เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น  (อ่าน 168074 ครั้ง)

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
ตอนเช้าตรู่ประมาณตีสี่ครึ่ง สมาชิกแก๊งค์รับลมหนาวต้องตื่นนอน ล้างหน้าแปรงฟันและใส่เสื้อกันหนาวพร้อมด้วยอุปกรณ์เพิ่มความอบอุ่นทั้งหลายเพื่อขึ้นรถไปที่จุดชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้น โดยที่นักท่องเที่ยวหลายกลุ่มก็เริ่มทยอยตื่นนอน จัดการทำธุระส่วนตัว เพราะต่างก็มีจุดหมายเดียวกันคือ มุ่งหน้าขึ้นดอยเพื่อชมปรากฏการณ์ธรรมชาติที่งดงาม ดังนั้นตลอดเส้นทางขึ้นไปสู่จุดชมวิวจึงมีรถหลายสิบคันวิ่งขึ้นตามกันไปเป็นขบวน

ฟ้าลั่นแทบจะต้องอุ้มภูผาที่เกลียดการตื่นนอนตอนเช้าอย่างที่สุดให้เดินมาที่รถ เพราะคนรักของเขาเล่นก้าวขาเดินแต่ดวงตาทั้งคู่ยังปิดสนิท ครั้นพอขึ้นรถได้ก็หลับสนิทลงบนตักของฟ้าลั่นอย่างรวดเร็ว จริงๆแล้วก็ไม่ใช่ภูผาเพียงคนเดียวที่มีอาการเช่นนี้ แทบจะทุกคนก็มีอาการเดียวกัน จนคนที่เป็นแฟนหรือคนที่แข็งแรงกว่าต้องคอยดูแลอยู่ไม่ห่างตลอดจากเริ่มต้นจนกระทั่งรถจอดสนิทที่จุดหมาย

“อืมมมมมมมมมมม.........ฟ้าลั่นนนนนนนนนน ถ้าพระอาทิตย์ขึ้นแล้วก็ปลุกด้วยนะ” ภูผาบอกฟ้าลั่นหลังทราบว่ารถจอดบริเวณจุดชมพระอาทิตย์เรียบร้อย หลังจากนั้นจึงหลับต่อไปอย่างรวดเร็ว

“พี่ฟ้าลั่นเมื่อยหรือป่าวครับ.....ให้พี่หมอกนอนหนุนตักผมก็ได้ครับ” จอมยุทธ์ถามด้วยความห่วงใย เพราะเห็นว่าภูผานอนหนุนตักฟ้าลั่นมาตลอดการเดินทางนับชั่วโมง

“ไม่เป็นไรหรอกจอม....ขอบใจมาก”ฟ้าลั่นกล่าวคำขอบคุณ....สำหรับฟ้าลั่นแล้ว...เขามีความสุขและเต็มใจที่จะเห็นภูผาหลับใหลอยู่ภายใต้การดูแลของเขาเอง

“หมอกคือดวงใจของฟ้าลั่น........เราจะดูแลดวงใจดวงนี้ให้มีความสุขตลอดเวลา” ฟ้าลั่นคิดในใจ ขณะก้มมองลงมาที่ใบหน้าสวยแม้ยามหลับสนิทของภูผา และใช้ฝ่ามือนุ่มของตนลูบไล้อย่างแผ่วเบาที่เรือนผมของคนรัก

ที่รัก.....ผมสัญญานะครับว่า.....จะมอบรักให้มิวางวาย
ที่รัก.....ผมสัญญานะครับว่า.....จะอยู่ข้างกายชั่วนิรันดร์

หลังจากชมพระอาทิตย์ขึ้นและดื่มด่ำกับภาพทะเลหมอกกว้างใหญ่สุดขอบฟ้า รวมถึงถ่ายรูปเพื่อเป็นที่ระลึกถึงความทรงจำที่ดีด้วยกันแล้ว ทั้งคณะก็เดินทางกลับมาที่บริเวณกางเต็นท์อีกครั้ง เพื่อเตรียมอาหารเช้า อันประกอบด้วย ข้าวต้มและยำกุ้งแห้ง ผักกาดกระป๋อง กุนเชียงทอด ไข่เจียวทรงเครื่องหมูสับ และตบท้ายด้วยผัดผักบุ้งไฟแดง

หนุ่มสาวรับประทานอาหารเช้ากันอย่างเอร็ดอร่อยเพราะเป็นเวลาเกือบสิบโมงเช้าแล้ว เนื่องจากขาลงมาจากบนดอยการจราจรคับคั่งมาก การเคลื่อนตัวของรถเป็นไปด้วยความล่าช้า หลังจากที่รับประทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อย ทั้งคณะก็เตรียมเดินทางกลับ โดยพร้อมใจกันสละสิทธิ์ย้อนขึ้นไปถ่ายรูปกับป้าย “สูงสุดแดนสยาม” เพราะล้วนเคยไปถ่ายรูปกันมาเรียบร้อยแล้วตั้งแต่เมื่อปีก่อนๆ

*****************************

นับตั้งแต่กลับมาจากฉลองปีใหม่บนยอดดอยสูง จอมยุทธ์ก็สังเกตเห็นภูผาแอบถอนหายใจ ทำหน้าเศร้า และดู.กังวล ตลอดเวลาในช่วงที่ฟ้าลั่นไม่อยู่ในห้องเพราะติดเรียนหนังสือ

“พี่หมอก...ไม่สบายใจอะไรหรือเปล่าครับ” จอมยุทธ์ตัดสินใจถามด้วยความห่วงใย ในตอนบ่ายวันหนึ่งหลังจากที่ทั้งคู่เรียนเสร็จเรียบร้อยแล้วและพากันกลับหอด้วยกัน

จอมยุทธ์ไม่เคยเห็นพี่หมอกผู้ร่าเริง.....ดูเศร้าและกังวลใจขนาดนี้ ซึ่งก็ถือว่าผิดปกติอย่างมาก

“เฮ้อ........”ภูผาถอนหายใจ ยกมือประสานที่ท้ายทอยและเอนหลังลงไปบนโซฟาตัวโปรด ก่อนบอกความในใจของตนให้กับจอมยุทธ์ได้ฟัง เพราะคิดเสมอว่าจอมยุทธ์คือน้องชายแท้ๆของตน

“พี่จะไปเรียนต่อที่อังกฤษน่ะจอม.........Host Family ที่โน่นเค้าจัดการให้พี่เกือบหมดแล้ว เหลือแต่ยื่นใบสมัครพร้อมกับทรานส์คริปก็เท่านั้น”

“แล้วพี่ฟ้าลั่นรู้หรือยังครับ” จอมยุทธ์รีบถามด้วยความสงสัยทันที เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องค่อนข้างใหญ่ทีเดียว

“ยังเลย.....พี่ไม่กล้าบอก.......” ภูผาถอนหายใจอีกครั้ง เขาหยุดการสนทนาไปชั่วครู่ แต่ในที่สุดก็กล่าวถึงสิ่งที่ครุ่นคิดอยู่ให้จอมยุทธ์ที่ยังคงนั่งฟังอยู่เงียบๆให้ทราบ

“จอมพี่บอกตามตรง.....พี่อยากให้ฟ้าลั่นเค้ามีอนาคตที่ดีกว่านี้....ให้สามารถสร้างครอบครัวของตัวเอง......ไม่ต้องมาหมดอนาคตอยู่กับพี่” เปลือกตาของคนพูดกระพริบปิดลงช้าๆ ไล่น้ำตาที่เอ่อล้นออกมาให้หายไป.....เขากำลังเศร้ากับความเป็นจริงที่ว่า ....ความรักของผู้ชายสองคนในโลกแห่งปัจจุบัน......มันดูไร้ซึ่งอนาคตที่มั่นคงเสียเหลือเกิน

“แล้วพี่ไม่รักพี่ฟ้าลั่นเหรอครับ” จอมยุทธ์เดินมานั่งลงใกล้ๆ ผู้เป็นพี่ชาย

“รักซิจอม......พี่รักมากเลยแหละ แต่พี่ก็อยากให้คนที่พี่รักมีครอบครัวที่อบอุ่นในอนาคตนะ”

“ผมว่า....มันก็อาจจะถูกในมุมมองของพี่นะครับ....แต่พี่ฟ้าลั่นเค้าจะยอมหรือเปล่าล่ะครับ.......บางทีพี่เค้าอาจเข้าใจผิดไปว่า พี่หมอกกำลังดูถูกความรักของเค้า........ผลักไสไล่ส่งเค้าไปหาคนอื่น” จอมยุทธ์หยุดนิดหนึ่ง หันหน้ามาสังเกตปฏิกิริยาของคนฟัง แล้วจึงพูดต่อ

“ตอนนั้นพี่เค้าอาจโมโหและอาละวาดขึ้นมาก็ได้นะครับ.......ทางที่ดีพี่หมอกควรบอกพี่ฟ้าลั่น... ให้พี่เค้าตัดสินใจเองดีกว่าครับ.....ว่าจะทำอะไรกับอนาคตของตนเอง” จอมยุทธ์พูดราวกับเป็นผู้ใหญ่ที่สั่งสอนเด็กอายุน้อยกว่า

“พี่กลัวนะจอม” ภูผายังคงพูดต่อ

“ผมทราบครับ.....ว่าพี่กลัวว่าพี่ฟ้าลันจะทิ้งพี่ไปจริงๆอย่างที่พี่ให้โอกาส....ใช่มั้ยละครับ....พี่หมอกรักพี่ฟ้าลั่นมาก ผมก็ทราบ.....แต่ใครจะรู้ล่ะครับ.....ว่าพี่ฟ้าลั่นจะตัดสินใจอย่างไร......ถ้าพี่หมอกไม่ถาม”

“บางที อุปสรรคนี้มันอาจเป็นสิ่งพิสูจน์ความรักครั้งใหม่ของพี่ทั้งสองคนก็ได้ครับ”จอมยุทธ์สรุปให้ฟัง พร้อมทั้งจับมือของภูผาเพื่อถ่ายทอดกำลังใจให้พี่ชายที่ตนเองรักและเคารพคนนี้..... คนที่บางครั้งก็ดูเป็นผู้ใหญ่ และคนที่บางครั้งก็ดูเป็นเด็กเสียยิ่งกว่าเขาเสียอีก

“ขอบใจจอมมาก...ที่ให้กำลังใจพี่” ภูผากล่าวคำขอบคุณ เขายังคงนั่งนิ่งไปอีกซักพัก จนกระทั่งเริ่มอารมณ์ดีขึ้นมาเรื่อยๆ เพราะได้ระบายความกังวลที่มีให้จอมยุทธ์ได้ทราบ

“แล้วใครสอนให้พูดแบบมีหลักการขนาดนี้อ่ะ.......แปลกจริงๆ.....ดูมันขัดๆกับจอมยังงัยก็ไม่รู้”ภูผายิ้มได้ และ
เริ่มพูดหยอกล้อจอมยุทธ์

“แหมพี่หมอกล่ะก็.......ผมนายจอมยุทธ์ พัฒนประสาทศิลป์ นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ เกรดเฉลี่ยสามจุดห้าศูนย์ เนี่ยโตเป็นผู้ใหญ่แล้วครับ ........ แถมหล่อมากเสียด้วย.......สาวๆและหนุ่มๆติดกันตรึม....เรื่องพูดแค่นี้เล็กๆ ” จอมยุทธ์พูดพร้อมกับรอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าที่หล่อเหลาอย่างที่เจ้าตัวอ้าง
 
“ผมว่าทางที่ดี พี่หาโอกาสบอกพี่ฟ้าลั่นเร็วๆดีกว่าครับ อย่าให้พี่เค้าจับได้เอง......เดี๋ยวจะลำบากครับ” จอมยุทธ์เตือนตบท้าย ก่อนจะขออนุญาตออกไปทำธุระข้างนอก ปล่อยให้พี่ชายคนดี คิดหาข้อสรุปกับอนาคตของตน แม้เขาจะรู้สึกเป็นห่วง แต่ก็ตระหนักว่า เวลานี้ภูผาคงจำเป็นต้องเตรียมตัวให้พร้อมกับการตัดสินใจบางอย่างด้วยตนเอง

“อืม.....ไปเถอะ...ระวังตัวด้วย...พี่เป็นห่วงนะ”ภูผารับคำพร้อมพยักหน้าเบาๆ

*******************

หลังจากจอมยุทธ์ออกจากห้องไปไม่นาน....ฟ้าลั่นก็กลับมาจากเรียนเสร็จ ภูผาจึงเอ่ยปากชวนเขาไปเดินเล่นที่สันอ่างแก้ว เพื่อบอกเรื่องการเรียนต่อให้ทราบ

ท้องฟ้ายามอาทิตย์จะลับขอบฟ้า ณ บริเวณสันอ่างแก้วดูหงอยเงายิ่งนัก....สองหนุ่มเดินคู่กันช้าๆ ไปเรื่อยๆ บนทางเดินเรียบริมน้ำ

“ฟ้าลั่น....เรามีเรื่องจะคุยกับฟ้าลั่นน่ะ” ภูผาเป็นฝ่ายพูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบที่เกิดขึ้น ขาทั้งสองข้างยังเดินก้าวต่อไป แต่ทว่าลดจังหวะช้าลง

“อืม....นึกว่าจะไม่บอกเราเสียแล้ว...... ฟ้าลั่นรู้นะว่าหมอกไม่สบายใจ......เราสังเกตเห็นมาตั้งแต่กลับจากบนดอยแล้ว......เราก็ได้แต่รอว่าเมื่อไหร่หมอกจะบอกเรา......บางทีเราก็น้อยใจนะว่าเหมือนกับหมอกไม่รักเรา เลยไม่อยากบอกความในใจให้รับรู้” ฟ้าลั่นเบาเสียงลง ความน้อยใจนั้นยังคงไม่จางหายไปน้ำเสียงนุ่ม

“เปล่านะฟ้าลั่น.....เรารักนายที่สุด รักยิ่งกว่าใครๆ แต่เรากำลังสับสน......เราไม่อยากให้นายต้องมาเสียอนาคตอยู่กับเรา” ภูผารีบบอก

“เราไม่เข้าใจน่ะ หมอก.....ตกลงเรื่องมันเป็นอย่างไร” ฟ้าลั่นตั้งประโยคคำถามขึ้นทันที

“เอ่อ......คือ.......หมอกจะไปเรียนต่อที่อังกฤษ ตอนนี้ Host Family เค้าจัดการให้เรียบร้อยเหลือแต่ส่งใบสมัครและก็ทรานส์คริปไปทางมหาวิทยาลัย รวมถึงเตรียมตัวอีกนิดหน่อย” ภูผาถอนหายใจ....ครั้งนี้เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ว เขาก็ไม่อาจทราบได้

“เราเลยไม่อยากฉุดรั้งฟ้าลั่นไว้.....เราอยากให้ฟ้าลั่นมีครอบครัวที่ดีในอนาคตน่ะ ......ไม่ใช่มาจมอยู่กับเรา” ในที่สุดภูผาก็พูดประโยคที่ร้าวรานหัวใจนี้ออกมาจนได้

ฟ้าลั่นยืนนิ่ง.....หลังจากรับฟังสิ่งที่คนที่ตนเองรักที่สุดกล่าวออกมา....เขารู้สึกเหมือนของแข็งกระทบเข้าที่หัวใจอย่างรุนแรง......ตามมาด้วยความสับสนและมึนงง .......ฟ้าลั่นเสียใจ ที่ภูผาดูถูกความรักที่เขามอบให้มาตลอดเวลา

“ทำไมหมอก คิดอย่างนั้น.......หมอกกำลังดูถูกความรักของเราอยู่นะ.......” คำพูดอีกหลายประโยคยังติดอยู่ในอกอันร้าวราน...ยากที่จะถ่ายทอดออกมาอย่างต่อเนื่อง

หัวใจเจ้าเอย.....เจ้าเจ็บปวดใช่ไหม
หัวใจเจ้าเอย.....เจ้าร้าวรานเยี่ยงไร....ใครจะรู้
หัวใจเจ้าเอย.....เจ้าไม่มีค่าเลยใช่ไหม.....ที่คงอยู่
หัวใจเจ้าเอย....เจ้าจะทนสู้.....หรือจากไป



“หัวใจของเรามันไม่มีค่าขนาดที่หมอกจะทิ้งไปเชียวเหรอ” ฟ้าลั่นคร่ำครวญ ขยับจะหันหลัง ก้าวเท้าเดินหนีไป...แต่สุดท้ายก็หยุดนิ่ง....เพราะสัญญาที่เคยให้ไว้กับปรากฏขึ้นมาในดวงใจที่ปวดร้าว

“เราจะไม่หนีแล้ว.....เราจะอยู่กับนาย......”ประโยคที่ฟ้าลั่นบอกกับภูผาที่ม่อนเอื้องดอย ขณะที่ภูผาร้องไห้ในอ้อมกอดของตน หลังจากทราบความในใจของภูผาว่ารักเขาเช่นกัน

“เปล่านะฟ้าลั่น.....เพราะเรารักฟ้าลั่นมากที่สุดต่างหาก เราเลยอยากเห็นฟ้าลั่นมีอนาคตที่ดี...มีครอบครัวที่อบอุ่น” ภูผารีบบอกอย่างรวดเร็ว....เวลานี้เขาก็เจ็บปวดไม่ต่างอะไรกับชายหนุ่มตรงหน้า....ฟ้าลั่น....ผู้เป็นที่รักยิ่ง

