- 3 -“ทำแบบนี้ไม่ได้นะคะพี่ชายเพชร” ทุกคนถึงกับนิ่ง พร้อมใจหันไปมองเธออย่างไม่เข้าใจสิ่งที่เธอพูด
“นั่นสิชายเพชร น้าไม่เห็นด้วยเช่นกัน” หม่อมทับทิมสนับสนุน
“ทุกอย่างยังไม่มีการพิสูจน์ยืนยันแน่ชัด ชายเพชรคงไม่ด่วนสรุป”
หม่อมรำไพเอ่ยเสียงเรียบ สีหน้ายังคงเฉยชาแต่คำพูดที่เปรยมาบ่งชี้ให้เห็นว่าหม่อมเองก็ไม่เห็นด้วย
“ถ้าหม่อมอาหมายถึงหลักฐานยืนยันสายเลือดของชายเปลวล่ะก็ ผมมีมาให้ทุกคนตรวจสอบเรียบร้อยแล้วครับ”
พูดจบหันไปพยักหน้าให้กับหญิงมุกที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ผู้เป็นน้องสาวยิ้มรับอย่างอารมณ์ดี
ก่อนหยิบแฟ้มที่วางอยู่ใกล้มือออกมาเปิด แล้วอธิบายช้าๆ เน้นให้ได้ยินกันชัดๆ
“นี่คือผลตรวจ DNA โดยแพทย์ประจำตระกูลแจ้งผลไว้แล้ว มุกได้ขอตัวอย่างเลือดชายเปลวนำกลับมาด้วยตัวเอง
เพื่อรบกวนอาหมอให้ช่วยตรวจ DNA พิสูจน์พันธุกรรมของชายเปลวกับท่านอาทองเกล้าว่าใช่พ่อลูกสายเลือดเดียวกันหรือไม่
หวังว่าทุกคนคงไม่ลืมอาหมอมีรายงานทางการแพทย์เกี่ยวกับ DNA บุคคลในตระกูลรักษาไว้อยู่
ดังนั้นรายงานฉบับนี้ยืนยันชัด ชายเปลวคือทายาทสืบสันดานของท่านอาทองเกล้าไม่ผิดไปจากนี้
หลักฐานชิ้นสำคัญอีกอย่างคือเข็มกลัดติดเนคไทซึ่งเป็นของใช้ประจำตัวท่านอา
ที่มอบให้คุณมัลลิกาแม่ของชายเปลว รบกวนชายเปลวเอาออกมาให้ทุกคนดูด้วยสิคะ”
หญิงมุกพูดจบก็หันไปขอร้องเปลวแทน เพื่อขอหลักฐานของแทนใจที่พ่อมอบให้แม่เปลวไว้
เปลวหันมาสบตาหนิม เพื่อนรักพยักหน้าให้ จึงค่อยล้วงกระเป๋าตังค์เปิดเอาเข็มกลัดล้อมเพชร
มาแสดงให้ทุกคนเห็นเป็นประจักษ์พยาน เกี่ยวกับชาติกำเนิดของตนเอง
“หม่อมอาคงพอจำได้นะครับ เข็มกลับเนคไทชิ้นนี้มีอยู่ชิ้นเดียวที่ท่านย่าทำขึ้นเป็นของขวัญให้กับท่านอา
ใช้เป็นเครื่องประดับประจำองค์ ของชิ้นนี้คงไปอยู่กับเปลวไม่ได้แน่ ถ้าไม่ได้รับประทานจากท่านอาเอาไว้”
คุณชายเพชรตอกย้ำในหลักฐาน อ้างถึงน้ำหนักความน่าเชื่อถือไปอีกคน
“ในเมื่อชายเพชรมีหลักฐานมายืนยันขนาดนี้ คงไม่มีข้อสงสัยในตัวชายเปลวอีกแล้วสำหรับอา
เพียงแต่อีกคนที่นำเข้าวังมาด้วย ชายเพชรจะให้อยู่ในฐานะทัดเทียมพวกเรา ข้อนี้อามิอาจยอมรับได้
แขกไปใครมาจะให้บอกว่ากระไร ฐานันดรศักดิ์ส่วนไหนถึงจะหยิบยกมาเอ่ยอ้างให้ดูไม่เป็นที่ครหาในภายหลัง
หากชายเปลวจะใช้สิทธิ์ในฐานะมณีรมย์คนหนึ่งย่อมไม่มีใครปฏิเสธได้
แต่สำหรับหนิม..อาอยากให้ชายเพชรพิจารณาถึงความเหมาะสมเอาไว้เป็นสำคัญ
อย่าลืมว่าวังมณีรมย์ใช่จะไม่ต้อนรับใครที่มาเยือน เฉพาะแขกเหรื่อในส่วนของมรกตก็มากพอ
ที่จะเข้าออกอยู่แล้วในแต่ละวัน จับพลัดจับผลูเจอกับหนิม
จะให้บอกว่าเป็นหม่อมหลวงหรือคุณชายทางฝ่ายไหนดีล่ะ” หม่อมรำไพสีหน้าน้ำเสียงเรียบนิ่ง
แฝงไปด้วยการไว้ตัว ใช้เพียงหางตาชำเลืองแลเปลวและสนิมในบางครั้งที่พาดพิงถึง
ส่วนประเด็นที่หยิบยกมาเป็นเหตุผล จงใจคัดค้านการยกฐานะของสนิมที่เข้ามาอยู่ในวังมณีรมย์
ในสายตาของหม่อมรำไพ มองสนิมเป็นสามัญชนไม่ต่างบรรดาบ่าวไพร่ข้ารับใช้ในวัง
จะให้มานั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อรับประทานอาหารร่วมโต๊ะเสมอเจ้าเสมอนาย
หม่อมแกทำใจยอมรับไม่ได้เป็นอันขาด คำพูดของหม่อมรำไพ ทำเอาคุณชายเพชร คุณหญิงมุกอึ้งไปเช่นกัน
“นี่คงไม่ได้หมายความว่า จะมีญาติโกโหติกาทางฝ่ายแม่หรือฝ่ายไหนติดตามกันเข้ามาเป็นพรวนอีกล่ะสิ”
หม่อมทับทิมได้โอกาสตีเหล็กตอนไฟร้อนเสริมเข้าไปอีกคน สนิมหน้าเสียเจื่อนจืดไปสนิท
เพราะตนเองตกเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ซึ่งหน้า แถมทุกคำพูดหาคำโต้แย้งไม่ได้เลยจริงๆ
เรื่องนี้ก็คิดเอาไว้เช่นกันว่าต้องเจอถากถาง สุดท้ายโดนเข้าจนได้ ยังไม่มีใครทันได้เอ่ยอะไร
คุณมรกตตอนนี้กอดอกเชิดคอตั้งปรายหางตามองสนิมเหมือนตัวประหลาดก็ชิงพูดขึ้นบ้าง
“อย่าว่าแต่เทือกเขาเหล่ากอที่พามาด้วยเลย แม้แต่ตัวของเธอเองก็เถอะนะ
ต่อให้ยืนยันเป็นทายาทท่านอาทองเกล้า ก็ใช่จะชูคออยู่ในสังคมที่ผ่านการอบรมตั้งแต่อ้อนแต่ออก
ให้เข้ากลุ่มเข้าพวก ไม่แปลกแยกจนตกเป็นขี้ปากคนเขาเก็บเอาไปนินทา
ลามปามมาถึงราชวงศ์สกุลที่เหลือให้ได้อับอายขายขี้หน้าตามกันไปหมด
การปรับตัวย่อมปรับกันได้แต่ไม่ใช่ไม้แก่เกินแกงอย่างที่เห็น
ถ้าเป็นเด็กยังพออบรมบ่มนิสัยกิริยามารยาทปลูกฝังสมบัติผู้ดี
ส่งเสริมการศึกษาไม่ให้ใครครหาในภายหลัง เท่าที่ดูมัธยมปลายเรียนจบกันหรือเปล่าก็ไม่รู้
ขืนราชสกุลชนชั้นพวกเรารู้เข้า มิพากันหัวเราะงอหายกันไปหมดเหรอคะ
ที่เราไปพาเด็กที่ไหนไม่รู้เข้าวัง แถมยังประกาศให้รับรู้เป็นทายาทท่านอาทองเกล้า
มรกตคาดตกเป็นข่าวซุบซิบวงสังคมไปอีกยาวนานทีเดียวล่ะคราวนี้
ใครจะกล้าไปเสนอหน้าออกงานสมาคม งานกาล่าดินเนอร์ได้อย่างสบายใจอีก
มรกตคงวางตัวลำบากถ้ามีใครถามถึงหม่อมราชวงศ์คนล่าสุด ที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในวังมณีรมย์”
คุณมรกตพูดจบ หม่อมทับทิมส่งสายตาชื่นชมให้ลูกสาวในขณะที่เธอเองก็สบตาตอบหม่อมแม่อย่างรู้สึกสะใจ
หม่อมรำไพแม้จะปั้นหน้าเฉยชาไว้ท่าเต็มประดา แต่แววตากับวาวโรจน์ถูกใจในคำพูดของคุณมรกต
ที่ได้กระหน่ำใส่เปลวและสนิมไม่ยั้ง คำพูดเสียดแทงใจทุกประโยคที่เอ่ยออกมาแม้จะไม่มีคำหยาบคายให้แสลงหู
แต่ในความรู้สึกของสนิมแล้วมันดูเจ็บปวดบาดลึกเสียยิ่งกว่าตุ๊ดกะเทยพัทยาสาดด่ากันเสียอีก
นี่สินะที่เขาเรียกกันว่าสังคมดงผู้ดี ใช้วาจาแทนอาวุธเข้าห้ำหั่นประหัตถ์ประหารกันได้อย่างหน้าตาเฉย
แค่พบหน้าคราแรกก็ได้รับการทักทายให้จดจำไม่รู้ลืมไปเลยทีเดียว
มิน่าแม่มัลลิกาของเปลวถึงต้องกระเสือกกระสนหนีตายกว่าค่อนชีวิตไม่กลับมาเหยียบวังแห่งนี้อีกเลย
ทั้งที่คนซึ่งเธอรักอยู่ที่นี่ยังไม่คิดจะกลับมาพบหน้า ก็เพราะมีบุคคลประเภทนี้อยู่ในวังยังไงเล่า
มีหรือคนอย่างแม่มัลลิกาจะต่อกรด้วยได้ แค่ฝีปากก็ไม่ต่างคมมีดกรีดเนื้อแล้ว
“ขอบคุณทุกคำแนะนำคำติชม ผมทองเปลว มณีรมย์ ขอน้อมรับด้วยความเต็มใจอย่างยิ่งยวด
หากชาติกำเนิดของผมรวมถึงวิถีชีวิตที่ต้องอาศัยความสามารถเฉพาะตัว
ให้หลุดรอดมีลมหายใจมาได้จนถึงทุกวันนี้ ไปสะกิดติ่งเสียวกระตุ้นต่อมคันใครเข้า
ก็ต้องขออภัยล่วงหน้าเสียแต่วันนี้ ที่ต้องพูดตรงๆ เพราะหลังจากนี้อาจมีใครหลายคน
คงคันจนนั่งก้นไม่ติดไปอีกนาน ผมขอเตือนเอาไว้ล่วงหน้า จะได้ไม่ต้องมาต่อว่าต่อขานตำหนิกันเอาทีหลัง
ส่วนกำพืดของผมและหนิมคงกลับไปเปลี่ยนแปลงแก้ไขให้สวยหรูงดงามปรับแต่งเรซูเม่สร้างประวัติ
ดังเช่นค่านิยมชนชั้นที่ยกตัวเป็นอารยะชนชมชอบทำกันอยู่เสมอ ผมกับหนิมเราทำไม่ได้หรอกครับ
โคตรเหง้าศักราชของผมไม่มีใครอบรมสั่งสอน คนเหล่านั้นกระทั่งหน้าที่ยังไม่ทันได้ทำด้วยซ้ำ
ผมไม่บังอาจกล่าวโทษพวกเขา เพราะเบื้องลึกเบื้องหลังผมก็ไม่รู้ที่มาที่ไปแน่ชัด
มีเพียงแม่ที่คอยเลี้ยงดูฟูมฟักจนโตตามกำลังความสามารถของผู้หญิงคนหนึ่งจะกระทำได้
ไม่มีขาดตกบกพร่อง หากดูไม่สมบูรณ์ถูกตาตรงใจใครไปบ้าง ก็ขอให้เข้าใจพวกผมด้วยเถอะ
คนเราหัดใจกว้างเข้าไว้ เช่นที่ผมนั่งฟังพวกคุณวิพากษ์วิจารณ์มาค่อนชั่วโมงโดยไม่ขัดสักคำ
ทั้งที่สมควรหรือในเวลาอาหารจำเป็นต้องหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดคุย
ไม่ต้องมีการศึกษาสูงก็ควรรู้ด้วยจิตสำนึก เวลาอาหารต้องสร้างบรรยากาศให้ชื่นมื่นอบอุ่นมีความสุข
สมกับการพบหน้าเครือญาติครอบครัวที่ไม่ได้รู้จักมักจี่กันเป็นการส่วนตัว จะว่าไประหว่างผมกับคุณๆ ผู้สูงศักดิ์
ถือเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน เราเพิ่งแนะนำตัวนี่ครับ ถ้าเป็นผมจะไม่วิพากษ์วิจารณ์ใครในโต๊ะอาหาร
แม่ผมท่านสอนเอาไว้ต้องรู้จักให้เกียรติผู้อื่นไม่ว่าเขาคนนั้นจะอยู่ในฐานะใด
คนเราต่างมีต้นทุนคือลมหายใจมาเท่าเทียมกันทุกคน ถ้าคุณมรกตห่วงภาพลักษณ์ตลอดจนชื่อเสียงในสังคม
จะถูกนำไปค่อนแคะ เกี่ยวกับการมีตัวตนของผมในฐานะมณีรมย์แล้วล่ะก็ เรื่องนี้ขอให้สบายใจได้
ผมไม่ใช่พวกชมชอบออกงานสังคม เพื่อให้ตกเป็นข่าวซุบซิบนินทาสร้างกระแสแต่อย่างใด
โดยส่วนตัวผมไม่ใช่พวกสาระแนชอบแส่เรื่องชาวบ้านจนติดเป็นนิสัย ด้วยเหตุนี้หากมีใครขุดคุ้ยเรื่องของผม
นำไปพูดโดยข้อเท็จจริงถูกบิดเบือน ผมไม่ปล่อยคนพวกนั้นลอยนวลเชิดหน้าอยู่ในสังคมเช่นกัน
กฎเหล็กประจำตัวผมถือคติ ‘ตาต่อตา ฟันต่อฟันไม่มีอ่อนข้อ’ เว้นเสียแต่คนจำพวกเดียวที่ผมไม่ถอนหงอก
คือผู้มีพระคุณเท่านั้น ผมยกไว้เป็นของสูงไม่ใช่จากฐานันดรศักดิ์ เอาล่ะครับผมได้ชี้แจงถึงแนวทางของตัวเอง
ตลอดจนอุปนิสัยให้รับรู้หมดแล้ว จากนี้ขอให้ทานมื้อค่ำกันให้อร่อย ส่วนผมกับหนิมคงต้องขอตัว
อย่างที่บอกพวกเราไม่ชอบบรรยากาศอุปโลกน์จอมปลอม ในเวลาทานอาหาร..เดี๋ยวจะขย้อนของที่กินเข้าไป
ออกมาประจานตัวเองให้ขายหน้ากันเปล่าๆ ขอตัวนะครับ” พูดจบไม่รอฟังใครทัดทานแม้แต่น้อย
ลุกยืนพยักหน้าชวนสนิมออกจากโต๊ะทันที เปลวไม่ใส่ใจด้วยซ้ำว่าใครมีท่าทียังไง
กับประโยคคำพูดตรงแน่วเต็มไปด้วยวาทะเผ็ดร้อน ชนิดคุณมรกต หม่อมทับทิม
หม่อมรำไพผู้ที่ปั้นหน้าเฉยชาถึงกับดวงตาแดงก่ำ แต่ละคนไม่ต้องพูดถึงควันออกหูวิ้งค์ๆ
เกิดอาการตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าไม่ต่างกันเลย ยกเว้นหญิงมุกที่นั่งหน้าแดงอยู่เช่นกัน
แต่เป็นอาการสะกดกลั้นไม่ให้ขำก๊ากต่างหาก เป็นความทรมานแสนสาหัส
ที่คุณหญิงมุกดาต้องแขม่วท้องเกร็ง จิกเล็บกับหน้าขาตนเองอดทนไม่ให้หลุดหัวเราะออกมากลางวง
ส่วนคุณชายเพชรรัตน์ ประมุขวังสุดหล่อก็พลอยหน้าแดงหูแดงไม่ต่างคนอื่นๆ
รายนี้แดงด้วยความทึ่งกับสิ่งที่จบไปหมาดๆ ไม่คิดว่าเปลวจะตอกหน้าแต่ละคน
ซึ่งไม่เคยมีใครต่อกรให้หน้าแตกแบบนี้มาก่อน ที่สำคัญคุณชายนึกภาพไม่ออก
ว่าคนที่หน้าสวยชนิดมองแล้วมองอีก เวลาหลอกด่าคนจะยังคงรักษาใบหน้าไม่ให้ดูน่าเกลียด
ไปกับวาจาที่หลุดออกปากเหมือนที่เปลวทำเลย คนอะไรขนาดเอ่ยวาจาเผ็ดร้อนแดกดันอยู่
จนคนฟังแทบจับไข้ ยังคงรักษาท่าทีได้สง่างาม กระทั่งน้ำเสียงก็สามารถควบคุมให้ลื่นไหลไม่มีสะดุด
ไม่แหลมไม่ทุ้มไม่นุ่มนิ่มฟังดูไม่แข็งกระด้าง นี่คือความพิเศษที่น่าทึ่งอีกอย่างหนึ่ง
ซึ่งคุณชายค้นพบและได้ประจักษ์ซึ่งหน้า พร้อมกับบรรดาราชนิกุลที่เหลือ เพียงแต่คุณชายรู้สึกแตกต่างออกไป
ไม่มีอารมณ์ตำหนิขึ้งโกรธ ยกเว้นทึ่งชนิดที่แอบให้คะแนนนิยมไปแล้วเรียบร้อย
มาอัพให้แล้วนะคะ อ่านกันยาวๆ เลยค่ะ แล้วตอนต่อไปคงมาวันศุกร์นะคะ
ขอบคุณที่ติดตามกัน ไม่หายหน้าหายตาหนี ตอนหน้าได้กัดหมอนจิกเล็บกันบ้างล่ะ
และยังคงพบกับการปะทะวาจาแสบทรวงของเปลวอีกระลอก
รักคนอ่านคิดถึงทุกคนค่ะ 