{ :: พยศรัก :: } + END | *เปลี่ยนชื่อเรื่อง (เดิม : เล่ห์รัก)*
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: { :: พยศรัก :: } + END | *เปลี่ยนชื่อเรื่อง (เดิม : เล่ห์รัก)*  (อ่าน 198718 ครั้ง)

ออฟไลน์ Chocolate1134

  • "Late_Cappuccino"
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • Late_Cappuccino
เพิ่งได้เข้ามาอ่านค่ะ อ่านรวดเดียว 17 ตอนเลย
แล้วก็ได้ค้นพบความจริงบางอย่างที่ว่า คุณเอกมันเลวมากก อ๊ากกก  :katai4:

แต่พออ่านมาถึงตอนนี้แล้ว...อืมม รามคงจะแก้แค้นสินะคะ
พันเอกจะโดนย้อนบ้างแล้ว สะใจจังเลยค่ะ 555

ส่วนณะโม ...นี่หนูยอมทำขนาดนี้เพื่อปืนเลยเหรอ พี่วารู้เสียใจน่าดู
มีดทำครัวแถวๆนั้นก็แก้ขัดไปก่อนได้นะจ๊ะ (ไม่ใช่แล้วมั้ง)

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
เคยคิดว่าณะโมน่ารักจนตอนนี้อยากจะด่าประสาทหรือเปล่า ก็รู้ๆอยู่ว่าพี่ทรมารเพราะอะไร แต่ตัวเองดันใช้เรื่องนั้นต่อรอง เหอะ บ้าไปแล้ว

ออฟไลน์ March. Marcia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +166/-5
:: CHAPTER 18 ::
จุดเปลี่ยน


ณะโมมองกระบอกปืนในมือพลางครุ่นคิดถึงเรื่องเมื่อตอนกลางวัน เจมส์ไม่ได้เอาเงินหรือแม้แต่ตัวของเขาไป อีกฝ่ายถามเพียงแค่ว่าเขาจะเอาปืนไปใช้ทำอะไร พอณะโมบอกว่าเอาไว้ปกป้องพี่ชายฝ่ายนั้นก็ให้เขามาฟรีๆพลางบอกวิธียิงอีกต่างหาก นับว่าอีกฝ่ายเป็นคนดีกว่าที่เด็กหนุ่มคิดเอาไว้ และเพราะเหตุนี้เองจึงทำให้เจมส์กับเขาสนิทกันขึ้นมาในระดับหนึ่ง และจากการพูดคุยกันในวันนี้ทำให้ณะโมฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ เจมส์บอกว่าเขาไม่มีอะไรมั่นคงที่จะเป็นรากฐานไปสู่อนาคต ทั้งเงินและที่พักก็เป็นของพันเอกแทบทั้งสิ้น ถ้าจะให้ดีณะโมควรมีเงินเก็บต่างหากเอาไว้เผื่อสักวันหนึ่งพันเอกเกิดคิดเฉดหัวเขากับนาวาทิ้งจะได้ไม่ลำบาก

และเพราะเหตุนี้เองณะโมจึงตัดสินใจถอนเงินออกมาจำนวนหนึ่งซึ่งไม่มากเกินไปก่อนจะนำมาเก็บใส่กระเป๋าของตัวเองพร้อมๆกับปืนที่เพิ่งจะได้มา ณะโมตั้งใจเอาไว้ว่าเขาจะถอนเงินออกมาทุกวัน อาจจะวันละร้อยสองร้อยไปจนถึงห้าร้อยและนำมาเก็บเอาไว้ที่ห้องของตัวเอง เพราะการที่เงินยังอยู่ในบัญชีนั่นก็เท่ากับว่าพันเอกสามารถทำอะไรก็ได้กับเงินเหล่านั้น มันอาจจะดูแย่ที่ทำแบบนี้กับคนที่ให้ทั้งที่พักและการศึกษา แต่เพราะพันเอกเองก็ทำลายศักดิ์ศรีของพี่ชายเขาไปมาก เท่านี้ก็ถือว่าเสมอกัน

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“ณะ นี่พี่เองนะ” เสียงเคาะประตูห้องที่ดังขึ้นตามมาด้วยเสียงของนาวาทำเอาเด็กหนุ่มรีบเก็บปืนและเงินลงกระเป๋าและซ่อนเอาไว้ใต้เตียงอย่างรวดเร็วก่อนจะวิ่งไปเปิดประตูห้องให้พี่ชายเข้ามา

“พี่วาจะนอนแล้วเหรอครับ” เอ่ยถามอย่างแปลกใจ ปกติเวลานี้นาวาจะต้องอยู่ช่วยป้าเอื้องตรวจสอบความเรียบร้อยภายในครัวและรอบๆบ้าน แต่ไหงนาวาถึงขึ้นมาหาเขาทั้งที่ยังไม่ถึงสี่ทุ่มครึ่งกัน

“เอ่อ...คุณเอกบอกให้พี่ไปนอนด้วยน่ะ” นาวาอ้อมแอ้มตอบพลางคิดไปถึงคำสั่งของประมุขของบ้านที่เดินมาบอกให้เขาไปนอนที่ห้องนอนใหญ่ในวันนี้ ณะโมขมวดคิ้วด้วยความไม่ชอบใจก่อนจะเอ่ยรับอย่างจำใจ

“ก็ไปสิครับ พี่ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธเขาอยู่แล้วนี่”

“ณะ...” นาวาเรียกน้องชายเสียงอ่อย คิดผิดเหลือเกินที่บอกความจริงกับอีกฝ่ายไป ณะโมเป็นพวกรักแรงเกลียดแรง ทุกวันนี้เด็กหนุ่มไม่สุงสิงกับใครในบ้านและกลายเป็นเด็กไม่น่ารักไปโดยปริยาย

“พี่วาไปเถอะครับ เดี๋ยวเขาจะรอ”

“...”

“ถ้าโดนผู้ชายคนนั้นรังแกอีก ร้องตะโกนให้ดังๆเลยนะครับ” ณะโมอดกำชับพี่ชายไม่ได้ นาวากลั้นหัวเราะกับใบหน้าขึงขังของน้องก่อนจะพยักหน้ารับและบอกฝันดีกับอีกฝ่ายเบาๆ ณะโมยกยิ้มจางๆก่อนจะโผตัวเข้าไปกอดพี่ชายครั้งหนึ่งและผละออกมา ดวงตากลมมองตามแผ่นหลังของนาวาที่หายลับเข้าไปในห้องนอนของพันเอกแล้วก็ถอนหายใจ

“พี่กำลังใจอ่อนรู้ตัวรึเปล่า” ณะโมพึมพำเสียงแผ่วเบาพลางมองบานประตูที่ปิดสนิทด้วยความหนักใจ

นาวากำลังใจอ่อน ณะโมรู้จักพี่ชายของตัวเองดีกว่าใคร

ยิ่งใจอ่อนมากเท่าไหร่ ก็หมายความว่านาวากำลังหวั่นไหวมากเท่านั้น

 

………………..………………..………………..

 

“พรุ่งนี้จะพาไปซื้อสูทนะ” เสียงทุ้มของพันเอกดังขึ้นเมื่อนาวาเปิดประตูห้องนอนเข้ามาอย่างเงียบๆ ร่างสูงนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียง ท่อนบนเปลือยเปล่าอวดแผงอกกำยำในขณะที่ท่อนล่างมีกางเกงขายาวเนื้อผ้าบางเบาสวมติดอยู่

“ซื้อทำไมครับ” นาวาเอ่ยถามร่างสูงพลางเดินไปยังอีกฝั่งของเตียงนอนและก้าวขึ้นไป พันเอกหันกลับมาสนใจหนังสือในมือก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบโดยไม่มองหน้าคู่สนทนา

“อีกไม่กี่วันจะมีงานที่โรงแรม ฉันจะพานายไปด้วย”

“ทำไมผมต้องไปด้วยละครับ” นาวาอดถามออกไปไม่ได้ คิ้วเข้มขมวดมุ่นด้วยความไม่เข้าใจ พันเอกปรายตามองร่างโปร่งเพียงเล็กน้อยก่อนจะตอบอ้อมแอ้ม

“ก็...เห็นว่าวันๆอยู่แต่บ้าน เลยอยากพาออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง”

จบประโยคของคนตัวโตนาวาก็เลิกคิ้วขึ้นสูงในขณะที่พันเอกแสร้งกระแอมไอแก้เก้อ จะให้เขาบอกยังไงว่าที่พานาวาไปด้วยน่ะเพราะอยากจะประมูลสร้อยสวยๆสักเส้นมาง้อ หรือไม่ก็ให้อีกคนได้ไปเปิดหูเปิดตาและยอมกลับมาคุยกับเขาดีๆเหมือนอย่างเคย

เผื่อใครจะยังไม่รู้ นี่แหละคือวิธีการง้อของพันเอกละ

“อย่ารบกวนคุณเลยครับ ผมอยู่บ้านก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรสักเท่าไหร่” นาวาปฏิเสธแทบจะในทันที ก่อนจะล้มตัวลงนอนและหันหลังให้กับอีกคน ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าพันเอกกำลังพยายามง้อให้เขาหายโกรธ แต่ทำไปก็ไร้ประโยชน์เพราะนาวาไม่มีความจำเป็นอะไรจะต้องไปติดใจกับการกระทำอันอุกอาจนั้น แรกเริ่มเดิมทียอมรับว่าไม่พอใจที่ถูกจูบต่อหน้าใครหลายคน แต่นาวาไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้น ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องไปแคร์อีกฝ่ายและโกรธจนเป็นบ้าเป็นหลังหรอก

ทางด้านพันเอกเองพอเห็นอีกคนจบบทสนทนาด้วยการนอนหันหลังให้ก็ถอนหายใจ ร่างสูงวางหนังสือไว้ข้างเตียงก่อนจะขยับเข้าหาอีกคน แผ่นอกเปลือยเปล่าแนบชิดกับแผ่นหลังของนาวาก่อนที่วงแขนแกร่งจะโอบเอาเอวบางและดึงร่างโปร่งเข้าไปใกล้

“ยังโกรธเรื่องวันนั้นอยู่อีกเหรอ หืม” พันเอกกระซิบถาม รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายเกร็งตัวทันทีที่เขากอด ร่างสูงกระชับอ้อมแขนรั้งนาวาเข้าหาตัวเองพลางคลอเคลียจมูกโด่งที่ท้ายทอยของอีกคนเสียจนนาวาใจสั่น

“ฉันขอโทษ” พันเอกเอ่ยเสียงเบาหากนาวากลับได้ยินอย่างชัดเจน ร่างโปร่งนอนเม้มปากแน่น ไม่เข้าใจเรื่องราวระหว่างเขากับอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย ไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าตอนนี้เขาอยู่ในบ้านหลังนี้ในฐานะอะไร พันเอกยังเก็บเขาเอาไว้ทำไมในเมื่อในตอนนี้รามก็ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน เก็บเขาเอาไว้ทรมานเล่นๆ หรือเก็บเอาไว้เป็นนายบำเรอยามเหงา หรือเอาไว้เป็นคนใช้อีกคนของบ้าน นาวาไม่รู้ ไม่รู้อะไรทั้งนั้น

“นอนเถอะครับ ดึกแล้ว” นาวาเอ่ยขึ้นเสียงเบาเพื่อตัดบทสนทนาทำเอาอีกฝ่ายนิ่งไป พันเอกคลายอ้อมกอดเล็กน้อยก่อนจะซบหน้าลงกับหลังคอของนาวาพลางสูดดมกลิ่นหอมจางๆจากร่างของอีกคน

“กอดหน่อยนะ ได้ไหม”

“...”

“ให้นอนกอดหน่อยนะวา”

“มันอึดอัดนะครับคุณเอก” นาวาประท้วง ไม่ใช่ข้ออ้างแต่อย่างใดแต่นาวาอึดอัดจริงๆ

“งั้นหันมาฝั่งนี้สิ เร็ว” เจ้าของห้องเอ่ยขึ้นทำเอานาวาจิ๊ปากอย่างขัดใจ คนจะหลับจะนอนทำไมพันเอกต้องมากวนใจด้วยสิน่า ว่าแล้วร่างโปร่งก็พลิกตัวไปประจันหน้ากับอีกคนด้วยใบหน้ายุ่งๆบ่งบอกถึงความหงุดหงิดเล็กน้อย

“พอใจแล้วใช่ไหมครับ กรุณานอนได้แล้...อ๊ะ”

นาวาร้องเสียงหลงด้วยความตกใจเมื่อพอพลิกตัวกลับมาอีกฝ่ายก็กดจูบลงบนหน้าผากของเขาแทบจะในทันที นาวาเงยหน้ามองใบหน้าราบเรียบของพันเอกด้วยความไม่เข้าใจในขณะที่พันเอกขยับกายให้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าอีกคนพลางซุกใบหน้าเข้าหาซอกคอและแผ่นอกของอีกคนช้าๆ

“ไม่กอดก็ได้ แต่อย่าพลิกตัวหนีละ” ร่างสูงสั่งก่อนจะปิดตาลง นาวาเม้มปากแน่น จะผลักหนีก็ทำไม่ได้แต่จะให้เขานอนทั้งที่หน้าของพันเอกยังอยู่แถวคอก็คงจะหลับไม่ลง

“จะนอนไหมวา ถ้าไม่นอนจะได้พาทำอย่างอื่น” น้ำเสียงอู้อี้ดังขึ้นมาจากเจ้าของห้องทำเอานาวาต้องถอนหายใจ ร่างโปร่งผละกายลุกขึ้นไปปิดไฟก่อนจะกลับมานอนบนเตียงท่าเดิม พันเอกยกยิ้มบางเบาท่ามกลางความมืดมิด อยากจะยกมือขึ้นไปกอดอีกคนใจจะขาดแต่ก็กลัวว่านาวาจะบ่นอึดอัดและหลับไม่สบาย เพียงไม่นานลมหายใจเข้าออกของคนตัวเล็กกว่าก็ดังอย่างสม่ำเสมอ พันเอกผละออกจากซอกคอของอีกคนพลางเท้าแขนมองใบหน้าเนียนโดยอาศัยแสงไฟจากด้านนอกที่ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามา มือแกร่งยกขึ้นลูบไล้แก้มขาวแผ่วเบาอย่างทะนุถนอมก่อนจะขยับเข้าไปใกล้นาวาช้าๆและแอบหอมแก้มใสของอีกคนเบาๆ

ในเวลานี้สิ่งที่ทำได้มากสุดก็คงเป็นแค่การฉวยโอกาสกับคนนอนหลับ ในสถานการณ์ที่ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นเช่นไรพันเอกคงทำอะไรบุ่มบ่ามไม่ได้ แม้อยากจะทิ้งทุกอย่างและเริ่มต้นชีวิตใหม่กับนาวาแต่ก็ยังติดปัญหาตรงที่พันเอกไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมองเขาเช่นไร พันเอกไม่รู้ว่านาวารู้สึกยังไงกับเขา อีกทั้งรามเองก็ยังไม่ตายและไม่นานฝ่ายนั้นคงกลับมาเอาคืน

ทางออกสำหรับเรื่องนี้แม้จะมีอยู่ไม่มากแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเลย หนทางที่ดีที่สุดในการจบเรื่องทุกอย่างคือการที่เขาปล่อยนาวาและน้องชายไป แต่ทั้งๆที่รู้ว่าการปล่อยให้นาวามีชีวิตเป็นผลดีแต่พันเอกก็ตัดใจปล่อยให้อีกฝ่ายหลุดมือไปไม่ได้

เขาอยากครอบครองนาวาเอาไว้คนเดียว อยากให้อีกฝ่ายอ่อนโยนกับเขาเพียงแค่คนเดียว นาวาเป็นคนของเขา เป็นเมียของพันเอก และมันจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป

ไม่ว่าใครก็มาพรากนาวาไปจากเขาไม่ได้หรอก

 

………………..………………..………………..

 

เช้าวันรุ่งขึ้นพันเอกสั่งให้นาวาไปทำงานด้วยเพราะเขามีประชุม นาวาเลยต้องไปนั่งแกร่วอยู่ในห้องทำงานของพันเอกด้วยใบหน้าเบื่อหน่าย บางทีเลขาสาวของชายหนุ่มก็เข้ามาพูดคุยแก้เบื่อบ้างแต่ไม่นานเธอก็ต้องออกไปทำงานที่ได้รับมอบหมาย นาวารอพันเอกจนเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ พอรู้สึกตัวอีกทีก็เห็นพันเอกเดินเข้ามาพร้อมกับพายุพลางพูดคุยกันด้วยใบหน้าเคร่งเครียด

“ถ้ายังไงเดี๋ยวผมตรวจสอบความเรียบร้อยให้อีกทีก็ได้ครับ คุณเอกพาคุณวาออกไปซื้อชุดเถอะ เดี๋ยวทางนี้ผมจัดการเอง” พายุเอ่ยขึ้นพร้อมกับยกยิ้ม พันเอกได้แต่คิดในใจว่าเขาคิดถูกแล้วที่ส่งเสียพายุและจักรจนทั้งคู่เรียนจบปริญญาตรีและกลายเป็นคนมีความสามารถเทียบเท่ากับเขา เวลางานที่บริษัทมีปัญหาคนสนิทของเขาทั้งสองคนก็ทำหน้าที่ได้ไม่ขาดตกบกพร่อง ถ้าถามถึงคนที่พันเอกอยากให้มารับกิจการต่อจากเขาก็คงเป็นหนึ่งในสองคนนี้นั่นแหละ

“อืม ให้จักรอยู่ช่วยทางนี้ไปก็แล้วกัน เดี๋ยววันนี้ฉันจะขับรถเอง” ร่างสูงทิ้งท้ายเอาไว้เพียงเท่านั้นก็ลากนาวาพ่วงด้วยเลขาคนสวยอย่างแก้วกิรตาออกมาจากบริษัท ตลอดทางไปห้างสรรพสินค้านาวาแทบจะไม่มองไปที่ไหนเลยนอกจากคนข้างกาย เขามองจนกลายเป็นจ้อง จ้องเสียจนพันเอกแค่นหัวเราะก่อนจะเอ่ยถามว่ามองอะไรนักหนา

นาวาได้แต่ส่งค้อนให้อีกคน ก็แน่ละ จะไม่ให้เขามองได้ยังไง ร้อยวันพันปีนาวาไม่เคยเห็นพันเอกขับรถเองสักครั้ง ทุกทีเจ้าตัวจะเป็นฝ่ายนั่งหลังและให้ลูกน้องขับไปไหนมาไหนตลอด

“เหมือนเป็นเจ้านายแล้วแกเป็นลูกน้องฉันเลยอ่ะไอ้เอก ขอถ่ายรูปท่านประธานตอนขับรถแบบสามัญชนไปให้ลูกชายกับสามีที่บ้านดูได้ไหมคะ” แก้วกิรตาเอ่ยเย้าพลางมองเจ้านายจากทางเบาะหลัง นานๆทีเธอจะได้มานั่งในตำแหน่งที่ผู้เป็นนายนั่งประจำในขณะที่พันเอกไปเป็นคนขับรถแทนก็อยากจะขอแซวอีกฝ่ายเสียหน่อย

“หุบปากไปเลยแก้ว” พันเอกเอ็ดหญิงสาวเสียงดุ แต่มีหรือที่แก้วกิรตาจะนึกกลัว ความจริงแล้วความสัมพันธ์ของทั้งคู่นอกเวลางานคือเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยประถมของกันและกันไม่แปลกที่จะพูดจาสนิทสนมกันได้ถึงระดับนี้ แก้วกิรตารู้จักพันเอกมากพอๆกับที่จักรและพายุรู้จัก และในบางเรื่องเธอซึ่งเป็นหญิงสาวมักจะเข้าใจพันเอกได้ดีกว่าใครๆ

อย่างเรื่องที่ต้องใช้ความละเอียดอ่อนเช่นความรัก

เลขาสาวเอียงคอมองคนที่นั่งคู่กับเจ้านายพลางยกยิ้ม ตั้งแต่เห็นพันเอกจูงมือนาวาเข้าบริษัทมาเมื่อเช้าเธอก็เข้าใจได้ทันทีว่าเพื่อนของเธอคนนี้กำลังจะเปลี่ยนไป

หรือบางทีอาจเปลี่ยนไปแล้วก็ได้

พันเอกที่เธอรู้จักตั้งแต่ช่วงจบม.ปลายเป็นคนที่ทำทุกอย่างเพื่อเอาคืนให้กับครอบครัว รายนั้นเรียนเพื่อถีบตัวเองให้มีอำนาจ ทำทุกอย่างให้ตัวเองมีอิทธิพลมากพอเพื่อที่จะใช้สิ่งเหล่านั้นแก้แค้นคนที่ทำให้ครอบครัวต้องพังพินาศ พันเอกไม่เคยรักในสิ่งที่เรียน ไม่นึกรักในอาชีพที่ทำ และไม่ใคร่เสน่หาในตัวใครคนไหนนอกจากคนในครอบครัว ก่อนหน้านี้เพื่อนตัวสูงเป็นเหมือนนักธุรกิจไร้หัวใจ เป็นหุ่นยนต์ที่ถูกโปรแกรมมาให้ทำทุกอย่างเพื่อให้พวกกลทีบ์ล่มจม

แต่พอมีคุณนาวาเข้ามาในชีวิตทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไป

แม้จะสายไปแต่หนทางข้างหน้าสำหรับทั้งคู่ก็ยังพอมีอยู่บ้าง แก้วกิรตาคิดถึงตรงนี้แล้วก็ได้แต่ลอบถอนหายใจ ได้แต่หวังว่าเรื่องราวทุกอย่างจะไม่เลวร้ายลงไปมากกว่าเดิม

“เดี๋ยวเธอพาวาไปร้านสูทก่อนเลยนะ ขอหาที่จอดรถก่อน” เสียงของพันเอกดังขึ้นดึงสติของเลขาสาวให้กลับมาสู่ปัจจุบัน หญิงสาวหันไปมองรอบกายแล้วก็เบ้หน้าเมื่อเห็นว่าห้างสรรพสินค้าในวันนี้คนเยอะมากกว่าทุกๆวัน

“ไปร้านสูทข้างนอกดีกว่าไหม แกก็รู้ว่าฉันไม่ชอบที่ที่คนเยอะๆ เวียนหัว”

“ซื้อที่นี่แหละ เสร็จแล้วจะได้แวะกินข้าวเลย ขี้เกียจขับรถแล้ว”

“ชิ...งั้นมาค่ะคุณวา เดี๋ยวเราลงกันตรงนี้แล้วให้ไอ้เอกมันไปวนหาที่จอดตามยถากรรมของมันไป” เลขาสาวเอ่ยพลางก้าวลงจากรถ ความร้อนจากฝุ่นควันและอากาศที่อบอ้าวทำเอาหญิงสาวหน้าหงิกทันทีที่ผิวสัมผัสเข้ากับบรรยากาศโดยรอบ นาวายกยิ้มมองกริยาน่ารักของหญิงสาวข้างกายก่อนจะถอนเสื้อแขนยาวที่ใส่มาคลุมไหล่อีกฝ่ายให้

“ใส่ไว้ก่อนก็ได้ครับ เดี๋ยวผิวคุณแก้วจะเสีย”

“โอ๋ยพ่อคุณของบ่าว แก้วผิวเสียก็ช่างมันเถอะค่ะ แต่งงานมีสามีจนลูกสองแล้ว ระดับนี้ไม่ต้องห่วงสวยไปอ่อยใครแล้วค่ะ” แก้วกิรตาเอ่ยเย้าเรียกรอยยิ้มหวานจากคนข้างกาย

“คุณวาเถอะค่ะต้องใส่ นี่ถ้าผิวขาวๆเกิดไหม้แดดขึ้นมาแก้วถูกไอ้เอกกระทืบตายคาเท้ามันแน่ๆ โทษฐานทำหวานใจมันดำปิ๊ดปี๋”

“โถ่คุณแก้วก็ ผมไม่ใช่หวานใจของคุณเอกนะครับ” นาวาเอ่ยอย่างอ่อนอกอ่อนใจ ตั้งแต่รู้จักกันในตอนเช้าเลขาสาวของพันเอกก็เอาแต่ยัดเยียดฐานะคนรักของเจ้านายมาให้เขาอยู่ตลอดเวลา นาวาปฏิเสธอย่างไรอีกฝ่ายก็ไม่ฟัง เอาแต่ส่งสายตาเจ้าเล่ห์ล้อเลียนมาให้

“เอาเถอะค่า ใครเล่าจะรู้ใจเราเท่าตนเอง แก้วว่ารีบเข้าไปข้างในดีกว่าค่ะ ร้อนจนจะละลายอยู่แล้ว” หญิงสาวเอ่ยก่อนจะจูงมือนาวาเข้าไปในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ทั้งคู่ตรงดิ่งขึ้นไปยังโซนเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายก่อนจะมาหยุดอยู่หน้าร้านขายเสื้อสูทร้านหนึ่ง แก้วกิรตาพานาวาเข้าไปลองชุดสูทด้านในรอพันเอกซึ่งตามมาหลังจากนั้นไม่นานนัก สองนายบ่าวจับนาวาลองเสื้อผ้าตามใจราวกับแต่งตัวตุ๊กตา นาวาหัวหมุนไปพักใหญ่เพราะบางช่วงแก้วกิรตากับพันเอกก็ทะเลาะกันเองเพราะความเห็นไม่ตรงกัน

“แก้วว่าสีขาวตัวเมื่อกี้เหมาะกับคุณวามากกว่านะคะ” หญิงสาวเอ่ยขึ้นพลางมองสูทที่นาวาสวมใส่อยู่ ร่างโปร่งหันไปมองพันเอกอย่างขอความเห็นบ้าง

“อืม สีขาวก่อนหน้าดูดีกว่าจริงๆ”

“คุณวาใส่สีขาวแล้วน่าปล้ำอ่ะดิแก ฉันรู้หรอก อย่าให้มันมากนักนะยะ” แก้วกิรตาเอ่ยแซวเพื่อนตัวสูง ประโยคของเธอทำเอาพันเอกหันไปมองอย่างดุๆในขณะที่นาวาหน้าร้อนวูบ

“คุณวาไปลองสูทตัวเมื่อกี้ให้ดูอีกทีหน่อยสิคะ” เลขาสาวไม่สนใจพันเอกแต่หันกลับมาบอกกับนาวาแทน ร่างโปร่งยกยิ้มพลางพยักหน้าก่อนจะรับเอาสูทสีขาวบริสุทธิ์มาถือเอาไว้และตรงดิ่งไปยังห้องลองเสื้อทันที แต่ยังไม่ทันจะได้ปิดประตูลงกลอน ประตูห้องลองก็ถูกเปิดด้วยฝีมือของพันเอกก่อนที่ร่างสูงจะพาตัวเองเข้ามาภายในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆนี้ด้วย

“คุณเอก!”

“อย่าเสียงดังนักสิ เดี๋ยวคนเขาก็รู้หรอกว่าเราทำอะไรกัน”

“ทำอะไรที่ไหนละคุณ ออกไปเลยนะ!” นาวาแหวหน้าแดงก่ำก่อนจะถอยหลังจนแผ่นหลังชิดกับผนังห้องเมื่ออีกฝ่ายขยับตัวเข้ามาใกล้ พันเอกมองคนตัวขาวตรงหน้าด้วยใบหน้าราบเรียบ หากทว่ามุมปากกลับกระตุกยิ้มโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันได้สังเกต

“ฉันถามอะไรหน่อยสิ” ร่างสูงพูดขึ้นพลางยกสองมือขึ้นทาบกับผนัง กักร่างของนาวาให้ไร้หนทางหนี นาวาเม้มปากแน่นพลางมองใบหน้าหล่อเหลาด้วยหัวใจที่เต้นระส่ำไม่หยุด

“ออกไปถามข้างนอกก็ได้นี่ครับ”

“ไม่ได้”

“...”

“นายเกลียดฉันมากไหมวา” พันเอกไม่รีรอ เขาส่งคำถามออกไปตรงๆให้อีกฝ่ายตกใจ นาวามองพันเอกด้วยสายตาไม่เข้าใจพลางเบือนหน้าหนี

“ทำไมถึงถามแบบนั้นละครับ”

“เพราะจะได้ทำตัวถูก ถ้านายเกลียดฉันจะขอโอกาสแก้ตัว แต่ถ้าไม่...ฉันจะขออย่างอื่น” ร่างสูงพูดเสียงเบาพลางจ้องหน้านาวาด้วยสายตาจริงจังจนคนถูกมองต้องเสตาหลบ สิ่งที่พันเอกจะขอมันคืออะไร? หากอีกฝ่ายเอ่ยออกมาความสัมพันธ์ของพวกเขาจะเปลี่ยนไปหรือเปล่า

“ที่เคยบอกว่าเกลียดฉันต่อหน้าทุกคน นายเกลียดฉันจริงๆรึเปล่า”

“...”

“บอกได้ไหม”

“ถ้าผมบอกว่าผมไม่ได้เกลียดคุณ คุณจะขออะไรจากผม” นาวาเอ่ยถาม อีกฝ่ายนิ่งไปชั่วอึดใจก่อนที่จะเคลื่อนหน้าเข้าหานาวาและแต้มริมฝีปากลงบนกลีบปากอวบอิ่มในวินาทีต่อมา นาวาตัวแข็งทื่อกับจูบของอีกคนแต่เพียงไม่นานพันเอกก็ผละออกไป

“ขอความรัก”

!!!

“ถ้าไม่เกลียดฉัน นายจะรักฉันได้ไหม”

“คุณ...” นาวามองพันเอกด้วยความสับสน เขาสับสนและตกใจมากจริงๆกับสิ่งที่อีกฝ่ายเพิ่งจะพูดมันออกมา พันเอกเองก็มองเห็นแววตาสับสนของนาวา ร่างสูงขยับเข้าหาร่างโปร่งพลางยกมือขึ้นลูบแก้มใสแผ่วเบาและกดจูบลงบนหน้าผากมนของคนที่เขาหวงแหนสุดใจ

“ฉันรู้ว่ามันกะทันหัน และไม่หวังให้นายตอบรับ แต่อย่างน้อยๆก็อย่าเกลียดกันเลยนะ”

“คุณเอก...” นาวาเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงเบา พันเอกก้มลงสบตาคู่กลมสุกใสของคนตรงหน้าก่อนจะยกยิ้มอย่างอ่อนโยน เป็นยิ้มที่นาวาไม่เคยได้รับมันมาก่อน เป็นยิ้มที่พันเอกมอบให้เพียงแค่คนที่รักเท่านั้น

และไม่รู้อะไรดลใจ จู่ๆวงแขนขาวผ่อนของนาวาก็ยกขึ้นโอบรอบลำคอแกร่งก่อนจะรั้งใบหน้าของพันเอกให้โน้มลงมารับจูบอ่อนหวานจากเขา นาวาเผยอปากครอบครองริมฝีปากของร่างสูงพลางหลับตาลง พันเอกกระชับเอวของนาวาเอาไว้ด้วยสองมือพลางกดร่างกำยำของตัวเองเข้าแนบชิด ริมฝีปากของทั้งคู่แตะแต้มดูดดึงกันและกันอย่างเร่าร้อน ต่างคนต่างทิ้งทุกสิ่งเอาไว้ภายนอก มีเพียงความต้องการจากก้นบึ้งของจิตใจภายในห้องสี่เหลี่ยมแห่งนี้

นาวาครางออกมาเสียงแผ่วเบายามเมื่อลิ้นร้อนของตนถูกลิ้นของอีกฝ่ายเกี่ยวรัดเอาไว้ พันเอกแลกจูบดูดดื่มเสียจนนาวาแทบขาดอากาศหายใจ สองมือของร่างสูงปลดเปลื้องสูทบนตัวของนาวาออกทีละชิ้นจนมันลงไปกองอยู่แทบเท้า และนาวาเองก็เช่นกัน มือเรียวปลดเอาเสื้อผ้าของพันเอกออกจากกายจนตอนนี้ร่างของทั้งคู่แทบจะเนื้อแนบเนื้อ พันเอกอยู่ในสภาพเปลือยท่อนบนในขณะที่นาวาเหลือเพียงชั้นในปกปิดกาย ร่างสูงผละจูบออกมามองใบหน้าขาวที่สองข้างแก้มแดงก่ำก่อนจะก้มลงหอมแก้มนาวาฟอดใหญ่อย่างอดใจไม่ไหว ริมฝีปากสีชาดเลื่อนเข้าไปขบเม้มที่ใบหูขาวพลางกระซิบอ้อนวอน

“ขอนะ”

“คุณเอก...แต่ที่นี่มัน...ฮื่อ” นาวาร้องประท้วงเมื่อถูกอีกฝ่ายรูดรั้งอันเดอร์แวร์สีเข้มออกจากกาย ร่างขาวเปลือยเปล่าอวดความน่าหลงใหลต่อสายตาของคนมอง พันเอกรวบร่างเล็กกว่ามากอดเอาไว้พลางบดจูบลงบนกลีบปากสีระเรื่อของนาวาอีกครั้งซึ่งนาวาเองก็เอียงหน้าเผยอปากรับสัมผัสหวามไหวจากอีกฝ่ายแต่โดยดี ลืมทุกกาละและเทศะรอบกาย ทอดกายให้พันเอกเชยชมด้วยอารมณ์ความต้องการที่ถูกปลุกปั่นขึ้นตามครรลอง กว่าจะรู้ตัวว่าเผลอไผลไปกับความอ่อนโยนของคนตรงหน้าก็เมื่อยามที่ทั้งสองร่างผสานกันเป็นหนึ่งเดียวท่ามกลางพื้นที่แคบๆภายในห้องลองเสื้อแห่งนี้เสียแล้ว

นาวาเสียรู้ เผลอยอมให้อารมณ์ใคร่จากส่วนลึกของจิตใจครอบงำ รู้ทั้งรู้ว่ามันไม่เหมาะไม่ควร รู้ทั้งรู้ว่ามันผิด แต่ถึงจะรู้อยู่เต็มอก แต่เขาก็ยังเต็มใจให้อีกฝ่ายตักตวงเอาทุกอย่างไปจนหมด

พันเอกได้ไปจนหมดแล้วจริงๆ...

Loading...


Talk…
เหมือนจะหวาน เหมือนกำลังจะผ่านไปได้ด้วยดีเนาะ ฮ่าาาาา (คนอ่านบอกเหรออออออ) หลังจากนี้…เราไม่สามารถบอกได้จริงๆค่ะว่าจะเกิดอะไรขึ้น เอาเป็นว่าขอให้นักอ่านทุกท่านคาดเข็มขัดนิรภัยเอาไว้ให้พร้อม ใครมีหมวกกันน็อคก็อย่าลืมหยิบมาสวมด้วยนะคะ อะไรก็เกิดขึ้นได้ตราบใดที่ท้ายตอนไม่มีคำว่า The End หึหึหึหึ

เจอกันอีกทีครึ่งหลังนะจ๊ะ
I ❤ You

ออฟไลน์ maru

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-7
ปัญหาน่าจะเป็นณะโมกับรามนะเนี่ย

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :mew2:   เอาล่ะสิ. คนเขียนจะพาไปดริฟท์อีกแล้ว
เตรียมหมวกกันน็อคพร้อมถุงลมนิรภัยก่อน.


ออฟไลน์ parn11

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
พันเอกแซ่บมาก ทุกสถานที่จริงๆ
ถนอมๆวาของเค้าหน่อยจิ

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
โอย ถ้ามันจะพลิกได้ตลอดแบบนี้ แถมอาจมีมาม่าชามโต

ขอกลับมาอ่าอีกที the end เลยได้มั้ยอ่ะ  :ling3:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
อร๊ายยย ตอนนี้กำลังฟิน. แต่สปอยส ตอนหน้าซะน่ากลัวเลยยยย.  ขอเตรียมใจก่อนนะ ปรับอารมณ์ไม่ทันอะ

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8
กะลังจะหวานกันแล้วเชียวแต่คนเขียนสปอย
ให้ระวัง :เฮ้อ: :เฮ้อ:รามจะโผล่มาใช่ไหม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Viewonohm

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 843
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-5
เราเขิล  :กอด1:

ออฟไลน์ March. Marcia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +166/-5

………………..………………..………………..

 

หลังจากเหตุการณ์ภายในห้องลองเสื้อในวันนั้นนาวาก็เอาแต่หลบหน้าพันเอกจนทุกคนในบ้านสังเกตได้ เขาตัวติดกับณะโมอยู่ตลอดเวลา แม้พันเอกจะสั่งให้ไปนอนที่ห้องนอนด้วยกันนาวายังถึงกับขัดคำสั่งของประมุขของบ้านและหนีไปขลุกตัวอยู่กับน้องชายภายในห้องเสียอย่างนั้น

แต่ถึงจะหนีอย่างไรในวันนี้มันก็เปล่าประโยชน์ไปเสียหมดเพราะวันนี้เขาต้องออกงานกับพันเอก นาวายืนจ้องมองชุดสูทสีเข้มที่ตนเองสวมพลางถอนหายใจ จริงๆเขาควรจะได้สูทสีขาวตัวที่แก้วกิรตาเลือกให้ แต่เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นภายในห้องลองเสื้อวันนั้นทำเอาชุดสูทตัวนี้ที่นาวาสวมใส่อยู่เปื้อนน้ำรักจากทั้งของนาวาและพันเอกเป็นวงกว้าง สุดท้ายพวกเขาจึงตกลงกันซื้อสูทตัวนี้กลับมาสวมแทน

“คุณวาน่ารักจัง” เสียงพายุเอ่ยชมคนของเจ้านายด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม นาวาทำหน้าปั้นยากใส่ ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดีที่พายุชมแบบนั้น

“หล่อไม่ได้เหรอครับคุณยุ น่ารักนี่มันใช้กับผู้หญิงนะ”

“โอ๋ย ผมใช้คำไม่ผิดหรอกครับ คุณวาน่ารักจริงๆ” พายุชมเปาะตาเป็นประกาย ร่างสูงระหงของนาวาในชุดสูทสีเข้มเข้ารูปส่งผลให้นาวาดูน่าหลงใหล ใบหน้าขาวชวนมองประดับไปด้วยสีชมพูระเรื่อจากความเขินอาย กลีบปากอิ่มที่พายุนึกสงสัยถึงความนุ่มนิ่มเม้มแน่นแทบจะตลอดเวลาทำเอาเขานึกอยากจะจูบให้ขึ้นสี แต่ถึงอย่างนั้นก็ได้แค่คิดละนะ ก็นาวาน่ะของรักของหวงของพันเอกเชียวนะ

ยืนคุยกับพายุไปได้สักพักพันเอกก็เดินลงมาจากห้อง นาวาหลบสายตาของคนที่มองมาก่อนจะก้าวขึ้นรถ ส่วนพันเอกเองก็ได้แต่ยกยิ้มจางๆเพราะรู้ดีว่าครั้งนี้นาวาไม่ได้โกรธแต่เขินเสียมากกว่า

ไม่นานรถยนต์คันหรูของพันเอกก็แล่นมาจอดที่หน้าโรงแรมของตน พันเอกพานาวาก้าวลงจากรถก่อนจะเข้าไปข้างในในฐานะเจ้าของสถานที่ ภายห้องโถงจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ของโรงแรมในเครือกฤตภาสกรุ๊ปคราคล่ำไปด้วยเหล่าคนมีฐานะมีหน้ามีตาในสังคม ในงานมีการจัดแสดงเครื่องประดับที่ทำจากเพชร ไข่มุก และอัญมณีอื่นๆอีกมากมาย

“ไม่เห็นบอกว่าเป็นงานประมูลเครื่องประดับ” นาวาอดแขวะพันเอกไม่ได้เมื่อเข้ามาในงาน พายุกับจักรที่เดินตามหลังมาถึงกับหลุดยิ้มเมื่อเห็นท่าทีของนาวาที่มีต่อเจ้านายของตน แบบนี้ก็แสดงว่าพันเอกง้อนาวาสำเร็จแล้วกระมัง

“ก็ไม่ได้ถาม ชอบไหมล่ะ” พันเอกเอ่ยถาม นาวาส่ายหน้าพรืดทันทีก่อนจะมองค้อนคนตัวสูงกว่าที่ส่งยิ้มเอ็นดูมาให้ ทำไมเดี๋ยวนี้พันเอกยิ้มบ่อยนักก็ไม่รู้ หลังจากวันที่ไปซื้อชุดสูทนั่นแหละ ยิ้มเสียจนนาวานึกหมั่นไส้

มันไม่ใช่การแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์หรือเยาะเย้ยอย่างที่ชอบทำเมื่อก่อน หากแต่เป็นยิ้มล้อเลียนให้นาวาหน้าแดงเสียมากกว่า

“ผมดูของพวกนี้ไม่เป็นหรอก”

“อืม งั้นไปโซนอาหารสิ เขาจัดเป็นอาหารว่างกับขนมเยอะแยะ ไปดูๆไว้เผื่อจะลักจำกลับไปทำกินที่บ้าน” พันเอกพูดพลางพยักเพยิดไปยังโต๊ะอาหารและเครื่องดื่มที่ตั้งอยู่ข้างๆ นาวามองตามสายตาของอีกคนก่อนจะขมวดคิ้ว

“ลักจำอะไรกันละคุณเอก ใครมันจะไปมองแล้วรู้เลยว่าอันนี้ต้องทำยังไง มีส่วนผสมอะไรบ้าง” นาวาเอ็ดร่างสูงทำเอาพันเอกหัวเราะออกมาเบาๆ

“ก็จำหน้าตามันไว้แล้วถามเจ้ายุหรือไม่ก็จักรว่าคืออะไร กลับไปก็ไปเปิดกูเกิ้ลหาวิธีทำสิวา” พันเอกบอกพลางเรียกชื่อเล่นของนาวาด้วยน้ำเสียงขบขัน นาวาฮึดฮัดเบาๆที่ถูกแกล้งก่อนจะแอบหยิกแขนของพันเอกไปทีด้วยความหมั่นไส้

“คุณมันบ้า” ร่างเล็กกว่าเอ่ยปากด่าพันเอกอย่างหัวเสีย ฝ่ายคนถูกว่าก็เอาแต่มองใบหน้ายุ่งเหยิงของนาวาแล้วอมยิ้ม ดูเหมือนว่าการที่พันเอกปากตรงกับใจมันจะทำให้นาวายอมเปิดใจมากขึ้น ฝ่ายนั้นไม่ได้ทำตัวเย็นชาห่างเหินเหมือนเมื่อก่อน กลับกันนาวาก็เริ่มแสดงอารมณ์ที่มากกว่าการนอบน้อมก้มหน้าก้มตาฟังคำสั่งอย่างในอดีต

พันเอกชอบแบบนี้มากกว่าจริงๆ นาวาที่หลากหลายอารมณ์กับเขาที่ทำตัวเป็นตัวเอง เป็นเพียงผู้ชายคนหนึ่งที่อยากแหย่คนที่ตัวเองรู้สึกดีด้วย ใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดา ไม่ขึ้นตรงกับการแก้แค้นที่รังแต่จะเป็นทุกข์

ไม่รู้ว่าตอนนี้รามที่อยู่ภูเก็ตจะทำอะไรอยู่ และไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาทำเอาไว้ก่อนหน้านี้จะส่งผลอะไรตามมา แต่ในใจของพันเอกก็ได้แต่ภาวนา เขาขอให้รามหายไป ขออย่าให้รามปรากฏตัวขึ้นมาทวงคืนทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเขา อย่าให้คนคนนั้นกลับเข้ามาในชีวิตของเขาและนาวาอีก เพราะตอนนี้พันเอกพร้อมที่จะทิ้งทุกอย่างเอาไว้ข้างหลังแล้วจริงๆ

อาจจะดูเห็นแก่ตัว แต่พันเอกอยากหยุดทุกอย่างแล้วจับมือนาวาเดินไปพร้อมๆกันบนเส้นทางใหม่

ขออย่าให้มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นอีกเลย

 

………………..………………..………………..

 

“คุณวาวา ขนมนี่มันอะไรอ่ะครับ อร่อยจัง” เสียงตื่นเต้นของพายุเรียกให้นาวาที่กำลังจ้องเครื่องดื่มหลากสีให้หันไปมอง ร่างโปร่งยกยิ้มเมื่อเห็นคนสนิทของพันเอกกำลังทำหน้าตื่นตาตื่นใจจ้องมองถ้วยขนมในมือตาเป็นประกาย

“นั่นลูกชุบครับ คุณยุไม่เคยกินเหรอ?” นาวาถามพลางกลั้นขำ จะว่าไปงานนี้ก็มีแต่ขนมไทยที่นาวากินเป็นประจำสมัยยังอยู่บ้านเด็กกำพร้าทั้งนั้น ที่ไม่คุ้นตาเห็นจะเป็นพวกเครื่องดื่มเสียมากกว่า

และแทนที่จะเป็นเขาที่ต้องถามไถ่เรื่องเมนูอาหาร แต่ไหงกลับเป็นพายุเองที่แปลงร่างเป็นเจ้าหนูจำไมทำท่าทางน่ารักแบบเด็กถามเขาละนี่

“ไม่เคยครับ นานๆทีผมจะมีของหวานตกถึงท้องสักครั้ง ที่เคยกินก็มีแค่พวกเค้กกับช็อกโกแลตอ่ะคุณวา” พายุพูดทั้งที่สองแก้มยังเต็มไปด้วยลูกชุบหลากสี นาวาขำพรืดออกมาเสียยกใหญ่ก่อนจะยกมือขึ้นเช็ดมุมปากให้อีกฝ่าย

“กลืนก่อนสิคุณ เลอะหมดแล้วเห็นไหม”

“แหม รู้สึกเหมือนมางานกับแม่ ฮ่าๆๆ”

“คุณยุ!”

“โอ๋ๆ ผมล้อเล่น อ๊ะ...เดี๋ยวผมมานะครับคุณวา ขอตัวไปดูแลความเรียบร้อยของงานก่อน คุณวารอตรงนี้ห้ามไปไหนนะครับ...เดี๋ยวผมถูกนายเตะเอา” พายุเอ่ย ท้ายประโยคยื่นหน้าเข้ามากระซิบกระซาบกับนาวายกใหญ่ก่อนจะผละออกไป นาวามองตามแผ่นหลังของพายุจนลับตาก่อนจะหันกลับมาหยิบขนมกินแก้เบื่อ เขาไม่รู้จะทำอะไรดี จะเดินตามพันเอกที่ต้องวิ่งวุ่นทั่วงานก็ถูกเจ้าตัวบอกแกมบังคับให้ยืนอยู่จุดๆเดียว เขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าพันเอกจะพาเขามางานนี้ด้วยทำไมทั้งๆที่ตัวนาวาช่วยอะไรไม่ได้เลยสักนิด

“สวัสดีครับคุณวา”

“อ๊ะ...คุณ...เมื่อตอนนั้น”

นาวาอุทานเมื่อร่างสูงของใครคนหนึ่งเอ่ยทักเขาขึ้นพลางแตะไหล่เขาเบาๆ จำได้ว่าคนคนนี้เป็นคนที่พันเอกเคยพาเขาไปคุยด้วยเรื่องซื้อเกาะอะไรสักอย่าง แต่อีกฝ่ายไม่ยอมขาย ชื่ออะไรนะ...

“ผมสิบตรีครับ เพื่อนไอ้รามแล้วก็...เพื่อนไอ้เอก”

“อ๋อ คุณสิบ ที่คุณเอกเคยขอซื้อที่ดินใช่ไหมครับ” นาวาเอ่ยพลางยกยิ้ม ครั้งหนึ่งคนคนนี้เคยชวนเขาหนีด้วยนี่นา

“ครับ คุณวาสบายดีรึเปล่า ไอ้เอกมันได้ทำร้ายอะไรไหมครับ” สิบตรีถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง นาวายกยิ้มจางๆพลางส่ายหน้าก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งไม่บ่งบอกความรู้สึกใดๆ

“ไม่ครับ ก็ปกติดี แล้วเอ่อ...คุณราม...เขาสบายดีไหม” ร่างโปร่งเอ่ยถามเสียงเบาพลางลอบมองพันเอกที่กำลังง่วนอยู่กับการคุยงานอยู่อีกฝั่งของห้องโถง สิบตรีมองตามสายตาของนาวาพลางยกยิ้มก่อนจะคว้าข้อมือขาวเอาไว้แล้วกระซิบเสียงแผ่วเบา

“ตามผมมาสิครับ”

“เอ๊ะ...ด...เดี๋ยวครับคุณสิบ” นาวายังไม่ทันจะได้ถามอะไรไปมากกว่านี้ก็ถูกสิบตรีจูงมือออกมาจากงาน ร่างสูงพานาวาขึ้นมาบนดาดฟ้าของโรงแรมซึ่งอยู่ถัดจากชั้นที่ใช้จัดงานเพียงสองชั้น ลมเย็นๆในยามค่ำคืนปะทะใบหน้าขาว ร่างโปร่งสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างผ่อนคลายก่อนจะชะงักเมื่อมองเห็นแผ่นหลังของใครอีกคนยืนอยู่ไม่ห่าง

“กูพาคุณวามาหาแล้วนะ” สิบตรีเอ่ยขึ้นพลางพยักเพยิดให้นาวาที่ยังยืนอึ้งเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย นาวาขมวดคิ้วมุ่นในขณะที่หัวใจเต้นระส่ำ รูปร่างสูงดูแปลกตา มองจากข้างหลังเขาไม่รู้จริงๆว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

แต่พอเดินเข้าไปใกล้ๆและฝ่ายนั้นหันมานาวาก็ได้แต่เบิกตากว้าง ดวงตาคู่สวยสั่นระริกในขณะที่อกข้างซ้ายวูบไหว ความโล่งอกตีตื้นขึ้นมาขณะมองใบหน้าซูบซีดของอีกฝ่าย

“ทำไมทำหน้าแบบนั้นละครับ” ร่างสูงในชุดสูทสีเทาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน น้ำเสียงที่นาวาได้มีโอกาสฟังเพียงไม่กี่ครั้งหากแต่จำขึ้นใจ และกว่าจะรู้ตัวร่างทั้งร่างของเขาก็ถูกอีกฝ่ายสวมกอดเอาไว้เสียเต็มอ้อมแขน ร่างสูงกระชับกอดรัดร่างของนาวาจนแน่นราวกับโหยหามานาน ริมฝีปากได้รูปกดจูบที่ขมับของนาวาแผ่วเบาพลางกระซิบบอกว่าคิดถึงเขาซ้ำๆในขณะที่นาวายังคงยืนอึ้ง หัวสมองของเขาในตอนนี้ตื้อไปหมด จับต้นชนปลายทุกอย่างไม่ถูกเอาเสียเลย

“คุณ...”

“ผมคิดถึงคุณ”

“คุณยังไม่ตาย...”

“ครับ ผมยังอยู่ และผมกลับมาพาคุณไปจากที่นี่”

“ราม คุณปลอดภัย! ให้ตายเถอะ...เป็นคุณจริงๆ คุณยังไม่ตายจริงๆ” นาวาละล่ำละลั่กเสียงสั่นพลางยกมือกอดคนตรงหน้าตอบกลับไป เป็นรามจริงๆด้วย แม้จะซูบผอมไปเล็กน้อยหากแต่คนตรงหน้าคือรามจริงๆ

“ฮึก...ผมนึกว่าคุณ...”

“ชู่ว อย่าร้อง”

“อึ่ก”

“ผมมารับคุณ ไปอยู่กับผมนะ ผมสัญญาว่าจะดูแลคุณกับน้องให้ดีที่สุด กลับไปกับผมนะวา” รามเอ่ยข้างหูพลางกอดร่างโปร่งเอาไว้อย่างรักใคร่หวงแหน นาวาเม้มปากแน่นน้ำตาไหลอย่างเงียบๆ ความโล่งใจและความสบายใจที่อีกคนยังมีชีวิตอยู่ทำให้เขารู้สึกเหมือนยกของหนักออกไปจากใจจนหมดสิ้น

“ผมรักคุณนาวา ผมรักคุณ”

“ฮึก...”

“ไปกับผมนะ เริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยกัน ลืมทุกอย่างให้หมด จำแค่ผมคนเดียว แค่ผมคนเดียวก็พอ” รามกระซิบบอกเสียงหวาน หากแต่ทั้งคู่รวมไปถึงสิบตรีก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเสียงกึกก้องดุดันของใครอีกคนดังขึ้นในไม่กี่วินาทีต่อมา

“ปล่อยเมียกูเดี๋ยวนี้!”

“คุณเอก!” / “ไอ้เอก...”

“จะไม่มีใครหน้าไหนเอาตัวนาวาไปทั้งนั้น ปล่อยวาคืนมาแล้วกลับไปอยู่ในที่ที่มึงควรอยู่ซะ!!!” พันเอกตวาดกร้าวพลางจ้องรามด้วยสายตาไม่เกรงกลัว หากแต่ในใจของเขาในตอนนี้กลับหวาดหวั่น ยิ่งภาพที่นาวายกมือขึ้นกอดรามยิ่งทำให้ความกลัวเกาะกุมจิตใจของเขามากขึ้นไปทุกขณะ

เขากลัว กลัวเหลือเกิน

กลัวว่าจะต้องเสียนาวาไป

สิ่งเดียวที่เขาต้องการในตอนนี้มีเพียงแค่นาวา แค่คนคนนี้

นาวาคนนี้เท่านั้น

โปรดติดตามตอนต่อไป


Talk…
นายหัวมาแล้นนนนนนนนน ฮ่าาาาาาาาาาา
เรื่องนี้ยิ่งเขียนยิ่งรู้สึก... ทำไมมันป่วงแบบนี้ก็ไม่รู้เนาะ (คนเขียนรู้ตัว ถถถ)
อืม...หลังจากนี้ก็ใกล้จะถึงตอนที่เชื่อมกับเรื่องลวงรักแล้ว เราเชื่อว่าหลายคนรอกันนานมากใช่ไหม อีกนิดเดียวนะคะ อีกนิดเดียวนายหัวก็จะลงจออย่างเป็นทางการแล้วววว ><

ออฟไลน์ March. Marcia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +166/-5
:: CHAPTER 19 ::
ความสูญเสีย


 

“คุณเอก เบาๆครับผมเจ็บ” นาวาประท้วงเมื่อร่างสูงของพันเอกเอาแต่ลากเขาไปยังลานจอดรถด้วยท่าทีกระฟัดกระเฟียด ข้อมือขาวถูกคนตัวสูงบีบแน่น พันเอกกัดฟันกรอดไม่สนใจเสียงร้องของนาวาเลยแม้แต่น้อย ยังคงตั้งหน้าตั้งตาลากถูลู่ถูกังร่างโปร่งอย่างลืมตัว

พอมาถึงรถพันเอกก็เหวี่ยงนาวาจนร่างขาวเซไปกระแทกกับประตู นาวานิ่วหน้าเมื่อรู้สึกว่าข้อมือของตนได้รับบาดเจ็บ ชายหนุ่มหันกลับไปเผชิญหน้ากับคนที่กำลังอารมณ์ไม่มั่นคงก่อนจะพยายามใจเย็น

“คุณเอก”

“ถ้าฉันไม่ตามขึ้นไปเจอ นายก็จะไปกับไอ้เวรนั่นใช่ไหม!” พันเอกตะคอกถาม ตอนนี้เขากลัวไปหมดทุกอย่าง กลัวอย่างที่ไม่เคยกลัวมาก่อน กลัวนาวาจะหายไป กลัวคนตรงหน้ากลายเป็นของคนอื่น

“กอดกันแน่นซะขนาดนั้น นายมีผัวแล้วนะนาวา!”

“นี่คุณ! พูดบ้าอะไรของคุณเนี่ย หา!!!” นาวาโวยขึ้นมาบ้างเมื่อพันเอกพูดจบ

“จริงๆมันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ คุณทำร้ายผมมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ใครจะไปอยากอยู่กับคนที่ดีแต่บ้าอำนาจและจมปลักอยู่กับความแค้นแบบคุณกัน” นาวาประชดพลางเชิดหน้า ประโยคของร่างโปร่งส่งผลให้อารมณ์คุกรุ่นของพันเอกยิ่งโหมกระพือ ร่างสูงตรงเข้าไปคว้าแขนขาวเอาไว้ก่อนจะเค้นเสียงต่ำถามอีกคน

“อยากไปอยู่กับมันจริงๆใช่ไหมวา นายอยากออกไปจากชีวิตฉันมากขนาดนั้นเลยเหรอ ที่ผ่านมาสิ่งที่ฉันพยายามทำมันไม่มีค่าอะไรเลยหรือไง” ร่างสูงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเจือแววเจ็บปวด นาวาเม้มปากแน่น

มีสิ นาวาอยากจะบอกเหลือเกินว่าสิ่งที่พันเอกทำมันส่งผลต่อจิตใจของเขามากแค่ไหน แต่ความดีที่อีกฝ่ายมีให้มันก็เป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ เป็นสิ่งที่นาวาจดจำได้เลือนราง เป็นเหมือนความฝัน เหมือนการหลอกลวงมากกว่าจะเป็นความจริง ต่างจากการกระทำที่แสนจะเลวร้ายที่เขาต้องเจอ การที่พันเอกย่ำยีร่างกายของเขาต่อหน้าคนอื่น การสั่งให้เขานอนกับลูกน้องของเจ้าตัว หรือแม้แต่คำพูดคำจาที่ดูถูก สายตาเย้ยหยันยามทอดมองมา ทำเหมือนนาวาเป็นคนที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน สิ่งเหล่านี้ยังฝังอยู่ใจใจของเขาและมันก็ยังติดตรึงเป็นรอยแผลที่ไม่มีวันหาย

“คุณยังจำสิ่งที่คุณทำกับผมได้ไหมคุณเอก คุณข่มขืนผมต่อหน้าใครหลายคน ต่อหน้าคุณพายุ ต่อหน้าคุณราม สั่งให้ผมนอนกับลูกน้องของคุณ ถ้าคุณพระพายไม่ช่วยเอาไว้ ป่านนี้ลูกน้องคุณทั้งบ้านคงได้เป็นผัวผมกันไปหมดแล้ว! สิ่งที่คุณพยายามทำมันลบล้างสิ่งที่ผมต้องเจอไม่ได้หรอก”

“...”

“อีกอย่าง ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการที่อยู่ๆคุณมาทำดีด้วยเพราะเหตุผลอะไร ปับปุบก็พลิกอารมณ์จากหน้ามือเป็นหลังมือ มันเหมือนความฝันมากกว่าจะให้ผมเชื่อว่ามันจริง” นาวาพรั่งพรูความรู้สึกออกมาก่อนจะจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีดำขลับของร่างสูง พันเอกไม่โต้ตอบ มันจริงอย่างที่นาวาพูดมาทุกอย่าง ขนาดตัวเขาเองยังแทบจะไม่เชื่อว่าจะมาเผลอมีใจให้กับนาวาได้ แล้วนับประสาอะไรที่จะให้นาวาเชื่อกัน

“ผมอยู่กับคุณก็เหมือนตกนรกทั้งเป็น มันไม่แปลกหรอกครับที่ผมจะอยากไปอยู่กับคนที่ต้องการดูแลผมกับน้องจากใจจริง”

“ฉันจะไม่ปล่อยให้นายไปไหนทั้งนั้น” พันเอกโพล่งขึ้นทันที และก่อนที่นาวาจะได้ท้วงอะไรร่างสูงก็จับคนตัวขาวยัดใส่รถยนต์ก่อนจะขับออกไปทันที

“คุณ! เดี๋ยวสิ แล้วคุณจักรกับพายุเขาจะกลับยังไง!!!” นาวาเอ่ยถามไปถึงลูกน้องคนสนิทที่ไม่ได้ตามมาด้วย หากแต่พอถูกพันเอกตวาดใส่คนตัวขาวจึงหุบปากฉับ

“เงียบ! ไม่ต้องไปหวงสองคนนั้นหรอก มันเอาตัวรอดได้!”

ตลอดทางมีแต่ความเงียบงันที่โรยตัวโดยรอบระหว่างคนทั้งคู่ พันเอกกำพวงมาลัยเอาไว้แน่นพลางกัดฟันกรอด ส่วนนาวาเองก็ได้แต่ยกมือขึ้นมากำเข็มขัดนิรภัยเอาไว้เพราะอีกฝ่ายขับรถเร็วมากเกินความจำเป็น บางครั้งก็นึกโกรธตัวเองที่ไปประชดจนพันเอกโกรธแบบนั้น แต่ทั้งหมดทั้งมวลที่นาวาพูดไปก็ล้วนเป็นความจริงแทบทั้งสิ้น

พันเอกถามเขาว่าอยากไปอยู่กับรามไหม เขาก็ตอบไปตามความรู้สึกว่าอยาก การอยู่กับรามต้องดีกว่าอยู่กับพันเอกแน่อยู่แล้ว

แต่ที่พันเอกไม่ถาม คือเขาจะไปอยู่กับรามแน่จริงๆหรือเปล่าต่างหาก

อยากไปอยู่กับจะไปอยู่มันต่างกัน ใช่ว่าพอรามกลับมาแล้วนาวาจะยอมตามไปอยู่กับอีกฝ่ายอย่างง่ายๆเสียที่ไหน เขาต้องดูผลที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตเสียก่อนสิถึงจะถูก

และอีกอย่าง ถึงจะอยากไปจากพันเอกยังไง แต่ลึกๆแล้วนาวาก็ไม่อาจปฏิเสธหัวใจตัวเองได้หรอก หัวใจของเขามันเอาแต่เต้นบอกว่าให้อยู่กับพันเอก คอยอยู่ข้างๆและเปลี่ยนผู้ชายไร้หัวใจคนนี้ให้มีชีวิตที่เป็นของตัวเองจริงๆ ไม่ใช่อยู่ไปวันๆเพื่อความแค้นที่เจ้าตัวจำฝังใจ

ถามว่ารู้สึกยังไงกับพันเอก ตอนนี้นาวาไม่รู้ เขาไม่ได้เกลียดพันเอกมากมายขนาดนั้นเพราะรู้ดีว่าลึกๆแล้วพันเอกก็เป็นเพียงคนคนหนึ่งที่สูญเสียคนที่รัก เป็นคนที่บอบช้ำจากความไม่สมบูรณ์ของครอบครัว เพราะนาวาเคยได้รับความรักอย่างอบอุ่นมาโดยตลอด เขานึกไม่ออกเลยว่าหากชีวิตเขาเป็นเหมือนพันเอกแล้วเขาจะยังสามารถเข้มแข็งได้ขนาดนี้รึเปล่า

แต่ถึงจะไม่ได้เกลียด แต่ก็ใช่ว่าจะรัก

มันเป็นความรู้สึกสงสารเวทนาเสียมากกว่า

คนที่ต้องจมอยู่กับความแค้น คนที่ไม่เคยมีความสุขในชีวิต คนที่เหมือนตกอยู่ในกับดักของความรู้สึกที่ไม่เหลือใคร มันเหมือนกับตายทั้งเป็น

หากพันเอกพร้อมที่จะหยุด เพียงแค่เอ่ยปากว่าจะหยุดเรื่องราวทุกอย่าง นาวาก็พร้อมที่จะให้อภัยและคอยอยู่ข้างๆ คอยให้กำลังใจ คอยประคับประคองและฉุดรั้งอีกฝ่ายขึ้นมาจากกรงแค้นที่ขังเจ้าตัวเอาไว้มานานนับปี

ขอเพียงแค่เอ่ยออกมา นาวาก็พร้อมที่จะอยู่เคียงข้างคนคนนี้

เคียงข้างคนที่ครั้งหนึ่งเคยย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นคนของเขาอย่างเลือดเย็น

 

………………..………………..………………..

 

“ผมขอแนะนำว่าอย่าพยายามแย่งคุณวากลับไปเลยนะครับ อย่าหาว่าผมสอดรู้เลย แต่คุณวาไม่ใช่คนของคุณมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว” พายุเอ่ยขึ้นพลางจ้องมองไปยังร่างสูงของรามและสิบตรีด้วยแววตาราบเรียบ พันเอกฉุดเอานาวาออกไปได้สักพักแล้ว ตอนนี้บนดาดฟ้าของโรงแรมจึงเหลือเพียงแค่เขาและรามกับสิบตรีที่ยังยืนนิ่ง

“ฉันว่านายต่างหากมั้งที่สอดรู้ นี่มันเรื่องของนาย บ่าวชั้นต่ำอย่าเอาตัวเข้ามายุ่งสิ” เป็นสิบตรีที่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันนิดๆ ดวงตาคมจ้องมองร่างโปร่งที่ตัวเล็กกว่าเขาอยู่มากด้วยแววตาไม่ชอบใจ เขาไม่เคยนึกชอบลูกน้องของพนเอกคนนี้เลยสักนิด หลายครั้งที่อีกฝ่ายทำตัวเสียมารยาทใส่เขาเวลาเจอกันตามงานสังคม สายตาที่คอยจับจ้องอยู่ตลอดเวลาทำเอาสิบตรีนึกอยากจะเดินไปควักลูกตากลมที่ฉายแววซุกซนนั่นทิ้งเสีย

“คุณเองก็เป็นคนนอกเหมือนกันนั่นแหละ ไม่ได้ต่างกับผมเท่าไหร่เลยนี่” พายุหันไปแหวใส่ร่างสูงของสิบตรีด้วยความไม่ชอบใจ สิบตรีไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย เมื่อก่อนชอบดูถูกเขายังไงวันนี้ก็ยังเหมือนเดิม

เมื่อก่อนผู้ชายคนนี้ทำร้ายเขาด้วยคำพูดยังไง ปัจจุบันก็ไม่ได้ต่างไปเลยแม้แต่น้อย

พายุยังจำได้ดี เมื่อก่อนพายุกับจักรเป็นเพียงเด็กเร่ร่อนที่ขโมยของตามร้านค้าเพื่อประทังชีวิตไปวันๆ ต่อมาไม่นานพวกเขาก็ถูกอุปการะโดยประมุขของตระกูลกฤตภาส พัฒพงษ์ผู้เป็นบิดาของพันเอกส่งเสียให้ทั้งเขาและจักรเข้าเรียนโรงเรียนเดียวกับพันเอกและผู้ชายพวกนี้ กับรามและนารายณ์พายุไม่เคยมีปัญหาด้วย พวกเขาก็พูดคุยกันตามปกติทั่วไป จะมีก็แต่สิบตรีนี่แหละที่มักจะแขวะเขาอยู่เป็นประจำ ทั้งๆที่เมื่อก่อนพายุเองก็ชื่นชมในความสามารถที่มีมากมายของอีกฝ่ายแท้ๆ แต่สิบตรีกับเป็นพวกอีโก้สูง แบ่งชนชั้นวรรณะและเลือกคบแต่พวกที่ฐานะเท่าเทียมกับตนเอง คิดแล้วมันก็น่าโมโห ก็ดีแล้วละที่พันเอกแตกหักกับคนพวกนี้ พายุจะได้ไม่ต้องทนปั้นหน้ายิ้มแย้มให้สิบตรีต่อว่าด่าทอเวลาเจอกันตามลำพังอีก

“ผมว่าพวกคุณกลับไปเถอะครับ แล้วก็อย่ามายุ่งวุ่นวายกับคุณเอกแล้วก็คุณวาอีก เจ้านายของผมแก้แค้นในส่วนที่คุณรามเคยทำแล้ว ถือว่าหายกันก็แล้วกัน” พายุเอ่ยขึ้นพร้อมกับหมุนตัวเพื่อที่จะเดินหนี หากแต่ร่างโปร่งก็ถูกรามคว้าแขนเอาไว้ได้ก่อนที่อีกฝ่ายจะยกมือขึ้นมาบีบลำคอขาวของพายุเต็มแรงจนคนตัวเล็กกว่านิ่วหน้า

“อึ่ก!”

“หายกันงั้นเหรอ มันทำฉันเกือบตายแล้วนายยังมีหน้ามาพูดว่าหายกันอีกเหรอพายุ ง่ายไปหน่อยมั้ง” รามเค้นเสียงต่ำพลางกวาดมองใบหน้าขาวด้วยแววตาเย็นยะเยือก

“ไอ้พ่อพระของนายมันทำระยำอะไรเอาไว้ก็สำนึกซะบ้าง”

“อึ่ก...แค่ก ก็คุณฆ่าคุณหญิงกับคุณท่านก่อนทำไม!” พายุเถียงก่อนจะต้องร้องเสียงหลงเมื่อร่างของเขาถูกรามเหวี่ยงจนปลิวหวือไปหาสิบตรีที่รอรับเอาไว้ได้

“โอ๊ย ปล่อยนะเว้ย!” คนตัวเล็กกว่าแหวเมื่อถูกสิบตรีกอดหมับ ทำไมถึงได้โง่แบบนี้นะพายุ ทั้งๆที่ควรจะรีบหนีออกไปจากตรงนี้ยังมีหน้ามายืนต่อปากต่อคำกับผู้ชายพวกนี้อยู่อีก ถึงจะพอมีทักษะการป้องกันตัวอยู่บ้างแต่ระดับรามและสิบตรีน่ะพายุเทียบไม่ติดหรอก ทั้งสรีระร่างกายและความเร็ว ไหนจะพละกำลังอีกล่ะ

นี่มันฆ่าตัวตายชัดๆ

“แล้วตระกูลพวกนายทำเลวอะไรไว้บ้างละ หรือว่าทำเลวเอาไว้เยอะจนจำไม่ได้ว่าทำลายชีวิตของใครไปแล้วบ้าง” รามแสยะยิ้ม มองร่างโปร่งของพายุที่ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนของสิบตรีก่อนจะเหยียดยิ้ม ลูกน้องของพันเอกคนนี้ช่างน่าสมเพชจริงๆ

“คุณท่านกับคุณหญิงไม่ได้โกงเงินพวกคุณ ถึงโกงก็ไม่เห็นจะต้องฆ่าแกงกันเลยนี่ คนที่เลวน่ะคือพวกกลทีบ์ต่างหาก!” พายุเถียงกันจะหันไปมองค้อนอีกคนที่ยิ่งเขาพูดมากเท่าไหร่ อ้อมแขนนั้นก็ยิ่งรัดตัวเขาแน่นมากขึ้นเท่านั้น

“กูว่ากลับกันเถอะว่ะ เบื่อเด็กนี่เต็มทนแล้ว” สิบตรีที่เริ่มจะต้านทานแรงดีดดิ้นของพายุไม่ไหวพูดขึ้น เขาไม่รู้ตื้นลึกหนาบางเกี่ยวกับตระกูลของพันเอกและรามหรอก และเขาเองก็ไม่ได้อยู่ข้างรามเสียเต็มตัว ก็แค่ช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆและไม่ได้สอดมือเข้าไปยุ่งมากมายนัก

“ฝากไปบอกเจ้านายของนายด้วยนะพายุ อีกไม่นานฉันจะไปตามเอานาวากับน้องชายคืนมา และเมื่อถึงเวลานั้นฉันจะทำให้มันไม่เหลืออะไรเลย” รามทิ้งท้ายเอาไว้แค่นั้นก่อนจะเดินจากไป สิบตรีเองก็ปล่อยร่างโปร่งให้เป็นอิสระก่อนจะเดินตามเพื่อไปอย่างเงียบๆ ไม่ได้สนใจพายุที่กัดฟันกรอดด้วยความเจ็บใจเลยแม้แต่น้อย

“จนถึงตอนนี้กูก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมพวกมึงถึงได้เริ่มฆ่ากัน” สิบตรีเอ่ยถามนายหัวหนุ่มขณะที่ทั้งคู่กำลังก้าวเดินไปตามชั้นทางเดินของโรงแรมและตรงดิ่งไปยังลิฟต์ที่อยู่สุดทางเดิน รามยกยิ้มมุมปากกับคำถามของอีกฝ่ายก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“มึงไม่ต้องรู้แหละดีแล้ว ให้มันเป็นเรื่องของกูกับไอ้เอกสองคนก็พอ”

“สองคนมากกก กูยื่นตีนเข้ามาเกี่ยวขนาดนี้แล้วเนี่ย กูจำเป็นต้องรู้ป่ะวะ” ร่างสูงพูดขึ้นพลางส่ายหน้า รามไม่ตอบอะไรกลับไป ชายหนุ่มทำเพียงแค่ยกยิ้มพลางก้าวเดินต่อไปอย่างเงียบๆ

 

………………..………………..………………..

 

รถยนต์คันหรูของพันเอกแล่นเข้ามาจอดภายในบริเวณบ้านอย่างรวดเร็ว พอดับรถได้ร่างสูงก็ไม่รีรอ ชายหนุ่มตรงเข้าไปดึงตัวนาวาออกมาจากรถอย่างไม่นึกถนอมก่อนจะลากแขนของร่างโปร่งเข้าไปในตัวบ้านอย่างรุนแรง

“คุณเอก ผมเจ็บ” นาวาปรามเพื่อให้อีกคนใจเย็นหากแต่พันเอกกลับทำเพียงหันหน้ามามองเขาและออกแรงบีบข้อมือของนาวาแน่นขึ้นไปอีก

“โอ๊ย! ผมเจ็บจริงๆนะคุณ!” นาวาร้องเสียงหลง เสียงร้องของชายหนุ่มทำเอาพระพายและณะโมรวมถึงแม่บ้านเดินเข้ามาหาคนทั้งคู่ด้วยความตกใจ

“อะไรกันพี่เอก ทะเลาะอะไรกัน” พระพายเอ่ยถามพี่ชายที่ยังยืนยื้อนาวาเอาไว้ในขณะที่อีกฝ่ายพยายามจะแกะมือหนี

“คุณพายมาเอาคุณเอกไปสงบสติอารมณ์ทีสิครับ” นาวาเอ่ยกับพระพายด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง เขาเองก็เริ่มหงุดหงิดกับอาการไม่ฟังใครของพันเอกขึ้นมาเหมือนกัน ก็เพราะเอาแต่คิดเองเออเองไม่ถามและไม่ฟังคำอธิบายแบบนี้นี่ไงเขาถึงไม่อยากจะอยู่ด้วย

“พี่เอกปล่อยคุณวาก่อน มีอะไรก็ค่อยๆพูดค่อยๆจากัน” พระพายหันไปบอกพี่ชายพลางดึงตัวณะโมเอาไว้เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มกำลังจะกระโจนเข้าไปร่วมวงด้วยอีกคน ณะโมหันมาตวัดสายตามามองพระพายด้วยแววตาโกรธขึง แต่พระพายก็เลือกที่จะเมินเฉยกับสายตาแบบนั้นและกันไม่ให้เด็กหนุ่มเข้าไปทำให้เรื่องมันยุ่งยากยิ่งกว่าเดิม

ในขณะที่ทุกคนกำลังวุ่นวายอยู่กับการบอกให้พันเอกใจเย็น เจ้าตัวกลับไม่สนใจใครหน้าไหน ร่างสูงเอาแต่จ้องนาวาก่อนจะลากนาวาขึ้นห้องท่ามกลางเสียงร้องห้ามของคนอื่นๆ ณะโมกัดฟันกรอดสะบัดตัวให้พ้นจากพันธนาการของพระพายเมื่อเห็นพี่ชายถูกลากดุ่มๆขึ้นห้อง เด็กหนุ่มวิ่งตามคนทั้งคู่ไปอย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่ทัน พันเอกปิดประตูใส่หน้าณะโมเสียงดังลั่นจนเขาได้แต่ทุบประตูด้วยความเจ็บใจ

“คุณเอก ปล่อยพี่วาออกมาเดี๋ยวนี้นะ!” คนเป็นน้องตะโกนกร้าวพลางทุบประตูห้องแรงๆด้วยเพลิงโทสะ ยิ่งได้ยินเสียงร้องประท้วงของนาวาแว่วมาก็ยิ่งร้อนรนจนต้องลงมาขอกุญแจสำรองจากเอื้องคำที่ยังยืนคุยกับพระพายด้วยใบหน้าเคร่งเครียด

“ป้าเอื้องครับ โมขอกุญแจสำรองห้องนอนใหญ่หน่อยได้ไหม”

“โม พี่ว่าลองปล่อยให้พี่เอกกับพี่วาคุยกันตามลำพังเถอะ อย่าเพิ่งเข้าไปกวนทั้งคู่ตอนนี้เลย” เป็นพระพายที่เอ่ยขัดขึ้นมา เขาไม่เห็นด้วยเท่าใดนักที่จะให้ณะโมขึ้นไปขัด ด้วยรู้นิสัยพันเอกดีว่าคงต้องการความเป็นส่วนตัวเอามากๆถึงเลือกที่จะฉุดกระชากนาวาขึ้นไปบนห้องแบบนั้น

“ปล่อยให้คุยกัน? คุณพระพายแน่ใจเหรอครับว่าพี่ชายคุณจะแค่คุย ก็เห็นๆกันอยู่ว่าเขาจะทำร้ายพี่ชายผม” ณะโมขึ้นเสียง ตั้งแต่รู้ความจริงเขาก็ไม่เคยเรียกพันเอกและพระพายว่าพี่อีก

พระพายมองเด็กหนุ่มที่เขานึกเอ็นดูเหมือนน้องชายด้วยสายตาเจ็บปวด คนถูกมองถึงกับสะอึกไปชั่วครู่ก่อนจะเสตาหลบ ความรู้สึกผิดในใจตีตื้นขึ้นมาจนไม่กล้าสู้หน้า พระพายดีกับเขามาก ช่วยเหลือและดูแลทุกอย่างตั้งแต่ณะโมมาอยู่ที่นี่ แต่พอคิดถึงสาเหตุที่เขากับพี่ชายต้องมาอยู่ในบ้านหลังนี้มันก็อดโกรธเคืองอีกคนไม่ได้

“พี่เชื่อว่าพี่เอกไม่ทำร้ายพี่วาหรอก” เพราะพันเอกไม่ทำร้ายคนที่ตัวเองแคร์แน่ๆ พระพายได้แต่ต่อประโยคนี้อยู่ในใจ หากแต่คนที่ไม่เคยรู้ถึงความหวั่นไหวของพันเอกที่มีต่อนาวาอย่างณะโมกลับยิ่งฉุน เด็กหนุ่มมองว่าพระพายเข้าข้างพี่ชายของตนจึงพูดออกไปอย่างบันดาลโทสะ

“คุณก็พูดได้ พี่น้องกันนี่”

“โม...”

“เหอะ” ณะโมสะบัดหน้าหนี หลายคนอาจมองว่าที่ทำไปเพราะโกรธแต่จริงๆแล้วเขาไม่อยากเห็นใบหน้าเจ็บปวดของพระพายเสียมากกว่า ถึงภายนอกจะทำทีว่าโกรธแค้นสองพี่น้องจากตระกูลกฤตภาสยังไง แต่ลึกๆแล้วณะโมก็ยังคงมีความรู้สึกดีๆให้กับพระพายอยู่

พระพายเหมือนพี่ชายอีกคนของเขา ใช่ว่าเขาอยากจะทำตัวไม่น่ารักใส่ แต่ณะโมไม่มีทางเลือก

“กุญแจสำรองน่ะพวกเราไม่มีหรอกค่ะคุณโม อยู่ที่ห้องคุณเอกหมด” เป็นเอื้องคำที่เอ่ยขึ้นมาแทน ณะโมเม้มปากแน่นกับประโยคของหญิงสูงวัยก่อนจะหมุนตัวเดินกลับขึ้นไปชั้นบนโดยไม่พูดไม่จา

เด็กหนุ่มเดินมายืนเกาะประตูห้องนอนของพันเอกอีกครั้งพลางคิดหาทางพาตัวนาวาออกมา ไม่รู้ว่าทั้งคู่ผิดใจกันเรื่องอะไรอีกแต่ณะโมไม่อยากเห็นพี่ชายถูกทำร้ายอีกต่อไปแล้ว แค่ที่ผ่านมาที่นาวาต้องทุกข์ใจโดยที่เขาไม่รู้ก็ทำให้รู้สึกว่าตัวเองเป็นน้องชายที่ไม่ได้เรื่องเอาซะเลย นาวาปกป้องเขามาโดยตลอด และตอนนี้ณะโมจะขอเป็นฝ่ายดูแลพี่บ้างจะเป็นไรไป

‘คุณเลิกบ้าสักทีได้ไหมคุณเอก แล้วก็ปล่อยผมไปได้แล้ว!’

เสียงของนาวาดังแว่วมาจากในห้องให้ณะโมได้ยิน เด็กหนุ่มขมวดคิ้วด้วยความไม่สบายใจพลางจับใจความสิ่งที่คนในห้องคุยกัน

‘งั้นก็บอกฉันมาสิวา บอกมาว่านายจะอยู่กับฉัน’ เสียงพันเอกขัดขึ้นพร้อมกับเสียงตึงตังแผ่วๆที่ณะโมได้ยินทำเอาเด็กหนุ่มใจคอไม่ดี

‘ผมไม่อยากอยู่ให้คุณมาทำร้ายผมหรอกนะคุณเอก’

‘อ้อ นายจะบอกว่านายอยากไปอยู่กับไอ้รามงั้นสิ’

‘ผมไม่อยู่กับใครทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นคุณหรือใคร ถ้าคุณยังทำตัวแบบนี้ผมจะออกไปจากที่นี่ ปล่อยผมได้แล้ว!’

‘นายคิดว่าฉันจะปล่อยนายไปง่ายๆงั้นเหรอ อย่าหวังเลยนาวา ตราบใดที่นายยังเป็นคนของฉัน เป็นเมียฉัน ต่อให้นายตายฉันก็จะตามไปลากนายกลับมา ถ้าใครหน้าไหนมันคิดจะมาเอาตัวนายไปมันก็ต้องข้ามศพฉันไปก่อน!!!’

‘คุณมันเลว เผด็จการ! คนไร้เหตุผลแบบคุณสักวันจะไม่เหลือใครอยู่ข้างๆ ทุกคนจะหนีคุณไปหมด ผมเกลียดคุณ ผะ...อื้อ! ปล่อยนะ!’

“พี่วา!” ณะโมร้องเรียกพี่ชายเสียงหลงเมื่อน้ำเสียงของคนในห้องเริ่มขาดหายไป เด็กหนุ่มทุบประตูห้องพลางร้องเรียกพันเอกเสียจนพระพายต้องวิ่งขึ้นมาดู ณะโมเม้มปากแน่นหันไปขอความช่วยเหลือจากอีกฝ่าย แววตาเว้าวอนแดงก่ำทำเอาพระพายต้องเดินเข้ามาหาพร้อมกับเคาะเรียกพันเอกด้วยใบหน้าฉายแววกังวล

“พี่เอก เปิดประตูให้ผมหน่อย”

จบประโยคสิ่งที่พระพายกับณะโมได้รับคือความเงียบงัน พระพายขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อได้ยินเสียงบางอย่างดังลอดออกมาจากข้างใน

‘คุณเอก...อ๊ะ...’

‘อย่าทิ้งกันไปไหนเลยนะวา’

‘อึ่ก คุ...อาาาา’

‘อย่าทิ้งฉันเลยนะ’

‘อ๊ะ...อ๊าาาา’

เสียงครางหวีดหวิวยังคงดังต่อเนื่องพร้อมกับเสียงบางอย่างที่ดังสอดประสานกัน พระพายหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอายในขณะที่ณะโมทำหน้าปั้นยาก เด็กหนุ่มยังคงมีใบหน้าร้อนรนอยากจะเข้าไปหาพี่ชายภายในห้องหากแต่พระพายก็ได้แต่ส่ายหน้า

“เข้าไปตอนนี้ไม่เหมาะหรอกโม”

“คุณพาย! พี่ชายคุณรังแกพี่วาอยู่นะ” ณะโมอดที่จะท้วงขึ้นมาไม่ได้ พระพายเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับสถานการณ์ตรงหน้า สุดท้ายจึงได้แต่ถอนหายใจก่อนจะตัดสินใจดึงแขนณะโมและออกแรงลากเด็กหนุ่มให้ลงไปข้างล่างด้วยกันท่ามกลางเสียงเอะอะโวยวายของคนที่ไม่เต็มใจจะออกห่างจากบานประตู

“ปล่อยผมนะเว้ย!”

“ไม่ปล่อย พี่ขอละโม เราก็น่าจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในห้อง” พระพายเอ็ดก่อนจะค่อยๆดึงน้องให้ลงบันไดอย่างระมัดระวัง ณะโมถลึงตามองอีกคนด้วยความกรุ่นโกรธก่อนจะสวนกลับทันควัน

“เกิดอะไรขึ้นเหรอ จะอะไรซะอีกละถ้าไม่ใช่ว่าพี่ชายคุณกำลังปล้ำพี่วาอีกแล้ว พอเลยนะ ต่อไปนี้พวกคุณไม่ต้องมายุ่งกับผมอีกแล้ว!!” ณะโมทิ้งท้ายเอาไว้เพียงเท่านั้นก็สะบัดตัวให้หลุดจากการเกาะกุมอย่างรุนแรงจนพระพายเซเล็กน้อย ร่างโปร่งเกือบจะร่วงลงจากบันไดแต่มือขาวก็คว้าเอาราวบันไดไว้ได้พอดิบพอดี

ณะโมหน้าซีดด้วยความตกใจไปวูบหนึ่ง ปากบางตั้งใจจะเอ่ยขอโทษหากแต่สุดท้ายเจ้าตัวก็เลือกที่จะหันหลังหนีขึ้นไปบนห้องของตัวเองในที่สุด

พระพายมองตามแผ่นหลังเล็กด้วยความเสียใจก่อนจะเอ่ยพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“พี่ขอโทษ...”
.
.
.
.
.

ออฟไลน์ March. Marcia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +166/-5

………………..………………..………………..

 

พันเอกทอดสายตามองร่างเปลือยเปล่าข้างกายด้วยแววตาอ่อนโยน นาวานอนหลับตาพริ้มลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอบ่งบอกว่าเจ้าตัวเสียพลังงานไปเยอะจากกิจกรรมก่อนหน้านี้ กลีบปากอวบอิ่มของคนตัวขาวแดงก่ำและบ่มเจ่อขึ้นมาจากการถูกจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่า พันเอกก้มลงหอมแก้มนุ่มติดต่อกันหลายครั้งก่อนจะเลื่อนใบหน้าขึ้นไปกดจูบที่ขมับของอีกคนอย่างขอลุแก่โทษ

เขาเผลอใช้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลจนดึงดังรังแกนาวาอีกแล้ว พอคิดไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดก่อนหน้านี้ก็นึกเจ็บใจตัวเองที่ปล่อยให้ความกลัวครอบงำจิตใจจนเผลอทำให้นาวาไม่พอใจ เขาควรเปิดอกคุยกับอีกฝ่ายดีๆมากกว่าสาดวาจาแรงๆใส่ให้นาวาประชดกลับมาด้วยประโยคไม่น่าฟัง

“ฉันขอโทษ” ร่างสูงได้แต่เอ่ยขอโทษอย่างรู้สึกผิด ตั้งใจเอาไว้ว่าเมื่ออีกคนตื่นขึ้นมาเขาจะเปิดอกคุยกับนาวาจริงๆจังๆและขอโอกาสเริ่มต้นใหม่

ร่างสูงหันไปมองคนข้างกายอีกครั้งก่อนจะลุกขึ้นสวมเสื้อผ้าและเช็ดตัวให้นาวาอย่างเบามือ เมื่อแน่ใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วชายหนุ่มจึงเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ ตรงดิ่งลงไปชั้นล่างและเดินไปยังทิศทางของห้องทำงาน

เมื่อไปถึงสิ่งแรกที่พันเอกทำคือถามไถ่ตรวจสอบว่าพายุและจักรกลับมาถึงบ้านแล้วหรือยัง ได้ความว่าทั้งคู่นั่งแท็กซี่กลับกันมาหลังจากงานจบ ร่างสูงเอ่ยขอโทษลูกน้องเสียยกใหญ่ที่ละทิ้งหน้าที่แต่ทั้งคู่ก็บอกปัดว่าไม่มีปัญหาอะไร

พันเอกเคลียร์งานที่ทำค้างเอาไว้ต่อ จวบจนเวลาล่วงเลยเข้าไปพักใหญ่เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ร่างสูงขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ เหลือบตามองนาฬิกาที่ตั้งโต๊ะก็ยิ่งแปลกใจมากขึ้นไปอีก ตอนที่เขาลงมาไฟในบ้านปิดสนิท แล้วใครกันที่มาเคาะประตูห้องทำงานของเขา และไม่รอให้เสียงเคาะดังขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง ประมุขของบ้านก็เดินไปเปิดประตูห้องออกก่อนจะเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจที่เห็นณะโมยืนมองเขาด้วยสายตาราบเรียบ

“ยังไม่นอนอีกหรือไง” พันเอกเอ่ยถามเด็กหนุ่มพลางขมวดคิ้ว ณะโมส่ายหน้าไปมาก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแปลกไปจากเดิมจนคนฟังจับความรู้สึกได้

“ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ ขออนุญาตเข้าไปคุยข้างในได้ไหมครับ”

“อืม เข้ามาก่อนสิ” พันเอกรับคำก่อนจะขยับตัวเปิดทางให้เด็กหนุ่มเดินเข้ามา ณะโมเดินเข้าไปภายในห้องทำงานของร่างสูงด้วยท่าทีสงบนิ่ง พันเอกถอนหายใจก่อนจะค่อยๆปิดประตูห้องและหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับอีกคน แต่ทว่าพอหันกลับมาร่างสูงก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อพบว่าณะโมกำลังยืนนิ่งจ้องมองมาที่เขาด้วยแววตาดุดัน ในมือมีปืนพกกระบอกหนึ่งจ่อมาที่เขา ณะโมยกระดับปืนขึ้นไปยังหน้าอกของอีกคนก่อนจะขึ้นนกปืนเตรียมพร้อมที่จะลั่นไกได้ทุกเมื่อ

“ไปเอาของแบบนั้นมาจากไหน”

“หึ สำคัญด้วยเหรอครับ ยังไงๆสุดท้ายไอ้ปืนกระบอกนี้ก็จะส่งคุณลงนรกอยู่ดี” เด็กหนุ่มแสยะยิ้มพลางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก พันเอกได้แต่สบถในใจ สิ่งที่เขาคิดไว้นั้นไม่ผิดเลยสักนิด น้องชายของนาวาไม่ใช่เด็กน้อยใสซื่ออ่อนหวาน หากแต่ณะโมคนนี้ลึกๆแล้วก็ไม่ต่างอะไรไปจากพันเอกเลยสักนิด

กล้าทำทุกอย่างอย่างไม่คิดลังเลเพื่อความพึงพอใจของตนและความสุขของคนที่รัก

“เอามันไปทิ้งซะณะโม นายไม่อยากใช้มันหรอก” พันเอกเกลี้ยกล่อม สองเท้าค่อยๆสืบสานเข้าไปใกล้เด็กหนุ่มอย่างช้าๆโดยที่อีกคนไม่ทันสังเกต หรือบางทีณะโมอาจจะเห็นแต่ยังยอมให้พันเอกเดินเข้ามาหา  เพราะเป้าหมายน่ะ...ยิ่งอยู่ใกล้เท่าไหร่โอกาสที่เขาจะยิงพลาดก็ยิ่งมีน้อยมากเท่านั้น

“หึ กลัวเหรอครับ”

“...”

“คุณเคยบอกนี่ ว่าถ้าอยากให้พี่วาเป็นอิสระต้องข้ามศพคุณไปก่อน” ณะโมเริ่มต้นประโยคด้วยน้ำเสียงราบเรียบในขณะที่พันเอกยังคงก้าวเดินเข้ามาหาเด็กหนุ่มที่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม

“ผมจะไม่ยอมให้พี่ชายผมตายทั้งเป็นเพราะคนแบบคุณอีกแล้ว อโหสิให้ผมด้วยก็แล้วกัน!”

 

ปัง!!

 

สิ้นประโยคของณะโม เสียงปืนก็ดังกึกก้องไปทั่วบ้าน พันเอกผงะไปหลายก้าวก่อนจะรู้สึกชายิบที่หัวไหล่ นาทีนั้นชายหนุ่มรับรู้ได้ทันทีว่ากระสุนจากปืนในมือของอีกคนเจาะเข้าร่างของเขาเข้าเต็มๆ หากแต่พันเอกก็ไม่มีเวลาคิดอะไรมากไปกว่านี้เมื่อเห็นว่าณะโมกำลังจะยิงเขาซ้ำ และคราวนี้เด็กนั่นเล็งเป้ามาที่ศีรษะของพันเอกแทน

ไวเท่าความคิด ร่างสูงขยับเข้าไปยื้อแย่งมัจจุราชในมือของเด็กหนุ่มด้วยความรวดเร็ว นอกห้องเริ่มมีเสียงเอะอะโวยวายแว่วเข้ามาหากแต่ณะโมก็ยังดึงดันที่จะปลิดชีวิตของพันเอกให้ได้

ร่างของคนทั้งคู่ยื้อแย่งปืนในมือกันอยู่เนิ่นนาน อันที่จริงหากเป็นเวลาปกติแน่นอนว่าพันเอกจะต้องได้เปรียบณะโมอยู่แล้ว แต่ในตอนนี้บาดแผลที่ถูกกระสุนฝังตัวอยู่ที่ไหล่บั่นทอนพละกำลังของชายหนุ่มลงไปมากกว่าครึ่ง ฝ่ายณะโมเองก็มีเรี่ยวแรงที่มาจากความเคียดแค้นชิงชัง สองร่างจึงยื้อยุดฉุดกระฉากกันอย่างไม่มีใครยอมใคร

 

ปัง!

 

โดยไม่มีใครคาดคิด เสียงปืนนัดที่สองดังขึ้นอีกครั้งจนร่างของพันเอกและณะโมชะงัก พันเอกตัวชาวาบหัวใจ ในอกวูบโหวงเหมือนมีมือมาควักหัวใจของเขาออกไปจากอก ชายหนุ่มเรียกชื่อของคนตรงหน้าเสียงแผ่วเบา ตามลำคอและใบหน้าคมคายเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงฉาน

 

เลือด...ที่ออกมาจากร่างของณะโม

 

“อึ่ก...”

“โม!!!” ร่างสูงเรียกชื่อคนตัวเล็กเสียงดัง ปืนในมือร่วงลงกระทบกับพื้นห้อง พันเอกช้อนร่างของณะโมขึ้นมาแนบอกแทบจะในทันที สองขาก้าวเดินออกจากห้องทำงานก่อนจะตะโกนบอกพระพายที่เพิ่งจะวิ่งลงมาจากห้องนอนชั้นบนด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้าน

“พี่เอก...เกิดอะไรขึ้น”

“พาย ไปเอารถออก”

“พี่เอ...” / “ฉันบอกให้ไปเอารถออก ณะโมถูกยิง ไปเดี๋ยวนี้!!!!!”

พันเอกตวาดเสียงแข็งกร้าวเมื่อเห็นคนเป็นน้องยังยืนช็อคอยู่ที่ปลายบันได พระพายสะดุ้งโหยงก่อนจะรีบวิ่งออกไปนอกบ้าน สวนกับจักรและพายุที่วิ่งเข้ามาทั้งที่ยังอยู่ในชุดนอน

“นายครับ...คุณโม!!!!” พายุร้องเสียงหลงเมื่อเห็นสภาพของคนในอ้อมกอดของพันเอก ร่างของณะโมโชกไปด้วยเลือด พันเอกกัดฟันกรอดใจเต้นไม่เป็นส่ำ พายุรีบวิ่งเข้ามาหาผู้เป็นนายในขณะที่จักรตามพระพายออกไปถอยรถอย่างรวดเร็ว

พายุมือไม้สั่นกับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า ไม่กล้าถามว่าเกิดอะไรขึ้น ชายหนุ่มวิ่งเข้ามาประชิดตัวพันเอกก่อนจะอุทานเสียงหลงเมื่อเห็นว่าพันเอกเองก็ถูกยิงไม่ต่างกัน ร่างโปร่งกุลีกุจอเข้าไปเพื่อรับร่างณะโมมาอุ้มหากแต่พันเอกกลับไม่ยอม

“คุณเอก...เดี๋ยวผมอุ้มให้ คุณเองก็บาดเจ็บ”

“ไม่ ฉันอุ้มเอง ฉันไหว”

“แต่คุณเอกครั...คุณวา...”

เสียงของพายุขาดหายไปก่อนจะแทนที่ด้วยชื่อของคนที่พันเอกไม่อยากได้ยินที่สุดในชีวิต ร่างสูงตัวเย็นเฉียบพลางหันไปมองคนที่กำลังยืนอยู่บนชั้นสองของบ้าน และทันทีที่นาวาเห็นสภาพของเขาและคนในอ้อมกอดร่างโปร่งก็กรีดร้องเสียงดังลั่นก่อนจะรีบวิ่งลงบันไดมาอย่างรวดเร็ว

“ณะ!!!!”

นาวาถึงตัวน้องในไม่กี่วินาทีต่อมา เป็นจังหวะเดียวกับที่มีเสียงรถมาจอดเทียบหน้าบ้าน พันเอกไม่รีรอให้เสียเวลาไปมากกว่านี้ ร่างสูงพาร่างของณะโมขึ้นรถโดยมีนาวาผวาตามไปไม่ห่าง ใบหน้าขาวสูบซีด ทั้งเนื้อทั้งตัวชาวาบ น้ำตาที่น้อยครั้งจะหลั่งรินบัดนี้ไหลอาบแก้ม ร่างทั้งร่างของนาวาสั่นระริกขณะก้าวขึ้นไปนั่งบนรถ

“ณะ ฮึก ทำไมเป็นแบบนี้ ฮึก” คนเป็นพี่เอ่ยเสียงกระท่อนกระแท่น ใจแทบสลายเมื่อแตะตรงไหนก็มีแต่เลือดของน้องชายติดมือมา

“มันเกิดอะไรขึ้น ฮึก มันเกิดอะไรขึ้น!!!!!” นาวาหันไปถามอีกคนที่มีสภาพย่ำแย่ไม่ต่างกัน พันเอกอุ้มณะโมเอาไว้ไม่ห่าง ชายหนุ่มไม่ได้ตอบคำถามของณาวาแต่กลับออกปากบอกจักรให้เร่งความเร็วของรถขึ้นไปอีก นาวามองพันเอกด้วยแววตาเจ็บปวด กลีบปากบางเม้มแน่น ยิ่งเห็นร่างโชกเลือดของน้องชายในอ้อมกอดของอีกคนก็ยิ่งรู้สึกว่าหัวใจถูกชำแหละออกเป็นชิ้นๆ ชายหนุ่มขยับเข้าไปคว้ามือณะโมมาจูบซ้ำๆ เลื่อนตัวไปจูบทั่วใบหน้าก่อนของคนที่รักมากที่สุดในชีวิตก่อนจะชะงักไปเมื่อเห็นสภาพของณะโมใกล้ๆอย่างเต็มตา

 

และในวินาทีนั้น นาวาก็ได้แต่ร้องไห้ออกมาราวกับจะขาดใจเมื่อพบว่าน้องชายของตนถูกกระสุนเจาะยิงเข้าที่ใต้คางจนทะลุออกไปทางด้านหลัง

 

“ฮึก ไม่ ณะ ได้โปรด อย่าทิ้งพี่ไปแบบนี้ ฮือออ ไม่เอาแบบนี้ กลับมา ฮึก กลับมา”

 

ต่อให้โรงพยาบาลมาตั้งอยู่ตรงหน้าก็ไร้ประโยชน์

ต่อให้มีหมอเป็นสิบเป็นร้อยคนอยู่ข้างๆในตอนนี้ก็ไม่ได้ช่วยอะไร

เพราะน้องชายของเขาไม่ได้มีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว

 

ณะโมไม่อยู่แล้ว

 

ยังไม่ทันได้บอกรัก ยังไม่ทันได้เห็นน้องเติบโตก็ต้องมาเสียไป

ทุกสิ่งที่นาวาพยายามสร้าง ทุกอย่างที่เคยหาให้ ทุกความเหนื่อยยาก ทุกความทรมาน ทุกความทรงจำที่แสนมีค่าที่เคยมีร่วมกัน

บัดนี้กลับกลายเป็นความว่างเปล่าอย่างแท้จริง

 

โปรดติดตามตอนต่อไป

ออฟไลน์ nuum

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
หน่วงใจจังเลย ครับ    :o11:

ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14
สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :m15:  คนเป็นทรมานกว่าคนตายเสมอ

บางทีก็คิดนะว่าตายๆกันหมดแล้วเมื่อไหร่จะได้รู้ความจริง

ออฟไลน์ valenna yy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
อ่านละไม่เข้าใจวะ เกลียดเพื่อนของรามทุกคนคือ ไอ่เอี้ย มึงจะเข้ามันทำไมนักเคยเปนเพื่อนกับเอกหนิ พวกมึงแม่งชั่ว กุเกลียดจิงๆเพื่อนแบบนี้ นาวาก้งั้นๆอ่านๆไปก้เริ่มหมั่นไส้ นะโมนี่ไอ่เนรคุน เดี๋ยวพี่มึงก้มาโทดพันเอกอีกทั้งๆที่มึงยิงเค้าก่อน โว้ะ ห่าไรวะ
เกลียดสุดก้รามอ่ กุ หมั้นไส้แม่งจิงๆ
รักนักรักหนานาวา เหี้ยเพื่อนคบมาเปนสิบปีมึงยังฆ่าพ่อแม่เค้าได้ทำร้ายน้องชายเค้าได้ ที่อย่างงี้จะปกป้องนาวากับน้องชาย ถุ้ย!ไอ่____ มึงแม่ง กุด่าไม่ออก
เรื่องนี่สงสารพะพาย พันเอกนี่เฉยๆช่างแม่ง ก้ดูดิไม่ได้ทำไรผิดไอ่เหี้ยรามก้มาทำเงี่ย ดูไอ่เนรคุนนะโมมันทำ คือ หนุคะ ชีวิตอนาถชิบ__ ต้องทำบุญ 999 วัดคะ 9 วัดไม่พอ กรวดน้ำแผ่เมตตาบ่อยๆ เพราะชีวิตเจอแต่สัตว์ อิฉันคงอยุ่เชียไม่ได้ทุกตอนเนื่องจากแพ้ผงชูรส รับประทานมาม่าไม่ได้ จะเกิดอาการคลั่ง(แค้น...ค้าง)
.
สุดท้ายขอบคุนคนเขียนนะคะ เขียนดี คำผิดแทบไม่มี เขียนลื่น อ่านทีอารมมาเตม สู้ๆ รออยุ่นะคะ
 :กอด1:

ออฟไลน์ Viewonohm

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 843
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-5
คิดไว้แล้ว...

ออฟไลน์ parn11

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
เราว่าระหว่างนาวากับพันเอกมาไกลเกินไปแล้ว
ถ้าจะมารักกันคงแทบจะแหกโค้งเลบก็ว่าได้
ยิ่งถ้าณะโมเป็นอะไรไปแทบจะมองไม่เห็นหนทางที่จะรักกันของสองคนเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Tennyo_Y

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
รู้สึกอ่านจบ และมีแต่คำสบถว่า เชี่ย จริง ๆ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
โอ๊ยยยย. เครียดแทนนนนน. เฮ้อออออ

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ว่าแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ ไม่อยากจะโทษพันเอกหรอกนะที่ณะโมต้องมาตายแบบนี้อ่ะ มันเป็นเพราะความใจร้อน ไม่ฟังเหตุผล ใช้แต่กำลัง ทำแบบนี้มันก็ไปกระตุ้นให้ณะโมต้องลุกขึ้นมาปกป้องพี่ที่เค้ารักนะซิ บอกเองแท้ๆ ว่าณะโมนิสัยคล้ายตัวเองแล้วทำไมไม่คิดว่าณะโมจะทำแบบนี้

ส่วนณะโมหนูก็ใจร้อนเกินไป ไม่รู้จะว่ายังไงก็รู้ว่าห่วงพี่ตัวเองล่ะน่ะ แต่วิธีเอาคืนพันเอกหรือวิธีปกป้องนาวาก็มีเยอะแยะ ทำไมต้องใช้วิธีนี้ด้วยน้า เศร้าใจแทนนาวาเลย

เฮ้อออ ไม่ยักเห็นว่าจะมีวิธีไหนให้พันเอกกับนาวารักกันได้เลยเมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้นนาวาต้องโทษพันเอกชัวร์ๆ ต่อให้รู้ว่าความจริงเป็นยังไงก็เถอะ ถ้านาวารักพันเอกได้เนี่ยะพ่อพระเลยนะเพราะยังไงต้นเหตุที่ณะโมต้องตายก็เพราะคนเริ่มเรื่องทุกๆ อย่าง ก็คือพันเอก(เฉพาะตอนนี้นะยังไม่รวมราม)

ออฟไลน์ Ak@tsuKII

  • Honeymoon
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3845
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-3
เฮ้อ ~ มองไม่เห็นทางเลยทีนี้ อุตส่าห์หวานๆเร่าร้อนในห้องลองเสื้อ เปิดใจกันแล้วแท้ๆ นึกว่าไปงานพันเอกจะได้สร้อยให้นาวาสักเส้น เหมือนที่ตั้งใจว่าจะง้อ หวานๆความสัมพันธ์พัฒนา ไหงกลายเป็นงี้ไปได้ จะโทษพันเอกก็คงไม่ได้หรอกเข้าใจที่จะฟิวส์หลุดคือนาวาก็ไปเติมเชื้อเข้าไปไง นางหวงนางกลัวนาวาทิ้ง อยู่แล้วไง พอพันเอกเห็นนาวากอดราม เห็นบอกว่าอยากไปอยู่กับราม แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่พันเอกจะโมโห และขึ้นขนาดนี้ คนมันเคยมีประเด็นว่าเกลียดกันถึงขั้นฆ่าแกงกันให้ตายมาแล้ว นาวาเลือกจะพูดแต่พูดไม่หมดในสิ่งที่คิด แถมคำพูดนั้นเป็นตัวกระตุ้นชั้นดีด้วยสิก็เลยยิ่งไปกันใหญ่เลยทีนี้ นาวาก็น่าจะรู้พื้นนิสัยพันเอกดี จะคาดหวังให้พันเอกเข้าใจในสิ่งที่อยู่ในใจนาวาก็คงยาก แค่ทุกวันนี้ก็เริ่มดีขึ้นเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาหน่อยเพราะรักนาวานี่แหละ ส่วนณะโม ก็เฮ้อ~เอาใจช่วยพันเอกละกันศึกหลายทางไหนจะน้อง ที่จะต้องโดนรามทำร้าย ไหนจะคนรักจะทำยังไงดีละทีนี้เมื่อณะโมมาตายแบบนี้ #ปวดใจ#เครียด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-04-2015 11:06:46 โดย Ak@tsuKII »

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
 :katai1: เครียด

ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8
โอ๊ยยยยยไปไม่เป็นเลยเจอตอนนี้เข้าไป

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
มาให้กำลังใจก่อนจ้า

ยังอ่านไม่ทัน

ออฟไลน์ kimjuy_o

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-2
กรรม
กรรรเวร ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกหน่วง
บอกแล้วว่าณะโมทำเรื่องให้แย่ไปกว่าเดิม
ทีนี้จะเป็นไงต่อไปอีก
คงต้องรอตอนต่อไปสินะคะ
เป็นกำลังใจให้ค่า

ออฟไลน์ ~ ฤดูใบไม้ผลิ ~

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
ณะโม  :m15:

ออฟไลน์ sosi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 246
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
สงสารนาวา :mew6:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด