พิมพ์หน้านี้ - เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: no-reply ที่ 03-11-2006 06:19:39

หัวข้อ: เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น
เริ่มหัวข้อโดย: no-reply ที่ 03-11-2006 06:19:39
ขอบคุณ คุณ Andreas นะครับที่อนุญาติให้นำเรื่องนี้มาลงไว้ที่บอร์ดนี้
ขอบคุณอีกครั้งนะครับที่นำเรื่องราวดีๆมาให้อ่าน

เป็นเรื่องที่สร้างกระแสความรักในบรรยากาศเมืองเหนือเลย
เป็นความรักที่น่าประทับใจและประสบการณ์ที่เตือนใจเพื่อนๆได้ดีมากๆ
เป็นเรื่องยอดเยี่ยมอีกเรื่องหนึ่งที่อยากให้เพื่อนได้ติดตามกันนะครับ
เพราะตัวเรื่องอ่อนหวาน ละเมียดละไมมากๆ
ฝากไว้ในอ้อมใจอีกเรื่องหนึ่งนะครับ
*****************************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านซ้ายบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมและเกิดความขัดแย้ง
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ


กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://thaiboylovestory.ueuo.com/webboard/index.php?topic=459.0
***********************************************************************************************

อยากหลับฝัน
แพท สุธาสินี พุทธินันทน์
[wma=300,50]http://mywebpage.netscape.com/blueberrycpie/Pat+Suthasinee+-+02.wma[/wma]******************************************************************************************

เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น  (Boy's Love)

ผู้แต่ง : andreas
(http://img299.imageshack.us/img299/9705/introductionpictureqi8.jpg)



คำอธิบายเรื่อง

ความรักของเขาทั้งสองคน....ยิ่งใหญ่และมั่นคง.....แม้เพศสภาพแห่งความเป็นชายก็มิอาจกั้นขวาง ขอทุกท่านจงเป็นพยานในความรักของทั้งสองคน....เติบโตไปกับความอ่อนหวาน....และคุณค่าของรักแท้

1. แนะนำตัวละคร

ฟ้าลั่น

    ประธานชั้นปีของนักศึกษาคณะวิศวะกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรัฐบาลอันดับหนึ่งทางภาคเหนือของไทย ฟ้าลั่นเป็นหนุ่มร่างสมส่วนและแข็งแรง ความสูงประมาณ 180 cm.  มีผิวขาวสะอาด หน้าตาหล่อเหลาคมคายประกอบเคราเขียวครึ้มข้างแก้มที่เจ้าตัวมักโกนเรียบร้อย  ดวงตาหวานของฟ้าลั่นโตกลมสวยงามมีประกายสดใส   ซึ่งหลายคนมักจะไม่สังเกตเห็นเนื่องจากฟ้าลั่นมักจะใส่แว่นเพื่อปิดปังความงามของดวงตาตนเองอยู่เสมอ

    การอบรมสั่งสอนด้วยความรักที่เต็มเปี่ยมของบุพการี ทำให้ฟ้าลั่นเป็นชายหนุ่มที่อ่อนโยน สุภาพเรียบร้อย และมักจะเงียบขรึมยามเมื่ออยู่กับคนหมู่มาก แต่เมื่ออยู่กับคนที่สนิทๆแล้วพบว่าฟ้าลั่นเป็นคนที่สนุกสนาน ค่อนข้างจะช่างอ้อนและเจ้าเล่ห์เอาการอยู่เหมือนกัน

    ด้วยความที่เป็นบุตรคนเดียวของครอบครัวที่ประกอบด้วยบิดาซึ่งเป็นนายแพทย์ และมารดาซึ่งเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง จึงทำให้ฟ้าลั่นคิดเสมอว่าอยากมีน้องชายน่ารักๆ ซักคนเอาไว้เป็นเพื่อนยามที่ตนเองเหงา หรือเมื่อยามที่ต้องอยู่บ้านคนเดียวเวลาที่บิดามารดาไปทำงานหรือไปประชุมต่างประเทศ


ภูผา

    เลขานุการหนุ่มของสโมสรนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเดียวกับฟ้าลั่น ภูผาเป็นชายหนุ่มร่างสะโอดสะอง มีความสูงประมาณ 170 cm. ผิวขาวอมชมพู หน้าตาน่ารัก ริมฝีปากแดง และมีรอยยิ้มที่ทำให้คนที่อยู่รอบข้างมีความสุขเสมอ

                ภูผาเป็นหนุ่มอารมณ์ดี อ่อนโยน มีเมตตา ร่าเริงสนุกสนานทุกครั้งไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดๆ ภูผามักทำให้คนที่พบเห็นตนเองเป็นครั้งแรกประทับใจอยู่เสมอ นั่นเองจึงไม่แปลกว่าใครๆถึงพากันรักและชื่นชมภูผากันตลอดมา

    แม้ว่าภูผาจะมีเพียงมารดาที่อบรมเลี้ยงดูตนเองมาตั้งแต่เด็กเนื่องจากบิดาได้เสียชีวิตไปเมื่อตนเองยังเด็ก แต่ภูผาก็ไม่รู้สึกว่าตนเองมีปมด้อย หรือคลาดแคลนความรักความอบอุ่นแต่อย่างใด เพราะเค้ายังมีคุณยาย คุณตา และเหล่าน้าๆ ทั้งหลายให้ความรักความเอ็นดูเสมอมา

    แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากเป็นภูผาเป็นเด็กที่สุดในบ้านหลังใหญ่ จึงมีความฝันเสมอว่าอยากได้พี่ชายที่น่ารัก อ่อนโยน มาอยู่เป็นเพื่อนตนเองยามที่ต้องนอนคนเดียวทุกคืน

  
ศิวะ

    นายกสโมสรนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเดียวกันกับทั้งภูผาและฟ้าลั่น ศิวะหรือพี่เสือเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 4 ภาควิชาธรณีวิทยา เป็นชายหนุ่มที่สาวๆทั้งมหาวิทยาลัยหมายปองเนื่องจากใบหน้าที่หล่อเหลา ผิวสีแทนที่ตอกย้ำความเป็นชายที่เร่าร้อน ความสูงที่มากกว่า 180 cm. ร่างกายที่แข็งแรงงดงามของนักกีฬาว่ายน้ำของมหาวิทยาลัย ประกอบกับเป็นคนสุภาพ เรียบร้อย เป็นผู้นำ เอาจริงเอาจัง แต่มักจะดูแลน้องๆและเพื่อนร่วมงานเป็นอย่างดีเสมอ

หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น by Andrea
เริ่มหัวข้อโดย: no-reply ที่ 03-11-2006 06:22:52
ตอนที่ 2 ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่

9 ธันวาคม......เวลาปัจจุบัน

ท้องฟ้าด้านนอกของอพาทเมนต์ ในมหานครลอนดอนยังคงครึ้มไม่แจ่มใส เพราะเมฆฝนมาปกคลุมโดยตลอด มิยอมให้แสงอาทิตย์ส่องผ่านลงมาเพื่อสร้างความสว่างไสวและขับไล่ความหนาวเย็นให้หายลงไป  สายฝนยังคงโปรยปรายลงมาบางๆ เกิดเป็นฝอยละอองน้ำขนาดเล็กจับต้องอยู่บนพื้นถนน

ภูผาบางลืมตาขึ้นช้าๆ ในอ้อมกอดของอีกร่างที่สูงใหญ่มีมัดกล้ามเนื้อสวยงาม สัมผัสแห่งการกอดรัดถูกถ่ายทอดเข้าหากัน....คนที่ถูกกอดรับรู้ได้ถึงไออุ่นและความรักที่อีกฝ่ายมอบให้อย่างหมดหัวใจ

แม้ภายนอกห้องพักจะหนาวเย็นจับใจเพียงใด แต่ในห้องพักขนาดกลาง.....บนเตียงนุ่มในห้องนอน....กลับอบอุ่นด้วยไอความร้อนของร่างกายชายหนุ่มทั้งสองคน ตรงกันข้ามกับพื้นที่ส่วนอื่นๆ ที่ถูกให้ความอบอุ่นโดยเครื่องทำความร้อนหรือฮีตเตอร์ที่จำเป็นต้องเปิดไว้ยามขณะเข้าสู่ฤดูหนาวเช่นนี้

“ในที่สุด....วันนี้ก็มาถึงแล้วซินะ” ภูผาสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ และผ่อนออกมาอย่างช้าๆ ก่อนจะแกะอ้อมแขนแข็งแรงที่โอบกอดตนเองอยู่ออกอย่างแผ่วเบา เพราะกังวลว่าชายหนุ่มผมยาว เจ้าของดวงตาที่หวานซึ้ง....ผู้ที่กุมหัวใจทุกห้องของตนจะตื่นขึ้นมา 

“เอ.....จะปลุกฟ้าลั่นดีหรือป่าวนะ” อีกครั้งที่ชายหนุ่มร่างบางพูดกับตนเอง หลังลุกขึ้นจากเตียงได้สำเร็จ โดยไม่ได้รบกวนคนที่นอนอยู่แต่อย่างใด ดวงตาทั้งคู่ของภูผามองทอดไปสู่ชายหนุ่มที่นอนหลับสบายบนเตียง เพราะว่าคงเพลียจากงานเลี้ยงฉลองที่เพื่อนๆเป็นคนจัดให้เมื่อคืน ภายหลังที่สามารถผ่านการสอบ comprehensive โดยที่อาจารย์ที่ปรึกษากรุณาเดินมาบอกด้วยตนเองหลังสอบเสร็จว่า คณะกรรมการคุมสอบมีมติเป็นเอกฉันท์ ให้ได้รับปริญญาเอกทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่ง แห่งสหราชอาณาจักรอังกฤษ สมกับการทุ่มเทตลอดเวลาเกือบห้าปีที่ผ่านมา

ภูผายังไม่ได้ตอบคำถามตัวเองเรื่องที่จะปลุกหนุ่มผมยาวที่ตนเองเรียกว่า “ฟ้าลั่น” ดีหรือไม่ เนื่องจากต้องจัดการทำธุระส่วนตัว อาบน้ำ และแต่งตัวให้เสร็จก่อน เพื่อเตรียมตัวไปสอบ comprehensive สำหรับปริญญาเอกเช่นกัน  ณ ห้องประชุมภาควิชาพันธุวิศวกรรมศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้

ภูผาเดินเบาๆ บนพรมสีเทาอ่อนผืนหนาที่ปูตลอดพื้นห้องพัก มุ่งหน้าเข้าสู่ห้องน้ำ  จัดการทำธุระส่วนตัวและอาบน้ำอุ่นเพื่อให้ร่างกายสดชื่น และมีพลังสำหรับการสอบที่อาจเรียกได้ว่ายากที่สุดในชีวิตที่กำลังจะเกิดขึ้น 

หลังจากอาบน้ำและเช็ดตัวเสร็จเรียบร้อย ภูผาก็เดินออกมาจากห้องน้ำโดยมีผ้าขนหนูสีขาวสะอาดพันกายช่วงล่าง เผยให้เห็นรูปร่างท่อนบนที่แข็งแรง ผิวสีขาวสะอาด อมชมพู น่าทะนุถนอม ดวงหน้าที่งดงามออกหวานเกินบุรุษทั่วไป ริมฝีปากแดงเป็นธรรมชาติ รวมทั้งรอยยิ้มหวานที่แฝงความอ่อนโยนยามหันไปมองหนุ่มผมยาวที่ยังนอนหลับสบายอยู่บนเตียง

ภูผาฉีดน้ำหอมกลิ่นอ่อนๆที่ฟ้าลั่นเป็นคนเลือกให้บนช่วงอกและลำตัว ก่อนที่จะสวมเสื้อยืดสีขาวทับด้วยเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน และสวมกางเกงยีนส์สีดำเนื้อหนานุ่ม เพื่อสร้างความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย โดยไม่ลืมที่จะคาดเข็มขัดหนังสีดำสนิทอย่างดี

หลังจากตรวจสอบความเรียบร้อยของเสื้อผ้าที่สวมใส่ เจ้าตัวก็หันหน้าออกจากกระจก เดินกลับไปยังเตียงที่ฟ้าลั่นนอนอยู่

รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าหวานทุกครั้งที่ได้จ้องมองใบหน้าที่คมเข้มของคนรักที่นอนหลับอยู่บนเตียง แม้ว่าจะไม่ได้เห็นดวงตาที่โตกลมงดงามและหวานซึ้ง เพราะเจ้าตัวกำลังหลับอยู่ แต่เครื่องหน้าที่คมคาย คิ้วเข้ม และเคราเขียวครึ้มที่โกนออกอย่างเรียบร้อย ก็ทำให้คนหน้าหวานอย่างภูผาอดใจไม่ไหวที่จะก้มหน้าลงไปหอมแก้ม และจูบริมฝีปากบางของคนรัก......คนที่มีความสำคัญต่อหัวใจตนเองตลอดเวลาเกือบสิบปีที่ผ่านมา

 “อืม......ขโมยจูบเราหรือครับ....หมอก” หนุ่มผมยาวซึ่งดูเหมือนว่าจะหลับสบายลืมตาขึ้นมา ตวัดแขนทั้งสองข้างโอบกอดหนุ่มหน้าหวานที่นั่งอยู่บนเตียงสู่อ้อมกอดของตน

“นึกว่าจะไม่จูบลาเสียแล้ว” หนุ่มผมยาวพูดต่อ ขณะที่ยังกอดร่างบางซึ่งบัดนี้นอนทับลงมาบนตัวเขาทั้งตัว

“ไม่ได้ขโมยจูบซักหน่อย ก็ทำเป็นประจำอยู่แล้วนี่นา” ภูผากล่าวตอบพลางส่งยิ้มหวานให้ฟ้าลั่น

“จะไปสอบแล้วหรือครับ” ฟ้าลั่นถามต่อ ทั้งๆที่ยังกอดร่างบางอยู่แนบอก จมูกโด่งสวยของตนยังคงซุกไซร้อยู่ที่แก้มใสและซอกคอของคนรักตลอดเวลา

“อืม....ครับ ตัวสุดท้ายแล้ว” ภูผาตอบฟ้าลั่น และพยายามที่จะลุกขึ้นยืน เพราะเกรงว่าเสื้อผ้าที่ตัวสวมใส่จะเกิดรอยยับไปมากกว่านี้

“ปล่อยได้แล้ว..ฟ้าลั่น....เสื้อหมองยับหมดแล้ว...”ภูผากล่าวเตือนฟ้าลั่น ส่งผลให้หนุ่มผมยาวรีคลายวงแขนปลดปล่อยร่างบอกออกจากอกในทันที

“ขอโทษครับหมอก..ลืมไปครับว่าหมอกกำลังจะไปสอบ” ฟ้าลั่นกล่าวขอโทษ พร้อมลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง

“แล้วจะไปฉลองหรือกับเพื่อนหรือเปล่าครับ หมอก” ฟ้าลั่นพูดต่อเป็นคำถาม

“ถ้าหมอกจะไป ฟ้าลั่นไปด้วยนะครับ” ฟ้าลั่นส่งสายตาอ้อนวอนไปยังคนรักของตน ที่บัดนี้แกล้งทำคิ้วผูกโบว์ เพราะกำลังสงสัยว่า ฟ้าลั่นจะตามไปด้วยสาเหตุใด เพราะต่างคนก็มีเพื่อนฝูงที่สนิทคนละกลุ่มแยกตามคณะที่ตนเองเรียนมาตลอดเกือบห้าปี อีกอย่างฟ้าลั่นก็เคยพบหน้าเพื่อนๆของภูผาทุกคน และแต่ละคนก็ไว้ใจได้กันทั้งนั้น ภูผายังไม่เห็นเหตุผลที่ฟ้าลั่นจะขอตามไปเลี้ยงฉลองด้วย

“ก็ฟ้าลั่น อยากไปนี่ครับ ไปดูแลหมอกด้วยงัย” ฟ้าลั่นพูดต่อ เพราะเห็นว่าคนรักของตนยังคงแสดงทีท่าสงสัยอยู่ จนทำให้เขาต้องบอกความคิดของเขาเรื่องเพื่อนๆของภูผา

“ก็เพื่อนๆหมอกน่ะ โดยเฉพาะใครนะ ...อืม...... นายคริส น่ะ ไว้ใจได้เสียเมื่อไหร่ เห็นมองหมอกที่ไร ตาเยิ้มทุกทีเลย” ฟ้าลั่นบอกตามที่ตนเองสังเกต เพราะด้วยความที่ไม่ไว้ใจเพื่อนของภูผาคนนี้ซักเท่าไหร่  เนื่องจากการเลี้ยงฉลองแบบนี้ มักจะต้องให้บุคคลสำคัญของงานเมาทุกครั้ง ฟ้าลั่นไม่อยากให้ใครมาฉวยโอกาสกับคนที่ตนเองรัก แม้จะทราบว่าภูผาสามารถควบคุมตนเองในเรื่องการดื่มได้เป็นอย่างดี แต่ฟ้าลั่นชอบที่จะกันไว้ก่อนดีว่าแก้ และที่สำคัญงานนี้เป็นงานฉลองการสอบเสร็จ ซึ่งต้องมีการดื่มกินอย่างสนุกสนาน ฟ้าลั่นจึงต้องการที่คอยดูแลและปกป้องภูผาตลอดงานเลี้ยงนั่นเอง

“นะ หมอก....นะครับ” หนุ่มตาหวานลงจากเตียงเดินมาโอบกอดภูผาจากด้านหลัง พร้อมกับเอาคางของตนเองวางบนศีรษะของคนรัก และไม่ลืมที่จะก้มหน้าลงมาสูดความหอมของแก้มภูผาอีกตามเคย

“อืมก็ได้ แต่ขอเตือนว่า ฟ้าลั่นอย่าไปทำหน้ายักษ์ใส่เพื่อนหมอกนะ เดี๋ยวเพื่อนๆหมอกจะคิดว่า เอาพ่อมาคุม” คนยิ้มหวานกล่าว และไม่ลืมที่เอียงคอ ส่งรอยยิ้มและสายตาล้อเลียนกลับมาหาคนที่โอบกอดตนเองอยู่ด้านหลัง

“อ้าว ปกติไม่ได้เป็นพ่อหรือ หมอก..... ก็พ่อคุณงัยล่ะ” ฟ้าลั่นแกล้งภูผากลับไปบ้าง ส่งผลให้คนฟังยิ้มหน้าแดง

“อย่างนั้นหมอกจะโทรมาบอกแล้วกันว่าจะไปเลี้ยงที่ไหน เมื่อไหร่ ..... ตอนนี้ฟ้าลั่นไปนอนก่อนเถอะ หมอกจะไปสอบแล้ว” ภูผากล่าวกับคนรัก ก่อนจะผละออกจากอ้อมกอดอบอุ่นและแข็งแรงนั้น

ภูผาเดินไปยังราวแขวนเสื้อคลุม หยิบเสื้อโค๊ทสีดำสนิทขึ้นมาสวม และเดินต่อไปหยิบกระเป๋าที่บรรจุอุปกรณ์และสิ่งของที่จะต้องใช้ในการสอบขึ้นมาจากโต๊ะเขียนหนังสือ หลังจากนั้นก็เดินไปเปิดประตู โดยไม่วายจะหันมาส่งยิ้มหวานให้ฟ้าลั่นที่ยืนโชว์รูปร่างแข็งแรง โดยที่ตลอดทั้งตัวสวมใส่เพียงกางเกงในบิกินีสีขาวตัวเล็กเท่านั้น

“โชคดีนะครับ หมอก” ฟ้าลั่นกล่าวคำอวยพรให้คนรัก และมอบรอยยิ้มหวานกลับไป

หลังจากภูผาออกไปแล้ว ฟ้าลั่นก็ล้มตัวลงนอน อมยิ้มให้กับความน่ารักของภูผาที่มักจะมาขโมยจูบตนเองทุกครั้งที่นอนหลับ ตลอดระยะเวลาเกือบสิบปีแล้วตั้งแต่ทั้งสองคนนอนห้องเดียวกันและเตียงเดียวกัน ขณะศึกษาระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ฟ้าลั่นจำไม่ได้ว่าเริ่มรักภูผาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่พอรู้สึกตัวเองก็พบว่ารักหนุ่มหน้าหวานที่แสนร่าเริงคนนี้ไปแล้ว ฟ้าลั่นรักภูผามาก รักจนหมดใจทั้งดวงที่เขามีอยู่  และไม่คิดว่าจะมีใครมาแทนที่ภูผาในหัวใจของตนเองได้...

ไม่เคยรู้....ว่ารักนั้น...สำคัญไฉน
รู้แต่ว่า....ดวงใจ.....คำนึงหา....
เคยเว้าวอน...สายลม.....ช่วยนำพา
เคยเว้าวอน.....ดารา....ให้บอกทาง

พอได้มา...ว่ารัก....ประจักษ์แจ้ง
ว่าอบอุ่น...ดังแสง....ตะวันฉาย
จึงทอรัก ....ถักไว้....แนบชิดกาย
แม้วางวาย....มิอาจพราก....รักจากกัน


ความรักความผูกพันที่ทั้งสองมีให้กันนั้น มันแนบแน่นและยาวนานเหลือเกิน จนกระทั่งฟ้าลั่นเองก็ยังไม่เข้าใจว่าตนเองเปลี่ยนมารักชายหนุ่มที่ชื่อภูผาได้อย่างไร ทั้งๆที่ตนเองก็เคยมีแฟนเป็นผู้หญิงและไม่เคยที่จะหลงใหลในความงดงามทางร่างกายของชายคนอื่นๆแม้แต่คนเดียว....แต่สำหรับภูผานั้น คือ...ข้อยกเว้นของหัวใจ

ฟ้าลั่นไม่เคยสนใจชายคนอื่นๆ นอกจากภูผา หลายครั้งฟ้าลั่นและภูผาไปเที่ยวด้วยกัน มักจะมีชายหนุ่มหลายคนให้ความสนใจทั้งคู่เสมอ แต่ฟ้าลั่นเองไม่เคยที่จะสนใจ ออกจะรำคาญด้วยไม่น้อยที่มีผู้ชายมาทำรุ่มร่ามกับตนเอง คงมีแต่ภูผานั่นแหละที่เพราะความร่าเริงและเป็นมิตรของตนเอง จึงมักจะส่งยิ้มหวานกลับไปหาคนเหล่านั้นทุกครั้ง จนบางครั้งเองก็ก่อให้เกิดเรื่องยุ่งๆ จนสร้างความเข้าใจผิดแก่คนเหล่านั้น เพราะหลายคนคิดว่าทั้งภูผาและฟ้าลั่นก็สนใจในตัวพวกเขาและอยากหาความสนุกไปด้วยกัน หลายครั้งที่ทั้งคู่ต้องหาโอกาสชิ่งหนีจากสถานการณ์อันไม่น่าไว้วางใจ..... บ่อยครั้งเข้าฟ้าลั่นจึงต้องเอ่ยปากห้ามภูผายิ้มให้กับคนแปลกหน้าที่ทำทีมาสนใจทั้งคู่เพื่อตัดปัญหาต่างๆที่จะตามมา

ฟ้าลั่นยอมรับกับตนเองเสมอว่า ภูผาเป็นชายคนเดียวที่ทำให้เขาเกิดอารมณ์เพศตอบสนองขึ้นมา นอกจากนั้นก็เป็นภาพผู้หญิง ภาพนางแบบนุ่งชุดว่ายน้ำหรือผู้หญิงเซ็กซี่ที่เห็นตามนิตยสารต่างๆ ฟ้าลั่นจึงตระหนักได้ว่าตนเองยังเป็นผู้ชายอยู่เต็มร้อยเปอร์เซนต์ เพียงแต่ข้อยกเว้นของหัวใจที่มาตกหลุมรัก.....หนุ่มหน้าหวานที่ชื่อภูผาอย่างถอนตัวไม่ขึ้นนั่นเอง

 ข้อเท็จจริงที่ฟ้าลั่นยังคงเป็นผู้ชายอยู่ร้อยเปอร์เซ็นต์นั้น ภูผาเองก็รับรู้และเข้าใจฟ้าลั่นมาตลอด ดังนั้นเจ้าตัวดีจึงมีการวางแผนให้ฟ้าลั่นได้อยู่ใกล้ผู้หญิงเซ็กซี่ที่เป็นเพื่อนของตนเองอยู่บ่อยๆ  ไม่รวมถึงการวางแผนกับเพื่อนผู้หญิงหน้าตาดีๆ หุ่นดี ให้ทำการลวนลามฟ้าลั่นบ้างในบ้างครั้ง และอาจมีการเลยเถิดไปบ้าง เนื่องจากรู้ดีว่าฟ้าลั่นเป็นผู้ชายและไม่อาจทนต่อการเล้าโลมได้ในบางครั้ง ประกอบกับสังคมของฝรั่งแตกต่างจากสังคมไทย การมีเซ็กส์สำหรับคนที่นี่คือเรื่องปกติ และถือว่าเพื่อความสนุกและคลายเครียด ไม่ได้คิดเป็นเรื่องจริงจังแต่อย่างใด

“หมอกไม่หึงเราหรือ” ฟ้าลั่นเคยถามภูผาเมื่อเขาจับได้ว่าภูผาร่วมมือกับเพื่อนผู้หญิงที่สนิทมอมเหล้าเขา จนทำให้เขาต้องมีเซ็กส์กับผู้หญิงคนนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความสนุกปากของตนเองที่ไปบอกภูผาว่า เพื่อนผู้หญิงของภูผาน่ารัก เซ็กซี่ดี โดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่าหลังจากนั้นไม่นาน เจ้าคนช่างวางแผน....คนรักของเขานั่นเองที่ไปคุยกับเพื่อนผู้หญิงคนนั้นว่าฟ้าลั่นสนใจอยู่ และโชคก็เข้าข้างเพราะผู้หญิงคนนั้นก็สนใจฟ้าลั่นเหมือนกัน เรื่องราวเลยมาจบบนเตียงอย่างสมปรารถนาทั้งสามคน

“ไม่หึงหรอก ก็ฟ้าลั่นเป็นผู้ชายนี่นา ก็ต้องมีอะไรกับผู้หญิงบ้างซิ”

“อีกอย่างหมอกรู้ว่า ฟ้าลั่นจะไม่มีวันรักผู้หญิงเหล่านั้นหรอก ก็เลยไว้ใจงัย” คำตอบง่ายๆหลุดจากปากของภูผา หลังจากฟ้าลั่นเปิดปากถามในตอนเช้าหลังจากที่มีเซ็กส์กับผู้หญิงคนนั้นทั้งคืน ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปีแรกที่มาเรียนปริญญาโทและเอกที่นี่นั่นเอง

หลังจากนั้นเป็นต้นมาภูผาเองก็เปิดโอกาสให้ฟ้าลั่นมีความสัมพันธ์กับสาวๆหลายๆครั้ง แต่ก็มักเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก ทั้งๆที่ภูผาเองยินยอม แต่คนมีปัญหาก็คือฟ้าลั่นนั่นเอง เนื่องจากฟ้าลั่นไม่อยากทำอะไรที่เป็นการดูเหมือนนอกใจภูผาบ่อยครั้งนัก แม้จะรู้ดีว่าภูผายินยอมก็ตาม 

ภูผาเองก็ทราบว่าฟ้าลั่นคอยปฏิเสธ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะแกล้งฟ้าลั่น โดยวางแผนให้พบเจอและมีความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนกับเพื่อนตัวเองบ่อยๆ โดยที่ฟ้าลั่นไม่รู้ตัวเลยแม้ว่าตนเองจะเป็นคนช่างวางแผนก็ตาม เพราะงานนี้แพ้ทางคนที่รักสุดใจ....คุณภูผาเสมอ

หลังจากนอนอมยิ้ม....คิดถึงความน่ารักและวีรกรรมแปลกๆของคนรักที่เกิดขึ้นในประเทศอังกฤษแห่งนี้ตลอดเกือบห้าปี ฟ้าลั่นก็หวนกลับไปคิดถึงเหตุการณ์ที่ทั้งสองรู้จักกันเป็นครั้งแรก.... นอนด้วยกัน ทะเลาะกัน ง้อและคืนดีกัน รวมถึงเรื่องราวทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองไทย ทุกภาพและความทรงจำสอดประสานกันอย่างลงตัว เชื่อมดวงใจของทั้งคู่ไว้จนมิอาจแยกกันได้ และเป็นสาเหตุที่ทำให้ตนเองต้องตามมาเรียนที่เดียวกับคนรักคนเดียวและตลอดไปที่ชื่อ....... นายภูผา ภัทรโภคิน

เหตุการณ์หลายๆอย่างเกิดขึ้น ณ. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ถักทอเป็นร่างแหโอบล้อมหัวใจของสองหนุ่มเข้าหากัน ประตูหัวใจถูกเปิดออก และรับเอาความรักของทั้งคู่ใส่ไว้จนเต็ม จนเกิดเป็นปฏิญาณรักที่แนบแน่นและมั่นคง แม้เพศสภาพแห่งความเป็นชายของทั้งสองก็ไม่อาจกั้นขวาง

เพราะรักที่บริสุทธิ์ เกิดขึ้นและจะดำเนินไป ตราบใดที่ทั้งคู่ยังอยู่ด้วยกัน...........


หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น by Andrea
เริ่มหัวข้อโดย: no-reply ที่ 03-11-2006 06:25:21
อ่านแล้วขอร้องช่วยกันคอมเม้นต์หน่อยนะครับ
ผมจะได้รู้ว่าเพื่อนๆอ่านกันแล้วจะได้ลงต่อ

ปล.กว่าจะขอมาลงได้แต่ละเรื่องยากมากนะครับ หือหือ  :monkeysad:
สงสารผมก็กดโหวตให้หน่อยนะครับ เอิ้กๆ
แต่ถ้าความดีความชอบยกให้คุณ Andrea ทั้งหมดเลยครับ
 :piglove2:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น by Andrea
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 03-11-2006 15:49:06
เหอเหอ

ลงตั้งหลายเรื่อง ต้องใช้เวลานะจ๊ะ หนูบลูกว่าจะตามอ่านได้หมดอะ :3043:








ปล.


ยังงัยก็เปงกำลังใจให้บลูนะค้าาาบ :yeb:

พูห์คับ
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น by Andrea
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 04-11-2006 02:34:42
น่านสิคุณบลู เราก็อยากอ่านนะ ตะว่ามันต้องใช้เวลาอ่ะ  ลงให้จบไปที่ละเรื่องม่าได้เหรอ  ตอนนี้ก็งงจะแย่แร้ว :really2:
 อ่านเรื่องนั้นต่อเรื่องนี้ อ่านไม่ค่อยปะติดปะต่อกัน  เหงจายเราหน่อยเถอะนะคุณบลู  :try2:  (เอ๊ะ..ต้องเหงจายคุณบลูสิ เราอ่านอย่างเดียวนี่หว่า คิกคิก)

แต่เรื่องนี้อ่านแร้วก็สนุกดี  :yeb:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น by Andrea
เริ่มหัวข้อโดย: no-reply ที่ 04-11-2006 08:29:44
ได้ครับต่อไปผมจะโพสทีละเรื่องละกันนะครับ
แต่ที่เอามาโพสก่อนอยากดูความสนใจของเพื่อนๆอ่ะครับ
ผมจะรอจนบ้านพักอลเวงจบนะครับ
แล้วถ้ามีคอมเม้นต์สิบคนว่าอยากจะอ่านต่อเมื่อไหร่ผมจะมาโพสต่อนะครับ
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น by Andrea
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 04-11-2006 09:19:07
อิอิ  อ่านถึงนี่ละ  ทำไมหลาย ๆ เรื่องถึงเกิดขึ้นที่ภาคเหนือ มช ด้วยเนอะ  มีมนต์ขลังจริง  ๆ  แต่ละเรื่องก็น่ารัก ๆ ซะด้วยสิ

ไม่มาโพสต่อแล้วเหรอ  หลอกให้อ่าน  :impress3:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น by Andrea
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 04-11-2006 20:41:04
ตอนนี้มีตะแน๋ว คุณหมูพูห์ คุณมูมู่น้อย คุณโยโย่ ได้4คนแระ :try2: ยังไม่รวมคนที่อ่านเจ๋ยๆแร้วไม่ลงชื่อ  ช่วยลงชื่อกันหน่อยเถอะก๊าบ

เด๋วคุณบลูไม่ยอมเอาเรื่องมาลงต่อ  :monkeysad:   ถ้านับคุณนุเปง2คนได้ป่าวคุณบลู   :kikkik:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น by Andrea
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 08-11-2006 17:11:58
คุณบลูที่ร้าาาาก :kikkik:

ลืมเรื่องนี้ไปแล้วเหรอครับ


มาต่อด่วนเลยครับ :yeb:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น by Andrea
เริ่มหัวข้อโดย: no-reply ที่ 08-11-2006 18:48:42
หมูพูห์  ก็บอกว่าตามอ่านไม่ทันนี่น่า ผมเลยกะว่าจะลงทีละเรื่อง

(ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว)  งานยุ่งหรือครับ พักนี้ผมไม่รอแล้วน้า อ่านให้ทันนะครับ เอิ้กๆ

มูมู่น้อย  เอามาโพสยั่วคนอ่านต่อ คิกคิก เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำให้เห็นความรักที่สวยงามจริงๆ

บทที่ 3 เมื่อเราต้องนอนห้องเดียวกัน

26 พฤษภาคม.....อดีตที่ผ่านมา

การรับน้องรถไฟของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่จัดเป็นหนึ่งในกิจกรรมรับน้องที่พี่ๆลูกช้างชั้นปี 2 3 และ 4 จัดให้น้องๆลูกช้างชั้นปีที่ 1 เพื่อคอยดูแลและให้การช่วยเหลือเหล่าลูกช้างตัวน้อยที่ไม่มีภูมิลำเนาอยู่ทางภาคเหนือให้เดินทางถึงจุดหมายปลายทางคือมหาวิทยาลัยเชียงใหม่อย่างอบอุ่น

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่คือบ้านหลังใหญ่ที่ลูกช้างตัวน้อยๆ ต้องใช้ชีวิตไปอีกสี่ปี .......เป็นบ้านที่ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางป่าสักอันงดงาม โอบอุ่นไปด้วยความรักของลูกช้างทุกรุ่นทุกคณะ .....และเต็มไปด้วยศรัทธาแห่งความบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ของพระธาตุดอยสุเทพ............

เช้าวันนี้.........ขบวนรถไฟรับน้องที่ประกอบไปด้วยคณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ คณะมนุษย์ศาสตร์ คณะพยาบาลศาสตร์ และคณะอุสาหกรรมเกษตร ได้เทียบปลายทางบริเวณชานชาลาสถานีรถไฟจังหวัดเชียงใหม่ ภายหลังการเดินทางอันยาวนานนับ 15 ชั่วโมง ที่อบอวนไปด้วยเสียงหัวเราะและความสนุกสนาน นับตั้งแต่สถานีต้นทางคือหัวลำโพง

เมื่อรถไฟเทียบชานชาลา....พี่ๆลูกช้างทุกคณะที่มากับขบวนรถไฟ รวมถึงที่มารอรับน้องที่สถานีก็ต่างบูมคณะต้อนรับน้องใหม่อย่างพร้อมเพรียง ไล่ลงไปตามแต่ละคณะ.... จากนั้นจึงอนุญาตให้น้องๆลงจากขบวนรถไฟ เดินไปขึ้นรถที่เตรียมไว้เพื่อเดินทางต่อไปยังมหาวิทยาลัย โดยที่ข้าวของสัมภาระของน้องๆทุกคน จะถูกลำเลียงลงจากรถไฟ ขึ้นไปบนรถคณะพี่ๆสวัสดิการ

“น้องหมอก อยู่หออะไรหรือครับ” พี่เสือหรือพี่ศิวะ... นายกสโมสรนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ถามภูผาขณะที่รถกำลังเคลื่อนเข้าสู่ประตูรั้วมหาวิทยาลัย

“อยู่หอ 1 ชายครับพี่เสือ” ภูผากล่าวตอบ พลางส่งยิ้มหวานให้พี่เสือเพราะความประทับใจในความอ่อนโยนของพี่เสื่อที่มีต่อน้องๆทุกชั้นปีตลอดการเดินทางโดยรถไฟที่ผ่านมา

ทุกๆคนต่างสังเกตเห็นว่า พี่เสือในฐานะนายกสโมสรนักศึกษา คอยดูแลเอาใจใส่น้องๆทุกคนเป็นอย่างดี เริ่มตั้งแต่รถไฟออกจากสถานีหัวลำโพงจนกระทั่งถึงสถานีเชียงใหม่  แต่หลายคนอาจไม่ทราบว่านับตั้งแต่รถไฟออกจากสถานีหัวลำโพง ดวงตาที่งดงามแต่แฝงไว้ด้วยความเศร้าของศิวะก็มักจะคอยจับจ้องดวงหน้าหวานของภูผาตลอดเวลาทำกิจกรรมหรือแม้แต่ยามพักผ่อน

ตลอดการเดินทางที่ยาวนานบนรถไฟ...........นี่เป็นครั้งแรกที่ศิวะได้มีโอกาสพูดคุยกับภูผาสองต่อสอง

“หรือครับ ดีแล้วครับ พี่เคยอยู่หอหนึ่งมาก่อนครับ...ก็สบายดี แล้วตอนนี้หอหนึ่งก็เป็นหอแรกที่ปรับปรุงเสร็จเรียบร้อยแล้ว พี่ว่าน้องหมอกต้องชอบครับ” ศิวะบอกภูผา พลางมองสำรวจดวงหน้าหวานของภูผา และหยุดลงที่ริมผีปากบางสีชมพูสด

“มันน่าขโมยจูบเสียจริง” ศิวะคิดในใจ

ศิวะยอมรับว่าเมื่อแรกพบดวงหน้าและรอยยิ้มแสนหวานจากภูผา หัวใจของเขาก็เต้นแรงจนยากที่จะควบคุม แม้ว่าศิวะจะผ่านพบรุ่นน้องและรุ่นพี่ ตลอดจนเพื่อนๆหลายคนทั่วทั้งมหาวิทยาลัย แต่ไม่มีใครจะทำให้หัวใจของเขาหวั่นไหวได้ถึงเพียงนี้

“พี่เสื่อมองอะไรหรือครับ” ภูผาถามด้วยความสงสัย เพราะรู้สึกว่าศิวะเอาแต่จ้องหน้าตนเองอยู่

“มองคนน่ารักครับน้องหมอก” ศิวะตอบกลับอย่างไม่ได้ตั้งใจ จึงเป็นสาเหตุให้เขาหน้าแดงขึ้น ออกอาการเขินอายเป็นที่สุด

“พี่เสือชอบล้อเล่นอยู่เรื่อยเลยครับ” ภูผาไม่ได้คิดเป็นจริงเป็นจังกับคำพูดของศิวะ

ศิวะหยุดสนทนากับภูผาชั่วคราวเพราะยังคงเขินไม่หาย แต่ก็แนะนำให้ภูผามองออกไปนอกหน้าต่างรถเพื่อดูทัศนียภาพของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ยามเช้า ซึ่งเป็นจังหวะพอดีกับรถของคณะวิทยาศาสตร์ได้เคลื่อนผ่านประตูด้านหน้ามหาวิทยาลัย และหยุดลงที่บริเวณหน้าศาลาธรรมเพื่อให้พี่ๆชั้นปีนำน้องใหม่ลงสักการะพระประธานและพระภูมิประจำมหาวิทยาลัย

แสงแดดอ่อนๆ ไล่ไปตามแผ่นกระเบื้องหลังคาสีแดงเข้มของศาลาทรงไทยประยุกต์แบบล้านนา ตัดกับพื้นผนังสีขาวนวลประดับไปด้วยบานประตูและหน้าต่างสลักลวดลายงดงามลงสีแดงสด รอบๆศาลาธรรมถูกล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อยสีเขียวสะพรั่ง บ้างก็อวดดอกงามสีสันฉูดฉาดราวกับจะบ่งบอกความตื้นเต้นที่จะได้เห็นลูกช้างเชือกใหม่ๆ เข้ามาอาศัยอยู่เป็นเพื่อนคลายเหงา

น้ำพุที่อยู่ด้านหน้า ก็กำลังเต้นระบำรับกับแสงนวลของพระอาทิตย์ยามเช้าที่สดใส ภาพบรรยากาศที่เงียบสงบนี้ล้วนทำให้เกิดความศรัทธาแก่ภูผายิ่งนัก

ณ บัดนี้......ภาพนักศึกษาใหม่ไม่กี่สิบคนที่มีพวงมะลัยดอกมะลิขาวสดส่งกลิ่นหอมอ่อนๆสวมคอ กำลังก้มกราบพระประธาน ด้านในศาลา.....จัดเป็นภาพที่สวยงามและมีความหมายสมบูรณ์ในตนเอง.....คือสิ่งสะท้อนศรัทธาแห่งศาสนา......ศรัทธาแห่งมหาวิทยาลัย

ภายหลังนมัสการพระประธานเสร็จสิ้น พี่ๆก็จัดการแบ่งน้องๆออกเป็นกลุ่มตามหอ โดยที่หอหก ห้า และหอหนึ่งชายอยู่กลุ่มเดียวกัน หลังจากนั้นพี่เสือก็นำรถกระบะมารับน้องๆทั้งกลุ่มไปส่งตามหอโดยที่มีรถอีกคันบรรทุกกระเป๋าน้องๆขับตามไป

“ขอบคุณครับพี่เสือ” ภูผากล่าวขอบคุณภายหลังที่ลงจากรถและพี่ๆสวัสดิการส่งกระเป๋ามาให้ เพื่อเตรียมแยกย้ายขึ้นห้องของตนเอง

“น้องหมอกอยู่ห้องเลขที่เท่าไหร่ครับ” ศิวะถาม

“ห้อง 409 ครับ”
“งั้น.......เดี๋ยวเย็นนี้พี่มารับไปกินข้าวเย็นนะครับ ประมาณหกโมงเย็นพี่จะมารับครับ” ศิวะต้องกระซิบบอกภูผาเนื่องจากไม่อยากให้น้องๆคนอื่นได้ยิน

“ครับ แล้วหมอกจะรอ” ภูผากล่าวรับคำชวน พร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้พี่เสือด้วยความเคยชินอีกตามเคย แล้วจึงเดินกลับมาขนกระเป๋าขึ้นหอตามลำพัง

เวลาเดียวกับที่ภูผาและเพื่อนๆกำลังเพื่อเตรียมจะขึ้นหอพัก รุ่นพี่คณะวิศวกรรมศาสตร์ก็นำน้องคณะชั้นปีที่หนึ่งมาส่งที่หน้าหอพอดี ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับคณะอื่นๆที่รับน้องรถไฟมาขบวนเดียวกันด้วย

ภูผาเดินถือกระเป๋าเดินทางเดินขึ้นหอ  เนื่องจากกระเป๋าที่ค่อนข้างใหญ่และหนักจึงทำให้ภูผาเดินขึ้นบันไดไปชั้นสี่อย่างไม่ถนัดนัก ขณะที่กำลังยกกระเป๋าขึ้นบันไดชั้นที่สอง ภูผาก็ได้ยินเสียงนุ่มของชายหนุ่ม
ที่คาดว่าจะเป็นรุ่นเดียวกันดังขึ้นมาจากข้างหลังของตนเอง

“ให้เราช่วยยกดีกว่า ท่าทางจะหนักมาก” ชายหนุ่มที่เดินขึ้นบันไดตามหลังภูผาเอ่ยบอก พร้อมกับเดินขึ้นมายกกระเป๋าใบใหญ่ด้วยมือข้างเดียว และมืออีกข้างถือกระเป๋าใบขนาดกลางของตนเอง

“ขอบใจมาก” ภูผารีบบอก และเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนใหม่ผู้อาสาช่วยเหลือตน

สิ่งที่ภูผาพบเห็นคือชายหนุ่มหน้าตาคมคาย สวมแว่นสายตากรอบสีดำสนิท ภายใต้กรอบแว่นนั้นคือดวงตากลมโตหวานมีประกายสดใส นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มตัดกับสีผิวหน้าขาว มีร่องรอยการโกนเคราข้างแก้มอย่างเรียบร้อย  ใบหน้าที่หล่อเหลารวมถึงรูปร่างที่สมส่วนแข็งแรง ความสูงที่มากกว่าภูผาเองตั้งเกือบคืบ

ความประทับใจเมื่อแรกพบทำให้ภูผาเผลอยิ้มหวานให้อย่างไม่ได้ตั้งใจ

“ไม่เป็นไรหรอก นายอยู่ชั้นไหนล่ะ” เพื่อนใหม่ใจดีถามต่อ โดยไม่รู้ตัวว่าคนฟังกำลังมองสำรวจใบหน้าและรูปร่างตนเองอย่างไม่ตั้งใจ

“ชั้นสี่น่ะ แล้วนายล่ะ” ภูผากล่าวตอบพร้อมส่งคำถามกลับ

“ชั้นเดียวกันเลย อย่างนั้นเรายกขึ้นบันไดไปให้จนถึงชั้นสี่เลยแล้วกัน พอถึงนายก็ลากกระเป๋าไปตามทางเดินได้แล้ว กระเป๋านายมีล้อ คงลากได้ไม่มีปัญหา” เขาหันกลับมาตอบ แล้วก็เดินยกกระเป๋านำขึ้นบันไดไปยังชั้นสี่ โดยให้ภูผาเดินตามขึ้นบันไดมา

“เอ้า....ถึงแล้ว” เพื่อนใหม่บอก หลังจากวางกระเป๋าลงบนพื้น แล้วหันมาหาภูผาที่อยู่ด้านหลัง

“ขอบใจนายอีกครั้งนะ” ภูผาบอก แล้วเดินมาจัดการดึงเอาแกนลากกระเป๋าออกมา

“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวเราไปหาห้องพักก่อนนะ หวังว่าคงได้เจอกันอีก” เพื่อนใหม่ใจดีคนเดิม ยกมือโบกลาพลางเดินนำหน้าไปหาห้องพักของตนเอง โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าภูผาเองก็ลากกระเป๋าเดินมาตามทางเพื่อไปยังฝากตึกเดียวกัน

ภูผาเดินตามมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเห็นเด็กหนุ่มคนนั้นหยุดที่หน้าประตูห้องหนึ่ง แล้วก็พยายามเปิดประตูห้องโดยใช้กุญแจที่แม่บ้านหอพักให้มา

ภูผาเดินอ่านหมายเลขห้องมาเรื่อยๆ จนกระทั่งหยุดอยู่หน้าประตูเดียวกันกับเพื่อนใหม่ ที่บัดนี้ยังไม่สามารถเปิดประตูได้

“อ้าว....นายก็อยู่ห้องนี้หรือ” เด็กหนุ่มร้องทัก

“อืม... ห้อง 409 ห้องนี้แหล่ะ” ภูผาพยักหน้ารับ

“เราลองใช้กุญแจเราไขดูดีกว่า กุญแจนายอาจมีปัญหาก็ได้” ภูผาเสนอ แล้วจึงใช้กุญแจตนเองเปิดประตูห้องออกอย่างง่ายดาย

“สงสัยกุญแจมีปัญหาแน่เลย” เด็กหนุ่มบ่น พลางเดินตามหลังภูผาเข้ามาในห้อง

“นายชื่ออะไรเหรอ เราชื่อหมอก” ภูผาเริ่มแนะนำตัว

“ยินดีที่รู้จักนะครับ เราชื่อฟ้าลั่น” ฟ้าลั่นบอกชื่อของตนเอง แล้วก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองใบหน้าหวาน ริมผีปากสีแดงอมชมพูรวมถึงแก้มใสๆของเพื่อนใหม่ที่บัดนี้จะต้องนอนอยู่ห้องเดียวกันกับเขาไปตลอดหนึ่งปี

ทั้งสองคนแนะนำตัวแล้วก็ซักถามถึงคณะที่ตนเองกำลังจะเรียน รวมถึงประวัติส่วนตัวคร่าวๆ ซึ่งทำให้ภูผาทราบว่าฟ้าลั่นเป็นนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์

และที่น่าแปลกใจก็คือทั้งสองคนเกิดวันเดียว เดือนเดียวและปีเดียวกัน เพียงแต่ฟ้าลั่นเกิดก่อนภูผาแค่ประมาณสามชั่วโมงเท่านั้น ทั้งคู่มีอุปนิสัยค่อนข้างคล้ายกัน เพียงแต่ภูผาดูจะร่าเริงมากกว่าฟ้าลั่นอยู่สักหน่อย

ห้องพักของสองหนุ่ม ค่อนข้างผิดไปจากปกติเล็กน้อย เพราะโดยปกติห้องพักแต่ละห้องจะมีสามเตียง ชึ่งก็หมายความว่าจะต้องมีนักศึกษาสามคนอยู่ร่วมกัน แต่เนื่องจากนักศึกษาส่วนใหญ่ไม่ชอบอยู่หอในมหาวิทยาลัย จึงทำให้บางห้อง อย่างเช่นห้องที่ภูผาและฟ้าลั่นอยู่ไม่มีนักศึกษาคนที่สามมาอยู่ด้วย ถือว่าเป็นการโชคดีของสองหนุ่มเพราะจะได้อยู่อย่างสบายไม่อึดอัดจนเกินไป

ฟ้าลั่นและภูผาช่วยกันทำความสะอาดห้องและอุปกรณ์ที่หอพักจัดเตรียมไว้ให้ ทั้งคู่เป่ายิ้งฉุบกันเพื่อเลือกเตียงนอน ผลปรากฏว่าภูผาแพ้ต้องนอนเตียงสองชั้น ฟ้าลั่นที่ชนะได้นอนเตียงเดี่ยว  ทั้งสองคนช่วยปูเตียงให้เรียบร้อยและนำสำภาระของออกจากกระเป๋าเพื่อจัดเข้าตู้ให้เสร็จก่อนเวลารับประทานอาหารกลางวัน

ความประทับใจในอัธยาศัยไมตรีในเริ่มแรกของทั้งคู่ แม้เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาแสนสั้น แต่ก็สามารถก่อให้เกิดความผูกพันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว อาจเป็นเพราะภูผาอยากมีพี่ชาย และฟ้าลั่นอยากมีน้องชาย เมื่อทั้งสองมาเจอกันจึงเติมเต็มความฝันแต่ละคน......
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น by Andrea
เริ่มหัวข้อโดย: beaches ที่ 08-11-2006 23:09:59
ขอบคุณสำหรับคุณ blue boy ที่แนะนำให้มาอ่านครับ

โห...เรื่องราวและภาษาหวานมากๆๆ
ถามได้ไหมครับว่า เป็นเรื่องแต่งหรือเรื่องจริง

ผู้แต่งบรรยายคุณลักษณะของตัวละคร แบบเห็นภาพมาก
ยังแอบคิดเหมือนกันว่าทุกอย่าง perfect มากอ่ะ
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น by Andrea
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 09-11-2006 01:14:34
ช่ายแร้วคุณบลูช่วงนี้ตะแน๋วกะลังยุ่งมากมาย  แต่ก็แวะเข้ามาอ่านนะ แต่ก็อ่านได้ทีละเรื่องอ่ะ 
แต่มะเปงไรนะคุณบลูลงเรื่องปายเลยม่ายต้องระตะแน๋วหรอก เด๋วตะแน๋วตามอ่านเองง่ะ  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น by Andrea
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 09-11-2006 09:19:55
แทงยูค้าบบบบ คุณเรย์ :yeb:




ปล.


มาเร่งเพราะเหงว่าบ้านพักฯจบแล้นอะ

คริคริ :kikkik:

พูห์
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น by Andrea
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 12-11-2006 04:17:53
อา.....  เอามาต่อตั้งนานแล้วก็มะบอก  เรย์นิ   มาต่อได้เลยนะคะ   เค้าตามอ่านอยู่  ว่าแต่คนแต่งบรรยายได้ละเอียดดีเนอะ  :yeb:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น by Andrea
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 13-11-2006 03:13:43
ภาษาสวยจัง ยังกะนวนิยายแน่ะ เหอเหอ  :yeb:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น by Andrea
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 13-11-2006 11:45:03
หนูบลูค้าบบบบ


มาต่อเร็วๆ เลยนะค้าบบบบบบ


 :seng2ped:


พูห์ :teach:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น by Andrea
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 13-11-2006 13:43:03
คุณบลูครับ...

กรุณาอย่าเพิ่งโพสต์บทที่ 4 นะครับ.... เช็คเมลล์ก่อนนะครับ...

Andreas

 :impress:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น by Andrea
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 13-11-2006 14:43:59
สวัสดีครับคุณ andreas ดีจายจังทีแวะเข้ามาเวปนี้ด้วย เพื่อนๆคงดีจายกัน
เพื่อนๆครับ คุณ andreasจะเอาเรื่องนี้ไปตีพิมพ์ เพื่อหาเงินเข้าวัดพระบาทน้ำพุ....ดังนั้นจึงขอร้องให้ช่วยกันรักษาต้นฉบับด้วยนะครับ..
ถ้าจะมีการคัดลอกหรือไปเผยแพร่ที่ใดกรุณาติดต่อคุณ andrea ก่อนนะครับ
ถ้าเรื่องนี้ตีพิมพ์แล้วก็อยากให้เพื่อนๆทำบุญร่วมกันนะครับ

คุณandrea บอกว่าเนื่องจากมีแฟนๆ นักอ่านบอกว่า เรื่องนี้ใช้ภาษาหวานมากๆ ....คุณ andrea ก็เลยชักจะตัวลอยครับ....แต่เมื่อพิจารณาตามความจริงแล้วก็ยังมีข้อผิดพลาดอยู่มาก...ดังนั้นคุณ andrea จึงเริ่มที่จะแก้ภาษาใหม่....พยายามปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่าเดิม....และแทรกกลอนหวานๆ ลงไปแทนบ้างบางส่วนครับ....

อยากให้เพื่อนๆได้อ่านในสิ่งที่ผมคิดว่า...."ดีที่สุดสำหรับความสามารถของคุณ andrea แล้วครับ"...



เพื่อนๆรอหน่อยนะครับ คุณ andrea จะค่อยๆทยอยส่งเรื่องนี้มาลงอีกทีนะครับ



*********************************************************************************


บทที่ 4 เมื่อเราต้องนอนเตียงเดียวกัน

ในบางครั้ง.......สำหรับคนสองคนนั้นต้องใช้เวลานับสิบปีถึงจะรู้สึกผูกพันซึ่งกันและกัน .......แต่สำหรับบางคู่....แม้เพียงแค่เวลาไม่กี่ชั่วโมงหรือไม่กี่วัน.... หัวใจของทั้งสองกลับประสานลงตัวอย่างแนบแน่น ......และสื่อความรู้สึกที่ดีให้กันได้รับรู้

การเปิดใจเข้าหากันฉันท์เพื่อนของภูผาและฟ้าลั่น คือหนึ่งในพลังขับเคลื่อนหัวใจให้ยึดเหนี่ยว....กระหวัดไว้เมื่อแรกพบ.....

******************

ก่อนเปิดเทอม ศิวะต้องเตรียมงานรับน้องคณะจึงไม่ค่อยมีเวลามาหาภูผามากนัก เพราะหลังจากที่ทั้งคู่ไปรับประทานอาหารเย็นด้วยกันเป็นครั้งแรก ศิวะก็ดูเหมือนจะหายไป แต่ก็ยังพอมีเวลาจะมาทิ้งโน้ตแสดงความห่วงใยไว้ให้ภูผาที่ใต้หอเสมอ

หลังจากรับน้องรถไฟเสร็จก็จะมีเวลาเหลืออีกประมาณเกือบอาทิตย์กว่าจะเปิดเทอม ในช่วงเวลานี้....ลูกช้างน่ารักคู่ใหม่.....ภูผาและฟ้าลั่น.....จึงเลือกที่จะออกเดินสำรวจมหาวิทยาลัย หรือไม่ก็ไปซื้อของใช้ที่จำเป็นที่กาดสวนแก้วด้วยกันในเวลาว่าง

ด้วยบุคลิกที่ค่อนข้างเป็นผู้ใหญ่รวมถึงความอ่อนโยนและความสุภาพของฟ้าลั่น ได้สร้างความประทับใจอย่างยิ่งให้กับภูผา .....หลายครั้งภูผารู้สึกราวกับว่าตนเองได้พี่ชายที่แสนดี....ที่เคยฝันถึงไว้ มาอยู่เคียงข้าง

ฟ้าลั่นก็เช่นกัน เขามักจะอดยิ้มไม่ได้กับความร่าเริงของภูผา....รวมถึงความเป็นเด็กน้อยที่มีอยู่ในตัวของภูผาอย่างเหลือล้น และเหนือสิ่งอื่นใดคือความจริงใจและความห่วงใยที่ภูผามีให้กับเพื่อนใหม่เช่นเขาตลอดเวลา สังเกตได้จากว่าภูผามักจะเอ่ยชวน หรือไม่ก็นั่งรอตนเองไปกินข้าวที่ตลาดฝายหินเสมอ.........

หัวใจของฟ้าลั่นยามนี้มีเต็มไปด้วยความสุขและดีใจ.....เพราะดูเหมือนว่าเขาได้น้องชายน่ารักไว้ในครอบครองเช่นกัน

นับจากนี้........อีกหลายปี....กว่าทั้งสองคนจะรู้ว่าความรัก...ความผูกพันที่เกิดขึ้นฉันท์พี่น้องนี้จะพันธนาการหัวใจทั้งสองดวงให้เดินไปด้วยกัน..... ก้าวผ่านนาทีที่เจ็บปวด น้ำตา และความสุข จนแปรเปลี่ยนไปเป็นความรักอันยิ่งใหญ่ที่ชายสองคนจะมีให้กันและกันตราบชีวิตจะดำเนินไป

ดังนั้น....เกือบทุกเย็นก่อนเปิดเทอม นักศึกษาที่นั่งจับกลุ่มหรือเดินเล่นอยู่บนสันอ่างแก้ว....อ่างเก็บน้ำภายในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่... จะได้พบเห็นเด็กหนุ่มสองคน คนหนึ่งตัวสูงหุ่นดี หน้าตาคมคาย ใส่แว่นกรอบสีดำสนิท จะเดินมาพร้อมกับเด็กหนุ่มอีกคนที่สูงน้อยกว่าเกือบคืบ....เด็กหนุ่มที่มีรอยยิ้มหวานประดับอยู่บนใบหน้าเสมอ นอกจากนั้นยังจะเห็นขบวนของสุนัขมหาวิทยาลัยเดินตามมาคลอเคลียเล่นด้วยไม่ห่าง เนื่องจากภูผามักจะซื้ออาหารและขนมที่ อมช. มาให้พวกมันได้กินทุกครั้ง

*****************

อาทิตย์แรกของการเปิดภาคการศึกษานั้นเริ่มต้นด้วยความวุ่นวาย เพราะนักศึกษา....ลูกช้างเชือกใหม่....ต้องทำความคุ้นเคยกับการลงทะเบียนเรียน....การหาห้องเรียน...รวมถึงกิจกรรมรับน้องที่พี่ๆลูกช้างจัดเตรียมไว้ให้

ฟ้าลั่นและภูผาอยู่คนละคณะกันจึงทำให้ต้องเข้าร่วมกิจกรรมรับน้องแตกต่างกัน .....การรับน้องของคณะวิทยาศาสตร์มักเน้นเรื่องการเล่นเกมส์หรือความสนุกสนานเสียเป็นส่วนใหญ่ แตกต่างจากคณะวิศวกรรมที่ยังคงยึดในระบบโซตัสอยู่ ดังนั้นทุกคืนภูผาจึงเห็นฟ้าลั่นกลับมาที่หอพักด้วยสภาพที่เหงื่อโทรมกาย เสื้อผ้าเปรอะเปื้อน แต่กระนั้นฟ้าลั่นก็มิได้แสดงท่าทางย่อท้อออกมาให้เห็นแต่ประการใด คงจะมีแต่อาการหิวโหยซึ่งก็ไม่เป็นปัญหา เพราะภูผาได้ซื้อข้าวเย็นใส่ห่อไว้ให้ฟ้าลั่นรอเสมอยามเมื่อเสร็จจากการรับน้อง บางครั้งก็จะอยู่รอเป็นเพื่อนเดินไปกินบะหมี่สำเร็จรูปที่เปิดขายหลังเที่ยงคืนที่หอสามชายเสมอ

“พรุ่งนี้เราต้องไปรับน้องนอกสถานที่นะฟ้าลั่น” ภูผาบอกฟ้าลั่นในคืนวันศุกร์แรกของการเปิดภาคเรียน

“เราก็เหมือนกัน นายไปที่ไหนหรือหมอก” ฟ้าลั่นตอบ พร้อมส่งคำถามกลับ

“ไม่รู้เลย แต่รุ่นพี่บอกว่าบนดอยอะไรซักอย่างนี่แหละ แต่ต้องไปค้างคืนด้วย” ภูผาตอบพลางนึกถึงคำพูดของรุ่นพี่ที่เป็นคนรับผิดชอบงานกล่าวให้ฟัง

“เราก็ไป แต่ไม่ได้ค้างคืน คงต้องกลับมานอนที่หอ” ฟ้าลั่นบอก

“ดีจัง....เราต้องไปนอนบนดอย....นายได้กลับมานอนหอ....เฮ้อ....เราไม่ชวนคุยด้วยแล้ว....รีบนอนดีกว่า เก็บแรงไว้ไปปีนดอย.....Good Night แล้วกัน” ภูผากล่าวเสร็จแล้วจึงลุกขึ้นจากเตียง...เดินไปปิดไฟเพื่อเตรียมเข้านอน

ภูผามักจะเป็นคนปิดไฟเสมอเนื่องจากไม่อยากให้ฟ้าลั่นลุกจากที่นอนเพื่อเดินไปปิดไฟ เพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะหนาวถ้าต้องลงจากเตียงมา เนื่องจากฟ้าลั่นมักจะสวมเพียงกางเกงในสีขาวเพียงตัวเดียวเท่านั้นเวลานอน

ตอนแรกๆภูผาก็เขินหน้าแดงทุกครั้งเวลาเห็นร่างกายแข็งแรง....กำยำของฟ้าลั่น ซึ่งมีเพียงกางเกงในปกปิดของสงวนเท่านั้น แต่พอผ่านไปวันสองวันก็เริ่มชินเพราะเป็นธรรมดาที่ผู้ชายจะไม่ใส่ใจในเรื่องนี้ ประกอบกับภูผาก็มิเคยคิดกับฟ้าลั่นในทำนองชู้สาวแต่ประการใด ดังนั้นภูผาจึงสมารถทำตัวเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว

ฟ้าลั่นทราบดีว่าภูผามักเขินเวลาที่เห็นเขาในสภาพเกือบเปลือยในตอนแรกๆ แม้ว่าจะแอบกังวลใจบ้างเพราะเกรงว่าภูผาจะเข้าใจผิดคิดเป็นอย่างอื่น เนื่องจากเขาพอเดาได้ว่าหนุ่มหน้าหวานที่แสนร่าเริงคนนี้อาจเป็นผู้ชายที่ชอบผู้ชายด้วยกัน  แต่หลังจากที่ภูผาไม่ได้แสดงอาการหรือกระทำการสิ่งใดที่เป็นการบ่งชี้ว่าภูผาชอบเขาในลักษณะแบบชายรักชาย จึงทำให้ฟ้าลั่นเกิดความสบายใจ จนทำให้สามารถเปลือยกายให้ภูผาเห็นบ่อยๆ ได้โดยปราศจากความกังวลทั้งสิ้น   

ในคืนวันอาทิตย์หลังจากที่ภูผากลับจากรับน้องนอกสถานที่....ก่อนเข้านอนฟ้าลั่นก็สังเกตเห็นภูผามีลักษณะท่าทางที่แปลกออกไป....และนอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง

จนกระทั่งเลยเวลานอนปกติมาเกือบหนึ่งชั่วโมง....ประโยคแฝงอาการอ้อนน้อยๆ ก็ถูกเอ่ยออกมาจากริมฝีปากคู่สวยของภูผาให้ฟ้าลั่นได้ยิน

“ฟ้าลั่น..... นายรู้ใช่มั้ยว่าเรารักนายแบบเพื่อนสนิทและก็แบบพี่ชายอ่ะ” คนพูดเริ่มพูดช้าๆ พลางเก็บซ่อนอาการเขินอายเอาไว้

“อืม.....รู้แล้วหมอก....ทำไมล่ะ” ฟ้าลั่นหันหน้ามายังคนพูด

“งั้น....เอ่อ ..... เอ่อ .....เรานอนเตียงเดียวกับนายได้หรือป่าว” หนุ่มหน้าหวานเริ่มพูดตะกุกตะกัก แสดงให้เห็นชัดเจนถึงความเขินและความกังวลใจเต็มที่

“ก็รุ่นพี่เค้าเอาเรื่องผีที่อยู่ในหอมาเล่าให้ฟังตอนรับน้องน่ะ.....เลยแบบว่า...เอ่อ......”

“กลัวผีว่างั้น” ฟ้าลั่นต่อประโยคให้จบทันที

“ก็ทำนองนั้นน่ะ...... น๊า น๊า .....เรานอนด้วยนะ แค่ไม่กี่คืนเอง ไว้หายกลัวแล้วก็จะกลับมานอนเตียงตัวเอง” คนหน้าหวานอ้อนวอน โดยไม่ลืมที่จะส่งยิ้มหวานไปให้อย่างเอาใจเหมือนทุกๆครั้ง

ฟ้าลั่นแกล้งทำเป็นนิ่งคิด..... เพื่อรอดูปฏิกิริยาลุกลี้ลุกลนของอีกฝ่าย พร้อมกับแอบยิ้มในใจ เพราะขำเนื่องจากไม่คิดว่าภูผา.....คนที่แสนจะร่าเริงจะเป็นคนที่กลัวผีขนาดนี้

“อืม ก็ได้” คำอนุญาตที่หลุดจากปากฟ้าลั่น ทำให้ภูผายิ้มหน้าบาน เพราะหมายถึงว่าตนเองจะต้องนอนหลับฝันดี เพราะไม่ต้องกังวลกับเรื่องเล่าที่แสนน่ากลัวอีกต่อไป

“แต่ว่า....มีข้อแม้นะ.....” ฟ้าลั่นยักคิ้วยื่นข้อเสนอ

“นายต้องเป็นหมอนข้างให้เราด้วย.....ไม่อย่างนั้นก็ต้องนอนคนเดียว...” ฟ้าลั่นเอ่ยบอกข้อเสนอ

“อืม ก็ไม่เป็นไร .....เป็นเพื่อนกัน กอดกันก็ไม่แปลก...เน๊อะ” ภูผาไม่ขัดข้อง....และลุกขึ้นจากเตียงนอนของตนเองอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินไปปิดไฟ แล้วล้มตัวลงนอนบนที่ว่างข้างๆ ฟ้าลั่นในทันที

เมื่อภูผาล้มตัวลงนอน..... ฟ้าลั่นก็เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ พร้อมกับเอาแขนของตนโอบกอดร่างภูผาไว้อย่างหลวมๆ และดึงร่างบางของภูผาให้ชิดเข้ากับหน้าอกอันแข็งแรงของตน

“ดีจัง ไม่ได้นอนกอดหมอนข้างมาหลายวันแล้ว” ฟ้าลั่นพูดเบาๆข้างหูภูผา ก่อนที่จะหลับตาลงสู่นิทราอย่างรวดเร็ว

ไม่มีใครจะทราบได้ว่า....... อ้อมกอดที่อบอุ่นในคืนนี้ของฟ้าลั่นจะนำการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ตามมาในอนาคต...... หัวใจสองดวงเริ่มเปิดประตูเข้าหากันอย่างช้าๆ ภายใต้อ้อมกอดบริสุทธิ์ที่ต่างคนคิดว่า.......เพราะความเป็นเพื่อนจึงกอด.......เพราะความเป็นพี่น้องที่โหยหาจึงให้กอด......ยามที่ร่างกายกำลังหลับใหล....แต่หัวใจสองดวงกลับสื่อสารกันทั้งคืนโดยที่เจ้าของมิได้รับรู้แต่ประการใด

กระหวัดเกี่ยวร้อย....เอ่ยถ้อยสิเนหา.....
ประตูเปิด....ฤาทัยสนทนา
ยามร่างกายา...หลับใหลในพลัน....

กระหวัดเกี่ยวร้อย...ล่องลอยในฝัน
สองชาย....ดวงใจชาลพัน
สู่วัน...สู่วาร....นิรันดร

หลังจากนั้นเป็นต้นมา ฟ้าลั่นก็ไม่ยอมที่จะให้ภูผานอนคนละเตียงกับเขา แม้ภูผาจะบอกว่าหายกลัวแล้วก็ตาม ทั้งนี้ เพราะฟ้าลั่นติดใจในหมอนข้างใบนี้เสียแล้ว เรื่องที่จะต้องมานอนคนเดียวอีกจึงเป็นเรื่องที่เขาไม่ยอมเด็ดขาด

อาจเป็นเพราะต้องนอนคนเดียวมาตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ เพราะบิดาและมารดาฝึกให้เขาเป็นคนมีความรับผิดชอบต่อตนเอง ดังนั้น เมื่อเวลาที่มีใครคนหนึ่งที่โหยหาโดยตลอด มาอยู่ข้างกายในทุกค่ำคืน....จึงทำให้ฟ้าลั่นติดใจ และไม่อยากสูญเสียความรู้สึกดีๆนี้ไป

สำหรับภูผา..... แม้จะบอกเสมอว่าตนเองมิได้เป็นเด็กขาดความรักในครอบครัว แต่ในใจลึกๆกลับไม่สามารถปฏิเสธความอบอุ่นที่เกิดขึ้นในยามที่อยู่ในอ้อมกอดของฟ้าลั่นตลอดทั้งคืนได้ ดังนั้นภูผาจึงเต็มใจที่นอนในอ้อมกอดที่แข็งแรงของฟ้าลั่นตลอดไปเช่นกัน

อ้อมกอดแห่งรัก.....ทอถักประสาน
เชื่อมรัก...ผูกพันยาวนาน....
สำเริงสราญ....โอบอุ่นในดวงใจ

*****************




หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น by Andrea
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 13-11-2006 15:38:55
ตามมาอ่านอีกคนคับ........... :angellaugh2:

ภาษาสวยเหมือนเขียนนิยายเลย...........ชอบคับ :impress3:

ขอบคุณนะคับคุณบลู.......ที่เอาเรื่องดีๆมาหั้ยอ่าน :yeb:

จารออ่านต่อคับ........... :really2:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น by Andrea
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 13-11-2006 16:03:26
หวานมั้กมัก


อยากมีแบบนี้บ้างจัง


ขอบคุณAndreas สำหรับเรื่องหวานๆนะครับ   :myeye:


ขอบคุณครับหนูบลู ที่เอามาลงให้ :yeb:


พูห์ :teach:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น by Andrea
เริ่มหัวข้อโดย: GoneOn ที่ 13-11-2006 16:28:20
...... หัวใจสองดวงเริ่มเปิดประตูเข้าหากันอย่างช้าๆ ภายใต้อ้อมกอดบริสุทธิ์ที่ต่างคนคิดว่า.......เพราะความเป็นเพื่อนจึงกอด.......เพราะความเป็นพี่น้องที่โหยหาจึงให้กอด......ยามที่ร่างกายกำลังหลับใหล....แต่หัวใจสองดวงกลับสื่อสารกันทั้งคืนโดยที่เจ้าของมิได้รับรู้แต่ประการใด

กระหวัดเกี่ยวร้อย....เอ่ยถ้อยสิเนหา.....
ประตูเปิด....ฤาทัยสนทนา
ยามร่างกายา...หลับใหลในพลัน....

กระหวัดเกี่ยวร้อย...ล่องลอยในฝัน
สองชาย....ดวงใจชาลพัน
สู่วัน...สู่วาร....นิรันดร
.
..
...
อ้อมกอดแห่งรัก.....ทอถักประสาน
เชื่อมรัก...ผูกพันยาวนาน....
สำเริงสราญ....โอบอุ่นในดวงใจ


 :-[           ชอบค่ะ  รออ่านน๊า :angellaugh2:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น by Andrea
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 13-11-2006 17:59:47
หวานจริง ๆ ค่ะ  อ่านแล้วบอกไม่ถูก  รู้สึกอิ่มใจอะคะ  อิอิ   :impress:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น by Andreas
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 15-11-2006 17:58:46
ผมปรับแก้บทที่2-3 ให้เป็นแบบ rewrite แล้วนะครับ

อิอิ รอกันหน่อยนะครับเพื่อนๆ
คุณ andreas ปกติผมก็เห็นไม่ค่อยว่าง
ไม่รู้จะ rewrite ได้เร็วขนาดไหน
เอิ้กๆ

ขอผลบุญส่งให้คุณ andreas มีความสุขมากๆนะครับ
 :yeb:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น by Andreas
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 16-11-2006 16:47:22
รอรอรอรอ


พูห์ :teach:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น by Andreas
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 16-11-2006 18:51:35
ที่พิมพ์ไว้หาย อิอิ อีกรอบ

][GobGab][   :3043:

หมูพูห์ ได้ข่าวมาอีกแล้วนิน่า  ขอบคุณมากๆเลยครับที่เข้ามาให้กำลังใจผมอยู่ตลอด  :confuse:

GoneOn  หายไปไหนหวา  :3129:

มูมู่น้อย  แอบฝันว่าอยากมีซะคนรึป่าว หาเอานะแถวห้องสีชมพู เอิ้กๆ  :love2:

***********************************************************************************************

อยากหลับฝัน
แพท สุธาสินี พุทธินันทน์
[wma=300,50]http://mywebpage.netscape.com/blueberrycpie/Pat+Suthasinee+-+02.wma[/wma]******************************************************************************************


บทที่ 5 ตำแหน่งเลขาที่มาพร้อมกับหัวใจ

............................................ณ เมืองพิมานเหนือธารแม่ปิง
............................................อิงแอบภูพิงค์พนาสวรรค์
............................................ฉายเวียงเชียงใหม่ สดใสดังดวงตะวัน
............................................ประทีปสวรรค์ แสงแห่งการศึกษา

............................................ทุกคนภาคเพียรสอนเรียนสุขในใจ
............................................ไปสู่จุดหมายด้วยใจศรัทธา
............................................เพื่อตนเพื่อชาติ เพื่อแคว้นดินแดนลานนา
............................................นี่คือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
 (ประทีปลานนา....เพลงประจำมหาวิทยาลัยเชียงใหม่)

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.........บ้านหลังใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่บริเวณเชิงดอยสุเทพ สถานที่ประดิษฐานพระบรมธาตุดอยสุเทพ ซึ่งถือเป็นสถานที่ที่มีความศักดิ์สิทธิ์และสำคัญต่อเมืองเชียงใหม่เพราะเป็นที่มั่นของความศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาของคนทั่วไป

ด้วยความศรัทธาที่เต็มเปี่ยมในดวงใจของลุกช้างรุ่นแรกๆ ภายหลังจากก่อตั้งมหาวิทยาลัย จึงได้ริเริ่มชวนกันเดินขึ้นดอยไปนมัสการพระบรมธาตุเพื่อความเป็นสิริมงคลและขอพรให้ประสบความสำเร็จทางการศึกษา

หลังจากนั้นเป็นต้นมาได้มีการสืบทอดกิจกรรมนี้เนื่องมาทุกปี จนกลายเป็นเอกลักษณ์สำคัญอย่างหนึ่งของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่

กิจกรรมเดินขึ้นดอยสุเทพ หรือ ที่เรียกว่า “ลูกช้างขึ้นดอย” จะจัดขึ้นทุกปีก่อนสอบกลางภาค โดยมีนักศึกษาปัจจุบันเข้าร่วมพิธี รวมถึงบรรดารุ่นพี่ที่จบการศึกษาแล้วพากันกลับมาร่วมกิจกรรมกับรุ่นน้องหรือไม่ก็กลับมาเยือนมหาวิทยาลัย.....บ้านที่จากไปนานอีกครั้ง

การเดินเท้าของนักศึกษาทุกคณะรวมทั้งสิ้นเกือบหมื่นคน เริ่มแต่บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยจนกระทั่งหยุดลงที่บริเวณหน้าพระธาตุเป็นระยะทางกว่า17 กิโลเมตร จำเป็นต้องใช้ความสามัคคี.... ความอดทน....มิตรภาพ....และ พลังกายรมถึงแรงใจอย่างมาก เพื่อที่จะทำให้การเดินทางบรรลุเป้าหมายที่วางไว้

การเดินขึ้นดอยของคณะวิทยาศาสตร์เป็นไปด้วยความยากลำบากและเน้นการดูแลจัดการมากเป็นกรณีพิเศษ เพราะเป็นคณะใหญ่ มีนักศึกษามากกว่าสองพันคน ภูผาและเพื่อนๆรวมถึงพี่ๆทุกชั้นปีจึงต้องพยายามช่วยเหลือดูแลซึ่งกันและกันเพื่อให้การเดินทางแห่งความเพียรและมิตรภาพประสบความสำเร็จ 

บ่อยครั้งที่เพื่อนผู้หญิงหลายคนเป็นลมหรือไม่สบาย ก็จะมีเพื่อนทั้งชายและหญิงหรือรุ่นพี่ที่เดินขนาบข้างคอยให้ความช่วยเหลือ ทำการปฐมพยาบาลอย่างทันท่วงที .......ภาพที่เกิดขึ้นสามารถถ่ายทอดความห่วงใย....ความรัก....และความงดงามของเพื่อนต่อเพื่อน...และพี่ต่อน้องได้ชัดเจน อีกทั้งยังตราตรึงเข้าไปในหัวใจของภูผา

ดังถ้อยคำที่ว่า....เกียรติศักดิ์ของวิทยา....คือเกียรติแห่งรัก.....คือเกียรติแห่งมิตรภาพที่ยั่งยืน...... 

หลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรมเดินขึ้นดอยแล้ว นักศึกษาทุกชั้นปีก็ต้องเตรียมตัวที่จะสอบกลางภาคในอีกหนึ่งเดือนถัดมา โดยที่ช่วงสองสัปดาห์ก่อนสอบกลางภาคเรียนที่หนึ่งนั้นถือเป็นเวลาที่เคร่งเครียดสำหรับนักศึกษาชั้นปีที่ 1 เกือบทุกคน เนื่องจากต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบ และด้วยความที่ข้อสอบนั้นจะแตกต่างจากการสอบในสมัยมัธยมศึกษาตอนปลายเป็นอย่างมาก ประกอบกับหลายๆวิชามักจะใช้ข้อสอบอธิบายเป็นหลัก จึงทำให้นักศึกษาต้องอ่านหนังสือหลายรอบเพื่อที่จะสามารถตอบอธิบายหลักการต่างๆที่เกี่ยวเนื่องกับคำถามในข้อสอบได้

ดังนั้นยามค่ำคืนทั่วมหาวิทยาลัย.......ม้าหินอ่อนใต้หอทุกหอรวมถึงภายในอาคารเรียนคณะต่างๆ จะถูกจับจองโดยนักศึกษาเป็นกลุ่มๆ เพื่อนั่งอ่านหนังสือและติวหนังสือร่วมกัน สำหรับเด็กเอ็นทรานส์ที่มาจากต่างจังหวัดด้วยแล้ว การเข้ากลุ่มติวหนังสือกับเพื่อนๆนั้นอาจจะเกิดปัญหาอยู่บ้าง เพราะเด็กเกือบครึ่งคณะเป็นเด็กโควตาที่จบมาจากโรงเรียนในเขตภาคเหนือ ซึ่งพบว่า บ้างก็ยกกลุ่มจากโรงเรียนเดิมเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ดังนั้นพวกนี้จึงสนิทสนมกันก่อนแล้ว

ภูผาไม่ได้มีปัญหาเรื่องการเข้ากลุ่มเพราะเขาก็สนิทกับกลุ่มเด็กที่เอนทรานส์เข้ามาด้วยกัน บ่อยครั้งที่คิมและเปียโนสองคู่ซี้ชื่อดังแห่งคณะวิทย์ รวมถึงเพื่อนในกลุ่มต่างออกปากชวนภูผาไปติวหนังสือด้วยกันซึ่งภูผาก็มิเคยตอบปฏิเสธแต่อย่างใด

ทุกครั้งหลังจากที่ติวหนังสือเสร็จ ภูผาจะกลับมาอ่านหนังสือทบทวนอีกรอบในห้องพักตนเอง และก็เพื่อจะรอนอนพร้อมกับฟ้าลั่นนั่นเอง 

เพราะระบบโซตัสของคณะวิศวกรรมศาสตร์ทำให้ฟ้าลั่นต้องอยู่รวมกับเพื่อนเป็นกลุ่ม และช่วยติวหนังสือสอบให้เพื่อนๆหลายคน พอหลังจากติวให้เพื่อนเสร็จแล้ว เขาก็กลับมานั่งอ่านหนังสือต่อในห้องกับภูผา.....หมอนข้างหน้าหวานของเค้าเสมอ

“อ่านอะไรอยู่หรือหมอก” ฟ้าลั่นเปิดประตูห้องเดินเข้ามา พลางส่งคำถาม หลังจากเพิ่งกลับมาจากติวหนังสือให้เพื่อน

“แคลคูลัส .....วิชาอะไรก็ไม่รู้ยากมากๆ ยิ่งไม่เคยเรียนมาด้วย.....งงจริงๆ” ภูผาเอ่ยปากบ่นทันที

“อ้าว แล้วไม่ได้เรียนมาตอนมอหกเหรอ.......อ๋อ ลืมไปว่านายสอบเทียบเลยไม่ได้เรียน.....ไหนดูหน่อยซิ.....เดี๋ยวจะสอนให้” ฟ้าลั่นเสนอตัวพร้อมกับหันไปมองหน้าหมอนข้างพูดได้ของตนเอง เขาจึงได้เห็นแววตาดีใจที่เปล่งประกายออกมารวมถึงรอยยิ้มหวานที่แถมมาให้อีก

ฟ้าลั่นอธิบายหลักการคร่าวๆในหัวข้อที่ภูผาไม่เข้าใจเพียงไม่กี่นาที เขาก็พบว่าภูผาสามารถต่อยอดและทำแบบฝึกหัดทบทวนต่อไปได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด จนกระทั่งเขาต้องออกปากชมว่า

“เก่งจังหมอก เราอธิบายนิดเดียว นายก็ทำได้แล้ว”

“แหม....... ชั้นนี้แล้วครับ คุณฟ้าลั่น แค่นี้ทำไม่ได้ก็ไม่ใช่นายภูผาผู้น่ารักแล้ว” คำพูดและท่าทางภูมิใจตนเองของภูผาซึ่งคล้ายกับเด็กๆยามถูกผู้ใหญ่ชมเชย ทำให้ฟ้าลั่นหัวเราะออกมาเบาๆ......บุคลิกแบบนี้เองของภูผา ทำให้ฟ้าลั่นอดคิดไม่ได้ว่าเค้าคงได้น้องชายตัวเล็กๆหน้าตาน่ารักมาอยู่ข้างกายจริงๆ

ฟ้าลั่นเดินหยิบหนังสือมาอ่านบนโต๊ะของตนเองที่ติดกับภูผา ด้วยความที่อยากเรียกร้องความสนใจจากภูผาบ้าง เขาจึงทำเป็นไม่เข้าใจวิชาภาษาอังกฤษที่ตนเองอ่านอยู่

“หมอก ดูหน่อยซิ ว่าข้อนี้ทำไมต้องใช้ present prefect continuous ล่ะ”

ภูผาเงยหน้าจากแบบฝึกหัดแคลคูลัส หันมามองหนังสือที่ฟ้าลั่นยืนมาให้ดู

“อืม...... ตอบไม่ได้เหมือนกัน แต่อ่านแล้วมันต้องใช้ tense นี้อ่ะ” ภูผาตอบตามที่ใจคิด

“อ้าว..... ทำไมอธิบายไม่ได้ล่ะ เห็นไปเรียนอังกฤษตั้งสองปี” ฟ้าลั่นแกล้งทำเป็นสงสัย

“ก็อ่านแล้วมันต้องใช้แบบนี้น่ะ...... อธิบายไม่ได้อ่ะ” คนตอบกำลังหงุดหงิด เพราะไม่สามารถให้คำอธิบายได้กระจ่างชัดนัก ด้วยความที่ตนเองเรียนภาษาอังกฤษโดยผ่านการใช้งานจริงขณะที่เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนใน High School ที่ประเทศอังกฤษ จึงทำให้ไม่สามารถอธิบายหลักไวยากรณ์ได้อย่างแม่นยำนัก

“ก็เพราะมันใช้ในกรณีที่เหตุการณ์เกิดอย่างต่อเนื่องในอดีตแล้วยังคงดำเนินต่อจนกระทั่งบัดนี้น่ะซิ.....แค่นี้ก็ตอบไม่ได้” คนที่แกล้งถามกลับอดไม่ได้ที่ตอบคำถามตนเสียเอง

“เอ๊ะ......นายรู้แล้วมาถามทำมัย......แกล้งเราเหรอ.......ไอ้ฟ้าลั่นบ้า..................ดีงั้นคืนนี้ไม่ต้องมากอดเลย นอนคนเดียวไปแล้วกัน” หนุ่มหน้าหวานกล่าวอย่างงอนๆ พลางก้มหน้าตั้งใจอ่านหนังสือของตน

“โอ๋....โอ๋....อย่างอนเลยนะหมอกน๊า....... น้องหมอกคนดี........เราไม่อยากนอนคนเดียวอ่ะ” ฟ้าลั่นเริ่มง้อ พร้อมกับลุกจากเก้าอี้มายืนข้างหลังภูผา ก่อนเอาคางวางบนศีรษะแล้วก็กอดหมอนข้างพูดได้ของเขา ที่ตอนนี้ดูเหมือนจะกลายเป็นน้องชายเขาจริงๆเข้าเสียแล้ว

“ปล่อยๆ ปล่อยได้แล้ว” เจ้าตัวดีร้องบอก พลางแกะมือฟ้าลั่นออกจากตัว

“เดี๋ยวใครเห็นเค้าก็คิดว่าเรากับนายมีอะไรกันพอดี...... ไม่ได้นะ เราก็อดมีแฟนซิ......ม่ายเอา.....อย่ามากอดเค้าซิ.......” ภูผาส่ายศีรษะไปมา พร้อมกับเคียงคอส่งสายตาเจ้าเล่ห์ไปให้ฟ้าลั่นที่ยืนอยู่ข้างๆ  แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะออกมา เนื่องจากต่างฝ่ายยังอยากจะมีแฟนด้วยกันทั้งคู่

ช่วงสัปดาห์สอบกลางภาคผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตลอดเวลาที่ผ่านมาฟ้าลั่นและภูผาก็ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ จนหลายๆคนเห็นเป็นภาพชินตา เมื่อเห็นฟ้าลั่นก็ต้องเห็นภูผา เมื่อเห็นภูผาก็ต้องเห็นฟ้าลั่น......แม้หลายคนจะสงสัยในความสัมพันธ์ของทั้งคู่ แต่ก็คิดไปว่าทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกันเท่านั้น

สองสัปดาห์หลังจากการสอบกลางภาคเป็นเวลาของเสียงหัวเราะและน้ำตา เนื่องจากจากมีการประกาศคะแนนสอบ .......ที่เรียกว่าเวลาแห่งเสียงหัวเราะก็สำหรับพวกที่ได้คะแนนผ่าน mean แน่นอนว่ารวมภูผาและฟ้าลั่นเข้าไปด้วย ..........และที่เรียกว่าเวลาน้ำตา เพราะหลายคนที่ต้องผจญภัยใต้ mean ยิ่งดำลึกมาก หมายความว่าตก mean มากๆ ก็จะร้องไห้มากกว่าธรรมดา........

ศิวะติดตามดูคะแนนสอบของภูผามาตลอด ก็รู้สึกประทับใจกับคะแนนที่ภูผาได้ในระดับเกือบท๊อปทุกวิชา รวมถึงประทับใจในอัธยาศัยที่เสมอต้นเสมอปลายของภูผา.....สำหรับศิวะแล้ว...ภูผาน่ารักสำหรับหัวใจเขาเสมอ

เมื่อศิวะทราบว่าภูผาเป็นเด็กเรียนเก่ง เขาจึงมีความคิดที่จะชวนให้ภูผามาทำงานสโมสร และเพื่อให้ตนเองได้มีโอกาสใกล้ชิดภูผามากขึ้น โดยที่สักวัน....เขาอาจจะได้เป็นคนครอบครอง...หัวใจที่งดงามของภูผาดวงนี้

เย็นวันหนึ่ง หลังเลิกเรียนวิชาเคมี..... ภูผาเดินผ่านสโมสรนักศึกษาที่อยู่ชั้นล่างของตึก เมื่อศิวะที่นั่งทำงานอยู่ในสโมสรเห็นภูผาจึงรีบเดินเข้ามาคุยด้วยทันที

“น้องหมอกครับ” ศิวะเรียกเบาๆ

“น้องหมอกมีเวลาว่างให้พี่มั้ยครับ”

“ครับ พี่เสือมีอะไรหรือเปล่าครับ” ภูผาถามพร้อมส่งยิ้มให้

“คือพี่อยากให้น้องหมอกมาเป็นเลขาสโมสรน่ะครับ เนื่องจากเลขาพี่คนเก่าเค้าประสบอุบัติเหตุทางการศึกษาน่ะครับ” ศิวะพูดต่อ แต่แล้วก็ต้องยิ้มออกมาเพราะคนฟังกำลังทำคิ้วผูกโบว์เพราะความสงสัย

“ก็ประสบอุบัติเหตุทางการศึกษา ก็คือ โดนรีไทร์งัยครับน้องหมอก”

“อ๋อ.......” ภูผาลากเสียงยาวแสดงความเข้าใจ

“ทำไมถึงเลือกผมละครับ รุ่นพี่คนอื่นก็มีตั้งเยอะไม่ใช่หรือครับ” ภูผาถามด้วยความแปลกใจ

“ก็พี่อยากให้น้องหมอกมาช่วยงานพี่นี่ครับ” ศิวะยังคงยึดวัตถุประสงค์เดิม

“พี่แค่อยากให้น้องหมอกมาอยู่ใกล้ๆพี่ มาทำงานกับพี่นี่ครับ” ศิวะพูดต่อเบาๆอย่างอายๆ เนื่องจากยังเห็นภูผาแสดงทีท่าสงสัยอยู่

ในที่สุด....ศิวะก็รวบรวมความกล้าครั้งสุดท้าย กระซิบเบาๆกับภูผา

“พี่ชอบน้องหมอกครับ..... อยากให้น้องหมอกมาอยู่ใกล้ๆพี่นี่ครับ” ศิวะพูดออกไปด้วยความยากลำบาก เพราะไม่เคยเป็นฝ่ายบอกความในใจของตนแก่คนอื่นๆ เนื่องจากโดยส่วนใหญ่แล้วมักจะมีสาวๆหรือหนุ่มๆรุ่นน้องมาบอกรักตนเองก่อนเสมอ นี่เป็นครั้งแรกที่ตนเองตัดสินใจพรั่งพรูความในใจออกมาก่อน แถมยังต้องบอกกับผู้ชายเสียอีก งานนี้จึงเป็นงานที่ค่อนข้างยากสำหรับตัวเขาที่สุด

หลังจากได้ยินศิวะกล่าวมาตามตรง ก็ทำให้ภูผาตกใจและประหลาดใจอย่างมาก เพราะไม่เคยคิดว่าพี่เสือผู้ใจดีและอ่อนโยนจะมาหลงรักตน  เนื่องจากได้ข่าวว่าพี่เสือหรือศิวะมีแฟนหลายคนมาก

แม้ภูผาจะยังรู้สึกยังสับสน เพราะส่วนหนึ่งก็ประทับใจในความอ่อนโยนของพี่เสือ แต่ก็ยังตอบตัวเองไม่ได้ว่าเขาชอบศิวะหรือไม่

“เอาเป็นว่าผมยินดีช่วยงานพี่เสือครับ”

“แต่หัวใจของผม.....มันอาจจะยังไม่มีใครในตอนนี้ .....แต่ก็ให้โอกาสคนที่จะมาคว้ามันไปเสมอครับ” คำตอบที่กลั่นกรองออกมาจากจิตใจของภูผา ทำให้ศิวะโล่งอกและยิ้มออกมา เนื่องจากกลัวว่าภูผาจะโกรธหรือบอกปฎิเสธเพราะว่าตนเองมีคนที่ชอบอยู่แล้ว ซึ่งศิวะหมายถึงฟ้าลั่นนั่นเอง เนื่องจากเห็นสองคนนี้ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ

“พี่จะพยายามครับ” ศิวะกล่าวตอบอย่างหนักแน่น พร้อมรอยยิ้มกว้าง และถือโอกาสเดินเข้ามาโอบไหล่ภูผาเบาๆ

หัวใจดวงน้อย.....เฝ้าคอยใฝ่หา....
รักแท้เติมเต็ม....นำพา.....
บรรจุอุรา...ให้อิ่มใจ.....

จะใช่คนที่ฝันถึงหรือไม่....ใคร่จะรู้
ได้แต่เฝ้าถามดู...ดาราเอ๋ย....
จันทร์เจ้ากลับบอกแทน....เป็นคำเปรย....
ว่าเจ้าเอย....เจ้าจะพบรักแท้......ในเร็ววัน......


หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น by Andreas
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 17-11-2006 11:29:38
อืมมม มาต่อและ

ขอบคุณคับ


พุห์ :teach:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น by Andreas
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 17-11-2006 14:09:47
ตามถึงนี่ด้วย  เรื่องนี้บรรยายละเมียดละไมดีจริง ๆ ภาษาสวยมาก ๆ เลย  ตามต่อคะ  :yeb:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น by Andreas
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 18-11-2006 19:21:29
เอาบรรยากาศมาฝากกันนะครับ

ลูกช้างขึ้นดอย
(http://fuangfah.econ.cmu.ac.th/Website%20econ/anniversaryreport/2545/image/stu/11.gif)
บรรยากาศทางขึ้นอันงดงาม
(http://krasindh.doartdee.com/kasin/life/IMG_1423.JPG)

ภูผาและฟ้าลั่นอยู่คู่กันเสมอ
(http://krasindh.doartdee.com/kasin/life/IMG_1410.JPG)
เหมือนใกล้กันเพียงใด ความจริงหากไกลเกินเอื้อมถึง
(http://krasindh.doartdee.com/kasin/life/IMG_1370.jpg)
ถึงปากทางขึ้น
(http://www.soonphra.com/topic/doisuthep/19.jpg)
เป้าหมายลิบๆ
(http://www.wijitboonchoo.com/audioclinic/pic/1073855720.jpg)
และแล้วพวกเราก็ทำได้
(http://krasindh.doartdee.com/kasin/life/108_0812Mod%20Sky%20Light%202%20rz.jpg)

ภาพ กระสินธุ์และอื่นๆ
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น by Andreas
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 18-11-2006 19:28:39
โธ่ บลู

หลอกให้ดีใจ นึกว่ามาโป้ดต่อ

แต่ไม่เปงไร ขอบคุรนะครับ สำหรับรุปสวยๆ


พุห์ :teach:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น by Andreas
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 18-11-2006 21:06:54
คิดเหมือนหมูพูห์อะ  นึกว่ามาต่อเรื่องแล้ว  แง แง  อยากอ่านต่อจัง    :impress:

ขอบคุณสำหรับรูปสวย ๆ นะคะ  สวยมาก ๆ  :monkeylove2:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น by Andreas
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 19-11-2006 06:17:01
หมูพูห์  เอิ้กๆ โทดทีครับ
มูมู่น้อย พอดีเจอภาพสวยๆเลยอยากเอามาฝากเพื่อนๆ เพราะผมก็ชอบบรรยากาศเหนือๆ เวลาหายใจเข้าไปรู้สึกเหมือนอากาศรอบตัวมันชุ่มชื่น ไม่แห้งแล้งเหมือนในเมืองอ่ะครับ เป็นเหตุผลที่ผมชอบป่า น้ำตก ภูเขามากๆ  :yeb:


บทที่ 6 ประธานชั้นปี กับ ของแถม(ป่วย)

หลังจากสอบกลางภาคเสร็จสิ้น ก็จะเป็นการรับน้องครั้งสุดท้ายของคณะวิศวกรรมศาสตร์ การรับน้องครั้งนี้มีความสำคัญมาก เพราะรุ่นพี่จะรับนักศึกษาชั้นปีที่ 1 เข้าเป็นรุ่นน้องหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความสามัคคีของนักศึกษาน้องใหม่ที่จะแสดงออกมาให้เห็น

กิจกรรมนี้จัดขึ้นนอกสถานที่ในวันหยุดเสาร์อาทิตย์ จึงเป็นเหตุให้ฟ้าลั่นต้องเตรียมตัวและเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับสิ่งต่างๆที่กำลังจะเผชิญ

“หมอก....นายต้องนอนคนเดียวคืนวันเสาร์นะ” ฟ้าลั่นบอกภูผาบนเตียงก่อนนอน โดยที่แขนข้างหนึ่งยังคงโอบกอดตัวภูผาไว้

“เราต้องไปรับน้อง” ฟ้าลั่นกล่าวต่อ

“อืม.......ไม่เป็นไร นอนคนเดียวได้” ภูผาบอกกลับด้วยอาการง่วงนอนเต็มที่

“อ้าว....แล้วไม่กลัวผีเหรอ......อาทิตย์นี้คนกลับบ้านเยอะด้วยนะ หอคงร้าง......นายจะอยู่ได้มั้ยนี่” แม้ฟ้าลั่นจะแกล้งพูด แต่ใจหนึ่งก็อดเป็นห่วงไม่ได้

“อืม......อืม.....ไม่เป็นไร ถ้ากลัวมาก ....... ไป.......นอนกับพี่เสือก็ได้” ภูผาตอบด้วยความงัวเงียเต็มที่ เพราะหลังจากที่ตกลงเป็นเลขาให้ศิวะ ทำให้เขาและศิวะต้องเจอกันและทำงานร่วมกันบ่อยๆ ทั้งคู่จึงสนิทกันมากขึ้น ภูผาจึงไม่คิดว่าจะมีปัญหาถ้าเขาขอไปนอนห้องศิวะ เพราะศิวะเป็นคนใจดีมากนั่นเอง

“แล้วนายจะให้พี่เสือกอดหรือเปล่า” ฟ้าลั่นถามออกไปเพราะมีความรู้สึกแปลกๆ เกิดขึ้น เนื่องจากไม่อยากให้ใครกอดภูผา อาจเพราะเขารู้สึกหวงน้องชายน่ารักคนนี้กระมัง พี่ชายที่หวงน้องชาย ยิ่งรู้ด้วยว่าศิวะชอบภูผาอยู่ เลยอาจออกอาการหวงอยู่ซักหน่อย ซึ่งฟ้าลั่นก็ไม่เคยคิดจะหาคำตอบจริงจังสักที....ว่าทำไมถึงรู้สึกเช่นนี้

“อืม.......อืม..... ม่ายรู้......อย่ากวนได้มั้ยอ่ะ....จะนอน” ภูผาพยายามบอก แต่ก็ยังคงนอนนิ่งภายใต้อ้อมกอดของฟ้าลั่น อาจเพราะเคยชินกับการที่ต้องถูกชายหนุ่มร่างสูงใหญ่กอดเสียแล้ว หรือไม่ก็เพราะง่วงนอนจัดจนไม่อาจฝืนร่างกายให้ขยับได้

ฟ้าลั่นเห็นอีกฝ่ายง่วงนอนมากเข้าจึงหยุดถาม เพราะเขาก็ต้องรีบนอนพักเหมือนกัน เนื่องด้วยพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าเพื่อไปขึ้นรถคณะไปรับน้องนอกสถานที่เวลาตีห้าครึ่ง

ด้วยความเคยชิน....ฟ้าลั่นตวัดให้ร่างบางของภูผาให้แนบลงมาบนอกที่แข็งแรงของตน....และโอบกอดร่างภูผาไว้หลวมๆ จนกระทั่งหลับสนิท

***********
วันเสาร์........ นักศึกษาที่อยู่หอในส่วนใหญ่พากันกลับบ้านกันเกือบหมด ส่งผลทำให้หอพักดูเงียบเชียบและร้างลาจากผู้คน แต่กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้ภูผารู้สึกเหงาหรือกลัวแต่อย่างใด เพราะยังเป็นช่วงกลางวันอยู่นั่นเอง

ในตอนเย็น ศิวะมารับภูผาไปกินข้าวที่ตลาดสดจันทร์กุมารก่อนจะพาไปขับรถเล่นชมวิวในตัวเมือง กว่าศิวะจะมาส่งภูผาที่หอพักก็เกือบสี่ทุ่มตรง หอพักในยามนี้จึงเผยความน่ากลัวออกมาให้ภูผารู้สึกหวั่นๆ อยู่บ้าง

“น้องหมอก แน่ใจนะว่าจะไม่นอนกับพี่......หอหนึ่งผีดุนะ” ศิวะแกล้งพูด และทำหน้าตาจริงจัง ส่งผลให้คนที่ดูเหมือนทำใจได้แล้วว่าไม่กลัวผี ออกอาการกลัวขึ้นมาอีกจนได้

“เอ....ก็รู้ว่าผมกลัวแล้วยังจะมาแกล้งอีก ฟ้าลั่นก็แกล้ง..... พี่เสือก็อีกคน....ทำไมใจร้ายกันจัง” ภูผาแกล้งทำเป็นงอน

“ก็พี่อยากให้น้องหมอกมานอนกับพี่งัยครับ” ศิวะอ้อนด้วยทั้งคำพูดและแววตาวับวาว

หลังจากคิดทบทวนน้ำหนักอยู่ไปมา ประกอบกับตอนนี้ ในหอก็มีเพียงไม่กี่ห้องที่เปิดไฟสว่าง นอกจากนั้นเกือบทั้งหมดปิดไปมืดสนิท..... คนกลัวผีจึงเริ่มมีอาการปอดแหกอีกครั้ง

“เมื่อบ่ายยังไม่น่ากลัวขนาดนี้นี่นา” ภูผาคิดในใจ ก่อนจะถอนหายใจ....และบอกศิวะว่า

“งั้นผมไปนอนกับพี่เสือก็ได้ครับ....เดี๋ยวผมขึ้นไปเอาเสื้อผ้าก่อน ขอเวลาสองนาทีครับ” ภูผากล่าวเสร็จก็รีบวิ่งขึ้นไปหยิบเสื้อผ้าพร้อมของใช้ส่วนตัวที่จำเป็นบรรจุลงกระเป๋าเป้ใบเก่ง พร้อมกับรีบวิ่งลงมาที่ใต้หอ บริเวณที่ศิวะนั่งรออยู่

“โอ้ โห .....ไวมากครับน้องหมอก ท่าทางจะกลัวจริงๆ” ศิวะแซว เพราะภูผาใช้เวลาไปแค่ประมาณสองนาทีเท่านั้น โดยทั้งวิ่งขึ้นและวิ่งลงจากหอ

หลังจากนั้นศิวะจึงขับรถพาภูผามาที่หอพักของตน

พอพักของศิวะคือ หอพักชมดอยหรือต้องเรียกให้ถูกว่าเป็นคอนโดมีเนียม เพราะเป็นตึกแฝดสูงสิบห้าชั้น ตัวอาคารด้านขวาเป็นรูปทรงกระบอก มีช่องตรงกลางตึกเพื่อให้แสงสว่างสาดลงมาภายใน ส่วนอาคารด้านซ้ายเป็นรูปสี่เหลี่ยม ในชั้นบนสุดของอาคารหลังนี้เป็นสระว่ายน้ำ เมื่อขึ้นไปจะสามารถมองเห็นทัศนียภาพของเมืองเชียงใหม่ได้ทั้งเมือง และสามารถมองเห็นพระธาตุดอยสุเทพได้อย่างชัดเจนอีกด้วย

เนื่องจากบิดาและมารดาของศิวะเป็นนักธุรกิจใหญ่ในภาคเหนือ ครอบครัวของศิวะเป็นเจ้าของรีสอร์ทและมีหุ้นส่วนในโรงแรมมากมายหลายสาขา จึงไม่แปลกที่ว่าบิดาเขาจะซื้อห้องคอนโดมีเนียมให้พักอาศัยขณะเรียนที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ศิวะเป็นคนเดียวในพี่น้องผู้ชายทั้งสามคนที่ตัดสินใจไม่เรียนทางบริหารธุรกิจ เนื่องจากหลงใหลและชื่นชอบวิชาวิทยาศาสตร์มากกว่า และมีความสนใจในวิชาGeophysics เป็นอย่างมาก จึงเป็นสาเหตุให้ตนเองเลือกเรียนในคณะวิทยาศาสตร์ สาขาวิชาธรณีวิทยา 

ห้องพักของศิวะประกอบไปด้วยสามส่วน คือห้องนอนขนาดใหญ่ที่มีเตียงเดี่ยวตั้งอยู่ตรงกลางห้อง พร้อมกับห้องน้ำส่วนตัวที่อยู่ในห้องเดียวกัน  อีกห้องคือบริเวณห้องรับแขกที่มีเครื่องเฟอร์นิเจอร์ชั้นดีจัดตกแต่ง แม้จะดูเรียบง่ายแต่ก็มีความทันสมัย ห้องสุดท้ายคือห้องที่ศิวะใช้ทำงาน อ่านหนังสือ หรือเล่นเกมส์  ซึ่งก็มีโต๊ะเขียนหนังสือขนาดใหญ่ โฮมเธียเตอร์ และคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ตั้งอยู่อย่างเป็นระเบียบ

“ห้องพี่เสือสวยจังเลยครับ” ภูผาเอ่ยชม ภายหลังจากเดินสำรวจห้องพักของศิวะ

“ขอบคุณครับ ....ถ้าน้องหมอกชอบมาก  ก็มาอยู่กับพี่ก็ได้นะครับ” ศิวะพูด พร้อมส่งสายตาแพรวพราวมาให้ภูผา จนเป็นเหตุให้ผู้ฟังเกิดอาการหน้าแดงขึ้นมาทันที

“น้องหมอกจะดูทีวีก่อนหรือจะนอนเลยครับ” ศิวะถามอย่างเอาใจ เพื่อต้องการเปลี่ยนเรื่องคุย เพราะเห็นว่าภูผายังคงมีอาการเขินจากคำพูดของตนเมื่อครู่

“นอนเลยดีกว่าครับ ....แต่ผมขออาบน้ำก่อนนะครับ”

“ตามสบายครับ.....น้องหมอกใช้ห้องน้ำในห้องนอนพี่เลยนะครับ” ศิวะพูด พร้อมกับเดินนำภูผาเข้าไปในห้องนอนของตน แล้วก็จัดการอำนวยความสะดวกให้ภูผาเข้าห้องอาบน้ำ

ศิวะเปลี่ยนเสื้อผ้าและอาบน้ำหลังจากภูผาไม่นาน ก่อนนอนเขาจึงเอ่ยปากถามภูผาว่า

“พี่นอนกอดน้องหมอกได้หรือเปล่าครับ”

“ได้ครับ....... ฟ้าลั่นก็นอนกอดผมครับ” ภูผาตอบโดยทันที....และคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา เจ้าตัวไม่ได้รังเกียจแต่อย่างใด

ศิวะได้ยินคำตอบของภูผาก็รู้สึกแปลกใจ จึงถามต่อ

“ฟ้าลั่นชอบน้องหมอกหรือครับ”

“เปล่าหรอกครับ... ฟ้าลั่นคิดว่าผมเป็นน้องชายเขา...... ผมก็คิดว่าฟ้าลั่นเป็นพี่ชายครับ เราชอบเล่นกันแบบว่า เป็นเพื่อนและเป็นพี่เป็นน้องกันครับ” ภูผาอธิบายให้ศิวะรับฟัง

“อีกอย่างผมไม่ได้ชอบฟ้าลั่นแบบนั้นด้วยครับ.....แค่กอดกันเฉยๆ ก็ไม่เห็นเป็นอะไร”

“แต่ถ้าเป็นคนอื่นก็ไม่แน่ อาจจะชอบแบบอื่นก็ได้ครับ”  ภูผาแกล้งหันมาทำสายตาพราวพร้อมส่งยิ้มหวานให้ศิวะ  ก่อนจะหลับตาลงเพราะง่วงนอนเต็มที

ศิวะอึ้งไปทันที  เพราะไม่คิดว่าหนุ่มหน้าหวานคนนี้จะเล่นมุขที่ถึงลูกถึงคนแบบนี้

“งั้นขอให้คนคนนั้นเป็นพี่เสือได้มั้ยครับ” ศิวะกล่าวจบก็วางแขนพาดลงบนตัวภูผา พลางกอดกระชับร่างบางเข้าตัว

“กอดอย่างเดียวนะครับพี่เสือ ห้ามทำอย่างอื่น” ภูผาบอกอย่างสลึมสลือ เพราะง่วงนอนมาก

“โห.....พี่ยังไม่ได้คิดเลย.....น้องหมอกคิดว่าพี่จะทำอะไรหรือครับ” ศิวะแกล้งถาม เพราะเขาก็ไม่คิดจะทำอะไรเกินเลยกับภูผามากไปกว่าแค่การกอดเท่านั้น สำหรับศิวะแล้วการแค่ได้พูดคุยและได้นอนกอดภูผาก็เพียงพอแล้ว....ความรักของศิวะนั้น บริสุทธ์เสมอ.....

