ร่างสูงโปร่งพลิกตัวหันหลังทันทีที่พันเอกถอนร่างออกไปจากกาย นาวาไม่พูดอะไรนอกเสียจากถอนหายใจก่อนจะนิ่วหน้า รู้สึกชาไปทั่วทั้งเชิงกรานและสะโพก พันเอกไม่ยั้งแรงกับร่างกายของเขาเลยแม้แต่น้อย กลับกันผู้ชายคนนี้กลับทำเหมือนนาวาเป็นตุ๊กตาไร้ชีวิตที่เจ็บปวดไม่เป็นเสียอย่างนั้น
“นายนี่มันโง่กว่าที่ฉันคิดเอาไว้เยอะเลยนาวา มีโอกาสหนีแท้ๆแต่ก็ยังกลับมา” พันเอกเอ่ยขึ้นหลังจากระบายความกรุ่นโกรธจนพอใจแล้ว นาวาถูกมือของอีกคนพลิกให้กลับไปสบตาด้วย ร่างโปร่งหลบสายตาของอีกคนก่อนจะตอบเสียงแหบแห้ง
“ผม...ทิ้งณะโมไปไหนไม่ได้ คุณก็รู้”
“หึ โง่เอ๊ย” ร่างสูงแค่นหัวเราะก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำไป นาวามองตามแผ่นหลังเปลือยเปล่าแกร่งกำยำของอีกคนพลางเม้มปากแน่น จะให้เขาบอกยังไงว่านอกจากจะทิ้งน้องไม่ลงแล้ว นาวากลับรู้สึกว่าเขาปล่อยให้พันเอกเจ็บปวดกับความแค้นครั้งนี้เพียงลำพังไม่ได้ พันเอกเลวร้าย ข้อนี้นาวารับรู้ดี พันเอกเลือดเย็นและไร้ความปราณี ข้อนี้นาวาเองก็พบเจอมากับตัวแล้ว ถูกอีกฝ่ายทำร้ายจิตใจและร่างกายสารพัดจนแทบจะทนไม่ไหวในบางครั้ง สิ่งเหล่านี้ที่นาวาเจอควรทำให้เขาเกลียดพันเอกสิ เขาควรจะเกลียดชังคนที่เห็นเขาเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งในการแก้แค้น แต่ทว่านาวากลับรู้สึกต่อพันเอกมากกว่านั้น มันเป็นความรู้สึกที่ถูกจุดขึ้นมาควบคู่กับความหวาดกลัวและเกลียดชัง
ความสงสารเห็นใจ
พันเอกเองใช่ว่าจะไม่เคยมีอดีตที่แสนเจ็บปวด ชายคนนั้นเจอความเลวร้ายมากกว่าที่นาวาเจอมาหลายเท่าตัวนัก แต่เพราะเจ้าตัวเลือกที่จะแสดงออกแบบผิดๆโดยใช้การแก้แค้นแทนการปล่อยวางและใช้เหตุผลจึงทำให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้
หากถามว่านาวาเกลียดพันเอกมากไหม เขาตอบได้เลยว่าเกลียด แต่หากถามว่าเกลียดมากแค่ไหน มากพอที่จะแช่งชักหักกระดูกหรือไม่ใยดีเลยรึเปล่า ข้อนี้เขาตอบไม่ได้
ทางด้านพันเอกเองหลังจากที่พ่นวาจาหยาบคายว่าร้ายใส่ร่างที่นอนอยู่บนเตียงเขาก็เดินหลบเข้ามาในห้องน้ำ ไม่อยากจะอยู่มองหน้านาวาให้หงุดหงิดมากกว่าเดิมสักเท่าใดนัก เขาไม่เข้าใจนาวาเลยสิน่า ทำไม...ทั้งๆที่แน่ใจว่าสิบตรีต้องยื่นข้อเสนอพานาวาหนีแต่ทำไมเจ้าตัวถึงยังอยู่ ทำไมถึงยังกลับมาแถมยังมาอยู่ในห้องนอนของเขา เกลียดเขามากไม่ใช่หรอกหรือ ขยะแขยงและอยากจะอยู่ห่างๆเขามากแล้วทำไมถึงยังมาดูแลกันแบบนี้ บอกตามตรงว่าพันเอกสับสน ยังมีคนแบบนาวาอยู่อีกงั้นหรือ
“เหี้ยเอ๊ย...” ชายหนุ่มสบถเสียงเบากับตัวเอง มือข้างหนึ่งยกขึ้นเสยผมอย่างหงุดหงิดและสับสน นึกไม่ถึงจริงๆว่านาวาจะทนไม้ทนมือเขาขนาดนี้ แน่ล่ะพอมาคิดดูดีๆแล้วเขาก็พอจะเข้าใจ เหตุผลหลักๆที่เจ้าตัวยังไม่ไปไหนก็เพราะณะโมยังอยู่บ้านเขา นาวารักน้องชายมากเสียจนทิ้งไปไหนไม่ได้ หวงแหนน้องจนยอมสละความสุขของตัวเอง ข้อนี้พันเอกพอเข้าใจ แต่การตามมาดูแลเขาแบบนี้ทำไมต้องทำ นั่นละที่เขาไม่เข้าใจ หากเป็นเขาถ้าโดนทำร้ายสารพัดแน่นอนว่าพันเอกไม่มีวันเข้าใกล้คนที่ทำให้ตนเจ็บปวดเจียนตายหรอก
ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว สุดท้ายจึงเลือกที่จะอาบน้ำชำระร่างกายให้สร่างเมาและไล่ความหงุดหงิดงุ่นง่านออกจากหัวใจ ปล่อยให้สายน้ำเย็นๆไหลชโลมไปทั่วร่าง ขับไล่ความร้อนรุ่มออกไปก่อนจะคว้าผ้าเช็ดตัวมาพันเอวและก้าวออกจากห้องน้ำ เมื่ออกมาก็พบว่านาวากำลังค่อยๆตวัดกายลงนั่งข้างเตียง แผ่นหลังขาวผ่องสะท้อนแสงไฟพาให้คนมองรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ยามเมามายพันเอกเซ็กซ์จัดมากกว่าปกติเป็นเท่าตัวอยู่แล้ว ยิ่งมีอารมณ์กรุ่นโกรธผสมปนเปอยู่ในนั้นการร่วมรักเพียงรอบเดียวมันจึงไม่เพียงพอ แต่กระนั้นเขาก็ไม่คิดจะทารุณร่างโปร่งตรงหน้าไปมากกว่านี้
“จะไปไหน” พันเอกเอ่ยถาม เดินตรงเข้าไปหาร่างเปล่าเปลือยที่กำลังยืนขึ้นอย่างช้าๆก่อนจะรีบคว้าเอวของอีกคนเอาไว้เมื่อนาวาผวาจะล้มลงไปนั่งจุ้มปุ๊กกับเตียงอีกรอบ
“ฉันถามว่าจะไปไหน หูหนวกหรือไง” ร่างสูงถามย้ำเสียงดุ นาวาเบนหน้าหนีก่อนจะตอบเสียงเบา
“อาบน้ำครับ”
“งั้นกอดคอ”
“เอ๋?”
“กอดคอฉันเอาไว้” พันเอกสั่งเสียงเข้มหากแต่อีกคนยังทำหน้างุนงงจนร่างสูงขัดใจ ชายหนุ่มชักสีหน้าใส่นาวาก่อนจะย่อตัวลงเล็กน้อยและช้อนร่างโปร่งขึ้นอุ้มและเดินตรงไปยังห้องน้ำในขณะที่นาวาผวากอดคออีกคนเอาไว้แทบไม่ทัน
“ค...คุณเอก! ผมเดินเองได้”
“ปากดี” ร่างสูงพูดเพียงเท่านั้นนาวาก็หุบปากฉับ พันเอกพาร่างโปร่งเข้ามาภายในห้องน้ำก่อนจะปล่อยนาวาลงช้าๆพร้อมกับคอยพยุงร่างโปร่งตลอดเวลาที่นาวาล้างตัว นาวาทำหน้าไม่ถูกเมื่อเจอสายตาคมคอยจ้องมองทุกการกระทำ ในใจบอกตัวเองว่าไม่ต้องอายอะไรอีกแล้วเพราะพันเอกทำมากกว่าเห็นเสียด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็อดจะหน้าร้อนผ่าวไม่ได้ ยิ่งเมื่อร่างกำยำของอีกคนขยับเข้ามาประชิดพร้อมกับกระชับเอวของเขาเอาไว้แน่นพลางสอดนิ้วเข้ามาในช่องทางด้านหลังเพื่อทำความสะอาดร่างโปร่งก็ยิ่งอายหนัก
“อ่ะ...คุณเอก...เบาหน่อยครับผมเจ็บ” นาวาประท้วงเสียงเบาเมื่อถูกอีกฝ่ายกระแทกนิ้วเข้าหาอย่างแรง พันเอกก้มมองคนที่กำลังหน้าแดงก่ำพลางจุดยิ้มเล็กน้อยก่อนจะควานนิ้วไปทั่วโพรงอ่อนนุ่มของอีกคนและกวาดเอาน้ำรักของเขาออกมา นาวาร้องฮือในลำคอเมื่อถูกแกล้ง ขาขาวชาไปทั้งแถบในขณะที่ร่างกายสั่นระริก ได้ยินเสียงหัวเราะชอบใจข้างใบหูก่อนพันเอกจะหยุดแกล้งเขาและปล่อยให้นาวาล้างตัวอีกรอบอย่างสงบก่อนจะออกจากห้องไป ไม่นานนาวาก็ตามออกมาพบว่าพันเอกนอนคว่ำหน้าผล็อยหลับไปแล้ว ร่างโปร่งเดินไปแต่งตัวอย่างเงียบๆก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ข้างเตียงและปีนขึ้นไปล้มตัวลงนอน หันหลังและขยับให้ห่างจากเจ้าของเตียงมากที่สุดก่อนจะหลับตาลง
แต่เพียงไม่นานนาวาก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเขาถูกวงแขนแกร่งของพันเอกคว้าเอวเอาไว้และดึงเข้าไปใกล้ แผ่นหลังของนาวาแนบติดอยู่กับแผ่นอกของอีกคน ร่างสูงกอดนาวาแน่นก่อนจะขยับใบหน้าเข้าคลอเคลียอยู่บริเวณหลังคอพลางกระซิบเสียงเบาหวิว
“หลับซะ”
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงทำให้พันเอกเลือกที่จะพูดกับเขาแบบนี้ เพียงสองคำกับน้ำเสียงราบเรียบก็ทำเอานาวาสั่นสะท้านในอก อ้อมกอดของพันเอกไม่อบอุ่น นาวาปฏิเสธมันมาตลอดแต่ในวันนี้กลับยอมให้อีกคนดึงไปกอดง่ายๆ เพียงแค่ได้รู้อดีตบางส่วนของคนคนนี้กลับทำเอานาวาใจอ่อนยวบ
ไม่ดี...แบบนี้มันไม่ดีเลย
ดูท่าว่าตอนนี้หัวใจของเขา...เริ่มจะทรยศเจ้าของมันเสียแล้ว
แสงแดดอ่อนๆลอดผ่านรอยแยกของผ้าม่านส่องเข้ามากระทบลงบนใบหน้าขาวของคนที่กำลังหลับใหล ท่าทางราวกับเด็กน้อยดูน่าเอ็นดูยิ่งนักในความคิดของคนที่ลืมตาตื่นขึ้นมาก่อน พันเอกนอนมองคนในอ้อมกอดเงียบๆ ไล่สายตาไปตามโครงหน้ากึ่งหล่อเหลาและกึ่งหวานสวยที่ผสมเข้ากันอย่างลงตัวของอีกคน แพขนตาเรียงตัวสวยกับเปลือกตาปิดสนิทพาให้ชายหนุ่มก้มตัวลงแตะริมฝีปากลงบนเปลือกตาข้างหนึ่งของนาวาอย่างลืมตัว คลอเคลียกลีบปากสีชาดกับผิวเนื้อบนเปลือกตาของอีกคนด้วยความเผลอไผลก่อนจะชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงครางอืออาดังลอดออกมาจากร่างของคนที่นอนหลับอยู่
“อื้อ...”
พันเอกละใบหน้าออกห่างทันทีเมื่อตั้งสติได้ก่อนจะขมวดคิ้วพลางถอนหายใจอย่างหนักหน่วง ชายหนุ่มมองใบหน้าของคนข้างกายด้วยแววตาอ่านไม่ออกอยู่ชั่วครู่ก่อนจะถอนหายใจ ขยับตัวก้าวขาลงจากเตียงแล้วเดินหายลับเข้าไปในห้องน้ำในที่สุด
คล้อยหลังร่างสูงของพันเอกไปได้ไม่นานนาวาก็ลืมตาตื่น ร่างโปร่งบิดขี้เกียจเล็กน้อยพลางมองที่ว่างข้างเตียงก่อนจะโล่งอกที่เห็นว่าอีกคนลุกออกไปแล้ว นาวาก้าวลงจากเตียงพลางนิ่วใบหน้าด้วยความเจ็บเสียดไปทั่วร่างเป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูห้องน้ำถูกเปิดออก สองร่างสบตากันนิ่งๆก่อนที่พันเอกจะเป็นฝ่ายเบือนหน้าหนีและเดินเลี่ยงไปยังห้องแต่งตัว นาวามองตามแผ่นหลังเปลือยเปล่าด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นความเงียบงันที่อีกฝ่ายส่งมาให้ก่อนจะเม้มปากอย่างครุ่นคิด นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้วก็หน้าร้อนวูบ พันเอกยังคงรุนแรงกับร่างของเขาไม่เปลี่ยนหากแต่กลับมีบางสิ่งบางอย่างแปลกไป
แปลกทั้งตัวเขาและตัวพันเอกเองด้วย
“นาวา...”
“...”
“นาวา”
“...”
“นาวา”
“...”
“วา!!!”
“ค...ครับ!” ร่างโปร่งสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงตะโกนดังออกมาจากห้องแต่งตัว
“มานี่หน่อย” เสียงของพันเอกดังขึ้นราบเรียบ นาวาจึงลุกขึ้นเดินไปคว้าเสื้อคลุมอาบน้ำขึ้นมาสวมก่อนจะเดินไปหาอีกคนที่ห้องแต่งตัว พันเอกปรายตามองร่างโปร่งเพียงชั่วครู่ก่อนจะยื่นเน็คไทด์ไปตรงหน้า
“แต่งตัวให้ฉันหน่อย” ร่างสูงพูดเสียงราบเรียบ นาวาอึกอักทันที ดวงตากลมล่อกแล่กเสียจนพันเอกเริ่มจะหงุดหงิด
“เอ่อ”
“ได้ไหม?” ชายหนุ่มถามย้ำก่อนจะสบตากับร่างโปร่งนิ่ง นาวาพยักหน้าแผ่วเบาก่อนจะรับเน็คไทด์มาพาดเอาไว้ที่แขนขาว ขาเรียวก้าวเข้าไปประจันหน้ากับร่างสูงแกร่งกำยำก่อนที่มือทั้งสองข้างจะยกขึ้นมาแตะลงที่รังดุมของเสื้อเชิ้ตที่ยังไม่ทันได้ติด พันเอกก้มลงมองคนตัวเล็กกว่าที่กำลังค่อยๆติดกระดุมให้เขาด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก ใบหน้าของนาวาจดจ่ออยู่กับเสื้อเชิ้ตบนตัวของเขา จนเมื่อกระดุมเม็ดบนสุดถูกติดเรียบร้อยร่างโปร่งจึงถอยหลังเล็กน้อยและคว้าเน็คไทด์ขึ้นมาคล้องคอของอีกฝ่ายเอาไว้และเริ่มต้นผูกด้วยใบหน้าราบเรียบ ไม่นานกลีบปากสีเนื้อก็ขยับเอ่ยออกมาเป็นคำพูดเรียกสติของพันเอกให้หวนคืน
“เสร็จแล้วครับ”
“อะ...อืม”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว งั้นผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับ” นาวาพูดขึ้นเร็วๆพร้อมกับหมุนตัวเดินหนี ใบหน้าสีซีดขาวร้อนผ่าว ยังรับรู้ได้ถึงลมหายใจของพันเอกที่เป่ารดใบหน้า ชายหนุ่มคว้าผ้าเช็ดตัวแล้วรีบตรงดิ่งเข้าห้องน้ำก่อนจะทรุดตัวลงนั่งกับพื้นทันทีที่ประตูปิดลงพร้อมกับถอนหายใจ
ให้ตายเถอะนาวา เขาแค่ทำดีด้วยนิดๆหน่อยๆก็อ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟแบบนี้อีกไม่นานต้องแย่แน่ๆ สิ่งที่พันเอกพูดเอาไว้นั้นไม่ผิดเลย เขาโง่มาก ทั้งๆที่มีโอกาสหนีแล้วแต่ก็ยังอยู่ แบบนี้มีแต่คนโง่เท่านั้นที่ทำกัน
โง่...นาวาโง่มากจริงๆ
โปรดติดตามตอนต่อไป