ตอนที่ ๖
พันเอกอุ้มร่างขาวของนาวาเข้ามาภายในบ้านและตรงดิ่งไปยังห้องทำงานที่ตั้งอยู่ทางปีกซ้ายของบ้านอย่างรวดเร็ว ไม่มีเวลามากพอจะเดินขึ้นบันไดไปจนถึงห้องนอน เมื่อเปิดประตูและเข้ามาภายในได้ก็ดันนาวาให้แนบติดกับผนังพลางตรึงแขนเล็กเอาไว้กับห้องอย่างแน่นหนา
“อ๊ะ! คุณเอก…” เสียงครางหวีดหวิวดังลอดผ่านริมฝีปากคู่สวยเมื่อต้นคอถูกจู่โจมด้วยริมฝีปากของอีกคน ร่างสูงดูดเม้มเนื้อเนียนอย่างรุนแรงด้วยความกรุ่นโกรธ นาวาตัวสั่นระริกด้วยความกลัว ดวงตากลมฉายแววตื่นตระหนกขณะจ้องพันเอกที่กำลังปลดเปลื้องอาภรณ์ของตนเองให้มีสภาพกายทัดเทียมกับเขา
“ทำไมถึงต้องไปช่วยมัน อยากลองดีนักใช่ไหม!” พันเอกกดเสียงต่ำดุดัน นาวาส่ายหน้าหวือพลางยันอกแกร่งของอีกคนเอาไว้เมื่ออีกฝ่ายเคลื่อนกายเข้าหา แต่ก็ถูกคนตรงหน้าปัดมือออก
“คุณเอกอย่า ผมยอมทุกอย่างแล้ว ผมสัญญาว่าจะไม่ยุ่งกับคุณรามอีก ได้โปรด อย่าทำแบบนี้เลย” คนเสียเปรียบเอ่ยเสียงสั่นเมื่อรับรู้ถึงการคุกคามของอีกคน พันเอกกระชากเส้นผมของนาวาจนอีกคนหน้าหงายก่อนจะก้มหน้าลงไปกระซิบชิดริมฝีปากของนาวาด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
“คนอย่างนายบอกแล้วเตือนแล้วไม่เคยคิดจำหรอก มันต้องโดนสั่งสอนให้เข็ดให้หลาบถึงจะไม่กล้าอีก!!!”
“อื้อ!”
ร่างขาวร้องเสียงหลงด้วยความตกใจเมื่อพันเอกโฉบใบหน้าลงมาขยี้ริมฝีปากของเขาหลังจากพูดจบ ร่างเปลือยเปล่าของชายหนุ่มแนบกับร่างโปร่งบางของนาวาจนแทบจะไม่เหลือช่องว่างใดๆ สองมือรัดร่างขาวซีดเอาไว้แน่นในขณะที่กลีบปากบดเบียดริมฝีปากอิ่มของนาวาอย่างไม่ปราณีเพื่อเป็นการลงโทษ
นาวาส่งเสียงอื้ออึงผ่านลำคอพลางหอบสะท้าน ยกมือขึ้นทุบอกแกร่งของพันเอกแรงๆ จนอีกฝ่ายยอมผละออกห่าง
“แฮ่กๆ อ๊ะ!”
ปึ่ก!
“อื้อ คุณ…อ่ะ คุณเอก” นาวาเรียกชื่ออีกคนเสียงแหบระโหยหลังจากที่ถูกร่างสูงเหวี่ยงให้ไปนอนราบอยู่บนโต๊ะทำงาน เรียวขาขาวถูกแยกออกกว้างพร้อมกับการแทรกร่างเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงกลางระหว่างขาของนาวาอย่างรวดเร็ว พันเอกเท้ามือลงกับโต๊ะพลางจ้องใบหน้าหวาดหวั่นของนาวาด้วยดวงตาวาวโรจน์ แขนแกร่งรั้งเอวของนาวาให้ขยับเข้ามาแนบชิดกับสะโพกหนั่นแน่น แกนกายร้อนระอุถูไถไปตามบั้นท้ายกลมกลึงของคนตัวขาวพาให้รู้สึกสั่นสะท้าน
พันเอกลูบไล้เรียวขาขาวเนียนอย่างหยาบโลน ก่อนจะตวัดมันขึ้นมาพาดไว้ที่บ่าแกร่งพลางแลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างชอบใจ แตะนิ้วลงบนช่องทางสีสดของนาวาแผ่วเบาพลางเค้นคลึงมันอย่างช้าๆ มืออีกข้างก็เลื่อนไปแตะกลางกายของนาวาและบีบเบาๆ อย่างยั่วยุ
“อึ่ก!” คนตัวเล็กกว่าเกร็งสะท้าน ความรู้สึกเสียวซ่านราวกับมีประจุไฟฟ้าแล่นผ่านปลายนิ้วของพันเอกเข้าสู่ร่างกายของเขา นาวาหอบหายใจผะแผ่ว ขาที่พาดอยู่บนบ่าแกร่งสั่นระริก ร่างโปร่งปรือดวงตาหวานฉ่ำจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของพันเอกด้วยอารมณ์ความใคร่ที่ถูกปลุกขึ้นมาทีละนิดๆ
“อื้ออ…คุณเอก” นาวาเรียกชื่อคนที่กำลังรูดรั้งกลางกายให้ตนด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ร่างโปร่งเกร็งสะท้านยามที่อุ้งมือของพันเอกบีบเค้นร่างของเขาและรูดขึ้นลงแรงๆ มืออีกข้างก็ออกแรงบีบก้อนเนื้อหนั่นแน่นอย่างเร้าอารมณ์
พันเอกผละมือออกจากบั้นท้ายของนาวามาแตะลงบนกลางกายของตัวเองและรูดขึ้นลงบ้าง ใบหน้าคมเข้มแหงนขึ้นพลางสูดปากด้วยความเสียวซ่าน สองมือปรนเปรอให้กับนาวาและตนเองถี่กระชั้น ร่างขาวบิดกายเร่าเข้ากับจังหวะมือของคนตรงหน้าพลางกัดริมฝีปากแน่นจนห้อเลือด
“อ๊า คุณเอก!” ร้องเรียกชื่ออีกคนเสียงดังเมื่อมือของพันเอกเพิ่มความเร็วจนร่างของนาวาสั่นระริก ขาทั้งสองข้างตกจากบ่าแกร่งลงมาแนบอยู่ที่เอวสอบ สองแขนจิกไหล่ของพันเอกเอาไว้แน่นเพื่อระบายอารมณ์ ก่อนจะหวีดร้องสุดเสียงเมื่อถึงจุดหมายพลางปลดปล่อยน้ำกามออกมาจนเปรอะไปทั่วหน้าท้องแกร่ง พันเอกยกยิ้ม หยุดมือที่ปรนเปรอตัวเองก่อนจะแตะน้ำสีขาวขุ่นของนาวาขึ้นมาและนวดคลึงบริเวณช่องทางสีสด ร่างโปร่งสะดุ้งตัวสั่นระริก ดวงตากลมมีน้ำตาคลอขึ้นเล็กน้อย หัวใจดวงน้อยสั่นไหวอย่างรุนแรงเมื่อรับรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้
“อื้อ อ๊ะ” ร้องเสียงผะแผ่วทว่าหวานหูดังขึ้นเมื่อร่างสูงถูไถส่วนปลายหยอกเย้ากับปากทาง นาวาหอบหายใจถี่กระชั้นพลางหลับตาลงยอมรับชะตากรรมและสิ่งที่ร่างสูงกำลังจะทำกับเขา
พันเอกไม่ยอมปล่อยให้เวลาเสียเปล่า ชายหนุ่มจดจ่อความเป็นชายของตนพลางดันเข้าไปในโพรงอุ่นร้อนของนาวาทันทีเรียกเสียงหวีดหวานให้ดังกึกก้องทั่วห้องทำงานกว้าง
ปึ่ก!
“อื้อ อ๊าาาา!”
“ซี๊ดดดดด”
“ฮึก พอก่อน ผมอึดอัด คุณเอก! ผมเจ็บ!!! หยุดก่อน ได้โปรด มันลึกไป อื้อ ลึกปะ…อ๊าาาาาาา” นาวาครางเสียงหลงเมื่อถูกอีกคนตอกกายเข้าหาครั้งเดียวจนสุดความยาว ร่างโปร่งจุกเสียดจนพูดไม่ออกในขณะที่ผนังนุ่มรัดตัวบีบอัดกลางกายแข็งขืนของพันเอกถี่ๆ จนร่างสูงต้องกัดฟันข่มความต้องการณ์ดิบเถื่อนของตัวเองเอาไว้ สะโพกสอบเริ่มขยับกายสาวเข้าออกช้าๆ ทว่าหนักแน่น ยามกดร่างลงลึกเข้าไปด้านในก็ลงแรงเต็มกำลัง ตอกย้ำให้นาวารับรู้ว่าตอนนี้กำลังร่วมรักอยู่กับเขา ไม่ใช่ใคร
“อื้อ ฮ่ะ อา อ๊ะ” นาวาครางเสียงแหบพร่า ร่างกายบิดเร่าบนโต๊ะทำงานด้วยความเจ็บระคนกระสันซ่าน บ้างก็หวีดร้องเสียงหลงเมื่อพันเอกเพิ่มแรงกระทั้นกายเข้ามาลึกล้ำและถี่ยิบ ควบกายเข้าออกและขับขย่มจนร่างโปร่งบางขยับไปมา เสียงเนื้อบริเวณบั้นท้ายกระทบหน้าขาดังกึกก้อง แรงโยกไหวของร่างสูงกำยำบวกกับความใหญ่โตที่เสียดสีกับผนังภายในช่องทางสีสดขับกล่อมให้นาวาแหงนหน้าสูดปากระบายความกระสันจนกลายเป็นเสียงครางหวานหู
“คุณเอก คุณเอก อ๊าาาา” ร้องเรียกชื่ออีกคนไม่ขาดปากขณะโดนกระแทกเข้าหาไม่ยั้งแรง สองขาขาวเกี่ยวเอวแกร่งของพันเอกเอาไว้ มือเล็กทั้งบีบทั้งจิกไหล่กว้างจนเป็นรอย พันเอกโน้มตัวลงมาซ้อนแผ่นหลังบางขึ้นมาก่อนจะอุ้มนาวาเอาไว้และกระทั้นกายเข้าหาในท่ายืนกลางห้องทำงาน ร่างโปร่งขยับขึ้นลงอย่างรุนแรง นาวาใช้มือคล้องคอของอีกฝ่ายเอาไว้แน่น สองขาเกาะเกี่ยวเอวสอบของอีกคนเพราะกลัวตก
“…อ๊ะ อ๊า อื้อ คุณเอ…อึ่ก” นาวาครางเสียงหวีดหวิว ช่องทางด้านหลังบีบรัดสิ่งที่กำลังเสียดสีเข้าออกลึกล้ำจนแน่น พันเอกกัดริมฝีปากเมื่อความต้องการของตนพุ่งสูง ชายหนุ่มเดินไปยังประตูห้องทำงานพลางดันร่างของนาวาให้แนบติดกับบานประตู ก่อนจะจับขาเรียวเอาไว้แน่นด้วยอุ้งมือหนาของตนเอง
“อาาาา”
ปึ่ก! ปึ่ก! ปึ่ก!
ชายหนุ่มสาวร่างเข้าออกถี่ยิบทำเอานาวาแทบหยุดหายใจ ร่างโปร่งถูกพันเอกกระแทกกายสวนลึกเข้าออกอย่างหนักหน่วงลึกล้ำ รุนแรงเสียจนนาวาทั้งเสียวกระสันและเจ็บหน่วงไปทั่วร่าง กลีบปากอิ่มเผยออ้าเปล่งเสียงหวีดร้องออกมาเป็นระยะๆ
พันเอกจ้องดวงหน้าของอีกคนด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก ก่อนจะโฉบใบหน้าลงมากดจูบเร่าร้อนขณะโยกกายเข้าออกในช่องทางของอีกคน ลิ้นหนารุกคืบเข้าไปกวาดต้อนลิ้นเล็กในโพรงปากหวาน ส่งลิ้นของตนเข้าไปรัดรึงเกี่ยวกระหวัดหยอกเย้าอย่างยั่วยุสะใจ เสียงครางอื้ออึงดังคละเคล้าไปกับเสียงสองกายที่กำลังสอดประสาน พันเอกโรมรันร่างโปร่งด้วยความเร่าร้อนระคนกรุ่นโกรธ ทุกครั้งที่กระแทกกายเข้าหาก็มักจะเพิ่มระดับความรุนแรงมากขึ้น นาวาได้แต่หวีดร้องสลับกับครางแผ่ว ปล่อยให้พันเอกตักตวงทุกอย่างไปตามอำเภอใจ
“…อีกนิดวา อีกนิด” เสียงทุ้มต่ำผ่อนออกจากกลีบปากได้รูปขณะควบกายเร่งจังหวะเป็นครั้งสุดท้าย นาวาสอดมือเข้าไปขย้ำเส้นผมของพันเอกเต็มแรงพลางเกร็งตัวบีบรัดความแข็งขืนที่กำลังเสียดสีถี่กระชั้นบริเวณช่วงล่าง สองร่างเร่งจังหวะสอดประสานร่างกายสุดกำลังเมื่อใกล้จะถึงจุดหมาย ร่างสูงครางระงมในขณะที่นาวาหอบหนัก เสียงกระทบกันของร่างกายทวีระดับความดังขึ้นและดังขึ้น บรรยากาศภายในห้องทำงานลุกเป็นไฟ เหงื่อกาฬของคนทั้งคู่ผุดซึมขึ้นไปทั่วกาย ประมุขของบ้านบีบเอวบางของนาวาแน่นและกระชับร่างโปร่งเอาไว้ขณะสอดใส่เข้าไปภายในเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อปลดปล่อย
แต่ยังไม่ทันที่คนทั้งคู่จะได้ไปถึงจุดหมาย เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงอันคุ้นเคยของจักรที่ดังขึ้นอีกฝั่งของบานประตู
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ชิท!!!”
“ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วครับ” จักรเอ่ยเสียงสงบไร้อารมณ์ พันเอกกัดฟันกรอด ร่างกำยำขยับตัวหอบหนักจากการออกกำลังก่อนหน้า ชายหนุ่มสบถในลำคอพลางก้มลงมองร่างของนาวาที่สั่นระริก ช่องทางอุ่นร้อนรัดรึงโอบอ้อนราวกับต้องการให้เขาเร่งพาไปให้ถึงฝัน ประมุขของบ้านก้มลงดูดดึงกลีบปากของนาวาแรงๆ อย่างรวดเร็วก่อนจะตอบลูกน้องเสียงราบเรียบ
“อีกสิบนาทีฉันจะออกไป”
“ครับ” ลูกน้องคนสนิทรับคำก่อนจะเงียบไป พันเอกหันกลับมาสนใจร่างโปร่งตรงหน้าอีกครั้ง กลางกายยังคงแข็งขืนและแช่ตัวนิ่งอยู่ในช่องทางคับแคบของนาวา ชายหนุ่มก้มลงมองคนในอ้อมอกที่กำลังปรือตาหวานมองเขาก่อนจะสอดแขนเข้าไปใต้ข้อพับขาข้างหนึ่งของนาวาพลางเริ่มกระแทกกายเข้าออกอีกครั้ง
“อ๊ะ อื้อ!” นาวาครางหวีดขึ้นเมื่อความเสียวซ่านเล่นงานอีกครา ประมุขของบ้านเลื่อนใบหน้าลงไปดูดเม้มลำคอขาวแรงๆ จนเกิดเสียง ก่อนจะกระซิบชิดริมฝีปากสีสดด้วยน้ำเสียงยั่วเย้า
“รอบนี้แรงหน่อย เราไม่มีเวลาแล้ว” จบประโยคพร้อมกับส่งแรงทั้งหมดที่มีกระหน่ำร่างเข้าหานาวาจนร่างโปร่งสั่นสะท้าน อ้าปากครางไม่ได้ศัพท์พร้อมกับเกาะเกี่ยวร่างของพันเอกเอาไว้อย่างแนบแน่น
“อ๊าาาาาาา!!!”
...
เกือบยี่สิบกว่านาทีให้หลังร่างสูงของพันเอกก็ปรากฏขึ้นให้บรรดาลูกน้องที่กำลังยืนรอกันอยู่บริเวณโรงจอดรถได้เห็น พายุมองใบหน้าราบเรียบของผู้เป็นเจ้านายแล้วก็ได้แต่หลบตาวูบ ก่อนจะมองเลยไปที่ร่างโปร่งที่ถูกลากตามมาด้วยแววตาเป็นห่วง
“สายไปสิบนาทีนะครับ” จักรเอ่ยแซวด้วยใบหน้าราบเรียบตามแบบฉบับของเจ้าตัว ฝ่ายคนโดนแซวก็ทำเพียงตวัดสายตาไปมองด้วยความโมโหเล็กๆ
“ไอ้รามล่ะ”
“อยู่ท้ายรถแล้วครับ ก่อนหน้านี้ลูกน้องมันอีกสองคนตามมาที่นี่ แต่ผมก็ให้คนของเราจัดการเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้มัดรวมกันอยู่ที่ท้ายรถครับคุณเอก”
“อืม ไปประจำที่กันได้แล้วไป ส่วนนายพายุ อย่าเสนอหน้ามาขึ้นรถคันนี้ ไม่งั้นฉันจับลูกปืนกรอกปากแน่!” พันเอกหันไปคาดโทษลูกน้องคนสนิทอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ จักร ทำเอาพายุถึงกับพยักหน้าอย่างจำยอม
“ครับ” ชายหนุ่มเอ่ยก่อนจะผละออกไปจากบริเวณ
เมื่อลับร่างของลูกน้องคนสนิท ร่างสูงของพันเอกจึงหันหลังกลับมาหานาวาพลางกระชากร่างโปร่งให้ขึ้นไปนั่งบนรถคันหรูอย่างไม่ปราณี คนถูกกระชากเม้มริมฝีปากแน่น ยอมก้าวตามแรงฉุดของพันเอกโดยไม่ปริปากบ่นหรือพยศอะไรอีก
หลังจากเหตุการณ์ในห้องทำงานจบลง นาวาก็แทบจะไม่เหลือเรี่ยวแรงเลยแม้แต่น้อย เขาอยากจะขึ้นไปนอนกอดนะโมและหลับตาลงหนีเรื่องทุกๆ อย่างที่เจอในวันนี้ อยากจะปิดกั้นทุกเรื่องราวและหลับตา ปิดหัวใจและร่างกายของตัวเองให้พ้นความทุกข์ทรมานที่ได้พบเจอ แต่พันเอกกลับไม่ปล่อยให้เขาได้ในสิ่งที่ต้องการเลยแม้แต่น้อย
แน่ล่ะ คนอย่างพันเอกน่ะหรือจะมาสนใจอะไรคนอย่างเขา…ผู้ชายคนนั้นก็คงถนัดแต่การทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการจนไม่สนคนอื่นนั่นแหละ
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปมากน้อยแค่ไหน หากแต่พอนาวารู้สึกตัวอีกที ขบวนรถยนต์ของพันเอกก็มาจอดอยู่ริมสะพานข้ามแม่น้ำที่เงียบสงัดเสียแล้ว นาวามองบรรยากาศโดยรอบและแสงไฟสีนวลตาด้วยความไม่เข้าใจว่าเหตุใดพันเอกจึงต้องมาหยุดรถอยู่กลางสะพานในเวลาเช่นนี้
“ลง”
เท่านั้นยังไม่พอ ประมุขของบ้านกฤตภาสยังเปิดปากไล่นาวาลงจากรถทันทีที่รถหยุดอีกด้วย ร่างโปร่งหันไปมองใบหน้าหล่อเหลาด้วยความไม่เข้าใจ พันเอกจ้องดวงหน้าซีดเซียวของนาวานิ่งๆ ก่อนจะเปิดประตูและก้าวลงจากรถพลางหันไปมองนาวาที่นั่งนิ่งและเอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำแต่ทว่าดุดัน
“ลงจากรถเดี๋ยวนี้นาวา อย่าให้พูดซ้ำ”
“คุณมาทำอะไรที่นี่” นาวาสวนกลับด้วยความหวั่นใจ พันเอกไม่ตอบแต่กลับมองไปยังรถอีกคันที่จอดอยู่ข้างๆ กันแทน นาวาขมวดคิ้วมองตามสายตาของคนตัวสูงก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นลูกน้องของพันเอกลากร่างไร้สติของรามและร่างของคนอีกสองคนลงมาจากท้ายรถ
“คุณราม! ทำไม…คุณจะทำอะไร นี่มันจะมากไปแล้วนะคุณเอก!”
คราวนี้ร่างโปร่งผวาลงจากรถอย่างรวดเร็วและกำลังจะวิ่งเข้าไปหาอีกคน แต่กลับถูกมือแกร่งฉวยต้นแขนเอาไว้และบีบจนแน่น พันเอกจ้องใบหน้าขาวด้วยดวงตาวาวโรจน์พลางแสยะยิ้ม
“นายมีหน้าที่แค่ยืนดู อย่าคิดเสนอหน้าถ้าไม่อยากเป็นผีเฝ้าสะพานตามไอ้เลวนั่นไปอีกคน” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงสะใจขณะมองร่างไร้สติของรามที่ถูกลูกน้องเคลื่อนเข้าใกล้ริมสะพานเต็มที นาวามองตามอีกคนด้วยสายตาเป็นห่วง ร่างโปร่งพยายามดิ้นเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการที่ไม่ต่างจากเหล็กกล้า แบบนี้มันผิด การที่พันเอกทำแบบนี้มันเกินไปแล้ว เกินไปแล้วจริงๆ
“คุณมันบ้าไปแล้ว นั่นชีวิตคนนะ คุณทำแบบนี้ไม่ได้ ปล่อยเขา!” นาวาตวาดใส่หน้าอีกคนเสียงแข็งกร้าว พันเอกไม่ใส่ใจกับท่าทีพยศของอีกคน ก่อนจะลากร่างของนาวาตรงดิ่งไปยืนบริเวณริมสะพาน มือแกร่งขยุ้มเส้นผมสีดำของร่างโปร่งเอาไว้ ออกแรงจิกศีรษะจนนาวาร้องเสียงหลง
ชายหนุ่มบังคับให้นาวายืนมองลูกน้องของเขาโยนร่างที่ไม่มีสติของรามและลูกน้องอีกสองคนลงจากสะพาน นาวาอุทานลั่นด้วยความตกใจ ตั้งตัวไม่ทันกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า รู้ตัวอีกทีก็สะบัดกายออกจากพันธนาการของพันเอกและวิ่งไปเกาะราวสะพานเสียแล้ว
“คุณราม…”
กลีบปากอิ่มเรียกชื่ออีกคนเสียงแผ่ว ขอบตาทั้งสองข้างร้อนผ่าว ดวงตาสีเข้มจ้องมองผืนน้ำเบื้องล่างที่ลับร่างของรามไปแล้วด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง ร่างทั้งร่างสั่นสะท้าน ความหวาดกลัวและความปวดหน่วงราวกับมีหินมาถ่วงกายของเขาเอาไว้ตีตื้นขึ้นมาจุกอก แม้จะเจอกับรามเพียงแค่วันเดียว แต่สิ่งที่นาวาสัมผัสได้จากตัวของรามนั้นให้ความรู้สึกดีกว่าการอยู่กับพันเอกหลายเท่าตัวนัก
“หึ! ถึงกับยืนตัวสั่นไปไม่เป็นเลยหรือไง อยากจะตามมันลงไปอยู่ในนรกไหมล่ะ ฉันจะได้สงเคราะห์ให้สาแก่ใจ!!!”
“สักวันเถอะพันเอก สักวันกรรมมันจะตามสนองคุณ คุณจะต้องเสียใจที่ทำแบบนี้” นาวาเค้นเสียงพูดพลางหันกลับไปมองคนที่ยืนพิงรถสองมือล้วงกระเป๋าด้วยท่าทีไม่ยี่หระต่อสิ่งรอบข้าง น้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้เพราะไม่อยากดูอ่อนแอในสายตาของอีกคนหยดแหมะลงสัมผัสผิวแก้ม
“คนอย่างรามไม่น่ามาพลาดท่าเพราะผู้ชายอย่างนายเลยจริงๆ ว่ะนาวา ทั้งๆ ที่นายมันไม่มีคุณค่าอะไรให้มันอุทิศชีวิตให้เลยแท้ๆ” พันเอกเอ่ยเสียงราบเรียบในขณะที่นาวาได้แต่หันหลังให้ มองผืนน้ำเบื้องล่างที่ยังคงขยับเคลื่อนอย่างเงียบสงบ สองมือกำราวสะพานจนแน่น นึกโทษความโง่เขลาและความอยากของตัวเองที่กระหายเงินตราเสียงจนต้องพาตัวเองและน้องชายเข้ามายุ่งเกี่ยวพบเจอกับความเลือดเย็นเช่นนี้ หนำซ้ำยังเป็นเหตุให้รามต้องมาจบชีวิตลงโดยง่ายดายแบบนี้อีก เขามันตัวซวย…นาวามันตัวซวยจริงๆ
“อืม ไหนเมื่อกี๊นายว่ายังไงนะ...กรรมตามสนองงั้นเหรอ เหอะ ระหว่างรอให้กรรมมันตามสนองฉัน ฉันทำกรรมกับนายเพิ่มฆ่าเวลาหน่อยดีกว่า มานี่!!!!”
“โอ๊ย!!!!” อุทานเสียงดังเมื่อถูกพันเอกกระชากแขนและจับยัดใส่รถอีกครั้ง แต่คราวนี้นาวาไม่ยอม ชายหนุ่มออกแรงต่อต้านสุดกำลังจนพันเอกถึงกับสบถออกมาเสียงดัง และก็เป็นอีกครั้งที่ร่างโปร่งต้องเจ็บตัวเพราะอีกฝ่ายปราบพยศของนาวาด้วยการคว้าลำคอขาวเอาไว้และบีบจนแน่นก่อนจะตวาดกร้าว
“ถ้าทำให้ฉันโมโหหรือดื้อด้านจนน่ายิงทิ้งอีกครั้งเดียว ฉันจะไปปลุกเด็กนะโมนั่นขึ้นมาข่มขืนจนยับคาเตียงแน่นาวา ยังจะกล้าลองดีอีกไหม และฉันจะพูดครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ครั้งหน้าฉันจะทำโดยที่นายยังไม่ทันได้ตั้งตัวเลยด้วยซ้ำ!!!!”
“ผมเกลียดคุณ!” นาวากรีดร้องอย่างเจ็บใจเมื่อเจอคำขู่ของอีกคน ร่างโปร่งยอมผ่อนแรงต่อต้านและขึ้นรถตามคำสั่ง ดวงหน้าหวานเปรอะไปด้วยคราบน้ำตา พันเอกไม่เหลือเวลาให้เขาได้ตั้งตัวหรือทำใจเลยแม้แต่น้อย พอโยนรามทิ้งลงจากสะพานก็หันมาเล่นงานเขาต่อโดยไม่ปราณีแทบจะทันที ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมบนโลกใบนี้ยังหลงเหลือคนที่จิตใจอำมหิตเลือดเย็นเช่นนี้อยู่ ทำไมพันเอกถึงไม่ตายไปให้พ้นๆ เสีย
“ในเมื่อคุณได้ฆ่าคุณรามสมใจอยากคุณแล้วก็ควรปล่อยผมไปสิ ผมหมดประโยชน์แล้วนี่ ปล่อยผมไปตามทางของผมสักที” คนตัวเล็กกว่าเอ่ยขึ้นขณะขยับกายให้ห่างพันเอกมากที่สุด เกลียดเหลือเกินที่จะต้องเข้าใกล้ผู้ชายคนนี้ นาวาสะอิดสะเอียดและเกลียดพันเอกจนอยากจะฆ่าให้ตายเสียด้วยซ้ำ
ทางด้านพันเอกเอง หลังจากได้ยินสิ่งที่คนตัวขาวพูดเขาก็ได้แต่แค่นยิ้ม มือแกร่งเอื้อมไปคว้าคางเล็กมาไว้อุ้งมือหนาและบีบจนแน่น กระซิบชิดริมฝีปากสีสดของอีกคนด้วยน้ำเสียงชวนให้นึกหวาดหวั่น
“เรื่องไอ้รามจบ แต่ฉันดันติดใจนายแล้วไงนาวา ร่องนายมันทำฉันกระสันอยากดันเข้าครั้งแล้วครั้งเล่า อีกอย่างฉันเสียเงินให้น้องชายนายไปก็ไม่น้อย ถือว่านอนให้ฉันเอาแลกเงินกับอนาคตน้องก็แล้วกัน” ประมุขของบ้านกฤตภาสพูดพลางยกยิ้มทำเอาดวงตาของนาวาไหวระริก คำดูถูกของพันเอกบาดลึกลงมาในใจของเขา นาวาไม่คิดเลยว่าคนที่ภายนอกดูดีทุกระเบียดนิ้วอย่างพันเอกจะมีจิตใจภายในชั่วช้าสามาลย์เกินทนเช่นนี้
“ผมไม่เอา คุณเสียไปเท่าไหร่ผมจะหามาคืนให้หมด แต่อย่ามายุ่งกับชีวิตของผมกับน้องอีก พรุ่งนี้ผมจะออกไปจากบ้านของคุณ!” นาวาเถียงเสียงแข็ง พันเอกฟังจบแล้วก็ทำเพียงแสยะยิ้มอย่างมาดร้ายก่อนจะเย้ยหยันเสียงสูง
“คิดว่าเข้ามาที่นี่แล้วจะได้หลุดออกไปง่ายๆ งั้นเหรอ หึ คิดอะไรตื้นๆ”
“แล้วคุณจะเอายังไง ผมจนหนทางแล้วนะคุณเอก คุณจะมาเผด็จการบังคับผมแบบนี้ไม่ได้! ผมไม่มีอะไรให้คุณอีกแล้ว คุณเอาทุกอย่างไปจากผมจนหมดแล้ว” พูดเสียงแหบแห้งพลางจ้องอีกคนไม่วางตา พันเอกยังต้องการอะไรจากเขาอีกงั้นหรือ รามเองเจ้าตัวก็โยนร่างลงน้ำไปแล้ว สิ่งที่นาวามีเขาก็เสียให้พันเอกไปแล้ว ทั้งศักดิ์ศรี ร่างกาย ความภาคภูมิใจทั้งหมด มันไม่เหลืออะไรอีกแล้ว
“มีแน่นาวา มันยังมีอีกอย่างที่นายยังไม่ได้ให้ฉัน” ร่างสูงพูดเสียงเย็น ดวงตาสีเข้มจ้องลึกลงไปยังตากลมของคนตัวเล็กกว่า พันเอกออกแรงบีบคางของนาวาให้แรงขึ้นจนอีกคนนิ่วหน้า ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปกระซิบข้างใบหูขาวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ทว่าเย็นยะเยือกจนน่าขนลุก ทำเอานาวาถึงกับตัวแข็งทื่อมองมัจจุราชในคราบเทพบุตรตรงหน้าด้วยความสิ้นหวัง
รับรู้แล้วว่าเขาไม่มีทางหนีพันเอกไปไหนพ้นจนกว่าผู้ชายคนนี้จะได้ในสิ่งที่ต้องการ
“หัวใจของนายไงนาวา ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อเอาหัวใจของนายมาขยี้ให้แหลกคาเท้าฉันให้ได้เลยล่ะ...ที่รัก”
...
แม่น้ำเจ้าพระยาในยามค่ำคืนเคลื่อนไหวไปมาตามกระแสท่ามกลางความเงียบงันโดยรอบ คล้อยหลังรถของพันเอกไปเพียงไม่กี่นาที ร่างของผู้ชายสามคนก็โผล่พ้นขึ้นมาเหนือผิวน้ำ ตะเกียกตะกายว่ายกลับขึ้นฝั่งอย่างทุลักทุเล กระทั่งเกาะเกี่ยวพากันกลับขึ้นมานอนแผ่อยู่ริมน้ำได้ในที่สุด
“รุ่ง ไปตามคนมาช่วย”
ร่างกำยำของคนที่ดูจะมีสติมากที่สุดเอ่ยขึ้น ดวงตาคมเป็นประกายจ้องรามที่สิ้นสติด้วยความเป็นห่วง ส่วนคนถูกสั่งงานที่นั่งหอบแฮ่กก็รีบพยักหน้า พยุงร่างอ่อนแรงของตัวเองให้ยืนขึ้นก่อนจะรีบออกไปตามคนมาช่วย
“นายหัว นายครับ บ้าเอ๊ย!” ร่างสูงสบถเมื่อพบว่าผู้เป็นนายอาการร่อแร่ สองมือทาบลงบนอก จัดการปฐมพยาบาลเบื้องต้นทุกวิถีทาง นายหัวสำลักน้ำไปไม่ใช่น้อย ไม่รู้ว่าตอนนี้ในร่างกายของคนที่นอนแน่นิ่งนั้นจะเป็นยังไงบ้าง
“นายหัวครับ ได้ยินผมไหม นายครับ นาย...”
“พี่สิงห์!”
“รุ่ง เราต้องพานายหัวไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้!” สิงห์เอ่ยขึ้นด้วยท่าทีร้อนรนเมื่อรามไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบกับการช่วยเหลือของเขา รุ่งฟ้าที่วิ่งหอบกลับมาหน้าซีดเผือด ก่อนจะหันไปออกปากขอความช่วยเหลือคนพลเมืองดีสี่ห้าคนที่วิ่งตามเขาลงมาริมแม่น้ำ
“รถผมจอดอยู่ไม่ไกล มาครับเดี๋ยวผมช่วย” ชายวัยเกือบสี่สิบปลายคนหนึ่งเอ่ยขึ้น ไม่รอช้า พวกเขาทั้งหมดก็รีบแบกร่างกำยำสะบักสะบอมของรามออกไปจากบริเวณ ตรงดิ่งไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่รามถึงมือหมอ นายหัวหนุ่มแห่งเกาะนาคาอาการหนักถึงขนาดต้องผ่าตัดฉุกเฉิน สิงห์และรุ่งฟ้าเดินไปมาราวกับหนูติดจั่นอยู่หน้าห้องผ่าตัด เฝ้ารอและภาวนาขอให้รามปลอดภัย
ทั้งคู่ถูกตามตัวขึ้นมาจากภูเก็ต รามเรียกพวกเขามาเพื่อประจันหน้ากับคนในตระกูลกฤตภาส ทว่าพวกเขาก็มาช้าเกินไป กว่าจะไปถึงบ้านหลังนั้นเจ้านายของพวกเขาก็ถูกเล่นงานจนทรุด และพวกเขาเองก็โดนไม่ต่างกัน
“เราต้องแจ้งตำรวจ นี่มันพยายามฆ่ากันชัดๆ!!” สิงห์เอ่ยเสียงแข็งกร้าว แต่รุ่งฟ้ากับส่ายหน้าไปมาก่อนจะถอนหายใจ
“ยังก่อนพี่สิงห์ ผมว่าเรารอนายหัวจัดการดีกว่า”
“แต่รุ่ง...รุ่งก็เห็นที่มันทำกับเราวันนี้ นายหัวจะเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่รู้”
“นายต้องรอด ผมเชื่อแบบนั้น” รุ่งฟ้ายืนยันเสียงหนักแน่น ดวงตาคู่สวยจ้องประตูห้องฉุกเฉินด้วยแววตาแนวแน่ก่อนจะยืนยันอีกครั้ง “นายหัวต้องรอด ต้องฟื้นขึ้นมาจบเรื่องนี้ด้วยตัวของนายเอง ผมเชื่อแบบนั้น...”
“...”
“สักวันเรื่องนี้ต้องจบลง สักวัน”
ต้องมีสักวัน
รุ่งฟ้าเชื่อแบบนั้น เชื่อมาตลอด
และจะยังเชื่อต่อไป...