ในสายตาของศิวะ...... ภูผาคือคุณค่าทางจิตใจ มิใช่คุณค่าทางร่างกาย อีกอย่างชีวิตศิวะเองก็ไม่เคยขาดเรื่องเซ็กส์ แต่ความรักนั้นขาดหายมานาน และกำลังจะเริ่มต้น เพราะคนที่อยู่ในอ้อมกอดคนนี้ต่างหาก

“แต่ว่า....คืนนี้พี่ขอหอมแก้มใสๆ น้องหมอกด้วยแล้วกัน” ศิวะบอกพร้อมกอดกระชับร่างบางเข้าแนบอกอีกครั้ง และเคลื่อนใบหน้าตนเองลงไปสูดความหอมของภูผา ก่อนจะรู้ว่าคนในอ้อมกอดตอนนี้หลับสนิทไปแล้ว จึงปราศจากการรับรู้หรือบ่ายเบี่ยงแต่อย่างใด

“หลับง่ายดีจัง แล้วถ้าเกิดใครมาฉวยโอกาส จะรู้มั้ยนี่...........น้องหมอก” ศิวะคิดด้วยความเป็นห่วง และหลับตาลงสู่การหลับใหลตลอดทั้งคืน โดยไม่คลายวงแขนออกจากร่างบางของภูผาแต่อย่างใด

***************
บ่ายวันอาทิตย์.......ฟ้าลั่นกลับมาห้องพักด้วยอาการเหนื่อยและอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัด หลังจากอาบน้ำชำระร่างกายแล้วจึงล้มตัวลงนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง จนแม้ว่าภูผาจะเปิดประตูเดินเข้ามาเนื่องจากเพิ่งกลับจากห้องของศิวะ ฟ้าลั่นก็ไม่รู้สึกตัว

ภูผาเห็นผิดสังเกต จึงเอื้อมมือไปแตะหน้าผากของฟ้าลั่น และรับรู้ถึงความร้อนจัดที่ถ่ายทอดผ่านมาที่หลังมือของตน เขาจึงทราบว่าฟ้าลั่นกำลังไม่สบาย ดังนั้นภูผาจึงไม่รอช้ารีบเดินลงไปซื้อยาเตรียมไว้ไห้โดยทันที

ภูผานอนอ่านหนังสือการ์ตูนเล่นบนเตียงตัวเอง เพื่อรอเวลาไปซื้อข้าวเย็นให้คนป่วยซึ่งบัดนี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาแต่อย่างใด จนกระทั่งหลัง 6 โมงเย็น เขาจึงเดินลงไปห้องอาหารใต้หอเพื่อซื้อข้าวต้มขึ้นมาให้เตรียมไว้ให้ฟ้าลั่นยามเมื่อตื่นนอน

“ฟ้าลั่น.....ฟ้าลั่น.....ตื่นมากินข้าวก่อน.....เย็นมากแล้ว....และต้องกินยาด้วย” ภูผานั่งลงบนเตียง เขย่าตัวคนป่วยเบาๆ

“อืม....” ฟ้าลั่นส่งเสียง ก่อนที่จะพยายามลืมตา และค่อยๆลุกขึ้นนั่งบนเตียง

“เราซื้อข้าวต้มมาให้กินนะ.....รีบกินด้วย...กำลังร้อนๆเลย” คนไม่ป่วยสั่งการ

“ขอบใจมากนะหมอก” ฟ้าลั่นตอบเสียงเบา เนื่องจากยังมีอาการปวดศีรษะเป็นอย่างมาก  ก่อนจะรับชามข้าวต้มร้อนๆมาถือไว้  แล้วค่อยๆกินอย่างช้าๆ

“กินข้าวเสร็จแล้วก็กินยา .....แล้วเดี๋ยวเราจะเช็ดตัวให้” คนไม่ป่วยยังคงพูดต่อ พลางหันมาจัดยา รินน้ำใส่แก้ว แล้วจึงยื่นยาพร้อมแก้วน้ำไปให้คนป่วย หลังจากที่ฝืนรับประทานข้าวต้มจนหมดถ้วย

“กินเสร็จ....แล้วก็นอนได้แล้ว.....ถอดเสื้อผ้าออกด้วย........ อย่าถอดหมดล่ะ.....เรายังไม่อยากเห็นฟ้าลั่นตัวน้อย” ภูผาสั่งต่อ และแกล้งแซวคนป่วย.....พลางทำหน้าทะเล้นอย่างได้ใจ เพราะฟ้าลั่นคงไม่มีแรงลุกขึ้นมากอดปล้ำตนเอง

“เฮ้ย...... มันไม่น้อยนา.......ออกจะใหญ่” คนป่วยยังคงมีแรงปกป้องตนเองจากคำครหาของเพื่อนสนิท

ภูผาหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนที่จะเดินออกไปจากห้องพร้อมกับอ่างน้ำขนาดเล็กเพื่อไปตักน้ำมาไว้สำหรับเช็ดตัวให้ฟ้าลั่น

“คนอะไรตัวใหญ่ชะมัด” ภูผาคิดในใจขณะเช็ดแผ่นอก หน้าท้อง และช่วงขาของฟ้าลั่น

“ฟ้าลั่นพลิกตัวหน่อย...จะเช็ดข้างหลังให้อ่ะ” คนไม่ป่วยไม่วายสั่งการ

“เช็ดเบาๆหน่อยดิ..... เนื้อจะหลุดตามผ้าเช็ดตัวไปแล้ว” ฟ้าลั่นโอดครวญ

“อ้าวก็นายไม่ใช่แฟนเรานี่นา ก็ไม่ต้องทะนุถนอมมาก” หนุ่มหน้าหวานต่อปากคำ

“ใจร้าย เราเป็นพี่น้องกันไม่ใช่หรือ นายเป็นน้องชาย นายก็ต้องดูแลพี่ชายให้ดีๆดิ” คนป่วยเริ่มอ้างความสัมพันธ์

“ฮ้อ.....เรื่องมากจริงๆๆๆ คุณฟ้าลั่น......เอ้า...เบาพอยัง” ภูผาบอกประชด แต่ก็พยายามเช็ดตัวอย่างเบามือที่สุด

“เบาพอแล้วคร๊าบ....คุณภูผา....” ฟ้าลั่นตอบยิ้มๆ

หลังจากเช็ดตัวเสร็จแล้ว ก็จัดการใส่เสื้อผ้าให้คนป่วย แม้ว่าคนป่วยจะปฎิเสธก็ตาม แต่ภูผาก็สามารถบังคับให้ใส่ได้สำเร็จ เพราะอยากให้ร่างกายของฟ้าลั่นอบอุ่นเพื่อที่จะได้หายไวๆ

คืนนั้นฟ้าลั่นยอมให้ภูผาไปนอนเตียงของตนเอง เพราะไม่อยากให้ภูผาติดหวัดจากตน

ตอนเช้าวันจันทร์......ภูผาตัดสินใจโดดเรียนเพื่อคอยดูอาการของคนป่วย จริงๆก็ไม่อาจเรียกว่าคอยดูอาการได้เต็มปากเต็มคำเท่าไรนัก ต้องเรียกว่านอนหลับดูอาการเสียมากกว่า เพราะหลังจากที่ตื่นมาตอนแปดโมงเช้า หันหน้ามาดูฟ้าลั่นที่ยังคงหลับอยู่บนเตียง ภูผา..คนดีก็หลับต่อ จนกระทั่ง

“หมอก......หมอก..... ตื่นได้แล้ว ไปกินข้าวกัน” ฟ้าลั่นออกแรงปลุกภูผาที่กำลังนอนหลับสบาย

“อ้าว....หายดีแล้วเหรอ” ภูผาถามหลังจากที่เห็นฟ้าลั่นมานั่งบนเตียงของตนเอง โดยไม่มีอาการป่วยหลงเหลือปรากฏให้เห็นแต่อย่างใด

“อืม...สบายดีแล้ว.....ขอบใจมากนะ....เรื่องเมื่อวาน” ฟ้าลั่นกล่าวขอบคุณ

 “อืม....ไม่เป็นไร......รับน้องหนักมากเลยหรือ เล่นเอาไม่สบายขนาดนั้นน่ะ” ภูผาถามพลางหลับตาลงอีกครั้ง

“พอดีฝนมันตกน่ะ เลยเปียกฝนทั้งวัน” ฟ้าลั่นอธิบาย

“แล้วตกลงใครได้เป็นประธานชั้นปีล่ะฟ้าลั่น” ภูผาถามต่อทั้งๆที่ตายังหลับอยู่

“น่ารักหรือป่าว” ภูผาถามต่ออย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่ เพราะอาการง่วงนอนกลับเข้ามาหาอีกครั้ง
 
“หล่อมากเลยล่ะ ตัวสูง ผิวขาว มีเคราที่แสนจะเซ็กซี่ .......... แล้วก็ใส่แว่นด้วย” ฟ้าลั่นตอบ พลางซ่อนอาการขำไว้ เนื่องจากคนถามยังคงหลับตานอนอยู่บนเตียงเพราะยังไม่อยากลุกขึ้นจากที่นอน

“เหมือนนายเลยเนอะ........รุ่นนาย มีคนหน้าตาเหมือนนายด้วยเหรอ.....แปลกจัง” เจ้าตัวยังคงงัวเงีย เลยไม่ได้ฉุกคิดว่าคนนั้นอาจเป็นฟ้าลั่นก็ได้

“ไม่มีหรอก” ฟ้าลั่นตอบ

“อ้าว....แล้วจะเป็นใครล่ะ” คนถามยังไม่ได้คิดอยู่ดี ส่งผลให้ฟ้าลั่นที่นั่งจ้องอยู่บนเตียง รู้สึกอยากจะจับร่างบางนี้โยนออกจากเตียงเสียให้ได้ในตอนนี้

“ตื่นๆๆ ตื่นๆๆ..... ไอ้คุณภูผา ...ประธานรุ่นวิศวะ อยู่นี่โว้ย” ฟ้าลั่นหมดความอดทน เลยแกล้งเขย่าแรงๆให้คนนอนขี้เซาตื่นขึ้นมารับทราบข้อเท็จจริงที่แสนภูมิใจอันนี้

“อ้าว....แล้วก็ไม่บอกว่าเป็นนาย เห็นบอกว่าหล่อๆ ผิวขาว ตัวสูง” คราวนี้เจ้าตัวดีแกล้งหยอกประธานรุ่นคนใหม่ทันที

“หนอย.....ว่าเราไม่หล่อเหรอ ไอ้คุณหมอก....เราหล่อกว่าพี่เสือแฟนนายอีก” ฟ้าลั่นไม่ยอมแพ้จึงสวนกลับ

“เฮ้ย .....ยังไม่ได้เป็นแฟนเฟ้ย......... แค่ดูๆไปก่อน” ภูผารีบแก้ตัว ก่อนที่จะกระวีกระวาดลุกขึ้นจากเตียง หยิบผ้าเช็ดตัวเดินไปอาบน้ำ ก่อนหันกลับมาบอกฟ้าลั่นว่า

“รอด้วยล่ะ ไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวลงไปกินข้าวกัน”

ฟ้าลั่นส่ายหน้าไปมา....หัวเราะกับการเปลี่ยนแปลงอารมณ์ที่รวดเร็วของภูผา.... ตั้งเมื่อกี้ภูผายังคงงัวเงียง่วงนอน...แต่บัดนี้เจ้าตัวกลับมาร่าเริง...และอารมณ์ดีอีกครั้ง.....


หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น by Andreas
เริ่มหัวข้อโดย: GoneOn ที่ 19-11-2006 15:22:48
..........
ฟ้าลั่นส่ายหน้าไปมา....หัวเราะกับการเปลี่ยนแปลงอารมณ์ที่รวดเร็วของภูผา.... ตั้งเมื่อกี้ภูผายังคงงัวเงียง่วงนอน...แต่บัดนี้เจ้าตัวกลับมาร่าเริง...และอารมณ์ดีอีกครั้ง.....

ไหงตื่นเช้าขนาดนี้เนี่ยคุณบลู เอ๊ะ หรือว่ายังไม่นอน

หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น by Andreas
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 19-11-2006 16:59:11
ตามมาอ่านเรื่องนี้ด้วยคน  :yeb:

สำนวนดีจัง แถมมีกลอนด้วย  :myeye:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น by Andreas
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 19-11-2006 18:20:08
ขยันเจงๆ หนูบลู

ว่าแต่เรื่องนี้หวานน๊อะ


สุ้ไม่ได้เจงๆๆ


พูห์ :laugh3:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น by Andreas
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 19-11-2006 18:26:15
หมอกน่ารักอะ  ฟ้าลั่นก็น่ารัก  ศิวะก็น่ารัก  น่ารักไปหมด  อิอิ  แต่ไม่เชียร์พี่เสือนา  ภูผากับฟ้าลั่นน่ารักกว่า  เชียร์ๆ  :yeb:

รออ่านต่อน้าเรย์  ต่อเรย  ให้ไว  เดี๋ยวลืมอะ  :impress:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น by Andreas
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 20-11-2006 15:13:11
ม่ายรู้จาเม้นต์อาราย...........น่ารักกันทั้งนั้น

ไม่ค่อยได้อ่านนิยายรักโรแมนติกของชายรักชายเลย....แต่ก็น่ารักดี :angellaugh2:

อยากมีมั่ง......แต่คงจะยากกกกกกกกซ์ :impress3:

ส่วนใหญ่อ่านแต่รันทดๆ...........น้ำตาท่วมกระดาษ

แต่เห็นเป็นคุณเรย์โพสนะเนี่ย...............เลยมารออ่าน :laugh: :laugh:

มาต่อเร็วๆนะ..............................จารอ :yeb:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น by Andreas
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 21-11-2006 05:46:53
Dear All,

Indeed thanks for everyone.
It is my great pleasure to know that you all love this story.

Regards,
Andreas


:myeye:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น by Andreas
เริ่มหัวข้อโดย: between ที่ 21-11-2006 14:00:50
 :impress:
ต่อเหอะค๊าบ
:impress:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น by Andreas
เริ่มหัวข้อโดย: GoneOn ที่ 21-11-2006 14:11:22
ขอบคุณ คุณ  Andreas  ด้วยนะค่ะ สำหรับเรื่องหวานๆ บรรยากาศสวยๆ แบบนี้ค่ะ     

แล้วก้อ บลู ด้วย ที่เอาเรื่องมาให้ได้อ่านกันนะ   :yeb:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น by Andreas
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 22-11-2006 00:33:17
 :piglove2: ชอบประโยคนี้มากเรยคุณแอนเดรีย  "ในสายตาของศิวะ...... ภูผาคือคุณค่าทางจิตใจ มิใช่คุณค่าทางร่างกาย "

อ่ารูปก็สวย คุณบลูนี่ขยันจาง  :yeb: พักผ่อนบ้างนะ เอิ๊กๆ ไม่สบายไปเด๋วไม่มีใครลงเรื่องให้อ่าน (อ้าว...นึกว่าเป็นห่วงบลู ที่แท้ก้อ คิกคิก)  :yeb:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น by Andreas
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 22-11-2006 04:58:17
shell กลอนคุณ andrea พึ่ง rewrite ใหม่เลยนะครับ  :yeb:

GoneOn คิกคิก อ่านทันหรือยังครับ  :love2:

หมูพูห์ อ่าจะไปหวานกับครายหนอ  :kikkik:

มูมู่น้อย คิกคิก มาแบบนี้อีกหล่ะ จะเชียร์ครายแน่ ผมละงงแทน เอิ้กๆ  :really2:

][GobGab][ ขอบคุณนะครับ น้องถุงที่มาให้กำลังจายผม แหะๆ

Andreas   อุตส่าห์รีบ rewrite ให้เราได้อ่านก่อนเป็นที่แรกนะครับเนี่ย ขอบคุณมากๆเลยครับ

between อ่านให้ทันนะครับ เอิ้กๆ

(ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว) คิกคิก



***********************************************************************************************

อยากหลับฝัน
แพท สุธาสินี พุทธินันทน์
[wma=300,50]http://mywebpage.netscape.com/blueberrycpie/Pat+Suthasinee+-+02.wma[/wma]
******************************************************************************************

บทที 7 เลือกเพราะรักหรือผูกพัน

หลังจากที่ภูผาช่วยดูแลฟ้าลั่นเมื่อครั้งไม่สบายคราวที่แล้ว ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็สนิทขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง ทั้งสองคนยังนอนเตียงเดียวกันเหมือนเดิม ....ยังไปเที่ยวและเดินเล่นบนสันอ่างแก้วในทุกครั้งที่มีเวลาว่าง โดยไม่ลืมที่จะเอาข้าวไปให้สุนัขหูตูบทั้งฝูงของมหาวิทยาลัยทุกอาทิตย์อีกด้วย

ภูผาต้องแบ่งเวลาให้ศิวะด้วยนอกเหนือจากมอบให้กับฟ้าลั่น ไม่ว่าจะเป็นเวลาทำงานในฐานะเลขาสโมสร รวมถึงเวลาที่ศิวะชวนไปกินข้าวเย็น หรือ ชวนไปนอนค้างที่หอพักบ้าง โดยในบางครั้งถ้าฟ้าลั่นว่าง ภูผาก็จะชวนฟ้าลั่นไปอ่านหนังสือและเล่นเกมส์กับพี่เสือที่ห้องพักด้วย แต่ก็ไม่บ่อยครั้งนัก เพราะฟ้าลั่นมักจะมีสาวๆ ต่างคณะหรือไม่ก็คณะเดียวกันชวนไปเที่ยวเสมอๆ

ถึงแม้ภูผาและฟ้าลั่นจะเข้าร่วมกิจกรรมที่แตกต่างกันเพราะอยู่คนละคณะ ประกอบกับภาระหน้าที่และความรับผิดชอบของทั้งสองคน จึงทำให้ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะห่างกันไปบ้างในบางครั้ง แต่สิ่งเดียวที่ดูเหมือนจะเชื่อมโยงทั้งคู่เสมอมา คือ อ้อมกอดที่อบอุ่นของฟ้าลั่นที่มอบให้กับภูผาทุกค่ำคืนยามที่ต้องนอนด้วยกันนั่นเอง

โอบรัก...อ้อมแขน....อบอุ่น....
โอบกอด....ละมุน.....หลับฝัน
โอบเจ้า....แนบชิด...อกพลัน
โอบรัก...แบ่งปัน....ดวงใจ

***********

หลังสอบปลายภาคการศึกษาที่หนึ่ง ก็ถึงเวลาปิดเทอมประมาณสองอาทิตย์ ทั้งภูผาและฟ้าลั่นจึงเดินทางกลับบ้านไปพักผ่อนกับครอบครัว แต่ก็ยังคงติดต่อกันทางโทรศัพท์เสมอตลอดสองอาทิตย์จนเปิดเทอม

เมื่อแรกเข้าสู่ภาคการศึกษาที่สอง นักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งทุกคนในมหาวิทยาลัยก็ต้องเข้าร่วมกิจกรรมประจำปีที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือ กิจกรรมสปอร์ตเดย์ ซึ่งจะเป็นวันแข่งขันกีฬาประเภทลู่และลานของทุกๆคณะ

สิ่งที่เด่นชัดที่สุดในงานสปอร์ตเดย์นอกจากกีฬา คือ การแสดงพาเหรดในตอนเช้าและการแสดงเชียร์บนแสตนด์ของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ของทุกคณะในตอนบ่ายจนถึงเย็น

สำหรับคณะวิทยาศาสตร์ที่มีศักดิ์ศรีของแชมป์เก่าหลายสมัย ที่ต่อสู่คู่คี่มาทุกปีกับคณะแพทย์ศาสตร์ ผลัดกันชนะผลัดการแพ้อยู่เกือบสิบปี จึงต้องทำการฝึกซ้อมเชียร์ให้น้องๆปีหนึ่งอย่างเข้มข้นในทุกๆวัน

ตอนแรกๆภูผาได้รับการทาบทามให้เป็นเชียร์หลีดเดอร์ของคณะ แต่เนื่องจากเขาไม่ชอบ เลยไปอ้อนวอนแกมบังคับให้ศิวะในฐานะอดีตประธานเชียร์และอดีตเชียร์หลีดเดอร์ให้ช่วยมาคุยกับพี่ๆหลีดเดอร์ชั้นปีสองให้เอาชื่อตนเองออกจากการคัดตัว โดยอ้างเรื่องงานเลขาที่ต้องทำ รวมถึงเรื่องที่ต้องให้เวลากับพี่เสือเองด้วย จนทำให้ศิวะใจอ่อนไปขอให้เอาชื่อภูผาออก

ฟ้าลั่นก็ถูกทาบทามให้เป็นเชียร์หลีดเดอร์ของคณะวิศวกรรมศาสตร์เช่นกัน แต่ภายหลังเมื่อได้รับคัดเลือกให้เป็นประธานรุ่น เขาจึงไปขอร้องให้พี่ๆ คัดชื่อออกจากคัดเลือกเชียร์หลีดเดอร์เช่นกัน โดยใช้ข้ออ้างเรื่องงานเช่นเดียวกับภูผา

กิจกรรมSportday ผ่านไปอย่างเรียบร้อย งานนี้คณะวิทยาศาสตร์สามารถช่วงชิงตำแหน่งชนะเลิศทั้งการแสดงพาเหรดและการแสดงเชียร์บนสแตนด์ได้อย่างงดงาม ดังนั้นในตอนจบงาน....จึงมีแต่เสียงหัวเราะของน้องๆวิดยา.....พร้อมๆ กับมีน้ำตาเกิดขึ้นกับน้องๆแพทย์......การแข่งขันนั้นมีแพ้มีชนะ เป็นเช่นนี้ทุกปีสลับกันไป

หลังจากนั้นไม่นาน.....จึงเป็นช่วงสัปดาห์หฤโหดของการสอบกลางภาค...การส่งรายงานต่างๆ.... การสอบเก็บคะแนนหลากหลาย ที่ดูเหมือนจะรั้งรอกันมาตั้งแต่ต้นเทอม เพื่อที่จะมาฟาดฟันใส่นักศึกษาให้ทุกข์ทรมานในเวลาเดียวกัน

เทอมนี้อาจเป็นการชี้เป็นชี้ตายของนักศึกษาหลายสิบคน อาจจะหลายร้อยคนด้วยซ้ำ ในกรณีที่ใครก็ตามที่ได้เกรดต่ำกว่า 1.50 ในภาคการศึกษาแรก นั่นหมายความว่าเทอมนี้ต้องได้มากกว่าหรือไม่ก็ต้องเท่าเดิม มิฉะนั้นต้องประสบอุบัติเหตุการศึกษาออกไป

ทุกครั้งของการสอบ ฟ้าลั่นและภูผาก็ต้องไปช่วยเพื่อนๆในกลุ่มของตนติวให้กับพวกที่อ่อนวิชาต่างๆ แต่ก็จะเป็นเฉพาะในหมู่เพื่อนสนิทเท่านั้น เพราะนักศึกษาอื่นๆมักไปนั่งฟังการแนะนำของพี่ๆชมรมวิชาการของคณะ ที่จัดขึ้นตลอดสองสัปดาห์ก่อนสอบ

ทุกวันหลังจากเสร็จสิ้นการติวหนังสือให้เพื่อน ทั้งฟ้าลั่นและภูผาก็จะกลับมานั่งอ่านหนังสือด้วยกันเกือบทุกคืน ทั้งคู่จำต้องมีการหยอกล้อกัน...หรือแกล้งทะเลาะกันทุกครั้งไป......แต่จะมีบางเท่านั้นที่ไม่ได้อ่านหนังสือด้วยกัน เช่นคืนที่ฟ้าลั่นอาจต้องอยู่ติวให้กับเพื่อนๆจนถึงเช้า หรือ คืนที่ภูผาต้องไปนอนค้างกับศิวะ เป็นต้น

ถึงแม้จะมีศิวะและเพื่อนๆของฟ้าลั่นเข้ามากั้นกลางระหว่างพวกเขาทั้งสอง แต่ความสัมพันธ์ของภูผาและฟ้าลั่นไม่ได้เสื่อมคลายลง กลับแต่จะเข้าใจและห่วงใยกันมากขึ้น โดยที่ทั้งคู่เองก็ไม่ได้เอะใจในเรื่องนี้แต่อย่างใด เพียงแต่คิดว่าเป็นเพื่อนรักและสนิทกันมากก็เท่านั้น

ในที่สุดการสอบปลายภาคการศึกษาก็จบลง.....ช่วงนี้นักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งที่อยู่หอในต้องเริ่มคิดเรื่องที่พักใหม่ โดยถ้าจะอยู่หอในต่อก็ต้องยื่นสมัครพร้อมแสดงคะแนนสะสมในการช่วยงานของหอพัก หรือบางคนถ้าอยากเป็นอิสระก็ต้องรีบหาหอพักภายนอกมหาวิทยาลัย แต่ก็ยังไม่ต้องรีบร้อนมากนักเพราะหอพักอนุญาตให้นักศึกษาอยู่หอในจนกระทั่งการศึกษาภาคฤดูร้อนสิ้นสุดลง

“หมอกจะอยู่หอในต่อหรือป่าว .....หรือจะไปอยู่กับพี่เสือ” ฟ้าลั่นเอ่ยถามภูผา พลางซ่อนสีหน้ากังวลเอาไว้ ในวันสอบปลายภาคเสร็จสิ้น ทั้งสองหนุ่มนั่งคุยกันอยู่ในห้องพัก

“ยังไม่รู้เลย....พี่เสือก็ชวนนะ เพราะพี่เค้าจะเรียนปริญญาโทต่อ....แต่เรายังไม่ตัดสินใจน่ะ......รอถามนายก่อน” ภูผาตอบ

“หมอกอยากอยู่กับเราหรืออยู่กับพี่เสือล่ะ” ฟ้าลั่นถาม พร้อมกับทำใจว่าภูผาคงเลือกที่จะอยู่กับศิวะ.... ฟ้าลั่นไม่เข้าใจตนเองว่า เหตุใดจึงกังวลมากนัก หากภูผาเลือกจะอยู่กับพี่เสือจริงๆ แต่ก็คิดว่าเพราะอยู่ด้วยกันมาตั้งปีหนึ่งจึงรู้สึกผูกพันกันมากนั่นเอง

“เอ........จะอยู่กับใครดีน้า..........” ภูผาแกล้งทำท่าคิด เพราะเห็นว่าฟ้าลั่นกำลังมองมาด้วยสีหน้าแสดงความไม่สบายใจอย่างเห็นได้ชัด

“จะไปเป็นหมอนข้างให้พี่เสือ หรืออยู่เป็นหมอนข้างให้นายดี.........ตอบยากจัง......” เจ้าตัวยังแกล้งต่อ ก่อนเดินเข้าไปหาฟ้าลั่น กอดบ่าคนตัวสูงกว่า แล้วจึงบอกว่า

“ก็ต้องเลือกอยู่กับนายซิ.......ก็นายยังไม่มีแฟนนี่นา ...เรากลัวนายเหงา.....เอาไว้นายมีแฟนก่อนแล้วเราจะย้ายไปอยู่กับพี่เสือ”

“แต่ถ้าจะต้องอยู่ด้วยกันนาน....คนไม่หล่ออย่างนาย...คงหาแฟนยากหน่อย” คนหน้าหวานแกล้งแซว และหัวเราะออกมาเบาๆ

คำตอบของคำถามที่ฟ้าลั่นพยายามจะเอ่ยถามมาตลอดสัปดาห์ และประโยคหยอกล้อออกจากปากคนตัวเล็กกว่า ทำให้ฟ้าลั่นยิ้มออกมา

เขาตวัดแขนโอบตัวภูผาให้ล้มลงนอนบนเตียง พร้อมทั้งรีบนอนทับร่างบาง แล้วเอาเคราสากๆที่เพิ่งโกนเรียบร้อยเมื่อวานถูแก้มนิ่มๆของภูผา รวมถึงแกล้งไซร้ซอกคอ....และกอดรัดภูผาที่ตอนนี้นอนดิ้น ร้องโวยวาย แสดงอาการหน้าแดงหูแดง จนคนแกล้งต้องหัวเราะออกมา

“เฮ้ย .....ปล่อยนะโว้ย......นายมันบ้าจัง.......ดูดิ....พี่เสือยังไม่เคยทำอย่างนี้เลย” ภูผาต่อว่า ก่อนหันหันมามองค้อนแบบโกรธๆ

“ก็นายว่าเราไม่หล่อทำไมล่ะ...เราออกจะหล่อ......” ฟ้าลั่นแสดงสีหน้าภูมิใจ ก่อนจะสังเกตุเห็นว่าภูผาท่าทางจะโกรธจริงๆ

“ก็แกล้งเล่นหน่อย.....อย่าโกรธน้า......หมอก” ฟ้าลั่นเริ่มง้อเพราะคิดว่าตนเองเล่นแรงเกินไปเหมือนกัน ก่อนจะฉุกคิด แล้วพูดต่อในทันที่ว่า

“เอ้ย...เราไม่ได้ชอบนายแบบพี่เสือนะ.....อย่าคิดมาก” เจ้าตัวบอกคนร่างบาง แต่ไม่วายจะมีความรู้สึกแปลกขึ้นในใจเมื่อย้อนคิดถึงความรู้สึกที่ได้หอมแก้มหรือไซร้ซอกคอภูผา

“อืม....รู้แล้ว.....ระวังเถอะ.....เดี๋ยวเราจะเอาคืน.....นอนหลับเมื่อไหร่ละก็” ภูผากล่าวคาดโทษเอาไว้

ตอนดึกหลังจากที่ฟ้าลั่นนอนหลับแล้ว โดยที่แขนอีกข้างยังคงโอบกอดลำตัวภูผาอยู่ คนถูกกอดเริ่มปฏิบัติหน้าที่แก้แค้นอย่างไม่อาจรอช้า เพราะรู้ว่าเวลาที่ฟ้าลั่นหลับสนิทแล้วถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมา เจ้าตัวจะไม่ค่อยมีแรงจะต่อสู้เท่าไหร่นัก ซึ่งงานนี้ภูผาหวังว่าคงสามารถแกล้งฟ้าลั่นแน่นอน
 ภูผาแกะแขนที่โอบกอดตนเองออกเบาๆ ก่อนที่จะพยายามพลิกตัวฟ้าลั่นให้นอนหงาย และค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียง อยางช้า ระวังไม่ให้เกิดคนที่นอนอยู่รู้สึกตัว แล้วเดินอ้อมมานั่งลงบนปลายเตียง

มือบางทั้งสองข้างสอดเข้าใต้ผ้าห่ม พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้สัมผัสส่วนความเป็นชายของฟ้าลั่น ก่อนที่จะจับเข้ากับขอบกางเกงในตัวเล็ก แล้วรูดออกจากลำตัวฟ้าลั่นช้าๆ เพราะไม่อยากให้คนถูกแกล้งตื่นขึ้นมาเสียก่อน

ฟ้าลั่นเริ่มรู้สึกตัวทันที่ที่รู้สึกว่ากางเกงในตัวจิ๋วของตนเองถูกรูดออกอย่างช้าๆ เขารู้สึกตกใจพอสมควรรวมถึงสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น

“ภูผานายจะทำไร” ฟ้าลั่นคิดในใจ

ฟ้าลั่นได้แต่หวังว่า เจ้าตัวดีที่กำลังถอดกางเกงเขาอยู่คงจะไม่ได้พยายามจะทำมิดีมิร้ายกับร่างกายของเขายามหลับใหล

“อย่านะหมอก ขอร้องเถอะ....อย่าทำอะไรแบบนั้นกับเรานะ” ฟ้าลั่นภาวนา เนื่องจากคงรับไม่ได้ถ้าภูผาจะทำอะไรแบบนั้นกับตน พลางคิดว่าถ้าภูผาทำจริงๆ เขาคงไม่ยอม แล้วอาจจะเลยกลายเป็นสาเหตุของการเลิกคบกันเป็นเพื่อนก็ได้   

“อย่านะหมอก” ฟ้าลั่นตะโกนลั่นในใจ ยังคงหลับตาเพื่อให้ดูเหมือนว่าตัวเองยังหลับอยู่เพราะต้องการรอดูว่าภูผาจะทำอะไรต่อไป

ภูผายังคงพยายามถอดกางเกงในฟ้าลั่นออกช้าอย่างเบามือ........โดยไม่รู้เลยว่าเหยื่อผู้น่าสงสารบัดนี้ไม่ได้น่าสงสารอย่างที่ตนเองคิดเสียแล้ว เพราะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก่อนหน้าแล้ว

ฟ้าลั่นรู้สึกโล่งอกเพราะหลังจากที่เจ้าตัวดีถอดกางเกงในเขาออกแล้วก็ไม่ได้ทำอะไรต่ออย่างที่เขาคิดเอาไว้ แต่ภูผากลับเอาผ้าห่มคลุมตัวเขาตั้งแต่เอวจนถึงจนถึงปลายขา แล้วก็เดินไปเปิดโคมไฟอันเล็กที่สาดแสงอ่อนๆ แล้วจึงเดินกลับมาทิ้งตัวลงนอนทาบลงมาบนตัวเขา พร้อมทั้งเอาสองมือจับแก้มเขาไว้ ก่อนจะปลุกแล้วพูดว่า

“นี่ แกล้งเราดีนัก ต้องเจออย่างนี้”

ภูผาจัดการเอามือทั้งสองข้างดึงแก้มฟ้าลั่นเล่น รวมถึงแกล้งทำเป็นไซร้ซอกคอและหน้าอกของฟ้าลั่น ก่อนที่เจ้าตัวจะถูกวงแขนที่แข็งแรงกว่าโอบกอด แล้วพลิกลำตัวให้ลงไปนอนด้านล่างโดยมีร่างที่เปลือยเปล่าของฟ้าลั่นทับอยู่ข้างบน

เวลานี้ฟ้าลั่นเข้าใจแล้วว่า ภูผามีเจตนาที่จะแกล้งเอาคืนตนเองเท่านั้น โดยไม่คิดทำการอะไรเลยเถิดในเรื่องเพศแต่อย่างใด

“หืม...แกล้งเราคืนเหรอ.... ไอ้ตัวน้อย....... อย่างนี้เลย ต้องโดนอย่างนี้” คนแข็งแรงกว่า ที่บัดนี้เปลือยกายทับอยู่ด้านบน เอามือข้างหนึ่งของตนล็อคแขนทั้งสองข้างของภูผาเพื่อไม่ไห้ขัดขืน ก่อนที่จะก้มหน้าลงไปหอมแก้มซ้ายขวา และสุดท้ายก็ประทับริมฝีปากตนเองลงบนริมฝีปากบางสีชมพูของภูผา พร้อมกับบดขยี้ริมฝีปากอย่างช้าๆ อย่างแผ่วเบา

ภูผากลับแสดงอาการตกใจอย่างเห็นได้ชัด เพราะไม่คิดว่าฟ้าลั่นจะเล่นกลับคืนตนเองแบบนี้ ในขณะที่ฟ้าลั่นไม่ได้คิดอะไร มากเนื่องจากเพราะแค่ต้องการแกล้งคืนภูผานั่นเอง

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เห็นมั้ย โดนจูบซะเลย.....อย่างนี้จะกล้าแกล้งเราอีกหรือป่าวหมอก...... แอบมาถอดกางเกงเราด้วย....แบบนี้ต้องแกล้งเสียให้เข็ด” ฟ้าลั่นยังคงหัวเราะ

“เฮ้ย...ไอ้บ้าฟ้าลั่นจูบมาได้งัย” ภูผาที่ตอนนี้เขินแทนฟ้าลั่นร้องบอก

“ไม่ได้เป็นแฟนกันนะโว้ย.....บ้า” ภูผายังคงโวยวายต่อ และใช้หลังมือทั้งสองข้างถูริมฝีปาก เพื่อเช็ดเอาร่องรอยจูบออกจากริมฝีปากตนเอง

“แหม....ก็แกล้งเล่น..... งัย....สนุกดีออกแกล้งหมอกน่ะ” ฟ้าลั่นยังคงเห็นเป็นเรื่องสนุก โดยไม่ได้ฉุกใจคิดแต่อย่างไร ว่าเหตุใดเขาถึงกล้าจูบผู้ชายด้วยกัน แม้ว่าจะเป็นเพื่อนที่สนิทมากก็ตามที

“เอ้า.....ไม่แกล้งแล้วก็ได้ นอนดีกว่า .........” ฟ้าลั่นตัดบท เนื่องจากเห็นภูผากำลังมองค้อนตาแทบหลุดออกจากเบ้า

“ไอ้บ้า......ดูดิ เสียความบริสุทธิ์หมด...... ถ้าเป็นแฟนก็ว่าไปอย่าง” ภูผายังคงบ่น พร้อมกับฟาดมือไปบนตัวฟ้าลั่นเบาๆ 

“เฮ้ยนอนได้แล้ว ไม่ต้องบ่น แค่ล้อเล่นเฉยๆ” ฟ้าลั่นบอกต่อ

“แล้วไม่คิดจะใส่กางเกงในหรือฟ้าลั่น” ภูผาถามเพราะเห็นว่าฟ้าลั่นยังไม่ลุกไปใส่กางเกงในแต่อย่างใด กลับยังคงนอนกอดตนเองอยู่ เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ขี้เกียจใส่แล้ว......นายเป็นคนถอด ถ้าอยากให้เราใส่ก็ต้องใส่คืนให้เราดิ” ฟ้าลั่นบอกอย่างไม่ใส่ใจ

“งั้นก็นอนโป๊ไปเลย .......ห้ามมากอดด้วย” ภูผายังคงออกอาการโกรธอยู่

“ไม่เอา....มาให้กอดซะดีๆๆ ไอ้หมอกน้อย” ฟ้าลั่นตวัดแขนกระชับร่างบางเข้าหาตัว

“ตกลงนายไปปิดไฟ หรือให้เราลุกขึ้นไปปิดไฟเอง....”ฟ้าลั่นกระซิบถามที่ข้างหูของคนที่ยังงอนไม่หาย

“เราไปปิดเองก็ได้....ไม่อยากเห็นนายโป๊หรอก...” ภูผาบ่นงึมงำ และลุกขึ้นจากเตียงเดินไปปิดไฟ ก่อนจะล้มลงลงนอนบนที่ว่างข้างกายของฟ้าลั่นที่ยังคงนอนเปลือยเปล่า.... แขนที่แข็งแรงของฟ้าลั่นโอบกอดลำตัวของภูผาโดยทันที และหลับไปในไม่นาน

สรุปว่าตลอดทั้งคืนจนรุ่งเช้า ภูผาต้องอยู่ในอ้อมกอดของฟ้าลั่น โดยที่ฟ้าลั่นไม่ได้สวมเสื้อผ้าแต่อย่างใด
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น by Andreas
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 22-11-2006 06:01:28
อ้างถึง
(ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว) คิกคิก


ขำไรอ่ะบลู



แต่สิ่งเดียวที่ดูเหมือนจะเชื่อมโยงทั้งคู่เสมอมา คือ อ้อมกอดที่อบอุ่นของฟ้าลั่นที่มอบให้กับภูผาทุกค่ำคืนยามที่ต้องนอนด้วยกันนั่นเอง  
 
ประโยคเด็ดของตอน :impress:


แต่ที่เด็ดกว่าคือเค้าเล่นถอดกัน คิกคิก  :kikkik:

หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 22-11-2006 09:15:21
ตอนนี้อ่านแล้วรู้สึกดีจัง  เลือกเพราะรักหรือผูกพัน

ความผูกพันที่พัฒนาการเป็นความรักที่สวยงาม  :impress:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 22-11-2006 09:20:59
โอว... ตอนนี้ได้ใจ  ชอบ ชอบ  หมอกเล่นแบบนี้นี่มันวอนนี่หว่า  หุหุ   เรื่องนี้ภาษาสวยมาตลอดเลย  จะมีบทฮัศจรรย์รึเปล่าหง่ะ  อยากเห็นคุณ Andrea บรรยายแบบตบจูบ ตบจูบอะ  เอิ้ก ๆ อยากรู้ว่ามันจะเป็นยังไง   น่ารักกันจังคู่นี้  ความผูกพันที่แต่ละคนก็ไม่รู้ใจตัวเอง  อีกหน่อยคงมีเหตุการณ์ที่ทำให้สองคนนี้เข้าใจตัวเองมากขึ้นละมั้ง 

เชียร์หมอกกับฟ้าลั่นจ้าเรย์  แหม  เค้าก็มีคนเชียร์อยู่นา  ไม่ได้เชียร์ไปเรื่อย  อิอิ   มาต่อเร็ว ๆ น้า  รออยู่   :impress:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: wee ที่ 22-11-2006 20:28:09
มาเข้าคิวอ่าน ด้วยคนน่ะ... 
ภูผา  กะ  ฟ้าลั่น  คลาสสิกจัง ชอบบบบ....
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: FlukeHub ที่ 22-11-2006 21:54:54
หุหุหุ  น่ากันจริงๆ

ต่อครับคุณบลู

ด่วนๆๆๆ

ชอบฟ้าลั่นอ่ะ  หุหุหุ
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 23-11-2006 15:14:24
ความรักเกิดจากความผูกพัน

แต่บางครั้ง ความผูพัน ทำให้เราลืมไปว่า รักเกิดขึ้นมาแล้ว


พูห์ :confuse:

หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 23-11-2006 16:04:30
ถ้าเรามีความรักที่สวยงามกันอย่างนี้ทุกคนโลกนี้คงน่าอยู่เนอะ

...................แต่ก็คงเป็นไปไม่ได้......................... :impress3:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 23-11-2006 17:38:49
(ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว) อย่าพูดถึงแบบนั้นสิ น้ำตาจะไหล คงยังตอบไม่ได้ตอนนี้อ่ะนะ เดี๊ยวจะอ่านแล้วไม่ลุ้น   :impress3:

shell เห็นด้วยกับผมเลยครับ ถ้าผมจะรักใครสักคน ผมอยากให้มันเกิดจากความผูกพัน เราเรียนรู้กันมาจากคำว่าเพื่อน แม้ว่าในชีวิตจริง
คงยากนักสำหรับผม  :monkeysad:

มูมู่น้อย  อืมเชียร์ใครอยู่นะ ชักอยากจะเห็นละ พามามี๊ตติ้งบ้างดิ  :haun2:

wee  รักที่เป็นอมตะเลยครับเรื่องนี้  :myeye:

FlukeHub  น่าไรหรือ  :kikkik:

หมูพูห์ มีมุมมองที่กว้างจริงๆ
อ้างถึง
แต่บางครั้ง ความผูกพัน ทำให้เราลืมไปว่า รักเกิดขึ้นมาแล้ว
เพราะคนเราบางทีลืมสังเกตใจตัวเองหรือปล่าวครับ

][GobGab][  คนเรามีหลายๆแบบ อยู่ที่ว่าเราจะมีโอกาสได้หมุนกงล้อของเรา ไปเจอกับส่วนที่ขาดหายไปหรือปล่าว  :monkeysad2:

***************************************************************************************************************

บทที่ 8 เขาว่าเรากับนายเป็นแฟนกัน.......เฮ้ยต้องแก้ข่าว

ช่วงการศึกษาภาคฤดูร้อน ทั้งฟ้าลั่นและภูผาตัดสินใจลงทะเบียนเรียนวิชาเดียวกันคือวิชา สถิติเบื้องต้นที่เป็นวิชาบังคับเลือกของนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ทุกคนรวมถึงนักศึกษาบางสาขาวิชาของคณะวิทยาศาสตร์   นอกจากนั้นยังเลือกลงทะเบียนวิชารัฐศาสตร์เบื้องต้นซึ่งเป็นวิชาเลือกเสรี    นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ทั้งคู่ต้องไปเรียนด้วยกันทุกครั้ง

ช่วงฤดูร้อนของเชียงใหม่ อากาศจะแห้งและร้อนจัด ดังนั้นแหล่งพักผ่อนในตอนกลางวันที่นิยมของนักศึกษาคือหอพัก และห้างสรรพสินค้ากาดสวนแก้ว  ส่วนในตอนเย็นๆก็จะมีทั้งที่บริเวณสันอ่างแก้ว อ่างเกษตร และสนามกีฬากลางที่นักศึกษาบางส่วนเลือกที่จะออกกำลังกายในช่วงก่อนอาทิตย์จะลับฟ้า

ฟ้าลั่นและภูผาก็ประพฤติตนเหมือนนักศึกษาคนอื่นๆ คือมักจะเป็นเดินเล่นตามสถานที่กล่าวมาข้างต้น หรือไม่ก็ไปเล่นกีฬาออกกำลังกายในตอนเย็นกับเพื่อนๆที่สนิทในคณะ

ขณะเรียนซัมเมอร์ ภูผาและฟ้าลั่นได้ตระเวนหาหอพักที่จะเช่าอยู่ด้วยกันเมื่อขึ้นปีสอง ทั้งสองคนใช้เวลาหลายอาทิตย์ในการเลือกหอพัก เพราะต้องการห้องพักที่สะอาด ค่อนข้างใหญ่ และสะดวกในการออกมาเรียนหนังสือ ในที่สุดก็ตัดสินใจเลือกเช่าห้องชุดที่หอพักพิมชาเลท์ ที่อยู่ในซอยเล็กซอยหนัง บริเวณหลังมหาวิทยาลัย โดยจัดว่าอยู่ในเขตสะดวกสบายในการเดินทางมาเรียนหนังสือรวมถึงการหาอาหารรับประทาน

ลักษณะหอพักพิมชาเลท์ เป็นอาคารขนาดกลาง 4 ชั้น หลังคามุงกระเบื้องสีเขียวเข้ม ตัดกับสีผนังอาคารขาวจัด ภายในตัวอาคารหอพัก ส่วนตรงกลางคือส่วนหย่อมที่ประดับตกแต่งด้วยพันธ์ไม้ขนาดเล็ก จัดวางลดหลั่นไปตามแนวหินของน้ำตกจำลองที่สร้างขึ้น สายน้ำสะอาดไหลลงไปในบ่อปลาขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 3 เมตร ที่เจ้าของพักใช้เป็นที่เลี้ยงปลาคาร์พหลากสีสันที่แวกว่ายไปมาอย่างมีความสุข

บริเวณด้านหลังน้ำตกจำลองคือบันไดเวียนขนาดใหญ่ทอดขึ้นสู่ชั้นอาคารที่สูงขึ้นไป และนำสายตาให้มองขึ้นไปสู่หลังคาของหอพักด้านบน ที่ใช้กระเบื้องโปร่งแสงคลุมแทนที่จะเป็นแบบทึบแสง ซึ่งก็จะทำให้แสงอาทิตย์สาดส่องลงมายังน้ำตกจำลอง ให้ต้นไม้ต่างๆได้ใช้สัมผัสพลังงานแสงอาทิตย์ทุกวัน รวมถึงช่วยทำให้หอพักสว่างไสว ไม่มืดครึ้ม

ห้องพักที่ภูผาและฟ้าลั่นตัดสินใจเลือกเช่าคือห้องชุดขนาดกลางประกอบด้วย ห้องนอนที่มีเตียงนอนหนานุ่มขนาดใหญ่กว่าในหอในถึงสองเท่า รวมห้องน้ำในตัว และห้องรับแขกพร้อมเฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็น เช่น โทรทัศน์ ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ พัดลม โต๊ะรับแขก โซฟา และโทรศัพท์ เป็นต้น

หลังจากตกลงราคาค่าเช่าและทำสัญญาเช่าแล้ว ทั้งสองหนุ่มจึงย้ายของส่วนตัวที่หอในเข้ามาที่ห้องพัก และช่วยกันจัดของให้เป็นระเบียบเรียบร้อย เพราะห้องชุดนี้จะกลายเป็นสถานที่ที่พวกเขาทั้งคู่ต้องอยู่ด้วยกันอีกตลอดสามปี

*******************

ขณะเรียนภาคฤดูร้อน...กิจกรรมที่ฟ้าลั่นและภูผาทำเป็นประจำ คือการชวนเพื่อนๆสนิทในคณะของตนมาเล่นเทนนิสที่สนามหลังหอเจ็ดหญิงด้วยกันในตอนเย็น ดังนั้นเกือบทุกวันจึงจะเห็นนักศึกษากลุ่มใหญ่ทั้งคณะวิศวกรรมศาสตร์และคณะวิทยาศาสตร์ประมาณเกือบสิบคน อยู่บริเวณรอบสนามเทนนิสเพื่อจับคู่เล่นเทนนิสกัน

ศิวะก็มักจะเข้าร่วมเล่นด้วยบ่อยครั้งแม้ว่าจะจบการศึกษาไปแล้ว เนื่องจากภูผาชักชวนและเขาต้องการจะอยู่ใกล้ภูผาตลอดเวลานั่นเอง

การเล่นเทนนิสของทั้งกลุ่มเพื่อนสนิท แบ่งเป็นทั้งแบบเล่นเดียวและเล่นคู่  ฟ้าลั่นและภูผาชอบเล่นเทนนิสมากและฝึกฝนมานาน จึงสามารถเล่นคู่กันได้อย่างดี บางครั้งภูผาจับคู่กับศิวะที่ฝีมือการเล่นเก่งกาจพอตัว ทั้งๆที่เป็นนักว่ายน้ำของมหาวิทยาลัย เพื่อต่อสู้กับคู่ของฟ้าลั่นและคิมหันต์....เพื่อนสนิทในกลุ่มของภูผาในคณะวิทย์  การต่อสู้เป็นไปอย่างสูสีทุกครั้ง พลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ แต่ถ้าเมื่อใดที่ฟ้าลั่นจับคู่เล่นกับภูผา ก็จะพบว่าไม่มีคู่ใดสามารถเอาชนะได้เลย แม้กระทั่งคิมหันต์และศิวะเข้าคู่กัน

ดังนั้น....กีฬาเทนนิส...จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เชื่อมโยงสองหนุ่มให้สนิทสนมกันมากขึ้น นอกเหนือจากการที่อาศัยอยู่ร่วมกัน และเรียนหนังสือด้วยกัน

หลังสอบเสร็จ ก็จะเป็นเวลาปิดเทอมพักผ่อนของนักศึกษาประมาณ ซึ่งกินเวลาประมาณสามอาทิตย์ แต่เนื่องจากฟ้าลั่นที่มีตำแหน่งเป็นประธานรุ่นจำเป็นต้องอยู่เตรียมงานรับน้องใหม่ที่จะเข้ามาในปลายเดือนพฤษภาคมนี้ และภูผาที่ต้องเตรียมกิจกรรมรับน้องเช่นกัน เพราะรับตำแหน่งเลขาสโมสรนักศึกษาอีกวาระหนึ่ง เนื่องจากนายกสโมสรคนใหม่เคยทำงานร่วมกับภูผาตลอดปีที่แล้ว รู้สึกประทับใจในความรับผิดชอบของภูผา จึงขอร้องให้อยู่ช่วยทำงานอีกครั้ง

ดังนั้นทั้งฟ้าลั่นและภูผาจึงไม่มีเวลากลับไปพักกับครอบครัว โชคดีที่ครอบครัวของทั้งสองคนก็เข้าใจเป็นอย่างดี รวมถึงได้รับอนุญาตให้ทำกิจกรรมได้อย่างที่ตนต้องการ เพราะผลการเรียนอันดีเยี่ยมของทั้งสอง

******************************

ช่วงเปิดเทอมใหม่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เพื่อต้อนรับลูกช้างเชือกใหม่ ภาพเหตุการณ์ประทับใจต่างๆถูกฉายซ้ำอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ตัวละครที่โลดแล่นกลับเป็นลูกช้างหน้าใหม่.....ที่ล้วนสดใส...... เยาว์วัย............ และบริสุทธิ์   

กิจกรรมรับน้องถูกทยอยออกมาอย่างมากมายเพื่อสร้างความประทับใจให้กับน้องๆนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่ง......ฟ้าลั่นต้องทำงานหนักเพื่อคอยเรียกประชุมเพื่อนๆ และชี้แจงการรับน้องที่จะเกิดขึ้นเหมือนปีที่แล้ว รวมถึงประสานงานกับรุ่นพี่ต่างๆ

ส่วนภูผาแม้จะช่วยเตรียมงานรับน้องในฐานะเลขาสโมสร แต่ก็ยังต้องเตรียมร่างกายเพื่อรับน้องสุดโหดเช่นกัน
เพราะผลการคัดเลือกเข้าสาขาวิชาของนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ที่ประกาศตั้งแต่ปีที่แล้ว ระบุว่าภูผาสามารถเข้าไปเป็นหนึ่งในนักศึกษาสาขาวิชาเคมีได้.... แต่ยังเรียกได้ไม่เต็มปากนัก จนกระทั้งเสร็จสิ้นการรับน้องจากพี่ปีสามและปีสี่ของภาควิชา จึงจะเรียกว่าเป็นนักศึกษาภาควิชาเคมีอย่างแท้จริง
การรับน้องของภาควิชาเคมี ซึ่งใช้ระบบ “ว้าก” ถือเป็นระบบที่มีความโหดร้ายที่สุดสำหรับการรับน้อง โดยที่จะรุนแรงกว่าโซตัสของคณะวิศวกรรมศาสตร์ เพราะจำนวนคนที่น้อยกว่า และการจัดการง่ายกว่ามาก รุ่นพี่จึงมีเวลาเอาแรงใส่รุ่นน้องอย่างเต็มที

ในตอนเย็น....ตลอดหนึ่งอาทิตย์ของการรับน้องภาควิชาเคมี  ภูผารู้สึกเหนื่อยและอ่อนแรงมาก เนื่องจากรุ่นพี่บังคับให้นักศึกษาเข้าไปในห้องที่มืดสนิท แล้วก็ตะโกนกรอกหูเสียงดัง ทำโทษให้นอน กลิ้งทับกัน ให้ออกกำลังจนเหงื่อโทรมกาย หลังจากนั้นก็บังคับให้วิ่งรอบมหาวิทยาลัย ก่อนจะกลับมาเข้าห้องเพื่อทำโทษต่อ กิจกรรมแบบนี้เกิดขึ้นทุกๆ เย็นตลอดอาทิตย์

ทุกคืนฟ้าลั่นจะขับรถยนต์ที่บิดา-มารดาซื้อให้เป็นของขวัญเพราะได้เกรดดีเยี่ยม มารับภูผาที่ อมช. เสมอ..ทุกครั้งที่เห็นสภาพที่อ่อนแรงของภูผา เขาก็รู้สึกสงสารทุกครั้ง แม้ว่าภูผาเองจะค่อนข้างแข็งแรง แต่การที่คนเป็นร้อยคนอัดอยู่ในห้องเล็กๆ โดนทำโทษ ตลอดสี่ชั่วโมงเต็ม... อากาศก็ไม่มีการถ่ายเท จึงทำให้แม้แต่คนที่แข็งแรงก็ไม่ไหวเหมือนกัน ดังนั้นนอกจากจะมารับภูผาทุกวันแล้ว ฟ้าลั่นยังต้องคอยซื้อข้าวเย็นเตรียมไว้ให้เสมอ หลายครั้งภูผาก็ต้องขอร้องให้ฟ้าลั่นขับรถไปส่งเพื่อนตนเองที่เป็นลมหรือไม่สบายหลังการรับน้องในแต่ละวันไปส่งโรงพยาบาล
ซึ่งกว่าจะเสร็จเรียบร้อยก็เกือบเที่ยงคืน จึงจะได้มีโอกาสกลับหอ รับประทานข้าวเย็นและนอนพักผ่อนเพื่อเตรียมแรงไว้สำหรับวันถัดไป

วันสุดท้ายของการรับน้องภาควิชาคือวันศุกร์ หลังจากที่พี่ๆยอมรับนักศึกษาชั้นปีที่สองเข้าสู่ภาควิชา....สามารถ ใช้คำว่านักศึกษาภาควิชาเคมีอย่างเต็มภาคภูมิ.......ความเหนื่อยที่สะสมมาตลอดห้าวันดูเหมือนจะเหือดหายไปทีนที่ในกลุ่มของน้องใหม่.....รอยยิ้ม.....การทักทาย... และความรัก..... เข้ามาแทนที่ความกดดันโดยพลัน

ฟ้าลั่นขับรถไปรับภูผากลับมาที่หอพัก เขาสังเกตเห็นได้ชัดว่าภูผาอยู่ในสภาพที่อ่อนแรงเต็มที และล้มตัวลงนอนอย่างรวดเร็วหลังจากอาบน้ำเสร็จ

กลางดึก.......ฟ้าลั่นตื่นขึ้นมาเพราะรับรู้ถึงความร้อนจัดของร่างกายภูผาในอ้อมกอดของตน ด้วยความเป็นห่วงเขาจึงลุกลงจากเตียง เปิดไฟ แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ เปิดน้ำอุ่นใส่อ่างอาบน้ำ แล้วนำผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นเพื่อจะเช็ดตัวลดความร้อนให้ภูผา

“หมอก......เป็นอะไรมากหรือเปล่า” ฟ้าลั่นปลุก แล้วถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย ก่อนจะเห็นภูผาลืมตาอย่างช้าๆ

“ไม่สบาย...ปวดหัว” ภูผาพูดได้แค่นั้นแล้วก็หลับตาลงอย่างอ่อนแรง

“หมอกตื่นหน่อยนะ.....เดี๋ยวเราจะเช็ดตัวให้ก่อน”  ฟ้าลั่นกล่าวเบาๆ พร้อมกับจัดการถอดเสื้อผ้าภูผาออก เพื่อจะเช็ดตัวได้โดยสะดวก

แสงไฟจากโคมไฟบนหัวเตียง ส่องสะท้อนให้ฟ้าลั่นเห็นร่างกายที่บอบบางแต่ทว่ามีความแข็งแรง ผิวที่ขาวสะอาดเนียนไร้ขนปกคลุมทั้งแขนและขา แม้จะภูผาจะไม่ได้มีกล้ามเนื้อที่สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนเหมือนฟ้าลั่น แต่ก็ไม่ได้มีร่องรอยของไขมันพอกพูนแต่อย่างใด ทุกสัดส่วนของร่างกายสมบูรณ์แต่ทว่าบอบบางน่าทะนุถนอม รวมถึงร่องอกขาวสะอาด ที่มีหัวนมสีชมพู สีเดียวกับริมฝีปาก น่าชวนหลงใหล

นี่คือครั้งแรกที่ฟ้าลั่นได้เห็นรูปร่างของภูผาจริงๆโดยไม่มีเสื้อผ้าปิดบัง.......ภาพที่ฟ้าลั่นเห็น......ทำให้ฟ้าลั่นอดคิดไม่ได้ว่า

“เหมือนผู้หญิงจัง.......ขนาดเป็นผู้ชายยังน่ารักขนาดนี้...... ถ้าเป็นผู้หญิงคงไม่ปล่อยทิ้งไว้แน่นอน........เสียอย่างเดียวเป็นผู้ชาย...หมอกเอ้ย....ไอ้หมอกน้อย”   

หลังจากเช็ดตัวให้เสร็จเรียบร้อย รวมถึงใส่เสื้อผ้าชุดนอนให้ใหม่ ฟ้าลั่นจึงรินน้ำใส่แก้วและจัดยาให้ ก่อนที่จะปลุกภูผาอีกครั้ง

“หมอก.....หมอก...... กินยาก่อนนะ” ฟ้าลั่นก้มกระซิบที่ข้างหูภูผาที่กำลังนอนหลับเพราะพิษไข้

“อืม......” ภูผาสลึมสลือตอบ และพยายามลุกขึ้นนั่งบนเตียง แต่ก็ไม่มีแรงทำได้ ฟ้าลั่นจึงต้องช่วยพยุงให้ลุกขึ้น และส่งแก้วน้ำและยาให้คนป่วยกิน หลังจากนั้นจึงเอาแก้วน้ำไปเก็บไว้ตามเดิม

“ขอบใจมากนะฟ้าลั่น” ภูผากล่าวขอบคุณแล้วล้มตัวลงนอนในทันที

ฟ้าลั่นเดินไปปิดไฟบนหัวเตียง ล้มตัวลงนอนข้างภูผา โอบกอดร่างบางเข้าหาตัว

“ถ้าไม่ไหวบอกเรานะ .....เดี๋ยวจะพาไปโรงพยาบาล”ฟ้าลั่นกระซิบบอกภูผาเบาๆก่อนที่จะหลับไป แต่ก็มักตื่นขึ้นมาทุกๆ สองชั่วโมงเพื่อดูอาการคนป่วยในอ้อมแขนตนเสมอ

คงไม่มีอะไรที่จะอธิบายได้ว่าทำไมคนสองคนจึงผูกพันกัน ถ้าไม่ใช่เพราะความรู้สึกห่วงใยเต็มหัวใจ หรือเพราะการดูแลซึ่งกันและกันที่เกิดขึ้น........ในกรณีของภูผาและฟ้าลั่น........ตลอดคืนที่ภูผาไม่สบายในอ้อมกอดของเขา .....คือเวลาที่หัวใจของทั้งสองคนเปิดประตูเข้าหากันอีกครั้ง แม้ครั้งนี้มันจะยังไม่อาจบอกได้ว่า “รัก” แต่ที่แน่นอน มันคือ “ความผูกพันของทั้งสองคน”   

ผูกพัน...แนบชิด.....จิตใกล้....
ห่วงใย....แนบชิด.....สิเนหา
อุ่นรัก....แนบชิด....กายา
อุรา....แนบชิด....สนิทพลัน

นับตั้งแต่ขึ้นปีสองเทอมแรกจนเข้าสู่เทอมสอง การแสดงออกของความสนิทสนมระหว่างภูผากับฟ้าลั่นก็ดูจะสังเกตได้ชัดเจนขึ้นในหมู่เพื่อนสนิทๆ จนแม้กระทั่งศิวะเองยังต้องแอบงอนภูผาอยู่บ่อยๆ ว่าทำไมถึงคอยเป็นห่วงฟ้าลั่นมากนัก ทั้งๆที่น่าจะเป็นห่วงเขาในฐานะคู่รักมากกว่า

“น้องหมอกน่ะ เป็นห่วงฟ้าลั่นมากกว่าพี่เสือ ที่เป็นแฟนน้องหมอกตัวจริงอีกนะครับ” ศิวะบ่นกับภูผาในคืนหนึ่ง ก่อนการสอบปลายภาคการศึกษาที่หนึ่ง

“เปล่าซักหน่อยครับ....พี่เสือน่ะ อย่าคิดมาก.....หมอกเป็นห่วงฟ้าลั่นก็เพราะสนิทกันมากก็เท่านั้นเอง อีกอย่างพี่เสือโตแล้วนี่นา จะให้หมอกมาห่วงอะไรมากมายนักล่ะครับ” ภูผาอธิบายอย่างใจเย็น พร้อมหันหน้าไปส่งยิ้มหวานให้ศิวะ

“ก็พี่อยากให้น้องหมอกห่วงพี่มากๆนี่ครับ.......พี่รักน้องหมอกมาก....พี่ก็ต้องหวงเป็นธรรมดา”

“ยิ่งเดี๋ยวนี้คนเขาลือกันให้ทั่วว่า น้องหมอกกับฟ้าลั่นเป็นแฟนกัน.....พี่ก็กลัวซิครับ” ศิวะกล่าวต่อ

“จริงหรือครับพี่เสือ....ทำไมผมไม่เห็นรู้เลย” ภูผาถาม

“อ้าว..........ถ้าให้หมอกกับฟ้าลั่นรู้ เค้าจะเรียกนินทาหรือครับ” ศิวะพูดพลางหัวเราะเบาๆ มองมาที่ภูผาที่กำลังแสดงอาการกังวลในสีหน้าออกมาอย่างชัดเจน

“ปล่อยไว้ไม่ได้แล้ว.....สงสารฟ้าลั่น.....เป็นผู้ชายดีๆถูกหาว่าเป็นเกย์.....เฮ้อ” ภูผากล่าวอย่างเป็นห่วงพร้อมถอนหายใจ

“สงสัยต้องคุยกับฟ้าลั่นให้หาแฟนเสียแล้ว.....จะได้ไม่ต้องมีคนสงสัย” คนหน้าหวานกำลังคิดวางแผน เพราะเป็นห่วงฟ้าลั่นจริงๆ สำหรับตนเองนั้นไม่แปลกที่คนอื่นจะคิดว่าเป็นเกย์ เพราะก็ไม่ได้ปิดบังอะไรอยู่แล้ว.... ภูผาภูมิใจในสิ่งที่ตนเองเป็นเสมอ

การเป็นเกย์ของภูผานั้นแสดงออกอย่างชัดเจนในหัวใจตนเอง เพราะทราบดีว่าไม่สามารถรักชอบผู้หญิงได้ แต่การแสดงออกทางร่างกายนั้นน้อยมากที่จะสังเกตเห็นได้ชัดเจน เนื่องจากภูผาเป็นคนร่าเริงแจ่มใส มีบุคลิกที่ยังดูเหมือนกับเด็กเล็กๆ ทำให้น้อยคนที่จะทราบว่าเขาชอบผู้ชายด้วยกัน โดยถ้าไม่ถามหรือสังเกตดีๆ รวมถึงช่วงเรียนระดับมัธยม ภูผาก็เรียนในโรงเรียนชายล้วนตลอด จนกระทั้งไปจบ High School ที่ประเทศอังกฤษ ก่อนย้ายหน่วยกิจมาสอบเทียบที่เมืองไทย จึงทำให้ภูผาติดบุคลิกของผู้ชายแท้ๆมาก แต่ไม่นับรอยยิ้มหวานที่เจ้าตัวก็แก้ไม่หายซักที

อาจเป็นเพราะใบหน้า ผิวพรรณ คล้ายผู้หญิง และรอยยิ้มหวาน ที่แม้แต่ศิวะก็ติดใจในตอนแรก จึงตัดสินใจบอกรักชอบภูผา ทั้งๆที่ยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าภูผาเป็นเกย์หรือไม่ เพราะศิวะหลงเสน่ห์ในบุคลิกและรอยยิ้มของภูผาจึงตัดสินใจเข้ามาพูดคุยด้วย จนกระทั่งขอคบเป็นแฟน เมื่อมั่นใจว่าภูผาเองมีรสนิยมชอบผู้ชายด้วยกัน

หลังปิดภาคเรียนที่หนึ่ง ก่อนที่ภูผาและฟ้าลั่นจะแยกย้ายกันกลับบ้านไปเยี่ยมครอบครัว ทั้งสองคนจึงมีโอกาสคุยกันเรื่องที่มีข่าวว่าเป็นแฟนกัน

“ฟ้าลั่น.....นายรู้หรือป่าวว่าเค้านินทากันว่าเรากับนายเป็นแฟนกัน”

“อืม.....รู้แล้ว.....เพื่อนก็เล่าให้ฟัง” ฟ้าลั่นตอบอย่างไม่ได้ใส่ใจ

“อ้าว.......แล้วไม่เดือดร้อนหรือ.....นายเป็นผู้ชายนี้นา..... เดี๋ยวเค้าก็หาว่านายเป็นเกย์หรอก”  ภูผายังคงถามต่อ

“ก็ไม่เป็นไร....คนไม่เป็นซักอย่าง.....ก็ไม่ต้องเป็นกังวล อีกอย่างเพื่อนๆสนิทในคณะก็รู้ว่าเราไม่ได้เป็น......รวมถึงพวกแฟนคลับผู้หญิงของเราก็รู้ว่า เราน่ะลีลาเด็ดขนาดไหน.......ไม่เห็นต้องกลัว” ฟ้าลั่นกล่าวจบ แล้วก็หันหน้ามาหา ก่อนจะยักคิ้วข้างหนึ่งให้ภูผา

“อืม.....คนเค้าอุตสาห์เป็นห่วง.......ลืมไปเลยว่านายน่ะ หนีเราไปนอนกอดสาวๆบ่อยๆ มิน่าละไม่เห็นกลัวข่าวลือ” คนหน้าหวานกัดฟันพูด

“เฮ้ย....ไม่ได้หนี........... ก็ไปวันเดียวกับที่นายไปนอนค้างกับพี่เสือนั่นแหละ.......ก็มันไม่มีคนให้กอด......ก็เลยไปนอนกอดคนอื่น...... แต่เราไม่เคยพามานอนในห้องนะเฟ้ย” ฟ้าลั่นรีบบอก

“แต่มันก็ไม่ดีนะเฟ้ย.....ปล่อยให้เป็นแบบนี้น่ะ ทำไมนายไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนล่ะ จะได้ลบข่าวบ้าๆ พวกนี้น่ะ” ภูผายังคงบ่นต่อ แล้วถามคำถามกลับมา

“ไม่เอานะ.....มีแฟนคนเดียวน่าเบื่อจะตาย สู้เป็นแบบนี้ดีกว่า สนุกดี มีหลายคนให้เลือก......อีกอย่างเราก็บอกพวกผู้หญิงของเราไปทุกคนว่าเราเจ้าชู้ ถ้ารับไม่ได้ก็ไม่ต้องมานอนด้วยกัน” ฟ้าลั่นไขข้อข้องใจ

 “ตกลงจะไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน” ภูผาย้ำ

“เค้าเรียกว่ามีหลายตัวตนแต่ไม่ใช่แฟนเฟ้ย” ฟ้าลั่นแก้ให้

“นอนเถอะ เบื่อแล้ว...... ถ้านายอยากให้ข่าวมันจบ....นายก็เลิกเป็นเกย์ดิ.....หรือไม่ก็ประกาศว่าเป็นแฟนกับพี่เสือซักที มัวแต่หลบๆซ่อนๆ” ฟ้าลั่นแกล้งให้คำแนะนำ

“ไอ้บ้า.....มันไม่ได้เลิกเป็นกันง่ายๆนะโว้ย....... แล้วอีกอย่างพี่เสือเค้าก็ยังมีผู้หญิงอีกตั้งหลายคน เราไม่อยากทำให้พวกนั้นเสียใจอ่ะ” ภูผาบอก แต่ก็เก็บอีกเหตุผลหนึ่งไว้ในใจ ซึ่งก็คือเพราะยังไม่แน่ใจว่าจะรักพี่เสือเท่ากับที่เขารักตนเองได้หรือไม่ นั่นเอง

“โอ้ย.....เบื่อจริงๆ ทำไมฟ้าให้คนน่ารักอย่างเราเกิดมาอยู่กับไอ้พวกเสือผู้หญิงอย่างนายและพี่เสือนะ” ภูผาแกล้งบ่น พร้อมมองค้อนไปยังฟ้าลั่นที่นอนเปลือยอยู่บนเตียงใหญ่

“อ้าว....แล้วพี่เสือเค้าไม่ได้เป็นเกย์หรือหมอก” ฟ้าลั่นถามอย่างสงสัย

“เปล่ามั้ง......เค้าก็เหมือนนายแหละ ชอบผู้หญิงเหมือนกัน แต่ต่างกันที่เค้าเคยมีอะไรกับผู้ชายมาก่อนตอนที่ไปเรียน High School ที่อเมริกาอ่ะ รู้สึกว่าถูกรูมเมทลักหลับมั้งเลยติดใจ” ภูผาตอบ

“อืม....แล้วทำไมพี่เสือถึงจีบนายล่ะ” ฟ้าลั่นถือโอกาสถามต่อ เพราะสงสัยมานานเป็นปีแล้ว

“ก็......พี่เค้าว่าเราน่ารักอ่ะ.......” คนถูกถามตอบแบบอายๆ

“พี่เค้าบอกว่า เดาว่าเราต้องเป็นเกย์ เลยลองจีบดู แถมบอกอีกว่าเราเป็นผู้ชายคนแรกที่ตัดสินใจจีบตรงๆอ่ะ” คนพูดตอนนี้หน้าแดงหูแดงไปหมดเพราะความอาย

“อืม......งั้นพี่เดียร์ก็พูดเรื่องจริง” ฟ้าลั่นบอก ก่อนจะหันมามองคนฟังซึ่งบัดนี้ทำตาโตจ้องมองตนเองอยู่

“เฮ้ย....นายมีอะไรกับรุ่นพี่ด้วยเหรอ ฟ้าลั่น”

“อืม.......” คนตอบ ตอบคำถามอย่างไม่ใส่ใจ

“แล้วเขาพูดถึงพี่เสือว่างัยล่ะ” ภูผาถามต่อ

“เค้าบอกว่าพี่เสือเองก็ใช่ย่อย....สาวๆติดกันเยอะ มีแฟนหลายคนด้วย.......แค่นี้แหละ” ฟ้าลั่นหันมาบอก พร้อมกับพยายามซ่อนความเป็นห่วงไว้ในใจ เนื่องจากไม่อยากให้ภูผาเสียใจเพราะศิวะอาจไม่ได้คิดจริงจังอะไรกับความรักมากมายนักก็เป็นได้

“อืม.....” ภูผาพยักหน้ารับรู้ข้อมูลที่ฟ้าลั่นบอก ก่อนจะนิ่งเงียบไป

“นอนเถอะ...ง่วงนอนแล้ว” ฟ้าลั่นเห็นภูผาที่นิ่งไป เขาจึงตัดบทไม่อยากพูดอะไรมากไปกว่านี้ เพราะเกรงว่าภูผาอาจจะเกิดความกังวลในใจ

ภูผาเดินมาที่เตียงนอน แล้วล้มตัวลงนอนอย่างว่าง่าย....ฟ้าลั่นจึงจัดการปิดโคมไฟ แล้วก็คว้าตัวภูผามากอดอย่างเคยชินเหมือนดังเช่นทุกคืนที่นอนด้วยกัน....










หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 23-11-2006 17:59:45
ชอบหมอกจัง  น่ารักดีอะ  เมื่อไหร่สองคนนี้จะรู้ใจตัวเองซะทีน้า  รอ ร้อ รอ   :impress2:

รออ่านอยู่น้า  ตาแป๋ว   :impress:

ปล  คนที่เราเชียร์เหรอ  แหม  ไม่รู้ตัวเองเรยยยย   เราก็รอเรย์นี่แหละ  เรย์ไปมีตติ้งเมื่อไหร่ก็นะ  เปิดตัวเลยแล้วกัน  อย่าพาแฟนกับกิ๊กมาละ  อิอิ   :haun5:

หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: Tantalum ที่ 23-11-2006 22:55:54
เป็นเรื่องที่สุดแสนจะโรแมนติก อิอิ  :haun6:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: wee ที่ 24-11-2006 21:10:23
มารอนายฟ้าลั่น  กะ นายภูผา  ด้วยคน   :impress:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: between ที่ 25-11-2006 00:01:33

                                    :haun6:คุงบลูเนี่ยท่าจะเป็นคนโอลิมปิค เอ้ย โรแมนติคใช่เล่น
                                              ใช่ป่ะคับ :untrust:
                                      :confuse:ไม่รู้หรอกคับ...เดาๆเอา
                                              ซะงั้น..หุหุ :kikkik:
                                  รอด้วยอีกคนคับ
เจ้าเก็ท
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 25-11-2006 13:57:48
หุหุ ผลัดกันป่วย ผลัดกันดูแล  :yeb: น่ารักจริง ๆ
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: FlukeHub ที่ 25-11-2006 18:09:26
เหอๆๆ  บลูครับ  ที่จริงผมตั้งใจบอกว่าน่ารักน่ะ

แต่ดันพิมพ์ตกไปคำนึง  จิ้นมั่วซะงั้น  <<..ตกคำว่ารัก...สงสัยจะอกหักเร็วๆนี้

ต่อๆครับ  รออ่านอยู่
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 26-11-2006 07:54:21
 มูมู่น้อย   :-[ อ๊าก พูดให้เราคิดนะ คิดให้ดีนะครับ เพราะถ้าเริ่มแล้ว คุณจะหยุดรักผมไม่ได้ (จาก sorry,i love you)

Tantalum เก็บไปโรแมนติคกับใครดีหนอ  :haun2:

wee อ่านแล้วรู้สึกเหมือนอยู่ในความฝันที่แสนสวยงามเลย เรื่องนี้   :impress2:

between บางทีมันก็อาจจะเป็นแค่ความคิด แต่ตัวจริงสุดแสนจะเถื่อน เขินครับเวลาจะทำอะไรที่เผยความในใจออกมา  :myeye:

shell  มองหาคนดูแลอยู่อ่ะป่าว    :interest:

FlukeHub อ่านไปจินตนาการไปด้วยครับ นึกภาพตามที่คนเขียนบรรยายไว้ จะอ่านนิยายได้มีรสชาติมากๆครับ  :haun6:

***********************************************************************************************



บทที่ 9 ของขวัญวันเกิด.......จูบที่สอง

...............................ช่อทองกวาวระบัดดอก ออกสะพรั่ง
...............................บอกความหวัง และความฝัน อันปารถนา
...............................ละอองหมอก เบาบาง พริ้วพร่างตา
................................เป็นสัญญาว่าสอบ อยากปลอบใจ
                              (เพลงเชียร์ประจำคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่)

ต้นเดือนธันวาคมของทุกปี สายลมหนาวจะพัดผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ส่งผลให้อุณหภูมิที่เคยร้อนจัดลดลง อากาศจะเย็นสบาย เหมาะแก่การที่ต้นไม้และไม้ดอกจะที่เตรียมผลิใบและดอกตั้งแต่หน้าฝน ให้แข่งกันผลิดอกออกใบรับสายลมเย็นๆ

ไม่เพียงแต่ดอกไม้เมืองหนาวที่เติบโตอยู่ภายในมหาวิทยาลัย จะเริ่มพากันเบ่งบานอวดความสวยงามต้อนรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง เหล่าดอกไม้หน้าใหม่ที่เจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยได้จัดปลูกเพิ่มเติมทั่วมหาวิทยาลัย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความงดงามและเพื่อเตรียมสำหรับงานวันพระราชทานปริญญาบัตรของบัณฑิตผู้สำเร็จการศึกษาในช่วงปลายเดือนมกราคมปีหน้า ก็ดูเหมือนจะไม่ยอมแพ้ดอกไม้เจ้าถิ่น ต่างประชันดอกงาม สีสันและความหอมทั่วทุกมุมแห่งมหาวิทยาลัย สร้างความประทับใจแก่นักศึกษาและแขกผู้มาเยี่ยมเยือนมหาวิทยาลัยอย่างยิ่ง

ต้นทองกวาว อีกสัญลักษณ์หนึ่งของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ก็ดูเหมือนจะอดเสียไม่ได้ที่จะแข่งขันประชันความงามของดอกสีส้มสดตน กับดอกไม้พืชล้มลุกเมืองหนาวหลายชนิดพื้นผืนดิน ทองกวาวทุกต้นจึงพากันเฉิดฉายออกดอกสีเหลืองอร่ามฉาบฟ้าทั่วมหาวิทยาลัย โดยมิวายจะสลัดกลีบร่วงล่นลงบนพื้นหญ้า เกิดคล้ายเป็นภาพสะท้อนงดงามราวกับว่าต้นไม้เหล่านั้นกำเนิดขึ้นตรงกลางบานกระจกผืนใหญ่

ฟ้าลั่นฉวยโอกาสตัดหน้าศิวะ ชวนภูผาไปเที่ยวในช่วงปีใหม่ ภายหลังสอบกลางภาคเสร็จสิ้น โดยให้เหตุผลว่าเพราะสาวๆของเขาโทรมาหาพร้อมๆกันหลายคน และต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากอยู่กับฟ้าลั่นในวันปีใหม่สองต่อสอง และในเมื่อฟ้าลั่นไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะเลือกอยู่กับใคร วิธีที่ดีที่สุดคือ ไม่เลือกใครเลย ดังนั้นเขาจึงอ้างว่ามีธุระจะต้องกลับบ้านไปอยู่กับครอบครัว

ภูผาตอบตกลงในทันที เพราะด้วยทราบดีว่าศิวะคงจะต้องมีสาวๆมารุมล้อมเหมือนกันในช่วงปีใหม่ เขาเลยถือโอกาสอนุญาตให้ศิวะปลดปล่อยความปรารถนาของตนเองโดยไม่ต้องกังวลว่าตนเองจะรับรู้....ภูผาไม่เคยเอาเรื่องพี่เสือมีผู้หญิงหลายคนมาเป็นกังวล เพราะรู้ดีว่าเป็นเรื่องธรรมชาติและตนเองก็ไม่ได้รู้สึกหึงหวงพี่เสือแต่อย่างใด.....

ไม่มีใครแม้กระทั่งฟ้าลั่นเองจะทราบว่า.... ศิวะและภูผาจะไม่เคยมีอะไรกันเกินเลยไปกว่าการกอดจูบธรรมดา แม้ว่าจะนอนด้วยกันบ่อยครั้งก็ตาม  เพราะภูผาเองยังไม่แน่ใจในหัวใจตนเองแม้ว่าจะคบกันมาตั้งเกือบสองปีแล้วก็ตามภูผาขอร้องศิวะว่ายังไม่อยากมีอะไรเกินเลยถ้ายังไม่แน่ใจว่าเขารักศิวะเท่ากับที่ศิวะรักเขา.......จิตใต้สำนึกของภูผามักจะคอยย้ำเตือนเสมอว่า.......เขากำลังรอใครบางคนอยู่....รอมานานแสนนาน....

 ศิวะรักและทtนุถนอมภูผามาก เขาจึงไม่อยากสร้างความเจ็บช้ำให้กับภูผา ในกรณีที่ภูผาเองยังไม่พร้อมสำหรับเขา.....สำหรับศิวะแล้ว เขารอได้เสมอ...เพื่อภูผา.....แม้จะต้องรอทั้งชีวิตก็ตาม

ฟ้าลั่นขับรถเก๋งสีดำสนิทออกจากหอพักในตอนเช้าวันสิ้นปี โดยมีภูผาทำหน้ามุ่ยเพราะยังไม่ตื่นดีนั่งอยู่ด้านหน้าข้างคนขับ

“โหย......ฆ่ากันตายชัดๆ ......ทำไมต้องออกเช้าขนาดนี้นะฟ้าลั่น........ยังไม่สิบโมงเลย” ภูผาบ่นทั้งๆที่ตายังหลับอยู่

“เฮ้ย......ไปช้ารีสอร์ทก็เต็มพอดี........เดี๋ยวเค้าก็ยกเลิกห้องที่จองไว้.......... ถ้าง่วงมากก็หลับไปเลย.........เดี๋ยวจะเอาไปทิ้งไว้ข้างทาง” ฟ้าลั่นแกล้งขู่

 “ห้ามทิ้งคนน่ารักอย่างเรานะโว้ย” ภูผายังคงหลับตาต่อปากต่อคำ

“เออ.......ไม่ทิ้งหรอก.....ล้อเล่น” ฟ้าลั่นเอ่ยคำสัญญาออกมาออกมาทันทีอย่างที่ใจคิด.....โดยไม่ทราบเลยว่าต่อไปในอนาคต เพราะคำสัญญาที่ว่า “ไม่ทิ้งหรอก” จะทำให้เกิดปาฏิหาริย์อย่างไม่ได้ตั้งใจ

ฟ้าลั่นเลือกที่ขับรถไปตามเส้นทางสายเชียงใหม่-หางดง-แม่ริม ผ่านทั้งหมู่บ้าน ทุ่งนา และเนินเขา .......ตลอดสองข้างทางถนนสายท่องเที่ยวแห่งนี้เต็มไปด้วยสถานที่น่าสนใจ เช่น กฤษฏาดอยรีสอร์ท และ สวนบัวรีสอร์ท ที่นอกจากเปิดให้เช่าพัก ยังอนุญาตให้เข้าไปเยี่ยมชมและถ่ายภาพเป็นที่ระลึกอีกด้วย

นอกจากรีสอร์ทต่างๆ แล้ว ถนนสายนี้ยังขึ้นชื่อเรื่องความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ รวมถึงน้ำตก และจุดชมวิวภูเขาสูงต่างๆที่ให้นักท่องเที่ยวได้หยุดพักชมเป็นระยะๆ

รีสอร์ทที่ฟ้าลั่นเลือกพัก ชื่อว่า “ม่อนเอื้องดอย” เป็นรีสอร์ทขนาดเล็กไม่ใหญ่มากนัก แต่จัดแต่งได้งดงามกลมกลืนไปกับธรรมชาติ

ภายในบริเวณพื้นที่ไม่กว้างนัก.....บ้านพักหลังใหญ่น้อย ถูกสร้างขึ้นตามแนวหุบเขาที่มีความลาดชันสูง ลดลงสู่ใจกลางรีสอร์ทที่มีลำธารน้ำไหลผ่านตลอดปี เจ้าของรีสอร์ทได้สร้างทางเดินทอดยาวไปตามลักษณะการคดเคี้ยวของลำธาร และ ตกแต่งบริเวณข้างทางเดิน ด้วยผืนหญ้าสีเขียวรวมถึงกล้วยไม้หลากชนิด

ส่วนหุบเขาที่ชันมากจนไม่สามารถสร้างบ้านพักได้ ก็จัดการทำเป็นสวนกล้วยไม้หลากสีแบบขั้นบันได โดยที่เวลานี้กล้วยไม้ทุกพันธุ์ต่างแข่งกันผลิดอกงาม บ้างก็ส่งกลิ่นหอม สร้างความสดชื่นแก่ผู้พักอาศัยทุกคน   

ฟ้าลั่นเลือกค้างคืนในเรือนขนาดกะทัดรัดข้างลำธาร ลักษณะเป็นบ้านทรงยุโรป ฝาผนังด้านหนึ่งของที่พักถูกแทนที่ด้วยกระจกใสโดยตลอด เพียงแค่มีม่านผ้าฝ้ายสีขาวบางพลิ้วคอยบังแสงแดดอันร้อนแรงที่อาจส่องผ่านเข้ามาเท่านั้น แต่ก็ยังสามารถเห็นลำธารที่อยู่ด้านล่างและทิวทัศน์ภายในรีสอร์ทได้อย่างชัดเจน

บ้านที่ฟ้าลั่นเลือกพักปลูกสร้างอยู่บริเวณที่ลาดชันจึงทำให้มีทางขึ้นได้สองทาง คือ ทางด้านบนที่เป็นทางเดินสันเขาที่ทางรีสอร์ทจัดสร้างไว้และคือว่าเป็นถนนสายหลักที่จะนำไปสู่เรือนพักอื่นๆ  อีกทางหนึ่งคือเดินตามทางที่สร้างเลียบริมลำธาร ขึ้นสู่บันไดบ้านได้โดยตรง

ภายในห้องพักก็จะมีเตียงใหญ่ตั้งหลบมุมอยู่ เพื่อป้องกันไม่ให้คนภายนอกเห็นได้ชัด เนื่องจากผนังห้องส่วนหนึ่งเป็นกระจกใส รวมทั้งมีอุปกรณ์และเฟอร์นิเจอร์ที่สันสมัย จัดแต่งได้อย่างลงตัว.......สิ่งที่น่าสนใจสำหรับห้องพักนี้คือ ห้องน้ำขนาดกว้างปราศจากประตู ภายในสร้างเลียนแบบน้ำตกธรรมชาติ มีการจัดสวนหย่อมเล็กๆข้างในและฝักบัวที่สอดรับกับน้ำตกจำลองอย่างดี

ภูผาหายง่วงนอนเป็นปลิดทิ้ง เพราะกำลังตื่นตาตื่นใจกับความสวยงามของรีสอร์ทและบ้านพักที่ฟ้าลั่นเลือก

“อ้าว.....ห้องน้ำไม่มีประตูแล้วจะอาบน้ำงัยล่ะ” ภูผาถามหลังจากเพิ่งสังเกตว่าห้องน้ำไม่มีประตู มีแต่ม่านบางๆปิดไว้เท่านั้น

“เฮ้ย......ไม่เห็นเป็นไร.......นายเห็นของเราหมดแล้ว ......เราก็เห็นของนายเหมือนกัน.....แล้วจะอายทำไม” ฟ้าลั่นตอบ

“ก็มันอายนี่นา” ภูผายังคงพูดอย่างอายๆ ส่งผลให้ฟ้าลั่นมองมาอย่างยิ้มๆ

“ไม่เป็นไร...เราไม่อาย.....ถ้านายอยากดูเราก็ดูไป.......ไม่หวงหรอก” ฟ้าลั่นพูดพร้อมยักไหล่แสดงท่าทางไม่ใส่ใจ
 
“เฮ้ย..........ใครอยากดู.......เล็กแค่นี้ ทำเป็นอวด” ภูผาไม่ยอมแพ้แกล้งกลับไปบ้าง

“ว๊ะ ไอ้หมอกน้อยนี่ ..........ถ้าเป็นผู้หญิงก็จะให้ลองอยู่หรอก จะได้รู้ว่ามันไม่เล็กนะ......เสียอย่างเดียวเป็นผู้ชาย.........เอาไว้รอเมาก่อนแล้วกัน.......อาจได้ลองของดี” ฟ้าลั่นพูดอย่างไม่จริงจัง ด้วยเพราะต้องการแหย่ภูผาเล่นก็เท่านั้น

“รีบๆจัดของออกจากกระเป๋าดีกว่า เดี๋ยวไปกินข้าวกัน หิวแล้ว......เที่ยงกว่าแล้วด้วย” ฟ้าลั่นเร่งคนหน้าหวานที่ตอนนี้ยังคงกระโดดโลดเต้นอยู่บนเตียงใหญ่ หรือไม่ก็เดินดูโน่นดูนี่ไปเรื่อยๆในห้องพัก

อากาศเย็นจัดเนื่องจากเป็นบริเวณหุบเขาในคืนวันสิ้นปี..... สองร่างชายหนุ่มนอนกอดเพื่อถ่ายทอดความอบอุ่นให้แก่กันบนเตียงนุ่ม แม้ว่าจะมีผ้าห่มผืนหนาปกคลุมอยู่แต่ก็ไม่ได้ทำให้ภูผาอุ่นขึ้นแต่อย่างใด  มือบางของภูผาเอื้อมไปกระชับวงแขนที่โอบกอดตนเองอยู่หลวมๆขึ้นมาแนบอก ส่งผลให้เจ้าของวงแขนแข็งแรงตื่นขึ้นมา ก่อนกระซิบถามอย่างห่วงใย

“หนาวหรือหมอก.....ไม่สบายหรือป่าว”

“อืม......หนาว” คนหน้าหวานงัวเงียตอบ

“กอดเราแน่นๆหน่อยดิ.......อืมมมมมมมมม” คนพูดยังสะลึมสะลือ

ฟ้าลั่นจึงเปลี่ยนท่านอนจากนอนหงายเปลี่ยนเป็นนอนตะแคงพร้อมพลิกร่างของภูผาให้แผ่นหลังสัมผัสกับอกอันเปลือยเปล่าของตนเอง ก่อนที่จะใช้แขนทั้งสองข้างโอบรั้งร่างบางเข้าหาตัว ส่งผลให้ลมหายใจอุ่นของฟ้าลั่นกระทบต้นคอและข้างแก้มของภูผาอย่างแผ่วเบาตลอดคืนจนรุ่งเช้า

ตลอดเวลาเกือบสองปีที่ผ่านมา ไม่เคยมีสักวันที่ฟ้าลั่นจะนึกรังเกียจการนอนกอดภูผาซักครั้ง สำหรับฟ้าลั่นแล้ว เขาพอใจและมีความสุขลึกๆในการกอดภูผา มากกว่าการกอดผู้หญิงหลายๆของเขาเสียอีก

ฟ้าลั่นเคยถามตนเองว่า ถ้าไม่ใช่ภูผาแต่เป็นผู้ชายคนอื่น ตนจะยอมให้นอนเตียงเดียวกัน และกล้าที่จะโอบกอดหรือไม่ ........คำตอบที่ออกมาจากความคิดทุกครั้ง.... คือ

 “ไม่......... จะกอดแค่ภูผาเพียงคนเดียวเท่านั้น”

แต่ถ้าถามว่าทำไมถึงอยากกอด.......นอกจากคิดว่าเป็นน้องชายคนหนึ่งแล้ว......ฟ้าลั่นยังหาเหตุผลลึกๆในตัวเองไม่ได้..........รู้แต่ว่าอีกไม่นาน คำตอบก็คงเดินมาหาเขาเอง

หลังจากที่พักผ่อนอย่างมีความสุขในรีสอร์ท รวมถึงขับรถไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ รวมทั้งสิ้นสามวันสองคืน ฟ้าลั่นและภูผาก็กลับมาหอพักของตน เพื่อให้ทันเตรียมตัวเรียนในวันถัดไป

ศิวะมารับภูผาไปนอนด้วยที่ห้องของตนในตอนบ่ายวันที่กลับมาจากรีสอร์ทเพราะคิดถึงภูผามาก แถมด้วยอาการแอบงอนเล็กน้อยที่ภูผาไปนอนรีสอร์ทกับฟ้าลั่นตั้งสองคืน ทั้งที่ตอนแรกขออนุญาตเขาไปแค่หนึ่งคืนเท่านั้น

“น้องหมอกต้องหอมแก้มพี่เป็นการขอโทษด้วย...สองข้างเลย” ศิวะยื่นหน้าไปให้ภูผาหลังจากเอาตัวภูผาขึ้นรถเพื่อจะพาไปที่หอของตน ก่อนจะได้ยินคนหน้าหวานบอกว่า “ไม่” อย่างชัดถ้อยชัดคำ แถมด้วยคำขู่

“จะให้หมอกหอมแก้ม....แล้วหมอกไม่ไปนอนด้วย....หรือจะให้หมอกไปนอนด้วย....แล้วไม่หอมแก้ม”

ศิวะเป็นคนฉลาด.....เขาเลือกเอาภูผาไปนอนด้วย...เพราะรู้ดีว่ายังมีโอกาสอีกหลายครั้ง....ยิ่งตอนที่ภูผาง่วงนอนมากๆ จะยอมทุกอย่าง....ไม่ดื้อ.....ไม่ซน

ฟ้าลั่นถูกสาวๆโทรตามตัวให้ออกไปพบหลังกลับเข้ามาในหอพักไม่นาน....... แล้วจึงเลยไปสังสรรค์ต่อกับเพื่อนสนิทของตน กว่าจะกลับมานอนคนเดียวที่หอก็เกือบตีสองของเช้าวันใหม่
 

*******

13 กุมภาพันธ์ .....

หนึ่งวันก่อนวันแห่งความรัก คือ วันเกิดของสองหนุ่ม และก็คือวันที่ภูผาและฟ้าลั่นจะมีอายุครบยี่สิบปีบริบูรณ์ หรือที่เรียกว่าบรรลุนิติภาวะแล้วนั่นเอง
เมื่อคิดถึงเรื่องอายุที่ไร ฟ้าลั่นมักจะยิ้มและหัวเราะอย่างขบขันเสมอ เพราะเจ้าคนหน้าหวานที่อยู่ในอ้อมกอดเขาเกือบทุกคืน ดูอย่างไรก็ไม่น่าเชื่อว่าภูผาจะอายุเข้ายี่สิบพร้อมตนเองในวันพรุ่งนี้ นั่นคงเพราะบุคลิกหรือนิสัยที่แสดงออกคล้ายเด็กๆ.......สิ่งเดียวที่ฟ้าลั่นสังเกตเห็นความเป็นผู้ใหญ่ในตัวของภูผาคือ ความรับผิดชอบในการเรียน และการทำงานในฐานะเลขาสโมสร รวมถึงคำแนะนำดีๆที่ภูผามีให้เด็กนักศึกษารุ่นน้องเสมอมา

ตอนบ่ายหลังเลิกเรียนศิวะมารับภูผาไปดูหนังที่กาดสวนแก้ว และพาไปเลี้ยงพิซซ่าฉลองวันเกิดที่พิซซ่าฮัทกันสองคน หลังจากนั้นจึงพาภูผาไปสมทบกับเพื่อนๆสนิทของภูผาที่รวมตัวกันจองห้องร้องคาราโอเกะที่อาคารสิบสองห้วยแก้ว ตรงกันข้ามกับห้างสรรพสินค้ากาดสวนแก้ว ก่อนที่จะขอตัวกลับเพราะอยากให้ภูผาสนุกสนานกับเพื่อนสนิทของตนเอง อีกอย่างพรุ่งนี้วันแห่งความรักภูผาก็ต้องมานอนพักกับเขาอยู่ดี ดังนั้นวันนี้ศิวะจึงปล่อยภูผาให้สนุกอยู่กับเพื่อนๆตามลำพัง

ภูผาถูกเพื่อนๆ โดยเฉพาะคิมหันต์สอนให้ดื่มเหล้าเป็นครั้งแรก โดยให้เหตุผลว่าภูผาอายุครบยี่สิบแล้ว มีความเป็นผู้ใหญ่และสามารถแยกแยะถูกผิดได้พอสมควร ดังนั้นก็น่าจะลองดื่มเหล้าดูบ้าง อีกอย่างคิมหันต์ต้องการจะสอนภูผาให้รู้จักการดื่มด้วย เผื่อในอนาคตจะสามารถเข้าสังคมหรือเอาตัวรอดในสถานการณ์เลวร้ายต่างๆที่ความเมาอาจเป็นสาเหตุได้

ภูผาไม่ขัดความประสงค์ของเพื่อนๆ เพราะรู้ในความหวังดีและด้วยความอยากลองด้วยจึงตัดสินใจดื่มเหล้าและเบียร์ตลอดการร้องคาราโอเกะกับเพื่อนๆ ......... ทั้งกลุ่มผลัดกันร้องและเลือกเพลงต่างๆออกมาประชันเสียงกันอย่างสนุกสนานจนถึงเวลาประมาณตีสามครึ่งจึงพากันออกมาจากร้านคาราโอเกะ โดยเพื่อนคนหนึ่งอาสาขับรถไปส่งภูผาที่บัดนี้เมามากจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่ ที่หอพัก

ทางด้านฟ้าลั่น.....หลังจากที่พี่เสือมารับภูผาไปดูหนัง เพื่อนๆสนิทในกลุ่มก็โทรศัพท์มาชวนไปเลี้ยงฉลองวันเกิดที่ “จี้จี้คลับ”.....ดิสโก้เทคขนาดใหญ่ ทันสมัย ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำปิง

เป็นที่แน่นอนเมื่อหนุ่มๆจากคณะวิศวกรรมมารวมตัวกัน เหล้าจะต้องถือเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ สำหรับฟ้าลั่นแล้วการดื่มเหล้าคือการสังสรรค์อย่างหนึ่งที่ตนเองไม่ปฏิเสธ เพราะรู้จักควบคุมคนเองเสมอไม่ให้เมาจนขาดสติ

หนุ่มๆวิศวะสนุกสนานกับการส่งสายตาจีบสาวๆ การเต้น และการดื่มเหล้าเป็นอย่างมาก......ด้วยบุคลิกและหน้าตาที่คมคายดึงดูดเพศตรงข้ามของฟ้าลั่น แม้ว่าจะนั่งดื่มเหล้าอยู่ที่โต๊ะตนเองตลอดกับเพื่อนๆหน้าตาดีๆอีกหลายคน ก็มักจะมีสาวๆหรือหนุ่มๆออกสาวมาชนแก้วด้วยบ่อยๆ ซึ่งฟ้าลั่นก็จะพูดคุยหรือทักทายกลับไปทุกครั้ง อาจเป็นเพราะระดับแอลกอฮอล์ในเลือดที่เพิ่มสูงขึ้น จึงทำให้ฟ้าลั่นสนุกสนาน ไม่เงียบขรึมตามปกติ

หญิงสาวใจกล้าหลายคนเดินมาชนแก้วและชักชวนให้ฟ้าลั่นออกไปเต้นกับตน บ้างก็โอบกอด บ้างก็กอดรัดฟัดเหวี่ยงฟ้าลั่นอย่างไม่อายใคร คงเป็นเพราะระดับแอลกอฮอล์ที่ทำให้หญิงสาวเหล่านั้นกล้าที่จะนำเสนอร่างกายของตนให้กับฟ้าลั่นในยามนี้ 

ในตอนแรกฟ้าลั่นมากับเพื่อนๆประมาณเกือบยี่สิบคน แต่เมื่อถึงเวลาขากลับออกจาก “จี้จี้” กลับเหลือเพื่อนๆเพียงไม่ถึงสิบคน ส่วนใหญ่ก็เพราะที่เหลือมีแฟนเป็นตัวเป็นตนกันทั้งนั้น ส่วนเพื่อนที่หายไปก็ไปต่อกับสาวๆที่ติดมาจากในเทคนั้นเอง

ฟ้าลั่นขอตัวแยกออกจากกลุ่มเพื่อนเพื่อกลับหอพักก่อน หลังจากที่เพื่อนๆที่เหลือตัดสินใจไปกินไก่ย่างกำแพงดินกันก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับที่พัก แต่เนื่องจากเขาไม่หิวและประกอบกับความเป็นห่วงภูผา ฟ้าลั่นเลยบอกปฎิเสธไป

ฟ้าลั่นกลับมาที่หอพักด้วยอาการค่อนข้างเมา แต่ยังมีสติดีอยู่มาก เปิดประตูเข้าห้อง เห็นไฟเปิดอยู่ในห้องนอน เขาเห็นภูผายังใส่เสื้อผ้าชุดเดิมตอนออกไปกับพี่เสื่อเมื่อตอนบ่ายนอนหลับสนิทบนเตียง เมื่อเห็นเจ้าตัวดีไม่อาบน้ำก่อนนอน และเขาก็ง่วงนอนเพราะฤทธิ์เหล้าเต็มที ฟ้าลั่นจึงทำแค่เพียงถอดเสื้อผ้าออกเหลือกางเกงในสีขาวสะอาดอย่างเคย แล้วจึงล้มตัวลงนอน โดยไม่ลืมที่จะคว้าคนที่นอนอยู่ก่อนเข้ามากอดอย่างรวดเร็ว

ขณะที่คว้าตัวภูผาเข้ามากอด จมูกของฟ้าลั่นก็สัมผัสเข้าที่แก้มใสๆของภูผาเข้าอย่างไม่ได้ตั้งใจ ความหอมของกลิ่นตัวภูผารวมถึงกลิ่นเหล้าอ่อนๆที่ออกมาพร้อมลมหายใจ กระตุ้นให้ฟ้าลั่นเกิดอารมณ์กระสันขึ้นมาอย่างประหลาด

ด้วยฤทธิ์ของระดับแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดและอารมณ์ที่หลงเหลือค้างยามที่ตนเองถูกสาวๆในเทคกอดรัดแทบตลอดเวลา จึงเป็นเหตุให้ฟ้าลั่นจรดจมูกตนเองลงบนแก้มภูผาพร้อมสูดความหอมหวานของแก้มนิ่มหลายครั้ง ก่อนที่จะหลับตาลงสู่นิทรา

*********

ในฝัน...............

ภูผากำลังนอนอยู่ในอ้อมแขนอบอุ่นของชายหนุ่มอ่อนโยนที่มีสัมผัสที่แผ่วเบาและรัญจวนใจยิ่งนัก ..........ชายคนนี้มักอยู่ในความฝันตนเองเสมอ............และยิ่งนานวัน....ก็ดูเหมือนว่าสัมผัสต่างๆในฝันนั้นจะมีความชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ......เร่าร้อน...อ่อนโยน.....และแสนหวาน

สัมผัสที่อ่อนโยนของชายในฝันมันช่างตรึงติดในดวงใจนัก .........ภูผาไม่เคยเห็นหน้าชายคนนั้นอย่างชัดเจนในความฝันอันงดงามนั้นสักครั้ง ....... .....เขาจดจำได้แต่เพียงดวงตากลมโต หวานซึ้ง ......มีประกายสดใส ยามมองมาที่เขา ก่อนที่จะประทับริมฝีปากลงที่แก้ม ใช้จมูกไซร้ไปมาทั่วผืนหน้า....... ลงไปที่ซอกคอ....... และเคลื่อนไปที่หน้าอก ........หัวนมทั้งสองข้าง........ไปเรื่อยๆๆ  และสุดท้ายกลับขึ้นมาสิ้นสุดที่การจูบอย่างซาบซึ้ง ......อ่อนหวาน...รัญจวนใจทุกครั้ง

ยามนิทรา...รับรู้ว่า....เธอเคียงข้าง
ใจกระจ่าง....อุ่นรัก....ละมุนฝัน
แทรกความหวาน...ผ่านจุมพิต....ให้แก่กัน
จิตอ่อนโยน...ผูกพัน....รัญจวนใจ

**********

เพราะความฝันที่หวนคืนกลับมากระตุ้นอารมณ์ส่วนลึกของภูผา รวมถึงฤทธิ์ของเหล้าที่อยู่ในร่างกาย จึงทำให้ภูผาพลิกตัวเข้าหาคนแข็งแรงที่นอนกอดตนเองอยู่จากด้านหลัง

อารมณ์ครุกรุ่นและความฝันที่มาเยือน.....ทำให้ภูผาเคลื่อนวงแขนทั้งสองข้างเข้าโอบกอดร่างแข็งแรงที่นอนอยู่ ก่อนที่จะประทับริมฝีปากลงบนอกขาวเนียน พรมจูบไปทั่วผืนอกแกร่ง เคลื่อนไปหน้าขึ้นไป ไซร้ที่ซอกคอช้าๆ..... และไปบรรจบที่การหอมแก้มสากๆของฟ้าลั่นหลายครั้ง.......

คนถูกกอด......ถูกหอม........รู้สึกตัวช้าๆ คล้ายความฝัน.......ความฝันที่อ่อนหวาน......ฝันว่ามีคนมาพรมจูบไปทั่วร่างกาย....... ปฏิกิริยาของร่างกายเกิดขึ้นสอดรับกับสัมผัสอย่างไม่อาจหักห้ามใจ ........ อารมณ์และกลิ่นหอม......รวมถึงสัมผัสที่วาบหวามได้จุดประกายไฟในตัวเองให้ลุกโชนจนมาอาจห้ามร่างกายตนเองให้ตอบสนองกับสิ่งที่เผชิญอยู่

ฟ้าลั่นพลิกตัวโอบกอดคนตัวเล็กที่บัดนี้ยังคงใช้ริมฝีปากระดมจูบบนแก้มสากๆของตน ให้นอนลงด้านล่างโดยมีลำตัวที่แข็งแรงของตนทับอยู่ด้านบน มือหนึ่งสอดเข้าไปใต้แผ่นหลังของภูผา อีกมือหนึ่งลูบไล้ไปมาบนใบหน้าและลำตัวบาง ก่อนที่จะประทับริมผีปากลงบนกลีบปากบางของภูผา...........บรรจงมอบจูบที่อ่อนโยน......หวานซึ้ง......ให้อย่างยาวนาน

สัมผัสของฟ้าลั่นจุดประกายไฟในตัวภูผาให้ลุกโชนจนยากที่จะควบคุม.........มันคงเหมือนกับการเศษไม้แห้งเข้าสู่กองไฟ......... เชื้อเพลิงชั้นดีก็จะทำให้เปลวเพลิงพุ่งขึ้นสูง......สร้างความร้อนแรงจนผลาญสิ่งที่อยู่รอบข้างให้มลายไปในพริบตา.........ตอนนี้มือบางของภูผามิได้ลูบไล้อยู่แค่บริเวณใบหน้าและศีรษะของฟ้าลั่นเพียงอย่างเดียว แต่กลับเคลื่อนไปสัมผัสแทบทุกส่วนของร่างกายฟ้าลั่น.......ทุกส่วนกายที่แข็งแรง....เย้ายวน.....

เสื้อและกางเกงของภูผาถูกถอดอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะถูกโยนออกไปอย่างไม่รู้ทิศทางโดยคนตัวใหญ่กว่า ตอนนี้ทั้งคู่จึงมีแต่กางเกงในสีขาวตัวน้อยปกปิดของสงวนอยู่เพียงชิ้นเดียว........... การสัมผัสที่เร่าร้อน......การจูบที่รุนแรงแต่ก็ยั่วยวน.......ดำเนินไปช้าๆ ..... จนกระทั่ง

เหมือนแสงแฟลชที่ฉายเข้ามาในสมองรวดเร็ว....ความรู้สึกผิดปกติเกิดขึ้นภายในความคิดของฟ้าลั่น ทำให้สติที่แทบมลายหายไปกับสัมผัสที่อ่อนนุ่มของภูผา กลับมาอีกครั้ง.........การกระทำที่ปราศจากสติหยุดลงอย่างรวดเร็ว....... อารมณ์กระสันมลายหายไปจนสิ้น เหลือแต่ความเหนื่อยและความง่วงหนักเข้าควบคุม พร้อมๆกับภูผาก็ดูเหมือนจะหยุดล่วงล้ำ......ล่วงเกิน...ร่างกายของเขาเช่นกัน อาจเพราะไม่สามารถทนทานต่อความเหนื่อยและความง่วงนอนที่ถาโถมเข้ามาอย่างไร้แรงกายต่อสู้

ทั้งคู่จึงหลับใหล หมดสติ จนกระทั่งเที่ยงวันใหม่ ........วันแห่งความรัก 14 กุมภาพันธ์ 2542

ฟ้าลั่นรู้สึกว่าตัวถูกเขย่าอย่างแรง ก่อนที่จะลืมตามาเห็นภูผานั่งอยู่บนเตียง เขาสังเกตเห็นใบหน้าแดงกล่ำของภูผา รวมถึงสีหน้าแสดงความตกใจบางอย่างผสมอยู่

“เฮ้ย.....เมื่อคืนเราทำอะไรนายหรือเปล่า” ภูผาถามอย่างระแวง โดยไม่สนใจว่าตัวเองจะมีสวมเพียงกางเกงในสีขาวตัวเล็กเช่นเดียวกับคนที่กำลังมองมา

“.ก็นายมาจูบ......มากอด.......มาทำมิดีมิร้ายกับเราตั้งนาน” ฟ้าลั่นตอบเล่นๆไป ทั้งๆที่ตนเองก็จำอะไรได้เลือนรางเต็มที เขาจำได้แต่เพียงว่าตนเองก็ดูเหมือนจะตอบสนองต่อการจูบที่อ่อนหวานนั้นเช่นกัน

ความรู้สึกและความจำที่หลงเหลือทำให้ฟ้าลั่นรู้สึกแปลกๆในใจ .....แปลกที่ไม่ได้รังเกียจสัมผัสนั้นเลย......”ทำไมนะ” ฟ้าลั่นตั้งคำถามแก่ตนเอง

“หา..................จริงหรือ” ภูผาตะโกนออกมาอย่างตกใจ

“แล้วใครถอดเสื้อผ้าเราล่ะ......หวังว่าคงไม่ใช่นายนะ”  ภูผาถามอีกครั้ง

“จำไม่ได้หรอก” ฟ้าลั่นหันมาตอบ เพราะเขาจำไม่ได้จริงๆ

“โอย.....โอย......ซวย......ซวย.....ซวยจริงๆๆ ไม่น่าเมาเลยเรา” ภูผาบ่นกับตัวเอง

“เราขอโทษด้วยนะ.....ถ้าเราทำอะไรบ้าๆ กับนายไป.....เราไม่ได้ตั้งใจนะฟ้าลั่น” ภูผาบอก ดวงตาของเขาเหมือนจะมีน้ำใสๆเอ่อล้นออกมา ท่าทาง คำพูด และอาการสำนึกผิดของภูผาที่แสดงออกอย่างชัดเจนและจริงใจ ทำให้ฟ้าลั่นต้องเอื้อมมือไปจับร่างบางให้ล้มตัวลงนอนข้างตนเองอีกครั้ง โดยไม่ลืมที่จะโอบกอดภูผาไว้อย่างเต็มใจ

“อืม.....ไม่เป็นไรหรอก........ เราก็ไม่ได้คิดมากอะไรนี่นา....... เรายังรักและเป็นห่วงนายเท่าเดิม....ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร” ฟ้าลั่นเปล่งเสียงนุ่มเข้าข้างหูของภูผา

“ก็เพราะนายเป็นเพื่อนที่เรารักมากงัย.....เราถึงไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้......เรากลัวนายจะเกลียดเราน่ะ” ภูผากล่าวทั้งน้ำตา ซุกหน้าลงบนอกแข็งแรงของฟ้าลั่น

“หมอกฟังนะ......ฟังให้ดี......... ถ้าเรารังเกียจนายจริงๆ เราจะนอนกอดนายเหรอ........อย่าคิดมาก.....เราไม่โกรธนายหรอก” ฟ้าลั่นอธิบายอย่างช้าๆ แต่ในดวงใจกำลังเต้นแรง เพราะความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้นต่อภูผา....ความรู้สึกที่ตนเองยังไม่สามารถเข้าใจได้

“จริงนะ.......นายไม่โกรธจริงนะ....... เราสัญญาว่าจะไม่ให้มันเกิดขึ้นแบบนี้อีก” ภูผาปาดน้ำตาทิ้ง และพูดออกมาอย่างหนักแน่น

“อืม........นอนต่อเถอะ.......แล้วพี่เสือจะมารับหมอกกี่โมง” ฟ้าลั่นรั้งร่างบางเข้าหาตัวอีกครั้ง พร้อมส่งคำถาม

“ห้าโมงเย็นมั้ง..... นายมีนัดกับใครหรือป่าววันนี้”

“มี....ตอนหกโมง.......” ฟ้าลั่นตอบ

“งั้นนอนต่อดีกว่า........ง่วง” ภูผากระซิบบอกฟ้าลั่น ก่อนจะหลับตาลงสู่นิทราอีกครั้ง ภายใต้อ้อมกอดที่คุ้นเคย............

แม้ว่าภูผาจะยังจำไม่ได้......แต่ดูเหมือนหัวใจและจิตใต้สำนึกของเขาจะรับถึงความคุ้นเคยในสัมผัสที่อ่อนโยน..........คล้ายคลึงกับสัมผัสในฝัน........ของชายคนนั้น.......... จนแทบแยกกันไม่ออก

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้.........แม้ว่าจะดูเหมือนจะไม่สำคัญอะไร........แต่กลับความหมายกลับแทรกลงไปในหัวใจของทั้งสองคน.......... แทรกลึกลงไปในหัวใจที่ว่างเปล่า........ ก่อให้เกิดความสุขเล็กๆขึ้นกับฟ้าลั่นและภูผาโดยที่ทั้งคู่ไม่สามารถหาเหตุผลได้

นี่แหละกระมัง......จุดเริ่มต้นของความรัก.......มักไม่มีเหตุผลยามที่บังเกิด........คงมีแต่ความสุขเท่านั้นที่จะรับรู้.....แต่ว่า...อนาคตเล่า....สุขจะกลายเป็นทุกข์หรือไม่....ใครจะตอบได้บ้าง .......

หัวใจของทั้งคู่สื่อสารกันอีกครั้ง......ครั้งนี้สำคัญนัก......เพราะมันอาจจะเปลี่ยนความรู้สึกของเพื่อนรัก........ให้กลายเป็นคนรัก........ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม





หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 26-11-2006 13:59:18
กลอนเพราะจัง  :myeye:

เที่ยวดอยตอนหน้าหนาว โรแมนติคเนอะ  :yeb:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: FlukeHub ที่ 26-11-2006 14:25:44
หุหุหุ..เริ่มละๆ

น้องหมอกเรา  เกือบไปแล้วมั๊ยล่ะ

น่ารักๆกันจริง  โรแมนติกดีเนอะ

พี่เสือจะเอาไงเนี่ย  หึหึหึ

ด่วนๆครับบลู
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: wee ที่ 26-11-2006 23:01:30
เมื่อฟ้า...ได้เคลื่อนกายลงมาใกล้ ภูผา .... 
งั้นฟ้า กะ ภูผา ก็ห่างกันแค่คืบเดียวแล้วสิ...เนอะ
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 27-11-2006 10:11:19
เรื่องนี้ภาษาสวยจริง ๆ อ่านแล้วอมยิ้มตลอดเลย  น่ารักดี  อ่านกลับไปกลับมาตั้งหลายรอบแนะ  บรรยายดีแล้วก็คอนเซปต์ความคิด ความรัก ความผูกพัน ระหว่างคนสองคนดูเหมาะเจาะลงตัวดีอะ  ชอบจัง   :impress2:

รออ่านเหมือนเดิม  :impress:

ปล  ทำไมเรย์ต้องมีอ้างอิงด้วยอะ  ตรงจาก sorry, I love you อะ  นึกว่าพูดเอง โธ่  :undecided:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 27-11-2006 17:32:46
อืมมมม :confuse:

เริ่มเปิดใจให้กันที่ละนิดแล้ว

ลุ้นจางงงงง


พูห์ :teach:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 28-11-2006 03:14:39
 :yeb: แปะโป้งไว้ก่อน ยังตามไม่ทัน เด๋วมาตามอ่านเน้อคุณบลู
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 28-11-2006 17:22:52
ตอนนี้คุณ andreas รีไรท์ไปหลายรอบมาก เนื่องจากเป็นตอน climax ของกลางเรื่อง
ตั้งใจอ่านให้สมกับที่คนเขียนพยายามหน่อยนะครับ
คุณ andreas แวะเข้ามาอ่านคอมเม้นต์บ่อยๆนะครับ ว่างๆคงมาตอบเพื่อนๆอีกที  :yeb:

shell ผมก็ชอบมากๆเลยครับ มันหนาวแบบชุ่มชื้นดีครับ  :impress:

FlukeHub ต้องคอยลุ้นตามครับ  :interest:

wee ใกล้กันเพียงคืบ แท้จริงดั่งเส้นขนาน  :sad4:

มูมู่น้อย  :kikkik: อ่านเรื่องนี้แล้วหัวใจชุ่มช้ำ  :haun5:

หมูพูห์ กว่าจะรู้ใจตัวเอง บางคนก็สายไป  :monkeysad2:

(ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว) ให้โป้งเลย มาอ่านเยย  :untrust:

*********************************************************************

ลมหายใจ แต่ง บอย โกสิยพงศ์

[wma=300,50]http://moji.gamer-gate.net/music/DontStealMyFile_TeeChaidej-LomHaiJai.wma[/wma]

**************************************************************************

บทที่ 10 ความสูญเสีย และคำมั่นสัญญา


ชีวิตการเรียนของนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่นั้นมีรูปแบบที่เป็นตัวของตัวเอง ที่แตกต่างจากนักศึกษาในกรุงเทพมหานครเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีกิจกรรมให้นักศึกษาเลือกทำเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้นในเวลากลางวัน ซึ่งได้แก่ เข้าห้องเรียน เล่นกีฬา อ่านหนังสือการ์ตูน เดินเที่ยวห้างสรรพสินค้า และดูหนัง แต่ทว่าชีวิตกลางคืนของนักศึกษากลับมีความโลดโผนและสนุกสนานยิ่งนัก เพราะเชียงใหม่เป็นเมืองท่องเที่ยว จึงทำให้มีสถานที่ท่องเที่ยวยามราตรีมากมายราวทั่วทุกมุมถนน เช่นร้านอาหาร ผับ ดิสโก้เทค ร้านคาราโอเกะ และ ลานเบียร์ที่เปิดบริการจนถึงสว่าง

สถานที่พบปะสังสรรค์ยามค่ำคืนอันขึ้นชื่อของนักศึกษาเกือบทุกชั้นปีของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ก็คงหนีไม่พ้นบริเวณอาคารสิบสองห้วยแก้ว ซึ่งเป็นอาคารขนาดกลางสามชั้นตั้งอยู่บริเวณถนนห้วยแก้ว ตรงกันข้ามกับห้างสรรพสินค้ากาดสวนแก้ว โดยมีระยะทางไม่ห่างจากมหาวิทยาลัยเท่าไหร่นัก

ชั้นแรกของอาคารเป็นลานจอดรถและร้านสุกี้ MK พื้นที่บางส่วนของลานจอดรถเปิดให้เป็นลานขายสินค้ามือสองหรือสินค้าพวกเสื้อผ้า กิฟท์ชอปต่างๆ ในตอนเย็น ถัดขึ้นไปชั้นสองบริเวณตรงกลางจะเป็นลานกว้างที่เปิดบริการเป็นลานเบียร์สด ขนาบข้างทั้งสามทิศด้านด้วยตึกสองชั้นที่แบ่งเป็นห้องๆ ทำกิจการร้านคาราโอเกะ ดิสโก้เทค และร้านอาหาร หลากหลายให้เลือกตามความพึงใจ

ฟ้าลั่นและภูผาก็มักจะถูกเพื่อนๆชวนมานั่งกินเบียร์หรือมานั่งดูสาวบ่อยๆ เมื่อขึ้นสู่ปีที่สามของการเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ทั้งคู่มักจะแยกกันมากับเพื่อนคนละกลุ่ม เนื่องจากข่าวลือเรื่องเป็นแฟนกันยังคงไม่หมดไป ดังนั้นเพื่อเป็นการลบข่าวที่ไม่เป็นจริง ภูผาจึงตัดสินใจบอกฟ้าลั่นให้แยกกันไปเที่ยวสังสรรค์ แต่จะมีบ้างนานๆครั้ง ที่เห็นทั้งคู่ไปไหนมาไหนด้วยกันสองต่อสอง เช่นการไปดูหนัง หรือ การไปกินข้าว รวมถึงเมื่อต้องไปฝึกซ้อมเทนนิสด้วยกัน

ช่วงการเรียนชั้นปีที่สาม ซึ่งเป็นปีที่นักศึกษาทุกภาควิชาของคณะวิทยาศาสตร์และคณะวิศวกรรมศาสตร์ต้องลงทะเบียนวิชาเรียนของสาขาวิชาที่ตนเองสังกัดตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด ซึ่งก็มีหลายวิชาที่ต้องทำการทดลองและส่งรายงาน จึงทำให้ทั้งสองหนุ่มต้องตั้งใจเรียนมากเป็นพิเศษ แต่ก็ยังมีเวลาหาว่างในการผักผ่อนสมองโดยการไปสังสรรค์ยามค่ำคืนอย่างสม่ำเสมอ

ความสัมพันธ์ของภูผาและศิวะยังคงเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง ภูผายังคงไปนอนค้างกับศิวะบ่อยๆ โดยที่ทั้งคู่ยังไม่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งทางร่างกายต่อกัน คงมีแต่การกอดจูบกันธรรมดาเท่านั้น ศิวะรักและมีภูผาเพียงคนเดียวที่ตนเองคบหาอย่างจริงใจ แต่ก็ยังมีสาวๆในสังกัดของตนเองเอาไว้เพื่อความสนุกสนานและระบายอารมณ์อยู่บ้าง  ข้อนี้ภูผาเข้าใจและไม่ได้ขัดขวางแต่อย่างใด เพราะอย่างไรเสียพี่เสือของภูผาก็ยังเป็นผู้ชายอยู่ดี

ฟ้าลั่นยังคงรักษาตำแหน่งชายหนุ่มที่ร้อนแรงที่สุดในคณะวิศวกรรมศาสตร์ได้อย่างเต็มภาคภูมิ ด้วยเพราะเกรดที่ดีเยี่ยม และบุคลิกที่เงียบขรึมกับคนแปลกหน้า แต่จะสนุกสนานและเป็นกันเองในหมู่เพื่อนๆ แถมยังพ่วงตำแหน่งนักกีฬาเทนนิสของมหาวิทยาลัย จึงทำให้สาวๆทั้งในคณะและนอกคณะหลงใหลเป็นอย่างมาก สังเกตได้จากโทรศัพท์สาวๆที่โทรเข้ามาหาบ่อยๆ หรือไม่ก็เขาต้องออกไปพักค้างคืนกับสาวๆทุกๆอาทิตย์


นับตั้งแต่เทอมหนึ่งจนเริ่มเข้าเทอมสอง...... กีฬาเทนนิสดูเหมือนจะเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ภูผาและฟ้าลั่นใช้เวลาอยู่ด้วยกันบ่อยที่สุด โดยไม่นับช่วงเวลาในอ้อมกอดของกันและกัน ในหอพักที่ทั้งคู่ตัดสินใจจะอยู่ด้วยกันจนกระทั่งจบปีสี่........

อ้อมกอดของฟ้าลั่นยังคงอบอุ่นเสมอสำหรับภูผา..... และดูเหมือนว่าจะมีความสำคัญต่อจิตใจของภูผาเพิ่มมากขึ้นจนบางครั้งเขาก็อดประหลาดใจเสียไม่ได้ .............

สำหรับฟ้าลั่นนั้น.....การได้นอนกอดภูผาก็ทำให้เขามีความสุขเช่นกัน......แต่จะมีความสุขเพราะอะไร....ตัวเขาเองยังไม่อาจหาเหตุผลนั้นได้อย่างชัดเจน.....เขายังคงรอ...รอว่าคำตอบคงจะเดินมาหาเขาเองในไม่ช้า

ศิวะมักจะมาเล่นเทนนิสด้วยกับภูผาและฟ้าลั่นรวมถึงเพื่อนๆสนิทของสองหนุ่มบ่อยครั้ง และส่วนมากหลังจากเล่นเทนนิสเสร็จ ภูผาก็จะชวนฟ้าลั่นหรือไม่ก็ศิวะไปเดินเล่นบริเวณสันอ่างแก้วเพื่อพักผ่อนอารมณ์ โดยไม่ลืมที่จะซื้อขนมหรืออาหารไปแจกจ่ายสุนัขมหาวิทยาลัยทั้งฝูง ที่ติดสอยห้อยตามและยอมรับภูผาเป็นเจ้านายอย่างเต็มใจ

************************************

เวลาเดินผ่านไปอย่างช้าๆเท่าที่ความเร็วของมันจะอำนวย.............จนฤดูหนาว......เหมันต์หวนกลับเข้ามาอีกครั้ง.....ครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะหนาวกว่าทุกๆปี จึงทำให้เชียงใหม่ดูจะคึกคักขึ้นมา หลังจากซบเซามากในฤดูฝนปราย

เนื่องจากเชียงใหม่เป็นจังหวัดที่อยู่ทางภาคเหนือของไทยจึงทำให้มีอากาศเย็นสบายและเหมาะสำหรับการท่องเที่ยว โดยเฉพาะในหน้าหนาวซึ่งนอกจากจะพบดอกไม้เมืองหนาวออกดอกทั่วทั้งจังหวัดแล้ว ยังมีเทศกาลต่างๆให้นักท่องเที่ยวและประชาชนได้เข้าร่วมอย่างสนุกสนานหลายงาน

เทศกาลที่เป็นที่รู้จักและเชิดหน้าชูตาจังหวัดเชียงใหม่ในช่วงต้นฤดูหนาวคือ เทศกาลลอยกระทง หรือ ที่คนเชียงใหม่เรียกว่า “งานยี่เป็ง” ที่จะจัดรับลมหนาวอย่างยิ่งใหญ่และสวยงามทุกปี

ประเพณี “ยี่เป็ง” เป็นการผสมผสานประเพณีลอยกระทงเข้ากับประเพณีลอยโคมของล้านนาเข้าด้วยกัน จึงทำให้มีกำหนดการเฉลิมฉลองค่อนข้างยาวนาน โดยแบ่งเป็น วันแห่กระทงเล็ก วันแห่กระทงใหญ่และวันปล่อยโคมลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า

ในงานประเพณีลอยกระทงทุกปี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จะร่วมสืบสานตำนานลอยกระทงโดยการส่งริ้วขบวนแห่กระทงเข้าร่วมประกวดในวันแห่กระทงใหญ่ ร่วมกับหน่วยงานราชการ เอกชน ห้างร้าน และองค์กรอื่นๆ

ในปีนี้ฟ้าลั่นถูกขอร้องแกมบังคับจากนายกสโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งเป็นรุ่นพี่นักศึกษาชั้นปี่ที่ 4 คณะวิศวกรรมศาสตร์ ให้เป็นผู้คือป้ายมหาวิทยาลัยในริ้วขบวนกระทงใหญ่

วันที่ทราบว่าว่าตนเองจะต้องถือป้ายมหาวิทยาลัยอย่างที่ปฏิเสธไม่ได้ ฟ้าลั่นก็อารมณ์แปรปรวนทั้งวัน จนภูผาต้องเอ่ยถาม

“ฟ้าลั่น..นายเป็นอะไรอ่ะ เห็นหงุดหงิดทั้งวัน......”

“สาวๆ ไม่โทรมาเหรอ” ภูผายังถามต่อ โดยที่ดวงตายังจับจ้องอยู่กับภาพยนตร์การ์ตูนเรื่อง Power Pup Girls ที่กำลังฉายอยู่ในโทรทัศน์ช่อง Cartoon Network อย่างสนใจ

“ก็พี่นายก สมช. เค้าบังคับให้ถือป้ายมหาวิทยาลัยในขบวนแห่กระทงใหญ่น่ะซิ” ฟ้าลั่นตอบพร้อมถอนหายใจ

“ว้าว....จริงดิ....นายก็ต้องแต่งตัวหล่อๆ ไปเดินขบวนนะซิ....ดีๆ จะชวนพี่เสือไปถ่ายรูปนายไว้” ภูผาตื่นเต้น...เขาละสายตาจากการ์ตูนเรื่องโปรด หันหน้ามามองฟ้าลั่นทันทีด้วยดวงตาเป็นประกาย

“ไม่เห็นดีเลย.....ไม่อยากเดินหรอก.....แต่ปฏิเสธพี่นายกไม่ได้”

“อืม...พี่เค้าเป็นรุ่นพี่คณะนายด้วยนี่นา.....เฮ้อ...... อย่างนั้นก็ต้องทำตามที่พี่เค้าขอนั่นแหล่ะ”

“แล้วนายจะถือป้ายคู่กับใครล่ะ” ภูผายังคงสนใจเรื่องนี้อยู่

“ไม่รู้เลย...คงเป็นดาวมหาวิทยาลัยรุ่นเรามั้ง” ฟ้าลั่นตอบอย่างไม่แน่ใจ เพราะเขายังไม่ได้รับข้อมูลโดยละเอียด ทั้งเรื่องเครื่องแต่งกาย เรื่องวันเวลา และอื่นๆ

“แล้วนายมีอะไรให้เราช่วยหรือเปล่า....ถ้ามีก็บอกนะ.....ส่วนเราก็จะไปลอยกระทงกับพี่เสือ แล้วจะไปถ่ายรูปนายในขบวนแห่ด้วย”

“ขอบใจนะถ้ามีอะไรแล้วจะโทรบอก” ฟ้าลั่นรับปาก ก่อนถอดเสื้อผ้าออกทั้งตัว หยิบผ้าเช็ดตัว แล้วเดินเปลือยเปล่าเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกาย

การเปลือยกายแบบนี้ คือเรื่องปกติที่ฟ้าลั่นปฏิบัติ หลังจากต้องนอนกอดภูผาทั้งคืนโดยที่ไม่ได้ใส่อะไรเลยในตอนนั้น สำหรับตัวภูผา เขาก็รู้สึกเฉยๆ เพราะชินตากับภาพที่เห็น โดยที่ไม่ได้รู้สึกอะไรเป็นพิเศษแต่อย่างใด ออกจะนึกแปลกใจเสียด้วยซ้ำว่า เหตุใดทั้งพี่เสือและฟ้าลั่นชอบแก้ผ้าเดินในห้องหรือแม้แต่กระทั่งนอนนอนมิได้สวมเสื้อผ้าแต่อย่างใด

โดยเฉพาะพี่เสือ....ที่หลังๆดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยได้ใส่เสื้อผ้านอนเท่าไหร่นัก เหตุเพราะภายหลังเมื่อภูผาเล่าให้ฟังว่าฟ้าลั่นใส่แต่กางเกงในตัวเดียวนอนข้างตนเองทุกวัน ศิวะเลยได้ใจ เลียนแบบฟ้าลั่นโดยสวมเพียงกางเกงในตัวเดียวนอนกอดภูผาบ้าง....โดยเขามักจะให้เหตุผลว่า...

“พี่อยากให้น้องหมอกเห็นพี่เซ็กซี่งัยครับ.....เผื่อน้องหมอกเกิดอารมณ์....พี่จะได้สมหวังซักที......น้องหมอกใจอ่อนไวไวนะครับ” คำตอบนี้ทำให้คนฟังอย่างภูผา ต้องหน้าแดงด้วยความเขินอายทุกครั้ง

*********************************

วันแห่กระทงใหญ่....ฟ้าลั่นถูกบังคับให้ถอดแว่นสายตาออกโดยใส่คอนแทคเลนส์แทน ส่วนตัวแล้วฟ้าลั่นไม่ชอบใส่คอนแทคเลนส์เพราะไม่อยากให้คนเห็นดวงตาหวานของตน โดยปกติแล้วเขาจะใส่คอนแทคเลนส์ก็ต่อเมื่อต้องเล่นกีฬาและทำการทดลองที่ต้องใส่แว่นกันรังสีเท่านั้น

ฟ้าลั่นถูกจับแต่งตัวให้เข้ากับคอนเซ็ปของขบวนริ้วกระทงในปีนี้ คือ “สืบสานตำนานถิ่นล้านนา” ซึ่งเป็นแนวย้อนยุค ดังนั้นชุดของฟ้าลั่นจึงต้องวิจิตรงดงามตามแบบของชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์ในสมัยอดีต โดยเครื่องชุดประกอบไปด้วย สังวาลและทับทรวงลายโบราณประดับทรวงอกเปลือยเปล่าที่แข็งแรง แสดงให้เห็นถึงกล้ามเนื้อที่สมบูรณ์ ต้นแขนทั้งสองข้างประดับด้วยรัดแขนลวดลายสอดรับกับทับทรวง แขนข้างขวาประดับด้วยกำไลฉลุโบราณขนาดใหญ่

ช่วงล่างนุ่งผ้าไหมสีแดงสด สอดดิ้นทองเป็นลวดลายอย่างเจ้านายในคุ้มวังหลวง โดยใช้วิธีนุ่งแบบยกเชิงสูงเหนือเข่าเล็กน้อยข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งปล่อยชายผ้ายาวลากพื้น ข้อขาที่นุ่งผ้ายกสูงถูกสวมด้วยกำไลลักษณะเดียวกับกำไลแขน ส่วนศีรษะที่มีผมค่อนข้างยาวต้องใช้เจลยึดให้คงรูปแล้วใช้ผ้าสีไหมสีขาวงาช้างผืนยาว พันศีรษะตามแบบล้านนา.....ดูงดงาม แปลกตา.....ทว่าน่าเกรงขาม

ด้วยความสูงเกินมาตรฐาน รูปร่างที่สมบูรณ์ ร่องรอยหนวดเคราเขียวครึ้มที่ถูกโกนออกอย่างเรียบร้อยนั้นสร้างความคมคายให้กับเรือนหน้า....ให้ดูเคร่งขรึม....และน่าหลงใหลพร้อมไปกับดวงตาที่หวานซึ้งทั้งคู่นั้น

เสื้อผ้าที่ฟ้าลั่นสวมใส่ ยังช่วยเสริมให้เขากลายเป็นที่สนใจแก่ทุกๆคนที่เข้ามารอดูขบวนแห่กระทงตลอดสองข้างทาง ดังนั้นในช่วงที่ริ้วขบวนต้องยืนรอตามลำดับการเดิน ก็จะมีนักศึกษาสาวๆ ของมหาวิทยาลัย รวมถึงนักท่องเที่ยวมาขอถ่ายรูปคู่ด้วยเสมอโดยไม่ขาดสาย

ในงานประเพณียี่เป็งในครั้งนี้ ขบวนริ้วกระทงของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดเป็นขบวนยาวสวยงามประกอบด้วย คู่ถือป้ายมหาวิทยาลัย คู่ถือกระทงลอย จำนวน 5 คู่ ขบวนนางฟ้อนรำจากคณะวิจิตรศิลป์ ขบวนช่างฟ้อนจากชมรมพื้นบ้านล้านนา แถวตุงและพัดโบราณ ต่อด้วยขบวนรถลากกระทงขนาดใหญ่ ประดับดอกไม้สดและแสงไฟดวงเล็กใหญ่ที่ออกแบบมาอย่างวิจิตรงดงาม ข้างบนกระทงแบ่งเป็นที่นั่งของนางนพมาศ และเหล่าชายฉกรรจ์ผู้ทำหน้าที่ปกป้องกระทงใหญ่จำนวนทั้งสิ้นสี่คน ในชุดเครื่องแต่งกายแบบล้านนาโบราณ เปลือยอกขาวสะอาด สวมเพียงสังวาลและทับทรวงประดับร่างกายท่อนบน ร่างกายช่วงล่างใช้เพียงผ้าสีขาวบางพันแบบโบราณทำให้ดูน่าเกรงขามยามต้องแสงไฟ

ฟ้าลั่นก็พยายามมองหาร่างของภูผาเพราะสัญญาว่าจะมาถ่ายรูปกับเขา แต่ตลอดเส้นทางเดินขบวนก็ไม่ปรากฏร่างของภูผาหรือศิวะแต่อย่างใด จนกระทั่งขบวนเดินแล้วเสร็จ เขาจึงเห็นคนที่รอคอยมาทั้งคืน เดินเข้ามาหาพร้อมศิวะ โดยในมือของภูผาถือข้าวห่อ ขวดน้ำ และกล้องถ่ายรูปมาด้วย

“เป็นงัย...เหนื่อยมากหรือเปล่า” เจ้าตัวดีถามก่อนจะส่งขวดน้ำให้คนถูกถามที่ยืนทำหน้าตูม.....คล้ายไม่พอใจอะไรซักอย่าง

“อืม......” คนรับน้ำมาดื่มพยักหน้า โดยที่ยังไม่พูดอะไรเหมือนเดิม

“เป็นอะไร.....โกรธอะไรเหรอ” ภูผาถามเพราะเห็นฟ้าลั่นไม่ยอมพูดจา จึงเดินจูงแขนฟ้าลั่นเลี่ยงออกมาจากศิวะ

“ไหนว่าจะมาดู.....ไม่เห็นเลย” ฟ้าลั่นเอ่ยปากในที่สุด ทั้งๆที่ยังสบสนว่าทำไมถึงต้องการให้ภูผามาดูตนเองในขบวนแห่มากนัก

“มาแล้ว......แต่เห็นนายมีแต่คนเข้ามาถ่ายรูป เลยไม่กล้าเข้ามากวน....ไม่อยากให้นายเหนื่อยมาก...... เอาน่า...อย่าโกรธเลยนะ.....เห็นหรือเปล่าว่าอุตสาห์ซื้อข้าวมาให้ เพราะคิดว่านายต้องหิว เห็นเดินออกตั้งไกล” ภูผาง้อ พร้อมทั้งส่งยิ้มหวานให้อย่างเต็มที่

“แล้วนายไปไหนมา” น้ำเสียงของฟ้าลั่นเริ่มอ่อนลง

“ก็เดินตามขบวนบ้าง แล้วก็แว๊บไปลอยกระทงกับพี่เสือ....หลังจากนั้นก็มารอนายที่นี่แหละ เพราะพี่เสือบอกว่าขบวนจะหยุดที่นี่” คนหน้าหวานตอบตามตรง

“พี่เสือจะไปส่งนายไปเอารถ แล้วก็กลับหอกัน...นายจะกินข้าวก่อนหรือว่าจะไปกินที่หอล่ะ” ภูผาถามด้วยความห่วงใย

“ไปกินที่ห้องดีกว่า....อยากเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำเต็มที่แล้ว” พูดเสร็จก็เดินไปหาศิวะเพื่อเดินต่อไปยังรถศิวะที่จอดอยู่ไม่ไกล

“น้องหมอกไม่ถ่ายรูปกับฟ้าลั่นเหรอครับ” ศิวะนึกขึ้นได้จึงเอ่ยเตือน

“โอ้ .....เกือบลืมเลยครับ....ฟ้าลั่น....มาถ่ายรูปกันก่อน” ภูผาเพิ่งนึกออก จึงเรียกฟ้าลั่นให้มายืนถ่ายรูปที่ข่วงประตูท่าแพ ที่มีทัศนียภาพงดงามในเวลานี้ เพราะถูกตกแต่งประดับประดาด้วยดอกไม้และแสงไฟเพื่อต้อนรับเทศกาลลอยกระทงและเทศกาลอันเนื่องจากสายลมหนาวอื่นๆ

ทั้งสามคนผลัดกันถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน ภูผาดูเหมือนจะชอบใจกับการจัดท่าและถ่ายรูปเดี่ยวฟ้าลั่นมาก เนื่องจากไม่บ่อยนักที่จะเห็นเพื่อนร่วมห้องของตนในลักษณะนี้ ต้องขอบคุณชุดเครื่องแต่งกายแบบโบราณ ที่ได้ขับเอาความงดงามทุกสัดส่วนของร่างกาย...โครงหน้าที่งดงามทว่าน่าเกรงขาม....กล้ามเนื้ออกเปลือยเปล่าที่สมบูรณ์...และสุดท้ายนัยน์ตาหวานซึ้งคู่นั้น....ออกมาได้อย่างเต็มที่

นอกจากฟ้าลั่นจะถูกภูผาถ่ายรูปจนหมดฟิล์มไปหลายม้วนแล้ว...นักท่องเที่ยว และสาวๆต่างๆก็เข้ามาขัดจังหวะขอถ่ายรูปคู่กับฟ้าลั่นตลอด ดังนั้นกว่าที่ศิวะจะขับรถไปส่งฟ้าลั่นเอารถ และปล่อยให้สองหนุ่มกลับหอด้วยกัน ก็ย่างเข้าตีสองของวันใหม่แล้ว

เมื่อกลับมาถึงหอ ทั้งคู่จัดแจงอาบน้ำและล้มตัวลงนอนในทันที เพราะเหนื่อยและเพลียมากจากการเดินหลายชั่วโมงที่ผ่านมา

ก่อนหลับสนิท....ฟ้าลั่นที่ยังมีเรี่ยวแรงพอ บอกภูผาว่า....

“นายไปลอยกระทงกับพี่เสือแล้ว.....พรุ่งนี้ไปเลยโคมกับเราที่อ่างแก้วนะ”

“อืม....ได้เลย” คนตัวเล็กแม้จะงัวเงียตอบเพราะความเหนื่อย แต่ก็ให้สัญญาอย่างรวดเร็ว





หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 28-11-2006 17:23:20
*****************************

แสงจันทราฉาบฉายฉานระดานดื่น
กระทบคลื่นธาราสลับระยับไสว
รัศมีเฉิดส่องนภาทั่วแดนไกล
ระยิบดาวสกาวใสในสายชล

พระจันทร์ในคืนหลังวันลอยกระทงยังคงงดงามและสดใสแม้ว่าจะไม่มีแสงเจิดจ้าอย่างเช่นวันเต็มดวง แต่ก็มีรัศมีส่องสว่างเพียงพอที่จะให้เห็นประกายสะท้อนระยิบระยับของแผ่นน้ำในอ่างแก้วยามต้องแสงจันทร์

แสงจันทร์นวลสวยบนท้องฟ้าโปร่งใสไม่มีเมฆบังใด รวมกับแสงไปจากหลอดนีออนบริเวณสันอ่างแก้ว ทำให้อ่างเก็บน้ำของมหาวิทยาลัย หรือที่นักศึกษาเรียกกันอย่างติดปากว่า “อ่างแก้ว” ดูสว่างไสวราวกับเมื่อเวลาก่อนพระอาทิตย์ตกก็ไม่ปาน

แม้จะเป็นเวลาค่อนข้างดึก....แต่อ่างแก้วก็ไม่เงียบเหงาเสียทีเดียว เพราะมีนักศึกษาหลายคน บ้างก็มาเป็นกลุ่ม บ้างก็มาเป็นคู่ ยืนอยู่พร้อมด้วยอุปกรณ์จำเป็นที่ใช้ในการปล่อยโคมลอย เช่น ไฟแช็ค ตัวโคม และ เชื้อไฟของโคม เพื่อทำเตรียมการปล่อยโคมลอยขึ้นสู่ฟ้า

ภูผายังคงใจดีเสมอ เขาซื้อขนมและอาหารมาให้ฝูงสุนัขที่บัดนี้เข้าห้อมล้อม กระโดดวิ่งเล่นรอบตัวเขาอย่างร่าเริง เพราะดีใจที่เจ้านายผู้ใจดีมาเยี่ยมเยือน

ฟ้าลั่นคอยเดินตามมาห่างๆพร้อมอุปกรณ์ปล่อยโคมลอย เพราะมือของภูผาเต็มไปด้วยขนมและอาหารสำหรับสุนัขเต็มไปหมด

ฟ้าลันกำลังยิ้มเมื่อเห็นภูผาหยอกล้อเล่นกับสุนัขหลายตัวข้างริมน้ำ......... แต่ทันใดนั้น...... ความรู้สึกราวกับว่าหัวใจของตนถูกกระชากออกจากร่างกายอย่างรวดเร็ว......รุนแรง........และเจ็บปวด......พุ่งเข้ามาหาพร้อมกับภาพที่เห็นว่า.... ภูผาถูกสุนัขตัวหนึ่งวิ่งพันขาจนเป็นเหตุให้ต้องตกลงไปในน้ำอย่างไม่ได้ตั้งใจ

สิ่งเดียวที่ฟ้าลั่นได้ยินก่อนที่ร่างบางจะพยายามตะเกียกตะกาย....แต่ในที่สุดก็กลับจมหายไปในน้ำเย็น.....คือ

“ฟ้าลั่น...ช่วยด้วย”

ร่างกายตอบสนองเร็วกว่าความคิด..... ฟ้าลั่นทิ้งทุกสิ่งที่อยู่ในมือโดยพลัน ...... เขาวิ่ง...วิ่ง....วิ่ง......ให้เร็วที่สุดที่จะทำได้ เพื่อตรงไปยังข้างริมน้ำบริเวณที่ภูผาจมหายไป...... หัวใจเขาเต้นแรงเพราะความตกใจและตามมาด้วยความเป็นห่วงอย่างยิ่งต่อชีวิตของภูผา......

“ต้องไปหาหมอก....ต้องวิ่ง...........” ฟ้าลั่นบอกกับตนเองในขณะวิ่งมาจนถึงบริเวณที่เห็นภูผาตกลงไป แล้วจึงกระโดดลงไปในน้ำอย่างรวดเร็ว พลางภาวนาในใจ

“หมอก...นายต้องไม่เป็นอะไร”

“เราต้องหานายให้เจอ”

“เราต้องช่วยนาย”

“รอเรานะหมอก...........เรามาหานายแล้ว.......เรามาช่วยนายแล้ว”

“อดทนนะหมอก......อีกนิดเดียว......เราจะหานายให้เจอ”

หัวใจของฟ้าลั่นยังคงเต้นแรง....พลังกายที่มีอยู่ทั้งหมดถูกนำมาใช้ในการดำผุดดำว่ายในน้ำที่มืดมิดและเย็นเฉียบ

โชคดีที่นักศึกษาบนสันอ่างแก้วเห็นเหตุการณ์พอดี จึงช่วยกันนำเอาไฟฉายมาช่วยกันส่องลงไปในน้ำ....ทำให้พอที่จะเห็นอะไรใต้น้ำได้บ้าง  รวมถึงมีนักศึกษาบางคนกระโดดลงมาช่วยค้นหาร่างของภูผาด้วย

“หมอก.....นายอยู่ที่ไหน”

“ได้โปรดเถอะ.....ขอให้เราหานายให้เจอ”

“ขอให้เราเจอนาย” ฟ้าลั่นเฝ้าร้องในใจตนเองอยู่ตลอดเวลา......หัวใจของเขาตอนนี้แทบจะแตกสลายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย...ยิ่งเวลานานไปเท่าใดก็หมายความว่า โอกาสรอดชีวิตของภูผามีน้อยลงทุกที

ความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะช่วยชีวิตภูผา.....และด้วยแรงเฮือกสุดท้ายที่มีอยู่.... ฟ้าลั่นดึงตัวโผล่พ้นน้ำเพื่อสูดอากาศเข้าปอด ก่อนจะดำลงไปค้นหาภูผาอีกครั้ง....ครั้งนี้เขาสาบานกับตนเองว่าจะต้องหาภูผาให้เจอให้ได้  แม้จะต้องเดิมพันด้วยด้วยลมหายใจสุดท้ายของเขาก็ตาม

“ต้องหาหมอก....ต้องเจอหมอก.....ต้องหาหมอก.....” คำพูดก้องดังอยู่ในใจของฟ้าลั่น.....เขายอมหมดลมหายใจในการค้นหาร่างภูผาในครั้งนี้........ด้วยความรักและความผูกพัน......และด้วยความรู้สึกที่เกิดขึ้นภายในใจ....ฟ้าลั่นใช้ชีวิตของตนเดิมพันกับเวลาและพญามัจจุราชเพื่อนำเอาชีวิตของภูผากลับมาสู่อ้อมกอดตนเองอีกครั้ง

“ผมไม่ยอม....ผมจะต้องหาภูผาให้เจอ....ผมจะไม่ให้ภูผามีอันตราย....” คำประกาศต่อพญามัจจุราชก้องอยู่ในความคิด ฟ้าลั่นกำลังพยายามปกป้องสิ่งที่มีค่าที่สุด...ที่หัวใจของเขาครอบครองอยู่....มานานแสนนาน

ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย..... มือที่แข็งแรงของฟ้าลั่นตวัดเข้าชนกับแขนของภูผาอย่างบังเอิญ เขาจับแขนข้างนั้นไว้อย่างมั่นคงพร้อมกับถีบตัวขึ้นสู่เหนือน้ำอย่างรวดเร็ว....

ในที่สุดฟ้าลั่นก็ทำสำเร็จ.......เขาสามารถพาดวงใจที่มีค่าของตนขึ้นสู่อากาศด้านบน.....ให้ใบหน้าของภูผาได้สัมผัสอากาศแทนที่สายน้ำเย็นอีกครั้ง.......

โดยความช่วยเหลือของนักศึกษาเฝ้าดูเหตุการณ์อยู่......ฟ้าลั่นนำร่างของภูผาขึ้นเหนือน้ำอย่างรวดเร็ว....เขารีบวางภูผาลงบนพื้นถนน และทำการปฐมพยาบาลภูผาโดยทันที...... ดวงตาที่จับจ้องไปที่หน้าและทรวงอกของร่างที่แน่นิ่งไม่ได้สติยามเว้นจังหวะในการปฐมพยาบาล บัดนี้เต็มไปด้วยน้ำตา......น้ำตาแห่งลูกผู้ชาย....ที่หลั่งไหลให้กับคนที่เขารัก.....รักมากที่สุด

ตอนนี้ฟ้าลั่นทราบแล้ว......เขารับรู้โดยปราศจากข้อกังขาว่า......หัวใจของเขาอยู่ที่ภูผามาโดยตลอดเวลา....

“หมอก.....หายใจซิหมอก........หมอก....นายต้องไม่เป็นอะไร” มือที่แข็งแรงทาบกับทรวงอก...แนบหัวใจของคนที่ตนรัก.......เขาแน่ใจแล้วว่ารัก......รักมาก.......และกดลงไปอย่างเป็นจังหวะ สลับกับการเป่าปากเพื่อให้ปอดทำงาน

“นายต้องอยู่กับเรา”

“นายอย่าทิ้งเรานะหมอก.......นายต้องกลับมา...กลับมาหาเรา” ฟ้าลั่นตะโกนก้องในใจ ขณะปฐมพยาบาลและเฝ้ามองร่างที่ยังไม่ได้สติของภูผา

ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน....มิใช่เพราะความหนาวเย็นของอากาศ....แต่เป็นความหนาวเย็นของจิตใจ......เขากลัว....กลัวเหลือเกิน....กลัวที่จะต้องเสียดวงใจของเขาไป.....

“โปรดเถิดสิ่งศักดิ์สิทธิ์.....โปรดนำคนที่ผมรักกลับมาหาผมเถิดครับ.....ช่วยนำหัวใจของผมกลับสู่อ้อมกอดของผมอีกครั้ง......อ้อมกอดที่ผมจะไม่มีวันคลายออกจากเขาตลอดชีวิต” ฟ้าลั่นอ้อนวอนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์

เวลาดูเหมือนจะผ่านไปอย่างเชื่องช้าเหลือเกิน.....ในความคิดของฟ้าลั่น.........ในที่สุด.....ภูผาก็สำลักน้ำออกมา และหายใจได้ แต่ยังไม่เป็นปกติ รวมถึงดูอ่อนแรงนัก......

ภูผาลืมตาขึ้นช้าๆ มองหน้าฟ้าลั่น....มองลึกลงไปในดวงตาที่แดงกล่ำ ก่อนจะพยายามพูดออกมาอย่างยากลำบากว่า

“ไม่เป็นไร.....เรากลับมาแล้ว.....เราไม่เป็นอะไรแล้ว” คำพูดพร้อมน้ำตาแห่งความดีใจไหลออกช้าๆ จากร่างที่อ่อนแรง.....มันคือความดีใจที่ได้เห็นหน้าคนที่เฝ้าอธิษฐาน......คนที่ตนเองบอกลาในน้ำเย็นจัด.....ก่อนจะหมดสติไป..... คนที่หัวใจเฝ้ารอคอยมาตลอดเวลา........

ทันทีที่ได้ยินประโยคที่ตนเองรอคอยมาแสนนาน...... ฟ้าลั่นก็ยกตัวภูผาขึ้นมากอดโดยไม่คิดสนใจบุคคลที่ยืนมุงดูเหตุการณ์อยู่รอบๆ .....เขาโอบกอดร่างบางอย่างทะนุถนอม......กอดเพราะภูผายังมีชีวิตอยู่.....กอดเพราะบัดนี้เขารู้ดีว่า.....หัวใจเขาอยู่ที่ภูผา.........เขาสามารถนำหัวใจของตนกลับมาจากสายน้ำที่น่ากลัวนั่นได้

ฟ้าลั่นสามารถรักษาสิ่งที่มีค่าของดวงใจตนเองได้.....ด้วยสายใยของความรักที่มี..... สายใยที่ยึดชีวิตภูผาไว้จากหัตถ์ของเจ้าแห่งความตายที่น่ากลัว

ฟ้าลั่นปล่อยภูผาออกจากอ้อมกอดอย่างทะนุถนอม และจัดท่าของภูผาให้สะดวกเพื่อตนเองจะได้อุ้มขึ้นรถพาไปส่งโรงพยาบาล....เขาต้องการให้หมอเช็คอาการภูผา ฟ้าลั่นต้องการความแน่ใจว่าภูผาจะไม่เป็นอะไร เขาต้องการให้หัวใจดวงนี้ของเขาได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด....และให้กลับคืนสู่ปกติโดยเร็ว

คุณหมอรับภูผาไว้รอดูอาการหนึ่งวันภายหลังการตรวจอย่างละเอียดรวมถึงฉีดยาเพื่อป้องกันการติดเชื้อในระบบช่องทางเดินหายใจ ฟ้าลั่นจองห้องพิเศษเดี่ยวไว้ให้ภูผานอนพัก เพราะต้องการจะอยู่เฝ้าภูผา เขากลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อมานอนเฝ้าไข้ โดยลืมโทรศัพท์บอกศิวะเสียสนิท

ในกลางดึก......ภูผาละเมอร้องออกมาอย่างขวัญเสีย...ฟ้าลั่นนอนอยู่บนโซฟาได้ยินเสียง เขาจึงลุกขึ้นเดินมาหา ก่อนจะกุมมือนุ่มของภูผาไว้ แล้วกล่าวปลอบขวัญอย่างอ่อนโยน

“หมอก......นายไม่เป็นอะไรแล้ว....นายอยู่โรงพยาบาลแล้ว......อย่ากลัวนะหมอก......เราอยู่ตรงนี้.....ฟ้าลั่นของนายอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน........หมอก.....เราสัญญาว่าจะไม่มีวันทิ้งนาย” มือที่แข็งแรงลูบไล้ไปที่แก้มนิ่มของคนที่ตนรัก พร้อมกับก้มหน้าลงประทับจุมพิตที่หน้าผากของใบหน้าหวาน....ฟ้าลั่นกำลังถ่ายทอดกำลังใจ...และความรักที่มีผ่านการกระทำนี้

“เราจะอยู่ตรงนี้......และตลอดไป” คำพูดที่อ่อนโยน....แผ่วเบาราวกับสายลม....แต่ก็อบอุ่นดั่งแสงตะวัน....เข้ากระทบจิตใจของภูผาเป็นระลอกช้าๆ.....โอบล้อมให้เกิดความสบายใจ....ความมั่นคง....จนเสียงละเมอค่อยๆ เงียบลง

แต่ลำตัวของภูผายังสั่นสะท้านเพราะความกลัวที่ฝังในจิตใจ.......ฟ้าลั่นจึงตัดสินใจเดินอ้อมไปยังอีกข้างของเตียง และล้มตัวลงนอนบนเตียงเดียวกัน เขาขยับตัวเข้าหาคนที่หลับอยู่อย่างเสียขวัญ แล้วโอบกอดร่างนั้นเข้าหาแผ่นอกหนาอย่างแผ่วเบา อ้อมแขนที่มั่นคงของเขาตวัดรัดร่างของภูผา......ให้ดวงใจทั้งสองดวงได้สื่อสารปลอบประโลมกันอีกครั้ง......

อ้อมกอดนี้.....อ้อมกอดที่ฟ้าลั่นจะมีให้ภูผาเพียงคนเดียว.......คนเดียวที่เขารัก......คนเดียวที่เขายอมแลกชีวิตของตนเพื่อนำกลับมา.......ภูผา.....คนที่ฟ้าลั่นรักสุดใจ
 
.................................เธอคือลมหายใจ เธอคือทุกอย่าง
.................................จะรักเธอไม่มีวันจาง ไปจากใจ
.................................ก็เพราะเธอคือลมหายใจ เธอคือทุกอย่าง
.................................จะรักเธอไม่มีวันจาง ไปจากใจ
.................................ก็เพราะเธอคือลมหายใจ เธอคือทุกสิ่ง
.................................จะให้ทิ้งอะไรก็ยอมทุกอย่าง
.................................จากนี้ ใจฉันจะมีแต่เธอ
(ลมหายใจ โดย บอย โกสิยพงศ์)

หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 28-11-2006 17:55:09
เราต้องหานายให้เจอ  เราต้องช่วยนาย... ประโยคนี้เราชอบอะ  คุณ Andreas เขียนได้กินใจมาก ๆ เลยคะ   :impress3:

ลุ้นตลอด  น้ำตาไหลเลยอ่ะตอนฟ้าลั่นต้องช่วยภูผา  บอกไม่ถูกเลย  ตอนแรกอ่านแล้วก็อมยิ้มไปตลอดนึกว่าฟ้าลั่นต้องแอบหึงแอบโกรธหมอกแน่ๆ เลยในตอนแรก  พอมาอ่านช่วงท้าย  กระชากอารมณ์คนอ่านจังค่ะ  ในที่สุดก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้คนสองคนเข้าใจความรู้สึกของตัวเอง   บอกอีกทีว่าชอบคอนเซปต์เรื่องการผูกโยงความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่จังคะ  ไม่แน่ใจว่าอ้างอิงมาจากเรื่องจริงรึเปล่า  ชอบเรื่องราว ภาษา  อ่านแล้วอิ่มใจคะ  เก่งคะ ชื่นชม  :impress2:

รออ่านต่อไปคะ  เป็นกำลังใจให้คุณบลูคนโพสด้วยน้า  น่ารักจัง  อิอิ   :impress:

ปล  ชอบเพลงนี้เหมือนกัน  เข้ากับเรื่องดีคะ  ...ลมหายใจ...
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: beaches ที่ 28-11-2006 18:31:05
ความมหัศจรรย์ของภาษาไทย กอปรกับความสามารถในการถ่ายทอดของผู้เขียน
แถมให้ข้อมูลมากมายของจังหวัดเชียงใหม่
ทำให้ tone ของเรื่องนี้ออกมาละมุนละไมมากๆ
อ่านแล้วเหมือนหลุดไปอีกโลกแห่งจินตนาการที่อยู่อีกฟากหนึ่ง

ยากที่จะไม่เห็นรอยยิ้มฉาบบนหน้าของผู้อ่านเมื่อมาถึงบรรทัดสุดท้ายของตอน

ขอบคุณคุณ Andreas สำหรับเรื่องราวครับ
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 28-11-2006 18:48:52
ชอบกลอนม้ากกกกกกก   :impress:

นี่แหละน้ากว่าจะรู้ตัวว่ารัก เกือบจะต้องสูญเสียมันไป  :impress:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: wee ที่ 28-11-2006 21:54:41
ซาบซึ้งจัง.....มหัศจรรย์แห่งรัก   ณ อ่างแก้ว ... :impress:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 29-11-2006 05:06:00
Dear All of My Beloved Readers,

First of all, I would like to extend my great appreciation to Khun Blueboyhub for his kind contribution. He has seen this particular story of mine out of hundreds of other good stories available in one big cyber-world.  He then asked for my permission to post this story for you all here…… 

Neither Falan nor Bhupha is real in the world of humanity which only focuses on tangible achievement. However it doesn’t mean that these two-infinite-lovers don’t exist………

In fact, they are pretty much still alive in another parallel world….The world you all know…. “The World of Imagination” in other word “The world of Literature”……
 
I have created “Life” of Bhupha and Falan through multiple characteristics of my close friends once we all were students in a big memorable faculty…..Faculty of Science, Chiang Mai University.

By using Falan, Bhupha, and Shiva as main characters, they have walked along with my unforgettable memories gained during 4 years of studying.  As the matter of fact, it makes me realize how lucky I was to possess loves, cares, and friendships.  Though it is over ten years now, every picture is still crystal clear and seemed to me that it is just happened yesterday….

I had written this beautiful story, I thought, at the early time of my journey in United States. Having no Thai materials to consult but only my unprofessional skill of writing made me really hard time to finish the story. Thanks to my heart which always drove my fingers to type what came into my mind out into sentences. Without another important thing, an “encouragement from readers” my heart would be weak and weaker until no more inspiration left to move the story to the end. Indeed thanks to those readers also YOU ALL right now.

Every time I read your comments, I am with no doubt very happy. I need not to be recognized as a good writer….all I wish is my characters will be alive in your heart…in your thought …...and somehow remained forever.

Ironically, I should have said all above to you all at the end of story, but your replies have brought back my sweet memories in the past when I was running this story through a long road of time with hundred hands of readers holding me….as well as my beloved characters.

That memory is repeating right now, right here, in this small but warm community. Please be noted, I will keep an eye on every single of your reply. Also I will be talking to you all again when time is permitted.

Best Regards
Andreas

 :myeye:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 29-11-2006 11:57:58
ถึงคุณหมูพูห์

ถ้าคุณหมูพูห์ไม่สะดวกที่จะคุยกับเป็นภาษาอังกฤษ ก็ใช้ภาษาไทยก็ได้นะครับ.....สาเหตุที่ผมต้องรีพลายตอบเป็นภาษาอังกฤษนั้น เพราะว่าคอมพิวเตอร์ที่ทำงาน เขาไม่อนุญาตให้พิมพ์ภาษาไทยครับ....อ่านได้อย่างเดียวครับ.... แต่ถ้าผมกลับมาถึงบ้านแล้วผมถึงสามารถเปิดคอมพ์ส่วนตัว แล้วพิมพ์ภาษาไทยครับ....

แตทว่าส่วนใหญ่เวลาเย็นหลังเลิกงาน ผมไม่ค่อยว่างครับ เพราะต้องเตรียมอาหารเย็น แล้วก็ต้องเขียนนิยายอีกเรื่องหนึ่งครับ.... เลยอาจจะไม่ได้เข้ามาตอบกระทู้ซักเท่าไหร่ครับ...ดังนั้นผมจึงมักจะใช้เวลาว่างตอนเบรคขณะทำงาน ตอบกระทู้แทนครับ...

ช่วงนี้ได้ข่าวว่าเมืองไทยอากาศเปลี่ยนแล้ว....ขอให้รักษาสุขภาพกันนะครับ...ทุกๆคนเลยนะครับ...ไม่ใช่เฉพาะคุณหมูพูห์และเรย์.....

สวัสดีครับ...

Andreas

ปล. แต่ถ้าใครอยากตอบผมหรือคุยกับผมเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อฝึกฝน..... ผมก็ไม่ห้ามนะครับ...และถ้าอยากได้คำแนะนำ..ก็ถามมานะครับ.... ผมอาจจะไม่เก่งนัก แต่ก็พอหาคำตอบหรือช่วยแนะนำได้บ้างครับ...

 :yeb:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 29-11-2006 12:30:27
เหอเหอ

ปล่อยไก่ตัวเบ่อเริ้มเลย

โทษทีครับ คือภาษาอังกฤษไม่ค่อยแข็งแรงเหมือนกัน

เอาไว้วันหลังจะตอบทั้งสองภาษาแล้วกันครับ

จะได้ไม่ลืมด้วย

คริคริ :kikkik:

พูห์ :laugh3:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 29-11-2006 13:36:06
เอาภาพมาฝากครับ
เอิ้กๆ ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับ
อ่านตอนนี้ผมก็น้ำตาซึมเหมือนมูมู่เลยครับ
แม้จะอ่านอีกรอบก็ยังเหมือนเดิม
หัวใจผมจะหลุดเลย ตอนที่ฟ้าลั่นบอกว่าต้องหาให้เจอ ให้เจอ ๆ
อ่านครั้งแรกผมนี่น้ำตาร่วงเลย  :monkeysad:

(http://www.ezytrip.com/webboard/images/10000/00600/00529.jpg)

(http://webboard.mthai.com/upload_images_new/2006-11-07/279930_5436898.gif)

(http://www.grad.cmu.ac.th/activities/481117/index_3.html#45)

(http://www.trueworld.net/newsgroup/images/images_upload/images/20061116120211873.jpg)
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 29-11-2006 14:31:22
คุณ Andreas

อยากขอบคุณสำหรับนิยายดี ๆ ที่แต่งมาให้อ่านกัน ไม่ต้องสงสัยเรื่องความสามารถในการแต่งนิยายของคุณเลย

ทั้งสำนวน และความสวยงามของภาษายอดเยี่ยมมาก  แต่ที่ชอบมากเป็นพิเศษคือกลอนที่แทรกอยู่ระหว่างเนื้อหา (อันนี้ชอบมาก)

หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณคงมีผลงานให้เราได้อ่านต่อไปเรื่อย ๆ นะคะ

ขอบคุณอีกครั้งค่ะ  :impress:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 29-11-2006 14:33:55
Dear Khun Andreas,

Thank you very much indeed for your kindly reply and for your great afford to rewrite this lovely story.

Not only our comments can make you are happy, but your comments also make us feel impressed. I can feel that love and friendship is all around us. Even if the love from Bhuta and Falan appears only in the world of literature, I will memorize the story deeply in my heart. Their tangible achievement will be another aspect to inspire me on whatever I would like to do.

There is no regret to say that you are a good writer, and I can say that I am a big fan of you. Every single word, sentences, and the whole concept of the story can present to us how good you are.  

Thank you once again for this lovely story and look forward to read the next chapter  soon.

Best wishes,
Moo Moo Noi  :yeb:

เห็นคุณ Andreas ตอบเป็นภาษาอังกฤษ  วิญญาณผีเด็กฝรั่งชั้นประถมเข้าสิง  เอิ๊ก  ๆ เขียนผิดแกรมม่าบอกด้วยน้าคุณ Andreas ยังอ่อนหัดอะคะ  
เรย์รูปสวยจัง  ทำให้นึกถึงบรรยากาศตอนปล่อยโคมลอยวันลอยกระทงที่เชียงใหม่เลย  ท้องฟ้าสวยไปหมด  คิดถึงบรรยากาศจัง   รอตอนต่อไปอยู่น้า   :impress:

ปล  หมูพูห์ทำไรเหรอ  ทำไมต้องปล่อยไก่  มะเข้าใจ  :untrust:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 29-11-2006 15:14:23
ตามมาทันแล้ว ดีจายจาง :yeb:



คุณแอนดี้เก่งจังบรรยายได้ละเอียดมากๆ ๆ ๆ ทั้งเสื้อผ้า หน้าผม สถานที่รู้สึกเหมือนตัวเองหลุดเข้าไปอยู่งานยี่เป็งในเมืองเชียงใหม่เรยอ่ะ

อ่อยยย  ว่าแล้วก้ออยากไป 



ปล.   ภาพสวยมากจ้ะเรย์ แต่ภาพโคมลอยไม่มีชัดๆกว่านี้เหรอ
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 29-11-2006 15:26:41
ขอบคุณนะคับคุณ Andreas

ที่แต่งนิยายเรื่องนี้ได้สวยงามมาก...... :impress3:

สวยงามทั้งตัวละคร....ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่โลกวรรณกรรม

สวยงามทั้งสำนวนภาษา....ที่น้อยเรื่องนักที่นักเขียนปัจจุบันจะนึกถึง

.....ขอบคุณคุณบลูที่หยิบเรื่องนี้มาหั้ยทุกคนได้อ่าน......

...................รออ่านต่ออยู่นะคับ................ :impress:

หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 29-11-2006 15:30:37
เออ... :confuse:

เห็นโคมลอยแล้วเศร้าครับ


คิดถึงความหลังครั้งลอยโคม


พูห์ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 30-11-2006 11:46:51
หนูบลูไปหนายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย :serius2:


ทำไมไม่มาโป้ดต่อ


หรือมั่วแต่ติดหนังอยู่

พูห์ ณ  :seng2ped:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 30-11-2006 19:55:23
ป่าวหนา พักนี้งานยุ่งนิดหน่อย
คงไม่ค่อยได้ตอบคอมเม้นต์เพื่อนๆนะครับ
แต่ก็ยังอ่านและขอบคุณทุกคอมเม้นต์แทนคุณ andreas ด้วยนะครับ
ถ้ารอผมตอบคอมเม้นต์นี่คงได้อ่านช้าลงไปอีก เอิ้กๆ  :really2:
***************************************************************************
บทที่ 11 คำสารภาพ และ ความประทับใจ

ภูผาต้องนอนอยู่ที่โรงพยาบาลทั้งสิ้นสี่วันหลังจากอุบัติเหตุตกน้ำ เพราะว่าปอดเกิดการติดเชื้อจากน้ำในอ่างแก้วที่ไม่สะอาด ทำให้แพทย์ต้องรับตัวไว้รักษาเพื่อป้องกันไม่ให้ลุกลามจนกลายเป็นปอดบวม หรือ pneumonia ในที่สุด

ศิวะก็มาเยี่ยมภูผาทุกวันหลังทราบข่าวจากฟ้าลั่น โดยบางครั้งก็ขอนอนค้างคืนเป็นเพื่อนภูผา....แต่ฟ้าลั่นก็อาสารับภาระอยู่เฝ้าไข้ภูผาในตอนกลางคืนเสียเอง โดยให้ศิวะรับหน้าที่ในตอนกลางวันแทน เนื่องจากว่าบางครั้งเขามีเรียนทั้งวัน และไม่อยากที่จะทิ้งภูผาไว้เพียงคนเดียวในห้องพิเศษของโรงพยาบาล

ดังนั้นศิวะซึ่งเป็นนักศึกษาปริญญาโทชั้นปีสุดท้าย ที่ไม่มีเรียนวิชาในห้องเรียนแล้ว จึงสามารถมาเฝ้าภูผาได้ในตอนกลางวัน โดยที่ศิวะก็จะหอบเอาคอมพิวเตอร์แบบพกพามาเพื่อเขียนรายงานวิทยานิพนธ์ด้วย

ด้วยคุณสมบัติความช่างสังเกตของศิวะ เขารับรู้ได้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นระหว่างน้องชายของเขาทั้งสองคน.....ทั้งฟ้าลั่นและภูผาดูเงียบขรึมลงกว่าแต่ก่อน และมีปฏิสัมพันธ์ทางวาจาด้วยกันน้อยมาก ซึ่งดูคล้ายว่าทั้งคู่จะคอยระมัดระวังคำพูดหรือพยายามเก็บงำความรู้สึกอะไรบางอย่างระหว่างกัน

แต่ดวงตาคู่สวยของฟ้าลั่นดูเหมือนว่าจะไม่สามารถถูกควบคุมด้วยความคิดของตนได้เท่าที่ควร....เพราะทุกครั้งยามทอดผ่านมายังร่างของภูผาที่หลับสนิทบนเตียง.....ดวงตากลมสดใสคู่นั้นกลับฉายแววของความห่วงใย...และเต็มไปด้วยความหมายบางอย่าง.......จนกระทั่งศิวะสามารถรับรู้ได้

แม้ไม่ค่อยจะแน่ใจสักเท่าใด.....แต่ศิวะคงพอที่จะคาดคะเนได้ว่าฟ้าลั่นคงรักหนุ่มหน้าหวานคนเดียวกับที่เขาฝากหัวใจไว้เสียแล้ว......

เมื่อเข้าใจอย่างนั้น ศิวะก็ย้อนกลับมาถามตนเองว่า

“เราจะทำอย่างไร..............ถ้ารู้ว่าน้องหมอกก็รักฟ้าลั่น”

“แล้วถ้าน้องหมอกรักฟ้าลั่น.....แล้วเราจะอยู่ที่ไหน”

ศิวะยอมรับกับตนเองว่า...เขารักและเป็นห่วงภูผามาก.....มากเกินกว่าทุกคนที่เขารู้จัก....หัวใจของเขาอยู่ที่ภูผาตลอดเวลานับตั้งแต่เจอกันครั้งแรกในช่วงรับน้องรถไฟ.....จนบัดนี้ก็เกือบสามปีเต็ม......

แต่สิ่งที่ศิวะเฝ้าหาคำตอบมาอย่างยาวนานก็คือ .....หัวใจของภูผาอยู่ที่ใด....เพราะแม้ว่าภูผาจะแสดงทีท่าว่าเอาใจใส่เขาอย่างมากตลอดเวลาที่ผ่านมา....แต่ลึกๆแล้วศิวะรู้ว่า.....ความพยายามของตนเองยังไม่บรรลุผล

ศิวะยังจำประโยคที่ภูผาบอกตนเองครั้งแรกได้อย่างแม่นยำว่า

“แต่หัวใจของผม.....มันอาจจะยังไม่มีใครในตอนนี้ .....แต่ก็ให้โอกาสคนที่จะมาคว้ามันไปเสมอครับ”

“พี่จะพยายามครับ” ตัวเขาเองกล่าวอย่างหนักแน่นในตอนนั้น แต่จนแล้วจนรอด ความรู้สึกลึกๆ ได้ตอกย้ำกับเขามาตลอดว่า....เขาไม่อาจไคว่คว้า...และครอบครองพื้นที่ทั้งหมดของหัวใจภูผาได้....

ไม่เพียงแต่ความผิดปกติของฟ้าลั่นที่ศิวะสังเกตเห็น.....เขายังสามารถรับรู้ความรู้สึกบางอย่างของภูผาที่มีต่อฟ้าลั่นได้....โดยเฉพาะแววตาชื่นชมระคนเศร้าขณะมองชายหนุ่มผมยาวยามเผลอ......แม้มันจะไม่ชัดเจนนัก เพราะภูผาก็ดูเหมือนจะพยายามปิดบังความรู้สึกอะไรบางอย่างอยู่........แต่ก็เพียงพอแล้วที่จะตอกย้ำสมมุติฐานที่ศิวะตั้งไว้ในใจว่า.....

หัวใจของภูผาคงเอนเอียงไปหาฟ้าลั่นอย่างแน่นอน........

เมื่อรับทราบอย่างนั้น....ความเจ็บปวดก็มาเยือนหัวใจของศิวะทันที....เพราะดูเหมือนว่าความพยายามตลอดสามปีของเขาที่ผ่านมามันช่างสูญเปล่าเสียนี่กระไร........

“เราจะทำอย่างไรดี”

“เสียสละหรือ” เป็นคำถามที่ผุดขึ้นในใจของชายหนุ่มผิวสีแทน.....ร่างสูงใหญ่

“หรือจะไม่ยอมเสียน้องหมอกไป........จะรั้งน้องหมอกไว้”

ศิวะใช้เวลาเก็บข้อมูลตอกย้ำข้อสรุปของตนทุกวัน จนกระทั่งแน่ใจว่าภูผาคงรักฟ้าลั่นแน่นอน....ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะเป็นผู้เสียสละ.......เขารักภูผามากเกินกว่าจะทำร้ายความรู้สึกของภูผาได้.......เขาต้องยอมเจ็บ......เจ็บเพื่อให้คนที่เขารักสุดใจสมหวัง.....โดยที่เขาก็จะเฝ้าดูอยู่ตลอดเวลา......

“วันใด.....ที่น้องหมอกต้องเจ็บซ้ำ ...และไร้ซึ่งคนข้างกาย....พี่จะกลับมา....กลับมาดูแลหัวใจของพี่อีกครั้ง...........” นี่คือคำปฏิญาณที่ศิวะให้ไว้กับตนเอง.....โดยไม่มีทางรู้เลยว่า....มันจะกลายเป็นความจริง

“บางที....ผู้แพ้ก็ไม่จำเป็นต้องเสียใจ.......หากยังคงรักษาไว้ซึ่งความรัก.......แม้มิได้ครอบครอง” ศิวะสรุปคำตอบในใจ มือข้างขวาของเขาเอื้อมมาแตะที่อกด้านซ้าย...ตำแหน่งของหัวใจ...และกดลงไปเบาๆ เพื่อบรรเทาความรู้สึกเจ็บปวดที่เกิดขึ้น.....น้ำตาของลูกผู้ชายปริ่มขึ้นในดวงตา....ศิวะบอกตนเองหลายครั้งว่า....

“เราจะไม่เสียใจ....ในการตัดสินใจของตนเอง......”

ก่อนวันที่ภูผาจะออกจากโรงพยาบาล.......ฟ้าลั่นจัดการชำระค่าใช้จ่ายต่างๆให้เสร็จเรียบร้อย พร้อมทั้งโทรศัพท์บอกศิวะให้เป็นธุระในการพาภูผาเข้าห้องพัก โดยฟ้าลั่นอ้างว่าติดธุระ ไม่สามารถไปรับภูผาได้ด้วยตนเอง จึงขอรบกวนให้ศิวะจัดการให้........

ศิวะรับรู้ความผิดปกติจากน้ำเสียงของฟ้าลั่นแต่ก็ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น

ศิวะมาส่งภูผาที่ห้องพัก และอยู่เป็นเพื่อนคลายเหงา ก่อนจะขับรถออกไปซื้ออาหารเย็นเตรียมไว้ให้ภูผา....เพราะคิดว่าอย่างไรเสียฟ้าลั่นคงกลับมานอนที่ห้องพัก..เพื่อคอยดูแลภูผาในตอนกลางคืนดังเช่นปกติ

แต่ทว่า.......เมื่อเวลาผ่านไปจนถึงวันใหม่...ฟ้าลั่นก็ยังไม่กลับเข้าห้องพัก........

ภูผารู้สึกเป็นห่วงฟ้าลั่น และรับรู้ถึงความผิดปกติได้ในตอนเช้าของวันถัดไป เขาพบว่ากระเป๋าเสื้อผ้าใบย่อมที่ฟ้าลั่นใช้อยู่เป็นประจำหายไปจากตู้เสื้อผ้า พร้อมด้วยเสื้อผ้าบางชุด ......

“ฟ้าลั่นหายไปไหนนะ......”

“ทำไม...ไม่เห็นโทรศัพท์ หรือทิ้งโน๊ตบอกไว้” ภูผาตั้งคำถาม

เพราะปกติเมื่อฟ้าลั่นจะต้องไปธุระหรือไม่สามารถกลับหอมานอนพักได้ เขามักจะเขียนโน้ตหรือโทรศัพท์มาบอกเสมอ......แต่ครั้งนี้.....ดูผิดแปลกไป

ภูผาตัดสินใจโทรศัพท์ถามเพื่อนๆของฟ้าลั่นเพื่อสอบถามว่าฟ้าลั่นไปธุระที่ไหนหรือไม่ โดยใช้เวลาเกือบชั่วโมงในการพูดคุยกับหลายคน ......ซึ่งคำตอบที่ได้รับกลับมาคือ

“ไม่เห็น ไอ้ฟ้าลั่นเลยหมอก.....มันโดดเรียนด้วย.....ทั้งๆที่วิชานี้มันไม่เคยโดดเลย” เพื่อนคนหนึ่งบอก

“ไม่เห็นตั้งแต่เมื่อคืนแล้วหมอก” คำตอบที่ได้จากเพื่อนอีกคน

“เมื่อคืน กับ เมื่อเช้าโทรไป มันก็ไม่รับสายเลยหมอก” คำตอบที่ได้รับจากเพื่อนคนสุดท้าย ก่อนที่ภูผาจะตัดสินใจ เดินสำรวจห้องพักอีกครั้งเพื่อลองค้นหาโน้ตที่ฟ้าลั่นเขียนไว้ เขาหวังว่ามันอาจตกลงบนพื้นที่ไหนซักแห่งในห้อง

การค้นหาผ่านไปไม่นานนัก.......สายตาของภูผาก็สัมผัสเข้ากับกระดาษโน้ตแผ่นเล็ก ที่สอดไว้ในหนังสือการ์ตูนเล่มใหม่ ที่เขาเดาว่าฟ้าลั่นคงซื้อมาให้ขณะนอนอยู่ที่โรงพยาบาล เพราะเป็นหนังสือการ์ตูนที่ภูผาชอบอ่านเป็นประจำ...... “ถ้วยน้ำชากับเทวดาตัวจิ๋ว”

กระดาษโน๊ตแผ่นเล็ก...มีข้อความเขียนด้วยลายมือบรรจง......เป็นระเบียบสวยงามว่า.....

........................หมอก
........................เราขอโทษนะที่ต้องทิ้งนายไปในเวลาที่นายอ่อนแอที่สุดเช่นตอนนี้......
........................เราอยากอยู่ข้างนายเหมือนเช่นทุกวันนะหมอก
........................สัญญานะว่าจะไม่ร้องไห้...เมื่อเราจากมา
........................คนดีของฟ้าลั่น

แม้จะไม่ค่อยเข้าใจในความหมายของลายมือสวยที่เขียนอยู่บนกระดาษบางแผ่นนี้......แต่ทว่า....ความรู้สึกบางอย่างที่เกิดขึ้นมันบาดลึกลงไปในจิตใจของภูผา.....เพราะคำว่า “เมื่อเราจากมา”...........

ภูผาไม่อาจรักษาสัญญาให้กับคนที่เขียนโน้ตไว้..... น้ำตาของเขาเริ่มไหลรินออกมาจากดวงตาคู่งาม......ช้าๆ....หยดลงสู่กระดาษแผ่นนั้นอย่างแผ่วเบา

“ฟ้าลั่น...นายอยู่ที่ไหน......ทำไมต้องไปล่ะ...ฟ้าลั่น”

“นายกำลังจะไปไหน...ฟ้าลั่น”

“ทำไมนายไม่บอกเรา......เราไม่ใช่เพื่อนกันแล้วเหรอ.....” เสียงครวญจากภูผา......ร่ำร้องในหัวใจ

***************

ภูผาจำช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายในน้ำที่มืดสนิทได้เป็นอย่างดี....หัวใจของเขาพร่ำภาวนาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์.......และต่อสู้กับความตายอันน่ากลัว.....เพื่อที่จะรอคอย.....รอคอยให้ฟ้าลั่นหาตนเองให้พบและนำขึ้นจากน้ำที่เย็นจัด.....ให้ตนเองได้เห็นหน้าฟ้าลั่นอีกครั้ง......

ก่อนที่ลมหายใจจะหยุดลง.......ความฝันย้อนกลับเข้ามาในจิตใต้สำนึกของภูผาอีกครั้ง.......ครั้งนี้เขาเห็นชัดเจนว่าชายหนุ่มตาหวานซึ้ง...ที่มีสัมผัสอันอ่อนโยนในฝันคือใคร......

“ในทีสุดเราก็รู้ว่าเป็นนาย....ฟ้าลั่น.....นายอยู่ในฝันเราตลอดมา.......”

“นายคือคนที่เรารัก.....รักมาตลอด..... แต่บัดนี้.......เราคงไม่มีโอกาสจะเห็นหน้านายอีกแล้ว......เราคงไม่อาจนำแม้กระทั่งความฝันติดไปกับเราในความตายอันแสนน่ากลัวได้.........ลาก่อนความฝันที่สวยงาม.....ลาก่อนฟ้าลั่น....คนในโลกของความเป็นจริงที่เรารัก.....รักเสมอ และตลอดไป” เมื่อสิ้นความคิดนี้.....ภูผาก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย

ลาก่อนนะ...ความฝัน......อันแสนหวาน...
ลาก่อนนะ.....ราตรีกาล.....อันสุดซึ้ง
ลาก่อนนะ.....ฟ้าลั่นที่รัก.....สุดคำนึง
ลาก่อนนะ....อ้อมกอดที่คิดถึง.....ตลอดไป

ในเวลาเพียงเสี้ยววินาที ก่อนที่ภูผาจะจากไปตลอดกาล.....ฟ้าลั่นก็สามารถฉุดรั้งเขาออกมาจากท้องน้ำอันมืดมิด....และออกจากอุ้งหัตถ์พญามัจจุราชอย่างทันท่วงที.......

ภูผาลืมตาขึ้น...พร้อมกับหัวใจที่รับรู้อย่างกระจ่างแจ้งว่า....เขารักฟ้าลั่นมากเพียงใด......เขารักคนที่นอนกอดเขาเกือบทุกคืน.....รักคนที่เขาโหยหามานาน......คนที่อยู่ในฝันมาตลอดเวลา........ ฟ้าลั่น....คือคนที่ภูผารักสุดใจ

ในตอนนั้น....ภูผาตัดสินใจแน่วแน่ที่เก็บความรักของตนเองไว้ในหัวใจ.....โดยไม่คิดจะบอกฟ้าลั่นแต่อย่างใด..... ด้วยความกังวลว่าความเป็นเพื่อนที่คบหากันยาวนานจะสูญสิ้น.....เพราะฟ้าลั่นคงไม่อาจรับได้

ภูผาแค่หวังว่า...จะได้เห็นหน้าฟ้าลั่นทุกวันหลังจากออกจากโรงพยาบาลก็เท่านั้น......แค่อยากอยู่ด้วยคนที่ตนรัก.......ทุกอย่างจะกลับเป็นเหมือนเดิม....เหมือนหลายปีที่ผ่านมา......ภูผา....จะเป็นแค่เพื่อนสนิทของฟ้าลั่น....เท่านั้น

*********************
ความกังวลและความห่วงใยที่มีในใจ ทำให้ภูผาตัดสินใจตามหาฟ้าลั่น...ด้วยแรงทั้งหมดที่ตนมี...เพียงเพื่ออยากจะพบหน้าและรับรู้ถึงปัญหาที่ฟ้าลั่นกำลังเผชิญ....ในฐานะเพื่อนสนิทคนหนึ่ง

อันดับแรกเขาโทรศัพท์ไปหาบิดามารดาของฟ้าลั่น หลังเรียนถามท่านทั้งสองคนแล้ว เขาพบว่าฟ้าลั่นไม่ได้กลับไปที่บ้าน.....ภูผาจึงต้องนั่งคิดถึงสถานที่ที่ฟ้าลั่นชอบและคาดว่าจะไปพักอยู่ .....ในที่สุด จึงลองเสี่ยงโทรศัพท์ไปที่รีสอร์ทแห่งหนึ่ง...เขาค่อนข้างมั่นใจว่าฟ้าลั่นน่าจะอยู่ที่นั่น...ที่ที่ทั้งสองคนชอบเหมือนกัน..... “ม่อนเอื้องดอย”

ภูผาพาร่างที่ยังไม่แข็งแรงของตนเองมาถึงม่อนเอื้องดอยในตอนเย็นหลังรับทราบจากพนักงานรีสอร์ท ว่ามีคนชื่อฟ้าลั่น ศรีสิริโชคชัย เข้าพักอยู่ .....

เขาเลือกที่เดินไปที่ห้องพักของฟ้าลั่นโดยใช้ทางเดินเลียบริมลำธารน้ำที่ไหลผ่านใจกลางของรีสอร์ท.....สายน้ำไหลที่คงความงามเหมือนปีที่แล้ว..... ภูผาก้าวเดินอย่างช้าๆ พร้อมด้วยหัวใจที่สับสน....อ่อนแรง....และหวาดกลัว...

ภูผามองเห็นชายหนุ่มผมค่อนข้างยาว ใส่แว่นกรอบสีดำสนิทนั่งอยู่บนเก้าอี้ บริเวณระเบียงห้องพักที่ยื่นตัวออกมาจากบ้านไม้ผสมการก่ออิฐทรงยุโรป สู่เบื้องบนลำธารใส ..... หันหน้ามองออกไปในท้องฟ้ากว้าง......ฟ้าลั่นดูเหงา...เหงาเหลือเกิน

“ฟ้าลั่น” ภูผาตัดสินใจตะโกนเรียกฟ้าลั่น

เสียงจากคนคุ้นเคยร้องเรียก ทำให้ฟ้าลั่นหันกลับมามองที่ต้นเสียง....ดวงตาทั้งคู่ของเขาสัมผัสเข้ากับร่างที่บอบบางของคนที่ทำให้เขาต้องหนีมา.....

ฟ้าลั่นหนีหัวใจตนเองมา.....มาเพื่อทำให้มันแข็งแกร่งอีกครั้ง....เพื่อที่จะกลับไปหาคนที่เขารัก.....เก็บความรู้สึกรักไว้ให้ลึกสุดใจ....เหลือไว้แค่ความเป็นเพื่อนเท่านั้นที่จะฉายชัดออกมาให้ภูผาได้รับรู้ 

ภูผาเดินมาเข้ามาหาฟ้าลั่นช้าๆ.....แต่คนที่หัวใจยังอ่อนแอ...กลับต้องหลีกหนี.... ฟ้าลั่นลุกจากที่นั่งเดินเข้าไปในห้องพักแล้วปิดประตูลงอย่างรวดเร็ว .....ไม่มีแม้กระทั่งคำพูดที่จะเอ่ยออกมา .....เพราะว่าเขากลัว....กลัวว่าจะหลุดปากบอกรักภูผา....คนที่เขารักมากที่สุดในโลกที่อยู่ต่อหน้าตนเองในเวลานี้ ......แล้วพบว่ามันเป็นรักที่เขามอบให้เพียงฝ่ายเดียว.......และหลังจากนั้นความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนที่ยาวนานก็จะสิ้นสุดลง

ร่างบางของภูผาทรุดตัวนั่งลงช้าๆ หันหลังเข้าพิงประตูห้องพัก....ห้องที่ทั้งคู่เคยพักด้วยเมื่อวันปีใหม่ปีที่แล้ว........ ห้องที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความสนุกสนาน......แต่วันนี้.....ปีนี้....มันกลับทำให้เกิดความรู้สึกที่แตกต่าง.....ความเสียใจ....ความกังวล...... และความสับสนในหัวใจ

ฟ้าลั่นทรุดตัวลงช้าๆ เช่นกัน หันหลังพิงประตูบานเดียวกับภูผา........ร่างของทั้งสองใกล้กันแค่เพียงความหนาของประตูกั้นขวาง......แต่ในหัวใจกลับดูห่างกันเสียเหลือเกิน.......

ใกล้เพียงแค่.....บานประตู......ที่กั้นขวาง
กลับสุดกว้าง.....กว่าท้อง....ทะเลใส
เหมือนท้องฟ้า....พสุธา....ห่างกันไกล
สุดอาลัย.....สองฤทัย.....มิพบพาน

“ฟ้าลั่น.....นายเป็นอะไร.....ทำไมนายไม่พูดกับเรา” ภูผาพูดเบาๆให้คนในห้องได้ยิน ....น้ำตาที่ตนเองพยายามกลั้นไว้.....มันไหลหลั่งลงมาอย่างห้ามไม่ได้.......พรอมหัวใจที่เจ็บปวด

“เราทำอะไรผิดเหรอฟ้าลั่น......เราทำอะไรผิด.......ถ้าเราทำผิด...เราขอโทษ” เสียงสะอื้นยังคงแผ่วเบา แต่มิอาจปิดบังคนตัวใหญ่ที่นั่งพิงประตูเดียวกันให้รับรู้ได้

“นายบอกกับเราซิ.....อย่าเงียบอย่างนี้.......ทำไม.....ทำไม.....เราเป็นเพื่อนนายไม่ใช่เหรอ......ทำไมไม่บอกเรา” ร่างบางยังคงพูดต่อ โดยไม่คิดจะเช็ดน้ำตาที่ไหลรินออกมา

“นายไม่ผิดหรอกหมอก........นายไม่ผิด.....ผิดที่เราเอง” ฟ้าลั่นตัดสินใจพูดออกมาอย่างช้าๆ

“ฟ้าลั่น....เราไม่เข้าใจ....นายอย่าทำอย่างนี้ได้มั้ย.....อย่าทำอย่างนี้เลย”

“นายอย่าโทษตัวเองที่เราตกน้ำนะฟ้าลั่น......มันเป็นอุบัติเหตุ......เราหายดีแล้ว......นายเป็นคนนำเราขึ้นมานะฟ้าลั่น.......นายคือคนช่วยชีวิตเรานะ.........” ภูผายังคงพยายามพูดต่อ เพื่อที่จะทำไห้ฟ้าลั่นสบายใจ

“ไม่ใช่หรอกหมอก....ไม่ใช่เรื่องนั้น.......ขอเวลาเราได้มั้ยหมอก.......ให้เราพร้อมกว่านี้” ฟ้าลั่นพูดช้าๆ เพราะพยายามกลั้นน้ำตาลูกผู้ชายไม่ให้ไหลออกมา ......ความรักที่มีอยู่เต็มอก...มันช่างเจ็บปวดเสียเหลือเกิน...เจ็บปวดเพราะมันไม่อาจประกาศออกไปได้....ทำได้แค่เพียงเก็บมันเอาไว้......ให้ลึกที่สุด....

“ทำไม.......” ประโยคสุดท้ายที่ภูผาพูดออกมา ก่อนที่จะไม่สามารถอดทนต่อความเสียใจไปมากกว่านี้....ปล่อยน้ำตาและเสียงร้องไห้ออกมาเต็มที่

คนที่อยู่ในห้องตอนนี้ก็เสียใจไม่แพ้กัน....ยิ่งได้ยินเสียงสะอื้นของคนที่ตนรักแล้ว....ความเจ็บปวดในหัวใจก็ทวีเพิ่มขึ้น......ถ้าเป็นไปได้....ฟ้าลั่นอยากคว้าร่างนั้นเข้าหาตัว......พร้อมกับใช้ริมฝีปากห้ามน้ำตาที่ไหลริน......จะปลอบประโลมภูผาอย่างอ่อนโยนเท่าที่หัวใจรักเขาจะนำพา

สองหนุ่มร้องไห้ด้วยกันหน้าประตูที่กั้นขวาง........... ทำไมนะ..ความรัก.....มันน่าจะสวยงาม....แต่ความรักของสองหนุ่มคู่นี้กลับช่างเจ็บปวดเหลือเกิน......

ภูผาสงบสติอารมณ์......ปาดน้ำตาออกจากใบหน้า.....ด้วยความรู้สึกที่แม้ตนเองก็ยากที่จะเข้าใจ....พร้อมความน้อยใจ....และสับสน.....เขาตัดสินใจบอกความรู้สึกของตนออกมา ทั้งๆที่ตอนแรกตัดสินใจว่าจะเก็บมันไว้ในหัวใจส่วนลึก......

ในวินาทีนี้....หัวใจของเขาร่ำร้องให้บอกความรู้สึกตนเองที่แท้จริงออกมา......บางทีมันอาจจะไม่เลวร้ายอย่างที่คิดก็ได้....หรือบางที...ก็อาจทำให้ฟ้าลั่นเปิดประตูออกมาพูดอะไรกับตนเองบ้างก็ได้......นิดเดียวก็ยังดี.....

ในที่สุดภูผาก็กล่าวบอกฟ้าลั่นว่า......

“ฟ้าลั่น.....นายฟังให้ดีนะ........เราขอพูดอะไรเป็นครั้งสุดท้าย....แล้วเราก็จะไป......แม้กระทั่งเดินออกไปจากชีวิตของนาย......เราก็จะทำ”

“เรารักนายนะฟ้าลั่น.........เรารู้สึกตัวเองก็ตอนที่เราตกน้ำนั่นแหละ........คนที่เราคิดถึงมากที่สุดขณะที่เรากำลังขาดอากาศหายใจคือนายนะฟ้าลั่น.....ไม่ใช่พี่เสือหรือใครๆ......คือนาย....คือคนที่เราอธิษฐานให้พบเรา...ให้ช่วยเราขึ้นมา..........ให้นำเราขึ้นมาจากความตายอันน่ากลัว...........”

“นายรู้มั้ยว่า......เมื่อเราลืมตาขึ้นมาเห็นนายเป็นคนแรก.....เราดีใจมาก....มาก .....เพราะหมายความว่าเราจะได้อยู่กับนายอีกครั้ง......เรารู้ว่าเรารักนาย.....และขาดนายไม่ได้ในตอนนั้นนะฟ้าลั่น.....นายได้ยินมั้ย.....ฟ้าลั่น”

“เรารู้ว่านายไม่ได้รักเราแบบนั้น.......แต่เราสัญญานะฟ้าลั่น......เราจะรักนายและเป็นเพื่อนนายตลอดไป....เราย่อมเรียนรู้และหาทางเก็บความรู้สึกนั้นในลึกที่สุด....จะไม่ให้มาทำลายความเป็นเพื่อนที่มีต่อกันอย่างยาวนานได้.....” ประโยคสุดท้ายจบสิ้น พร้อมร่างบางลุกขึ้นยืนและเดินออกมาจากประตูบานนั้น.....บานที่ปิดกั้นความรักของเขา....รักที่ไม่มีวันที่จะสมหวัง

ทุกถ้อยคำของภูผาแทรกซึมเข้าไปในหัวใจทุกห้องของฟ้าลั่น.......เขารับรู้แล้ว......เขารู้ว่าคนที่เขารัก.....ก็รักเขาไม่แพ้กัน....... ความกลัว....ความกังวลในจิตใจจางหายออกไปอย่างรวดเร็ว

ฟ้าลั่นเปิดประตูออก... เห็นหลังของภูผาที่กำลังเดินออกไป........เขารีบวิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว และคว้าข้อมือของภูผาไว้ให้หันกลับมา แล้วรวบร่างบางที่กำลังร้องไห้เสียใจเข้ามากอดในทันที.... เพื่อไม่ให้หนีไปไหนได้อีก.....ก่อนจะพูดว่า

“หมอก......เราก็รักนายนะ.......รักมาก.....กว่าใครๆ”

“อย่าร้องไห้นะหมอก........เราจะไม่หนีแล้ว.....เราจะอยู่กับนาย......อย่าร้องให้อีกเลยนะคนดี”

“นายเจ็บ.....เราก็เจ็บด้วยนะ”

“หัวใจของเราอยู่ที่นายนะหมอก......อย่าร้องไห้” ฝ่ามือที่นุ่มนวลลูบไล้ไปข้างแก้มของคนรัก...เพื่อเช็ดน้ำตาออกจากดวงตาคู่สวย....สัมผัสทุกอย่างเริ่มต้นด้วยความแผ่วเบา....และจบลงด้วยความรักอันลึกซึ้งที่ถ่ายทอดออกมา

“นายอย่าหนีเราไปไหนอีกนะฟ้าลั่น.........อย่าทำอย่างนี้อีกนะ.......” ภูผากล่าวเสียงสั่น ใบหน้ายังแนบอยู่กับอกแข็งแรง แขนทั้งสองข้างยังคงโอบกอดคนที่ตนเองรักเช่นกัน.....อ้อมกอดนี้ที่อบอุ่น....อ้อมกอดที่รอคอย

ฟ้าลั่นเดินจูงมือภูผาเข้ามาในห้องพัก.... ปิดประตู.... แล้วพาให้เดินไปยังโซฟาที่หันหน้าเข้าหาผนังกระจกใส ทำให้เห็นบรรยากาศรอบนอกของรีสอร์ทอย่างชัดเจน.....

เวลานี้ธรรมชาติได้แต่งเติมสีสรรพ์ให้กับตนเอง...ราวกับจะให้เป็นของขวัญกับคู่รักคู่ใหม่....ที่น่ารักคู่นี้

ฟ้าลั่นนั่งลงบนโซฟาตัวนั้น.... แล้วรั้งร่างบางให้นั่งลงบนตักตนเอง......ก่อนจะแนบคางสวยลงบนไหล่ภูผา แล้วเอาแขนตนเองโอบกอดลำตัวของภูผาไว้อย่างหลวมๆ

“หมอก...เราขอโทษ....เราไม่ได้ตั้งใจทำให้นายร้องไห้นะ”

“เราสับสน...และกลัว.......เรากลัวว่าเราจะบอกรักนาย......แล้วมันกลายเป็นว่าเรารักนายข้างเดียว......ความเป็นเพื่อนที่มีอาจจะสูญไป” น้ำตาของผู้พูดไหลออกมาเป็นทาง หยดลงบนไหล่ของหนุ่มร่างบางที่ถูกโอบกอดอยู่

“ตอนนี้เราไม่กลัวแล้ว.......เรารู้ว่าเราไม่ได้รักนายข้างเดียว”

“เราสัญญานะหมอก.......เราจะอยู่เคียงข้างนายเสมอ..... เราจะไม่มีวันสูญเสียนายไปเด็ดขาด” ฟ้าลั่นพูดอย่างหนักแน่น ก่อนที่จะยกคางขึ้นจากไหล่ภูผา แล้วหันหน้าไปสูดความหอมหวานของพวงแก้มใสช้าๆ หลายครั้งโดยที่แขนแข็งแรงก็โอบกอดลำตัวภูผาอย่างนุ่มนวล......เนิ่นนาน

ภูผายังคงไม่กล่าวอะไรออกมา.....แต่ก็ไม่ปฏิเสธการลุกล้ำของฟ้าลั่น..... ภูผากำลังดีใจอย่างสุดซึ้ง......แต่หลังจากนั้นไม่นาน....ความกังวลในหัวใจก็เกิดขึ้น ....และถ่ายทอดออกมาจนคนที่นั่งอยู่ข้างหลังเริ่มรู้สึกได้

“หมอก....เป็นอะไร.....ไม่ดีใจเหรอ......นายจะมีแฟนที่หล่อและน่ารักที่สุดในโลกเลยนะ” ฟ้าลั่นหยอกล้อ เพราะเห็นว่าคนรักของตนแสดงสีหน้ากังวลอย่างชัดเจน

“อืม........เราแค่กังวลว่าจะบอกพี่เสืออย่างไรดี.....เราไม่อยากให้พี่เสือเสียใจน่ะ.....” ในที่สุดภูผาก็พูดออกมา

“ความรักมันบังคับกันไม่ได้นะหมอก.......เราคิดว่าพี่เสือน่าจะเข้าใจ......แต่คงห้ามไม่ได้ที่จะเสียใจ”

“แหม.....ก็น้องหมอกผู้น่ารัก.....ถูกนายฟ้าลั่นสุดหล่อ....ฉวยมาแบบนี้....พี่เค้าคงจะโกรธแย่เลย” ฟ้าลั่นยังคงอารมณ์ดีเสมอ จนทำให้ภูผาต้องหันมาค้อนให้อย่างอดไม่ได้

“ไม่เอาน่าอย่าคิดมาก.....เราสองคนก็แค่ไปอธิบายให้พี่เสือเค้าฟัง......พี่เค้าคงเข้าใจนั่นแหละ”

“แต่หวังว่านายคงไม่มีอะไรกับพี่เสือมาก่อนนะ..... หรือว่ามี ....เลยห่วงพี่เสือมากขนาดนี้” ฟ้าลั่นแกล้งหลี่ตามองสำรวจภูผา ตั้งแต่หัวจรดเท้า

“เฮ้ย....ไอ้บ้า.....ไม่มีอะไรกันซักหน่อย......” ภูผารีบบอก โดยไม่วายจะหันมาค้อนให้อีกทีหนึ่ง

“เราก็แค่เป็นห่วงพี่เสือ ไม่อยากให้พี่เค้าเสียใจ......มันเหมือนกับเราหลอกพี่เค้ามาตลอดเลย”

“ดีแล้ว......ถ้ามีอะไรกัน....เราจะทำโทษนายเดี๋ยวนี้เลย.....นายต้องเป็นของเราคนเดียวนะหมอก.....ห้ามนอกใจเราด้วย” ฟ้าลั่นพูดเบาๆก่อนที่จะกอดรัดภูผาแน่นขึ้นเพราะความหวง.....ระคนห่วงใย

“อย่าคิดมากเลย.....เราสองคนไปอธิบายให้พี่เค้าเข้าใจ.....พี่เค้าคงไม่ว่าอะไร.....อย่างมากก็ตาย” ฟ้าลั่นหัวเราะเบาๆ เขาแสร้งทำเป็นอารมณ์ดี ทั้งที่ในใจก็เกิดความกังวลไม่แพ้คนในอ้อมกอด

ถึงแม้ฟ้าลั่นจะพยายามปลอบใจ...แต่ก็ไม่ได้ทำให้ภูผาคลายความกังวลออกมาได้แต่อย่างใด...เขาคงยังรู้สึกผิดที่เพราะเหมือนกับว่าเขาได้หลอกลวงศิวะมาตลอด......

**************

ท้องฟ้าโปร่งมืดมิดยามค่ำคืนในดินแดนแห่งขุนเขา......ดวงดาวนับร้อยพันพาส่องแสงระยิบระยับ...ราวกับจะตื่นเต้นที่ได้รับรู้ความรักอันหวานชื่นของสองหนุ่ม ที่นั่งคลอเคลียกันหน้ากองไฟเล็กๆกลางบริเวณสนามกว้าง....ริมลำธารสวย

ในมือของคนผมยาว....ตัวโตกว่า...กำลังถือกีตาร์ที่ขอยืมมาจากรีสอร์ท......คนตัวเล็กกว่านั่งข้างๆคอยฟังนิ้วสวยได้รูป......วาดลวดลายลงบนเส้นสาย......ก่อเกิดเป็นทำนองที่ไพเราะ....จับใจ

“เพราะอยากให้หมอกมีความสุข......อยากให้อ้อมกอดของเราคือวิมานนายนะหมอก” ฟ้าลั่นพูดออกมา ก่อนจะกรีดนิ้วลงไปช้าๆบนกีตาร์ตัวงาม......เปล่งเสียงนุ่มหวานออกมาเบาๆ...เขาขอแค่ให้คนที่ตนรักได้ยิน.....เพียงคนเดียวเท่านั้น.....

หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 30-11-2006 19:55:44
ฟ้าลั่นตั้งใจมอบเพลงนี้ให้กับภูผา......คนที่เขากว่าจะรู้ตัวว่ารัก.....ความตายก็เกือบจะมาพรากเอาไป...... คนที่เขากอดอย่างสบายใจทุกค่ำคืน....คนที่มีค่าต่อหัวใจของตน......

..................................ฝากรักเอาไว้ ฝากไปในแสงดวงดาว 
..................................ที่ส่องประกายวับวาว วาว อยู่บนฟากฟ้า 
..................................ให้แสงสุกใส ได้เป็นเสมือนดวงตา 
..................................คอยส่องมองเธอด้วยแววตา แห่งความภักดี

..................................เก็บฟ้ามาสาน ถักทอด้วยรักละมุน 
..................................คอยห่มให้เธอได้อบอุ่น ก่อนนอนคืนนี้ 
..................................ให้เสียงใบไม้ ขับกล่อมเป็นเสียงดนตรี 
..................................คอยกล่อมให้เธอฝันดี ดี ให้เธอเคลิ้มไป

..................................เป็น วิมานอยู่บนดิน 
..................................ให้เธอได้พักพิง พิง และนอนหลับใหล 
..................................เก็บ ดาว เก็บเดือนมาร้อยมาลัย 
..................................เก็บหยาดน้ำค้างกลางไพร 
..................................มาคล้องใจเราไว้รวมกัน

..................................ก่อนฟ้าจะสาง ก่อนจันทร์จะร้างแรมไกล 
..................................ยังอยู่กับเธอข้างเคียง กาย อยู่ในความฝัน 
..................................ฝากเสียงกระซิบ ฝากไปในสายลมผ่าน 
..................................ข้ามขอบราตรีที่ยาว นาน ให้เธอฝันดี

..................................เป็น วิมานอยู่บนดิน 
..................................ให้เธอได้พักพิง พิง และนอนหลับไหล 
..................................เก็บ ดาว เก็บเดือนมาร้อยมาลัย 
..................................เก็บหยาดน้ำค้างกลางไพร 
..................................มาคล้องใจเราไว้รวมกัน

..................................ก่อนฟ้าจะสาง ก่อนจันทร์จะร้างแรมไกล 
..................................ยังอยู่กับเธอข้างเคียง กาย อยู่ในความฝัน 
..................................ฝากเสียงกระซิบ ฝากไปในสายลมผ่าน 
..................................ข้ามขอบราตรีที่ยาว นาน ให้เธอฝันดี

..................................ให้เธอได้อบ อุ่น และนอนฝันดี
..................................ให้เธอได้อบ อุ่น...อยู่ใน วิมาน...
(วิมานดิน โดยนันธิดา แก้วบัวสาย)

ขณะที่ร้องเพลง....ดวงตาหวานของฟ้าลั่นก็ไม่ได้คลาดไปจากวงหน้าของคนที่ตนรักแม้แต่สักวินาทีเดียว....... คนที่ถูกมองต่างหาก...กลับเขินเสียจนต้องพยายามหลบสายตาคู่งามนั้นหลายครั้ง.....จนเพลงจบ

“เป็นอะไรครับ....ที่รัก.....ทำไมนายไม่มองหน้าเราล่ะ” ฟ้าลั่นถาม

“เอ้อ.......ในที่สุดเราก็รู้ว่าทำไมผู้หญิงถึงติดนายมากนัก......ก็หวานซะขนาดนี้......” ภูผาพยายามเปลี่ยนประเด็นเพราะความอาย

“แล้วหมอกชอบหรือเปล่าละ....หวานๆแบบนี้”

“อืม.......แต่มันเขินอ่ะ....... เราเคยเห็นแต่นายในอารมณ์แบบว่าสนุกสนุกสนาน แอบเงียบขรึมเล็ก......แต่ไม่เคยเห็นนายโรแมนติกขนาดนี้นี่นา”

“เราจะหวาน....ถ้าหัวใจบอกให้ทำนะหมอก.....” ฟ้าลั่นส่งสายตาหวานเชื่อมมาให้ภูผาอีกครั้ง แล้วถามต่อว่า

“เราร้องเพลงให้นายไปแล้ว......คราวนี้นายต้องให้เราบ้าง.......อย่าบอกนะว่าเล่นกีต้าร์ไม่เป็น.....เราเคยเห็นนายเล่นตอนงานรับน้อง.....” ฟ้าลั่นดักคอ....จนทำให้คนหน้าหวานต้องส่ายหัวเบาๆในความช่างสังเกต...บวกอาการเอาแต่ใจเล็กๆ ของฟ้าลั่น...ภูผาพยักหน้าและบอกว่า

“ก็ได้ครับ.....คุณชายฟ้าลั่น...ที่รัก”

ภูผารับกีตาร์มาไว้ในมือ.......แม้ว่าจะไม่ใช่เครื่องดนตรีที่ถนัดเพราะเขาชอบสีไวโอลินมากกว่าเนื่องจากรับอิทธิพลมาจากทางครอบครัวของบิดา...... แต่ก็สามารถเล่นกีตาร์ได้อย่างกลมกลืนและสอดคล้องกับโทนเสียงของตน......ภูผาตั้งใจเลือกเพลงนี้ให้กับคนที่เค้ารักเช่นกัน

คนที่มีตัวตนทั้งในโลกแห่งความเป็นจริงและในฝันมาตลอด............

***************************************************************************



.....................................ท่ามกลางตะวันทาบทอขอบฟ้า
.....................................ดวงอาทิตย์ร้อนแรงส่องแสงมา
.....................................จวบจนตะวันนั้นลับจากสายตา
.....................................เมื่อถึงเวลาฟ้าจะเปลี่ยน...

.....................................ก็เป็นกลางคืนที่มีหมู่ดาว
.....................................คืนที่ฟ้างดงามด้วยแสงดาว ส่องเป็นประกายวับวาว
.....................................อยากคว้าดาวมาอยู่ใกล้มือ...

.....................................ถ้าลองเอื้อมไปสู่ฟ้า และคิดจะไปเสาะหา
.....................................มีดาวเท่าไหร่ ที่รอให้เราไขว้คว้า...

.....................................เก็บดาวบนท้องฟ้า แล้วแทนรักมาให้กัน
.....................................ให้เธอเป็นของขวัญแทนด้วยสื่อสายใจ
.....................................อยากให้รักเราเหมือนฟ้า
.....................................ที่เต็มไปด้วยดาวสดใส ตลอดกาล

.....................................อาจจะมีบางครั้งที่เราห่างไกล แต่เรามีฟ้าและดาวผูกหัวใจ
.....................................เก็บเป็นพลังให้เราฝันใฝ่ อยากคว้าดาวมาอยู่ใกล้มือ...

.....................................ถ้าลองเอื้อมไปสู่ฟ้า และคิดจะไปเสาะหา
.....................................มีดาวเท่าไหร่ ที่รอให้เราไขว้คว้า...

.....................................เก็บดาวบนท้องฟ้า แล้วแทนรักมาให้กัน
.....................................ให้เธอเป็นของขวัญแทนด้วยสื่อสายใจ
.....................................อยากให้รักเราเหมือนฟ้า
.....................................ที่เต็มไปด้วยดาวสดใส ตลอดกาล
(อัลบัม : RHYTHM & BOYD ศิลปิน : บอย โกศิยพงษ์ )

เสียงเพลงที่ขับกล่อม....หล่อหลอมให้หัวใจสองดวงเดินเข้าหากัน.......และแนบสนิทแน่น......จนกลายเป็นดวงเดียวกัน.....หัวใจรักที่ต้องดูแล.....ให้ก้าวเดินไปอย่างมั่นคง.......ก้าวผ่านอุปสรรคและกำแพงหนา....สู่อนาคตที่ยากจะคาดเดา
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: wee ที่ 30-11-2006 22:01:44
ไม่คอมเมนท์ดีกว่า  สมบูรณ์ที่สุดแล้ว พูดไม่ออกแล้ว......
 :impress: :impress2: :sad4: :-[ :haun6: :monkeysad: :myeye:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 30-11-2006 22:53:10
 :impress2:  โรแมนติกมั่กๆ ทั้งบรรยากาศ เสียงดนตรี สายลม กับ สองเรา  อ๋อยยยย เคลิ้มมมม
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 01-12-2006 11:22:43
ชิวิตรักของฟ้าลั่นกับภูผากำลังจะเกิดขึ้นและไปด้วยดี

แต่สำหรับชีวิตศิวะล่ะ.................... :impress3:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 01-12-2006 12:49:52
โอยยยยย  อย่างกับได้ไปนั่งฟังน้องหมอกร้องเพลงซะงั้น  เพลงโปรดซะด้วย  ไม่ไหวละ  ซาบซึ้ง  โรแมนติค  ยิ้มแก้มแทบปริ   :-[  :sad4:

รออ่านเหมือนเคย  เรย์จ๋า  ให้ไว   :impress:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 01-12-2006 13:38:21
อยากมีแบบนี้บ้างจัง

 พูห์ :serius2:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 02-12-2006 19:10:54
อ่านแล้วอยากมีแฟนกันหรือยังครับ  :pigha2:





ขณะที่สองหนุ่มกำลังใช้เวลาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขท่ามกลางขุนเขาและดาวนับพันดวง..... ศิวะกลับร้อนใจกระวนกระวาย......เพราะความเป็นห่วงที่ภูผาหายออกไปจากห้องพัก.....แม้ว่าจะโทรศัพท์ไปหาหลายครั้ง...ก็ไม่มีคนรับสาย....พอโทรไปหาฟ้าลั่นก็ปิดเครื่องอีก......ศิวะได้แต่หวังว่าภูผาคงอยู่กับฟ้าลั่นที่ไหนซักแห่ง.......เขาหวังว่าภูผาของเขาคงจะมีคนดูแลอยู่ในตอนนี้.....

“ได้โปรดเถิดสวรรค์....อย่าให้น้องหมอกต้องอยู่คนเดียวเลยนะครับ” ศิวะอ้อนวอน และพยายามบังคับตนเองให้เข้าสู่นิทรา....โดยที่เขาตัดสินใจแล้วว่าจะไปรอภูผาที่หอตั้งแต่เช้าวันพรุ่งนี้

ฟ้าลั่นและภูผาออกมาจากรีสอร์ทในตอนสาย .....ขับรถออกมาแวะรับประทานอาหารก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับหอพักเพราะมีเรียนในตอนบ่ายทั้งคู่

ขณะกำลังเดินเข้าสู่หอพัก.....สายตาของทั้งคู่ก็พบกับศิวะที่นั่งรออยู่บนโซฟารับแขกของหอพัก ด้วยใบหน้าที่บ่งบอกความโกรธ....ความเสียใจ...ความผิดหวัง.....คงมีแต่ดวงตาที่ยังฉายความห่วงใยให้กับคนที่เขารักเสมอ

“ไปไหนกันมา.......ทำไมไม่รับโทรศัพท์...รู้ว่าพี่เป็นห่วงเราสองคนขนาดไหน...โดยเฉพาะน้องหมอก....ยิ่งไม่ค่อยสบายอยู่ด้วย” ศิวะพูดออกมาเป็นชุด ด้วยอารมณ์ที่อัดอั้นสะสมมาทั้งคืน

“พี่เสือ....ผมขอโทษ...ผมไม่ได้เอาโทรศัพท์ไปครับ” ภูผากล่าวสำนึกผิดทั้งสีหน้าและแววตา

“ผมก็ขอโทษที่ปิดโทรศัพท์ครับ” ฟ้าลั่นกล่าวเสริม

ศิวะได้ยินคำขอโทษ และท่าทีสำนึกผิดของทั้งสองคนก็เริ่มจะหายโกรธขึ้นมาบ้าง......แต่ก็ด้วยเพราะความเป็นห่วงมาก...เลยยังคงไม่สามารถให้อภัยได้ในทันที

“งั้นก็ขึ้นไปอาบน้ำ.....แล้วไปเรียนกันก่อน...เย็นนี้เราต้องมีเรื่องที่ต้องพูดคุยกันนะน้องหมอก...ฟ้าลั่นด้วย” ศิวะกล่าวจบ เขาก็เดินออกมาอย่างรวดเร็ว

สองหนุ่มรับรู้ชะตากรรมตนเองในทันทีว่า...ในตอนเย็นนี้คงจะบอบช้ำอย่างแน่นอน......ในเมื่อเล่นอะไรไม่เล่น...ไปเล่นกับอารมณ์โกรธของศิวะ.....แม้ว่าพี่เสือจะอ่อนโยนและสุภาพ...แต่ศิวะก็ยังคงเป็นเสือเหมือนชื่อ เพราะถ้าศิวะโกรธขึ้นมาเมื่อไหร่......ก็ไม่มีใครอยากเข้าหน้า.....เพราะจะมีความจริงจัง....จากที่มีมากอยู่แล้ว เพิ่มขึ้นอีกสิบเท่า......แค่คิดสองหนุ่มก็หนาวขึ้นมาอย่างจับใจ.....โดยเฉพาะภูผาซึ่งมีความผิดสองต่อ หนึ่งคือไม่บอกกล่าวว่าไปไหน.....สองคือ เรื่องที่ตนเองรักฟ้าลั่นเข้าเสียแล้ว

 “ไม่ต้องกลัวน่าหมอก...เราทำผิดเราก็ต้องรับผิดซิ.....อีกอย่างพี่เสือเค้ามีเหตุผล....เค้าคงไม่ทำอะไรรุนแรงหรอก” ฟ้าลั่นปลอบขวัญคนรักของตน ที่ยังคงแสดงสีหน้ากังวลแม้ว่าศิวะจากจากไปนานแล้ว

“แต่ถ้าพี่เสือโกรธจริงๆนะฟ้าลั่น......เราเองยังไม่รู้เลยนะว่าจะหาทางแก้ไขได้อย่างไร.....พี่เค้าโกรธคนยาก...แต่ถ้าโกรธเมื่อไหร่...ก็ลำบาก”

“อืม.....อย่าคิดมาก...เดี๋ยวตอนเย็นก็รู้” ฟ้าลั่นสรุป ก่อนจะหันมาช่วยภูผาถอดเสื้อผ้าเตรียมอาบน้ำ...ทำให้ถูกภูผาตีมือไปหลายที.....

“หมอกน่ะ...ใจร้าย.... แค่หวังดีอยากช่วยถอดเสื้อผ้าให้ก็เท่านั้น” พลางคำมือป้อยๆ ทำหน้าตาน่าสงสารใส่คนตัวเล็กแต่ดุมาก

“อย่าลามกนะฟ้าลั่น.......เรารักนายก็ไม่ได้หมายว่าจะมีอะไรกับนายนะ.....รอไปซักห้าปีแล้วกัน” ภูผาหันมาบอกยิ้มๆก่อนเดินเข้าห้องน้ำไป

“คนอะไร...ใจร้ายจัง.....” คนตัวโตกว่าบ่นพึมพำ

หลังจากขับรถออกมาจากหอพักของภูผา.....ศิวะก็ไปนั่งสงบสติอารมณ์ที่ร้านแบล็คคอนยอน ซึ่งอยู่บริเวณด้านหน้ามหาวิทยาลัย

ร้านนี้มีลักษณะเป็นร้านกาแฟบรรยากาศดี ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์โทนสีน้ำตาล สีดำ และสีขาว ขนาดของร้านไม่ใหญ่มากนัก ที่ตั้งอยู่หลังสุดท้ายของอาคารพานิช คั่นด้วยถนนเข้าสู่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง โดยถัดไปเป็นร้านอาหารและไอศกรีมชื่อดังที่นักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่เกือบทุกคนต้องเคยมานั่งกิน คือ..... ร้านโบ้ทไอซ์ครีม

ศิวะยอมรับว่าโกรธภูผามาก....โกรธเพราะเป็นห่วง...กลัวว่าจะไม่สบายหรือประสบอุบัติเหตุไปอีก แต่เมื่อเห็นภูผากลับมาด้วยสภาพที่ปกติและคงร่าเริงพร้อมกับฟ้าลั่น.....ทำให้ความโกรธลดลงไปมาก.....กลับมีแต่ความเสียใจเข้าแทนที่ในหัวใจ

เพราะมองเห็นแววตาแสดงอาการเป็นห่วงเป็นใยที่แสดงออกมายามเมื่อทั้งสองมองกัน......แม้ทั้งคู่จะพยายามปิดบังอยู่.....ศิวะก็รับรู้ได้อีกครั้งว่า......ตนเองคงไม่อาจครอบครองหัวใจของภูผาได้เสียแล้ว...... ถึงแม้ว่าจะยังไม่แน่ใจเท่าไหร่เพราะยังไม่ได้ยินข้อสรุปจากปากของทั้งสองคน.....แต่หลายปีที่ผ่านมาศิวะรับรู้มาตลอดว่าภูผายังเป็นภูผาคนเดิม....ยังไม่เปิดใจให้กับตนเองเต็มร้อย........แม้จะไม่เคยห้ามให้ตนเองเรียกว่า “แฟน” แต่ในความเป็นจริง ศิวะเป็นแค่.....คนสนิทเท่านั้น.....

ศิวะแอบสงสัยหลายครั้ง....แต่ก็เก็บเอาไว้ในใจเสมอ ไม่เคยกล่าวถามภูผา......เขาสงสัยว่าภูผาอาจกำลังเฝ้ารอใครซักคนหนึ่ง.....คนที่อยู่ในใจภูผามาตลอดเวลา....คนที่อยู่ไกลแสนไกล..... คนที่อย่างไรก็ไม่ใช่เขา.......กระนั้นศิวะก็หวังว่า...ตนเองจะทำให้ภูผาลืมคนนั้นไปได้.......แต่มาวันนี้ความหวังมันมลายหายไปเสียแล้ว

ศิวะไม่เคยคิดว่าคนที่ภูผาเฝ้ารอคอยจะเป็นฟ้าลั่น......คนที่อยู่ใกล้แสนใกล้..... มิได้ไกลอย่างที่คิด ....

เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นทำให้ให้ศิวะสรุปว่า......คนที่ภูผารอคอยมาตลอดคือฟ้าลั่น.......เขาต้องยอมรับสภาพความเป็นจริง....เป็นความเป็นจริงอันแสนเศร้า...... รักคนที่เขาไม่รักเรา....มันเจ็บนัก.....

สุดท้ายศิวะก็ย้อนกลับไปคิดถึงข้อสรุปที่ตนเองเตรียมไว้สำหรับกรณีเช่นนี้

“บางที....ผู้แพ้ก็ไม่จำเป็นต้องเสียใจ.......หากยังคงรักษาไว้ซึ่งความรัก.......แม้มิได้ครอบครอง”

อย่างไรก็ตามศิวะก็ไม่อาจตัดใจจากภูผาได้อยู่ดี.....เขายินดีที่จะเฝ้าตามดูภูผาอยู่เหมือนเดิม.....จนกระทั่งให้อนาคตและเวลาเป็นตัวตัดสินใจว่า ความรู้สึกมันเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด.....ความรักจะยังมั่นคงอยู่...หรือจะแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกของพี่ชายที่แสนดี........อนาคตข้างหน้า...ใครนั้นจะรู้

ตอนนี้คงได้แต่รอว่า...เมื่อไหร่สองคนจะยอมรับความเป็นจริง...แล้วอธิบายความรู้สึกที่แท้จริงแก่เขาได้รับรู้

แต่ครั้นคิดไปคิดมา.....ศิวะก็ได้ข้อสรุปใหม่ว่า....เขาจะทำให้ทั้งสองหนุ่มพูดความในใจออกมาเสียวันนี้เลยดีกว่า.....จะได้ถือโอกาสแกล้งให้หัวปั่นไปด้วย.......โทษฐานที่ทำให้เขาต้องกระวนกระวายใจ.....เสียใจ.....และหงุดหงิดมาตลอดทั้งคืน

“ถือซะว่าเป็นการเอาคืนแบบเล็กๆ แล้วกัน นะครับน้องหมอก...และไอ้หมาน้อยฟ้าลั่น.....ที่บังอาจคาบเนื้อหวานไปกิน” ศิวะยิ้มกับความคิดของตน แล้วหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนที่จะนั่งทบทวนแผนการเอาคืนภูผากับฟ้าลั่นในเย็นนี้

โดยความจริงแล้ว...ที่ศิวะนัดสองหนุ่มให้มาคุยกันในตอนเย็นก็เพราะอยากถามว่าไปไหนกันมาก็เท่านั้น....เนื่องจากตอนนั้นเขาโมโหมากเลยไม่อยากพูดอะไรมาก เขากลัวว่าจะควบคุมความโกรธไม่อยู่ เลยนิ่งเสีย....... แต่กลับกลายเป็นเวลาประจวบเหมาะกับการเริ่มแผนการของตน

“สนุกแน่...น้องหมอก.....” นี่คือข้อสรุปของศิวะ

เมื่อรับประทานข้าวเย็นด้วยกันเสร็จแล้ว ฟ้าลั่นและภูผาก็ไปหาศิวะที่หอ หลังจากเปิดประตูให้สองหนุ่มเข้ามาในหอแล้ว ศิวะก็เชิญสองหนุ่มนั่งลงบนโซฟา....เพื่อดำเนินการลงโทษตามแผนการ

ด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยเป็นงานเป็นการของศิวะ...แม้จะดูเหมือนว่าไม่มีอารมณ์โกรธในสีหน้าหรือแววตานั้น...แต่ภูผาก็รู้ดีว่า.....นั่นคืออาการโกรธอย่างที่สุดของศิวะ......ยิ่งโกรธยิ่งเป็นงานเป็นการ

ภูผารู้สึกกลัวขึ้นมา.....ส่งผลให้ไม่สามารถเงยหน้าขึ้นสบตาศิวะได้....ฟ้าลั่นที่นั่งอยู่บนโซฟายาวเดียวกัน...เห็นความกลัวของภูผาที่แสดงออกมา เลยขยับตัวเข้ามาใกล้มากขึ้น...ก่อนจะตัดสินใจเอื้อมมือมาจับมือภูผามากุมไว้ ........

ศิวะเริ่มบทบาทแสดงละครของตนเองอย่างไม่รอช้า

“เมื่อคืนน้องหมอกไปไหนมาครับ” น้ำเสียงเป็นงานเป็นการกล่าวออกมาจากศิวะ

“เอ่อ.....เอ่อ.....” ภูผาอ้ำอึ้งเพราะความกลัว กำลังจะอ้าปากตอบคำถาม แต่ไม่ทันเพราะฟ้าลั่นกล่าวออกมาก่อนว่า

“เมื่อคืนหมอกอยู่กับผมที่ม่อนเอื้องดอยครับพี่เสือ”

“แล้วน้องหมอกไปทำอะไรที่นั่นครับ” ศิวะถามต่อ

“ผมไปตามฟ้าลั่นครับ” ภูผาตั้งสติได้รีบตอบกลับมา

“ทำไมต้องไปตามครับ” ศิวะถามกลับ

“พอดีเรามีปัญหากันนิดหน่อยครับ” ฟ้าลั่นตอบแทน

“ปัญหาอะไร....ทำไมต้องไปตั้งที่นั่น......ทำไมไม่คุยกันที่หอพัก”

“มันเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างเราครับพี่เสือ...ผมขออนุญาตไม่พูดได้มั้ยครับ” ฟ้าลั่นกล่าวตอบแทนภูผาที่อ้ำอึ้งอยู่อย่างใจเย็น โดยไม่แสดงอารมณ์โกรธออกมาเลย เนื่องจากเพราะเข้าใจศิวะดีว่าคงเป็นห่วงภูผามาก.....เขามั่นใจว่าศิวะก็รักภูผาไม่น้อยกว่าเขาแน่นอน...........ฟ้าลั่นรู้สึกสงสารศิวะขึ้นมาจับใจ.....เพราะถ้าเป็นเขาเองป่านนี้คงอาละวาดไปแล้ว....ไม่มานั่งซักไซ้อย่างที่ศิวะกำลังกระทำอยู่หรอก

“อืม...ก็ได้.....ไม่พูดก็ไม่พูด....งั้นคืนนี้น้องหมอกต้องนอนกับพี่......พี่จะเอาคืนให้สาสมกับทำให้พี่เป็นห่วง” ดวงตาแข็งกร้าวแฝงไว้ด้วยอารมณ์เสน่หาอย่างรุนแรงถ่ายทอดมายังภูผา....ที่บัดนี้กุมมือฟ้าลั่นไว้แน่น....พลางหันไปสบตาศิวะอย่างหวาดกลัว

“พี่เสือครับ.....ผมว่าหมอกคงไม่สะดวกที่จะมานอนกับพี่เสืออีกต่อไปแล้วครับ” ฟ้าลั่นพูดแทรกช้าๆ ให้อีกฝ่ายได้รับฟัง

“นายตอบแทนทำไม....ฟ้าลั่น..ทำไมไม่ให้น้องหมอกตอบ” ศิวะหันมาพูดกับฟ้าลั่น

เพราะความรู้สึกผิดและค่อนข้างกลัวความเอาจริงเอาจังของศิวะที่แสดงออกมา....จึงทำให้มีน้ำตาเกิดขึ้นในตาคู่สวยของภูผา โดยที่จะตัวพยายามที่จะบังคับไม่ให้มันไหลออกมา.....ตอนนี้สิ่งที่ภูผาคิดอยู่อย่างเดียวคือคำขอโทษที่จะต้องบอกออกมา............ขอโทษที่ดูเหมือนว่าตัวเองจะหลอกศิวะมาหลายปี....ขอโทษที่ต้องทำให้เป็นห่วง.....และสุดท้ายขอโทษที่ต้องทำให้เสียใจ.....

“ผมขอโทษครับพี่เสือ” ภูผาพูดได้เพียงแค่นั้น น้ำตากลั้นไว้ก็พรั่งพรูออกมา

“ขอโทษทำไม....น้องหมอก...พี่ไม่เข้าใจ......พี่แค่ต้องการให้น้องหมอกมานอนกับพี่ก็เท่านั้น” ศิวะยังคงเล่นละครต่อ

"พี่เสือครับ......ถ้าพี่เสือมีคนรักแล้ว...พี่เสือจะยอมให้คนรักตัวเองไปนอนกับคนอื่นมั้ยครับ” ฟ้าลั่นถามแทรกขึ้นมา

“ไม่หรอก.......แต่พี่ไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยวอะไรกับน้องหมอกด้วย” ศิวะแกล้งถาม

“เพราะผมจะไม่ยอมให้หมอกมานอนกับพี่เสืออีกแล้วครับ.....หมอกคือคนที่ผมรักครับพี่เสือ......เรารักกันครับ” ฟ้าลั่นตอบกลับศิวะอย่างจริงจัง.....แต่ก็แฝงความอ่อนโยนอยู่ในที

แม้ว่าศิวะจะพยายามทำใจมาก่อนหน้านี้แล้ว....ว่าคงได้ยินคำว่า “เรารักกัน” ออกจากปากคนใดคนหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเขา...แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวดในหัวใจ.......

“ใช่สิ.... เราคือคนที่แพ้......” ศิวะคิด

ภูผาเห็นศิวะนิ่งเงียบไป...ก็กล่าวออกมาอย่างร้อนลน

“พี่เสือครับ....ผมขอโทษ ผมไม่ได้มีเจตนาจะหลอกพี่นะครับ...ตลอดเวลาสามปีที่ผ่านมา.....ผมพยายามจะรักพี่ครับ....เพราะพี่คือคนดีที่สุดสำหรับผมคนหนึ่งครับ.....แต่ผมห้ามหัวใจของผมไม่ได้ครับ” ภูผาพูดทั้งน้ำตา ส่งผลให้คนที่กำลังแสดงละครอยู่.....อดไม่ได้ที่จะเผลออนุญาตให้น้ำตาเอ่อล้นออกมา...แต่ก็ปาดมันทิ้งไปอย่างรวดเร็ว

“นั่นสินะ...ความรักมันห้ามกันไม่ได้นี่นา” ศิวะพูดออกมาเบาๆ

“ผมก็ขอโทษพี่เสือเหมือนกันครับ......ถ้าผมรู้ใจตัวเองเร็วกว่านี้......มันก็คงไม่ยาวนานมาจนถึงขนาดนี้....แล้วสุดท้ายก็ทำให้พี่เสือเสียใจครับ” ฟ้าลั่นพูดออกมาจากใจจริง เพราะคิดว่าเข้าใจความรู้สึกของศิวะได้เป็นอย่างดี...มันเป็นความรู้สึกที่ตนเองก็เคยมี...จนต้องหนีภูผาไป..หนีไปพักฟื้นหัวใจ.....รักเขาข้างเดียวมันเจ็บช้ำนัก...เขาทราบดี

“แต่พี่จะไม่ยอมเสียน้องหมอกไป......” ศิวะพูดออกมาเบาๆ ช้าๆ แต่ราบเรียบ

“ฟ้าลั่น....พี่ขอคุยด้วยเป็นการส่วนตัวหน่อย.....น้องหมอกเข้าไปในห้องนอนพี่ก่อนนะครับ” ศิวะบอกทั้งคู่

ฟ้าลั่นไม่ปฏิเสธ.....พร้อมปล่อยมือภูผาออก ก่อนจะพยักหน้าให้ภูผาลุกขึ้นยืน และเดินเข้าไปในห้องนอนของศิวะ

เมื่อภูผาปิดประตูห้องนอนแล้ว...ศิวะก็ถอนหายใจออกมาอย่างรวดเร็ว....แม้ใจจะยังเจ็บปวด แต่ละครที่เล่นอยู่มันจบลงแล้วสำหรับฟ้าลั่น

ฟ้าลั่นมองหน้าศิวะอย่างไม่เข้าใจ........พร้อมจะเอ่ยปากถาม...แต่ศิวะที่เห็นแววตาสงสัยมองมาก่อนแล้วจึงบอกว่า

“พี่แกล้งเราสองคนเล่นครับ.....ขอโทษนะครับ” รอยยิ้มกระตุกขึ้นที่มุมปากของศิวะ

“ก็เล่นทำให้พี่เป็นห่วง...พี่ก็ต้องเอาคืนบ้างซิครับ” ศิวะพูดต่อ เพราะคนฟังดูเหมือนจะงุนงงจนพูดอะไรไม่ออก

“ส่วนเรื่องที่เรารักกับน้องหมอกนะ...พี่พอเดาได้ตอนที่อยู่ที่โรงพยาบาลแล้วครับ......พี่ก็ทำใจมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว”

“ผมขอโทษนะครับพี่เสือ...ผมไม่ต้องการทำให้พี่เสียใจนะครับ.....แต่ผมก็รักหมอกมากครับ”

“พี่เข้าใจ...พี่ไม่โกรธเราหรอก.......หัวใจ....มันห้ามกันไม่ได้หรอกนะฟ้าลั่น”

“พี่จะห้ามไม่ให้ตัวเองเสียใจ....หรือห้ามไม่ให้รักน้องหมอกต่อไป...พี่ก็ทำไม่ได้” ศิวะพูดออกมาเพราะตระหนักในความเป็นจริงดีว่า.....หัวใจคือสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้

“ขอบคุณครับพี่” ฟ้าลั่นกล่าวจากใจจริง

“แต่ว่าพี่ขออะไรจากเราซักสองข้อได้มั้ย...ฟ้าลั่น”

“ถ้าผมทำได้ผมยินดีครับ” ฟ้าลั่นมองสบตาศิวะ

“พี่ขอรักน้องหมอกต่อไปนะครับ.....พี่ยังคงไม่อาจตัดใจจากน้องหมอกได้ในตอนนี้.....พี่ได้แต่หวังว่าความรู้สึกรักของพี่มันคงจะเปลี่ยนไป.... ในอนาคต”

“ข้อสอง....พี่อยากให้ฟ้าลั่นดูแลน้องหมอกให้ดีที่สุด...อย่าให้น้องหมอกต้องเสียใจ......แม้ว่าภายนอกน้องหมอกจะดูเข้มแข็ง..........แต่ข้างในน้องหมอกเค้าบอบบางนะครับ......... อย่าทำอะไรที่ต้องให้คนรักของเราทั้งสองคนต้องเสียใจนะครับ...........ปีหน้าพี่คงต้องไปเรียนต่อที่อเมริกา....พี่คงไม่อยู่ช่วยเราดูแลน้องหมอกได้.....สัญญากับพี่ได้มั้ยครับ” ศิวะบอกข้อเรียกร้องของตนให้ฟ้าลั่นได้ฟัง

“ผมไม่มีปัญหาอะไรที่จะให้พี่เสือรักหมอกต่อไปครับ........แล้วก็สัญญาว่าจะทำให้คนเดียวที่เราทั้งสองคนรักมีความสุขตลอดไปครับ...ผมจะไม่หนีหมอกไปไหนครับ”

“แต่ผมก็ขอสัญญาจากพี่เสือได้มั้ยครับ” ฟ้าลั่นถามกลับ

“ได้ซิครับ....อะไรเหรอครับ”

“ถ้าวันใดที่ผมไม่สามารถปกป้องหรืออยู่กับหมอกได้อีกต่อไป.......ผมขอร้องให้พี่กลับมา.....ไม่ว่าพี่จะอยู่ที่ไหน.....ขอให้พี่กลับมาหาหมอก....อยู่ข้างเค้า...ช่วยให้หมอกก้าวเดินต่อไป.....นะครับ” แววตาของฟ้าลั่นมั่นคงยิ่งนักยามที่กล่าวประโยคนี้ออกมา....ฟ้าลั่นรู้ว่า...ถ้าในอนาคต...ตนเองจำต้องไปจากภูผาด้วยเหตุผลใดก็ตาม....ฟ้าลั่นจะรู้สึกยินดีเสมอ...ถ้าคนที่จะมาดูแลหัวใจของเขาต่อไปคือศิวะ ....คนที่เขาไว้ใจ....
 
“เฮ้ย...พูออย่างนี้ได้งัย....ลางไม่ดี...ไม่เอาดีกว่า....ไม่พูดเรื่องนี้....” แม้ศิวะจะรับคำสัญญาไว้ในใจ...แต่ก็ไม่ตอบรับเพราะกังวลในคำพูดของฟ้าลั่น

“แต่ตอนนี้ผมคงไม่ให้หมอกมานอนกับพี่เสือแล้วนะครับ.....ผมหวงครับ” ฟ้าลั่นสบตากับศิวะพร้อมยิ้มกว้างที่มอบให้
 
“โห.....ใจร้ายว่ะฟ้าลั่น.....หวงจริง.......แค่ซักคืนสองคืนก่อนจะไปเมืองนอกไม่ได้หรือ......”ศิวะต่อรอง

“เอาเป็นว่าแล้วแต่หมอกครับ.......แต่ผมก็จะตามหมอกมานอนด้วยครับ” ฟ้าลั่นยักคิ้วและยิ้มให้

“ว๊ะ...มันหวงจริงๆ .......โอ้....เกือบลืม....เดี๋ยวพี่จะแกล้งน้องหมอกอีกนิดหน่อยนะครับ.....เราไม่ต้องพูดอะไรนะครับ......เงียบไว้นะครับ” ศิวะกระซิบกับฟ้าลั่น ก่อนจะปรับสีหน้าตัวเองให้เคร่งขรึมเหมือนเดิม....เดินไปเคาะประตูห้องนอน เรียกภูผาที่กำลังระวนกระวายใจ เพราะความอยากรู้ว่าศิวะและฟ้าลั่นพูดอะไรกัน

ภูผาเดินออกจากห้องนอน มานั่งลงบนโซฟาตัวเดิม ข้างๆฟ้าลั่น

“พี่ตกลงกับฟ้าลั่นแล้วนะครับ...... ฟ้าลั่นตัดสินใจยกน้องหมอกให้พี่ครับ” ศิวะพูดอย่างรวดเร็ว...โดยที่ภูผายังไม่ทันได้ตั้งตัวดีนัก

หลังได้ยิน....ภูผาก็หน้าซีดลงอย่างฉับพลัน....พลางหันหน้ามามองฟ้าลั่นอย่างสงสัยระคนกับแววตาแสดงความเสียใจอย่างเห็นได้ชัด ฟ้าลั่นรีบหันหน้าไปทางอื่นเสีย.....แต่แทนที่จะเสียใจ คนที่ไปทางอื่นกลับแอบอมยิ้มหัวเราะบทบาทที่ศิวะเล่นละครได้แนบเนียนเหลือเกิน

“ผมไม่ใช่สิ่งของที่จะเอาไปอยู่กับใครก็ได้นะครับ.....ถึงผมจะรู้สึกดีๆกับพี่เสือ....แต่ถ้าคนที่ผมรักเค้าผลักไล่ไสส่งผมไป....ผมก็จะไปให้ไกล.....ไปจากทั้งพี่เสือและจากคนคนนั้นเลยครับ” ภูผากล่าวตอบด้วยอารมณ์เสียใจและโกรธเคืองเต็มที่

ฟ้าลั่นได้ยินเข้าถึงกลับหันหน้ากลับมาสบตากับศิวะทันที...เพราะรู้ว่า.....คราวนี้ภูผาโกรธจริงๆ

ศิวะเห็นดังนั้น....ก็สงสาร....เนื่องจากคิดว่าภูผาคงเสียใจมามากพอแล้ว...เลยตัดสินใจบอกความจริง...พร้อมยิ้มให้ภูผาอย่างเอาใจ

“พี่ไม่ได้โกรธน้องหมอกหรอกครับ....ตั้งแต่ต้นแล้ว.......พี่เสือแกล้งหลอกน้องหมอกเล่นครับ......ถามฟ้าลั่นดูซิครับ...รายนั้นเค้าร่วมมือด้วย”

“เฮ้ย...พี่เสือ...ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะครับ.....โยนเผือกร้อนเข้าหาผมนี่” ฟ้าลั่นโวยวายออกมา...ก่อนจะหันมาสบตาคนตัวเล็กกว่า ที่บัดนี้แววตาที่มองมายังศิวะและตัวเขาช่างน่ากลัวที่สุด

ภูผาลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว มองหน้าทั้งศิวะและฟ้าลั่นคนละครั้ง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเย็นออกมา

“ผมขอคำอธิบายครับ” ภูผาพูดสั้นๆ ได้ใจความ

ศิวะและฟ้าลั่นมองหน้ากันมา....เพราะรู้ดีว่ายามนี้ภูผาคนดีของเขาโกรธมาก..... ยามที่ภูผาโกรธ.....รับรองไม่มีใครอยากอยู่ด้วย.....แม้ภูผาจะบอกว่าเวลาศิวะโกรธนั้นน่ากลัว.....แต่ศิวะกับฟ้าลั่นกลับเห็นพ้องต้องกันว่า

ความโกรธของภูผานั้นน่ากลัวกว่าถึงน่ากลัวที่สุด.......เพราะจำได้ว่าเคยเห็นภูผายกเก้าอี้ฟาดไปที่สุนัขตัวหนึ่งที่กำลังกัดลูกสุนัขตัวเล็กกว่ามากจนเกือบเสียชีวิต.......ตอนนั้นภูผาไม่รู้มาจากไหน เอาเก้าอี้ฟาดสุนัขตัวใหญ่ พร้อมกับวิ่งไล่ทุบตีสุนัขตัวนั้นอย่างเอาเป็นเอาตาย.....ก่อนที่จะรู้สึกตัวว่าทำเกินไป สุนัขตัวใหญ่กว่าก็นอนแอ้งแม้งลุกไปไหนไม่ได้อีกแล้ว......สุดท้ายภูผาก็ต้องพาเอาทั้งคู่ไปส่งโรงพยาบาล...หมดค่ารักษาไปหลายร้อยบาทเลยทีเดียว 

“เอ่อ.....เอ่อ....”ศิวะอ้ำอึ้ง

“คือพี่ก็อยากแก้แค้นเล็กๆที่น้องหมอกทำให้พี่ไม่สบายใจงัยครับ....อีกอย่างก็อยากรู้ว่าตกลงเราสองคนรักกันจริงอย่างที่พี่คิดหรือเปล่า.....ส่วนเรื่องที่พี่บอกว่าฟ้าลั่นยกน้องหมอกให้พี่นั้น....พี่ล้อเล่นครับ” ศิวะกล่าวด้วยน้ำเสียงบ่งบอกความเกรงใจและแสดงการง้องอนเต็มที

“แล้วนายก็ช่วยพี่เสือแกล้งเราใช่มั้ยฟ้าลั่น” คนถามหันมาทำตาดุใส่ฟ้าลั่น

“ดีเลย.....งั้นคืนนี้ไม่ต้องมานอนด้วยกันเลย..ไปนอนกับสาวๆนายเลย” ภูผาพูดต่อ ส่งผลให้คนฟังทำตาโตใส่อย่างไม่ตั้งใจ เพราะไม่คิดว่าภูผาจะเล่นงานตนเองด้วยวิธีนี้.....เพราะต้องแต่บอกรักกันมาก็เพิ่งนอนด้วยกันแค่คืนเดียวเอง......ฟ้าลั่นติดใจกลิ่นหอมของแก้มและริมฝีปากของภูผาจนถอนตัวไม่ขึ้น......แล้วจะให้นอนคนเดียวนี่นะ......ช่างเป็นการลงโทษที่โหดร้ายจริงๆ

“ส่วนพี่เสือ......เนื่องจากผมก็ผิดเองด้วย.....งานนี้ผมยกประโยชน์ให้จำเลยครับ.....Judge found no guilty, case is dismissed” ภูผากล่าวด้วยสำเนียงอังกฤษอย่างไพเราะออกมา...พร้อมส่งยิ้มให้กับศิวะ...แต่หันไปแยกเขี้ยวใส่ฟ้าลั่นที่ยังนั่งเงียบเพราะโดนลูกหลงอยู่

“โธ่ น้องหมอกอย่าใจร้ายกับฟ้าลั่นเลยครับ....ดูซิฟ้าลั่นเค้าเสียใจใหญ่แล้ว” ศิวะช่วยพูดให้ฟ้าลั่น เพราะสงสารเนื่องจากเป็นความผิดตัวเองด้วยอย่างหนึ่ง

“แหม...ไม่เป็นไรหรอกครับ...แค่คืนเดียวเอง.....”ภูผาพูดพร้อมกับหันไปส่งยิ้มหวานให้ฟ้าลั่น.....เพราะกลัวว่าฟ้าลั่นจะโกรธขึ้นมาจริงๆ.........

“แต่ตอนนี้หมอกหิวแล้ว.....พี่เสือต้องเลี้ยงไอซ์ครีมหมอกด้วย...เราไปกินที่เซเวนเซ่นกันดีกว่าครับ....ไปกันหมดเลยสามคน” ภูผากล่าวชวนเชิงบังคับกลายๆเพราะหายโกรธแล้ว.....จริงๆจะเรียกว่าโกรธก็ไม่ถูก...ต้องเรียกว่าหงุดหงิดเสียมากกว่า

ขณะที่นั่งรถศิวะไปห้างสรรพสินค้ากาดสวนแก้ว ภูผาก็หันหน้าไปมองฟ้าลั่นและศิวะ ก่อนจะนึกขึ้นได้ จึงถามว่า

“พี่เสือคุยอะไรกับฟ้าลั่นตั้งนานครับ”

“ความลับครับ....บอกไม่ได้”ศิวะตอบ

“พี่เสือไม่ตอบ..เราก็ไม่ตอบ.....งอนแล้ว....ไม่ให้เรานอนด้วยคืนนี้อ่ะ” ฟ้าลั่นแกล้งงอนใส่บ้าง ส่งผลให้คนถามทำหน้าตูม....งอนขึ้นมาอีก...จนสองหนุ่มต้องเป็นฝ่ายง้อเอาใจไปตลอดทาง

พอไปถึงร้านไอศกรีมภูผาก็อารมณ์ดี....รับประทานไอซครีมจนหมด...พอนั่งรถกลับมาก็ดูเหมือนว่าจะนึกขึ้นได้...เลยตั้งป้อมงอนสองหนุ่มขึ้นมาอีก...... ศิวะและฟ้าลั่นต้องง้ออยู่นาน...จนสุดท้ายต้องโกหกไปว่าคุยเรื่องความเป็นมาของความรักของทั้งคู่ ภูผาจึงเชื่อ เลิกงอนขึ้นมาทันใด

หลังจากนั้นเป็นต้นมา ก็มักจะเห็นทั้งสามคนไปเที่ยว ไปดูหนัง ไปกินข้าวด้วยกันบ่อยๆ ส่วนหนึ่งเพราะศิวะต้องไปเรียนต่อเรียนต่อที่อเมริกาในปีหน้า...ภูผาจึงอยากใช้เวลาที่ศิวะอยู่เมืองไทยทำให้ศิวะมีความสุข.....ฟ้าลั่นก็เข้าใจทั้งศิวะและภูผา....แต่ก็แอบหึงอยู่บ้างเล็กน้อย...จึงต้องตามมาคอยอยู่เพื่อกันท่าโดยตลอด....

ศิวะก็ดูมีความสุขดี...เพราะภูผาก็ยังเป็นภูผาที่น่ารักสำหรับตนเองเหมือนเดิม....แม้ว่าจะรู้ว่าภูผารักฟ้าลั่นมากก็ตามที....แต่ดูๆไปภูผาออกจะเอาใจตนเองมากกว่าฟ้าลั่นเสียด้วยซ้ำ...จนทำให้ฟ้าลั่นต้องแอบงอนอยู่บ่อยๆ ศิวะได้ทีก็มักจะแกล้งหยอกให้เลิกกันบ้าง.....แกล้งเอาภูผามานอนด้วยบ้าง.....ฟ้าลั่นก็กันท่าอยู่บ่อยๆ.....ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องสนุกๆที่สองหนุ่มได้แกล้งกันไปมา.....โดยมักมีภูผาเป็นกรรมการห้ามทัพทุกครั้งไป


หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 02-12-2006 20:09:31
“บางที....ผู้แพ้ก็ไม่จำเป็นต้องเสียใจ.......หากยังคงรักษาไว้ซึ่งความรัก.......แม้มิได้ครอบครอง”

ประโยคเด็ดโดนใจอีกแล้ว  :like2:



อ้างถึง
อ่านแล้วอยากมีแฟนกันหรือยังครับ    :pigha2: 

     ตอบบลู   >>>>  อยากมีแบบพี่เสืออ่ะ
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: wee ที่ 02-12-2006 22:43:44
ความจริงเราอยากให้เรื่องนี้หวานมากกว่าเศร้าน่ะ เพราะอ่านเรื่องเศร้ามาหลายเรื่องแล้ว   แต่ข้อแม้ของนายฟ้าลั่นที่ให้ไว้กับศิวะ มันทำให้เรารู้สึกห่อเหี่ยวงัยพิกล
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 03-12-2006 15:26:31
“บางที....ผู้แพ้ก็ไม่จำเป็นต้องเสียใจ.......หากยังคงรักษาไว้ซึ่งความรัก.......แม้มิได้ครอบครอง”

ถ้าเป็นผู้แพ้ได้โดยไม่ต้องเสียใจก็คงดี..................แต่เรามักจะทำตัวเป็นคนดีเพื่อฝังกลบความพ่ายแพ้ไว้ภายใน

ป.ล.  อ่านแล้วอยากมีแฟนเหมือนกันคับพี่บลู................เศร้าใจ :impress:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 04-12-2006 08:58:38
 :yeb: สวัสดีครับทุกคน...

วันนี้พอมีเวลาว่างครับ....เลยเข้ามาทักทายกันซะหน่อยครับ....

ก่อนอื่นต้องขอบคุณทุกๆคนนะครับ...ที่คอยติดตามอ่านนิยายเรื่องนี้ และรีพลายเป็นกำลังใจให้ทั้งคุณบลู...และผมครับ....

ตอนนี้กำลังเร่งรีไรท์อยู่เหมือนกันครับ....กะว่าจะทำให้เสร็จก่อนสิ้นปีนี้ครับ....หลังจากนั้นคงได้เวลาเริ่มเรื่องใหม่....ที่คิดไว้ว่าเป็นฉากทะเลทรายอันร้อนแรงเป็นหลักครับ....คาดว่าจะเป็นไพรัชนิยายครับ....หวังว่าหลายคนคงจะชอบกันครับ...

แต่อย่างไรก็ตาม....ตอนนี้ช่วยเป็นกำลังใจให้ภูผาและฟ้าลั่นก่อนนะครับ....อยากให้ติดตามกันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งจบเรื่องครับ....และที่สำคัญผมคิดว่าตอนจบของเรื่องนี้มันมีความหมายสำคัญซ่อนอยู่นะครับ...ต้องรอให้คนอ่านแปลกันออกมาเองครับ

 :impress2:

*****************
หมูพูห์ครับ....ไม่ปล่อยไก่หรอกครับ....อย่างที่ผมบอกครับว่า จะใช้ภาษาไหนก็ได้ครับ...ทั้งไทยทั้งอังกฤษครับ....แต่ผมไม่ถนัดแบบผสมนะครับ....ชอบทีละภาษามากกว่า กลัวคนเขาหาว่าทำภาษาวิบัตินะครับ...เกือบลืมครับ...ถ้าหมูพูห์อยากมีแฟน...แนะนำให้จีบเรย์นะครับ....เรย์น่ารักมากครับ....

ขอบคุณภาพสวยๆ ในบรรยากาศลอยกระทงที่คุณเรย์เอามาให้นะครับ...ดูแล้วคิดถึงเชียงใหม่จังเลยครับ....เสียดาย..ไม่ได้ลอยกระทงมากว่าห้าปีแล้วครับ...

ขอบคุณสำหรับคำชมที่คุณ Shell มอบให้ผมนะครับ....เรื่องสำนวนภาษาผมยังคงต้องออกตัวว่ายังไม่สมบูรณ์เท่าไหร่ครับ...เพราะตอนนี้ไม่มีโอกาสอ่านนิยายไทยเลยครับ...อ่านแต่หนังสือพิมพ์ตามอินเตอร์เนทครับ....บางทีก็หลงๆ ลืมๆ หรือไม่ก็ติดขัดในบางคำเหนือนกันครับ....แต่อาศัยว่าใจเย็น....เขียนเสร็จแล้วย้อนกลับมาอ่านหลายรอบครับ...เลยแก้บ่อยๆ ครับ... ในสมัยเด็กๆ ผมถูกอาจารย์ภาษาไทยเคี่ยวเข็นไห้แต่งและอ่านกลอนครับ...เลยถนัดร้อยกรองมากกว่าร้อยแก้วครับ....(ไม่เคยเขียนเรียงความส่งประกวดเลยซักครั้งครับ...) แต่ผมก็มีข้อแม้อยู่มากเหมือนกันครับ...คือต้องมีแรงบันดาลใจครับ...ถ้าไม่มีแรงบันดาลใจ...ผมก็แต่งไม่ออกครับ... ว่างๆ shell ลองแต่งกลอนมาให้ผมอ่านบ้างซิครับ...

มู่มู่น้อยครับ....ภาษาที่ใช้จัดว่าอยู่ในเกณฑ์ดีมากนะครับ.... เท่าที่เห็นคือมีข้อพลาดอยู่อันเดียวครับ...คือ Their tangible achievement will be another aspect inspiring me on whatever I would like to do...... ส่วนข้อแนะนำอื่นๆ ก็คืออยากให้คุณมู่มู่ลองอ่านนิยายภาษาอังกฤษ หรือ นิตยสารภาษาอังกฤษบ่อยๆครับ.... วันละแค่หน้าเดียวก็พอครับ...ซึ่งจะทำให้เราสังเกตเห็นสำนวนภาษาอังกฤษครับ...ผมเข้าใจว่ามู่มู่คงคิดเป็นภาษาไทยและเขียนออกมาเป็นภาษาอังกฤษ...ใช่มั้ยครับ...คราวหลังต้องเปลี่ยนคิดเป็นภาษาอังกฤษเลยนะครับ...ซึ่งมันจะทำให้เราใช้สำนวนการเขียนออกมาเป็นรูปแบบของภาษาอังกฤษครับ....

ขอบคุณสำหรับคำชมที่คุณตะแน๋วกิ๋วกิ้วมอบให้ครับ....บังเอิญตอนที่เขียนนิยายอยู่...หลับฝันเห็นภูผากับฟ้าลั่นบ่อยครับ...เลยจำมาเขียนได้ง่ายครับ....ถ้าหลับแล้วไม่ฝันถึงตัวละคร...คงถ่ายทอดออกมายากลำบากครับ...

ผมกำลังตัวลอยกับคำชมของคุณ[GobGab] ครับ.....ที่ผมพยายามใช้ภาษาสวยๆในเรื่องนี้ เพราะว่าทิศทางของเรื่องมันกำหนดให้ต้องใช้รูปแบบภาษาแบบนี้ครับ.... ก็เลยต้องกลั่นเอาความสามารถการเขียนที่มีอยู่น้อยนิดออกมาครับ....จุดประสงค์ที่สำคัญในการเลือกใช้ภาษาแบบนี้ เพราะว่าตัวละครทั้งหมดเป็นคนโรแมนติกมากครับ... และก็มีความรักที่เป็นอมตะมากๆ....ต้องลองอ่านไปจนจบนะครับ...

wee ครับ.....อย่าเพิ่งรู้สึกห่อเหี่ยวเลยครับ....ผมอาจจะบอกไม่ได้ว่าตอนจบเป็นแบบไหน...จะเศ้ามากเศร้าน้อยเพียงใด....แต่อยากจะบอกว่า ตอนจบของเรื่องนี้ จะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังแน่นอนครับ....และคาดว่า wee คงจะชอบตอนจบแน่นอนครับ....ลองอ่านไปเรื่อยๆ นะครับ... อีกครึ่งเดียวก็จะจบแล้วครับ....

ขอตัวก่อนละครับทุกคน...

สวัสดีครับ...

Andreas
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 04-12-2006 17:13:51
andreas อย่าไปหลงกลตาพูห์เลยครับ
แฟนคลับเป็งร้อยๆหง่ะ  เห็นวันๆต้องนั่งสับรางไปดูหนัง
(บึ้กๆๆ ใครเขวี้ยงไม้หน้าสามมาหวา)   :3128:


ก่อนสิ้นปีก็เดือนเดียวจิ  :interest:
จะเป็นกำลังใจให้นะ ไม่ใช่น้อยๆนะนี่ คิกคิก  :yeb:

เพราะเราต้องรักกัน.........มีความหมายซ่อมด้วยหรือครับ เอิ้กๆไม่เคยสังเกตุมาก่อน
รอบนี้จะลองค้นหาดู
andreas ชอบซ่อนอะไรไว้เรื่อยๆเลย ผมตามไม่ทันนะ เหมือนเรื่อง เพราะรักแท้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
ตามไม่เคยทัน จนกว่าจะมีใครมาเฉลย   :pigha2:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 04-12-2006 17:22:05
                                                                      ขอบคุณ คุณแอนดี้มากนะคะที่แวะมาทักทายแฟนคลับค่ะ :myeye:

                                                                                   คุณแอนดี้เล่นพูดถึงตอนจบแบบนี้
                                                                         ตะแน๋วชักอยากอ่านตอนจบไวๆแล้วสิ :interest:

                                                              ส่วนเรื่องนั้นของหมูพูห์ ไม่ขอออกความคิดเห็นดีกว่า  :kikkik:
                                                                                      เด๋วโดนแบบเรย์ เอิ๊กๆ  :try2:



ปล.จะคอยเป็นกำลังใจให้เหมือนเดิมนะคะ  :yeb:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 04-12-2006 17:31:30
"ถ้าวันใดที่ผมไม่สามารถปกป้องหรืออยู่กับหมอกได้อีกต่อไป.......ผมขอร้องให้พี่กลับมา"  อันนี้รึเปล่า  ที่บอกว่ามีอะไรซ่อนอยู่  อย่าเศร้าน้า  เรื่องนี้ขอแบบซาบซึ้ง  กุ๊กกิ๊กได้ปะคะ  ภาษาคุณ Andreas สวยงาม  เรื่องราวอิ่มเอมอยู่ละ  อย่าดราม่ามากเน้อ  กลัวเศร้า  อิอิ     แต่ตอนที่ผ่านมานี้น่ารักอีกละ  ชวนให้มีแฟนพ่วงกิ๊กเหลือเกิน สามเรา เอิ๊ก  ๆ  :haun5:

ขอบคุณคุณ Andreas สำหรับคำแนะนำคะ  ไม่ได้เรียนมาทางด้านภาษาอะคะ เวลาเขียนให้เป็นการเป็นงานยากมากเลย  แต่มีคนเคยถามเหมือนกันว่าคิดเป็นภาษาอะไร  เราไม่รู้อะคะ  ตอบไม่ได้อะ  เหมือนมันว่าง ๆ ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่  แต่น่าจะยังเป็นแบบที่คุณ Andreas บอกอยู่  ต้องใช้เวลาอีกหน่อย  แต่ว่าขี้เกียจอะ  วัน ๆ ถ้าว่างก็อ่านแต่นิยายของเรย์อะคะ  เอิ๊ก  ๆ ไม่มีเวลาว่างมากกว่านี้ละ  แต่รู้ตัวเองว่ายังติดขัดอยู่เหมือนกันไม่ว่าพูดหรือเขียน  จะพยายามทำตามคำแนะนำคับผม  :yeb:

รอเรย์ต่อไป  อยากอ่านละ  :impress:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...ว
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 04-12-2006 17:34:51
อารายอารายหนูบลู :untrust:


นินทาราย


ตะแน๋วด้วย


เข้าเล้าได้ เผาเรือนกันเลยนะ :pigangry2:


ขอบคุณ andreas อีกครั้งนะครับ

เรื่องปล่อยไก่ ผม... :-[

เอ้อ บอกไม่ถูก เอาเปงว่าคราวหน้า จะพยายามปรับปรุงแล้วกันนะครับ :yeb:


พูห์ ณ  :seng2ped:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: FlukeHub ที่ 04-12-2006 22:26:57
เหอๆๆ  ขอโทษนะครับ

ผมไม่ได้ตั้งใจจะวิจารณ์ไรเสียหายหรอกนะ

แต่ขอซักนิดเถอะ  ถือว่าเป็นคำแนะนำเล็กๆน้อยๆละกันนะครับ

ผมว่าเรื่องที่คุณแต่งยังไม่ค่อยได้ feel นะครับ

บางครั้งถ้าเน้นคำที่ดูวิชาการ  หรือเป็นศิลป์มากเกินไปเนี่ย

มันจะทำให้นิยายทื่อ  ไม่ได้อรรถรสนะครับ

แต่โดยเนื้อหาและการดำเนินเรื่องก็ดีมากแล้วครับ   ภาษาก็สวย

แต่อ่านแล้วไม่ค่อยได้ feel ประมาณว่าอารมณ์เดียวกันทั้งเรื่อง



ถ้าไม่ชอบไม่พอใจก้ออย่าว่ากันนะครับ  ถือซะว่าไม่มี rep นี้ละกัน

ขออภัยครับผม.....
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 05-12-2006 02:12:47
ผมขออนุญาตตอบคุณ FlukeHub ครับ

ขอบคุณสำหรับข้อสังเกตที่ให้มานะครับ....อย่าคิดมากครับ..ผมยินดีรับฟังคำวิพากษ์วิจารณ์งานเขียนของผมเสมอครับ....

แต่อย่างไรก็ตาม...ผมขออนุญาตอธิบายลักษณะงานเขียนของผมให้ทราบนะครับ....(กรุณาอย่าคิดว่าเป็นการโต้กลับ หรือแก้ตัวเลยนะครับ...บางคำแนะนำที่นักอ่านให้ผมมา ผมก็รับทราบและปฏิบัติตามโดยปราศจากคำอธิบายครับ)

ข้อแรกที่อยากเรียนให้ FlukeHub ทราบก็คือ มันเป็นความตั้งใจของผมเองครับ ที่จะให้เรื่องราวรักนี้ออกมามีแค่โทนเดียว และเป็นอารมณ์เดียวทั้งเรื่องครับ....ซึ่งก็คืออารมณ์ของความรัก....ความผูกพัน...ของคนสองคน...(ในแบบฉบับของผมเองครับ)

ผมกำหนดให้งานเขียนของผมสามารถแทนที่ด้วยภาพดอกไม้ครับ....คือ...สามารถแสดงให้เห็นถึงความอ่อนหวาน อ่อนโยน...และสวยงามเท่านั้น..... ผมจงใจไม่ให้สามารถแสดงด้วยภาพอื่นๆ เช่นประเภท abstract ครับ...เพราะมันจะมีหลายความหมายจนเกินไป

ผมตั้งใจเขียน "Love Story" และพยายามกำหนดขอบเขตและการดำเนินเรื่องให้เป็นแบบนี้ ไม่ให้เปลี่ยนเป็น "Dramatic Story" ที่มีหลายอารมณ์...มีความเข้มข้น....และมี feel อย่างที่ Fluke บอกมาครับ....

อีกประการหนึ่งที่สำคัญ โดยส่วนตัวแล้วผมไม่ชอบ "ตัวอิจฉา" ครับ.... เพราะว่า ผมเชื่อว่า ถ้าคนเรารักกัน และเชื่อใจกันนั้น....ไม่มีทางที่บุคคลที่สามจะเข้ามากั้นกลาง และสร้างความร้าวฉานได้แน่นอนครับ.... ถ้าความรักของคู่ใด ปล่อยให้คนที่สามมาแทรกกลาง รวมถึงสร้างความเดือดร้อนได้ อย่างนั้นคงมิใช่ความรักแล้วกระมังครับ.... ดังนั้นในนิยายรักเรื่องนี้ จึงไม่มีตัวอิจฉา ที่อาจมีข้อดีตรงที่เพิ่ม feel ของเรื่องได้....แต่เมื่อผมคิดถึงข้อเสียของตัวอิจฉา ที่มักจะสะท้อนความรักที่ไม่มั่นคงของคู่พระนางแล้ว....ผมเลือกที่จะนำเสนอรูปแบบของเรื่องใหม่ครับ

ผมเชื่อในประโยคที่ว่า "Love means never having to say you're sorry" (Love Story, 1970). ดังนั้นภูผาและฟ้าลั่น รวมถึงศิวะด้วย พวกเขาจึงต้องพยายามถ่ายทอดความหมายของประโยคนี้ออกมา ผ่านอารมณ์ของความรัก....ความผูกพัน...และความเสียสละ....(Fluke ต้องอ่านตอนต่อไปจนจบนะครับ...ซึ่งจะช่วยให้เข้าใจการอธิบายของผมมากขึ้น)

สุดท้าย....ผมเป็นคนที่แปลกออกซักหน่อยครับ....คือชอบทำอะไรที่ไม่เหมือนใครครับ...อาจจะติดนิสัยของการเป็นนักวิทยาศาสตร์ ที่ต้องค้นคว้าทดลองทำสิ่งใหม่ตลอดเวลา...ผมจึงลองสร้างความแตกต่างในงานเขียนของตัวเองครับ.... ผมให้คำนิยามส่วนตัวของนิยายเรื่องนี้ว่าเป็น Love Story ครับ.... ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วตีความหมายให้แตกต่างจาก Dramatic Story ครับ...

เมื่อตอนต้น...ผมกล่าวถึงภาพโทนของเรื่องใช่มั้ยครับ....วันนี้ผมเอาภาพเปิดเรื่องที่โพสต์ไว้ในบอร์ดอื่นครั้งที่ผมเพิ่งเร่มเขียนเรื่องนี้ครับ....ภาพเปิดเรื่องนี้...ก็มีอารมณ์เดียวกับเรื่องนั่นนะแหละครับ....มาให้ดูกันครับ....

(http://img299.imageshack.us/img299/9705/introductionpictureqi8.jpg)

ขอบคุณอีกครั้งสำหรับคำแนะนำที่ให้มาครับ....

Andreas

ปล. หนึ่ง ..... สวัสดีทุกคนด้วยนะครับ.... วันนี้อย่าแปลกใจไปนะครับ ที่ผมตอบเป็นภาษาไทยได้ก่อนเวลาเช้าตรู่ของเมืองไทย...วันนี้ผมไม่สบายครับ...รู้สึกว่าจะเป็นหวัดลงคอ...ติดมาจากรูมเมทครับ...เลยต้องนอนอยู่บ้าน....ไปทำงานไม่ได้ครับ...เพราะถ้าเอาไปติดผู้ร่วมงานด้วย....จะเป็นเรื่องครับ....


ปล. สอง....เอาไว้ว่างๆ จะมาคุยด้วยใหม่นะครับ...หมูพูห์ ตะแน๋ว มูมู่ และเรย์ครับ....คงต้องรอให้เรย์โพสต์ตอนใหม่นะครับ...



หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 05-12-2006 02:40:24
                                                                    :yeb: ยินดีค่ะคุณแอนดี้ :yeb:




                 ปล. หายไวๆนะคะ ดื่มน้ำให้มากๆ พักผ่อนให้เพียงพอ ทานวิตามินCเยอะๆค่ะ เด็วก็หาย  สู้สู้ค่ะ



                                                                               :bye2:







                                                                                           
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 05-12-2006 06:18:52
โดยส่วนตัวแล้วผมไม่ชอบ \\\"ตัวอิจฉา\\\" ครับ....

ตกใจมาก เหมือนมองกระจกสะท้อนตัวเองเลยครับ
นี่เป็นเหตุผลหลักที่ผมหันมาอ่านนิยายออนไลน์
เพราะบางครั้งโลกแห่งความเป็นจริง มันโหดร้ายเกินไป
ผมจึงเลิกดูละครไทย  ยิ่งถ้ามีตัวอิจฉาแรงๆนี่แทบทุบทีวีทิ้ง

แค่อ่านเรื่องราวของความรักของคนสองคนก็เจออุปสรรคมากมายแล้ว
ผมคงไม่ชอบแน่ถ้านิยายมีแต่ตัวอิจฉาแบบละครไทยออกมาก่อกวน

พักหลังนี้ดันมาติดซีรีส์เกาหลี ก็ว่าจะหาทางเลิกดูอยู่ เพราะเขายิ่งกว่าละครไทย
สร้างออกมาประมาณแนวนิยายรักนะ ปานจะกลืนกิน แต่มีอุปสรรคมากมายร้อยพันให้ตามแก้
ซึ่งเป็นชะตาชีวิตที่เลี่ยงไม่ได้ ดูแล้วทำใจไม่ค่อยได้ ต่างจากละครไทยตรงที่เขาเน้นไปที่ความรัก
และดำเนินเรื่องในทีมหลักของคนสองคน ไม่ได้มีตัวอิจฉาออกมาแว๊ดๆๆเหมือนละครไทย
เพียงแต่บางครั้งจะมีมือที่สามซึ่งก็มีความรักไม่แพ้กันออกมาเกี่ยวพันเสมอ

แล้วแต่ครับ นานาจิตตัง แต่  FlukeHub ต้องลองอ่านเรื่องนี้ให้จบก่อนนะครับ
แล้วที่สรุปไว้ข้างต้นอาจจะเร็วเกินไป

andreas พักผ่อนเยอะนะครับ อย่าหักโหมแล้วก็รีบหาคนมาดูแลได้แล้วนะ เด่วส่งหมูพูห์บินลัดฟ้าไปหา เอิ้กๆ
เด่วอีกสักพักจะลงเรื่องให้นะครับ ตอนนี้โดนโฮสแบนผมอีกแล้วหง่ะ  ตอนนี้เข้าโดนหลบ proxy
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: FlukeHub ที่ 05-12-2006 19:25:42
เหอๆๆ...บลูครับ  จริงๆผมก้อไม่ชอบตัวอิจฉาเหมือนกัน

แต่คนละเหตุผลครับ

สำหรับผมไม่ชอบเพราะมันทำให้เรื่องดูน่าเบื่อมากกว่า

แต่ก้อไม่ได้ปฏิเสธนะครับว่าบางครั้งเค้าก้อเป็นสีสันเหมือนกัน


ส่วนคุณ Andreas ผมไม่ได้ตั้งใจนะครับ  ขอโต๊ด!!~

นิยายที่เป็น เลิฟสตอรี่ บางครั้งก็มี feel ที่ขึ้นๆลงๆได้เหมือนกันครับ

ผมว่าแล้วแต่คนแต่งมากกว่า

นิยายที่มีอารมณ์เดียวจะเหมือนเวลาอ่านตำราเรียน  ต่างเพียงแค่อ่านแล้วไม่ง่วง   :myeye:

แต่ถ้าลองใส่อารมณ์เข้าไปซักนิด  จะทำให้คนอ่านเข้าถึงแก่นเรื่องและสิ่งที่คนแต่งอยากจะสื่อถึงได้มากขึ้นนะครับ

แล้วก้อ...ความรักที่มั่นคงน่ะ  ไม่ได้หมายถึงความรักที่ราบเรียบไม่มีอะไรมาขัดขวางนะครับ

แต่เป็นความรักที่ไม่ว่าจะมีอุปสรรคแค่ไหนหรือมีอะไรมาสั่นคลอนแต่ก้อยังยืนหยัดเข้มแข็งอยู่ได้

ตัวอิจฉาบางครั้งก้อทำให้พระเอกนายเอกรู้ใจแล้วก้อรักกันมากขึ้นนะครับ


แล้วก้อสุดท้ายขอให้หายป่วยแล้วกลับมาแต่งต่อไวๆนะครับ

ผมรออ่านอยู่.....


ปล. ขอโต๊ดนะครับ  ถ้าไม่ชอบ  แล้วก้อขอบคุณที่รับฟังครับ

หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 06-12-2006 10:07:37
แหะ ๆ คุณ Andreas ดิฉันแต่งกลอนไม่เป็นหรอกค่ะ แต่ชอบอ่านกลอนมาก

เพราะกลอนเป็นอะไรที่สวยงาม ข้อความเพียงสองสามประโยคที่แต่งขึ้นมา

จะสามารถรู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่หลากหลาย สุข เศร้า เหงา และรัก ตามแต่จะตีความออกไป

ส่วนนิยายของคุณ Andreas เป็นนิยายรักหวาน ๆ อ่านสบาย ๆ แม้ว่าจะไม่มีอะไรตื่นเต้น ลุ้นระทึก (เอหรือจะมีช่วงท้ายเรื่องน้อ)

แต่คนอ่านอย่างดิฉันกลับรู้สึกผ่อนคลาย และมีความสุขที่ได้อ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 06-12-2006 16:52:47
เหอเหอ

มานอนรอหนูบลู


นอกจากแอดมินจะโดนแบนแล้ว :untrust:


โรคติดซีรียส์ยังมาเยือนอีก :kikkik:


นอนรอต่อไป


พูห์ :yeb:







ปล.

คุณAndreasรักษาสุขภาพด้วยนะครับ

พักผ่อนเยอะๆ จะได้หายไวๆ

พูห์ :teach:

หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 06-12-2006 17:30:38
กรรมโดนแฉกลางเรื่องเอิ้กๆ   :try2:
ไม่จริงๆ  :serius2:  ผมเป็นคนชอบแก้ตัวซะด้วยสิ ( เขาว่ากันว่าเป็นคนดีใช่ปะ)  :sad5:

***************************************************************************
เก็บดาว
[wma=300,50]http://www.geocities.com/atcha_t/star.mp3[/wma]
*****************************************************************************

บทที่ 12 พี่ชายจากไป...น้องชายคนใหม่ก็มา

หลังจากสอบปลายภาคเรียนเสร็จสิ้น นักศึกษาบางสาขาวิชาของทั้งคณะวิศวกรรมศาสตร์และคณะวิทยาศาสตร์จำเป็นต้องออกฝึกงานตามโรงงานอุตสาหกรรมหรือห้องปฏิบัติการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับสาขาที่เรียน เพราะถือเป็นโปรแกรมบังคับของภาควิชา

ในฐานะของนักศึกษาภาควิชาเคมี ภูผาเลือกที่จะฝึกงานที่โรงงานแห่งหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรมลำพูน เพียงเพราะไม่ต้องการกลับไปที่กรุงเทพฯ ปทุมธานีหรือนิคมอุตสาหกรรมชลบุรี ที่ล้วนแล้วแต่ค่อนข้างไกลจากเชียงใหม่และมีสภาพการจราจรที่ติดขัด

ส่วนฟ้าลั่นในฐานะนักศึกษาภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม เขาจำเป็นต้องเข้าไปฝึกงานที่หน่วยบำบัดน้ำเสียของกองทัพอากาศ เนื่องจากมีหนังสือระบุมาจากทางกองทัพฯ ต้องการนักศึกษาที่มีผลการเรียนดีเยี่ยมเข้าร่วมฝึกงานและออกแบบบ่อบำบัดน้ำเสียของกองทัพ ร่วมกับวิศวกรผู้ชำนาญงานอื่นๆ ซึ่งถือว่าเป็นงานที่สำคัญและต้องการความคิดใหม่ๆของนักศึกษาแม้จะยังไม่จบการศึกษาก็ตาม

ฟ้าลั่นพยายามสละสิทธิ์เพื่อจะอยู่ฝึกงานที่ลำพูนเช่นเดียวกับภูผา.....แต่ก็ถูกอาจารย์หัวหน้าภาควิชาเรียกตัวเข้าพบอย่างเร่งด่วน สุดท้ายด้วยคำขู่และคำเกลี้ยกล่อมของอาจารย์ประกอบกับเพื่อรักษาชื่อเสียงของคณะ เขาจึงต้องตกปากรับคำอาจารย์ไปฝึกงานที่กองทัพอย่างไร้ข้อต่อรองใดๆ

ขณะฝึกงาน ฟ้าลั่นก็โทรหาภูผาแทบจะเป็นสามเวลาหลังอาหาร.....จนภูผาต้องคอยบอกว่าไม่ต้องโทรมาบ่อยมากนัก...วันละครั้งก็เพียงพอแล้ว

แต่ฟ้าลั่นมักจะตอบกลับมาเสมอว่า.....

“หมอกน่ะใจร้าย.....ไม่คิดถึงเราเลย.......ฟ้าลั่นคิดถึงหมอกนะ...เลยต้องโทรบ่อยๆ” ฟ้าลั่นอ้อนมาตามสาย ซึ่งทำให้ภูผายิ้มได้ทุกครั้ง แต่มิวายจะบอกกลับไปว่า

“หมอกก็คิดถึงฟ้าลั่นนะ....แต่ไม่ต้องโทรมาบ่อยนักก็ได้” ภูผาบอกฟ้าลั่นทุกครั้งก่อนวางสาย...แต่ก็ดูเหมือนคนฟังจะมิได้ยินประโยคที่สอง...คงได้ยินแค่คำว่า “คิดถึง” จากคนที่ตนรัก.....สุดท้ายเลยโทรมาสามเวลาหลังอาหารทุกวัน

ฟ้าลั่นกับภูผาไม่ได้คุยโทรศัพท์กันนานเหมือนคู่รักคู่อื่นๆ ส่วนมากฟ้าลั่นจะเป็นฝ่ายโทรมาหา เพื่อบอกว่าคิดถึง แล้วจึงไต่ถามสั้นๆว่ากำลังทำอะไรอยู่ หลังจากนั้นก็วางสาย เพราะไม่อยากให้ผู้ร่วมงานสงสัยว่าตนเองกำลังคุยกับใครอยู่นั่นเอง.......ดังนั้นตลอดการฝึกงานของทั้งสองหนุ่ม โทรศัพท์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องติดตัวอยู่ตลอดเวลา

หลังฝึกงานเสร็จ ทั้งสองหนุ่มก็มีโอกาสกลับไปพักผ่อนที่บ้านของตนเพียงไม่กี่วัน ก่อนที่จะนัดเจอกันที่สถานีรถไฟ เพื่อนั่งรถไฟตู้นอนชั้นหนึ่งขึ้นมาที่มหาวิทยาลัยด้วยกัน.....

เนื่องจากภูผาชอบบรรยากาศของท้องทุ่งนาและบ้านคนที่รถไฟวิ่งผ่าน เขาจึงเลือกที่จะโดยสารรถไฟจากกรุงเทพมหานครเข้าสู่เชียงใหม่....ส่วนฟ้าลั่นก็ไม่ขัดข้อง แม้ว่าจะใช้เวลาในการเดินทางหลายชั่วโมง ...เพราะเขาตระหนักถึงความเป็นจริงที่ว่า.....การอยู่กับคนที่เรารัก....แม้เวลาจะผ่านไปยาวนานสักเพียงไหน กลับรู้สึกว่ามันช่างสั้นเหลือเกิน

ศิวะอยู่รอให้สองหนุ่มขึ้นมาเชียงใหม่เสียก่อน แล้วจึงบินลัดฟ้าไปอเมริกา เพื่อไปเตรียมตัวเข้าเรียนและจัดการเรื่องหอพักต่างๆ เพื่อรอมหาวิทยาลัยเปิดในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า

ก่อนขึ้นเครื่องสองวัน ฟ้าลั่นและภูผาชวนศิวะไปเลี้ยงส่งที่ร้านอาหารริมฝั่งแม่น้ำปิงที่ชื่อว่า เดอะกู๊ดวิวส์ ซึ่งเป็นร้านอาหารบรรยากาศเป็นกันเอง เปิดรับลมเย็นสบายจากแม่น้ำให้ผ่านเข้าตัวร้านโดยตลอด สัมผัสกับแขกที่นั่งรับประทานอาหารและฟังดนตรีบรรเลงสดโดยวงที่มีชื่อเสียง นอกจากบรรยากาศจะดีแล้วอาหารที่นี่ยังอร่อยติดปากหลายๆคน จึงต้องแวะเวียนกลับมาเยือนร้านนี้หลายครั้ง

ทั้งสามหนุ่มใช้เวลาที่เหลืออยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข โดยมีการดื่มเบียร์ รับประทานอาหารและฟังเพลง ตลอดจนสนทนาพูดคุยกันอย่างได้รส ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นการหยอกล้อภูผา......บุคคลที่ครอบครองดวงใจของสองหนุ่มเพื่อความสนุกสนาน โดยไม่ลืมที่จะขุดเอาเรื่องเก่าๆ ที่น่าประทับใจมาพูดคุยกันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ศิวะจะไปเรียนนานถึงห้าปี

การสนทนาดำเนินไปจนกระทั่งร้านปิด....ทั้งสามหนุ่มจึงเลือกที่จะขับรถเล่นชมเมืองเชียงใหม่ ก่อนที่จะย้อนกลับมาที่สวนสาธารณะริมแม่น้ำปิงที่ไม่ไกลจากร้านอาหารเดิมนัก

บริเวณโดยรอบของสวนสาธารณะแห่งนี้ประดับประดาด้วยโคมไฟหลายดวงหลากขนาดและสีสัน ช่วยส่องให้เกิดความสว่าง....สายลมเย็นๆ ยังคงพัดผ่านผิวน้ำขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง สร้างความสบายกายให้แก่คนที่นั่งเล่นอยู่ เช่นเดียวกับแสงไฟจากอาคารน้อยใหญ่ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งตกกระทบผิวน้ำ เกิดเป็นประกายระยิบระยับนุ่มนวล สร้างความสวยงามให้กับสายตา

ฟ้าลั่นใจดีอนุญาตให้ศิวะโอบกอดภูผาขณะเดินเล่นริมแม่น้ำปิงได้ เพราะศิวะเข้ามาขออนุญาตด้วยตนเอง....เขาเห็นว่าศิวะต้องจากไปไกลหลายปี ดังนั้นอะไรที่เขาสามารถช่วยทำให้ศิวะมีความสุข และไม่เกินความสามารถ ฟ้าลั่นก็ยินยอม

“ฟ้าลั่นเค้าไม่รักน้องหมอกแล้ว...เห็นมั้ย.......เค้ายกน้องหมอกให้พี่กอดคืนนี้” ศิวะเปิดประเด็นร้อนให้ฟ้าลั่น ขณะเดินโอบกอดภูผาไปตามทางเดินเรียบลำน้ำ

“อ้าว.....พี่เสือ....หาเรื่องให้ผมอีกแล้ว.......” ฟ้าลั่นที่เดินอยู่ข้างๆรีบบอก ก่อนจะหันไปสบตากับคนรักของตน พลางส่ายหน้าตอกย้ำการปฏิเสธอย่างรวดเร็ว

ภูผาเห็นดังนั้นจึงนึกสนุก จึงแกล้งเอาคืนสองหนุ่มข้างๆบ้าง......หลังจากหยอกล้อตนเองมาตลอดการรับประทานอาหารเย็น

“จริงเหรอฟ้าลั่น.....นายยกเราให้พี่เสือแล้วใช่มั้ย........ดีเลย......งั้นเราก็ตกลง” เจ้าตัวไม่พูดเปล่ากลับหันมาหอมแก้มพี่เสือทันที โดยแม้ศิวะเองก็ยังไม่ทันตั้งตัว

ฟ้าลั่นเห็นดังนั้นก็เลยงอน รีบคว้าตัวภูผาเข้ามากอด แล้วก็ทำโทษด้วยการหอมแก้มซ้ายขวาข้างละที .....โดยที่คนถูกหอมกลับหัวเราะชอบใจในอาการหึงหวงของคนรัก

ฟ้าลั่นหันมาเอาเรื่องกับศิวะทันที

“พี่เสือ....เอาแก้มมา...ผมจะเช็ดเอาหอมที่หมอกให้ออก....ผมหวง” ฟ้าลั่นแยกเขี้ยวใส่ศิวะ โดยมือข้างหนึ่งยังคงโอบไหล่ภูผาไว้ไม่ห่างกาย

“เฮ้ย......ได้งัย.....ไม่ยอมหรอก.....นายได้ไปเยอะแล้ว.......ขอพี่นิดหน่อยน่า.....อย่าหวงมาก” ศิวะยักคิ้ว พูดย้อนกลับ

“ก็...ผมหวง” ฟ้าลั่นบ่นพึมพำ จนภูผาหัวเราะชอบใจอีกครั้ง

“เอาน่า...พี่เสือเค้าจะไปเรียนต่อแล้ว......เหลือนายคนเดียว......เราก็จะไม่หอมแก้มใครแล้ว......” ภูผาหันมาบอกฟ้าลั่น พลางยิ้มให้อย่างเอาใจ จนทำให้คนที่บ่นเป็นหมีกินผึ้งอยู่ยิ้มออกมาจนได้
 
ศิวะเห็นความรักและความห่วงใยที่ทั้งคู่แสดงออกมาก็รู้สึกสบายใจ...เพราะแน่ใจแล้วว่า...ภูผาคงมีความสุขยามที่ฟ้าลั่นอยู่เคียงข้าง.....ศิวะยังคงมั่นใจเสมอว่าฟ้าลั่นจะดูแลภูผาได้เป็นอย่างดี

“เฮ้ย......อย่าหวานกันให้มากนัก.....สงสารคนอกหักคนนี้หน่อยซิ....พี่ยังทำใจไม่ได้นะ.....น้องหมอกครับมาให้พี่เสือกอดหน่อยนะครับ” ศิวะพูดออกไป พร้อมเอื้อมมือไปคว้าร่างภูผาให้มายืนอยู่ข้างตนเอง ก่อนจะโอบไหล่เบาๆ เดินไปบนทางเดินข้างแม่น้ำต่อไป โดยหันมายิ้มและยักคิ้วให้ฟ้าลั่นที่เดินตามมาอยู่ข้างหลัง....ไม่ห่างนัก

“คืนนี้ พี่เสือจะนอนที่ไหนครับ” ภูผาถาม

“ก็ต้องนอนกับน้องหมอกซิครับ.......ของมันแน่นอน” ศิวะกล่าวตอบ แล้วก็ไม่วายที่หันกลับมายักคิ้วให้ฟ้าลั่นเดินอยู่ข้างหลังอีกครั้ง ก่อนจะหัวเราะเบาๆ ออกมา เพราะเห็นฟ้าลั่นแยกเขี้ยวใส่ตนอย่างอาฆาตแค้น

“ยอมให้คนแก่ซักวันหนึ่ง.....”ฟ้าลั่นบ่นเบาๆแต่ก็ตั้งใจให้ศิวะได้ยิน

“เฮ้ย....ยังไม่แก่ซักหน่อย...เนอะน้องหมอก....พี่เสือออกจะยังหนุ่ม....แถมหล่อกว่าฟ้าลั่นแฟนน้องหมอกอีกนะครับ” ศิวะหันมาถามภูผา โดยไม่ลืมที่จะกระเซ้าฟ้าลั่นอีกตามเคย

ภูผาเลือกที่จะไม่ตอบ เพราะรู้ว่าถ้าตนเองตอบอะไรออกมา.....สองคนนี้คงต้องเหล่กันอีกยาว.....เลยนิ่งเงียบเสียเป็นดีที่สุด

หลังจากเดินเล่นซักพัก ทั้งสามคนก็กลับมานอนต่อกันที่ห้องของศิวะ เพราะว่ามีขนาดใหญ่กว่าห้องพักของฟ้าลั่นและภูผา...รวมถึงเตียงนอนก็ใหญ่กว่าด้วย

หลังจากที่สามหนุ่มอาบน้ำเสร็จ.....ก็เกิดศึกเล็กๆภายในห้องนอน.....เนื่องจากฟ้าลั่นจะเอาคืนศิวะโดยไม่ยอมให้ศิวะกอดภูผา แต่ศิวะก็อ้อนวอนโดยใช้เหตุผลที่ต้องไปเรียนต่อขึ้นมาอ้าง....รวมถึงบอกต่อว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้อยู่กับคนที่ตนรัก เขาสมควรจะได้รับของขวัญบ้าง.......

ภูผาเห็นใจทั้งสองฝ่าย แต่ไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไรดี เพราะปกติก่อนหน้านั้นแม้ว่าจะนอนด้วยกันสามคน แต่ตนเองก็อยู่ในอ้อมกอดของฟ้าลั่นอยู่ตลอดเวลา

“เอาเป็นว่าผมให้พี่เสือกอดจนถึงหกโมงเช้าแล้วกันครับ.....จะตั้งนาฬิกาปลุกไว้ด้วย....หลังจากนั้นผมก็จะไปนอนข้างฟ้าลั่นครับ......ห้ามเถียง...ห้ามมีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น........ผมง่วงนอนแล้ว.....จะนอนแล้วด้วย” ภูผาตัดสินใจไกล่เกลี่ยภายหลังเวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วยังไม่ได้ข้อยุติ

“เฮ้อ....เหมือนตัวเองเป็นนางพิมพิลาไล ยังงัยก็ไม่รู้” ภูผาบ่นเบาๆ ก่อนจะนอนหลับไปในอ้อมกอดที่อบอุ่นของศิวะ....คนที่แม้ภูผาจะไม่ได้รักแบบฟ้าลั่น แต่ก็มีความผูกพันในฐานะพี่ชายที่แสนดีคนเดียวของตนตลอดมา..........

จริงๆแล้วฟ้าลั่นก็เข้าใจดีว่าภูผารักพี่เสือแบบพี่ชาย....เพราะภูผาอธิบายให้ฟังตั้งแต่เมื่อคืนที่ทั้งสองใช้เวลาอยู่ด้วยกันที่รีสอร์ทในครั้งนั้น......แต่เขาก็อดที่จะเหล่หรือแกล้งกันท่าศิวะเพื่อความสนุกไม่ได้......ซึ่งมักปรากฏว่าจะเกิดอาการของขึ้นกันอยู่บ่อยๆ ระหว่างทั้งสองหนุ่ม

ฟ้าลั่นได้ยินเสียงของภูผา....จึงบอกพูดออกมาเบาๆว่า

“ถ้าเป็นอย่างนั้น....เราก็เป็นขุนแผนแล้วกัน......ใครจะเป็นขุนข้างก็คิดเอาเอง”

*************************
ณ สนามบินนานาชาติจังหวัดเชียงใหม่ เวลา 20.30 น

ศิวะยืนอยู่ท่ามกลางบิดา มารดาและพี่ชายอีกสามคน ห้อมล้อมไปด้วยเพื่อนๆ และ น้องๆจากคณะวิทยาศาสตร์ที่สนิทสนม รวมถึงฟ้าลั่นและภูผาด้วย ศิวะกำลังเตรียมตัวเดินทางโดยเครื่องบินไปที่ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง เพื่อเดินทางต่อไปยังญี่ปุ่น ก่อนจะเปลี่ยนเครื่องอีกครั้งไปสู่จุดหมายปลายทางที่นิวยอร์ก

ภูผาตัดสินใจซื้อผ้าพันคออย่างดีให้ศิวะโดยถือมามอบให้ที่สนามบินเพื่อให้ศิวะเก็บไว้ติดตัว เมื่อถึงนิวยอร์กก็จะนำเอามาใช้ได้ทันที ภูผาทราบดีว่าในเดือนพฤษภาคม อากาศที่นั่นยังหนาวอยู่แม้จะเป็นช่วง Spring ก็ตาม เพราะนิวยอร์กเป็นรัฐทางเหนือ แม้ว่าเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ....แต่ตามความจริงใบไม้ยังไม่ค่อยจะผลิสักเท่าไร่เพราะอุณหภูมิที่ยังคงหนาวอยู่...กว่าจะต้นไม้จะผลิใบจริงๆก็เกือบจะถึงฤดูร้อนเลยทีเดียว

เมื่อฟ้าลั่นเห็นภูผาซื้อผ้าพันคอให้ศิวะ เขาจึงเลือกซื้อถุงมือหนังอย่างดีให้เพื่อเอาไปใช้คู่กับผ้าพันคอที่ภูผาซื้อให้ โดยไม่วายจะพูดหยอกศิวะว่า

“เห็นมั้ยครับ พี่เสือ ผมกับหมอกน่ะเกิดมาคู่กัน....หมอกเค้าซื้อผ้าพันคอให้พี่.....ผมก็ซื้อถุงมือให้.....ของสองอย่างนี้ใช้กันหนาว แล้วก็ต้องใช้คู่กันอีกต่างหาก” ศิวะฟังแล้วก็ส่ายหน้าหัวเราะชอบใจ เขารู้ดีว่าแม้ฟ้าลั่นจะพูดอย่างนั้น....หรือแม้แต่คอยกันท่าเขาอยู่ตลอดเวลา แต่ในแววตาคู่นั้นของฟ้าลั่นก็แฝงด้วยความรัก เคารพและความเป็นเป็นห่วง มอบให้เขาเช่นเดียวกับภูผา

ทุกๆคนพยายามใช้เวลาที่เหลืออยู่ไม่มากนัก เพื่อถ่ายรูปและกล่าวคำอำลากับศิวะ หลายคนน้ำตาคลอเพราะคิดถึงความจริงว่าคงจะไม่ได้พบหน้าศิวะบ่อยครั้งอย่างเช่นอดีต ศิวะพยายามแบ่งเวลาให้กับทุกๆคนในครอบครัวและเพื่อนสนิทจนกระทั่งพนักงานประกาศเรียกผู้โดยสารขึ้นเครื่อง เขาจึงต้องกล่าวลา บิดามารดา และทุกๆคนที่มาส่ง สุดท้ายจึงเดินมาหาภูผาและฟ้าลั่นที่ยืนดูอยู่ห่างๆ แล้วดึงตัวทั้งคู่เข้ามากอด พร้อมกับบอกว่า

“ฟ้าลั่น...ดูแลน้องหมอกให้ดีๆนะครับ”

“น้องหมอกก็ต้องดูและฟ้าลั่นให้ดีๆด้วยนะครับ”

“แล้วพี่จะเมลล์มาหาเราทั้งคู่บ่อยๆนะครับ.....คิดถึงพี่ด้วยนะครับ ทั้งสองคน” ศิวะกล่าวตบท้าย

“ครับ....” ฟ้าลั่นและภูผารับปากพร้อมกัน พร้อมส่งยิ้มให้ศิวะอย่างจริงใจ หลังจากที่ศิวะคลายอ้อมกอดออกจากตนทั้งคู่

ครั้นเสร็จสิ้นจากการอำลา....ศิวะจึงเดินถือกระเป๋าเข้าประตูผู้โดยสารขาออก โดยไม่วายจะหันมาโบกมือให้ทุกๆคนที่ยังคงยืนอยู่นอกประตู ก่อนจะเดินลับสายตาไป

*****************************
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 06-12-2006 17:34:47

ประมาณอาทิตย์กว่าๆหลังจากศิวะเดินทางไปอเมริกา  ก็ถึงเวลาเปิดเทอมของมหาวิทยาลัยพอดี......ปีนี้ภูผาต้องกลับมารับตำแหน่งเลขาสโมสรนักศึกษาอีกครั้ง หลังจากที่ว่างเว้นในช่วงเรียนปีสามไปหนึ่งปี เพราะในช่วงเทอมสุดท้ายก่อนจบปีการศึกษา เพื่อนสนิทในคณะของเขา ขอร้องแกมบังคับให้มาอยู่ในทีมลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นคณะกรรมการสโมสรแข่งกับอีกทีมหนึ่ง

เป็นแน่นอนว่าทีมของภูผาได้รับการคัดเลือกด้วยคะแนนท่วมท้น เพราะเป็นการรวมดาวดังของคณะไว้ทั้งทีม โดยผู้สมัครแต่ละคนก็มีแฟนๆรุ่นน้องคอยตามเชียร์และให้กำลังใจตลอด ดังนั้นคะแนนเลือกตั้งที่ออกมาจึงชนะขู่แข่งแบบขาดลอย

เพราะตำแหน่งเลขานุการของสโมสร จึงทำให้ภูผาต้องมาปรากฏตัวในงานรับน้องอีกครั้ง....และด้วยความน่ารัก ...เป็นกันเองของภูผา จึงทำให้เขาเป็นที่รักของน้องๆปีหนึ่งรุ่นนี้มาก....

ตามความจริงจะเรียกว่าเฉพาะปีหนึ่งก็ไม่ถูกนัก เพราะภูผามีรุ่นน้องๆนิยมชมชอบอยู่ทุกชั้นปี ด้วยเพราะผลการเรียนที่ดีเยี่ยม การพูดจาที่ไพเราะสุภาพ และความสนุกสนานเนื่องจากเป็นนักกิจกรรมตัวยงคนหนึ่งของคณะ และที่ขาดไม่ได้.......รอยยิ้มแสนหวานที่กระชากใจหลายๆคน

หนึ่งในนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งที่ตกหลุมรักภูผาตั้งแต่แรกพบ....คือ น้องจอม หรือ นายจอมยุทธ์ พัฒนประสาทศิลป์

จอมยุทธ์ เป็นหนุ่มน้อยหุ่นงาม รูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาว หน้าตาดีออกจะติดไปทางลูกครึ่งคนจีนนิดหน่อย สังเกตได้จากดวงตาที่เรียวยาวได้รูป ไร้แว่นสายตามาปิดบัง บุคลิกและท่าทางการเดิน ตลอดจนการเจรจาแสดงให้เห็นว่าจอมยุทธ์เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองมาก และออกจะเอาแต่ใจตนเองอยู่มากเช่นกัน

จอมยุทธ์เป็นคนเชียงใหม่โดยกำเนิด จบชั้นมัธยมปลายจากโรงเรียนนานาชาติจังหวัดเชียงใหม่ บิดาและมารดาเป็นนักธุรกิจส่งออกใหญ่คนสำคัญของจังหวัด รวมถึงเป็นเจ้าของโรงเบียร์ชื่อดังของเชียงใหม่อีกด้วย ครอบครัวของจอมยุทธ์ประกอบด้วย บิดา มารดา พี่ชายและพี่สาวอย่างละสองคน โดยจอมยุทธ์เป็นคนสุดท้อง

ด้วยความที่สนใจวิชาวิทยาศาสตร์มาตั้งแต่เด็ก และเพราะบิดามารดาต้องการให้จอมยุทธ์เข้ามาช่วยบริหารงานของโรงเบียร์หลังจากจบการศึกษา เขาจึงตัดสินใจเลือกเรียนที่คณะวิทยาศาสตร์ ตั้งใจจะเน้นทางด้านชีวะเคมีเทคโนโลยี เนื่องจากมีความน่าสนใจและครอบคลุมความรู้กว้างขวางกว่าสาขาวิชาอื่นๆ

สิ่งที่น่าแปลกคือ จอมยุทธ์ไม่สนใจไปเรียนต่อเมืองนอกเหมือนเพื่อนคนอื่นๆที่จบจากโรงเรียนเดียวกัน แต่กลับมีความประสงค์ที่จะเรียนปริญญาตรีที่เมืองไทยก่อน เพื่อหาเพื่อนสนิทที่เป็นคนไทยที่ในอนาคตอาจช่วยเขาในเรื่องของเส้นสายทางธุรกิจได้  หลังจากนั้นจึงคิดไปต่อปริญญาโทที่เมืองนอกในตอนหลัง

จอมยุทธ์เป็นคนสนุกสนาน แต่ก็ค่อนข้างจะเอาใจตัวเองอยู่เล็กน้อย เพราะเป็นลูกคนเล็กของครอบครัว แต่ด้วยเป็นคนที่มีรูปร่างหน้าตาดี และเป็นคนมีน้ำใจกับเพื่อนๆ จึงทำให้จอมเป็นที่ชื่นชอบของเพื่อนๆและสาวๆอย่างมาก....รุ่นพี่สาวๆของคณะวิทยาศาสตร์ต่างก็หลงรักน้องจอมกันอย่างมากเลยทีเดียว สังเกตจากถุงขนมที่มีขนาดใหญ่และมีจำนวนมากกว่าคนอื่นๆ ที่เขาได้รับหลังจากเข้าห้องเชียร์....แต่จอมยุทธ์ก็ใจดี โดยมักจะแจกจ่ายขนมนั้นให้เพื่อนๆทุกคนไปรับประทานที่หอพักเสมอ

ครั้งแรกที่จอมยุทธ์เห็นภูผาก็หลงรักขึ้นมาทันที....หรือที่เรียกว่า “Love at First Sight” ......แม้ไม่แน่ใจนักว่าภูผาจะเป็นเกย์หรือไม่......แต่จอมยุทธ์ก็พอจะจับกระแสความรู้สึกแปลกๆ ยามที่พูดคุยกับภูผา....เพราะอาจเป็นอย่างที่หลายคนพูดกันว่า

“คนที่มีรสนิยมเดียวกัน มักมองกันออก.......” จอมยุทธ์ก็เข้าข่ายบุคคลในกลุ่มนี้ด้วย

ดังนั้นทุกๆวัน ในตอนเช้าจอมยุทธ์จึงเอาดอกกุหลาบสีแดงสดไปวางไว้บนโต๊ะภูผาในห้องสโมสร พร้อมกับโน๊ตแผ่นเล็กๆที่เขียนด้วยอักษรภาษาอังกฤษอย่างสวยงามว่า

“Would you be my BF?” จอมยุทธ์ตั้งใจจะใช้อักษรย่อของคำว่า Boyfriend แทนคำจริง เพราะไม่อยากให้ใครทราบความหมายนั้น นอกจากภูผาคนเดียว

ในตอนแรกภูผาแปลกใจอย่างมากที่ได้รับดอกกุหลาบสีแดงสดที่มีโน้ตแผ่นเล็กๆนั้นติดอยู่ เขาพยายามถามคนในสโมสรถึงเจ้าของของดอกกุหลาบนั้น แต่ก็ไม่ได้คำตอบ โดยเมื่อเวลาผ่านไปหลายวันเข้าภูผาก็เริ่มไม่ได้ใส่ใจมากนัก ยิ่งเรื่องที่จะตื่นขึ้นมาตอนเช้าแล้วมาเฝ้าดูว่าใครเอาดอกกุหลาบมาให้ ก็เลิกคิดได้เลย....เหตุเพราะภูผาไม่พิสมัยการตื่นเช้าเป็นที่สุด เห็นได้จากตารางเรียนที่เขาตั้งใจลงทะเบียนให้ทุกวิชาเริ่มเรียนตั้งแต่สิบโมงเช้าเป็นต้นไป

“อากาศยามเช้าของเชียงใหม่น่ะหรือ....อย่าฝันที่จะได้สัมผัสตัวคุณภูผาผู้รักการนอนหลับภายใต้อ้อมกอดที่อบอุ่นของคุณฟ้าลั่นคนนี้เลย” ประโยคติดปากของภูผาในทุกครั้งที่ฟ้าลั่นพยายามจะชวนภูผาออกมาวิ่งออกกำลังกายตอนเช้าที่สนามหน้ามหาวิทยาลัย หรือไม่ก็ที่สันอ่างแก้ว....แต่จนแล้วจนรอดฟ้าลั่นก็ไม่เคยจะได้ออกกำลังกายตอนเช้าสักที เพราะภูผากอดร่างสูงใหญ่นั้นไว้ไม่ปล่อยนั่นเอง

แม้ไม่ทราบว่าใครเป็นคนเอาดอกกุหลาบมาให้ตน แต่ภูผาเลือกที่จะเอาดอกกุหลาบกลับไปที่หอพักทุกวัน แทนที่จะทิ้งไว้ไม่ดูแล จนปล่อยให้มันเหี่ยวเฉาตายไป

“อย่างน้อย เอาน้ำให้มันกินก่อนตายก็ยังดี” ภูผาคิด

วันแรกที่ฟ้าลั่นเห็นดอกกุหลาบและแผ่นโน้ตเล็กๆนั้น ก็แปลกใจและออกจะออกอาการหัวเสียอยู่นิดหน่อย เหตุว่ากำลังมีแมวมาขโมยภูผาที่รักของตนเองไป หลังจากซักไซ้ไล่เลียงถึงที่มาที่ไปของดอกกุหลาบจากภูผา....คนที่ไม่รู้เรื่องราวเช่นกัน....... ฟ้าลั่นก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้น ดังนั้นสิ่งที่ฟ้าลั่นพอจะทำได้แทนการเอาดอกกุหลาบไปทิ้งคือ การเขียนคำว่า “No” ลงไปในกระดาษโน๊ตแผ่นนั้น และลงชื่อกำกับไว้ทุกครั้งและทุกวันว่า “From Falan, Bhupha’s BF”

จนกระทั่งสองอาทิตย์ต่อมา....ภูผาก็ทราบว่าผู้ที่ส่งดอกไม้มาให้เป็นใคร เนื่องจากบุคคลลึกลับคนนั้นเดินเข้ามาพูดคุยกับภูผาถึงในห้องสโมสรเลยทีเดียว

“สวัสดีครับ พี่หมอก” ชายหนุ่มแปลกหน้าทักทายภูผาที่นั่งอ่านหนังสืออยู่คนเดียวในห้องสโมสร

“สวัสดีครับ...เอ่อ...น้อง” ภูผาทักทายกลับ พยายามนึกชื่อของเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า

“ผมชื่อจอมครับ”

“อ๋อ น้องจอม...พี่จำได้แล้วครับ....ขอโทษครับ อ่านการ์ตูนเพลินไปหน่อยครับ เลยคิดชื่อน้องจอมไม่ทัน” ภูผาตอบกลับพร้อมส่งยิ้มให้ด้วยความเคยชิน

“น้องจอมมีธุระอะไรกับพี่หรือเปล่าครับ”

“ผมก็แค่อยากเข้ามาทวงคำตอบครับ” จอมยุทธ์เปิดประเด็นด้วยความมั่นใจ

“เอ่อ.....คำตอบอะไรหรือครับ......เอ่อ...พี่งงครับ” ภูผาแสดงอาการสงสัยออกมาอย่างเห็นได้ชัด

“ก็คำตอบในกระดาษโน๊ตที่ติดมากับดอกกุหลาบงัยครับ”

“น้องจอมคือคนที่ส่งดอกกุหลาบมาให้พี่เหรอครับ” ภูผาถามขึ้นอย่างแปลกใจ

“ครับ.......ผมเองครับ พี่หมอกชอบมั้ยครับ”

“เอ่อ....อืม....”ภูผาพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะบอกว่าไม่ต้องลำบากเอามาให้ก็ได้ แต่กลับพูดไม่ทันคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าตนเอง

“คือว่าผมชอบพี่หมอกนะครับ......ผมคิดว่าพี่อาจจะมีแฟนแล้ว.....ใครนะครับ.....อืม.....ถ้าผมจำไม่ผิด อาจจะเป็นพี่ฟ้าลั่น รูมเมทพี่หมอกก็ได้.....แต่ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ครับ เพราะสายสืบของผมก็บอกว่ายังไม่ยืนยันครับ”

“แต่ผมไม่แคร์หรอกครับ........ผมขอเวลาสองเดือน.......ผมจะทำให้พี่หมอกเป็นแฟนผมให้ได้ครับ” จอมยุทธ์ตั้งเป้าหมาย

“แค่นี้นะครับ...พี่หมอกที่น่ารักของผม” จอมยุทธ์พูดจบก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไป โดยที่ภูผายังคงนั่งนิ่งสนิท เพราะตกใจกับคำพูดและการจู่โจมที่กะทันหันของเด็กหนุ่มผู้นี้ เขาไม่ทันแม้จะพูดหรืออธิบายอะไรเพิ่มเติมแต่ประการใด

“แล้วจะบอกน้องเค้ายังงัยดีเนี่ย..........เฮ้อ”ภูผาบ่นพึมพำกับตนเอง

“จะบอกว่ามีแฟนแล้ว.......ก็ไม่ได้เพราะฟ้าลั่นก็จะเสียหาย...เพราะคงถูกตราหน้าทั้งคณะว่าเป็นเกย์...........เฮ้อ”

“ถ้าปล่อยไป......ฟ้าลั่นคงไม่ยอมแน่ๆเลย.............เฮ้อ” ภูผาถอนหายใจหลายครั้ง

“โอย...ปวดหัวจริง.....เลิกคิดก่อน...อ่านหนังสือการ์ตูนต่อดีกว่า” ภูผาเลิกคิดชั่วคราว เพราะอย่างไรเสีย เขาก็ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ คงต้องรอจังหวะให้สมองโลดแล่นอีกครั้งหลังอ่านการ์ตูนเรื่องโปรดในมือจนจบ

“แล้วจะกลุ้มอยู่คนเดียวทำไม สู้เอาเวลามาอ่านการ์ตูนดีกว่าสนุกกว่ากันเยอะ”

ก่อนนอนในคืนนั้นภูผาก็เล่าให้ฟ้าลั่นฟังว่าเขารู้ตัวคนที่เอาดอกไม้มาให้แล้ว และมีทีเด็ดยิ่งกว่านั้นอีกคือ หนุ่มรุ่นน้องคนนั้นเข้ามาขอเป็นแฟนแบบตั้งตัวไม่ติด ฟ้าลั่นฟังแล้วก็รู้สึกหงุดหงิด เผลอทำคิ้วผูกโบว์อย่างไม่ได้ตั้งใจ เพราะเริ่มเป็นห่วงภูผาขึ้นมาทันที

“หมอกต้องระวังตัวดีๆนะ.......อย่าไปให้ความหวังน้องเค้าล่ะ.....ห้ามยิ้มให้น้องเค้าด้วย....เดี๋ยวน้องเค้าก็เข้าใจผิด” ฟ้าลั่นที่กำลังนอนโอบกอดภูผาอยู่ เอ่ยคำเตือนออกมา.....สีหน้าของเขาแสดงความกังวลอย่างเห็นได้ชัด

“แล้วก็อย่าไปชอบน้องเค้าด้วยนะครับ....ฟ้าลั่นรักหมอกนะครับ.....” ไม่พูดเปล่า ฟ้าลั่นจรดจมูกสวยลงบนแก้มนุ่มของภูผาเพื่อตอกย้ำความรักของตนที่มอบให้กับคนในอ้อมกอดนี้...ทุกลมหายใจ

“อืม.....ไม่หรอก......น้องเค้ายังเด็กอยู่...คงเป็นแบบ puppy love มั้ง ...เดี๋ยวหมอกจัดการเอง.....ถ้าไม่ไหวแล้วก็ให้ฟ้าลั่นช่วยแล้วกัน” ภูผาตอบกลับไป โดยที่ลืมคิดไปว่าตนเองนี่มีนิสัยเป็นเด็กมากกว่าจอมยุทธ์เสียอีก.....แล้วอย่างนี้จะเรียกว่าเป็นการแก้ปัญหา หรือเพิ่มปัญหาดี

“หมอกต้องบอกเราตลอดนะ....เราเป็นห่วง” ฟ้าลั่นกล่าวในตอนท้าย ก่อนที่เงียบเสียงลงเพราะเข้าสู่ห้วงนิทรา
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 06-12-2006 18:03:59
น่ารักกุ๊กกิ๊กเหมือนเดิม  ชอบหมอกหง่ะ  เรื่องนี้ก็น่ารักโทนนี้แหละคะดีละ  แต่ชอบอ่านตอนที่หมอก ฟ้าลั่น ศิวะ หรือตอนคนมีปฏิกิริยาต่อกันมากกว่าตอนบรรยายนะคะ  ถ้าเพิ่มตรงส่วนนั้นได้ก็ดี  ส่วนเรื่องของการบรรยายก็ดีอยู่แล้ว  เห็นภาพและบรรยากาศดี แต่ก็อาจจะทำให้โทนเรื่องจืดไปบ้างนิดหน่อยคะ   แต่พออ่านถึงตอนไปร้าน Good View กันใช่มั้ยคะ  อยากบอกว่าร้านนี้นักร้องหล่อจังคะ สงสัยตอนนี้ไม่ใช่คนเดิมที่เคยเห็นละ  ขอเพลงก้อนหินละเมอจากเค้าด้วย  น่าร๊ากกกซ้า   :-[ 

ยังไงเป็นกำลังใจให้คุณ Andreas กับเรย์ด้วยน้า  รอตอนต่อไปจ๊ะ  อย่านานนา  รออยู่   :impress:

ปล  เรย์ไม่ต้องแก้ตัวหรอก  คือมันเห็น ๆ กันอยู่อะนะ   :try2:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 06-12-2006 21:11:40
คนหนึ่งไป อีกคนก็มา

หมอกนี่เสน่ห์แรงจริง  :angellaugh2:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: wee ที่ 06-12-2006 22:28:34
ความรักที่มีคู่แข่งสิถึงจะมันส์....
แต่คู่แข่งของนายฟ้าลั่น น่ะ จะไหวหรือ  ก็นายน่ะออกจะ perfect ขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 07-12-2006 11:46:32
มีตัวละครเพิ่มอีกแล้ว.............. :teach:

แต่คงมะใช่ตัวอิจฉาอย่างที่คุณ Andreas ว่า..............

................รออ่านต่อ.....................  :impress:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 07-12-2006 13:50:38
อืมมม

ลุ้นต่อไป


ชอบชอบ :kikkik:


พุห์ :kikkik:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: FlukeHub ที่ 07-12-2006 18:26:35
เหอๆๆ  ต่อแล้วๆๆ

รออ่านตอนต่อไป

หุหุหุ
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 08-12-2006 03:01:02
                                                                 :laugh:   น้องจอมยุทธุ์ มาแว้ววววว  ตัวแปรๆ หุหุ :laugh:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: GoneOn ที่ 08-12-2006 17:24:50
 " ครั้งนึงยังมี จอมยุทธ์ ออกเดินทางไปสุดฟ้า หวังเพื่อที่จะตามหา ยอดวิชาที่หายไป ... "

เหอ เหอ คนอะไร ชื่อเท่จริงๆเลย  :like2: 

รออ่านอยู่นะ บลู  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 09-12-2006 13:57:59
ยังไม่มา

ชิชิ :pigangry2:

พูห์ :serius2:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 09-12-2006 17:02:36
ยอมรับผิดครับ จะพยายามมาให้ทันถ้าเพื่อนๆที่อ่านหลักๆลงชื่อกันเกือบครบนะครับ

***************************************************************************




วันถัดมาจอมยุทธ์ก็เริ่มแผนการพิชิตใจของภูผาอย่างไม่รีรอ โดยทำการติดสินบนเป็นไอศกรีมรสดีที่ร้านโบ๊ท ให้กับพี่สาวนักศึกษาชั้นปีที่สี่ ผู้เป็นเพื่อนในสาขาวิชาเดียวกับภูผาเพื่อขอเบอร์โทรศัพท์ของภูผา โดยอ้างว่าจะโทรไปปรึกษาภูผาเรื่องเรียน.....พี่สาวที่ลงเสน่ห์น้องจอม ก็กระวีกระวาดพากันให้เบอร์โทรทั้งของตนเองและภูผาโดยปราศจากข้อแม้ใดๆ

หลังจากได้เบอร์โทรศัพท์ของภูผามาแล้ว จอมยุทธ์จึงตัดสินใจโทรศัพท์เข้าห้องพักของภูผาตอนเวลาประมาณสี่ทุ่มวันเดียวกัน โดยคาดว่าภูผาคงกลับถึงห้องพักเรียบร้อยแล้ว

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาในห้อง........ฟ้าลั่นเดินไปรับสาย และได้ยินเสียงปลายทางบอกว่า

“ขอสายพี่หมอกหน่อยครับ”

“ใครจะพูดด้วยครับ” ฟ้าลั่นกรอกเสียงลงไปเป็นคำถาม

“น้องจอมครับ”

ฟ้าลั่นวางหูโทรศัพท์บนโต๊ะแล้วเดินไปสะกิดเรียกภูผาที่นั่งดูการ์ตูนอยู่ บอกว่าจอมยุทธ์โทรมาหา

ภูผาแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็เดินมารับโทรศัพท์แต่โดยดี โดยมีฟ้าลั่นเดินตามมาติดๆ....... ภูผายกโทรศัพท์ขึ้นแนบหูพร้อมๆกับที่ลำตัวถูกแขนทั้งสองข้างของฟ้าลั่นโอบกอดจากด้านหลัง ให้นั่งลงบนตักของตน ที่โซฟารับแขกของห้องพัก...เวลานี้ฟ้าลั่นแสดงอาการหึงหวงออกมาอย่างเห็นได้ชัด

ฟ้าลั่นตัดสินใจกด speak phone เพื่อจะรับฟังประโยคสนทนาของทั้งคู่ โดยที่ภูผาก็ไม่ได้ปฏิเสธหรือห้ามปรามแต่อย่างใด เนื่องจากเข้าใจความรู้สึกในขณะนี้ของฟ้าลั่นเป็นอย่างดี

“สวัสดีครับ” ภูผากล่าวทักทาย

“สวัสดีครับ พี่หมอกผมจอมนะครับ....พี่หมอกอยู่คนเดียวหรือเปล่าครับ”

“พี่อยู่กับรูมเมทครับ น้องจอมมีธุระอะไรกับพี่หรือเปล่าครับ”

“I have heart‘s stuff to talk about’ จอมยุทธ์ตัดสินใจกล่าวประโยคภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงอเมริกันอย่างชัดเจนออกไป เนื่องจากไม่อยากให้บุคคลที่สามรับรู้ .....ซึ่งก็หมายถึงฟ้าลั่นนั่นเอง

“what?” ภูผาถามกลับไปด้วยภาษาเดียวกันอย่างเคยชิน โดยปกติภูผาจะไม่พูดภาษาอังกฤษ ถ้าคนรอบข้างหรือเพื่อนๆพูดภาษาไทย แต่จะใช้ภาษาอังกฤษเฉพาะเวลาที่อยู่ในห้องเรียนภาษาอังกฤษ หรือใช้สำหรับคำศัพท์เฉพาะที่มีในบทเรียนเท่านั้น ยกเว้นในกรณีที่มีคนพูดภาษาอังกฤษที่มีสำเนียงแบบคนท้องถิ่นกับเขา ซึ่งเขาก็มักจะตอบกลับเป็นภาษาเดียวกันโดยสัญชาติญาณเสมอ

“อะไรนะครับ” ภูผาเพิ่งนึกได้ว่าตอบภาษาอังกฤษกลับไป จึงรีบพูดเป็นภาษาไทยทันที เพราะเกรงว่าฟ้าลั่นจะไม่เข้าใจ แต่ฟ้าลั่นก็กระซิบเบาๆที่ข้างหูภูผาว่า

“พูดอังกฤษก็ได้ครับหมอก...เราชอบ......หมอกพูดเพราะดี”

“I wanna hear your voice before I go to sleep” จอมยุทธ์บอกความปรารถนาของตนในทันที่ว่าต้องการได้รับฟังเสียงของภูผาก่อนนอน

“Is that so important?” คำถามถึงความจำเป็นออกจากภูผาทันทีที่ได้ยินประโยคหวานนั้น

“Yeap, cuz I love you........so I wanna hear you say good night to me....then, for sure,  I am gonna have sweet dream”

ฟ้าลั่นที่นั่งฟังอยู่ก็แสดงอาการมั่นไส้ออกมาอย่างอดไม่ได้......แล้วก็ออกจะหึงหวงภูผาอยู่มาก...เขาเลยหอมแก้มภูผาไปหลายที จนภูผาต้องหันมาผลักฟ้าลั่นให้ลุกออกไป .....แต่สุดท้ายด้วยความแข็งแรงกว่า ฟ้าลั่นก็ยังนั่งกอดภูผาฟังการสนทนาต่อไป เขายังคงปักหลักนิ่งสนิทไม่ยอมลุกไปไหนทั้งสิ้น

“I am afraid that I could not return your wish” ภูผาตอบปฏิเสธ

“It is fine right now though, but I’m gonna call you every now and then until you love me......” จอมยุทธ์ยังคงดื้อดึง

“Thank you very much for your love, but I cannot accept it since my heart has already owned” ภูผาตอบกลับด้วยน้ำเสียงเป็นปกติ ส่งผลให้คนตัวใหญ่กว่าที่นั่งอยู่ด้านหลังอยู่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ พร้อมกับหอมแก้มภูผาอีกครั้ง เพราะประโยคที่ว่า “หัวใจพี่มีคนอื่นอยู่แล้ว” 

“Don’t be kidding.......... I know you have no one right now....... it is hardly to believe so” จอมยุทธ์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงมั่นใจในความคิดของตน

ภูผาขยับจะตอบอะไรบางอย่างกลับไป แต่ก็ไม่ทันเสียแล้วเพราะคนที่นั่งข้างหลังพูดสวนประโยคนั้นของจอมยุทธ์ ด้วยประโยคภาษาอังกฤษสำเนียงเดียวกับผู้ที่พูดมาก่อนหน้านี้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน ทำเอาภูผาแปลกใจอยู่ในที เนื่องเพราะไม่คิดว่าฟ้าลั่นจะพูดภาษาอังกฤษได้ดีเยี่ยมขนาดนี้

“I think, you should listen to him, because the one who owns his heart is sitting right here and of course is talking to you right now”

“If you don’t believe me, please come to see Bhupha tomorrow........ You will see a prove of evidence, I bet” ฟ้าลั่นกล่าวพร้อมแผนการที่คิดไว้ในใจ

“It must be some kind of jokes going on” จอมยุทธ์กล่าวออกมาอย่างขัดใจ

“Nop!!!!.......and good bye” ฟ้าลั่นกล่าวปิดการสนทนาพร้อมกับกดปุ่มวางหูโทรศัพท์ ก่อนจะหันมาภูผาจ้องมาที่ตนเองอย่างจริงจังพร้อมด้วยแววตาที่มีเครื่องหมายคำถามชัดเจน

“มีอะไรเหรอหมอก....โกรธเหรอที่เราบอกน้องเค้าอย่างนั้นน่ะ”

“ก็เราหวงหมอกนี่.....ใครจะไปทนได้ครับ ได้ยินผู้ชายคนอื่นมาบอกรักแฟนตัวเองน่ะ” ฟ้าลั่นอธิบายอย่างรวดเร็ว

“อืม...เปล่า....ไม่ได้โกรธ แต่สงสัยว่าทำไมนายพูดภาษาอังกฤษได้ดีขนาดนี้.....อย่างนั้นตลอดเวลาที่นายให้เราติวภาษาอังกฤษให้มาเกือบสามปีนี่....นายก็แกล้งเราใช่มั้ย” คนพูดเริ่มจะตั้งท่างอนขึ้นมา และทำท่าจะลุกขึ้นจากตักของคนตัวใหญ่กว่า.....เป็นเหตุให้ฟ้าลั่นต้องรีบกอดลำตัวบางไว้อย่างแน่นหนา

“ก็......เราชอบฟังเสียงหมอกพูดอังกฤษแบบผู้ดีนี่นา...น่าฟังออก...อีกอย่างตอนนั้นเราก็รู้สึกดีที่หมอกอยู่ข้างๆเรา คอยติวให้เราอย่างตั้งใจ........ก่อนที่เราจะรู้ว่ารักหมอกเข้าให้เสียหมดหัวใจขนาดนี้น่ะ” ฟ้าลั่นอธิบายอย่างช้าๆ ด้วยน้ำเสียงนุ่มของตน ส่งผลคนฟังเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่ตั้งใจ

“เฮ้อ......ทำไมเราต้องเป็นโรคแพ้ความหวานของนายด้วยนะเนี่ย.............” ภูผาส่ายศีรษะไปมา

“หวานแบบนี้โกรธไม่ลงแล้ว....คุณชายฟ้าลั่น” คนพูดไม่พูดเปล่าหันมาจับแก้มสากๆของฟ้าลั่นดึงไปมาเล่นๆ ด้วยความรักใคร่อย่างเต็มที่

“แล้วนายเรียนภาษาอังกฤษที่ไหน...เท่าที่รู้.....นายไม่ได้ไปเรียนที่เมืองนอกไม่ใช่เหรอ...แถมอยู่โรงเรียนธรรมดามาตลอดอีก” ภูผาถามด้วยความสงสัย

“ก็แม่เราเกิดและโตที่อเมริกานี่นา ก่อนจะเจอกับพ่อเราตอนไปเรียนหมอที่นั่น แล้วก็ย้ายตามพ่อมาอยู่เมืองไทย...... แม่พูดภาษาอังกฤษกับเราตั้งแต่เกิด ไม่เคยพูดภาษาไทยเลยด้วยซ้ำ มีแต่พ่อที่พูดภาษาไทยกับเรา.....จนบัดนี้แม่เรายังพูดภาษาอังกฤษกับเราคนเดียวอยู่เลย หมายถึงตอนอยู่กันแค่สามคน คือเรา แม่เรา แล้วก็พ่อเรานะ....ทั้งๆที่คนอื่นแม่ก็พูดภาษาไทยด้วยทุกคน” ฟ้าลั่นเท้าความให้คนรักเขาเข้าใจ

“แล้วนายเพิ่งมาบอกเรานี่นะ” ภูผาร้องถามอย่างขัดใจ

“อ้าว....ก็นายไม่เคยถามนี่นา...อีกอย่างเราก็ไม่เคยเรียนภาษาอังกฤษห้องเดียวกัน นายไม่รู้ก็ไม่แปลกอะไรนี่นา......เราเองยังไม่รู้ว่านายพูดแบบอังกฤษ-อังกฤษ ถ้านายไม่พูดออกมา.....ว่าแต่เราเถอะ เราไม่เห็นนายพูดภาษาอังกฤษกับใครเลย เห็นพูดแต่ภาษาไทยตลอด” ฟ้าลั่นแก้ตัว พร้อมยกตัวอย่างภูผาเองมาเพื่อเพิ่มน้ำหนักของตนอีกด้วย

“อืม....ก็ไม่ค่อยอยากพูด.....กลัวเค้าหาว่าหัวสูง...เลยเงียบดีกว่า” ภูผาบอก

“เราก็เหมือนกัน” ฟ้าลั่นกล่าวสมทบ 

“เราว่า.......นอนดีกว่า ดึกแล้ว...พรุ่งนี้เรามีเรียนตอนเช้า” ฟ้าลั่นตัดบท และเดินจูงมือภูผาเข้าไปในห้องนอน เหตุเพราะต้องรีบดำเนินแผนการประกาศความเป็นเจ้าของในตัวภูผา....คนรักของตน..... เพื่อเป็นการสั่งสอนนายจอมยุทธ์.....คนที่บังอาจมาจีบคนที่ตนรักที่สุด

ช่วงที่ภูผาหลับสนิท ฟ้าลั่นก็เริ่มแผนการที่วางไว้ เพื่อสร้างหลักฐานให้จอมยุทธ์ได้เห็นว่าภูผามีเจ้าของแล้ว โดยเอื้อมมือมาแกะกระดุมเสื้อชุดนอนของภูผาออกเบาๆ แล้วค่อยๆ ขยับตัวออกห่าง พลิกตัวภูผาให้นอนหงาย ก่อนแนบจมูกลงไปสูดความหอมของร่างกายตลอดท่อนบนของภูผา สุดท้ายค่อยๆทำการฝังรอยจูบไว้บนลำคอและช่วงหน้าอกของภูผาไว้อย่างละหนึ่งรอย โดยกะให้เห็นได้แต่ไม่ชัดเจนนัก

“ฟ้าลั่น......อืมมมมมมมมมมม  อย่ากวนดิ....จะนอนอ่ะ” ภูผาพูดเสียงเบางัวเงีย เพราะรู้สึกว่าลำตัวส่วนบนถูกลุกล้ำโดยคนข้างกาย

“ก็หมอกตัวหอมนี่ครับ........แก้มก็หอม...หอมไปทั้งตัวเลยครับ” ฟ้าลั่นนอนทับลงมาที่ร่างกายภูผา กระซิบเสียงกระเส่า.....เข้าที่ข้างหูเบาๆ ก่อนจะหอมแก้มใสๆ อีกหลายที

“อืมมมมมมมม......จา นอนนนนนนนน” ภูผาอ้อนวอนด้วยเสียงอ่อนแรง ทำให้คนที่แกล้งอยู่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ในความน่ารักของคนที่ตนรัก.....

“หนักกกกกอ่ะ........ลงไปได้แล้ว” ภูผาคร่ำครวญ และพยายามผลักฟ้าลั่นลงไปจากตัว แต่ก็ไม่วายจะจูบไปที่แก้มสากๆของฟ้าลั่นไปหนึ่งที เพื่อเอาใจ

“ฟ้าลั่นไม่กวนหมอกแล้วครับ........ไม่ไหว....เดี๋ยวห้ามใจตัวเองไม่อยู่..........” ฟ้าลั่นส่งเสียงทุ้มนุ่มเบาๆที่ข้างหูภูผา แล้วจึงขยับพลิกตัวลงมานอนข้างๆภูผา คว้าร่างบางขึ้นมากอดแนบอก ประทับจูบลงไปบนผมสีดำสนิทที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆของแชมพูสระผมติดอยู่อีกครั้ง ก่อนกระซิบบอกประโยคสำคัญว่า

“ฟ้าลั่นรักหมอกนะครับ.....รักมากกว่าใครๆ”

ตลอดทั้งคืนฟ้าลั่นก็ยังคงกวนภูผาอย่างต่อเนื่อง......ทั้งกอด....ทั้งหอม เพื่อให้นอนไม่เต็มอิ่ม และจะได้ตื่นสาย ต้องกระวีกระวาดไปเรียนหนังสือโดยไม่ทันสังเกตเห็นร่องรอยแปลกปลอมที่เกิดขึ้นที่ซอกคอและหน้าอกของตน

เป็นดังที่ฟ้าลั่นคาดการณ์......ภูผาตื่นสายจนเกือบจะไปเรียนไม่ทัน หลังจากที่อาบน้ำและแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็รีบไปเรียนหนังสือ แม้จะเร่งเวลาเต็มที่แต่ก็ยังมาสายไปสิบนาทีจนได้ โชคดีที่วิชาเรียนใช้ห้องต่างระดับขนาดใหญ่เป็นที่เล็กเชอร์ และมีประตูทางเข้าทางด้านหลัง ภูผาจึงแอบย่องเข้าไปเรียนโดยที่อาจารย์ผู้สอนไม่รู้ตัว

หลังจากเรียนเสร็จภูผาก็เขาไปนั่งอ่านหนังสือและจัดการกับเอกสารในห้องสโมสร จากนั้นไม่นานจอมยุทธ์ก็เดินเข้ามาหา ด้วยความมั่นใจอย่างเดิม

“สวัสดีครับพี่หมอก” จอมยุทธ์ทักทายพร้อมส่งสายตาสำรวจไปที่ร่างกายของภูผาอย่างถือวิสาสะ จนไปสะดุดที่รอยจูบที่ซอกคอและที่อกขาวนวล

“สวัสดีครับ” ภูผาทักทายกลับโดยมารยาท

“คนที่อยู่กับพี่หมอกเมื่อคืนเป็นใครเหรอครับ” จอมยุทธ์รุกด้วยคำถามสำคัญ

“เอ่อ......” ภูผาอ้ำอึ้ง...ในที่สุดก็ตัดสินใจบอกไปตามตรง เพื่อตัดปัญหา

“แฟนพี่เองครับ”

“จริงหรือครับ”

“จริงซิครับ” ภูผาย้ำ

“ว้า.....อย่างนั้นก็เป็นอย่างที่ผมคิด............ชัวร์เลยครับ” จอมยุทธ์พูดออกมา หลังจากสังเกตเห็นรอยแดงๆผิดปกติที่ซอกคอและหน้าอกของภูผา ก่อนจะอธิบายให้เจ้าของดวงตาที่ปรากฏเครื่องหมายคำถามอยู่ได้รับฟัง

“ก็..........แฟนพี่หมอกนี่ฉลาดดีนะครับ.....อุตสาห์ฝากรอยจูบมากันท่าผมซะขนาดนี้”

“น้องจอมพูดว่ารอยจูบ...รอยจูบที่ไหนเหรอครับ” ภูผาถามก่อนจะหันซ้ายหันขวา และพยายามก้มลงมามองสำรวจความผิดปกติที่ร่างกายตัวเองอย่างรวดเร็ว

“อ้าว...ก็รอยจูบที่ซอกคอ กับที่หน้าอกพี่งัยครับ......ผมนึกแล้วว่าพี่ต้องไม่เห็น ไปส่องกระจกดูซิครับ...พี่........เอ่อ” จอมยุทธ์กล่าวไม่จบประโยค เพราะว่าคนฟังรีบวิ่งตรงไปที่ห้องน้ำอย่างรวดเร็ว

หลังจากสำรวจดูรอยจูบที่ปรากฏที่คอและหน้าอกตนเองแล้ว....ภูผาก็เกิดอาการโกรธฟ้าลั่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้.....โทษฐานที่อาจทำให้คนอื่นๆทั้งคณะเห็นรอยจูบนี้หมดแล้ว......ยิ่งคิดก็ยิ่งอาย

“แล้วเราจะแก้ตัวกับคนอื่นๆงัยดีนี่......ไอ้ฟ้าลั่นบ้า.....เย็นนี้จะเอาคืนเสียให้เข็ดเลย” ภูผาบ่นกับตนเอง พร้อมเก็บความแค้นไว้ในใจ ก่อนทำใจเดินออกมาจากห้องน้ำ และพบจอมยุทธ์กำลังยืนรออยู่

“ฝากบอกแฟนพี่ด้วยนะครับ.....ว่าผมไม่ยอมแพ้หรอกครับ.....พี่ต้องเป็นแฟนผมให้ได้ครับ” จอมยุทธ์ยิ้มกว้างให้คนฟังที่ยืนนิ่งสนิทอยู่ และเดินจากไปอย่างมั่นใจในตนเองยิ่งนัก

ตอนเย็นหลังจากเลิกเรียนเสร็จ........ฟ้าลั่นถูกภูผาจับทุ่มบนเตียงเสียหลายรอบ โทษฐานที่สร้างรอยตำหนิไว้ที่ลำคอจนทำให้เพื่อนๆหลายๆคนสงสัย จนเป็นเหตุให้เขาต้องตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก ถึงขนาดหาข้อตัวไม่ถูกเลยทีเดียว สุดท้ายก็ต้องใช้ข้ออ้างว่าถูกยุงกัดกับเพื่อนๆช่างสงสัยเหล่านั้น

“พอแล้ว.....หมอก.....อย่าโกรธฟ้าลั่นเลยนะครับ” ฟ้าลั่นอ้อนวอนภูผา ที่ตอนนี้ทุ่มตัวเขาไปนอนบนเตียงเป็นรอบที่ 5 แล้ว

“แล้วนายมาทิ้งรอยจูบไว้บนคอเราทำไม...... หาวิธีอื่นบอกให้น้องจอมเค้ารู้ดีกว่านี้หน่อยไม่ได้หรืองัย....หา....ไอ้คุณฟ้าลั่น” ภูผาบอกอย่างเหนื่อยหอบ หลังจากหยุดพักการทุ่มฟ้าลั่นชั่วคราว

“อ้าว......เราคิดว่าวิธีนี้ดีที่สุดแล้วนะหมอก........น้องจอมเค้าจะได้คิดว่าเรากับนายมีอะไรกันแล้ว.....เค้าจะไม่ต้องมายุ่งกับนายอีกงัย” ฟ้าลั่นพยายามอธิบายเสียงสั่นเพราะเหนื่อยเอาการจากการถูกทุ่มหลายครั้งเช่นกัน

“ไอ้บ้า......แล้วรู้หรือป่าวว่าน้องเค้าตอบมาว่ายังงัย” ภูผาตะโกนบอก

“ไม่รู้.....บอกมาดิ” ฟ้าลั่นยักคิ้วยิ้มให้

“ยังจะมายิ้มอีก.......เค้าบอกว่า ฝากบอกแฟนพี่ด้วยนะครับ.....ว่าผมไม่ยอมแพ้หรอกครับ.....พี่ต้องเป็นแฟนผมให้ได้”

“ว้า.......ผิดคาด....งั้นเราคงต้องรีบมีอะไรกันเสียจริงๆแล้วแหล่ะหมอก.......น้องเค้าจะได้สังเกตชัดเจนขึ้นอีก” ฟ้าลั่นยิ้มอย่างหมายมั่น

“ไอ้บ้าฟ้าลั่น.....มันไม่เห็นจะเกี่ยวกันตรงไหนเลย........”

“ไม่รู้แล้ว.....ถ้านายไม่อยากให้น้องเค้ามายุ่งกับเรา....นายก็ต้องรีบจัดการซะ.......แต่ห้ามทำอะไรบ้าๆ หรืออะไรรุนแรงเด็ดขาดนะ......สงสารน้องเค้า” ภูผาพูดเป็นชุด พลางมองฟ้าลั่นอย่างเอาเรื่อง

“อืม........ถ้าถึงที่สุดจริงๆ คงต้องเรียกน้องเค้ามาคุย........” ฟ้าลั่นเริ่มใช้น้ำเสียงเป็นงานเป็นการบอกภูผา

“อย่างนั้นน้องเค้าก็จะรู้เรื่องของเราซิ...........ถ้าน้องเค้าไปบอกคนอื่นๆ เค้าจะได้ว่านายว่าเป็นเกย์น่ะซิ.......อย่าเลยฟ้าลั่น...มันไม่คุ้มหรอก” ภูผาลดเสียงลงเช่นกัน พยายามห้ามปรามความคิดนั้นของฟ้าลั่น เนื่องจากไม่ต้องการให้ฟ้าลั่นถูกตั้งข้อรังเกียจในหมู่เพื่อนชายในคณะ

“ไม่เห็นเป็นไรเลยหมอก....ชีวิตของเรา......ถ้าเพื่อนสนิทเรารับไม่ได้.....มันก็คงไม่เรียกว่าเพื่อนแล้วมั้ง......อีกอย่างเรารักนายมากนะหมอก......เราจะอยู่กับนายไปตลอด......แล้วเราจะกลัวอะไรอีก.....อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดนะหมอก” ฟ้าลั่นกล่าวอย่างจริงจัง จนทำให้คนฟังต้องเดินเข้ามาหา พร้อมให้ของขวัญเป็นการหอมแก้มสากๆไปหนึ่งที ก่อนจะวิงหนีออกมาอย่างรวดเร็วเพราะมิเช่นนั้นอาจถูกคนตัวใหญ่กว่าจับตัวไว้....สุดท้ายก็ต้องถูกหอมแก้มอีกหลายทีแน่นอน.....ฟ้าลั่นจึงได้แต่หัวเราะเบาๆในความน่ารักอย่างสม่ำเสมอของคนที่ตนรัก

“เฮ้อ.........เอาเป็นว่า....มันน่าจะมีทางอื่นนะฟ้าลั่น.....” ภูผากล่าวออกมาในตอนสุดท้าย

อย่างไรก็ตาม.....แม้ว่าฟ้าลั่นจะฝากรอยรักเป็นพยานให้จอมยุทธ์เห็นว่าภูผามีเจ้าของแล้ว ตลอดจนภูผาก็บอกว่าตนเองมีคนรักแล้วเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้ทำให้จอมยุทธ์ยกเลิกความคิดในการจีบภูผาแต่อย่างใด กลับหวังจะเอาชนะหัวใจของภูผาให้ได้เร็วขึ้น .....โดยที่ไม่เคยคิดเลยว่า....ตัวเองจะไม่มีวันชนะในเกมนี้.........เกมที่หัวใจต้องผ่ายแพ้....กับความผูกพันของทั้งคู่

ดังนั้นทุกๆคืนจอมยุทธ์จึงโทรศัพท์เข้ามาพูดคุยกับภูผาตลอด โดยมีฟ้าลั่นนั่งฟังด้วยอยู่ทุกครั้งไป ....ตอนแรกๆฟ้าลั่นก็ใช้ไม้แข็งขู่กลับไปบ้าง.....แต่มาในระยะหลังๆ หลังจากเฝ้าดูพฤติกรรมของจอมยุทธ์แล้ว ฟ้าลั่นพบว่าจอมยุทธ์เป็นเด็กนิสัยดีคนหนึ่ง แม้อาจจะดื้อไปบ้าง แต่ก็เป็นคนมีน้ำใจและค่อนข้างอ่อนโยน เพียงแต่ไม่ชอบให้ใครใช้ไม้แข็งกับตน ดังนั้นทั้งภูผาและฟ้าลั่นจึงตัดสินใจใช้ไม้อ่อนกับจอมยุทธ์ เพื่อเกลี้ยกล่อมให้เห็นว่าสิ่งที่จอมยุทธ์เรียกว่า “ความรัก” นั้น มันเป็นแค่ความหลงชั่วคราวเท่านั้น ไม่ใช่ความรักแต่ประการใด

ฟ้าลั่นตัดสินใจชวนจอมยุทธ์ให้มาเล่นเทนนิสกับตนและภูผา รวมถึงเพื่อนๆในกลุ่มเดียวกัน เพื่อเรียนรู้นิสัยของจอมยุทธ์ให้มากขึ้น รวมถึงยังเป็นการแสดงความมั่นใจให้จอมยุทธ์เห็นอีกด้วยว่า แม้จะมีบุคคลที่สามเข้ามากั้นกลาง ฟ้าลั่นและภูผาก็ไม่เคยคิดจะแยกจากกัน กลับคอยดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกันมากขึ้น โดยไม่คิดจะหลบหน้าหรือหลีกเลี่ยงการพบปะกับบุคคลนั้นแต่อย่างใด

บางทีฟ้าลั่นและภูผาก็ชวนจอมยุทธ์ไปทานข้าวเย็น ไปดูหนัง หรือแม้จะไปเที่ยวกลางคืนก็ตาม รวมถึงการติวหนังสือให้ตอนสอบมิดเทอมอีกด้วย .......

ในที่สุดจอมยุทธ์ก็ตระหนักดีว่า ไม่อาจทำให้ภูผาเปลี่ยนใจมาหาตนได้ เพราะภูผาและฟ้าลั่นมีรักที่มั่นคงต่อกันนั่นเอง และยิ่งทราบว่าฟ้าลั่นเป็นคนช่วยชีวิตภูผาจากการตกน้ำครั้งก่อน รวมถึงช่วงเวลาแห่งความทุกข์ที่ทั้งสองคนต้องเผชิญ มันทำให้เขายอมรับและซาบซึ้งไปกับความรักที่เกิดขึ้นกับพี่ชายทั้งสองคนของเขา

ดังนั้นจอมยุทธ์จึงเลือกที่จะสนับสนุนพี่ชายต่างสายเลือดของตนให้มีความสุขตลอดไป ........ความรู้สึก “รัก” ของจอมยุทธ์ ในตอนนี้จึงเปลี่ยนไป.... กลายเป็นความเคารพนับถือทั้งภูผาและฟ้าลั่นมากกว่าใครๆ แม้กระทั่งพี่ชาย พี่สาวแท้ๆของตนก็ตาม

อีกประการหนึ่งที่สำคัญ ฟ้าลั่นและภูผาได้แสดงให้จอมยุทธ์เห็นว่า สิ่งที่คิดว่ามันคือ “รัก” นั้น แท้ที่จริงมันคือความรู้สึก “หลงใหล” ชั่วครู่ชั่วยาม ซึ่งไม่ถือว่าเป็นความผิด เพียงแต่แต่ต้องรีบหาคำตอบและถอนตัวออกมาโดยเร็ว เพื่อที่จะก้าวเดินต่อไปสู่ทางเลือกใหม่ๆ ในอนาคตของตนต่อไป

สรุปว่าหลังจากที่ศิวะ....พี่ชายที่แสนดี.....ของทั้งคู่จากไปเรียนต่อเมืองนอก.....ทั้งภูผาและฟ้าลั่นกลับได้น้องชายที่น่ารักมาอีกหนึ่งคนเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน......

และน้องชายคนนี้ก็ดูเหมือนจะเจริญรอยตามฟ้าลั่นและศิวะได้อย่างดีเยี่ยม.....เพราะบัดนี้เริ่มกลายเป็นเสือตัวน้อยๆที่เริ่มออกล่าเหยื่อซึ่งเป็นสาวๆและหนุ่มๆทั่วมหาวิทยาลัย.......จนบางครั้งภูผาก็เกิดอาการหมั่นไส้ในความเจ้าชู้ของน้องชายคนใหม่ จึงแอบรับโทรศัพท์ของจอมยุทธ์เวลามานั่งอ่านหนังสือการ์ตูนหรือพักผ่อนที่ห้องพักของตน แล้วอ้างว่าตัวเขาเป็นแฟนของจอมยุทธ์ .........

จนกระทั่งวันหนึ่งจอมยุทธ์จับได้เลยบอกว่า

“โห.....พี่หมอกน่ะใจร้าย.....อย่างนี้ผมก็อดมีแฟนกันพอดี”

“ยังมาพูด...แล้วที่มีอยู่เกือบสิบคนนี่ ...เค้าเรียกว่าอะไรหา” ภูผาสวนกลับ พร้อมกับมอบค้อนวงใหญ่ให้

“แหม  พี่หมอกก็......ทำเป็นหัวโบราณไปได้......เค้าเรียกว่าคู่ควงครับพี่.....ผมก็กำลังหาแฟนอยู่ด้วยนะ.....เจอคนเป็นแฟนก็เรียกว่าแฟน..........ไม่ใช่ก็เป็นคู่ควง”

“ทีพี่ฟ้าลั่นไม่เห็นพี่หมอกหวงเลย......มาหวงผมทำมัยนี่........อย่าบอกนะว่าแอบนอกใจพี่ฟ้าลั่นมาชอบผมอ่ะ”

“ผมจะได้รีบประกาศให้รู้กันทั่วไปเลย ว่าพี่หมอกเปลี่ยนจากพี่เป็นแฟนผมแล้ว” จอมยุทธ์หัวเราะเสียงดัง ทำท่ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ กระโดดโลดเต้นอยู่บนโซฟารับแขก ซึ่งบัดนี้เจ้าตัวแทบจะยึดไว้ครอบครองแต่ผู้เดียว นับตั้งแต่ได้รับอนุญาตให้เข้ามานอนเล่น หรือ พักผ่อนที่ห้องนี่ได้ระหว่างรอเรียนวิชาต่างๆ ในตอนกลางวัน

“ฝันไปเถอะไอ้เสือน้อย..........ผ่านพี่ไปให้ได้ก่อน” ฟ้าลั่นที่นั่งทำรายงานอยู่ได้ยินจึงเกิดอาการหมั่นไส้ความทะเล้นของจอมยุทธ์จึงพูดสวนขึ้นมา

“โอ๋ย......พี่ฟ้าลั่นโกรธแล้ว.......ผมไม่เอาพี่หมอกหรอกครับ.....คนอะไรไม่รู้ดุจะตาย...ไม่รู้พี่ฟ้าลั่นทนไปได้งัย” จอมยุทธ์ยังไม่วายบ่นต่อ

“ว่าใครดุหา.....พี่ออกจะใจดี” ภูผาพูดเสียงเย็น ส่งผลให้คนหน้าทะเล้นหุบยิ้มทันที

“คร๊าบ...พี่หมอกใจดีที่สุด.....ไม่ดุเลยคร๊าบบบบบ” จอมยุทธ์รีบพูดประจบก่อนที่ตนเองจะโดนภูผาเล่นงาน

“คนรักกันน่ะจอม......อยู่ด้วยกันได้โดยไม่ต้องทนหรอกนะ....เพราะว่ามันจะมีแต่ความสุขและความเข้าใจซึ่งกันและกัน” ฟ้าลั่นสรุปให้จอมยุทธ์ฟัง

*************

จนแล้วจนรอด.......แม้ภูผาจะพยายามตักเตือนเรื่องความเจ้าชู้ให้จอมยุทธ์ฟังบ่อยๆ....แต่ก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไหร่ เจ้าตัวยังคงสนุกสนานกับการจีบสาวๆและหนุ่มๆอยู่ดี

“แหม...พี่หมอกก็.....ผมเชื่อฟังพี่ทุกอย่างนะครับ.....ยกเว้นเรื่องนี้เรื่องเดียว....ผมขอแล้วกัน......ถ้าผมได้แฟนอย่างพี่หมอก...ผมก็จะมีเค้าเพียงคนเดียวครับ” นี่คือคำพูดติดปากที่จอมยุทธ์กล่าวตอบภูผาเวลาที่ภูผาตักเตือน

“วันใดที่ผมพบเจอคนที่ผมรักที่สุด.....รักมากกว่าพี่หมอก.....ผมก็จะหยุดครับ......แล้วจะมอบความรักให้กลับคนคนนั้นเพียงคนเดียวครับ” จอมยุทธ์ให้สัญญาอย่างหนักแน่น โดยตนเองไม่มีทางจะรู้เลยว่า ในอนาคตข้างหน้าเพียงไม่กี่ปี จอมยุทธ์จะพบเจอคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตถึงสองคนต่างเวลากัน คนหนึ่งคือคนที่ตนเองเฝ้าทะนุถนอมเอาใจใส่ และสัญญาว่าจะดูแลไปตลอดชีวิต........ อีกคนหนึ่งคือหุ้นส่วนของชีวิตที่ขาดไม่ได้เช่นกัน


หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 10-12-2006 16:17:33
ทำไมเรื่องนี้ทุกคนเป็นคนดีเช่นนี้ ไม่มีตัวอิจฉาเลยเหรอ  :try2:

รออ่านต่อไป :impress:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 11-12-2006 14:11:59
วิธีบอกของฟ้าลั่นนี่ดีเนอะ  อิอิ  มันจาเห็นกันขนาดนั้นเลยเหรอ  ไม่น่าเชื่อเรย   :try2:

รออ่านต่อ  ชอบหมอก  น่ารัก น่ารัก   :impress:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: FlukeHub ที่ 11-12-2006 14:44:38
อ่ะนะ

 :o

จอมยุทธ์จะมีแฟน 2 คนเหรอ

งง  :confuse:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 11-12-2006 16:01:05

“วันใดที่ผมพบเจอคนที่ผมรักที่สุด.....รักมากกว่าพี่หมอก.....ผมก็จะหยุดครับ......แล้วจะมอบความรักให้กลับคนคนนั้นเพียงคนเดียวครับ”


เมื่อไหร่จาเจอว้า..................... :angellaugh2:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: GoneOn ที่ 11-12-2006 21:39:47
บลู รออ่านอยู่นะจ้ะ

รีบๆมาด้วยล่ะ  :pigangry2:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 12-12-2006 14:20:22
เหอเหอ :untrust:

อยากมีแบบนี้บ้างจังวุ้ย


พุห์ :laugh:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 12-12-2006 21:17:57
ไปแนวที่ผมชอบเลยครับ คล้ายนิยายเกาหลี สะท้อนชีวิตจริงของคนเรา
ไม่มีใครอยากได้ชื่อว่าเป็นคนเลว แต่บางครั้งความรักก็ทำให้คนหลงทำอะไรผิดๆไป
กว่าจะรู้ตัวก็ทำร้ายคนที่เรารักไปเสียแล้ว

***************************************************************************


บทที่ 13 ตามหัวใจไปสู่ฝัน

นับเป็นเวลากว่าเกือบห้าเดือนแล้วที่จอมยุทธ์กลายเป็นแขกประจำห้องพักของภูผาและฟ้าลั่น เขาซื้อข้าวของจำเป็นต่างๆเข้ามาไว้ที่ห้องของทั้งคู่ ราวกับว่าเป็นห้องพักของตนเอง ทั้งๆที่ก็มีห้องห้องพักเดี่ยวขนาดเล็กถัดไปในชั้นเดียวกันที่บิดาและมารดาเช่าไว้ให้พักผ่อนในช่วงวันเรียนหนังสือ เพราะไม่ต้องการให้จอมยุทธ์ขับรถกลับบ้านที่ไกลออกไปจากตัวเมืองในกรณีที่เลิกเรียนค่อนข้างดึก ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้น รวมถึงยังไว้ใจภูผาและฟ้าลั่นว่าคงจะดูแลและห้ามปรามลูกชายของตนไม่ให้ไปก่อเรื่องร้ายที่ไหนได้เป็นอย่างดี

เนื่องจากก่อนหน้านั้นจอมยุทธ์ได้พูดกรอกหูบิดามารดาทุกวันว่าพี่ชายทั้งสองเป็นคนดี น่ารัก เรียนเก่ง แถมช่วยติวหนังสือให้กับเขาที่ไม่ได้ศึกษาเล่าเรียนในระบบการศึกษาของไทยมาก่อนให้สามารถสอบได้คะแนนดี จนทำให้คุณรพีพรรณ ....มารดาของจอมยุทธ์ต้องเอ่ยปากชวนภูผาและฟ้าลั่นไปรับประทานอาหารเย็นที่บ้านเป็นครั้งแรกเมื่อห้าเดือนก่อน

หลังจากเห็นกิริยามารยาทและบุคลิกของภูผาและฟ้าลั่น คุณรพีพรรณและคุณวิศรุต มารดาและบิดาของจอมยุทธ์ก็เกิดความประทับใจอย่างมาก ถึงขนาดเอ่ยชมอยู่ตลอดเวลา รวมถึงเรียกขานทั้งสองหนุ่มว่า “ลูก” อย่างเต็มใจ เล่นเอาจอมยุทธ์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทีเดียว เพราะยินดีกับพี่ชายทั้งสองคนที่ได้รับการยอมรับและไว้วางใจโดยบิดาและมารดาของตน

นั่นจึงเป็นสาเหตุให้คุณรพีพรรณและคุณวิศรุต ยินดีและสนับสนุนให้จอมยุทธ์เช่าห้องพักอยู่ข้างๆ ห้องของภูผาและฟ้าลั่นได้ แถมด้วยการฝากฝังให้ทั้งสองหนุ่มช่วยดูแลและจัดการดัดนิสัยของลูกคนเล็กของตนให้อยู่หมัดอีกด้วย  

หลังจากนั้นเป็นต้นมาจอมยุทธ์จึงกลายมาเป็นแขกประจำห้องพักของภูผาและฟ้าลั่นจนกระทั่งทุกวันนี้ โดยที่สองหนุ่มคู่รักก็มิได้รังเกียจหรือเกิดความอึดอัดแต่อย่างใด เพราะก่อนหน้านั้นก็มีศิวะหรือพี่เสือที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของทั้งคู่เช่นกัน

และเนื่องจากจอมยุทธ์เป็นคนมีน้ำใจ มีระเบียบวินัยในตนเองสูง จึงไม่เคยทำให้ห้องรกหรือสกปรก หรือสร้างความไม่สบายใจแก่ภูผาและฟ้าลั่นแต่อย่างใด จอมยุทธ์รู้จักกาลเทศะเป็นอย่างดี

หน้าที่ประจำของจอมยุทธ์ที่เขาอาสาทำให้พี่ชายทั้งสองคนอย่างเต็มใจก็คือ การซื้ออาหาร ขนม และผลไม้ มาใส่ไว้ในตู้เย็นตลอดเวลา จนฟ้าลั่นก็เอ่ยปากห้ามอยู่หลายครั้ง ยกเว้นภูผาที่มิได้เอ่ยอะไร เพราะชอบรับประทานอาหารหรือขนมที่จอมยุทธ์ซื้อมา

“จอม......คราวหลังไม่ต้องซื้อขนมมาเยอะนักก็ได้.........พี่ยังอยากให้แฟนพี่หุ่นดีอยู่นะ....ไม่อยากได้แบบอวบๆนักหรอก” ฟ้าลั่นถือโอกาสเปิดหัวข้อสนทนาขณะที่ทั้งสามคนนั่งเล่น ดูทีวี และอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบอยู่ในห้องด้วยกัน เพราะข้างนอกฝนตกหนัก ไม่สะดวกต่อการออกไปข้างนอก เขาสังเกตว่าช่วงนี้ภูผาดูเจริญอาหารขึ้นอย่างผิดปกติ

“เฮ้ย......เราไม่ได้อ้วนซะหน่อย......... ถ้าไม่ชอบเราก็ไปหาคนอื่นเลย......” ภูผาได้ยินจึงรีบประท้วง ก่อนจะขว้างหมอนไปใหญ่ไปที่คนพูด

ฟ้าลั่นตั้งท่าระวังอยู่ก่อนหน้าแล้ว จึงทำให้หมอนที่ถูกขว้างมาไม่สัมผัสกับส่วนใดๆของร่างกายของเขาแต่อย่างใด คนรับหมอนได้ยังมีแก่ใจยักคิ้วให้เล็กน้อยเป็นการล้อเลียน

“โอ๋.....หมอกอย่างอนซิครับ......เราก็แหย่เล่น......ใครจะไปทิ้งหมอกได้ล่ะครับ.........หัวใจเราอยู่กับหมอกนี่นา...ทิ้งหมอกไปเราก็ตายซิ” ฟ้าลั่นรีบง้อทันที ก่อนจะเดินมาโอบกอดภูผาที่นั่งอยู่บนโซฟาทางด้านหลัง พร้อมกับหอมแก้มใสๆไปหนึ่งที เล่นเอาจอมยุทธ์ที่นั่งมองดูอยู่อดไม่ได้ต้องแซวออกมา

“โอ๊ย......หวานกันจริงคู่นี้......เมื่อไหร่เราจะมีแฟนซะทีนี่......จะได้ไม่ต้องมาอิจฉาพี่ทั้งคู่นี่......เฮ้อ” คนพูดแกล้งทำเป็นถอนหายใจแรงๆ เรียกร้องความสนใจ

“ก็รีบหาซิไอ้เสือจอม......มัวแต่ลอยไปลอยมาอยู่แบบนี้.....นายก็คงหาเจออยู่หรอก” ฟ้าลั่นหันหน้าไปสั่งสอนเจ้าน้องชายตัวดี

“แหม...พี่ถ้ามันหาง่ายอย่างนั้น.......ผมคงเจอไปนานแล้วแหล่ะครับ.....ไม่ต้องมาทนนั่งดูพี่สองคนสวีตกันให้เจ็บหัวใจป่าวๆ”

“เฮ้อ.....เลิกพูดเรื่องนี้ดีกว่า....พูดที่ไรก็เจ็บใจทุกที.......เอาเป็นว่าผมไม่ซื้อขนมที่กินแล้วอ้วนมาแล้วดีกว่า....หาซื้อผลไม้มาดีที่สุด.....ผมก็ไม่อยากให้พี่หมอกที่รักของผมเป็นหมูด้วย......”จอมยุทธ์ตัดบท ก่อนจะหัวเราะชอบใจเพราะได้แกล้งล้อพี่หมอกที่น่ารักของตน

เจ้าน้องชายตัวดีมัวแต่หัวเราะเพลินจึงไม่ทันระวัง หมอนใบใหม่ก็ถูกโยนมาจากภูผาก็กระทบศีรษะอย่างจัง

“โอ๋ย...พี่หมอกใจร้าย.....ชอบทำร้ายร่างกายผม...”จอมยุทธ์แกล้งโอดครวญ

“ดีแล้ว .......สมน้ำหน้า หาว่าพี่อ้วน.....”ภูผาตอกกลับทันทีด้วยความสะใจ

“โห...พี่หมอกก็..... ผมล้อเล่น....พี่หมอกหุ่นดีจะตาย......ไม่อย่างนั้นพี่ฟ้าลั่นเค้าจะหวงพี่หมอกอย่างนี้หรอกครับ.....”จอมยุทธ์กล่าวออกมาตามตรงจากสิ่งที่เห็น

“ไม่เอาแล้ว....เลิกพูด.....อ่านหนังสือแล้วก็ดูทีวีดีกว่า” คนฟังเขินหน้าแดง จึงรีบเปลี่ยนบทสนทนา

“พี่หมอกกับพี่ฟ้าลั่น เดี๋ยวฝนหยุดตกแล้ว เราไปดูหนังกันดีกว่าครับ” จอมยุทธ์ชักชวน เพราะรู้สึกเบื่อๆกับการอ่านหนังสือ และนั่งเล่นนอนเล่นอยู่แต่เพียงในห้องแต่เพียงอย่างเดียว

“อืม.....ก็ดี.....”ภูผารับคำชวน ก่อนจะหันหน้าไปหาฟ้าลั่นเพื่อขอความเห็น

“อืม.....ไปดูหนังก็ดี...จะได้หาข้าวเย็นกินกัน แล้วกลับมาอ่านหนังสือสอบมิดเทอมต่อ....วันนี้พักมามากแล้ว” ฟ้าลั่นเห็นด้วย แต่ก็ยื่นข้อแม้ที่ทุกคนต้องปฏิบัติตามโดยเฉพาะจอมยุทธ์

“จอม...นายต้องอ่านหนังสือมากๆนะ อย่าคิดว่าเทอมที่แล้วได้เกรดดี เทอมนี้เลยจะไม่ตั้งใจ.......”ฟ้าลั่นหันมาเตือนจอมยุทธ์

“ใช่เลยจอม......ถ้านายได้เกรดต่ำกว่าสามจุดศูนย์......ไม่ต้องมาพูดกันเลย...ตัดขาดความเป็นพี่น้อง” ภูผาขู่ทับผสมลงไปด้วย

“ครับผม.....ผมจะไม่ทำให้พี่ชายทั้งสองคนผิดหวังหรอกครับ.......ป้ากับม่าม๊าจะได้ดีใจด้วย” จอมยุทธ์รับคำอย่างขึงขัง เวลานี้เขาเชื่อฟังคำสั่งของภูผาและฟ้าลั่นมากกว่าใครในครอบครัวของเขาเสียอีก

*********************

หลังสอบมิดเทอมเสร็จสิ้นก็จะเป็นช่วงปีใหม่พอดี ดังนั้นเพื่อนๆของภูผาและฟ้าลั่นจึงวางแผนกันไปเที่ยวดอยอินทนนท์ โดยเตรียมการที่จะไปกางเต็นท์นอนรับสายลมหนาว และดูทะเลหมอกยามเช้า รวมถึงดวงอาทิตย์แรกของปีใหม่ที่ขึ้นจากขอบฟ้า โปรแกรมที่จัดขึ้นในครั้งนี้ถือเป็นการท่องเที่ยวครั้งสุดท้ายก่อนที่จะสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้.....มหาวิทยาลัยที่เป็นเสมือนบ้านหลังที่สองของทุกคน

จอมยุทธ์ได้รับสิทธิพิเศษติดตามไปด้วย เพราะสนิทกับกลุ่มเพื่อนของพี่ชายทั้งสองเป็นอย่างดี เนื่องจากเล่นเทนนิสและทำกิจกรรมต่างๆร่วมกันบ่อยๆ ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา

ดังนั้นทั้งกลุ่มซึ่งประกอบด้วยนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ทั้งหมด 9 คน และนักศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ 2 คน คือ ฟ้าลั่นและเพื่อนสนิทของเขาที่ตอนนี้กลายเป็นแฟนหนุ่มของหนึ่งในสี่สาวแท้ผู้ร่วมขบวนการกางเต็นท์รับลมหนาวในครั้งนี้ ทั้งสิบเอ็ดชีวิตออกเดินทางจากมหาวิทยาลัยในช่วงเช้าตรู่โดยสารสี่ล้อแดง คนขับรถเลือกใช้ถนนสายเชียงใหม่-จอมทอง เพื่อขึ้นสู่ดอยอินทนนท์.....ดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทย

คณะเดินทางได้หยุดพักที่ตลาดจอมทอง เพื่อจัดการซื้ออาหารสดและแห้ง รวมถึงอุปกรณ์จำเป็นต่างๆเพื่อใช้ในการทำอาหารและการก่อกองไฟ นอกจากนั้นยังหาอาหารรับประทานรองท้องเพราะย่างเข้าเวลาสายมากแล้ว

หลังจากเสร็จสิ้นการจับจ่ายของจำเป็น รถที่เช่ามาจึงเริ่มเคลื่อนที่อีกครั้ง มุ่งหน้าขึ้นสู่ดอยอินทนนท์  โดยตลอดทางก็แวะพักตามจุดต่างๆ เพื่อเที่ยวชมจุดท่องเที่ยวทางธรรมชาติและน้ำตกเช่น น้ำตกแม่กลาง น้ำตกแม่ยะ น้ำตกวชิระธาร ที่ถึงแม้จะไม่ใช่หน้าฝน แต่ก็ยังมีกระแสน้ำไหลอยู่ตลอดเวลา.....คงความสวยงามได้ตลอดปี

ก่อนเข้าบริเวณจุดกางเต็นท์ ทั้งกลุ่มตัดสินใจเลยขึ้นไปสักการะพระมหาธาตุที่สร้างโดยกองทัพอากาศ เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ..... พระมหาธาตุที่มีนามคล้องจองกันอย่างไพเราะว่า “นภเมทนีดล” และ “นภพลภูมิศิริ” ซึ่งประดิษฐานครอบครองยอดดอยสูงคู่กันอย่างสวยสง่า.....ตระการตา.......

ยอดของพระบรมธาตุพุ่งสูงเสียดฟ้าสีครามสด บริเวณรอบๆประดับตกแต่งด้วยดอกไม้เมืองหนาวเป็นระเบียบและมีสีสันงดงามยิ่งนัก ขณะที่ขึ้นมาบนบริเวณฐานพระมหาธาตุทั้งสององค์นี้ ทุกคนก็จะสามารถมองเห็นทิวทัศน์รอบๆ ที่เป็นหุบเขาใหญ่น้อยสีเขียวขจี รวมถึงบริเวณเมือง หมู่บ้าน รวมถึงท้องฟ้าและหมู่เมฆขาวสะอาด ได้ตลอดมุมมองสามร้อยหกสิบองศาเลยทีเดียว

หลังจากนั้นคณะเดินทางจึงย้อนกลับมาเพื่อเข้าสู่บริเวณที่พักกางเต็นท์ แม้ว่าในเวลานี้จะมีผู้คนจับจองอยู่อย่างหนาตา แต่ก็ยังมีที่ว่างเพียงพอสำหรับเต็นท์จำนวน 6 หลังที่ทั้งหมดเตรียมมา ทุกคนต่างช่วยกันกางเต็นท์และจัดการเตรียมทำอาหารเย็นกันเร่งรีบ เนื่องจากย่างเข้าบ่ายสามแล้ว อีกไม่กี่ชั่วโมงท้องฟ้าก็จะมืดมิดและกระแสลมหนาวก็จะมาพัดพลิ้วเข้ามาเยือนอย่างรวดเร็ว

หลังพระอาทิตย์ตกจึงเป็นเวลาแห่งการสังสรรค์ การนั่งล้อมวงรับประทานอาหารที่เตรียมกันเองอย่างง่ายๆแต่เอร็ดอร่อย โดยมีทั้งต้มยำไก่ หมูย่าง ลาบหมู ผัดผักคะน้าหมูกรอบ และยำปลากระป๋อง รวมถึงสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ เครื่องดื่มหลากชนิด รวมถึงเหล้า เบียร์เพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกาย

หลังรับประทานอาหารเย็นเสร็จ พ่อครัวแม่ครัวจำเป็นทั้งหลายก็จัดแจงเตรียมกับแกล้ม เช่นหมูย่าง ลาบไก่ ขนมขบเคี้ยวต่างๆเพื่อตั้งวงดื่มเหล้าและเล่นกีตาร์ ร้องเพลงกันอย่างสนุกสนาน แม้ว่าส่วนใหญ่จะดื่มเหล้าและเบียร์หลากชนิด แต่ทุกคนก็ดื่มกันอย่างเรียบร้อยและมีสติอยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้เพื่อความระมัดระวังเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้น  ทั้งกลุ่มตั้งวงร้องเพลง คุยกันไปมา จนกระทั่งถึงเวลานับย้อนหลังสู่ปีใหม่

เสียงนับดังกระหึ่มขึ้นพร้อมๆกันจากนักท่องเที่ยวในบริเวณกางเต็นท์นี้ รวมถึงกลุ่มของภูผาและฟ้าลั่น โดยเริ่มจากสิบและลดลงมาตามจังหวะของเข็มนาฬิกาจนถึงศูนย์ ซึ่งก็คือเวลาเข้าสู่ปีใหม่อย่างเป็นทางการ และตามด้วยเสียงไชโยโห่ร้อง และคำอธิฐานและคำอวยพรต่างๆ  

หลังจากทำการเคาท์ดาวน์และอวยพรกันเสร็จสิ้น ทุกคนจึงจัดการเก็บกวาดข้าวของให้เรียบร้อยเพื่อเตรียมเข้านอน เพราะมีกำหนดการไปดูพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกที่สวยงามบนยอดดอยในตอนเช้าตรู่

ภูผาเป็นกังวลเพราะเกรงว่าจอมยุทธ์จะไม่สะดวกใจในการนอนร่วมกับเพื่อนๆของตนในเต็นท์หลังอื่นๆ เขาเลยจัดแจงให้มานอนในเต็นท์เดียวกันกับเขาและฟ้าลั่น

ค่ำคืนในวันส่งท้ายปีใหม่นี้...ท้องฟ้าโปร่งไร้เมฆบดบัง....แสงจันทร์จึงสามารถส่องผ่านช่องหน้าต่างเต็นท์ ให้สามารถเห็นความเป็นไปของคนที่นอนอยู่ได้บ้าง....แม้ไม่ถนัดตานัก แต่ก็ยังพอเห็นได้เลือนราง

“ว้า.......เสียดายจัง......มีตัวมารตัวน้อยๆมาขัดขวาง.....ไม่งั้นคืนนี้........เราก็จะได้แบบว่า......เป็นคืนแรกของกันและกัน” ฟ้าลั่นกระซิบเสียงกระเส่าที่ข้างหูภูผา เนื่องจากฤทธิ์เหล้าที่มีอยู่ในร่างกาย ทั้งคู่นอนอยู่ด้วยกันในถุงนอนใบใหญ่แสนนุ่ม
 
“บ้า.....ไม่เอาหรอก....ใครจะยอม” ภูผาหันหน้ามากระซิบตอบเข้าที่ข้างหูของฟ้าลั่น เขากลัวว่าจอมยุทธ์จะได้ยิน แต่ก็ไม่วายที่จะจูบปากที่มีกลิ่นเหล้าจางๆของคนรัก....ยั่วยวนให้ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของดวงตาหวานซึ้งเกิดอารมณ์กระเจิดกระเจิงขึ้นมาอีกครั้ง

“อืม......ยังจะมาแกล้งยั่วเราอีก.....หมอกที่รักของฟ้าลั่น” ฟ้าลั่นกระซิบ พร้อมกระชับอ้อมแขน รั้งตัวของภูผาให้เคลื่อนมาแนบกับอกของตนเองให้ชิดขึ้น และจรดจมูกฝังลงไปที่แก้มของภูผาหลายที ก่อนจะรู้สึกตัวว่าการกระทำของตนกำลังถูกเฝ้ามองอยู่โดยเจ้าน้องชายตัวแสบ

“มองอะไร...ไอ้เสือจอม......”ฟ้าลั่นแยกเขียวถามคนที่นั่งมองตาเยิ้มเพราะฤทธิ์เหล้าที่มีอยู่ในร่างกายไม่น้อย

“ก็มองคนสวีตกัน.......ว้า.....เสียใจด้วยนะครับ...คืนนี้อ่ะ......ผมยินดีเป็นตัวมารขัดขวางครับ”เวลานี้แม้ว่าจะเห็นไม่ชัดเจนนัก เพราะค่อนข้างมืด แต่คนฟังอย่างฟ้าลั่นก็คงพอเดาได้ว่า เจ้าน้องชายตัวดีคงกำลังหน้าทะเล้นใส่เขาอยู่แน่นอน

“หุบปากไปเลย.....จะนอนข้างในหรือจะไปนอนกับต้นไม้ข้างนอก หา......”ฟ้าลั่นขู่เสียงเบากลับมา เนื่องจากตอนนี้ภูผาได้หลับไปเรียบร้อยเพราะฤทธิ์เหล้าจะความเพลียจัดที่สะสมมาทั้งวัน

“แหม......หุบปากก็ได้.....ทำเป็นโมโห......พลาดหวังละซิท่า” จอมยุทธ์บ่นพึมพำ พร้อมหัวเราะเบาๆ ก่อนจะล้มตัวลงนอน

ฟ้าลั่นเห็นจังหวะตอนที่จอมยุทธ์ไม่ระวัง จึงรูดซิบถุงนอนออกช้าๆ และยื่นขาไปแตะก้นคนปากดีไปหนึ่งที ในข้อหาพูดแทงใจดำเข้าอย่างจัง

“โอ๋ย.....พี่ฟ้าลั่นใจร้าย....จะฟ้องพี่หมอกพรุ่งนี้ด้วย” จอมยุทธ์แกล้งโอดครวญในตอนแรก แต่ครั้นเมื่อนอนในท่าสบาย เขาก็หลับไปอย่างรวดเร็วเพราะความเพลียและฤทธิ์เหล้าเช่นกัน

หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 12-12-2006 21:19:29
ตอนเช้าตรู่ประมาณตีสี่ครึ่ง สมาชิกแก๊งค์รับลมหนาวต้องตื่นนอน ล้างหน้าแปรงฟันและใส่เสื้อกันหนาวพร้อมด้วยอุปกรณ์เพิ่มความอบอุ่นทั้งหลายเพื่อขึ้นรถไปที่จุดชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้น โดยที่นักท่องเที่ยวหลายกลุ่มก็เริ่มทยอยตื่นนอน จัดการทำธุระส่วนตัว เพราะต่างก็มีจุดหมายเดียวกันคือ มุ่งหน้าขึ้นดอยเพื่อชมปรากฏการณ์ธรรมชาติที่งดงาม ดังนั้นตลอดเส้นทางขึ้นไปสู่จุดชมวิวจึงมีรถหลายสิบคันวิ่งขึ้นตามกันไปเป็นขบวน

ฟ้าลั่นแทบจะต้องอุ้มภูผาที่เกลียดการตื่นนอนตอนเช้าอย่างที่สุดให้เดินมาที่รถ เพราะคนรักของเขาเล่นก้าวขาเดินแต่ดวงตาทั้งคู่ยังปิดสนิท ครั้นพอขึ้นรถได้ก็หลับสนิทลงบนตักของฟ้าลั่นอย่างรวดเร็ว จริงๆแล้วก็ไม่ใช่ภูผาเพียงคนเดียวที่มีอาการเช่นนี้ แทบจะทุกคนก็มีอาการเดียวกัน จนคนที่เป็นแฟนหรือคนที่แข็งแรงกว่าต้องคอยดูแลอยู่ไม่ห่างตลอดจากเริ่มต้นจนกระทั่งรถจอดสนิทที่จุดหมาย

“อืมมมมมมมมมมม.........ฟ้าลั่นนนนนนนนนน ถ้าพระอาทิตย์ขึ้นแล้วก็ปลุกด้วยนะ” ภูผาบอกฟ้าลั่นหลังทราบว่ารถจอดบริเวณจุดชมพระอาทิตย์เรียบร้อย หลังจากนั้นจึงหลับต่อไปอย่างรวดเร็ว

“พี่ฟ้าลั่นเมื่อยหรือป่าวครับ.....ให้พี่หมอกนอนหนุนตักผมก็ได้ครับ” จอมยุทธ์ถามด้วยความห่วงใย เพราะเห็นว่าภูผานอนหนุนตักฟ้าลั่นมาตลอดการเดินทางนับชั่วโมง

“ไม่เป็นไรหรอกจอม....ขอบใจมาก”ฟ้าลั่นกล่าวคำขอบคุณ....สำหรับฟ้าลั่นแล้ว...เขามีความสุขและเต็มใจที่จะเห็นภูผาหลับใหลอยู่ภายใต้การดูแลของเขาเอง

“หมอกคือดวงใจของฟ้าลั่น........เราจะดูแลดวงใจดวงนี้ให้มีความสุขตลอดเวลา” ฟ้าลั่นคิดในใจ ขณะก้มมองลงมาที่ใบหน้าสวยแม้ยามหลับสนิทของภูผา และใช้ฝ่ามือนุ่มของตนลูบไล้อย่างแผ่วเบาที่เรือนผมของคนรัก

ที่รัก.....ผมสัญญานะครับว่า.....จะมอบรักให้มิวางวาย
ที่รัก.....ผมสัญญานะครับว่า.....จะอยู่ข้างกายชั่วนิรันดร์

หลังจากชมพระอาทิตย์ขึ้นและดื่มด่ำกับภาพทะเลหมอกกว้างใหญ่สุดขอบฟ้า รวมถึงถ่ายรูปเพื่อเป็นที่ระลึกถึงความทรงจำที่ดีด้วยกันแล้ว ทั้งคณะก็เดินทางกลับมาที่บริเวณกางเต็นท์อีกครั้ง เพื่อเตรียมอาหารเช้า อันประกอบด้วย ข้าวต้มและยำกุ้งแห้ง ผักกาดกระป๋อง กุนเชียงทอด ไข่เจียวทรงเครื่องหมูสับ และตบท้ายด้วยผัดผักบุ้งไฟแดง

หนุ่มสาวรับประทานอาหารเช้ากันอย่างเอร็ดอร่อยเพราะเป็นเวลาเกือบสิบโมงเช้าแล้ว เนื่องจากขาลงมาจากบนดอยการจราจรคับคั่งมาก การเคลื่อนตัวของรถเป็นไปด้วยความล่าช้า หลังจากที่รับประทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อย ทั้งคณะก็เตรียมเดินทางกลับ โดยพร้อมใจกันสละสิทธิ์ย้อนขึ้นไปถ่ายรูปกับป้าย “สูงสุดแดนสยาม” เพราะล้วนเคยไปถ่ายรูปกันมาเรียบร้อยแล้วตั้งแต่เมื่อปีก่อนๆ

*****************************

นับตั้งแต่กลับมาจากฉลองปีใหม่บนยอดดอยสูง จอมยุทธ์ก็สังเกตเห็นภูผาแอบถอนหายใจ ทำหน้าเศร้า และดู.กังวล ตลอดเวลาในช่วงที่ฟ้าลั่นไม่อยู่ในห้องเพราะติดเรียนหนังสือ

“พี่หมอก...ไม่สบายใจอะไรหรือเปล่าครับ” จอมยุทธ์ตัดสินใจถามด้วยความห่วงใย ในตอนบ่ายวันหนึ่งหลังจากที่ทั้งคู่เรียนเสร็จเรียบร้อยแล้วและพากันกลับหอด้วยกัน

จอมยุทธ์ไม่เคยเห็นพี่หมอกผู้ร่าเริง.....ดูเศร้าและกังวลใจขนาดนี้ ซึ่งก็ถือว่าผิดปกติอย่างมาก

“เฮ้อ........”ภูผาถอนหายใจ ยกมือประสานที่ท้ายทอยและเอนหลังลงไปบนโซฟาตัวโปรด ก่อนบอกความในใจของตนให้กับจอมยุทธ์ได้ฟัง เพราะคิดเสมอว่าจอมยุทธ์คือน้องชายแท้ๆของตน

“พี่จะไปเรียนต่อที่อังกฤษน่ะจอม.........Host Family ที่โน่นเค้าจัดการให้พี่เกือบหมดแล้ว เหลือแต่ยื่นใบสมัครพร้อมกับทรานส์คริปก็เท่านั้น”

“แล้วพี่ฟ้าลั่นรู้หรือยังครับ” จอมยุทธ์รีบถามด้วยความสงสัยทันที เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องค่อนข้างใหญ่ทีเดียว

“ยังเลย.....พี่ไม่กล้าบอก.......” ภูผาถอนหายใจอีกครั้ง เขาหยุดการสนทนาไปชั่วครู่ แต่ในที่สุดก็กล่าวถึงสิ่งที่ครุ่นคิดอยู่ให้จอมยุทธ์ที่ยังคงนั่งฟังอยู่เงียบๆให้ทราบ

“จอมพี่บอกตามตรง.....พี่อยากให้ฟ้าลั่นเค้ามีอนาคตที่ดีกว่านี้....ให้สามารถสร้างครอบครัวของตัวเอง......ไม่ต้องมาหมดอนาคตอยู่กับพี่” เปลือกตาของคนพูดกระพริบปิดลงช้าๆ ไล่น้ำตาที่เอ่อล้นออกมาให้หายไป.....เขากำลังเศร้ากับความเป็นจริงที่ว่า ....ความรักของผู้ชายสองคนในโลกแห่งปัจจุบัน......มันดูไร้ซึ่งอนาคตที่มั่นคงเสียเหลือเกิน

“แล้วพี่ไม่รักพี่ฟ้าลั่นเหรอครับ” จอมยุทธ์เดินมานั่งลงใกล้ๆ ผู้เป็นพี่ชาย

“รักซิจอม......พี่รักมากเลยแหละ แต่พี่ก็อยากให้คนที่พี่รักมีครอบครัวที่อบอุ่นในอนาคตนะ”

“ผมว่า....มันก็อาจจะถูกในมุมมองของพี่นะครับ....แต่พี่ฟ้าลั่นเค้าจะยอมหรือเปล่าล่ะครับ.......บางทีพี่เค้าอาจเข้าใจผิดไปว่า พี่หมอกกำลังดูถูกความรักของเค้า........ผลักไสไล่ส่งเค้าไปหาคนอื่น” จอมยุทธ์หยุดนิดหนึ่ง หันหน้ามาสังเกตปฏิกิริยาของคนฟัง แล้วจึงพูดต่อ

“ตอนนั้นพี่เค้าอาจโมโหและอาละวาดขึ้นมาก็ได้นะครับ.......ทางที่ดีพี่หมอกควรบอกพี่ฟ้าลั่น... ให้พี่เค้าตัดสินใจเองดีกว่าครับ.....ว่าจะทำอะไรกับอนาคตของตนเอง” จอมยุทธ์พูดราวกับเป็นผู้ใหญ่ที่สั่งสอนเด็กอายุน้อยกว่า

“พี่กลัวนะจอม” ภูผายังคงพูดต่อ

“ผมทราบครับ.....ว่าพี่กลัวว่าพี่ฟ้าลันจะทิ้งพี่ไปจริงๆอย่างที่พี่ให้โอกาส....ใช่มั้ยละครับ....พี่หมอกรักพี่ฟ้าลั่นมาก ผมก็ทราบ.....แต่ใครจะรู้ล่ะครับ.....ว่าพี่ฟ้าลั่นจะตัดสินใจอย่างไร......ถ้าพี่หมอกไม่ถาม”

“บางที อุปสรรคนี้มันอาจเป็นสิ่งพิสูจน์ความรักครั้งใหม่ของพี่ทั้งสองคนก็ได้ครับ”จอมยุทธ์สรุปให้ฟัง พร้อมทั้งจับมือของภูผาเพื่อถ่ายทอดกำลังใจให้พี่ชายที่ตนเองรักและเคารพคนนี้..... คนที่บางครั้งก็ดูเป็นผู้ใหญ่ และคนที่บางครั้งก็ดูเป็นเด็กเสียยิ่งกว่าเขาเสียอีก

“ขอบใจจอมมาก...ที่ให้กำลังใจพี่” ภูผากล่าวคำขอบคุณ เขายังคงนั่งนิ่งไปอีกซักพัก จนกระทั่งเริ่มอารมณ์ดีขึ้นมาเรื่อยๆ เพราะได้ระบายความกังวลที่มีให้จอมยุทธ์ได้ทราบ

“แล้วใครสอนให้พูดแบบมีหลักการขนาดนี้อ่ะ.......แปลกจริงๆ.....ดูมันขัดๆกับจอมยังงัยก็ไม่รู้”ภูผายิ้มได้ และ
เริ่มพูดหยอกล้อจอมยุทธ์

“แหมพี่หมอกล่ะก็.......ผมนายจอมยุทธ์ พัฒนประสาทศิลป์ นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ เกรดเฉลี่ยสามจุดห้าศูนย์ เนี่ยโตเป็นผู้ใหญ่แล้วครับ ........ แถมหล่อมากเสียด้วย.......สาวๆและหนุ่มๆติดกันตรึม....เรื่องพูดแค่นี้เล็กๆ ” จอมยุทธ์พูดพร้อมกับรอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าที่หล่อเหลาอย่างที่เจ้าตัวอ้าง
 
“ผมว่าทางที่ดี พี่หาโอกาสบอกพี่ฟ้าลั่นเร็วๆดีกว่าครับ อย่าให้พี่เค้าจับได้เอง......เดี๋ยวจะลำบากครับ” จอมยุทธ์เตือนตบท้าย ก่อนจะขออนุญาตออกไปทำธุระข้างนอก ปล่อยให้พี่ชายคนดี คิดหาข้อสรุปกับอนาคตของตน แม้เขาจะรู้สึกเป็นห่วง แต่ก็ตระหนักว่า เวลานี้ภูผาคงจำเป็นต้องเตรียมตัวให้พร้อมกับการตัดสินใจบางอย่างด้วยตนเอง

“อืม.....ไปเถอะ...ระวังตัวด้วย...พี่เป็นห่วงนะ”ภูผารับคำพร้อมพยักหน้าเบาๆ

*******************

หลังจากจอมยุทธ์ออกจากห้องไปไม่นาน....ฟ้าลั่นก็กลับมาจากเรียนเสร็จ ภูผาจึงเอ่ยปากชวนเขาไปเดินเล่นที่สันอ่างแก้ว เพื่อบอกเรื่องการเรียนต่อให้ทราบ

ท้องฟ้ายามอาทิตย์จะลับขอบฟ้า ณ บริเวณสันอ่างแก้วดูหงอยเงายิ่งนัก....สองหนุ่มเดินคู่กันช้าๆ ไปเรื่อยๆ บนทางเดินเรียบริมน้ำ

“ฟ้าลั่น....เรามีเรื่องจะคุยกับฟ้าลั่นน่ะ” ภูผาเป็นฝ่ายพูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบที่เกิดขึ้น ขาทั้งสองข้างยังเดินก้าวต่อไป แต่ทว่าลดจังหวะช้าลง

“อืม....นึกว่าจะไม่บอกเราเสียแล้ว...... ฟ้าลั่นรู้นะว่าหมอกไม่สบายใจ......เราสังเกตเห็นมาตั้งแต่กลับจากบนดอยแล้ว......เราก็ได้แต่รอว่าเมื่อไหร่หมอกจะบอกเรา......บางทีเราก็น้อยใจนะว่าเหมือนกับหมอกไม่รักเรา เลยไม่อยากบอกความในใจให้รับรู้” ฟ้าลั่นเบาเสียงลง ความน้อยใจนั้นยังคงไม่จางหายไปน้ำเสียงนุ่ม

“เปล่านะฟ้าลั่น.....เรารักนายที่สุด รักยิ่งกว่าใครๆ แต่เรากำลังสับสน......เราไม่อยากให้นายต้องมาเสียอนาคตอยู่กับเรา” ภูผารีบบอก

“เราไม่เข้าใจน่ะ หมอก.....ตกลงเรื่องมันเป็นอย่างไร” ฟ้าลั่นตั้งประโยคคำถามขึ้นทันที

“เอ่อ......คือ.......หมอกจะไปเรียนต่อที่อังกฤษ ตอนนี้ Host Family เค้าจัดการให้เรียบร้อยเหลือแต่ส่งใบสมัครและก็ทรานส์คริปไปทางมหาวิทยาลัย รวมถึงเตรียมตัวอีกนิดหน่อย” ภูผาถอนหายใจ....ครั้งนี้เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ว เขาก็ไม่อาจทราบได้

“เราเลยไม่อยากฉุดรั้งฟ้าลั่นไว้.....เราอยากให้ฟ้าลั่นมีครอบครัวที่ดีในอนาคตน่ะ ......ไม่ใช่มาจมอยู่กับเรา” ในที่สุดภูผาก็พูดประโยคที่ร้าวรานหัวใจนี้ออกมาจนได้

ฟ้าลั่นยืนนิ่ง.....หลังจากรับฟังสิ่งที่คนที่ตนเองรักที่สุดกล่าวออกมา....เขารู้สึกเหมือนของแข็งกระทบเข้าที่หัวใจอย่างรุนแรง......ตามมาด้วยความสับสนและมึนงง .......ฟ้าลั่นเสียใจ ที่ภูผาดูถูกความรักที่เขามอบให้มาตลอดเวลา

“ทำไมหมอก คิดอย่างนั้น.......หมอกกำลังดูถูกความรักของเราอยู่นะ.......” คำพูดอีกหลายประโยคยังติดอยู่ในอกอันร้าวราน...ยากที่จะถ่ายทอดออกมาอย่างต่อเนื่อง

หัวใจเจ้าเอย.....เจ้าเจ็บปวดใช่ไหม
หัวใจเจ้าเอย.....เจ้าร้าวรานเยี่ยงไร....ใครจะรู้
หัวใจเจ้าเอย.....เจ้าไม่มีค่าเลยใช่ไหม.....ที่คงอยู่
หัวใจเจ้าเอย....เจ้าจะทนสู้.....หรือจากไป



“หัวใจของเรามันไม่มีค่าขนาดที่หมอกจะทิ้งไปเชียวเหรอ” ฟ้าลั่นคร่ำครวญ ขยับจะหันหลัง ก้าวเท้าเดินหนีไป...แต่สุดท้ายก็หยุดนิ่ง....เพราะสัญญาที่เคยให้ไว้กับปรากฏขึ้นมาในดวงใจที่ปวดร้าว

“เราจะไม่หนีแล้ว.....เราจะอยู่กับนาย......”ประโยคที่ฟ้าลั่นบอกกับภูผาที่ม่อนเอื้องดอย ขณะที่ภูผาร้องไห้ในอ้อมกอดของตน หลังจากทราบความในใจของภูผาว่ารักเขาเช่นกัน

“เปล่านะฟ้าลั่น.....เพราะเรารักฟ้าลั่นมากที่สุดต่างหาก เราเลยอยากเห็นฟ้าลั่นมีอนาคตที่ดี...มีครอบครัวที่อบอุ่น” ภูผารีบบอกอย่างรวดเร็ว....เวลานี้เขาก็เจ็บปวดไม่ต่างอะไรกับชายหนุ่มตรงหน้า....ฟ้าลั่น....ผู้เป็นที่รักยิ่ง

“หมอก....เรารักนายมากนะ....เราไม่มีวันที่จะทิ้งนายไปหรอก......สิ่งเดียวที่ทำให้เราพรากจากนายคือ........ความตายเท่านั้น......เราจะตามนายไปทุกที่...ทุกแห่งที่นายไป....เราจะไปอังกฤษกับนาย” ฟ้าลั่นพูดช้าๆ บอกการตัดสินใจที่แน่วแน่และมั่นคงให้ภูผาได้รับฟัง....การตัดสินใจที่มาจากพื้นฐานของความรัก...ที่ฝังแน่นอยู่ในหัวใจของชายหนุ่มคนหนึ่ง....ที่มอบให้กับคนที่อยู่ตรงหน้าเขา....ด้วยความภักดี

“แต่พ่อแม่ของนายล่ะ จะรับความรักของเราได้เหรอ.....ท่านคงผิดหวังในตัวนายมากนะ” ภูผาก้าวเดินมาใกล้ๆ จับมือฟ้าลั่นขึ้นมาแนบไว้กับฝ่ามือที่บอบบางทั้งสองข้างของตน

“ตราบใดที่หมอกยังรักเรา.....และสัญญาว่าจะไม่ทิ้งเราไปไหน.....เราก็ยินดีจะฝ่าฟันปัญหานี้.....เพื่อพิสูจน์ว่า เรารักหมอกขนาดไหน” ฟ้าลั่นบอกความตั้งใจของตน ดวงตาหวานซึ้งของฟ้าลั่น ถ่ายทอดความตั้งใจอย่างแน่วแน่ให้ภูผาได้รับรู้ กำลังใจที่ส่งผ่านฝ่ามือของกันและกัน ช่วยให้ทั้งสองหนุ่มได้ข้อสรุปของหัวใจ

“เราสัญญาฟ้าลั่น...เราสัญญาว่าจะไม่คิดหนีไปไหนอีก.......และเราก็พร้อมเสมอ...ที่จะร่วมเป็นกำลังใจและฝ่าฟันอุปสรรคไปด้วยกัน โดยเฉพาะในวันที่นายต้องบอกเรื่องราวของเราให้พ่อกับแม่ของนายได้รับรู้” ภูผารับปากพร้อมให้คำมั่นสัญญา

“ดี.............อย่างนั้นไปกันวันนี้เลย.....ไปจัดการเรื่องทุกอย่างให้มันจบสิ้น.....วันนี้วันศุกร์พอดี......อีกอย่างเราต้องรีบแล้ว เพราะต้องเตรียมตัวไปเรียนพร้อมกับหมอกให้ได้” ฟ้าลั่นตัดสินใจอย่างเร่งด่วน เขาต้องการกลับไปบ้านในวันนี้ เพื่อพูดคุยกับบิดาและมารดาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขากับภูผา....คนที่ครอบครองหัวใจทุกห้องของเขาในเวลานี้

ฟ้าลั่นพร้อมแล้วที่จะทำให้สัญญาของเขาเป็นจริง

“แล้วเช้าวันเสาร์ก็ไปคุยกับแม่และคุณยายของหมอกเลย” ฟ้าลั่นวางแผนต่อ

“จัดการทีเดียวให้เสร็จสิ้น....เราไม่อยากถ่วงเวลาออกไปอีกแล้ว....อะไรจะเกิดก็คงต้องเกิด...ถึงอย่างไรเราก็ไม่มีวันจะทิ้งนาย หรือปล่อยให้นายทิ้งเราไปไหนเด็ดขาด” แม้ว่าจะเป็นการตัดสินใจที่กะทันหัน แต่ทว่ากลับเด็ดเดี่ยวยิ่งนัก...ฟ้าลั่นกระชับฝ่ามือแข็งแรงของตนเข้ากับฝ่ามือของภูผา เพื่อถ่ายทอดกำลังใจให้กันและกัน ให้ก้าวชนกับอุปสรรคครั้งใหญ่นี้

ด้วยเวลาที่เหลืออยู่ไม่มาก ทั้งคู่จึงตัดสินใจตรงไปยังสนามบิน ซื้อตั๋วเครื่องบินกลับกรุงเทพฯอย่างเร่งด่วน เพื่อไปพบบิดามารดาของฟ้าลั่น โดยไม่ลืมที่จะโทรบอกจอมยุทธ์ให้ทราบ เพื่อจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะทั้งสองคนคงจะไม่กลับไปนอนที่หอพักตลอดสุดสัปดาห์นี้

........เส้นทางรัก....มักดูสวยงาม.....แต่ก็เต็มไปด้วยอุปสรรค...เสมอ
........คงเหมือนดอกกุหลาบสวย....สีแดงสด...ที่มีหนามแหลมคอยทิ่มแทง........ผู้ครอบครอง
........ไม่มีอะไรดีไปกว่า.....กำลังใจ....และความเข้าใจ....ของคู่รัก
........ที่จะเป็นพลังกำจัดอุปสรรคนั้นให้ออกไป...สรรค์สร้างทางเดินรัก....ให้งดงาม

........หากวันใดที่หัวใจสอดประสานกัน.....เส้นทางรักนั้น...จะยืนยาว....โลดแล่นไป
........แม้มิทราบว่า....เส้นทางนั้น.....จะไปบรรจบ ณ จุดใด
........แต่หากว่า....อดีตที่ผ่านมา....ล้วนมีแต่ความสุข....ความเข้าใจ...และน่าจดจำ
........แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะกล่าวว่า.....นี่แหละ....ความสุขแห่งรัก....และความสุขที่ได้รัก.....
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 13-12-2006 12:54:25
ว้าวววววววววววววววววว

สองตอนติดกันเลย


ดีใจจัง :like2:


แล้วก็ลุ้น และ รอต่อไป


พูห์ :yeb:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 13-12-2006 15:10:51
........เส้นทางรัก....มักดูสวยงาม.....แต่ก็เต็มไปด้วยอุปสรรค...เสมอ
........คงเหมือนดอกกุหลาบสวย....สีแดงสด...ที่มีหนามแหลมคอยทิ่มแทง........ผู้ครอบครอง
........ไม่มีอะไรดีไปกว่า.....กำลังใจ....และความเข้าใจ....ของคู่รัก
........ที่จะเป็นพลังกำจัดอุปสรรคนั้นให้ออกไป...สรรค์สร้างทางเดินรัก....ให้งดงาม

อารายจารักกันขนาดนี้................ :impress3:
         
                  ตั้งตารอต่อไป............... :impress:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 13-12-2006 18:02:59
ซาบซึ้ง  รักกันจริง ๆ เรื่องนี้ดี  ตัวละครมีเหตุผลดี  ชอบจัง  น่ารักทั้งคู่เลย  อิอิ   :impress2:

รออ่านต่อ  :impress:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 14-12-2006 21:22:42
หมูพูห์  อ่านไหวป่าว ไม่ไหวบอกนะ เอิ้กๆ เพราะคุณแอนเดรีย ก็ป่วยอยู่เพิ่งฟื้น แถมเร่ง rewrite ให้เพื่อนๆอ่านที่นี่ที่เดียวเลยนะครับนี่
ผมเกรงใจสุดๆเลย
  :myeye:
][GobGab][  ความรักก็ต้องมีมุมที่สวยงาม เพียงแต่หาให้เจอคนที่เรารักเขา และเขารักเรา  :monkeylove2:

มูมู่น้อย  ความรัก ก็ต้องการความเข้าใจกันเพื่อรักษามันไว้ให้ยืนนาน มีอะไรก็คุยแบบดีๆเปิดใจคุยกันดีกว่าเนอะ  :love2:



บทที่ 14 ครอบครัว....คือรักและเข้าใจ

“อ้าว...ฟ้าลั่น.......ทำไมลูกกลับบ้านกะทันหันแบบนี้ล่ะ นี่ก็ดึกมากแล้ว....ไม่เห็นโทรมาบอกพ่อกับแม่ก่อนเลย” เสียงของบิดาเอ่ยทักทายบุตรชายที่เดินเข้ามาในห้องรับแขก ด้วยอาการแปลกใจในการปรากฏตัวอย่างไม่คาดฝันเช่นนี้

บิดาของฟ้าลั่น หรือ นายแพทย์ศิลป์กวี เป็นชายในวัยเกือบห้าสิบที่ยังดูหนุ่ม ผู้มีเรือนร่างที่แข็งแรง สูงใหญ่ ปราศจากไขมันพอกพูนตามลำตัวแต่อย่างใด

เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากบิดาที่มีเชื้อสายแขกขาวจึงทำให้โครงหน้าและรูปร่างของนายแพทย์ศิลป์กวีมีลักษณะที่คมคายและโดดเด่นกว่าบุคคลทั่วๆไป ประกอบกับผมสั้นสีดำสนิทที่แม้แต่กาลเวลาที่ผ่านเลยมาหลายสิบปีก็ไม่อาจทำให้เปลี่ยนเป็นสีอื่นได้ จึงทำให้ผิวหน้าที่ขาวอยู่แล้วกลับขาวจัดขึ้นดูจับตายิ่งนัก

“พาเพื่อนมาด้วยเหรอลูก...ฟ้าลั่น” คุณศิลป์กวีเพิ่งสังเกตว่าลูกชายตนเองไม่ได้กลับมาเพียงคนเดียว เพราะเห็นว่าฟ้าลั่นกำลังเดินจูงมือชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน เพียงแต่รูปร่างเล็กกว่า เดินตามเข้ามาในบ้านด้วย

“สวัสดีครับพ่อ” ฟ้าลั่นปล่อยมือจากภูผา แล้วยกมือไหว้บิดาของตน

“สวัสดีครับ” ภูผากล่าวสวัสดี พร้อมยกมือไหว้ตามมาติดๆ

“นั่งก่อนซิลูก” บิดารับไหว้ หลังจากนั้นจึงบอกให้ทั้งสองนั่งลงบนโซฟาชุดเดียวกัน เพื่อเตรียมไต่ถามถึงสาเหตุของการปรากฏตัวอย่างผิดปกติในครั้งนี้ นายแพทย์ศิลป์กวีรับรู้ได้ว่าลูกชายคนเดียวของตนกำลังมีเรื่องไม่สบายใจอย่างแน่นอน เพราะสีหน้าและแววตากังวลนั้นฉายชัดเจน

“ขอบคุณครับ” ทั้งสองพูดพร้อมกันแล้วจึงนั่งลงที่โซฟาสีน้ำตาลเข้มเข้าชุดกับโซฟาขนาดใหญ่ที่บิดานั่งอยู่ก่อนหน้า ในบริเวณห้องรับแขกที่จัดตกแต่งอย่างทันสมัยและเรียบร้อย สะอาดตา โดยเน้นโทนสีน้ำตาล ดำ ขาวและครีมเป็นหลัก

“พ่อครับ....แม่อยู่ที่ไหนเหรอครับ” น้ำเสียงของฟ้าลั่นอ่อนนุ่มยามพูดคุยกับบิดา ความกังวลใจที่เกิดขึ้นทำให้เขาลืมแนะนำหนุ่มหน้าหวานข้างตัวของเขาให้บิดาได้รู้จักเสียสนิท

“แม่เค้าขึ้นไปเอาหนังสือลูก...เดี๋ยวก็ลงมา......ลูกมีธุระหรือมีปัญหาอะไรหรือเปล่า..ฟ้าลั่น” น้ำสียงยามเอ่ยถึงชื่อลูกชาย...ดูอบอุ่น....และเต็มไปด้วยความรัก ยิ่งรู้สึกได้ว่าลูกชายกำลังไม่สบายใจอะไรบางอย่าง กระแสเสียงของผู้เป็นบิดา จึงดูเหมือนจะอบอุ่นขึ้นไปยิ่งขึ้นกว่าเดิม

“ทำไมถึงรีบกลับบ้าน...และก็มาเสียดึกขนาดนี้ล่ะลูก” คุณศิลป์กวียังคงซักไซ้บุตรชายของตน ก่อนจะเหลือบไปเห็นคุณพิมพิมล ผู้เป็นภรรยาเดินเข้ามา

“นั่นไง...แม่เค้าลงมาแล้ว” คุณศิลป์กวีพูดพลางหันหน้าไปมองผู้หญิงวัยกลางคน รูปร่างสูงสง่าที่กำลังเดินเข้ามาในห้องรับแขก โดยตลอดลำตัวสวมเสื้อคลุมทับชุดนอนสีชมพูอ่อนข้างในอย่างเรียบร้อย

คุณพิมพิมลหรือมารดาของฟ้าลั่น เป็นผู้หญิงผมผมยาวประบ่า ที่มีใบหน้าสวยงดงาม แม้ว่าจะล่วงเลยเข้าสู่วัยห้าสิบปีในไม่ช้าเช่นเดียวกับสามีของตน แต่ก็ยังคงรักษาความงดงามของร่างกายและหน้าตาได้อย่างไม่มีที่ติ อาจเป็นเพราะเป็นคนชอบออกกำลังกายและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์อยู่ตลอดเวลาตามแบบสามี จึงทำให้สามารถรักษาสุขภาพและผิวพรรณให้ดีอยู่ไม่เสื่อมไปตามกาลเวลา

“อ้าว....ฟ้าลั่นทำไมกลับมาบ้านละลูก...ยังไม่ปิดเทอมไม่ใช่เหรอ.....มีธุระหรือปัญหาอะไรหรือเปล่าลูก” คุณพิมพิมลซักถามด้วยความสงสัยปนความห่วงใย....น้ำเสียงที่ประกอบไปด้วยความรัก...ความกรุณาเช่นเดียวกับผู้เป็นบิดา ทำให้ฟ้าลั่นเกิดอาการลำบากใจอย่างยิ่ง ที่จะเล่าเหตุผลของการกลับบ้านของตนให้ฟัง

เพราะสุดท้ายแล้ว....เขาอาจต้องทำให้คนที่รักเขาทั้งสองคนเสียใจไปกับการกระทำและการตัดสินใจเลือกอนาคตของตนเอง

“พาเพื่อนมาด้วยเหรอลูก..........” คุณพิมพิมลหันหน้าไปยังภูผาที่ยังนิ่งเงียบอยู่

“สวัสดีครับ” ฟ้าลั่นและภูผายกมือขึ้นไหว้กล่าวสวัสดีพร้อมกัน

“หิวมั้ยทั้งสองคนน่ะ.....ทานอะไรมาหรือยังล่ะลูก” มารดาถามด้วยความห่วงใย ก่อนจะเดินอ้อมมานั่งลงบนโซฟาข้างๆสามีของตน ในจังหวะเดียวกับคำปฏิเสธอย่างสุภาพจากทั้งสองหนุ่มจะถูกเปล่งออกมา

ด้วยสีหน้าผิดปกติของบุตรชายที่รัก...บุตรชายที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เกิดจนบัดนี้อายุก็เกือบจะยี่สิบสองในอีกเดือนข้างหน้าแล้ว.......คนเป็นบิดาและมารดาจึงรับรู้ได้ทันทีว่าลูกชายคงมีปัญหาในใจ...และคงเป็นปัญหาที่ใหญ่พอสมควร

ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฟ้าลั่นเป็นเด็กดีและมักจะแก้ปัญหาหรือตัดสินใจสิ่งต่างๆด้วยตัวเองเสมอ.....โดยที่การตัดสินใจแต่ละครั้งก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องและไว้ใจได้ทุกครั้งไป.......

คุณศิลป์กวีและคุณพิมพิมลหันมาสบตาซึ่งกันและกัน พลางคิดว่าฟ้าลั่นคงกำลังมีปัญหาบางอย่างที่ไม่สามารถตัดสินใจด้วยตนเองได้ทั้งหมด

ทั้งคู่หันหน้ากลับไปหาลูกชายที่ยังนั่งเงียบอยู่ และสงบนิ่งเพื่อรอฟังสิ่งที่ฟ้าลั่นจะกล่าวออกมา......แม้จะเป็นเรื่องยากเย็นขนาดไหน..... ทั้งคู่ก็พร้อมจะช่วยเหลือ.....ช่วยแก้ไขปัญหา และช่วยกันฝ่าฟันอุปสรรคไปพร้อมๆกันทั้งครอบครัว.....

แม้จะกังวลถึงปัญหาของลูกชาย....แต่คุณศิลป์กวีและคุณพิมพิมลก็มิได้คิดถึงเรื่องร้ายแรงที่เกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมาย ยาเสพติด หรือเรื่องรุนแรงในชีวิตแต่อย่างใด เนื่องจากไว้ใจฟ้าลั่นมาก ว่าจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเหล่านั้นเด็ดขาด.....ทั้งสองมั่นใจการอบรมสั่งสอนของตนเองอย่างเต็มที่

ฟ้าลั่นนั่งสงบสติอารมณ์ซักพัก.......หลังจากนั้นจึงลุกขึ้นยืนเดินเข้ามาหาบิดามารดาของตนอย่างช้าๆ พร้อมกับค่อยๆทรุดตัวลง ก้มลงทราบแทบเท้าของบิดามารดาที่นั่งนิ่งอยู่บนโซฟาสวยสีน้ำตาลเข้ม เขาเงยหน้าขึ้นพร้อมกล่าวว่า

“พ่อครับ แม่ครับ........ผมต้องกราบขอโทษ.........สิ่งที่ผมจะพูดออกมามันอาจทำให้พ่อและแม่เสียใจครับ.....” ฟ้าลั่นหยุดสักพัก ก่อนจะพูดประโยคถัดไปอย่างช้าๆ

“ผมไม่อาจเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่...ที่จะสืบทอดวงศ์ตระกูลต่อไปได้อีกแล้วครับ” สิ้นประโยคนี้....น้ำตาก็เอ่อล้นปริ่มออกมาจากดวงตาคู่สวยนั้น

“ผมไม่อาจแต่งงานกับผู้หญิงคนไหนได้แล้วครับ......เพราะตอนนี้หัวใจของผมมันไม่เหลือที่ว่างให้ใครนอกจากหมอก......คนที่ผมพามาหาพ่อและแม่ในวันนี้ครับ......ผมรักหมอกมากครับ......และผมขอร้องให้พ่อและแม่กรุณาเข้าใจเราด้วยครับ”

“พ่อและแม่กรุณาอย่าโทษตัวเองว่าเลี้ยงผมมาไม่ดีเลยครับ.....ผมต่างหากครับที่ผิดเอง......ผมขอยอมรับผิดครับ”

“ผมผิดเอง.....ผิดที่ไม่สามารถห้ามหัวใจตนเองให้รักหมอกได้ครับ...พ่อครับ แม่ครับ.....ผมรักหมอกเท่าชีวิตของผมครับ” น้ำเสียงของฟ้าลั่นสั่นเครือ เพราะพยายามกั้นน้ำตาแห่งความเสียใจให้หยุดไหล

“โปรดอย่าขัดขวางความรักของผมสองคนเลยนะครับ....” ฟ้าลั่นพูดจบประโยคสุดท้าย

ภูผาที่นั่งฟังอยู่ในขณะนี้ ก็ทรุดตัวลงจากเก้าอี้ คลานมากราบแทบเท้าของบิดามารดาของฟ้าลั่นเช่นกัน ด้วยความสำนึกผิดและความเคารพในบุพการีของคนที่ตนเองก็รักหมดใจ  เขากล่าวคำขอโทษออกมาเช่นกัน

“ผมขอโทษครับ คุณพ่อคุณแม่.....ผมขอโทษที่ทำให้คุณพ่อและคุณแม่ต้องผิดหวังในตัวฟ้าลั่นครับ”

“ผมอยากเรียนคุณพ่อและคุณแม่ว่า....ผมก็รักฟ้าลั่นเท่าชีวิตของผมเช่นเดียวกันครับ”

การรับรู้ความเป็นจริงของหัวใจลูกชายคนเดียวอย่างกะทันหันและค่อนข้างผิดไปจากสิ่งที่คาดหวัง ทำให้คุณศิลป์กวีและคุณพิมพิมลนิ่งไปชั่วขณะ  คงมีแต่ดวงตาของทั้งคู่ที่ไม่เรียบเฉยอย่างกิริยาท่าทาง เพราะกำลังฉายแววรักและกรุณาอยู่เต็มเปี่ยม

ถ้าเป็นครอบครัวอื่นที่ยังยึดถือทำเนียมปฏิบัติเก่าๆ ขณะที่ลูกชายคนเดียวของครอบครัวกำลังนำความจริงที่ว่าเขากำลังหลงรักผู้ชายด้วยกันเป็นหัวข้อสนทนาแล้ว ส่วนใหญ่ผลลัพธ์ที่ตามมาคงกลายเป็นเรื่องราวที่ร้อนแรง และคงได้รับการต่อต้านจากผู้เป็นบิดาและมารดาเป็นอย่างแน่แท้

แต่สำหรับครอบครัวศรีสิริโชคชัย...ครอบครัวที่ทันสมัย..... สมาชิกแต่ละคนต่างเข้าใจซึ่งกันและกัน รวมถึงไว้ใจและให้เกียรติการตัดสินใจที่อยู่บนบรรทัดฐานของความดีงาม ไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่นแล้ว การต่อต้านของผู้เป็นบิดาและมารดาย่อมไม่มี แม้ว่าจะผิดหวังอยู่บ้างตามปกติของบุพการี ที่มักจะคาดหวังให้ลูกชายสืบทอดวงศ์ตระกูล แต่ทว่าในกรณีนี้ ความสุขของฟ้าลั่นกลายเป็นประเด็นใหญ่ที่ผู้เป็นบิดาและมารดายึดถือเป็นหลัก
คุณศิลป์กวีและคุณพิมพิมลตระหนักดีว่า ฟ้าลั่นมีวัยวุฒิพอสมควรแล้วที่จะตัดสินใจอนาคตทุกอย่างด้วยตนเอง ทั้งสองคนกระทำได้เพียงแต่คอยดูแลอยู่ห่างๆ และช่วยสนับสนุนการเดินทางของชีวิตให้บรรลุเป้าหมายที่สมหวังและมีความสุข....โดยที่สมหวังของชีวิตนั้น ขึ้นอยู่กับความคิดของลูกชายเป็นหลัก ไม่มีใครแม้กระทั่งตนเองทั้งคู่สามารถคิดแทนได้

“คนเป็นพ่อแม่....ย่อมยอมรับลูกของตนได้เสมอนั่นแหละ.....ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร” นี่คือสิ่งที่บิดามารดาของฟ้าลั่นนิ่งคิดขณะมองมาที่ลูกชายและคนรักที่นั่งหมอบอยู่ปลายเท้า....ทั้งคู่กำลังรอปฏิกิริยาของผู้เป็นผู้ใหญ่ทั้งสองคน

เพราะเข้าใจในความรู้สึกผิด...ความกังวล....และความเจ็บปวดในหัวใจ ยามกล่าวถึงความเป็นจริงที่เกิดขึ้นของฟ้าลั่นผู้เป็นบุตรชาย น้ำตาก็พลันไหลรินออกมาจากดวงตาคู่งามของคุณพิมพิมล....เธอโน้มตัวลงมาคว้าร่างของฟ้าลั่นเข้าไปกอดแนบอก

“ขอโทษทำไมลูก...ฟ้าลั่น”

“ลูกไม่ได้ทำอะไรผิด.......ตลอดมา จนแม้กระทั่งบัดนี้”

“แม่รับได้เสมอลูก......แม่รับความรักของลูกชายที่แม่รักได้เสมอ......แม่เลี้ยงเราได้แค่เพียงร่างกาย...แต่แม่บังคับหรือหล่อเลี้ยงหัวใจของลูกไม่ได้หรอก......ลูกจงทำตามที่หัวใจตนเองเรียกร้องเถอะจ้ะ......แม่ไม่ขัดขวางหรอก”

หลังจากกระซิบเบาๆที่ข้างหูของลูกชาย คุณพิมพิมลจึงปล่อยฟ้าลั่นออกจากอ้อมกอด โน้มตัวลงมาคว้าร่างของภูผาเข้ามากอด และบอกด้วยน้ำเสียงที่อ่อนนุ่มของตนว่า

“หมอก......ลูกก็จะเป็นลูกของแม่อีกคนหนึ่งนะ.......แม่ดีใจที่จะได้ลูกชายเพิ่มขึ้นมาอีกคน.....ขอบใจที่รักฟ้าลั่นของแม่ เท่ากับที่เค้ารักลูกนะจ้ะ ........ หมอกไม่ต้องกังวลอะไรทั้งสิ้น.....แม่รับได้เสมอในความรักของลูกแม่ทั้งสองคน”

บิดาของฟ้าลั่นที่ยังคงแสดงสีหน้าสงบนิ่งอยู่บนโซฟาเดียวกันกับมารดา เขาก้มลงมา มองร่างของทั้งคู่ที่นั่งอยู่เบื้องล่าง หลังจากที่ภรรยาของตนปล่อยร่างของภูผาให้นั่งลงเรียบร้อย

“ฟ้าลั่น........” น้ำเสียงแฝงความปราณีดังออกมาจากผู้เป็นบิดา ฝ่ามือใหญ่แข็งแรงเอื้อมมาลูบศีรษะของลูกชายเบาๆ อย่างอ่อนโยน

“ทำไมลูกถึงคิดว่าพ่อและแม่จะขัดขวางความรักของลูกล่ะ”

“พ่อกับแม่ไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้นหรอกนะ....ความรักมันไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายหรอกลูก”

“มันคือสิ่งที่สวยงาม......คือสิ่งที่มีคุณค่าต่อชีวิตคนเรา......พ่อไม่เคยยึดว่าความรักต้องเกิดขึ้นกับเพศไหนๆ......
สำหรับพ่อแล้ว....ความรักคือนิยามชีวิตของคนสองคน.....คือความผูกพันของคนสองคนนะลูก....พ่อดีใจที่ลูกหาความรักของลูกเจอ......พ่อมั่นใจว่าลูกของพ่อมีเหตุผล.....และโตพอที่จะรับรู้และเลือกที่จะรักได้แล้ว”

“ถ้าหมอกคือคนที่ลูกเลือกที่จะรัก.....พ่อก็จะสนับสนุน.....พ่อไม่ขัดขวางหรอกลูก” บิดาของฟ้าลั่นพูดเสร็จ และหันหน้ามาทางภูผา พลางพูดกับภูผาด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยนว่า

“หมอก.....พ่อขอบใจลูกมากนะที่รักฟ้าลั่นลูกของพ่อ......ขอบใจในกำลังใจที่มอบให้ลูกของพ่อ....ให้เขากล้าที่จะบอกความรู้สึกของตนให้พ่อและแม่ได้รับรู้”

หลังจากที่บิดาของฟ้าลั่นพูดจบ ทั้งภูผาและฟ้าลั่นก็ก้มลงกราบแทบเท้าท่านอีกครั้ง โดยไม่ลืมที่จะหันมากราบมารดาเช่นกัน

“ลุกขึ้นนั่งบนโซฟาเถอะลูก......เราคงต้องคุยกันอีกซักหน่อย” หลังจากได้ยินคำอนุญาตของผู้เป็นมารดา ทั้งสองหนุ่มจึงลุกขึ้นมานั่งบนโซฟาตัวเดิม

“นอกจากจะมาสารภาพกับพ่อและแม่แล้ว.....ลมอะไรถึงหอบลูกชายตัวดีของพ่อบินด่วนมาจากเชียงใหม่ได้นี่” คุณศิลป์กวีตั้งคำถาม รอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าที่หล่อเหลาสมวัยเกือบห้าสิบปี

“ผมจะมาขออนุญาตคุณพ่อกับคุณแม่ไปเรียนต่อปริญญาโทและเอกที่อังกฤษกับหมอกครับ” ฟ้าลั่นตอบกลับบิดาด้วยสีหน้าเบิกบาน.....ความทุกข์ที่มีในใจได้มลายหายไปจนหมด.....เพราะความรักและความเข้าใจของบิดามารดาที่เลี้ยงดูมา......ฟ้าลั่นนึกขอบคุณในโชคชะตาของตนที่ทำให้เกิดมาในครอบครัวที่อบอุ่นและเข้าใจซึ่งกันและกัน

“ตอนแรกหมอกเค้าไม่กล้าบอกผม...เพราะกลัวว่าพ่อกับแม่จะรับความรักของเราไม่ได้ครับ...หมอกเค้าก็เลยจะหนีผมไปคนเดียวครับ” ฟ้าลั่นได้ที จึงกล่าวฟ้องบิดาและมารดา
 
“ผมเลยต้องบินด่วนกลับบ้านมาพร้อมกับหมอก แล้วก็มาบอกพ่อกับแม่นี่แหละครับ....รวมถึงมาขออนุญาตเรื่องไปเรียนด้วยครับ เพราะผมคงต้องเตรียมตัวหลายอย่างครับ.....”

“หมอกเค้าเตรียมตัวล่วงหน้าไปก่อนผมตั้งเยอะแล้วครับ” ฟ้าลั่นสารภาพ และมอบรอยยิ้มกว้างให้กับผู้เป็นบุพการีอย่างประจบประแจง

“หมอกจะหนีฟ้าลั่นไปเลยเหรอลูก.....” คุณพิมพิมลหันหน้ามาถามภูผา

“ครับ....ตอนแรก....ผมไม่อยากให้ฟ้าลั่นเค้าทิ้งอนาคตมาอยู่กับผมครับ” ภูผาตอบตามความเป็นจริง

“อ้าว....แล้วลูกไม่รักฟ้าลั่นหรือครับ” คราวนี้คุณศิลป์กวีเป็นฝ่ายถามขึ้นเพราะความสงสัยบ้าง

“ผมรักฟ้าลั่นมากครับ คุณพ่อ.....แต่ถ้าผมสามารถทำให้คนที่ผมรักมีอนาคตที่ดีกว่า ผมก็ยอมครับ”

“แล้วลูกรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าฟ้าลั่นของพ่อนี่...เค้าจะมีอนาคตที่ดีกับคนอื่นที่ไม่ใช่หมอกล่ะลูก” คุณศิลป์กวีถามต่อ

“ผมไม่ทราบครับ” ภูผาตอบคำถามอย่างจนใจ

“เมื่อไม่ทราบก็อย่าทั้งเค้าไปซิครับ......พ่อเชื่อว่าลูกของพ่อทั้งสองคนจะสร้างอนาคตที่ดีด้วยตัวเองได้.....อย่าคาดการณ์อะไรล่วงหน้าเลยสำหรับความรักและหัวใจ.....อยู่กับปัจจุบันดีที่สุดนะลูก” คุณศิลป์กวีให้คำแนะนำอย่างกรุณา

“แม่ดีใจนะที่ลูกของแม่ทั้งสองคนคิดจะไปเรียนต่อ เพื่อพัฒนาความรู้ของตนเอง.....อย่างนี้แม่สนับสนุน......แต่ขออย่าให้ต้องทิ้งกันไปกลางทางเลยนะลูก.......ความรักที่สวยงาม...มันต้องมั่นคงด้วย ถึงจะทำให้อนาคตของทั้งคู่ประสบความสำเร็จ” คุณพิมพิมลสั่งสอนอย่างห่วงใยตามผู้เป็นสามี

“ขอบคุณครับ..คุณพ่อคุณแม่” ทั้งสองหนุ่มกล่าวขึ้นพร้อมกัน

“ผมจะพยายามหาทุนการศึกษาจากมหาวิทยาลัยที่โน่นครับ.....หมอกเค้าได้ทุนจากทางอาจารย์ที่นั่นครับ....ส่วนผมคงต้องรบกวนพ่อและแม่ในช่วงเทอมแรกเท่านั้นครับ....เทอมต่อๆไปผมจะหาทุนให้ได้ครับ”

“แหม.......ไอ้ลูกคนนี้ คิดว่าพ่อกับแม่ไม่มีเงินส่งเราเรียนเหรอไง......ถ้าจนปัญญานักก็ขอเศษเงินจากคุณตาที่อเมริกามาให้......ใช่มั้ยแม่” บิดาของฟ้าลั่นกล่าว พร้อมหันมาส่งคำถามให้ภรรยาที่นั่งอยู่ข้างๆ

“ค่ะ.....คุณตาลูกเค้าสนับสนุนอยู่แล้ว.....คุณตาเค้ายังบอกแม่ว่าจะให้เราไปเรียนต่อที่อเมริกาเลย แต่ว่าลูกมาขอไปอังกฤษเสียก่อน.....คุณตาท่านใจดี ยิ่งเรื่องการศึกษาแล้วท่านสนับสนุนเต็มที่”

“หมอกด้วย......พ่อกับแม่ก็จะช่วยสนับสนุนลูกด้วย” คุณพิมพิมลถ่ายทอดความปรารถนาดีผ่านมายังภูผา...ลูกชายคนใหม่อีกด้วย

“ขอบคุณในความกรุณาครับ.....แต่ว่า...เอ่อ.......” คนพูดยังพูดไม่จบ แต่ฟ้าลั่นก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน

“หมอกเค้ารวยครับแม่.......คุณยายของหมอกเป็นถึงท่านผู้หญิงเลยนะครับ” ฟ้าลั่นบอกคุณสมบัติของคนรักของตนอย่างภูมิใจ

“ว๊ะ....ไอ้ลูกคนนี้มันตาถึงแฮะ........ เอาลูกชายมาให้พ่ออีกคน .....รวยซะด้วย” นายแพทย์ศิลป์กวีหัวเราะชอบใจ ส่งผลให้เจ้าลูกชายตัวดีต้องบอกออกมาว่า

“เห็นมั้ยครับพ่อ....เชื้อไม่ทิ้งแถว.....ที่คุณพ่อยังไปคว้าลูกสาวประธานบริษัทก่อสร้างชื่อดังของอเมริกามาเลยนี่ครับ.....ถึงคราวผม.....ผมก็ต้องหาให้ดีเหมือนกันครับ” ฟ้าลั่นพูดประจบ พร้อมยิ้มให้บิดามารดาและคนรักของตนอย่างอารมณ์ดี

“แล้วคุณแม่กับคุณยายของหมอกเค้ารู้เรื่องหรือยังล่ะลูก” ประโยคของบิดาที่กล่าวออกมา ทำให้ฟ้าลั่นหุบยิ้มลงทันที พร้อมกับถอนหายใจออกมาช้าๆ

“ผมก็จะไปหาคุณแม่และคุณยายของหมอกพรุ่งนี้ครับ........” ฟ้าลั่นกล่าวออกมาอย่างกังวล

“ดีแล้วลูก......ไม่เข้าถ้ำเสือ แล้วจะได้ลูกเสืออย่างไร” บิดากล่าวสนับสนุนพร้อมรอยยิ้ม

“เอ้.....คุณนี่......มันผิดนะคะ...ต้องบอกลูกว่า เข้าทางผู้หลักผู้ใหญ่ดีที่สุดนะลูก......ไม่ใช่สุภาษิตเข้าถ้ำเสือ” มารดากล่าวขัดออกมาอย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะหันหน้ามามองลูกชายคนแรกที่ยังคงแสดงสีหน้ากังวลอยู่ พลางพูดปลอบใจ

“ไม่ต้องกังวลหรอกลูก..... คุณยายและคุณแม่ของหมอกคงเป็นคนทันสมัยและน่าจะเข้าใจลูกทั้งสองคนอย่างดี....”

“ถ้าเค้าไม่ยกให้...เราก็พาหนีเลยไอ้ลูกพ่อ.......”บิดาแหย่ลูกชายเล่นเบาๆ ทำให้ฟ้าลั่นมีความหวัง....ดวงตาเป็นประกายขึ้นมา

“เอ...คุณนี่.....แนะนำลูกแต่ละอย่าง.....ฟ้าลั่นก็อย่าบ้าไปตามพ่อเค้านะลูก.....ทำให้มันถูกต้อง” มารดาติงเบาๆ ไม่วายฟาดมือไปตีแขนคุณพ่อช่างแนะนำเสียหนึ่งที

“ครับ” ฟ้าลั่นรับคำ แต่ก็ยังไม่หายกังวลนัก

“จะให้พ่อและแม่ไปเป็นเพื่อนในวันพรุ่งนี้มั้ยลูก.....”คุณพิมพิมลเปิดช่องทางด้วยคำถามอย่างเอ็นดู

“ตอนแรกกะจะบอกว่าไม่ครับ....แต่คิดไปคิดมา....พ่อกับแม่ไปให้กำลังใจผมดีกว่าครับ” ฟ้าลั่นพูดพร้อมส่งยิ้มให้ทุกๆคน

“หมอกจ๊ะ” คุณพิมพิมลหันมาถามข้อมูลเพิ่มเติมจากภูผา

“เอ่อ......แม่ขอถามอะไรหน่อยได้มั้ยจ๊ะ”

“ครับ” ภูผารับคำอย่างสุภาพ

“เอ่อ......คุณยายกับคุณแม่หมอก.....ท่านพอจะคาดการว่าในอนาคตหมอกอาจพาคนอย่างฟ้าลั่นลูกแม่เข้าไปแนะนำว่าเป็น เอ่อ......เอ่อ...คนรักหรือเปล่าจ๊ะ” คุณพิมพิมลพยายามใช้คำถามที่สุภาพแต่ก็ตรงไปตรงมาอย่างที่สุดกับภูผา

“เอ่อ.....คุณแม่ทราบครับว่าผม...เอ่อ...เอ่อ....อาจจะพาไปครับ...แต่สำหรับคุณยาย   ผมไม่แน่ใจครับ” ภูผาตอบอย่างไม่ปิดบัง เนื่องจากมารดารับทราบมาโดยตลอดว่าเขาเป็นผู้ชายที่รักผู้ชายด้วยกัน แต่กระนั้นท่านก็มิได้ต่อว่าหรือห้ามปรามแต่อย่างใด กลับแสดงความเข้าใจและยังคงรักและเอาใจใส่เขาอย่างดีเสมอมา

“อืม.....อย่างนั้นก็ดีไปอย่างหนึ่ง เราก็เข้าทางคุณแม่ของหมอกก่อนดีกว่า.... แล้วก็ค่อยไปเข้าทางคุณยาย” บิดาของฟ้าลั่นที่นั่งฟังอยู่กล่าวถึงแผนการที่เพิ่งคิดได้

“ครับ...ก็ดีครับคุณพ่อ” ฟ้าลั่นเห็นด้วยกับบิดา

“อย่างนั้นก็ตกลงตามนี้แล้วกันนะจ๊ะ.....แต่ตอนนี้ก็ดึกแล้ว.....แม่ว่า...เราสองคนขึ้นไปอาบน้ำ พักผ่อนกันก่อนดีกว่า....พรุ่งนี้วันเสาร์ จะได้ไปหาคุณยายและคุณแม่ของหมอกพร้อมกันในตอนเช้า”

“หมอกเอาเสื้อผ้ามาหรือเปล่าลูก....ถ้าไม่ได้เอามา ให้ฟ้าลั่นจัดการให้นะลูก” คุณพิมพิมลเพิ่งนึกขึ้นมาได้ เลยซักถามและให้คำแนะนำลูกชายคนใหม่อย่างเอาใจ

“ขอบคุณครับ...คุณแม่....คุณพ่อ” ภูผาหันมากล่าวขอบคุณพร้อมยกมือไหว้อีกครั้ง ก่อนที่จะถูกคนรักฉุดให้ลุกขึ้น เดินตามไปยังห้องนอนของตน

“Good night ครับพ่อ, mom” ฟ้าลั่นกล่าวราตรีสวัสดิ์กับบิดามารดา พร้อมกับฉุดมือภูผาให้เดินตามออกไปทันที

“ดูท่าเราแล้ว....ไอ้ลูกชายมันหวงแฟนมันจริงๆ......ดูซิตามประกบไม่ปล่อยเลย” คุณศิลป์กวีหันมาพูดกับภรรยาหลังจากที่ลูกชายทั้งสองคนเดินขึ้นไปชั้นบนของบ้านแล้ว

“ค่ะ.....ลูกหมอกเค้าก็หน้าตาน่ารักมากนี่ค่ะ......หน้าหวานกว่าผู้หญิงเสียอีก....มารยาทก็ดี แถมบุคลิกก็เหมาะแล้วที่จะมีคุณยายเป็นถึงท่านผู้หญิง..... พิมเองยังแอบรักตั้งแต่แรกพบเลยค่ะ” คุณพิมพิมลกล่าวแสดงความเห็นด้วย พร้อมเปิดเผยความในใจเกี่ยวกับลูกชายคนใหม่ออกมาให้สามีได้รับรู้

“ผมก็ชอบลูกชายคนใหม่เหมือนกัน......ต้องยอมรับว่าไอ้ลูกชายตัวดีเรามันตาถึง.....” คุณศิลป์กวีหัวเราะเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน เดินแยกจากผู้เป็นภรรยา เข้าห้องสมุดเพื่อทำกิจวัตรประจำวันคือการอ่านหนังสือก่อนนอน

หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 14-12-2006 21:40:50
อืมมมม happy กันซ๊า :-[

อิจฉาจังเลยยยย  :serius2:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 15-12-2006 08:59:29
หัวใจเจ้าเอย....เจ้าจะทนสู้.....หรือจากไป  :impress:

ชอบวรรคนี้จัง  :impress2:

ในที่สุดก็ happy  :yeb:



หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 15-12-2006 11:43:08
อ้างถึง
“คนเป็นพ่อแม่....ย่อมยอมรับลูกของตนได้เสมอนั่นแหละ.....ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร”

โดนโคดๆๆๆ

เศร้า และสุขไปในคราวเดียวกัน

พูห์ :monkeysad2:


ปล.


พยายามตามอ่านอยู่นะหนูบลู


แต่คงต้องทีละเรื่อง


ม่ายหวายยย งานเยอะโคด


พ. :serius2:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 15-12-2006 12:19:43
 :impress:................ชอบตอนนี้ที่สุดเลย :-[ :-[ :-[

“ขอโทษทำไมลูก...ฟ้าลั่น”

“ลูกไม่ได้ทำอะไรผิด.......ตลอดมา จนแม้กระทั่งบัดนี้”

“แม่รับได้เสมอลูก......แม่รับความรักของลูกชายที่แม่รักได้เสมอ......แม่เลี้ยงเราได้แค่เพียงร่างกาย...แต่แม่บังคับหรือหล่อเลี้ยงหัวใจของลูกไม่ได้หรอก......ลูกจงทำตามที่หัวใจตนเองเรียกร้องเถอะจ้ะ......แม่ไม่ขัดขวางหรอก”

หวังว่าสักวันนึงจะได้ยินคำเหล่านี้จากพ่อแม่ผมบ้าง............. :try2:



หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 15-12-2006 18:17:46
ถ้าพ่อแม่เข้าใจลูกแบบนี้ หลายๆคนคงมีชีวิตที่มีความสุขนะครับ  :monkeysad2:
***************************************************************************
เก็บดาว
[wma=300,50]http://www.geocities.com/atcha_t/star.mp3[/wma]
*****************************************************************************

   ก่อนเที่ยงคืนเล็กน้อย คุณศิลป์กวีละสายตาจากหนังสือเล่มโปรดชั่วคราว ทอดสายตาไปยังสระว่ายน้ำที่อยู่บริเวณด้านหน้าห้องสมุด เขาเห็นฟ้าลั่น.....ผู้เป็นบุตรชายนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ข้างสระว่ายน้ำ สายตาของฟ้าลั่นมองเหม่อลอยไปไกล

ฟ้าลั่นเดินลงมานั่งเล่นหลังจากที่ภูผาหลับสนิท เพื่อผ่อนคลายอารมณ์ที่มุมโปรด ข้างสระว่ายน้ำทันสมัยของครอบครัว

ผู้เป็นบิดาปิดหนังสือ เก็บไว้บนชั้นอย่างเรียบร้อย และเดินออกจากห้องสมุด เดินตรงไปยังบริเวณที่ฟ้าลั่นนั่งอยู่

“คิดอะไรอยู่หรือลูก” คุณศิลป์กวีเอ่ยถาม ทำลายความเงียบของบรรยากาศยามดึกของบ้าน

“คิดไปเรื่อยๆครับพ่อ” ฟ้าลั่นตอบผู้เป็นบิดา ที่กำลังนั่งลงบนเก้าอี้ตัวถัดไป

“กังวลเรื่องพรุ่งนี้ล่ะซิ” บิดาดักคอ

“ครับพ่อ.....ผมเดาไม่ออกเลยครับ...ว่าอะไรจะเกิดขึ้น”

“กังวลไปก็เท่านั้นล่ะฟ้าลั่น......เสียเวลาเปล่า...ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้เสมอลูก....แค่มองให้ทะลุ....จัดการให้ถูกจุด และใช้สติปัญญา ความคิดอย่างรอบคอบ....ลูกพ่อเป็นคนฉลาด หมอกเองก็ฉลาด...เราสองคนคงจะแก้ปัญหาได้ไม่ยาก”

“ขออย่างเดียว พรุ่งนี้ฟ้าลั่นของพ่อคงต้องสุขุมให้มาก และเปิดหัวใจของลูกให้คุณยายและคุณแม่ของหมอกเค้าให้เห็นถึงความรักที่ลูกมีต่อหมอกก็เท่านั้น” คุณศิลป์กวีให้คำแนะนำตบท้าย

“ขอบคุณครับพ่อ” ฟ้าลั่นกล่าวขอบคุณบิดา เวลานี้เขาใจชื้นขึ้นมามากทีเดียว เพราะคำแนะนำที่เต็มไปด้วยความประสงค์ดีของผู้เป็นบิดา

 “ฟ้าลั่น....พ่ออยากจะขอถามอะไรลูกซักอย่าง...จะสะดวกมั้ย” คุณศิลป์กวีตัดสินใจเกริ่นถึงความสงสัยที่คั่งค้างภายในใจ

“ได้ครับ....แต่ถ้าคุณพ่อสงสัยว่าผมรักหมอกได้อย่างไร....รวมถึงผมเป็นเกย์หรือไม่....ผมตอบได้ทันทีครับ...”ฟ้าลั่นตอบผู้เป็นบิดา พลางเดาถึงคำถามที่บิดาจะซักถามตนเอง

คุณศิลป์กวีพยักหน้าช้าๆ เป็นการตอกย้ำความคิดของลูกชาย

“ผมยังเป็นผู้ชายครับพ่อ....ผมไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายมาก่อนครับ แม้กระทั่งหมอก.... แต่สำหรับผู้หญิงก็มีปกติครับ.... ส่วนเรื่องความรัก ผมคิดว่าน่าจะเริ่มจากความผูกพันครับ.....เริ่มจากความรักแบบพี่น้อง เพราะผมกับหมอกเป็นลูกคนเดียวทั้งคู่......เราต่างคนต่างอยากมีพี่ชายและน้องชายครับ” 

“พ่อคงจำได้ เมื่อสองปีที่แล้วผมช่วยหมอกจากการตกน้ำครั้งนั้น ตอนที่ผมกำลังจะสูญเสียหมอกไปตลอดกาล....ผมทราบทันทีครับว่าผมรักหมอกมาก...รักมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบครับ....แต่ที่แน่ๆ ความผูกพันของผมที่มีต่อหมอกมันมากมายจนกระทั่งเกิดเป็นความรักขึ้นมาครับ....เป็นความรักที่ผมเองเคยตั้งคำถามว่าทำไมถึงเกิดขึ้นกับผู้ชายอย่างหมอก แทนที่จะไปเกิดกับผู้หญิงคนอื่นๆที่ผมคบหาด้วย”

“สุดท้าย....ผมคิดว่าคำตอบของความสงสัยนั้น มันก็ไม่มีความหมายเท่ากับความเป็นจริงที่ว่า...ผมรักหมอกสุดหัวใจของผม...และปรารถนาที่จะอยู่กับหมอกตลอดไปครับ....ผมยินดีเลือกทางเดินชีวิตของผมให้เดินร่วมไปกับผู้ชายคนหนึ่งที่ผมรักครับ.... ความรักของผมมันไร้กฎเกณฑ์และไม่มีเพศครับ” ฟ้าลั่นอธิบายให้บิดาของตนฟังช้าๆ เขาพยายามถ่ายทอดความรู้สึกที่มีให้หัวใจ ถ่ายทอดออกเป็นประโยคที่เข้าใจง่ายๆ

“อืม” คุณศิลป์กวีพยักหน้าช้าๆ พยายามทำความเข้าใจกับประโยคยาวๆที่บุตรชายพูดออกมา

“อย่างนี้พ่อค่อนข้างมั่นใจขึ้นมาบ้างนิดหน่อยว่า ครอบครัวเราไม่ใช่ปัจจัยที่ส่งเสริมให้ลูกพ่อเป็นเกย์....ลูกยังเป็นผู้ชายปกติ เพียงแต่รักกับผู้ชายอย่างหมอกเท่านั้น” คุณศิลป์กวีสรุปตามข้อมูลที่รับฟัง ตามลักษณะนิสัยของนายแพทย์ที่ชอบคิดหาเหตุและผล

“อืม....แต่ว่าผู้ชายที่ชอบผู้ชาย....เค้าก็เรียกว่าเกย์นี่นา” คุณศิลป์กวีเริ่มมีข้อโต้แย้งในความคิดของตน

“ถ้าตามที่พ่อพูดมา....ผมคงเป็นเกย์เฉพาะกับหมอกคนเดียวครับ....เพราะผมไม่เคยมีอารมณ์กับผู้ชายคนไหนเลยครับ...ออกจะกระอักกระอ่วนเสียด้วยซ้ำไปครับ.... มีเพียงหมอกคนเดียวครับที่ผมอยู่ใกล้ด้วยแล้วมีความสุข....ผมไม่เคยคิดว่าหมอกคือผู้หญิงหรือผู้ชาย....หมอกคือหมอก....คือคนที่ผมรัก....ก็เท่านั้นเองครับ....”

“พ่อบอกตามตรงนะลูก....พ่อก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน....แต่ว่าตอนนี้พ่อรู้อย่างเดียว...เพียงสิ่งเดียวที่สำคัญที่สุด....คือลูกรักหมอก....และมีความรับผิดชอบต่อความรู้สึกและการตัดสินใจของตนเอง แค่นี้ก็เพียงพอสำหรับพ่อกับแม่แล้วที่จะสนับสนุนลูกต่อไป” บิดากล่าวเสียงนุ่ม สรุปให้บุตรชายฟังถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้น

“ขอบคุณอีกครั้งครับพ่อ....ผมโชคดีจังเลยนะครับ...ที่ได้เกิดมาเป็นลูกของพ่อและแม่ครับ” น้ำเสียงของฟ้าลั่นเต็มไปด้วยความสุขและความยินดี

คุณศิลป์กวีไม่ตอบอะไร หากกระทำเพียงแค่เอื้อมมือมาลูบศีรษะที่ปกคลุมด้วยผมยาวนุ่มสลวยของบุตรชาย....เหมือนทุกๆครั้งที่ผ่านมา ยามต้องการถ่ายทอดความรักและความเข้าใจผ่านให้กับฟ้าลั่นได้รับรู้

“พ่อว่าตอนนี้ดึกมาแล้วนะลูก....ขึ้นไปนอนเถอะ....ไปดูแลหมอกด้วย....พรุ่งนี้เช้าเจอกัน....ไปบุกถ้ำเสือด้วยกันนะลูก” คุณศิลป์กวียังคงกล่าวติดตลก

“ครับผม....ไม่เข้าถ้ำเสือ...จะได้ลูกเสือได้อย่างไร....ใช่มั้ยครับพ่อ” ฟ้าลั่นอารมณ์ดี เขาสนทนากับบิดาด้วยรอยยิ้มกว้าง

“อย่างนั้นผมไปนอนแล้วนะครับ.......กูดไนท์ครับ” ฟ้าลั่นกล่าวราตรีสวัสดิ์บิดาพร้อมทั้งเดินแยกออกมา ตรงเข้าไปภายในบ้าน เพื่อเข้าสู่ห้องนอนของตน

หลังจากนั้นไม่นาน คุณศิลป์กวีก็เดินเข้ามาในบ้าน เพื่อเดินเตรียมเข้านอนเช่นกัน

*************

เช้าวันเสาร์.................

บ้านทรงไทยหลังใหญ่ได้มีโอกาสต้อนรับครอบครัวศรีศิริโชคชัยเป็นครั้งแรก ฟ้าลั่นดูจะตื่นเต้นที่สุด เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่เขาจะได้เข้าพบมารดาของคนรักรวมถึงคุณยายผู้เป็นเจ้าของเรือนไทยหลังงามเรือนนี้

คุณยายประกายแก้ว หรือต้องเรียกให้ถูกต้องว่า ท่านผู้หญิงประกายแก้ว ภัทรโภคิน ผู้เป็นประมุขของครอบครัวภัทรโภคิน และเป็นมารดาของบุตรสาวสามคน อันได้แก่ คุณศศิพิมพ์....มารดาของภูผา ตามด้วยคุณศศิลักษณ์ และคุณศศิพรรณ....ผู้เป็นน้าสาว

หลังจากที่บิดาของภูผาเสียชีวิตไปตอนที่ภูผายังเล็กมาก คุณศศิพิมพ์ ผู้เป็นมารดาจึงตัดสินใจเปลี่ยนนามสกุลของภูผาให้กลับมาใช้นามสกุลของตนเดิมตามผู้เป็นบิดา-มารดา นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ภูผามีนามสกุลเดียวกับคุณยายของตน

ภูผาก็ดูเหมือนจะตื่นเต้นเช่นกันกับการที่ต้องมาปรากฏตัวพร้อมกับครอบครัวของฟ้าลั่นในบ้านของตนเองเช่นนี้ แต่เนื่องจากเหตุจำเป็นของหัวใจ....เขาจึงต้องปรากฏตัวพร้อมกับคนรักอย่างกะทันหัน รวมถึงสืบเนื่องจากการที่ต้องเตรียมตัวไปเรียนที่อังกฤษให้ทันในช่วงก่อน Trinity Term ของมหาวิทยาลัย ที่จะเริ่มในปลายเดือนเมษายนนี้ เพราะถ้าไม่รีบหรือพลาดไปก็คงต้องรอไปจนถึง Michaelmas Term ซึ่งจะเริ่มประมาณเดือนตุลาคมในปีเดียวกัน

มารดาของภูผารู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่เห็นภูผากลับมาบ้านทั้งๆที่ไม่ใช่วันหยุดยาวหรือช่วงปิดเทอม พร้อมกันนี้ยังพาครอบครัวของเพื่อนสนิทมาด้วย

ภายหลังรับทราบเรื่องราวต่างๆจากภูผา และลูกชายคนใหม่อย่างฟ้าลั่น.... คุณศศิพิมพ์ก็ไม่ได้เกิดอาการตกใจ หรือแสดงออกซึ่งการขัดขวางแต่อย่างใด กลับเต็มใจที่จะรับลูกชายคนใหม่ รูปร่างสูง หน้าตาคมคายเข้ามาอยู่ในครอบครัวเดียวกัน

นอกจากจะได้ลูกชายคนใหม่แล้ว คุณศศิพิมพ์ยังได้เพื่อนหญิงคนใหม่ที่มีนิสัยคล้ายๆกัน ที่สามารถพูดคุยกันได้อย่างถูกคอเสียอีก นั่นก็ไม่พ้นมารดาของฟ้าลั่น..... คุณพิมพิมลนั่นเอง  แถมทั้งคู่ยังมีชื่อเล่นที่ออกเสียงเดียวกันอีกคือ “พิมพ์” และ “พิม” 

แม้ว่าคุณพิมพิมลจะเป็นอาจารย์สอนหนังสือในมหาวิทยาลัย แต่ก็สามารถเข้าขากับคุณศศิพิมพ์ที่เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทออกแบบอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังได้เป็นอย่างดี เพราะว่าทั้งคู่ถนัดในการออกแบบตกแต่งภายในและภายนอกเหมือนกัน โดยที่คุณพิมพ์พิมล มารดาของฟ้าลั่นนั้น สำเร็จการศึกษามาทางด้านสถาปัตยกรรม เช่นเดียวกับคุณศศิพิมพ์ที่ศึกษามาทางเดียวกัน แต่ว่าจบมาจากคนละสถาบัน ต่างประเทศกัน

ภายหลังการพูดคุยซักถามและทำความคุ้นเคย ตลอดจนสร้างความสนิทสนมกับครอบครัวลูกชายคนใหม่ ไม่นานนัก คุณศศิพิมพ์จึงชักชวนทั้งหมดเดินลัดสวนไปที่เรือนใหญ่ เพื่อคารวะและเจรจากับประมุขของบ้านที่แท้จริง


   ถนนคดเคี้ยวปูด้วยอิฐแดงทอดยาวไปตามสนามกว้างสู่เรือนไทยหลังใหญ่  รอบๆมีต้นไม้และดอกไม้หลากสีจัดตกแต่งอย่างสวยงาม และมีการบำรุงรักษาตลอดเวลาเป็นอย่างดี

สองข้างทางของถนนคือรั้วต้นดอกแก้วปลูกแน่นติดกัน โดยตัดแต่งเป็นทรงสี่เหลี่ยมความสูงประมาณเอว แม้เวลานี้ดอกแก้วจะไม่ส่งกลิ่นหอม แต่ก็เห็นความงามของกลีบดอกสีขาวอย่างชัดเจน 

ตรงกลางสนามกว้างสีเขียวสด คือสระบัวธรรมชาติขนาดใหญ่ โดยมีศาลาไม้สักทรงไทยแปดเหลี่ยมปลูกอยู่กลางน้ำ และมีสะพานไม้สีขาวสะอาดตาเชื่อมระหว่างศาลากับผืนสนามหญ้าญี่ปุ่นสีเขียวขจี.....บริเวณนี้คือจุดที่ภูผาชอบมากที่สุด แม้ว่าจะว่ายน้ำไม่เป็นก็ตาม เนื่องจากเขาชื่นชอบในสายลมเย็นที่พัดผ่านอยู่ตลอดเวลานั่นเอง

แม้ธรรมชาติภายนอกจะสวยงามขนาดไหน แต่ก็มิช่วยให้จิตใจของฟ้าลั่นเบิกบานแต่อย่างใดเขายังคงกังวลกับการเข้าพบกับคุณยายของภูผา ผู้เป็นประมุขของบ้านหลังใหญ่นี้  แม้คุณศศิพิมพ์จะบอกว่าคุณยายของภูผาเป็นคนใจดีและทันสมัย แต่สำหรับเขาแล้ว ด้วยความที่ท่านมีอาวุโสสูงกว่า ความกังวลจึงเกิดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้   

ภูผาดูเหมือนจะเข้าใจความรู้สึกของฟ้าลั่นได้ดีในขณะนี้ เขาจึงเอื้อมมือของตนไปกุมมือฟ้าลั่นตลอดเวลาที่เดินตามผู้ใหญ่ทั้งสามเพื่อมุ่งไปสู่เรือนหลังใหญ่

เรือนไทยหลังสวยของท่านผู้หญิงประกายแก้ว เป็นเรือนไม้สักทองชั้นเดียวขนาดแปดห้องนอน ยกเสาไม่สูงมากนัก ตอนกลางของพื้นเรือนเจาะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด 3X5 เมตร ไว้สำหรับจัดเป็นส่วนหย่อมที่ปลูกขึ้นจากไต้ถุนเรือน บริเวณนี้ไม่มีหลังคาปกคลุมเนื่องจากต้องการให้ต้นไม้ได้รับแสงอาทิตย์และน้ำฝนธรรมชาติตลอดปี

บริเวณรอบๆ สวนหย่อมกลางบ้าน ถูกประดับไปด้วยกล้วยไม้นานาชนิด รวมถึงต้นเฟื่องฟ้าและบอนหลากสี ถัดออกมาก็จะพบทางเดินปูด้วยอิฐสีแดงล้มรอบสวนสวย ถัดขึ้นมาอีกชั้นก็จะเป็นส่วนบริเวณพื้นบ้านที่มีหลังคาปกคลุม โดยแบ่งเป็นส่วนทางเดินยกระดับขึ้นมา มีรั้วไม้สักกั้นไว้ตลอดทาง แต่ก็มีช่องประตูทางเดินลงไปถึงถนนอิฐและสวนหย่อมที่ตกแต่งอยู่ได้ ระดับสุดท้ายคือระดับสูงสุดซึ่งเป็นระดับเดียวกับห้องพักต่างๆทั้งหมด 8 ห้อง ไม่รวมห้องรับแขกใหญ่ทางด้านเหนือของตัวบ้าน ซึ่งเปิดโล่งรับลมเย็นที่พัดมาจากสระบัวกลางสนาม

คุณประกายแก้วมักใช้เวลาส่วนตัวอยู่ที่ห้องรับแขกเพื่ออ่านหนังสือ รับฟังข่าวสาร และเตรียมงานต่างๆที่ได้รับมอบหมายจากสมาคมที่ตนเองเป็นเป็นประธานหรือกรรมการอยู่

ตอนสายของวันนี้ คุณประกายแก้วจึงได้มีโอกาสเห็นหน้าว่าที่หลานชายคนใหม่ที่คุณศศิพิมพ์และภูผาหลานชายคนเดียวพามาให้รู้จัก รวมถึงบิดามารดาของว่าที่หลานชายคนใหม่อีกด้วย

คุณประกายแก้วคือผู้หญิงรูปร่างเล็กสมส่วน อายุประมาณหกสิบห้าปี ที่ยังดูแข็งแรงกระฉับกระเฉง แม้ใบหน้าจะแสดงให้เห็นถึงอายุที่มากแล้ว แต่ก็ยังสะท้อนให้เห็นถึงความงดงามและความสวยสมวัย รวมถึงแววตาที่เจือปนความเมตตาและกรุณาต่อบุคคลทั่วไป

คุณประกายแก้วนิยมแต่งกายด้วยผ้าถุงไหมชั้นดี และเสื้อผ้าไหมเข้าชุดกัน ซึ่งทำให้ท่านดูสวยสง่าสมราศีผู้ที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ(ท.จ.ว.) กลายเป็นสตรีที่สามารถใช้คำหน้านามว่า “ท่านผู้หญิง” ได้อย่างสมเกียรติ

หลังจากนั่งลงบนโซฟารับแขกสีงาช้างสะอาดตา รับกับเครื่องเรือนและสีไม้สักทองของบ้านทรงไทยหลังนี้ แขกผู้มาเยือนและภูผาจึงทำความเคารพประมุขของบ้านอย่างนอบน้อม

“คุณแม่คะ พิมพ์พาครอบครัวลูกชายคนใหม่ของพิมพ์มาแนะนำค่ะ” คุณศศิพิมพ์ผู้มีบุคลิกทันสมัย เปิดประเด็น พร้อมแนะนำครอบครัวของฟ้าลั่นให้ผู้เป็นมารดาได้รู้จัก

“นี่นายแพทย์ศิลป์กวี ศรีสิริโชคชัย และ คุณพิมพิมล บิดาและมารดาของหลานชายคนใหม่ของคุณแม่ค่ะ”

“และนี่คนสุดท้ายค่ะ ฟ้าลั่น ลูกชายอีกคนของพิมพ์เองค่ะ....หลานชายคนใหม่ของคุณแม่ค่ะ” คุณศศิพิมพ์พูดตรงๆ อย่างไม่อ้อมค้อม เพราะรู้จักนิสัยของมารดาตนเองเป็นอย่างดี

หลังเสร็จสิ้นการแนะนำตัว ทั้งสามคนก็ยกมือไหว้และกล่าวสวัสดีผู้อาวุโสกว่าอีกครั้ง

“สวัสดีค่ะ” คุณประกายแก้วรับไหว้และกล่าวทักทาย

“นี่แม่พิมพ์.....ลูกไปมีลูกชายคนใหม่มาได้อย่างไร......ทำไมแม่ไม่เห็นจะรู้เรื่อง” คุณประกายแก้วถามบุตรสาวด้วยความสงสัย

“อันนี้พิมพ์ว่า คุณแม่ต้องถามหลานชายสุดที่รักของคุณแม่เถอะค่ะ.....หมอกเค้าคงตอบได้ดีกว่าพิมพ์ค่ะ” ผู้เป็น
มารดาโยนความรับผิดชอบมาให้ลูกชายอย่างภูผาทันที

ทั้งคุณศศิพิมพ์ คุณพิมพิมล และคุณศิลป์กวีต่างพร้อมใจกับนิ่งเงียบ เพื่อให้ลูกๆทั้งสองคนที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วเริ่มต้นอธิบายให้คุณประกายแก้วรับทราบ โดยที่ทั้งสามท่านก็จะนั่งรับฟังและคอยเป็นกำลังใจตลอดเวลา 

คุณประกายแก้วดูเหมือนจะรับรู้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นได้ดี จึงพร้อมปฏิบัติตัวเป็นผู้รับฟังอย่างดีเช่นกัน

“ไหนหมอก.....บอกยายมาซิลูก.....” คุณประกายแก้วหันมายิ้มให้กับหลานชายคนเดียวอย่างเอ็นดู พร้อมส่งคำถามง่ายๆ

“เอ่อ......เอ่อ......คือฟ้าลั่นเค้าเป็น เอ่อ....เพื่อนสนิทของผมครับ....คุณแม่เลยรับเป็นลูกชายอีกคนหนึ่งครับ” ภูผาพยายามพูดเพื่อหลีกเลี่ยงการโกหกมากที่สุด

“แล้วทำไม.....ต้องให้เพื่อนหลานลำบากเอาพ่อกับแม่เค้ามาหายายด้วยล่ะหมอก” คุณประกายแก้วยังคงถามต่ออย่างอารมณ์ดี แม้จะรู้สึกว่าหลายชายกำลังปิดบังอะไรบางอย่างอยู่

“เอ่อ.....เอ่อ......” ภูผายังคงไม่กล้าเรียนไปตรงๆ

“ขอประทานโทษครับคุณยาย.....ผมขออนุญาตชี้แจงแทนหมอกได้มั้ยครับ” ในที่สุดฟ้าลั่นก็ขออนุญาตคุณประกายแก้วเพื่อให้คำอธิบายแทนภูผาที่ยังอ้ำอึ้งอยู่

“ได้ซิจ๊ะ......” คุณประกายแก้วหันมาหาคนพูด พร้อมส่งสายตาที่แฝงความเอ็นดูอย่างเต็มเปี่ยมมาให้

“คือว่า......ผมรักหมอกครับคุณยาย” ฟ้าลั่นพูดออกมาอย่างตรงไปตรงมา....สั้นๆและได้ใจความ

“ผมจะมาขอความเมตตาคุณยายให้เอ็นดูเราทั้งสองคนครับ........หมอกเป็นคนสำคัญสำหรับหัวใจของผมครับ” คำพูดที่นอบน้อม พร้อมกับการร้องขออยู่ในทีของฟ้าลั่น สร้างความประทับใจให้แก่ผู้ที่นั่งฟังอยู่ยิ่งนัก
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 15-12-2006 18:36:34
“คือว่า......ผมรักหมอกครับคุณยาย”

“ผมจะมาขอความเมตตาคุณยายให้เอ็นดูเราทั้งสองคนครับ........หมอกเป็นคนสำคัญสำหรับหัวใจของผมครับ”

ถ้าเรามี...........เราจะกล้าอย่างนี้ไหมหนอ................ :try2:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 15-12-2006 18:56:46
อืม.... ครอบครัวดี  ก็เป็นพื้นฐานที่ดีที่จะพัฒนากำลังสำคัญของอนาคตของชาตินะ   เง้อ ตรูพูดไรเนี่ย  เครียดเชียว  5555  :try2:

น่ารักกันหมดบ้านเรยยย  ชอบจัง  ชื่อแม่ก็น่ารัก  ชื่อเหมือนเราเลย ชื่อ พิมพ์   อิอิ  :impress2:

รออ่านต่อค้า  เรย์  :impress:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: beaches ที่ 15-12-2006 19:15:37
ผมอ่านนิยายมาก็หลายเรื่อง นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายเรื่องแรกที่เมื่ออ่านแล้ว   เหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในโลกอีกฟากหนึ่งซึ่งเป็นโลกแห่งจินตนาการที่มีแต่เรื่องราวในด้าน positive เกือบทั้งหมด ลักษณะท่าทางของตัวละคร แต่ละตัว perfect มากๆ    ซึ่งต่างกันเกือบจะโดยสิ้นเชิงกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในชีวิตคนส่วนใหญ่ที่ต้องวนเวียนอยู่ภายใต้บริบทเดียวกัน อย่างที่เกิดในนิยาย

อ่านนิยายเรื่องนี้เหมือนได้พักผ่อน ได้ดื่มด่ำกับความฝัน ที่แทบจะไม่มีทางเป็นไปได้เลยในความเป็นจริง ซึ่งก็เป็นอีกอรรถรสที่ได้รับ

ผมเห็นด้วยกับ GobGab มากๆ    ถ้าวันนึงผมมีแบบนี้บ้าง ผมคงโดนไล่ออกจากบ้านแน่ๆ   พ่อกับแม่คงรับไม่ได้....เข้าใจทั้งความรู้สึกและความคาดหวังเขา และ ความรู้สึกเราเองด้วย  มันเหมือนกับอยู่ตรงกลางที่ไม่สามารถลงเอยด้วยอะไรสักอย่างได้    คงต้องปล่อยให้มันเป็นความลับตลอดไปจะดีกว่า
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 16-12-2006 11:44:50
่โลกแห่งความเป็นจริง มักจะมีแต่เรื่องโหดร้าย เศร้าเสียใจ

ในขณะที่โลกแห่งความฝัน มักจะเต็มไปด้วยสิ่งที่สวยงาม

คนเราจึงมักจะมีเรื่องเพ้อฝันเสมอ

พูห์ :confuse:



หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 16-12-2006 21:59:33
ทุกคนต่างมีเหตุผลมาตอบรับการกระทำของตัวเองกันทั้งนั้น
อยู่ที่ว่าแต่ละคนเติบโตมาบนพื้นฐานชีวิตแบบใด
ชีวิตจริงก็เช่นกัน ไม่มีใครอยากได้ชื่อว่าเป็นตัวอิจฉา
คงต้องบอกว่าเข้าใจในความเป็นตัวตนเขา และหลีกเลี่ยงคนที่เราไม่อาจเข้าถึงเขาได้
น่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุด  :teach:


******************************************************

คุณประกายแก้วได้ฟังประโยคที่ฟ้าลั่นกล่าวออกมาก็นิ่งไปซักพัก ด้วยความเป็นผู้ใหญ่จึงไม่แสดงอาการตกใจใดๆ ยังคงมีรอยยิ้มที่แจ่มใส อ่อนโยน มีเมตตาเสมอ ยามเมื่อทอดสายตามายังหลานรัก......และ “คนรักของหลาน”

“หมอก...หลานรักฟ้าลั่นหรือเปล่าจ๊ะ” คุณประกายแก้วเอ่ยถามหลานชายอย่างอ่อนโยน

“ครับ....ผมรักฟ้าลั่นครับ” ภูผาตอบเบาๆหลังเงยหน้าขึ้นสบตาคุณยายของตน

“แล้วทำไม หลานถึงบอกกับยายว่า.....ฟ้าลั่นเป็นเพื่อนสนิทแต่แรกล่ะจ๊ะ”

“เอ่อ....ผมกลัวคุณยายรับความรักของผมทั้งสองคนไม่ได้ครับ” ภูผาตอบเบาๆอีกครั้ง

“ก็เลยต้องโกหกยาย.....เฮ้อ.....หรือจะเถียงว่าบอกไม่หมด......เรียกว่าบอกความจริงแค่ครึ่งเดียว” คุณประกายแก้วดักทาง

“ครับ” ภูผารับคำอย่างจนใจ

“ยายไม่ห้ามหรอก ถ้าเราจะรักกัน.....แม้มันจะแปลกอยู่สักหน่อย.....แต่ยายไม่ใช่คนล้าสมัย....ที่ไม่รู้ว่าปัจจุบัน ความรักมันไม่ได้กำจัดเพศอีกต่อไปนะหมอก” คุณประกายแก้วบอกกับหลานชายหลังจากพิจารณาและไตร่ตรองอย่างดี ถึงความเป็นจริงที่เกิดขึ้นกับภูผาและฟ้าลั่น

คุณประกายแก้วคืออีกหนึ่งตัวอย่างของผู้ที่มีวัยวุฒิสูง แต่ไม่ได้มีความคิดโบราณหรือยึดติดกับความดั้งเดิมของความรักต่างเพศ คุณประกายแก้วมักเปิดกว้างกับแนวคิดใหม่ๆที่ไม่เป็นพิษเป็นภัยเสมอ รวมถึงให้เกียรติการตัดสินใจของคนที่ตนรักและเอ็นดูตลอดเวลา

“ความรักมันเป็นเรื่องของหลานทั้งสองคนเอง ยายว่าทั้งแม่ของหลาน คุณพิมศิริ และคุณศิลป์กวี ก็คิดเช่นเดียวกัน...ใช่มั้ยคะ” ผู้อาวุโสที่ยังมีความจำที่แม่นยำ หันมาเอ่ยปากถามบิดามารดาของฟ้าลั่น

“ครับ....ค่ะ” ผู้ใหญ่ทั้งสามคนตอบรับพร้อมกัน

“ขอบคุณครับคุณยาย” สองหนุ่มกล่าวขึ้นมาพร้อมกัน

“แต่สิ่งที่ยายอยากจะขอ....ก็คือ....อย่าให้ความรักที่มีมันสูญไป.......หลานทั้งคู่ต้องเข้มแข็ง และมั่นคง......ความรักในกรณีของหลานมันคงมีอุปสรรคมากมาย......ยายว่าเราทั้งคู่คงทราบดี”

“ครับ” สองหนุ่มตอบรับพร้อมกันอีกครั้ง

“แล้วหมอกหรือฟ้าลั่นมีอะไรจะบอกยายอีกหรือเปล่าจ๊ะ......เพราะว่าพาทั้งคุณพ่อคุณแม่มาหายายแบบนี้....น่าจะไม่ได้มีเรื่องแค่นี้อย่างเดียว” คุณประกายแก้วดักทางหลานรักอีกครั้ง

“คือผมขออนุญาตคุณยายตามหมอกไปเรียนที่อังกฤษด้วยครับ” ฟ้าลั่นเป็นฝ่ายเลือกตอบแทน

“อ้าว......ทำไมมาขอยายล่ะจ๊ะฟ้าลั่น....แล้วไม่ทราบว่า....คุณศิลป์กวี และคุณพิมพิมล อนุญาตหรือยังคะ” ประโยคหลังคุณประกายแก้วหันมาถามบิดามารดาของฟ้าลั่น

“ฟ้าลั่นมาขออนุญาตแล้วครับท่านผู้หญิง.....ทั้งผมและคุณพิมก็อนุญาตครับ” บิดาของฟ้าลั่นเป็นฝ่ายตอบ

“ไม่ต้องเรียกเต็มยศอย่างนั้นหรอกค่ะ .....ถ้าไม่รังเกียจ ก็เรียกคุณแม่ตามยายพิมพ์ก็ได้ค่ะ......ถ้าฟ้าลั่นเป็นหลานคนใหม่ของดิฉัน......ดังนั้นคุณทั้งคู่ก็เป็นเสมือนลูกของดิฉันเช่นกันค่ะ” คุณประกายแก้วยิ้มน้อยๆ ยามกล่าวถึงข้อเสนอนี้

“ขอบพระคุณครับ/ค่ะ” บิดามารดาของฟ้าลั่นกล่าว

“อย่างนั้น....ดิฉันขอแทนตัวเองว่า พิม นะคะคุณแม่” คุณพิมพิมลขออนุญาต เพื่อจะอธิบายต่อข้อความของสามี

“เชิญตามสบายค่ะ” คุณประกายแก้วตอบรับ

“ฟ้าลั่นเค้ามาขออนุญาตพิมกับคุณศิลป์เมื่อวานค่ะ .....และวันนี้ฟ้าลั่นก็ตัดสินใจมาขออนุญาตคุณแม่อย่างเป็นทางการค่ะ......เนื่องจากต้องรีบเตรียมตัวเพื่อให้ทันกับเปิดเทอมค่ะ” คุณพิมพิมลรับหน้าที่เป็นฝ่ายขยายความต่อ

“คือผมมีความประสงค์ที่จะไปพักอยู่กับหมอกที่อังกฤษครับ เลยมาขออนุญาตคุณแม่และคุณยายครับ” ฟ้าลั่นกล่าวแสดงความต้องการของตน

“รวมถึงผมประสงค์ที่จะกราบเรียนให้ คุณยาย และคุณแม่ทราบว่าผมรักหมอกมากครับ”

“ขอบใจมากจ๊ะ” คุณประกายแก้วเอ่ยปาก

“หนูพิมพ์และคุณศิลป์กวีอบรมสั่งสอนฟ้าลั่นมาดีมากนะคะ รู้จักเข้าหาผู้หลักผู้ใหญ่” คุณประกายแก้วหันมาชมบิดามารดาของฟ้าลั่นอย่างจริงใจ ก่อนจะรับคำขอบคุณกลับไปอย่างนอบน้อมจากบุคคลทั้งสอง

“ยายไม่ขัดหรอก.......... ยายตามใจหลานทั้งสองคน” คุณประกายแก้วหันกลับมาบอกภูผาและฟ้าลั่นที่นั่งอยู่บนโซฟาคู่กัน

“ดีแล้ว.........อย่างนี้ยายก็หมดห่วง.....หวังว่าเราทั้งคู่จะประสบความสำเร็จในชีวิตนะจ๊ะ”

“ขอบคุณครับคุณยาย” ฟ้าลั่นและภูผากล่าวรับพรพร้อมกัน

“ส่วนเรื่องเงินเรื่องทองเรื่องการเรียน หลานทั้งสองไม่ต้องกังวลนะจ๊ะ ยายจะจัดการให้เอง” คุณประกายแก้วยื่นข้อเสนอ

“ไม่เป็นไรมิได้ครับคุณแม่....ผมและคุณพิมพ์ขอรับผิดชอบเองครับ” คุณศิลป์กวีกล่าวตามมาทันที

คุณประกายแก้วกำลังจะตอบปฏิเสธ หากแต่กลับเปลี่ยนใจหลังเห็นอาการไม่สบายใจของบิดาและมารดาของฟ้าลั่น

“เอาอย่างนี้ดีกว่ามั้ยคะ......ถ้าคุณศิลป์กวีและหนูพิมไม่ขัดข้องเราทั้งสองครอบครัวก็ช่วยๆกันก็ได้ค่ะ”คุณประกายแก้วประนีประนอม

“เอ่อ....คุณยายครับ ผมทั้งสองคนวางแผนจะขอทุนการศึกษาครับ...คงจะไม่รบกวนคุณยาย และคุณแม่ คุณพ่อมากเท่าไหร่ครับ” ภูผาเป็นฝ่ายบอกคุณยายของตน

“ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ......ยายสนับสนุนเอง ถ้าได้ทุนก็ดีไป แต่ค่ากินค่าอยู่ก็ต้องใช้จ่าย แค่นี้ไม่เป็นไร.........ยายเต็มใจ”

“คุณพ่อของพิมพ์...ท่านก็ช่วยสนับสนุนด้วยค่ะ” คุณพิมพิมลกล่าว

“อย่างนั้นก็ตกลงว่า เราก็ช่วยๆกันสนับสนุนทั้งคู่ให้ตั้งใจเรียนให้สำเร็จก็แล้วกันนะคะ” คุณประกายแก้วหันมาตกลงกับบิดามารดาของฟ้าลั่นอีกครั้ง

“ค่ะ/ครับ” บิดาและมารดาของฟ้าลั่นรับคำ

“ขออนุญาตขัดจังหวะค่ะ ...........คุยกันมานานแล้ว....หิวหรือยังคะ.....เชิญรับประทานอาหารกลางวันกันก่อนดีกว่าค่ะ”คุณศศิพิมพ์เอ่ยขึ้น หลังจากมองดูนาฬิกาที่บอกเวลาเกือบเที่ยงตรงแล้ว

“เดี๋ยวพิมพ์ขออนุญาตไปบอกให้คุณแม่บ้านตั้งโต๊ะรับประทานอาหารกลางวันที่เรือนกลางน้ำนะคะ” คุณศศิพิมพ์กล่าวขอตัวออกไปเพื่อจัดการเรื่องอาหารให้ทันเวลา

   ช่วงรับประทานอาหาร คุณประกายแก้วก็ซักถามเพิ่มเติมถึงเรื่องราวต่างๆของทั้งสองหนุ่ม รวมถึงเรื่องครอบครัวของฟ้าลั่นด้วย จนทำให้ทราบว่า คุณยายของฟ้าลั่น ซึ่งก็คือคุณแม่ของคุณพิมพิมลคือเพื่อนสนิทของตนที่เรียนมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ก่อนจะย้ายตามสามีคือคุณพฤทธิ์ไปอเมริกาตั้งแต่ยังสาว และก็ได้ติดต่อกันมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเพิ่งมาขาดการติดต่อภายหลังเมื่อทราบว่าเสียชีวิตไปแล้วนั่นเอง 

นั่นจึงเป็นเหตุผลอีกประการหนึ่งที่สองครอบครัวจะสนิทสนมกันได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงเพราะคุณประกายแก้วก็รักและเอ็นดูหลานชายและครอบครัวของหลานชายคนใหม่อย่างมาก เนื่องจากประทับใจในบุคลิก มารยาท และการพูดจาที่สุภาพของทั้งครอบครัวศรีศิริโชคชัย

ดังนั้นอุปสรรครักครั้งนี้ของภูผาและฟ้าลั่นจึงผ่านไปด้วยดี.....เพราะอาศัยความรักความเข้าใจของครอบครัว....ที่มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม

**************************

หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 16-12-2006 23:30:14
Happy ซ๊า  :-[
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 17-12-2006 10:50:13
                                            :yeb: น่ารักกันจางเยย ครอบครัวในฝันของครายหลายๆคน :like6:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 17-12-2006 18:50:02
 :confuse: :confuse: :confuse:


อยากให้ชีวิตเป็นแบบนี้จัง



พูห์ :serius2:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 17-12-2006 18:52:27
ครอบครัวในฝันจริง ๆ ด้วย  ดีจัง   :impress2:

รออ่านต่อนะเรย์   :impress:

หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 18-12-2006 12:54:48
ในความฝันมักจะสวยงามเสมอ 

แต่โลกแห่งความจริงนี่ซิ จะได้เศษเสี้ยวของความฝันหรือเปล่า  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 18-12-2006 13:32:23
ในความฝันมักจะสวยงามเสมอ 

แต่โลกแห่งความจริงนี่ซิ จะได้เศษเสี้ยวของความฝันหรือเปล่า  :monkeysad:

คิดเหมือนคุณ shell เลย..............เพราะถ้าได้แค่สักเศษเสี้ยวก็คงดี :impress3:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 20-12-2006 15:55:20
ความรักมันมีมุมที่สวยงามเสมอ เพียงแต่ทุกคนจะพอใจในรักที่ตนมีอยู่หรือไม่ก็เท่านั้น

ปล.แอนเดรียฝากขอโทษด้วยนะ พักนี้งานยุ่งมากๆ เลยมาช้าหน่อยนะครับ
 :myeye:

****************************************************************
I swear
[wma=300,50]http://wafa37.free.fr/All4One-ISwear.mp3[/wma]
********************************************************************

บทที่ 15 ผนึกรัก......สอดสลักหัวใจ

เช้าวันจันทร์...................

จอมยุทธ์รับฟังเรื่องราวทั้งหมดจากพี่ชายทั้งสองคน ก็เกิดความยินดีเป็นอย่างมาก เพราะความรักที่เกิดขึ้นได้รับการยอมรับจากครอบครัวของทั้งคู่ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะเป็นรากฐานของรักที่มั่นคงในอนาคตนอกเหนือจากหัวใจรักที่มั่นคง และปัจจัยสุดท้ายคือ......โชคชะตา

เพราะข่าวดีที่พี่ชายทั้งสองนำกลับมาจากกรุงเทพฯ ทำให้จอมยุทธ์ได้จังหวะเสนอตัวเป็นเจ้ามือเลี้ยงฉลองในตอนเย็นหลังจากเรียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ภูผาและฟ้าลั่นไม่ขัดข้องกับข้อเสนอนี้แต่อย่างใด ส่วนหนึ่งเพราะต้องการมอบเวลาที่เหลืออยู่ในเมืองไทยในอีกไม่กี่เดือนกับจอมยุทธ์ให้มากที่สุด ก่อนที่ทั้งคู่จะไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ

ทั้งสามหนุ่มจึงเลือกร้านกูดวิวส์....ร้านอาหารประจำ เป็นสถานที่สังสรรค์กันในครั้งนี้

ขณะนั่งรออาหารที่สั่ง จอมยุทธ์ก็เปิดประเด็นสนทนาต่อเนื่องจากที่หยุดไว้ในตอนเช้า

“อย่างนี้.....ผมก็เหงาแย่เลยซิครับ.....อีกไม่นานผมก็ไม่มีพี่หมอกและพี่ฟ้าลั่นอยู่ด้วยแล้ว” จอมยุทธ์ทำหน้าเศร้า

“นายก็ไปเยี่ยมพี่ที่อังกฤษซิ.........แค่นี้ขนหน้าแข้งคงไม่ร่วงหรอกมั้ง”ภูผายักคิ้วถาม

“ผมไปแน่ครับ......จะไปบ่อยๆด้วย หรือไม่ก็จะขอป๊ากับม๊าไปเรียนโทนี่โน่นเลยครับ.......”

“เออ....พี่ว่าจะถามตั้งหลายทีแล้ว....ว่าทำไมไม่ไปเสียตั้งแต่ตอนปริญญาตรีเลยล่ะ” ฟ้าลั่นสงสัย

“ก็สาวไทยกับหนุ่มไทย ยังน่ารักอยู่นี่ครับ......ผมไม่ชอบฝรั่งน่ะครับ”จอมยุทธ์หัวเราะเบาๆ ก่อนสารภาพให้พี่ชายทั้งสองคนฟัง

“แหม....นึกว่าอะไร....ที่แท้ก็ยังติดสาวๆกับหนุ่มๆไทยอยู่......ระวังเถอะ......สลับรางให้ดีๆ แล้วกัน”ภูผาตักเตือนด้วยความเป็นห่วง

“ขอบคุณคร๊าบ.....พี่หมอกที่รัก” เจ้าตัวดีรีบขอบคุณเป็นการเอาใจ

“แล้วพี่หมอกกับพี่ฟ้าลั่นจะทำอย่างไรต่อไปครับ...เรื่องเรียนต่อน่ะครับ”จอมยุทธ์ถามต่อ

“พี่คงต้องเตรียมเอกสารและสอบภาษาอังกฤษ แล้วก็รอใบทรานสคริป หลังจากนั้นก็ส่งใบสมัครไปทางมหาวิทยาลัย แล้วก็รอให้เค้าตอบรับกลับมา.....แค่นั้น” ฟ้าลั่นตอบในส่วนที่ตนเองต้องจัดการ

“พี่หมอกเค้ารู้จักกับ professor ที่โน่นแล้ว เลยสบายหน่อย พอใบสมัครไปถึงเค้าก็คงตอบรับกลับมาอย่างรวดเร็ว....ส่วนตอนนี้พี่ก็กำลังติดต่อ professor อยู่เหมือนกัน ถ้าติดต่อได้ก็จะสะดวกมากขึ้น” ฟ้าลั่นบอกต่อ

“ดีจังเลยนะครับ.....เท่าที่ผมทราบที่อังกฤษ...แต่ละ school เค้ามีสิทธ์รับนักศึกษาได้โดยตรง ดังนั้นถ้ามี professor รับเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาให้อยู่ก่อนหน้าแล้วก็จะเข้าได้ง่ายมากขึ้น......อีกอย่างเกรดของพี่ทั้งสองคนก็ดีเยี่ยมขนาดนี้....เค้าคงต้องรีบรับแหละครับ” จอมยุทธ์แสดงความคิดเห็น

“พี่ก็หวังว่ามันจะเป็นอย่างงั้น” ฟ้าลั่นกล่าวเบาๆ ด้วยความไม่แน่ใจนัก

“ไม่เป็นไรหรอกฟ้าลั่น...เดี๋ยวเราช่วย เพราะ professor เราสนิทกับ Host Family....... เราอาจจะขอให้เค้าช่วยหา professor ให้นายด้วย” ภูผาที่นั่งฟังอยู่เอ่ยขึ้นมา ส่งผลให้ฟ้าลั่นเกิดความสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย

“ขอบใจมากนะหมอก...ถ้าไม่ทันเทอมนี้ เราก็สมัครเทอมหน้า.....แต่อย่างไรเราก็จะไปอังกฤษพร้อมนายอยู่ดี” ฟ้าลั่นให้สัญญากับภูผา

“งั้นผมก็เลี้ยงฉลองให้ล่วงหน้าด้วยแล้วกันครับ” จอมยุทธ์พูดพลางยกแก้วเบียร์ขึ้นชนกับแก้วของพี่ชายทั้งสองคน

ทั้งสามคนใช้เวลาไม่นานนักที่ร้านอาหาร เนื่องจากต้องรีบกลับมาพักผ่อนที่หอพัก เพราะพรุ่งนี้จอมยุทธ์และฟ้าลั่นมีเรียนในตอนเช้าด้วยกันทั้งคู่

หลังจากนั้นเป็นต้นมา ฟ้าลั่นและภูผาก็ดูเหมือนว่าจะยุ่งวุ่นวายอยู่กับการเตรียมตัว การเตรียมเอกสารเรื่องไปเรียนต่อ ที่ต้องรีบทำตามขั้นตอนที่กำหนดภายในเวลาไม่กี่เดือน อีกทั้งยังต้องเตรียมตัวสำหรับการสอบปลายภาคการศึกษาที่กำลังจะมาถึงอีกด้วย .....

การสอบครั้งนี้ถือเป็นครั้งสุดท้ายของชีวิตการเรียนในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ทั้งคู่จึงต้องตั้งใจเป็นพิเศษแม้จะลงทะเบียนเรียนเพียงแค่ไม่กี่วิชาก็ตาม และอีกประการหนึ่งก็เพื่อรักษาระดับเกรดที่ดีเยี่ยมเอาไว้

นอกจากต้องเตรียมเอกสารและเตรียมสอบแล้ว ฟ้าลั่นและภูผาก็ยังเจียดเวลามานั่งติวแกมบังคับให้เจ้าจอมยุทธ์......น้องชายตัวดีอ่านหนังสือเตรียมสอบอีกด้วย เพราะว่าถ้าเผลอ นายจอมยุทธ์ก็จะหลับ หรือไม่ก็แวะไปหาแฟนคลับ จนไม่เป็นการอ่านหนังสืออยู่ร่ำไป

**************

สัปดาห์หฤโหดแห่งการสอบปลายภาคการศึกษาจบสิ้นไป พร้อมๆกับการคำว่า “นักศึกษา” ก็หายไปเช่นกัน เพราะหมายความว่าภูผาและฟ้าลั่นรวมถึงเพื่อนๆในรุ่นเดียวกันเกือบทั้งหมดได้สำเร็จการศึกษาเรียบร้อยแล้ว

ก่อนที่จะแยกย้ายกันเก็บข้าวของกลับบ้านและเตรียมตัวสมัครงานหรือเรียนต่อปริญญาโทกันต่อไปในอนาคต เพื่อนสนิททั้งกลุ่มรวมถึงภูผาและฟ้าลั่นจึงพากันไปเลี้ยงฉลองการจบการศึกษากันอย่างสนุกสนานติดต่อกันหลายวัน

ฟ้าลั่นและภูผายังไม่กลับกรุงเทพในทันที แต่ยังคงอยู่หอพักต่อจนสิ้นเดือนมีนาคม เพราะต้องการจัดการเรื่องเอกสารต่างๆ เพื่อส่งไปให้มหาวิทยาลัยที่ประเทศอังกฤษให้เรียบร้อย รวมถึงเพื่อมอบเวลาว่างเกือบทั้งหมดกับจอมยุทธ์.....ให้น้องชายมีความสุขก่อนจะลาจากกันไกล

ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพ......ภูผาและฟ้าลั่นถือโอกาสเข้าพบคุณรพีพรรณและคุณวิศรุต มารดาและบิดาของจอมยุทธ์ ที่บ้านอีกครั้ง เพื่อลากลับกรุงเทพและถือโอกาสลาไปเรียนต่อที่อังกฤษพร้อมด้วยในทีเดียว  เพราะมหาวิทยาลัยตอบรับให้เข้าศึกษาต่อแล้ว

คุณรพีพรรณมอบของขวัญเป็นนาฬิกาอย่างดีให้ทั้งสองหนุ่มด้วยความรักใคร่เอ็นดู ไม่รวมถึงที่ฟ้าลั่นและภูผาช่วยดูแลและจัดการลูกชายคนเล็กของตนอย่างอยู่หมัด นอกจากนั้นยังรับปากจะให้จอมยุทธ์มาส่งที่สนามบินดอนเมือง ตอนที่จะต้องขึ้นเครื่องไปอังกฤษ โดยที่ทั้งตัวเธอและคุณวิศรุตอาจจะไปส่งด้วยถ้าไม่ติดธุระอะไร

ฟ้าลั่นและภูผากราบขอบพระคุณทั้งสองท่านในความเมตตาที่มีให้เสมอมา หลังจากนั้นจึงลากลับ เพื่อเตรียมเก็บข้าวของขนกลับกรุงเทพฯต่อไป

จอมยุทธ์ดูจะเหงาหงอยลงไปจนสังเกตได้ชัดในตอนเช้าวันที่ภูผาและฟ้าลั่นเดินทางกลับกรุงเทพฯ เพราะว่าต่อไปนี้เขาคงไม่มีพี่ชายที่แสนดีทั้งสองคน คอยเป็นห่วงเป็นใยและคอยดูแล ยิ่งกว่าพี่ชายและพี่สาวแท้ๆของตนรวมถึงคงไม่มีช่วงเวลาที่สนุกสนาน เช่นการไปรับประทานอาหาร ดูหนัง หรือเล่นกีฬา ด้วยกันสามคนเช่นเมื่อก่อน

“ไม่ต้องเศร้าหรอกจอม.....คิดถึงพี่ก็โทรไปหา หรือไม่ก็บินไปหาพี่ที่บ้านก็ได้”ฟ้าลั่นตบบ่าจอมยุทธ์เบาๆ ขณะยืนอยู่ข้างรถ

“อืม.......ไปนอนกับพี่ก็ได้ที่กรุงเทพ หรือไม่ก็ตามไปอังกฤษ”ภูผาพูดต่อ

“พี่สัญญาว่ากลับมาเมืองไทยเมื่อไหร่จะบินขึ้นมาหานายทุกครั้งเลย” ฟ้าลั่นให้สัญญาเพื่อปลอบใจคนที่ยืนทำหน้าเศร้าอยู่

“จริงนะครับ.....พี่หมอกกับพี่ฟ้าลั่นต้องมาหาผมนะครับ.....”จอมยุทธ์คาดคั้น

“จริงซิ....เราเป็นน้องชายพี่นี่นา....อีกอย่างพี่ทั้งสองคนก็ต้องมาเยี่ยมพี่เสือเหมือนกันนั่นแหละ.....หวังว่าปีหน้า เราคงอยู่พร้อมหน้ากันสี่คน” ภูผาเป็นฝ่ายตอบก่อนจะคว้าตัวจอมยุทธ์ไปกอดเพราะความรักและเอ็นดู ส่งผลให้คนถูกกอด เกิดอาการตาแดง น้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้

ฟ้าลั่นก็เข้ามากอดจอมยุทธ์ด้วยเช่นกัน คราวนี้เจ้าเสือน้อยกลับร้องไห้โฮออกมาอย่างไม่เกรงใจใคร เพราะรักและผูกพันกับพี่ชายทั้งสองคนนี้มาก........

แม้จะดูเป็นผู้ใหญ่บ้างในบางครั้ง แต่ถึงอย่างไรจอมยุทธ์ก็ยังเป็นเด็กอยู่มาก เขาจึงอดไม่ได้ที่จะเสียใจและรู้สึกใจหาย เวลาคนที่ตนเองรักจะจากไปไกล

“เฮ้ย..ร้องไห้ทำไม.....ไม่เอาน่า.....เดี๋ยวเราก็ได้เจอกันบ่อยๆ”ฟ้าลั่นปลอบ เพราะรู้ดีว่าอย่างไรเสียเขาเองและภูผาก็ต้องกลับมาเมืองไทยในช่วงปิดเทอม และต้องขึ้นมาหาจอมยุทธ์และพี่เสืออยู่ดี

“ดูแลตัวเองด้วยนะจอม......ตั้งใจเรียน.... เอาเกียรตินิยมนะ แล้วจะได้ไปเรียนที่เดียวกับพี่ตอนปริญญาโท....อีกแค่สามปีเอง” ภูผากล่าวตบท้าย ก่อนจะปล่อยจอมยุทธ์ออกจากอ้อมกอดของตน เพื่อเตรียมขึ้นรถฟ้าลั่นกลับไปกรุงเทพพร้อมกัน

“ครับ” จอมยุทธ์รับปากพร้อมกับปาดน้ำตาออกจากใบหน้า เขาโบกมือลาให้กับรถของพี่ชายที่เคลื่อนที่ออกจนหายลับสายตาไป

****************

จดหมายตอบรับจากมหาวิทยาลัยส่งมาที่บ้าน หลังจากภูผาและฟ้าลั่นกลับมาอยู่ที่กรุงเทพได้ประมาณสองสัปดาห์
จากนั้นทั้งคู่จึงเดินทางไปสถานทูตเพื่อทำวีซ่าเข้าประเทศอังกฤษอย่างเร่งด่วน เนื่องจากต้องเดินทางไปจัดการเรื่องห้องพักและเรื่องอื่นๆให้เรียบร้อยก่อนที่มหาวิทยาลัยจะเปิด

โชคดีที่ Host family ของภูผาได้จัดการติดต่อเรื่องห้องพักไว้ให้ก่อนหน้านี้แล้ว และยังกรุณาจัดการซื้อข้าวของจำเป็นไว้ให้บางส่วนอีกด้วย คงเหลือแต่ว่าสองหนุ่มคงจะต้องไปจัดให้เข้าที่ รวมถึงหาซื้อของจำเป็นต่างๆเพิ่มเติมแล้วแต่ความต้องการของแต่ละคน

หลังจากจัดการเรื่องวีซ่าและเอกสารต่างๆเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ฟ้าลั่นขออนุญาตบิดามารดาของตนและคุณยายและมารดาของภูผา เพื่อพาภูผาไปเที่ยวทะเลที่เกาะช้าง จังหวัดตราด เพื่อไปพักผ่อนก่อนที่จะเดินทางไปยังประเทศอังกฤษ

ผู้ใหญ่ทุกท่านอนุญาตด้วยความเต็มใจ แต่ก็ตักเตือนให้ระมัดระวังตนเอง ทั้งสองหนุ่มได้รับอนุญาตจากคุณยายประกายแก้วให้นำรถขับเคลื่อนสี่ล้อออกไปใช้ เพื่อจะได้เอาลงเรือฟอร์รีไปขับที่เกาะช้างได้โดยสะดวก

****************

ฟ้าลั่นออกเดินทางพร้อมภูผาตั้งแต่เช้า เขาขับรถมามาเรื่อยๆตามถนนบางนา-ตราด จนมาถึงท่าเรือฟอร์รี่อ่าวธรรมชาติประมาณบ่ายสองโมง แล้วจึงซื้อตั๋วเรือที่จะออกจากท่าทุกๆชั่วโมง เพื่อเดินทางต่อไปยังเกาะช้าง....จุดหมายปลายทางของการพักผ่อนในครั้งนี้

ประมาณสี่สิบห้านาทีนับจากออกจากท่า เรือลำใหญ่ก็จอดเทียบที่อ่าวสับประรดในพื้นที่ของเกาะช้าง หลังจากนั้นฟ้าลั่นจึงขับรถพาภูผาไปยังรีสอร์ทที่จองไว้ก่อนหน้านี้แล้ว

รีสอร์ทที่ฟ้าลั่นเลือกพักมีชื่อว่า “บาราย เกาะช้าง สปาแอนด์รีสอร์ท” ซึ่งเป็นรีสอร์ทติดชายทะเล ที่ตกแต่งแบบไสตล์บาหลี โดยเน้นการก่อสร้างห้องพักเป็นบ้านเดี่ยวๆหลังเล็กๆ ให้เปิดออกสู่รับลมทะเลโดยตรง

ทางเดินภายในรีสอร์ทปูด้วยหินกรวดมนและศิลาแลงแผ่น สลับกับบ่อน้ำรูปสี่เหลียมจัตุรัส โรยด้วยกลีบดอกไม้ตลอดเส้นทาง รอบๆบริเวณบ้านพักทั้งสิ้นสิบสองหลัง มีการประดับตกแต่งด้วยดอกไม้หลากสีตัดกับไม้พื้นเมืองสีเขียวเข้ม

จุดเด่นของสถานที่แห่งนี้อยู่ที่บ่อน้ำพุบริเวณใจกลางรีสอร์ท ที่ประดับตกแต่งอย่างลงตัวด้วยเทวรูปโบราณรวมถึงแผ่นหินศิลาแลงสลักเป็นรูปต่างๆสอดคล้องกับเทวรูปหลัก ด้วยความชุ่มชื่นของพื้นที่และแผ่นหินบริเวณน้ำพุ จึงทำให้มอสสีเขียวอ่อน เจริญงอกงามปกคลุมบางส่วนของเทวรูปและแท่งหินสลักต่าง ก่อเกิดเป็นภาพที่ดูน่าหลงใหลและน่าเกรงขามยิ่งนัก 

บ้านพักที่ฟ้าลั่นเลือกเพื่อสร้างความประทับใจให้ภูผา เป็นบ้านขนาดเล็กมีหน้าต่างเป็นกระจกใสคลุมด้วยผ้าม่านสีขาวสวยโดยรอบ ภายในประกอบด้วย เตียงนอนสีขาวนวลนุ่ม ชุดรับแขกขนาดกะทัดรัด โทรทัศน์ ตู้เย็น และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน โดยเน้นโทนสีขาวนวล และสีน้ำตาลเข้มออกแดง เพื่อให้รับกับสีของหินศิลาแลงที่เป็นวัสดุหลักในการสร้างรีสอร์ทแห่งนี้

นอกจากนั้นภายในห้องพักยังมีห้องน้ำขนาดใหญ่ พื้นโรยด้วยกรวดมนสีขาวสลับด้วยแผ่นศิลาแลง พื้นที่บางส่วนประดับด้วยดอกไม้และไม้ใบเขียว ดูแปลกตาและสวยงาม.....ตรงกลางห้องคือ อ่างอาบน้ำสีขาวนวล มีน้ำขังอยู่ครึ่งหนึ่ง พร้อมด้วยกลีบกุหลาบสีแดงสดสลับกับสีเหลืองของดอกเบญจมาศลอยอยู่ ก่อให้เกิดความสดชื่นยิ่งนัก รอบๆอ่างอาบน้ำเป็นลานหินกรวด ประดับประดาด้วยเทียนหอมหลายขนาดวางลดลั่นกันเป็นจังหวะที่สวยงาม

หน้าบ้านพักเป็นระเบียงกว้างปูพื้นด้วยไม้สีน้ำตาลเข้มเช่นเดียวกับรั้วที่ตั้งแสดงอาณาเขต ด้านซ้ายของระเบียงที่สามารถมองเห็นชายหาดและผืนทะเลได้อย่างชัดเจน เป็นที่ตั้งของเก้าอี้นอนราบสองตัว พร้อมด้วยโต๊ะเล็กๆสำหรับวางเครื่องดื่ม เพื่อให้ผู้เข้าพักสามารถนอนหรือนั่งชมบรรยากาศยามพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าได้อย่างสะดวกสบาย

ภูผาประทับใจในความสวยงามของรีสอร์ทที่ฟ้าลั่นเลือกเป็นอย่างมาก เขาเอ่ยชมให้ฟ้าลั่นฟังอย่างไม่ขาดปาก ขณะที่กำลังจัดเสื้อผ้าเข้าตู้อยู่

“เราไม่เคยผิดหวังเลย เวลานายเลือกที่พัก.....ฟ้าลั่น ....ที่นี่สวยมาก.....”

“เหมือนเค้าจัดไว้ให้คู่รักไว้มาฮันนีมูนเลยเนอะ” ภูผาตั้งประเด็น

“อืม.....ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ นั่นแหละ......ก็เรามาฮันนีมูนกันนี่นา.....”ฟ้าลั่นตอบคนรักของตนพร้อมส่งยิ้มกว้างมาให้ รวมถึงทำสายตากรุ้มกริ่ม ส่งผลให้คนถูกมองเขินอายจนเห็นได้ชัด ภูผายังไม่เคยชินซักทีกับดวงตาหวานฉ่ำของฟ้าลั่นยามจ้องมองมายังเขาด้วยความรักที่เต็มเปี่ยมเช่นนี้

“ฮันนีมูนอะไร.....เราไม่ได้แต่งงานกันซักหน่อย” ภูผาพูดเบาๆ ขณะยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่แต่แสร้งหันหน้าไปทางอื่น เพราะตอนนี้ฟ้าลั่นเดินเข้าหาอย่างช้าๆ พร้อมทั้งกอดเอวของเขาทางด้านหน้า ฟ้าลั่นเอามือข้างหนึ่งโน้มตัวของภูผาให้เข้ามาแนบอกกว้างของตน

“โดยนิตินัยนี่ถือว่าเราแต่งงานกันแล้วนะหมอก....เพราะพ่อกับแม่เรา คุณยายและคุณแม่ของหมอกก็รับรู้ตั้งแต่วันที่เราไปสารภาพกับท่านแล้ว......ส่วนพฤตินัย.......เราก็กำลังรออยู่ว่าเมื่อไหร่ หมอกที่รักของเราจะพร้อมเสียที” ฟ้าลั่นกระซิบเบาๆที่ข้างหู พร้อมถือโอกาสหอมแก้มนุ่มๆของภูผาอย่างอ่อนโยน

ภูผาไม่ตอบเพราะยังคงเขินอายกับเรื่องแบบนี้ แต่ก็ถือโอกาสที่ถูกคนรักของตนโอบกอดในเวลานี้ เงยหน้าขึ้นจูบริมฝีปากบางได้รูปของฟ้าลั่นอย่างอ่อนหวานเป็นการโต้ตอบเช่นกัน

“ถ้าหมอกยังไม่พร้อม.....เราก็จะรอ...รอจนกว่าหมอกจะพร้อมสำหรับเรา........”ฟ้าลั่นกระซิบบอก ภายหลังที่ภูผาปลดปล่อยริมฝีปากของตนเองให้เป็นอิสระ

“แต่จะดีที่สุดขอให้เป็นภายในสองวันนี้นะครับ...คนดีของฟ้าลั่น” ฟ้าลั่นพูดพร้อมกับดวงตาเปล่งประกายความปรารถนาไว้อย่างเต็มเปี่ยม เพราะเขาเตรียมแผนการเอาไว้จัดการกับ.....เจ้าหมอกน้อย.....คนรักของตนไว้เรียบร้อยแล้ว
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 20-12-2006 16:24:18
หุหุ ฮันนีมูนที่เกาะช้าง  :haun5: แถมมีแผนจัดการกับเจ้าหมอกน้อยด้วย  :laugh:

น่าติดตาม
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 20-12-2006 16:31:16
อ่านตอนลาน้องจอมแล้วน้ำตาซึมอีกแล้วอะ  เศร้าตอนจากลา  เฮ้อ  :impress3:

แต่อ่านตอนท้าย ๆ แล้วก็นะ  ฮันนีมูน  จะรออ่านตอนฮัศจรรย์นะ  ว่าจะติดเรทเหมือนเรื่องอื่นป่าว อิอิ แต่สงสัยเรื่องนี้ไม่ตบจูบ ชอบซาดิสม์หง่ะ    :interest:

รออ่านต่อนะคุณบลู   :impress:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 20-12-2006 16:32:42
หนุกๆๆๆๆๆ................ :angellaugh2:  :angellaugh2:

มาต่อเร็วนะคับ.......ฟ้าลั่นน้อยจะจัดการเจ้าหมอกน้อยยังไง.......... :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 21-12-2006 12:48:33
 :impress: สวัสดีครับนักอ่านที่น่ารักทุกท่าน

คงไม่มีอะไรที่จะสร้างความสุขให้กับนักเขียนสมัครเล่นอย่างผม ได้เท่ากับการได้อ่านรีพลายที่เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกคนเขียนไว้เกี่ยวกับนิยายรักเรื่องนี้นะครับ.... ขอบคุณจากใจจริงครับ....กับความรู้สึกที่แต่ละท่านเขียนออกมา :monkeylove2:

ผมอ่านทุกบันทัดและก็ของทุกๆ คน ทุกวันเลยนะครับ....เพียงแต่ไม่ค่อยมีเวลาเข้ามาตอบครับ...เพราะเวลาส่วนใหญ่จะอยู่ที่ทำงาน ซึ่งไม่สามารถพิมพ์ภาษาไทยได้ครับ... ต้องขอโทษทุกๆคนด้วยนะครับ....

คงต้องบอกตามตรงนะครับว่า....การได้อ่านรีพลายของทุกๆท่าน ก็คือการช่วยตอกย้ำให้ผมทราบว่า ยังมีคนกลุ่มหนึ่งที่ชอบแนวทางของเรื่องที่ผมกำลังนำเสนออยู่.... และคอยเป็นกำลังใจให้ตลอดเวลาครับ....

จริงๆแล้วมันมีอะไรอีกหลายอย่างที่ผมไม่สามารถอธิบายได้ครับ....คงต้องรอให้ทุกท่านอ่านตอนอวสานก่อนครับ......หลังจากนั้นผมคงให้เหตุผลเพิ่มเติมมากขึ้น ถึงความตั้งใจ และเหตุผลของการนำเสนอเรื่องราวรักในแบบนี้....

อดใจรอหน่อยนะครับ....สองตอนสุดท้าย....จะพิเศษมากครับ....เพราะจะเล่าเรื่องแถมรูปภาพครับ....

********

ขอบคุณเรย์ เป็นอันดับแรก ที่เสียสละเวลาช่วยโพสต์ให้ รวมถึงเป็นผู้ดูแลที่ดีมากครับ...ไม่เคยทวงเลย....แม้ว่าผมจะหายหน้าไปนาน....ขอบคุณที่เรย์ช่วยตอบแฟนๆ ให้ผมด้วยครับ.....ขอบคุณเพลงเพราะๆตามเนื่อเรื่องที่เรย์หามาด้วยนะครับ....ผมชอบมากเลยครับ....แอบปลื้มมากด้วย....

กำลังใจของของตะแน๋วที่ให้ตอนผมป่วยนะครับ....จำได้ว่าตอนนั้นกินวิตามินซีวันละสองพันกว่ามิลลิกรัมเลยครับ.... รวมถึงกำลังใจที่ให้ทุกๆรีพลายนะครับ...... ว่างๆ ก็คุยกับผมบ้างซิครับ....

Fluke ครับ.... ผมยังไม่เข้าใจเรื่องการใส่อารมณ์ของเรื่องที่ฟลุคเสนอมานะครับ.... มันสมควรจะเป็นอารมณ์แนวแบบไหนหรือครับ....ผมอยากรู้จัง....ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ....ผมรับฟังความคิดเห็นทุกคนเสมอครับ....อย่าเพิ่งงงเรื่องบุคคลสองคนในชีวิตของจอมยุทธ์นะครับ....อ่านไปเรื่อยๆ แล้วจะทราบแน่นอนครับ....อดใจอีกนิดเดียวครับ....

ขอบคุณคำชมของ shell ที่ว่านิยายของผมอ่านสบายๆ....อันนี้เป็นความตั้งใจครับ.... shell เคยดูหนังที่กำกับโดยหม่อมน้อยมั้ยครับ...ที่ชอบใช้ภาพแบบซอฟท์ๆ ...นิยายผมก็เป็นแบบนั้นเลยครับ.... ขอบคุณ shell ที่ทำให้ผมทราบว่า ประโยคธรรมดาๆ ที่ผมเขียน แต่เมื่อเวลาถูก quote โดยนักอ่านอย่าง shell แล้ว...มันดูอ่อนหวาน...และมีความหมายมากกว่าที่ผมต้องการจะสื่อออกมาตั้งแต่แรกครับ....

ขอบคุณความหวังดีของหมูพูห์....และการเสียสละเวลาตามอ่าน แม้ว่าจะอ่านหลายเรื่องมากก็ตามทีครับ....หมูพูห์ครับ...ความฝัน สร้างกำลังใจ ให้คนในโลกแห่งความเป็นจริงต้องต่อสู้กับความโหดร้าย และความเหงาของหัวใจงัยล่ะครับ...

ขอบคุณกำลังใจอย่างสม่ำเสมอของมูมู่น้อย....ที่ตามรีพลายทุกครั้งที่เรย์โพสต์ตอนใหม่....เรื่องการใช้พรรณาโวหาร ผมก็พบยายามลดลงอยู่บ้าง....แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเติมเข้าไปใหม่ทุกทีครับ.... แต่ผมก็พยายามรักษาระดับส่วนต่างเอาไว้ให้คงที่ครับ.... ผมชอบบรรยายน่ะครับ....การเขียนบรรยายจะเขียนง่ายกว่าการสนทนา เพราะว่ามันเขียนแบบระนาบเดียวครับ...ไม่ต้องมีมิติเหมือนความคิดตัวละคร....ที่มูมูสงสัยว่า วิธีบอกของฟ้าลั่นเห็นชัดขนาดนั้นเชียวหรือ....คำตอบคือเห็นชัดครับ...ถ้าเป็นคนผิวขาวอย่างภูผา....แค่รอย kiss bite เบาๆ ก็เห็นแล้วครับ....แสดงว่ามูมู่ยังไม่เคยมีประสบการณ์แน่เยย....(อ้าว...แอบแซว...).... เรื่องนี้ไม่มีตบจูบแน่นอนครับ...เพราะผมไม่ซาดิสม์ครับ....

ทราบมั้ยครับ wee ว่าในความคิดของผม คู่แข่งที่สำคัญที่สุดของความรัก....คือ โชคชะตาครับ.....ไม่ช่ายบุคคลที่สามแต่อย่างใด..... ผมยังคิดเข้าข้างตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่า ถ้าความรักของคนสองคน พังทลายโดยบุคคลที่สาม ผมว่ามันไม่ใช่ความรักแล้วครับ....มันน่าจะเป็นความสัมพันธ์ที่ไร้เหตุผลมากกว่าครับ....

ขอบคุณกำลังใจอันสม่ำเสมอของ GobGab ครับ.... ครอบครัวฟ้าลั่นและภูผากับผมคล้ายกันครับ...คือสมาชิกทุกคนในครอบครัวเรายึดเหตุผลเป็นหลัก และเคารพในการตัดสินใจของแต่ละคนครับ.... ผมหวังว่าซักวันหนึ่ง ครอบครัวอื่นๆ ก็น่าจะเป็นอย่างนี้บ้างนะครับ....การเป็นรักชอบเพศเดียวกัน ไม่ใช่ความผิด มันเป็นเรื่องธรรมชาติ ที่ต้องสร้างความเข้าใจกันระหว่างสมาชิกในครอบครัว..... ความรักเพศเดียวกันแบบนี้มันก็ลำบากส่วนหนึ่ง ถ้าปราศจากความเข้าใจของครอบครัวแล้ว...มันคงยากที่จะมีความสุขมั้งครับ....

GoneOn ครับ ผมก็ชอบชื่อจอมยุทธ์เหมือนกันครับ....ชื่อนี้ผมขออนุญาตรุ่นน้องที่สนิทด้วยนำมาใช้ครับ....น้องเค้าน่ารักด้วยครับ...แถมใจดีให้เอามาใช้ในนิยาย.....ต้องขอขอบคุณน้องจอมยุทธ์ไว้ ณ. ที่นี้ด้วยครับ.... (จริงๆ เจ้าจอมยุทธ์ แอบขู่มาว่า....อย่าให้ผมเป็นภรรยาใครนะพี่....)

ขอบคุณ Lucifer ที่เข้ามาทักทายกันครับ...

ผมอ่านความคิดของ beaches แล้ว ก็อดอมยิ้มเสียมิได้....(ท่านอื่นๆ อย่าน้อยใจนะครับ...) คุณ beaches เหมือนเข้าไปนั่งในใจผมเลยครับ....ขนาดผมเอง...ผมยังบรรยายโทนของเรื่องได้ดีไม่เท่าที่คุณ beaches บอกมาเลยครับ....ช่ายแล้วครับ....ในฝัน....นิยายเรื่องนี้คือเรื่องราวในฝัน......คือเรื่องราวในห้วงแห่งความคำนึง....... อีกนิดเดียวก็จะถึงคำตอบแล้วว่า....ทำไมความรักของภูผาและฟ้าลั่นจึง ตราตรึงอยู่ในห้วงแห่งความคำนึงครับ.... จริงๆ แล้วสังคมไทยยังปิดอยู่กับเรื่องแบบนี้....เป็นเพราะเรายังยึดติดกับบางสิ่งบางอย่าง ที่เป็นส่วนใหญ่.....แล้วพลอยคิดไปว่า...นั่นคือบันทัดฐาน หรือสิ่งที่ต้องกระทำ.... ความรักที่ดูเป็นของสวนกระแสกับส่วนใหญ่ จึงกลายเป็นเรื่องที่รับไม่ได้....ผู้ปกครอง รับไม่ได้....ทั้งๆที่ลืมนึกถึงความเป็นจริงที่ว่า....เราจะไปบังคับหัวใจใครได้อย่างไร.....ลูกหลานที่เลี้ยงมา ที่ปั้นมากับมือ ต้องถูกปั้นต่อไปจนวันตาย..... มันจะมีวิถีทางใดบ้างมั้ยครับ...ที่จะหาสมดุล หรือ เปิดทางแห่งความรักที่แตกต่างนี้ ให้ได้รับการยอมรับ จากครอบครัว ที่เรารัก.....

********
หลายๆ คนกล่าวว่า ครอบครัวของทั้งฟ้าลั่นเป็นครอบครัวในฝัน.....แต่ก็มีในโลกแห่งความเป็นจริงเหมือนกันนะครับ....เพื่อนๆ ผมหลายคนก็เป็นแบบนี้ครับ.... แต่หลายคนก็คงต้องปิดบังผู้ปกครองกันต่อไป....

ผมไม่ทราบว่า การหันหน้าเข้าหากัน....พูดคุยกัน ...ระหว่างสมาชิกใจครอบครัว...จะช่วยได้หรือไม่.....หรืออาจจะต้องล้มล้างความคิดโบราณว่า การรักเพศเดียวกันคือความผิด...คือสิ่งต้องห้ามออกไปจากความคิดของคนเสียให้หมด.... ต้องนำประเด็นความเป็นจริงแห่ง ธรรมชาติ และการเรียกร้องของหัวใจ ขึ้นมาพูดกันให้ทั่วแล้วกระมังครับ....

อยากให้ทุกคนมีเหตุผล....และเคารพในความเป็นจริงที่เกิดขึ้น.... ผิดหรือถูก อาจจะไม่ใช่ประเด็นสำคัญอีกต่อไปสำหรับการรักเพศเดียวกัน....แต่น่าจะกลายเป็น สุขหรือไม่.... เข้าใจกันอย่างไร....และจะรักษามันไว้ให้นานขนาดไหน....คือเรื่องที่ต้องถกกันในครอบครัวครับ....

สวัสดีครับ

Andreas

 :impress:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 21-12-2006 13:12:52
มะคืนแน๊วก้อเห็นคุณแอนดี้คุยกะเรย์อยู่น๊า แต่ว่ามะอยากขัดจังหวะอ่ะจ้ะ ก็เรยนั่งอ่านอยู่เงียบๆดีก่า เหอเหอ  :yeb:


หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 21-12-2006 15:58:35
เหอเหอ

เอาใจช่วย ทั้งเจ้าของเรื่อง ทั้งคนโพสต์ครับ

พูห์ :yeb:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 21-12-2006 16:08:46
ขอบคุณคนแต่งด้วยค่ะ ที่แต่งนิยายดี ๆ มาให้อ่านกัน

ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะคะ  :myeye:

หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 21-12-2006 18:55:36
อืม  ขอบคุณคะสำหรับการตอบจดหมายแฟนคลับ  ว่าแต่เราก็ยังอายุน้อยนะคะ  ไม่ค่อยมีประสบการณ์อะไรมากนัก  เรื่องอะไรอย่างงั้นก็ไม่ค่อยประสีประสา  คงไม่เท่าคุณแอนเดรียหรอกเนอะ  อายุมากแล้ว  แก่ด้วยประสบการณ์  คิกคิก  (ล้อเล่น ๆ นะ  :kikkik:)

ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ทั้งคนโพสแล้วก็คนแต่งเหมือนกัน   :yeb:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 21-12-2006 21:43:26
มะเคยทวงเรื่องแต่ชอบกลั่นแกล้งคนเขียน
เหอๆ โดยการโพสยั่วคนอ่านไปเรื่อยๆ  :kikkik:

****************************************************************
“เอ่อ......เราว่า.....เราเปลี่ยนเสื้อผ้า....แล้วไปเดินเล่นกันดีกว่า.....เริ่มเย็นแล้ว พระอาทิตย์กำลังจะตก...ท่าจะสวยน่าดู” ภูผาพยายามหาทางให้รอดพ้นจากสถานการณ์อันล่อแหลมเช่นนี้ ก่อนจะปล่อยมือที่โอบกอดลำตัวของฟ้าลั่นออก เขาเดินตรงไปที่ตู้เสื้อผ้าที่ฟ้าลั่นจัดเสื้อผ้าและสิ่งของต่างๆเข้าไว้อย่างเป็นระเบียบ ภูผาเลือกเอาเสื้อผ้าชุดใหม่มาเปลี่ยนเพื่อไปเดินเล่นบนชายหาด

หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ทั้งสองหนุ่มจึงเดินออกเดินจากห้องพักออกสู่หาดทรายขาวสวยที่อยู่รออยู่ข้างหน้า

ฟ้าลั่นอยู่ในชุดเสื้อกล้ามสีดำสนิทตัดกับและกางเกงขาสั้นผ้าลินินสีขาวสะอาด เน้นให้เห็นถึงรูปร่างที่สูงสง่าและแข็งแรง แว่นสายตาของเขาตอนนี้เปลี่ยนเป็นแว่นกันแดดสีดำสนิท รูปทรงทันสมัย ทำให้หน้าตาที่คมคายอยู่แล้วกับดูเข้มขึ้นเป็นทวี

ภูผาอยู่ในชุดผ้าลินินสีขาวทั้งชุดตัดกับเสื้อกล้ามสีดำของฟ้าลั่น เขาสวมเสื้อแขนสั้นปลดกระดุมออกจนถึงเม็ดที่สาม เผยให้เห็นถึงผิวขาวอมชมพูที่ซ่อนอยู่ข้างใน ท่อนล่างสวมกางเกงขาสั้นเช่นเดียวกับฟ้าลั่น .....ภูผาดูบริสุทธิ์และงดงามในสายตาของฟ้าลั่นยิ่งนัก

สองหนุ่มเดินคู่กันบนหาดทรายสีขาวทอดยาวตัดกับน้ำทะเลสีฟ้าใส สายลมจากท้องทะเลพัดเข้าสู่ชายฝั่งอยู่ตลอดเวลา สร้างความเย็นกายสบายใจแก่ผู้มาเยือนทุกคนบนหาดทรายสวย รวมถึงคู่รักจากกรุงเทพฯคู่นี้ด้วย

แม้ว่าภูผาและฟ้าลั่นจะไม่อาจเดินจูงมือกันในสถานที่สาธารณะแห่งนี้ได้ แต่หัวใจและสายตาของทั้งคู่กลับเชื่อมโยงร่างกายของทั้งสองไว้ด้วยกันตลอดเวลา....ความรักที่บริสุทธิ์ถูกส่งผ่านเข้าหากันโดยสายลมที่พัดพลิ้วอยู่อย่างไม่ขาดสาย 

พระอาทิตย์เริ่มเคลื่อนต่ำจนเกือบจะลับขอบฟ้า ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับภูผาและฟ้าลั่นเดินกลับมานั่งพักชมพระอาทิตย์ตกที่เก้าอี้บริเวณระเบียงบ้านพักพอดี....ยามนี้พระอาทิตย์ดวงโตสีแดง ที่ทอแสงสีทองนวลอบอุ่นสายตา และฉายแสงสะท้อนทาบยาวลงบนแผ่นน้ำทะเล เกิดประกายระยิบระยับ ราวกับจับเอาดวงดาวนับร้อยพันในคืนมืดมิดมาไว้ในทะเลกว้างผืนนี้ กำลังเคลื่อนตัวลงหาขอบฟ้าแสนไกล จนในที่สุดก็หายไปพร้อมกับแสงสุดท้ายแห่งวัน

ราตรีกาลคืบคลานเข้าแทนที่ พร้อมกับแสงสีของโคมไฟ และคบเพลิงรอบๆที่พัก ที่พากันส่งประกายแสงสว่างขับไล่ความมืดมิด......ส่งให้บรรยากาศรอบๆตัวดูโรแมนติกยิ่งนัก

“หมอก.....หิวหรือยังครับ.....ไปกินข้าวเย็นกันดีกว่า” ฟ้าลั่นเป็นห่วงคนรักของตนเสมอ จึงเอ่ยปากถาม

“หิวแล้ว.....แต่เราว่า....ไปกินข้าวที่ร้านอาหารข้างนอกดีกว่า แทนที่จะไปกินที่ห้องอาหารในรีสอร์ท....เผื่อจะได้เดินเที่ยวด้วยงัย” ภูผายื่นข้อเสนอ

“ดีเหมือนกัน....เราจะได้ไปเที่ยวผับที่เค้าเปิดตามชายหาด.........น่าสนใจดี”ฟ้าลั่นสนับสนุน

เมื่อตกลงกันดังนั้น ทั้งคู่จึงกลับเข้าไปในห้องพักอีกครั้งเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะออกเดินมุ่งหน้าไปยังบริเวณถนนที่มีร้านอาหารเรียงรายอยู่ตลอดสองข้างทาง

ร้านอาหารที่สองหนุ่มตัดสินใจเลือกรับประทานอาหารเย็นเป็นมื้อแรกบนเกาะช้างที่สวยงามแห่งนี้คือ ร้านเกี๊ยวหนองบัว ซึ่งเป็นร้านอาหารขนาดกลางที่เปิดโล่ง รับรองแขกประมาณ 30 โต๊ะ ราคาอาหารที่ปรากฏบนเมนูก็ไม่แพงมากเหมือนห้องอาหารในรีสอร์ทต่างๆ รวมถึงมีอาหารหลากชนิดให้ลูกค้าเลือกรับประทานได้อย่างเต็มที่ โดยเน้นที่อาหารทะเลเป็นหลัก

ภูผาและฟ้าลั่นผลัดกันสั่งอาหารมื้อเย็น โดยต่างฝ่ายก็เลือกอาหารที่อีกคนหนึ่งชอบรับประทาน ซึ่งได้แก่ ยำปูนิ่ม ต้มยำทะเลรวมมิตร ปลาทะเลเผา ปลาหมึกทอดกระเทียมพริกไทย และ กุ้งแก้วกรอบ ที่จัดมาในจานสวยสะดุดตา

หลังจากใช้เวลาไม่นานมากนักในการรับประทานอาหาร ทั้งสองคนจึงเดินเล่นไปตามถนนที่ลาดยาวขนานกับชายหาดที่มีชื่อว่า “หาดทรายขาว” สองข้างถนนเต็มไปด้วยผับ ร้านขายเครื่องดื่ม รวมถึงดิสโก้เทคต่างๆ สลับกับรีสอร์ท ร้านอาหาร ร้านของที่ระลึก และ ร้านอินเตอร์เนทคาเฟ่

บริเวณหาดทรายขาวนี้ถือเป็นพื้นที่ที่มีสีสันที่สุดของเกาะช้าง ดังนั้นจึงมีนักท่องเที่ยวพักอาศัยอยู่จำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่จะนิยมผ่อนคลายไปกับแสงสียามค่ำยืน   ส่วนบริเวณที่เหลือของเกาะจะเป็นพื้นที่สำหรับนักท่องเที่ยวที่รักความสงบ โดยเลือกที่จะพักในรีสอร์ทเล็กๆ และทำกิจกรรมต่างๆเช่น ว่ายน้ำ ดำน้ำดูปะการัง และพักผ่อนอิริยาบถอย่างเป็นส่วนตัว

ฟ้าลั่นชวนภูผาเข้าไปในผับติดชายทะเลแห่งหนึ่ง ที่มีบรรยากาศเงียบสงบ เพราะมีลูกค้าไม่มากนัก มีแต่เพียงกลุ่มนักท่องเที่ยวฝรั่งสองสามกลุ่ม และกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยที่ดูเรียบร้อยและแต่งกายสะอาดสะอ้าน จับจองโต๊ะ และดื่มเหล้าและเบียร์ ตลอดจนพูดคุยและฟังเพลงกันอย่างสนุกสนาน

ภายในผับ มีบาร์เครื่องดื่มขนาดใหญ่ ที่เต็มไปด้วยเหล้าและส่วนผสมหลายชนิด โดยมีเจ้าของร้านซึ่งเป็นชาวต่างชาติและทำหน้าที่เป็นบาร์เทนเดอร์ กำลังพูดคุยกับลูกค้าอย่างเป็นกันเอง

นอกจากบาร์เครื่องดื่มขนาดใหญ่ ภายในผับนี้ยังมีโต๊ะสนุ๊กเกอร์แบบมาตรฐานสองตัว ตัวแรกถูกจับจองโดยคนไทยกลุ่มหนึ่ง ส่วนอีกตัวหนึ่งยังคงว่างเปล่าไร้การครอบครอง

ฟ้าลั่นซื้อเบียร์ขวดเล็กให้กับตนเองและภูผา ก่อนจะตกลงกับเจ้าของร้านเพื่อเช่าโต๊ะสนุกเกอร์ที่เหลืออยู่เล่นกับภูผากันสองคน

สนุ๊กเกอร์หรือบิลเลียตก็เป็นหนึ่งในกีฬาหรือเกมส์ที่ทั้งสองคนถนัดเช่นกันนอกเหนือจากกีฬาเทนนิส ทั้งคู่ผลัดการตบ ผลัดกันวางลูก เพื่อเอาชนะฝ่ายตรงข้าม ต่างฝ่ายต่างชิงไหวชิงพริบ จนทำให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติกลุ่มหนึ่งถึงกลับลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ มายืนล้อมวงดูทั้งสองเล่นเกมส์บิลเลียตอย่างตั้งใจ 

เกมแรกผ่านไป ผลปรากฏว่าฟ้าลั่นเป็นฝ่ายชนะ เล่นเอาภูผาเกิดอาการหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด เขาเลยตั้งใจเล่นมากขึ้นในเกมที่สองจนในที่สุดก็สามารถเอาชนะฟ้าลั่นได้ เป็นการเสมอกันหนึ่งต่อหนึ่ง แต่ก่อนที่จะแข่งรอบตัดสินแพ้ชนะ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ยืนมองอยู่ก็เข้ามาพูดคุยกับทั้งคู่ เพื่อขอปะทะฝีมือกับสองหนุ่ม ซึ่งทั้งคู่ก็ไม่ปฏิเสธไมตรีแต่หยิบยื่นมาให้อย่างใด

ด้วยอัธยาศัยที่สุภาพแต่เป็นกันเองรวมถึงฝีมือการเล่นที่เด็ดขาดของภูผาและฟ้าลั่น ทำให้ทั้งสองหนุ่มเป็นจุดสนใจของคนทั้งหมดภายในร้านค้าในเวลาไม่นาน ซึ่งส่งผลให้ได้รับของขวัญเป็นเครื่องดื่มทั้งเหล้าผสมและเบียร์หลายต่อหลายครั้งจากทั้งคนไทยและชาวต่างชาติที่พ่ายแพ้ต่อสองหนุ่ม รวมถึงพวกที่ประทับใจในความน่ารักของทั้งคู่

ประมาณห้าทุ่มกว่าๆ ฟ้าลั่นจึงขอตัวนำภูผาออกจากผับแห่งนั้น เพื่อเข้าที่พักเนื่องจากเห็นว่าภูผาเริ่มจะมีอาการเมาเพราะระดับปริมาณแอลกอฮอล์ที่เข้าสู่ร่างกาย ฟ้าลั่นไม่ต้องการให้ภูผาเมามากจนไม่ได้สติ เพราะมิเช่นนั้นแผนการที่วางไว้ก็จะพังทลายในทันที

ฟ้าลั่นรู้ดีกว่า....ช่วงเวลาที่เซ็กซี่ที่สุดของภูผา คือ เวลาที่ภูผามีอาการเมาเพียงเล็กน้อย ฟ้าลั่นค่อนข้างมั่นใจว่า ช่วงเวลานี้ภูผาจะไม่ขัดขืนการลุกล้ำของตนเองแต่อย่างใด

ฟ้าลั่นเดินกลับที่พักโดยเลือกที่จะเดินบนชายหาดแทนถนนซีเมนต์เหมือนขามา เนื่องจากเป็นเวลาค่อนข้างดึกแล้ว ทำให้ไม่ค่อยมีผู้คนเดินผ่านมากนัก ฟ้าลั่นจึงสามารถเดินจูงมือนุ่มของภูผาได้อย่างสบายใจ จนกระทั่งมาถึงที่พัก

หลังจากปิดประตูห้องพักเรียบร้อยแล้ว ฟ้าลั่นก็เดินไปจุดเทียนทุกเล่มที่อยู่ประดับอยู่ภายในบริเวณห้องพัก ก่อนจะถอดแว่นสายตาของตนเองออกวางไว้บนโต๊ะลิ้นชักข้างเตียงนอน และเริ่มดำเนินแผนการต่อไปทันที
 
“หมอกครับ....คืนนี้หมอกน่ารักจังเลย” ฟ้าลั่นเดินหันหน้าเข้าหาตัวของภูผา กอดเอวคนรักไว้อย่างหลวมๆ ก่อน กระซิบเบาๆ ตรงหน้า

“หมอกรู้หรือเปล่า .......เวลาหมอกดื่มเบียร์แล้ว ดูเซ็กซี่มากเลย........” ฟ้าลั่นพูดต่อ มือข้างหนึ่งของเขาลูบเบาๆที่เรือนผมนุ่มของคนรัก

“ไม่เห็นจะเซ็กซี่............ตรงไหนเลยฟ้าลั่น.......เราก็ยังเหมือนเดิม” ภูผากอดตอบฟ้าลั่นพร้อมทั้งเอ่ยปฏิเสธ

“ไม่จริงหรอก.......ตอนนี้หมอกที่รักของฟ้าลั่นน่ารัก และเซ็กซี่ที่สุด”

“จนเราแทบจะอดใจไม่ไหวแล้ว......หมอกใจร้ายจัง......จะให้เรารอถึงเมื่อไหร่” ฟ้าลั่นยังคงพูดต่อ พร้อมทั้งใช้มือข้างหนึ่งจับคางของคนรักให้เงยขึ้นมา จ้องตาหวานฉ่ำของตน ก่อนจะประกบริมฝีปากสวยได้รูปของตนลงบนริมฝีปากบางสีชมพูของภูผา..........มอบจุมพิตที่อ่อนโยนและเนิ่นนาน......

รสจูบที่แสนหวานกับปริมาณแอลกอฮอล์ที่เหมาะสมดั่งที่ฟ้าลั่นคาดการณ์ ได้จุดประกายไฟสิเน่หาของภูผาให้ลุกโชนขึ้นมาอย่างง่ายดาย ประกอบกับบรรยากาศภายในห้องพักที่จัดไว้อย่างสวยงาม เพราะแสงเทียนที่จุดอยู่บนโต๊ะศิลาแลง รวมถึงแสงไฟอ่อนๆจากโคมไฟบนหัวเตียงสีขาวขนาดใหญ่  ก่อให้เกิดแรงบันดาลใจให้ภูผาคล้อยตามไปกับการลุกล้ำที่อ่อนหวานของฟ้าลั่น

“เอ่อ.....ก็เรากลัวน่ะฟ้าลั่น........เอ่อ.....กลัวเจ็บน่ะ”ในที่สุดภูผาก็ตัดสินใจบอกความจริงแก่ฟ้าลั่น ถึงสาเหตุที่ตนเองบ่ายเบี่ยงมาตลอดเวลา

ฟ้าลั่นยิ้มเบาๆ กระชับอ้อมแขนกอดรัดภูผาให้แน่นขึ้น ก้มหน้าลงสูดความหอมของแก้มและซอกคอของภูผาเพื่อปลุกเร้าอารมณ์ให้ลุกโชนมากขึ้น ก่อนจะบอกว่า

“ไม่ต้องกลัวหรอกครับหมอก........ ฟ้าลั่นสัญญาว่า.......จะทะนุถนอมดวงใจของฟ้าลั่น....ไม่ทำให้เจ็บปวดแม้แต่นิดเดียว......ไว้ใจฟ้าลั่นนะครับ.....ที่รัก”

ภูผาเลือกที่จะพยักหน้าแทนการกล่าวคำใดๆ เนื่องจากเพราะความเขินอาย และเหนือสิ่งอื่นใดคืออารมณ์ที่คุกรุ่นในอก ที่บัดนี้ร้อนแรงจนเกินที่จะปฏิเสธความรู้สึกต้องการลึกๆในใจได้

ฟ้าลั่นปลดกระดุมเสื้อของภูผาออกช้าๆ ถอดออกทิ้งไว้บนพื้นห่างจากตัวเล็กน้อย เผยให้เห็นถึงผิวขาวเนียนสะอาดที่ซ่อนเร้นอยู่ข้างใน  หลังจากนั้นจึงหันมาจัดการกับเสื้อกล้ามของตนเองให้หลุดออกจากร่างกายอย่างรวดเร็ว

ฟ้าลั่นมอบจูบที่แสนหวานให้กับคนรักของตนอีกครั้ง ก่อนจะจูงมือภูผาเดินเข้าหาเตียงนอนนุ่ม ฟ้าลั่นวางร่างที่บอบบางของภูผาลงบนเตียงสีขาวสะอาด แล้วจึงทาบทับร่างกายที่แข็งแรงของตนลงบนร่างของคนรัก........คนที่รักสุดใจ.......

จมูกของฟ้าลั่นเลือกที่จะสูดความหอมตลอดร่างกายส่วนบนของภูผา..........คลุกเคล้าไปทั่วใบหน้า....ซอกคอ....ช่วงไหล่.....หน้าอก ...และหัวนมสีชมพูบริสุทธิ์ .....มือทั้งสองข้างก็ทำหน้าที่ปลดกางเกงและปราการปกปิดความเป็นชายสุดท้ายออกจากลำตัวทั้งคู่

บัดนี้....เวลาแห่งการรอคอยที่นานแสนนาน......เวลาที่ดวงใจสองดวงจะเข้าสลัก..... ผนึกหากันอย่างแนบแน่น........ได้เริ่มดำเนิน.....และเคลื่อนไปอย่างช้าๆ

ร่างที่เปลือยเปล่าของทั้งคู่ที่กอดรัดอยู่บนเตียงสีขาวนวล  ดูงดงามเปรียบดั่งภาพศิลป์ที่จิตรกรบรรจงขีดเขียนลวดลายและลงสี....ร่างที่แข็งแรงกอดรัดตวัดร่างที่บอบบางกว่าอย่างทะนุถนอม.....ทุกส่วนของร่างกาย เปิดเผยสู่การสัมผัสของกันและกัน ผ่านฝ่ามือนุ่ม ริมฝีปากสวย และดวงตาที่ทอประกายความรักอย่างลึกซึ้ง

ภูผาตอบสนองการสัมผัสของฟ้าลั่นอย่างอ่อนโยนเช่นกัน มือบางของภูผาลูบไล้ทั่วแผ่นหลังที่แข็งแรง เคลื่อนลงไปถึงบริเวณบั้นท้ายที่ประกอบด้วยมัดกล้าม ก่อนจะเลื่อนฝ่ามือทั้งสอง ลงมาข้างหน้า บริเวณส่วนกลางลำตัวของฟ้าลั่น สัมผัสกับความเป็นชายที่ร้อนแรง แข็งแกร่ง และเย้ายวน........

“หมอกครับ.......ฟ้าลั่นรักหมอกที่สุดในโลกเลย......ครับ”ฟ้าลั่นกระซิบเสียงกระเส่า เพราะบัดนี้ความเป็นชายที่แข็งแรงของตนถูกครอบครองโดยสองฝ่ามือนุ่มของภูผา

“หมอกก็รักฟ้าลั่นครับ......รักมากที่สุดในโลกเหมือนกัน”ภูผาตอบเสียงคล้ายกัน เพราะริมฝีปากของฟ้าลั่นที่วนเวียนอยู่ที่บริเวณซอกคอของตน

“ฟ้าลั่นสัญญาว่าจะรักหมอกเพียงคนเดียว....เสมอ.....และตลอดไป”ฟ้าลั่นกระซิบต่อ แต่บัดนี้เปลี่ยนเป้าหมายจากซอกคอของคนรักตน เคลื่อนตัวลงต่ำไปลิ้มรสหัวนมสีชมพูสดคู่นั้นของภูผาอย่างร้อนแรง เพราะอารมณ์รักที่ไม่อาจหยุดยั้งได้อีกต่อไป

“หมอกก็สัญญาครับ.......หมอกจะรักฟ้าลั่นเพียงคนเดียว...เสมอและตลอดไป” คำสัญญาออกจากปากของภูผา ก่อนริมฝีปากคู่สวยจะถูกปิดด้วยริมฝีปากได้รูปของคนที่ตนรัก....จูบที่เต็มไปด้วยรัก......จูบที่เนิ่นนาน.......จูบที่ร้อนแรงดั่งลาวาที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้ภูเขาไฟ

ช่วงเวลาแห่งความโรแมนติก.........ช่วงเวลาแห่งความสุขของความสัมพันธ์ทางร่างกาย ดำเนินไปอย่างช้าๆนับชั่วโมง .......บางครั้งการสัมผัสก็ดูอ่อนโยน...... แต่บางครั้งการเคลื่อนไหวก็ดูร้อนแรง........เย้ายวน......และหนักแน่น........... ด้วยธรรมชาติแห่งรัก ภูผาตกเป็นของฟ้าลั่นด้วยความเต็มใจ...........

หลังจากปลดปล่อยสิ่งที่อัดอั้น สะสมอยู่ในอกเพราะไฟรักและความสิเน่หา.........ฟ้าลั่นโอบกอดร่างบางของคนที่ตนรักอย่างทะนุถนอม......คนเดียวที่ยอมพลีกายให้เขาได้ตักตวงความสุขครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างเต็มใจ......คนเดียวที่แม้จะเจ็บปวด แต่ก็กลับเลือกที่จะทนและนิ่งเสีย เพื่อความสุขของคนที่ตนรัก.......และสุดท้าย คนเดียวที่ฟ้าลั่นสัญญาว่า จะอยู่ข้างกายตลอดไป จนนานเท่านาน

 “หมอกครับ......ไปอาบน้ำกันดีกว่าครับ” ฟ้าลั่นเอ่ยปากชวน เขาลุกขึ้นยืน ก้มตัวลงมาอุ้มภูผาไว้แนบอก แล้วเดินเข้าห้องน้ำ เปิดน้ำอุ่นใส่อ่างอาบน้ำ และวางร่างของภูผาลงในอ่างอาบน้ำ ก่อนที่ก้าวลงมานั่งอยู่ข้างหลังของภูผา เอื้อมมือทั้งสองข้างมาจับมือของภูผาขึ้นไขว้แนบอก.....ปรารถนาจะถ่ายทอดความรัก และความสุขทั้งหมดให้คนรักได้รับรู้

“ขอบคุณครับหมอก.....”ฟ้าลั่นพูดเบาๆข้างหูของภูผา

“เอ.....ทำไมที่รักของผมเงียบจัง........” ฟ้าลั่นอมยิ้ม เนื่องจากเพราะยังเห็นว่าอาการหน้าแดงของภูผาคงอยู่ไม่จางหายไป

“อืม.....ก็มันอายนี่นา.....ไม่รู้จะพูดอะไร.....เงียบดีกว่า”ภูผาตอบคำถาม

ฟ้าลั่นยิ้มกว้างในความน่ารักของคนรักของตน.....คนที่สามารถรักษาความน่ารักไว้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

“อย่าอายเลยครับ.......ตอนนี้เราก็เป็นของกันและกันแล้วนี่ครับหมอก”

“ฟ้าลั่นไม่เห็นอายเลย........กลับเต็มใจให้หมอก ตักตวงความสุขกับฟ้าลั่นน้อย....... เอ...หรือใหญ่กันแน่......เราคิดว่าใหญ่นะ.....เปลี่ยนเป็นฟ้าลั่นใหญ่ดีกว่า......เสมอและตลอดเวลานะครับ” ฟ้าลั่นพูดอย่างอารมณ์ดี

“อืม......รู้แล้ว....ไม่งั้นไม่เจ็บขนาดนี้หรอก”ภูผาบ่นเบาๆ

“ไหนบอกว่าจะทำเบาๆงัย.......”ประโยคสุดท้าย คนตัวเล็กกว่าหันหน้ามาถาม

“อ้าว......ฟ้าลั่นไม่เห็นหมอกร้องบอกว่าเจ็บนี่นา.....เห็นก็มีความสุขดี”ฟ้าลั่นถือโอกาสแหย่คนรักของตน พร้อมทั้งมอบยิ้มกว้างให้ภูผา

“บ้า.......ไม่เอาไม่พูดเรื่องนี้แล้ว.....ตอนนี้ไม่มีแรง......เจ็บ......นายต้องอาบน้ำเราด้วย....ห้ามมีข้อแม้”ภูผาพูดอย่างงอนๆ

“แล้วก็ห้ามฉวยโอกาสอีกนะ......”ภูผาต้องรีบขู่ มิเช่นนั้นฟ้าลั่นคงต้องฉกฉวยโอกาสสร้างความร้อนแรงให้เขาอีกแน่นอน

“ครับ....ที่รัก......รับรองว่าไม่ฉวยโอกาสในคืนนี้แน่นอน........”ฟ้าลั่นพูดเอาใจ

“แต่พรุ่งนี้....ไม่แน่ใจครับ”ฟ้าลั่นพูดตบท้าย ส่งผลให้คนฟังหันหน้ากลับมา ใช้มือทั้งสองข้างหยิกไปที่หัวนมสีชมพูให้อย่างรวดเร็วเป็นการทำโทษ

“โอ้ย....เจ็บนะครับหมอก......ดุจังเลย......”

“แต่ฟ้าลั่นว่า...เปลี่ยนจากหยิกเป็นจูบได้มั้ยครับ.....ฟ้าลั่นชอบมากกว่าครับ” ฟ้าลั่นกระซิบที่ข้างหูของภูผา ก่อนที่จะอาบน้ำให้คนรักของตนอย่างทะนุถนอม

ก่อนนอนฟ้าลั่นหยิบกีตาร์ขึ้นมาบรรเลงเพลง......มอบให้กับภูผาที่นอนหนุนตักข้างหนึ่งอยู่บนเตียงหนานุ่มกลางห้อง........เสียงนุ่มของฟ้าลั่นเปล่งเนื้อร้องออกมาอย่างไพเราะ....เคล้าคลอไปกับทำนองที่ดังขึ้นมาจากโดยกีตาร์ตัวโปรดที่นำติดตัวมาด้วย....ไล่เลียงไปตามเนื้อเพลง กล่อมให้ภูผานอนหลับสนิท........อย่างมีความสุข

........................................I swear by the moon and the stars in the sky
........................................And I swear like the shadow that's by your side

........................................I see the questions in your eyes
........................................I know what's weighing on your mind
........................................You can be sure I know my heart

........................................`Coz I'll stand beside you through the years
........................................You'll only cry those happy tears
........................................And though I make mist
........................................I'll never break your heart

........................................And I swear, by the moon and the stars in the sky
........................................I'll be there
........................................I swear, like a shadow that's by your side
........................................I'll be there

 ........................................For better or worse, till death do us part
........................................I'll love you with every beat of my heart
........................................And I swear

........................................I'll give you every thing I can
........................................I'll build your dreams with these two hands
........................................We'll hang some memories on the walls

........................................And when just the two of us are there
........................................You won't have to ask if I still care
........................................`Coz as the time turns the page, my love won't age at all

........................................And I swear by the moon and the stars in the sky
........................................I swear (and I swear) like the shadow that's by your side
........................................I'll be there

........................................For better or worse, till death do us part
........................................I'll love you with every beat of my heart
........................................And I swear

........................................I swear (I swear) by the moon and stars in the sky
........................................I'll be there
........................................I swear like the shadow that's by your side
........................................I'll be there

........................................For better or worse, till death do us part
........................................I'll love you with every (single) beat of my heart
........................................I swear, I swear,
........................................Oh... I ... swear...

หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 21-12-2006 22:01:02
 :-[  เเน๋วเชื่อแล้วว่าคุณแอนดี้ไม่ถนัดฉากแบบนี้ ตัดฉากไปที่โคมไฟหัวเตียงจิ (เห็นเค้าชอบทำกัน คิกคิก) โรแมนติกจางเร๊ยยย  :like6:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: wee ที่ 21-12-2006 22:20:27
ไอ้เราก็อยากรู้เรื่อง....ข้างหลังโคมไฟหัวเตียงอย่างละเอียดจัง...เฮ้อ... :555555 :sad5: :angellaugh2: :monkeycry2:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 22-12-2006 09:07:48
หุหุ โรแมนติก  :haun5:

มดขึ้นเต็มจอเลย  :impress:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 22-12-2006 11:09:50
บทที่ 16 สื่อรักแทนใจ......

พฤศจิกายน....เวลาปัจจุบัน

มหานครลอนดอน.....สหราชอาณาจักรอังกฤษ

(http://img226.imageshack.us/img226/6056/normalimg3511ps0.jpg)


ภาพบรรยากาศความสวยงามท้องฟ้าและพื้นน้ำยามดวงอาทิตย์จะลับขอบฟ้า บริเวณหาดทรายสีเงินของเกาะช้าง และภาพของตนเองนั่งอิงแอบกับภูผาบนโขดหินริมทะเล เพื่อเฝ้ามองดูพระอาทิตย์ดวงโตกลมสีแดง ทอแสงนวลสบายตา เคลื่อนตัวอย่างช้าๆจนลับลงสู่แผ่นน้ำ เพื่อรอเวลาขึ้นมาสู่วันใหม่ ภายหลังดวงจันทราสีเหลืองอ่อน ลาจากรัตติกาล...........   

ทุกๆภาพและความรู้สึกต่างๆ ในวันนั้นยังตราตรึงติดความทรงจำของฟ้าลั่นอยู่มิคลาย ทั้งๆที่ผ่านมาหลายปีแล้วก็ตาม ทุกครั้งที่คิดถึงอดีตที่เกิดขึ้น เขาก็จะมีความสุขเสมอ......ครั้งนี้ก็เช่นกัน

ฟ้าลั่นนอนหลับไปอีกครั้งบนเตียงนุ่มในอพาทเมนต์ เพราะความอ่อนเพลียจากงานเลี้ยงเมื่อคืน ภายหลังจากที่ภูผาออกไปสอบ Comprehensive เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา....จนกระทั่งรู้สึกตัวว่าริมฝีปากของตนถูกครอบครองโดยริมฝีปากที่บางกว่า.....ที่หอมหวานกว่า....และที่สำคัญ.....คือมาพร้อมกับรอยจูบที่เต็มไปด้วยความรักเสมอ

สองแขนที่แข็งแรงโอบตวัดผู้รุกรานริมฝีปากของตนให้นอนทับลงมาบนอกที่แข็งแรงอย่างรวดเร็ว .....ก่อนจะลืมตาขึ้นมา พบดวงหน้าหวานของผู้บุกรุกที่มีรอยยิ้มร่าเริงและสดใสปรากฏอยู่บนใบหน้า

“ไหนว่าจะโทรมาบอกหลังสอบเสร็จงัยครับหมอก......ทำไมต้องเสียเวลาเดินกลับมาด้วย”ฟ้าลั่นถามคนที่อยู่ในอ้อมกอด

“ก็พอดีเลิกสอบเร็ว........จริงๆก็ไม่เร็วเท่าไหร่หรอก....เพราะเกือบบ่ายสามแล้ว” ภูผาตอบเสียงใส เงยหน้าขึ้นสบดวงตาหวานของคนที่ตนรัก

“หมอกมีข่าวดีมาบอกฟ้าลั่นด้วยแหล่ะ......อยากฟังหรือเปล่าครับ.....คุณฟ้าลั่นที่รักของผม” ภูผาเลิกคิ้วถาม

“อยากฟังซิครับ......อยากฟังทุกเรื่องของคนที่ผมรักเสมอครับ”ฟ้าลั่นกล่าวตอบอย่างอ่อนโยน พร้อมส่งสายตาเป็นประกายหวานซึ้งมาให้ภูผา ที่บัดนี้ไม่เขินอายดวงตาคู่งามนี้แล้ว.......

“หลังสอบเสร็จ professor เดินมาบอกว่าหมอกสอบผ่านแล้ว.....ตอนนี้ก็เป็นดอกเตอร์เหมือนฟ้าลั่นแล้วนะครับ” ภูผายิ้มกว้าง เอื้อมมือทั้งสองข้างไปจับแก้มนิ่มของคนรัก พร้อมกับบีบขยำเล่นเบาๆอย่างรักใคร่

“อีกอย่าง คือ หมอกได้รับข้อเสนอให้รับทุน post doct ทำวิจัยต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีกำหนด.......” คราวนี้ภูผาลดเสียงลงเล็กน้อย แววตาแห่งความตื่นเต้นหายไป เพราะมีความกังวลเข้ามาแทนที่ เนื่องจากไม่ทราบว่าฟ้าลั่นจะคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้

“แต่หมอกยังไม่ได้ตอบรับอะไร.....เพราะต้องมาคุยกับฟ้าลั่นก่อน” ภูผาบอกในตอนสุดท้าย

“ก็ดีนี่ครับหมอก.......ถ้าหมอกอยากอยู่ต่อ ....ฟ้าลั่นก็จะอยู่ด้วย........”ฟ้าลั่นตอบโดยพลัน เพราะอย่างไรเสียเขาเองก็ต้องอยู่เคียงข้างภูผาเสมอ......ไม่ว่าจะเป็นที่นี่หรือที่ไหนๆก็ตาม

“แต่ที่สำคัญ.....หมอกคงต้องเลี้ยงฟ้าลั่นแล้วนะครับ......เพราะตอนนี้ฟ้าลั่นยังตกงานอยู่” ฟ้าลั่นแกล้งทำหน้าเศร้าและส่งสายตาอ้อนวอนเพื่อเรียกคะแนนความสงสารจากภูผา

“อย่ามาหลอกหมอกเสียให้ยากเลยคุณฟ้าลั่น..........professor หมอก บอกต่อว่า professor ของฟ้าลั่นก็ตัดสินใจให้ข้อเสนอเดียวกันนี้กับฟ้าลั่น....... อย่าลืมว่า professor เราทั้งสองคนเป็นเพื่อนกันนะ” ภูผาใช้นิ้วมือบีบจมูกสวยของฟ้าลั่นเป็นการทำโทษอย่างเบาๆ ก่อนจะถูกเอาคืนโดยคนตัวโตกว่า ด้วยการหอมแก้มไปข้างละที อย่างอดเสียไม่ได้

ฟ้าลั่นหัวเราะเบาๆ เขากอดกระชับร่างของภูผาเข้าหาตนเองให้แน่นขึ้น พร้อมกับบอกว่า

“ก็กะว่าจะบอกหมอกอยู่เหมือนกันครับ.......แต่หมอกบอกข่าวดีของหมอกออกมาก่อนนี่นา” ฟ้าลั่นอมยิ้ม

“ดีเลย.....งั้นเราทั้งสองคนก็ทำงานอยู่ที่อังกฤษนี่ซักพักแล้วก็ค่อยย้ายกลับเมืองไทยดีกว่า.....คุณพ่อคุณแม่และคุณยายคงไม่ว่าอะไรหรอก” ภูผากล่าวอย่างอารมณ์ดี

“อืม.....ดีเหมือนกันครับหมอก......เราจะได้เก็บเงินไว้ปลูกบ้านของเราในเมืองไทยด้วยงัยครับ......บ้านที่เป็นของเราสองคน” ฟ้าลั่นกล่าวสนับสนุน และบอกย้ำความฝันของตนให้ภูผาได้รับรู้อีกครั้ง......บ้านที่เป็นของเขาและภูผา.....บ้านที่จะมีแต่ไอรักของทั้งคู่อบอวลทั่วทุกหนแห่ง

“แล้วหมอกก็จะอยู่กับฟ้าลั่นตลอดไป......หมอกสัญญา” ภูผาให้คำสัญญาหนักแน่นก่อนจะมอบจุมพิตให้ฟ้าลั่น.....คนที่อยู่ในหัวใจมาตลอดเกือบสิบปี.....

ภูผาถอนริมฝีปากออกอย่างช้าๆ แล้วเอ่ยถามคนรักของตนด้วยความเป็นห่วงว่า

“หิวหรือยังครับ.....เดี๋ยวหมอกทำแซนวิสให้ทาน.......ตอนนี้ฟ้าลั่นไปอาบน้ำก่อนดีกว่าครับ แล้วเดี๋ยวเราไปเดินเล่นที่งาน Oxford Street Fair กันครับ ก่อนที่จะไปรวมกับเพื่อนๆของหมอกที่  Caf&eacute; de London ตอนสองทุ่มครับ” ภูผาบอกฟ้าลั่น ก่อนจะผละตัวออกจากอ้อมกอดของคนรัก แล้วลุกขึ้นจากเตียงนอนแสนนุ่ม เดินเข้าไปในส่วนที่เป็นห้องครัว เพื่อจัดการเตรียมทำแซนวิสให้ฟ้าลั่นรับประทานหลังจากอาบน้ำเสร็จ

ฟ้าลั่นก็ลุกขึ้นจากเตียง และเดินเปลือยเปล่าเข้าห้องน้ำ เพื่ออาบน้ำและแต่งตัวตามคำสั่งของภูผาอย่างว่าง่าย.......
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 22-12-2006 11:13:54
(http://img226.imageshack.us/img226/1431/resizeofnewportxl2tm7.jpg)

ร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อโค๊ทสีดำสนิทเดินเคียงข้างร่างบอบบางแต่ดูแข็งแรงในชุดโค๊ทหนังสีน้ำตาลเข้มอย่างใกล้ชิด ผ่านผู้คนที่เดินไปเดินมาอย่างมากมายบน Oxford Street ในช่วงงาน Oxford Street Fair ในครั้งนี้

บรรดาร้านค้าต่างๆที่ตั้งเรียงรายอยู่สองข้างทางของถนนสายสั้นๆนี้ ถูกประดับประดาร้านด้วยแสงไฟหลากหลายขนาด สลับสีสันงดงาม เพื่องานนี้โดยเฉพาะ และจะอยู่โยงยาวต่อไปเพื่อต้อนรับวันคริตส์มาสที่จะมาเยือนในอีกไม่กี่อาทิตย์ข้างหน้าด้วย

ผู้คนหลากหลายวัย หลายเชื้อชาติ พากันจับจ่ายซื้อสินค้าคุณภาพในราคาลดลงจากปกติที่วางขายอยู่แทบทุกร้านตลอดถนน.......บางคู่หรือบางกลุ่ม หลังจากเดินมาเหนื่อยๆก็แวะเข้าผับที่เรียงรายสลับกับร้านขายของ เพื่อสั่งเครื่องดื่ม ตามแต่ความต้องการของแต่ละบุคคล เพื่อทำให้ร่างกายหายจากความเหนื่อยล้า ก่อนจะออกมาเดินดูข้าวของและช้อปปิ้งต่อไป
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 22-12-2006 11:18:10
ทั้งสองหนุ่มเดินดูผู้คน สินค้าต่างๆ และความสวยงามของแสงไฟที่ประดับประดาอยู่ตลอดสองข้างทาง จนถึงบริเวณลานน้ำพุ ชื่อว่า Trafalgar Fountain” ที่ ณ บัดนี้ถูกประดับตกแต่งด้วยแสงไฟอย่างลงตัว........แสงหลากสีจากดวงไฟ ส่งให้สายน้ำพุที่พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ดูงดงาม อ่อนช้อยราว ราวกับว่ากำลังระเริงระบำอย่างเย้ายวน เพื่อดึงดูดสายตาและก่อให้เกิดความตราตรึงใจแก่ผู้พบเห็นทุกคน

(http://img226.imageshack.us/img226/7373/tsfountainmj2.jpg)

ฟ้าลั่นจับมือภูผาให้เดินไปยังเก้าอี้นั่งตัวยาวที่ตั้งอยู่บริเวณรอบๆน้ำพุที่มีชื่อเสียงแห่งนี้ หลังจากปล่อยให้ภูผานั่งลงบนเก้าอี้ เขาก็คุกเข่าลงกับลานพื้นหินอ่อน สอดมือของตนลงไปในกระเป๋าเสื้อโค๊ทด้านซ้ายแนบสนิทกับหัวใจ  เพื่อหยิบเอากล่องกำมะหยี่สีแดงสดขนาดเล็กออกมาเปิดออก เผยให้เห็นแหวนทองคำขาวฝังเพชรซีกลงไปอย่างเป็นระเบียบและทันสมัย ตั้งเด่นอยู่สองวง  ด้านในแหวนวงหนึ่งสลักคำว่า “Falan” ส่วนอีกวงหนึ่ง สลักคำว่า “Bhupha” 

ฟ้าลั่นหยิบแหวนที่สลักชื่อตนเองออกมา เขารอคอยมานานแสนนาน....รอจนกระทั่งพร้อมที่จะประกาศความสัมพันธ์ของเขากับภูผาอย่างเป็นรูปธรรม 

“ฟ้าลั่นรอวันนี้มาเกือบห้าปีเลยทีเดียวครับหมอก.....รอวันที่เราทั้งคู่จะเรียนจบและสามารถกำหนดอนาคตของเราด้วยตนเอง....ให้ก้าวเดินไปพร้อมๆกับจนกว่าจะสิ้นลมหายใจ”

“อนาคตของเรา.....ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน....ไม่ว่าหนทางจะเป็นอย่างไร.......เราจะอยู่คู่กันตลอดไปนะครับหมอก”

“ฟ้าลั่นขอมอบแหวนวงนี้ให้กับหมอก.....มันคือตัวแทนของความรักที่ไม่มีวันสิ้นสุดของฟ้าลั่น......ที่จะมอบให้กับคนที่ฟ้าลั่นรักที่สุด.......รักเสมอ....และจะรักตลอดไปครับ” ฟ้าลั่นเอื้อมมือของตนไปจับมือนุ่มของภูผาขึ้นมา เขาประทับริมฝีปากลงไปที่หลังมือด้วยความรักที่เต็มล้นหัวใจ ก่อนบรรจงสวมแหวนแทนใจลงไปที่นิ้วนางของคนรักตนอย่างช้าๆ

“ส่วนแหวนอีกวงหนึ่งฟ้าลั่นก็จะสวมมันไว้....เพราะมันก็คือตัวแทนของความรักของหมอกที่มอบให้กับฟ้าลั่นตลอดมา” ฟ้าลั่นพูดประโยคถัดไป เขากำลังเอื้อมมือไปหยิบแหวนอีกวงหนึ่งเพื่อจะสวมมันไว้ที่นิ้วนางข้างซ้ายของตน แต่ทว่ากลับถูกขวางไว้ด้วยฝ่ามือบางของภูผา เพราะคนรักของเขาหยิบแหวนวงนั้นขึ้นมาจากกล่องเสียก่อน

ภูผามองสบตาหวานซึ้งของฟ้าลั่น และบอกว่า

“ถ้าแหวนวงนี้คือตัวแทนแห่งความรักของหมอก.....หมอกก็ต้องเป็นคนสวมมันให้กับฟ้าลั่นด้วยมือของหมอกเอง”

“หัวใจของหมอก...อยู่ที่ฟ้าลั่นตลอดมา......และจะตลอดไป......ฟ้าลั่นคือคนที่หมอกรักที่สุด.....”ภูผาพูดช้าๆ เพื่อให้คนฟังซึมซับเอาความรักและความรู้สึกทั้งหมดเข้าสู่หัวใจ ก่อนจะบรรจงสวมแหวนวงที่สลักข้างในว่า Bhupha ลงไปในนิ้วนางข้างซ้ายของฟ้าลั่น

ภูผาฉุดให้ฟ้าลั่นลุกขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ตัวเดียวกันตน ก่อนจะเอื้อมไปจับมือหนานุ่มขึ้นมาไว้แนบหัวใจของเขา และกล่าวต่อว่า

“หมอกไม่มีสิ่งของที่จะให้ฟ้าลั่นในวันนี้.......หมอกมีแต่คำสัญญา........จะสัญญากับฟ้าลั่นว่า......หมอกจะรักฟ้าลั่นตลอดไป......และหมอกจะพยายามทุกวิถีทางให้ความรักของเรามั่นคงและดำเนินต่อไปบนโลกนี้”

“ขอบคุณครับหมอก.....”น้ำเสียงของฟ้าลั่นอ่อนโยนยิ่งนัก เขากระชับฝ่ามือของตนเข้าหาฝ่ามือของภูผาให้มั่นและมอบจุมพิตลงไปบนหลังมือของภูผาอีกครั้ง

“หมอกรู้มัยครับ....ว่าฟ้าลั่นชอบสัญญาที่หมอกมอบให้ที่สุดเลย.....เพราะต่อไปฟ้าลั่นก็ไม่ต้องกังวลแล้วว่าหมอกจะทิ้งฟ้าลั่นไปมีคนอื่นๆ อย่างเช่น นายคริส เพื่อนของหมอกคนนั้นน่ะ” ฟ้าลั่นยังอารมณ์ดีเสมอจึงกล่าวเย้าคนรักของตน

“ฟ้าลั่นเห็นหมอกใจง่ายขนาดนั้นเชียว” ภูผาแกล้งทำเป็นโมโห เขาหันหน้าไปทางอื่น ส่งผลให้คนที่นั่งอยู่ข้างๆลุกลี้ลุกลนเพราะความกังวลว่า ภูผาจะโกรธเข้าให้จริงๆ

“โอ๋......หมอกที่รักครับ....อย่าโกรธฟ้าลั่นนะครับ......ฟ้าลั่นล้อเล่นหรอกครับ......หายโกรธนะครับคนดี......”

“ฟ้าลั่นรู้ว่าหมอกรักฟ้าลั่นคนเดียวครับ.......ฟ้าลั่นก็รักหมอกคนเดียวเช่นกันครับ......หายโกรธหรือยังครับ........ถ้ายัง ฟ้าลั่นให้หมอกขออะไรฟ้าลั่นก็ได้ครับ......ฟ้าลั่นจะทำให้ทุกอย่าง.....ไม่เว้นแม้แต่ว่า จะให้มีเซ็กส์ไม่ต่ำกว่าคืนละสองครั้ง...ฟ้าลั่นก็ยอมครับ” ฟ้าลั่นยังคงอดไม่ได้ที่จะแหย่ภูผา แม้ว่าจะเขากำลังง้อภูผาอยู่ก็ตามที

ภูผาหลุดยิ้มออกมาเพราะการง้อที่แปลกๆของฟ้าลั่น ก่อนจะเกิดอาการหน้าแดงเพราะความอาย เนื่องจากข้อความในประโยคสุดท้ายของฟ้าลั่น จึงทำให้เขาต้องแสร้งเอ่ยปากดุคนที่พูดเล่นแต่ทำหน้าทำตาจริงจังอยู่

“บ้า...... แค่นี้ก็เหนื่อยมากอยู่แล้ว.......ยังจะมาเพิ่มอีก...”

“ว้า.....อดเลย...นึกว่าจะได้เพิ่ม” ฟ้าลั่นทำเป็นถอนหายใจเสียงดัง.....แกล้งทำหน้าเศร้า คล้ายผิดหวังอย่างรุนแรง.....ก่อนจะเหลือบไปเห็นนาฬิกาข้อมือบ่งบอกเวลาสองทุ่มตรง

“เกือบได้เวลานัดพอดีเลยครับ.....สองทุ่มแล้ว.....เราเดินไปที่ Caf&eacute; De London กันดีกว่าครับ” ฟ้าลั่นลุกขึ้นยืนตรง เขาโค้งลำตัวลง ผายมือข้างซ้ายออก เป็นอาการแสดงความเคารพอีกฝ่าย ก่อนจะกล่าวประโยคเชิญชวนออกมาอย่างอารมณ์ดี

“เชิญครับ....คุณภูผาสุดน่ารัก”

ภูผาอดที่จะขำในความช่างเล่นของฟ้าลั่นอย่างช่วยไม่ได้ โดยทุกวันๆ ฟ้าลั่นจะมีมุขมาแกล้งหยอกล้อหรือมาทำให้เขาหัวเราะอยู่เสมอ......  อย่างวันนี้ก็เช่นกัน
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 22-12-2006 11:21:41

(http://img226.imageshack.us/img226/2198/londonatnightfv9.jpg)

ฟ้าลั่นและภูผาใช้เวลาสังสรรค์กับเพื่อนๆในผับ Caf&eacute; De London อยู่หลายชั่วโมงจนเข้าสู่วันใหม่ๆ

เพื่อนๆ หลายคนไม่ได้สังเกตเห็นแหวนลักษณะเดียวกันที่สวมอยู่ที่นิ้วนางข้างซ้ายของทั้งคู่ ยกเว้น คริส หรือ นายแพทย์ คริสโตเฟอร์ แอนเดอร์สัน ทายาทคนกลางของเจ้าของโรงพยาบาลชื่อดังและทันสมัยที่สุดกลางกรุงลอนดอน รวมถึงเป็นนักศึกษาปริญญาเอกในสาขาวิชาเดียวกันกับภูผา ที่มีกำหนดสอบ comprehensive ในอีกสองวันข้างหน้านี้ด้วย

คริสเป็นชายหนุ่มลูกครึ่งระหว่างอังกฤษและอิตาเลี่ยน โดยบิดาเป็นนักธุรกิจชาวอังกฤษที่พบรักกับแพทย์หญิงสาวสวยในประเทศอีตาลี่ หลังจากแต่งงานกันเรียบร้อย ทั้งคู่จึงผันตัวมาเปิดโรงพยาบาลที่ทันสมัยที่สุดในมหานครลอนดอนแห่งนี้

ด้วยคุณลักษณะของลูกครึ่งที่มักปรากฏส่วนผสมที่ลงตัวของโครงร่างและความงดงามทางร่างกาย คริสได้รับส่วนที่ดีที่สุดของทั้งบิดาและมารดามาอยู่กับตนเองทุกด้าน เช่น มีรูปร่างที่สูงใหญ่และแข็งแรง หน้าตาหล่อเหลา คมเข้ม ดวงตาสีฟ้าใสเช่นเดียวกับบิดา มีเรือนผมดำสนิทเช่นเดียวกับมารดา และมีมารยาทและการวางตัวอย่างผู้ดีอังกฤษทุกประการ นอกจากนั้นยังได้รับความชาญฉลาดมาจากทั้งบิดาและมารดามาอย่างล้นเหลือ เนื่องจากคริสจบการศึกษาแพทยศาสตร์บัณฑิตมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ยังคงเรียนต่อเพื่อให้สำเร็จปริญญาเอกอีกหนึ่งใบ ทั้งๆที่อายุเพียงแค่สามสิบต้นๆ เท่านั้น

หลังจากสังเกตเห็นแหวนที่อยู่บนนิ้วนางของทั้งฟ้าลั่นและภูผา.....คริสก็เข้าใจได้ทันทีว่า ฟ้าลั่นและภูผาคงมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันอย่างแน่นอน

แม้ว่าคริสจะหลงรักภูผามาหลายปี แต่ด้วยคุณธรรมและความเสียสละ จึงทำให้คริสตัดใจจากภูผาในทันที โดยไม่คิดจะกระโจนลงสู่สนามรบ เพื่อต่อสู้แย่งชิงภูผาจากฟ้าลั่นแต่อย่างใด

สิ่งที่คริสบอกกับตนเองได้ในขณะนี้ก็คือ............. เขาจะเป็นเพื่อนที่ดีของภูผาตลอดไป.......

เมื่อตัดใจได้ดังนั้น คริสจึงพูดคุยกับทั้งภูผาและฟ้าลั่นอย่างสนุกสนานตลอดการเลียงสังสรรค์ในครั้งนี้ โดยปราศจากความรู้สึกเสียใจหรือ ผิดหวังแต่อย่างใด

ภายหลังงานเลี้ยงเลิกรา.......ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไปพักผ่อน คริสก็เข้ามากอดอำลาภูผาด้วยความเคยชินและถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของคนอังกฤษ เขาหันมาจับมือกับฟ้าลั่น และพูดว่า

“ผมยินดีกับคุณฟ้าลั่นด้วยนะครับ.....ที่ได้ครอบครองหัวใจของภูผา.........”

“ขอบคุณครับ” ฟ้าลั่นกล่าวตอบอย่างสุภาพ

“แต่ถ้าคุณทิ้งภูผาเมื่อไหร่.....ผมจะขอเป็นคนดูแลหัวใจของภูผาแทนนะครับ” คริสยิ้มให้และพูดอย่างอารมณ์ดี เพื่อหยอกล้อเพื่อนใหม่ของตน

“คงยากหน่อยล่ะครับ....เพราะผมคงไม่ทิ้งภูผาหรอกครับ.....”ฟ้าลั่นตอบพร้อมรอยยิ้มกว้าง ด้วยอารมณ์เดียวกัน

“หวังว่าคงได้เจอกันอีกนะครับ” คริสกล่าวอำลา

“เช่นกันครับ” ฟ้าลั่นตอบ โดยไม่คิดเลยว่าอีกไม่นานตนเองจะได้พบกับคริสอีกครั้ง.....ในสถานการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน



หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 22-12-2006 11:30:13
(http://img130.imageshack.us/img130/7972/parliamentsizednk7.jpg)
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 22-12-2006 12:27:39
หุหุ มีภาพประกอบด้วย  :yeb:

ได้อ่านอีกตอนแล้ว ขอบคุณคุณ andreas มากคะ
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: No_ProMises ที่ 22-12-2006 12:35:11
หุหุ...
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 22-12-2006 13:04:07
คุณจ๋อมมาโพสเองเลยหรอ............. :angellaugh2: :angellaugh2:

หวานจังเลย................ :impress3:

ภาพก็สวย...............อยากไปอยู่บ้าง..............ต้องพยายามไปซะแล้ว :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 22-12-2006 13:30:15
ภาพก็สวยเข้ากับบรรยากาศจังเลย
เครียดๆ ทำไมเราไม่เจอแบบนี้บ้างหวา
 :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 22-12-2006 14:13:01
ขำรีข้างบนอะ :kikkik:

โฮ๊ะๆๆๆ

เป็นกำลังใจให้นะครับ คุณAndreas

พูห์ :laugh3:


ปล.

เพิ่งรู้ว่าคุณAndreas ชื่อเล่นป๋อม

 :yeb:

หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 22-12-2006 18:26:26
ซาบซึ้ง โรแมนติคจัง  รูปสวยเข้ากับเทศกาลคริสต์มาสเลย  น่ารักดี  อมยิ้ม  :impress2:

รออ่านต่อนะคะ  เป็นกำลังใจให้แล้วกัน  :yeb:

ปล  หมูพูห์ คุณแอนเดรียชื่อจ๋อมไม่ใช่เหรอ  หรือว่ากลายเป็นตกน้ำป๋อมแป๋มซะแล้น  :kikkik:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 22-12-2006 19:59:59
                            พูห์โหมดเบลอ(อีกแระ) หุหุ ทำหลายอย่างพร้อมกันก้อเงี๊ยะ

 ขอบคุณคุณจ๋อม(แอบตีสนิท คิกคิก)มากๆนะจ๊ะ รูปสวยมาก แน๊วเริ่มชอบคริสแล้วอ่ะขอบทคริสเยอะๆนะ  :-[
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: wee ที่ 22-12-2006 22:40:42
ชักกลัวคำว่าโชคชะตา กะ ความรัก ขึ้นมาแล้วสิ
 :kikkik: :untrust: :interest:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 23-12-2006 02:41:36


i got u, Andr.  :laugh:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 23-12-2006 10:35:47
ขำรีข้างบนอะ :kikkik:

โฮ๊ะๆๆๆ

เป็นกำลังใจให้นะครับ คุณAndreas

พูห์ :laugh3:


ปล.

เพิ่งรู้ว่าคุณAndreas ชื่อเล่นป๋อม

 :yeb:



ขอโทษคร้าาาาบบบบบบ :sad4:

เบลอจิงๆครับ :try2:

หลังปีใหม่คงหายเบลอ










แต่เอ๋อไปเลย


พูห์ :laugh3:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 24-12-2006 13:07:09
ใช้เวลา 3 วัน ในการอ่าน ตอนนี้อ่านทันแล้ว เย้ๆๆ

เป็นความรักในอุดมคติเลยอ่ะ(ซึ่งได้แต่แอบฝันเล็กๆว่าจะเกิดขึ้นกับเรา)

กว่าจะอ่านทัน หมดน้ำตาไปหลายลิตรเลยอ่ะ

เรื่องนี้ใช้ภาษาสวยจังเลยนะครับ เป็นกำลังใจให้คนเขียนน๊า รีบมาต่อไวๆนะครับ :yeb:

ปล.ปลื้มคริสจัง ลูกครึ่งอิตาเลี่ยนซะด้วย :interest:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 24-12-2006 18:21:36
[wma=300,50]http://siamcode.com/tanaew/HowDoILive-MAX.mp3[/wma]
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 25-12-2006 03:03:09
บทที่ 17 วีรกรรมรัก...ครั้งสุดท้าย


(http://img98.imageshack.us/img98/6324/20061181930231eh9.jpg)

7 ปีผ่านไป............

ศาลาธรรมของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในยามเย็นยังคงสวยงามเสมอเหมือนสิบกว่าปีที่ผ่านมา.......ตัวศาลาสีขาว
บริสุทธิ์ตัดกับหลังคาและประตูหน้าต่างสีส้มสดและแดงเข้ม ตั้งเด่นเป็นสง่าแวดล้อมไปด้วยสีเขียวของต้นไม้ใหญ่น้อยและสนามหญ้าสีเขียวอ่อนที่ได้รับการดูแลรักษาอย่างดี

ทุกสิ่งดูเหมือนจะคงความเป็นเอกลักษณ์ไว้ไม่แตกต่างจากอดีต.........ยกเว้นบนสนามหญ้ากว้างสีเขียวข้างศาลาสวยแห่งนี่ มีเด็กชายน้อยน่ารักวิ่งเล่นอยู่กับสุนัขพันธุ์โกลเดนรีทีฟเวอร์สีทองตัวใหญ่ พร้อมด้วยชายหนุ่มหน้าตาดี ผิวขาว ดวงตาเรียวได้รูป วิ่งเล่นอยู่เป็นเพื่อนอย่างสนุกสนาน

นอกจากนั้นยังมีชายหนุ่มอายุประมาณสามสิบต้นๆ ผิวสีแทนสวยงาม หน้าตาหล่อเหลา และมีรูปร่างสูงใหญ่ ยืนจ้องมองดูทั้งคู่และหนึ่งตัวอยู่อย่างมีความสุข ด้วยสีหน้าเจือด้วยรอยยิ้มตลอดเวลา

“พ่อเสือคร๊าบ.....มาเล่นด้วยกันกับภูและอาจอมมั้ยคร๊าบ” เด็กน้อยหยุดวิ่ง....และหันหน้ามาที่ชายหนุ่มผิวสีแทน เพื่อรอคำตอบ

“ภูเล่นกับอาจอมเถอะครับ.....พ่อเสือเหนื่อยแล้วครับ” ชายหนุ่มที่ยืนมองอยู่ตอบกลับไป พร้อมรอยยิ้มที่ใจดีเสมอให้กับลูกชายตน

“ภูครับ...อาจอมว่าเรากลับบ้านไปกินข้าวเย็นกันดีกว่านะครับ.....อาจอมเหนื่อยแล้วเหมือนกันครับ” ชายหนุ่มอายุน้อยกว่าคนที่ถูกเรียกว่าพ่อเสือยื่นข้อเสนอให้กับเด็กชายผู้น่ารัก เพราะวิ่งเล่นกับหลานชายมาเกือบชั่วโมงแล้ว

“เบนคงเหนื่อยแล้วเหมือนกัน......ใช่มั้ยเบน”คนที่แทนตัวด้วยคำว่า “อาจอม” หันไปถามพร้อมลูบศีรษะสุนัขตัวใหญ่ที่หยุดนั่งมองดูเจ้านายทั้งสามคนสนทนากันอย่างตั้งใจ

“พ่อเสือก็เห็นด้วยครับ......ภูกลับบ้านดีกว่านะครับ เดี๋ยวจะไม่สบาย เพราะอากาศเริ่มเย็นลงแล้ว” คุณพ่อหนุ่มบอกกับลูกชาย

“ก็ได้คร๊าบ......ภูเป็นเด็กดี....ภูเชื่ออาจอมกับพ่อเสือคร๊าบ” เด็กน้อยตอบกลับพร้อมยิ้มกว้าง....ไม่มีอาการอิดออดแต่อย่างใดที่จะเลิกวิ่งเล่นในสถานที่คุ้นเคยแห่งนี้........สถานที่ที่ตนเองประทับใจอย่างไม่ทราบสาเหตุ.....และมาเยี่ยมเยือนทุกวัน

“กลับบ้านกันเถอะนะ..... เบน......” เด็กน้อยหันมาบอกกับสุนัขของตน พร้อมกับจูงสุนัขตัวใหญ่ใจดี ตามบิดาและอาจอม เดินขึ้นรถเพื่อกลับบ้าน

(http://img98.imageshack.us/img98/8484/kidwithdogtj5.png)
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 25-12-2006 03:05:30
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นทำให้ศิวะต้องหยุดพักการตรวจรายงานของนักศึกษาชั่วคราว เขากดปุ่มรับสายและยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู ก่อนจะได้ยินเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งพูดเสียงสั่น คล้ายกับวิตกกังวลอะไรบางอย่างอยู่

“คุณศิวะคะ.......คุณภูฟ้าไม่สบายค่ะ.......อาเจียนและมีไข้ขึ้นสูงค่ะ”

“ดิชั้นโทรศัพท์ตามคุณหมอมาแล้วค่ะ....ตอนนี้คุณหมอกำลังตรวจอาการอยู่ค่ะ.......คุณศิวะรีบกลับมาที่บ้านได้มั้ยคะ........เพราะถ้าต้องเอาคุณภูไปโรงพยาบาล ดิชั้นกลัวว่าคุณภูจะอาการหนักลงค่ะ” คุณภาวดี....พี่เลี้ยงของลูกชายรีบรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

“ครับ.......เดี๋ยวผมจะรีบกลับบ้าน...คุณภาช่วยโทรไปบอกคุณจอมยุทธ์ด้วยนะครับ....ว่าให้ไปเจอกันที่บ้านเลยครับ” ศิวะรับคำ และสั่งให้ภาวดีโทรศัพท์รายงานเรื่องที่เกิดขึ้นให้จอมยุทธ์ได้ทราบ

ศิวะมิได้ตำหนิคุณพี่เลี้ยงแต่อย่างใด กับการที่ไม่เอาตัวลูกชายของตนส่งโรงพยาบาลในตอนแรก เพราะทราบดีว่าภูฟ้าเกลียดและปฎิเสธการไปโรงพยาบาลมาตลอดตั้งแต่จำความได้ โดยเฉพาะเมื่อต้องไปกับคนอื่นๆ ที่ไม่ใช่เขาเอง หรือ “อาจอมของภู” ...........และถ้าภูฟ้าต้องไปโรงพยาบาลกับคนอื่นๆแล้ว บางครั้งถึงกับช็อคและหมดสติไปเลยทีเดียว

อาจเพราะมีความทรงจำบางอย่างที่แสนเศร้าเกิดขึ้นที่โรงพยาบาลถ่ายทอดมาสู่ความทรงจำของเด็กน้อย จึงทำให้เกิดอาการฝังใจกับภาพและบรรยากาศ ตลอดจนความรู้สึกเศร้าและหดหู่ที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล........ภูฟ้าสูญเสียคนสำคัญในชีวิตถึงสองคนในต่างเวลาและวาระกัน

โชคดีที่ศิวะไม่มีชั่วโมงสอนนักศึกษาในวันนี้ จึงทำให้เขากลับบ้านได้อย่างทันทีทันใด เพื่อดูแลลูกชายที่รักของตน.......ลูกชายที่เฝ้าเลี้ยงดูทะนุถนอมมาตั้งแต่แรกเกิดพร้อมกับจอมยุทธ์......ลูกชายที่มีค่ามากกว่าสิ่งใดในชีวิตของศิวะ.......ทั้งสามชีวิตผูกพันกันอย่างแนบแน่น นับตั้งแต่อยู่บนแผ่นดินเกิดของภูฟ้า.....ประเทศอังกฤษ.....จนถึงบัดนี้ หลังจากเดินทางกลับมาตั้งรกรากที่เมืองไทยในไม่กี่ปีที่ผ่านมา

สี่ปีเต็มที่ศิวะดูแลภูฟ้ามาโดยตลอด เขาเฝ้าป้อนข้าว ป้อนน้ำ อาบน้ำ ดูแลเอาใจใส่เด็กน้อยน่ารักคนนี้ทุกอย่างเท่าที่คนเป็นพ่อและแม่ในเวลาเดียวกันจะทำได้.......วันใดที่ภูฟ้าร้องไห้เสียใจ ศิวะจะเสียใจมากกว่าถึงสิบเท่า....วันใดที่ภูฟ้าเจ็บปวด ศิวะจะเจ็บปวดมากกว่าถึงร้อยเท่า.....และวันใดที่ภูฟ้าความสุข ศิวะจะมีความสุขมากกว่าอีกเช่นกัน

จนกระทั่งภูฟ้าโตพอที่จะปล่อยไห้อยู่กับคุณพี่เลี้ยงและแม่บ้านได้อย่างไม่ต้องกังวล ศิวะจึงตัดสินใจรับเป็นอาจารย์สอนวิชาธรณีวิทยาในคณะวิทยาศาสตร์ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้......มหาวิทยาลัยแห่งความทรงจำของหลายๆคน.......มหาวิทยาลัยที่ตั้งตระหง่านอยู่เชิงดอยสุเทพอันศักดิ์สิทธ์  “มหาวิทยาลัยเชียงใหม่”

ในขณะที่จอมยุทธ์ผู้เป็นอา จำเป็นต้องเข้าไปบริหารงานโรงเบียร์ของตนอย่างเต็มที่เช่นกัน เพราะผ่อนผันการบริหารงานมาหลายปีแล้วนับตั้งแต่จบการศึกษามาจากประเทศอังกฤษ

ศิวะกลับมาถึงบ้านและพูดคุยกับคุณหมอที่ถึงผลการตรวจวินิจฉัย ทำให้ทราบว่าภูฟ้าไม่สบายเนื่องจากเป็นไข้หวัดใหญ่ รวมกับอาการอ่อนเพลียและผลลัพธ์จากที่ร่างกายเปลี่ยนอุณหภูมิอย่างรวดเร็วเพราะการตากแดดเป็นเวลานานและกลับเข้าสู่ห้องแอร์เย็นเฉียบอย่างรวดเร็ว

การป่วยธรรมดาที่คุณหมอบอกว่าไม่ร้ายแรงแต่อย่างใด มิได้ทำให้ศิวะหายจากอาการกังวลได้ เพราะอาการอาเจียนที่เกิดขึ้นของลูกชายมันบาดลึกเข้าไปในหัวใจของศิวะอย่างรุนแรง........เจ็บปวด......มันคล้ายเหลือเกินกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนคนหนึ่ง......คนที่ตราตรึงอยู่ในความทรงจำ.......คนที่ศิวะตัดสินใจทิ้งความสุขในชีวิตทุกอย่าง......เพียงเพื่อทำความฝันของคนนั้นให้เป็นจริง.......ในการเลี้ยงดูอุ้มชูชีวิตน้อยๆที่ลืมตาดูโลก.... ให้มีชีวิตที่มีความสุขและสมหวังต่อไปในอนาคต....ตามที่ให้สัญญาไว้

ศิวะพยายามก้าวเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของบ้านอย่างช้าๆ  ความกังวลที่เกิดขึ้นจะส่งผลให้ขาทั้งสองข้างสูญเสียเรี่ยวแรงที่เคยมี.....ศิวะจำเป็นต้องฝืนทนเพื่อขึ้นไปดูบุตรชายที่รักยิ่งของตน

ประตูห้องของภูฟ้าถูกผลักออก โดยปราศจากเสียงรบกวนใดๆ ที่อาจทำให้หนูน้อยที่หลับสนิทจะตื่นขึ้นมาได้

ภายในห้องของภูฟ้าถูกจัดตกแต่งอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยในโทนสีฟ้าใส.......สีน้ำทะเล......สีแห่งความทรงจำอันฝังลึกอยู่ในสายเลือดของภูฟ้า........ ศิวะก็ไม่เข้าใจว่าทำไมลูกชายของตนถึงชอบสีของน้ำทะเลมากนัก รวมถึงชอบเฝ้ามองดูพระอาทิตย์ตกดินอย่างตั้งใจ........บางครั้งเวลานอนหลับก็ละเมอถึงความว่า “เกาะช้าง” ออกมาอย่างไม่รู้ตัวเสมอ

ข้าวของทุกชิ้นถูกจัดเข้าไว้ด้วยกันอย่างมีระเบียบเรียบร้อย ไม่มีของเล่นแม้ชิ้นเดียวตกอยู่บนพื้นหรือวางอย่างระเกะระกะให้ขวางสายตา.......นี่คือคุณสมบัติที่แปลกอีกอย่างหนึ่งของลูกชายคนเดียวของตน......ภูฟ้ามีความเป็นระเบียบเรียบร้อยสูงมาก.....เกินกว่าเด็กในวัยเดียวกัน

บนเตียงนอนสีขาวสะอาด.......สีเดียวกับหาดทรายขาว.....หาดทรายแห่งความทรงจำของความรักของบุคคลคู่หนึ่งถูกครอบครองโดยร่างที่หลับสนิทของเด็กชายวัยสี่ขวบ ผู้มีผิวขาวตัดกับสีผมดำสนิทค่อนข้างยาวดุจแพรไหม.......หน้าตาคมคาย.....ที่มีเค้าโครงส่วนผสมที่ลงตัวของคนคุ้นเคยสองคน.....ริมฝีปากสีแดงอย่างเป็นธรรมชาติ.....แก้มนวลใสเห็นเลือดฝาดอย่างชัดเจน.....ภูฟ้ากำลังอยู่ในห้วงนิทราภายใต้ผ้าห่มผืนหนาปกคลุมร่างกายอยู่

ศิวะเดินเข้าไปหาลูกชายของตนเองช้าๆ นั่งลงบนเตียงนุ่มอย่างแผ่วเบา ก่อนจะก้มลงจูบที่หน้าผากของภูฟ้า......และสัมผัสได้ถึงความอุณหภูมิความร้อนของร่างกายส่งผ่านมาที่ริมฝีปากตนเองอย่างชัดเจน......

หลายปีที่ผ่านมา ภูฟ้ามีร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ดีมาตลอด.....ไม่เคยเจ็บไข้ถึงขนาดที่ต้องนอนซมขนาดนี้........ยิ่งคิดศิวะก็ยิ่งกังวล.......อดไม่ได้ที่เกิดความกลัวว่าจะสูญเสียใครไปอีก........ แค่ความสูญเสียในอดีตก็มากเกินพอแล้ว......อย่าให้ต้องสูญเสียหัวใจของตนไปอีกเลย

หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 25-12-2006 03:13:30
ความทรงจำที่เจ็บปวดย้อนกลับเข้ามาในหัวใจที่ด้านชาของศิวะอีกครั้ง.......ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งที่ผ่านๆมา.....เพราะกังวลกับสุขภาพของเจ้าตัวเล็กที่นอนหลับอยู่........เสียง....และภาพแห่งอดีตฉายชัดในมโนสำนึก....แม้จะดูสับสนไปบ้าง.......แต่ก็ชัดเจน.....ราวกับว่าเกิดขึ้นเพียงแค่วันวาน......ทั้งที่ในความเป็นจริงมันกลับผ่านมามากกว่าอายุของภูฟ้าที่นอนป่วยอยู่ในเวลานี้เสียอีก

(http://img133.imageshack.us/img133/5263/resizeofuntitledqq7.png)

(อดีต)........ศิวะมองทะลุแผ่นกระจกใสเข้าไปในห้องสีขาวนวล...เห็นร่างที่ไร้ความรู้สึกของหนุ่มผมยาวที่คุ้นเคยนอนอยู่บนเตียงนอนอย่างโดดเดี่ยว.......สายยางหลายสิบเส้นเชื่อมโยงลำตัวเข้ากับอุปกรณ์ช่วยชีวิตต่างๆ......ศีรษะของคนที่นอนอยู่ถูกพันด้วยผ้าพันแผลสีขาวบริสุทธิ์ไม่มีรอยสีแดงของหยดเลือดแต่อย่างใด.....ร่างนั้นปราศจากปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ ยกเว้นเพียงลมหายใจที่แผ่วเบา.....เบาจนแทบจะไม่เห็นทรวงอกขยับขึ้นลง......ชายคนนี้ดูเหมือนหลับไป....หลับลึก......จมอยู่ในห้วงแห่งความเงียบสงบภายใน

ข้างๆกายของศิวะคือชายหนุ่มร่างบอบบาง.......ยืนนิ่งเงียบ.....เงียบเสียจนราวกับไม่ได้สัมผัสถึงลมหายใจเช่นเดียวกับร่างที่นอนอยู่ในห้อง....... น้ำตาไหลรินออกจากดวงตาคู่งามนั้นอย่างช้าๆ.....ไม่มีแม้แต่อาการสะอื้นไห้......คร่ำครวญ......แต่กลับยืนนิ่งสนิท.....มองตรงไปข้างหน้า....ทะลุกระจกใส......เข้าไปจับจ้องคนรักของตน...คนที่ตนเองรักสุดใจ.......คนที่โชคชะตากำลังจะพรากชีวิตไปจากโลกใบนี้........

ศิวะเอื้อมมือไปจับมือบางของชายหนุ่มคนนั้น บีบกระชับเบาๆ เพื่อถ่ายเทกำลังใจทั้งหมดที่มีให้กับคนที่อยู่ข้างๆในเวลานี้....คนที่กำลังเสียใจที่สุด....คนที่บอบบาง.....และอ่อนแอ......คนที่หัวใจกำลังแตกสลายลงอย่างช้าๆ.....พร้อมๆกับลมหายใจที่อ่อนแรงและกำลังจะหมดไปของคนที่อยู่ในห้องสีขาวนั้น

“น้องหมอกครับ......เรากลับบ้านกันดีกว่าครับ.....นี่ก็ดึกมากแล้ว...พรุ่งนี้เรามาเยี่ยมฟ้าลั่นใหม่ดีกว่าครับ.....แล้วเราต้องไปรับคุณพ่อคุณแม่ของฟ้าลั่นรวมถึงคุณแม่ของหมอกที่จะมาพร้อมกับจอมที่สนามบินอีกนะครับ” น้ำเสียงของศิวะดูอ่อนโยนและแผ่วเบา  ราวกับไม่ต้องการสร้างความกระทบกระเทือนใดๆกับจิตใจของภูผามากขึ้นไปกว่านี้

ภูผายังคงนิ่งสนิท.....ไม่เอ่ยคำพูดใดๆออกมาจากใบหน้าที่เศร้าสร้อยนั้น.......เพียงแต่เดินตามศิวะออกมาอย่างว่าง่าย........ร่างกายของภูผาปฏิบัติตามคำสั่งของศิวะเท่านั้น เพราะหัวใจที่ควบคุมร่างกายของตนนั้นดูเหมือนจะหยุดลงไปตั้งแต่วันที่ประกาศิตของโชคชะตาถูกประกาศลงมาจากสรวงสวรรค์........วันที่ฟ้าลั่นถูกรถชน......หลังจากมอบแหวนแทนใจให้กับภูผาเพียงแค่สองอาทิตย์กว่าๆ เท่านั้น

หัวใจของภูผาถูกบดขยี้อีกครั้ง หลังจากรับทราบผลการผ่าตัดจากคุณหมอ........แปดชั่วโมงเต็มนับจากวินาทีที่ฟ้าลั่นถูกส่งเข้าห้องผ่าตัด..........การรอคอยด้วยความหวัง.....สูญมลายลงไปในทันที
   
“ผมเสียใจด้วยนะครับ....เราพยายามเต็มที่แล้ว.....สมองของคนไข้ได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก......แม้จะผ่าตัดเอาเลือดในสมองออก.....แต่คนไข้ก็จะไม่อาจรู้สึกตัวหรือฟื้นคืนมาได้อีกครับ.......” ศัลยแพทย์มือหนึ่งในทีมการรักษาครั้งนี้เดินมาบอกภูผาด้วยตนเอง ภายหลังพยายามอย่างที่สุดที่จะฉุดชีวิตของฟ้าลั่นให้พ้นจากเอื้อมมือของพญามัจจุราช

เหมือนสายฟ้าฟาดลงมากลางดวงใจของผู้ที่ได้รับฟัง........น้ำตาไหลรินออกจากดวงตาของภูผาอย่างรวดเร็ว เขาล้มลงหมดสติโดยพลัน โชคดีที่คริสรับร่างไร้สติของภูผาไว้ได้ก่อนที่จะล้มลงกระแทกพื้นโรงพยาบาล

คริสคือคนสนิทที่สุดของภูผาในช่วงเวลานั้น.....เวลาที่โลกแห่งความสุขสมหวังของภูผาและฟ้าลั่นสูญสิ้นไปในพริบตา เขารับรู้เหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นทั้งหมดโดยตลอด......เริ่มตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็นฟ้าลั่นรีบวิ่งตรงไปกลางถนน เพื่อจับตัวเด็กน้อยไร้เดียงสาที่วิ่งข้ามถนนเพียงคนเดียวโยนมาให้เขาที่วิ่งตามมาและหยุดอยู่ข้างถนนได้รับไว้......จนถึงวินาทีที่ร่างของหนุ่มผมยาวผู้ใจดีถูกรถคันหนึ่งที่วิ่งมาด้วยความเร็วพุ่งเข้าชนอย่างจัง..... ด้วยความรุนแรงของการชน.....ร่างของฟ้าลั่นลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าและกระแทกลงพื้นพื้นถนนอย่างรุนแรงและรวดเร็ว

เลือดสีแดงเข้มไหลออกจากศีรษะและใบหน้าที่คมคายของฟ้าลั่น ฉาบพื้นถนนท่ามกลางอุณหภูมิที่หนาวเหน็บของวันคริสมาส........ในปีเดียวที่ทั้งภูผาและฟ้าลั่นสำเร็จการศึกษาปริญญาเอกในประเทศอังกฤษ.......เพียงแค่สองอาทิตย์กว่าๆ หลังจากทั้งคู่ตกลงสร้างอนาคตร่วมกันที่อังกฤษ.....ตั้งใจจะทำงานเก็บเงินเพื่อกลับไปเมืองไทย และจะสร้างบ้านที่เต็มไปด้วยไออุ่นแห่งรักของทั้งสองคน.....บ้านที่ไม่มีวันจะถูกสร้างขึ้นในโลกที่โหดร้ายใบนี้

คริสรับรู้เหตุการณ์โดยตลอด เขารีบโทรศัพท์เรียกรถพยาบาลจากโรงพยาบาลของครอบครัวมารับร่างที่ไร้สติของฟ้าลั่นเพื่อส่งเข้าทำการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน ก่อนจะตรงไปยังอพาทเมนท์ของภูผาเพื่อบอกข่าวร้ายนี้ให้ทราบด้วยตนเอง......

ในเวลานั้นคริสมั่นใจว่าภูผาคงกระวนกระวายใจกับการหายตัวไปนานของฟ้าลั่นอย่างแน่นอน เพราะก่อนหน้าที่ฟ้าลั่นจะถูกรถชน......คริสพบและพูดคุยกับฟ้าลั่นทำให้ทราบว่า ฟ้าลั่นทำเป็นขออนุญาตภูผาออกมาหาเพื่อน แต่จริงๆแล้ว กลับต้องการออกมาซื้อดอกไม้ช่อสวยเพื่อมอบให้กับภูผาในคืนวันคริสมาสนี้.....โดยบอกให้ภูผารออยู่ที่ห้องเพราะเขาจะใช้เวลาไม่นานนัก

คริสมาถึงห้องของภูผาอย่างรีบเร่ง เขาบอกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้กับภูผาได้รับฟัง.........สิ่งที่คริสเห็นภายหลังจากเล่าเรื่องทั้งหมด...... คือความนิ่งสนิท มีเพียงน้ำตาไหลรินเป็นทางยาวออกจากดวงตาคู่สวยของภูผาเท่านั้น

เพราะความเสียใจและตกใจ ภูผามิอาจขยับเขยื้อนตนเองได้แต่อย่างใด.......คริสจึงต้องประคองร่างบางของภูผาเดินลงจากอพาทเมนท์และขึ้นรถยนต์ส่วนตัวเพื่อเดินทางไปโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว.....ตลอดเวลาภูผายังคงสงบนิ่ง......ไม่ส่งเสียงใดๆ....คงมีแต่น้ำตาที่ไหลริน...เป็นทางยาวไม่เหือดแห้ง.....ที่เจ้าตัวไม่มีแรงแม้กระทั่งจะเช็ดมันออกไป

ศิวะคือบุคคลที่รับทราบข่าวร้ายนี้เป็นคนที่สอง......มิใช่จากปากของภูผาแต่กลับเป็นจากคริสเพื่อนของภูผานั่นเอง.......เนื่องจากคริสพยายามเพียรถามภูผาที่ยังนั่งเงียบสนิทหน้าห้องผ่าตัด ว่าต้องการจะบอกข่าวนี้ให้ใครทราบหรือไม่........

ในทีสุดคำว่า “ศิวะ” หรือ พี่เสือ จึงหลุดออกจากปากของภูผา.....เป็นเพียงแค่คำเดียวในเวลาหลายชั่วโมงที่ผ่านมา......คริสจึงค้นหารายชื่อของศิวะในโทรศัพท์มือถือของภูผา ก่อนจะโทรบอกศิวะให้รีบมาที่ลอนดอนโดยด่วน เนื่องจากเหตุการณ์ร้ายแรงในครั้งนี้
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 25-12-2006 03:24:02
(http://img412.imageshack.us/img412/8983/londonbridgepanoramasb0.jpg)

ศิวะรับทราบเหตุการณ์คร่าวๆ จากคริสด้วยความตกใจเป็นอย่างยิ่ง.....คำพูดหนึ่งของฟ้าลั่นก็เคลื่อนเข้าสู่ความทรงจำของเขาในทันที

“ถ้าวันใดที่ผมไม่สามารถปกป้องหรืออยู่กับหมอกได้อีกต่อไป.......ผมขอร้องให้พี่กลับมา.....ไม่ว่าพี่จะอยู่ที่ไหน.....ขอให้พี่กลับมาหาหมอก....อยู่ข้างเค้า...ช่วยให้หมอกก้าวเดินต่อไป.....นะครับ”

ดังนั้นศิวะจึงต้องไป.....ไปทำตามสัญญาที่ให้ไว้.......นอกเหนือจากเพราะความเป็นห่วงเป็นใยน้องชายที่รักทั้งสองคนอย่างสุดซึ้ง

ศิวะลางานในฐานะวิศวกรปฐพีในบริษัทยักษ์ใหญ่ของอเมริกาอย่างไม่มีกำหนด โดยถือเป็นการอนุมัติในกรณีพิเศษจากผู้บริหารระดับสูง......เนื่องจากผลงานที่ผ่านมาของศิวะที่สามารถวางโครงสร้างระบบใต้ดินต่างๆและทำกำไรอย่างมหาศาลให้กับบริษัทแห่งนี้

ศิวะใช้เวลาเพียงเล็กน้อยเก็บเสื้อผ้าและของใช้บางอย่างลงกระเป๋าเดินทางขนาดกลาง และรีบเดินทางไปที่สนามบินเพื่อขึ้นเครื่องเดินทางมาลอนดอนในทันที

ช่วงเย็นของอีกวันหนึ่ง...คือเวลาที่ศิวะมาถึงโรงพยาบาล....สิ่งแรกที่เขาเห็นคือร่างของภูผาที่ยืนมองทะลุกระจกห้อง เข้าไปสู่ร่างที่ไม่ได้สติของฟ้าลั่น......ร่างบอบบางยืนนิ่ง.....ไม่ขยับเขยื้อน ......ไม่มีแม้แต่น้ำตาที่ไหลริน.....ข้างๆกายของภูผาคือชายหนุ่มต่างชาติร่างสูงใหญ่ นัยน์ตาสีฟ้าสด เรือนผมสีดำสนิท แต่งตัวสะอาดเรียบร้อย....ยืนอยู่ข้างกายไม่ห่าง

ศิวะรีบเดินตรงเข้ามาหาภูผาอย่างรวดเร็ว.....เขาคว้าร่างบางของภูผาไปกอดโดยทันที.........ศิวะต้องการที่จะไขว่คว้าดวงใจที่กำลังจะหายลับ..จมไปกับความเศร้า..ให้กลับเข้ามาสู่ร่างที่บอบบางอีก....เขาหวังว่ากำลังใจที่ถ่ายทอดให้จะช่วยลดความทุกข์นั้นลงบ้าง

ด้วยสัมผัสที่คุ้นเคยมาแสนนาน.......สัมผัสที่คล้ายกับคนที่นอนอยู่ในห้องสีขาวนั้น......สัมผัสที่เต็มไปด้วยรักและความผูกพัน กระตุ้นความรู้สึกของให้ภูผากลับมา.....ความเสียใจถาโถมเข้าหาร่างบางอย่างรุนแรง......ภูผาปล่อยเสียงร้องไห้ออกมาอย่างสุดที่จะห้ามใจ.....

“พี่เสือ..........พี่เสือ........” ภูผาร้องเรียกชื่อศิวะเบาๆ ใบหน้าหวานซุกอยู่บนอกกว้างของผู้เป็นพี่ชาย

“ฟ้าลั่นกำลังทิ้งหมอกไป........”

“ทำไม.....ทำไม....... ทำไมโชคชะตาถึงต้องเป็นแบบนี้” ภูผาคร่ำครวญ น้ำตาไหลรินลงสู่เสื้อขาวสะอาดของศิวะจนเปียกชุ่ม

ศิวะไม่อาจเอ่ยประโยคใดๆออกมาได้....เพราะรับรู้ถึงหัวใจที่แตกสลายของภูผา.....สิ่งที่ศิวะทำได้ดีที่สุดในวินาทีนี้ก็คือ กระชับร่างบางเข้าหาตนเองให้แน่นขึ้น ใช้ฝ่ามือลูบที่แผ่นหลังอย่างช้าๆ เพื่อปลอบประโลมความเสียใจนั้นให้คลายลง

ศิวะใช้เวลาไม่นานในการคุยปรึกษากับแพทย์เจ้าของไข้ จึงทำให้ทราบว่าฟ้าลั่นไม่สามารถที่จะฟื้นขึ้นมาได้อีกและเวลานี้ร่างกายของฟ้าลั่นอยู่ได้เพราะเพียงเครื่องช่วยหายใจเท่านั้น......เขารู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น และคาดว่าภูผาคงเสียใจมากกว่าตนเองหลายร้อยพันเท่าทวี........

ศิวะเอ่ยปากขอดูแลภูผาต่อจากคริส....โดยที่คริสไม่ขัดข้องแต่อย่างใด เพราะสังเกตว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาภูผาไม่พูดกับใครเลย....เอาแต่นิ่งเงียบ แต่ครั้นพอพบหน้าศิวะก็กลับมีปฏิกิริยาตอบสนองขึ้นมาบ้าง ดังนั้นคริสจึงมั่นใจว่า ภูผาจะมีกำลังใจดีขึ้นถ้าอยู่ภายใต้การดูแลของชายหนุ่มหน้าตาดี รูปร่างสูงใหญ่ ผิวสีแทน ท่าทางใจอบอุ่นและใจดีคนนี้

ศิวะพาภูผากลับมาที่อพาทเมนท์ เขาซื้อข้าวเย็นให้รับประทาน จัดเสื้อผ้าให้อาบน้ำ...แต่งตัว...รวมถึงดูแลทุกอย่างเท่าที่พี่ชายที่แสนดีคนนี้จะทำให้กับน้องชายสุดรัก ที่บัดนี้เอาแต่นิ่งสนิทจนเกือบไร้ปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ หลังจากนั้นจึงโทรศัพท์บอกจอมยุทธ์ที่เดินทางกลับไปเมืองไทยในช่วงปิดภาคเรียนเพื่อบอกเล่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับฟ้าลั่นในครั้งนี้

“จอม นี่พี่เสือนะ........ทำอะไรอยู่” ศิวะเอ่ยทักทายจอมยุทธ์....น้องคนเล็กของกลุ่ม

“กินข้าวเย็นครับพี่เสือ.......พี่เสืออยู่กับพี่หมอกหรือครับ...นี่เบอร์พี่หมอกนี่ครับ”จอมยุทธ์ทักทายพี่ชายคนโตของกลุ่มอย่างร่าเริง......ทั้งสี่หนุ่มสนิทสนมกันมาก เพราะทุกๆปี ทั้งสี่คนจะต้องหาโอกาสไปเที่ยวหรือทำกิจกรรมต่างๆด้วยกันทุกครั้งในช่วงปิดเทอม ทั้งก่อนหน้าที่จอมยุทธ์อยู่เมืองไทย และภายหลังเดินทางมาเรียนปริญญาโทที่อังกฤษแห่งนี้

“จอมฟังพี่ดีๆนะ.........ฟ้าลั่นถูกรถชนอาการหนักมาก......พี่รบกวนจอมช่วยเรียนคุณพ่อคุณแม่ของฟ้าลั่นและหมอกด้วย...ให้ท่านเดินทางมาที่อังกฤษโดยด่วน.....พี่คงต้องวานให้จอมช่วยดูแลและอำนวยความสะดวกคุณน้าและคุณอาด้วยนะจอม” ศิวะพูดชัดเจน น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเสียใจ

จอมยุทธ์ฟังคำอธิบายรายละเอียดอีกหลายประโยคจากศิวะ ดวงตาของเขารื้นด้วยน้ำตา แต่ก็พยายามปาดมันทิ้งอย่างรวดเร็ว หลังจากเสร็จสิ้นการสนทนา จอมยุทธ์จึงรีบจัดการทุกอย่างที่ศิวะบอกอย่างเร่งด่วนเพื่อเดินทางไปลอนดอนอย่างเร็วที่สุด

สองวันถัดมา..............ทันทีที่ขบวนบิดามารดาของฟ้าลั่นและภูผาโดยการนำของจอมยุทธ์มาถึงสนามบิน และเห็นภูผามายืนรอรับอยู่ในอาคารผู้โดยสารขาเข้าพร้อมด้วยศิวะ.....คุณพิมพิมลและคุณศิริพิมพ์ก็ตรงเข้ามากอดและปลอบขวัญภูผาทันที่ที่เห็นหน้า.....

หลังจากมารดาทั้งสองปล่อยภูผาให้เป็นอิสระ ........สิ่งแรกที่ภูผาตัดสินใจทำคือ พนมมือขึ้นแล้วกราบลงบนไหล่ของนายแพทย์ศิลป์กวีและคุณพิมพิมลที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาเอ่ยประโยคคำพูดออกมาว่า

“หมอกกราบขอโทษครับ........หมอกดูแลลูกชายของคุณพ่อและคุณไม่ดีเองครับ.........หมอกผิดเองครับ” น้ำตาไหลหยดลงมาช้าๆ จากดวงตาของภูผาอีกครั้ง

“อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดลูก......อย่าโทษตัวเองเลยหมอก” คุณศิลป์กวีกอดร่างบางของภูผา เขาเอ่ยปลอบขวัญภูผาอย่างปลงตก......... แม้จะเสียใจอยู่มาก......แต่เมื่อโชคชะตาลิขิตแล้ว......ใครเล่าจะอาจฝืน 

“หมอกไม่ผิดหรอกลูก........ไม่มีใครผิด”คุณพิมพิมลพูด ก่อนจะเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้ภูผาอย่างแผ่วเบา โดยที่เธอเองก็เสียใจอยู่มากเช่นกัน....ไม่ต่างอะไรกับสามี

คุณศิริพิมพ์......มารดาของภูผาเดินเข้ามาหาทั้งสามคนและพยายามคลี่คลายสถานการณ์ที่เศร้าโศกนี้ โดยแนะนำว่าทั้งหมดควรจะจัดการเช็คอินโรงแรมที่จองไว้ แล้วจึงเดินทางต่อไปดูอาการของฟ้าลั่นที่โรงพยาบาล เพื่อเตรียมปรึกษาหารือเรื่องการยื้อชีวิตของฟ้าลั่นกับแพทย์เจ้าของไข้

PS: picture from www.jameswiseman.com/london.php
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 25-12-2006 03:25:12

ภาพอดีตที่ไหลย้อนกลับ......สะดุดลงโดยพลันเพราะเสียงเอะอะโวยวายแว่วมาจากชั้นล่างของบ้าน กระทบเข้าสู่โสตประสาทของศิวะ

“ทำไมไม่ดูแลตาภูให้ดี.......คุณภา..... คุณแม่บ้าน” จอมยุทธ์กล่าวเสียงดังออกมาอย่างไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้

คุณภาวดีและคุณบัวผัน....พี่เลี้ยงและแม่บ้านยืนหน้าซีดและตกใจกับกิริยาที่จอมยุทธ์แสดงออกมาในครั้งนี้ เพราะโดยปกติแล้ว “อาจอมของภู” จะเป็นคนร่าเริง สนุกสนานและสุภาพมาก เท่าที่ผ่านมาไม่เคยมีสักครั้งที่จะโกรธจนควบคุมอารมณ์ไม่อยู่อย่างเช่นวันนี้

“ถ้าเกิดตาภูเป็นอะไร......ใครจะรับผิดชอบ.......”จอมยุทธ์ยังตวาดต่อ ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาหลังใหญ่

“แล้วผมจะบอกกับพี่หมอกและพี่ฟ้าลั่นยังงัย..........” จอมยุทธ์พูดกับตนเองเบาๆ ดวงตาเรียวได้รูปของจอมยุทธ์ มีน้ำตาเอ่อล้นออกมา....เขาพยายามปาดมันทิ้งอย่างรวดเร็ว

“ภูไม่เป็นอะไรมากหรอกจอม.....แค่ไม่สบายนิดหน่อย” ศิวะบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่มของตน หลังจากเดินลงมาจากชั้นบน เพื่อลงมาระงับศึกหนักที่คุณพี่เลี้ยงและคุณแม่บ้านกำลังรับเผชิญอยู่อย่างยากลำบากในขณะนี้

จอมยุทธ์ลุกขึ้นจากโซฟา....เดินตรงเข้ากอดศิวะทันที....ตอนนี้เขาต้องการกำลังใจจากพี่ชายอย่างศิวะเป็นที่สุด

“ก็ตาภูอาเจียนด้วยนี่ครับ........ผมกลัวจังเลยครับพี่เสือ.......ผมกลัวอดีตมันจะซ้ำรอยเดิม” น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ของจอมยุทธ์บัดนี้ไหลลงมาบนบ่าของศิวะอย่างช้าๆ เพราะอดีตที่ยังฝังตรึงใจอยู่มิเสื่อมคลาย......อดีตที่เจ็บปวดเพราะสูญเสียคนที่ตนรัก

ศิวะลูบหลังจอมยุทธ์เบาๆ ปลอบใจทั้งตัวเองและคนที่ร้องไห้อยู่ตรงหน้า....... อดไม่ได้ที่จะคิดตาม และภาวนาในใจว่า

“หวังว่าโชคชะตาคงจะไม่เลวร้ายอีกเป็นครั้งที่สาม”

“ขึ้นไปดูตาภูดีกว่าจอม.......ไปอยู่เป็นเพื่อนตาภู....เดี๋ยวตื่นขึ้นมาคงจะร้องหาเราสองคนแน่นอน”ศิวะกล่าวชวนจอมยุทธ์ขึ้นไปหาภูฟ้าที่ห้อง โดยที่มือหนึ่งก็ลูบหลังของจอมยุทธ์เบาๆ เพื่อปลอบโยนความกังวลใจที่เกิดขึ้น ศิวะรู้ดีว่าจอมยุทธ์รักและเป็นห่วงภูฟ้ามากไม่ต่างอะไรกับตนเอง.....สามชีวิตผูกพันกันมาตลอด ผ่านทั้งความทุกข์และความสุขมาด้วยกันนับครั้งไม่ถ้วน

 “ครับ” จอมยุทธ์รับคำอย่างรวดเร็ว....เขาผละตัวออกจากอ้อมกอดที่อบอุ่นเสมอของศิวะ...พี่ชายคนโตที่ตนเองรักมากไม่แพ้พี่ชายในอดีตอีกสองคน

ประตูห้องของภูฟ้าเปิดออกอีกครั้ง......เด็กน้อยยังคงหลับสนิทอยู่บนเตียง.......จอมยุทธ์เดินเข้าไปหาอย่างช้าๆ อย่างเงียบๆเพราะไม่ต้องการจะทำให้หลานชายที่นอนอยู่ตื่นขึ้นมา ก่อนจะก้มลงไปจูบที่หน้าผากของภูฟ้า เพื่อถ่ายทอดความรักและความเป็นห่วงอย่างที่สุด

*************************************
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 25-12-2006 03:47:45
ใบหน้ายามหลับใหลเพราะความอ่อนเพลียเนื่องจากพิษไข้ของภูฟ้า.........กระตุ้นให้ความทรงจำที่เจ็บปวดของจอมยุทธ์กลับมาอีกครั้ง........ครั้งนี้มันย้อนกลับไปเวลาเดียวกับศิวะคิดก่อนหน้านี้....เพียงแต่เกิดหลังจากการที่ภูผาตัดสินใจท้าทายโชคชะตาที่เกิดขึ้น

(http://img186.imageshack.us/img186/4759/resizeofresizeofresizeojz1.png)

(อดีต).............จอมยุทธ์พาคุณพ่อคุณแม่ของฟ้าลั่นรวมถึงมารดาของภูผามาลอนดอนทันทีที่ทราบข่าวอุบัติเหตุของฟ้าลั่น หลังจากปรึกษาหารือกับแพทย์เข้าของไข้แล้ว คุณศิลป์กวีและคุณพิมพิมลจึงมอบอำนาจการตัดสินใจให้กับภูผาว่าจะทำอย่างไรกับร่างอันไร้สติของฟ้าลั่นที่นอนอยู่ในห้อง ICU ในขณะนี้

ก่อนที่จะเรียนว่าผู้ใหญ่ว่าจะจัดการอย่างไรต่อไป ภูผาขออนุญาตทุกคนไปปรึกษากับคริสถึงความเป็นไปได้และค่ารักษาพยาบาลต่างๆ ในการที่จะยืดชีวิตของฟ้าลั่นไว้ให้นานเท่าที่งานชิ้นสำคัญที่สุดในชีวิตจะเสร็จสิ้น

นับตั้งแต่สะกดความเสียใจที่เกิดขึ้นไว้ลงในส่วนลึกของหัวใจ .......ภูผาตัดสินใจแน่วแน่ที่จะท้าทายโชคชะตาที่โหดร้าย....และท้าทายอำนาจของพระผู้สร้างโลก โดยการวางแผนสร้างชีวิตน้อย....ผู้เป็นตัวแทนของฟ้าลั่นให้ลืมตาดูโลกขึ้นมาใหม่...ทดแทนกับร่างที่สูญสิ้นไปในไม่ช้า และเพื่อเป็นการชดเชยการสูญเสียของครอบครัว “ศรีศิริโชคชัย” อีกด้วย

“ในเมื่อท่านเอาคนรักของผมไป......ผมก็จะขอท้าทายท่านโดยการสร้างชีวิตใหม่ขึ้นมา......ผมยอมสละแม้ชีวิตเพื่อที่จะทำงานนี้ให้สำเร็จ........แล้วท่านจะได้รับรู้ว่า ความรักมันมีพลังมากขนาดที่จะฝืนประกาศิตที่ท่านประกาศลงมา” ภูผายืนนิ่งจ้องมองขึ้นไปในท้องฟ้า ถ่ายทอดทุกประโยคในความคิดให้กับพระผู้สร้างโลก ผู้ที่กำหนดดวงชะตาของทุกคน หลังจากนั้นจึงเดินเข้าห้องทำงานของคริสเพื่อปรึกษาหารือถึงงานสำคัญชิ้นนี้

ภายหลังจากฟังความคิดท้าทายพระเจ้าของภูผาแล้ว คริสยินดีที่จะออกค่าใช้จ่ายสำหรับค่ารักษาพยาบาลให้ทั้งหมด และไม่ลังเลที่จะขอเป็นส่วนหนึ่งของงานชิ้นนี้ทันที.......งานที่จะท้าทายมวลมนุษยชาติทั้งโลกให้ตื่นตะลึง........... “การผสมเทียมโดยการใช้เชื้ออสุจิของผู้ชายสองคน และฝังลงไปในไข่ที่ปราศจากนิวเคลียสของหญิงที่เสนอตัวเป็นมารดาเพื่ออุ้มท้อง”

คริสทราบดีว่าการผสมเทียมในครั้งนี้มันมีความเป็นไปได้มาก เพราะเขาและภูผาทำวิจัยในระดับปริญญาเอกในเรื่องนี้อยู่พอดี รวมถึงมั่นใจว่า......ด้วยมันสมองและฝีมือของภูผาแล้ว.....ความสำเร็จจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

หลังจากคุยและวางแผนงานเสร็จสิ้นแล้ว คริสจึงรับหน้าที่จัดหาทีมนักวิจัยและเครื่องมือต่างๆ รวมถึงโทรศัพท์ปรึกษาอดีต Professor ของตนและภูผา เพื่อขอความเห็นตลอดจนการสนับสนุนต่างๆ ในที่สุด professor ก็ตัดสินใจให้ภูผารับผิดชอบงานวิจัยครั้งนี้โดยถือเป็นงานวิจัยชิ้นเอกของสถาบันและยังมอบเงินทุนช่วยเหลืออย่างเต็มที่อีกด้วย

ภูผาเดินออกมาจากห้องของคริสทำงาน เดินตรงไปที่ห้องรับรองที่บิดามารดาของฟ้าลั่นและตนรวมถึงศิวะและจอมยุทธ์พักรออยู่ และรายงานเรื่องราวและความคิดทั้งหมดให้ทุกคนได้รับรู้

คุณศิลป์กวีและคุณพิมพิมลก็สนับสนุนความคิดของภูผาอย่างเต็มที่....เพราะตระหนักดีว่าทุกอย่างที่ภูผาตัดสินใจทำลงไป...เพียงเพราะความรักที่มีต่อลูกชายคนเดียวของตน.......และสุดท้ายถ้างานชิ้นนี้สำเร็จ.....ทั้งคู่ก็จะได้ตัวแทนของฟ้าลั่น....ลูกชายที่รัก......ลืมตาขึ้นมาในโลกนี้อีกครั้ง

ความหวังที่จะได้เห็นหลานชายตัวน้อย....ทายาทของบุตรชาย.......ช่วยลดระดับความเสียใจที่เกิดขึ้นแก่บิดาและมารดาของฟ้าลั่น รวมถึงคุณศิริพิมพ์ด้วย ทั้งสามคนเดินทางกลับเมืองไทยเมื่อเวลาผ่านไปเพียงแค่ไม่กี่วัน และฝากกำลังใจและความหวังให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องกับภารกิจท้าทายพระเจ้านี้ทุกคน

ศิวะตัดสินใจอยู่อังกฤษเพื่อดูแลภูผาต่อไป โชคดีที่บริษัทของเขามีเครือข่ายอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ศิวะจึงขอย้ายตัวมาทำงานที่อังกฤษแทนสำนักงานใหญ่ที่อเมริกา เพราะเหตุผลหนึ่งเดียวที่สำคัญคือ แม้ภายนอกดูเหมือนว่าภูผาจะเข้มแข็ง......แต่ภายในแล้วกลับอ่อนล้าและอ่อนแรงลงทุกวัน.....ร่างกายของภูผาต้องแบกรับความทุกข์ความเสียใจและแรงกดดันต่างๆที่โหมกระหน่ำเข้ามา ศิวะจึงจำเป็นต้องอยู่เคียงข้างภูผา จนกว่างานจะสำเร็จ

ความเสียใจของภูผาสะท้อนให้ศิวะและจอมยุทธ์เห็นชัดเจน เพราะทุกครั้งที่กลับเข้าห้องพัก ภูผาจะเงียบขรึมและแอบร้องไห้ทุกครั้งไป.......เนื่องด้วยห้องแห่งความทรงจำนี้ มันอัดแน่นเป็นด้วยภาพและความรู้สึก....ความรัก...ความห่วงใยที่ฟ้าลั่นมีให้กับเขาเสมอ........

สองเดือนผ่านไป...........ศิวะตัดสินใจบอกภูผาเพื่อให้ย้ายอพาทเมนท์ไปเช่าพักในที่ใหม่และมีพื้นที่มากกว่าเดิม โดยหวังว่ามันอาจจะทำให้ภูผาลืมความรู้สึกต่างๆ ที่จารึกอยู่ที่ห้องพักเก่าได้บ้าง...... อีกเหตุผลหนึ่งคือ จอมยุทธ์ตัดสินใจย้ายข้าวของมาอยู่เป็นเพื่อน.....มาคลายเหงา และปลอบประโลมพี่ชายที่ตนเองรักมากที่สุดคนนี้ เพราะจอมยุทธ์ก็สังเกตเห็นในสิ่งเดียวกับศิวะ.....ภูผาอ่อนแรงลงทุกวัน.....

ความตั้งใจทั้งหมดที่มีถูกทุ่มเทลงไปในการทดลองครั้งสำคัญเพื่อเอาชนะกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ ภูผาทำงานอย่างหนัก แทบทั้งกลางวันและกลางคืน โดยมีจอมยุทธ์และศิวะคอยดูแลอยู่ตลอดเวลาทั้งเรื่องอาการการกิน และเรื่องอื่นๆแทบทุกอย่างด้วยความสมัครใจ

หลายเดือนผ่านไป......ความสำเร็จคืบคลานเข้ามาอย่างช้าๆ.......... สวนทางกับร่างกายที่อ่อนแรงลงของภูผาเรื่อยๆ......หลายครั้งภูผารู้สึกเวียนศีรษะบ่อยๆ รวมถึงมีอาการอาเจียนหลายครั้งติดกันหลายวัน...... โดยที่เขาพยายามที่จะปิดบังอาการที่เกิดขึ้นไม่ให้ศิวะและจอมยุทธ์รับทราบ เพราะไม่ต้องการให้ทั้งสองคนเป็นห่วงมากขึ้นไปกว่านี้....จะมีเพียงคริสคนเดียวเท่านั้นที่สังเกตเห็น และมักจะรบเร้าให้ภูผาไปตรวจสุขภาพหลายครั้ง

“ขอให้งานนี้เสร็จก่อนนะคริส.....เราจะตรวจ.....อีกนิดเดียวเองก็จะเสร็จแล้ว” นี่คือข้ออ้างของภูผาทุกครั้ง

ในที่สุดการทดลองอันสั่นสะเทือนมวลมนุษยชาตินี้ก็สำเร็จลง ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจว่าไข่ถูกฝังตัวเข้าไปในมดลูกของมารดาอาสาสมัครเรียบร้อยแล้ว.....และตอนนี้เพียงแต่รอเวลาเด็กที่จะคลอดออกมาเท่านั้น

ซาร่า .....มารดาของเด็กน้อยที่ฟ้าลั่นเป็นคนช่วยชีวิตไว้ คือมารดาอาสาสมัครในครั้ง เธอติดต่อคริสเพื่อเสนอตัวเข้าช่วยเหลือเรื่องค่ารักษาพยาบาลของฟ้าลั่น เพราะไม่สามารถติดต่อภูผาได้

คริสเห็นความตั้งใจจริงของซาร่าในการตอบแทนบุญคุณของฟ้าลั่น จึงเล่าถึงโครงการวิจัยครั้งนี้ให้ฟัง........ซาร่าตัดสินใจอย่างทันทีโดยไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้นว่าจะยอมให้ใช้ไข่ของตนและเป็นคนอุ้มท้องให้กับเด็กที่จะเกิดมา โดยสัญญาว่าจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ และทำสัญญามอบเด็กที่เกิดมาให้กับภูผาเพียงคนเดียว 

ภูผาถูกส่งตัวเข้ารับการตรวจร่างกายทันทีที่ทราบว่าไข่ฝังตัวแล้ว ผลการตรวจบ่งชัดว่า ภูผาเป็นมะเร็งที่ก้านสมองในระยะสุดท้าย......เนื่องด้วยความเครียดที่สะสมตลอดมารวมถึงการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอทำให้เซลล์มะเร็งลุกลามออกไปจนไม่สามารถจะรักษาให้หายขาดได้......

สิ่งเดียวที่ทำได้ในขณะนี้คือยืดเวลาไว้โดยการให้ยา เพื่อให้ภูผาได้เห็นบุตรชายของตน.........บุตรชายที่จะคาดว่าจะเกิดมาในเดือนกุมพาพันธ์ปีถัดไป.........โดยเกิดจากการผสมเทียมโดยใช้เชื้ออสุจิของภูผาและฟ้าลั่นที่เข้าร่วมปฏิสนธิด้วยกัน......เด็กน้อยที่จะเกิดมาลืมตาดูโลกใบนี้ เพราะความเสียสละชีวิตของผู้ให้กำเนิด...... ชีวิตแลกด้วยชีวิต........แม้พระผู้สร้างโลกยังต้องยอมศิโรราบ

หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 25-12-2006 03:52:10
(http://img98.imageshack.us/img98/839/etonchurchbn0.jpg)

13 กุมพาพันธ์ ปีถัดมา.........คือวันเกิดของหนูน้อย ภูฟ้า ภัทรโภคิน ศรีศิริโชคชัย และก็เป็นวันเดียวกับที่ลมหายใจของภูผาสิ้นสุดลง

ศิวะอุ้มทารกน้อยไว้ในแนบอกอย่างทะนุถนอม เดินเข้ามาในห้องที่ภูผานอนรักษาตัวอยู่พร้อมด้วยจอมยุทธ์

สายตาของทั้งคู่จับจ้องไปที่ร่างที่ผ่ายผอมของภูผาที่นอนบนเตียง พร้อมกับสายยางหลายสายต่อไปมาจากร่างกายสู่เครื่องช่วยชีวิตต่างๆ

“น้องหมอกครับ......” ศิวะจำเป็นต้องปลุกภูผาที่นอนหลับอยู่ เพราะทราบแล้วว่าภูผามีเวลาเหลืออยู่ไม่มากนัก

เสียงกระซิบอย่างแผ่วเบาของศิวะ......เบาเพราะกลัวว่าที่บอบบางนี้จะสูญสลายและแตกร้าว.....เสียงที่ทำให้ภูผาลืมตาขึ้นช้าๆ ......สายตาของคนที่นอนอยู่จับจ้องไปยังศิวะที่กำลังอุ้มทารกที่ตนเฝ้ารอคอย...ชีวิตน้อยๆที่มีคุณค่ามากที่สุด

“ลูกหมอกเป็นผู้ชายครับ.......เหมือนทั้งหมอกและฟ้าลั่นมากครับ” ศิวะพูดเบาๆ พยายามสกัดกั้นน้ำตาไม่ให้ไหลลงมาอย่างยากเย็น

“หลานผมน่ารักมากครับพี่หมอก..........น้ำหนักปกติ...คุณหมอบอกว่าสุขภาพร่างกายดีมากครับ” จอมยุทธ์พูดออกมาบ้าง.....เขาพยายามระงับอาการสะอื้นไห้อย่างเต็มที่ เพราะรู้อย่างเดียวกับศิวะว่า เวลาของภูผาเหลือไม่มากแล้ว

ศิวะเดินเข้าไปใกล้เตียง เขาวางร่างของทารกน้อยที่หลับสนิทลงข้างลำตัวภูผา ก่อนจะจับมือที่ไร้เรี่ยวแรงของภูผาให้จับมือเล็กๆ ของลูกชายของตน......ลูกชายที่ตนเองยอมเสียสละชีวิตมอบให้กับพระผู้สร้างโลกเพื่อให้ท่านได้เห็นถึงความตั้งใจ....และความรักไร้ขีดจำกัดที่เกิดขึ้น

น้ำตาแห่งความปิติยินดีไหลลงมาอย่างช้าๆ จากดวงตาที่เคยสดใสของภูผา .....ภูผารวบรวมพละกำลังครั้งสุดท้ายสั่งเสียกับศิวะและจอมยุทธ์ว่า

“พี่เสือครับ......หมอกคงไม่มีโอกาสที่จะเลี้ยงดูลูกชายของหมอกคนนี้แล้วครับ”

“หมอกขอฝากลูกชายของหมอกให้พี่เสือช่วยดูแล และเลี้ยงดูให้เค้าเติบโตมีชีวิตที่มีความสุข อย่าให้ได้เจ็บปวดอย่างหมอกและฟ้าลั่นเลยครับ”

“ให้เค้ารู้ว่า.....เค้ามีบิดาที่รักเค้าดุจดวงใจถึงสองคน คือ ผมและฟ้าลั่น ............” ภูผาหยุดพักเล็กน้อยเพราะความเหนื่อยอ่อน......ร่างกายทั้งหมดสั่นสะท้าน....กำลังที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดถูกนำมาใช้จนเกือบหมด
 
“ผมขอตั้งชื่อลูกของผมว่า ภูฟ้า ให้ใช้นามสกุลของผมเป็นชื่อกลาง คือ ภัทรโภคิน และใช้ของฟ้าลั่นเป็นนามสกุล คือ ศรีสิริโชคชัย”

ภูผาหยุดพักอีกครั้ง เขาพยายามหันไปสบตากับจอมยุทธ์ที่ยืนร้องไห้อยู่ข้างๆ 

“จอม.....พี่ฝากลูกพี่ด้วยนะครับ.....รักเค้าให้เท่ากับที่รักพี่.........ให้เค้าเป็นหลานชายคนหนึ่งของจอมนะครับ”

“พี่เสือครับ.......จอม.........ผมฝากภูฟ้าด้วยครับ” เสียงของภูผาสิ้นสุดลงพร้อมดวงตาที่ปิดสนิท..... แต่กลับมีรอยยิ้มเกิดขึ้นบนใบหน้า........ลมหายใจที่ฉุดรั้งอยู่เป็นเวลานานหลายเดือนสิ้นสุดลง...... ภูผาจากไปแล้ว.....จากไปไกลแสนไกล

ศิวะและจอมยุทธ์ก้มลงกอดภูผาเป็นครั้งสุดท้าย......อย่างเนิ่นนาน.........น้ำตาไหลรินออกจากดวงตาทั้งคู่หยดลงสู่ร่างที่ปราศจากลมหายใจ......... หัวใจทั้งสองดวงของคนที่ยังมีชีวิตอยู่เกือบดับสลายไปพร้อมกับชีวิตของคนที่นอนแน่นิ่งบนเตียง.........คนที่เป็นที่รักของทุกๆคน

คำสัญญาที่บอกว่าจะดูแลภูฟ้าให้ดีที่สุดตรึงอยู่ในหัวใจของชายหนุ่มทั้งสอง....แม้มิจำเป็นที่ต้องให้คำสัตย์...แต่ศิวะและจอมยุทธ์กลับถือเอาคำสัญญานั้นเป็นสิ่งมีค่า......เป็นของสำคัญเปรียบเสมือนลมหายใจ....

นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา.....สัญญาที่ไม่มีวันลบเลือนจึงถูกกำหนดขึ้น...และดำเนินต่อไป.....ไม่มีสักวันที่จอมยุทธ์ ศิวะและภูฟ้า...จะแยกจากกัน
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 25-12-2006 03:57:50
ก่อนจะกลับเมืองไทย คริสจัดการเรื่องเอกสารทั้งหมดของภูฟ้า ปิดบังชื่อจริงและประวัติต่างๆ โดยเผยแพร่ผลงานการวิจัยอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ไห้กระทบกระเทือนกับชีวิตของภูฟ้าในอนาคต แถมยังปวารณาตัวเป็นคุณพ่ออีกคนหนึ่งของภูฟ้าด้วย 

ศิวะลาออกจากงานเพื่อทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับภูฟ้า โดยมีจอมยุทธ์ที่สำเร็จปริญญาโทแล้วคอยช่วยอยู่ไม่ห่าง......พ่อใหม่และอาหนุ่มเฝ้าดูแลทะนุถนอมเด็กน้อยอย่างดีที่สุด......เพราะภูฟ้าคือดวงใจของทั้งสองคน

เป็นเวลาทั้งสิ้นเกือบสองปีทีเดียวในการจัดการเรื่องราวทางเอกสารและผลการวิจัยต่างๆรวมถึงเรื่องจำเป็นต่างๆในที่สุดจอมยุทธ์ ศิวะและภูฟ้า รวมถึงร่างที่ไร้ชีวิตของภูผาและฟ้าลั่นก็เดินทางกลับมาสู่เมืองไทยพร้อมกัน

ด้วยความร่วมมือของเหล่าคุณตาคุณยายและคุณทวดทั้งหลาย อันประกอบไปด้วยทั้งครอบครัวของฟ้าลั่น ภูผา ศิวะ และจอมยุทธ์ ดังนั้นบ้านหลังใหญ่รวมถึงเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ทันสมัยต่างๆ ถูกเนรมิตขึ้นมาในใจกลางเมืองเชียงใหม่อย่างรวดเร็ว.....เพื่อต้อนรับหลานชายคนเดียว.......หลานชายที่เป็นดวงใจของทุกๆคน

พื้นที่ส่วนหนึ่งของบ้านถูกกันไว้เป็นที่ฝังร่างของทั้งฟ้าลั่นและภูผาเข้าไว้ด้วยกัน รอบๆ บริเวณนั้นถูกตกแต่งอย่างงดงาม เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้กับความรักของทั้งคู่

ศิวะอยู่ดูแลลูกชายของตนทุกวันพร้อมกับจอมยุทธ์ที่ยังไม่รับตำแหน่งผู้บริหารโรงเบียร์ของครอบครัว เพราะต้องการใช้เวลาทั้งหมดช่วยศิวะดูแลหลานชายที่รักคนเดียวของตน....... แม้ว่าจะมีทั้งคุณแม่บ้านคุณพยาบาลพี่เลี้ยงช่วยดูแล แต่ศิวะและจอมยุทธ์ก็ไม่อาจทำใจให้ห่างจากภูฟ้าแม้เพียงสักวัน

ทั้งพ่อเสือและอาจอมมอบความรักและการดูแลเอาใจใส่ภูฟ้านับตั้งแต่เป็นทารก....จนเริ่มคลาน.....เริ่มเดิน.....และพูดได้.......... จนกระทั่งถึงวันเลี้ยงฉลองใหญ่ของครอบครัว....วันที่คุณยายคุณตาคุณทวดทั้งหลายเดินทางมาพร้อมกันที่เชียงใหม่..........หนึ่งอาทิตย์ถัดจากวันที่ภูฟ้าพูดว่า

“พ่อเฉือคร๊าบบบบบบบบบ...........อาจอมคร๊าบบบบบบบบบบบบ”  
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 25-12-2006 03:59:09
ภูฟ้าลืมตาขึ้น....... หันซ้ายหันขวา เห็นพ่อเสือและอาจอมของตนนั่งเงียบอยู่บนเก้าอี้ตัวโปรดของทั้งคู่........น้ำตาไหลรินออกมาจากคนคุ้นเคยทั้งสอง.....ทำให้เด็กน้อยสงสัยยิ่งนัก จึงถามออกมาว่า

“ทามมัย พ่อเสือ กับอาจอม ต้องร้องไห้ล่ะคร๊าบ”

“ใครทำให้พ่อเสือกับอาจอมเสียใจ.....ภูจะไปจัดการมันคร๊าบ”

เสียงสดใสของภูฟ้าฉุดความคิดของจอมยุทธ์และศิวะให้กลับมาสู่โลกปัจจุบันโดยทันที

ศิวะและจอมยุทธ์รีบลุกขึ้นออกจากเก้าอี้พร้อมกัน เดินตรงเข้ามานั่งบนเตียงของภูฟ้าคนละข้าง ก่อนจะก้มลงหอมแก้มเด็กน้อยไร้เดียงสาคนนี้......คนที่มีความสำคัญต่อหัวใจของผู้ใหญ่ทั้งสองคน

“ภูของอาจอม เป็นอย่างไรบ้างครับ.........ปวดตรงไหนหรือเปล่าครับ” จอมยุทธ์ถามหลานชายอย่างอ่อนโยน ดวงตาจับจ้องไปที่ดวงหน้าที่งดงามของภูฟ้า

“ลูกปวดหัวหรือเปล่าครับ......”ศิวะถามด้วยความห่วงใยเป็นที่สุดเช่นกัน

ภูฟ้าส่ายหน้าไปมา ก่อนจะตอบบุคคลอันเป็นที่รักทั้งสองว่า

“ภูไม่ปวดหัวแล้วคร๊าบ............ภูไปเดินเล่นที่ศาลาธรรมและอ่างแก้วกับพ่อเสือและอาจอมได้แล้วคร๊าบ” ภูฟ้าพูดเสียงใส แต่ยังคงแฝงไว้ด้วยอาการเหนื่อยอ่อนอย่างเห็นได้ชัด

“เอาไว้ให้ลูกแข็งแรงดีก่อนนะครับ....พ่อจะพาไป.....”ศิวะยิ้มและพูดกับลูกชายของตนอย่างเอ็นดู

“อาจอมก็จะไปด้วยครับ.....ภูกินข้าวและกินยาให้แข็งแรงก่อนนะครับ....หายเมื่อไหร่ พ่อเสือกับอาจอมจะพาไปครับ” จอมยุทธ์บอกเด็กน้อยอย่างอ่อนโยน

“คร๊าบ.....เดี๋ยวภูจะกินข้าวและกินยาคร๊าบ....ภูเป็นเด็กดี...เชื่อพ่อเสือกับาจอมคร๊าบ”

“งั้นพ่อเสืออุ้มไปกินข้าวข้างล่างนะครับ” ศิวะพูดเสียงนุ่ม เขาอุ้มลูกชายตนเองขึ้นแนบอก เดินออกมาจากห้องนอน โดยมีจอมยุทธ์เดินตามมาติดๆ ลงไปที่ห้องอาหาร เพื่อให้คุณแม่บ้านตั้งสำรับข้าวเย็นให้ลูกชายของตน

******************************************
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 25-12-2006 04:09:23
วันที่ภูผาสิ้นลมหายใจ...............

สิ่งที่ศิวะและจอมยุทธ์ไม่มีวันได้รับทราบหลังจากการเสียชีวิตของภูผา.......คนที่ทั้งคู่รักสุดใจ.......คนที่ท้าทายกับโชคชะตา เพื่อสร้างชีวิตน้อยๆขึ้นมาลืมตาดูโลก แทนการมีชีวิตอยู่ของบุพการี.......และสุดท้าย คนที่ยอมสละแม้ชีวิตเพื่อให้พระผู้สร้างโลกเห็นว่า “รักแท้ มี พลังอันไร้ขีดจำกัด” .............คือ

ร่างที่ซูบซีดและอ่อนแรงของภูผา หลับตาลงอย่างช้าๆ พร้อมกับรอยยิ้มแสนหวาน.....รอยยิ้มที่เหมือนกับในอดีตไม่เปลี่ยนแปลง.......รอยยิ้มที่ผูกมัดหัวใจคนไว้ถึงสามคน......

(http://img155.imageshack.us/img155/1959/resizeofresizeofcap130wr9.png)


เพราะเวลานี้ภูผายิ้มให้กับร่างที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าของตน....ฟ้าลั่นในชุดทักสิโด้สีขาวบริสุทธิ์ คาดเอวด้วยผ้าสีน้ำเงินเข้ม ยืนรออยู่ที่ ณ สวยดอกไม้สวย.....แสงแดดอ่อนๆ ไล่ระเรื่อไปบนกลีบบางของดอกไม้หลากสี....ร่างสูงใหญ่ หน้าตาอิ่มเอิบด้วยความสุขอย่างเต็มเปี่ยม รอยยิ้มงดงามฉายชัดบนใบหน้าคมเข้ม ผมที่ค่อนข้างยาวถูกจัดให้เข้าทรงอย่างเรียบร้อย ดวงตาหวานซึ้งไร้แว่นปิดบัง จับจ้องมาที่ร่างบางของภูผาซึ่งบัดนี้อยู่ในชุดทักสิโด้สีขาวเช่นกันแตกต่างเพียงแต่คาดผ้าสีแดงสดบริเวณเอว ที่เดินเข้ามาหาอย่างช้าๆ ด้วยรอยยิ้มที่งดงาม ร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ เหมือนในอดีต.......อดีตแห่งความสุข...และสมหวัง

ในมือที่คุ้นเคยของฟ้าลั่น......คือดอกไม้ช่อโตจัดแต่งอย่างสวยงาม............... ฟ้าลั่นรอ......รอมานาน........รออยู่ข้างกายคนที่ตนรักทุกวัน......รอเพื่อมอบช่อดอกไม้แห่งความรักนี้ให้กับ ภูผา.....คนที่ฟ้าลั่นรักสุดใจ

ภูผาเดินเข้าหาฟ้าลั่นอย่างช้าๆ ด้วยใบหน้าเปี่ยมสุขชัดเจน.........เขาเอื้อมไปจับมืออีกข้างที่ว่างเปล่าของฟ้าลั่นขึ้นมาแนบที่ข้างแก้มของตน.........น้ำตาแห่งความยินดีไหลรินออกจากดวงตาคู่งาม.......
 
ฟ้าลั่นมอบช่อดอกไม้ที่ตนเองถือมาให้กับภูผา ก่อนที่จะก้มศีรษะลงใช้ริมฝีปากได้รูปของตนเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าของคนที่ตนเองรัก......และเฝ้ารอตลอดมา.....

“หมอกจำคำสัญญาของฟ้าลั่นได้มั้ยครับ..............ฟ้าลั่นสัญญากับหมอกว่า.......ฟ้าลั่นจะอยู่เคียงข้างหมอกเสมอ.....ทุกวันและตลอดไป” ฟ้าลั่นพูดเสร็จก็รวบเอาร่างของภูผาเข้าสู่แผ่นอกอันแข็งแรงของตน กอดคนที่ตนเองรักไว้อย่างอ่อนโยน และถ่ายทอดความรักและความคิดถึง....รวมถึงความสุขให้แก่กันและกัน

“ไม่มีวันใดที่ฟ้าลั่นจะห่างไปจากหมอก.....แม้ตอนที่ร่างกายของฟ้าลั่นจะไม่ตอบสนองต่อสิ่งใดๆในโลกใบนั้น......ฟ้าลั่นอยู่กับหมอกเสมอครับ...........คนที่ฟ้าลั่นรักที่สุดในหัวใจ” ฟ้าลั่นกระซิบเบาๆที่ข้างหูภูผา เหมือนกับในอดีตที่ผ่านมา

“หมอกขอโทษ.....นะฟ้าลั่น......ที่หมอกมาช้า.........”

“ขอบคุณที่รอหมอก.........ขอบคุณที่ยังรักหมอกไม่เปลี่ยนแปลง..........” ภูผาบอกตอบเบาๆ ก่อนจะโน้มใบหน้าคมเข้มของคนรัก ลงมาเพื่อบรรจงมอบจูบที่แสนหวาน.......จูบที่เฝ้ารอ.......และปรารถนาจะมอบให้กับเจ้าของริมฝีปากได้รูปคนนี้........คนที่อยู่ทั้งในอดีตและปัจจุบัน

“ไปกันดีกว่าครับหมอก.......ไปในที่ที่เราทั้งสองคนจะอยู่ด้วยกันตลอดไป.....โลกที่มีแต่ความรักของเราทั้งสองคน” ฟ้าลั่นพูดออกมาภายหลังจุมพิตที่เนิ่นนานได้คลายออก

ภูผาพยักหน้าเป็นการตอบรับ....เขากระชับมือตนเองเข้ากับฝ่ามือที่แข็งแรงของฟ้าลั่น........ทั้งคู่เดินไปข้างหน้า......อย่างช้าๆ เข้าสู่แสงขาวนวล.......เย็นตา........สู่โลกใหม่......โลกที่จะมีแค่เพียงกันและกัน......โลกของ “ภูผาและฟ้าลั่น”

......................................Don’t lose your way
......................................With each passing day
......................................You’ve come so far
......................................Don’t throw it away
......................................Live believing
......................................Dreams are for weaving
......................................Wonders are waiting to start
......................................Live your story
......................................Faith, hope & glory
......................................Hold to the truth in your heart

......................................If we hold on together
......................................I know our dreams will never die
......................................Dreams see us through to forever
......................................Where clouds roll by
......................................For you and I

......................................Souls in the wind
......................................Must learn how to bend
......................................Seek out a star
......................................Hold on to the end
......................................Valley, mountain
......................................There is a fountain
......................................Washes our tears all away
......................................Words are swaying
......................................Somebody is praying
......................................Please let us come home to stay

......................................If we hold on together
......................................I know our dreams will never die
......................................Dreams see us through to forever
......................................Where clouds roll by
......................................For you and I

......................................When we are out there in the dark
......................................We’ll dream about the sun
......................................In the dark we’ll feel the light
......................................Warm our hearts, everyone
......................................If we hold on together
......................................I know our dreams will never die
......................................Dreams see us through to forever
......................................As high as souls can fly
......................................The clouds roll by
......................................For you and I

จบบริบูรณ์
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 25-12-2006 04:12:14
ส่งท้ายความรัก.....


[wma=300,50]http://siamcode.com/tanaew/HowDoILive-MAX.mp3[/wma]

ปล. ขอบคุณหมูพูห์...ที่กรุณาหาเพลงนี้เวอร์ชั่นผู้ชายร้องมาให้ครับ...และขอบคุณตะแน๋วที่กรุณาโพสต์ขึ้นเวปให้ครับ..
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 25-12-2006 04:38:03

คำเตือน.....อย่าเปิดโปสการ์ด..จนกระทั่งอ่านจบเรื่องนะครับ.....มันสปอล์ย อย่างแรงครับ..... เริ่มไปอ่านตั้งแต่หน้าสิบแปดนะครับ......

บทส่งท้าย.....

Postcard 1
http://img409.imageshack.us/img409/5056/postcard1jt7.jpg
(http://img409.imageshack.us/img409/5056/postcard1jt7.th.jpg) (http://img409.imageshack.us/my.php?image=postcard1jt7.jpg)

Postcard 2
http://img409.imageshack.us/img409/594/postcard4yx4.jpg
(http://img409.imageshack.us/img409/594/postcard4yx4.th.jpg) (http://img409.imageshack.us/my.php?image=postcard4yx4.jpg)

Postcard 3
http://img409.imageshack.us/img409/5755/postcard2ng7.jpg
(http://img409.imageshack.us/img409/5755/postcard2ng7.th.jpg) (http://img409.imageshack.us/my.php?image=postcard2ng7.jpg)

Postcard 4
http://img409.imageshack.us/img409/8549/postcard3qs7.jpg
(http://img409.imageshack.us/img409/8549/postcard3qs7.th.jpg) (http://img409.imageshack.us/my.php?image=postcard3qs7.jpg)


Postcard 5
http://img409.imageshack.us/img409/6296/postcard5tv3.jpg
(http://img409.imageshack.us/img409/6296/postcard5tv3.th.jpg) (http://img409.imageshack.us/my.php?image=postcard5tv3.jpg)

Postcard 6
http://img409.imageshack.us/img409/9982/postcard6ig6.jpg
(http://img409.imageshack.us/img409/9982/postcard6ig6.th.jpg) (http://img409.imageshack.us/my.php?image=postcard6ig6.jpg)

Postcard 7
http://img409.imageshack.us/img409/2730/postcard7si4.jpg
(http://img409.imageshack.us/img409/2730/postcard7si4.th.jpg) (http://img409.imageshack.us/my.php?image=postcard7si4.jpg)

Postcard 8
http://img409.imageshack.us/img409/7559/postcard8gz0.jpg
(http://img409.imageshack.us/img409/7559/postcard8gz0.th.jpg) (http://img409.imageshack.us/my.php?image=postcard8gz0.jpg)

ปล....พอผมโพสต์ภาพโปสการ์ด...เวปมันบีบไฟล์ให้เองครับ...เลยอ่านไม่เป็นตัวอักษร...อย่างไรกรุณาคลิกที่ลิงค์นะครับ...
พอมันโหลดรูปภาพแล้ว...อย่าลืมลากเม้าท์มาทางมุมขวาล่างของภาพนะครับ...คลิกที่ไอคอนขยายภาพ...ก็จะอ่านได้ครับ...

(Picture from Amy, Jan Hau, and others as addressed inside pictures)

หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 25-12-2006 08:06:57
 :yeb:  เย้ๆๆๆ เด๋วตามอ่านนะจ๊ะจ๋อม
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 25-12-2006 09:08:54
ไม่คิดว่าจะจบแบบนี้  :sad4:   :impress3:

พูดไม่ออก ขอไปทำใจก่อนละกัน  :monkeycry2:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: GoneOn ที่ 25-12-2006 09:33:06
 :monkeycry2:  ทิชชู่หมดเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 25-12-2006 09:41:54
                           :sad4:   ทะมายมานเศร้าปนซาบซึ้งงี๊อ่ะจ๋อม   :monkeysad:




ปล..โป๊ดการ์ดสวยถูกจายยยย มากมาย  :love2:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: meemewkewkaw ที่ 25-12-2006 11:34:37
 :impress3:
อ่านจบแล้วพูดไม่ออกเลยอ่ะ ไม่มีแรงกดแป้นพิมพ์ด้วย
เปิดแต่เพลง How do I live ซ้ำไปซ้ำมา
ขอบคุณนะครับคุณ Andreas ที่ได้สร้างเรื่องนี้ขึ้นมาให้คนอย่างผมได้มีโอกาสได้สัมผัสกับความรักอันยิ่งใหญ่ของภูผาและฟ้าลั่น
จิตหลุดแล้วผมตอนนี้ ขอตัวไปทำใจหน่อยดีกว่า Merry X'mas ครับทุกคน
 :impress3:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: No_ProMises ที่ 25-12-2006 12:24:52
มาต่อไวๆ นะคับ
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 25-12-2006 15:59:42
ขอบคุณคุณจ๋อมมากๆนะ..ที่เขียนเรื่องนี้หั้ยทุกคนอ่าน

ถึงแม้มันจะเป็นแค่จินตนาการผ่านตัวอักษร...และความรักแบบนี้อาจจะไม่เกิดขึ้นจิง

แต่มันก็ทำให้หวังเล็กในใจ...ว่ามันจะมีจิง :impress3: :impress3:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 25-12-2006 19:02:05
หลังจากทำใจได้แล้ว ก็จะมาขอบคุณคนแต่งอย่างเป็นทางการค่ะ  :monkeysad:

นิยายเรื่องนี้อ่านแล้วคล้าย ๆ อยู่ในความฝัน ในชีวิตหนึ่งคุณฝันถึงอะไรบ้าง

ฝันว่าจะมีคนรักที่รักคุณ ฝันว่าจะมีพี่น้อง เพื่อนฝูงที่รักคุณ

ฝันว่าจะมีครอบครัวที่รักและเข้าใจคุณ ฝันว่าจะมีลูกที่น่ารัก

และฝันว่าเมื่อตายไปแล้วจะได้อยู่กับบุคคลที่รัก ณ ดินแดนหนึ่งตลอดกาล  :impress3:

นิยายเรื่องนี้ถ่ายทอดความฝันเหล่านี้ไว้ในเรื่องได้อย่างครบถ้วน  :monkeysad:

ขอบคุณ Andreas ที่แต่งนิยายเรื่องนี้มาให้อ่าน ขอบคุณอีกครั้งค่ะ  :sad4:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: beaches ที่ 25-12-2006 19:15:19
ก่อนอื่นขอบคุณ เจ้าของเรื่องราวดีดี --> คุณ Andreas ขอบคุณนะครับ
ขอบคุณคุณ BlueBoyHub ด้วยครับ ที่นำเรื่องมา post ให้ได้อ่านกัน

เป็นนิยายอีกเรื่องที่ประทับใจครับ แม้จะจบไม่สมหวัง แต่ด้านสมหวังของนิยาย
มันกลืนด้านผิดหวังไว้มากแล้วครับ ทำให้จิตใจอิ่มเอมเป็นสุขไปกับด้านสมหวังไปเรียบร้อยแล้วครับ
อ่านแล้วนึก theme ของนวนิยายของทมยันตี อยู่เรื่องนึง  เขาเขียนว่า

"เธอ...มิใช่สายน้ำ
แต่เธอเย็นฉ่ำชื่นหวาน
เธอ...มิใช่ลำธาร
แต่เธอไหลผ่านเนื้อห้วใจ
ความรัก... เสลาสลักสวยใส
งามใดเล่า... งามใด
เทียบได้งดงาม ความรัก

จรดลึกในความทรงจำ
ลึกล้ำย้ำรอยสลัก
นิรันดรนั้นนานนัก
แต่รักนี้นานกว่านั้น..."

ร่างกายของหมอกกับฟ้าสูญสลาย แต่ความรักล้ำค่า ยั่งยืนเหนือกาลเวลา
ยาวนานเกินกว่านิรันดร์ ช่างเป็นความรักที่ไร้ที่ติ
อิจฉาจังแฮะ เพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้ในชีวิตเรา

Merry Christmas ครับ

หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 25-12-2006 21:31:10
อ่านอีกรอบ ก็ยังประทับใจในความรักของเขาทั้งสอง
แม้ชาตินี้ไม่อาจได้ใช้ชีวิตรักที่ยาวนาน
แต่ก็ได้พบกับรักแท้ที่งดงาม

ขอบคุณ andreas นะครับที่แต่งเรื่องราวดีๆแบบนี้ให้เพื่อนๆได้อ่านกัน
ภาพก็สวย ได้อ่านโปสการ์ดเพิ่มอีก ดีจายจังหรือจะเศร้าดีหวา
 :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: มูมู่น้อย ที่ 26-12-2006 19:38:53
ประทับใจเรื่องนี้มากๆ คะ  เป็นนิยายที่แสดงออกถึงความรักได้เป็นอย่างดี  โลกแห่งความฝันบางครั้งมันก็ทำให้โลกแห่งความเป็นจริงดูสวยงาม  อบอุ่นได้เสมอ  เหมือนที่นิยายเรื่องนี้ได้ทำให้เราผู้อ่านมีความสุข  ยิ้ม หัวเราะและซาบซึ้งไปกับความรัก ความเข้าใจของภูผา  ฟ้าลั่น และครอบครัว

ความรู้สึกตอนอ่านจบครั้งแรก คือ เศร้า... เศร้าที่มีการสูญเสีย
ความรู้สึกต่อมา คือ กลัว... กลัวตัวเองเป็นแบบนั้น  ที่พยายามทำทุกอย่าง อดทนฝ่าฟันอุปสรรคจนพบกับความสำเร็จ
                                       ขั้นหนึ่งของชีวิต  แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าให้สมกับเวลาที่เหน็ดเหนื่อยไป 
แต่ความรู้สึกสุดท้าย คือ ความสุข... ไม่ว่าเรื่องราวตอนจบจะเป็นอย่างไร  อย่างน้อยตัวละครทั้งภูผากับฟ้าลั่นก็ได้มีชีวิต
                                                     ช่วงนึงที่มีความสุขด้วยกัน 

ขอบคุณคุณ Andreas... สำหรับนิยายเรื่องนี้  สวยงาม ซาบซึ้ง มีความสุขคะ 
                                     รูปและโปสการ์ดสวยมาก แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของผู้เขียนเลย  เก่งมาก ชื่นชมคะ
ขอบคุณคุณบลูด้วย... สำหรับการแนะนำนิยายดีๆ มาให้พวกเราได้อ่านกัน

ชอบเพลงๆ นึงมานาน Heaven ของ DJ Sammy ขออนุญาติโพสท่อนนึงของเพลงนะคะ (ลองหามาฟังกันดูนะ เพราะดี)
Love is all that I need....
And I found it there in your heart...
It isn't too hard to see....
.....We're In Heaven....

Happy Christmas นะคะ (ช้าไปหน่อย ยังดีกว่าไม่มา อิอิ)  :monkeylove2:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: kYos ที่ 26-12-2006 21:26:56
อา... อ่านจบแล้วก็อึ้ง! ถึงกับคิดอะไรไม่ออก
ไม่คิดว่ามันจะออกมาในรูปแบบนี้ มันค่อนข้างสะเทือนใจทีเดียว
แต่ก็ไม่เศร้าจนเกินไป มันยังมีส่วนที่ทดแทนความสูญเสียขึ้นมา มันทำให้เรารู้สึกถึงพลังแห่งความรักจริงๆ
เพิ่งได้ตามอ่านเรื่องนี้จนจบ ขอบอกว่าประทับใจมาก มันเป็นจินตนาการที่เรารู้สึกร่วมไปด้วยจริงๆ
ยอมรับเลยว่าน้ำตาอาบแก้มหลังจากที่อ่านจบ
ขอบคุณ คุณAndreas ที่สร้างสรรค์นิยายเรื่องนี้ แล้วก็คุณb|ueB[o]YhUb ที่นำเรื่องนี้มาโพสด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: wee ที่ 26-12-2006 22:25:53
แม้ว่าตอนจบจะเศร้าจัง....
แต่เราก็ประทับใจในความโรแมนติกของเรื่องนี้จัง
เหมือนอยู่ในความฝันและจินตนาการที่สดสวย......
(อ่านแล้วอารมณ์ดีจัง....)
ขอบคุณคนแต่งมากกกก........
 :monkeylove2: :impress: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 29-12-2006 21:44:06
ขอบคุณครับ

ไม่คิดว่าจะจบแบบนี้อะ

เศร้าจิงๆๆๆๆ

พูห์ :confuse:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 30-12-2006 03:12:51
ภูผายังไม่ได้ตอบคำถามตัวเองเรื่องที่จะปลุกหนุ่มผมยาวที่ตนเองเรียกว่า “ฟ้าลั่น” ดีหรือไม่ เนื่องจากต้องจัดการทำธุระส่วนตัว อาบน้ำ และแต่งตัวให้เสร็จก่อน เพื่อเตรียมตัวไปสอบ comprehensive สำหรับปริญญาเอกเช่นกัน  ณ ห้องประชุมภาควิชาพันธุวิศวกรรมศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้

= มันมีแต่พันธุวิศวกรรมครับ  ไม่ต้องใส่คำว่าศาสตร์ลงไป  เพราะมันแปลมาจาก genetics engeeneering



“แต่ถ้าจะต้องอยู่ด้วยกันนาน....คนไม่หล่ออย่างนาย...คงหาแฟนยากหน่อย” คนหน้าหวานแกล้งแซว และหัวเราะออกมาเบาๆ

= ประโยคนี้ผมว่าแปลกๆ คือมันเป็นไปได้สองแบบ 
1.   หากคำว่า “ถ้า” ในประโยคนี้แปลว่า if มันจะต้องเป็นประโยคเหตุแล้วตามด้วยประโยคผล เช่น if ฉันกิน(เหตุ), ฉันอิ่ม(ผล) จึงควรเป็น “แต่ถ้าจะต้องอยู่ด้วยกันนาน(เหตุ)  ฉันคงเบื่อแย่(ผล)”
2.   หรือควรเปลี่ยนเป็น “ท่า” นี้ครับ  มันมาจากวลีที่ว่า  ‘ดูท่าทางเหมือน (to look like be)’ ซึ่งจะกลายเป็นประโยคผลแล้วตามด้วยประโยคเหตุ เช่น “แต่ดูท่าจะต้องอยู่ด้วยกันนาน(ผล) (-เพราะ-)คนไม่หล่ออย่างนายคงหาแฟนยากหน่อย(เหตุ)”




นายอย่าโทษตัวเองที่เราตกน้ำนะฟ้าลั่น......มันเป็นอุบัติเหตุ......เราหายดีแล้ว......นายเป็นคนนำเราขึ้นมานะฟ้าลั่น.......นายคือคนช่วยชีวิตเรานะ.........” ภูผายังคงพยายามพูดต่อ เพื่อที่จะทำไห้ฟ้าลั่นสบายใจ
 
= ในความคิดผม  ตรงที่ว่า “นายเป็นคนนำเราขึ้นมานะ” มันผิดหลักภาษาไทยครับ มันดูคล้ายว่าผู้พูดเป็ฯสิ่งของที่ถูกหยิบยกจับขึ้นมา
คำว่า เรา ในประโยคนี่ใช้แทนตัวคนพูด  ดังนั้นไม่ควรใช้คำว่านำในแง่ที่เพื่อสื่อความหมายแบบนี้  มันไม่ใช้เดินนำทางนะครับ นำ แปลว่า เอามาให้(ในภาษาอีสานแปลว่า ด้วย)
ผมเลยคิดว่าควรใช้คำว่า “นายเป็นพาเราขึ้นมา” มากกว่า นะผมว่า



จอมยุทธ์เป็นคนเชียงใหม่โดยกำเนิด จบชั้นมัธยมปลายจากโรงเรียนนานาชาติจังหวัดเชียงใหม่ บิดาและมารดาเป็นนักธุรกิจส่งออกใหญ่คนสำคัญของจังหวัด รวมถึงเป็นเจ้าของโรงเบียร์ชื่อดังของเชียงใหม่อีกด้วย ครอบครัวของจอมยุทธ์ประกอบด้วย บิดา มารดา พี่ชายและพี่สาวอย่างละสองคน โดยจอมยุทธ์เป็นคนสุดท้อง

= ส่งออกใหญ่เป็นไงหรอครับ  อะไรหรอที่ว่าใหญ่ 
ต้องใส่คำขยายหน้าคำว่าใหญ่ด้วย  ไม่งั้นคำว่าใหญ่จะไปเป็นกรรมของคำว่าส่งออก
ดังนั้นควรเป็นส่งออกรายใหญ่




ด้วยความที่สนใจวิชาวิทยาศาสตร์มาตั้งแต่เด็ก และเพราะบิดามารดาต้องการให้จอมยุทธ์เข้ามาช่วยบริหารงานของโรงเบียร์หลังจากจบการศึกษา เขาจึงตัดสินใจเลือกเรียนที่คณะวิทยาศาสตร์ ตั้งใจจะเน้นทางด้านชีวะเคมีเทคโนโลยี เนื่องจากมีความน่าสนใจและครอบคลุมความรู้กว้างขวางกว่าสาขาวิชาอื่นๆ

= ผมไม่เคยได้ยินนะ  มันมีแต่ ชีวเคมีหรือไม่ก็ ไบโอเทคฯ (เทคโนโลยีชีวภาพ)ไปเลย
ส่วนคำว่า ชีวเคมี  ให้เขียนติดกันไม่มีสระอะครับ


ติินิดหน่อย  อย่าว่ากันเลยนะครับ  ผมเพียงแค่ไม่อยากให้หนังสือที่ผมจะซื้อเก็บมีภาษาไทยแปลกอยู่ในนั้น  ถึงผมจะพูดอังกฤษ -ไทย ก็เถอะ  :yeb:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 30-12-2006 12:56:55
Many thanks to Khun oaw_eang  for your notices and suggestions. There were totally my mistakes at what you have pointed out except there is a major called Biochemistry and Biochemical Technology in Faculty of Science, Chiang Mai University.

There is another major called Biological Technology (Biotech, in short)  as well, but not in Faculty of Science.

Best Regards

Andreas

หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 30-12-2006 13:03:35
To All of My Beloved Readers,

Happy New Year 2007

I wish you a wonderful new year and a year filled with love, peace, happiness and prosperity.

Best Regards

Andreas
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: box_breathe ที่ 31-12-2006 00:20:16
อ่านจบแล้วคับ...ชอบมากๆเลย

ตอนจบมันเศร้า จนทำให้ผมร้องไห้ออกมาได้เลยนะคับเนี่ย  :monkeysad:

เนื้อเรื่องก็สุดแสนจะโรแมนติกมากๆ

และผมก็อยากให้คุณ Andreas เขียนอีกหลายๆเรื่องให้พวกเราได้อ่านกัน

จะรอติดตามผลงานชิ้นต่อๆไปนะคับ

*****************************
ที่สำคัญ..ต้องขอขอบคุณ คุณ b|ueBOYhUb ด้วยเช่นกัน

ที่นำเรื่องสนุกๆแบบนี้มาให้เราได้อ่านกัน

*****************************

                       :myeye:




หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 31-12-2006 04:00:19
Many thanks to Khun oaw_eang  for your notices and suggestions. There were totally my mistakes at what you have pointed out except there is a major called Biochemistry and Biochemical Technology in Faculty of Science, Chiang Mai University.

There is another major called Biological Technology (Biotech, in short)  as well, but not in Faculty of Science.

Best Regards

Andreas


I c.

หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 12-01-2007 09:09:35
มูมู่น้อย  อิอิ คนที่เรารัก รออยู่ที่ทางช้างเผือกอ่ะ ตอนนี้เราเลยมีแต่กิ๊กเพียบ  :angellaugh2:

ฟ.ฟัน  เหอะๆ จินตนาการบรรเจิด ผมตอนแรกก็อึ้งๆ พอได้คุยกะจ๋อม เรื่องการเลี้ยงไข่ที่เกิดจากการฉีดโครโมโซมของเพศชายเข้าไป ทำให้รับพันธุกรรมจากคนๆนั้นเข้าไป แล้วพอไข่สมบูรณ์จึงค่อยนำไข่มาปฎิสนธิกับอสุจิของเพศชายอีกคนหนึ่ง เพื่อรับพันธุกรรมจากเพศชายของสองคนได้ คิกคิก ใครจะเอาไปทำโปรเจค ขอลิขสิทธิ์จ๋อมก่อนนะครับ
 :3063:

wee  อ่า อ่านแล้วอารมณ์ดีอย่างเดียวหรือ ไม่อยากมีแฟนบ้างเหยอ  :-[

oaw_eang อ่า อย่าลืมซื้อแจกผมด้วยนะ  :angellaugh2:

Andreas หวัดดีปีใหม่ ขอให้จ๋อมเจอคนที่ใช่เร็วๆนะครับ  :yeb:

เป๊ด..เป็ด โอ๋ๆๆๆ มามะ อย่าร้องไห้นะคนดีของป๋ม  :3061:




หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเร
เริ่มหัวข้อโดย: LiliLiN ที่ 05-03-2007 16:35:44
 :monkeysad:  ซึ้งงงง กินใจมากค่ะ เรื่องนี้ น้ำตาไหลพรากๆเลย
ขอบคุณ Andreas  ที่สรรสร้างเรื่องราวซึ้งๆ ประทับใจขึ้นมา
ขอบคุณ คุณปลายยอดไผ่ ที่เอาเรื่องนี้มาให้ได้อ่านค่ะ

ความรักช่างเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่จริงๆ อย่างน้อยหมอกกับฟ้าลั่นก็ได้ไปอยู่ด้วยกันอย่างมีควมสุขล่ะนะ  :impress3:



ว่าแต่สุดท้ายนี่แอบคิดจริงๆนะ ว่าพ่อเสือน่าจะจับคู่กะอาจอมซะเลย ยังไงก็ไม่มีเวลาไปป้อสาวๆอยู่แล้วนี่นา  :interest:

เรื่องนี้จะมีภาคต่อมั้ยเนี่ย  :myeye:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเร
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 05-03-2007 16:45:07
ตอบคุณ..talala..คับ

เรื่องนี้มีภาคต่อคับ....กำลังลงอยู่

ชื่อว่า..............เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว by Andreas (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=1201.0)

มาทำลิงค์ให้นะ
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเร
เริ่มหัวข้อโดย: LiliLiN ที่ 05-03-2007 20:52:29
 :loveu:  ขอบคุณ GobGab ค่า สำหรับภาคต่อ

รีบตามไปอ่านโดยด่วน
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเร
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 05-03-2007 21:24:53
 :monkeycry2: :monkeycry2: :monkeycry2:

อ่านเรื่องนี้แล้วต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะไม่ให้น้ำตาไหลออกมา

กลั้นจนรู้สึกเจ็บไปทั้งคอ

เข้าใจเวลาที่เค้าบอกว่า "ลำคอตีบตัน" เพราะมันเจ็บมากกกกก

...
 :monkeycry4:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเร
เริ่มหัวข้อโดย: inimeg ที่ 12-03-2007 23:01:38
อ่านเรื่องนี้แล้ว ตะลึง กับจินตนาการตอนจบจริงๆ ครับ

ตอนแรกที่อ่าน รู้สึกอยากจะติงตรงที่ว่า อารมณ์ของเรื่องนั้นมันโทนเดียวเกินไป

แต่พออ่านๆ ไป เราก็รู้สึก มันไม่เครียด มันผ่อนคลาย เพลิน........ เลยเข้าใจว่า อาจจะต้องการให้แหวกอารมณ์จากเรื่องเศร้าๆ ที่มีอยู่ตามท้องตลาดตอนนี้กัน ถ้าผมตามอ่านตอนที่โพสต์กันนั้น ก็คงจะบอกเรื่องนี้กับพี่คนเขียนอยู่หรอก แต่พอจบแล้ว ก็เลยคิดว่า อ่านต่อไปดีกว่า แนวนี้หาอ่านยาก

ผมเลยไม่ใส่ใจจุดผิดพลาดอะไรของนิยาย นอกจากควาหมายที่พี่คนเขียนต้องการจะสื่อ และคิดว่า เนื้อเรื่องแบบนี้ ไม่น่าจะจบแบบธรรมดา แต่ไปผไม่เดาว่าจะมีการตายเกิดขึ้น

อาจจะจบแฮ็ปปี้ แต่เป็นแบบที่ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไง

ในที่สุดพอตอนจบ ทึ่งครับ จัดให้เป็นจบแบบ Happy ครับ ถ้าไม่ติดว่าพ่อแม่ดูละครอยู่ ผมจะร้องไห้ออกมาเลย

ทั้งๆ ที่ ตายตอนจบ แต่กลับไม่ยอมปกคลุมด้วยความเศร้า อาจจะเป็นเพราะว่า ตายทั้งคู่ก็เป็นได้ แต่ผมว่าไม่ใช่หรอก

เพราะตอนจบผมได้รู้ว่า ความตาย มันไม่ใช่เรื่องเศร้า และมันไม่ได้เป็นจุดจบของความรักเลย กลิ่นอายความรักของคนสองคนยังกรุ่นอยู่ ผมรู้สึกว่ากลิ่นมันหอมหวานยังไงไม่รู้

เป็นการปฏิวัตการตายตอนจบของนิยายที่เขียนๆ กันในเน็ทได้เลยทีเดียว ฮ่าๆๆ

อย่างน้อย..... ความตายของเรื่องนี้ก็กลายเป็นความสุข....

ของผมด้วย


ขอบคุณพี่ Andrea มากๆ เลยครับ สำหรับนิยายจรรโลงใจเรื่องนี้.....
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเร
เริ่มหัวข้อโดย: KevinKung ที่ 17-03-2007 14:56:49
หลังจากพยายามอ่านอยู่สองวัน ก็จบซะที  :เฮ้อ:

เด๋วจะตามไปอ่านภาคต่อ นะค้าบ ขอบคุณ ๆ ๆ ที่เขียนเรื่องดี ๆ ให้อ่านนะ  :เศร้า1:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเร
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 20-03-2007 00:53:38
Dear All,

I have just noticed that this story has brought up to reveal again after sitting in 2nd page for quite along time.

I, first of all, would like to thank you all for your supports. Also I am very glad that you like this story.

Anyway, as the quote below, May I ask what those mistakes are.

Please do not be so offensive to my question; I just would like to have some explanation for further improvement.

Regards

Andreas


ผมเลยไม่ใส่ใจจุดผิดพลาดอะไรของนิยาย นอกจากควาหมายที่พี่คนเขียนต้องการจะสื่อ และคิดว่า เนื้อเรื่องแบบนี้ ไม่น่าจะจบแบบธรรมดา แต่ไปผไม่เดาว่าจะมีการตายเกิดขึ้น


หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 12-05-2007 15:35:47
ผมอ่านเป็นรอบที่สองในช่วงเวลาสองวันที่ผ่านมา เพราะเพิ่งได้รับ link กระทู้จากพี่ที่ทำงาน
พออ่านดูก็ชอบเลยครับ ร้องไห้แล้วหลายรอบมาก ๆ
เห็นว่าจะออกเป็นหนังสือ ยังไงรบกวนให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยนะครับ
ทางเมล์ก็ได้ครับ zandwizzอย่าแสดงเมลบนบอร์ด
ต้องขอขอบคุณทุก ๆ คนที่มีส่วนร่วมในการนำเรื่องนี้มาลงใน web ด้วยนะครับ ขอบคุณจริง ๆ

ปล. จะติดตามงานเขียนของคุณ Andreas ต่อไปเรื่อย ๆ ครับ

ขอบคุณจริง ๆ ครับ
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: HydrA ที่ 19-05-2007 02:51:13
โหยเริ่มต้นมาอย่างหวานเลยค่ะ ซึ้ง ซึ้งมากๆ อ่านแล้วน้ำตาคลอดเลยล่ะค่ะ เป็นความรักที่ยิ่งใหญ่มากๆอ่อนโยนแต่หนักแน่น ตอนจบนี่แบบเศร้าสุดๆ
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: prince_halation ที่ 12-06-2007 19:48:16
 :impress2: หวานไม่ไหวแล้วครับ น่ารักมาก ๆ ๆ ๆ

คือเพิ่งอ่านไปแค่ตอนเดียวเองครับ เดี๋ยวจะกลับมาอ่านต่อแน่นอ

ขอบคุณมากเลยครับ ที่เอาเรื่องน่ารัก ๆ แบบนี้มาให้อ่านอะ  o14 o15
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องũ
เริ่มหัวข้อโดย: chiaki ที่ 26-06-2007 13:34:54
อ่านเรื่องนี้จบภายใน 2 วันค่ะ
หวานๆ ซึ้งๆ ตอนจบมีการแอบน้ำตาซึมเลยค่ะ
ชอบเพลง If we hold on together มากเลย
 :impress:
ขอบคุณคุณคนแต่ง และทุกท่านที่มีส่วนร่วมในการนำเรื่องมาแบ่งปันมากค่ะ
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่อ
เริ่มหัวข้อโดย: 1st prince ที่ 06-07-2007 20:30:47
 :seng2ped: นึกว่าเรื่องนี้จะไม่มีตายแล้วนะเนี้ย

 :m8:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: taexxxx ที่ 08-07-2007 12:44:36
เป็นเรื่องที่สองรองจากเรื่องของคุณเป็ด
ที่ทำให้ผมสามารถร้องไห้ ได้อยากบ้าพลัง
สงสัยอินจัดเกินไป
ทิชชู่หมดไปเยอะเลย เหอะๆ
ความรัก......ความรัก......
มันสวยงามจังเลยเนอะ
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: ~prince™~ ที่ 26-07-2007 12:26:44
เป็นเรื่องที่น่าประทับใจเรื่องหนึ่งจริงๆเลยครับ
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆแบบนี้นะครับ
อ่านแล้วซึ้งมากเลยครับ  o1 o1
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่อ
เริ่มหัวข้อโดย: -i z e l i z e- ที่ 26-07-2007 19:26:32

เศร้าจังค่ะ  ไม่อยากให้พี่ภูผาและพี่ฟ้าลั่นตายเลยอ่า   :m15:

เฮ้อ...อยากเห็น  เอ้ยอยากอ่าน  เรื่องราวของภูฟ้าจัง  ว่าจะมีวิถีชีวิตยังไง   :o11:

พี่คนเขียนคะ  เรื่องนี้มันคือเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งอ่า   :m21:

อยากจะบอกว่า  พี่ใช้ภาษาได้แบบว่าสวยอ่ะ   o13

โดยส่วนตัวแล้วหนูชอบนะ  ที่เขียนภาษาไทยให้เป็นภาษาไทย

เพราะจากการที่อ่านนิยายมามากเหลือเกิน 

บางเรื่องใช้ภาษาพูดของวัยรุ่นมาเขียนลงในนิยายแล้ว  มันทำให้รู้สึกไม่อยากอ่านน่ะค่ะ

พออ่านมันรู้สึกว่าไม่ลื่น  ฝืดๆ  แบบว่าอ่านแล้วหงุดหงิดน่ะค่ะ   o12

ขอบคุณนะคะ  ที่นำนิยายดีๆมาให้อ่าน   :m4:

สวัสดีค่ะ 
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น by Andreas
เริ่มหัวข้อโดย: ninaprake ที่ 27-07-2007 19:33:01
ม่ายรู้จาเม้นต์อาราย...........น่ารักกันทั้งนั้น

ไม่ค่อยได้อ่านนิยายรักโรแมนติกของชายรักชายเลย....แต่ก็น่ารักดี :angellaugh2:

อยากมีมั่ง......แต่คงจะยากกกกกกกกซ์ :impress3:

ส่วนใหญ่อ่านแต่รันทดๆ...........น้ำตาท่วมกระดาษ

แต่เห็นเป็นคุณเรย์โพสนะเนี่ย...............เลยมารออ่าน :laugh: :laugh:

มาต่อเร็วๆนะ..............................จารอ :yeb:

ไม่ค่อยได้อ่านนิยายชายรักชายแล้วชอบป่ะคับ อิอิ  o17 ล้อเล่นน่า

......

ขอบคุณ Andreas เจ้าของเรื่องและคุณบลูคนโพสด้วยนะคับ สนุกจัง อ่านแล้วอบอุ่นๆดีจังเลยยยย   สำนวนภาษาก็ละเมียดละไม อ่านแล้วเหมือนได้จิบน้ำชาหอมๆหวานๆตอนบ่ายๆกินคู่กะสโคน+แยมสุดอร่อย ..  :m18:  5555 พิมพ์ไปหิวไปแล้วนะเนี่ย

ตอนนี้อ่านได้ 2 หน้าแล้ว กะลังจะอ่านต่อคับ
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: ninaprake ที่ 27-07-2007 21:12:08


ปล. แต่ถ้าใครอยากตอบผมหรือคุยกับผมเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อฝึกฝน..... ผมก็ไม่ห้ามนะครับ...และถ้าอยากได้คำแนะนำ..ก็ถามมานะครับ.... ผมอาจจะไม่เก่งนัก แต่ก็พอหาคำตอบหรือช่วยแนะนำได้บ้างครับ...

 :yeb:

ชอบเรื่องนี้คับคุณ Andreas  o13 Keep up with the good work na krab :) ทุกครั้งที่อ่าน ผมจะได้รอยยิ้มและความอบอุ่นในใจเกิดขึ้นเสมอ

ขอบคุณมากนะครับ  :m4:

ปล. ตอนนี้คุณ Andreas อยู่รัฐไหนคับ แล้วพอจะมีงานแนะนำมั๊ยครับ 555  :m23:

หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: ninaprake ที่ 28-07-2007 01:09:08
ตอนนี้อ่านจบแล้ว  :o7: ฮือ ฮือ ฮือ เศร้าเจงๆๆๆ  :sad2: ไม่อยากให้ภูผากะฟ้าลั่นตายเลย ...

แต่เรื่องนี้ก็อย่างที่คุณรีบนๆบอกมา สามารถทำให้การตายของตัวเอก ไม่ได้เป็นเรื่องที่เศร้าจนเกินไป หากแต่เหมือนเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวและอะไรอีกหลายอย่างใหม่ๆ ..... เฮ้อ .....  :m2:

อ่านเรื่องนี้จนจบก็ยังรู้สึกอบอุ่นอยู่ดี กลิ่นหอมหวานของความรักยังอบอวลไปทั่ว ...... สุขใจครับ อ่านเรื่องนี้แล้ว .....   :m1:

ขอขอบคุณ คุณจ๋อม Andreas ที่เขียนเรื่องดีๆแบบนี้ และ ขอบคุณคุณบลูที่เอามาแนะนำต่อด้วยครับ  o15  จะรออ่านเรื่องใหม่นะครับ

ปล.1 ว่าแต่คนแต่งยังไม่มีแฟนเหรอคับ :) เขียนได้ความรู้สึกมากเหมือนคนมีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้วเลยนะครับ อิอิ  :m12:
ปล.2 เออ.... อ่านไปอ่านมาเหมือนคุณ Andreas จะจบคนละด้านกะผม (ไม่ได้ใกล้เคียงกันเล้ย) ถามท่าทางยังกะอยู่ UK มากกว่า US นะเนี่ย แหะ แหะ แหะ ..... สงสัยอาจจะขอให้แนะนำงานให้ยากซะแล้ว
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 29-07-2007 05:06:40
ขอบคุณแฟนๆ ทุกท่านน๊ะครับสำหรับกำลังใจครับ...อ่านคอมเมนต์ทีไรก็ปลื้มใจทุกทีครับ

เรื่องนี้เป็นเรื่องแต่งร้อยเปอร์เซนต์ครับ หากแต่บรรยากาศและสถานที่ทุกอย่างนั้นคือความจริงครับ

ผมสอดใส่บุคลิกของเพื่อนๆสนิทผมลงไปในตัวละคร และแทรกความคิดของผมลงไปด้วยในทุกๆตัวละครครับ.....ผมอยากให้มันจับต้องได้แบบคนเราๆทุกคนครับ

ตอนที่ผมแต่งเรื่องนี้นั้น ผมยังไม่มีแฟนครับ และไม่มีความรักด้วยครับ....แต่งด้วยหัวใจที่ว่างเปล่า หากแต่ใช้จินตนาการและความฝันมาเป็นแรงผลักดันให้เขียนเรื่องนี้จนจบ ประกอบกับได้กำลังจากนักอ่านหลายๆท่าน ครับ..........

จริงๆแล้วผมอยู่สหรัฐฯครับ แต่บังเอิญว่าชอบบรรยากาศของอังกฤษครับ เลยไปค้นข้อมูลมาเพื่อเอามาประกอบฉากครับ....

ตอนนี้ผมกำลังแต่งเรื่องที่สามอยู่ครับ แต่ว่างานยุ่งมากเหลือเกินครับ คงนานๆ กว่าจะโพสต์เสียทีครับ....

ไปแล้วครับ...สวัสดีครับทุกๆคน...

ขอบคุณอีกครั้งน๊ะครับ

Andreas  

.......
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่อ
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 29-07-2007 18:39:57
 :impress:  เป็นกำลังใจให้ครับ จะรอเรื่องต่อไปครับ  :m3:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: ~prince™~ ที่ 29-07-2007 18:53:14
จะรออ่านเรื่องต่อไปอีกนะครับ

ชอบสำนวนของภาษาที่คุณใช้มากๆครับ o1 o1
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: Fern [Pik_Pug_Pug] ที่ 30-07-2007 13:35:09
................

ขอบคุณคุณ Andreas มากๆ เลยค่ะสำหรับนิยายดีๆ เรื่องนี้

เม้นท์นี่เป็นเม้นท์แรกที่เฟิร์นเม้นท์ให้ เพราะเฟิร์นอ่านรวดเดียวจบเลย (อดนอนเลยค่ะ  :a5: 555+)

ตอนแรกที่อ่านก็อ่านไปเรื่อยๆ แต่ไม่รู้อะไรมาดลใจให้ฟิตจัด อ่านรวดเดียวจบเลย

อ่านไปช่วงแรกๆ รู้สึกได้เลยว่านิยายเรื่องนี้ เป็นเรื่องราวในฝันที่ทุกคนวาดหวังไว้

ตัวละครทุกตัวเป็นคนที่ดีจริงๆ ทำให้นิยายเรื่องนี้ไม่ค่อยเหมือนกับนิยายทั่วๆ ไปที่เฟิร์นเคยเจอ

(ยอมรับเลยว่าเพิ่งเคยเจอนิยายแบบนี้ครั้งแรก)

......................................................................

ตอนจบยอมรับว่าร้องไห้ แต่ไม่ได้ร้องไห้เพราะเศร้า แต่ซึ้ง จริงๆ กับความรักของตัวเอกทั้ง 2 คน

ประทับใจจริงๆ เพราะนิยายที่เคยเจอน้อยนักที่หากตอนจบตัวเอกตายแล้วจะซึ้งใจได้ขนาดนี้

คงเป็นเพราะ แม้แต่ความตายก็ไม่ได้พรากความรักของทั้งคู่ไปเลย และทั้งคู่ก็ได้หลงเหลือกลิ่นอายของความรักของทั้งคู่ไว้ให้คนที่ยังอยู่สัมผัสได้เสมอ

.......... ประทับใจจริงๆ ค่ะ


**อ่านแล้วทำให้รู้สึกอยากมีความรักแบบนี้มั่งจังเลย ...... อิจฉาๆ  :m2:


**เกือบลืม ..... อืม เฟิร์นอ่านฉากจบของเรื่องนี้แล้วนึกถึงหนังเรื่อง Titanic ค่ะ

ไม่รู้ว่าเพราะอะไรนะคะ อยู่ดีๆ ฉากในหนังตอนสุดท้าย ที่โรสได้เจอแจ็คบนเรือ แล้วทุกคนที่อยู่บนเรือก็ปรบมือให้มันก็ผุดขึ้นมา

เอาที่เฟิร์นคิดนะคะ เฟิร์นคิดมาตลอดว่าหนังมันสื่อว่าโรสตายแล้วได้ไปเจอกับแจ็คสมใจน่ะค่ะ และทั้งเรื่องเฟิร์นประทับใจฉากนี้ฉากเดียวเลยค่ะ

เป็นอะไรที่แบบว่า ดูทีไร เสียน้ำตาตลอดกับฉากจบแบบนี้....


.......... จะเป็นกำลังให้ต่อไปนะคะ  รอเรื่องต่อไปอยู่ค่ะ  :m13:




.......................เฟิร์น...........................
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: paulla ที่ 02-08-2007 23:21:53
รัก เรื่องนี้มาก ๆ  :give2:
   ร้องไห้ทุกครั้งที่ได้อ่าน  :o7:
    ขอบคุณนะครับที่มีเรื่องที่ซึ้งกินใจให้อ่าน
    o15                        o14       
         
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: cargo ที่ 15-08-2007 16:14:38
ซูฮก  :m18: :a2: :a5: :a9: :a1:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: Ferfa ที่ 15-08-2007 17:03:18
 :m15: อ่านไปร้องไห้ไป ฮือ..ฮือ..
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: jomjai ที่ 21-08-2007 22:05:08
 o1 o1 o1 ขอบคุณกั๊บ o1 o1 o1
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: aj2kingdom ที่ 24-08-2007 10:42:56
 o7 บาดใจมากครับ อ่านจบแล้วไม่อยากทำอะไรเลย เหร้อออ ขอนั่งทำใจสักพักใหญ่ ๆ  :a6:

เขียนเก่งนะครับ  o13
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 07-09-2007 11:56:52
อ่านแล้วซึ้งมาก ตั้งแต่อ่านนิยายมา เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ทำให้เสียน้ำตาได้มากมายขนาดนี้ ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนที่อ่อนไหวกับเรื่องต่างๆ ได้ง่าย ภาษาที่เขียนบอกได้คำเดียวว่าสวยงาม พริ้วไหว ไม่มีคำหยาบคาย
ขอบคุณที่แต่นิยายดีๆ ให้อ่าน แล้วจะติดตามเรื่องอื่นต่อไป หวังว่าคงจะไม่มีการพรากจากกัน

เอาใจช่วย สู้ ........ :m4:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 24-09-2007 02:01:36
 :impress:
เริ่มต้นเรื่องด้วยชีวิตคู่ที่มีความสุข หวานชื่น แล้วดำเนินเรื่องมาเรื่อย ๆ ภายใต้ความคิดของฟ้าลั่น บวกกับ
อารมณ์ในเรื่องมีลักษณะเป็นรักที่น่าประทับใจ ซาบซึ้ง แต่ไม่เศร้า ทำให้ตัวผมเองหลงคิดไปว่านั่นคือฉากจบ
แต่มาหักมุมกันแบบนี้ ทำร้ายจิตใจน่าดู..... :undecided:
กลั้นน้ำตาไม่อยู่จริง ๆ เมื่อเห็นภาพลาง ๆ ว่าผู้เขียนกำลังจะสื่อถึงอะไรในความสำคัญของภูฟ้า   :m15:
ยังดีนะครับที่เขียนปลอบใจผู้อ่านในบทส่งท้ายของความรักที่สวยงามระหว่างภูผากับฟ้าลั่น  แต่บอกตรง ๆ
ไม่ทันแล้วละ น้ำตามันไหลไม่ขาดสายเลยยยย โกรธคนแต่งจริง ๆ เลยยยย :m16:
 :m26:
ต้องขอชมนะคับ ภาษาการเขียน การดำเนินเรื่อง ภาพที่พรรณนามางดงามจริง ๆ เป็นชีวิตในจินตนาการ
ที่สมบูรณ์แบบมากครับ ถ้าโลกเราเป็นแบบนี้ได้จริง คงดีไม่ใช่น้อย.... :give2:
เห็นบอกเป็นนักเขียนสมัครเล่น ไม่เชื่อหรอกครับบบบบ  เขียนได้ลื่น บรรยายได้สวยงามขนาดนี้
ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ครับ เอาใจช่วย ผลิตผลงานออกมาเรื่อย ๆ นะครับ จะติดตามต่อไป :m13:
ยังไงก็ต้องขอชมเรื่องนี้ยอดเยี่ยมจริง ๆ เสียดายที่เพิ่งเข้ามาอ่าน.....
 :bye2:
**************************
ย้อนกลับมาอีกครั้งเพื่อจะอ่าน postcard ของพี่เสือกับน้องจอม ก็ต้องเสียน้ำตาอีกระลอก :m8:
ไม่ไหวเลยจริง ๆ สงสารภูฟ้า แม้รู้ว่าจะอยู่ท่ามกลางความรักของเสือและจอม รวมทั้งญาติ ๆ
ของพ่อทั้งสองคน แต่ก็ยังอดไม่ได้....คิดถึง ฟ้าลั่นกับภูผา
 :undecided:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: tsuya ที่ 24-09-2007 14:57:30
ขอบคุณที่เขียนนะคะ
ชอบมากกกกกเลยคะ
 o15
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: กิ๊บเก๋ ที่ 06-10-2007 00:49:05
เศร้าจังเลย ฮือๆๆๆๆๆๆๆ :m15: :m15: :m15:

ร้องไห้จนตาบวมไปหมดแล้ว ฮือๆๆๆๆๆ

ขอบคุณนะคร๊า

แล้วจะรอติดตามผลงานต่อไปค่า

อ้อ จะไปซื้อหนังสือด้วยนะค๊า

เศร้าจังเลยค่า ฮือๆๆ o7
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: YENCHA ที่ 11-10-2007 13:05:52
 :o12: o7  ซึ้งมากเลย อ่านนานและ แต่เพิ่งเข้ามา
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: chonrapee ที่ 16-10-2007 20:35:09
ซึ้งคับ ซึ้งมากๆเลยคับ  เรื่องนี้อ่านแล้วมันแบบอยากมีความรักแบบในเรื่องนี้จังแฮะ

อ่านแล้วก็ร้งไห้ตามไปด้วย มันเปนความเศร้าที่สวยงามอ่ะคับ บอกไม่ถูกเหมือนกัน

อาจเป็นเพราะสถานที่ที่เกิด เกิดในที่ที่ผมเองก็คุ้นเคยมันเลยสามารถนึกถึงบรรยากาศต่างๆออกมาได้อย่างชัดเจนก็ที่มช.อ่ะคับ

ประทับใจมากคับ  ขอบคุณนะคับสำหรับเรื่องที่ทำให้เรามองความรักสวยงามมากขึ้น  มากๆเลย
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: ABme ที่ 19-10-2007 09:45:49
บอกได้คำเดียวครับ "สุดยอด"

เล่นเอาผมร้องไห้เป็นเผาเต่าเลย  :sad2:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 28-10-2007 16:16:26
เป็นเรื่องที่ซึ้งมากๆเลย และภาพที่นำมาลงก็สวยมากๆ  เป็นเรื่องแรกเลยนะเนี่ยที่เข้ามาอ่านในบอร์ดนี้   พออ่านจบก็รู้สึกอย่างแรกว่าอยากจะเรียนที่เชียงใหม่ขึ้นมาทันทีเลย ทั้งๆที่แต่ก่อนไม่เคยคิดอย่างนี้เลย
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: SHINNIHS ที่ 28-10-2007 19:56:06
บอกคำเดียวว่า เศร้า มากเลยครับไม่คิดว่า ฟ้าลั่นจะ...

ภูผาด้วย ทั้งที่ไม่มีอุปสรรคอะไรแล้ว แต่ทำไมความตายต้องพรัดพรากเขาทั้ง 2 ด้วย

อยากร้องไห้  :m15:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: ogrelover ที่ 30-10-2007 16:34:42
เศร้าเลย อ่านมาหวานอยู่ดีๆ อนิจจา ใครจะรู้ว่าอะไรจะเกิดกับเราบ้าง  เวลาสั้นนัก ถนอมความรักที่มี ทำให้ทุกๆ วันมีความสุขดีกว่า   ขอบคุณมากค่ะที่เขียนเรื่องดีๆ มาให้อ่าน  o14
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: ment12835 ที่ 11-11-2007 03:25:27
ง่า ผมอุตส่านั่งอ่านจนจบ ตอนแรก ก็นึกว่าจะไม่เป็นอย่างงี้ เศร้าจังเลยครับ :sad2:เป็นเรื่องที่สนุกมากเลยครับ o13ผมจะติดตามผมงานต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: snowblack ที่ 13-11-2007 21:22:54
อ่านรวดเดียวจบเลยครับ น้ำตาท่วมรวดเดียวเลยครับ แต่ก็ชอบนะครับ(มากๆเลยล่ะ)

จะติดตามผลงานของคุณ Andreas ต่อไปนะครับ ขอบคุณที่สร้างผลงานดีๆออกมาให้เราได้อ่านกันครับ


รักคนแต่งครับ :m1: :m3:


หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: buenococko ที่ 18-11-2007 04:57:28
หลังจากหาเว็บที่มีนิยายชายรักชายมาสักพักก็โชคดีที่ได้เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของบ้านหลังนี้ และนิยายเรื่องแรกที่อ่านก็ทำให้ผมติดหนับอ่านจนจบในเวลาสองสามวันด้วยอารมณ์ที่คล้อยตามไปกับเนื้อเรื่องที่คุณแอนเดรียเรียงร้อยได้เรียบเนียนด้วยภาษาที่สวยละมุนละไม สร้างภาพฝันให้เกิดขึ้นกับผมและคนอ่านอีกหลายคนด้วยโทนสีใสสดชื่นตาชื่นใจ ทั้งบุคลิกลักษณะ อุปนิสัยของตัวละครหลักและตัวละครที่อยู่รายล้อม ตลอดจนฉากหลังของเนื้อเรื่องที่ทำให้อ่านนิยายเรื่องนี้อย่างเต็มตื้นอยู่ในใจไปกับเนื้อหาที่สร้างสรรจรรโลงโลก และแสดงให้เห็นถึงพลังของความรักอันสวยงามของคนหลายๆคนที่เพศสภาพมิใช่เป็นอุปสรรคขัดขวางความรู้สึกดีๆที่มีมอบให้แก่กัน

ขอขอบคุณคุณแอนเดรียที่บรรจงแต้มแต่งเนื้อเรื่องให้ดำเนินไปในด้านที่สวยงามอยู่ตลอด แม้กระทั่งความตายที่เคยดูน่าหวาดกลัวก็กลับดูงดงามและอบอวลไปด้วยความรัก รักษาความรู้สึกที่ดีให้กับคนอ่านจนบรรทัดสุดท้าย และขอขอบคุณคุณบลูที่ได้นำเนื้อเรื่องมาเผยแพร่โดยยังไม่ได้ลบกระทู้นี้ออกไปและขอขอบคุณคุณปลายไผ่ที่ทำลิงค์ให้ผมได้มาอ่านเนื้อเรื่องที่น่าจดจำเรื่องนี้นะครับ

อิจฉาที่คุณแอนเดรียใช้ภาษาไทยและอังกฤษได้ดีมาก ทั้งๆที่ผมเดาว่าคุณแอนเดรียอยู่ในสายวิทยาศาสตร์ ให้คนสายภาษาอย่างผมได้อายไปเลยครับ ทำให้ผมนึกถึงคุณโตมร ศุขปรีชา ที่ถ้าผมจำไม่ผิดก็จบการศึกษาจากคณะวิทยาศาสตร์ มช ด้วยเหมือนกัน และเป็นคนที่ใช้ภาษาได้สวยงามมากอีกคนหนึ่งเช่นกัน

จะติดตามอ่านงานของคุณแอนเดรียต่อไปเรื่อยๆนะครับ

ปล. ที่มหาวิทยาลัยของผมการสอบวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกใช้คำว่า viva ครับ ซึ่งอาจจะต่างจากมหาวิทยาลัยอื่นในอังกฤษ

หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 21-11-2007 08:44:18
Dear All of My Beloved Readers,

It has been a great pleasure to know that there are some new readers who keep bringing this love story of mine to his/her eyes........

It is also an honor to read your replies..... It has never been matter for me if there is a long reply or a short reply..... since it speaks its own significance of how the reader sees my novel.

I wish I can write some more novels, but the other things in my life are taking the first priority now..... Working altogether with studying is always problematic.......

Anyway, it might be my mistake of using "comprehensive exam" or "dissertation defense" when I am taking about the British University. Those two words are general for any graduate studies. However, to be more correct; like Khun Buenococko kindly pointed out, when the test is performed orally in British and some other European universities including Australian universities, "viva voce examination" must be used.

I am neither familiar with the British university nor studying in UK...... so please do give me apology. I have been staying in USA and get used to those American words.

Anyway, thank you very much, Khun Buenococko, for pointing that out...... and let me clarify the correct term. By the way, your guess is right..... I am a scientist!!!

To be honest, I am not positive of knowing Khun โตมร ศุขปรีชา…. though I know there is quite a few CMU-Science Graduators who are considering as "writers". But they are much better than me!!!. Let’s say.. "Beyond the Comparison" 

I think, I have to go ...... It is getting late at night now..

Thank you all very much indeed again for your replies,

Best wishes,

Andreas

หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: nirun4 ที่ 05-12-2007 11:52:25
ชอบมากเลยครับ อ่านรวดเดียวจบเลย ซึ้งมากเลยครับ o15
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: YoOl ที่ 18-12-2007 01:29:07
หักมุม เหมือนหักคอเลย  :m15: :m15: :m15:

ทำไมเศร้าอีก แล้ววว  :m15: :m15: :m15:

อ่านเรื่องไหนๆก็เศร้าไปหมด เง้ออออออออ  :m15: :m15: :m15:

ฟ้าลั่น + ภูผา รักกันทุกชาติ จวบจนสุดสิ้นกาลเวลา ตราบนิรันดร   :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: GREENBE* ที่ 07-01-2008 21:36:29
น้ำตาร่วงเลยค่ะ ...
คือไม่นึกเหมือนกันนะว่าจะจบแบบนี้
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วทั้งเศร้าทั้งซึ้งทั้งอื่มเอมใจ
เป็นนิยายเรื่องที่ดีที่สุดเรื่องนึงเลย
แต่แลเหมือนจะอยู่ในความฝัน.. .

แต่ก็จริงค่ะ เวลาเราอยากหนีโลกแห่งความเป็นจริง
เราก็ต้องฝันเอา ...

เห้อ ...
ถึงตอนท้ายจะไม่มีชีวิตอยู่กันทั้งคู่
แต่มันก็กลายเป็นเรื่องแฮปปี้ไปเสียได้
สุดท้ายก็ได้เจอกันอยู่ดี ได้รักกัน
ได้อยู่ด้วยกันด้วย

ขอบคุณนะคะสำหรับทั้งไรท์เตอร์และคนโพส;) :m1:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: อาจารย์..สีฟ้า ที่ 09-01-2008 15:20:13
แม้เป็นเพียงแค่นิยายธรรมดาเรื่องหนึ่ง...แต่ยิ่งใหญ่มากสำหรับความรัก
งดงามทั้งภาษา...สถานที่...ตัวละคร

อาจจะเป็นเพียงนิยายเพียงเรื่องเดียวก็ได้ที่กล่าวถึง ความรักของชายรักชาย ได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด

แม้จะเศร้า...แต่มีความสุขครับ..ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆๆๆ :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: mango ที่ 27-01-2008 20:09:13
Thank you very much khun Andreas for a nice story, its make me feel so happy.

Many thanks to khun b|ueBOYhUb for your hard work to keep introduce good stories for us.

Is the book still on sales?  I’m a new member I just know this board.

Please for give me with my English, I can read and write Thai but my computer can’t.

Take care,

mango  :pig4:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: Zodiac ที่ 05-02-2008 17:29:35
ตอนแรกจะอ่านอยู่นี่หละคับ แต่เห็นชื่อกระทู้ขอโพสท์ก่อนดีกว่า
จะวางแผงหรอ วางแผงที่ร้านทั่วไปหรือเปล่าคับ
แล้วจำนวนเยอะมากมาย
ที่ำสำคัญเปิดรับสั่งจองอยู่รึเปล่า

อยากจองๆๆๆๆๆ ใครรู้ช่วยบอกทีค้าบบบ ...
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: Zodiac ที่ 06-02-2008 16:49:42
โลกที่จะมีแค่เพียงกันและกัน......โลกของ “ภูผาและฟ้าลั่น”

อุตส่าห์เก็บกั้นน้ำตามานาน ทำไมถึงมาปล่อยตอนสุดท้ายได้นะ
เนื้อเรื่องโดนใจมากๆครับ แล้วก็เศร้าด้วย :m15:
แต่ประโยคข้างต้นก็เป็นจินตนาการที่ทำให้ผมอมยิ้มได้เหมือนกัน
หลังละทิ้งโลกแห่งความเป็นจริงไป
โลกต่อไปที่ที่รอคอยอยู่ คือโลกที่มีคนสองคน
คนสองคนที่รักกันตราบชั่วนิรันดร์ ...
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: Ryuse ที่ 06-02-2008 17:27:07
พออ่านจบแล้ว . . . หัวใจมันเบาหวิว แถมด้วยอาการปวดแปลกๆ เหมือนกับหัวใจมันกำลังจะหลุดออกมาจากอก คงอธิบายอาการทั้งหมดได้ด้วยคำว่า "เจ็บ" :o7:

ถึงตอนจบจะสวยงามขนาดไหน เรา, คนที่ยืนอยู่ข้างหลังนี้, ก็ยังคงจะเก็บค.รู้สึกนี้ไปอีกนาน :undecided:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: FRODO ที่ 16-02-2008 21:32:04
 :m15: ขอบอกว่าปกติเราจะเป็นคนที่ไม่อ่านอะไรที่เศร้า ๆ เลยรับไม่ได้ค่ะ  ยกเว้นเรื่องนี้ค่ะ ไอ้ตอนแรก ๆ อ่านไปยิ้มไปจนเมื่อยแก้ม  พอตอนท้าย อ่านไปร้องไห้ไป เช็ดน้ำมูกไป แถมปวดตาอีกต่างหาก  ทำไม๊ทำไมมันเศร้าอย่างนี้แทบทำใจไม่ได้ ฮือๆๆๆๆๆๆๆ :m15:  ดีนะที่ตบท้ายแถมให้แฮปปี้หน่อย ไม่งั้นคืนนี้นอนไม่หลับแน่ ฮือๆๆๆๆ  :m15:
  ขอชมค่ะว่าคุณ Andreas เขียนได้ดีมากเลยค่ะ  เนียนมาก และพิมพ์ข้อความผิดน้อยมากๆเลยค่ะ  เพราะเดี๋ยวนี้จะหาพวกที่ใส่ใจในการพิมพ์ให้ถูกต้องนั้นไม่ค่อยจะมีเลย    ขอบคุณมากนะคะที่ผลิตผลงานดีๆ แบบนี้มาให้เราได้อ่านกัน  และเราขอเป็นกำลังใจให้คุณผลิตผลงานดีๆ แบบนี้ออกมากเรื่อยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ  ฮือๆๆๆๆๆ :m15:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 12-03-2008 05:05:25
:impress: :impress: :impress:

อ่าครับผม มาอ่านใหม่ครับผมชอบมากๆๆเลย

แต่ยังอ่านไม่จบครับผม

:impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: __ .iMzii3 ที่ 18-03-2008 17:54:47
ที่จริงก็อ่านจบนานแล้ว
แต่พึ่งจะได้เข้ามาเม้นท์
แหะๆ    :m23:



.
ชอบมากๆเลยแหละครับ
ฝีมือการแต่งดีจริงๆเลย

.
พี่สามารถทำให้ผม
อินกับเรื่องนี้ได้มาก
ไม่ว่าจะ อ่านไปร้องไห้ไป
ไปเห็นอะไรที่ทำให้นึกถึงเรื่องนี้
ก้น้ำตาคลอๆได้แล้วนะครับ
จริงๆเลยนะฮะ ^^



.
ขอบคุณมากๆเลยนะครับ
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: tutankamen ที่ 19-03-2008 05:07:28
ยอดเยี่ยมครับ :a3:

ผมไม่สามารถหาคำดีๆเพราะๆมายกยอเรื่องนี้ได้....
 o7
ว่าแต่เป็นเรื่องที่ 3 ที่ทำให้ผมเปลืองน้ำตาขนาดนี้ :bye2:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: Gussohigh ที่ 20-03-2008 19:43:01
ได้ยินเรื่องนี้ มานานเหมือนกาน แต่ไม่มีโอกาสได้เข้ามาอ่านเลย

วันนี้เลยถือโออาส มาอ่านๆจบในวันเดียเลย ประทับใจมากๆ

ความรัก ที่สวยงาม และบริสุทธิ์ เป็นสิ่งที่สวยงามเสมอ ครับ

 :m15:  :o12:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: TonG_x_Zhi ที่ 14-04-2008 02:35:27
เคยเห็นเรื่องนี้นานแล้ว แต่เมื่อวานเพิ่งนั่งอ่านจนจบแล้วครับ  ทั้งสำนวนการใช้ภาษาในการแต่ง   คำกลอนที่แทรกในเนื้อเรื่อง

การบรรยายให้เห็นภาพของลูกช้างขึ้นดอยและอื่นๆ   สุดยอดเลยพี่...ขั้นเทพอ่ะพี่

จะติดตามเรื่องใหม่ของพี่นะครับ

ชอบมากกก  เรื่องนี้ ถ้าพิมพ์จำหน่ายเมื่อไร  บอกด้วยนะครับ 
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 21-04-2008 18:57:12
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

อ่านเป็นรอบที่สาม

ก็ยังน้ำตาซึมเหมือนเดิม

ยังไงก็ยังรออ่านภาคสามอยู่นะครับ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: akiemasa ที่ 24-04-2008 13:36:11
อ่านจบแล้วค่ะ

เศร้าไปเลย ไม่ได้เศร้าตอนจบหรอกนะคะ

แต่มาเศร้าตอนที่อ่านทั้งเรื่องแล้วย้อนอ่านตอนแรกๆ ที่เค้าเพิ่งรู้จักกัน

กว่าจะมารักกัน พอคิดว่ามันเป็นแค่อดีต ก็เศร้าเลย

อดสงสารไม่ได้ ที่สุดแล้ว ภูผากับฟ้าลั่นเหลือแต่ชื่อและในความทรงจำของ ศิวะกับจอมยุทธิ์

สงสารคนที่อยู่ค่ะ คงเจ็บปวดกว่ามาก

และเศร้ากับรักแท้แพ้โชคชะตาของทั้ง 2 คน

จะวางแผงเมื่อไหร่คะ หาซื้อได้ทั่วไปมั้ยคะ

อยากได้มากๆเลย

เรื่องนี้ หวานเศร้า ซึ้งไปทั้งเรื่องเลย
ชอบอารมณ์แบบนี้มากๆ เหมือน วรรณกรรมญี่ปุ่นเลย

ยังไงรอเรื่องต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 27-04-2008 10:20:13
 :m1: ขอบคุณทุกๆๆท่านที่ติดตามอ่านนิยายเรื่องนี้นะครับ

ดีใจที่ได้อ่านรีพลายของทุกคนครับ....

สวัสดีครับ

Andreas
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 27-04-2008 20:41:24
คิดถึง...เลยแวะมาอ่านอีกรอบ...
กี่ครั้งก็ยังเหมือนเดิม... :m15:
 :L2:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: Aofering ที่ 16-05-2008 13:11:09
ขอบคุณนิยายดีๆเรื่องนี้คับ " วีรกรรมรักของภูผากับฟ้าลั่น "

ขอบคุณ คุณAndreas ที่แต่งนิยายดีๆเรื่องนี้ให้ได้อ่านกัน

ได้รับรู้บรรยากาศของเมืองเชียงใหม่ที่สวยงาม

ความรักที่มีเพิ่มมากขึ้น เริ่มจากความไม่แน่ใจ จนเป็นรักที่งดงาม

และจบลงด้วยน้ำตา

.....

ถึงความรัก

      แม้มันจะเป็นสิ่งที่ห้ามไม่ได้ให้มันเกิด

แต่ก็เรียนรู้ได้ที่จะรับมัน แม้จะมีอุปสรรคมากมาย

ความรักของทั้ง 2 จะยังอยู่ในใจหลายๆคน

แม้ตัวละครทั้ง 2 จะไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้

แต่ความทรงจำดีๆของทั้ง 2 จะยังอยู่ในใจเสมอ

.....

ถึงภูผาและฟ้าลั่น

     ตอนนี้คงได้อยู่ด้วยกันเสมอ ตลอดไป ตลอดกาล

หากความรักมันไม่อาจแยกเพศได้

แต่ความรักมันทำให้ 2 คนได้รู้จักคำว่า " กันและกัน "

ได้ใช้เวลาที่ดีอยู่ด้วยกัน

ถึงจะทรมาน ใน ตอนสุดท้าย

แต่ก็ยังมีตัวเล็กกำเนิดขึ้นทดแทนความรักของทั้ง 2

......

ขอให้ตัวเล็กโตขึ้นเจอสิ่งสวยงาม

ที่ทีแต่ความรัก ความห่วงใย

ที่ 2 คนมีให้ตลอดไป

แม้เค้า 2 คนจะไม่ได้อยู่ดูแลอีกแล้วตลอดกาล

.....

ขอบคุณนิยายเรื่องนี้ ที่ทำให้มีกำลังใจที่จะรักใครมากขึ้น

ให้ความสำคัญกับคนรอบๆข้าง ก่อนที่จะสายไป

ให้ความรักแบ่งปันกับสิ่งต่างๆรอบกาย

ก่อนวันนั้น วันที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีกต่อไป

.....

ขอให้ ภูผาและฟ้าลั่น รักกันตลอดไป

Aofering
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: Mint ที่ 11-06-2008 20:00:34
 :sad2: :sad2: :sad2:

ขอบคุณที่แ่ต่งนิยายดีๆมาให้อ่านนะคะ

ความรักเป็นสิ่งที่สวยงามค่ะ

อิอิ บรรยายบรรกาศ ม.ช. ได้สมจริงมาก

สงสัยจังว่าเป็นเด็ก ม.ช. เก่าอ๊ะเปล่า

 o13 o13  :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 13-06-2008 00:20:31
Thank you all very much indeed for your replies. I am always grateful when I read them.

Anyway, to Khun Mint....  I was and still is a student in Chaing Mai University. The place is my past... present... and probably future home....

A place I can call home...sweet and warm welcoming home...as always.

Andreas
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: ๐DoNuT๐ ที่ 13-06-2008 21:09:58
โฮฮฮฮฮ อ่านจบแล้วครับ
เศร้าแบบแฮปปี้ เอ๊ะยังไง555+
ขอบคุณที่แต่งเรื่องๆดีมาให้อ่านนะคึรับ ^^
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 15-06-2008 02:02:46


งดงาม  และตราตรึง ครับ ขอชม คุณAndreas จากใจน่ะ

ไม่รู้ไปอยู่ไปมาเพิ่งอ่านจบอ่ะ ทั้งที่แต่งมาตั้ง 2 ปีและ

ขอบคุณน่ะ
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: Lalunar ที่ 22-06-2008 21:21:24
สวัสดีครับ
       
       ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ คุณAndreas ผู้แต่งเรื่องนี้มาให้พวกเราได้อ่านก่อนเลยนะครับ ถึงจะออกตัวว่าไม่ใช่มืออาชีพ แต่เรื่องนี้ก็จับใจผมมากจริงๆ ขอเป็นกำลังใจให้ด้วยคนนะครับ จะตั้งตารอผลงานใหม่ๆของ คุณ Andreas ตลอดนะครับ :pig4:
         
      ผมเพิ่งอ่านเรื่องนี้ อ่านรวดเดียวจบเลย ชอบมากเลยครับ :oni2: เห็นด้วยนะครับ ว่าแม้จะเป็นเรื่องของความฝัน แต่มันก็ทำให้หัวใจชุ่มชื่น ชีวิตที่ไม่มีความฝัน มันคงจะแห้งแล้งน่าดู :sad2:

       ถึงเรื่องนี้จะมีตอนจบที่ทำให้เสียน้ำตา แต่ผมคิดว่า เรื่องที่เราสมควรจดจำคือเรื่องที่ดีๆ เวลาที่มีความสุข ไม่ใช่เหรอครับ ขอเป็นกำลังใจให้กับเพื่อนๆทุกคนนะครับ ผมเชื่อว่า สักวันเราคงจะมีความรักที่มีความสุขได้ แม้จะไม่ใช่รักที่สมบูรณ์แบบอย่างที่หวังไว้(ทำเหมือนตัวเองมีแฟนมีความรักแล้วเลยเนอะ)

       สุดท้ายนี้ผมในฐานะน้องใหม่ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ :a2:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: εїзป่วงน้อยεїз™ ที่ 23-06-2008 23:37:59
ขอขอบคุณพี่ Andreas ที่แต่งเรื่องดีๆมาให้อ่านนะคะ  :m13:

เพื่อนส่ง link นิยายเรื่องนี้มาให้บอกให้ลองมาอ่านดู ตอนแรกหนูก็คิดว่าเหมือนนิยายทั่วๆไป
แต่พออ่านไปเรื่อยๆ ประทับใจค่ะ เลยอ่านรวดเดียวจบเลย เริ่มอ่านตั้งแ่ต่บ่ายโมงอ่านจบตอน 5 ทุ่ม เป็นอะไรที่มาราธอนมาก

หนูชอบสำนวนการแต่งของพี่นะคะ เนื้อเรื่องสบายๆ อ่านแล้วยิ้มไปด้วย แบบว่ามีความสุขที่ได้อ่านน่ะ่ค่ะ (อธิบายไม่ถูกแฮะ)  :m1:

แต่ตอนจบหนูนึกว่าจะจบแบบ Happy ending สรุปจบแบบเศร้า น้ำตาไหลพรากเลย  :m15:

หนูจะติดตามผลงานของพี่ต่อไปนะคะ + ต่อไปคงฝากตัวเป็นสมาชิกบอร์ดนี้อีกคน อิอิ

ปล. หนูแสดงความคิดเห็นไม่เก่ง ออกจะวกวนไปนิด อย่าถือสานะคะ  :m23:

หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: toffvckc ที่ 20-09-2008 13:49:57
Dear Khun Andreas,

I have just finished reading your story and I am really touched by it. You took the nonconformist approach in making the plot and idealistic one. In my opinion, your twist at the end does not make this story a tragedy but rather lays a solid foundation for the sequel, which I will be reading very soon. Your characterization is great. The characters are not just plain “black and white”; instead there are complexities in all of them. For example, Phalan is strong, stolid and looks confident, but his preference to hide his eyes shows his reluctance to reveal the softer side of him. With his roommate at his side, Phalan becomes more open about his appearance and thus their intimate bond forms. Additionally, your somewhat rhetorical writing style really involves the readers into the story. This makes your story really stands out.

Whether intended or not, there are two significant themes presented in this story. Firstly, your plot shows the concept of an ideal world but then laments this world’s failure. This is “An Inconvenient Truth” that we must face. No matter how perfect one wants things to be, they’re not. The second theme which stands out is the rising power of science and the deteriorating significance of religion. You presented this theme through Phoopa’s decision to create a baby using two males’ genes. It is imminent that we as humankind develop more technological reliance than spiritual insights, although this is much truer in the Western Society than the Eastern one.

Overall, I really enjoyed your story and look forward to your next ones,
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 22-09-2008 09:07:46
สวัสดีครับผู้อ่านที่น่ารักทุกคนครับ

ก่อนอื่นผมคงต้องขอบคุณ (คุณ narch, คุณ Aofering, คุณ mint, คุณ Donuto, คุณกิมตี๋, คุณ Lalunar, คุณ liparnil และคุณ toffvck และทุกๆท่านจากหน้าก่อนๆๆ)สำหรับความคิดเห็นต่างๆๆนะครับ.... อ่านที่ไรก็ทำให้ผมดีใจและมีกำลังใจในการหาข้อมูลเพื่อเขียนนิยายเรื่องต่อๆๆไปครับ...

สำหรับรีพลายของคุณ toffvck นั้น ต้องขอชมจากใจจริงว่าเป็นบุคคลที่ใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างดีเยี่ยม ชนิดที่ว่าไม่เห็นร่องรอยของความเป็นคนไทยให้เห็นเลย คิดว่าน่าจะใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแรกด้วยซ้ำ เพราะเขียนได้สวยมาก รวมถึงตีความในงานเขียนของผมได้ชนิดที่เหมือนกับนั่งลงไปในใจผมทีเดียว (เดาว่ามีพื้นฐานที่ดีมากทางด้าน English Literature---->วิชาที่ผมเรียนอย่างไรก็คงไม่น่าจะผ่าน 55555)

สำหรับคำชมที่ทุกท่านให้ผมมากับงานเขียนเรื่องนี้ ผมคงต้องมอบเครดิตให้แก่ครูบาอาจารย์ที่สอนวิชาภาษาไทยให้กับผม รวมถึงนักเขียนนิยายต่างๆๆที่ผมอ่านเป็นประจำ....แต่ที่จะขาดเสียไม่ได้คือ เพื่อนๆๆทุกคนจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่ผมเคยศึกษามาเกือบสิบปี ผมได้นำเอาลักษณะนิสัยของเพื่อนๆๆในกลุ่มของผมมาดัดแปลงเป็นตัวละคร เพื่อทำให้มีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าตัวละครปกติ

มันเป็นความตั้งใจของผมที่จะเขียนนิยายที่มีเนื้อหาในทางบวก ใช้บรรยากาศของโลกที่หลายคนอาจเห็นว่ามันเป็นความฝัน แต่สำหรับผม ผมเห็นว่ามันเป็นโลกแห่งความเป็นจริง เพราะอย่างน้อยผมก็ประสบมาด้วยตัวเอง...ชีวิตที่ผ่านมาของผมและเพื่อนๆๆ เราไม่เคยมีตัวอิจฉา เพราะมีแต่คำว่ามิตรภาพและความรักความห่วงใยซึ่งกันและกัน... การที่คนเราอนุญาตให้มีตัวอิจฉาเกิดขึ้นในชีวิต นั้นหมายความว่า คนคนนั้นดำเนินชีวิตโดยประมาทและไร้สติปัญญาที่ดี.... คนที่ฉลาดและเติบโตมากับการอบรมสั่งสอนที่ดีและมีเพื่อนที่ดี ไม่ควรจะต้องมาผจญกับตัวอิจฉาครับ...

ตัวผมเองนั้นเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีความเชื่อว่าเราสามารถเอาชนะธรรมชาติได้ ถ้าเราเรียนรู้ที่จะเข้าใจธรรมชาติ.... ศาสนาอื่นๆๆที่มิใช่ศาสนาพุทธดูเหมือนว่าจะถูกสร้างขึ้นจากความกลัว "ธรรมชาติ"..... เมื่อมีความ "กลัว" ก็ต้องมีการห้ามโน่นห้ามนี่ให้วุ่นวาย....ในทางกลับกัน ศาสนาพุทธนั้นถูกสร้างขึ้นมาจากการเข้าใจธรรมชาติ ดังนั้นจึงไม่มีความกลัว แต่จะเน้นให้ตระหนักถึงความสมเหตุสมผลมากกว่า....

ในปัจจุบัน เมื่อ"ธรรมชาติ"ถูกอธิบายมากขึ้น ความกลัวจึงลดลง ทุกอย่างมีความเป็นรูปธรรมมากขึ้น...ผลสุดท้าย ศาสนาที่ตั้งอยู่บนความเชื่ออย่างเดียวก็ถูกท้าทายและอ่อนกระแสลง.... ในทางตรงกันข้าม ศาสตร์ที่ถูกนำมาอธิบายธรรมชาตินั้นก็กล้าแข็งขึ้นเรื่อยๆๆ จนเกือบจะกลายเป็นศาสนาอีกอันหนึ่ง ซึ่งแข็งกร้าวและปราศจากความสงบ....

สิ่งเดียวกระมังในปัจจุบันที่สามารถโยงทุกผู้ทุกคนไว้ด้วยกันนอกเหนื่อจากศาสนา...คือ..."ความรัก"....

และความรักคือสิ่งที่อยู่เหนือความสมเหตสมผลของสรรพสิ่งทั้งปวง.....

สวัสดีครับ

Andreas
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: dorgchant ที่ 22-09-2008 09:48:05
มาทักทายคุณ Andreas

เพิ่งเริ่มอ่านได้ 2 ตอนเอง จะอ่านให้จบก่อนเลิกงานให้ได้เลยคอยดู  :m1:

-----------------------------------------------------------------------------

เอ่อ คือ อ่านจบแล้วครับ (เชยจังเรา)

ร้องไห้กลางออฟฟิศเลยครับ ทำเอาคนอื่นตกตกใจกันหมดเลย
ประเดี๋ยวจะตามไปอ่านภาคต่อนะครับ
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: toffvckc ที่ 26-09-2008 21:45:59
ขอบคุณที่ชมนะครับพี่ Andreas ผมไม่ได้เก่งอะไรมากมายหรอกครับแล้วยังใช้คำผิดด้วย อิอิ เรื่องสนุกมากครับ

I humbly thank you for your praise.
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: akaipee ที่ 30-09-2008 09:38:24
เพิ่งเข้ามาเป็นไข่เป็ดใบใหม่ค่ะ

อ่านแล้วค่ะ น้ำตาตกไปสองรอบ  :m15:เขียนได้สวยมากเลย อยากมีความรักแบบภูผากะฟ้าลั่นมั้งจัง รักแบบไม่ต้องจำกัดความ  รักเพราะรักคนคนนี้ ไม่เลือกว่าจะเพศ แค่รู้ว่ารักก้อพอ  :L1:
อ่านตอนแรกน่ารักมากเลยค่ะ  ตอนจบต่อมน้ำตาทำงานได้แบบรวดเร็วมากค่ะ  เรื่องสนุกค่ะรอเป็นเล่มค่ะ
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: name ที่ 01-10-2008 22:35:10
ชอบแบบว่าสุดๆมากครับ o13

เป็นความรักที่บริสุทธิ์มากครับ :m1:

ต้องยอมรับเลยว่าทำเอาผมน้ำตาตกเลย :o12:

ขอบคุณสำหรับเรื่องนี้นะครับ :m12:

ใช้ภาษาได้สวยงามมากๆเลยครับ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: runglovely3 ที่ 02-01-2009 18:26:28
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆครับ :oo1:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: Chanta ที่ 03-01-2009 23:53:11
 :-[  :impress2:

ไม่รุจะบรรยายยังไงดีอ่ะ.......

เข้ามาอ่าน........ กะว่าจะเม้นตอนท้าย.....

แต่ไม่ไหวแล้ว ...... มาเม้นก่อนดีกว่า..........

น่ารักมากเลย..........

เห็นภาพเลย........ อาจจะเปนเพราะว่า....

ยังไงดี บอกไม่ถูก ...

เราเปนคนที่อยู่แถวนั้น เหมือนกันมั้ง

เลยรุสึกประทับใจเรื่องนี้มากๆ

แต่ก้ออยากถามนิดนึงอ่ะ.....

จะถามดีมั้ยอ่ะ........ ไม่กล้าอ่ะ.....

เปนเรื่องจิงรึป่าวอ่ะ.......

ขอโทดน่ะ ถ้าเราถามแล้วไม่ชอบอ่ะ.....

แต่ชอบน่ะ เราเพิ่งเคยอ่าน แบบที่มีกลอนด้วยอ่ะ

ถ้าแต่งกลอนเองด้วย น่ะ ยิ่งประทับใจมากกว่าเดิมอีก

ขอบคุนที่มีเรื่องราวมาให้อ่านแบบนี้

จะติดตามผลงานต่อไปน่ะ

 o18 :L2:

หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: Chanta ที่ 04-01-2009 00:02:23
 :sad4: :o12:

น้ำตาจะไหลอ่ะ

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว........

แอบงงนิดนึง........

ไม่เปนไรจะรีบทำความเข้าใจ......

เราเข้าใจอะไรยากน่ะ.........

หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: Chanta ที่ 04-01-2009 00:15:56
 :sad11: :sad11:
น้ำตาไหลแบบไม่รุตัวจิงๆเลยอ่ะ.....

ได้ชีวิตใหม่ขึ้นมา พร้อมกับการสูญเสีย........

แต่ได้มาด้วยความรัก .......

ได้ชีวิต และ ลมหายใจของ 2 ชีวิต ที่รักกัน...........

ชอบมากเลย........

มีหนังสือออก ขาย ด้วยหรือ

ตอนนี้จะหาทันมั้ยอ่ะ....

อยากได้มากๆเลย

ใครมีรายละเอียด รบกวนส่งเมลบอกได้มั้ย

chin_chan4อย่าแสดงเมลบนบอร์ด.com

ขอบคุนมาก
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 05-01-2009 07:28:31
ก่อนอื่นต้องขอสวัสดีปีใหม่กับนักอ่านที่น่ารักทุกท่านนะครับ....ขอให้มีความสุขและความสำเร็จอย่างที่ตั้งหวังไว้ในปีนี้นะครับ...

ตอบคุณ Chanta (จันทรา?)---> ผมยังไม่มีโอกาสเอานิยายไปเสนอสำนักพิมพ์เลยครับ ไม่มีเวลา และยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี เพื่อให้ทำเงินได้เหมาะสมกับการบริจาคเพื่อการกุศลน่ะครับ....

ท่านใดมีความเห็นอย่างไรบ้างครับ...รบกวนช่วยให้คำแนะนำให้ผมหน่อยได้มั้ยครับ... เพราะผมกะว่าจะนำเงินที่ได้ทั้งหมดจากการพิมพ์ ไปบริจาคให้วัดพระบาทน้ำพุครับผม

สวัสดีครับ

Andreas
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 05-01-2009 12:16:44

คิดถึงคนเขียนเรื่องนี้คะ

จุ๊ฟๆ

ส่วนเรื่องสำนักพิมพ์ก็  ไม่มีฟามรุ  อิอิ

สรุปว่า โง่ ตลอด

เอิ้กๆ
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 06-01-2009 18:05:04

ประทับใจเรื่องนี้จังเลยค่ะ
อ่านแรกๆ คิดว่า เรื่องมันเรื่อยไป
แต่กลับกลายเป็นว่า  เลิกอ่านไม่ได้

ประทับใจในความรักของคนสองคน
ชอบแนวคิด การใช้ชีวิต
ความเป็นตัวของตัวเองของทั้งคู่

เหมือนสายใยบางๆของความรัก ของตัวละครในเรื่องนี้
มัดเราไว้ด้วยงั้นแหละ

ตอนจบ น้ำตาซึมเลยค่ะ
เพราะเค้ารักกัน .... เค้าก็คงจะลังมีความสุขที่ได้อยู่ด้วยกัน


ขอบคุณสำหรับนิยายดีดีนะคะ

 :pig4:




หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: maggy ที่ 11-01-2009 06:43:26
เศร้าค่ะ อ่านจบแล้วพูดได้คำเดียวเลยว่าเศร้า

อ่านจบแล้วทำให้คิดว่าชีวิตคนเรานี้ไม่แน่ไม่นอนจริงๆ

ทำให้รู้สึกอยากให้ไปกอดคนใกล้ๆตัว

บางทีนิยายก็ทำให้เราฉุกคิดในสิ่งที่เราอาจจะละเลยไป

ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีมาให้อ่านนะคะ

ภาษาสวยมากจริงๆ
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: koihime ที่ 13-03-2009 22:52:12
ก่อนอื่นต้องสวัสดีคุณ Andreas ก่อน  :กอด1:

อ่านตอนเริ่มเรื่องก็หวานกันดีอยู่น้าาา  :m1:

แต่พอมาตอนจะจบ.... :sad2:  :monkeysad:

มันพลิกล็อคไปมากเลย....

แต่สุดท้ายแล้ว...ก็มา Happy ตรงภูฟ้าเนี่ยแหละ

ชอบที่ไปนั่นตรงหลุมศพของภูผากับฟ้าลั่น  :sad11:

นับถือความรักของทั้ง สอง คน มากๆ

แล้วก็ความรักที่พี่เสือกับอาจอมมีให้กับภูฟ้า....

ขอให้เขียนเรื่องราวดีๆมาให้อ่านอีกนะ ^^
 
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องũ
เริ่มหัวข้อโดย: peemai ที่ 04-06-2009 05:39:29
Dear Khun Andreas,

 As I'm a newcomer here, it's quite troublesome for me in order to pick out one novel out of a massive list. However, as I was scanning through a "recommended novels" page, I was convinced by all compliments and good rumours of the audiences toward your novel. Consequently, I decided to grant "Falan & Bhupha" a try. Yet, my reluctance was ascending due to a perception of dejection and loss awaiting at the closing stage. I have to confess that I spoilt myself from the excitation of catching up chapter by chapter by allowing myself to skim through the conclusion.

Negative or depressive narrative has never been my fovourite since I'm rather an emotional person. Personally, I fancy those happy ending novels albeit it sometimes fails to harmonise with reality. The latter reason is the major cause that I disenchanted Thai and Korean series. Thus, I have to carefully consider whether to involve myself in the world of Falan & Bhupha or not because I might end up crying my heart out over my beloved characters that passed away. Nonetheless, the admirations and appreciations of the audiences toward the novel are so persuasive that I finally decided to take the risk.

Astonishingly, the sensation at the end of the story was not quite what I had expected. Sad, of course, but somehow overwhelmed with complacence and affection. Beside an enduring love of the two main characters, the story had demonstrated the supremacy of compassion, forgiving, generosity along with understanding through each line. What I have learned is that there is no such thing like conquest or defeat on the matter of love. Merely possession does not indicate the sign of love, on the contrary, you can always love without possession.

In conclusion, I would rather classify this story as a beautiful and encouraging love novel. The love that even death cannot abolish the cohere bond. Moreover, the language used is undeniably beautiful Thai language and, of course, beautiful poetry. Thank you Khun Andreas for your kind contribution. Your characters will always be alive in my imagination.

Regards,

Peemai

P.S. Please excuse my broken English as I am in a hurry.
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: patz ที่ 07-06-2009 06:49:21
เพิ่งอ่านจบครับ ตอนที่อ่าน ภาพสถานที่ต่างๆใน มช. และบริเวณใกล้เคียง ลอยมาเลยครับ ทั้งบรรยากาศของศาลาธรรม อ่างแก้ว หอใน หอพิมชาเล่ต์ ฯลฯ

ชอบเรื่องนี้อีกอย่าง ตรงที่อารมณ์ตอนอ่าน ต่อเนื่อง ไม่มีความรู้สึกเหวี่ยง หรือเคืองตัวละครใดเลย ตอนหวานก็หวานกันดี ตอนเศร้าก็เศร้าได้สุดๆไปเลย ชอบมากๆครับ



ปล.แล้วน้องภูจะเป็นอะไรมากรึเปล่าอะครับเนี่ย
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: ToeyTato ที่ 07-06-2009 13:48:47
ชอบคุณสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้นะค่ะ
สนุกมากๆเลย มันได้อารมณ์ ฝันๆ ฟุ้งๆ อ่ะค่ะ
ชอบบ อ่านแล้วอารมณ์ดีมากเลย
แต่ตอนจบนี่แบบ อึ้งไปเลยค่ะ
น้ำตาไหลอย่างกับท่อปะปาแตก 555
แต่น้ำตาไหลแบบว่ารู้สึกดีนะค่ะ รับรู้ถึงความรัก
ของภูผาและฟ้าลั่นมากกเลย
อยากบอกว่าอ่านแล้วอยากเรียน มช. อ่ะค่ะ 555
แต่รู้สึกว่าจะไม่ทันแล้วเพราะว่าเพิ่งจบ  :z3:

ขอบคุณนะค่ะแล้วจะตามอ่านเรื่องต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: Me_kame_nishi ที่ 08-06-2009 07:34:48
 :impress3: :impress3: อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ เรื่องชวนติดตาม ภาษาก็สวยงาม แต่ทำเค้าร้องไห้เสียน้ำตาตอนจบนะ รู้สึกซึ้งมากๆ ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้นะ แต่ชีวิตคน ก็เป็นแบบนี้ละไม่แน่ไม่นอน
จะติดตามอ่านเรื่องต่อๆไปนะค่ะ :bye2:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: QUE1 ที่ 25-09-2009 03:05:37
อ่านจบแล้วครับ
ซึ้งมากมายเชียว
แอบ เสียน้ำตา ตอนจบ
อ่านไปยิ้มไปกับ ความรัก ของฟ้าลั่นและหมอก
แต่ดันมาร้องไห้ตอนจบ...

สนุกมากๆเลยค่ะเรื่องนี้ ซึ้งมาก เห็นว่าจะออกหนังสือแล้ว
ขอให้ขายได้เยอะๆ นะค่ะ เนื้อเรื่องดีๆ แบบนี้ขายได้แน่นอนค่ะ

เอาใจช่วยค่ะ
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: BABOO ที่ 01-10-2009 22:33:23
ขอบคุณมากค่ะ

แอบร้องไห้ด้วยอ่ะ

 o13 o13
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: chivalry ที่ 11-01-2010 02:36:09

ขอบคุณจริงๆที่สร้าง ภูผาและฟ้าลั่น ขึ้นมาประทับใจในความรัก
ของ ภูผาและฟ้าลั่น มาก รวมถึงความรักของ จอม  พี่เสือ และคริส
รักทุกคนในเรื่องนี้  รักครอบครัวที่ให้โอกาส เสียใจสำหรับการจากไป
ของ ภูผาและฟ้าลั่น ประทับใจมากๆๆๆ
--- ถ้าออกหนังสือแล้วขอซื้อเก็บเป็นที่ระลึกนะ --
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: ~MeiMeiZ@~ ที่ 16-03-2010 16:00:40
เพิ่งตามมาอ่านค่ะ แต่แบบว่า อ่านรวดเดียวจบเลย :o8:
ขอบคุณนะคะที่แต่งเรื่องแนวนี้ออกมา
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วรู้สึกอิ่มใจมาก
ถึงแม้ว่าตอนจบจะเศร้า  :o12: แต่ก็เศร้าแบบhappy เอ๊ะยังไง :oni1:
สรุปคือ อิ่มมากค่ะ อิ่มมาก รักไรท์เตอร์นะคะ :impress2:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: pppp ที่ 24-04-2010 03:33:58
สนุกมากๆ น้ำตาซึมเลยค่ะ
ภาษาก็สวย อ่านเพลินไม่สะดุดเลย
เรื่องนี้มันเป็นความรักในแง่บวก
อ่านแล้วสบายใจ ยิ้มตามได้ตลอดเลย
ไม่คิดว่าจะจบแบบแอบเศร้า (น้ำตาซึม แหะๆ)
แต่ก็ถือว่าจบแฮปปี้ล่ะเนอะ มีน้องภูฟ้าด้วย  :L2:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: sim ที่ 21-05-2010 21:43:23
เป็นเรื่องที่ซึ่งกินใจมาก ตอนอ่านก็รู้สึกว่าเนื้อเรื่องดำเนินไปเรื่อยๆ เป็นความรักที่เกิดจากความผูกผัน
โดยเริ่มจากเพื่อนไม่มีอะไรที่หวือหว่า แต่ก็หยุดอ่านไม่ได้ไม่รู้เป็นอะไร แต่พออ่านมาถึงตอนจบ
รู้สึกว่าเป็นอะไรที่ช็อคมากๆๆ งงว่าทำไมต้องให้ฟ้าลั่นกับภูผาตายด้วย ตอนอ่านช่วงนี้ขอบอกเลยว่า
นั่งร้องไห้เลยแหละ  และก็รู้สึกได้เลยว่าภูผากับฟ้าลั่นรักกันมากแม้ความตายจะแยกพวกเขาให้ห่างกัน
แต่ภูผายังให้กำเนิดสิ่งที่เป็นพยานรักของพวกขึ้นมา เป็นอะไรที่ซึ้งกินใจจริงๆๆ
และพี่เสือเป็นผู้ชายที่สุดยอดจริงๆๆ รักไม่จำเป็นต้องครอบครองเสมอไป พี่เสือเหมาะกับคำนี้มากๆๆ
  :impress3: :impress3: :impress3:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: pu4755 ที่ 24-05-2010 13:13:09
ไม่ว่าจะอ่านกี่ครั้งก็ยังประทับใจเหมือนเดิม  :pig4:
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น จะวางแผงแล้วอาจลบเรื่องออก
เริ่มหัวข้อโดย: beautyless ที่ 29-05-2010 17:27:48
อ่านจบแล้วผมรู้สึกเศร้านิดๆ เสียดายที่ทั้งคู่มีเวลาอยู่ด้วยกันน้อยไปหน่อย แต่ว่าความรักของทั้งคู่ก็ยังคงอยู่ตลอดไป
ผมเชื่อมั่นอย่างนั้น

การใช้ภาษาสวยงามมากเลยครับ แต่ก็ไม่ยากที่คนธรรมดาอย่างผมจะเข้าใจได้
เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่รู้สึกถึงความเป็นที่รักจากคนรอบข้างของตัวเอกทั้งสอง โดยเฉพาะภูผา
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวความรักดีๆ ครับ
หัวข้อ: Re: เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 02-11-2010 21:18:47
ซึ้งมากค่ะ เข้ามาอ่านรอบสองก็ยังสนุกเหมือนเดิม

ขอให้มีเรื่องสนุกๆเรื่องต่อไปอีกเรื่อยๆนะคะ
หัวข้อ: Re: เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น
เริ่มหัวข้อโดย: nakky ที่ 07-12-2010 19:36:56
ผมคงไม่มีคำพูดใดมากไปกว่าคำว่าขอบคุณ สำหรับเรื่องที่ผมจะไม่มีวันลืม ...ตลอดชีวิต

ผมเพิ่งสูญเสียคนที่ผมรักมากที่สุดไป หัวใจของผม ผมไม่มีน้ำตา มีแต่ความเงียบในจิตใจ
อยากระบาย อยากตะโกน ว่ารักมากแค่ไหน....แต่มันก็คงทำไม่ได้อีกต่อไป

แต่สุดท้าย ผมก็ร้องไห้ออกมาด้วยความยินดี ปลื้มใจ อิ่มใจ กับตอนจบของเรื่อง
ที่ฟ้าลั่นมารอรับหมอก ...

เพราะผมคิดว่า จะมีวันนั้นวันที่พี่...มารอรับผมเหมือนกัน รอรับด้วยความรักและัสัญญาที่พี่เคยให้ไว้


ขอบคุณผู้แต่งจริงๆ ขอบคุณครับ


ps. แต่มีแอบคิดนิดหนึ่งนะว่า... รอให้ถึงเวลาของผมนะครับพี่ รอผมนะ อย่ามาก่อนเวลา  :bye2:
หัวข้อ: Re: เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น
เริ่มหัวข้อโดย: rainy_naja ที่ 25-12-2010 06:28:16
merry★ 。 • ˚ ˚ ˛ ˚ ˛ •
•。★Christmas★ 。* 。
° 。 ° ˚* _Π_____*。*˚
˚ ˛ •˛•*/______/~\。˚ ˚ ˛
˚ ˛ •˛• | 田田|門| ˚★ 。 • ˚ ˚ ˛ ˚ ˛ •
Jaaaaaaaa \\(^^)//
หัวข้อ: Re: เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น
เริ่มหัวข้อโดย: rellachulla ที่ 05-02-2011 22:14:06
ขอบคุณมาก สำหรับเรื่องที่ดีแบบนี้
ประทับใจมากค่ะ
ถึงตอนนี้ อ่านจบแล้ว น้ำตายังไหลอยู่
เค้ายังทำใจไม่ได้เลย
ฮึก ฮึก
หัวข้อ: Re: เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น
เริ่มหัวข้อโดย: konmaidee ที่ 02-06-2011 11:53:37
เรื่องที่ต่อจากเรื่องนี้ คือเรื่องอะไรอ่ะครับ ที่เป็นเรื่องของ จอม กะ นายตำรวจคนหนึ่งอ่ะครับ  ผมหาไม่เจอเลยอ่ะครับ
หัวข้อ: Re: เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น
เริ่มหัวข้อโดย: jojobuffy ที่ 30-06-2011 17:37:45
ถ้ามาอ่านตอนนี้ ยังทันไหม...

แบบว่ากินใจอ่ะ
หัวข้อ: Re: เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 02-07-2011 19:52:46
อ่านแล้วประทับใจ กับความผูกพัน ของแต่ละคนในเรื่อง ไม่ว่า จะเป็น หมอกกับฟ้าลั่น หรือ พี่เสือ น้องจอม และคริส
ที่สำคัญครอบครัวทั้งสองครอบครัว เห็นความสำคัญของทั้งคู่แม้ว่า ทั้งคู่จะจากไป ทุกคนยังคงรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับหมอกและฟ้าลั่น อย่างดี  o13
รวมถึงยังทุ่มเท ความรัก ความห่วยใยทั้งหมด มาที่ ภูฟ้า ที่เป็นทั้งพยานรักและ ตัวแทน ของทั้งคู่  :pig4:

... :a5: ตอนฟ้าลั่น กับ หมอก จากไปยัง แค่น้ำซึม แต่พออ่านการ์ดใบแรกของพี่เสือ นี่ ปล่อยน้ำตาไหลเป็นสาย ทั้งเศราทั้งซึ้ง
หัวข้อ: Re: เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น
เริ่มหัวข้อโดย: HayaRyuKin ที่ 20-09-2011 11:51:00
ขอกระดาษทิชชู่ 2 ม้วนคร๊า  :o12: :sad4: :o12:

ตอนจบมันหักมุมมากอ่ะ

ความรักชนะทุกอย่างจริงๆ  รักพี่หมอก กับ พี่ฟ้าลั่น มากมาก

 :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น
เริ่มหัวข้อโดย: obab ที่ 03-11-2011 12:52:10
อ่านจบแล้วรู้สึกดีมากๆเลยค่ะ

" เศร้าในความซึ้ง และ ซึ้งในความเศร้า "
If we hold on together.....I know our dreams will never die.
Dreams see us through....to forever.
Where clouds roll by.....For you and I  :L2:

 :pig4: คุณ Andreas



หัวข้อ: Re: เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น
เริ่มหัวข้อโดย: hinlll ที่ 13-11-2011 01:10:12
เพิ่งได้อ่านวันนี้TTOTT พี่ทำให้ผมร้องไห้TTOTT ตอนแรกมันก็ชิลๆสบายๆ กลางๆ เหมือนจะดราม่
า แต่ก็ไม่ดราม่า แต่หลังๆ นี้อ่านไปร้องไห้ไป สงสารทั้งฟ้าลั่นและภูผาเลย
 :sad4: :sad4:  ขอบคุณมากน่ะครับสำรับเรื่องดีๆ แบบนี้> , <
ปล.เพิ่งเคยเม้นครั้งแรก เรื่องนี้ๆแหละ แหะๆ
หัวข้อ: Re: เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น
เริ่มหัวข้อโดย: โดดเดี่ยวแต่ไม่ ที่ 15-11-2011 17:46:55
มาแปะไว้ที่หน้า4และอ่านจบแล้ว คิดว่าจะอ่านต่อไปจนจบ
ชอบคนเขียนเก่งมากและบรรยายได้ละเอียด  :pig4:
หัวข้อ: Re: เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น
เริ่มหัวข้อโดย: ┠┨ ¡ Þ Þ ☻ ❣ ╰╰ ที่ 19-11-2011 18:14:18
สารภาพตามตรงว่าอ่านได้ถึงช่วงกลางๆ  ของเรื่องเกือบจะเลิกอ่านแล้ว
เพราะคิดว่า เนื้อหาของเรื่อง มันเพียงเเค่ ดำเนิำนไปเรื่อยๆ และจบลงแบบธรรมดาๆ
แค่เพียงคิดว่าไหนๆ  ก็อ่านมาถึงกลางๆ ของเรื่อง ล่ะ  เอาให้มันจบๆ  ไปเลยดีกว่า
สุดท้าย พออ่านมันจนจบ สิ่งแรกเลยที่เกินขึ้น น้ำตามันไหล ออกมาช้าๆ  จนกลายเป็นสะอื้นหนักขึ้น
ต่อจากนั้นความรู้สึกที่ตามมา มันรู้สึกตื้นตัน และภูมิใจมากที่ได้อ่านเรื่องนี้จนจบ
ขอบคุณความรักของคนทั้งคู่ ภูผา  และ  ฟ้าลั่น.....จะจดจำเรื่องราวดีๆ นี้ในความทรงจำต่อไปค่ะ...
หัวข้อ: Re: เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 08-01-2012 15:01:50
 :m15: โอ่ย ขอทำใจแป๊บ  :m15:

เรื่องนี้งดงามทั้งด้านภาษาและความรู้สึกนะครับ

แม้ว่าในตอนแรกผมปฏิเสธที่จะอ่าน

เพราะทราบอยู่แล้วว่าทั้งคู่จะจากไป  :m15:

ผมกลัว และคนที่แนะนำมาก็ทราบดีจึงบอกเรื่องนี้ก่อน

แต่แล้วผมก็อดไม่ได้ที่จะลองต่อสู่กับความรู้สึก

แต่ว่าอ่านจบแล้วมันไม่ได้เศร้าเพียงอย่างเดียว

เรื่องนี้เต็มไปด้วยความรักของตัวละคร

ความอบอุ่น และไม่มีอุปสรรคมาทำร้าย

ผมดีใจที่ได้อ่านผลงานคุณภาพนี้ครับ  :L2:

ขอบคุณมากครับ  :pig4: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น
เริ่มหัวข้อโดย: stdvic ที่ 13-02-2012 21:49:39
ภูผา-ฟ้าลั่น เรารักนาย และขอให้นายรักกันตลอดไป.... ตราบนานเท่านาน  :n1:
หัวข้อ: Re: เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น
เริ่มหัวข้อโดย: Way ที่ 13-02-2012 22:44:26
อ่านจบไปหลายรอบแต่ก็ยังซึ้งไม่เปลี่ยน
หัวข้อ: Re: เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น
เริ่มหัวข้อโดย: กาลณัฐ ที่ 15-02-2012 20:14:23
 :o12: :o12:
น้ำตาไหลเลยอ้ะ ซึ้งมาก
หัวข้อ: Re: เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 18-02-2012 19:50:05
กลับมาอ่านอีกรอบ ก็ยังเศร้าอีกรอบ
ร้องไห้จนตาบวมอีกแล้ววววว  :impress3:
หัวข้อ: Re: เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น
เริ่มหัวข้อโดย: Dee15 ที่ 25-02-2012 15:03:11
 :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
ทำมายยยยยยยย จบได้เศร้าแบบนี้ละ
อ่านตอนแรกก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ อิจฉาในความรักของ ฟ้าลั่นกับภูผา
ไม่นึกไม่ฝันว่าจะจบแบบนี้เลยอ่ะ  :sad11:
แต่ก็ขอบคุณมากค่ะสำหรับนิยายดีๆ ภาษาสวยๆ  :กอด1: สามที
หัวข้อ: Re: เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น
เริ่มหัวข้อโดย: Nightfalls ที่ 26-02-2012 22:40:14
อ่านไปร้องไห้ไป
หัวข้อ: Re: เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 27-02-2012 03:39:15
อ่านรอบไหน น้ำตาซึมทุกรอบ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น
เริ่มหัวข้อโดย: meki ที่ 24-03-2012 01:23:19
อ่านจบน้ำตาไหลไปหลายเลยจ้า
สนุกมากแต่ก็เศร้าจริงๆ  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น
เริ่มหัวข้อโดย: Kimhun ที่ 12-06-2012 15:39:18
ขอบคุณสำหรับเรื่องนี้จริงๆค่ะ สนุกและซึ้ง มีครบทุกรส
ทั้งภาษาที่สละสลวย บทบรรยายที่ละเอียด ทำให้เราสามารถเห็นภาพนั้นๆได้
และที่สำคัญขอบคุณสำหรับความรักที่มั่นคงของภูผา กับ ฟ้าลั่นนะคะ
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น
เริ่มหัวข้อโดย: LM1412 ที่ 06-07-2012 22:13:42
แงๆๆๆๆๆๆๆ ใจร้ายทำเราร้องไห้ได้ไง :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น
เริ่มหัวข้อโดย: netsu ที่ 27-07-2012 14:57:49
เศร้ามากค่ะ
อ่านไปน้ำตาไหลไป
 :monkeysad:
หัวข้อ: Re: เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น
เริ่มหัวข้อโดย: sakkriengkai ที่ 01-10-2012 00:53:25
 :z13:  แวะมาอ่าน.....หลังปิดเทอม แอร่ก -&-
หัวข้อ: Re: เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น
เริ่มหัวข้อโดย: wargroup ที่ 19-04-2013 03:37:29
เป็นเรื่องที่ชวนอ่านมาก มีความดึงดูดใจให้อ่านจนจบ โดยไม่ต้องระเบิดภูเ่ขาเผากระท่อมแต่อย่างใด
ทุกอย่างลงตัว สมบูรณ์ในความเป็นตัวเอง แบบนี้สินะ ที่เขาเรียกกันว่า "คลาสสิค" งานระดับมาตรฐานดีเลิศ  
หัวข้อ: Re: เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น
เริ่มหัวข้อโดย: automaton ที่ 03-06-2013 00:16:38
อ่านเรื่องนี้แล้วชื่นใจ จิตใจเบิกบาน ทำให้เห็นว่ารักนี้มันสวยงามถ้าเรามีทัศนคติที่ดี
จิตใจดีต่อกัน รักไม่ต้องครอบครองก็ได้ แค่ได้รัก ทำให้คนที่เรารักมีความสุข เราก็จะสุข
ขอบคุณที่เขียนเรื่องดี ๆ ให้อ่าน ขอบคุณคนโพสต์ที่เลือก แนะนำเรื่องนี้ให้รู้จัก

เราเองก็เป็นนักวิทยาศาสตร์ แต่ความสามารถด้านขีดเขียนไม่กระดิกเลย ดังนั้นเป็นผู้อ่านเหมาะแล้ว
จะตามอ่านภาคสองต่อไป
 :L2:
หัวข้อ: Re: เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น
เริ่มหัวข้อโดย: aoaer ที่ 03-06-2013 19:28:33
เริ่มต้นด้วยรัก จบด้วยน้ำตา
 
รัก เริ่มจากรักตัวละคร รักภูผา รักฟ้าลั่น ที่แสดงออกถึงความรักที่ไม่ว่าจะเป็นยังงัยก็อยู่เคียงข้างกันเสมอ

น้ำตา มาจากฉากสุดท้าย อ๊ายยยย ทำไมทำกับนู๋อย่างงี้ ฮืออออ   :ling2: :ling   :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 16-04-2014 03:53:47
สวัสดีค่ะคุณ andreas เราเพิ่งเคยอ่านเรื่องนี้เป็นครั้งแรกเมื่อตอน4ทุ่ม ของวันที่ผ่านมา จนถึงตอนนี้ตี4แล้วค่ะ ที่จริงเราอ่านจบตั้งแต่ตี 3ครึ่งแล้ว อีกครึ่งชั่วโมงเรารัองไห้เป็นบ้าเป็นหลัง มันเศร้ามากกกก ทำใจแทบไม่ได้เลยค่ะ

เห็นว่ามีลิ้งค์ลงเรื่องใหม่ที่ต่อจากเรื่องนี้ เรายังไม่กล้าอ่านเลยค่ะ ภูผาเข้มแข็งเหลือเกิน แต่ก็ได้พบว่าฟ้าลั่นยังรออยู่ ณ ที่แห่งหนึ่ง ที่เค้าทั้งสองจะอยู่ด้วยกันตลอดไป

เรารักดรื่องนี้มากกกค่ะ
หัวข้อ: Re: เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น
เริ่มหัวข้อโดย: Andreas ที่ 31-05-2014 13:59:42
 :mew2: แวะมาทักทายครับ เพิ่งหาทางเข้าเวปเจอครับ

งานเยอะมากครับ ไม่มีเวลาเขียนนิยายต่อเลยครับ ขอโทษที่ไม่ได้เข้ามาทักทายซะหลายปีครับ

ขอบคุณสำหรับกำลังใจจากนักอ่านทุกๆคนเลยนะครับ แทบไม่น่าเชื่อเลยว่านิยายจบไปตั้งนานแล้วยังมีคนตามอ่านอยู่เรื่อยๆ และยังคงมีคนร้องไห้เหมือนเดิม อยากจะบอกว่าคนเขียนก็ร้องไห้หนักไม่แพ้คนอ่านหรอกครับ ตัวละครทุกตัวโลดแล่นบนคนคิด บนแป้นพิมพ์มาหลายปี วันที่ต้องทำให้เค้าตายจากเราไป เสียใจมากครับ พิมพ์ไปร้องไห้ไปครับ

สวัสดีครับ แล้วจะแวะเข้ามาเรื่อยๆครับ ตอนนี้กำลังจะเขียนเรื่องใหม่ครับ เพิ่งได้ตัวละครครบและพลอตที่ลงตัวครับ รวมถึงจะเขียนเรื่องสั้นที่ลงไปแล้วให้จบครับ รักทุกคนครับ

Andreas
หัวข้อ: Re: เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น
เริ่มหัวข้อโดย: sasaka8 ที่ 19-08-2014 19:48:13
ขอบคุณนะคะk.Andreas สำหรับนิยายหวานซึ้งจบเศร้า
เป็นกำลังใจให้ทั้งเรื่องงานและเรื่องที่จะเขียนต่อไปด้วยค่ะ
สู้ๆนะคะ  :bye2:
หัวข้อ: Re: เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น
เริ่มหัวข้อโดย: kapook_koopak ที่ 16-09-2014 19:50:49
Dear Khun Andreas,

I thank you for this beautiful sad ending story. This story show the love that so beautiful. I love it. I have to say that I normally avoid a story that have a sad ending. (too sensitive T-T//me) But this story is pull me in to this love and drag me all the way until the end that surprise me a lot.

I have to comment that you have a way to describe and tell the sort deferent than the other writer. Sometime it is too fasts but sometime it is so soft. I have to say I love a lot of work and details that you put your mind behind it but some feeling that characters presents are still too stiff. I wish to read more of your work. (pls a bit of happy ending ha ha ha)

thank you,
PooK
 Ps. You got me in tear at the end. good work! I have to say :m15:
หัวข้อ: Re: เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 02-11-2014 20:33:41
อ่านไปอ่านมาตอนจบร้องไห้เลย แตก็มีความสุขมากครับ
หัวข้อ: Re: เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น
เริ่มหัวข้อโดย: chard ที่ 06-05-2015 19:19:22
ขอบคุณมากครับ
หัวข้อ: Re: เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 07-05-2015 10:17:41
เป็นเรื่องราวที่อบอุ่นใจ  ถึง บทสรุปจะปวดร้าวในหัวใจ ไปบ้าง แต่เป็นความเจ็บปวดที่มีพลังแห่งความรักและความหวังเต็มเปลี่ยม

เรื่องราวของคนสองคน ที่หมั่นคงในความรู้สึก และ เป็นเรื่องราวที่ไม่มีตัวอิจฉา

หรือตัวโกงโผล่มาให้ระคายใจ  ชอบเรื่องนี้มากค่ะ อยากอ่านอะไรที่  ละเมียดละไมแบบนี้อีกค่ะ
หัวข้อ: Re: เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น
เริ่มหัวข้อโดย: Aumy8059yaoi ที่ 07-05-2015 19:47:54
 :hao5: :hao5:
ขอบคุณมากๆๆๆๆค่ะ ซึ้งจริงๆ
 :pig4: :pig4:  :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น
เริ่มหัวข้อโดย: sunipum ที่ 22-08-2015 03:22:39
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วประทับใจในความรักของทั้งคู่มากเลยคะ  เป็นเรื่องที่ทำให้สุขและเศร้าในเวลาเดียว  ขอบคุณมากๆเลยคะสำหรับนิยายเรื่องนี้ ภาษาสวยมาก เต็มไปด้วยความละมุน อ่อนโยนมาก ขอบคุณคะ ^^
หัวข้อ: Re: เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 16-03-2016 20:59:15
อ่านเรื่องนี้มานานเเล้ว
เป็นอีกเรื่องที่น่าประทับใจมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เนื่อหายาวมากเช่นกัน
บทจะน่ารักก็ทำได้ซึ้ง
บทจะดราม่าก็ทำเอาเราร้องไห้ตามได้เช่นกัน
ถึงเเม้จะอ่านเรื่องนี้มานานเเล้วเเต่ยังคงจำเนื้อหาได้ดี
วันนี้ผ่านมาเห็นเลยมาเเวะส่งกำลังใจให้ผู้เขียนนะ
หวังว่าคงจะได้เห็น

#นิยายที่น่าประทับใจ
หัวข้อ: Re: เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น
เริ่มหัวข้อโดย: cookie8009 ที่ 29-12-2017 22:32:18
เป็นเรื่องที่ ตอนจบ ผมหาคำที่ใช้แทนความรู้สึกได้ลำบากมากๆ

มันเหมือนจะอิ่ม แต่มันก็ไม่อิ่ม

มันไม่ใช่ sad ending แต่ก็ไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็น happy ending

มันให้อารมณ์คล้ายๆกับว่า ending chapter but the story is going on . Life have to move forward
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น by Andrea
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 08-03-2021 06:22:45
“อยู่หอ 1 ชายครับพี่เสือ”
อยากจะเล่าเรื่องหอ1ชายให้ลูกช้างที่เกิดไม่ทันแต่มีโอกาสเข้ามาอ่าน ปี2507เป็นปีที่ก่อตั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่แบบเป็นทางการนักศึกษารุ่นนี้เรียกว่ารุ่นที่1 แต่ความจริงแล้วมหาวิทยาลัยเชียงใหม่มีนักศึกษาตั้งแต่ปี2506สังกัดคณะแพทย์ศาสตร์ที่แบ่งนักศึกษามาจากมหาวิทยาลัยมหิดล ตึกเรียนในสมัยนั้นคือตึกสามชั้นที่อยู่หลังไปรษณีย์และอยู่ตรงข้ามตึกภาควิชาสถิติในปัจจุบัน โดยชั้นล่างเป็นห้องเรียน ชั้นสองเป็นหอชายและชั้นสามเป็นหอหญิง ต่อมาเมื่อมีการสร้างหออ่างแก้วและหอพักอื่นๆรวมถึงอาคารเรียนขึ้น ตึกนั้นเลยกลายเป็นหอชาย1 ซึ่งภายหลังได้เปลี่ยนเป็น Uniserve(ประมาณปี2533 ถ้าจำไม่ผิด) และเปลี่ยนมาเป็นคณะรัฐศาสตร์ในปัจจุบัน
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น by Andreas
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 08-03-2021 23:59:12
  ในกรณีที่ใครก็ตามที่ได้เกรดต่ำกว่า 1.50 ในภาคการศึกษาแรก นั่นหมายความว่าเทอมนี้ต้องได้มากกว่าหรือไม่ก็ต้องเท่าเดิม มิฉะนั้นต้องประสบอุบัติเหตุการศึกษาออกไป
เกร็ดประวัติเรื่องเกรดของมช.
รหัส16-33 ตอนนั้นใครติด F ยังไม่เอามาหารรวมใน GPA ทำให้โอกาสรีไทร์ยากกว่าสมัยนี้ นอกจากจะได้ D มาเยอะแยะเท่านั้น สาเหตุที่มช.ไม่คิดFเป็นตัวหารเนื่องมาจากสมัยนั้นหลัง14ตุลา นักศึกษาเป็นใหญ่ในแผ่นดินและเรียกร้องทางมหาวิทยาลัยไม่ให้นำFมาหาร ในตอนนั้นนายกสภามหาวิทยาลัยเป็นตำรวจ(อยากรู้ไปค้นดูเอง)ก็โอนอ่อนตามใจไม่อยากมีปัญหากับนักศึกษาจึงได้ตัดสินใจอนุญาตตามคำขอ มาช่วงหลังปัญหาเกิดจากคณะวิศวะ เนื่องจากหลายสาขาต้องได้ใบกว.ในการประกอบอาชีพวิศวกร แต่สภาวิศวกรรมฯไม่ยอมรับ GPA ของบัณฑิตจากที่นี่โดยให้เหตุผลว่า ถ้านำFมาคำนวณGPAจริงๆแล้วบางคนไม่ถึง2.0 นั่นคือไม่จบ ทำให้คณะวิศวะเรียกร้องให้ทางมหาวิทยาลัยนำFกลับมาเป็นตัวหารในGPAอีกเหมือนรุ่นรหัส15ลงมา และเริ่มใช้กับนักศึกษารหัส34มาจนถึงปัจจุบัน
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 09-03-2021 01:51:19
  “จี้จี้” 
จีจี้อยู่ในยุคต่อจากกัง(กังสดาลโรงแรมอโนดาต ที่โดนเด็กเทคโนตีนดอยยึด) นักศึกษารหัส35ขึ้นไปจะชอบมาดิ้นที่นี่ เราเดาว่าคนเขียนรหัส35-40 ใช่มั้ยเอ่ย แล้วยังเรียนคณะวิดยาด้วย
หัวข้อ: Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น(Rewrite by Andreas)
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 09-03-2021 03:15:41
  ศิวะกำลังเตรียมตัวเดินทางโดยเครื่องบินไปที่ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง เพื่อเดินทางต่อไปยังญี่ปุ่น ก่อนจะเปลี่ยนเครื่องอีกครั้งไปสู่จุดหมายปลายทางที่นิวยอร์ก
เข้าใจนะว่าสมัยที่เขียนเรื่องนี้ยังไม่มี Direct flight BKK-JFK แต่การเดินทางไปนิวยอร์คทางแปซิฟิคมันนานมาก เราเคยไปทั้งแอตแลนติคกับแปซิฟิค
แปซิฟิค: กรุงเทพ-นาริตะ 6ชั่วโมง+รอเปลี่ยนเครื่องประมาณ2ชั่วโมง, นาริตะ-ซีแอ็ทเทิล 11ชั่วโมง+รอเปลี่ยนเครื่อง3ชั่วโมง, ซีแอ็ทเทิล-นิวยอร์ค 6ชั่วโมง ถ้าไม่นับเวลาเปลี่ยนเครื่องก็ 6+11+6 = 23 ชั่วโมง
แอตแลนติค: กรุงเทพ-แฟรงเฟิร์ต 12 ชั่วโมง<แฟรงเฟิร์ต- นิวยอร์ค 7 ชั่วโมง รวมแล้ว 19 ชั่วโมง
เราชอบไปทางแอตแลนติคมากกว่า ตั๋วถูกว่านิดหน่อย และไม่เสียเวลารอเปลี่ยนเครื่องหลายที
หัวข้อ: Re: เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น
เริ่มหัวข้อโดย: Goplayz ที่ 23-09-2021 19:33:50
ขอบคุณมากสำหรับสิ่งดีๆที่เขียนออกมา
ผมอิ่มในรักของฟ้าลั่น-ภูผา...ถึงแม้ว่าจะจากโลกนี้ไป...แต่ในที่สุดทั้งคู่ก็กลับไปอยู่ด้วยกันแค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับผม
รักเพื่อพบ-รักเพื่อจากลา...คือสิ่งที่ทุกคนต้องเจอ
เรื่องนี้ยืนหนึ่งในใจผม...สำหรับนิยายรักแบบฟิวกู้ดนะ
กำลังจะอ่านอีกเรื่อง
ขอบคุณมากขอบคุณ