ตอนที่ ๔
ทุกอย่างจบลงในตอนที่นาวาหมดสติทรุดตัวลงกับพื้น รามแสดงอาการร้อนรนจนเห็นได้ชัด ในขณะที่พันเอกทำเพียงใช้สองมือกระชับสะโพกมนพลางหยัดกายเข้าออกอย่างรุนแรง ปลดปล่อยความใคร่เข้าสู่โพรงอุ่นร้อนพร้อมกับเชิดหน้าครางเสียงทุ้มต่ำอย่างพึงพอใจ
ประมุขของบ้านแสยะยิ้ม ก้มลงมองร่างโปร่งที่นอนนิ่งตรงหน้าก่อนจะสบตากับรามที่มองมาด้วยดวงตาวาวโรจน์
“อ่อนแอชะมัด” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นขณะพลิกกายขาวซีดของนาวาให้นอนหงาย มือแกร่งคว้าข้อเท้าเล็กเอาไว้มั่นพลางแยกออกกว้าง กระแทกร่างเข้าหาคนที่สลบไสลอีกครั้งอย่างรุนแรง ลงมือชำเราร่างตรงหน้าอีกครั้งท่ามกลางเสียงร้องในลำคอของรามที่พยายามจะพาตัวเองออกมาทำร้ายเขา พันเอกแสยะยิ้ม ส่งสายตาวาวโรจน์เจือแววเย้ยหยันไปให้นายหัวหนุ่มขณะระบายความต้องการลงบนร่างของนาวาอย่างเอาแต่ใจ
“มองเอาไว้ มองตัวขาวๆ ของเด็กนี่เอาไว้ให้ดี” พันเอกเอ่ยเสียงเย็นเยียบ สองมือจิกเนื้อนวลของนาวาเต็มแรงก่อนจะออกแรงกรีดบั้นท้ายขาวด้วยเล็บที่ยาวออกมาเพียงเล็กน้อย
“หลังจากวันนี้ กูจะยัดเยียดสิ่งที่มึงเคยทำกับพวกกูลงบนตัวมันจนกว่ามันจะตาย จำเอาไว้!”
!!!!
23 : 25 น.
“อ้าวคุณพาย มาทำอะไรในครัวดึกๆ ดื่นๆ ครับ” ร่างสูงของจักรเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจเมื่อเดินผ่านมาเห็นร่างเล็กของพระพายกำลังก้มๆ เงยๆ อยู่หน้าตู้เย็น มือขาวหยิบจับอะไรต่อมิอะไรออกมากองเอาไว้บนเคาน์เตอร์ ก่อนจะผงกหัวขึ้นมาส่งยิ้มแหยๆ ให้กับคนสนิทของพี่ชาย
“ผมเตรียมแผนการสอนอยู่แล้วรู้สึกหิว เลยกะว่าจะลงมาหาอะไรกินสักหน่อยน่ะ แต่ในตู้เย็นมีแต่ของสดทั้งนั้นเลย”
“บนชั้นด้านหลังมีมาม่าอยู่ เอาไหมครับเดี๋ยวผมทำให้” จักรอาสา พอเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าหงึกหงักก็เดินไปหยิบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปออกมาจากชั้นและเริ่มตั้งหม้ออย่างเงียบๆ
“พี่จักร ผมถามอะไรหน่อยได้ไหม” จู่ๆ คนตัวเล็กก็ทำลายความเงียบด้วยการตั้งคำถาม จักรพยักหน้าอย่างไม่คิดอะไรก่อนจะชะงักเมื่อคุณหนูคนเล็กของบ้านเอ่ยออกมา
“รถที่จอดอยู่หน้าบ้านเป็นรถของใครครับ”
“รถของเพื่อนคุณเอกน่ะครับ คุณพายอย่าใส่ใจเลย” ร่างสูงบอกปัด แต่คนตัวเล็กกว่ากลับยังไม่ยอมแพ้
“แต่ตอนที่ผมกลับมาผมผมไม่เห็นใครในบ้านนี้เลย พี่เอกกับคุณวาก็ไม่เห็น...”
“...”
“อีกอย่าง ผมว่าผมจำป้ายทะเบียนรถคันนั้นได้”
พระพายเสียงเข้มขึ้น ดวงตาคู่สวยจ้องมองคนสนิทของพี่ชายอย่างคาดคั้นจนคนถูกมองต้องรีบเบี่ยงเบนความสนใจ
“ผมว่าคุณพายขึ้นไปรอบนห้องก่อนดีกว่าครับ เดี๋ยวถ้ามาม่าสุกแล้วผมจะยกขึ้นไปใ-”
“รถคันนั้นเป็นรถของคุณรามใช่ไหมครับ” ร่างแน่งน้อยโพล่งขึ้นขัดประโยคของอีกคน จักรตีสีหน้าราบเรียบ ไม่ยอมตอบคำถามของคนข้างกายทำเอาคนถามอย่างพระพายเม้มปากแน่น ในอกสั่นไหวอย่างรุนแรง ยิ่งเห็นว่าร่างสูงตรงหน้าปิดปากเงียบก็ยิ่งทำให้มั่นใจ
วันนี้เขาออกไปสมัครงาน ทั้งยังพานะโมไปจัดการเรื่องเรียน กว่าจะกลับมาถึงก็ย่ำค่ำ คราแรกที่เห็นรถคันนั้นพระพายยังไม่แน่ใจนัก เขาเดินเข้าบ้านอาบน้ำกินข้าวตามปกติ แต่อะไรบางอย่างสั่งให้เดินลงมาดูอีกรอบ และทันทีที่เห็นป้ายทะเบียนเขาก็มั่นใจ
รถคันนั้นเป็นรถของราม รถของผู้ชายคนนั้น
เขาจำได้ รู้และจำข้อมูลต่างๆ ของผู้ชายคนนั้นได้ทั้งหมด แม้แต่ตอนที่ยังอาศัยอยู่ที่ต่างประเทศก็ยังแอบจ้างให้คนตามสืบความเป็นไปของรามอย่างลับๆ เขาเห็นรถคันนี้ผ่านทางรูปถ่ายบ่อยๆ จดจำทั้งลักษณะและป้ายทะเบียนได้ขึ้นใจ
แล้วถ้ารถอยู่ที่นี่ เจ้าของรถล่ะ...เจ้าของรถไปอยู่ที่ไหน?
ไวเท่าความคิด สองเท้าก็พาตัวเองออกจากห้องครัว ร่างแน่งน้อยวิ่งไปยังทิศทางของชั้นใต้ดิน ตรงดิ่งไปยังห้องที่มีพายุยืนสูบบุหรี่เฝ้าอยู่ด้านหน้าก่อนจะเอ่ยเสียงสั่นเครือ
“พี่ยุ เปิดประตู”
“คุณหนู!”
“เปิดประตูเดี๋ยวนี้!” ร่างเล็กตะคอก ดวงตาแดงก่ำแข็งกร้าว ทว่าพายุกลับส่ายหน้าไปมา
“ไม่ได้ครับ คุณเอกสั่งไว้ว่าห้ามเปิดประตูจนกว่าจะได้รับอนุญาต”
“เปิดประตู พี่ยุ...ผมขอร้อง เปิดประตูให้ผม”
“ไม่ครับ ผมเปิดไม่...”
“ขอร้อง พายขอร้อง” พระพายเอ่ยเสียงเบาหวิว ส่งสายตาเว้าวอนจนคนมองต้องเบือนหน้าหนี ร่างโปร่งตั้งท่าจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่าง แต่เสียงกุกกักหลังบานประตูก็ดังขัดขึ้น
พระพายชะงัก ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อได้ยินเสียงแหบแห้งของนาวาดังเล็ดรอดออกมาจากอีกฝั่ง
“นะ...โม...”
“คุณวา!” ร่างเล็กผวาเข้าไปเปิดประตูอย่างรวดเร็วจนพายุห้ามไม่ทัน และเมื่อบานประตูถูกกระชากออก พระพายก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นร่างเปลือยเปล่าของนาวาโถมตัวลงมาหาเขาอย่างอ่อนแรง
“คุณวา!! ทำใจดีๆ เอาไว้นะครับ...อ๊ะ ตัวร้อนจี๋เลย พี่ยุขอเสื้อมาคลุมตัวคุณวาหน่อย” คุณหนูคนเล็กหันไปบอกร่างโปร่งข้างกาย ก่อนจะยื่นมือไปรับเสื้อสูทที่พายุถอดส่งมาให้
“คุณ...พาย” นาวาเค้นเสียงก่อนจะนิ่วหน้าเมื่ออีกคนพยุงร่างของเขาขึ้นช้าๆ การขยับกายเพียงเล็กน้อยหลังจากถูกทำร้ายทำเอาความเจ็บแล่นปราดทั่วร่าง ขาเรียวสั่นระริกจนพระพายเองยังสังเกตได้ พอก้มลงมองก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นคราบคาวขาวขุ่นไหลย้อนลงมาตามแรงโน้มถ่วง ชายหนุ่มได้แต่สบถในลำคอ คิ้วเข้มขมวดเป็นปม
“คุณวายืนไหวไหม ค่อยๆ ลุกนะครับ” พระพายพูดกับคนที่สติเริ่มเลือนราง นาวายันตัวขึ้นด้วยแรงเสริมจากแขนขาวของคนตัวเล็กอีกคน แต่ความเจ็บแปลบที่ช่องทางด้านหลังทำเอาขาเพรียวสั่นระริก แทบจะทรุดกายลงไปอีกรอบ
“ฮึก...ค่อยๆ นะครับ” พระพายสะอื้นฮัก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านี่เป็นฝีมือของพี่ชายเขา
ทำไมพี่เอกถึงยังไม่จบ ทำไมถึงต้องดึงคนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาย่ำยีจนยับเยินเช่นนี้
ทำไม
...
“ปล่อยนาวาเดี๋ยวนี้!”
!!!!
เสียงตะโกนแข็งกร้าวดังขึ้นฝ่าความเงียบพาให้ร่างขาวสะดุ้งโหยง พระพายผินหน้ามองเข้าไปภายในห้อง ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นสภาพของคนด้านในเต็มตา
“คุณ...”
“อย่าเอามือสกปรกนั่นมาแตะคนของฉัน!” รามเอ่ยเสียงดุดัน ดวงตาคมดุเอาแต่จ้องมองทุกความเคลื่อนไหวไม่วางตา นับว่าเป็นโชคดีที่การขยับใบหน้าไปมาส่งผลให้ผ้าที่ใช้ปิดปากของชายหนุ่มค่อยๆ ร่นลงจนตกลงไปอยู่ที่ลำคอ นายหัวหนุ่มกัดฟันกรอด ส่งสายตาเคียดแค้นชิงชังไปให้ร่างแน่งน้อยที่ยืนตัวเกร็งหน้าประตู
“ปล่อยนาวาเดี๋ยวนี้!” นายหัวหนุ่มเอ่ยเสียงดุดันด้วยความโกรธ จ้องใบหน้าหวานของพระพายเขม็ง คนถูกมองเม้มปากแน่น ลมหายใจสะดุดไปชั่วครู่กับการประจันหน้าทั้งที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ร่างแน่งน้อยพยายามข่มความอัดอั้นและความหวาดหวั่นในใจ ก่อนจะตีสีหน้าราบเรียบไร้อารมณ์กลับไป
“ผมจะพาคุณวาไปพักผ่อน” พระพายพูดขึ้น พอได้เห็นสภาพของรามชัดเต็มตาน้ำตาที่เอ่อคลออยู่ที่ขอบตาก็ร่วงหล่น ร่างเล็กเบือนหน้าหนี แสร้งทำเป็นไม่สนใจอีกคนก่อนจะหันไปมองนาวาด้วยสายตาเป็นห่วงแทน
“ไม่ต้องมาเสแสร้งทำตัวเป็นคนดี นายมันก็เลวเหมือนไอ้พี่สารเลวนั่นไม่มีผิด ถ้าฉันหลุดไปได้เมื่อไหร่ฉันจะพังกฤตภาสให้ยับและพานาวากับนะโมออกไปจากที่นี่! บอกไอ้เวรนั่นให้เตรียมตัวตายได้เลยพระพาย ฉันไม่ปล่อยให้มันหน้าระรื่นได้นานนักหรอก!” รามเองถ่มน้ำลายใส่พื้นบริเวณที่พระพายยืนอยู่ก่อนจะเอ่ยเสียงดุดัน
“ไม่ว่าจะยังไงฉันก็จะพานาวาออกไปจากที่นี่ ต่อให้วาเขาเจออะไรมาฉันก็ยังรักเขา ถ้าคิดว่าเรื่องแค่นี้จะทำให้ฉันเจ็บจนล้มบอกเลยว่าพวกนายคิดผิด ไอ้พวกเดนตายไร้หัวใจอย่างพวกนายไม่มีวันเข้าใจหรอกว่าเรื่องแค่นี้มันทำอะไรฉันไม่ได้!”
พระพายไม่ตอบ ชายหนุ่มเมินคำพูดของรามพลางหันกลับมาพยุงร่างของนาวาที่อ่อนระโหยโรยแรงอยู่ภายในอ้อมแขน เขาพาคนตัวขาวออกมาจากห้องด้วยความทุลักทุเล ก่อนจะหยุดยืนอยู่กับที่เมื่อเจอพันเอกยืนนิ่งอยู่หน้าประตู
“ทำไมพี่ทำแบบนี้” คนเป็นน้องเอ่ยเสียงตัดพ้อ พันเอกไม่ตอบอะไร ร่างสูงเลื่อนสายตาไปมองนาวาที่ปรือตามองเขา ก่อนจะเดินเข้าไปรับร่างอ่อนเปลี้ยจากวงแขนเล็กของคนเป็นน้องแล้วช้อนตัวนาวาขึ้นมาอุ้มแนบอกจนอีกคนครางฮือด้วยความตกใจ
“อ๊ะ!”
“ไปนอนห้องฉันก่อนก็แล้วกัน” ร่างสูงพูดเสียงราบเรียบ แต่คนฟังถึงกับส่ายหน้าหวือ
“ไม่ ผมจะไปนอนกับน้อง” นาวาปฏิเสธเสียงแหบแห้ง พันเอกหัวเราะในลำคอพลางหันหลังเดินขึ้นห้องของตัวเองก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“อยากให้น้องรู้หรือไงว่าโดนทำอะไรมา”
“...”
“อยู่เงียบๆ อย่าขัดคำสั่งฉัน งานของนายยังไม่จบง่ายๆ หรอก” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับพาร่างของนาวาขึ้นห้อง เมื่อเข้ามาภายในห้องนอน ร่างสูงก็ตรงดิ่งเข้าห้องน้ำก่อนจะปล่อยนาวาให้ลงไปยืนกับพื้น
“ล้างหน้าแปรงฟันเอาเสนียดออกจากปากซะ” ประมุขของบ้านออกคำสั่ง ออกแรงจับร่างเล็กกว่าหมุนตัวไปยังอ่างล้างหน้าที่มีแปรงสีฟันอันใหม่แกะกล่องวางเอาไว้ นาวาเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมาและทำตามคำสั่งของอีกคนอย่างว่าง่าย ในขณะที่พันเอกใช้มือแกร่งดึงเสื้อที่ใช้คลุมร่างของอีกคนออกก่อนจะเหวี่ยงทิ้งไปที่มุมห้อง
พรึ่บ!
“ฮื่อ อุนอำอะไอ!” นาวาหันมาถามเสียงตื่นทั้งๆ ที่ยังแปรงฟันอยู่ ดวงตากลมเบิกกว้างพลางขืนตัวหนีแต่พันเอกกลับกระชับบั้นท้ายขาวเอาไว้และสั่งเสียงดุ
“อยู่นิ่งๆ จะเอาน้ำออกให้ แปรงฟันไป!”
“ฮื่อออ อ๋มอำเอง” คนตัวเล็กยังคงส่ายหน้าปฏิเสธ แก้มขาวแต้มสีแดงจางๆ ทั้งโกรธทั้งอายแต่มีหรือพันเอกจะสนใจฟัง ชายหนุ่มตะแคงร่างขาวพลางรั้งเรียวขาข้างหนึ่งของนาวาขึ้นพาดกับข้อพับแขน ส่วนมืออีกข้างก็สอดนิ้วเข้าไปในช่องทางอุ่นร้อนของอีกคนอย่างรวดเร็ว นาวาผวาเฮือก บีบรัดนิ้วแข็งที่สวนเข้ามาโดยอัตโนมัติ ชายหนุ่มรีบล้างปากออกก่อนจะทิ้งแปรงสีฟันเอาไว้ หันกลับไปหาพันเอกที่กำลังกวาดเอาน้ำรักออกจากช่องทางด้านหลังก่อนจะร้องเสียงหลง
“อ๊ะ! คุณเอก ผ...ผมทำเองได้ อื้ออ”
“อยู่นิ่งๆ อยากโดนมากกว่านี้หรือไง” ร่างสูงขู่เสียงเข้ม และมันก็ได้ผล ร่างเล็กกว่ายอมอยู่นิ่งให้พันเอกจัดการทำความสะอาดช่องทางด้านหลังให้ เสียงร้องผะแผ่วดังขึ้นเป็นระยะๆ เพราะความเจ็บและความไม่คุ้นชิน พันเอกมองใบหน้าขาวที่แดงซ่านด้วยสายตานิ่งๆ ก่อนจะก้มลงตั้งหน้าตั้งตาจัดการกับช่วงล่างของนาวาต่ออย่างเงียบๆ
“เสร็จแล้ว ทีนี้ก็อาบน้ำอาบท่าซะ เสื้อผ้าค้นหาเอาในตู้ก่อนแล้วก็ขึ้นเตียงนอน ถ้ายังดื้อด้านคิดจะไปนอนอีกห้องฉันจะตามไปขย่มให้เตียงหักเป็นสองท่อนเลยคอยดู”
ชายหนุ่มเอ่ยพลางปล่อยร่างขาวให้เป็นอิสระ ก่อนจะหันหลังเตรียมตัวเดินออกไปจากห้องน้ำ แต่ยังไม่ทันจะได้เดินจากไปไหนพันเอกก็ต้องหยุดชะงักเมื่อคนด้านหลังคว้าต้นแขนแกร่งเอาไว้พร้อมกับเอ่ยถามเสียงแผ่ว
“แล้วคุณรามล่ะ” นาวาเอ่ยขึ้น ดวงตากลมฉายแววเป็นห่วงรามอย่างปิดไม่มิด พันเอกตาลุกวาวขึ้นด้วยความหงุดหงิด ร่างสูงหมุนตัวกลับไปประจันหน้ากับนาวาพลางเอ่ยเสียงเย็นเยียบ
“ไอ้รามมันทำไม ห่วงมันหรือไง!”
“ใช่ ผมห่วงเขา” นาวาเอ่ยขึ้นอย่างไม่ปิดบัง
พันเอกกัดฟันกรอด นึกอยากจะกระชากคนตรงหน้ามาทำรักซ้ำๆ ให้ขาดใจตาย จะได้ไม่ต้องมาร่ำร้องถามถึงผู้ชายคนอื่นต่อหน้าต่อตาของเขา ทั้งๆ ที่คนที่เป็นเจ้าของร่างกายยืนอยู่ตรงหน้า นาวาก็ยังกล้าพูดถึงผู้ชายคนอื่น ทำเอาพันเอกถึงกับรู้สึกร้อนรุ่มด้วยความไม่พอใจอย่างที่หาสาเหตุไม่ได้ ยิ่งนาวายืนเงียบไม่ตอบก็ยิ่งทำให้ชายหนุ่มทวีความหงุดหงิด ร่างสูงเชยคางเล็กของอีกคนให้เชิดหน้าขึ้นมามองเขาพลางเอ่ยเสียงเย้ยหยัน
“แค่อมของมันไปครั้งเดียวก็ติดใจแล้วงั้นเหรอ ใจง่ายไปหน่อยไหม?”
“ก็แล้วมันจะเสียหายอะไร คุณรามเองก็รักผมไม่ใช่เหรอ” นาวาเอ่ยเสียงราบเรียบ หวังจะตอกกลับอีกคนให้รู้สึกอะไรบ้าง พันเอกตาลุกวาวกับคำพูดประชดประชันของอีกคน ร่างสูงกัดฟันกรอดพลางตอกกลับไปด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
“อยากจะรักมันก็รักไปนาวา แต่อย่าหวังว่านายจะได้เป็นอิสระออกไปจากที่นี่ ดีเหมือนกัน ยิ่งพวกนายรักกันมันก็ยิ่งทำให้ฉันทรมานไอ้เวรนั่นง่ายขึ้น!”
“คุณ...”
“หึ รักกันแต่อยู่ด้วยกันไม่ได้ รักมากแต่ต้องเห็นคนที่รักนอนอ้าขาให้คนที่เกลียดกอดเช้ากอดเย็น มันคงเป็นความทรมานที่แทบจะทำให้ขาดใจตายเลยใช่ไหม”
“!!!!!”
“อยากจะรักอยากจะอาลัยอาวรณ์มันก็ตามใจ เพราะไม่ว่าจะยังไงไอ้รามมันก็ทรมานอยู่ดี อ้อ...แล้วถ้าคิดจะหนีไปอยู่กับมันเพราะเห็นว่ามันอ่อนโยนกับนายมากกว่าก็เชิญ แต่อย่าหวังว่าเด็กนะโมนั่นจะได้มีชีวิตอยู่อย่างสงบสุขเลย” พันเอกเอ่ยขึ้นพลางเอียงใบหน้าลงไปดูดดึงลำคอขาวของนาวาจนเกิดเสียง นาวากัดฟันแน่นกับคำบอกของร่างสูงตรงหน้าก่อนจะเค้นเสียงลอดไรฟัน
“อย่ายุงกับน้องผม ไม่งั้นอย่าหาว่าผมไม่เตือน”
“คิดว่าฉันกลัวเหรอ? น้ำหน้าอย่างนายมีดีแค่ใช้ปากขู่กับครางแค่นั้นแหละ อีกอย่างนะนาวา...”
“...”
“ทีร่างกายของนายฉันยังได้มาง่ายๆ เลย แล้วนับประสาอะไรกับเด็กน้อยแสนซื่ออย่างนะโมนั่นล่ะ จริงไหม?”
“คุณมันเลว!”
“หึ อยากรู้ไหมฉันจะทำอะไรกับนะโมถ้านายตุกติก ฉันจะทำยิ่งกว่าที่ทำกับนายอีกนาวา นายอาจจะได้ฉันเป็นผัวแค่คนเดียว แต่เด็กนะโมนั่นจะได้ทั้งฉัน ทั้งพระพาย ไอ้ยุ ไอ้จักร แล้วก็ลูกน้องฉันอีกเป็นสิบๆ คนเวียนกันให้ครบทั้งบ้าน...”
พลั่ก!!
“ไปให้พ้นหน้าผม! ผมเกลียดคุณ!” คนตัวเล็กกว่าตวาดเสียงดังลั่นเมื่อผลักพันเอกออกไปให้พ้นกาย พันเอกยิ้มยียวนกลับมาให้ ก่อนจะดึงนาวาเข้ามาหาและดูดดึงรีมฝีปากสีสวยแรงๆ เมื่อปล้ำจูบร่างขาวจนพอใจชายหนุ่มก็หันหลังเดินจากไป นาวามองตามแผ่นหลังกว้างไปด้วยความเจ็บใจ มือขาวยกขึ้นมาขยี้ปากอย่างแรงจนรู้สึกเจ็บ ทัศนียภาพตรงหน้าเริ่มพร่ามัวเพราะม่านน้ำตาก่อตัวขึ้น ก่อนที่มันจะหยดเผาะลงมาตามสองข้างแก้ม
นาวากลั้นสะอื้นก่อนจะหันไปมองตัวเองที่กระจก ผู้ชายที่กำลังร้องไห้ตรงหน้านี้คือเขา สภาพผมเผ้ายุ่งเหยิง ดวงตาแดงก่ำ ริมฝีปากเจ่อเล็กน้อยในขณะที่ลำคอปรากฏรอยแดงจ้ำเป็นวง ร่างโปร่งมองภาพสะท้อนของตัวเองในกระจกแล้วก็ได้แต่เม้มปากแน่น ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างเงียบๆ ความเจ็บปวดที่ร่างกายมันไม่มากเท่ากับความเจ็บที่มาจากใจ เจ็บที่ตัวเองไม่มีทางรอดพ้นเงื้อมมือของพันเอกไปได้ เจ็บที่ต้องลดตัวต่ำทำเหมือนคนไร้ค่า เป็นแค่เครื่องมือให้อีกคนใช้แก้แค้นแลกกับของนอกกายอย่างเงินตราและความสุขสบาย
นาวาเกลียด เขาเกลียดพันเอก
แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือเขาเกลียดตัวเอง
เกลียดตัวเองมากที่สุด...
เพียะ!
เสียงฝ่ามือเล็กกระทบกับแก้มสากดังกึกก้องไปทั่วห้องใต้ดินของบ้าน พันเอกจ้องร่างแน่งน้อยของพระพายที่มองเขาด้วยแววตาผิดหวังแล้วก็ได้แต่แค่นยิ้มกับตัวเอง
“ผมไม่คิดเลยว่าพี่จะเป็นคนแบบนี้”
“...”
“เรากลับมาที่นี่เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่ทำไมพี่ถึงเอาอดีตพวกนั้นมาทำให้ปัจจุบันมันแย่ลง” พระพายคาดคั้น ดวงตาแดงก่ำเมื่อคิดถึงสภาพของนาวาและใครอีกคนที่ยังถูกล่ามโซ่เอาไว้ภายในห้อง
“มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่ยอมให้อภัยคนที่ทำลายชีวิตตัวเอง” พันเอกตอบน้องด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“ถ้าคิดจะขวางพี่เพียงเพราะหลงรักคนที่ฆ่าพ่อแม่ตัวเองก็เอาสิ แต่ก็เอาเถอะ จะให้เวลาอยู่กับมันก็แล้วกัน”
พระพายชะงัก เม้มปากแน่นขณะมองแผ่นหลังของพี่ชายที่ก้าวเดินออกจากห้องไปด้วยแววตาเจ็บช้ำ ก่อนจะหันกลับไปหารามที่นั่งนิ่ง ทิ้งตัวลงนั่งคุกเข่าตรงหน้าร่างสะบักสะบอมของนายหัวหนุ่มพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ผมจะทำแผลและปล่อยคุณออกไปจากที่นี่”
“ชิท! อย่ามาแตะ!”
รามตวาดกร้าว ใช้สายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความชิงชังจ้องร่างขาวตรงหน้าอย่างไม่ลดละ คนถูกมองใจกระตุกวูบ หลุบตาลงเพื่อหลบสายตาดุดันของอีกฝ่ายก่อนจะหยิบจับอุปกรณ์ทำแผลที่เตรียมมาด้วยท่าทีคล่องแคล่ว
“คุณต้องทำแผล และต้องออกไปจากที่นี่” คุณหนูคนเล็กย้ำชัด ทว่ารามกลับไม่คิดที่จะรับไมตรีจิตของอีกฝ่าย
“ไม่ต้องมาทำดีกับฉันหรอก เชื้อนายมันก็คงเลวหน้าตายเหมือนแม่ไม่มีผิด” รามหันหน้ามาเย้ยหยัน พระพายสบโอกาสที่อีกคนหันหน้ามาจับคางของร่างสูงเอาไว้และกดสำลีลงบนโหนกแก้มของอีกคนพร้อมกับเอ่ยเสียงเบา
“แม่เป็นยังไงผมไม่รู้หรอก ความทรงจำเกี่ยวกับแม่มันเลือนรางเต็มที เขาไม่ค่อยได้เลี้ยงผมเท่าไหร่คุณก็น่าจะรู้”
รามถึงกับเงียบเมื่อเจออีกคนตอบกลับมาอย่างไม่คาดคิด ร่างสูงมองใบหน้าหวานที่กำลังตั้งอกตั้งใจทำแผลบนใบหน้าให้เขาพลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้พร้อมกับบ่นพึมพำ
“เจ็บมากไหม...”
“พูดมาก รีบทำให้มันเสร็จๆ แล้วก็ไสหัวไปให้พ้นๆ ซะที” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงแข็ง หลีกเลี่ยงการมองอีกฝ่ายเกินความจำเป็น พระพายในตอนนี้ดูแปลกตา โตขึ้นมาก ความทรงจำของน้องชายพันเอกที่เขาจำได้คือเด็กน้อยที่แสนน่ารักในวัยเพียงสิบกว่าปี ผิวขาว หน้าหวาน กับร่างกายหอมหวานเย้ายวนยามที่บิดเร่าตอนที่ถูกเพื่อนพี่ชายวัยสิบแปดปีอย่างเขาครอบครอง
รามยังจดจำเหตุการณ์วันนั้นได้ดี วันที่เขาลงมือทำร้ายคนตรงหน้าอย่างเลือดเย็นด้วยเหตุผลบางอย่าง...
บางอย่างที่พี่น้องสองคนนี้ไม่เคยได้รับรู้
ไม่เคยได้รู้ถึงสิ่งที่เรียกว่า ‘ความจริง’
“พี่เอกบอกว่าคุณรักคุณวา” อยู่ๆ พระพายก็เอ่ยถามขึ้น ดวงตาคู่สวยเคลื่อนมาสบตากับตาคมดุของรามก่อนจะเอ่ยถามอีกครั้ง
“คุณรักเขาจริงๆ เหรอ”
รามเงียบ เบือนหน้าหนีแววตาวูบไหวที่สะท้อนอยู่ตรงหน้า ไม่อยากรับรู้ว่าพระพายรู้สึกยังไง ไม่คิดจะแคร์คนของกฤตภาส และไม่เคยยกให้คนพวกนี้มีความสำคัญ
“รู้ไหม ความรักของคุณทำให้คุณวาเดือดร้อน” พระพายเอ่ยขึ้นเมื่อทำแผลบนใบหน้าของรามเสร็จ
รามหันขวับไปมองอีกคนก่อนจะกัดฟันกรอดเมื่ออีกฝ่ายพูดจบ
“เพราะพี่ชายระยำๆ ของนายต่างหาก ไอ้พี่ชั่วของนายมันทำร้ายวา!!!” รามตะโกนกร้าว ก่อนจะพยายามขยับตัวหนีเมื่ออีกฝ่ายหยิบเอาผ้าชุบน้ำที่ถือติดมือมาขึ้นมาเช็ดตามลำคอและท่อนแขนแกร่ง
“นายมันน่าสมเพช เด็กโง่ๆ อย่างนายน่ะ...น่าสมเพช” รามแค่นหัวเราะ ส่งสายตาเย้ยหยันคนขี้ใจอ่อนก่อนจะเบือนหน้าหนี
“นายควรจะเกลียดฉัน เกลียดฉันให้มากๆ กับสิ่งที่ฉันเคยทำเอาไว้”
พระพายชะงักไปชั่วครู่ ร่างแน่งน้อยเม้มปากแน่นก่อนจะตอบเสียงเรียบ
“เกลียดสิ แต่ผมมันนิสัยเสียคุณก็รู้ เห็นใครเดือดร้อนเข้าหน่อยก็ขี้ใจอ่อนขี้สงสาร ที่พูดดีด้วยที่ทำแผลให้ใช่ว่าจะหายเกลียด ยังเกลียดอยู่เหมือนเดิมเลยแหละ”
ยังเกลียดอยู่เหมือนเดิม
และใช่...ยังคงรักอยู่เหมือนเดิม
“งั้นก็เลิกทำอะไรที่มันสวนทางกับความรู้สึกตัวเองซะ เกลียดก็ทำร้าย ไม่ใช่รักษา” รามพูดขึ้น พระพายไม่ตอบอะไรกลับไปแต่ก็ไม่ได้หยุดเช็ดแต่อย่างใด ฝ่ายรามเองเมื่อเห็นว่าอีกคนเงียบเขาก็ไม่ต่อความยาวสาวความยืด เพียงไม่นานร่างเล็กก็ผละกายออกห่างก่อนจะสบดวงตาสีเข้มของชายหนุ่มตรงหน้าพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงปกติ
“รอก่อน ผมจะไปเอากุญแจมาปลดโซ่ให้”
จบประโยค ร่างเล็กก็เดินออกจากห้องไปทันที รามมองตามแผ่นหลังเล็กไปจนลับสายตาก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิด เพียงไม่นานพระพายก็วิ่งกลับเข้ามาอีกครั้งก่อนจะทรุดตัวลงตรงหน้าเขาพลางหอบน้อยๆ
“คุณต้องรีบหนีก่อนที่พวกพี่เอกจะกลับลงมา”
“...”
“ขอให้กุญแจผีของไอ้ปามใช้ได้ทีเถอะ”
กริ๊ก!
ปึก!
“อ๊ะ!”
ทันทีที่พระพายปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นอิสระ ร่างแน่งน้อยก็ต้องหลุดร้องออกมาเสียงหลงเมื่อถูกร่างสูงใหญ่หนั่นแน่นออกแรงดันจนแผ่นหลังเล็กกระแทกเข้ากับผนังห้อง
“รู้ไหมพาย ความขี้ใจอ่อนของนายน่ะทำตัวเองเดือดร้อน” นายหัวหนุ่มกระซิบ ก่อนจะดึงทึ้งชุดนอนสีอ่อนของพระพายออกไปจากร่าง
“อ๊ะ คุณ! ยะ...อย่า คุณทำแบบนี้ไม่ได้นะคุณราม โอ๊ย!”
ร่างแน่งน้อยหวีดร้องเมื่อถูกรามใช้กำลังและร่างกายที่มีมากกว่าคุกคามข่มเหงอย่างไม่ปราณี พระพายน้ำตาตกตอนที่ถูกคนตัวโตทำร้ายอย่างเลือดเย็น ฟันขาวกัดริมฝีปากล่างจนแน่น ก่อนจะถูกรามรั้งใบหน้าขึ้นไปหาและบดขยี้ริมฝีปากอิ่มได้รูปของพระพายเต็มแรง
“คุณ...เจ็บ มันเจ็บ อื้อออ” ร่างสูงผละกายออกห่าง ก่อนจะก้มลงครอบปากกับลำคอขาว
พระพายครางฮือ หลุดก้อนสะอื้นออกมาเมื่ออีกฝ่ายก้มตัวลงรั้งเรียวขาทั้งสองข้างขึ้นจนร่างแน่งน้อยลอยหวือ
“หยุด คุณราม พอที! คุณต้องออกไปจากที่นี่ได้แล้ว ถ้าคุณไม่หนี ทุกอย่างมันจะแย่ลงนะ ฮึก อ๊ะ!”
“คนที่ทำให้มันแย่คือพวกนายเองพระพาย เมื่อก่อนชีวิตนาวาก็สงบดี แต่ก็เป็นพี่นายที่ดึงเขาลงมาเจอกับขุมนรก ภูมิใจมากไหมกับการทำร้ายคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรเลยน่ะ!!!”
พระพายเงียบ ช้อนดวงตากลมมองคนตรงหน้าอย่างตัดพ้อก่อนจะตอบรามเสียงสั่น
“ถามตัวเองสิคุณราม ภูมิใจมากไหมที่ฆ่าคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรเลยน่ะ พ่อแม่ผมไม่ได้ขายความลับของบริษัทให้ใคร แต่คุณก็พรากพวกท่านไปเพราะคำกล่าวหาลอยๆ ของปู่คุณ และคุณ...ก็ยังหลอกผมอย่างเลือดเย็นด้วย”
“ปู่ฉันไม่เคยกล่าวหาใครลอยๆ เรื่องนี้คนที่โง่ที่สุดคือนายสองคน นายกับพี่นายมันไม่เคยรู้อะไรเลยสักอย่าง ไม่รู้แม้กระทั่งความเลวของสองตัวผัวเมียที่รวมหัวกันทำลายชีวิตคนอื่นจนพังย่อยยับ” รามเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ดวงตากลมจ้องมองพระพายที่เริ่มมีปฏิกิริยากับคำพูดของเขาก่อนที่เจ้าตัวจะพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อระงับความรู้สึกต่างๆ ของตัวเอง
“พวกกฤตภาสมันก็ดีแต่สร้างความพินาศเหมือนๆ กันหมด สนุกมากสินะที่เห็นคนบริสุทธิ์ถูกทำร้ายอย่างเลือดเย็นจากความโง่ของพวกนายสองพี่น้อง ผยองเข้าไปเถอะพระพาย เมื่อไหร่ที่ความจริงเปิดเผยวันนั้นพวกนายทุกคนจะต้องเสียใจในสิ่งที่ตัวเองทำ”
ไม่มีใครพูดอะไรอีกหลังจากนั้น สองร่างจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใครจนกระทั่งประตูห้องถูกเปิดด้วยฝีมือของพันเอกที่ถือถาดข้าวต้มและอะไรบางอย่างเข้ามาด้วยหน้าตาเคร่งขรึม ทั้งรามและพระพายหันไปมองผู้มาใหม่ก่อนที่คนตัวขาวจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าพี่ชายถืออะไรอยู่ในมือ
“กำลังจะทำระยำอะไรกับน้องกู” พันเอกเอ่ยเสียงราบเรียบ
“พี่เอก อย่า...อย่าทำเขา ผมขอร้อง ฮึก”
“หึ มึงคงอยากตายมากเลยสินะ” พันเอกเอ่ยถาม สาวเท้าเข้ามาหาร่างสูงหนั่นแน่นของรามก่อนจะหยิบของบางอย่างที่วางอยู่ข้างถ้วยข้าวต้ม มุ่งตรงเข้ามาที่ศีรษะของคนที่เพิ่งจะปล่อยพระพายให้เป็นอิสระด้วยท่าทีใจเย็น
“อย่า...”
กริ้ก!
“นับถึงสาม เดินออกมาก่อนพี่จะลั่นไกใส่ไอ้เวรนี่” ประมุขของบ้านขู่จนคนเป็นน้องผวาเฮือก ลนลานใส่เสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยและผละออกจากร่างสูงใหญ่ของรามอย่างรวดเร็ว มือขาวคว้าแขนแกร่งที่ถือปืนเก็บเสียงของพันเอกไว้ ออกแรงยื้อให้ปลายกระบอกปืนเบนทิศทางออกจากรามด้วยความหวาดกลัว
“ห่วงมันมากก็ตายไปกับมันเลยดีไหม” พันเอกพูดขึ้นอย่างไม่ไว้หน้าก่อนจะโยนถาดอาการทิ้งจนจานแตกละเอียด เศษข้าวต้มหกกระจายไปทั่วพื้นในขณะที่เศษจานกระเบื้องบางส่วนกระเด็นไปฝังอยู่บนผิวของรามจนเลือดไหลเป็นทางยาว
“ฮึก” พระพายเบ้หน้า เริ่มสะอื้นหนักขึ้นด้วยความหวาดกลัว
“ห่วงมันมากนักใช่ไหม!!!!” ร่างสูงตะคอก มองน้องด้วยแววตาแดงก่ำวาวโรจน์ ในขณะที่ร่างเล็กผวาเข้ามากอดเขาเอาไว้แน่นและปล่อยโฮอยู่กับอก
“ไม่ ผมกลัวพี่ติดคุก ฮึก อย่าเลยนะพี่เอก ให้มันจบไปเถอะนะ เริ่มต้นกันใหม่ เริ่มใหม่กันสักที อย่าทรมานกันไปมากกว่านี้เลยนะพี่” พระพายสั่นไปทั้งร่าง หวาดกลัวจนต้องกอดพันเอกเอาไว้แน่น
“เราอยู่ของเราแบบนี้ก็ดีแล้ว นะพี่เอก ฮึก ปล่อยเขาไป ผมขอร้อง”
“กลับขึ้นห้องไป”
“ไม่ คืนนี้ผมนอนด้วยสิ นอนด้วยกัน ขึ้นห้องกับผม” ร่างเล็กส่ายหน้าหวือ “นอนกับผมนะ ฮึก นอนด้วยกัน”
“ยุ มาเอาพระพายออกไป”
“พี่เอก!! ฮือ ไม่! รามเขาก็คนนะ เขาเจ็บเป็น พอเถอะ พี่จะทำให้มันแย่ลง ทุกอย่างจะแย่ลง!!! พี่ยุปล่อยผม ปล่อย ฮืออออ”
“ถ้าเอาไม่อยู่ก็ทำให้หลับไปซะ” พันเอกสั่งลูกน้องคนสนิท พายุลังเลชั่วครู่ ก่อนจะจำใจรับคำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ครับ”
“อย่าทำเขาเลยนะพี่เอก อย่าเล่นกันถึงชีวิตเลย ถือซะว่าผมขอร้อง”
ปึก!
สันมือขาวของพายุฟาดลงบนหลังคอของพระพายทันทีที่ประโยคอ้อนวอนนั้นจบลง ร่างแน่งน้อยทรุดตัวลงในอ้อมแขนของบอดี้การ์ดหนุ่ม พายุช้อนร่างเล็กไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะพาพระพายออกจากบริเวณไปอย่างเงียบๆ
รามมองใบหน้าเปื้อนน้ำตาของอีกฝ่ายด้วยแววตาว่างเปล่า ก่อนจะหันกลับไปมองพันเอกที่ยังหันปลายกระบอกปืนใส่หน้าเขาพลางแค่นหัวเราะ
“ฝันไปเถอะถ้าคิดว่ากูจะยอมคุกเข่าให้คนอย่างมึง”
“หึ ถือว่ามึงเลือกได้ดี...”
พลั่ก!! ปึง!!