“หมอก....เรารักนายมากนะ....เราไม่มีวันที่จะทิ้งนายไปหรอก......สิ่งเดียวที่ทำให้เราพรากจากนายคือ........ความตายเท่านั้น......เราจะตามนายไปทุกที่...ทุกแห่งที่นายไป....เราจะไปอังกฤษกับนาย” ฟ้าลั่นพูดช้าๆ บอกการตัดสินใจที่แน่วแน่และมั่นคงให้ภูผาได้รับฟัง....การตัดสินใจที่มาจากพื้นฐานของความรัก...ที่ฝังแน่นอยู่ในหัวใจของชายหนุ่มคนหนึ่ง....ที่มอบให้กับคนที่อยู่ตรงหน้าเขา....ด้วยความภักดี

“แต่พ่อแม่ของนายล่ะ จะรับความรักของเราได้เหรอ.....ท่านคงผิดหวังในตัวนายมากนะ” ภูผาก้าวเดินมาใกล้ๆ จับมือฟ้าลั่นขึ้นมาแนบไว้กับฝ่ามือที่บอบบางทั้งสองข้างของตน

“ตราบใดที่หมอกยังรักเรา.....และสัญญาว่าจะไม่ทิ้งเราไปไหน.....เราก็ยินดีจะฝ่าฟันปัญหานี้.....เพื่อพิสูจน์ว่า เรารักหมอกขนาดไหน” ฟ้าลั่นบอกความตั้งใจของตน ดวงตาหวานซึ้งของฟ้าลั่น ถ่ายทอดความตั้งใจอย่างแน่วแน่ให้ภูผาได้รับรู้ กำลังใจที่ส่งผ่านฝ่ามือของกันและกัน ช่วยให้ทั้งสองหนุ่มได้ข้อสรุปของหัวใจ

“เราสัญญาฟ้าลั่น...เราสัญญาว่าจะไม่คิดหนีไปไหนอีก.......และเราก็พร้อมเสมอ...ที่จะร่วมเป็นกำลังใจและฝ่าฟันอุปสรรคไปด้วยกัน โดยเฉพาะในวันที่นายต้องบอกเรื่องราวของเราให้พ่อกับแม่ของนายได้รับรู้” ภูผารับปากพร้อมให้คำมั่นสัญญา

“ดี.............อย่างนั้นไปกันวันนี้เลย.....ไปจัดการเรื่องทุกอย่างให้มันจบสิ้น.....วันนี้วันศุกร์พอดี......อีกอย่างเราต้องรีบแล้ว เพราะต้องเตรียมตัวไปเรียนพร้อมกับหมอกให้ได้” ฟ้าลั่นตัดสินใจอย่างเร่งด่วน เขาต้องการกลับไปบ้านในวันนี้ เพื่อพูดคุยกับบิดาและมารดาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขากับภูผา....คนที่ครอบครองหัวใจทุกห้องของเขาในเวลานี้

ฟ้าลั่นพร้อมแล้วที่จะทำให้สัญญาของเขาเป็นจริง

“แล้วเช้าวันเสาร์ก็ไปคุยกับแม่และคุณยายของหมอกเลย” ฟ้าลั่นวางแผนต่อ

“จัดการทีเดียวให้เสร็จสิ้น....เราไม่อยากถ่วงเวลาออกไปอีกแล้ว....อะไรจะเกิดก็คงต้องเกิด...ถึงอย่างไรเราก็ไม่มีวันจะทิ้งนาย หรือปล่อยให้นายทิ้งเราไปไหนเด็ดขาด” แม้ว่าจะเป็นการตัดสินใจที่กะทันหัน แต่ทว่ากลับเด็ดเดี่ยวยิ่งนัก...ฟ้าลั่นกระชับฝ่ามือแข็งแรงของตนเข้ากับฝ่ามือของภูผา เพื่อถ่ายทอดกำลังใจให้กันและกัน ให้ก้าวชนกับอุปสรรคครั้งใหญ่นี้

ด้วยเวลาที่เหลืออยู่ไม่มาก ทั้งคู่จึงตัดสินใจตรงไปยังสนามบิน ซื้อตั๋วเครื่องบินกลับกรุงเทพฯอย่างเร่งด่วน เพื่อไปพบบิดามารดาของฟ้าลั่น โดยไม่ลืมที่จะโทรบอกจอมยุทธ์ให้ทราบ เพื่อจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะทั้งสองคนคงจะไม่กลับไปนอนที่หอพักตลอดสุดสัปดาห์นี้

........เส้นทางรัก....มักดูสวยงาม.....แต่ก็เต็มไปด้วยอุปสรรค...เสมอ
........คงเหมือนดอกกุหลาบสวย....สีแดงสด...ที่มีหนามแหลมคอยทิ่มแทง........ผู้ครอบครอง
........ไม่มีอะไรดีไปกว่า.....กำลังใจ....และความเข้าใจ....ของคู่รัก
........ที่จะเป็นพลังกำจัดอุปสรรคนั้นให้ออกไป...สรรค์สร้างทางเดินรัก....ให้งดงาม

........หากวันใดที่หัวใจสอดประสานกัน.....เส้นทางรักนั้น...จะยืนยาว....โลดแล่นไป
........แม้มิทราบว่า....เส้นทางนั้น.....จะไปบรรจบ ณ จุดใด
........แต่หากว่า....อดีตที่ผ่านมา....ล้วนมีแต่ความสุข....ความเข้าใจ...และน่าจดจำ
........แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะกล่าวว่า.....นี่แหละ....ความสุขแห่งรัก....และความสุขที่ได้รัก.....

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
ว้าวววววววววววววววววว

สองตอนติดกันเลย


ดีใจจัง :like2:


แล้วก็ลุ้น และ รอต่อไป


พูห์ :yeb:

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
........เส้นทางรัก....มักดูสวยงาม.....แต่ก็เต็มไปด้วยอุปสรรค...เสมอ
........คงเหมือนดอกกุหลาบสวย....สีแดงสด...ที่มีหนามแหลมคอยทิ่มแทง........ผู้ครอบครอง
........ไม่มีอะไรดีไปกว่า.....กำลังใจ....และความเข้าใจ....ของคู่รัก
........ที่จะเป็นพลังกำจัดอุปสรรคนั้นให้ออกไป...สรรค์สร้างทางเดินรัก....ให้งดงาม

อารายจารักกันขนาดนี้................ :impress3:
         
                  ตั้งตารอต่อไป............... :impress:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
ซาบซึ้ง  รักกันจริง ๆ เรื่องนี้ดี  ตัวละครมีเหตุผลดี  ชอบจัง  น่ารักทั้งคู่เลย  อิอิ   :impress2:

รออ่านต่อ  :impress:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
หมูพูห์  อ่านไหวป่าว ไม่ไหวบอกนะ เอิ้กๆ เพราะคุณแอนเดรีย ก็ป่วยอยู่เพิ่งฟื้น แถมเร่ง rewrite ให้เพื่อนๆอ่านที่นี่ที่เดียวเลยนะครับนี่
ผมเกรงใจสุดๆเลย
  :myeye:
][GobGab][  ความรักก็ต้องมีมุมที่สวยงาม เพียงแต่หาให้เจอคนที่เรารักเขา และเขารักเรา  :monkeylove2:

มูมู่น้อย  ความรัก ก็ต้องการความเข้าใจกันเพื่อรักษามันไว้ให้ยืนนาน มีอะไรก็คุยแบบดีๆเปิดใจคุยกันดีกว่าเนอะ  :love2:



บทที่ 14 ครอบครัว....คือรักและเข้าใจ

“อ้าว...ฟ้าลั่น.......ทำไมลูกกลับบ้านกะทันหันแบบนี้ล่ะ นี่ก็ดึกมากแล้ว....ไม่เห็นโทรมาบอกพ่อกับแม่ก่อนเลย” เสียงของบิดาเอ่ยทักทายบุตรชายที่เดินเข้ามาในห้องรับแขก ด้วยอาการแปลกใจในการปรากฏตัวอย่างไม่คาดฝันเช่นนี้

บิดาของฟ้าลั่น หรือ นายแพทย์ศิลป์กวี เป็นชายในวัยเกือบห้าสิบที่ยังดูหนุ่ม ผู้มีเรือนร่างที่แข็งแรง สูงใหญ่ ปราศจากไขมันพอกพูนตามลำตัวแต่อย่างใด

เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากบิดาที่มีเชื้อสายแขกขาวจึงทำให้โครงหน้าและรูปร่างของนายแพทย์ศิลป์กวีมีลักษณะที่คมคายและโดดเด่นกว่าบุคคลทั่วๆไป ประกอบกับผมสั้นสีดำสนิทที่แม้แต่กาลเวลาที่ผ่านเลยมาหลายสิบปีก็ไม่อาจทำให้เปลี่ยนเป็นสีอื่นได้ จึงทำให้ผิวหน้าที่ขาวอยู่แล้วกลับขาวจัดขึ้นดูจับตายิ่งนัก

“พาเพื่อนมาด้วยเหรอลูก...ฟ้าลั่น” คุณศิลป์กวีเพิ่งสังเกตว่าลูกชายตนเองไม่ได้กลับมาเพียงคนเดียว เพราะเห็นว่าฟ้าลั่นกำลังเดินจูงมือชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน เพียงแต่รูปร่างเล็กกว่า เดินตามเข้ามาในบ้านด้วย

“สวัสดีครับพ่อ” ฟ้าลั่นปล่อยมือจากภูผา แล้วยกมือไหว้บิดาของตน

“สวัสดีครับ” ภูผากล่าวสวัสดี พร้อมยกมือไหว้ตามมาติดๆ

“นั่งก่อนซิลูก” บิดารับไหว้ หลังจากนั้นจึงบอกให้ทั้งสองนั่งลงบนโซฟาชุดเดียวกัน เพื่อเตรียมไต่ถามถึงสาเหตุของการปรากฏตัวอย่างผิดปกติในครั้งนี้ นายแพทย์ศิลป์กวีรับรู้ได้ว่าลูกชายคนเดียวของตนกำลังมีเรื่องไม่สบายใจอย่างแน่นอน เพราะสีหน้าและแววตากังวลนั้นฉายชัดเจน

“ขอบคุณครับ” ทั้งสองพูดพร้อมกันแล้วจึงนั่งลงที่โซฟาสีน้ำตาลเข้มเข้าชุดกับโซฟาขนาดใหญ่ที่บิดานั่งอยู่ก่อนหน้า ในบริเวณห้องรับแขกที่จัดตกแต่งอย่างทันสมัยและเรียบร้อย สะอาดตา โดยเน้นโทนสีน้ำตาล ดำ ขาวและครีมเป็นหลัก

“พ่อครับ....แม่อยู่ที่ไหนเหรอครับ” น้ำเสียงของฟ้าลั่นอ่อนนุ่มยามพูดคุยกับบิดา ความกังวลใจที่เกิดขึ้นทำให้เขาลืมแนะนำหนุ่มหน้าหวานข้างตัวของเขาให้บิดาได้รู้จักเสียสนิท

“แม่เค้าขึ้นไปเอาหนังสือลูก...เดี๋ยวก็ลงมา......ลูกมีธุระหรือมีปัญหาอะไรหรือเปล่า..ฟ้าลั่น” น้ำสียงยามเอ่ยถึงชื่อลูกชาย...ดูอบอุ่น....และเต็มไปด้วยความรัก ยิ่งรู้สึกได้ว่าลูกชายกำลังไม่สบายใจอะไรบางอย่าง กระแสเสียงของผู้เป็นบิดา จึงดูเหมือนจะอบอุ่นขึ้นไปยิ่งขึ้นกว่าเดิม

“ทำไมถึงรีบกลับบ้าน...และก็มาเสียดึกขนาดนี้ล่ะลูก” คุณศิลป์กวียังคงซักไซ้บุตรชายของตน ก่อนจะเหลือบไปเห็นคุณพิมพิมล ผู้เป็นภรรยาเดินเข้ามา

“นั่นไง...แม่เค้าลงมาแล้ว” คุณศิลป์กวีพูดพลางหันหน้าไปมองผู้หญิงวัยกลางคน รูปร่างสูงสง่าที่กำลังเดินเข้ามาในห้องรับแขก โดยตลอดลำตัวสวมเสื้อคลุมทับชุดนอนสีชมพูอ่อนข้างในอย่างเรียบร้อย

คุณพิมพิมลหรือมารดาของฟ้าลั่น เป็นผู้หญิงผมผมยาวประบ่า ที่มีใบหน้าสวยงดงาม แม้ว่าจะล่วงเลยเข้าสู่วัยห้าสิบปีในไม่ช้าเช่นเดียวกับสามีของตน แต่ก็ยังคงรักษาความงดงามของร่างกายและหน้าตาได้อย่างไม่มีที่ติ อาจเป็นเพราะเป็นคนชอบออกกำลังกายและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์อยู่ตลอดเวลาตามแบบสามี จึงทำให้สามารถรักษาสุขภาพและผิวพรรณให้ดีอยู่ไม่เสื่อมไปตามกาลเวลา

“อ้าว....ฟ้าลั่นทำไมกลับมาบ้านละลูก...ยังไม่ปิดเทอมไม่ใช่เหรอ.....มีธุระหรือปัญหาอะไรหรือเปล่าลูก” คุณพิมพิมลซักถามด้วยความสงสัยปนความห่วงใย....น้ำเสียงที่ประกอบไปด้วยความรัก...ความกรุณาเช่นเดียวกับผู้เป็นบิดา ทำให้ฟ้าลั่นเกิดอาการลำบากใจอย่างยิ่ง ที่จะเล่าเหตุผลของการกลับบ้านของตนให้ฟัง

เพราะสุดท้ายแล้ว....เขาอาจต้องทำให้คนที่รักเขาทั้งสองคนเสียใจไปกับการกระทำและการตัดสินใจเลือกอนาคตของตนเอง

“พาเพื่อนมาด้วยเหรอลูก..........” คุณพิมพิมลหันหน้าไปยังภูผาที่ยังนิ่งเงียบอยู่

“สวัสดีครับ” ฟ้าลั่นและภูผายกมือขึ้นไหว้กล่าวสวัสดีพร้อมกัน

“หิวมั้ยทั้งสองคนน่ะ.....ทานอะไรมาหรือยังล่ะลูก” มารดาถามด้วยความห่วงใย ก่อนจะเดินอ้อมมานั่งลงบนโซฟาข้างๆสามีของตน ในจังหวะเดียวกับคำปฏิเสธอย่างสุภาพจากทั้งสองหนุ่มจะถูกเปล่งออกมา

ด้วยสีหน้าผิดปกติของบุตรชายที่รัก...บุตรชายที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เกิดจนบัดนี้อายุก็เกือบจะยี่สิบสองในอีกเดือนข้างหน้าแล้ว.......คนเป็นบิดาและมารดาจึงรับรู้ได้ทันทีว่าลูกชายคงมีปัญหาในใจ...และคงเป็นปัญหาที่ใหญ่พอสมควร

ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฟ้าลั่นเป็นเด็กดีและมักจะแก้ปัญหาหรือตัดสินใจสิ่งต่างๆด้วยตัวเองเสมอ.....โดยที่การตัดสินใจแต่ละครั้งก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องและไว้ใจได้ทุกครั้งไป.......

คุณศิลป์กวีและคุณพิมพิมลหันมาสบตาซึ่งกันและกัน พลางคิดว่าฟ้าลั่นคงกำลังมีปัญหาบางอย่างที่ไม่สามารถตัดสินใจด้วยตนเองได้ทั้งหมด

ทั้งคู่หันหน้ากลับไปหาลูกชายที่ยังนั่งเงียบอยู่ และสงบนิ่งเพื่อรอฟังสิ่งที่ฟ้าลั่นจะกล่าวออกมา......แม้จะเป็นเรื่องยากเย็นขนาดไหน..... ทั้งคู่ก็พร้อมจะช่วยเหลือ.....ช่วยแก้ไขปัญหา และช่วยกันฝ่าฟันอุปสรรคไปพร้อมๆกันทั้งครอบครัว.....

แม้จะกังวลถึงปัญหาของลูกชาย....แต่คุณศิลป์กวีและคุณพิมพิมลก็มิได้คิดถึงเรื่องร้ายแรงที่เกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมาย ยาเสพติด หรือเรื่องรุนแรงในชีวิตแต่อย่างใด เนื่องจากไว้ใจฟ้าลั่นมาก ว่าจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเหล่านั้นเด็ดขาด.....ทั้งสองมั่นใจการอบรมสั่งสอนของตนเองอย่างเต็มที่

ฟ้าลั่นนั่งสงบสติอารมณ์ซักพัก.......หลังจากนั้นจึงลุกขึ้นยืนเดินเข้ามาหาบิดามารดาของตนอย่างช้าๆ พร้อมกับค่อยๆทรุดตัวลง ก้มลงทราบแทบเท้าของบิดามารดาที่นั่งนิ่งอยู่บนโซฟาสวยสีน้ำตาลเข้ม เขาเงยหน้าขึ้นพร้อมกล่าวว่า

“พ่อครับ แม่ครับ........ผมต้องกราบขอโทษ.........สิ่งที่ผมจะพูดออกมามันอาจทำให้พ่อและแม่เสียใจครับ.....” ฟ้าลั่นหยุดสักพัก ก่อนจะพูดประโยคถัดไปอย่างช้าๆ

“ผมไม่อาจเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่...ที่จะสืบทอดวงศ์ตระกูลต่อไปได้อีกแล้วครับ” สิ้นประโยคนี้....น้ำตาก็เอ่อล้นปริ่มออกมาจากดวงตาคู่สวยนั้น

“ผมไม่อาจแต่งงานกับผู้หญิงคนไหนได้แล้วครับ......เพราะตอนนี้หัวใจของผมมันไม่เหลือที่ว่างให้ใครนอกจากหมอก......คนที่ผมพามาหาพ่อและแม่ในวันนี้ครับ......ผมรักหมอกมากครับ......และผมขอร้องให้พ่อและแม่กรุณาเข้าใจเราด้วยครับ”

“พ่อและแม่กรุณาอย่าโทษตัวเองว่าเลี้ยงผมมาไม่ดีเลยครับ.....ผมต่างหากครับที่ผิดเอง......ผมขอยอมรับผิดครับ”

“ผมผิดเอง.....ผิดที่ไม่สามารถห้ามหัวใจตนเองให้รักหมอกได้ครับ...พ่อครับ แม่ครับ.....ผมรักหมอกเท่าชีวิตของผมครับ” น้ำเสียงของฟ้าลั่นสั่นเครือ เพราะพยายามกั้นน้ำตาแห่งความเสียใจให้หยุดไหล

“โปรดอย่าขัดขวางความรักของผมสองคนเลยนะครับ....” ฟ้าลั่นพูดจบประโยคสุดท้าย

ภูผาที่นั่งฟังอยู่ในขณะนี้ ก็ทรุดตัวลงจากเก้าอี้ คลานมากราบแทบเท้าของบิดามารดาของฟ้าลั่นเช่นกัน ด้วยความสำนึกผิดและความเคารพในบุพการีของคนที่ตนเองก็รักหมดใจ  เขากล่าวคำขอโทษออกมาเช่นกัน

“ผมขอโทษครับ คุณพ่อคุณแม่.....ผมขอโทษที่ทำให้คุณพ่อและคุณแม่ต้องผิดหวังในตัวฟ้าลั่นครับ”

“ผมอยากเรียนคุณพ่อและคุณแม่ว่า....ผมก็รักฟ้าลั่นเท่าชีวิตของผมเช่นเดียวกันครับ”

การรับรู้ความเป็นจริงของหัวใจลูกชายคนเดียวอย่างกะทันหันและค่อนข้างผิดไปจากสิ่งที่คาดหวัง ทำให้คุณศิลป์กวีและคุณพิมพิมลนิ่งไปชั่วขณะ  คงมีแต่ดวงตาของทั้งคู่ที่ไม่เรียบเฉยอย่างกิริยาท่าทาง เพราะกำลังฉายแววรักและกรุณาอยู่เต็มเปี่ยม

ถ้าเป็นครอบครัวอื่นที่ยังยึดถือทำเนียมปฏิบัติเก่าๆ ขณะที่ลูกชายคนเดียวของครอบครัวกำลังนำความจริงที่ว่าเขากำลังหลงรักผู้ชายด้วยกันเป็นหัวข้อสนทนาแล้ว ส่วนใหญ่ผลลัพธ์ที่ตามมาคงกลายเป็นเรื่องราวที่ร้อนแรง และคงได้รับการต่อต้านจากผู้เป็นบิดาและมารดาเป็นอย่างแน่แท้

แต่สำหรับครอบครัวศรีสิริโชคชัย...ครอบครัวที่ทันสมัย..... สมาชิกแต่ละคนต่างเข้าใจซึ่งกันและกัน รวมถึงไว้ใจและให้เกียรติการตัดสินใจที่อยู่บนบรรทัดฐานของความดีงาม ไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่นแล้ว การต่อต้านของผู้เป็นบิดาและมารดาย่อมไม่มี แม้ว่าจะผิดหวังอยู่บ้างตามปกติของบุพการี ที่มักจะคาดหวังให้ลูกชายสืบทอดวงศ์ตระกูล แต่ทว่าในกรณีนี้ ความสุขของฟ้าลั่นกลายเป็นประเด็นใหญ่ที่ผู้เป็นบิดาและมารดายึดถือเป็นหลัก
คุณศิลป์กวีและคุณพิมพิมลตระหนักดีว่า ฟ้าลั่นมีวัยวุฒิพอสมควรแล้วที่จะตัดสินใจอนาคตทุกอย่างด้วยตนเอง ทั้งสองคนกระทำได้เพียงแต่คอยดูแลอยู่ห่างๆ และช่วยสนับสนุนการเดินทางของชีวิตให้บรรลุเป้าหมายที่สมหวังและมีความสุข....โดยที่สมหวังของชีวิตนั้น ขึ้นอยู่กับความคิดของลูกชายเป็นหลัก ไม่มีใครแม้กระทั่งตนเองทั้งคู่สามารถคิดแทนได้

“คนเป็นพ่อแม่....ย่อมยอมรับลูกของตนได้เสมอนั่นแหละ.....ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร” นี่คือสิ่งที่บิดามารดาของฟ้าลั่นนิ่งคิดขณะมองมาที่ลูกชายและคนรักที่นั่งหมอบอยู่ปลายเท้า....ทั้งคู่กำลังรอปฏิกิริยาของผู้เป็นผู้ใหญ่ทั้งสองคน

เพราะเข้าใจในความรู้สึกผิด...ความกังวล....และความเจ็บปวดในหัวใจ ยามกล่าวถึงความเป็นจริงที่เกิดขึ้นของฟ้าลั่นผู้เป็นบุตรชาย น้ำตาก็พลันไหลรินออกมาจากดวงตาคู่งามของคุณพิมพิมล....เธอโน้มตัวลงมาคว้าร่างของฟ้าลั่นเข้าไปกอดแนบอก

“ขอโทษทำไมลูก...ฟ้าลั่น”

“ลูกไม่ได้ทำอะไรผิด.......ตลอดมา จนแม้กระทั่งบัดนี้”

“แม่รับได้เสมอลูก......แม่รับความรักของลูกชายที่แม่รักได้เสมอ......แม่เลี้ยงเราได้แค่เพียงร่างกาย...แต่แม่บังคับหรือหล่อเลี้ยงหัวใจของลูกไม่ได้หรอก......ลูกจงทำตามที่หัวใจตนเองเรียกร้องเถอะจ้ะ......แม่ไม่ขัดขวางหรอก”

หลังจากกระซิบเบาๆที่ข้างหูของลูกชาย คุณพิมพิมลจึงปล่อยฟ้าลั่นออกจากอ้อมกอด โน้มตัวลงมาคว้าร่างของภูผาเข้ามากอด และบอกด้วยน้ำเสียงที่อ่อนนุ่มของตนว่า

“หมอก......ลูกก็จะเป็นลูกของแม่อีกคนหนึ่งนะ.......แม่ดีใจที่จะได้ลูกชายเพิ่มขึ้นมาอีกคน.....ขอบใจที่รักฟ้าลั่นของแม่ เท่ากับที่เค้ารักลูกนะจ้ะ ........ หมอกไม่ต้องกังวลอะไรทั้งสิ้น.....แม่รับได้เสมอในความรักของลูกแม่ทั้งสองคน”

บิดาของฟ้าลั่นที่ยังคงแสดงสีหน้าสงบนิ่งอยู่บนโซฟาเดียวกันกับมารดา เขาก้มลงมา มองร่างของทั้งคู่ที่นั่งอยู่เบื้องล่าง หลังจากที่ภรรยาของตนปล่อยร่างของภูผาให้นั่งลงเรียบร้อย

“ฟ้าลั่น........” น้ำเสียงแฝงความปราณีดังออกมาจากผู้เป็นบิดา ฝ่ามือใหญ่แข็งแรงเอื้อมมาลูบศีรษะของลูกชายเบาๆ อย่างอ่อนโยน

“ทำไมลูกถึงคิดว่าพ่อและแม่จะขัดขวางความรักของลูกล่ะ”

“พ่อกับแม่ไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้นหรอกนะ....ความรักมันไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายหรอกลูก”

“มันคือสิ่งที่สวยงาม......คือสิ่งที่มีคุณค่าต่อชีวิตคนเรา......พ่อไม่เคยยึดว่าความรักต้องเกิดขึ้นกับเพศไหนๆ......
สำหรับพ่อแล้ว....ความรักคือนิยามชีวิตของคนสองคน.....คือความผูกพันของคนสองคนนะลูก....พ่อดีใจที่ลูกหาความรักของลูกเจอ......พ่อมั่นใจว่าลูกของพ่อมีเหตุผล.....และโตพอที่จะรับรู้และเลือกที่จะรักได้แล้ว”

“ถ้าหมอกคือคนที่ลูกเลือกที่จะรัก.....พ่อก็จะสนับสนุน.....พ่อไม่ขัดขวางหรอกลูก” บิดาของฟ้าลั่นพูดเสร็จ และหันหน้ามาทางภูผา พลางพูดกับภูผาด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยนว่า

“หมอก.....พ่อขอบใจลูกมากนะที่รักฟ้าลั่นลูกของพ่อ......ขอบใจในกำลังใจที่มอบให้ลูกของพ่อ....ให้เขากล้าที่จะบอกความรู้สึกของตนให้พ่อและแม่ได้รับรู้”

หลังจากที่บิดาของฟ้าลั่นพูดจบ ทั้งภูผาและฟ้าลั่นก็ก้มลงกราบแทบเท้าท่านอีกครั้ง โดยไม่ลืมที่จะหันมากราบมารดาเช่นกัน

“ลุกขึ้นนั่งบนโซฟาเถอะลูก......เราคงต้องคุยกันอีกซักหน่อย” หลังจากได้ยินคำอนุญาตของผู้เป็นมารดา ทั้งสองหนุ่มจึงลุกขึ้นมานั่งบนโซฟาตัวเดิม

“นอกจากจะมาสารภาพกับพ่อและแม่แล้ว.....ลมอะไรถึงหอบลูกชายตัวดีของพ่อบินด่วนมาจากเชียงใหม่ได้นี่” คุณศิลป์กวีตั้งคำถาม รอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าที่หล่อเหลาสมวัยเกือบห้าสิบปี

“ผมจะมาขออนุญาตคุณพ่อกับคุณแม่ไปเรียนต่อปริญญาโทและเอกที่อังกฤษกับหมอกครับ” ฟ้าลั่นตอบกลับบิดาด้วยสีหน้าเบิกบาน.....ความทุกข์ที่มีในใจได้มลายหายไปจนหมด.....เพราะความรักและความเข้าใจของบิดามารดาที่เลี้ยงดูมา......ฟ้าลั่นนึกขอบคุณในโชคชะตาของตนที่ทำให้เกิดมาในครอบครัวที่อบอุ่นและเข้าใจซึ่งกันและกัน

“ตอนแรกหมอกเค้าไม่กล้าบอกผม...เพราะกลัวว่าพ่อกับแม่จะรับความรักของเราไม่ได้ครับ...หมอกเค้าก็เลยจะหนีผมไปคนเดียวครับ” ฟ้าลั่นได้ที จึงกล่าวฟ้องบิดาและมารดา
 
“ผมเลยต้องบินด่วนกลับบ้านมาพร้อมกับหมอก แล้วก็มาบอกพ่อกับแม่นี่แหละครับ....รวมถึงมาขออนุญาตเรื่องไปเรียนด้วยครับ เพราะผมคงต้องเตรียมตัวหลายอย่างครับ.....”

“หมอกเค้าเตรียมตัวล่วงหน้าไปก่อนผมตั้งเยอะแล้วครับ” ฟ้าลั่นสารภาพ และมอบรอยยิ้มกว้างให้กับผู้เป็นบุพการีอย่างประจบประแจง

“หมอกจะหนีฟ้าลั่นไปเลยเหรอลูก.....” คุณพิมพิมลหันหน้ามาถามภูผา

“ครับ....ตอนแรก....ผมไม่อยากให้ฟ้าลั่นเค้าทิ้งอนาคตมาอยู่กับผมครับ” ภูผาตอบตามความเป็นจริง

“อ้าว....แล้วลูกไม่รักฟ้าลั่นหรือครับ” คราวนี้คุณศิลป์กวีเป็นฝ่ายถามขึ้นเพราะความสงสัยบ้าง

“ผมรักฟ้าลั่นมากครับ คุณพ่อ.....แต่ถ้าผมสามารถทำให้คนที่ผมรักมีอนาคตที่ดีกว่า ผมก็ยอมครับ”

“แล้วลูกรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าฟ้าลั่นของพ่อนี่...เค้าจะมีอนาคตที่ดีกับคนอื่นที่ไม่ใช่หมอกล่ะลูก” คุณศิลป์กวีถามต่อ

“ผมไม่ทราบครับ” ภูผาตอบคำถามอย่างจนใจ

“เมื่อไม่ทราบก็อย่าทั้งเค้าไปซิครับ......พ่อเชื่อว่าลูกของพ่อทั้งสองคนจะสร้างอนาคตที่ดีด้วยตัวเองได้.....อย่าคาดการณ์อะไรล่วงหน้าเลยสำหรับความรักและหัวใจ.....อยู่กับปัจจุบันดีที่สุดนะลูก” คุณศิลป์กวีให้คำแนะนำอย่างกรุณา

“แม่ดีใจนะที่ลูกของแม่ทั้งสองคนคิดจะไปเรียนต่อ เพื่อพัฒนาความรู้ของตนเอง.....อย่างนี้แม่สนับสนุน......แต่ขออย่าให้ต้องทิ้งกันไปกลางทางเลยนะลูก.......ความรักที่สวยงาม...มันต้องมั่นคงด้วย ถึงจะทำให้อนาคตของทั้งคู่ประสบความสำเร็จ” คุณพิมพิมลสั่งสอนอย่างห่วงใยตามผู้เป็นสามี

“ขอบคุณครับ..คุณพ่อคุณแม่” ทั้งสองหนุ่มกล่าวขึ้นพร้อมกัน

“ผมจะพยายามหาทุนการศึกษาจากมหาวิทยาลัยที่โน่นครับ.....หมอกเค้าได้ทุนจากทางอาจารย์ที่นั่นครับ....ส่วนผมคงต้องรบกวนพ่อและแม่ในช่วงเทอมแรกเท่านั้นครับ....เทอมต่อๆไปผมจะหาทุนให้ได้ครับ”

“แหม.......ไอ้ลูกคนนี้ คิดว่าพ่อกับแม่ไม่มีเงินส่งเราเรียนเหรอไง......ถ้าจนปัญญานักก็ขอเศษเงินจากคุณตาที่อเมริกามาให้......ใช่มั้ยแม่” บิดาของฟ้าลั่นกล่าว พร้อมหันมาส่งคำถามให้ภรรยาที่นั่งอยู่ข้างๆ

“ค่ะ.....คุณตาลูกเค้าสนับสนุนอยู่แล้ว.....คุณตาเค้ายังบอกแม่ว่าจะให้เราไปเรียนต่อที่อเมริกาเลย แต่ว่าลูกมาขอไปอังกฤษเสียก่อน.....คุณตาท่านใจดี ยิ่งเรื่องการศึกษาแล้วท่านสนับสนุนเต็มที่”

“หมอกด้วย......พ่อกับแม่ก็จะช่วยสนับสนุนลูกด้วย” คุณพิมพิมลถ่ายทอดความปรารถนาดีผ่านมายังภูผา...ลูกชายคนใหม่อีกด้วย

“ขอบคุณในความกรุณาครับ.....แต่ว่า...เอ่อ.......” คนพูดยังพูดไม่จบ แต่ฟ้าลั่นก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน

“หมอกเค้ารวยครับแม่.......คุณยายของหมอกเป็นถึงท่านผู้หญิงเลยนะครับ” ฟ้าลั่นบอกคุณสมบัติของคนรักของตนอย่างภูมิใจ

“ว๊ะ....ไอ้ลูกคนนี้มันตาถึงแฮะ........ เอาลูกชายมาให้พ่ออีกคน .....รวยซะด้วย” นายแพทย์ศิลป์กวีหัวเราะชอบใจ ส่งผลให้เจ้าลูกชายตัวดีต้องบอกออกมาว่า

“เห็นมั้ยครับพ่อ....เชื้อไม่ทิ้งแถว.....ที่คุณพ่อยังไปคว้าลูกสาวประธานบริษัทก่อสร้างชื่อดังของอเมริกามาเลยนี่ครับ.....ถึงคราวผม.....ผมก็ต้องหาให้ดีเหมือนกันครับ” ฟ้าลั่นพูดประจบ พร้อมยิ้มให้บิดามารดาและคนรักของตนอย่างอารมณ์ดี

“แล้วคุณแม่กับคุณยายของหมอกเค้ารู้เรื่องหรือยังล่ะลูก” ประโยคของบิดาที่กล่าวออกมา ทำให้ฟ้าลั่นหุบยิ้มลงทันที พร้อมกับถอนหายใจออกมาช้าๆ

“ผมก็จะไปหาคุณแม่และคุณยายของหมอกพรุ่งนี้ครับ........” ฟ้าลั่นกล่าวออกมาอย่างกังวล

“ดีแล้วลูก......ไม่เข้าถ้ำเสือ แล้วจะได้ลูกเสืออย่างไร” บิดากล่าวสนับสนุนพร้อมรอยยิ้ม

“เอ้.....คุณนี่......มันผิดนะคะ...ต้องบอกลูกว่า เข้าทางผู้หลักผู้ใหญ่ดีที่สุดนะลูก......ไม่ใช่สุภาษิตเข้าถ้ำเสือ” มารดากล่าวขัดออกมาอย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะหันหน้ามามองลูกชายคนแรกที่ยังคงแสดงสีหน้ากังวลอยู่ พลางพูดปลอบใจ

“ไม่ต้องกังวลหรอกลูก..... คุณยายและคุณแม่ของหมอกคงเป็นคนทันสมัยและน่าจะเข้าใจลูกทั้งสองคนอย่างดี....”

“ถ้าเค้าไม่ยกให้...เราก็พาหนีเลยไอ้ลูกพ่อ.......”บิดาแหย่ลูกชายเล่นเบาๆ ทำให้ฟ้าลั่นมีความหวัง....ดวงตาเป็นประกายขึ้นมา

“เอ...คุณนี่.....แนะนำลูกแต่ละอย่าง.....ฟ้าลั่นก็อย่าบ้าไปตามพ่อเค้านะลูก.....ทำให้มันถูกต้อง” มารดาติงเบาๆ ไม่วายฟาดมือไปตีแขนคุณพ่อช่างแนะนำเสียหนึ่งที

“ครับ” ฟ้าลั่นรับคำ แต่ก็ยังไม่หายกังวลนัก

“จะให้พ่อและแม่ไปเป็นเพื่อนในวันพรุ่งนี้มั้ยลูก.....”คุณพิมพิมลเปิดช่องทางด้วยคำถามอย่างเอ็นดู

“ตอนแรกกะจะบอกว่าไม่ครับ....แต่คิดไปคิดมา....พ่อกับแม่ไปให้กำลังใจผมดีกว่าครับ” ฟ้าลั่นพูดพร้อมส่งยิ้มให้ทุกๆคน

“หมอกจ๊ะ” คุณพิมพิมลหันมาถามข้อมูลเพิ่มเติมจากภูผา

“เอ่อ......แม่ขอถามอะไรหน่อยได้มั้ยจ๊ะ”

“ครับ” ภูผารับคำอย่างสุภาพ

“เอ่อ......คุณยายกับคุณแม่หมอก.....ท่านพอจะคาดการว่าในอนาคตหมอกอาจพาคนอย่างฟ้าลั่นลูกแม่เข้าไปแนะนำว่าเป็น เอ่อ......เอ่อ...คนรักหรือเปล่าจ๊ะ” คุณพิมพิมลพยายามใช้คำถามที่สุภาพแต่ก็ตรงไปตรงมาอย่างที่สุดกับภูผา

“เอ่อ.....คุณแม่ทราบครับว่าผม...เอ่อ...เอ่อ....อาจจะพาไปครับ...แต่สำหรับคุณยาย   ผมไม่แน่ใจครับ” ภูผาตอบอย่างไม่ปิดบัง เนื่องจากมารดารับทราบมาโดยตลอดว่าเขาเป็นผู้ชายที่รักผู้ชายด้วยกัน แต่กระนั้นท่านก็มิได้ต่อว่าหรือห้ามปรามแต่อย่างใด กลับแสดงความเข้าใจและยังคงรักและเอาใจใส่เขาอย่างดีเสมอมา

“อืม.....อย่างนั้นก็ดีไปอย่างหนึ่ง เราก็เข้าทางคุณแม่ของหมอกก่อนดีกว่า.... แล้วก็ค่อยไปเข้าทางคุณยาย” บิดาของฟ้าลั่นที่นั่งฟังอยู่กล่าวถึงแผนการที่เพิ่งคิดได้

“ครับ...ก็ดีครับคุณพ่อ” ฟ้าลั่นเห็นด้วยกับบิดา

“อย่างนั้นก็ตกลงตามนี้แล้วกันนะจ๊ะ.....แต่ตอนนี้ก็ดึกแล้ว.....แม่ว่า...เราสองคนขึ้นไปอาบน้ำ พักผ่อนกันก่อนดีกว่า....พรุ่งนี้วันเสาร์ จะได้ไปหาคุณยายและคุณแม่ของหมอกพร้อมกันในตอนเช้า”

“หมอกเอาเสื้อผ้ามาหรือเปล่าลูก....ถ้าไม่ได้เอามา ให้ฟ้าลั่นจัดการให้นะลูก” คุณพิมพิมลเพิ่งนึกขึ้นมาได้ เลยซักถามและให้คำแนะนำลูกชายคนใหม่อย่างเอาใจ

“ขอบคุณครับ...คุณแม่....คุณพ่อ” ภูผาหันมากล่าวขอบคุณพร้อมยกมือไหว้อีกครั้ง ก่อนที่จะถูกคนรักฉุดให้ลุกขึ้น เดินตามไปยังห้องนอนของตน

“Good night ครับพ่อ, mom” ฟ้าลั่นกล่าวราตรีสวัสดิ์กับบิดามารดา พร้อมกับฉุดมือภูผาให้เดินตามออกไปทันที

“ดูท่าเราแล้ว....ไอ้ลูกชายมันหวงแฟนมันจริงๆ......ดูซิตามประกบไม่ปล่อยเลย” คุณศิลป์กวีหันมาพูดกับภรรยาหลังจากที่ลูกชายทั้งสองคนเดินขึ้นไปชั้นบนของบ้านแล้ว

“ค่ะ.....ลูกหมอกเค้าก็หน้าตาน่ารักมากนี่ค่ะ......หน้าหวานกว่าผู้หญิงเสียอีก....มารยาทก็ดี แถมบุคลิกก็เหมาะแล้วที่จะมีคุณยายเป็นถึงท่านผู้หญิง..... พิมเองยังแอบรักตั้งแต่แรกพบเลยค่ะ” คุณพิมพิมลกล่าวแสดงความเห็นด้วย พร้อมเปิดเผยความในใจเกี่ยวกับลูกชายคนใหม่ออกมาให้สามีได้รับรู้

“ผมก็ชอบลูกชายคนใหม่เหมือนกัน......ต้องยอมรับว่าไอ้ลูกชายตัวดีเรามันตาถึง.....” คุณศิลป์กวีหัวเราะเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน เดินแยกจากผู้เป็นภรรยา เข้าห้องสมุดเพื่อทำกิจวัตรประจำวันคือการอ่านหนังสือก่อนนอน


ออฟไลน์ Lucifer

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
อืมมมม happy กันซ๊า :-[

อิจฉาจังเลยยยย  :serius2:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
หัวใจเจ้าเอย....เจ้าจะทนสู้.....หรือจากไป  :impress:

ชอบวรรคนี้จัง  :impress2:

ในที่สุดก็ happy  :yeb:




ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
อ้างถึง
“คนเป็นพ่อแม่....ย่อมยอมรับลูกของตนได้เสมอนั่นแหละ.....ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร”

โดนโคดๆๆๆ

เศร้า และสุขไปในคราวเดียวกัน

พูห์ :monkeysad2:


ปล.


พยายามตามอ่านอยู่นะหนูบลู


แต่คงต้องทีละเรื่อง


ม่ายหวายยย งานเยอะโคด


พ. :serius2:

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
 :impress:................ชอบตอนนี้ที่สุดเลย :-[ :-[ :-[

“ขอโทษทำไมลูก...ฟ้าลั่น”

“ลูกไม่ได้ทำอะไรผิด.......ตลอดมา จนแม้กระทั่งบัดนี้”

“แม่รับได้เสมอลูก......แม่รับความรักของลูกชายที่แม่รักได้เสมอ......แม่เลี้ยงเราได้แค่เพียงร่างกาย...แต่แม่บังคับหรือหล่อเลี้ยงหัวใจของลูกไม่ได้หรอก......ลูกจงทำตามที่หัวใจตนเองเรียกร้องเถอะจ้ะ......แม่ไม่ขัดขวางหรอก”

หวังว่าสักวันนึงจะได้ยินคำเหล่านี้จากพ่อแม่ผมบ้าง............. :try2:




ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
ถ้าพ่อแม่เข้าใจลูกแบบนี้ หลายๆคนคงมีชีวิตที่มีความสุขนะครับ  :monkeysad2:
***************************************************************************
เก็บดาว
[wma=300,50]http://www.geocities.com/atcha_t/star.mp3[/wma]
*****************************************************************************

   ก่อนเที่ยงคืนเล็กน้อย คุณศิลป์กวีละสายตาจากหนังสือเล่มโปรดชั่วคราว ทอดสายตาไปยังสระว่ายน้ำที่อยู่บริเวณด้านหน้าห้องสมุด เขาเห็นฟ้าลั่น.....ผู้เป็นบุตรชายนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ข้างสระว่ายน้ำ สายตาของฟ้าลั่นมองเหม่อลอยไปไกล

ฟ้าลั่นเดินลงมานั่งเล่นหลังจากที่ภูผาหลับสนิท เพื่อผ่อนคลายอารมณ์ที่มุมโปรด ข้างสระว่ายน้ำทันสมัยของครอบครัว

ผู้เป็นบิดาปิดหนังสือ เก็บไว้บนชั้นอย่างเรียบร้อย และเดินออกจากห้องสมุด เดินตรงไปยังบริเวณที่ฟ้าลั่นนั่งอยู่

“คิดอะไรอยู่หรือลูก” คุณศิลป์กวีเอ่ยถาม ทำลายความเงียบของบรรยากาศยามดึกของบ้าน

“คิดไปเรื่อยๆครับพ่อ” ฟ้าลั่นตอบผู้เป็นบิดา ที่กำลังนั่งลงบนเก้าอี้ตัวถัดไป

“กังวลเรื่องพรุ่งนี้ล่ะซิ” บิดาดักคอ

“ครับพ่อ.....ผมเดาไม่ออกเลยครับ...ว่าอะไรจะเกิดขึ้น”

“กังวลไปก็เท่านั้นล่ะฟ้าลั่น......เสียเวลาเปล่า...ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้เสมอลูก....แค่มองให้ทะลุ....จัดการให้ถูกจุด และใช้สติปัญญา ความคิดอย่างรอบคอบ....ลูกพ่อเป็นคนฉลาด หมอกเองก็ฉลาด...เราสองคนคงจะแก้ปัญหาได้ไม่ยาก”

“ขออย่างเดียว พรุ่งนี้ฟ้าลั่นของพ่อคงต้องสุขุมให้มาก และเปิดหัวใจของลูกให้คุณยายและคุณแม่ของหมอกเค้าให้เห็นถึงความรักที่ลูกมีต่อหมอกก็เท่านั้น” คุณศิลป์กวีให้คำแนะนำตบท้าย

“ขอบคุณครับพ่อ” ฟ้าลั่นกล่าวขอบคุณบิดา เวลานี้เขาใจชื้นขึ้นมามากทีเดียว เพราะคำแนะนำที่เต็มไปด้วยความประสงค์ดีของผู้เป็นบิดา

 “ฟ้าลั่น....พ่ออยากจะขอถามอะไรลูกซักอย่าง...จะสะดวกมั้ย” คุณศิลป์กวีตัดสินใจเกริ่นถึงความสงสัยที่คั่งค้างภายในใจ

“ได้ครับ....แต่ถ้าคุณพ่อสงสัยว่าผมรักหมอกได้อย่างไร....รวมถึงผมเป็นเกย์หรือไม่....ผมตอบได้ทันทีครับ...”ฟ้าลั่นตอบผู้เป็นบิดา พลางเดาถึงคำถามที่บิดาจะซักถามตนเอง

คุณศิลป์กวีพยักหน้าช้าๆ เป็นการตอกย้ำความคิดของลูกชาย

“ผมยังเป็นผู้ชายครับพ่อ....ผมไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายมาก่อนครับ แม้กระทั่งหมอก.... แต่สำหรับผู้หญิงก็มีปกติครับ.... ส่วนเรื่องความรัก ผมคิดว่าน่าจะเริ่มจากความผูกพันครับ.....เริ่มจากความรักแบบพี่น้อง เพราะผมกับหมอกเป็นลูกคนเดียวทั้งคู่......เราต่างคนต่างอยากมีพี่ชายและน้องชายครับ” 

“พ่อคงจำได้ เมื่อสองปีที่แล้วผมช่วยหมอกจากการตกน้ำครั้งนั้น ตอนที่ผมกำลังจะสูญเสียหมอกไปตลอดกาล....ผมทราบทันทีครับว่าผมรักหมอกมาก...รักมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบครับ....แต่ที่แน่ๆ ความผูกพันของผมที่มีต่อหมอกมันมากมายจนกระทั่งเกิดเป็นความรักขึ้นมาครับ....เป็นความรักที่ผมเองเคยตั้งคำถามว่าทำไมถึงเกิดขึ้นกับผู้ชายอย่างหมอก แทนที่จะไปเกิดกับผู้หญิงคนอื่นๆที่ผมคบหาด้วย”

“สุดท้าย....ผมคิดว่าคำตอบของความสงสัยนั้น มันก็ไม่มีความหมายเท่ากับความเป็นจริงที่ว่า...ผมรักหมอกสุดหัวใจของผม...และปรารถนาที่จะอยู่กับหมอกตลอดไปครับ....ผมยินดีเลือกทางเดินชีวิตของผมให้เดินร่วมไปกับผู้ชายคนหนึ่งที่ผมรักครับ.... ความรักของผมมันไร้กฎเกณฑ์และไม่มีเพศครับ” ฟ้าลั่นอธิบายให้บิดาของตนฟังช้าๆ เขาพยายามถ่ายทอดความรู้สึกที่มีให้หัวใจ ถ่ายทอดออกเป็นประโยคที่เข้าใจง่ายๆ

“อืม” คุณศิลป์กวีพยักหน้าช้าๆ พยายามทำความเข้าใจกับประโยคยาวๆที่บุตรชายพูดออกมา

“อย่างนี้พ่อค่อนข้างมั่นใจขึ้นมาบ้างนิดหน่อยว่า ครอบครัวเราไม่ใช่ปัจจัยที่ส่งเสริมให้ลูกพ่อเป็นเกย์....ลูกยังเป็นผู้ชายปกติ เพียงแต่รักกับผู้ชายอย่างหมอกเท่านั้น” คุณศิลป์กวีสรุปตามข้อมูลที่รับฟัง ตามลักษณะนิสัยของนายแพทย์ที่ชอบคิดหาเหตุและผล

“อืม....แต่ว่าผู้ชายที่ชอบผู้ชาย....เค้าก็เรียกว่าเกย์นี่นา” คุณศิลป์กวีเริ่มมีข้อโต้แย้งในความคิดของตน

“ถ้าตามที่พ่อพูดมา....ผมคงเป็นเกย์เฉพาะกับหมอกคนเดียวครับ....เพราะผมไม่เคยมีอารมณ์กับผู้ชายคนไหนเลยครับ...ออกจะกระอักกระอ่วนเสียด้วยซ้ำไปครับ.... มีเพียงหมอกคนเดียวครับที่ผมอยู่ใกล้ด้วยแล้วมีความสุข....ผมไม่เคยคิดว่าหมอกคือผู้หญิงหรือผู้ชาย....หมอกคือหมอก....คือคนที่ผมรัก....ก็เท่านั้นเองครับ....”

“พ่อบอกตามตรงนะลูก....พ่อก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน....แต่ว่าตอนนี้พ่อรู้อย่างเดียว...เพียงสิ่งเดียวที่สำคัญที่สุด....คือลูกรักหมอก....และมีความรับผิดชอบต่อความรู้สึกและการตัดสินใจของตนเอง แค่นี้ก็เพียงพอสำหรับพ่อกับแม่แล้วที่จะสนับสนุนลูกต่อไป” บิดากล่าวเสียงนุ่ม สรุปให้บุตรชายฟังถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้น

“ขอบคุณอีกครั้งครับพ่อ....ผมโชคดีจังเลยนะครับ...ที่ได้เกิดมาเป็นลูกของพ่อและแม่ครับ” น้ำเสียงของฟ้าลั่นเต็มไปด้วยความสุขและความยินดี

คุณศิลป์กวีไม่ตอบอะไร หากกระทำเพียงแค่เอื้อมมือมาลูบศีรษะที่ปกคลุมด้วยผมยาวนุ่มสลวยของบุตรชาย....เหมือนทุกๆครั้งที่ผ่านมา ยามต้องการถ่ายทอดความรักและความเข้าใจผ่านให้กับฟ้าลั่นได้รับรู้

“พ่อว่าตอนนี้ดึกมาแล้วนะลูก....ขึ้นไปนอนเถอะ....ไปดูแลหมอกด้วย....พรุ่งนี้เช้าเจอกัน....ไปบุกถ้ำเสือด้วยกันนะลูก” คุณศิลป์กวียังคงกล่าวติดตลก

“ครับผม....ไม่เข้าถ้ำเสือ...จะได้ลูกเสือได้อย่างไร....ใช่มั้ยครับพ่อ” ฟ้าลั่นอารมณ์ดี เขาสนทนากับบิดาด้วยรอยยิ้มกว้าง

“อย่างนั้นผมไปนอนแล้วนะครับ.......กูดไนท์ครับ” ฟ้าลั่นกล่าวราตรีสวัสดิ์บิดาพร้อมทั้งเดินแยกออกมา ตรงเข้าไปภายในบ้าน เพื่อเข้าสู่ห้องนอนของตน

หลังจากนั้นไม่นาน คุณศิลป์กวีก็เดินเข้ามาในบ้าน เพื่อเดินเตรียมเข้านอนเช่นกัน

*************

เช้าวันเสาร์.................

บ้านทรงไทยหลังใหญ่ได้มีโอกาสต้อนรับครอบครัวศรีศิริโชคชัยเป็นครั้งแรก ฟ้าลั่นดูจะตื่นเต้นที่สุด เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่เขาจะได้เข้าพบมารดาของคนรักรวมถึงคุณยายผู้เป็นเจ้าของเรือนไทยหลังงามเรือนนี้

คุณยายประกายแก้ว หรือต้องเรียกให้ถูกต้องว่า ท่านผู้หญิงประกายแก้ว ภัทรโภคิน ผู้เป็นประมุขของครอบครัวภัทรโภคิน และเป็นมารดาของบุตรสาวสามคน อันได้แก่ คุณศศิพิมพ์....มารดาของภูผา ตามด้วยคุณศศิลักษณ์ และคุณศศิพรรณ....ผู้เป็นน้าสาว

หลังจากที่บิดาของภูผาเสียชีวิตไปตอนที่ภูผายังเล็กมาก คุณศศิพิมพ์ ผู้เป็นมารดาจึงตัดสินใจเปลี่ยนนามสกุลของภูผาให้กลับมาใช้นามสกุลของตนเดิมตามผู้เป็นบิดา-มารดา นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ภูผามีนามสกุลเดียวกับคุณยายของตน

ภูผาก็ดูเหมือนจะตื่นเต้นเช่นกันกับการที่ต้องมาปรากฏตัวพร้อมกับครอบครัวของฟ้าลั่นในบ้านของตนเองเช่นนี้ แต่เนื่องจากเหตุจำเป็นของหัวใจ....เขาจึงต้องปรากฏตัวพร้อมกับคนรักอย่างกะทันหัน รวมถึงสืบเนื่องจากการที่ต้องเตรียมตัวไปเรียนที่อังกฤษให้ทันในช่วงก่อน Trinity Term ของมหาวิทยาลัย ที่จะเริ่มในปลายเดือนเมษายนนี้ เพราะถ้าไม่รีบหรือพลาดไปก็คงต้องรอไปจนถึง Michaelmas Term ซึ่งจะเริ่มประมาณเดือนตุลาคมในปีเดียวกัน

มารดาของภูผารู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่เห็นภูผากลับมาบ้านทั้งๆที่ไม่ใช่วันหยุดยาวหรือช่วงปิดเทอม พร้อมกันนี้ยังพาครอบครัวของเพื่อนสนิทมาด้วย

ภายหลังรับทราบเรื่องราวต่างๆจากภูผา และลูกชายคนใหม่อย่างฟ้าลั่น.... คุณศศิพิมพ์ก็ไม่ได้เกิดอาการตกใจ หรือแสดงออกซึ่งการขัดขวางแต่อย่างใด กลับเต็มใจที่จะรับลูกชายคนใหม่ รูปร่างสูง หน้าตาคมคายเข้ามาอยู่ในครอบครัวเดียวกัน

นอกจากจะได้ลูกชายคนใหม่แล้ว คุณศศิพิมพ์ยังได้เพื่อนหญิงคนใหม่ที่มีนิสัยคล้ายๆกัน ที่สามารถพูดคุยกันได้อย่างถูกคอเสียอีก นั่นก็ไม่พ้นมารดาของฟ้าลั่น..... คุณพิมพิมลนั่นเอง  แถมทั้งคู่ยังมีชื่อเล่นที่ออกเสียงเดียวกันอีกคือ “พิมพ์” และ “พิม” 

แม้ว่าคุณพิมพิมลจะเป็นอาจารย์สอนหนังสือในมหาวิทยาลัย แต่ก็สามารถเข้าขากับคุณศศิพิมพ์ที่เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทออกแบบอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังได้เป็นอย่างดี เพราะว่าทั้งคู่ถนัดในการออกแบบตกแต่งภายในและภายนอกเหมือนกัน โดยที่คุณพิมพ์พิมล มารดาของฟ้าลั่นนั้น สำเร็จการศึกษามาทางด้านสถาปัตยกรรม เช่นเดียวกับคุณศศิพิมพ์ที่ศึกษามาทางเดียวกัน แต่ว่าจบมาจากคนละสถาบัน ต่างประเทศกัน

ภายหลังการพูดคุยซักถามและทำความคุ้นเคย ตลอดจนสร้างความสนิทสนมกับครอบครัวลูกชายคนใหม่ ไม่นานนัก คุณศศิพิมพ์จึงชักชวนทั้งหมดเดินลัดสวนไปที่เรือนใหญ่ เพื่อคารวะและเจรจากับประมุขของบ้านที่แท้จริง


   ถนนคดเคี้ยวปูด้วยอิฐแดงทอดยาวไปตามสนามกว้างสู่เรือนไทยหลังใหญ่  รอบๆมีต้นไม้และดอกไม้หลากสีจัดตกแต่งอย่างสวยงาม และมีการบำรุงรักษาตลอดเวลาเป็นอย่างดี

สองข้างทางของถนนคือรั้วต้นดอกแก้วปลูกแน่นติดกัน โดยตัดแต่งเป็นทรงสี่เหลี่ยมความสูงประมาณเอว แม้เวลานี้ดอกแก้วจะไม่ส่งกลิ่นหอม แต่ก็เห็นความงามของกลีบดอกสีขาวอย่างชัดเจน 

ตรงกลางสนามกว้างสีเขียวสด คือสระบัวธรรมชาติขนาดใหญ่ โดยมีศาลาไม้สักทรงไทยแปดเหลี่ยมปลูกอยู่กลางน้ำ และมีสะพานไม้สีขาวสะอาดตาเชื่อมระหว่างศาลากับผืนสนามหญ้าญี่ปุ่นสีเขียวขจี.....บริเวณนี้คือจุดที่ภูผาชอบมากที่สุด แม้ว่าจะว่ายน้ำไม่เป็นก็ตาม เนื่องจากเขาชื่นชอบในสายลมเย็นที่พัดผ่านอยู่ตลอดเวลานั่นเอง

แม้ธรรมชาติภายนอกจะสวยงามขนาดไหน แต่ก็มิช่วยให้จิตใจของฟ้าลั่นเบิกบานแต่อย่างใดเขายังคงกังวลกับการเข้าพบกับคุณยายของภูผา ผู้เป็นประมุขของบ้านหลังใหญ่นี้  แม้คุณศศิพิมพ์จะบอกว่าคุณยายของภูผาเป็นคนใจดีและทันสมัย แต่สำหรับเขาแล้ว ด้วยความที่ท่านมีอาวุโสสูงกว่า ความกังวลจึงเกิดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้   

ภูผาดูเหมือนจะเข้าใจความรู้สึกของฟ้าลั่นได้ดีในขณะนี้ เขาจึงเอื้อมมือของตนไปกุมมือฟ้าลั่นตลอดเวลาที่เดินตามผู้ใหญ่ทั้งสามเพื่อมุ่งไปสู่เรือนหลังใหญ่

เรือนไทยหลังสวยของท่านผู้หญิงประกายแก้ว เป็นเรือนไม้สักทองชั้นเดียวขนาดแปดห้องนอน ยกเสาไม่สูงมากนัก ตอนกลางของพื้นเรือนเจาะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด 3X5 เมตร ไว้สำหรับจัดเป็นส่วนหย่อมที่ปลูกขึ้นจากไต้ถุนเรือน บริเวณนี้ไม่มีหลังคาปกคลุมเนื่องจากต้องการให้ต้นไม้ได้รับแสงอาทิตย์และน้ำฝนธรรมชาติตลอดปี

บริเวณรอบๆ สวนหย่อมกลางบ้าน ถูกประดับไปด้วยกล้วยไม้นานาชนิด รวมถึงต้นเฟื่องฟ้าและบอนหลากสี ถัดออกมาก็จะพบทางเดินปูด้วยอิฐสีแดงล้มรอบสวนสวย ถัดขึ้นมาอีกชั้นก็จะเป็นส่วนบริเวณพื้นบ้านที่มีหลังคาปกคลุม โดยแบ่งเป็นส่วนทางเดินยกระดับขึ้นมา มีรั้วไม้สักกั้นไว้ตลอดทาง แต่ก็มีช่องประตูทางเดินลงไปถึงถนนอิฐและสวนหย่อมที่ตกแต่งอยู่ได้ ระดับสุดท้ายคือระดับสูงสุดซึ่งเป็นระดับเดียวกับห้องพักต่างๆทั้งหมด 8 ห้อง ไม่รวมห้องรับแขกใหญ่ทางด้านเหนือของตัวบ้าน ซึ่งเปิดโล่งรับลมเย็นที่พัดมาจากสระบัวกลางสนาม

คุณประกายแก้วมักใช้เวลาส่วนตัวอยู่ที่ห้องรับแขกเพื่ออ่านหนังสือ รับฟังข่าวสาร และเตรียมงานต่างๆที่ได้รับมอบหมายจากสมาคมที่ตนเองเป็นเป็นประธานหรือกรรมการอยู่

ตอนสายของวันนี้ คุณประกายแก้วจึงได้มีโอกาสเห็นหน้าว่าที่หลานชายคนใหม่ที่คุณศศิพิมพ์และภูผาหลานชายคนเดียวพามาให้รู้จัก รวมถึงบิดามารดาของว่าที่หลานชายคนใหม่อีกด้วย

คุณประกายแก้วคือผู้หญิงรูปร่างเล็กสมส่วน อายุประมาณหกสิบห้าปี ที่ยังดูแข็งแรงกระฉับกระเฉง แม้ใบหน้าจะแสดงให้เห็นถึงอายุที่มากแล้ว แต่ก็ยังสะท้อนให้เห็นถึงความงดงามและความสวยสมวัย รวมถึงแววตาที่เจือปนความเมตตาและกรุณาต่อบุคคลทั่วไป

คุณประกายแก้วนิยมแต่งกายด้วยผ้าถุงไหมชั้นดี และเสื้อผ้าไหมเข้าชุดกัน ซึ่งทำให้ท่านดูสวยสง่าสมราศีผู้ที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ(ท.จ.ว.) กลายเป็นสตรีที่สามารถใช้คำหน้านามว่า “ท่านผู้หญิง” ได้อย่างสมเกียรติ

หลังจากนั่งลงบนโซฟารับแขกสีงาช้างสะอาดตา รับกับเครื่องเรือนและสีไม้สักทองของบ้านทรงไทยหลังนี้ แขกผู้มาเยือนและภูผาจึงทำความเคารพประมุขของบ้านอย่างนอบน้อม

“คุณแม่คะ พิมพ์พาครอบครัวลูกชายคนใหม่ของพิมพ์มาแนะนำค่ะ” คุณศศิพิมพ์ผู้มีบุคลิกทันสมัย เปิดประเด็น พร้อมแนะนำครอบครัวของฟ้าลั่นให้ผู้เป็นมารดาได้รู้จัก

“นี่นายแพทย์ศิลป์กวี ศรีสิริโชคชัย และ คุณพิมพิมล บิดาและมารดาของหลานชายคนใหม่ของคุณแม่ค่ะ”

“และนี่คนสุดท้ายค่ะ ฟ้าลั่น ลูกชายอีกคนของพิมพ์เองค่ะ....หลานชายคนใหม่ของคุณแม่ค่ะ” คุณศศิพิมพ์พูดตรงๆ อย่างไม่อ้อมค้อม เพราะรู้จักนิสัยของมารดาตนเองเป็นอย่างดี

หลังเสร็จสิ้นการแนะนำตัว ทั้งสามคนก็ยกมือไหว้และกล่าวสวัสดีผู้อาวุโสกว่าอีกครั้ง

“สวัสดีค่ะ” คุณประกายแก้วรับไหว้และกล่าวทักทาย

“นี่แม่พิมพ์.....ลูกไปมีลูกชายคนใหม่มาได้อย่างไร......ทำไมแม่ไม่เห็นจะรู้เรื่อง” คุณประกายแก้วถามบุตรสาวด้วยความสงสัย

“อันนี้พิมพ์ว่า คุณแม่ต้องถามหลานชายสุดที่รักของคุณแม่เถอะค่ะ.....หมอกเค้าคงตอบได้ดีกว่าพิมพ์ค่ะ” ผู้เป็น
มารดาโยนความรับผิดชอบมาให้ลูกชายอย่างภูผาทันที

ทั้งคุณศศิพิมพ์ คุณพิมพิมล และคุณศิลป์กวีต่างพร้อมใจกับนิ่งเงียบ เพื่อให้ลูกๆทั้งสองคนที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วเริ่มต้นอธิบายให้คุณประกายแก้วรับทราบ โดยที่ทั้งสามท่านก็จะนั่งรับฟังและคอยเป็นกำลังใจตลอดเวลา 

คุณประกายแก้วดูเหมือนจะรับรู้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นได้ดี จึงพร้อมปฏิบัติตัวเป็นผู้รับฟังอย่างดีเช่นกัน

“ไหนหมอก.....บอกยายมาซิลูก.....” คุณประกายแก้วหันมายิ้มให้กับหลานชายคนเดียวอย่างเอ็นดู พร้อมส่งคำถามง่ายๆ

“เอ่อ......เอ่อ......คือฟ้าลั่นเค้าเป็น เอ่อ....เพื่อนสนิทของผมครับ....คุณแม่เลยรับเป็นลูกชายอีกคนหนึ่งครับ” ภูผาพยายามพูดเพื่อหลีกเลี่ยงการโกหกมากที่สุด

“แล้วทำไม.....ต้องให้เพื่อนหลานลำบากเอาพ่อกับแม่เค้ามาหายายด้วยล่ะหมอก” คุณประกายแก้วยังคงถามต่ออย่างอารมณ์ดี แม้จะรู้สึกว่าหลายชายกำลังปิดบังอะไรบางอย่างอยู่

“เอ่อ.....เอ่อ......” ภูผายังคงไม่กล้าเรียนไปตรงๆ

“ขอประทานโทษครับคุณยาย.....ผมขออนุญาตชี้แจงแทนหมอกได้มั้ยครับ” ในที่สุดฟ้าลั่นก็ขออนุญาตคุณประกายแก้วเพื่อให้คำอธิบายแทนภูผาที่ยังอ้ำอึ้งอยู่

“ได้ซิจ๊ะ......” คุณประกายแก้วหันมาหาคนพูด พร้อมส่งสายตาที่แฝงความเอ็นดูอย่างเต็มเปี่ยมมาให้

“คือว่า......ผมรักหมอกครับคุณยาย” ฟ้าลั่นพูดออกมาอย่างตรงไปตรงมา....สั้นๆและได้ใจความ

“ผมจะมาขอความเมตตาคุณยายให้เอ็นดูเราทั้งสองคนครับ........หมอกเป็นคนสำคัญสำหรับหัวใจของผมครับ” คำพูดที่นอบน้อม พร้อมกับการร้องขออยู่ในทีของฟ้าลั่น สร้างความประทับใจให้แก่ผู้ที่นั่งฟังอยู่ยิ่งนัก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






gobgab

  • บุคคลทั่วไป
“คือว่า......ผมรักหมอกครับคุณยาย”

“ผมจะมาขอความเมตตาคุณยายให้เอ็นดูเราทั้งสองคนครับ........หมอกเป็นคนสำคัญสำหรับหัวใจของผมครับ”

ถ้าเรามี...........เราจะกล้าอย่างนี้ไหมหนอ................ :try2:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
อืม.... ครอบครัวดี  ก็เป็นพื้นฐานที่ดีที่จะพัฒนากำลังสำคัญของอนาคตของชาตินะ   เง้อ ตรูพูดไรเนี่ย  เครียดเชียว  5555  :try2:

น่ารักกันหมดบ้านเรยยย  ชอบจัง  ชื่อแม่ก็น่ารัก  ชื่อเหมือนเราเลย ชื่อ พิมพ์   อิอิ  :impress2:

รออ่านต่อค้า  เรย์  :impress:

beaches

  • บุคคลทั่วไป
ผมอ่านนิยายมาก็หลายเรื่อง นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายเรื่องแรกที่เมื่ออ่านแล้ว   เหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในโลกอีกฟากหนึ่งซึ่งเป็นโลกแห่งจินตนาการที่มีแต่เรื่องราวในด้าน positive เกือบทั้งหมด ลักษณะท่าทางของตัวละคร แต่ละตัว perfect มากๆ    ซึ่งต่างกันเกือบจะโดยสิ้นเชิงกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในชีวิตคนส่วนใหญ่ที่ต้องวนเวียนอยู่ภายใต้บริบทเดียวกัน อย่างที่เกิดในนิยาย

อ่านนิยายเรื่องนี้เหมือนได้พักผ่อน ได้ดื่มด่ำกับความฝัน ที่แทบจะไม่มีทางเป็นไปได้เลยในความเป็นจริง ซึ่งก็เป็นอีกอรรถรสที่ได้รับ

ผมเห็นด้วยกับ GobGab มากๆ    ถ้าวันนึงผมมีแบบนี้บ้าง ผมคงโดนไล่ออกจากบ้านแน่ๆ   พ่อกับแม่คงรับไม่ได้....เข้าใจทั้งความรู้สึกและความคาดหวังเขา และ ความรู้สึกเราเองด้วย  มันเหมือนกับอยู่ตรงกลางที่ไม่สามารถลงเอยด้วยอะไรสักอย่างได้    คงต้องปล่อยให้มันเป็นความลับตลอดไปจะดีกว่า

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
่โลกแห่งความเป็นจริง มักจะมีแต่เรื่องโหดร้าย เศร้าเสียใจ

ในขณะที่โลกแห่งความฝัน มักจะเต็มไปด้วยสิ่งที่สวยงาม

คนเราจึงมักจะมีเรื่องเพ้อฝันเสมอ

พูห์ :confuse:




ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
ทุกคนต่างมีเหตุผลมาตอบรับการกระทำของตัวเองกันทั้งนั้น
อยู่ที่ว่าแต่ละคนเติบโตมาบนพื้นฐานชีวิตแบบใด
ชีวิตจริงก็เช่นกัน ไม่มีใครอยากได้ชื่อว่าเป็นตัวอิจฉา
คงต้องบอกว่าเข้าใจในความเป็นตัวตนเขา และหลีกเลี่ยงคนที่เราไม่อาจเข้าถึงเขาได้
น่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุด  :teach:


******************************************************

คุณประกายแก้วได้ฟังประโยคที่ฟ้าลั่นกล่าวออกมาก็นิ่งไปซักพัก ด้วยความเป็นผู้ใหญ่จึงไม่แสดงอาการตกใจใดๆ ยังคงมีรอยยิ้มที่แจ่มใส อ่อนโยน มีเมตตาเสมอ ยามเมื่อทอดสายตามายังหลานรัก......และ “คนรักของหลาน”

“หมอก...หลานรักฟ้าลั่นหรือเปล่าจ๊ะ” คุณประกายแก้วเอ่ยถามหลานชายอย่างอ่อนโยน

“ครับ....ผมรักฟ้าลั่นครับ” ภูผาตอบเบาๆหลังเงยหน้าขึ้นสบตาคุณยายของตน

“แล้วทำไม หลานถึงบอกกับยายว่า.....ฟ้าลั่นเป็นเพื่อนสนิทแต่แรกล่ะจ๊ะ”

“เอ่อ....ผมกลัวคุณยายรับความรักของผมทั้งสองคนไม่ได้ครับ” ภูผาตอบเบาๆอีกครั้ง

“ก็เลยต้องโกหกยาย.....เฮ้อ.....หรือจะเถียงว่าบอกไม่หมด......เรียกว่าบอกความจริงแค่ครึ่งเดียว” คุณประกายแก้วดักทาง

“ครับ” ภูผารับคำอย่างจนใจ

“ยายไม่ห้ามหรอก ถ้าเราจะรักกัน.....แม้มันจะแปลกอยู่สักหน่อย.....แต่ยายไม่ใช่คนล้าสมัย....ที่ไม่รู้ว่าปัจจุบัน ความรักมันไม่ได้กำจัดเพศอีกต่อไปนะหมอก” คุณประกายแก้วบอกกับหลานชายหลังจากพิจารณาและไตร่ตรองอย่างดี ถึงความเป็นจริงที่เกิดขึ้นกับภูผาและฟ้าลั่น

คุณประกายแก้วคืออีกหนึ่งตัวอย่างของผู้ที่มีวัยวุฒิสูง แต่ไม่ได้มีความคิดโบราณหรือยึดติดกับความดั้งเดิมของความรักต่างเพศ คุณประกายแก้วมักเปิดกว้างกับแนวคิดใหม่ๆที่ไม่เป็นพิษเป็นภัยเสมอ รวมถึงให้เกียรติการตัดสินใจของคนที่ตนรักและเอ็นดูตลอดเวลา

“ความรักมันเป็นเรื่องของหลานทั้งสองคนเอง ยายว่าทั้งแม่ของหลาน คุณพิมศิริ และคุณศิลป์กวี ก็คิดเช่นเดียวกัน...ใช่มั้ยคะ” ผู้อาวุโสที่ยังมีความจำที่แม่นยำ หันมาเอ่ยปากถามบิดามารดาของฟ้าลั่น

“ครับ....ค่ะ” ผู้ใหญ่ทั้งสามคนตอบรับพร้อมกัน

“ขอบคุณครับคุณยาย” สองหนุ่มกล่าวขึ้นมาพร้อมกัน

“แต่สิ่งที่ยายอยากจะขอ....ก็คือ....อย่าให้ความรักที่มีมันสูญไป.......หลานทั้งคู่ต้องเข้มแข็ง และมั่นคง......ความรักในกรณีของหลานมันคงมีอุปสรรคมากมาย......ยายว่าเราทั้งคู่คงทราบดี”

“ครับ” สองหนุ่มตอบรับพร้อมกันอีกครั้ง

“แล้วหมอกหรือฟ้าลั่นมีอะไรจะบอกยายอีกหรือเปล่าจ๊ะ......เพราะว่าพาทั้งคุณพ่อคุณแม่มาหายายแบบนี้....น่าจะไม่ได้มีเรื่องแค่นี้อย่างเดียว” คุณประกายแก้วดักทางหลานรักอีกครั้ง

“คือผมขออนุญาตคุณยายตามหมอกไปเรียนที่อังกฤษด้วยครับ” ฟ้าลั่นเป็นฝ่ายเลือกตอบแทน

“อ้าว......ทำไมมาขอยายล่ะจ๊ะฟ้าลั่น....แล้วไม่ทราบว่า....คุณศิลป์กวี และคุณพิมพิมล อนุญาตหรือยังคะ” ประโยคหลังคุณประกายแก้วหันมาถามบิดามารดาของฟ้าลั่น

“ฟ้าลั่นมาขออนุญาตแล้วครับท่านผู้หญิง.....ทั้งผมและคุณพิมก็อนุญาตครับ” บิดาของฟ้าลั่นเป็นฝ่ายตอบ

“ไม่ต้องเรียกเต็มยศอย่างนั้นหรอกค่ะ .....ถ้าไม่รังเกียจ ก็เรียกคุณแม่ตามยายพิมพ์ก็ได้ค่ะ......ถ้าฟ้าลั่นเป็นหลานคนใหม่ของดิฉัน......ดังนั้นคุณทั้งคู่ก็เป็นเสมือนลูกของดิฉันเช่นกันค่ะ” คุณประกายแก้วยิ้มน้อยๆ ยามกล่าวถึงข้อเสนอนี้

“ขอบพระคุณครับ/ค่ะ” บิดามารดาของฟ้าลั่นกล่าว

“อย่างนั้น....ดิฉันขอแทนตัวเองว่า พิม นะคะคุณแม่” คุณพิมพิมลขออนุญาต เพื่อจะอธิบายต่อข้อความของสามี

“เชิญตามสบายค่ะ” คุณประกายแก้วตอบรับ

“ฟ้าลั่นเค้ามาขออนุญาตพิมกับคุณศิลป์เมื่อวานค่ะ .....และวันนี้ฟ้าลั่นก็ตัดสินใจมาขออนุญาตคุณแม่อย่างเป็นทางการค่ะ......เนื่องจากต้องรีบเตรียมตัวเพื่อให้ทันกับเปิดเทอมค่ะ” คุณพิมพิมลรับหน้าที่เป็นฝ่ายขยายความต่อ

“คือผมมีความประสงค์ที่จะไปพักอยู่กับหมอกที่อังกฤษครับ เลยมาขออนุญาตคุณแม่และคุณยายครับ” ฟ้าลั่นกล่าวแสดงความต้องการของตน

“รวมถึงผมประสงค์ที่จะกราบเรียนให้ คุณยาย และคุณแม่ทราบว่าผมรักหมอกมากครับ”

“ขอบใจมากจ๊ะ” คุณประกายแก้วเอ่ยปาก

“หนูพิมพ์และคุณศิลป์กวีอบรมสั่งสอนฟ้าลั่นมาดีมากนะคะ รู้จักเข้าหาผู้หลักผู้ใหญ่” คุณประกายแก้วหันมาชมบิดามารดาของฟ้าลั่นอย่างจริงใจ ก่อนจะรับคำขอบคุณกลับไปอย่างนอบน้อมจากบุคคลทั้งสอง

“ยายไม่ขัดหรอก.......... ยายตามใจหลานทั้งสองคน” คุณประกายแก้วหันกลับมาบอกภูผาและฟ้าลั่นที่นั่งอยู่บนโซฟาคู่กัน

“ดีแล้ว.........อย่างนี้ยายก็หมดห่วง.....หวังว่าเราทั้งคู่จะประสบความสำเร็จในชีวิตนะจ๊ะ”

“ขอบคุณครับคุณยาย” ฟ้าลั่นและภูผากล่าวรับพรพร้อมกัน

“ส่วนเรื่องเงินเรื่องทองเรื่องการเรียน หลานทั้งสองไม่ต้องกังวลนะจ๊ะ ยายจะจัดการให้เอง” คุณประกายแก้วยื่นข้อเสนอ

“ไม่เป็นไรมิได้ครับคุณแม่....ผมและคุณพิมพ์ขอรับผิดชอบเองครับ” คุณศิลป์กวีกล่าวตามมาทันที

คุณประกายแก้วกำลังจะตอบปฏิเสธ หากแต่กลับเปลี่ยนใจหลังเห็นอาการไม่สบายใจของบิดาและมารดาของฟ้าลั่น

“เอาอย่างนี้ดีกว่ามั้ยคะ......ถ้าคุณศิลป์กวีและหนูพิมไม่ขัดข้องเราทั้งสองครอบครัวก็ช่วยๆกันก็ได้ค่ะ”คุณประกายแก้วประนีประนอม

“เอ่อ....คุณยายครับ ผมทั้งสองคนวางแผนจะขอทุนการศึกษาครับ...คงจะไม่รบกวนคุณยาย และคุณแม่ คุณพ่อมากเท่าไหร่ครับ” ภูผาเป็นฝ่ายบอกคุณยายของตน

“ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ......ยายสนับสนุนเอง ถ้าได้ทุนก็ดีไป แต่ค่ากินค่าอยู่ก็ต้องใช้จ่าย แค่นี้ไม่เป็นไร.........ยายเต็มใจ”

“คุณพ่อของพิมพ์...ท่านก็ช่วยสนับสนุนด้วยค่ะ” คุณพิมพิมลกล่าว

“อย่างนั้นก็ตกลงว่า เราก็ช่วยๆกันสนับสนุนทั้งคู่ให้ตั้งใจเรียนให้สำเร็จก็แล้วกันนะคะ” คุณประกายแก้วหันมาตกลงกับบิดามารดาของฟ้าลั่นอีกครั้ง

“ค่ะ/ครับ” บิดาและมารดาของฟ้าลั่นรับคำ

“ขออนุญาตขัดจังหวะค่ะ ...........คุยกันมานานแล้ว....หิวหรือยังคะ.....เชิญรับประทานอาหารกลางวันกันก่อนดีกว่าค่ะ”คุณศศิพิมพ์เอ่ยขึ้น หลังจากมองดูนาฬิกาที่บอกเวลาเกือบเที่ยงตรงแล้ว

“เดี๋ยวพิมพ์ขออนุญาตไปบอกให้คุณแม่บ้านตั้งโต๊ะรับประทานอาหารกลางวันที่เรือนกลางน้ำนะคะ” คุณศศิพิมพ์กล่าวขอตัวออกไปเพื่อจัดการเรื่องอาหารให้ทันเวลา

   ช่วงรับประทานอาหาร คุณประกายแก้วก็ซักถามเพิ่มเติมถึงเรื่องราวต่างๆของทั้งสองหนุ่ม รวมถึงเรื่องครอบครัวของฟ้าลั่นด้วย จนทำให้ทราบว่า คุณยายของฟ้าลั่น ซึ่งก็คือคุณแม่ของคุณพิมพิมลคือเพื่อนสนิทของตนที่เรียนมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ก่อนจะย้ายตามสามีคือคุณพฤทธิ์ไปอเมริกาตั้งแต่ยังสาว และก็ได้ติดต่อกันมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเพิ่งมาขาดการติดต่อภายหลังเมื่อทราบว่าเสียชีวิตไปแล้วนั่นเอง 

นั่นจึงเป็นเหตุผลอีกประการหนึ่งที่สองครอบครัวจะสนิทสนมกันได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงเพราะคุณประกายแก้วก็รักและเอ็นดูหลานชายและครอบครัวของหลานชายคนใหม่อย่างมาก เนื่องจากประทับใจในบุคลิก มารยาท และการพูดจาที่สุภาพของทั้งครอบครัวศรีศิริโชคชัย

ดังนั้นอุปสรรครักครั้งนี้ของภูผาและฟ้าลั่นจึงผ่านไปด้วยดี.....เพราะอาศัยความรักความเข้าใจของครอบครัว....ที่มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม

**************************

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-12-2006 22:05:46 โดย b|ueB[o]YhUb »

ออฟไลน์ Lucifer

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1

abcd

  • บุคคลทั่วไป
                                            :yeb: น่ารักกันจางเยย ครอบครัวในฝันของครายหลายๆคน :like6:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
 :confuse: :confuse: :confuse:


อยากให้ชีวิตเป็นแบบนี้จัง



พูห์ :serius2:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
ครอบครัวในฝันจริง ๆ ด้วย  ดีจัง   :impress2:

รออ่านต่อนะเรย์   :impress:


ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
ในความฝันมักจะสวยงามเสมอ 

แต่โลกแห่งความจริงนี่ซิ จะได้เศษเสี้ยวของความฝันหรือเปล่า  :monkeysad:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






gobgab

  • บุคคลทั่วไป
ในความฝันมักจะสวยงามเสมอ 

แต่โลกแห่งความจริงนี่ซิ จะได้เศษเสี้ยวของความฝันหรือเปล่า  :monkeysad:

คิดเหมือนคุณ shell เลย..............เพราะถ้าได้แค่สักเศษเสี้ยวก็คงดี :impress3:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
ความรักมันมีมุมที่สวยงามเสมอ เพียงแต่ทุกคนจะพอใจในรักที่ตนมีอยู่หรือไม่ก็เท่านั้น

ปล.แอนเดรียฝากขอโทษด้วยนะ พักนี้งานยุ่งมากๆ เลยมาช้าหน่อยนะครับ
 :myeye:

****************************************************************
I swear
[wma=300,50]http://wafa37.free.fr/All4One-ISwear.mp3[/wma]
********************************************************************

บทที่ 15 ผนึกรัก......สอดสลักหัวใจ

เช้าวันจันทร์...................

จอมยุทธ์รับฟังเรื่องราวทั้งหมดจากพี่ชายทั้งสองคน ก็เกิดความยินดีเป็นอย่างมาก เพราะความรักที่เกิดขึ้นได้รับการยอมรับจากครอบครัวของทั้งคู่ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะเป็นรากฐานของรักที่มั่นคงในอนาคตนอกเหนือจากหัวใจรักที่มั่นคง และปัจจัยสุดท้ายคือ......โชคชะตา

เพราะข่าวดีที่พี่ชายทั้งสองนำกลับมาจากกรุงเทพฯ ทำให้จอมยุทธ์ได้จังหวะเสนอตัวเป็นเจ้ามือเลี้ยงฉลองในตอนเย็นหลังจากเรียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ภูผาและฟ้าลั่นไม่ขัดข้องกับข้อเสนอนี้แต่อย่างใด ส่วนหนึ่งเพราะต้องการมอบเวลาที่เหลืออยู่ในเมืองไทยในอีกไม่กี่เดือนกับจอมยุทธ์ให้มากที่สุด ก่อนที่ทั้งคู่จะไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ

ทั้งสามหนุ่มจึงเลือกร้านกูดวิวส์....ร้านอาหารประจำ เป็นสถานที่สังสรรค์กันในครั้งนี้

ขณะนั่งรออาหารที่สั่ง จอมยุทธ์ก็เปิดประเด็นสนทนาต่อเนื่องจากที่หยุดไว้ในตอนเช้า

“อย่างนี้.....ผมก็เหงาแย่เลยซิครับ.....อีกไม่นานผมก็ไม่มีพี่หมอกและพี่ฟ้าลั่นอยู่ด้วยแล้ว” จอมยุทธ์ทำหน้าเศร้า

“นายก็ไปเยี่ยมพี่ที่อังกฤษซิ.........แค่นี้ขนหน้าแข้งคงไม่ร่วงหรอกมั้ง”ภูผายักคิ้วถาม

“ผมไปแน่ครับ......จะไปบ่อยๆด้วย หรือไม่ก็จะขอป๊ากับม๊าไปเรียนโทนี่โน่นเลยครับ.......”

“เออ....พี่ว่าจะถามตั้งหลายทีแล้ว....ว่าทำไมไม่ไปเสียตั้งแต่ตอนปริญญาตรีเลยล่ะ” ฟ้าลั่นสงสัย

“ก็สาวไทยกับหนุ่มไทย ยังน่ารักอยู่นี่ครับ......ผมไม่ชอบฝรั่งน่ะครับ”จอมยุทธ์หัวเราะเบาๆ ก่อนสารภาพให้พี่ชายทั้งสองคนฟัง

“แหม....นึกว่าอะไร....ที่แท้ก็ยังติดสาวๆกับหนุ่มๆไทยอยู่......ระวังเถอะ......สลับรางให้ดีๆ แล้วกัน”ภูผาตักเตือนด้วยความเป็นห่วง

“ขอบคุณคร๊าบ.....พี่หมอกที่รัก” เจ้าตัวดีรีบขอบคุณเป็นการเอาใจ

“แล้วพี่หมอกกับพี่ฟ้าลั่นจะทำอย่างไรต่อไปครับ...เรื่องเรียนต่อน่ะครับ”จอมยุทธ์ถามต่อ

“พี่คงต้องเตรียมเอกสารและสอบภาษาอังกฤษ แล้วก็รอใบทรานสคริป หลังจากนั้นก็ส่งใบสมัครไปทางมหาวิทยาลัย แล้วก็รอให้เค้าตอบรับกลับมา.....แค่นั้น” ฟ้าลั่นตอบในส่วนที่ตนเองต้องจัดการ

“พี่หมอกเค้ารู้จักกับ professor ที่โน่นแล้ว เลยสบายหน่อย พอใบสมัครไปถึงเค้าก็คงตอบรับกลับมาอย่างรวดเร็ว....ส่วนตอนนี้พี่ก็กำลังติดต่อ professor อยู่เหมือนกัน ถ้าติดต่อได้ก็จะสะดวกมากขึ้น” ฟ้าลั่นบอกต่อ

“ดีจังเลยนะครับ.....เท่าที่ผมทราบที่อังกฤษ...แต่ละ school เค้ามีสิทธ์รับนักศึกษาได้โดยตรง ดังนั้นถ้ามี professor รับเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาให้อยู่ก่อนหน้าแล้วก็จะเข้าได้ง่ายมากขึ้น......อีกอย่างเกรดของพี่ทั้งสองคนก็ดีเยี่ยมขนาดนี้....เค้าคงต้องรีบรับแหละครับ” จอมยุทธ์แสดงความคิดเห็น

“พี่ก็หวังว่ามันจะเป็นอย่างงั้น” ฟ้าลั่นกล่าวเบาๆ ด้วยความไม่แน่ใจนัก

“ไม่เป็นไรหรอกฟ้าลั่น...เดี๋ยวเราช่วย เพราะ professor เราสนิทกับ Host Family....... เราอาจจะขอให้เค้าช่วยหา professor ให้นายด้วย” ภูผาที่นั่งฟังอยู่เอ่ยขึ้นมา ส่งผลให้ฟ้าลั่นเกิดความสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย

“ขอบใจมากนะหมอก...ถ้าไม่ทันเทอมนี้ เราก็สมัครเทอมหน้า.....แต่อย่างไรเราก็จะไปอังกฤษพร้อมนายอยู่ดี” ฟ้าลั่นให้สัญญากับภูผา

“งั้นผมก็เลี้ยงฉลองให้ล่วงหน้าด้วยแล้วกันครับ” จอมยุทธ์พูดพลางยกแก้วเบียร์ขึ้นชนกับแก้วของพี่ชายทั้งสองคน

ทั้งสามคนใช้เวลาไม่นานนักที่ร้านอาหาร เนื่องจากต้องรีบกลับมาพักผ่อนที่หอพัก เพราะพรุ่งนี้จอมยุทธ์และฟ้าลั่นมีเรียนในตอนเช้าด้วยกันทั้งคู่

หลังจากนั้นเป็นต้นมา ฟ้าลั่นและภูผาก็ดูเหมือนว่าจะยุ่งวุ่นวายอยู่กับการเตรียมตัว การเตรียมเอกสารเรื่องไปเรียนต่อ ที่ต้องรีบทำตามขั้นตอนที่กำหนดภายในเวลาไม่กี่เดือน อีกทั้งยังต้องเตรียมตัวสำหรับการสอบปลายภาคการศึกษาที่กำลังจะมาถึงอีกด้วย .....

การสอบครั้งนี้ถือเป็นครั้งสุดท้ายของชีวิตการเรียนในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ทั้งคู่จึงต้องตั้งใจเป็นพิเศษแม้จะลงทะเบียนเรียนเพียงแค่ไม่กี่วิชาก็ตาม และอีกประการหนึ่งก็เพื่อรักษาระดับเกรดที่ดีเยี่ยมเอาไว้

นอกจากต้องเตรียมเอกสารและเตรียมสอบแล้ว ฟ้าลั่นและภูผาก็ยังเจียดเวลามานั่งติวแกมบังคับให้เจ้าจอมยุทธ์......น้องชายตัวดีอ่านหนังสือเตรียมสอบอีกด้วย เพราะว่าถ้าเผลอ นายจอมยุทธ์ก็จะหลับ หรือไม่ก็แวะไปหาแฟนคลับ จนไม่เป็นการอ่านหนังสืออยู่ร่ำไป

**************

สัปดาห์หฤโหดแห่งการสอบปลายภาคการศึกษาจบสิ้นไป พร้อมๆกับการคำว่า “นักศึกษา” ก็หายไปเช่นกัน เพราะหมายความว่าภูผาและฟ้าลั่นรวมถึงเพื่อนๆในรุ่นเดียวกันเกือบทั้งหมดได้สำเร็จการศึกษาเรียบร้อยแล้ว

ก่อนที่จะแยกย้ายกันเก็บข้าวของกลับบ้านและเตรียมตัวสมัครงานหรือเรียนต่อปริญญาโทกันต่อไปในอนาคต เพื่อนสนิททั้งกลุ่มรวมถึงภูผาและฟ้าลั่นจึงพากันไปเลี้ยงฉลองการจบการศึกษากันอย่างสนุกสนานติดต่อกันหลายวัน

ฟ้าลั่นและภูผายังไม่กลับกรุงเทพในทันที แต่ยังคงอยู่หอพักต่อจนสิ้นเดือนมีนาคม เพราะต้องการจัดการเรื่องเอกสารต่างๆ เพื่อส่งไปให้มหาวิทยาลัยที่ประเทศอังกฤษให้เรียบร้อย รวมถึงเพื่อมอบเวลาว่างเกือบทั้งหมดกับจอมยุทธ์.....ให้น้องชายมีความสุขก่อนจะลาจากกันไกล

ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพ......ภูผาและฟ้าลั่นถือโอกาสเข้าพบคุณรพีพรรณและคุณวิศรุต มารดาและบิดาของจอมยุทธ์ ที่บ้านอีกครั้ง เพื่อลากลับกรุงเทพและถือโอกาสลาไปเรียนต่อที่อังกฤษพร้อมด้วยในทีเดียว  เพราะมหาวิทยาลัยตอบรับให้เข้าศึกษาต่อแล้ว

คุณรพีพรรณมอบของขวัญเป็นนาฬิกาอย่างดีให้ทั้งสองหนุ่มด้วยความรักใคร่เอ็นดู ไม่รวมถึงที่ฟ้าลั่นและภูผาช่วยดูแลและจัดการลูกชายคนเล็กของตนอย่างอยู่หมัด นอกจากนั้นยังรับปากจะให้จอมยุทธ์มาส่งที่สนามบินดอนเมือง ตอนที่จะต้องขึ้นเครื่องไปอังกฤษ โดยที่ทั้งตัวเธอและคุณวิศรุตอาจจะไปส่งด้วยถ้าไม่ติดธุระอะไร

ฟ้าลั่นและภูผากราบขอบพระคุณทั้งสองท่านในความเมตตาที่มีให้เสมอมา หลังจากนั้นจึงลากลับ เพื่อเตรียมเก็บข้าวของขนกลับกรุงเทพฯต่อไป

จอมยุทธ์ดูจะเหงาหงอยลงไปจนสังเกตได้ชัดในตอนเช้าวันที่ภูผาและฟ้าลั่นเดินทางกลับกรุงเทพฯ เพราะว่าต่อไปนี้เขาคงไม่มีพี่ชายที่แสนดีทั้งสองคน คอยเป็นห่วงเป็นใยและคอยดูแล ยิ่งกว่าพี่ชายและพี่สาวแท้ๆของตนรวมถึงคงไม่มีช่วงเวลาที่สนุกสนาน เช่นการไปรับประทานอาหาร ดูหนัง หรือเล่นกีฬา ด้วยกันสามคนเช่นเมื่อก่อน

“ไม่ต้องเศร้าหรอกจอม.....คิดถึงพี่ก็โทรไปหา หรือไม่ก็บินไปหาพี่ที่บ้านก็ได้”ฟ้าลั่นตบบ่าจอมยุทธ์เบาๆ ขณะยืนอยู่ข้างรถ

“อืม.......ไปนอนกับพี่ก็ได้ที่กรุงเทพ หรือไม่ก็ตามไปอังกฤษ”ภูผาพูดต่อ

“พี่สัญญาว่ากลับมาเมืองไทยเมื่อไหร่จะบินขึ้นมาหานายทุกครั้งเลย” ฟ้าลั่นให้สัญญาเพื่อปลอบใจคนที่ยืนทำหน้าเศร้าอยู่

“จริงนะครับ.....พี่หมอกกับพี่ฟ้าลั่นต้องมาหาผมนะครับ.....”จอมยุทธ์คาดคั้น

“จริงซิ....เราเป็นน้องชายพี่นี่นา....อีกอย่างพี่ทั้งสองคนก็ต้องมาเยี่ยมพี่เสือเหมือนกันนั่นแหละ.....หวังว่าปีหน้า เราคงอยู่พร้อมหน้ากันสี่คน” ภูผาเป็นฝ่ายตอบก่อนจะคว้าตัวจอมยุทธ์ไปกอดเพราะความรักและเอ็นดู ส่งผลให้คนถูกกอด เกิดอาการตาแดง น้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้

ฟ้าลั่นก็เข้ามากอดจอมยุทธ์ด้วยเช่นกัน คราวนี้เจ้าเสือน้อยกลับร้องไห้โฮออกมาอย่างไม่เกรงใจใคร เพราะรักและผูกพันกับพี่ชายทั้งสองคนนี้มาก........

แม้จะดูเป็นผู้ใหญ่บ้างในบางครั้ง แต่ถึงอย่างไรจอมยุทธ์ก็ยังเป็นเด็กอยู่มาก เขาจึงอดไม่ได้ที่จะเสียใจและรู้สึกใจหาย เวลาคนที่ตนเองรักจะจากไปไกล

“เฮ้ย..ร้องไห้ทำไม.....ไม่เอาน่า.....เดี๋ยวเราก็ได้เจอกันบ่อยๆ”ฟ้าลั่นปลอบ เพราะรู้ดีว่าอย่างไรเสียเขาเองและภูผาก็ต้องกลับมาเมืองไทยในช่วงปิดเทอม และต้องขึ้นมาหาจอมยุทธ์และพี่เสืออยู่ดี

“ดูแลตัวเองด้วยนะจอม......ตั้งใจเรียน.... เอาเกียรตินิยมนะ แล้วจะได้ไปเรียนที่เดียวกับพี่ตอนปริญญาโท....อีกแค่สามปีเอง” ภูผากล่าวตบท้าย ก่อนจะปล่อยจอมยุทธ์ออกจากอ้อมกอดของตน เพื่อเตรียมขึ้นรถฟ้าลั่นกลับไปกรุงเทพพร้อมกัน

“ครับ” จอมยุทธ์รับปากพร้อมกับปาดน้ำตาออกจากใบหน้า เขาโบกมือลาให้กับรถของพี่ชายที่เคลื่อนที่ออกจนหายลับสายตาไป

****************

จดหมายตอบรับจากมหาวิทยาลัยส่งมาที่บ้าน หลังจากภูผาและฟ้าลั่นกลับมาอยู่ที่กรุงเทพได้ประมาณสองสัปดาห์
จากนั้นทั้งคู่จึงเดินทางไปสถานทูตเพื่อทำวีซ่าเข้าประเทศอังกฤษอย่างเร่งด่วน เนื่องจากต้องเดินทางไปจัดการเรื่องห้องพักและเรื่องอื่นๆให้เรียบร้อยก่อนที่มหาวิทยาลัยจะเปิด

โชคดีที่ Host family ของภูผาได้จัดการติดต่อเรื่องห้องพักไว้ให้ก่อนหน้านี้แล้ว และยังกรุณาจัดการซื้อข้าวของจำเป็นไว้ให้บางส่วนอีกด้วย คงเหลือแต่ว่าสองหนุ่มคงจะต้องไปจัดให้เข้าที่ รวมถึงหาซื้อของจำเป็นต่างๆเพิ่มเติมแล้วแต่ความต้องการของแต่ละคน

หลังจากจัดการเรื่องวีซ่าและเอกสารต่างๆเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ฟ้าลั่นขออนุญาตบิดามารดาของตนและคุณยายและมารดาของภูผา เพื่อพาภูผาไปเที่ยวทะเลที่เกาะช้าง จังหวัดตราด เพื่อไปพักผ่อนก่อนที่จะเดินทางไปยังประเทศอังกฤษ

ผู้ใหญ่ทุกท่านอนุญาตด้วยความเต็มใจ แต่ก็ตักเตือนให้ระมัดระวังตนเอง ทั้งสองหนุ่มได้รับอนุญาตจากคุณยายประกายแก้วให้นำรถขับเคลื่อนสี่ล้อออกไปใช้ เพื่อจะได้เอาลงเรือฟอร์รีไปขับที่เกาะช้างได้โดยสะดวก

****************

ฟ้าลั่นออกเดินทางพร้อมภูผาตั้งแต่เช้า เขาขับรถมามาเรื่อยๆตามถนนบางนา-ตราด จนมาถึงท่าเรือฟอร์รี่อ่าวธรรมชาติประมาณบ่ายสองโมง แล้วจึงซื้อตั๋วเรือที่จะออกจากท่าทุกๆชั่วโมง เพื่อเดินทางต่อไปยังเกาะช้าง....จุดหมายปลายทางของการพักผ่อนในครั้งนี้

ประมาณสี่สิบห้านาทีนับจากออกจากท่า เรือลำใหญ่ก็จอดเทียบที่อ่าวสับประรดในพื้นที่ของเกาะช้าง หลังจากนั้นฟ้าลั่นจึงขับรถพาภูผาไปยังรีสอร์ทที่จองไว้ก่อนหน้านี้แล้ว

รีสอร์ทที่ฟ้าลั่นเลือกพักมีชื่อว่า “บาราย เกาะช้าง สปาแอนด์รีสอร์ท” ซึ่งเป็นรีสอร์ทติดชายทะเล ที่ตกแต่งแบบไสตล์บาหลี โดยเน้นการก่อสร้างห้องพักเป็นบ้านเดี่ยวๆหลังเล็กๆ ให้เปิดออกสู่รับลมทะเลโดยตรง

ทางเดินภายในรีสอร์ทปูด้วยหินกรวดมนและศิลาแลงแผ่น สลับกับบ่อน้ำรูปสี่เหลียมจัตุรัส โรยด้วยกลีบดอกไม้ตลอดเส้นทาง รอบๆบริเวณบ้านพักทั้งสิ้นสิบสองหลัง มีการประดับตกแต่งด้วยดอกไม้หลากสีตัดกับไม้พื้นเมืองสีเขียวเข้ม

จุดเด่นของสถานที่แห่งนี้อยู่ที่บ่อน้ำพุบริเวณใจกลางรีสอร์ท ที่ประดับตกแต่งอย่างลงตัวด้วยเทวรูปโบราณรวมถึงแผ่นหินศิลาแลงสลักเป็นรูปต่างๆสอดคล้องกับเทวรูปหลัก ด้วยความชุ่มชื่นของพื้นที่และแผ่นหินบริเวณน้ำพุ จึงทำให้มอสสีเขียวอ่อน เจริญงอกงามปกคลุมบางส่วนของเทวรูปและแท่งหินสลักต่าง ก่อเกิดเป็นภาพที่ดูน่าหลงใหลและน่าเกรงขามยิ่งนัก 

บ้านพักที่ฟ้าลั่นเลือกเพื่อสร้างความประทับใจให้ภูผา เป็นบ้านขนาดเล็กมีหน้าต่างเป็นกระจกใสคลุมด้วยผ้าม่านสีขาวสวยโดยรอบ ภายในประกอบด้วย เตียงนอนสีขาวนวลนุ่ม ชุดรับแขกขนาดกะทัดรัด โทรทัศน์ ตู้เย็น และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน โดยเน้นโทนสีขาวนวล และสีน้ำตาลเข้มออกแดง เพื่อให้รับกับสีของหินศิลาแลงที่เป็นวัสดุหลักในการสร้างรีสอร์ทแห่งนี้

นอกจากนั้นภายในห้องพักยังมีห้องน้ำขนาดใหญ่ พื้นโรยด้วยกรวดมนสีขาวสลับด้วยแผ่นศิลาแลง พื้นที่บางส่วนประดับด้วยดอกไม้และไม้ใบเขียว ดูแปลกตาและสวยงาม.....ตรงกลางห้องคือ อ่างอาบน้ำสีขาวนวล มีน้ำขังอยู่ครึ่งหนึ่ง พร้อมด้วยกลีบกุหลาบสีแดงสดสลับกับสีเหลืองของดอกเบญจมาศลอยอยู่ ก่อให้เกิดความสดชื่นยิ่งนัก รอบๆอ่างอาบน้ำเป็นลานหินกรวด ประดับประดาด้วยเทียนหอมหลายขนาดวางลดลั่นกันเป็นจังหวะที่สวยงาม

หน้าบ้านพักเป็นระเบียงกว้างปูพื้นด้วยไม้สีน้ำตาลเข้มเช่นเดียวกับรั้วที่ตั้งแสดงอาณาเขต ด้านซ้ายของระเบียงที่สามารถมองเห็นชายหาดและผืนทะเลได้อย่างชัดเจน เป็นที่ตั้งของเก้าอี้นอนราบสองตัว พร้อมด้วยโต๊ะเล็กๆสำหรับวางเครื่องดื่ม เพื่อให้ผู้เข้าพักสามารถนอนหรือนั่งชมบรรยากาศยามพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าได้อย่างสะดวกสบาย

ภูผาประทับใจในความสวยงามของรีสอร์ทที่ฟ้าลั่นเลือกเป็นอย่างมาก เขาเอ่ยชมให้ฟ้าลั่นฟังอย่างไม่ขาดปาก ขณะที่กำลังจัดเสื้อผ้าเข้าตู้อยู่

“เราไม่เคยผิดหวังเลย เวลานายเลือกที่พัก.....ฟ้าลั่น ....ที่นี่สวยมาก.....”

“เหมือนเค้าจัดไว้ให้คู่รักไว้มาฮันนีมูนเลยเนอะ” ภูผาตั้งประเด็น

“อืม.....ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ นั่นแหละ......ก็เรามาฮันนีมูนกันนี่นา.....”ฟ้าลั่นตอบคนรักของตนพร้อมส่งยิ้มกว้างมาให้ รวมถึงทำสายตากรุ้มกริ่ม ส่งผลให้คนถูกมองเขินอายจนเห็นได้ชัด ภูผายังไม่เคยชินซักทีกับดวงตาหวานฉ่ำของฟ้าลั่นยามจ้องมองมายังเขาด้วยความรักที่เต็มเปี่ยมเช่นนี้

“ฮันนีมูนอะไร.....เราไม่ได้แต่งงานกันซักหน่อย” ภูผาพูดเบาๆ ขณะยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่แต่แสร้งหันหน้าไปทางอื่น เพราะตอนนี้ฟ้าลั่นเดินเข้าหาอย่างช้าๆ พร้อมทั้งกอดเอวของเขาทางด้านหน้า ฟ้าลั่นเอามือข้างหนึ่งโน้มตัวของภูผาให้เข้ามาแนบอกกว้างของตน

“โดยนิตินัยนี่ถือว่าเราแต่งงานกันแล้วนะหมอก....เพราะพ่อกับแม่เรา คุณยายและคุณแม่ของหมอกก็รับรู้ตั้งแต่วันที่เราไปสารภาพกับท่านแล้ว......ส่วนพฤตินัย.......เราก็กำลังรออยู่ว่าเมื่อไหร่ หมอกที่รักของเราจะพร้อมเสียที” ฟ้าลั่นกระซิบเบาๆที่ข้างหู พร้อมถือโอกาสหอมแก้มนุ่มๆของภูผาอย่างอ่อนโยน

ภูผาไม่ตอบเพราะยังคงเขินอายกับเรื่องแบบนี้ แต่ก็ถือโอกาสที่ถูกคนรักของตนโอบกอดในเวลานี้ เงยหน้าขึ้นจูบริมฝีปากบางได้รูปของฟ้าลั่นอย่างอ่อนหวานเป็นการโต้ตอบเช่นกัน

“ถ้าหมอกยังไม่พร้อม.....เราก็จะรอ...รอจนกว่าหมอกจะพร้อมสำหรับเรา........”ฟ้าลั่นกระซิบบอก ภายหลังที่ภูผาปลดปล่อยริมฝีปากของตนเองให้เป็นอิสระ

“แต่จะดีที่สุดขอให้เป็นภายในสองวันนี้นะครับ...คนดีของฟ้าลั่น” ฟ้าลั่นพูดพร้อมกับดวงตาเปล่งประกายความปรารถนาไว้อย่างเต็มเปี่ยม เพราะเขาเตรียมแผนการเอาไว้จัดการกับ.....เจ้าหมอกน้อย.....คนรักของตนไว้เรียบร้อยแล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-12-2006 16:19:28 โดย b|ueB[o]YhUb »

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
หุหุ ฮันนีมูนที่เกาะช้าง  :haun5: แถมมีแผนจัดการกับเจ้าหมอกน้อยด้วย  :laugh:

น่าติดตาม

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
อ่านตอนลาน้องจอมแล้วน้ำตาซึมอีกแล้วอะ  เศร้าตอนจากลา  เฮ้อ  :impress3:

แต่อ่านตอนท้าย ๆ แล้วก็นะ  ฮันนีมูน  จะรออ่านตอนฮัศจรรย์นะ  ว่าจะติดเรทเหมือนเรื่องอื่นป่าว อิอิ แต่สงสัยเรื่องนี้ไม่ตบจูบ ชอบซาดิสม์หง่ะ    :interest:

รออ่านต่อนะคุณบลู   :impress:

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
หนุกๆๆๆๆๆ................ :angellaugh2:  :angellaugh2:

มาต่อเร็วนะคับ.......ฟ้าลั่นน้อยจะจัดการเจ้าหมอกน้อยยังไง.......... :laugh: :laugh:

Andreas

  • บุคคลทั่วไป
 :impress: สวัสดีครับนักอ่านที่น่ารักทุกท่าน

คงไม่มีอะไรที่จะสร้างความสุขให้กับนักเขียนสมัครเล่นอย่างผม ได้เท่ากับการได้อ่านรีพลายที่เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกคนเขียนไว้เกี่ยวกับนิยายรักเรื่องนี้นะครับ.... ขอบคุณจากใจจริงครับ....กับความรู้สึกที่แต่ละท่านเขียนออกมา :monkeylove2:

ผมอ่านทุกบันทัดและก็ของทุกๆ คน ทุกวันเลยนะครับ....เพียงแต่ไม่ค่อยมีเวลาเข้ามาตอบครับ...เพราะเวลาส่วนใหญ่จะอยู่ที่ทำงาน ซึ่งไม่สามารถพิมพ์ภาษาไทยได้ครับ... ต้องขอโทษทุกๆคนด้วยนะครับ....

คงต้องบอกตามตรงนะครับว่า....การได้อ่านรีพลายของทุกๆท่าน ก็คือการช่วยตอกย้ำให้ผมทราบว่า ยังมีคนกลุ่มหนึ่งที่ชอบแนวทางของเรื่องที่ผมกำลังนำเสนออยู่.... และคอยเป็นกำลังใจให้ตลอดเวลาครับ....

จริงๆแล้วมันมีอะไรอีกหลายอย่างที่ผมไม่สามารถอธิบายได้ครับ....คงต้องรอให้ทุกท่านอ่านตอนอวสานก่อนครับ......หลังจากนั้นผมคงให้เหตุผลเพิ่มเติมมากขึ้น ถึงความตั้งใจ และเหตุผลของการนำเสนอเรื่องราวรักในแบบนี้....

อดใจรอหน่อยนะครับ....สองตอนสุดท้าย....จะพิเศษมากครับ....เพราะจะเล่าเรื่องแถมรูปภาพครับ....

********

ขอบคุณเรย์ เป็นอันดับแรก ที่เสียสละเวลาช่วยโพสต์ให้ รวมถึงเป็นผู้ดูแลที่ดีมากครับ...ไม่เคยทวงเลย....แม้ว่าผมจะหายหน้าไปนาน....ขอบคุณที่เรย์ช่วยตอบแฟนๆ ให้ผมด้วยครับ.....ขอบคุณเพลงเพราะๆตามเนื่อเรื่องที่เรย์หามาด้วยนะครับ....ผมชอบมากเลยครับ....แอบปลื้มมากด้วย....

กำลังใจของของตะแน๋วที่ให้ตอนผมป่วยนะครับ....จำได้ว่าตอนนั้นกินวิตามินซีวันละสองพันกว่ามิลลิกรัมเลยครับ.... รวมถึงกำลังใจที่ให้ทุกๆรีพลายนะครับ...... ว่างๆ ก็คุยกับผมบ้างซิครับ....

Fluke ครับ.... ผมยังไม่เข้าใจเรื่องการใส่อารมณ์ของเรื่องที่ฟลุคเสนอมานะครับ.... มันสมควรจะเป็นอารมณ์แนวแบบไหนหรือครับ....ผมอยากรู้จัง....ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ....ผมรับฟังความคิดเห็นทุกคนเสมอครับ....อย่าเพิ่งงงเรื่องบุคคลสองคนในชีวิตของจอมยุทธ์นะครับ....อ่านไปเรื่อยๆ แล้วจะทราบแน่นอนครับ....อดใจอีกนิดเดียวครับ....

ขอบคุณคำชมของ shell ที่ว่านิยายของผมอ่านสบายๆ....อันนี้เป็นความตั้งใจครับ.... shell เคยดูหนังที่กำกับโดยหม่อมน้อยมั้ยครับ...ที่ชอบใช้ภาพแบบซอฟท์ๆ ...นิยายผมก็เป็นแบบนั้นเลยครับ.... ขอบคุณ shell ที่ทำให้ผมทราบว่า ประโยคธรรมดาๆ ที่ผมเขียน แต่เมื่อเวลาถูก quote โดยนักอ่านอย่าง shell แล้ว...มันดูอ่อนหวาน...และมีความหมายมากกว่าที่ผมต้องการจะสื่อออกมาตั้งแต่แรกครับ....

ขอบคุณความหวังดีของหมูพูห์....และการเสียสละเวลาตามอ่าน แม้ว่าจะอ่านหลายเรื่องมากก็ตามทีครับ....หมูพูห์ครับ...ความฝัน สร้างกำลังใจ ให้คนในโลกแห่งความเป็นจริงต้องต่อสู้กับความโหดร้าย และความเหงาของหัวใจงัยล่ะครับ...

ขอบคุณกำลังใจอย่างสม่ำเสมอของมูมู่น้อย....ที่ตามรีพลายทุกครั้งที่เรย์โพสต์ตอนใหม่....เรื่องการใช้พรรณาโวหาร ผมก็พบยายามลดลงอยู่บ้าง....แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเติมเข้าไปใหม่ทุกทีครับ.... แต่ผมก็พยายามรักษาระดับส่วนต่างเอาไว้ให้คงที่ครับ.... ผมชอบบรรยายน่ะครับ....การเขียนบรรยายจะเขียนง่ายกว่าการสนทนา เพราะว่ามันเขียนแบบระนาบเดียวครับ...ไม่ต้องมีมิติเหมือนความคิดตัวละคร....ที่มูมูสงสัยว่า วิธีบอกของฟ้าลั่นเห็นชัดขนาดนั้นเชียวหรือ....คำตอบคือเห็นชัดครับ...ถ้าเป็นคนผิวขาวอย่างภูผา....แค่รอย kiss bite เบาๆ ก็เห็นแล้วครับ....แสดงว่ามูมู่ยังไม่เคยมีประสบการณ์แน่เยย....(อ้าว...แอบแซว...).... เรื่องนี้ไม่มีตบจูบแน่นอนครับ...เพราะผมไม่ซาดิสม์ครับ....

ทราบมั้ยครับ wee ว่าในความคิดของผม คู่แข่งที่สำคัญที่สุดของความรัก....คือ โชคชะตาครับ.....ไม่ช่ายบุคคลที่สามแต่อย่างใด..... ผมยังคิดเข้าข้างตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่า ถ้าความรักของคนสองคน พังทลายโดยบุคคลที่สาม ผมว่ามันไม่ใช่ความรักแล้วครับ....มันน่าจะเป็นความสัมพันธ์ที่ไร้เหตุผลมากกว่าครับ....

ขอบคุณกำลังใจอันสม่ำเสมอของ GobGab ครับ.... ครอบครัวฟ้าลั่นและภูผากับผมคล้ายกันครับ...คือสมาชิกทุกคนในครอบครัวเรายึดเหตุผลเป็นหลัก และเคารพในการตัดสินใจของแต่ละคนครับ.... ผมหวังว่าซักวันหนึ่ง ครอบครัวอื่นๆ ก็น่าจะเป็นอย่างนี้บ้างนะครับ....การเป็นรักชอบเพศเดียวกัน ไม่ใช่ความผิด มันเป็นเรื่องธรรมชาติ ที่ต้องสร้างความเข้าใจกันระหว่างสมาชิกในครอบครัว..... ความรักเพศเดียวกันแบบนี้มันก็ลำบากส่วนหนึ่ง ถ้าปราศจากความเข้าใจของครอบครัวแล้ว...มันคงยากที่จะมีความสุขมั้งครับ....

GoneOn ครับ ผมก็ชอบชื่อจอมยุทธ์เหมือนกันครับ....ชื่อนี้ผมขออนุญาตรุ่นน้องที่สนิทด้วยนำมาใช้ครับ....น้องเค้าน่ารักด้วยครับ...แถมใจดีให้เอามาใช้ในนิยาย.....ต้องขอขอบคุณน้องจอมยุทธ์ไว้ ณ. ที่นี้ด้วยครับ.... (จริงๆ เจ้าจอมยุทธ์ แอบขู่มาว่า....อย่าให้ผมเป็นภรรยาใครนะพี่....)

ขอบคุณ Lucifer ที่เข้ามาทักทายกันครับ...

ผมอ่านความคิดของ beaches แล้ว ก็อดอมยิ้มเสียมิได้....(ท่านอื่นๆ อย่าน้อยใจนะครับ...) คุณ beaches เหมือนเข้าไปนั่งในใจผมเลยครับ....ขนาดผมเอง...ผมยังบรรยายโทนของเรื่องได้ดีไม่เท่าที่คุณ beaches บอกมาเลยครับ....ช่ายแล้วครับ....ในฝัน....นิยายเรื่องนี้คือเรื่องราวในฝัน......คือเรื่องราวในห้วงแห่งความคำนึง....... อีกนิดเดียวก็จะถึงคำตอบแล้วว่า....ทำไมความรักของภูผาและฟ้าลั่นจึง ตราตรึงอยู่ในห้วงแห่งความคำนึงครับ.... จริงๆ แล้วสังคมไทยยังปิดอยู่กับเรื่องแบบนี้....เป็นเพราะเรายังยึดติดกับบางสิ่งบางอย่าง ที่เป็นส่วนใหญ่.....แล้วพลอยคิดไปว่า...นั่นคือบันทัดฐาน หรือสิ่งที่ต้องกระทำ.... ความรักที่ดูเป็นของสวนกระแสกับส่วนใหญ่ จึงกลายเป็นเรื่องที่รับไม่ได้....ผู้ปกครอง รับไม่ได้....ทั้งๆที่ลืมนึกถึงความเป็นจริงที่ว่า....เราจะไปบังคับหัวใจใครได้อย่างไร.....ลูกหลานที่เลี้ยงมา ที่ปั้นมากับมือ ต้องถูกปั้นต่อไปจนวันตาย..... มันจะมีวิถีทางใดบ้างมั้ยครับ...ที่จะหาสมดุล หรือ เปิดทางแห่งความรักที่แตกต่างนี้ ให้ได้รับการยอมรับ จากครอบครัว ที่เรารัก.....

********
หลายๆ คนกล่าวว่า ครอบครัวของทั้งฟ้าลั่นเป็นครอบครัวในฝัน.....แต่ก็มีในโลกแห่งความเป็นจริงเหมือนกันนะครับ....เพื่อนๆ ผมหลายคนก็เป็นแบบนี้ครับ.... แต่หลายคนก็คงต้องปิดบังผู้ปกครองกันต่อไป....

ผมไม่ทราบว่า การหันหน้าเข้าหากัน....พูดคุยกัน ...ระหว่างสมาชิกใจครอบครัว...จะช่วยได้หรือไม่.....หรืออาจจะต้องล้มล้างความคิดโบราณว่า การรักเพศเดียวกันคือความผิด...คือสิ่งต้องห้ามออกไปจากความคิดของคนเสียให้หมด.... ต้องนำประเด็นความเป็นจริงแห่ง ธรรมชาติ และการเรียกร้องของหัวใจ ขึ้นมาพูดกันให้ทั่วแล้วกระมังครับ....

อยากให้ทุกคนมีเหตุผล....และเคารพในความเป็นจริงที่เกิดขึ้น.... ผิดหรือถูก อาจจะไม่ใช่ประเด็นสำคัญอีกต่อไปสำหรับการรักเพศเดียวกัน....แต่น่าจะกลายเป็น สุขหรือไม่.... เข้าใจกันอย่างไร....และจะรักษามันไว้ให้นานขนาดไหน....คือเรื่องที่ต้องถกกันในครอบครัวครับ....

สวัสดีครับ

Andreas


 :impress:

abcd

  • บุคคลทั่วไป
มะคืนแน๊วก้อเห็นคุณแอนดี้คุยกะเรย์อยู่น๊า แต่ว่ามะอยากขัดจังหวะอ่ะจ้ะ ก็เรยนั่งอ่านอยู่เงียบๆดีก่า เหอเหอ  :yeb:



ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
เหอเหอ

เอาใจช่วย ทั้งเจ้าของเรื่อง ทั้งคนโพสต์ครับ

พูห์ :yeb:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
ขอบคุณคนแต่งด้วยค่ะ ที่แต่งนิยายดี ๆ มาให้อ่านกัน

ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะคะ  :myeye:


ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
อืม  ขอบคุณคะสำหรับการตอบจดหมายแฟนคลับ  ว่าแต่เราก็ยังอายุน้อยนะคะ  ไม่ค่อยมีประสบการณ์อะไรมากนัก  เรื่องอะไรอย่างงั้นก็ไม่ค่อยประสีประสา  คงไม่เท่าคุณแอนเดรียหรอกเนอะ  อายุมากแล้ว  แก่ด้วยประสบการณ์  คิกคิก  (ล้อเล่น ๆ นะ  :kikkik:)

ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ทั้งคนโพสแล้วก็คนแต่งเหมือนกัน   :yeb:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด