ตอนที่ 19
ตอนนี้ยาวหน่อยนะคะ พอดีมันไม่มีที่ให้ตัด ToT
ตอนที่ 19
เบนจามินบอกให้เขมวรรณพาตัวเองกลับ ซึ่งเขมวรรณก็ไม่เกี่ยงในเรื่องนี้เพราะรู้แล้วว่าคนที่รีสอร์ทเป็นคนของภาวริน อยู่ที่นี่ไปก็มีแต่จะยิ่งมีเรื่องไม่ดี
ตลอดทางที่ขับรถกลับมาเขมวรรณเครียดมาก ในขณะที่เบนจามินกลับนอนหลับสบายอย่างกับคนไม่มีความทุกข์ร้อนอะไร จนเขมวรรณอดแปลกใจไม่ได้ แต่ก็คิดว่าอีกฝ่ายคงมีหนทางที่จะแก้ไขเรื่องนี้แล้วจึงไม่เดือดเนื้อร้อนใจ
“คุณๆ จะถึงบ้านคุณแล้ว”
เบนจามินให้เขมวรรณพากลับมาที่บ้านของตาณ เขมวรรณยังไม่กล้าขับเข้าไปทันทีเมื่อมาถึงจึงจอดรถเพื่อปลุกคนนอนหลับให้ตื่นเสียก่อน
“อ้าว ถึงแล้วเหรอ เร็วจัง”
เบนจามินว่าพลางบิดซ้ายขวาไล่ความเมื่อย
“ขับเข้าไปเลยคุณ”
คนเฝ้าประตูตอนแรกก็เรียกตรวจ แต่พอเห็นว่าเบนจามินนั่งมาในรถด้วยก็ปล่อยให้เข้าไปโดยไม่ได้ตรวจสอบอะไรเพราะตาณสั่งเอาไว้แล้วว่าถ้าเบนจามินมาให้เข้าไปได้เลย ไม่ว่าจะมากับใครก็ตาม
“เบน”
อังคารที่ได้รับแจ้งว่าเบนจามินมาถึงแล้วออกมายืนรอเพื่อนอยู่ที่หน้าประตูบ้าน พอเห็นเพื่อนลงจากรถก็ถลาเข้าไปหาโดยที่ตาณคว้าไว้ไม่ทัน
“เบาๆหน่อยอัง ท้องอยู่นะ”
เบนจามินว่าเพื่อนที่เหมือนจะลืมตัวไปว่าตนเองกำลังท้อง อังคารไม่ได้สนใจมากมาย เขาใส่ใจสำรวจร่างกายเพื่อนมากกว่าว่ามีความเสียหายตรงไหนหรือไม่
เขมวรรณลงจากรถอย่างเกร็งๆ ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นที่ต้อนรับของที่นี่นัก แต่เขาผิดก็ต้องกล้าเผชิญหน้ากับความผิดที่ตนเองก่อไว้
“สวัสดีครับ ผมตาณ”
เบนจามินได้แจ้งมาก่อนแล้วว่าจะกลับมาพร้อมกับผู้ชายที่พาตัวเองไป ตาณจึงเป็นฝ่ายเดินเข้ามาแนะนำตัวกับเขมวรรณก่อนด้วยรู้ว่าเขมวรรณคงทำตัวไม่ค่อยถูก ก็นะ...ถ้าเป็นเขา อยู่ๆก็ถูกพามาเจอคู่กรณีเลยแบบนี้ก็พูดยากอยู่เหมือนกัน
“ผมเขมวรรณ”
อันที่จริงแล้วมันควรตามด้วยยินดีที่ได้รู้จัก แต่ทั้งตาณและเขมวรรณไม่ได้ยินดีนักทั้งสองคนจึงเงียบไปหลังจากแนะนำชื่อตัวเอง
“ผมต้องขอโทษในเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆนะครับคุณตาณ ทั้งหมดเป็นความผิดของผมเอง แต่ผมขอยืนยันว่าผมไม่ได้มีอะไรเกินเลยกับคุณอังคารสักนิด”
“มันใช่ที่ไหนล่ะคุณ”
เบนจามินเดินเข้ามาร่วมวงสนทนา แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยมากไปกว่านั้นอังคารก็ตามมาดึงเพื่อนให้เข้าบ้านก่อน
“เราเข้าไปข้างในกันเถอะครับ”
อังคารจับแขนเบนจามินเดินเข้าบ้าน ตามด้วยตาณและเขมวรรณที่ดูจะมองเห็นความไม่ลงตัว
“นี่มันเรื่องอะไรกันครับ”
เขมวรรณสงสัยก็ไม่แปลก เมื่อตั้งแต่ลงจากรถ ตาณยังไม่ได้ทักเบนจามินสักคำ และยิ่งชัดเจนเมื่อตาณกับผู้ชายที่เขาไม่รู้จักเดินไปนั่งคู่กันบนโซฟา ขณะที่เขาและคนที่เขาเข้าใจว่าคืออังคารนั่งลงตรงโซฟาอีกตัว
“ผมอังคารครับ”
อังคารเอ่ยปากเรียบๆ แต่ทำเอาเขมวรรณหันกลับมามองคนข้างตัวแทบไม่ทัน
“นี่มันหมายความว่ายังไงกันคุณ”
“หมายความว่านั่นอังคารไง”
“แล้วคุณ...”
“อืม นั่นอังคาร ส่วนผมไม่ใช่ คุณพาไปผิดคน”
เขมวรรณผุดลุกขึ้น รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นไอ้หน้าโง่ที่โดนใครๆหลอกซ้ำไปซ้ำมา เขาตั้งท่าจะเดินออกไปนอกบ้านเพื่อกลับ แต่เบนจามินก็รั้งแขนเขาเอาไว้อย่างไม่ยอม
“ปล่อยผม นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน”
“ไม่ใช่เรื่องบ้า คุณใจเย็นหน่อยได้ไหม”
“ใจเย็น?”
เขมวรรณหันกลับมามองเบนจามิน ทั้งโมโหทั้งน้อยใจในโชคชะตาของตนเอง เขมวรรณตั้งใจพาอังคารไปหลบเพื่อให้ภาวรินสบายใจ กลายเป็นว่าเขาโดนภาวรินหลอกใช้ เขมวรรณให้การดูแลเบนจามินอย่างดี ก็กลายเป็นว่าเขาโดนหลอกซ้ำอีก
“คุณจะให้ผมใจเย็นทั้งที่โดนปั่นหัวเล่นแบบนี้น่ะเหรอ”
“ผมไม่ได้ปั่นหัวคุณ”
เบนจามินแก้ตัวกับตนเองในใจว่าเขาไม่ได้หลอก เขาก็แค่ไม่พูดและปล่อยให้เขมวรรณเข้าใจผิดก็เท่านั้น
“คุณนั่งลงก่อนเถอะนะ”
เบนจามินใช้สองมือดึงแขนเขมวรรณให้นั่ง แต่แรงคุณหมออย่างเบนจามินหรือจะสามารถบังคับวิศวกรหนุ่มอย่างเขมวรรณได้
“นั่งก่อนเถอะครับคุณเขมวรรณ เรามีเรื่องต้องคุยกันไม่ใช่หรือครับ”
อังคารเห็นท่าแล้วเบนจามินคงเอาไม่อยู่จึงเอ่ยปากรั้งไว้อีกคน
“ถึงคนที่ไปกับคุณจะเป็นเบน แต่ข่าวที่ออกมาก็ยังไม่เปลี่ยนหรอกนะครับ”
พอฟังประโยคนี้นี่แหละเขมวรรณจึงยอมนั่งลงตามเดิมเพราะคิดได้ว่าปัญหาที่เกิดยังไม่ได้รับการแก้ไข แต่ในใจก็ยังมิคลายความโมโหลง
“คุณนี่นะ ผมจะบอกให้ว่าการที่คุณพาผมไปแทนอังน่ะดีแค่ไหนแล้ว เพราะคุณพาผมไปเราถึงยังมีโอกาสได้แก้ไขข่าวที่ออกมา ไม่อย่างนั้นคุณคิดดูสิ ถ้าคุณพาคนไปถูกคนอะไรจะเกิดขึ้น สถานการณ์จะแย่ขนาดไหน มันจะไม่เท่ากับเป็นการทำร้ายอังกับคุณตาณแล้วก็ลูกในท้องอังไปแบบไม่มีทางแก้หรือไง”
เบนจามินพูดถูก เขมวรรณจึงได้แต่ถอนหายใจ เขายังโมโหที่โดนหลอก โดนปั่นหัว แต่ก็ต้องยอมรับว่าโชคดีที่พาไปผิดคนจริงๆ
“เอาล่ะ ในเมื่อคุณเข้าใจสถานการณ์แล้ว ผมต้องขอความร่วมมือจากคุณด้วยนะครับคุณเขมวรรณ...”
แล้วหลังจากนั้นอังคารก็บอกเล่าแผนการต่างๆให้เขมวรรณฟัง แม้จะมีหลายสิ่งที่ไม่เห็นด้วยและไม่เต็มใจ เขมวรรณก็ต้องทำตามแผนของอังคารที่วางไว้ เพราะมันจริงอย่างที่อังคารบอก หากจะแก้ข่าวเสียๆของอังคาร แผนของอังคารนั้นดีที่สุดแล้ว คนผิดไม่มีทางเลือกและเขาก็ผิด เขมวรรณต้องรับผิดชอบและแก้ไขในสิ่งที่ตัวเองทำ
งานตั้งโต๊ะแถลงข่าวของตาณจัดขึ้นที่บริษัทเปิดใหม่ที่เขาเป็นเจ้าของ แน่นอนว่างานนี้อังคารเป็นคนวางแผนและเจ้าตัวถือโอกาสโปรโมทบริษัทของตาณไปในตัว ด้านหลังโต๊ะแถลงข่าวจึงมีทั้งรูปตัวอย่างสินค้าและโลโก้ รวมทั้งคำโฆษณาสินค้า
“ไม่รู้จะว่ายังไงดีเลย”
เบนจามินมองป้ายข้างหลังโต๊ะแล้วส่ายหน้าระอาในความคิดของเพื่อน
“โอกาสโฆษณาฟรีๆอย่างนี้มีที่ไหนอีก”
ไม่ใช่เพียงแค่ป้ายข้างหลัง บนโต๊ะแถลงข่าวยังมีตัวอย่างผลิตภัณฑ์ตั้งประดับอยู่อีกต่างหาก แบบนี้เบนจามินว่ามันไม่เรียกโฆษณาแฝงแล้ว เรียกว่าตั้งใจโฆษณาเป็นหลักเลยดีกว่า
บริษัทใหม่ของตาณเป็นบริษัทผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพจากธรรมชาติแท้ๆ เป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปทั้งหลาย นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารที่เน้นขายอาหารเพื่อสุขภาพและรสชาติอร่อยด้วย
“นับว่าคุณตาณเลือกคนได้เหมาะจริงๆ”
ลูกน้องของตาณพึมพำกันด้วยรอยยิ้ม เขมวรรณที่ได้ยินถึงกับพยักหน้าอย่างเห็นด้วยโดยไม่รู้ตัว
เขาเคยเข้าใจว่าอังคารเป็นคนเรียบร้อย ไม่มีปากไม่มีเสียง แต่หลังจากที่ได้พบเจอตัวจริงก็ต้องเปลี่ยนความคิดทั้งหมดเสียใหม่ อังคารเป็นคนเก่งและฉลาด ไม่เพียงคิดแผนการแก้ต่างให้ตัวเองอย่างหมดข้อกังขา ยังสามารถคิดหาประโยชน์จากสถานการณ์นี้อย่างเต็มที่ได้อีก ตอนเจอกับเบนจามินที่เขาคิดว่าเป็นอังคารว่าผิดความคาดหมายแล้ว พอมาเจอตัวจริงยิ่งผิดจากที่คิดเข้าไปใหญ่
“นักข่าวเริ่มทยอยมากันแล้ว”
ตาณเดินมาโอบเอวอังคารขณะเอ่ยปากบอก
“นี่ได้พักบ้างหรือยังคุณ”
“ผมไม่ได้เหนื่อยสักหน่อย เบนก็อยู่นี่”
ตาณยิ้มบาง แม้จะรู้ว่ามีเบนจามินอยู่ข้างๆคงไม่ปล่อยให้อังคารทำอะไรเกินตัว แต่เขาก็ยังอดห่วงไม่ได้อยู่ดี
“เข้าไปข้างในกันดีกว่าครับ เดี๋ยวจะเริ่มแล้ว”
ว่าพลางประคองอังคารให้เดินเข้าไปภายในห้องหลังโต๊ะแถลงข่าวอย่างทะนุถนอม
“ไม่ค่อยเห่อเลย”
เบนจามินพึมพำขณะลากเขมวรรณให้เข้าไปข้างในห้องพร้อมกัน
“คุณอย่าคิดทำแผนเสียเด็ดขาด”
คนตัวเล็กกว่าเตือนเมื่อเห็นเขมวรรณทำหน้าอึดอัดใจ
“คุณว่ามันดีแล้วแน่หรือ”
“ดีแน่นอน...หรือคุณมีวิธีอื่นที่ดีกว่า”
เขมวรรณไม่มีหนทางแก้ไขที่ดีกว่าแผนของอังคาร เขาจึง ได้แต่นิ่งเงียบ
“เอาน่าคุณ ทำไปเถอะ ถือว่าไถ่โทษไง”
“แต่ว่า...”
“มาเถอะ”
เบนจามินไม่คิดต่อความยาวอีก เขาดึงเขมวรรณให้เข้าไปในห้องทันที เมื่ออยู่กับตาณและอังคาร เขมวรรณไม่ค่อยพูดอะไรเท่าไหร่ นั่นเพราะอย่างแรกเขาไม่คุ้นเคยกับทั้งสองคนมากเท่ากับเบนจามินซึ่งได้อยู่ร่วมกันมาหลายวัน
และข้อสอง...เขมวรรณรู้สึกว่าตนเองได้ทำเรื่องไม่ดีต่อคนทั้งคู่ แม้จะไม่แน่ใจนักว่าการที่ตนเองโดนใครต่อใครหลอกปั่นหัวไปมานี้ ตกลงเขาผิดหรือยังไม่ผิดกันแน่
การแถลงข่าวเริ่มต้นจากตาณและทนายความออกมากันสองคนก่อน
“การแถลงข่าวครั้งนี้เกิดจากสาเหตุอะไร หลายๆท่านคงทราบดีอยู่แล้ว”
แม้จะกล่าวเช่นนั้นแต่ตาณก็ยังเท้าความไปถึงข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้สั้นๆ
“เนื่องจากกระแสข่าวที่ออกมาสร้างความเสียหายให้กับชื่อเสียงของคู่แต่งงานของผม ทางเราจึงยื่นเรื่องฟ้องสำนักข่าวที่ลงข่าวนั้นเรียบร้อยแล้ว”
สิ้นคำของตาณ เสียงฮือฮาก็ดังขึ้นไปทั่วทั้งห้อง
“มีการฟ้องร้องเกิดขึ้นหมายความว่าข่าวที่ออกมาไม่ใช่ความจริงอย่างนั้นหรือครับ”
แน่นอนว่าในกลุ่มนักข่าวย่อมมีคนของตาณปะปนอยู่ด้วย เพื่อจะได้มีคนตั้งคำถามไปในทิศทางที่พวกเขาต้องการ
“ถูกต้องแล้วครับ”
ตาณว่าอย่างใจเย็น
“ข่าวที่ออกมาสร้างความเสียหายให้ทางผมมาก แล้วก็กระทบไปถึงลูกของผมด้วย ดังนั้นผมไม่อาจนิ่งเฉยโดยไม่ทำอะไรได้ ผมจึงจัดแถลงข่าวครั้งนี้ขึ้น”
ตาณกวาดตามองไปยังกลุ่มนักข่าว ก่อนจะหยุดลงตรงคนที่ได้รับรายงานว่ามาจากสำนักข่าวที่เขียนเรื่องเสียหายเกี่ยวกับอังคารลงในหนังสือพิมพ์
“ข่าวที่ไม่เป็นจริงจะต้องมีการชดใช้”
“มะ...ไม่จริงยังไง”
นักข่าวที่ตาณจ้องถามกลับเสียงกร้าวทั้งที่หน้าเริ่มไม่มีสี ข่าวที่เขียนถึงอังคารเป็นฝีมือของนักข่าวคนนี้ โดยเขารับข้อมูลมาจากภาวรินอีกทอด และเธอยืนยันว่าข้อมูลทั้งหมดเป็นความจริง เขาเห็นว่าเธอน่าเชื่อถือมากพอ และเงินค่าจ้างก็เยอะ...
“เรื่องนี้ขอผมเป็นคนอธิบายเองนะครับ”
ทนายความที่นั่งอยู่ข้างตาณเป็นคนเอ่ยปากขึ้น
“ผม เอกนที เป็นทนายความจากโรงเรียนเอกวิทย์”
เสียงนักข่าวฮือฮาขึ้นมาอีกรอบเมื่อเห็นว่าโรงเรียนเอกวิทย์เข้ามามีส่วนร่วมในเรื่องนี้ด้วย
“ข่าวที่เขียนออกมานั้นได้กล่าวว่าคุณอังคารเป็นผู้ประพฤติตัวไม่เหมาะสม และมีความสัมพันธ์กับผู้ชายมากหน้าหลายตารวมถึงบุคคลในรูป ซึ่งเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง การเขียนข่าวที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง โดยไม่มีหลักฐานที่แท้จริงถือได้ว่าเป็นการ หมิ่นประมาท ที่สำคัญข่าวที่ออกมาไม่เพียงสร้างความเสียหายให้แก่ตัวคุณอังคารและครอบครัว หากยังสร้างความเสื่อมเสียมาถึงโรงเรียนเอกวิทย์ซึ่งเป็นสถานที่ที่คุณอังคารสำเร็จการศึกษาและทำงานอยู่ในปัจจุบัน ทางเราจึงไม่อาจเพิกเฉย”
นอกจากเพราะอังคารจบจากโรงเรียนเอกวิทย์ อังคารยังนับเป็นบุคลากรมากความสามารถที่โรงเรียนเอกวิทย์ไม่อาจยอมเสียไปได้ เมื่ออังคารเอ่ยปากขอความช่วยเหลือไป ทางโรงเรียนจึงยื่นมือเข้าช่วยโดยไม่ลังเล
“ดังนั้นสำนักข่าวที่เผยแพร่ความเท็จให้เกิดความเสื่อมเสียต้องชดใช้ให้ทางเราอย่างเหมาะสม”
“แต่รูปออกมาชัดเจนนะครับ”
“เรื่องนี้จะชี้แจงโดยคุณตาณต่อไปครับ”
ตาณพยักหน้ารับและเริ่มพูดต่อจากทนายความ
นักข่าวทุกคน โดยเฉพาะนักข่าวจากสำนักข่าวที่ลงเรื่องของอังคารต่างก็จดจ้องดูว่าตาณจะแก้ตัวให้อังคารอย่างไรต่อข่าวเสียๆ ที่ออกมา หลายคนอดนับถือตาณในใจไม่ได้ที่ขนาดคู่แต่งงานมีข่าวฉาวออกมาขนาดนี้เจ้าตัวยังสงบนิ่งและดูเหมือนจะยังเข้าข้างอังคาร
“เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดขึ้นอีก”
ตาณหันไปพยักหน้าให้ผู้ช่วย และอีกฝ่ายก็เดินออกมาพร้อมอังคาร ผู้ช่วยของตาณพาอังคารมานั่งลงที่ว่างข้างๆตาณ ตอนนี้นักข่าวที่เคยนึกสงสัยถึงเก้าอี้ที่ว่างอยู่สามตัวเริ่มเข้าใจแล้วว่า การแถลงข่าวครั้งนี้จะยังมีคนออกมาเพิ่มเรื่อยๆ และจากการที่ไม่เปิดตัวออกมาทีเดียวพร้อมกัน แสดงว่าต้องมีความสำคัญแน่ๆ ตาณจึงไม่ได้ให้ออกมาพร้อมกันในทีเดียว
“ผมขอแนะนำให้ทุกคนรู้จัก คนรักของผม อังคารครับ”
หลังสิ้นเสียงตาณ ช่างภาพต่างกดถ่ายรูปอังคารกันระรัว คำวิพากษ์ที่ตามมาคือ ‘ไม่ใช่คนในรูป’
“ก่อนหน้านี้ผมไม่อยากให้อังต้องออกสื่อเพราะไม่อยากให้เขาวุ่นวาย ที่ไม่ได้พามางานเปิดตัวบริษัทเพราะผมห่วง อย่างที่ ทุกท่านทราบดี งานเลี้ยงกินเวลาหลายชั่วโมง คนเยอะ แถมยังเลิกดึก ไม่ดีต่อคนท้อง ผมไม่คิดว่าความเป็นห่วงของผมจะทำให้เป็น ข้อสงสัยจนนำมาสู่ข่าวเสียหาย เมื่อเกิดข่าวไม่ดีขึ้น พวกเราก็ปรึกษาและเห็นพ้องกันว่าผมควรแนะนำเขาให้คนอื่นรู้จัก”
ตาณเลื่อนมือมากุมมืออังคารไว้
“สรุปคือคุณอังคารไม่ใช่คนในรูปอย่างนั้นใช่ไหมคะ”
อังคารเปิดไมโครโฟนและเป็นคนตอบเอง
“ไม่ใช่ผมครับ”
“แล้วทำไมถึงนำรูปมาโยงกับคุณอังคารได้คะ”
“เรื่องนี้...”
อังคารว่าแล้วปรายตามองไปทางนักข่าวของสำนักข่าวที่ลงข่าวเรื่องอังคาร
“...คงต้องถามคนเขียนข่าวนะครับ ว่าทำไมถึงได้คิดว่าคนในรูปเป็นผม”
“มะ ไม่จริง นี่ต้องเป็นตัวปลอม”
อังคารส่ายหน้าให้คนไม่ยอมรับความจริง เขาหยิบเอาบัตรประจำของตนเองขึ้นมาส่งให้ผู้ช่วยของตาณนำขึ้นจอภาพขนาดใหญ่เพื่อให้นักข่าวทุกคนได้เห็นพร้อมกัน
“สามารถเช็กดูได้ในเว็บไซต์ฐานข้อมูลนะครับ ทั้งของโรงเรียนเอกวิทย์และของทางการครับ”
ในยุคนี้ สามารถนำเลขประจำตัวประชาชนเข้าไปเช็กรูปและชื่อนามสกุลได้ที่เว็บฐานข้อมูลของทางการ ไม่ว่าคนๆนั้นจะเปลี่ยนชื่อนามสกุลกี่ครั้งก็จะมีแจ้งไว้ทั้งหมดว่ามีชื่ออะไรบ้างและเปลี่ยนวันไหน แต่ก็เช็กได้เพียงแค่ชื่อนามสกุลกับมีรูปให้เห็นเท่านั้น ไม่สามารถดูข้อมูลอย่างอื่นได้ โดยคนที่เข้าไปดูก็ต้องใส่เลขประจำตัวประชาชนเช่นเดียวกัน เพื่อเป็นหลักฐานการเข้าดู
หลายคนเข้าไปเช็กข้อมูลตามที่อังคารเอ่ยทันที และชื่อกับรูปที่ปรากฏก็ตรงกับตัวอังคารจริงๆ แถมยังมีการแสดงข้อมูลการเปลี่ยนนามสกุลจากของอังคารมาเป็นของตาณในช่วงวันที่ทั้งสองแต่งงานกันด้วย
“ถ้าอย่างนั้นคนในรูป”
ตาณยิ้มเย็น ก่อนจะพยักหน้าให้ผู้ช่วยอีกครั้ง คราวนี้เสียงฮือฮาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง แสงแฟลชวูบวาบยาวนานจนตาณต้องเอ่ยขอร้องให้นักข่าวอยู่ในความสงบ
“คุณเบนจามิน หมอประจำบ้านของผม”
ตาณแนะนำเบนจามิน ซึ่งอีกฝ่ายก็ก้มหัวให้นักข่าวด้วยรอยยิ้ม
“ส่วนทางนั้น คุณเขมวรรณเป็นคนสนิทของคุณเบนจามิน”
หลังจากคำแนะนำ ทุกคนก็ได้ข้อสรุปในใจ รูปที่ออกมาเป็นรูปของเบนจามินและเขมวรรณ ซึ่งในรูปทั้งสองสนิทสนมกันเกินกว่าจะเป็นเพื่อนธรรมดา แน่นอนว่าที่รูปออกมาเป็นอย่างนั้นเกิดจากมุมกล้องล้วนๆ แต่คนเห็นรูปก็เข้าใจตามที่เห็น ไม่ได้คิดว่าเป็น มุมกล้องหรืออะไร
“ไม่ทราบว่าคุณเขมวรรณเป็นหมอด้วยหรือเปล่าครับ”
และเมื่อชี้แจงเรื่องของอังคารจนกระจ่างเรียบร้อย คนของตาณที่ปะปนอยู่กับนักข่าวก็ทำตามแผนเบี่ยงความสนใจของนักข่าวไปทางเขมวรรณและเบนจามินทันที
“เปล่าครับ ผมเป็นวิศวกรอยู่ที่ทาวน์แอนท์เอิร์ธครับ”
คำถาม-คำตอบนี้ได้ถูกเตรียมไว้ก่อนแล้ว แต่เบนจามินไม่ได้รู้เรื่องมาก่อนจึงอดหันไปมองเขมวรรณอย่างทึ่งๆไม่ได้
ทาวน์แอนท์เอิร์ธเป็นบริษัทก่อสร้างรายใหญ่และมีชื่อเสียง เนื่องจากทางบริษัทจะทำการก่อสร้างโดยคำนึงถึงสภาพแวดล้อมมาก่อนอย่างอื่น ทำให้สิ่งปลูกสร้างของบริษัทนี้เป็นมิตรกับธรรมชาติและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง บุคลากรของบริษัทนี้จึงเป็นคนเก่งมากความสามารถ
“ทำอะไรน่ะ”
นักข่าวคนหนึ่งถามนักข่าวอีกคนที่นั่งข้างๆเมื่อเห็นเขาเข้าเว็บไซต์ของบริษัททาวน์แอนท์เอิร์ธ
“เช็กข้อมูลไง เดี๋ยวพลาดขึ้นมา ซวยอีก”
พอได้ยินดังนั้น หลายคนจึงรีบเช็กข้อมูลด้วยเหมือนกัน และข้อมูลที่ออกมาก็ทำให้เสียงฮือฮาของนักข่าวดังขึ้นอีกครั้ง
“หัวหน้าโครงการบ้านชิดป่าและโครงการบ้านสวนสวย...”
เสียงพึมพำที่ดังขึ้นทำให้เขมวรรณเริ่มปั้นหน้าอย่างลำบาก เป็นที่ทราบกันดีว่าหัวหน้าโครงการของบริษัทนี้ต้องสามารถควบคุมทุกอย่างได้ ทั้งการออกแบบ การก่อสร้าง การตกแต่ง โครงการของบริษัททั้งสองโครงการที่กล่าวถึงเป็นโครงการที่ได้รับการชื่นชม ได้รับรางวัลทางสิ่งแวดล้อมมากมาย และขายได้หมดในเวลาอันรวดเร็ว โครงการบ้านชิดป่าเป็นโครงการคอนโดมีเนียมที่เน้นให้ตึกตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ โดยไม่สร้างความเสียหายให้แก่ธรรมชาติ เป็นโครงการที่ราคาห้องไม่สูงแต่มีคุณภาพ คนที่ซื้อโครงการนี้ส่วนใหญ่จึงเป็นชนชั้นกลาง ส่วนโครงการบ้านสวนสวยเป็นโครงการคอนโดมีเนียมที่เน้นให้ตึกอยู่คู่กับธรรมชาติได้โดยไม่สร้างความเสียหายให้แก่กันและกัน โครงการนี้เป็นแบบหรูหราราคาแพง หากแต่ก็ได้รับการจับจองจนเต็มในเวลาอันรวดเร็วไม่ต่างกัน
เขมวรรณได้ขึ้นเป็นหัวหน้าโครงการครั้งแรกคือบ้านชิดป่า ซึ่งจะเรียกว่าเป็นผลงานเปิดตัวของเขาก็ว่าได้ และการเปิดตัวของเขมวรรณก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เขมวรรณไม่เกี่ยงงาน เขารับทุกงานที่บริษัทส่งมาให้ หลังจากโครงการเปิดตัวเขมวรรณเป็นที่รู้จักมากขึ้นและมีการว่าจ้างงานเข้ามาตลอด ส่วนมากจะเป็นการว่าจ้างให้สร้างสิ่งปลูกสร้างส่วนตัว จนบริษัทมีโครงการสร้างคอนโดมีเนียมหรู เขมวรรณจึงได้จับงานใหญ่อีกครั้ง และโครงการที่เขาทำก็ได้รับการตอบรับที่ดี ชื่อของเขมวรรณจึงเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง จนตอนนี้นอกจากงานวิศวกร เขมวรรณยังมีงานเป็นอาจารย์พิเศษสอนนักศึกษาด้วย
หากจะพูดว่าเขาเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานก็สามารถพูดได้
เรื่องนี้เบนจามินไม่รู้ แต่ตาณและอังคารที่สืบเรื่องของเขมวรรณมาเรียบร้อยรู้ทั้งหมด และแน่นอน...หลังจากสืบรู้ประวัติอังคารก็จงใจให้นักข่าวหันไปสนใจในตัวเขมวรรณ
“ตอนนี้เห็นว่าคุณเขมวรรณกำลังจับงานโปรเจคใหญ่อยู่จริงหรือเปล่าคะ”
นักข่าวที่มาวันนี้นอกจากนักข่าวหน้าสังคม ยังมีส่วนหนึ่งที่เป็นนักข่าวหน้าเศรษฐกิจ เมื่อแหล่งข่าวอยู่ตรงหน้ามีหรือจะไม่รีบคว้าโอกาส
“เรื่องนี้...ตอนนี้ผมพักร้อนอยู่ครับ ส่วนเรื่องโปรเจค กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของบริษัทครับ”
หลังจากนั้นนักข่าวก็เอาแต่ถามเขมวรรณเกี่ยวกับงาน อาจจะมีวกกลับมาเรื่องส่วนตัวโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับเบนจามินบ้าง งานนี้ที่เขมวรรณสามารถตอบคำถามนักข่าวได้เต็มที่เป็นเพราะบริษัทไฟเขียวมาแล้ว แน่ล่ะ งานนี้ถือว่าได้โฆษณาไปในตัวทำไมทางนั้นจะต้องทิ้งโอกาสด้วย
เรียกว่านอกจากเขมวรรณ งานนี้ทุกฝ่ายวิน-วินกันถ้วนหน้า
ไม่สิ... ไม่ใช่วิน-วินกันทั้งหมด เพราะยังมีอีกคนหนึ่งที่แทบกรีดร้องในขณะฟังแถลงข่าว...
“ไม่น่าเชื่อเลยว่าคุณจะเป็นวิศวกร แถมเก่งมากด้วย”
เบนจามินคิดเอาเองจากการที่ภาวรินไม่เลือกเขมวรรณว่าเขมวรรณคงเป็นแค่มนุษย์เงินเดือนธรรมดา ไม่ใช่คนที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานอย่างนี้
“เสียมารยาทน่าเบน”
คำพูดของเบนจามิน จะฟังให้เป็นคำชมก็ได้ แต่ก็ฟังเป็นการดูถูกได้เช่นเดียวกัน
“ไม่เป็นไรครับ”
ด้วยอยู่ร่วมกันมาหลายวัน เขมวรรณจึงเริ่มชินๆกับการพูดตามที่คิดของเบนจามินได้บ้างแล้ว แล้วเขาก็ไม่ได้รังเกียจอะไร
“เสร็จแล้วก็หิวจัง ไปหาอะไรกินนะอังนะ”
“ขอโทษทีนะเบน หลังจากนี้เราต้องไปคุยรายละเอียดหลายอย่างกับทางโรงเรียนน่ะ”
เบนจามินมุ่ยหน้า ก่อนจะนึกได้จึงหันกลับมาทางเขมวรรณที่ยืนอยู่ข้างๆ
“อังไม่ว่าง งั้นคุณไปกับผม”
ว่าแล้วก็ลากเขมวรรณไปทางรถทันที โดยไม่ได้คิดว่านักข่าวยังกลับไปกันไม่หมด งานนี้เลยมีภาพความสนิทสนมของเบนจามินและเขมวรรณให้ได้เก็บกันอีก
ยังไม่ทันออกรถ เสียงโทรศัพท์ของเขมวรรณก็ดังขึ้น แทนที่จะกดรับเจ้าของโทรศัพท์กลับเอาแต่จ้องหน้าจอ ไม่ยอมกดรับเสียทีจนเบนจามินอดถามไม่ได้
“โทรศัพท์ ไม่รับหรือคุณ”
“ไม่ดีกว่า”
แต่เบนจามินกลับคว้ามากดรับแถมยังเปิดลำโพงให้ได้ยินทั้งคู่ด้วย
“เขม...”
เสียงหญิงสาวที่ผ่านมาตามสายทำให้เบนจามินต้องมองชื่อบนหน้าจอให้ชัด ก่อนจะส่งเสียงหึในลำคอเมื่อเห็นว่าเป็นใครที่โทรเข้ามา
“เขมคะ”
เพราะไม่มีเสียงตอบกลับทั้งที่รับสายแล้ว ภาวรินจึงเรียกปลายสายอีกครั้ง
“ตอบเลยคุณ จะได้รู้ว่าเธอโทรมาทำไม”
เบนจามินกระซิบเบาๆ เขมวรรณมองเบนจามินอย่างชั่งใจ แต่ก็ยังตอบกลับไปตามที่เบนจามินแนะนำ
“ครับริน”
“คุณหลอกริน! คุณรวมหัวกับพวกนั้นหลอกริน คุณทำ แบบนี้กับรินได้ยังไงเขม”
น้ำเสียงของภาวรินไม่ดีเลย ท่าทางเธอกำลังโมโหมากจนเบนจามินต้องแอบหัวเราะคิกคักเพราะเรื่องเป็นไปตามที่เขาอยากให้เป็น
“ผมหรือครับที่หลอก”
เขมวรรณย้อนถามกลับไปด้วยเสียงเรียบๆ เขาต่างหากไม่ใช่หรือที่โดนเธอหลอกใช้
“คุณหักหลังริน คุณ”
“โอ๊ย นี่คุณ ตัวเองผิดแท้ๆมาเที่ยวโทษคนอื่นอยู่ได้ เป็นบ้าหรือเปล่าเนี่ย”
ภาวรินที่กำลังจะเอ่ยต่อว่าเขมวรรณเงียบลงทันทีเมื่อได้ยินเสียงบุคคลที่สาม
“นั่นใคร?”
เบนจามินหัวเราะ ก่อนจะตอบไปโดยที่เขมวรรณก็ห้ามไว้ไม่ทัน
“แฟนคนปัจจุบันของคุณเขมไง คนเก่าอย่างคุณน่ะหลบไป แล้วก็เลิกโทรมาไร้สาระสักทีนะ”
“เขม...”
“เขาส่งมาให้ผมคุยแล้ว เสียใจนะคุณ”
เขมวรรณส่ายหน้า แต่เพราะใจยังเจ็บกับคำพูดของภาวรินไม่น้อยจึงไม่ได้ห้ามปรามเบนจามินอย่างจริงจังนัก
“เอาโทรศัพท์คืนให้เขมนะ ไม่มีมารยาท”
“มารยาทอะไรครับคุณ โทรมาหาแฟนคนอื่นโดยมีเจตนาไม่ดีต่างหากที่ไม่มีมารยาท แล้วแฟนผมเขาอนุญาตให้ผมคุย ไม่มีมารยาทตรงไหน พูดกับคนไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีละเหนื๊อยเหนื่อย เท่านี้นะคุณ”
เบนจามินกดวางโทรศัพท์แล้วหันขวับมามองเขมวรรณ ตอนแรกกะว่าจะต่อว่าอีกฝ่ายเสียหน่อยที่บ้าไปคบกับผู้หญิงอย่างภาวริน แต่พอเห็นหน้าหมองๆแล้วก็ว่าไม่ลง
“เฮ้อ...เอาเถอะ โทษทีนะคุณที่ก้าวก่าย แต่แฟนคุณนี่ยังไง คนอะไรไม่ยอมรับความผิดตัวเอง เห็นแล้วทนไม่ได้จริงๆ”
เขมวรรณไม่ได้ถือสา บางทีอาจจะถือว่าโชคดีที่เบนจามิน อยู่ด้วย ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะต้องเจ็บกับคำพูดของเธอมากกว่านี้ก็เป็นได้
“แต่คุณอย่าคิดมากเลย การกระทำของคุณไม่เรียกหักหลังหรอก คุณก็แค่พูดความจริง ส่วนคนที่หักหลังน่ะ คนที่หลอกยืมมือคุณไปสร้างความแตกแยกให้ชาวบ้านต่างหาก เหอะ! ผู้หญิงบ้า ประสาท สงสัยต้องส่งใบเชิญพบจิตแพทย์อย่างเร่งด่วนไปให้บ้าง เผื่ออะไรๆจะดีขึ้น”
“พอเถอะคุณ ไหนบอกว่าหิวไง”
ถึงอย่างไรเขาก็ยังรักภาวริน จะให้มาทนฟังคนด่าเธอมากๆก็ทนไม่ไหว
“เหอะ! คนใจอ่อน... ไปร้านอาหารไทยเลย เดี๋ยวผมบอกทางให้”
เบนจามินนึกค้อนที่เขมวรรณยังเป็นเดือดเป็นร้อนแทนตัวภาวริน แต่ก็ไม่ได้เอ่ยให้ต้องเกิดการขัดใจกันอีก เบนจามินไม่อยากพูดมาก ของอย่างนี้ความรักมันบังตา บางคนต่อให้คนที่ตนเองรักชั่วร้ายเหลือแสน ก็ยังคงรัก แต่ก็แค่ตอนนี้แหละ เบนจามินลอบมองคนที่กำลังขับรถอย่างมาดหมาย เขมวรรณคนดี...ต่อไปก็ขอให้เขมวรรณได้รักคนดีๆบ้างแล้วกัน แล้วก็...เบนจามินว่าตัวเบนจามินนี่แหละ! ดีที่สุด!
TBC