เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น  (อ่าน 168152 ครั้ง)

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
หมูพูห์  เอิ้กๆ โทดทีครับ
มูมู่น้อย พอดีเจอภาพสวยๆเลยอยากเอามาฝากเพื่อนๆ เพราะผมก็ชอบบรรยากาศเหนือๆ เวลาหายใจเข้าไปรู้สึกเหมือนอากาศรอบตัวมันชุ่มชื่น ไม่แห้งแล้งเหมือนในเมืองอ่ะครับ เป็นเหตุผลที่ผมชอบป่า น้ำตก ภูเขามากๆ  :yeb:


บทที่ 6 ประธานชั้นปี กับ ของแถม(ป่วย)

หลังจากสอบกลางภาคเสร็จสิ้น ก็จะเป็นการรับน้องครั้งสุดท้ายของคณะวิศวกรรมศาสตร์ การรับน้องครั้งนี้มีความสำคัญมาก เพราะรุ่นพี่จะรับนักศึกษาชั้นปีที่ 1 เข้าเป็นรุ่นน้องหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความสามัคคีของนักศึกษาน้องใหม่ที่จะแสดงออกมาให้เห็น

กิจกรรมนี้จัดขึ้นนอกสถานที่ในวันหยุดเสาร์อาทิตย์ จึงเป็นเหตุให้ฟ้าลั่นต้องเตรียมตัวและเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับสิ่งต่างๆที่กำลังจะเผชิญ

“หมอก....นายต้องนอนคนเดียวคืนวันเสาร์นะ” ฟ้าลั่นบอกภูผาบนเตียงก่อนนอน โดยที่แขนข้างหนึ่งยังคงโอบกอดตัวภูผาไว้

“เราต้องไปรับน้อง” ฟ้าลั่นกล่าวต่อ

“อืม.......ไม่เป็นไร นอนคนเดียวได้” ภูผาบอกกลับด้วยอาการง่วงนอนเต็มที่

“อ้าว....แล้วไม่กลัวผีเหรอ......อาทิตย์นี้คนกลับบ้านเยอะด้วยนะ หอคงร้าง......นายจะอยู่ได้มั้ยนี่” แม้ฟ้าลั่นจะแกล้งพูด แต่ใจหนึ่งก็อดเป็นห่วงไม่ได้

“อืม......อืม.....ไม่เป็นไร ถ้ากลัวมาก ....... ไป.......นอนกับพี่เสือก็ได้” ภูผาตอบด้วยความงัวเงียเต็มที่ เพราะหลังจากที่ตกลงเป็นเลขาให้ศิวะ ทำให้เขาและศิวะต้องเจอกันและทำงานร่วมกันบ่อยๆ ทั้งคู่จึงสนิทกันมากขึ้น ภูผาจึงไม่คิดว่าจะมีปัญหาถ้าเขาขอไปนอนห้องศิวะ เพราะศิวะเป็นคนใจดีมากนั่นเอง

“แล้วนายจะให้พี่เสือกอดหรือเปล่า” ฟ้าลั่นถามออกไปเพราะมีความรู้สึกแปลกๆ เกิดขึ้น เนื่องจากไม่อยากให้ใครกอดภูผา อาจเพราะเขารู้สึกหวงน้องชายน่ารักคนนี้กระมัง พี่ชายที่หวงน้องชาย ยิ่งรู้ด้วยว่าศิวะชอบภูผาอยู่ เลยอาจออกอาการหวงอยู่ซักหน่อย ซึ่งฟ้าลั่นก็ไม่เคยคิดจะหาคำตอบจริงจังสักที....ว่าทำไมถึงรู้สึกเช่นนี้

“อืม.......อืม..... ม่ายรู้......อย่ากวนได้มั้ยอ่ะ....จะนอน” ภูผาพยายามบอก แต่ก็ยังคงนอนนิ่งภายใต้อ้อมกอดของฟ้าลั่น อาจเพราะเคยชินกับการที่ต้องถูกชายหนุ่มร่างสูงใหญ่กอดเสียแล้ว หรือไม่ก็เพราะง่วงนอนจัดจนไม่อาจฝืนร่างกายให้ขยับได้

ฟ้าลั่นเห็นอีกฝ่ายง่วงนอนมากเข้าจึงหยุดถาม เพราะเขาก็ต้องรีบนอนพักเหมือนกัน เนื่องด้วยพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าเพื่อไปขึ้นรถคณะไปรับน้องนอกสถานที่เวลาตีห้าครึ่ง

ด้วยความเคยชิน....ฟ้าลั่นตวัดให้ร่างบางของภูผาให้แนบลงมาบนอกที่แข็งแรงของตน....และโอบกอดร่างภูผาไว้หลวมๆ จนกระทั่งหลับสนิท

***********
วันเสาร์........ นักศึกษาที่อยู่หอในส่วนใหญ่พากันกลับบ้านกันเกือบหมด ส่งผลทำให้หอพักดูเงียบเชียบและร้างลาจากผู้คน แต่กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้ภูผารู้สึกเหงาหรือกลัวแต่อย่างใด เพราะยังเป็นช่วงกลางวันอยู่นั่นเอง

ในตอนเย็น ศิวะมารับภูผาไปกินข้าวที่ตลาดสดจันทร์กุมารก่อนจะพาไปขับรถเล่นชมวิวในตัวเมือง กว่าศิวะจะมาส่งภูผาที่หอพักก็เกือบสี่ทุ่มตรง หอพักในยามนี้จึงเผยความน่ากลัวออกมาให้ภูผารู้สึกหวั่นๆ อยู่บ้าง

“น้องหมอก แน่ใจนะว่าจะไม่นอนกับพี่......หอหนึ่งผีดุนะ” ศิวะแกล้งพูด และทำหน้าตาจริงจัง ส่งผลให้คนที่ดูเหมือนทำใจได้แล้วว่าไม่กลัวผี ออกอาการกลัวขึ้นมาอีกจนได้

“เอ....ก็รู้ว่าผมกลัวแล้วยังจะมาแกล้งอีก ฟ้าลั่นก็แกล้ง..... พี่เสือก็อีกคน....ทำไมใจร้ายกันจัง” ภูผาแกล้งทำเป็นงอน

“ก็พี่อยากให้น้องหมอกมานอนกับพี่งัยครับ” ศิวะอ้อนด้วยทั้งคำพูดและแววตาวับวาว

หลังจากคิดทบทวนน้ำหนักอยู่ไปมา ประกอบกับตอนนี้ ในหอก็มีเพียงไม่กี่ห้องที่เปิดไฟสว่าง นอกจากนั้นเกือบทั้งหมดปิดไปมืดสนิท..... คนกลัวผีจึงเริ่มมีอาการปอดแหกอีกครั้ง

“เมื่อบ่ายยังไม่น่ากลัวขนาดนี้นี่นา” ภูผาคิดในใจ ก่อนจะถอนหายใจ....และบอกศิวะว่า

“งั้นผมไปนอนกับพี่เสือก็ได้ครับ....เดี๋ยวผมขึ้นไปเอาเสื้อผ้าก่อน ขอเวลาสองนาทีครับ” ภูผากล่าวเสร็จก็รีบวิ่งขึ้นไปหยิบเสื้อผ้าพร้อมของใช้ส่วนตัวที่จำเป็นบรรจุลงกระเป๋าเป้ใบเก่ง พร้อมกับรีบวิ่งลงมาที่ใต้หอ บริเวณที่ศิวะนั่งรออยู่

“โอ้ โห .....ไวมากครับน้องหมอก ท่าทางจะกลัวจริงๆ” ศิวะแซว เพราะภูผาใช้เวลาไปแค่ประมาณสองนาทีเท่านั้น โดยทั้งวิ่งขึ้นและวิ่งลงจากหอ

หลังจากนั้นศิวะจึงขับรถพาภูผามาที่หอพักของตน

พอพักของศิวะคือ หอพักชมดอยหรือต้องเรียกให้ถูกว่าเป็นคอนโดมีเนียม เพราะเป็นตึกแฝดสูงสิบห้าชั้น ตัวอาคารด้านขวาเป็นรูปทรงกระบอก มีช่องตรงกลางตึกเพื่อให้แสงสว่างสาดลงมาภายใน ส่วนอาคารด้านซ้ายเป็นรูปสี่เหลี่ยม ในชั้นบนสุดของอาคารหลังนี้เป็นสระว่ายน้ำ เมื่อขึ้นไปจะสามารถมองเห็นทัศนียภาพของเมืองเชียงใหม่ได้ทั้งเมือง และสามารถมองเห็นพระธาตุดอยสุเทพได้อย่างชัดเจนอีกด้วย

เนื่องจากบิดาและมารดาของศิวะเป็นนักธุรกิจใหญ่ในภาคเหนือ ครอบครัวของศิวะเป็นเจ้าของรีสอร์ทและมีหุ้นส่วนในโรงแรมมากมายหลายสาขา จึงไม่แปลกที่ว่าบิดาเขาจะซื้อห้องคอนโดมีเนียมให้พักอาศัยขณะเรียนที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ศิวะเป็นคนเดียวในพี่น้องผู้ชายทั้งสามคนที่ตัดสินใจไม่เรียนทางบริหารธุรกิจ เนื่องจากหลงใหลและชื่นชอบวิชาวิทยาศาสตร์มากกว่า และมีความสนใจในวิชาGeophysics เป็นอย่างมาก จึงเป็นสาเหตุให้ตนเองเลือกเรียนในคณะวิทยาศาสตร์ สาขาวิชาธรณีวิทยา 

ห้องพักของศิวะประกอบไปด้วยสามส่วน คือห้องนอนขนาดใหญ่ที่มีเตียงเดี่ยวตั้งอยู่ตรงกลางห้อง พร้อมกับห้องน้ำส่วนตัวที่อยู่ในห้องเดียวกัน  อีกห้องคือบริเวณห้องรับแขกที่มีเครื่องเฟอร์นิเจอร์ชั้นดีจัดตกแต่ง แม้จะดูเรียบง่ายแต่ก็มีความทันสมัย ห้องสุดท้ายคือห้องที่ศิวะใช้ทำงาน อ่านหนังสือ หรือเล่นเกมส์  ซึ่งก็มีโต๊ะเขียนหนังสือขนาดใหญ่ โฮมเธียเตอร์ และคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ตั้งอยู่อย่างเป็นระเบียบ

“ห้องพี่เสือสวยจังเลยครับ” ภูผาเอ่ยชม ภายหลังจากเดินสำรวจห้องพักของศิวะ

“ขอบคุณครับ ....ถ้าน้องหมอกชอบมาก  ก็มาอยู่กับพี่ก็ได้นะครับ” ศิวะพูด พร้อมส่งสายตาแพรวพราวมาให้ภูผา จนเป็นเหตุให้ผู้ฟังเกิดอาการหน้าแดงขึ้นมาทันที

“น้องหมอกจะดูทีวีก่อนหรือจะนอนเลยครับ” ศิวะถามอย่างเอาใจ เพื่อต้องการเปลี่ยนเรื่องคุย เพราะเห็นว่าภูผายังคงมีอาการเขินจากคำพูดของตนเมื่อครู่

“นอนเลยดีกว่าครับ ....แต่ผมขออาบน้ำก่อนนะครับ”

“ตามสบายครับ.....น้องหมอกใช้ห้องน้ำในห้องนอนพี่เลยนะครับ” ศิวะพูด พร้อมกับเดินนำภูผาเข้าไปในห้องนอนของตน แล้วก็จัดการอำนวยความสะดวกให้ภูผาเข้าห้องอาบน้ำ

ศิวะเปลี่ยนเสื้อผ้าและอาบน้ำหลังจากภูผาไม่นาน ก่อนนอนเขาจึงเอ่ยปากถามภูผาว่า

“พี่นอนกอดน้องหมอกได้หรือเปล่าครับ”

“ได้ครับ....... ฟ้าลั่นก็นอนกอดผมครับ” ภูผาตอบโดยทันที....และคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา เจ้าตัวไม่ได้รังเกียจแต่อย่างใด

ศิวะได้ยินคำตอบของภูผาก็รู้สึกแปลกใจ จึงถามต่อ

“ฟ้าลั่นชอบน้องหมอกหรือครับ”

“เปล่าหรอกครับ... ฟ้าลั่นคิดว่าผมเป็นน้องชายเขา...... ผมก็คิดว่าฟ้าลั่นเป็นพี่ชายครับ เราชอบเล่นกันแบบว่า เป็นเพื่อนและเป็นพี่เป็นน้องกันครับ” ภูผาอธิบายให้ศิวะรับฟัง

“อีกอย่างผมไม่ได้ชอบฟ้าลั่นแบบนั้นด้วยครับ.....แค่กอดกันเฉยๆ ก็ไม่เห็นเป็นอะไร”

“แต่ถ้าเป็นคนอื่นก็ไม่แน่ อาจจะชอบแบบอื่นก็ได้ครับ”  ภูผาแกล้งหันมาทำสายตาพราวพร้อมส่งยิ้มหวานให้ศิวะ  ก่อนจะหลับตาลงเพราะง่วงนอนเต็มที

ศิวะอึ้งไปทันที  เพราะไม่คิดว่าหนุ่มหน้าหวานคนนี้จะเล่นมุขที่ถึงลูกถึงคนแบบนี้

“งั้นขอให้คนคนนั้นเป็นพี่เสือได้มั้ยครับ” ศิวะกล่าวจบก็วางแขนพาดลงบนตัวภูผา พลางกอดกระชับร่างบางเข้าตัว

“กอดอย่างเดียวนะครับพี่เสือ ห้ามทำอย่างอื่น” ภูผาบอกอย่างสลึมสลือ เพราะง่วงนอนมาก

“โห.....พี่ยังไม่ได้คิดเลย.....น้องหมอกคิดว่าพี่จะทำอะไรหรือครับ” ศิวะแกล้งถาม เพราะเขาก็ไม่คิดจะทำอะไรเกินเลยกับภูผามากไปกว่าแค่การกอดเท่านั้น สำหรับศิวะแล้วการแค่ได้พูดคุยและได้นอนกอดภูผาก็เพียงพอแล้ว....ความรักของศิวะนั้น บริสุทธ์เสมอ.....

ในสายตาของศิวะ...... ภูผาคือคุณค่าทางจิตใจ มิใช่คุณค่าทางร่างกาย อีกอย่างชีวิตศิวะเองก็ไม่เคยขาดเรื่องเซ็กส์ แต่ความรักนั้นขาดหายมานาน และกำลังจะเริ่มต้น เพราะคนที่อยู่ในอ้อมกอดคนนี้ต่างหาก

“แต่ว่า....คืนนี้พี่ขอหอมแก้มใสๆ น้องหมอกด้วยแล้วกัน” ศิวะบอกพร้อมกอดกระชับร่างบางเข้าแนบอกอีกครั้ง และเคลื่อนใบหน้าตนเองลงไปสูดความหอมของภูผา ก่อนจะรู้ว่าคนในอ้อมกอดตอนนี้หลับสนิทไปแล้ว จึงปราศจากการรับรู้หรือบ่ายเบี่ยงแต่อย่างใด

“หลับง่ายดีจัง แล้วถ้าเกิดใครมาฉวยโอกาส จะรู้มั้ยนี่...........น้องหมอก” ศิวะคิดด้วยความเป็นห่วง และหลับตาลงสู่การหลับใหลตลอดทั้งคืน โดยไม่คลายวงแขนออกจากร่างบางของภูผาแต่อย่างใด

***************
บ่ายวันอาทิตย์.......ฟ้าลั่นกลับมาห้องพักด้วยอาการเหนื่อยและอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัด หลังจากอาบน้ำชำระร่างกายแล้วจึงล้มตัวลงนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง จนแม้ว่าภูผาจะเปิดประตูเดินเข้ามาเนื่องจากเพิ่งกลับจากห้องของศิวะ ฟ้าลั่นก็ไม่รู้สึกตัว

ภูผาเห็นผิดสังเกต จึงเอื้อมมือไปแตะหน้าผากของฟ้าลั่น และรับรู้ถึงความร้อนจัดที่ถ่ายทอดผ่านมาที่หลังมือของตน เขาจึงทราบว่าฟ้าลั่นกำลังไม่สบาย ดังนั้นภูผาจึงไม่รอช้ารีบเดินลงไปซื้อยาเตรียมไว้ไห้โดยทันที

ภูผานอนอ่านหนังสือการ์ตูนเล่นบนเตียงตัวเอง เพื่อรอเวลาไปซื้อข้าวเย็นให้คนป่วยซึ่งบัดนี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาแต่อย่างใด จนกระทั่งหลัง 6 โมงเย็น เขาจึงเดินลงไปห้องอาหารใต้หอเพื่อซื้อข้าวต้มขึ้นมาให้เตรียมไว้ให้ฟ้าลั่นยามเมื่อตื่นนอน

“ฟ้าลั่น.....ฟ้าลั่น.....ตื่นมากินข้าวก่อน.....เย็นมากแล้ว....และต้องกินยาด้วย” ภูผานั่งลงบนเตียง เขย่าตัวคนป่วยเบาๆ

“อืม....” ฟ้าลั่นส่งเสียง ก่อนที่จะพยายามลืมตา และค่อยๆลุกขึ้นนั่งบนเตียง

“เราซื้อข้าวต้มมาให้กินนะ.....รีบกินด้วย...กำลังร้อนๆเลย” คนไม่ป่วยสั่งการ

“ขอบใจมากนะหมอก” ฟ้าลั่นตอบเสียงเบา เนื่องจากยังมีอาการปวดศีรษะเป็นอย่างมาก  ก่อนจะรับชามข้าวต้มร้อนๆมาถือไว้  แล้วค่อยๆกินอย่างช้าๆ

“กินข้าวเสร็จแล้วก็กินยา .....แล้วเดี๋ยวเราจะเช็ดตัวให้” คนไม่ป่วยยังคงพูดต่อ พลางหันมาจัดยา รินน้ำใส่แก้ว แล้วจึงยื่นยาพร้อมแก้วน้ำไปให้คนป่วย หลังจากที่ฝืนรับประทานข้าวต้มจนหมดถ้วย

“กินเสร็จ....แล้วก็นอนได้แล้ว.....ถอดเสื้อผ้าออกด้วย........ อย่าถอดหมดล่ะ.....เรายังไม่อยากเห็นฟ้าลั่นตัวน้อย” ภูผาสั่งต่อ และแกล้งแซวคนป่วย.....พลางทำหน้าทะเล้นอย่างได้ใจ เพราะฟ้าลั่นคงไม่มีแรงลุกขึ้นมากอดปล้ำตนเอง

“เฮ้ย...... มันไม่น้อยนา.......ออกจะใหญ่” คนป่วยยังคงมีแรงปกป้องตนเองจากคำครหาของเพื่อนสนิท

ภูผาหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนที่จะเดินออกไปจากห้องพร้อมกับอ่างน้ำขนาดเล็กเพื่อไปตักน้ำมาไว้สำหรับเช็ดตัวให้ฟ้าลั่น

“คนอะไรตัวใหญ่ชะมัด” ภูผาคิดในใจขณะเช็ดแผ่นอก หน้าท้อง และช่วงขาของฟ้าลั่น

“ฟ้าลั่นพลิกตัวหน่อย...จะเช็ดข้างหลังให้อ่ะ” คนไม่ป่วยไม่วายสั่งการ

“เช็ดเบาๆหน่อยดิ..... เนื้อจะหลุดตามผ้าเช็ดตัวไปแล้ว” ฟ้าลั่นโอดครวญ

“อ้าวก็นายไม่ใช่แฟนเรานี่นา ก็ไม่ต้องทะนุถนอมมาก” หนุ่มหน้าหวานต่อปากคำ

“ใจร้าย เราเป็นพี่น้องกันไม่ใช่หรือ นายเป็นน้องชาย นายก็ต้องดูแลพี่ชายให้ดีๆดิ” คนป่วยเริ่มอ้างความสัมพันธ์

“ฮ้อ.....เรื่องมากจริงๆๆๆ คุณฟ้าลั่น......เอ้า...เบาพอยัง” ภูผาบอกประชด แต่ก็พยายามเช็ดตัวอย่างเบามือที่สุด

“เบาพอแล้วคร๊าบ....คุณภูผา....” ฟ้าลั่นตอบยิ้มๆ

หลังจากเช็ดตัวเสร็จแล้ว ก็จัดการใส่เสื้อผ้าให้คนป่วย แม้ว่าคนป่วยจะปฎิเสธก็ตาม แต่ภูผาก็สามารถบังคับให้ใส่ได้สำเร็จ เพราะอยากให้ร่างกายของฟ้าลั่นอบอุ่นเพื่อที่จะได้หายไวๆ

คืนนั้นฟ้าลั่นยอมให้ภูผาไปนอนเตียงของตนเอง เพราะไม่อยากให้ภูผาติดหวัดจากตน

ตอนเช้าวันจันทร์......ภูผาตัดสินใจโดดเรียนเพื่อคอยดูอาการของคนป่วย จริงๆก็ไม่อาจเรียกว่าคอยดูอาการได้เต็มปากเต็มคำเท่าไรนัก ต้องเรียกว่านอนหลับดูอาการเสียมากกว่า เพราะหลังจากที่ตื่นมาตอนแปดโมงเช้า หันหน้ามาดูฟ้าลั่นที่ยังคงหลับอยู่บนเตียง ภูผา..คนดีก็หลับต่อ จนกระทั่ง

“หมอก......หมอก..... ตื่นได้แล้ว ไปกินข้าวกัน” ฟ้าลั่นออกแรงปลุกภูผาที่กำลังนอนหลับสบาย

“อ้าว....หายดีแล้วเหรอ” ภูผาถามหลังจากที่เห็นฟ้าลั่นมานั่งบนเตียงของตนเอง โดยไม่มีอาการป่วยหลงเหลือปรากฏให้เห็นแต่อย่างใด

“อืม...สบายดีแล้ว.....ขอบใจมากนะ....เรื่องเมื่อวาน” ฟ้าลั่นกล่าวขอบคุณ

 “อืม....ไม่เป็นไร......รับน้องหนักมากเลยหรือ เล่นเอาไม่สบายขนาดนั้นน่ะ” ภูผาถามพลางหลับตาลงอีกครั้ง

“พอดีฝนมันตกน่ะ เลยเปียกฝนทั้งวัน” ฟ้าลั่นอธิบาย

“แล้วตกลงใครได้เป็นประธานชั้นปีล่ะฟ้าลั่น” ภูผาถามต่อทั้งๆที่ตายังหลับอยู่

“น่ารักหรือป่าว” ภูผาถามต่ออย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่ เพราะอาการง่วงนอนกลับเข้ามาหาอีกครั้ง
 
“หล่อมากเลยล่ะ ตัวสูง ผิวขาว มีเคราที่แสนจะเซ็กซี่ .......... แล้วก็ใส่แว่นด้วย” ฟ้าลั่นตอบ พลางซ่อนอาการขำไว้ เนื่องจากคนถามยังคงหลับตานอนอยู่บนเตียงเพราะยังไม่อยากลุกขึ้นจากที่นอน

“เหมือนนายเลยเนอะ........รุ่นนาย มีคนหน้าตาเหมือนนายด้วยเหรอ.....แปลกจัง” เจ้าตัวยังคงงัวเงีย เลยไม่ได้ฉุกคิดว่าคนนั้นอาจเป็นฟ้าลั่นก็ได้

“ไม่มีหรอก” ฟ้าลั่นตอบ

“อ้าว....แล้วจะเป็นใครล่ะ” คนถามยังไม่ได้คิดอยู่ดี ส่งผลให้ฟ้าลั่นที่นั่งจ้องอยู่บนเตียง รู้สึกอยากจะจับร่างบางนี้โยนออกจากเตียงเสียให้ได้ในตอนนี้

“ตื่นๆๆ ตื่นๆๆ..... ไอ้คุณภูผา ...ประธานรุ่นวิศวะ อยู่นี่โว้ย” ฟ้าลั่นหมดความอดทน เลยแกล้งเขย่าแรงๆให้คนนอนขี้เซาตื่นขึ้นมารับทราบข้อเท็จจริงที่แสนภูมิใจอันนี้

“อ้าว....แล้วก็ไม่บอกว่าเป็นนาย เห็นบอกว่าหล่อๆ ผิวขาว ตัวสูง” คราวนี้เจ้าตัวดีแกล้งหยอกประธานรุ่นคนใหม่ทันที

“หนอย.....ว่าเราไม่หล่อเหรอ ไอ้คุณหมอก....เราหล่อกว่าพี่เสือแฟนนายอีก” ฟ้าลั่นไม่ยอมแพ้จึงสวนกลับ

“เฮ้ย .....ยังไม่ได้เป็นแฟนเฟ้ย......... แค่ดูๆไปก่อน” ภูผารีบแก้ตัว ก่อนที่จะกระวีกระวาดลุกขึ้นจากเตียง หยิบผ้าเช็ดตัวเดินไปอาบน้ำ ก่อนหันกลับมาบอกฟ้าลั่นว่า

“รอด้วยล่ะ ไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวลงไปกินข้าวกัน”

ฟ้าลั่นส่ายหน้าไปมา....หัวเราะกับการเปลี่ยนแปลงอารมณ์ที่รวดเร็วของภูผา.... ตั้งเมื่อกี้ภูผายังคงงัวเงียง่วงนอน...แต่บัดนี้เจ้าตัวกลับมาร่าเริง...และอารมณ์ดีอีกครั้ง.....


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-01-2007 19:23:01 โดย b|ueBoYhUb »

ออฟไลน์ GoneOn

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
..........
ฟ้าลั่นส่ายหน้าไปมา....หัวเราะกับการเปลี่ยนแปลงอารมณ์ที่รวดเร็วของภูผา.... ตั้งเมื่อกี้ภูผายังคงงัวเงียง่วงนอน...แต่บัดนี้เจ้าตัวกลับมาร่าเริง...และอารมณ์ดีอีกครั้ง.....

ไหงตื่นเช้าขนาดนี้เนี่ยคุณบลู เอ๊ะ หรือว่ายังไม่นอน


ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
ตามมาอ่านเรื่องนี้ด้วยคน  :yeb:

สำนวนดีจัง แถมมีกลอนด้วย  :myeye:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
ขยันเจงๆ หนูบลู

ว่าแต่เรื่องนี้หวานน๊อะ


สุ้ไม่ได้เจงๆๆ


พูห์ :laugh3:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
หมอกน่ารักอะ  ฟ้าลั่นก็น่ารัก  ศิวะก็น่ารัก  น่ารักไปหมด  อิอิ  แต่ไม่เชียร์พี่เสือนา  ภูผากับฟ้าลั่นน่ารักกว่า  เชียร์ๆ  :yeb:

รออ่านต่อน้าเรย์  ต่อเรย  ให้ไว  เดี๋ยวลืมอะ  :impress:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-04-2007 13:16:11 โดย มูมู่น้อย »

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
ม่ายรู้จาเม้นต์อาราย...........น่ารักกันทั้งนั้น

ไม่ค่อยได้อ่านนิยายรักโรแมนติกของชายรักชายเลย....แต่ก็น่ารักดี :angellaugh2:

อยากมีมั่ง......แต่คงจะยากกกกกกกกซ์ :impress3:

ส่วนใหญ่อ่านแต่รันทดๆ...........น้ำตาท่วมกระดาษ

แต่เห็นเป็นคุณเรย์โพสนะเนี่ย...............เลยมารออ่าน :laugh: :laugh:

มาต่อเร็วๆนะ..............................จารอ :yeb:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-11-2006 15:13:18 โดย ][GobGab][ »

Andreas

  • บุคคลทั่วไป
Dear All,

Indeed thanks for everyone.
It is my great pleasure to know that you all love this story.

Regards,
Andreas


:myeye:

between

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ GoneOn

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
ขอบคุณ คุณ  Andreas  ด้วยนะค่ะ สำหรับเรื่องหวานๆ บรรยากาศสวยๆ แบบนี้ค่ะ     

แล้วก้อ บลู ด้วย ที่เอาเรื่องมาให้ได้อ่านกันนะ   :yeb:

abcd

  • บุคคลทั่วไป
 :piglove2: ชอบประโยคนี้มากเรยคุณแอนเดรีย  "ในสายตาของศิวะ...... ภูผาคือคุณค่าทางจิตใจ มิใช่คุณค่าทางร่างกาย "

อ่ารูปก็สวย คุณบลูนี่ขยันจาง  :yeb: พักผ่อนบ้างนะ เอิ๊กๆ ไม่สบายไปเด๋วไม่มีใครลงเรื่องให้อ่าน (อ้าว...นึกว่าเป็นห่วงบลู ที่แท้ก้อ คิกคิก)  :yeb:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
shell กลอนคุณ andrea พึ่ง rewrite ใหม่เลยนะครับ  :yeb:

GoneOn คิกคิก อ่านทันหรือยังครับ  :love2:

หมูพูห์ อ่าจะไปหวานกับครายหนอ  :kikkik:

มูมู่น้อย คิกคิก มาแบบนี้อีกหล่ะ จะเชียร์ครายแน่ ผมละงงแทน เอิ้กๆ  :really2:

][GobGab][ ขอบคุณนะครับ น้องถุงที่มาให้กำลังจายผม แหะๆ

Andreas   อุตส่าห์รีบ rewrite ให้เราได้อ่านก่อนเป็นที่แรกนะครับเนี่ย ขอบคุณมากๆเลยครับ

between อ่านให้ทันนะครับ เอิ้กๆ

(ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว) คิกคิก



***********************************************************************************************

อยากหลับฝัน
แพท สุธาสินี พุทธินันทน์
[wma=300,50]http://mywebpage.netscape.com/blueberrycpie/Pat+Suthasinee+-+02.wma[/wma]
******************************************************************************************

บทที 7 เลือกเพราะรักหรือผูกพัน

หลังจากที่ภูผาช่วยดูแลฟ้าลั่นเมื่อครั้งไม่สบายคราวที่แล้ว ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็สนิทขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง ทั้งสองคนยังนอนเตียงเดียวกันเหมือนเดิม ....ยังไปเที่ยวและเดินเล่นบนสันอ่างแก้วในทุกครั้งที่มีเวลาว่าง โดยไม่ลืมที่จะเอาข้าวไปให้สุนัขหูตูบทั้งฝูงของมหาวิทยาลัยทุกอาทิตย์อีกด้วย

ภูผาต้องแบ่งเวลาให้ศิวะด้วยนอกเหนือจากมอบให้กับฟ้าลั่น ไม่ว่าจะเป็นเวลาทำงานในฐานะเลขาสโมสร รวมถึงเวลาที่ศิวะชวนไปกินข้าวเย็น หรือ ชวนไปนอนค้างที่หอพักบ้าง โดยในบางครั้งถ้าฟ้าลั่นว่าง ภูผาก็จะชวนฟ้าลั่นไปอ่านหนังสือและเล่นเกมส์กับพี่เสือที่ห้องพักด้วย แต่ก็ไม่บ่อยครั้งนัก เพราะฟ้าลั่นมักจะมีสาวๆ ต่างคณะหรือไม่ก็คณะเดียวกันชวนไปเที่ยวเสมอๆ

ถึงแม้ภูผาและฟ้าลั่นจะเข้าร่วมกิจกรรมที่แตกต่างกันเพราะอยู่คนละคณะ ประกอบกับภาระหน้าที่และความรับผิดชอบของทั้งสองคน จึงทำให้ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะห่างกันไปบ้างในบางครั้ง แต่สิ่งเดียวที่ดูเหมือนจะเชื่อมโยงทั้งคู่เสมอมา คือ อ้อมกอดที่อบอุ่นของฟ้าลั่นที่มอบให้กับภูผาทุกค่ำคืนยามที่ต้องนอนด้วยกันนั่นเอง

โอบรัก...อ้อมแขน....อบอุ่น....
โอบกอด....ละมุน.....หลับฝัน
โอบเจ้า....แนบชิด...อกพลัน
โอบรัก...แบ่งปัน....ดวงใจ

***********

หลังสอบปลายภาคการศึกษาที่หนึ่ง ก็ถึงเวลาปิดเทอมประมาณสองอาทิตย์ ทั้งภูผาและฟ้าลั่นจึงเดินทางกลับบ้านไปพักผ่อนกับครอบครัว แต่ก็ยังคงติดต่อกันทางโทรศัพท์เสมอตลอดสองอาทิตย์จนเปิดเทอม

เมื่อแรกเข้าสู่ภาคการศึกษาที่สอง นักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งทุกคนในมหาวิทยาลัยก็ต้องเข้าร่วมกิจกรรมประจำปีที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือ กิจกรรมสปอร์ตเดย์ ซึ่งจะเป็นวันแข่งขันกีฬาประเภทลู่และลานของทุกๆคณะ

สิ่งที่เด่นชัดที่สุดในงานสปอร์ตเดย์นอกจากกีฬา คือ การแสดงพาเหรดในตอนเช้าและการแสดงเชียร์บนแสตนด์ของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ของทุกคณะในตอนบ่ายจนถึงเย็น

สำหรับคณะวิทยาศาสตร์ที่มีศักดิ์ศรีของแชมป์เก่าหลายสมัย ที่ต่อสู่คู่คี่มาทุกปีกับคณะแพทย์ศาสตร์ ผลัดกันชนะผลัดการแพ้อยู่เกือบสิบปี จึงต้องทำการฝึกซ้อมเชียร์ให้น้องๆปีหนึ่งอย่างเข้มข้นในทุกๆวัน

ตอนแรกๆภูผาได้รับการทาบทามให้เป็นเชียร์หลีดเดอร์ของคณะ แต่เนื่องจากเขาไม่ชอบ เลยไปอ้อนวอนแกมบังคับให้ศิวะในฐานะอดีตประธานเชียร์และอดีตเชียร์หลีดเดอร์ให้ช่วยมาคุยกับพี่ๆหลีดเดอร์ชั้นปีสองให้เอาชื่อตนเองออกจากการคัดตัว โดยอ้างเรื่องงานเลขาที่ต้องทำ รวมถึงเรื่องที่ต้องให้เวลากับพี่เสือเองด้วย จนทำให้ศิวะใจอ่อนไปขอให้เอาชื่อภูผาออก

ฟ้าลั่นก็ถูกทาบทามให้เป็นเชียร์หลีดเดอร์ของคณะวิศวกรรมศาสตร์เช่นกัน แต่ภายหลังเมื่อได้รับคัดเลือกให้เป็นประธานรุ่น เขาจึงไปขอร้องให้พี่ๆ คัดชื่อออกจากคัดเลือกเชียร์หลีดเดอร์เช่นกัน โดยใช้ข้ออ้างเรื่องงานเช่นเดียวกับภูผา

กิจกรรมSportday ผ่านไปอย่างเรียบร้อย งานนี้คณะวิทยาศาสตร์สามารถช่วงชิงตำแหน่งชนะเลิศทั้งการแสดงพาเหรดและการแสดงเชียร์บนสแตนด์ได้อย่างงดงาม ดังนั้นในตอนจบงาน....จึงมีแต่เสียงหัวเราะของน้องๆวิดยา.....พร้อมๆ กับมีน้ำตาเกิดขึ้นกับน้องๆแพทย์......การแข่งขันนั้นมีแพ้มีชนะ เป็นเช่นนี้ทุกปีสลับกันไป

หลังจากนั้นไม่นาน.....จึงเป็นช่วงสัปดาห์หฤโหดของการสอบกลางภาค...การส่งรายงานต่างๆ.... การสอบเก็บคะแนนหลากหลาย ที่ดูเหมือนจะรั้งรอกันมาตั้งแต่ต้นเทอม เพื่อที่จะมาฟาดฟันใส่นักศึกษาให้ทุกข์ทรมานในเวลาเดียวกัน

เทอมนี้อาจเป็นการชี้เป็นชี้ตายของนักศึกษาหลายสิบคน อาจจะหลายร้อยคนด้วยซ้ำ ในกรณีที่ใครก็ตามที่ได้เกรดต่ำกว่า 1.50 ในภาคการศึกษาแรก นั่นหมายความว่าเทอมนี้ต้องได้มากกว่าหรือไม่ก็ต้องเท่าเดิม มิฉะนั้นต้องประสบอุบัติเหตุการศึกษาออกไป

ทุกครั้งของการสอบ ฟ้าลั่นและภูผาก็ต้องไปช่วยเพื่อนๆในกลุ่มของตนติวให้กับพวกที่อ่อนวิชาต่างๆ แต่ก็จะเป็นเฉพาะในหมู่เพื่อนสนิทเท่านั้น เพราะนักศึกษาอื่นๆมักไปนั่งฟังการแนะนำของพี่ๆชมรมวิชาการของคณะ ที่จัดขึ้นตลอดสองสัปดาห์ก่อนสอบ

ทุกวันหลังจากเสร็จสิ้นการติวหนังสือให้เพื่อน ทั้งฟ้าลั่นและภูผาก็จะกลับมานั่งอ่านหนังสือด้วยกันเกือบทุกคืน ทั้งคู่จำต้องมีการหยอกล้อกัน...หรือแกล้งทะเลาะกันทุกครั้งไป......แต่จะมีบางเท่านั้นที่ไม่ได้อ่านหนังสือด้วยกัน เช่นคืนที่ฟ้าลั่นอาจต้องอยู่ติวให้กับเพื่อนๆจนถึงเช้า หรือ คืนที่ภูผาต้องไปนอนค้างกับศิวะ เป็นต้น

ถึงแม้จะมีศิวะและเพื่อนๆของฟ้าลั่นเข้ามากั้นกลางระหว่างพวกเขาทั้งสอง แต่ความสัมพันธ์ของภูผาและฟ้าลั่นไม่ได้เสื่อมคลายลง กลับแต่จะเข้าใจและห่วงใยกันมากขึ้น โดยที่ทั้งคู่เองก็ไม่ได้เอะใจในเรื่องนี้แต่อย่างใด เพียงแต่คิดว่าเป็นเพื่อนรักและสนิทกันมากก็เท่านั้น

ในที่สุดการสอบปลายภาคการศึกษาก็จบลง.....ช่วงนี้นักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งที่อยู่หอในต้องเริ่มคิดเรื่องที่พักใหม่ โดยถ้าจะอยู่หอในต่อก็ต้องยื่นสมัครพร้อมแสดงคะแนนสะสมในการช่วยงานของหอพัก หรือบางคนถ้าอยากเป็นอิสระก็ต้องรีบหาหอพักภายนอกมหาวิทยาลัย แต่ก็ยังไม่ต้องรีบร้อนมากนักเพราะหอพักอนุญาตให้นักศึกษาอยู่หอในจนกระทั่งการศึกษาภาคฤดูร้อนสิ้นสุดลง

“หมอกจะอยู่หอในต่อหรือป่าว .....หรือจะไปอยู่กับพี่เสือ” ฟ้าลั่นเอ่ยถามภูผา พลางซ่อนสีหน้ากังวลเอาไว้ ในวันสอบปลายภาคเสร็จสิ้น ทั้งสองหนุ่มนั่งคุยกันอยู่ในห้องพัก

“ยังไม่รู้เลย....พี่เสือก็ชวนนะ เพราะพี่เค้าจะเรียนปริญญาโทต่อ....แต่เรายังไม่ตัดสินใจน่ะ......รอถามนายก่อน” ภูผาตอบ

“หมอกอยากอยู่กับเราหรืออยู่กับพี่เสือล่ะ” ฟ้าลั่นถาม พร้อมกับทำใจว่าภูผาคงเลือกที่จะอยู่กับศิวะ.... ฟ้าลั่นไม่เข้าใจตนเองว่า เหตุใดจึงกังวลมากนัก หากภูผาเลือกจะอยู่กับพี่เสือจริงๆ แต่ก็คิดว่าเพราะอยู่ด้วยกันมาตั้งปีหนึ่งจึงรู้สึกผูกพันกันมากนั่นเอง

“เอ........จะอยู่กับใครดีน้า..........” ภูผาแกล้งทำท่าคิด เพราะเห็นว่าฟ้าลั่นกำลังมองมาด้วยสีหน้าแสดงความไม่สบายใจอย่างเห็นได้ชัด

“จะไปเป็นหมอนข้างให้พี่เสือ หรืออยู่เป็นหมอนข้างให้นายดี.........ตอบยากจัง......” เจ้าตัวยังแกล้งต่อ ก่อนเดินเข้าไปหาฟ้าลั่น กอดบ่าคนตัวสูงกว่า แล้วจึงบอกว่า

“ก็ต้องเลือกอยู่กับนายซิ.......ก็นายยังไม่มีแฟนนี่นา ...เรากลัวนายเหงา.....เอาไว้นายมีแฟนก่อนแล้วเราจะย้ายไปอยู่กับพี่เสือ”

“แต่ถ้าจะต้องอยู่ด้วยกันนาน....คนไม่หล่ออย่างนาย...คงหาแฟนยากหน่อย” คนหน้าหวานแกล้งแซว และหัวเราะออกมาเบาๆ

คำตอบของคำถามที่ฟ้าลั่นพยายามจะเอ่ยถามมาตลอดสัปดาห์ และประโยคหยอกล้อออกจากปากคนตัวเล็กกว่า ทำให้ฟ้าลั่นยิ้มออกมา

เขาตวัดแขนโอบตัวภูผาให้ล้มลงนอนบนเตียง พร้อมทั้งรีบนอนทับร่างบาง แล้วเอาเคราสากๆที่เพิ่งโกนเรียบร้อยเมื่อวานถูแก้มนิ่มๆของภูผา รวมถึงแกล้งไซร้ซอกคอ....และกอดรัดภูผาที่ตอนนี้นอนดิ้น ร้องโวยวาย แสดงอาการหน้าแดงหูแดง จนคนแกล้งต้องหัวเราะออกมา

“เฮ้ย .....ปล่อยนะโว้ย......นายมันบ้าจัง.......ดูดิ....พี่เสือยังไม่เคยทำอย่างนี้เลย” ภูผาต่อว่า ก่อนหันหันมามองค้อนแบบโกรธๆ

“ก็นายว่าเราไม่หล่อทำไมล่ะ...เราออกจะหล่อ......” ฟ้าลั่นแสดงสีหน้าภูมิใจ ก่อนจะสังเกตุเห็นว่าภูผาท่าทางจะโกรธจริงๆ

“ก็แกล้งเล่นหน่อย.....อย่าโกรธน้า......หมอก” ฟ้าลั่นเริ่มง้อเพราะคิดว่าตนเองเล่นแรงเกินไปเหมือนกัน ก่อนจะฉุกคิด แล้วพูดต่อในทันที่ว่า

“เอ้ย...เราไม่ได้ชอบนายแบบพี่เสือนะ.....อย่าคิดมาก” เจ้าตัวบอกคนร่างบาง แต่ไม่วายจะมีความรู้สึกแปลกขึ้นในใจเมื่อย้อนคิดถึงความรู้สึกที่ได้หอมแก้มหรือไซร้ซอกคอภูผา

“อืม....รู้แล้ว.....ระวังเถอะ.....เดี๋ยวเราจะเอาคืน.....นอนหลับเมื่อไหร่ละก็” ภูผากล่าวคาดโทษเอาไว้

ตอนดึกหลังจากที่ฟ้าลั่นนอนหลับแล้ว โดยที่แขนอีกข้างยังคงโอบกอดลำตัวภูผาอยู่ คนถูกกอดเริ่มปฏิบัติหน้าที่แก้แค้นอย่างไม่อาจรอช้า เพราะรู้ว่าเวลาที่ฟ้าลั่นหลับสนิทแล้วถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมา เจ้าตัวจะไม่ค่อยมีแรงจะต่อสู้เท่าไหร่นัก ซึ่งงานนี้ภูผาหวังว่าคงสามารถแกล้งฟ้าลั่นแน่นอน
 ภูผาแกะแขนที่โอบกอดตนเองออกเบาๆ ก่อนที่จะพยายามพลิกตัวฟ้าลั่นให้นอนหงาย และค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียง อยางช้า ระวังไม่ให้เกิดคนที่นอนอยู่รู้สึกตัว แล้วเดินอ้อมมานั่งลงบนปลายเตียง

มือบางทั้งสองข้างสอดเข้าใต้ผ้าห่ม พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้สัมผัสส่วนความเป็นชายของฟ้าลั่น ก่อนที่จะจับเข้ากับขอบกางเกงในตัวเล็ก แล้วรูดออกจากลำตัวฟ้าลั่นช้าๆ เพราะไม่อยากให้คนถูกแกล้งตื่นขึ้นมาเสียก่อน

ฟ้าลั่นเริ่มรู้สึกตัวทันที่ที่รู้สึกว่ากางเกงในตัวจิ๋วของตนเองถูกรูดออกอย่างช้าๆ เขารู้สึกตกใจพอสมควรรวมถึงสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น

“ภูผานายจะทำไร” ฟ้าลั่นคิดในใจ

ฟ้าลั่นได้แต่หวังว่า เจ้าตัวดีที่กำลังถอดกางเกงเขาอยู่คงจะไม่ได้พยายามจะทำมิดีมิร้ายกับร่างกายของเขายามหลับใหล

“อย่านะหมอก ขอร้องเถอะ....อย่าทำอะไรแบบนั้นกับเรานะ” ฟ้าลั่นภาวนา เนื่องจากคงรับไม่ได้ถ้าภูผาจะทำอะไรแบบนั้นกับตน พลางคิดว่าถ้าภูผาทำจริงๆ เขาคงไม่ยอม แล้วอาจจะเลยกลายเป็นสาเหตุของการเลิกคบกันเป็นเพื่อนก็ได้   

“อย่านะหมอก” ฟ้าลั่นตะโกนลั่นในใจ ยังคงหลับตาเพื่อให้ดูเหมือนว่าตัวเองยังหลับอยู่เพราะต้องการรอดูว่าภูผาจะทำอะไรต่อไป

ภูผายังคงพยายามถอดกางเกงในฟ้าลั่นออกช้าอย่างเบามือ........โดยไม่รู้เลยว่าเหยื่อผู้น่าสงสารบัดนี้ไม่ได้น่าสงสารอย่างที่ตนเองคิดเสียแล้ว เพราะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก่อนหน้าแล้ว

ฟ้าลั่นรู้สึกโล่งอกเพราะหลังจากที่เจ้าตัวดีถอดกางเกงในเขาออกแล้วก็ไม่ได้ทำอะไรต่ออย่างที่เขาคิดเอาไว้ แต่ภูผากลับเอาผ้าห่มคลุมตัวเขาตั้งแต่เอวจนถึงจนถึงปลายขา แล้วก็เดินไปเปิดโคมไฟอันเล็กที่สาดแสงอ่อนๆ แล้วจึงเดินกลับมาทิ้งตัวลงนอนทาบลงมาบนตัวเขา พร้อมทั้งเอาสองมือจับแก้มเขาไว้ ก่อนจะปลุกแล้วพูดว่า

“นี่ แกล้งเราดีนัก ต้องเจออย่างนี้”

ภูผาจัดการเอามือทั้งสองข้างดึงแก้มฟ้าลั่นเล่น รวมถึงแกล้งทำเป็นไซร้ซอกคอและหน้าอกของฟ้าลั่น ก่อนที่เจ้าตัวจะถูกวงแขนที่แข็งแรงกว่าโอบกอด แล้วพลิกลำตัวให้ลงไปนอนด้านล่างโดยมีร่างที่เปลือยเปล่าของฟ้าลั่นทับอยู่ข้างบน

เวลานี้ฟ้าลั่นเข้าใจแล้วว่า ภูผามีเจตนาที่จะแกล้งเอาคืนตนเองเท่านั้น โดยไม่คิดทำการอะไรเลยเถิดในเรื่องเพศแต่อย่างใด

“หืม...แกล้งเราคืนเหรอ.... ไอ้ตัวน้อย....... อย่างนี้เลย ต้องโดนอย่างนี้” คนแข็งแรงกว่า ที่บัดนี้เปลือยกายทับอยู่ด้านบน เอามือข้างหนึ่งของตนล็อคแขนทั้งสองข้างของภูผาเพื่อไม่ไห้ขัดขืน ก่อนที่จะก้มหน้าลงไปหอมแก้มซ้ายขวา และสุดท้ายก็ประทับริมฝีปากตนเองลงบนริมฝีปากบางสีชมพูของภูผา พร้อมกับบดขยี้ริมฝีปากอย่างช้าๆ อย่างแผ่วเบา

ภูผากลับแสดงอาการตกใจอย่างเห็นได้ชัด เพราะไม่คิดว่าฟ้าลั่นจะเล่นกลับคืนตนเองแบบนี้ ในขณะที่ฟ้าลั่นไม่ได้คิดอะไร มากเนื่องจากเพราะแค่ต้องการแกล้งคืนภูผานั่นเอง

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เห็นมั้ย โดนจูบซะเลย.....อย่างนี้จะกล้าแกล้งเราอีกหรือป่าวหมอก...... แอบมาถอดกางเกงเราด้วย....แบบนี้ต้องแกล้งเสียให้เข็ด” ฟ้าลั่นยังคงหัวเราะ

“เฮ้ย...ไอ้บ้าฟ้าลั่นจูบมาได้งัย” ภูผาที่ตอนนี้เขินแทนฟ้าลั่นร้องบอก

“ไม่ได้เป็นแฟนกันนะโว้ย.....บ้า” ภูผายังคงโวยวายต่อ และใช้หลังมือทั้งสองข้างถูริมฝีปาก เพื่อเช็ดเอาร่องรอยจูบออกจากริมฝีปากตนเอง

“แหม....ก็แกล้งเล่น..... งัย....สนุกดีออกแกล้งหมอกน่ะ” ฟ้าลั่นยังคงเห็นเป็นเรื่องสนุก โดยไม่ได้ฉุกใจคิดแต่อย่างไร ว่าเหตุใดเขาถึงกล้าจูบผู้ชายด้วยกัน แม้ว่าจะเป็นเพื่อนที่สนิทมากก็ตามที

“เอ้า.....ไม่แกล้งแล้วก็ได้ นอนดีกว่า .........” ฟ้าลั่นตัดบท เนื่องจากเห็นภูผากำลังมองค้อนตาแทบหลุดออกจากเบ้า

“ไอ้บ้า......ดูดิ เสียความบริสุทธิ์หมด...... ถ้าเป็นแฟนก็ว่าไปอย่าง” ภูผายังคงบ่น พร้อมกับฟาดมือไปบนตัวฟ้าลั่นเบาๆ 

“เฮ้ยนอนได้แล้ว ไม่ต้องบ่น แค่ล้อเล่นเฉยๆ” ฟ้าลั่นบอกต่อ

“แล้วไม่คิดจะใส่กางเกงในหรือฟ้าลั่น” ภูผาถามเพราะเห็นว่าฟ้าลั่นยังไม่ลุกไปใส่กางเกงในแต่อย่างใด กลับยังคงนอนกอดตนเองอยู่ เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ขี้เกียจใส่แล้ว......นายเป็นคนถอด ถ้าอยากให้เราใส่ก็ต้องใส่คืนให้เราดิ” ฟ้าลั่นบอกอย่างไม่ใส่ใจ

“งั้นก็นอนโป๊ไปเลย .......ห้ามมากอดด้วย” ภูผายังคงออกอาการโกรธอยู่

“ไม่เอา....มาให้กอดซะดีๆๆ ไอ้หมอกน้อย” ฟ้าลั่นตวัดแขนกระชับร่างบางเข้าหาตัว

“ตกลงนายไปปิดไฟ หรือให้เราลุกขึ้นไปปิดไฟเอง....”ฟ้าลั่นกระซิบถามที่ข้างหูของคนที่ยังงอนไม่หาย

“เราไปปิดเองก็ได้....ไม่อยากเห็นนายโป๊หรอก...” ภูผาบ่นงึมงำ และลุกขึ้นจากเตียงเดินไปปิดไฟ ก่อนจะล้มลงลงนอนบนที่ว่างข้างกายของฟ้าลั่นที่ยังคงนอนเปลือยเปล่า.... แขนที่แข็งแรงของฟ้าลั่นโอบกอดลำตัวของภูผาโดยทันที และหลับไปในไม่นาน

สรุปว่าตลอดทั้งคืนจนรุ่งเช้า ภูผาต้องอยู่ในอ้อมกอดของฟ้าลั่น โดยที่ฟ้าลั่นไม่ได้สวมเสื้อผ้าแต่อย่างใด

abcd

  • บุคคลทั่วไป
อ้างถึง
(ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว) คิกคิก


ขำไรอ่ะบลู



แต่สิ่งเดียวที่ดูเหมือนจะเชื่อมโยงทั้งคู่เสมอมา คือ อ้อมกอดที่อบอุ่นของฟ้าลั่นที่มอบให้กับภูผาทุกค่ำคืนยามที่ต้องนอนด้วยกันนั่นเอง
 
ประโยคเด็ดของตอน :impress:


แต่ที่เด็ดกว่าคือเค้าเล่นถอดกัน คิกคิก  :kikkik:


ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
ตอนนี้อ่านแล้วรู้สึกดีจัง  เลือกเพราะรักหรือผูกพัน

ความผูกพันที่พัฒนาการเป็นความรักที่สวยงาม  :impress:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
โอว... ตอนนี้ได้ใจ  ชอบ ชอบ  หมอกเล่นแบบนี้นี่มันวอนนี่หว่า  หุหุ   เรื่องนี้ภาษาสวยมาตลอดเลย  จะมีบทฮัศจรรย์รึเปล่าหง่ะ  อยากเห็นคุณ Andrea บรรยายแบบตบจูบ ตบจูบอะ  เอิ้ก ๆ อยากรู้ว่ามันจะเป็นยังไง   น่ารักกันจังคู่นี้  ความผูกพันที่แต่ละคนก็ไม่รู้ใจตัวเอง  อีกหน่อยคงมีเหตุการณ์ที่ทำให้สองคนนี้เข้าใจตัวเองมากขึ้นละมั้ง 

เชียร์หมอกกับฟ้าลั่นจ้าเรย์  แหม  เค้าก็มีคนเชียร์อยู่นา  ไม่ได้เชียร์ไปเรื่อย  อิอิ   มาต่อเร็ว ๆ น้า  รออยู่   :impress:

wee

  • บุคคลทั่วไป
มาเข้าคิวอ่าน ด้วยคนน่ะ... 
ภูผา  กะ  ฟ้าลั่น  คลาสสิกจัง ชอบบบบ....

FlukeHub

  • บุคคลทั่วไป
หุหุหุ  น่ากันจริงๆ

ต่อครับคุณบลู

ด่วนๆๆๆ

ชอบฟ้าลั่นอ่ะ  หุหุหุ

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
ความรักเกิดจากความผูกพัน

แต่บางครั้ง ความผูพัน ทำให้เราลืมไปว่า รักเกิดขึ้นมาแล้ว


พูห์ :confuse:


gobgab

  • บุคคลทั่วไป
ถ้าเรามีความรักที่สวยงามกันอย่างนี้ทุกคนโลกนี้คงน่าอยู่เนอะ

...................แต่ก็คงเป็นไปไม่ได้......................... :impress3:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
(ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว) อย่าพูดถึงแบบนั้นสิ น้ำตาจะไหล คงยังตอบไม่ได้ตอนนี้อ่ะนะ เดี๊ยวจะอ่านแล้วไม่ลุ้น   :impress3:

shell เห็นด้วยกับผมเลยครับ ถ้าผมจะรักใครสักคน ผมอยากให้มันเกิดจากความผูกพัน เราเรียนรู้กันมาจากคำว่าเพื่อน แม้ว่าในชีวิตจริง
คงยากนักสำหรับผม  :monkeysad:

มูมู่น้อย  อืมเชียร์ใครอยู่นะ ชักอยากจะเห็นละ พามามี๊ตติ้งบ้างดิ  :haun2:

wee  รักที่เป็นอมตะเลยครับเรื่องนี้  :myeye:

FlukeHub  น่าไรหรือ  :kikkik:

หมูพูห์ มีมุมมองที่กว้างจริงๆ
อ้างถึง
แต่บางครั้ง ความผูกพัน ทำให้เราลืมไปว่า รักเกิดขึ้นมาแล้ว
เพราะคนเราบางทีลืมสังเกตใจตัวเองหรือปล่าวครับ

][GobGab][  คนเรามีหลายๆแบบ อยู่ที่ว่าเราจะมีโอกาสได้หมุนกงล้อของเรา ไปเจอกับส่วนที่ขาดหายไปหรือปล่าว  :monkeysad2:

***************************************************************************************************************

บทที่ 8 เขาว่าเรากับนายเป็นแฟนกัน.......เฮ้ยต้องแก้ข่าว

ช่วงการศึกษาภาคฤดูร้อน ทั้งฟ้าลั่นและภูผาตัดสินใจลงทะเบียนเรียนวิชาเดียวกันคือวิชา สถิติเบื้องต้นที่เป็นวิชาบังคับเลือกของนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ทุกคนรวมถึงนักศึกษาบางสาขาวิชาของคณะวิทยาศาสตร์   นอกจากนั้นยังเลือกลงทะเบียนวิชารัฐศาสตร์เบื้องต้นซึ่งเป็นวิชาเลือกเสรี    นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ทั้งคู่ต้องไปเรียนด้วยกันทุกครั้ง

ช่วงฤดูร้อนของเชียงใหม่ อากาศจะแห้งและร้อนจัด ดังนั้นแหล่งพักผ่อนในตอนกลางวันที่นิยมของนักศึกษาคือหอพัก และห้างสรรพสินค้ากาดสวนแก้ว  ส่วนในตอนเย็นๆก็จะมีทั้งที่บริเวณสันอ่างแก้ว อ่างเกษตร และสนามกีฬากลางที่นักศึกษาบางส่วนเลือกที่จะออกกำลังกายในช่วงก่อนอาทิตย์จะลับฟ้า

ฟ้าลั่นและภูผาก็ประพฤติตนเหมือนนักศึกษาคนอื่นๆ คือมักจะเป็นเดินเล่นตามสถานที่กล่าวมาข้างต้น หรือไม่ก็ไปเล่นกีฬาออกกำลังกายในตอนเย็นกับเพื่อนๆที่สนิทในคณะ

ขณะเรียนซัมเมอร์ ภูผาและฟ้าลั่นได้ตระเวนหาหอพักที่จะเช่าอยู่ด้วยกันเมื่อขึ้นปีสอง ทั้งสองคนใช้เวลาหลายอาทิตย์ในการเลือกหอพัก เพราะต้องการห้องพักที่สะอาด ค่อนข้างใหญ่ และสะดวกในการออกมาเรียนหนังสือ ในที่สุดก็ตัดสินใจเลือกเช่าห้องชุดที่หอพักพิมชาเลท์ ที่อยู่ในซอยเล็กซอยหนัง บริเวณหลังมหาวิทยาลัย โดยจัดว่าอยู่ในเขตสะดวกสบายในการเดินทางมาเรียนหนังสือรวมถึงการหาอาหารรับประทาน

ลักษณะหอพักพิมชาเลท์ เป็นอาคารขนาดกลาง 4 ชั้น หลังคามุงกระเบื้องสีเขียวเข้ม ตัดกับสีผนังอาคารขาวจัด ภายในตัวอาคารหอพัก ส่วนตรงกลางคือส่วนหย่อมที่ประดับตกแต่งด้วยพันธ์ไม้ขนาดเล็ก จัดวางลดหลั่นไปตามแนวหินของน้ำตกจำลองที่สร้างขึ้น สายน้ำสะอาดไหลลงไปในบ่อปลาขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 3 เมตร ที่เจ้าของพักใช้เป็นที่เลี้ยงปลาคาร์พหลากสีสันที่แวกว่ายไปมาอย่างมีความสุข

บริเวณด้านหลังน้ำตกจำลองคือบันไดเวียนขนาดใหญ่ทอดขึ้นสู่ชั้นอาคารที่สูงขึ้นไป และนำสายตาให้มองขึ้นไปสู่หลังคาของหอพักด้านบน ที่ใช้กระเบื้องโปร่งแสงคลุมแทนที่จะเป็นแบบทึบแสง ซึ่งก็จะทำให้แสงอาทิตย์สาดส่องลงมายังน้ำตกจำลอง ให้ต้นไม้ต่างๆได้ใช้สัมผัสพลังงานแสงอาทิตย์ทุกวัน รวมถึงช่วยทำให้หอพักสว่างไสว ไม่มืดครึ้ม

ห้องพักที่ภูผาและฟ้าลั่นตัดสินใจเลือกเช่าคือห้องชุดขนาดกลางประกอบด้วย ห้องนอนที่มีเตียงนอนหนานุ่มขนาดใหญ่กว่าในหอในถึงสองเท่า รวมห้องน้ำในตัว และห้องรับแขกพร้อมเฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็น เช่น โทรทัศน์ ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ พัดลม โต๊ะรับแขก โซฟา และโทรศัพท์ เป็นต้น

หลังจากตกลงราคาค่าเช่าและทำสัญญาเช่าแล้ว ทั้งสองหนุ่มจึงย้ายของส่วนตัวที่หอในเข้ามาที่ห้องพัก และช่วยกันจัดของให้เป็นระเบียบเรียบร้อย เพราะห้องชุดนี้จะกลายเป็นสถานที่ที่พวกเขาทั้งคู่ต้องอยู่ด้วยกันอีกตลอดสามปี

*******************

ขณะเรียนภาคฤดูร้อน...กิจกรรมที่ฟ้าลั่นและภูผาทำเป็นประจำ คือการชวนเพื่อนๆสนิทในคณะของตนมาเล่นเทนนิสที่สนามหลังหอเจ็ดหญิงด้วยกันในตอนเย็น ดังนั้นเกือบทุกวันจึงจะเห็นนักศึกษากลุ่มใหญ่ทั้งคณะวิศวกรรมศาสตร์และคณะวิทยาศาสตร์ประมาณเกือบสิบคน อยู่บริเวณรอบสนามเทนนิสเพื่อจับคู่เล่นเทนนิสกัน

ศิวะก็มักจะเข้าร่วมเล่นด้วยบ่อยครั้งแม้ว่าจะจบการศึกษาไปแล้ว เนื่องจากภูผาชักชวนและเขาต้องการจะอยู่ใกล้ภูผาตลอดเวลานั่นเอง

การเล่นเทนนิสของทั้งกลุ่มเพื่อนสนิท แบ่งเป็นทั้งแบบเล่นเดียวและเล่นคู่  ฟ้าลั่นและภูผาชอบเล่นเทนนิสมากและฝึกฝนมานาน จึงสามารถเล่นคู่กันได้อย่างดี บางครั้งภูผาจับคู่กับศิวะที่ฝีมือการเล่นเก่งกาจพอตัว ทั้งๆที่เป็นนักว่ายน้ำของมหาวิทยาลัย เพื่อต่อสู้กับคู่ของฟ้าลั่นและคิมหันต์....เพื่อนสนิทในกลุ่มของภูผาในคณะวิทย์  การต่อสู้เป็นไปอย่างสูสีทุกครั้ง พลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ แต่ถ้าเมื่อใดที่ฟ้าลั่นจับคู่เล่นกับภูผา ก็จะพบว่าไม่มีคู่ใดสามารถเอาชนะได้เลย แม้กระทั่งคิมหันต์และศิวะเข้าคู่กัน

ดังนั้น....กีฬาเทนนิส...จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เชื่อมโยงสองหนุ่มให้สนิทสนมกันมากขึ้น นอกเหนือจากการที่อาศัยอยู่ร่วมกัน และเรียนหนังสือด้วยกัน

หลังสอบเสร็จ ก็จะเป็นเวลาปิดเทอมพักผ่อนของนักศึกษาประมาณ ซึ่งกินเวลาประมาณสามอาทิตย์ แต่เนื่องจากฟ้าลั่นที่มีตำแหน่งเป็นประธานรุ่นจำเป็นต้องอยู่เตรียมงานรับน้องใหม่ที่จะเข้ามาในปลายเดือนพฤษภาคมนี้ และภูผาที่ต้องเตรียมกิจกรรมรับน้องเช่นกัน เพราะรับตำแหน่งเลขาสโมสรนักศึกษาอีกวาระหนึ่ง เนื่องจากนายกสโมสรคนใหม่เคยทำงานร่วมกับภูผาตลอดปีที่แล้ว รู้สึกประทับใจในความรับผิดชอบของภูผา จึงขอร้องให้อยู่ช่วยทำงานอีกครั้ง

ดังนั้นทั้งฟ้าลั่นและภูผาจึงไม่มีเวลากลับไปพักกับครอบครัว โชคดีที่ครอบครัวของทั้งสองคนก็เข้าใจเป็นอย่างดี รวมถึงได้รับอนุญาตให้ทำกิจกรรมได้อย่างที่ตนต้องการ เพราะผลการเรียนอันดีเยี่ยมของทั้งสอง

******************************

ช่วงเปิดเทอมใหม่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เพื่อต้อนรับลูกช้างเชือกใหม่ ภาพเหตุการณ์ประทับใจต่างๆถูกฉายซ้ำอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ตัวละครที่โลดแล่นกลับเป็นลูกช้างหน้าใหม่.....ที่ล้วนสดใส...... เยาว์วัย............ และบริสุทธิ์   

กิจกรรมรับน้องถูกทยอยออกมาอย่างมากมายเพื่อสร้างความประทับใจให้กับน้องๆนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่ง......ฟ้าลั่นต้องทำงานหนักเพื่อคอยเรียกประชุมเพื่อนๆ และชี้แจงการรับน้องที่จะเกิดขึ้นเหมือนปีที่แล้ว รวมถึงประสานงานกับรุ่นพี่ต่างๆ

ส่วนภูผาแม้จะช่วยเตรียมงานรับน้องในฐานะเลขาสโมสร แต่ก็ยังต้องเตรียมร่างกายเพื่อรับน้องสุดโหดเช่นกัน
เพราะผลการคัดเลือกเข้าสาขาวิชาของนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ที่ประกาศตั้งแต่ปีที่แล้ว ระบุว่าภูผาสามารถเข้าไปเป็นหนึ่งในนักศึกษาสาขาวิชาเคมีได้.... แต่ยังเรียกได้ไม่เต็มปากนัก จนกระทั้งเสร็จสิ้นการรับน้องจากพี่ปีสามและปีสี่ของภาควิชา จึงจะเรียกว่าเป็นนักศึกษาภาควิชาเคมีอย่างแท้จริง
การรับน้องของภาควิชาเคมี ซึ่งใช้ระบบ “ว้าก” ถือเป็นระบบที่มีความโหดร้ายที่สุดสำหรับการรับน้อง โดยที่จะรุนแรงกว่าโซตัสของคณะวิศวกรรมศาสตร์ เพราะจำนวนคนที่น้อยกว่า และการจัดการง่ายกว่ามาก รุ่นพี่จึงมีเวลาเอาแรงใส่รุ่นน้องอย่างเต็มที

ในตอนเย็น....ตลอดหนึ่งอาทิตย์ของการรับน้องภาควิชาเคมี  ภูผารู้สึกเหนื่อยและอ่อนแรงมาก เนื่องจากรุ่นพี่บังคับให้นักศึกษาเข้าไปในห้องที่มืดสนิท แล้วก็ตะโกนกรอกหูเสียงดัง ทำโทษให้นอน กลิ้งทับกัน ให้ออกกำลังจนเหงื่อโทรมกาย หลังจากนั้นก็บังคับให้วิ่งรอบมหาวิทยาลัย ก่อนจะกลับมาเข้าห้องเพื่อทำโทษต่อ กิจกรรมแบบนี้เกิดขึ้นทุกๆ เย็นตลอดอาทิตย์

ทุกคืนฟ้าลั่นจะขับรถยนต์ที่บิดา-มารดาซื้อให้เป็นของขวัญเพราะได้เกรดดีเยี่ยม มารับภูผาที่ อมช. เสมอ..ทุกครั้งที่เห็นสภาพที่อ่อนแรงของภูผา เขาก็รู้สึกสงสารทุกครั้ง แม้ว่าภูผาเองจะค่อนข้างแข็งแรง แต่การที่คนเป็นร้อยคนอัดอยู่ในห้องเล็กๆ โดนทำโทษ ตลอดสี่ชั่วโมงเต็ม... อากาศก็ไม่มีการถ่ายเท จึงทำให้แม้แต่คนที่แข็งแรงก็ไม่ไหวเหมือนกัน ดังนั้นนอกจากจะมารับภูผาทุกวันแล้ว ฟ้าลั่นยังต้องคอยซื้อข้าวเย็นเตรียมไว้ให้เสมอ หลายครั้งภูผาก็ต้องขอร้องให้ฟ้าลั่นขับรถไปส่งเพื่อนตนเองที่เป็นลมหรือไม่สบายหลังการรับน้องในแต่ละวันไปส่งโรงพยาบาล
ซึ่งกว่าจะเสร็จเรียบร้อยก็เกือบเที่ยงคืน จึงจะได้มีโอกาสกลับหอ รับประทานข้าวเย็นและนอนพักผ่อนเพื่อเตรียมแรงไว้สำหรับวันถัดไป

วันสุดท้ายของการรับน้องภาควิชาคือวันศุกร์ หลังจากที่พี่ๆยอมรับนักศึกษาชั้นปีที่สองเข้าสู่ภาควิชา....สามารถ ใช้คำว่านักศึกษาภาควิชาเคมีอย่างเต็มภาคภูมิ.......ความเหนื่อยที่สะสมมาตลอดห้าวันดูเหมือนจะเหือดหายไปทีนที่ในกลุ่มของน้องใหม่.....รอยยิ้ม.....การทักทาย... และความรัก..... เข้ามาแทนที่ความกดดันโดยพลัน

ฟ้าลั่นขับรถไปรับภูผากลับมาที่หอพัก เขาสังเกตเห็นได้ชัดว่าภูผาอยู่ในสภาพที่อ่อนแรงเต็มที และล้มตัวลงนอนอย่างรวดเร็วหลังจากอาบน้ำเสร็จ

กลางดึก.......ฟ้าลั่นตื่นขึ้นมาเพราะรับรู้ถึงความร้อนจัดของร่างกายภูผาในอ้อมกอดของตน ด้วยความเป็นห่วงเขาจึงลุกลงจากเตียง เปิดไฟ แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ เปิดน้ำอุ่นใส่อ่างอาบน้ำ แล้วนำผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นเพื่อจะเช็ดตัวลดความร้อนให้ภูผา

“หมอก......เป็นอะไรมากหรือเปล่า” ฟ้าลั่นปลุก แล้วถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย ก่อนจะเห็นภูผาลืมตาอย่างช้าๆ

“ไม่สบาย...ปวดหัว” ภูผาพูดได้แค่นั้นแล้วก็หลับตาลงอย่างอ่อนแรง

“หมอกตื่นหน่อยนะ.....เดี๋ยวเราจะเช็ดตัวให้ก่อน”  ฟ้าลั่นกล่าวเบาๆ พร้อมกับจัดการถอดเสื้อผ้าภูผาออก เพื่อจะเช็ดตัวได้โดยสะดวก

แสงไฟจากโคมไฟบนหัวเตียง ส่องสะท้อนให้ฟ้าลั่นเห็นร่างกายที่บอบบางแต่ทว่ามีความแข็งแรง ผิวที่ขาวสะอาดเนียนไร้ขนปกคลุมทั้งแขนและขา แม้จะภูผาจะไม่ได้มีกล้ามเนื้อที่สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนเหมือนฟ้าลั่น แต่ก็ไม่ได้มีร่องรอยของไขมันพอกพูนแต่อย่างใด ทุกสัดส่วนของร่างกายสมบูรณ์แต่ทว่าบอบบางน่าทะนุถนอม รวมถึงร่องอกขาวสะอาด ที่มีหัวนมสีชมพู สีเดียวกับริมฝีปาก น่าชวนหลงใหล

นี่คือครั้งแรกที่ฟ้าลั่นได้เห็นรูปร่างของภูผาจริงๆโดยไม่มีเสื้อผ้าปิดบัง.......ภาพที่ฟ้าลั่นเห็น......ทำให้ฟ้าลั่นอดคิดไม่ได้ว่า

“เหมือนผู้หญิงจัง.......ขนาดเป็นผู้ชายยังน่ารักขนาดนี้...... ถ้าเป็นผู้หญิงคงไม่ปล่อยทิ้งไว้แน่นอน........เสียอย่างเดียวเป็นผู้ชาย...หมอกเอ้ย....ไอ้หมอกน้อย”   

หลังจากเช็ดตัวให้เสร็จเรียบร้อย รวมถึงใส่เสื้อผ้าชุดนอนให้ใหม่ ฟ้าลั่นจึงรินน้ำใส่แก้วและจัดยาให้ ก่อนที่จะปลุกภูผาอีกครั้ง

“หมอก.....หมอก...... กินยาก่อนนะ” ฟ้าลั่นก้มกระซิบที่ข้างหูภูผาที่กำลังนอนหลับเพราะพิษไข้

“อืม......” ภูผาสลึมสลือตอบ และพยายามลุกขึ้นนั่งบนเตียง แต่ก็ไม่มีแรงทำได้ ฟ้าลั่นจึงต้องช่วยพยุงให้ลุกขึ้น และส่งแก้วน้ำและยาให้คนป่วยกิน หลังจากนั้นจึงเอาแก้วน้ำไปเก็บไว้ตามเดิม

“ขอบใจมากนะฟ้าลั่น” ภูผากล่าวขอบคุณแล้วล้มตัวลงนอนในทันที

ฟ้าลั่นเดินไปปิดไฟบนหัวเตียง ล้มตัวลงนอนข้างภูผา โอบกอดร่างบางเข้าหาตัว

“ถ้าไม่ไหวบอกเรานะ .....เดี๋ยวจะพาไปโรงพยาบาล”ฟ้าลั่นกระซิบบอกภูผาเบาๆก่อนที่จะหลับไป แต่ก็มักตื่นขึ้นมาทุกๆ สองชั่วโมงเพื่อดูอาการคนป่วยในอ้อมแขนตนเสมอ

คงไม่มีอะไรที่จะอธิบายได้ว่าทำไมคนสองคนจึงผูกพันกัน ถ้าไม่ใช่เพราะความรู้สึกห่วงใยเต็มหัวใจ หรือเพราะการดูแลซึ่งกันและกันที่เกิดขึ้น........ในกรณีของภูผาและฟ้าลั่น........ตลอดคืนที่ภูผาไม่สบายในอ้อมกอดของเขา .....คือเวลาที่หัวใจของทั้งสองคนเปิดประตูเข้าหากันอีกครั้ง แม้ครั้งนี้มันจะยังไม่อาจบอกได้ว่า “รัก” แต่ที่แน่นอน มันคือ “ความผูกพันของทั้งสองคน”   

ผูกพัน...แนบชิด.....จิตใกล้....
ห่วงใย....แนบชิด.....สิเนหา
อุ่นรัก....แนบชิด....กายา
อุรา....แนบชิด....สนิทพลัน

นับตั้งแต่ขึ้นปีสองเทอมแรกจนเข้าสู่เทอมสอง การแสดงออกของความสนิทสนมระหว่างภูผากับฟ้าลั่นก็ดูจะสังเกตได้ชัดเจนขึ้นในหมู่เพื่อนสนิทๆ จนแม้กระทั่งศิวะเองยังต้องแอบงอนภูผาอยู่บ่อยๆ ว่าทำไมถึงคอยเป็นห่วงฟ้าลั่นมากนัก ทั้งๆที่น่าจะเป็นห่วงเขาในฐานะคู่รักมากกว่า

“น้องหมอกน่ะ เป็นห่วงฟ้าลั่นมากกว่าพี่เสือ ที่เป็นแฟนน้องหมอกตัวจริงอีกนะครับ” ศิวะบ่นกับภูผาในคืนหนึ่ง ก่อนการสอบปลายภาคการศึกษาที่หนึ่ง

“เปล่าซักหน่อยครับ....พี่เสือน่ะ อย่าคิดมาก.....หมอกเป็นห่วงฟ้าลั่นก็เพราะสนิทกันมากก็เท่านั้นเอง อีกอย่างพี่เสือโตแล้วนี่นา จะให้หมอกมาห่วงอะไรมากมายนักล่ะครับ” ภูผาอธิบายอย่างใจเย็น พร้อมหันหน้าไปส่งยิ้มหวานให้ศิวะ

“ก็พี่อยากให้น้องหมอกห่วงพี่มากๆนี่ครับ.......พี่รักน้องหมอกมาก....พี่ก็ต้องหวงเป็นธรรมดา”

“ยิ่งเดี๋ยวนี้คนเขาลือกันให้ทั่วว่า น้องหมอกกับฟ้าลั่นเป็นแฟนกัน.....พี่ก็กลัวซิครับ” ศิวะกล่าวต่อ

“จริงหรือครับพี่เสือ....ทำไมผมไม่เห็นรู้เลย” ภูผาถาม

“อ้าว..........ถ้าให้หมอกกับฟ้าลั่นรู้ เค้าจะเรียกนินทาหรือครับ” ศิวะพูดพลางหัวเราะเบาๆ มองมาที่ภูผาที่กำลังแสดงอาการกังวลในสีหน้าออกมาอย่างชัดเจน

“ปล่อยไว้ไม่ได้แล้ว.....สงสารฟ้าลั่น.....เป็นผู้ชายดีๆถูกหาว่าเป็นเกย์.....เฮ้อ” ภูผากล่าวอย่างเป็นห่วงพร้อมถอนหายใจ

“สงสัยต้องคุยกับฟ้าลั่นให้หาแฟนเสียแล้ว.....จะได้ไม่ต้องมีคนสงสัย” คนหน้าหวานกำลังคิดวางแผน เพราะเป็นห่วงฟ้าลั่นจริงๆ สำหรับตนเองนั้นไม่แปลกที่คนอื่นจะคิดว่าเป็นเกย์ เพราะก็ไม่ได้ปิดบังอะไรอยู่แล้ว.... ภูผาภูมิใจในสิ่งที่ตนเองเป็นเสมอ

การเป็นเกย์ของภูผานั้นแสดงออกอย่างชัดเจนในหัวใจตนเอง เพราะทราบดีว่าไม่สามารถรักชอบผู้หญิงได้ แต่การแสดงออกทางร่างกายนั้นน้อยมากที่จะสังเกตเห็นได้ชัดเจน เนื่องจากภูผาเป็นคนร่าเริงแจ่มใส มีบุคลิกที่ยังดูเหมือนกับเด็กเล็กๆ ทำให้น้อยคนที่จะทราบว่าเขาชอบผู้ชายด้วยกัน โดยถ้าไม่ถามหรือสังเกตดีๆ รวมถึงช่วงเรียนระดับมัธยม ภูผาก็เรียนในโรงเรียนชายล้วนตลอด จนกระทั้งไปจบ High School ที่ประเทศอังกฤษ ก่อนย้ายหน่วยกิจมาสอบเทียบที่เมืองไทย จึงทำให้ภูผาติดบุคลิกของผู้ชายแท้ๆมาก แต่ไม่นับรอยยิ้มหวานที่เจ้าตัวก็แก้ไม่หายซักที

อาจเป็นเพราะใบหน้า ผิวพรรณ คล้ายผู้หญิง และรอยยิ้มหวาน ที่แม้แต่ศิวะก็ติดใจในตอนแรก จึงตัดสินใจบอกรักชอบภูผา ทั้งๆที่ยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าภูผาเป็นเกย์หรือไม่ เพราะศิวะหลงเสน่ห์ในบุคลิกและรอยยิ้มของภูผาจึงตัดสินใจเข้ามาพูดคุยด้วย จนกระทั่งขอคบเป็นแฟน เมื่อมั่นใจว่าภูผาเองมีรสนิยมชอบผู้ชายด้วยกัน

หลังปิดภาคเรียนที่หนึ่ง ก่อนที่ภูผาและฟ้าลั่นจะแยกย้ายกันกลับบ้านไปเยี่ยมครอบครัว ทั้งสองคนจึงมีโอกาสคุยกันเรื่องที่มีข่าวว่าเป็นแฟนกัน

“ฟ้าลั่น.....นายรู้หรือป่าวว่าเค้านินทากันว่าเรากับนายเป็นแฟนกัน”

“อืม.....รู้แล้ว.....เพื่อนก็เล่าให้ฟัง” ฟ้าลั่นตอบอย่างไม่ได้ใส่ใจ

“อ้าว.......แล้วไม่เดือดร้อนหรือ.....นายเป็นผู้ชายนี้นา..... เดี๋ยวเค้าก็หาว่านายเป็นเกย์หรอก”  ภูผายังคงถามต่อ

“ก็ไม่เป็นไร....คนไม่เป็นซักอย่าง.....ก็ไม่ต้องเป็นกังวล อีกอย่างเพื่อนๆสนิทในคณะก็รู้ว่าเราไม่ได้เป็น......รวมถึงพวกแฟนคลับผู้หญิงของเราก็รู้ว่า เราน่ะลีลาเด็ดขนาดไหน.......ไม่เห็นต้องกลัว” ฟ้าลั่นกล่าวจบ แล้วก็หันหน้ามาหา ก่อนจะยักคิ้วข้างหนึ่งให้ภูผา

“อืม.....คนเค้าอุตสาห์เป็นห่วง.......ลืมไปเลยว่านายน่ะ หนีเราไปนอนกอดสาวๆบ่อยๆ มิน่าละไม่เห็นกลัวข่าวลือ” คนหน้าหวานกัดฟันพูด

“เฮ้ย....ไม่ได้หนี........... ก็ไปวันเดียวกับที่นายไปนอนค้างกับพี่เสือนั่นแหละ.......ก็มันไม่มีคนให้กอด......ก็เลยไปนอนกอดคนอื่น...... แต่เราไม่เคยพามานอนในห้องนะเฟ้ย” ฟ้าลั่นรีบบอก

“แต่มันก็ไม่ดีนะเฟ้ย.....ปล่อยให้เป็นแบบนี้น่ะ ทำไมนายไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนล่ะ จะได้ลบข่าวบ้าๆ พวกนี้น่ะ” ภูผายังคงบ่นต่อ แล้วถามคำถามกลับมา

“ไม่เอานะ.....มีแฟนคนเดียวน่าเบื่อจะตาย สู้เป็นแบบนี้ดีกว่า สนุกดี มีหลายคนให้เลือก......อีกอย่างเราก็บอกพวกผู้หญิงของเราไปทุกคนว่าเราเจ้าชู้ ถ้ารับไม่ได้ก็ไม่ต้องมานอนด้วยกัน” ฟ้าลั่นไขข้อข้องใจ

 “ตกลงจะไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน” ภูผาย้ำ

“เค้าเรียกว่ามีหลายตัวตนแต่ไม่ใช่แฟนเฟ้ย” ฟ้าลั่นแก้ให้

“นอนเถอะ เบื่อแล้ว...... ถ้านายอยากให้ข่าวมันจบ....นายก็เลิกเป็นเกย์ดิ.....หรือไม่ก็ประกาศว่าเป็นแฟนกับพี่เสือซักที มัวแต่หลบๆซ่อนๆ” ฟ้าลั่นแกล้งให้คำแนะนำ

“ไอ้บ้า.....มันไม่ได้เลิกเป็นกันง่ายๆนะโว้ย....... แล้วอีกอย่างพี่เสือเค้าก็ยังมีผู้หญิงอีกตั้งหลายคน เราไม่อยากทำให้พวกนั้นเสียใจอ่ะ” ภูผาบอก แต่ก็เก็บอีกเหตุผลหนึ่งไว้ในใจ ซึ่งก็คือเพราะยังไม่แน่ใจว่าจะรักพี่เสือเท่ากับที่เขารักตนเองได้หรือไม่ นั่นเอง

“โอ้ย.....เบื่อจริงๆ ทำไมฟ้าให้คนน่ารักอย่างเราเกิดมาอยู่กับไอ้พวกเสือผู้หญิงอย่างนายและพี่เสือนะ” ภูผาแกล้งบ่น พร้อมมองค้อนไปยังฟ้าลั่นที่นอนเปลือยอยู่บนเตียงใหญ่

“อ้าว....แล้วพี่เสือเค้าไม่ได้เป็นเกย์หรือหมอก” ฟ้าลั่นถามอย่างสงสัย

“เปล่ามั้ง......เค้าก็เหมือนนายแหละ ชอบผู้หญิงเหมือนกัน แต่ต่างกันที่เค้าเคยมีอะไรกับผู้ชายมาก่อนตอนที่ไปเรียน High School ที่อเมริกาอ่ะ รู้สึกว่าถูกรูมเมทลักหลับมั้งเลยติดใจ” ภูผาตอบ

“อืม....แล้วทำไมพี่เสือถึงจีบนายล่ะ” ฟ้าลั่นถือโอกาสถามต่อ เพราะสงสัยมานานเป็นปีแล้ว

“ก็......พี่เค้าว่าเราน่ารักอ่ะ.......” คนถูกถามตอบแบบอายๆ

“พี่เค้าบอกว่า เดาว่าเราต้องเป็นเกย์ เลยลองจีบดู แถมบอกอีกว่าเราเป็นผู้ชายคนแรกที่ตัดสินใจจีบตรงๆอ่ะ” คนพูดตอนนี้หน้าแดงหูแดงไปหมดเพราะความอาย

“อืม......งั้นพี่เดียร์ก็พูดเรื่องจริง” ฟ้าลั่นบอก ก่อนจะหันมามองคนฟังซึ่งบัดนี้ทำตาโตจ้องมองตนเองอยู่

“เฮ้ย....นายมีอะไรกับรุ่นพี่ด้วยเหรอ ฟ้าลั่น”

“อืม.......” คนตอบ ตอบคำถามอย่างไม่ใส่ใจ

“แล้วเขาพูดถึงพี่เสือว่างัยล่ะ” ภูผาถามต่อ

“เค้าบอกว่าพี่เสือเองก็ใช่ย่อย....สาวๆติดกันเยอะ มีแฟนหลายคนด้วย.......แค่นี้แหละ” ฟ้าลั่นหันมาบอก พร้อมกับพยายามซ่อนความเป็นห่วงไว้ในใจ เนื่องจากไม่อยากให้ภูผาเสียใจเพราะศิวะอาจไม่ได้คิดจริงจังอะไรกับความรักมากมายนักก็เป็นได้

“อืม.....” ภูผาพยักหน้ารับรู้ข้อมูลที่ฟ้าลั่นบอก ก่อนจะนิ่งเงียบไป

“นอนเถอะ...ง่วงนอนแล้ว” ฟ้าลั่นเห็นภูผาที่นิ่งไป เขาจึงตัดบทไม่อยากพูดอะไรมากไปกว่านี้ เพราะเกรงว่าภูผาอาจจะเกิดความกังวลในใจ

ภูผาเดินมาที่เตียงนอน แล้วล้มตัวลงนอนอย่างว่าง่าย....ฟ้าลั่นจึงจัดการปิดโคมไฟ แล้วก็คว้าตัวภูผามากอดอย่างเคยชินเหมือนดังเช่นทุกคืนที่นอนด้วยกัน....











ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
ชอบหมอกจัง  น่ารักดีอะ  เมื่อไหร่สองคนนี้จะรู้ใจตัวเองซะทีน้า  รอ ร้อ รอ   :impress2:

รออ่านอยู่น้า  ตาแป๋ว   :impress:

ปล  คนที่เราเชียร์เหรอ  แหม  ไม่รู้ตัวเองเรยยยย   เราก็รอเรย์นี่แหละ  เรย์ไปมีตติ้งเมื่อไหร่ก็นะ  เปิดตัวเลยแล้วกัน  อย่าพาแฟนกับกิ๊กมาละ  อิอิ   :haun5:


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






Tantalum

  • บุคคลทั่วไป
เป็นเรื่องที่สุดแสนจะโรแมนติก อิอิ  :haun6:

wee

  • บุคคลทั่วไป
มารอนายฟ้าลั่น  กะ นายภูผา  ด้วยคน   :impress:

between

  • บุคคลทั่วไป

                                    :haun6:คุงบลูเนี่ยท่าจะเป็นคนโอลิมปิค เอ้ย โรแมนติคใช่เล่น
                                              ใช่ป่ะคับ :untrust:
                                      :confuse:ไม่รู้หรอกคับ...เดาๆเอา
                                              ซะงั้น..หุหุ :kikkik:
                                  รอด้วยอีกคนคับ
เจ้าเก็ท

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
หุหุ ผลัดกันป่วย ผลัดกันดูแล  :yeb: น่ารักจริง ๆ

FlukeHub

  • บุคคลทั่วไป
เหอๆๆ  บลูครับ  ที่จริงผมตั้งใจบอกว่าน่ารักน่ะ

แต่ดันพิมพ์ตกไปคำนึง  จิ้นมั่วซะงั้น  <<..ตกคำว่ารัก...สงสัยจะอกหักเร็วๆนี้

ต่อๆครับ  รออ่านอยู่

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
 มูมู่น้อย   :-[ อ๊าก พูดให้เราคิดนะ คิดให้ดีนะครับ เพราะถ้าเริ่มแล้ว คุณจะหยุดรักผมไม่ได้ (จาก sorry,i love you)

Tantalum เก็บไปโรแมนติคกับใครดีหนอ  :haun2:

wee อ่านแล้วรู้สึกเหมือนอยู่ในความฝันที่แสนสวยงามเลย เรื่องนี้   :impress2:

between บางทีมันก็อาจจะเป็นแค่ความคิด แต่ตัวจริงสุดแสนจะเถื่อน เขินครับเวลาจะทำอะไรที่เผยความในใจออกมา  :myeye:

shell  มองหาคนดูแลอยู่อ่ะป่าว    :interest:

FlukeHub อ่านไปจินตนาการไปด้วยครับ นึกภาพตามที่คนเขียนบรรยายไว้ จะอ่านนิยายได้มีรสชาติมากๆครับ  :haun6:

***********************************************************************************************



บทที่ 9 ของขวัญวันเกิด.......จูบที่สอง

...............................ช่อทองกวาวระบัดดอก ออกสะพรั่ง
...............................บอกความหวัง และความฝัน อันปารถนา
...............................ละอองหมอก เบาบาง พริ้วพร่างตา
................................เป็นสัญญาว่าสอบ อยากปลอบใจ
                              (เพลงเชียร์ประจำคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่)

ต้นเดือนธันวาคมของทุกปี สายลมหนาวจะพัดผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ส่งผลให้อุณหภูมิที่เคยร้อนจัดลดลง อากาศจะเย็นสบาย เหมาะแก่การที่ต้นไม้และไม้ดอกจะที่เตรียมผลิใบและดอกตั้งแต่หน้าฝน ให้แข่งกันผลิดอกออกใบรับสายลมเย็นๆ

ไม่เพียงแต่ดอกไม้เมืองหนาวที่เติบโตอยู่ภายในมหาวิทยาลัย จะเริ่มพากันเบ่งบานอวดความสวยงามต้อนรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง เหล่าดอกไม้หน้าใหม่ที่เจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยได้จัดปลูกเพิ่มเติมทั่วมหาวิทยาลัย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความงดงามและเพื่อเตรียมสำหรับงานวันพระราชทานปริญญาบัตรของบัณฑิตผู้สำเร็จการศึกษาในช่วงปลายเดือนมกราคมปีหน้า ก็ดูเหมือนจะไม่ยอมแพ้ดอกไม้เจ้าถิ่น ต่างประชันดอกงาม สีสันและความหอมทั่วทุกมุมแห่งมหาวิทยาลัย สร้างความประทับใจแก่นักศึกษาและแขกผู้มาเยี่ยมเยือนมหาวิทยาลัยอย่างยิ่ง

ต้นทองกวาว อีกสัญลักษณ์หนึ่งของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ก็ดูเหมือนจะอดเสียไม่ได้ที่จะแข่งขันประชันความงามของดอกสีส้มสดตน กับดอกไม้พืชล้มลุกเมืองหนาวหลายชนิดพื้นผืนดิน ทองกวาวทุกต้นจึงพากันเฉิดฉายออกดอกสีเหลืองอร่ามฉาบฟ้าทั่วมหาวิทยาลัย โดยมิวายจะสลัดกลีบร่วงล่นลงบนพื้นหญ้า เกิดคล้ายเป็นภาพสะท้อนงดงามราวกับว่าต้นไม้เหล่านั้นกำเนิดขึ้นตรงกลางบานกระจกผืนใหญ่

ฟ้าลั่นฉวยโอกาสตัดหน้าศิวะ ชวนภูผาไปเที่ยวในช่วงปีใหม่ ภายหลังสอบกลางภาคเสร็จสิ้น โดยให้เหตุผลว่าเพราะสาวๆของเขาโทรมาหาพร้อมๆกันหลายคน และต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากอยู่กับฟ้าลั่นในวันปีใหม่สองต่อสอง และในเมื่อฟ้าลั่นไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะเลือกอยู่กับใคร วิธีที่ดีที่สุดคือ ไม่เลือกใครเลย ดังนั้นเขาจึงอ้างว่ามีธุระจะต้องกลับบ้านไปอยู่กับครอบครัว

ภูผาตอบตกลงในทันที เพราะด้วยทราบดีว่าศิวะคงจะต้องมีสาวๆมารุมล้อมเหมือนกันในช่วงปีใหม่ เขาเลยถือโอกาสอนุญาตให้ศิวะปลดปล่อยความปรารถนาของตนเองโดยไม่ต้องกังวลว่าตนเองจะรับรู้....ภูผาไม่เคยเอาเรื่องพี่เสือมีผู้หญิงหลายคนมาเป็นกังวล เพราะรู้ดีว่าเป็นเรื่องธรรมชาติและตนเองก็ไม่ได้รู้สึกหึงหวงพี่เสือแต่อย่างใด.....

ไม่มีใครแม้กระทั่งฟ้าลั่นเองจะทราบว่า.... ศิวะและภูผาจะไม่เคยมีอะไรกันเกินเลยไปกว่าการกอดจูบธรรมดา แม้ว่าจะนอนด้วยกันบ่อยครั้งก็ตาม  เพราะภูผาเองยังไม่แน่ใจในหัวใจตนเองแม้ว่าจะคบกันมาตั้งเกือบสองปีแล้วก็ตามภูผาขอร้องศิวะว่ายังไม่อยากมีอะไรเกินเลยถ้ายังไม่แน่ใจว่าเขารักศิวะเท่ากับที่ศิวะรักเขา.......จิตใต้สำนึกของภูผามักจะคอยย้ำเตือนเสมอว่า.......เขากำลังรอใครบางคนอยู่....รอมานานแสนนาน....

 ศิวะรักและทtนุถนอมภูผามาก เขาจึงไม่อยากสร้างความเจ็บช้ำให้กับภูผา ในกรณีที่ภูผาเองยังไม่พร้อมสำหรับเขา.....สำหรับศิวะแล้ว เขารอได้เสมอ...เพื่อภูผา.....แม้จะต้องรอทั้งชีวิตก็ตาม

ฟ้าลั่นขับรถเก๋งสีดำสนิทออกจากหอพักในตอนเช้าวันสิ้นปี โดยมีภูผาทำหน้ามุ่ยเพราะยังไม่ตื่นดีนั่งอยู่ด้านหน้าข้างคนขับ

“โหย......ฆ่ากันตายชัดๆ ......ทำไมต้องออกเช้าขนาดนี้นะฟ้าลั่น........ยังไม่สิบโมงเลย” ภูผาบ่นทั้งๆที่ตายังหลับอยู่

“เฮ้ย......ไปช้ารีสอร์ทก็เต็มพอดี........เดี๋ยวเค้าก็ยกเลิกห้องที่จองไว้.......... ถ้าง่วงมากก็หลับไปเลย.........เดี๋ยวจะเอาไปทิ้งไว้ข้างทาง” ฟ้าลั่นแกล้งขู่

 “ห้ามทิ้งคนน่ารักอย่างเรานะโว้ย” ภูผายังคงหลับตาต่อปากต่อคำ

“เออ.......ไม่ทิ้งหรอก.....ล้อเล่น” ฟ้าลั่นเอ่ยคำสัญญาออกมาออกมาทันทีอย่างที่ใจคิด.....โดยไม่ทราบเลยว่าต่อไปในอนาคต เพราะคำสัญญาที่ว่า “ไม่ทิ้งหรอก” จะทำให้เกิดปาฏิหาริย์อย่างไม่ได้ตั้งใจ

ฟ้าลั่นเลือกที่ขับรถไปตามเส้นทางสายเชียงใหม่-หางดง-แม่ริม ผ่านทั้งหมู่บ้าน ทุ่งนา และเนินเขา .......ตลอดสองข้างทางถนนสายท่องเที่ยวแห่งนี้เต็มไปด้วยสถานที่น่าสนใจ เช่น กฤษฏาดอยรีสอร์ท และ สวนบัวรีสอร์ท ที่นอกจากเปิดให้เช่าพัก ยังอนุญาตให้เข้าไปเยี่ยมชมและถ่ายภาพเป็นที่ระลึกอีกด้วย

นอกจากรีสอร์ทต่างๆ แล้ว ถนนสายนี้ยังขึ้นชื่อเรื่องความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ รวมถึงน้ำตก และจุดชมวิวภูเขาสูงต่างๆที่ให้นักท่องเที่ยวได้หยุดพักชมเป็นระยะๆ

รีสอร์ทที่ฟ้าลั่นเลือกพัก ชื่อว่า “ม่อนเอื้องดอย” เป็นรีสอร์ทขนาดเล็กไม่ใหญ่มากนัก แต่จัดแต่งได้งดงามกลมกลืนไปกับธรรมชาติ

ภายในบริเวณพื้นที่ไม่กว้างนัก.....บ้านพักหลังใหญ่น้อย ถูกสร้างขึ้นตามแนวหุบเขาที่มีความลาดชันสูง ลดลงสู่ใจกลางรีสอร์ทที่มีลำธารน้ำไหลผ่านตลอดปี เจ้าของรีสอร์ทได้สร้างทางเดินทอดยาวไปตามลักษณะการคดเคี้ยวของลำธาร และ ตกแต่งบริเวณข้างทางเดิน ด้วยผืนหญ้าสีเขียวรวมถึงกล้วยไม้หลากชนิด

ส่วนหุบเขาที่ชันมากจนไม่สามารถสร้างบ้านพักได้ ก็จัดการทำเป็นสวนกล้วยไม้หลากสีแบบขั้นบันได โดยที่เวลานี้กล้วยไม้ทุกพันธุ์ต่างแข่งกันผลิดอกงาม บ้างก็ส่งกลิ่นหอม สร้างความสดชื่นแก่ผู้พักอาศัยทุกคน   

ฟ้าลั่นเลือกค้างคืนในเรือนขนาดกะทัดรัดข้างลำธาร ลักษณะเป็นบ้านทรงยุโรป ฝาผนังด้านหนึ่งของที่พักถูกแทนที่ด้วยกระจกใสโดยตลอด เพียงแค่มีม่านผ้าฝ้ายสีขาวบางพลิ้วคอยบังแสงแดดอันร้อนแรงที่อาจส่องผ่านเข้ามาเท่านั้น แต่ก็ยังสามารถเห็นลำธารที่อยู่ด้านล่างและทิวทัศน์ภายในรีสอร์ทได้อย่างชัดเจน

บ้านที่ฟ้าลั่นเลือกพักปลูกสร้างอยู่บริเวณที่ลาดชันจึงทำให้มีทางขึ้นได้สองทาง คือ ทางด้านบนที่เป็นทางเดินสันเขาที่ทางรีสอร์ทจัดสร้างไว้และคือว่าเป็นถนนสายหลักที่จะนำไปสู่เรือนพักอื่นๆ  อีกทางหนึ่งคือเดินตามทางที่สร้างเลียบริมลำธาร ขึ้นสู่บันไดบ้านได้โดยตรง

ภายในห้องพักก็จะมีเตียงใหญ่ตั้งหลบมุมอยู่ เพื่อป้องกันไม่ให้คนภายนอกเห็นได้ชัด เนื่องจากผนังห้องส่วนหนึ่งเป็นกระจกใส รวมทั้งมีอุปกรณ์และเฟอร์นิเจอร์ที่สันสมัย จัดแต่งได้อย่างลงตัว.......สิ่งที่น่าสนใจสำหรับห้องพักนี้คือ ห้องน้ำขนาดกว้างปราศจากประตู ภายในสร้างเลียนแบบน้ำตกธรรมชาติ มีการจัดสวนหย่อมเล็กๆข้างในและฝักบัวที่สอดรับกับน้ำตกจำลองอย่างดี

ภูผาหายง่วงนอนเป็นปลิดทิ้ง เพราะกำลังตื่นตาตื่นใจกับความสวยงามของรีสอร์ทและบ้านพักที่ฟ้าลั่นเลือก

“อ้าว.....ห้องน้ำไม่มีประตูแล้วจะอาบน้ำงัยล่ะ” ภูผาถามหลังจากเพิ่งสังเกตว่าห้องน้ำไม่มีประตู มีแต่ม่านบางๆปิดไว้เท่านั้น

“เฮ้ย......ไม่เห็นเป็นไร.......นายเห็นของเราหมดแล้ว ......เราก็เห็นของนายเหมือนกัน.....แล้วจะอายทำไม” ฟ้าลั่นตอบ

“ก็มันอายนี่นา” ภูผายังคงพูดอย่างอายๆ ส่งผลให้ฟ้าลั่นมองมาอย่างยิ้มๆ

“ไม่เป็นไร...เราไม่อาย.....ถ้านายอยากดูเราก็ดูไป.......ไม่หวงหรอก” ฟ้าลั่นพูดพร้อมยักไหล่แสดงท่าทางไม่ใส่ใจ
 
“เฮ้ย..........ใครอยากดู.......เล็กแค่นี้ ทำเป็นอวด” ภูผาไม่ยอมแพ้แกล้งกลับไปบ้าง

“ว๊ะ ไอ้หมอกน้อยนี่ ..........ถ้าเป็นผู้หญิงก็จะให้ลองอยู่หรอก จะได้รู้ว่ามันไม่เล็กนะ......เสียอย่างเดียวเป็นผู้ชาย.........เอาไว้รอเมาก่อนแล้วกัน.......อาจได้ลองของดี” ฟ้าลั่นพูดอย่างไม่จริงจัง ด้วยเพราะต้องการแหย่ภูผาเล่นก็เท่านั้น

“รีบๆจัดของออกจากกระเป๋าดีกว่า เดี๋ยวไปกินข้าวกัน หิวแล้ว......เที่ยงกว่าแล้วด้วย” ฟ้าลั่นเร่งคนหน้าหวานที่ตอนนี้ยังคงกระโดดโลดเต้นอยู่บนเตียงใหญ่ หรือไม่ก็เดินดูโน่นดูนี่ไปเรื่อยๆในห้องพัก

อากาศเย็นจัดเนื่องจากเป็นบริเวณหุบเขาในคืนวันสิ้นปี..... สองร่างชายหนุ่มนอนกอดเพื่อถ่ายทอดความอบอุ่นให้แก่กันบนเตียงนุ่ม แม้ว่าจะมีผ้าห่มผืนหนาปกคลุมอยู่แต่ก็ไม่ได้ทำให้ภูผาอุ่นขึ้นแต่อย่างใด  มือบางของภูผาเอื้อมไปกระชับวงแขนที่โอบกอดตนเองอยู่หลวมๆขึ้นมาแนบอก ส่งผลให้เจ้าของวงแขนแข็งแรงตื่นขึ้นมา ก่อนกระซิบถามอย่างห่วงใย

“หนาวหรือหมอก.....ไม่สบายหรือป่าว”

“อืม......หนาว” คนหน้าหวานงัวเงียตอบ

“กอดเราแน่นๆหน่อยดิ.......อืมมมมมมมมม” คนพูดยังสะลึมสะลือ

ฟ้าลั่นจึงเปลี่ยนท่านอนจากนอนหงายเปลี่ยนเป็นนอนตะแคงพร้อมพลิกร่างของภูผาให้แผ่นหลังสัมผัสกับอกอันเปลือยเปล่าของตนเอง ก่อนที่จะใช้แขนทั้งสองข้างโอบรั้งร่างบางเข้าหาตัว ส่งผลให้ลมหายใจอุ่นของฟ้าลั่นกระทบต้นคอและข้างแก้มของภูผาอย่างแผ่วเบาตลอดคืนจนรุ่งเช้า

ตลอดเวลาเกือบสองปีที่ผ่านมา ไม่เคยมีสักวันที่ฟ้าลั่นจะนึกรังเกียจการนอนกอดภูผาซักครั้ง สำหรับฟ้าลั่นแล้ว เขาพอใจและมีความสุขลึกๆในการกอดภูผา มากกว่าการกอดผู้หญิงหลายๆของเขาเสียอีก

ฟ้าลั่นเคยถามตนเองว่า ถ้าไม่ใช่ภูผาแต่เป็นผู้ชายคนอื่น ตนจะยอมให้นอนเตียงเดียวกัน และกล้าที่จะโอบกอดหรือไม่ ........คำตอบที่ออกมาจากความคิดทุกครั้ง.... คือ

 “ไม่......... จะกอดแค่ภูผาเพียงคนเดียวเท่านั้น”

แต่ถ้าถามว่าทำไมถึงอยากกอด.......นอกจากคิดว่าเป็นน้องชายคนหนึ่งแล้ว......ฟ้าลั่นยังหาเหตุผลลึกๆในตัวเองไม่ได้..........รู้แต่ว่าอีกไม่นาน คำตอบก็คงเดินมาหาเขาเอง

หลังจากที่พักผ่อนอย่างมีความสุขในรีสอร์ท รวมถึงขับรถไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ รวมทั้งสิ้นสามวันสองคืน ฟ้าลั่นและภูผาก็กลับมาหอพักของตน เพื่อให้ทันเตรียมตัวเรียนในวันถัดไป

ศิวะมารับภูผาไปนอนด้วยที่ห้องของตนในตอนบ่ายวันที่กลับมาจากรีสอร์ทเพราะคิดถึงภูผามาก แถมด้วยอาการแอบงอนเล็กน้อยที่ภูผาไปนอนรีสอร์ทกับฟ้าลั่นตั้งสองคืน ทั้งที่ตอนแรกขออนุญาตเขาไปแค่หนึ่งคืนเท่านั้น

“น้องหมอกต้องหอมแก้มพี่เป็นการขอโทษด้วย...สองข้างเลย” ศิวะยื่นหน้าไปให้ภูผาหลังจากเอาตัวภูผาขึ้นรถเพื่อจะพาไปที่หอของตน ก่อนจะได้ยินคนหน้าหวานบอกว่า “ไม่” อย่างชัดถ้อยชัดคำ แถมด้วยคำขู่

“จะให้หมอกหอมแก้ม....แล้วหมอกไม่ไปนอนด้วย....หรือจะให้หมอกไปนอนด้วย....แล้วไม่หอมแก้ม”

ศิวะเป็นคนฉลาด.....เขาเลือกเอาภูผาไปนอนด้วย...เพราะรู้ดีว่ายังมีโอกาสอีกหลายครั้ง....ยิ่งตอนที่ภูผาง่วงนอนมากๆ จะยอมทุกอย่าง....ไม่ดื้อ.....ไม่ซน

ฟ้าลั่นถูกสาวๆโทรตามตัวให้ออกไปพบหลังกลับเข้ามาในหอพักไม่นาน....... แล้วจึงเลยไปสังสรรค์ต่อกับเพื่อนสนิทของตน กว่าจะกลับมานอนคนเดียวที่หอก็เกือบตีสองของเช้าวันใหม่
 

*******

13 กุมภาพันธ์ .....

หนึ่งวันก่อนวันแห่งความรัก คือ วันเกิดของสองหนุ่ม และก็คือวันที่ภูผาและฟ้าลั่นจะมีอายุครบยี่สิบปีบริบูรณ์ หรือที่เรียกว่าบรรลุนิติภาวะแล้วนั่นเอง
เมื่อคิดถึงเรื่องอายุที่ไร ฟ้าลั่นมักจะยิ้มและหัวเราะอย่างขบขันเสมอ เพราะเจ้าคนหน้าหวานที่อยู่ในอ้อมกอดเขาเกือบทุกคืน ดูอย่างไรก็ไม่น่าเชื่อว่าภูผาจะอายุเข้ายี่สิบพร้อมตนเองในวันพรุ่งนี้ นั่นคงเพราะบุคลิกหรือนิสัยที่แสดงออกคล้ายเด็กๆ.......สิ่งเดียวที่ฟ้าลั่นสังเกตเห็นความเป็นผู้ใหญ่ในตัวของภูผาคือ ความรับผิดชอบในการเรียน และการทำงานในฐานะเลขาสโมสร รวมถึงคำแนะนำดีๆที่ภูผามีให้เด็กนักศึกษารุ่นน้องเสมอมา

ตอนบ่ายหลังเลิกเรียนศิวะมารับภูผาไปดูหนังที่กาดสวนแก้ว และพาไปเลี้ยงพิซซ่าฉลองวันเกิดที่พิซซ่าฮัทกันสองคน หลังจากนั้นจึงพาภูผาไปสมทบกับเพื่อนๆสนิทของภูผาที่รวมตัวกันจองห้องร้องคาราโอเกะที่อาคารสิบสองห้วยแก้ว ตรงกันข้ามกับห้างสรรพสินค้ากาดสวนแก้ว ก่อนที่จะขอตัวกลับเพราะอยากให้ภูผาสนุกสนานกับเพื่อนสนิทของตนเอง อีกอย่างพรุ่งนี้วันแห่งความรักภูผาก็ต้องมานอนพักกับเขาอยู่ดี ดังนั้นวันนี้ศิวะจึงปล่อยภูผาให้สนุกอยู่กับเพื่อนๆตามลำพัง

ภูผาถูกเพื่อนๆ โดยเฉพาะคิมหันต์สอนให้ดื่มเหล้าเป็นครั้งแรก โดยให้เหตุผลว่าภูผาอายุครบยี่สิบแล้ว มีความเป็นผู้ใหญ่และสามารถแยกแยะถูกผิดได้พอสมควร ดังนั้นก็น่าจะลองดื่มเหล้าดูบ้าง อีกอย่างคิมหันต์ต้องการจะสอนภูผาให้รู้จักการดื่มด้วย เผื่อในอนาคตจะสามารถเข้าสังคมหรือเอาตัวรอดในสถานการณ์เลวร้ายต่างๆที่ความเมาอาจเป็นสาเหตุได้

ภูผาไม่ขัดความประสงค์ของเพื่อนๆ เพราะรู้ในความหวังดีและด้วยความอยากลองด้วยจึงตัดสินใจดื่มเหล้าและเบียร์ตลอดการร้องคาราโอเกะกับเพื่อนๆ ......... ทั้งกลุ่มผลัดกันร้องและเลือกเพลงต่างๆออกมาประชันเสียงกันอย่างสนุกสนานจนถึงเวลาประมาณตีสามครึ่งจึงพากันออกมาจากร้านคาราโอเกะ โดยเพื่อนคนหนึ่งอาสาขับรถไปส่งภูผาที่บัดนี้เมามากจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่ ที่หอพัก

ทางด้านฟ้าลั่น.....หลังจากที่พี่เสือมารับภูผาไปดูหนัง เพื่อนๆสนิทในกลุ่มก็โทรศัพท์มาชวนไปเลี้ยงฉลองวันเกิดที่ “จี้จี้คลับ”.....ดิสโก้เทคขนาดใหญ่ ทันสมัย ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำปิง

เป็นที่แน่นอนเมื่อหนุ่มๆจากคณะวิศวกรรมมารวมตัวกัน เหล้าจะต้องถือเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ สำหรับฟ้าลั่นแล้วการดื่มเหล้าคือการสังสรรค์อย่างหนึ่งที่ตนเองไม่ปฏิเสธ เพราะรู้จักควบคุมคนเองเสมอไม่ให้เมาจนขาดสติ

หนุ่มๆวิศวะสนุกสนานกับการส่งสายตาจีบสาวๆ การเต้น และการดื่มเหล้าเป็นอย่างมาก......ด้วยบุคลิกและหน้าตาที่คมคายดึงดูดเพศตรงข้ามของฟ้าลั่น แม้ว่าจะนั่งดื่มเหล้าอยู่ที่โต๊ะตนเองตลอดกับเพื่อนๆหน้าตาดีๆอีกหลายคน ก็มักจะมีสาวๆหรือหนุ่มๆออกสาวมาชนแก้วด้วยบ่อยๆ ซึ่งฟ้าลั่นก็จะพูดคุยหรือทักทายกลับไปทุกครั้ง อาจเป็นเพราะระดับแอลกอฮอล์ในเลือดที่เพิ่มสูงขึ้น จึงทำให้ฟ้าลั่นสนุกสนาน ไม่เงียบขรึมตามปกติ

หญิงสาวใจกล้าหลายคนเดินมาชนแก้วและชักชวนให้ฟ้าลั่นออกไปเต้นกับตน บ้างก็โอบกอด บ้างก็กอดรัดฟัดเหวี่ยงฟ้าลั่นอย่างไม่อายใคร คงเป็นเพราะระดับแอลกอฮอล์ที่ทำให้หญิงสาวเหล่านั้นกล้าที่จะนำเสนอร่างกายของตนให้กับฟ้าลั่นในยามนี้ 

ในตอนแรกฟ้าลั่นมากับเพื่อนๆประมาณเกือบยี่สิบคน แต่เมื่อถึงเวลาขากลับออกจาก “จี้จี้” กลับเหลือเพื่อนๆเพียงไม่ถึงสิบคน ส่วนใหญ่ก็เพราะที่เหลือมีแฟนเป็นตัวเป็นตนกันทั้งนั้น ส่วนเพื่อนที่หายไปก็ไปต่อกับสาวๆที่ติดมาจากในเทคนั้นเอง

ฟ้าลั่นขอตัวแยกออกจากกลุ่มเพื่อนเพื่อกลับหอพักก่อน หลังจากที่เพื่อนๆที่เหลือตัดสินใจไปกินไก่ย่างกำแพงดินกันก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับที่พัก แต่เนื่องจากเขาไม่หิวและประกอบกับความเป็นห่วงภูผา ฟ้าลั่นเลยบอกปฎิเสธไป

ฟ้าลั่นกลับมาที่หอพักด้วยอาการค่อนข้างเมา แต่ยังมีสติดีอยู่มาก เปิดประตูเข้าห้อง เห็นไฟเปิดอยู่ในห้องนอน เขาเห็นภูผายังใส่เสื้อผ้าชุดเดิมตอนออกไปกับพี่เสื่อเมื่อตอนบ่ายนอนหลับสนิทบนเตียง เมื่อเห็นเจ้าตัวดีไม่อาบน้ำก่อนนอน และเขาก็ง่วงนอนเพราะฤทธิ์เหล้าเต็มที ฟ้าลั่นจึงทำแค่เพียงถอดเสื้อผ้าออกเหลือกางเกงในสีขาวสะอาดอย่างเคย แล้วจึงล้มตัวลงนอน โดยไม่ลืมที่จะคว้าคนที่นอนอยู่ก่อนเข้ามากอดอย่างรวดเร็ว

ขณะที่คว้าตัวภูผาเข้ามากอด จมูกของฟ้าลั่นก็สัมผัสเข้าที่แก้มใสๆของภูผาเข้าอย่างไม่ได้ตั้งใจ ความหอมของกลิ่นตัวภูผารวมถึงกลิ่นเหล้าอ่อนๆที่ออกมาพร้อมลมหายใจ กระตุ้นให้ฟ้าลั่นเกิดอารมณ์กระสันขึ้นมาอย่างประหลาด

ด้วยฤทธิ์ของระดับแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดและอารมณ์ที่หลงเหลือค้างยามที่ตนเองถูกสาวๆในเทคกอดรัดแทบตลอดเวลา จึงเป็นเหตุให้ฟ้าลั่นจรดจมูกตนเองลงบนแก้มภูผาพร้อมสูดความหอมหวานของแก้มนิ่มหลายครั้ง ก่อนที่จะหลับตาลงสู่นิทรา

*********

ในฝัน...............

ภูผากำลังนอนอยู่ในอ้อมแขนอบอุ่นของชายหนุ่มอ่อนโยนที่มีสัมผัสที่แผ่วเบาและรัญจวนใจยิ่งนัก ..........ชายคนนี้มักอยู่ในความฝันตนเองเสมอ............และยิ่งนานวัน....ก็ดูเหมือนว่าสัมผัสต่างๆในฝันนั้นจะมีความชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ......เร่าร้อน...อ่อนโยน.....และแสนหวาน

สัมผัสที่อ่อนโยนของชายในฝันมันช่างตรึงติดในดวงใจนัก .........ภูผาไม่เคยเห็นหน้าชายคนนั้นอย่างชัดเจนในความฝันอันงดงามนั้นสักครั้ง ....... .....เขาจดจำได้แต่เพียงดวงตากลมโต หวานซึ้ง ......มีประกายสดใส ยามมองมาที่เขา ก่อนที่จะประทับริมฝีปากลงที่แก้ม ใช้จมูกไซร้ไปมาทั่วผืนหน้า....... ลงไปที่ซอกคอ....... และเคลื่อนไปที่หน้าอก ........หัวนมทั้งสองข้าง........ไปเรื่อยๆๆ  และสุดท้ายกลับขึ้นมาสิ้นสุดที่การจูบอย่างซาบซึ้ง ......อ่อนหวาน...รัญจวนใจทุกครั้ง

ยามนิทรา...รับรู้ว่า....เธอเคียงข้าง
ใจกระจ่าง....อุ่นรัก....ละมุนฝัน
แทรกความหวาน...ผ่านจุมพิต....ให้แก่กัน
จิตอ่อนโยน...ผูกพัน....รัญจวนใจ

**********

เพราะความฝันที่หวนคืนกลับมากระตุ้นอารมณ์ส่วนลึกของภูผา รวมถึงฤทธิ์ของเหล้าที่อยู่ในร่างกาย จึงทำให้ภูผาพลิกตัวเข้าหาคนแข็งแรงที่นอนกอดตนเองอยู่จากด้านหลัง

อารมณ์ครุกรุ่นและความฝันที่มาเยือน.....ทำให้ภูผาเคลื่อนวงแขนทั้งสองข้างเข้าโอบกอดร่างแข็งแรงที่นอนอยู่ ก่อนที่จะประทับริมฝีปากลงบนอกขาวเนียน พรมจูบไปทั่วผืนอกแกร่ง เคลื่อนไปหน้าขึ้นไป ไซร้ที่ซอกคอช้าๆ..... และไปบรรจบที่การหอมแก้มสากๆของฟ้าลั่นหลายครั้ง.......

คนถูกกอด......ถูกหอม........รู้สึกตัวช้าๆ คล้ายความฝัน.......ความฝันที่อ่อนหวาน......ฝันว่ามีคนมาพรมจูบไปทั่วร่างกาย....... ปฏิกิริยาของร่างกายเกิดขึ้นสอดรับกับสัมผัสอย่างไม่อาจหักห้ามใจ ........ อารมณ์และกลิ่นหอม......รวมถึงสัมผัสที่วาบหวามได้จุดประกายไฟในตัวเองให้ลุกโชนจนมาอาจห้ามร่างกายตนเองให้ตอบสนองกับสิ่งที่เผชิญอยู่

ฟ้าลั่นพลิกตัวโอบกอดคนตัวเล็กที่บัดนี้ยังคงใช้ริมฝีปากระดมจูบบนแก้มสากๆของตน ให้นอนลงด้านล่างโดยมีลำตัวที่แข็งแรงของตนทับอยู่ด้านบน มือหนึ่งสอดเข้าไปใต้แผ่นหลังของภูผา อีกมือหนึ่งลูบไล้ไปมาบนใบหน้าและลำตัวบาง ก่อนที่จะประทับริมผีปากลงบนกลีบปากบางของภูผา...........บรรจงมอบจูบที่อ่อนโยน......หวานซึ้ง......ให้อย่างยาวนาน

สัมผัสของฟ้าลั่นจุดประกายไฟในตัวภูผาให้ลุกโชนจนยากที่จะควบคุม.........มันคงเหมือนกับการเศษไม้แห้งเข้าสู่กองไฟ......... เชื้อเพลิงชั้นดีก็จะทำให้เปลวเพลิงพุ่งขึ้นสูง......สร้างความร้อนแรงจนผลาญสิ่งที่อยู่รอบข้างให้มลายไปในพริบตา.........ตอนนี้มือบางของภูผามิได้ลูบไล้อยู่แค่บริเวณใบหน้าและศีรษะของฟ้าลั่นเพียงอย่างเดียว แต่กลับเคลื่อนไปสัมผัสแทบทุกส่วนของร่างกายฟ้าลั่น.......ทุกส่วนกายที่แข็งแรง....เย้ายวน.....

เสื้อและกางเกงของภูผาถูกถอดอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะถูกโยนออกไปอย่างไม่รู้ทิศทางโดยคนตัวใหญ่กว่า ตอนนี้ทั้งคู่จึงมีแต่กางเกงในสีขาวตัวน้อยปกปิดของสงวนอยู่เพียงชิ้นเดียว........... การสัมผัสที่เร่าร้อน......การจูบที่รุนแรงแต่ก็ยั่วยวน.......ดำเนินไปช้าๆ ..... จนกระทั่ง

เหมือนแสงแฟลชที่ฉายเข้ามาในสมองรวดเร็ว....ความรู้สึกผิดปกติเกิดขึ้นภายในความคิดของฟ้าลั่น ทำให้สติที่แทบมลายหายไปกับสัมผัสที่อ่อนนุ่มของภูผา กลับมาอีกครั้ง.........การกระทำที่ปราศจากสติหยุดลงอย่างรวดเร็ว....... อารมณ์กระสันมลายหายไปจนสิ้น เหลือแต่ความเหนื่อยและความง่วงหนักเข้าควบคุม พร้อมๆกับภูผาก็ดูเหมือนจะหยุดล่วงล้ำ......ล่วงเกิน...ร่างกายของเขาเช่นกัน อาจเพราะไม่สามารถทนทานต่อความเหนื่อยและความง่วงนอนที่ถาโถมเข้ามาอย่างไร้แรงกายต่อสู้

ทั้งคู่จึงหลับใหล หมดสติ จนกระทั่งเที่ยงวันใหม่ ........วันแห่งความรัก 14 กุมภาพันธ์ 2542

ฟ้าลั่นรู้สึกว่าตัวถูกเขย่าอย่างแรง ก่อนที่จะลืมตามาเห็นภูผานั่งอยู่บนเตียง เขาสังเกตเห็นใบหน้าแดงกล่ำของภูผา รวมถึงสีหน้าแสดงความตกใจบางอย่างผสมอยู่

“เฮ้ย.....เมื่อคืนเราทำอะไรนายหรือเปล่า” ภูผาถามอย่างระแวง โดยไม่สนใจว่าตัวเองจะมีสวมเพียงกางเกงในสีขาวตัวเล็กเช่นเดียวกับคนที่กำลังมองมา

“.ก็นายมาจูบ......มากอด.......มาทำมิดีมิร้ายกับเราตั้งนาน” ฟ้าลั่นตอบเล่นๆไป ทั้งๆที่ตนเองก็จำอะไรได้เลือนรางเต็มที เขาจำได้แต่เพียงว่าตนเองก็ดูเหมือนจะตอบสนองต่อการจูบที่อ่อนหวานนั้นเช่นกัน

ความรู้สึกและความจำที่หลงเหลือทำให้ฟ้าลั่นรู้สึกแปลกๆในใจ .....แปลกที่ไม่ได้รังเกียจสัมผัสนั้นเลย......”ทำไมนะ” ฟ้าลั่นตั้งคำถามแก่ตนเอง

“หา..................จริงหรือ” ภูผาตะโกนออกมาอย่างตกใจ

“แล้วใครถอดเสื้อผ้าเราล่ะ......หวังว่าคงไม่ใช่นายนะ”  ภูผาถามอีกครั้ง

“จำไม่ได้หรอก” ฟ้าลั่นหันมาตอบ เพราะเขาจำไม่ได้จริงๆ

“โอย.....โอย......ซวย......ซวย.....ซวยจริงๆๆ ไม่น่าเมาเลยเรา” ภูผาบ่นกับตัวเอง

“เราขอโทษด้วยนะ.....ถ้าเราทำอะไรบ้าๆ กับนายไป.....เราไม่ได้ตั้งใจนะฟ้าลั่น” ภูผาบอก ดวงตาของเขาเหมือนจะมีน้ำใสๆเอ่อล้นออกมา ท่าทาง คำพูด และอาการสำนึกผิดของภูผาที่แสดงออกอย่างชัดเจนและจริงใจ ทำให้ฟ้าลั่นต้องเอื้อมมือไปจับร่างบางให้ล้มตัวลงนอนข้างตนเองอีกครั้ง โดยไม่ลืมที่จะโอบกอดภูผาไว้อย่างเต็มใจ

“อืม.....ไม่เป็นไรหรอก........ เราก็ไม่ได้คิดมากอะไรนี่นา....... เรายังรักและเป็นห่วงนายเท่าเดิม....ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร” ฟ้าลั่นเปล่งเสียงนุ่มเข้าข้างหูของภูผา

“ก็เพราะนายเป็นเพื่อนที่เรารักมากงัย.....เราถึงไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้......เรากลัวนายจะเกลียดเราน่ะ” ภูผากล่าวทั้งน้ำตา ซุกหน้าลงบนอกแข็งแรงของฟ้าลั่น

“หมอกฟังนะ......ฟังให้ดี......... ถ้าเรารังเกียจนายจริงๆ เราจะนอนกอดนายเหรอ........อย่าคิดมาก.....เราไม่โกรธนายหรอก” ฟ้าลั่นอธิบายอย่างช้าๆ แต่ในดวงใจกำลังเต้นแรง เพราะความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้นต่อภูผา....ความรู้สึกที่ตนเองยังไม่สามารถเข้าใจได้

“จริงนะ.......นายไม่โกรธจริงนะ....... เราสัญญาว่าจะไม่ให้มันเกิดขึ้นแบบนี้อีก” ภูผาปาดน้ำตาทิ้ง และพูดออกมาอย่างหนักแน่น

“อืม........นอนต่อเถอะ.......แล้วพี่เสือจะมารับหมอกกี่โมง” ฟ้าลั่นรั้งร่างบางเข้าหาตัวอีกครั้ง พร้อมส่งคำถาม

“ห้าโมงเย็นมั้ง..... นายมีนัดกับใครหรือป่าววันนี้”

“มี....ตอนหกโมง.......” ฟ้าลั่นตอบ

“งั้นนอนต่อดีกว่า........ง่วง” ภูผากระซิบบอกฟ้าลั่น ก่อนจะหลับตาลงสู่นิทราอีกครั้ง ภายใต้อ้อมกอดที่คุ้นเคย............

แม้ว่าภูผาจะยังจำไม่ได้......แต่ดูเหมือนหัวใจและจิตใต้สำนึกของเขาจะรับถึงความคุ้นเคยในสัมผัสที่อ่อนโยน..........คล้ายคลึงกับสัมผัสในฝัน........ของชายคนนั้น.......... จนแทบแยกกันไม่ออก

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้.........แม้ว่าจะดูเหมือนจะไม่สำคัญอะไร........แต่กลับความหมายกลับแทรกลงไปในหัวใจของทั้งสองคน.......... แทรกลึกลงไปในหัวใจที่ว่างเปล่า........ ก่อให้เกิดความสุขเล็กๆขึ้นกับฟ้าลั่นและภูผาโดยที่ทั้งคู่ไม่สามารถหาเหตุผลได้

นี่แหละกระมัง......จุดเริ่มต้นของความรัก.......มักไม่มีเหตุผลยามที่บังเกิด........คงมีแต่ความสุขเท่านั้นที่จะรับรู้.....แต่ว่า...อนาคตเล่า....สุขจะกลายเป็นทุกข์หรือไม่....ใครจะตอบได้บ้าง .......

หัวใจของทั้งคู่สื่อสารกันอีกครั้ง......ครั้งนี้สำคัญนัก......เพราะมันอาจจะเปลี่ยนความรู้สึกของเพื่อนรัก........ให้กลายเป็นคนรัก........ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-01-2007 19:24:39 โดย b|ueBoYhUb »

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
กลอนเพราะจัง  :myeye:

เที่ยวดอยตอนหน้าหนาว โรแมนติคเนอะ  :yeb:

FlukeHub

  • บุคคลทั่วไป
หุหุหุ..เริ่มละๆ

น้องหมอกเรา  เกือบไปแล้วมั๊ยล่ะ

น่ารักๆกันจริง  โรแมนติกดีเนอะ

พี่เสือจะเอาไงเนี่ย  หึหึหึ

ด่วนๆครับบลู

wee

  • บุคคลทั่วไป
เมื่อฟ้า...ได้เคลื่อนกายลงมาใกล้ ภูผา .... 
งั้นฟ้า กะ ภูผา ก็ห่างกันแค่คืบเดียวแล้วสิ...เนอะ

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
เรื่องนี้ภาษาสวยจริง ๆ อ่านแล้วอมยิ้มตลอดเลย  น่ารักดี  อ่านกลับไปกลับมาตั้งหลายรอบแนะ  บรรยายดีแล้วก็คอนเซปต์ความคิด ความรัก ความผูกพัน ระหว่างคนสองคนดูเหมาะเจาะลงตัวดีอะ  ชอบจัง   :impress2:

รออ่านเหมือนเดิม  :impress:

ปล  ทำไมเรย์ต้องมีอ้างอิงด้วยอะ  ตรงจาก sorry, I love you อะ  นึกว่าพูดเอง โธ่  :undecided:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด