลขาเรย์ยังคงอยู่ที่เดิม

“จะไปเล่นน้ำทะเลหรือเปล่าครับลูกพีช” อเล็กซ์หันมาถามในขณะที่ผมกำลังดื่มน้ำอยู่

“ไปสิอเล็กซ์” ผมตอบยิ้มๆ แล้วอเล็กซ์ก็หันไปพูดกับเรย์ซักสองสามประโยค ก่อนที่เลขาหนุ่มจะลุกขึ้นเดินออกจากนอกร้านไป “อเล็กซ์พูดอะไรกับเขาเหรอ”

“อ้อ ผมบอกให้เขาไปเช่าห่วงยางนะครับ”

“ห่วงยาง? ไปเช่ามาทำไมล่ะ” ผมถามกลับอย่างสงสัย

“ก็จะได้เอาไปเล่นน้ำยังไงละครับ” ร่างหนาตอบยิ้มๆ “ผมกลัวลูกพีชจะจมน้ำ ก็เลยคิดว่าไปเช่าห่วงยางมาให้”

“เฮ้ย ไม่ต้อง ลูกพีชว่ายน้ำเป็น” ผมแทบตกใจเมื่อได้ยินที่อเล็กซ์พูด เพราะตอนสมัยมัธยม ผมเป็นถึงนักว่ายน้ำของโรงเรียนตัวยง แต่เพิ่งจะมาเลิกว่ายก็ตอนเรียนจบมัธยมนี่เอง แต่อีกฝ่ายกลับทำหน้าบึ้งตึง

“ไม่ได้ครับ ถึงจะว่ายน้ำเป็นแต่ผมไม่ยอมให้ลูกพีชต้องเป็นอะไรไปอีกแล้ว” คำพูดของอเล็กซ์ยิ่งทำเอาผมรู้สึกผิดมากขึ้นกว่าเดิม แล้วอเล็กซ์ก็จูงมือผมเดินออกนอกร้านอาหารก่อนจะไปนั่งรอเลขาเรย์อยู่เก้าอี้ผ้าใบริมชายหาด นั่งไปได้ซักพักเลขาหนุ่มก็เอาห่วงยางมาให้ “ปะ ไปเล่นน้ำกันเถอะครับ”

แล้วร่างสูงก็คว้ามือผมจูงเดินลงน้ำ เมื่อลงน้ำแล้วอเล็กซ์ก็วางห่วงยางลงบนน้ำทะเลก่อนจะคว้าผมอุ้มขึ้นไปนั่งบนห่วงยางนั้น

“จะทำอะไรหรืออเล็กซ์” ผมถามกลับด้วยความมึนงง เพราะไม่ค่อยเข้าใจที่อีกฝ่ายทำ ส่วนอเล็กซ์เมื่อได้ยินที่ผมพูดถึงกับฉีกยิ้มให้ทันที

“เดี๋ยวก็รู้ครับ” แล้วอีกฝ่ายก็ตีขาว่ายน้ำทันที ในขณะที่ร่างสูงพาผมลอยน้ำ ก็ได้บอกให้ผมหลับตาด้วย ทำเอาผมกลัวแทบแย่ เพราะนั่งลอยน้ำอยู่บนห่วงยางนี่ครับ ไม่นานนักเสียงตีเท้าของร่างสูงก็หยุดลง “เอาล่ะ ทีนี้ก็ลืมตาได้แล้วครับ”

ผมได้ยินดังนั้นก็ค่อยลืมตาขึ้นมา ก่อนจะแลเห็นแสงสีเขียวระยิบระยับท่ามกลางความมืดมิด

“ว้าว! สวยจังเลย” ผมร้องอุทานเสียงดังพลางมองไปรอบๆอย่างตกตะลึง ซึ่งไม่ต้องถามก็พอรู้ว่าที่นี่เป็นที่ไหน

“ผมเห็นว่าที่นี่มีถ้ำสวยๆอยู่ ก็เลยพาลูกพีชมาดู เป็นไงบ้าง ชอบไหมล่ะครับ”

“อื้ม ชอบสิ ชอบมากเลย” ผมหันไปตอบอเล็กซ์ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองแสงสีเขียวอีกครั้ง ซึ่งทำเอาผมอดนึกถึงคุณพ่อคุณแม่เสียมิได้ “สมัยเด็กพ่อแม่เคยพาลูกพีชมาเที่ยวที่กระบี่ ตั้งใจว่าจะพาลูกพีชมาดูถ้ำหินย้อยด้วย แต่เผอิญว่าตอนนั้นลูกพีชยังเล็ก ว่ายน้ำไม่เป็น ก็เลยไม่ได้มา เลยตั้งใจว่าถ้าว่ายน้ำเป็นแล้ว จะมาดูพร้อมกับพ่อแม่อีก...แต่มัน...ไม่มีโอกาสแบบนั้นอีกแล้วล่ะ”

“ลูกพีช” เสียงทุ้มเรียกชื่อผมด้วยความเป็นห่วง

“ลูกพีชไม่เป็นไร ฮึก อเล็กซ์ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก” ผมพูดไปพลางยกมือขึ้นปาดน้ำตาตัวเอง ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้อีกฝ่ายเพื่อคลายกังวล “ลูกพีชอยากดูข้างในอีก อเล็กซ์พาลูกพีชเข้าไปดูข้างในได้ไหมครับ”

“ได้สิครับ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ”

แล้วร่างสูงก็ตีขาว่ายน้ำพาผมไปยังข้างในถ้ำต่อ

..........................

หลังจากเล่นบานานาโบ๊ทกับแบมกับพี่ออย(ส่วนพี่เจย์ก็มาเล่นด้วยเพราะถูกพี่ออยชวน)เสร็จ ผมก็ชวนแบมดำน้ำดูปะการังต่อ

“จะดำน้ำเหรอ พี่ไปด้วยคนสิ” พี่ออยบอกก่อนจะหันไปทางพี่เจย์ “เฮ้ยไอ้เจย์ ไปด้วยกันไหม”

“ฮึ ไม่เอาล่ะ กูเหนื่อย ว่าจะไปนอนหลับที่เตียงผ้าใบนะ เชิญเล่นกันได้ตามสบาย เสร็จเมื่อไหร่ก็ปลุกด้วยนะมึง” แล้วร่างสูงก็เดินกลับไปนอนบนเตียงผ้าใบ

“ปะอาร์ท ไปดำน้ำกัน” แบมสะกิดผมให้ไป

“อืม” เมื่อผม แบม และพี่ออยกำลังเตรียมอุปกรณ์ดำน้ำแล้ว ก็เห็นพี่อเล็กซ์ว่ายน้ำเกาะห่วงยางที่พี่พีชนั่งอยู่ลอยมาใกล้ๆ

“จะไปดำน้ำกันเหรอออย” พี่พีชถามในขณะที่จับมือพี่อเล็กซ์เพื่อจะลงจากห่วงยาง

“อืม จะไปด้วยกันไหมล่ะ” พี่ออยพูดชวนกลับไป แต่พี่พีชกลับส่ายหน้าปฏิเสธ

“ไม่ล่ะ เหนื่อยแล้ว ว่าจะไปนั่งพักซักหน่อย เชิญเล่นกันตามสบายเถอะ”

“อืม” แล้วทั้งคู่ก็เดินขึ้นน้ำไปด้วยพร้อมกัน ส่วนผมมองทั้งคู่แวบหนึ่งก่อนจะเดินลงน้ำตามแบมไป

....................

การมาเที่ยวครั้งนี้มันทำเอาผมรู้สึกหดหู่ใจที่ต้องมาทนเห็นทั้งคู่เล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน แต่ถึงกระนั้นผมก็รู้สึกยินดีที่ได้เห็นรอยยิ้มของพีชกลับคืนมาอีกครั้ง

Trr…

“ครับคุณแม่” ผมรับสายทันทีเมื่อเห็นว่าแม่โทรมา “พีชเหรอครับ สบายดีครับ คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วง ตอนนี้ผมกับเพื่อนๆพาพีชมาเที่ยวที่กระบี่ครับ ครับ…เรียบร้อยดีครับ สวัสดีครับ”

พอผมกดวางสาย เสียงข้อความก็ดังเข้ามาทันที ทำเอาผมมุ่นคิ้วก่อนจะกดเปิดดู

มาเจอกันที่ข้างนอกริมชายหาดตอนตีสอง มีเรื่องจะคุยด้วย

From.ลูกพีช


เมื่อเห็นข้อความบนมือถือแล้ว ทำเอาผมมุ่นคิ้วมากขึ้นกว่าเดิม แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ส่งข้อความถามกลับไป ผมก็ได้ยินเสียงคุ้นหูหวีดร้องขอความช่วยเหลือดังแว่วเข้ามา

“ใครก็ได้ช่วยด้วย อึก ช่วย…ด้วย!” พอเห็นหน้ากับมือที่โผล่เหนือน้ำเท่านั้นแหละ ทำเอาผมถึงกับผุดลุกจากเตียงผ้าใบทันที
 
น้องอาร์ท!

ผมรีบวิ่งลงน้ำทันทีโดยไม่ต้องคิดให้เสียเวลา ทว่าพอว่ายไปถึง ร่างของน้องอาร์ทก็จมลงไปต่อหน้าต่อตาแล้ว

“ฮ้า ฮึบ” ผมสูดลมหายเข้าใจเข้าไปเต็มปอดก่อนจะดำน้ำลงไปเพื่อตามหาตัวเล็ก ซึ่งใช้เวลาไม่นานนักก็พบจนได้ ผมรีบคว้าแขนบางขึ้นมาก่อนจะตีเท้าว่ายน้ำขึ้นมาสูดอากาศหายใจ พอขึ้นมาบนผิวน้ำแล้วผมก็ค่อยประคองศีรษะน้องพร้อมกับว่ายน้ำไปพลาง เมื่อขึ้นฝั่งแล้วผมก็อุ้มร่างบางลงพื้นทราย แน่นอนว่าทุกคนที่อยู่แถวนั้น รวมถึงออยกับน้องแบมด้วย ต่างพากันวิ่งกรูเข้ามาล้อมวงดู “อย่ามามุง ถอยไป!”

ผมตะโกนสั่งเสียงเดือดดาล ทำเอาไทยมุงทั้งหลายถอยห่างทันที พอทุกคนถอยห่างแล้ว ผมก็ใช้นิ้วอังจมูกร่างบางกับก้มลงเอาหน้าแนบกับหน้าอกร่างบางเพื่อตรวจดูชีพจร

ไม่หายใจ…แถมหัวใจก็ไม่เต้นด้วย!

พอคิดได้ดังนั้นผมก็รีบปั้มหน้าอกพร้อมกับผายปอดอย่างรวดเร็ว

“ฟื้นสิ ต้องฟื้นสิ!” ผมพูดไปปั้มหน้าอกไป ก่อนจะก้มลงผายปอดร่างบางไปด้วยพร้อมกัน ไม่รู้ว่าผมเป็นบ้าอะไร พอเห็นอีกฝ่ายไม่ฟื้นขึ้นมาซักที ทำเอาผมถึงกับใจหายวาบ “ฟื้นสิน้องอาร์ท ฟื้นสิ ฟื้นเร็วเข้า!!”

อย่าตายนะ ห้ามตายเด็ดขาด!!

บึก บึก บึก

ผมปั้มหน้าอกอยู่สองสามที ร่างบางก็ได้สำลักน้ำออกมา

“แค่กๆ”

“เย้!” ทุกคนที่ยืนเฝ้ามองอยู่ห่างๆ ถึงกับโห่ร้องด้วยความดีใจ ครั้นพอร่างบางปรือตาขึ้นมามอง เท่านั้นแหละ ผมถึงกับช้อนหลังร่างบางขึ้นมาสวมกอดอย่างรวดเร็ว โดยไม่แคร์สายตาคนที่จับจ้องเลยแม้แต่น้อย

“พะ…พี่เจย์?” ร่างบางเรียกชื่อผมด้วยความมึนงง ซึ่งผิดกับผมที่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ค่อยยังชั่ว ยังหายใจอยู่…

“อะแฮ่มๆ” เสียงกระแอมไอดังขึ้น “กูว่ามึงกอดพอได้แล้วมั้งไอ้เจย์”

ผมได้ยินดังนั้นก็คลายกอดร่างบางทันที พลางลุกขึ้นเดินไปหาคนพูดก่อนจะ…

ผัวะ!

“พี่ออย!” เสียงของน้องแบมร้องอุทานขึ้นเมื่อเห็นผมต่อยแฟนของตัวเองต่อหน้าต่อตา “พี่เจย์ทำอะไรนะ ต่อยพี่ออยทำไม!”

ผมไม่ตอบคำถามแบม เพราะถึงยังไงไอ้ออยมันก็รู้ดีว่าผมต่อยมันไปทำไม

“กูขอโทษ พอดีตอนนั้นกูมัวแต่ดำน้ำอยู่ ก็เลยไม่ทันเห็น” มันพูดขอโทษผม ความจริงก็ไม่ใช่ความผิดของมัน เพราะไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นได้ “ไอ้เจย์ กูขอ…”

“มึงไม่ผิดไอ้ออย กูตั้งหากที่ผิด ถ้ากูไม่นอนอยู่บนเตียงผ้าใบ เรื่องมันก็คงไม่เกิดขึ้น”

“ไอ้เจย์ มึง”

“พี่เจย์”

เสียงหวานเรียกชื่อผม ทำเอาผมหันกลับไปมองร่างบาง ซึ่งผมแค่มองแวบเดียวเท่านั้นจริงๆ ก่อนจะหันกลับแล้วก้าวเท้าเดินกลับเข้าที่พักไปอย่างเงียบๆ


....................

พอพระอาทิตย์ตกดิน ทุกคนมารวมตัวกันที่ห้องรับแขกอีกครั้ง

“ไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหมฮึเรา” ผมถามพลางสวมกอดน้องอาร์ทพร้อมกับลูบหัวด้วยความเป็นห่วงหลังจากได้ยินข่าวเรื่องการจมน้ำจากปากออย

“ครับพี่พีช ขอบคุณพี่มากที่เป็นห่วง ผมไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ” ตัวเล็กพูดพลางส่งยิ้มให้ผม ถึงแม้จะหน้าซีดไปหน่อย แต่ดูโดยรวมแล้วก็ถือว่าไม่เป็นอะไรมาก

“แล้วนี่เจย์ไปไหนล่ะออย” ผมถามต่ออย่างสงสัย

“อยู่ในห้องนอนนะ” อีกฝ่ายตอบเสียงแผ่วเบา

“เดี๋ยวผมไปเคาะประตูเรียกพี่เจย์ให้เองฮะ พวกพี่ๆก็ออกไปกินข้าวก่อนเถอะ” น้องอาร์ทพูดเสนอขึ้นมา

“เอาตามนั้นแล้วกัน แล้วรีบๆตามมาล่ะ”

“ฮะพี่พีช”

....................

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ตอนที่ 18 วันแห่งความสุข

................

หลังทานข้าวเย็นเสร็จแล้ว ทุกคนต่างแยกย้ายกันไปพักผ่อนตามอิริยาบถของตัวเอง ส่วนผมนั้นได้ถูกอเล็กซ์ชวนมาเดินเล่นย่อยอาหารแถวริมชายหาดทะเล ซึ่งมันช่างดูโรแมนติกไม่ใช่น้อย

“นั่งพักกันหน่อยดีไหมครับลูกพีช” ร่างสูงเอ่ยปากถามหลังจากพาผมเดินจูงมือเล่นกันได้ซักระยะแล้ว

“ก็ดีเหมือนกันอเล็กซ์” ผมตอบ แล้วอเล็กซ์ก็พาผมไปนั่งบนขอนไม้อันใหญ่ ก่อนจะนั่งลงข้างๆตาม

“ที่รักครับ” อยู่ๆร่างสูงก็เรียกผมขึ้นมา ก่อนจะหันหน้ามาทางทางผม แล้วยกมือขวาของผมขึ้นพรมจูบบนมือเบาๆ “คืนนี้ผม...ขอนะ”

ดูพูดเข้าสิ คนอะไรเอาแต่ใจจริงๆ...

“แต่ลูกพีชยังไม่พร้อม” ผมยังไม่พร้อมจริงๆ เพราะยังฝังใจกับวันที่คนร้ายเข้ามาจะข่มขืนผม

“แล้วเมื่อไหร่จะพร้อมละครับเมีย” เอาอีกแล้วล่ะครับ อ้อนอีกแล้ว

“ไม่รู้สิ” ผมตอบพลางหันหน้าหนี เพราะเล่นถูกจ้องตาตลอดเวลา “อเล็กซ์ เรามาเล่นก่อกองทรายกันเถอะ”

ผมพูดเปลี่ยนเรื่อง

“มันมืดแล้ว เล่นไม่ได้หรอกครับ” อเล็กซ์พูดพลางยกแขนโอบตัวผมให้เข้ามาใกล้ๆ “นะครับเมีย ผมจะทำแค่ครั้งเดียว”

เหอะๆ กลัวมันจะไม่ครั้งเดียวตามที่พูดเอาไว้นะสิ…

“นะครับเมีย” เล่นจ้องตาแบบนี้ อ้อนเสียงหวานแบบนี้ ใครจะกล้าปฏิเสธได้ลงคอ(?)

เอาก็เอาวะ…

“ก็ได้อเล็กซ์ เฮ้ย!” พูดยังไม่ทันจบ ผมก็ถูกอีกฝ่ายอุ้มท่าเจ้าหญิงทันควัน “เอาตอนนี้เลยเหรออเล็กซ์”

“ก็ใช่นะสิครับ หึๆ”

สุดท้ายผมก็ไม่รอดเงื้อมมือมารหื่น(?)

..............................

01.40 นาฬิกา

ผมมองหน้าคนรักที่นอนหลับตาพริ้มในอ้อมกอดของเขา ถ้าจะถามว่าตอนนี้ผมมีความสุขไหม ผมตอบได้เลยว่ามีความสุขมาก แต่มันเป็นความสุขในระยะแสนสั้น ถ้าให้เลือกได้ ผมอยากจะอยู่แบบนี้ไปตลอด ผมคิดได้ดังนั้นก่อนจะยกแขนหนาให้ออกจากตัว หลังจากนั้นก็ลุกขึ้นเดินเซไปอาบน้ำแต่งตัว เมื่อจัดการเรียบร้อยแล้ว ก็เดินออกมาอีกที เห็นอเล็กซ์ยังนอนหลับตาบนเตียงอยู่

คนอะไรก็ไม่รู้หล่อได้แม้กระทั่งตอนหลับ

ผมครุ่นคิดในใจก่อนจะเดินย่องออกนอกห้องไปอย่างเงียบๆ เมื่อออกจากที่พักแล้ว ผมก็เดินตรงไปยังที่ชายหาดเพื่อไปตามนัดกับคนที่ได้นัดไว้ ซึ่งพอถึงที่แล้ว ผมก็พบกับร่างสูงสวมเสื้อยืดสีขาวกางเกงผ้าฝ้ายสีน้ำตาลสวมรองเท้าแตะยืนกอดอกอยู่บนชายหาดทะเลทราย

เหมือนนัดชู้ออกมาเจอกันลับหลังผัวเลยวุ้ย

ผมคิดในใจอย่างขำๆ

“เจย์” ผมเรียกเขา ซึ่งอีกฝ่ายสะดุ้งตัวนิดหน่อย ก่อนจะหันกลับมามองผม “ขอโทษนะที่เรียกให้ออกมาตอนดึกๆ”

“อืม ไม่เป็นไร” ผมนิ่งเจย์ก็นิ่ง เพราะผมไม่รู้จะเริ่มต้นพูดยังไงดี อุตส่าห์คิดมาหลายวัน

“ออกมานี่ ไม่กลัวคุณอเล็กซ์ว่าเอาเหรอ” ร่างสูงโปร่งเอ่ยปากพูดขึ้นมาก่อน

“อืม ไม่กลัว เขาหลับไปแล้วนะ” ผมตอบพลางมองหน้าเจย์ “ว่าแต่เมื่อเย็น ช่วยน้องอาร์ทไว้เหรอ”

“อืม ใช่”

“ฮีโร่เชียวนะมึง” ผมพูดสัพยอก ซึ่งอีกฝ่ายได้แต่หัวเราะแห้งๆตอบกลับมา “กับคนนี้เอาจริงหรือเปล่า”

พอผมถามกลับไปเท่านั้นแหละ เจย์ถึงกับหยุดหัวเราะ ผมไม่ใช่คนโง่นะที่ดูไม่ออก เมื่อตอนบ่ายเห็นๆอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างทั้งคู่

“ไม่รู้สิ”

“เจย์” ผมเรียกชื่อเพื่อนห้วนๆ “อย่าปิดเลย ถ้าชอบก็บอก ไม่ต้องอาย ขนาดฉันยังบอกแกได้เลย”

“มันไม่เหมือนกัน”

“ไม่เหมือน? ไม่เหมือนยังไง” ผมถามกลับอย่างสงสัย

“ไม่เหมือนก็คือไม่เหมือน รีบเข้าเรื่องเถอะพีช ที่เรียกฉันมานี่ มีเรื่องอะไรจะคุยรึเปล่า” อีกฝ่ายจงใจเลี่ยงที่จะตอบ

“อืม มี” เมื่อเจย์ไม่อยากตอบ ผมก็ไม่คิดจะขัดศรัทธา “เจย์ ช่วยฉันหน่อยสิ”

“ช่วย? ช่วยอะไรเหรอ” แล้วผมก็เล่าในสิ่งที่ผมคิดมาหลายวัน พอผมเล่าจบ เจย์ถึงกับทำหน้าเครียด

“แน่ใจแล้วนะว่าคิดดีแล้ว” เจย์ถามผมย้ำอีกครั้งอย่างเป็นห่วง

“อือ แน่ใจแล้ว”

“ไม่เปลี่ยนใจแน่นะ” มันถามผมอีกครั้ง ซึ่งผมได้แต่พยักหน้าตอบ “โอเค ช่วยก็ช่วย”

“อืม ขอบใจนะเจย์”

“ไม่เป็นไร เพราะยังไงเรื่องของนายมันก็เรื่องของฉันแหละ” แล้วผมก็ขอตัวกลับไปนอนก่อน เพราะกลัวอเล็กซ์จะตื่นมาไม่เห็นผมขึ้นแล้วจะแย่

....................

เช้าวันรุ่งขึ้น ผมตื่นขึ้นมามองร่างบางที่นอนหลับตาพริ้มในอ้อมกอดตัวเอง ไม่ว่าจะมองมุมไหน ลูกพีชในสายตาผมก็ดูน่ารักอยู่เสมอ ผมมองไปพลางใช้มือเขี่ยเส้นผมที่ปรกตาร่างบางออกเบาๆ แต่กลับกลายเป็นว่าทำเอาคนรักได้ร้องครางฮือไม่พอใจที่ถูกรบกวนเวลานอน

เหมือนเด็กน้อยไม่มีผิดเลยครับเมียผม

ผมคิดในใจก่อนจะหอมแก้มคนรักเบาๆ ไม่อยากปลุกให้ตื่นตอนนี้ เพราะเมื่อคืนผมเล่นจัดซะหนัก เลยอยากให้พักเต็มที่ พอคิดได้แล้วผมก็ลงจากเตียงก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ เมื่อเรียบร้อยแล้ว ผมก็เดินออกไปข้างนอกห้องเพื่อดื่มกาแฟรองเท้าตอนเช้า โชคดีที่เช้านี้ยังไม่มีใครลุกจากห้องนอน มีเพียงคนหนึ่งที่ลุกขึ้นมาทำหน้าที่ของตัวเอง

“อรุณสวัสดิ์ครับท่าน” เลขาเรย์ผมเอ่ยปากทักทายผมในขณะที่สาละวนกับงานในครัว ไม่อยากบอกเลยว่าเลขาของผมคนนี้ใช้งานได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะทำอาหาร ซักผ้า กระทั่งรีดผ้าเย็บผ้าก็ยังเป็นเลยคิดดูสิ

“อืม อรุณสวัสดิ์” ผมตอบอย่างว่าง่าย ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ เมื่อผมนั่งแล้วเรย์ก็เอากาแฟมาเสิร์ฟผมอย่างรู้หน้าที่ดี “ขอบใจนะ ว่าแต่เรื่องที่ให้ไปสืบ ได้คืบหน้าไปถึงไหนแล้วล่ะ”

พูดจบ ก็ยกถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบนิดหน่อย ที่ผมถามเรย์คือเรื่องหาตัวคนร้ายที่คิดจะมาข่มขืนคนรักผมในโรงพยาบาล

“ตอนนี้ได้ตัวมันมาเรียบร้อยแล้วครับท่าน” มันต้องแบบนี้สิลูกน้องผม สั่งงานอะไรไปก็ได้กลับมาเป็นชิ้นเป็นอัน แต่บางอย่างไม่ได้ก็มี ซึ่งผมก็ไม่ได้คิดว่าอะไรอยู่แล้ว เพราะของมันพลาดกันได้ “ท่านจะให้ผมทำยังไงกับมันดีต่อครับ”

ผมมุ่นคิ้วครุ่นคิดในใจ นั่นสิ จะให้ทำยังไงดีต่อ

“ขังมันไว้ก่อน เดี๋ยวดึกๆฉันจะไปจัดการเอง”

“ครับท่าน” อีกฝ่ายตอบก่อนจะส่งจานที่มีปาท่องโก๋ให้ผม “ท่านครับ ผมมีเรื่องจะรายงานให้ท่านทราบครับ”

“หืม? เรื่องอะไรอีกล่ะ” ผมถามกลับอย่างไม่ใส่ใจ พลางหยิบปาท่องโก๋ขึ้นมาฉีกกินเล่น

“คือเมื่อเช้านี้ผมได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดแล้ว เอ่อ” ดูเหมือนเลขาจะพูดติดๆขัดๆ คล้ายกับเกรงใจอะไรบางอย่างแต่ไม่กล้าพูดออกมา

“ก็พูดมาสิ อย่าได้ชักช้า”

“ครับ” แล้วเรย์ก็เล่าทุกอย่างให้ผมฟัง ซึ่งทำเอาผมที่นั่งจิบกาแฟสบายๆ ถึงกับเครียดจนต้องวางถ้วยกาแฟลง

“ที่พูดมานะใช่แน่รึ ไม่ได้ตาฝาดนะเรย์”

“ครับท่าน ผมได้ตรวจสอบกล้องหมดทุกตัวแล้ว มันเป็นแบบนั้นจริงครับ” แล้วผมก็ไล่เลขาให้ไปทำอย่างอื่นต่อ ส่วนผมนั้นก็ได้แต่หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบนั่งครุ่นคิดในใจอย่างเงียบๆ


..................

ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็ไม่พบกับอเล็กซ์แล้ว

ไปไหนของเขา ไม่ยอมปลุกกันบ้างเลย

ผมคิดอย่างน้อยใจพลางลุกขึ้นเดินไปอาบน้ำ เมื่อเรียบร้อยแล้วผมก็เดินออกมา ก่อนจะเห็นคนรักกำลังนั่งไขว่ห้างในมือซ้ายถือบุหรี่อยู่บนเก้าอี้ไม้ข้างหน้าต่างที่ถูกเปิดอยู่

“ไปไหนมาเหรออเล็กซ์ ลูกพีชตื่นมาไม่เจอเลย” ผมถามพลางเดินเข้าไปหยิบเสื้อผ้าในตู้เสื้อผ้า แต่เมื่อเห็นว่าร่างสูงไม่ยอมตอบกลับมา จึงหันกลับไปถามอีกครั้ง “ไม่ได้ยินที่ลูกพีชถาม...”

“เมื่อคืนคุณออกไปไหนมาลูกพีช” อีกฝ่ายถามเสียงเข้ม ทำเอาผมถึงกับสะดุ้งตกใจ

“ใครไปไหน ลูกพีชเปล่านะ เมื่อคืนอเล็กซ์ก็รู้ว่าเราสองคน...”

“ผมรู้ว่าเราสองคนทำอะไร” อเล็กซ์พูดแย้งทันทีโดยไม่รอให้ผมพูดจนจบ ก่อนจะวางบุหรี่ลงบนที่เขี่ยบุหรี่ “แทนที่คุณจะเหนื่อยจากเมคเลิฟของผมแล้วหลับไป แต่คุณกลับเดินออกไปข้างนอกตอนกลางดึก”

“อเล็กซ์ ลูกพีชเปล่า...”

“คุณกำลังแก้ตัวรู้ไหมลูกพีช” คำพูดของอเล็กซ์ทำเอาผมถึงกับสะอึก “นี่ถ้าเลขาเรย์ไม่บอกผมเรื่องกล้องวงจรปิด ผมก็คงไม่รู้ ลูกพีช คุณออกไปทำอะไรข้างนอกกับเจย์มากันแน่ บอกผมสิ”

“ลูกพีช...ลูกพีช” ผมแทบหาคำแก้ตัวไม่ทัน เพราะไม่คิดว่าอเล็กซ์จะรู้เร็วขนาดนี้

“ผมเกลียดคนพูดโกหก เพราะงั้นรีบสารภาพกับผมมาซะดีๆ อย่าให้ผมต้องลงไม้ลงมือกับคุณ” ร่างสูงพูดเสียงเข้มพลางผุดลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้ามาหา ซึ่งทำเอาผมถึงกับเผลอเดินถอยหลังหนี ก่อนแผ่นหลังจะไปชนกับตู้เสื้อผ้า ทำให้ร่างสูงที่เดินตามมาใช้มือสองข้างยันตู้เสื้อผ้ากันผมไม่ให้เดินหนีไปไหน “ตอบมาสิลูกพีช ว่าคุณไปทำอะไรกับเจย์มาเมื่อคืนนี้”

“เอ่อ ลูกพีชไม่ได้ทำอะไร ลูกพีชก็แค่...”

“แค่? แค่อะไร” อเล็กซ์ถามซ้ำพลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้

“...แค่สงสัยเลยถามเจย์ว่าเจย์เป็นอะไรกับน้องอาร์ท...ก็เท่านั้นเอง”

“แค่นั้น?”

“อืม แค่นั้น”

“ไม่ได้มีมากกว่านี้แน่นะ” ร่างสูงถามย้ำอีกครั้ง

“อืม ไม่ได้มีมากกว่านี้ ถ้าอเล็กซ์ไม่เชื่อ ก็ลองไปถามเจย์ดูสิ” ผมพูดย้อนทั้งๆที่ใจเต้นสั่นระรัว เพราะถึงยังไงถ้าอีกฝ่ายไปถามเจย์จริง เจย์ก็ต้องตอบมาแบบเดียวกับที่ผมบอกอเล็กซ์ไปอย่างแน่นอน

“ตกลง ผมเชื่อคุณแล้วลูกพีช” ร่างสูงพูดก่อนจะเอามือที่ยันตู้ออก ซึ่งทำเอาผมถึงกับโล่งอก แต่แล้วกลับต้องสะดุ้งตกใจอีกครั้งเมื่ออเล็กซ์อุ้มผมขึ้นในท่าเจ้าหญิง “แต่ต้องมีลงโทษกันซักหน่อย เพราะคุณอยากแอบหนีออกไปข้างนอกโดยไม่บอกผมให้รู้เองนะครับที่รัก ฟอด!”

สุดท้ายผมก็โดนอเล็กซ์ลงโทษอยู่บนเตียงตั้งแต่เช้าจนยันเที่ยงแบบไม่มีพักเบรก...

.....................

พอตกบ่าย ผมก็เอ่ยปากชวนลูกพีชไปเดินเล่นตลาดนัดกันตอนเย็น ทีแรกอีกฝ่ายทำท่าอิดออดไม่อยากไป อ้างว่าเหนื่อย อยากพักผ่อน พอผมบอกว่าจะซื้อของที่ระลึกให้ ร่างบางถึงกับรีบตอบตกลงอย่างเร็ว (เด็กน้อยจริงๆเลยครับเมียผม) แล้วผมก็ปล่อยให้ลูกพีชนอนพักต่อ ส่วนตัวผมก็เดินออกมาข้างนอก แต่ทันทีที่ผมเดินออกมาจากห้อง ก็พบกับเจย์กำลังเดินออกมาจากห้องนอนของตัวเองอยู่พอดี

“ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ ออกไปข้างนอกกันหน่อยได้ไหมครับคุณเจย์” ผมเอ่ยปากชวนเสียงเรียบ

“แต่ผมไม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับคุณ” อีกฝ่ายปฏิเสธทันควันแถมทำท่าจะเดินหนีไปอีก

“ผมรู้นะว่าคุณกับลูกพีชออกไปเจอกันข้างนอกตอนตีสอง” พอผมพูดจบ อีกฝ่ายถึงกับหยุดชะงักเดินทันที “อย่าลืมสิว่าผมกับลูกพีชเป็นอะไรกัน คุณทำแบบนี้ก็เท่ากับคุณต้องการท้าทายผม”

เจย์ได้ยินที่ผมพูดถึงกับหัวเราะออกมาเบาๆ

“คุณขำอะไรคุณเจย์”

“ก็ขำคุณนะสิคุณอเล็กเซย์” อีกฝ่ายพูดไปยิ้มไปพลาง แต่เป็นรอยยิ้มแกมสมเพชเสียมากกว่า “ทั้งๆที่พีชเชื่อใจคุณ รักคุณยิ่งกว่าอะไรดี แต่คุณกลับทรยศความเชื่อใจพีชด้วยการมาถามผมเรื่องเมื่อคืนนี้”

ผมถึงกับกัดฟันเสียงดังกร็อดเมื่อได้ยินคำพูดดูถูกจากปากเจย์

“หึ แต่เรื่องเมื่อคืนคุณไม่ต้องเป็นห่วงไป เพราะผมไม่ได้แตะตัวพีชเลยแม้แต่น้อย” แล้วอีกฝ่ายก็เดินจากไป ทิ้งให้ผมยืนโมโหแต่เพียงผู้เดียว


.......................

ห้าโมงเย็น ผมถูกอเล็กซ์ปลุกอีกครั้ง ผมบอกตามตรงว่าโคตรเพลียเลยครับแต่ก็พอเดินไหวบ้าง พอใกล้เวลาจะไปตลาดนัดผมก็ได้เอ่ยปากขออเล็กซ์ว่าให้ชวนทุกคนไปด้วยกัน ซึ่งอีกฝ่ายยอมตกลง แต่มีข้อแม้ว่าถ้าเดินอยู่ในตลาดนัดแล้วให้แยกกลุ่มกันเดิน

“งั้นเอาเป็นว่าอีกชั่วโมงเจอกันที่เดิมนะครับ” อเล็กซ์บอกกับทุกคนหลังจากลงจากรถตู้กันเรียบร้อยแล้ว ซึ่งออย น้องแบม น้องอาร์ท และเจย์เลือกที่จะเดินไปด้วยพร้อมกัน เหลือแต่ผมกับอเล็กซ์ที่ยังคงอยู่ “ลูกพีชไม่ว่าอะไรนะครับ ถ้าผมจะให้เรย์คอยเดินตามหลังพวกเรามาด้วยนะ”

“อืม ลูกพีชไม่ว่าหรอก” แล้วร่างสูงก็จับมือผมออกเดินไปด้วยพร้อมกัน ตลอดเวลาที่เดินเบียดผู้คนที่มาเดินนั้นอเล็กซ์มักจะคอยโอบกอดผมให้เข้ามาใกล้ๆ เพื่อกันไม่ให้ใครมาเดินชนผมนั่นเอง

“ดูเสื้อตัวนั้นสิสวยจัง ขอลูกพีชเข้าไปดูหน่อยได้ไหมอเล็กซ์” ผมหันมาบอกกับคนรัก ซึ่งอีกฝ่ายพยักหน้าตอบยิ้มๆ แล้วผมก็เดินเข้าไปเลือกเสื้อผ้า ไม่นานนักก็ได้อยู่สองสามตัวก่อนจะทำท่าควักตังออกมาจ่าย แต่กลับชะงักเมื่อเห็นคนรักควักเงินออกจากกระเป๋าตังตัวเองแล้ว “เฮ้ยไม่ต้อง อันนี้ลูกพีชจ่ายเอง”

อีกฝ่ายทำหน้างงเมื่อเห็นผมพูดห้ามออกมา

“ถ้าอเล็กซ์เป็นคนจ่าย เสื้อผ้าที่ลูกพีชจะให้อเล็กซ์ก็เป็นหมันสิ” เท่านั้นแหละครับ ร่างสูงถึงกับยิ้ม ไม่เพียงยิ้มอย่างเดียว กลับโอบผมให้เข้ามาใกล้ก่อนจะหอมหน้าผากผมเบาๆ

จุ๊บ

“ขอบคุณนะครับที่รัก”

“คนบ้า...มาทำอะไรตรงนี้ก็ไม่รู้ คนเยอะน่าอายจะตายไป” ผมพูดเสียงเบาพลางหยิกต้นแขนอีกฝ่ายด้วยความเขินอาย แน่นอนว่าร่างสูงถึงกับหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นท่าทางเขินอายของผม พอได้เสื้อแล้วผมกับอเล็กซ์ก็เดินต่อ ยิ่งเดินก็ยิ่งมีของเต็มไม้เต็มมือ หลังจากเดินได้อยู่เกือบชั่วโมง อเล็กซ์ก็พาผมเดินย้อนกลับไปที่เก่ายังจุดนัดพบ ซึ่งตอนนี้พวกออยได้เดินกลับมายืนรอแล้ว “ว่าไง ได้ของเยอะไหมออย”

“ก็ได้เยอะเหมือนกัน ว่าแต่มึงเถอะ ได้ของเยอะเหมือนกันนี่” ออยถามย้อนเมื่อเห็นอเล็กซ์ถือถุงก็อบแก๊ปอยู่สามสี่ถุง

“ใช่แล้ว เยอะมาก แต่เสียดายที่ไม่ได้ของกิน” ผมพูดพลางทำหน้าง้ำงอ

“อ้าวทำไมไม่ซื้อมาละครับพี่พีช” แบมถามอย่างสงสัย

“ก็อเล็กซ์นะสิ บอกว่าของในตลาดดูไม่สดไม่สะอาด เลยไม่ยอมให้ซื้อ”

“ฮะๆ เอาน่าพีช อย่าคิดมาก รีบๆขึ้นรถเถอะ จะได้กลับไปเล่นประทัดด้วยกัน” ผมมุ่นคิ้วทันทีที่ได้ยินออยพูด ซึ่งอีกฝ่ายชูถุงให้ดู แลเห็นของจำพวกประทัดหลากหลายชนิดวางอยู่ในถุงเป็นจำนวนมาก

“เอาสิน่าสนุกดี อเล็กซ์ รีบกลับกันเถอะ ลูกพีชอยากเล่นประทัดจะแย่อยู่แล้ว”

“ครับๆ กลับก็กลับ” แล้วทุกคนก็พากันนั่งรถตู้กลับไปที่พักพร้อมกัน

..............

เมื่อกลับมาถึงที่พักแล้ว อเล็กซ์บอกว่าจะจัดงานปาร์ตี้เล็กๆ จึงไล่ให้ทุกคนไปอาบน้ำก่อน

“ไปอาบน้ำก่อนเลยนะครับที่รัก เดี๋ยวผมจะไปตามทีหลัง”

“อืม รีบๆมานะ” ผมบอก ซึ่งอีกฝ่ายพยักหน้าตอบก่อนจะไล่ให้ผมไปอาบน้ำ พอผมอาบน้ำเสร็จ ก็เดินกลับออกมาอีกที แต่ในขณะที่กำลังจะสวมเสื้อผ้าอยู่นั้นผมก็ได้ยินเสียงมือถือของตัวเองดังขึ้น พอผมเดินไปหยิบขึ้นมาดูกลับต้องมุ่นคิ้วด้วยความสงสัย เพราะหมายเลขที่โทรเข้ามันเป็นหมายเลขที่ผมไม่รู้จัก “ฮัลโหล?”

พอผมพูดเซย์ฮัลโหลไป ปลายสายที่ผมได้ยินกลับมานั้นทำเอาผมขบปากตัวเองด้วยความโมโห

“ที่ไหน?”

“.....”

“เดี๋ยวนี้เลยหรือ?”

“.....”

“แค่คนเดียว?”

“.....”

“ตกลงผมจะไป ห้ามทำร้ายเธอเด็ดขาดนะ” พอผมตกปากรับคำ อีกฝ่ายก็ตัดสายทิ้งไปดื้อๆ ผมวางมือถือตัวเองลงบนโต๊ะ เวลานี้จะช้าไม่ได้ สองชีวิตที่สำคัญสำหรับผมกำลังรอคอยผมให้ไปช่วยอยู่ พอคิดได้ดังนั้นผมก็รีบใส่เสื้อผ้าก่อนจะเขียนโน้ตทิ้งไว้บนโต๊ะกลมที่ตั้งอยู่ข้างเตียงนอน แล้วพุ่งตัวออกทางหน้าต่างอีกทางอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ว่าข้อความบนกระดาษที่ผมเขียนไว้ถูกลมพัดปลิวหล่นลงกับพื้นพรม ซึ่งแลเห็นข้อความที่ถูกเขียนขึ้นอย่างหวัดว่า

Help me!
 
...........................

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8
เจย์หรืออเล็กซ์ใครก็ได้ไปช่วยลูกพีชทีโดนยัยนั่น
หลอกไปทำร้ายอีกแล้วววว
ปอลอ ช่วงนี้คนเขียนมาบ่อยคนอ่านปลื้ม :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ตอนที่ 19 ความจำเสื่อม

...................................

ก๊อก ก๊อก

“ลูกพีชครับ อาบน้ำเสร็จแล้วหรือยังเอ่ย” ผมเห็นว่าลูกพีชอาบน้ำนานเกินไปแล้วจึงเดินกลับมาดูที่ห้องอีกครั้ง พอเคาะประตูเรียกแล้วไม่มีทีท่าว่าอีกฝ่ายจะส่งเสียงตอบ ไม่แน่ว่าลูกพีชอาจจะท้องเสียก็เลยเปิดประตูเข้าไปดูด้วยความเป็นห่วง ภายในห้องว่างเปล่า มีเพียงผ้าม่านถูกลมพัดเสียงดังพลิ้วไหวเบาๆ พอผมเดินไปทางห้องน้ำกลับพบว่าไม่มีร่างโปร่งอยู่เลยซักนิด ทำเอาผมรู้สึกใจคอไม่ดีรีบเดินออกมาจากห้องน้ำตะโกนเรียกคนรักทันที “ลูกพีชคุณอยู่ไหน! ลูกพีช”

เงียบ…

ผมไม่ยอมแพ้ เดินออกไปดูนอกชานเผื่อว่าร่างบางอาจจะแกล้งผมโดยไปซ่อนตัวที่ไหนซักแห่ง

แต่ก็ว่างเปล่า…

“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับคุณอเล็กซ์ เสียงดังไปถึงข้างนอกเชียว” เสียงเลขาเรย์ถามด้วยความสงสัย พร้อมกับพวกเจย์ที่เดินตามหลังมา ผมเห็นดังนั้นจึงหมุนตัวเดินไปกระชากคอเสื้อเจย์ที่ยืนอยู่หน้าประตู

“บอกมาเดี๋ยวนี้คุณเจย์ ลูกพีชไปไหน!”

“ก็พีชอาบน้ำอยู่ไม่ใช่รึไง” เจย์ถามกลับด้วยความงุนงง

“ถ้าอยู่ผมจะถามคุณทำไม?!”

“ว่ายังไงนะ?!”

“ลูกพีชหายตัวไป ไม่ได้อยู่ในห้องน้ำ” ผมกัดฟันบอกด้วยความเดือดดาล “บอกมาเดี๋ยวนี้คุณเจย์ ลูกพีชหายไปไหน ผมรู้นะว่าคุณรู้!”

“ผมไม่รู้!”

“โกหก!”

“ไอ้บ้า! กูจะไปโกหกมึงทำไม” อีกฝ่ายเริ่มพูดคำหยาบใส่ผม เพราะเห็นว่าผมพูดไม่รู้เรื่องแล้ว “คนที่จะต้องโกรธคือกู มึงไม่ดูพีชให้ดีๆ ทำไมปล่อยให้เขาหายไปได้ตั้งหาก!”

!!!!!!


.............................

ณ หน้าผาแห่งหนึ่งริมชายหาดทะเล

“ผมมาแล้ว ช่วยออกมาด้วย” ผมตะโกนบอกหลังจากเดินมาถึงแล้ว ที่ผมยอมมานี่ก็เพราะอีกฝ่ายพูดข่มขู่ว่าถ้าไม่มา เมย์กับลูกในท้องก็จะโดนฆ่าตาย “ผมมา…”

“พีช” เสียงหวานเรียกชื่อผม ทำเอาผมหันไปมองต้นเสียงก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายถูกคนแปลกหน้าสองคนจับตัวเอาไว้ และนอกจากนี้ยังมีอีกคนที่ผมคาดไม่ถึงว่าจะเป็นเธอ

“คุณจับเมย์ทำไมคุณดาริน”

“หึ อย่ามาแกล้งทำเป็นโง่หน่อยเลย สิ่งที่ฉันทำลงไปแกก็น่าจะรู้ดีนะ” ร่างสูงบางเหยียดยิ้มตอบ แน่นอนว่าผมไม่ชอบผู้หญิงคนนี้เอาเสียเลย ทำทุกอย่างเพื่อแย่งผู้ชายทั้งๆที่เจ้าตัวมีดีทุกอย่าง ไม่ว่าจะฐานะ การงาน หรือชื่อเสียง “ถ้าแกไม่อยู่ซักคน ฉันก็จะได้แต่งงานกับอเล็กซ์”

“คุณไม่มีสิทธิ์บังคับถ้าเขาจะเลือกใครมาอยู่เคียงข้าง” ผมเถียงย้อนกลับไป

“ทำไมจะไม่ได้ ในเมื่อฉันกับเขาเหมาะสมกันกว่ายิ่งกระไร” ดารินแสยะยิ้มตอบ “แกตั้งหากที่ไม่เหมาะกับเขา เป็นแค่คนธรรมดาแต่อยากอยู่กับมาเฟีย”

คำว่ามาเฟียทำเอาผมถึงกับมุ่นคิ้วด้วยความสงสัย

“ใครมาเฟีย?”

“ก็จะใครเสียอีกถ้าไม่ใช่อเล็กซ์”

!!!!!!

“จะบอกให้เอาบุญ อเล็กซ์เป็นมาเฟีย เบื้องหน้าเปิดบริษัทนำส่งไวน์ก็จริงแต่เบื้องหลังเขาทำงานค้าขายของผิดกฎหมาย ที่เขาคงปิดเรื่องนี้ไม่ให้แกรู้เพราะเห็นว่าไม่จำเป็น”

“ไม่จริง คุณโกหก”

“ฉันจะโกหกไปทำไมในเมื่อมันเป็นเรื่องจริง” ดารินยิ้มยกมุมปากตอบ “ถ้าไม่เชื่อก็ลองถามยัยนี่ดู เพราะใครๆก็รู้กัน มีแต่แกที่โง่ดักดานขายดอกไม้ไม่รู้เรื่องราวโลกภายนอก”

ผมได้ยินดังนั้นก็หันไปมองเมย์เพื่อคาดคั้นคำตอบ ซึ่งร่างบางเห็นผมมองอยู่ก็พยักหน้าตอบ

“คุณดารินพูดถูกพีช อเล็กซ์เป็นมาเฟีย”

!!!!!!

ผมแทบหน้าชาเมื่อได้รู้ความจริง เพราะไม่คิดว่าจะถูกอเล็กซ์ปิดบังเรื่องนี้ให้ผมรู้ แต่จะว่าอเล็กซ์ผิดก็ไม่ถูก ผมตั้งหากที่ผิด ผิดที่ไม่เคยรับรู้เรื่องโลกภายนอก เพราะมัวแต่ตั้งหน้าตั้งตาขายดอกไม้เพียงอย่างเดียว

“เห็นแก่หน้าแกที่ถูกอเล็กซ์หลอก ฉันจะให้โอกาสแกอีกครั้ง ถ้าอยากมีชีวิตอยู่ อยากกลับมามีร้านขายดอกไม้อีกครั้ง อยากให้ชีวิตเล็กๆที่ใกล้จะเกิดในนี้รอด ก็จงหายหน้าไปจากอเล็กซ์ซะ” อีกฝ่ายพูดข้อเสนอให้ผมฟัง ซึ่งไม่ต่างจากการข่มขู่เลยซักนิด “แต่ถ้าไม่ ยัยนี่ก็จะตายไปพร้อมกับลูกของแก จงเลือกเอา”

คำพูดของอีกฝ่ายทำเอาผมได้แต่เม้มปากด้วยความเจ็บใจ

“ว่ายังไงล่ะ จะเลือกทางไหน ฉันไม่มีเวลาให้แกมากหรอกนะ” ผมไม่มีทางเลือก เพื่อลูกตัวเองที่อยู่ในท้องและเพื่อชีวิตของเมย์ ผมจำต้องเลือกตอบอย่างจำใจ

“ตกลง ผมเลือกข้อแรก” คำตอบของผมทำเอาอีกฝ่ายยิ้มอย่างพอใจ

“ตอบได้ดี งั้นเดินมาเอายัยนี่ไป แล้วหลังจากนั้นแกจะหายไปไหนก็เรื่องของแก” ผมได้ยินดังนั้นก็เดินเข้าไปหาเมย์ตามที่อีกฝ่ายสั่ง ซึ่งพอผมจะเดินถึงตัวเมย์อยู่แล้ว อยู่ๆร่างบางกลับแผดเสียงร้องขึ้นมา

“อย่าเข้ามาพีชเขาจะฆ่าคุณ!”

“อะไรนะ?!”

ปัง!!

.................................

ปัง!!

เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัดหลังจากที่พวกผมได้วิ่งออกตามหาลูกพีชทันทีที่เห็นข้อความบนแผ่นกระดาษ มันเป็นข้อความขอความช่วยเหลือจากคนรัก ผมก็เลยสั่งให้เลขาเรย์ดูกล้องวงจรปิด ซึ่งพบว่าร่างบางได้วิ่งออกไปทางหน้าผาของริมทะเล พอไปถึงหลังจากสิ้นเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด ผมก็ได้ทันเห็นร่างบางถูกยิงหงายท้องร่วงหล่นลงหน้าผาไป แน่นอนว่าใจของผมตกไปถึงตาตุ่มรีบวิ่งไปที่นั่นอย่างรวดเร็วเพื่อช่วยคนรักของตัวเอง

“ไม่!!”

ระหว่างที่ผมวิ่งไปหาคนรัก ก็ได้มีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ซึ่งไม่ต้องบอกว่าเป็นฝีมือใครนอกเสียจากเลขาเรย์กับพวกลูกน้องของผมที่ช่วยกันยิงดารินกับลูกน้องของผู้หญิงคนนั้นที่คิดจะต่อสู้ ผมไม่รู้หรอกว่าผลมันออกมาเป็นยังไง เพราะมัวแต่วิ่งไปดู พอไปถึงก็ก้มลงมองดูเห็นแต่คลื่นซัดเข้าหาฝั่งอย่าบ้าคลั่ง ไม่มีแม้กระทั่งร่างที่ตกหล่นลงไป คาดว่าน่าจะจมลงไปในทะเลแล้ว ผมไม่รอช้ารีบถอดรองเท้าก่อนจะกระโดดลงไปช่วยโดยไม่คิดถึงชีวิตของตัวเอง กระแสน้ำทะเลอันเชี่ยวกราดแลดูน่ากลัวแต่ก็ไม่เท่ากับชีวิตของลูกพีชที่ผมกำลังจะเสียไป

รอก่อนนะที่รัก ผมจะไปช่วยคุณเดี๋ยวนี้แหละ!


...................

ลูกพีชถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลหลังจากอเล็กซ์ได้กระโดดลงไปงมช่วยชีวิต ถึงแม้จะช่วยปั้มหน้าอกกับผายปอดไปแล้ว แต่ก็ต้องพามาให้หมอช่วยรักษาอีกทีเพราะถูกยิงที่ท้อง ไหนจะบาดแผลที่ศีรษะอีก ซึ่งผมเดาว่าเจ้าตัวคงจะไปกระแทกกับโขดหินที่อยู่ใต้หน้าผาอย่างแน่นอน

“ฮึก…ฮือๆ หวังว่าพี่พีชจะไม่เป็นอะไรมากนะฮะพี่เจย์” น้องอาร์ทพูดกับผมด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เจ้าตัวร้องไห้มาตั้งแต่ทราบข่าวว่าพีชโดนยิง น้องแบมเองก็พอกัน เอาแต่นั่งร้องไห้กอดไอ้ออยอยู่อย่างนั้นไม่หยุด ส่วนอเล็กซ์นั้นหลังจากช่วยลูกพีชแล้วก็หายตัวไป ทิ้งให้ผมคอยเฝ้าดูเพราะเจ้าตัวมีเรื่องที่จะต้องไปสะสาง (คาดว่าน่าจะเป็นเรื่องยัยดารินแน่ครับ) แต่ผมไม่ใช่คนอ่อนโยน และยังเป็นห่วงร่างบางที่นอนผ่าตัดอยู่ข้างในห้องไอซียู จึงไม่ได้สนใจที่ปลอบน้องอาร์ทเลยแม้แต่น้อย “พี่เจย์ ฮึก ผมกลัว ฮึกๆ”

“หุบปาก!” ผมตวาดเสียงใส่ ทำเอาร่างบางถึงกับสะดุ้งตกใจ

“ไอ้เจย์ มึงจะตะคอกเสียงใส่น้องอาร์ทไปทำไมวะ” ออยหันมาว่าผมทันที

“จะนั่งเงียบหรือจะนั่งร้องไห้หรือจะอะไรก็ช่าง แต่อย่ามายุ่งกับกู!”

“ไอ้เจย์!”

“พี่ออยพี่เจย์อย่าทะเลาะกันเลยฮะ” แบมพูดห้ามทัพเพราะเห็นรปภ.เขม่นมาทางนี้ แต่ยังไม่ทันพูดอะไรออกมาอีก ประตูห้องไอซียูก็ถูกเปิด ทำเอาผมรีบถลาเข้าไปหาหมอที่เดินออกมาทันที

“คุณหมอครับ พีชเป็นยังไงบ้าง!”

“ตอนนี้คนไข้ปลอดภัยดีครับ หมอได้ทำการผ่าตัดเอากระสุนออกเรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องบาดแผลที่ศีรษะ หมอก็ได้เย็บเรียบร้อยแล้วครับ ที่เหลือก็รอให้คนไข้ได้ฟื้นตัวเอง” พอหมอพูดจบ ทำเอาทุกคนถึงกับหายใจโล่งคอ “ถ้าจะเยี่ยมคนไข้ กรุณาเข้าไปเยี่ยมทีละคนนะครับ”

แน่นอนว่าผมไม่รอให้หมอพูดจบ ผมรีบเข้าไปเยี่ยมก่อนใครเพื่อน พอเดินเข้าไปก็อดใจหายไม่ได้ที่จะได้เห็นภาพของพีชที่นอนบนเตียงในห้องไอซียูนี้เป็นครั้งที่สอง ซึ่งไม่ต่างจากครั้งแรกที่ตอนนั้นพีชประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตก และเป็นเพียงคนเดียวที่มีชีวิตรอดนับจากจำนวนผู้โดยสารบนเครื่องบินนับร้อย

“รีบฟื้นขึ้นมาไวๆนะลูกพีช เจย์มีเรื่องสำคัญจะบอก”

บอกความในใจของตัวเองให้พีชรู้ต่อให้ต้องโดนอีกฝ่ายตัดความเป็นเพื่อนก็ตาม!


...........................

กว่าจะเคลียร์เรื่องดารินกับลูกน้องที่โรงพักได้ก็ผ่านไปหนึ่งวันเต็ม เพราะชื่อเสียงของผมมันดังกระฉ่อน ทำอะไรนิดอะไรหน่อยก็เป็นข่าวไปเสียหมด หญิงสาวโวยวายเอาเรื่อง หาว่าผมเป็นคนใส่ความทั้งๆที่หลักฐานกับพยานก็พร้อมมูล ซึ่งแน่นอนว่าคุณพ่อทางฝ่ายดารินเข้ามาประกันตัวแต่ทางตำรวจไม่ยอม จึงได้แต่ต้องกลับไปบ้านเตรียมสู้คดีกับทางศาลภายหลัง แต่คาดว่าคงสู้ไม่ได้ครับ เพราะมีนักฆ่าที่เคยคิดจะข่มขืนลูกพีชได้สารภาพว่าถูกดารินจ้างวานให้ไปข่มขืนคนรักผม (นักฆ่าคนนี้เองที่ผมเป็นคนบอกให้เรย์จับขังเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับ) แถมพ่วงด้วยเรื่องคดีที่เผาร้านดอกไม้นั้น ลูกน้องที่เหลือของดารินได้สารภาพว่าดารินเป็นคนจ้างวานให้ไปทำ

“เดี๋ยวค่ะคุณอเล็กซ์เซย์” เสียงหวานเจื้อยแจ้วร้องทักในขณะที่ผมกำลังขึ้นรถเตรียมไปโรงพยาบาลเพื่อไปหาลูกพีชที่นอนอยู่ในห้องไอซียูอยู่ (ออยโทรมาบอกผมแล้วครับว่าลูกพีชปลอดภัยแล้ว แต่ยังไม่ฟื้นเท่านั้นเอง) พอผมหันไปมองก็พบว่าอีกฝ่ายเป็นอดีตคนรักของพีชที่ชื่อเมย์ “เมย์มีเรื่องจะคุยกับคุณ แฮ่กๆ”

“ถ้าคิดจะขอบคุณ ไปขอบคุณเมียผมดีกว่า เพราะเขาทำให้คุณรอดตาย” ผมพูดอย่างไม่ไว้หน้า เพราะอีกฝ่ายเป็นคนที่ทำให้ลูกพีชต้องถูกยิง แถมเจ้าตัวก็ได้สารภาพกับผมโดยตรงแล้วว่า ได้หลอกลูกพีชว่าตนเองท้องกับคนรักของผมทั้งๆที่เจ้าตัวไม่ได้ท้องเลยซักนิด (มิน่าล่ะ ช่วงนี้ลูกพีชถึงได้มีท่าทีแปลกๆ) ส่วนคนถูกผมว่าถึงกับสะอึก

“เมย์ขอโทษค่ะที่ทำให้พีชต้องได้รับบาดเจ็บ” ร่างบางก้มหน้าพูด คาดว่าคงกลัวที่จะมองหน้าผมตรงๆ “แต่เมย์ขอสารภาพว่าเมย์ไม่ได้ตั้งใจจะหลอกพีช เมย์ก็แค่กลัว…”

“ตาย”

“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ!”

“ไม่ใช่แล้วยังไงล่ะ” ผมเถียงย้อนกลับไปอย่างเย็นชา “ความจริงก็ย่อมเป็นความจริง คุณหนีมันไม่พ้นหรอก นี่ถ้าไม่ติดว่าคุณเคยเป็นคนรักของเมียผมมาก่อนแล้วล่ะก็ ผมเองก็จะเอาเรื่องคุณให้ถึงที่สุด โทษฐานที่คุณทำให้เมียของผมต้องถูกยิง เอาล่ะ มีอะไรก็รีบพูดมา ผมรีบ จะไปเฝ้าเมีย”

“คือเมย์อยากจะให้คุณช่วยดูแลพีชให้ดีๆหน่อยค่ะ เพราะเขาเป็นคนที่เมย์รักมาก”

“ถึงคุณไม่บอก ผมก็ดูแลเขาดียิ่งกว่าชีวิตของตัวเองอยู่แล้ว”

“แล้วอีกอย่างที่เมย์จะบอก…” ร่างบางพูดพลางเหลือบตาขึ้นมองผมอย่างกล้าๆกลัวๆ “…เมย์อยากให้คุณบอกความจริงกับพีชเรื่องที่คุณเป็น…มาเฟีย”

!!!!!!

ผมถึงกับอึ้งเมื่อได้ยินที่อีกฝ่ายพูด

“เมย์ยอมรับค่ะว่าเมย์ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะพูดเรื่องนี้ได้ แต่เมย์อยากให้คุณทราบเอาไว้ว่าโลกที่คุณอยู่นั้นมันแตกต่างกับโลกที่พีชอยู่” อีกฝ่ายบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ถ้าคุณรักพีชจริง คุณจะต้องวางมือจากวงการมาเฟียซะ แต่ถ้าไม่ คุณก็อย่าได้ลากพีชให้ตกต่ำไปมากกว่านี้เลยค่ะ”

แล้วร่างบางก็ก้มหน้าผมให้หนึ่งทีก่อนจะเดินจากไปอย่างเงียบๆ ทิ้งให้ผมยืนอึ้งอยู่อย่างนั้น


....................................

เมื่อผมนั่งรถยนต์มาถึงที่โรงพยาบาลแล้ว ก็ตรงดิ่งไปยังห้องพักพิเศษทันที (เห็นเรย์บอกว่าลูกพีชฟื้นแล้ว หมอก็ได้ย้ายลูกพีชไปพักห้องพิเศษแทนนะครับ) พอไปถึงก็เจอเจย์กับออยยืนทำหน้าเคร่งเครียดอยู่หน้าห้อง

“มัวทำอะไรอยู่ข้างนอก ทำไมไม่เข้าไปเฝ้าลูกพีชล่ะ” ผมถามด้วยความสงสัย ซึ่งเจย์หันหน้ามามองผมก่อนจะตวาดเสียงใส่ผมด้วยความเกรี้ยวกราด

“อยากรู้นักก็เข้าไปดูเองซะสิ!”

“ใจเย็นๆเจย์”

“ไม่ยงไม่เย็นแล้ว!” เจย์สะบัดแขนเพื่อนตัวเองที่เข้ามาจับไหล่ “เพราะมึงคนเดียว ถ้าไม่ใช่เพราะมึง พีชก็คงไม่ต้องมาเป็นแบบนี้”

“หมายความว่ายังไง? ผมไม่เข้าใจ”

“ผมว่าคุณเข้าไปดูกับตาเองเถอะ” ออยหันมาบอกผมก่อนจะดึงเจย์ให้หลบออกไปที่อื่น เมื่ออีกฝ่ายไม่ได้ให้คำตอบกับผมที่แน่ชัด ผมก็เลยรีบเดินเข้าไปดูด้วยความสงสัย ซึ่งพอเข้าไปข้างในห้องแล้ว ก็พบว่าร่างบางในชุดคนป่วยมีผ้าพันแผลพันอยู่ที่รอบศีรษะกำลังนอนลืมตามองโทรทัศน์อยู่เงียบๆเพียงลำพัง

ก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่นะ?

“ผมเป็นห่วงคุณแทบแย่เลยรู้ไหมครับลูกพีช" ผมพูดพลางเดินเข้าไปสวมกอดร่างบางทันที “ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีก มีอะไรก็ให้บอกผมก่อนรู้ไหมครับ”

ผมตัดสินใจแล้วว่าจะบอกเรื่องที่ตัวเองเป็นมาเฟีย และคิดจะวางมือจากวงการเพื่อลูกพีชด้วย เมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมพูดอะไรออกมา ผมก็เลยคลายกอดก่อนจะก้มมองคนในอ้อมกอดตัวเอง

“ว่ายังไงครับที่รัก ไม่คิดจะพูดกับผมซักคำหน่อย…”

“คุณเป็นใคร รู้จักผมด้วยหรือ”

!!!!!!


..........................

 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :sad4:  :o12:  :o12: เห้ยยยยยยย

ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8
เคราะห์ซ้ำกรรมซัดจริงๆพีชเอ้ยยย

ออฟไลน์ ฝัullล้วlv

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
เอาแล้วไง! ความจำเสื่อมแล้ววววว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด