เอื้องคำมองสองร่างที่เดินเข้ามาภายในบ้านแล้วก็ได้แต่เลิกคิ้วแปลกใจกับบรรยากาศชวนอึดอัดโดยรอบ เมื่อเช้าพันเอกกับนาวาออกไปซื้อของด้วยกัน ก่อนออกไปทั้งคู่ก็ดูปกติกันดี แต่ไหงตอนกลับมาพันเอกถึงได้มีท่าทีหงุดหงิดแบบนั้นกันเล่า นี่อย่าบอกนะว่านาวาเผลอทำอะไรให้เจ้านายของหล่อนโกรธเคืองอีกแล้ว
“จะมีวันไหนที่บ้านหลังนี้สงบสุขบ้างไหมนะ” เธอพึมพำก่อนจะถอนหายใจ ดวงตาอ่อนแสงมองตามนาวาที่เดินดุ่มๆขึ้นห้อง ทิ้งของที่ซื้อเอาไว้ในรถให้ลูกน้องของพันเอกทยอยขนลงมาเอง ในขณะที่ประมุขของบ้านเองก็เอาแต่มองตามแผ่นหลังของอีกคนไม่วางตา
“ป้าเอื้อง จัดการของใช้ที่ซื้อมาให้เรียบร้อยด้วยนะครับ” พันเอกหันมาสั่งงานเสียงห้วนก่อนจะเดินฉับๆตามหลังของนาวาไป เอื้องคำมองตามด้วยความเป็นห่วง กลัวจะเกิดเรื่องอะไรรุนแรงขึ้นมาอีก วันนี้พระพายกับณะโมเองก็ไม่อยู่บ้าน หากพันเอกทะเลาะกับนาวาจริงไม่แคล้วเจ้านายของเธอคงลงมือทำร้ายให้นาวาได้เจ็บตัวอีก
“นี่เจ้ายุ คุณเขาทะเลาะอะไรกันอีกรึเปล่า” เอื้องคำเอ่ยถามขึ้นทันทีเมื่อเห็นร่างโปร่งของพายุถือถุงของสดเข้ามาภายในครัว คนถูกถามเลิกคิ้วทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะพยักหน้า
“ก็ทะเลาะแหละป้า เพิ่งจะตีกันไปบนรถหยกๆก่อนถึงบ้านนี่เอง” พายุตอบพร้อมกับช่วยเอื้องคำจัดของ
“มีอะไรให้ทะเลาะมากมายกัน ทำไมเราไม่ห้ามเจ้านายเขาบ้าง คุณวาช้ำหมดแล้ว บอกคุณเอกเพลาๆบ้างเถอะ ถือว่าป้าขอ”
“โหย นายเขาไม่ตบไม่ตีคุณวาหรอกป้าก็รู้ มากสุดแค่ผลักกับบีบๆจับๆนั่นแหละครับ”
“แต่ไอ้ผลักๆบีบๆของนายเราน่ะคนผอมๆแบบคุณวาเขาก็เจ็บนะตายุ คุณเขาตัวแค่นั้น ทำไมต้องลงไม้ลงมือกันได้ทุกวี่ทุกวัน ป้าละไม่เข้าใจ” เอื้องคำพูดเสียงอ่อน พายุยิ้มแหยๆกลับไปให้ก่อนจะยักไหล่
“ครั้งอื่นผมไม่รู้นะป้า แต่ที่ตีกันรอบนี้นี่เพราะนายเขาหึงแหละ”
“หึง? คุณเอกน่ะเหรอหึงคุณวา” หญิงสูงวัยเลิกคิ้วถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจ ตีกันทุกวันด่ากันทุกคืนแบบนั้นน่ะเหรอจะมาหึงหวงกันได้
“ช่ายยย ก็ตอนขากลับน่ะมีคนโทรเข้าเบอร์นายแล้วขอสายคุณวาน่ะป้า คุณวาแกก็คุยไปยิ้มไป ยิ้มหวานด้วยนะ เนี่ยผมแอบมองยังใจสั่นเลย แล้วพอวางสายปุ๊บนายก็เอาเลย ด่าๆแขวะๆแล้วก็จับจูบซะ โหย ผมกับไอ้พี่จักรงี้แทบขับรถเสยฟุตบาทข้างทางแน่ะป้า” พายุเล่าด้วยใบหน้าขึงขังก่อนจะยกมือขึ้นมากุมแก้มแสร้งเขิน เอื้องคำถึงกับอ้าปากค้างกับคำบอกเล่าที่ดูไม่น่าเชื่อของคนตรงหน้า
“ไม่ใช่หรอก คุณเอกเธอเกลียดคุณวาจะตายไม่ใช่หรือไง ก็ดูทำเขาซะขนาดนั้น” เธอพูด พายุยู่ปากอย่างขัดใจก่อนจะคลอนหัวไปมา
“นายน่ะเกลียดคุณรามครับป้า ไม่ได้เกลียดคุณวาหรอก ออกจะตรงข้ามด้วยซ้ำเหอะ ผมผู้ชายด้วยกัน ผมมองออก”
“ก็ถ้ารักแล้วจะทำร้ายคุณเขาทำไม” เอื้องคำสวนพร้อมกับส่งค้อนไปให้ชายหนุ่มร่างโปร่งที่แอบหยิบส้มในถุงมาแกะกินเล่นอย่างสบายอารมณ์ พายุชะงักกับคำถามของหญิงตรงหน้าก่อนจะยักไหล่
“เออ อันนี้ไม่รู้ว่ะป้า อาจจะรักแต่ยังไม่รู้ตัวมั้ง เนี่ยป้ารู้ไหม ตั้งแต่นายได้คุณวาเป็นเมียนะ ต่อหน้าพวกผมต่อหน้าคุณวานี่ด่าเขาไฟแล่บ คิดแผนการเสร็จสรรพอย่างกับสายลับ แต่พอลับหลังเหรอ โหย มองตามคุณวาตาเป็นประกายเลยป้า ไอ้ยุรู้ ไอ้ยุเห็น” พายุพูดพลางยืดอกยืนตัวตรงอย่างภูมิใจก่อนจะร้องโอ๊ยเบาๆเมื่อถูกเคาะหัวจากผู้มาใหม่ด้านหลัง
“เพราะไอ้ยุมันขี้เสือกน่ะสิ เดี๋ยวจะฟ้องนายว่ามึงนินทาท่าน อ่ะ...ป้าครับ ผ้าอนามัยครับ” เสียงของจักรดังขึ้นขัดจังหวะ เอื้องคำหันไปมองถุงของใช้สำหรับผู้หญิงในมือของบอดี้การ์ดตัวสูงก่อนจะยกยิ้ม
“ขอบใจจ้ะ จริงๆป้าก็ไม่ค่อยได้ใช้หรอกเพราะเริ่มเข้าวัยทองขึ้นไปทุกทีแล้ว ก็คงเป็นของพวกยัยมีนกับน้ำอุ่นนั่นแหละ”
“ของยัยถึกแหงๆ ไม่น่าใช่ของน้ำอุ่นหรอกครับ ก็รายนั้นเขาท้องอยู่”
“อะไร ใครท้อง!?!”
“อ้าว อุ่นยังไม่บอกป้าเหรอ ก็ไอ้สันต์มันมาบอกกับผมว่าหลาน...ป้า...ทะ...ท้อง...ชิบหายแล้วไอ้สันต์ กูขอโทษ” จักรยั้งปากแทบไม่ทันเมื่อเผลอหลุดพูดอะไรที่ไม่สมควรออกมา เอื้องคำมองหน้าซีดเผือดของคนพูดก่อนจะเดินเข้าไปหาร่างสูงใหญ่ของจักรด้วยใบหน้าเครียดๆ ส่วนพายุรายนั้นรีบปลีกตัวเดินหนีออกไปตั้งแต่จักรหลุดประโยคที่ไม่สมควรออกมาประโยคแรกแล้ว
“มันอะไรกันพ่อจักร ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมเกิดเรื่องอะไรแบบนี้ขึ้น ป้าจับต้นชนปลายไม่ถูกแล้วนะ” หญิงสูงวัยถามเสียงสั่น หัวใจเต้นรัวยิ่งกว่าตอนเห็นพันเอกข่มเหงนาวาข้างสระว่ายน้ำเมื่อเดือนก่อนๆเสียอีก อาจเพราะน้ำอุ่นเป็นหลานสาวของเธอ แม้จะเคยหวั่นอยู่บ้างเพราะตระกูลกฤตภาสมีบอดี้การ์ดเพศชายอยู่จำนวนไม่น้อย แต่พันเอกก็เคร่งครัดเรื่องชู้สาวมากและทุกคนก็อยู่กันอย่างสงบเรื่อยมา ไม่นึกว่าอยู่ๆจะมาได้ยินเรื่องที่ทำเอาสะเทือนใจคนหัวโบราณทั้งยังเกิดกับหลานของตัวเอง รู้สึกเหนื่อยล้าเหลือเกินกับเรื่องวุ่นวายที่มีเข้ามาไม่หยุดไม่หย่อนภายในบ้านหลังนี้ ฝ่ายเจ้านายก็หมกมุ่นอยู่กับการแก้แค้น ฝ่ายลูกน้องยังมาทำเรื่องให้หล่อนเจ็บช้ำน้ำใจอีก
“เอ่อ...”
“ไปตามตัวต้นเรื่องมาเดี๋ยวนี้” เอื้องคำพูด สองมือจับโต๊ะเอาไว้และพยายามจะประคองสติไม่ให้ตัวเองล้มลงกับพื้น จักรหน้าหมอง นึกขอโทษเพื่อนร่วมงานอยู่ในใจที่ทำให้เรื่องแดงขึ้นมา
“ครับ” ชายหนุ่มรับคำก่อนจะเลี่ยงเดินออกไป เมื่ออยู่ลำพังเอื้องคำก็ถึงกับต้องทรุดตัวลงกับพื้นพร้อมถอนหายใจก่อนจะสะดุ้งเบาๆเมื่อได้ยินเสียงตึงตังดังแว่วขึ้นมาจากชั้นสองของบ้าน หญิงสูงวัยมองขึ้นไปด้านบนอย่างเหม่อลอย ดวงตาอ่อนล้ามีน้ำใสรื้นขึ้น นึกขอโทษนาวาอยู่ในใจที่วันนี้เธอคงขึ้นไปช่วยหยุดพายุอารมณ์ของพันเอกไม่ได้เพราะมีอีกเรื่องที่สำคัญกว่าต้องจัดการ
ได้แต่หวังว่าคงไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นกับบุคคลสองคนที่อยู่บนห้องนอนแห่งนั้น
ปัง!
“ไอ้ก้องภพนั่นมันเป็นใคร” เสียงทุ้มถามขึ้นด้วยความหงุดหงิดทันทีที่พาตัวเองและนาวาเข้ามาในห้องนอนใหญ่ได้ ก่อนหน้านี้นาวาหนีเขาไปขลุกตัวอยู่ในห้องนอนของณะโมแต่มีหรือที่คนอย่างพันเอกจะหาทางเข้าไปลากตัวอีกคนมาเคลียร์สิ่งที่คั่งค้างอยู่ในใจไม่ได้ ชายหนุ่มจ้องใบหน้าขาวซีดบึ้งตึงที่นั่งนวดแขนตัวเองอยู่บนเตียงก่อนจะถามซ้ำ
“ฉันถามว่าไอ้ก้องภพอะไรนั่นเป็นใคร”
“เขาชื่อก้องภพ เกียรติกุลย์ เจ้าของโชว์รูมรถยี่ห้อดังที่บ้านคุณก็มีอยู่สองคัน...”
“ฉันไม่ได้อยากรู้ว่ามันชื่ออะไรหรือทำงานที่ไหน แต่ที่อยากรู้คือนายกับมันเป็นอะไรกัน” พันเอกสวนขึ้นเสียงดุดันเมื่อเจอประโยคยียวนของนาวาเข้าให้
“คุณคงไม่คิดว่าผมกับเขามีอะไรกันหรอกนะครับ” นาวาย้อนถาม จ้องหน้าของอีกคนไม่วางตาในขณะที่พันเอกยืนหายใจแรงด้วยความกรุ่นโกรธอยู่ในอก
“คุณเป็นคนฉลาด คงไม่พลาดท่าตกม้าตายด้วยการแสดงความโง่ในเรื่องแบบนี้หรอกนะ” นาวาพูดต่อก่อนจะลุกขึ้นยืนและกำลังจะเดินออกจากห้อง แต่ไม่ทันที่จะก้าวผ่านร่างสูงกำยำแขนขาวก็ถูกคว้าเอาไว้พร้อมกับแรงดึงจากอีกฝ่ายที่มากเสียจนร่างโปร่งลอยหวือกลับมาประจันหน้ากับพันเอกอีกครั้ง
“ฉันรู้ดีว่าว่าผัวคนแรกและคนปัจจุบันของนายคือฉัน แต่ที่ฉันอยากรู้คือนายกับมันเป็นคนรักกันใช่ไหม”
“...”
“ตอบ!”
“ไม่ครับ” นาวาตอบกลับ คิ้วสวยขมวดมุ่นด้วยความไม่พอใจก่อนจะเบือนหน้าหนี “ที่คุณปล้ำจูบผมในรถเพราะเรื่องแค่นี้งั้นใช่ไหม แค่เพราะผมคุยโทรศัพท์กับพี่ก้องเหรอครับ” ร่างโปร่งถามเสียงแผ่ว
“ไม่ใช่ก็ดี แล้วอย่าริอาจไปทำตัวเป็นโสเภณีใส่ผู้ชายคนอื่นเป็นอันขาด” พันเอกสั่งเสียงเฉียบ รู้สึกหัวเสียจนแทบจะคุมตัวเองไม่อยู่ในขณะที่นาวาหันหน้ากลับมามองใบหน้าได้รูปของร่างสูงตรงหน้าก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงกล้าๆกลัวๆ
“คุณ...หึงผมอยู่เหรอ”
!!!!!
“อาการเหมือนคนกำลังหึง” นาวาพูดขึ้น พันเอกอึกอักเม้มปากแน่นก่อนจะขมวดคิ้ว สองแขนออกแรงผลักร่างของนาวาให้ล้มลงไปนั่งแหมะบนเตียงก่อนจะปฏิเสธเสียงแข็งกร้าว
“เอาอะไรมาพูด ไร้สาระ!”
“...” นาวาก้มหน้างุด รู้สึกตื้อไปชั่วขณะก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงแผ่วเบาพร้อมกับลอบมองปฏิกิริยาอีกคนไปด้วย
“พี่ก้องเขา...ชอบผม”
“...”
“คุณรามเองก็รักผม เมื่อวันก่อนพายุเองก็บอกว่า...ชอบผม”
!!!!
“ไม่แน่เวลาคุณเผลอ ผมอาจจะลองลงไปลิ้มรสแรงรักของพายุกับพี่ก้องดูก็ได้ บางทีพวกเขาอาจจะขย่มเก่งกว่าคุณเป็นหนะ...อื้อ!” นาวาลองพูดยั่วด้วยน้ำเสียงไม่มั่นคงก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อพันเอกคว้าปลายคางของเขาให้เชิดขึ้นและกระแทกริมฝีปากลงมาเต็มแรง บดขยี้กลีบปากอิ่มของนาวาราวกับต้องการจะลงโทษที่เขากล้าพูดประโยคไม่เข้าหูนั่นออกมา
“อยากหัดแรดนักหรือไงนาวา” ร่างสูงถอนริมฝีปากออกก่อนจะพูดเสียงต่ำ นาวาเม้มปากแน่น อาการเหมือนคนกำลังหึงจนหน้ามืดนั่นทำเอาเขาสับสนไปหมด พันเอกทำเหมือนหึงเขาทำไมกัน นาวาไม่เข้าใจเลยสักนิด
“ผมแค่อยากลอง” คนตัวขาวเอ่ยขึ้น พันเอกกันฟันจนสันกรามขึ้นแล้วก็ผลักนาวาให้นอนราบลงไปกับเตียงอย่างรวดเร็วก่อนจะตามขึ้นไปทาบทับร่างโปร่งเอาไว้และปลดกางเกงของนาวาและอันเดอร์แวร์ออกอย่างรวดเร็วจนนาวาร้องเสียงหลง
“คุณทำบ้าอะไร!”
“เคยเตือนแล้วใช่ไหมว่าอย่ายั่วโมโหฉัน” พันเอกกระซิบเสียงลอดไรฟัน นาวาขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจก่อนจะเอ่ยถาม
“ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะคุณเอก! อยู่ๆคุณก็โมโหเอง กับผมน่ะคุณก็โมโหใส่ตลอดอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง!!!”
“แล้วไอ้ที่พูดปาวๆเมื่อกี้นี่มันอะไรล่ะ ปากกล้าขาแข็งนักหรือไงห๊ะ!” พันเอกตวาด นาวาได้ฟังก็ยิ่งขมวดคิ้วด้วยความงุนงงหนักเข้าไปอีก
“ก็ผมอยากลองจริงๆนี่”
“ไม่มีวัน! อย่าริทำตัวแรดใส่ผู้ชายคนอื่นอีกเป็นอันขาด! ถ้าอยากมาก็มาขอฉัน เดี๋ยวจะจับอ้าขาแล้วขย่มแรงๆให้ร้องไม่ออกเลยพ่อตัวดี!!!!”
“อื้อ!” นาวาร้องประท้วงเมื่อถูกปิดปากอีกรอบอย่างรุนแรง สองมือผลักไหล่แกร่งของพันเอกให้พ้นทางแต่แรงเขากลับสู้แรงของพันเอกแทบจะไม่ได้ เรียวขาขาวถูกแยกออกกว้างในขณะที่อีกคนเลื่อนมือไปปลดกางเกงของตัวเองและร่นลงเพียงเล็กน้อย นาวาเม้มปากแน่นก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นบีบไหล่แกร่งของพันเอกแรงๆจนอีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา
“ยะ...หยุดได้ไหม” ร่างโปร่งเอ่ยขอเสียงสั่นพร่า ดวงตากลมสั่นระริกหากแต่พันเอกกลับตอกกลับด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
“ทำไมฉันต้องเชื่อนาย”
“มันยังไม่ค่ำเลยคุณเอก ผมขอร้อง” นาวาเว้าวอน “ผมรู้ว่าผมห้ามอะไรคุณไม่ได้ แต่ผมขอนะ ไม่ใช่ตอนนี้”
“...”
“คะ...คืนนี้ผมจะยอมตามใจคุณทุกอย่าง ขอแค่คุณหยุด นะครับ” นาวาต่อรอง พันเอกชะงักมองใบหน้าซีดเผือดของนาวาก่อนจะนิ่งไป นาวาจ้องอีกคนอย่างใจจดใจจ่อ เตรียมใจรับสิ่งที่จะเกิดต่อจากนี้เพราะรู้ดีว่าพันเอกไม่มีทางฟังเขาแต่ก็อดที่จะพูดไม่ได้
“การถูกคุณฝืนใจบ่อยๆบางครั้งมันทำให้ผมกลัวการมีเซ็กซ์...กับคุณ”
“...”
“ผมรู้ว่าผมไม่ได้มีอำนาจหรือมีสิทธิ์ให้คุณทำตามคำขอ แต่อย่างน้อยผมก็อยากให้คุณฟังผมบ้าง ลึกๆแล้วคุณไม่ได้อยากทำแบบนี้หรอก...ใช่ไหมครับ” นาวาพูดเสียงแผ่วตัดสินใจลองใช้เหตุผลและคุยเปิดอกกับคนตรงหน้ามากกว่าการสาดวาจาร้ายๆใส่กันเหมือนเมื่อก่อน
“นะคุณเอก” นาวาใช้ไม้ตายสุดท้ายอ้อนเสียงแผ่วเบา สองมือบีบไหล่ของอีกคนพลางจ้องตากับคนที่นิ่งค้างไปนานตรงหน้า ได้ยินเสียงพันเอกถอนหายใจก่อนจะซบหน้าลงบนซอกคอของเขาแล้วสบถหยาบคายออกมายาวเหยียด
นาวานอนนิ่งอยู่ใต้ร่างของอีกคน สองมือวางไว้บนลาดไหล่ของร่างสูงในขณะที่หัวใจแกว่งไปมาเมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่รินรดอยู่บริเวณซอกคอ พันเอกคลอเคลียริมฝีปากกับลำคอระหงของคนใต้ร่างก่อนจะแลบลิ้นออกมาไล้เลียผิวเนื้อนวลเนียนเบาๆ เจ้าของร่างข้างใต้ขนลุกซู่ย่นคอหนี กลีบปากสีสดเม้มแน่น พันเอกดูดดึงผิวเนื้อของนาวาจนเกิดรอยอยู่สองสามรอยก่อนจะผละตัวออกไป
“แต่งตัวซะแล้วก็ลงไปช่วยป้าเอื้องทำกับข้าว เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จแล้วจะตามลงไป” ร่างสูงพูดเสียงเรียบ ไม่ยอมมองหน้าของนาวาเลยแม้แต่น้อย ฝ่ายนาวาเองพอได้ยินแบบนั้นก็รีบลุกขึ้นหยิบกางเกงที่ถูกถอดทิ้งเอาไว้ขึ้นมาใส่อย่างรวดเร็วก่อนจะวิ่งปุเลงๆไปที่ประตูห้องนอน ก่อนออกจากห้องร่างโปร่งก็หันมามองอีกคนที่เดินไปควานหาบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบก่อนจะเอ่ยเสียงนุ่ม
“ขอบคุณนะครับ” นาวาเอ่ยขึ้นจากใจจริงก่อนจะหุนหันออกจากห้องไป ทิ้งให้อีกคนยืนมองบานประตูที่ปิดสนิทนั้นด้วยความรู้สึกสับสน พันเอกยกมือขึ้นมาเสยผมอย่างหงุดหงิดก่อนจะอัดบุหรี่เข้าไปเต็มปอด เขาไม่ได้เครียดที่ไม่ได้มีอะไรกับนาวา แต่สิ่งที่พันเอกเครียดคือตะกอนความขุ่นมัวในหัวใจของเขาตอนนี้มากกว่า
ไม่ได้โง่ที่จะไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มันคืออะไร แต่เขาไม่รู้ว่าทำไมอยู่ๆถึงได้มีความรู้สึกต้องห้ามแบบนี้เกิดขึ้นมามากกว่า
เขาเป็นคนฉลาด ใช่ ข้อนี้เขารู้ตัวเองดี แต่บางครั้งความฉลาดก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีเสมอไป การรู้ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับตนเองบางทีมันก็เป็นดาบสองคม
ยามใดความรู้สึกที่ไม่ควรจะเกิดดันเกิดขึ้นมาโดยไม่จำเป็น
ยามนั้นกลับเป็นเวลาที่ความฉลาดไร้ประโยชน์มากที่สุด
โปรดติดตามตอนต่อไป
- นาวาเป็นคนเซื่องๆ อึนๆ ไม่ค่อยแข็งกร้าว...แต่เชือดนิ่มค่ะบอกเลย 55555555555555 ใครกลัวน้องวาใจอ่อนก่อนนี่ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ คนที่น่าห่วงคือพันเอกนั่นแล หลังจากนี้จะมาแบบซอฟต์ๆแล้วเดี๋ยวพระเอกเราจะโดนเล่นงานหนักๆ #ความโรคจิตจงสถิตอยู่กับท่าน ฮาาาาาาาาา