ป๊อป&ร็อค..วงรักหน่วงตับ
Part..5
“มีใครจะเพิ่มเติมเสนอแนะอะไรไหม” พ่อพี่ร็อคถามในที่ประชุม เสร็จจากชมมินิคอนเสิร์ต ซึ่งเล่นต่อจากพักวงอีก 4 เพลง
ทุกคนเข้าร่วมประชุมกันพร้อมหน้า เพื่อฟังบรรยายครีเอทรูปแบบทัวร์คอนเสิร์ตที่จะมีขึ้น
คำถามของประธานคือคุณพ่อพี่ร็อค เกิดขึ้นภายหลังพวกเราฟังหัวหน้าทีมออร์แกไนซ์พรีเซ้นท์รูปแบบ
ใครมีแนวคิดต้องการสอดแทรกหรือตัดทอนส่วนไหน องค์ประชุมยินดีรับฟังและปรับเปลี่ยนแก้ไขให้เหมาะสม
เท่าที่ผมสังเกตหัวหน้าวงของผมพระเอกของงาน ไม่กระตือรือร้นสนใจที่จะมีส่วนร่วมสักเท่าไหร่
นั่งนิ่งเป็นสากกะเบือไปแล้ว ไม่แม้กระทั่งชำเลืองหางตาไปยังเก้าอี้มุมโต๊ะขวามือประธานเลยด้วยซ้ำ
ตำแหน่งนั้นคือที่นั่งของคุณอาพนมกับแฟนสาวชื่อคุณราณี เธอสวยโดดเด่นกว่าใครเหมาะกับอาพนมชนิดไม่ต้องตั้งคำถาม
ด้านวัยที่แตกต่าง อาพนมภูมิฐานยังคงหล่อเหลาไม่ได้ทำให้รู้สึกตะขิดตะขวงใจ ในการมีแฟนอายุห่างสิบปี
“ไม่มีใครคัดค้านใช่ไหม เห็นด้วยที่จะใช้รูปแบบคอนเสิร์ตตามที่ฝ่ายออร์แกไนซ์นำเสนอมา..ว่ายังไงร็อค”
คราวนี้ประธานแกหันไปเจาะจงถามพี่ร็อคเองเลย เมื่อไม่เห็นว่าลูกชายคนเก่งจะมีตัวตนในที่ประชุมอย่างที่ควรจะเป็น
พี่แกเล่นจ้องมือที่ประสานบนโต๊ะไม่วางตา ไม่คิดมีส่วนร่วมในการประชุมเลยแม้แต่น้อย
“ครับ” พี่เขาตอบรับสั้นๆ ผมแอบสบตากับพี่เกรย์พี่คม ทั้งสองคนก็ไม่พูดอะไรเฉยเสียยิ่งกว่าเฉย
สัมผัสถึงบรรยากาศมาคุอึมครึมชวนอึดอัด
“ถ้าอย่างนั้น ซิงเกิลใหม่ที่ร็อคจะมอบเป็นของขวัญพิเศษในครั้งนี้ เรามีเวลาฝึกซ้อมเข้าห้องอัดอีก 2 สัปดาห์
ก่อนปล่อยให้แฟนเพลงได้คุ้นหูล่วงหน้าสักสามอาทิตย์ พวกเรามีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
เป็นพี่ตาลผู้จัดการวงแทรกถามเสียเอง ทุกคนจึงมุ่งเป้าส่งสายตาจับจ้องหนุ่มหล่อที่นั่งเงียบไม่ค่อยปริปาก
สีหน้าท่าทางไร้ความรู้สึกสิ้นดี แอบเห็นพี่ร็อคเมินหนีสายตาของอาพนมที่มองพี่เขา ทำเอาคุณราณีแฟนสาวของคุณอา
ที่มองมาพลอยหน้าเจื่อนไปด้วย แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไร ทุกคนต่างรอฟังพี่ร็อคจะตอบคำถามของพี่ตาลว่ายังไง
เกี่ยวกับเพลงใหม่ล่าสุดที่ทำเดโมให้พวกผมเตรียมซ้อม สรุปพวกเราพร้อมเข้าห้องอัดตามระยะเวลากำหนดหรือไม่อย่างไร
“ครับ” เงิบ!..แกเล่นตอบวลีเดียว พยางค์เดียวจริงๆ
“ถ้าอย่างนั้นคงไม่มีปัญหา เหลือแต่สมาชิกใหม่ของวงที่ต้องฝากคุณตาลให้ช่วยดูแลปรับลุคตามสไตล์ของวงให้ด้วย
ถือว่าน้องเด็กสุดในวง เรายังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ เก็บไว้เป็นเซอร์ไพรส์ให้แฟนเพลงในวันนัดแถลงข่าวเปิดตัวพารากอน
สำหรับคอนเสิร์ตแรกที่มอบให้แฟนชาวไทย ก่อนจะไปญี่ปุ่น ฮ่องกง เกาหลี และบินมาจบที่สิงคโปร์ประเทศสุดท้าย
กำหนดการมีเพียงเท่านี้ ประเทศที่เราได้รับเชิญทั้ง จีน ไต้หวัน มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโด คงต้องให้แฟนเพลงตามไปดู
ประเทศใกล้เคียงแทน เราคงไม่สามารถจัดคอนเสิร์ตได้ทั้งหมด ติดเรื่องเวลาความพร้อมของสถานที่
การประสานงานกระชั้นชิดเกินไป ผลงานจะออกมาไม่ดี หากเป็นเช่นนั้น ขอเลือกแสดงเฉพาะประเทศที่เรามั่นใจจะดีกว่า
ไม่เสียความรู้สึกสร้างความผิดหวังให้แฟนเพลง ผลที่ตามมาได้ไม่คุ้มเสีย เป็นอันเข้าใจตรงกันนะ”
เพิ่งรู้คุณอาถือหุ้นใหญ่พูดในที่ประชุม อาพนมมีบทบาทฐานะรองประธาน ทุกคนต่างพยักหน้าผงกหัวเห็นด้วยที่คุณอาพูด
“เอาล่ะถ้าไม่มีอะไร ช่วยเปิดเดโมเพลงล่าสุดที่จะปล่อยซิงเกิลให้ที่ประชุมได้ฟังหน่อย”
คุณพ่อพี่ร็อคบอก พี่ร็อคสบตาพี่เกรย์ก่อนพยักหน้าให้พี่เขาดำเนินการ พี่เกรย์ลุกไปเปิดเครื่องเล่นซีดีให้ทุกคนฟังในทันที..
“แปะๆๆ..เยี่ยม!! เพลงนี้ต้องติดชาร์ตขึ้นอันดับหนึ่งในระยะสั้นแน่ เพียงแค่อาทิตย์เดียวคงติดหูดังเป็นพลุแตก
ถ้าอย่างนั้นเริ่มซ้อมกันเลย” เสียงปรบมือดังกระหึ่มหลังเพลงจบลง สีหน้าท่าทางทีมงานที่เข้าร่วมประชุม
ต่างแสดงความชื่นชมในผลงานล่าสุด ส่งสายตาและรอยยิ้มให้พี่ร็อคไม่เว้นกระทั่งอาพนมและคุณราณีเธอ
พี่ร็อคกลับกระตุกยิ้มมุมปาก โหมดนี้ของพี่ร็อคเห็นแล้วผมสยองพิลึก..
“ไม่มีอะไรแล้วเลิกประชุมเพียงเท่านี้ ขอบคุณในความร่วมมือเป็นอย่างดี สวัสดีครับ”
คุณพ่อพี่ร็อคกล่าวปิดประชุม รอประธานลุกเดินออกจากห้อง แล้วที่เหลือค่อยทยอยเดินตามกันออกไป
ผมรอพวกผู้ใหญ่ไปหมดก่อน ค่อยรั้งออกเป็นคนสุดท้าย พี่ร็อคไม่เสียเวลาพี่แกสะบัดก้นลุกตามหลังพ่อเป็นคนแรกด้วยซ้ำ
พี่เกรย์พี่คมเดินตามเพื่อนรักไปติดๆ ก่อนองค์ประชุมทั้งหมดจะตามกันไปเป็นพรวน
“ป๊อป” อาพนมกับคุณราณี ยังคงนั่งอยู่ตรงเก้าอี้แกเรียกชื่อผม
“ครับอา” ผมขานรับ ยกมือไหว้ทักทายแกก่อนหน้านี้แล้ว ยังไม่มีโอกาสพูดคุยเป็นการส่วนตัว
ดูท่าไม่มีใครสนใจรู้เรื่องผมเป็นหลานของอา
“แปลกใจสินะ..ที่เจออา” ถามแบบนี้เหมือนจะเดาใจผมออก
“ครับ..อาทำธุรกิจนำเข้ารถยนต์ร่วมกับแม่ ช่วยแม่ดูแลการตลาด
ไม่รู้มาก่อนว่าอาถือหุ้นใหญ่ค่ายเพลงด้วย” บอกตามความรู้สึก
“อืม..อากับแม่เราร่วมลงทุนในหุ้นของค่ายนี้ 5 ปีมาแล้ว”
“ 5 ปี ไม่เห็นแม่พูดให้ผมฟังเลยครับ” แปลกใจแม่ก็ถือหุ้นหรือนี่
“อากับแม่เราถือหุ้นร่วมกัน แม่เรามอบหน้าที่ให้อาดูแลในส่วนนี้
พี่ดรุณีไม่เคยเข้ามาแสดงตัวสักครั้ง ไม่แปลกที่ป๊อปไม่รู้ว่าแม่ถือหุ้นอยู่”
เป็นข่าวใหม่ที่ทำให้ผมรู้สึกเลือดสูบฉีด จนมือสั่นอย่างห้ามไม่อยู่
ก่อนจะโพล่งถาม อย่างไม่คิดเก็บความคลางแคลงใจเอาไว้อีกต่อไป
“ที่แม่เอาใบสมัครออดิชั่นมาให้ผม เพราะรู้ว่าวงต้องการมือกลอง แล้วแม่กับอาก็ใช้เส้นเดินเรื่องให้ผม
ได้รับคัดเลือกใช่ไหมครับ” สิ่งที่ผมเป็นกังวลมากที่สุด กำลังทำให้ผมรู้สึกไม่สบายใจ
“เรื่องที่แม่เรารู้ว่าวง Lucky One ต้องการมือกลองเป็นความจริง แต่เรื่องที่อากับพี่ดรุณีใช้เส้น
ในฐานะผู้ถือหุ้นช่วยให้เราได้รับคัดเลือก เรื่องนี้อายืนยันได้..เราสองคนไม่ได้ทำอะไรเลย
ป๊อปผ่านการคัดเลือกด้วยความสามารถของตัวเอง อากับแม่ไม่ได้ยื่นมือช่วยแต่อย่างใด สบายใจได้”
ผมฟังอาพนมยืนยัน แม้จะเชื่อที่อาพูดเป็นความจริง แต่ก็แอบติดค้างใจเช่นกัน ถ้าเพื่อนผมพวกมันรู้เรื่องนี้
คงคิดว่าผมอาศัยเส้นสายยืมมือพวกมันผลักดันให้ได้เข้ามาเป็นมือกลองแน่
หากเรื่องนี้แพร่งพรายผมจะแก้ตัวยังไงให้ทุกคนเชื่อ ว่าผมไม่รู้เรื่องเลยว่าแม่กับอาคือผู้ถือหุ้นใหญ่
“ไม่ต้องคิดมาก ไม่มีใครรู้หรอกว่าแม่เราถือหุ้น ส่วนใหญ่เป็นอาที่ออกหน้าแทนพี่ดรุณี
นอกจากคุณราณีแฟนอากับคุณวิกรมประธานแล้ว ก็คงไม่มีใครรู้ สบายใจได้หลานชาย
ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดจนจะพันกันแล้วรู้ตัวไหม ไม่ผิดอย่างที่แม่เราคาดการณ์จริงๆ
พี่ดรุณีถึงไม่ได้บอกให้เรารู้ว่าพี่เขามีหุ้นร่วมกับอาอยู่ ไม่อย่างนั้นป๊อปคงไม่ภาคภูมิใจในฝีมือตัวเอง”
ผมพยักหน้ายอมรับคำพูดของคุณอาอย่างไม่คิดปฏิเสธ การเข้ามาด้วยเส้นสายนอกจากจะสร้างปัญหาให้ผมภายหลัง
ยังจะกดดันให้ผมอยู่ลำบากเพิ่มขึ้นไปอีก ถ้าเรื่องนี้พี่ร็อครู้เข้ามีหวังกลายเป็นโศกนาฏกรรมของไอ้ป๊อปเป็นแน่แท้
ยังจะมีใครเปิดใจให้ผมที่ได้ชื่อเป็นหลานแฟนเก่าซึ่งหักหลังความรักของพี่ร็อคอีก แล้วทำไมพี่เขาถึงบอกกับผมว่า
สาเหตุที่ทำให้คนรักตีจากเพราะพี่เขาจน แถมพี่เขาไม่เคยบอกรักให้รู้ด้วย ทำให้เข้าใจผิดว่าพี่ร็อคไม่ได้รักคุณอา
อาศัยแสดงออกด้วยการกระทำ จึงหยิบเรื่องนี้มาแต่งเพลงผู้ชายปากหนัก ที่แท้พี่ร็อครักอาพนมที่เป็นผู้ชาย
คงยากบอกความรู้สึกแหละ ให้ไปสารภาพรักกับผู้ชายด้วยกัน ผมคิดว่าเข้าใจความลำบากของพี่ร็อคแล้วครับ
เป็นผมก็ไม่กล้าหรอก อายุก็ห่างกันเป็นสิบปีอีก ไม่ยักรู้พี่ร็อคชอบผู้ชายวัยนี้ อาพนมก็ไม่ยักรู้ว่าจะเบี่ยงเบน
แต่ตอนนี้ก็มีคุณราณีเป็นตัวเป็นตนแล้ว เธอสวยขนาดนี้พี่ร็อคจะเอาอะไรไปสู้ได้วะ!
“ตอนนี้เราก็รู้แล้วนี่ครับ ว่าพี่ดรุณีกับอาไม่ได้ยื่นมือช่วยเหลือในครั้งนี้แม้แต่น้อย สบายใจหรือยังไอ้หนู”
ผมยิ้มแหยให้อาไป เผลอจมอยู่กับภวังค์ความคิด ลืมไปครู่ใหญ่ว่าคุยอะไรกับอาพนมอยู่
“ครับอา..ว่าแต่อากับ..เออๆ!” ไม่กล้าถามต่อหน้าคุณราณี ทั้งที่อยากรู้ใจขาด
ว่าอากับพี่ร็อคเคยเป็นแฟนกันใช่หรือเปล่า จำต้องหุบปาก
“มีอะไรจะถาม..หืม” อาพนมคงสังเกตเห็นความอึดอัดของผมเข้า
“เปล่าครับ ไม่มีอะไรแล้ว” รีบปฏิเสธพัลวัน
“เอาล่ะยังไงก็เต็มที่ ทำในสิ่งที่รักที่ชอบให้ประสบกับความสำเร็จ อาขอเป็นกำลังใจให้
อากับคุณราณีคงต้องขอตัวก่อน รีบไปประชุมต่อ”
“ครับอา” ผมยกมือไหว้ลาทั้งสองคน คุณราณีเธอยิ้มอ่อนโยนให้ก่อนจะลุกเดินตามอาพนมออกไป
ผมนั่งแกร่วอยู่ในห้องอย่างใช้ความคิด นึกทบทวนเรื่องราวที่ได้รับรู้หมาดๆ เผลอถอนหายใจไปไม่รู้กี่รอบ
ไม่ใช่ผมไม่เชื่อคำพูดอาพนม ด้วยนิสัยของแม่ที่มักสอนผมยืนด้วยลำแข้งตัวเอง
แม่ไม่ชอบพฤติกรรมอุปถัมภ์แบบผิดๆ พนักงานบริษัทของแม่เอง ก็ห้ามไม่ให้มีการฝากด้วยเส้นสาย
นอกจากสอบวัดความสามารถเข้ามาด้วยตัวเอง เรื่องนี้ผมเชื่ออย่างหมดใจว่า
แม่กับอาพนมคงไม่ได้ใช้เส้นช่วยให้ผมมีตัวตนในวงดังอันดับหนึ่งเป็นแน่ แต่ผมเชื่อจะมีประโยชน์อะไรได้
หากข่าวรั่วไหลรู้ถึงพวกเพื่อน พวกมันจะคิดแบบเดียวกับผมหรือเปล่า
สำคัญผมจะได้รับการยอมรับจากพวกพี่ในวงอีกไหม ยิ่งพี่ร็อคกับอาพนมเป็นโจทก์เก่ากันแบบนี้ด้วย
ไม่กลายเป็นเรื่องใหญ่นับญาติผมดันเป็นหลานในไส้ของอาอีก อะไรมันจะจุดไต้ตำตออย่างนี้หนอ
ช่วงนี้ผมไม่พร้อมบอกความจริง ขอเวลาให้ได้ใช้ความสามารถเป็นตัวพิสูจน์จนพวกพี่เต็มร้อยกับผมเสียก่อนดีกว่า
ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นล่ะก็ ผมพร้อมที่จะยอมรับมันอย่างไม่มีข้อแก้ตัวเป็นอันขาด..
“มึงมานั่งทำมิวสิคอะไรอยู่ในห้องนี้..ไอ้ป๊อป!!!”
“เฮ้ย!!..พี่” พี่เกรย์ครับ โผล่เข้ามาไม่ให้ซุ่มให้เสียง เล่นเอาสะดุ้งโหยงอย่างไม่ทันระวัง
ดีแค่ไหนไม่กรี๊ดเป็นแต๋วแตก นึกจะโผล่มาก็ทำเอาตกใจขวัญหนีดีฝ่อกันหมด
“โด่! ไอ้ขวัญอ่อน กูนึกว่ามึงจะแค่หน้าอ่อน ขี้ตกใจขวัญอ่อนอีกต่างหาก กูถามมึงยังไม่ได้ตอบ
เขาเลิกประชุมเป็นชาติแล้ว เหม่ออะไรอยู่” ผมค้อนใส่แกนขวับ ผิดแล้วยังมีหน้ามาต่อว่าผมอีก
“พี่มีอะไรครับ” แต่ก็เลี่ยงไม่ต่อปากต่อคำด้วย อารมณ์ตอนนี้ไม่ควรขุ่นมัววุ่นวายใจไปมากกว่านี้ แค่นี้ก็แย่สุดๆ
“ทำไม..กูพูดกับมึงไม่ได้ว่างั้น” เอาเข้าไป
“เปล่าครับ..ผมแปลกใจพี่กลับลงมาทำไมอีก ผู้บริหารเขากลับกันไปหมดแล้วหรือครับ”
เฉเปลี่ยนเรื่อง ไอ้พี่เกรย์มันโรคจิตชวนตีต่อยตลอด คุยดีได้ไม่กี่คำเลยจริงๆ
“อืมกลับไปหมดแล้ว กูไม่เห็นหัวมึงหลังเลิกประชุม นึกว่านอนตายขึ้นอืด โดนใครหมกศพอยู่ในนี้เสียอีก
เป็นอะไรทำไมไม่กลับขึ้นข้างบน กูลงมายืนมองมึงตั้งนาน ไม่ยักรู้ตัวสนใจรอบข้างเลยไอ้นี่
ถ้าใครคิดร้าย มึงเสร็จโจรไปแล้วไอ้หนู” อะไรของพี่เขาวะนั่น พูดแบบนี้หมายความว่าไง?
“ใครจะทำอะไรผม บ้านหลังนี้มีแต่พวกพี่ หรือมีใครซ่อนตัวอยู่อีกโดยที่ผมไม่รู้หรือครับ”
จ้องอย่างบีบคั้น พูดให้คิดทำไมวะ! ยิ่งกลัวผีอยู่นะ
“ป๊าบ!!!”
“โอ๊ย!..ตบหัวผมทำไมเนี่ยะ” เบิดกะโหลกผมเฉยเลย
“เพ้อไปไหนไม่ใช่หวีดสยองจะได้มีใครซ่อนตัว จินตนาการเว่อร์!!”
“ก็พี่พูดเองนิ เผื่อใครคิดร้ายผมเสร็จโจรแน่” อ้างคำพูดพี่มึงแหละ
“กูเปรียบให้ฟังเว้ย ไม่ได้ให้คิดไกลขนาดนั้น มึงเล่นไม่รู้เหนือรู้ใต้ กูมายืนจ้องตั้งนานถอนหายใจเฮือกๆ
เป็นอะไรมีเรื่องไม่สบายใจว่างั้นสิ” พี่เขาคงมายืนสังเกตผมนานอย่างที่บอก
ถึงหยิบเอาอาการของผมมาพูดซะเห็นภาพเลยทีเดียว นี่ผมแสดงอาการอย่างที่ว่าขนาดนั้นเชียว
“เปล่าครับ” ตีมึนปฏิเสธท่าเดียว
“อย่ามาเปล่าไอ้ป๊อป อาการมึงเหมือนกำลังมีเรื่องไม่สบายใจอยู่ เด็กอมมือยังดูออก
ไม่เก็บอาการอย่างไอ้ร็อคมันหรอก ระดับมันพวกกูยังรู้ว่าไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะเสวนากับใครเขา
หายเข้าห้องเก็บตัวเงียบแล้วนั่น กูคิดจะไหว้วานมึงหน่อย เสนอหน้าเข้าไปดูดิ..มันเป็นยังไงบ้าง”
“ที่พี่มาตามผมเพราะเรื่องนี้เหรอ พี่กับพี่คมเป็นเพื่อนสนิทไม่ใช่ ผมเพิ่งมาทำความคุ้นเคยเพียงข้ามคืน
ให้ผมเนี่ยนะไปเสนอหน้ากับพี่เขา” ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเองอย่างไม่เชื่อหู ในความประสงค์มือคีย์บอร์ดจอมกวน
“มึงแหละ ถึงพวกกูจะเป็นเพื่อนสนิทมัน บางจังหวะก็ไม่อำนวยให้พวกกูทำอย่างที่ใจคิดได้ทุกเรื่อง
มึงนั่นแหละไปดูมันหน่อยไอ้หนู!!”
“พี่ครับ! ผมไม่ถูกตะเพิดออกมาหรือพี่ มันใช่เวลาที่ผมสมควรไปสาระแนจุ้นเรื่องส่วนตัวเขาไหม”
ต้องให้เด็กสอนอีก..เฮ้อ! ตรูล่ะหน่าย
“ปั๊ดไอ้นี่!..เดี๋ยวมึงจะโดนกูตบกบาลรอบสอง อย่ามาปีนเกลียวใส่ ตีซี้เข้าหน่อยอบรมกูเลยนะ
มันตะเพิดมึงข้อหาอะไร ห้องนั้นมึงอยู่ร่วมกันกับมันถูกต้องไหม มึงเข้าห้องเป็นเรื่องปกติธรรมดา
ไม่ใช่อย่างพวกกูนี่ครับที่จะมีหน้าที่สะเออะเข้าไปเจ๋อให้มันเห็น..แค่นี้ก็คิดไม่ได้” เถียงไม่ออกเลย
“ตกลงให้ผมเข้าไปดูอาการพี่ร็อค ว่าพี่เขาเป็นยังไงแค่นี้ใช่ไหม?”
ย้ำให้แน่ใจอีกครั้ง ต้องการให้เข้าไปดูว่าพี่แกผูกคอตายไปหรือยังใช่ป่ะ!
“อืม..มึงช่วยเป็นตัวแทนพวกกูหน่อย ไปดูอาการหัวหน้าวงให้ทีดิ
ถ้ามึงจะสามารถทำให้มันสบายใจขึ้น กูฝากด้วยว่ะป๊อป” น้ำเสียงพี่เกรย์ประโยคนี้จริงจังติดขอร้องจนผมรู้สึกได้
อย่างกับไอ้ป๊อปมีความสามารถทำเรื่องที่พี่แกไหว้วานเสียเช่นนั้น ในใจผมค้านดิบดี..แต่ปากนี่สิ
“ตกลงครับ สิ่งไหนที่ผมพอทำได้ผมยินดี ตื้นลึกหนาบางความรักต้องห้ามของพี่ร็อค
ผมไม่ได้รู้หรือมีข้อมูล ยอมรับผมรู้สึกเห็นใจอยู่ไม่น้อย ไม่คิดว่าจะนอยด์ได้ขนาดนี้
เรื่องราวเกิดขึ้นมานานหรือยังครับ” ถามจนได้
“ช่วงที่ค่ายเพลงพ่อมันประสบกับภาวะวิกฤต ความรักของไอ้ร็อคพลอยได้รับผลกระทบตามไปด้วย
ใช้คำจำกัดความ..รักต้องห้ามอย่างมึงว่าเหมาะสุดแล้วป๊อป คิดได้ไงวะ..ฐานะของมันกับแฟนเก่าต่างกันจริงๆ”
พี่เกรย์ปากพูดกับผมตาลอยมองไปไหนไม่รู้ พี่เขาคิดเช่นเดียวกัน อาพนมเป็นถึงผู้บริหารรองประธานบริษัท
ที่สำคัญเป็นผู้ชายซ้ำยังแก่กว่าพี่ร็อคแทบใกล้เคียงรุ่นพ่อ ไม่เรียกรักต้องห้ามจะให้เรียกอะไรถึงจะเหมาะ
คิดแล้วก็น่าสงสารไม่ยักรู้ว่าพี่ร็อคเป็นเกย์ลึกถึงสายเลือด จึงตัดใจอาพนมไม่ขาด
ทั้งที่ผมลองคำนวณระยะเวลาความรักตามที่พี่เกรย์บอก บริษัทพ่อพี่ร็อคประสบปัญหา 5 ปีเข้ามาแล้ว
ฝังใจอาพนมขนาดนั้นเชียวหรือ
“พี่เกรย์ครับ ขอถามอะไรหน่อยพี่ไม่โกรธนะ” ใช้วิธีโยนหินถามทางเพราะแอบตงิดใจอยู่เล็กน้อย
นอกจากพี่ร็อคพวกพี่เกรย์เล่าเป็นอย่างพี่ร็อคด้วยหรือเปล่า ภายนอกฮาร์ดคอร์ดิบเถื่อน
ปกปิดความเป็นเกย์ของตัวเองได้มิดชิด จนจับสังเกตไม่รู้เลยว่าพวกพี่เขาเป็น..
“มึงจะถามอะไรกูหืม” น้ำเสียงก็ทำให้อยากเปลี่ยนใจไม่ถามแล้ว
แต่สายตาบังคับกลายๆ ทำให้ผมไม่เหลือทางเลือกอื่น ต้องกลั้นใจถามไป
“พี่เป็นอย่างพี่ร็อคหรือเปล่า” พูดไปแล้วแอบเกร็งเตรียมตัวหลบฝ่ามือพิฆาต
ซึ่งอาจจะเบิดกบาลผมได้ตลอดเวลา ตั้งท่าหดคอหนีไว้ก่อน
“กูเหรอ..กูไม่บ้างมงายอย่างไอ้ร็อคมันหรอก” พี่เขาคงไม่เข้าใจในความหมายแฝงของผมแน่ๆ
“ผมหมายถึงรสนิยมพี่เป็นแบบพี่ร็อคหรือเปล่า ต้องการมีคนรักอย่างของพี่ร็อคไหม อะไรประมาณนั้น”
ชัดเข้าไปอีก คิดว่าประโยคนี้พี่เขาคงเข้าใจเพิ่มมากขึ้น เห็นหรี่ตาจ้องผมอย่างค้นหาพิรุธ
“กูไม่รู้ว่ามึงจะทดสอบอะไรกู แต่กูจะยอมบอกมึงก็ได้ ในเมื่อมึงสนใจอยากรู้เรื่องของกูขนาดนี้
กูย่อมชอบไม่ต่างไอ้ร็อคมัน มีใครไม่ชอบแบบเดียวกับมันวะ เลือกได้กูก็ขอเลือกไม่ต่างกัน
เพียงแต่กูรู้ตัวว่ายังไม่ใช่เวลาของกู เรื่องอกหักรักคุดแบบมัน กูจึงไม่ต้องประสบพบเจอ..พอใจยัง”
แม่เจ้า! ตาเหลือกรอบสอง ไม่คิดว่าพี่เขาจะชอบผู้ชายไปอีกคน ให้ตายคงไม่ได้แปลว่าเป็นกันทั้งวงใช่ไหม
มิน่าถึงคบหาเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่สมัยเรียน ที่แท้ก็รสนิยมเดียวกัน อย่างนี้ผมสมควรระมัดระวังตัวแล้ว
พวกเกย์มีทั้งแบบรุกกับรับ แล้วพวกพี่เขาเป็นแบบไหน ไม่กล้าถามให้ลึกถึงกึ๋นขนาดนั้น มีหวังผมโดนเตะน่วมแน่
ขนาดคำพูดไม่กี่คำพี่เขายังว่าผมปีนเกลียวอยู่เลย ขืนเยอะมากกว่านี้โดนเตะม้ามแตกแน่ๆ
“ผะ..ผมขอตัวก่อนครับพี่” อยู่ไม่ได้ ขอหลบไปตั้งหลักก่อนดีกว่า
“มึงจะรีบไปไหน ท่าทางมึงแปลกๆ”
“รีบไปทำภารกิจที่พี่มอบหมายยังไงครับ..ไปนะ” ชะแวบ!!
พูดจบแจ้นออกมาไม่เหลียวหลัง เกือบเผลอเอามือปิดตูดไปแล้วใครจะกล้าอยู่ลำพังสองต่อสองในชั้นใต้ดินกับคุณพี่อีก
กลัวจริงจังนะโว้ย! ถึกก็ถึกแรงผมหรือจะสู้ได้ มิน่าถึงมาพูดให้คิด มีใครปองร้ายผมเสร็จโจร โจรที่ว่าคุณพี่นี่เอง
จ้องเล่นตูดไอ้ป๊อปอยู่สิท่า ฝันไปเถอะไม่ได้แอ้มผมแน่
“เป็นอะไรไปวะไอ้เด็กนี่ ท่าทางพิลึกชะมัด” ยังพอได้ยินเสียงพี่แกแอบบ่นไล่หลังผมมาต่างหาก
ผมคงดูประหลาดในสายตาพี่เขาจริงๆ ก็เล่นเดินหนีบตูดออกมาเป็นใครก็ต้องคิดกันแบบนี้
ก็ใครใช้ให้ผมเกิดอาการบ้าอย่างนี้เล่า ไอ้ป๊อปถึงจะไม่หล่อไม่น่ารักมากมาย
แต่ที่รู้มาผมสเปคเกย์ขึ้นแท่นติดอันดับในโรงเรียนเลยนะขอบอก
รุ่นพี่รุ่นน้องชาวสีม่วงหมายปองสอยตูดผมเป็นกระแสดังพอสมควร ได้พวกไอ้ขิง ไอ้แต๊ก ไอ้นินกันให้ตลอด
เผลอหลุดมาอยู่ในดงเกย์รุ่นใหญ่เข้า ไม่ให้ผวาก็กระไรม้างงง!!
แต่ถึงยังไงผมก็ไม่คิดถอยเพราะเรื่องนี้เป็นอันขาด ความฝันให้ได้เล่นคอนเสิร์ตในฐานะมืออาชีพยิ่งใหญ่กว่า
ขืนยอมแพ้อุปสรรครสนิยมส่วนตัวของพวกพี่ร่วมวงมาปิดกั้นโอกาส มันไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด
สิ่งที่สมควรทำหลังจากนี้ ทำไม่รู้ไม่ชี้ไม่รังเกียจพวกพี่เขาถูกต้องอย่างที่สุด วางตัวปกติไม่นำตัวเองไปอยู่ในที่ล่อแหลม
ให้โดนเข้าใจผิดอีกว่ายั่วยวนหรืออ่อยเหยื่อระมัดระวังตัวก็พอ เท่าที่สังเกตไม่มีใครนึกพิศวาสมาทำก้อร่อก้อติกใส่ผม
อย่างที่เคยโดนจากพวกเกย์ในโรงเรียนให้เห็นนี่นา คงเป็นเพราะรสนิยมพี่ๆ ขอบผู้ชายมีอายุอย่างอาพนมมากกว่า..ผมรอด!!
“ก๊อกๆๆ!!..เข้ามาสิประตูไม่ได้ล็อก” เคาะสามทีเบาๆ เสียงข้างในเอ่ยอนุญาตให้ผมเข้าไปได้
“แหะๆ..ผมรบกวนหรือเปล่าครับพี่” เจี๋ยมเจี้ยมมากเลยทีเดียว
“ไม่หรอก..มีอะไรกับกูหรือเปล่า” พี่เขาถาม พร้อมจ้องผมนิ่ง
“เปล่าครับ..แค่อยากหาที่งีบหลับสักหน่อย ถ้าเป็นการรบกวนพี่ ผมออกไปนอนตรงโซฟาก็ได้ครับ”
แถไปเรื่อย ผมชอบนอนกลางวันที่ไหน
“ไม่ยักรู้มึงชอบนอนกลางวันด้วย ปรับตัวได้ให้เริ่มใหม่ คอนเสิร์ตส่วนใหญ่ในต่างประเทศ
เล่นราวห้าหกโมงเย็นไม่ต่างกับเมืองไทย ขืนติดนอนช่วงบ่ายสามบ่ายสี่แบบนี้
จะไม่เป็นผลดีต่อร่างกายที่ต้องซ้อมเตรียมเล่นคอนเสิร์ตแน่ วันนี้ก็ตีผิดจังหวะอยู่ท่อน”
อ้าว! นึกว่าไม่รู้ ดันรู้อีกว่าผมตีกลองผิดไปท่อนนึง
“แหะๆ..ครับ ผมเผลอหลุดตอนพี่ลืมเนื้อร้องนะครับ” โยนคืนซ้า!!
“หึ! โทษเป็นความผิดของกูงั้น” กรรม! ถามแบบนี้ใครจะกล้าวะ!
“เปล่าครับ..คงเพราะผมประสบการณ์น้อย คราวหลังจะควบคุมสมาธิไม่ให้วอกแวก
หลุดไปกับเหตุการณ์อีกครับพี่” แก้ตัวน้ำขุ่นเลยตรู
“ช่างเถอะ! ที่เตือนก็แค่จะบอก มึงเป็นมือกลองคือหัวใจของวงที่ช่วยให้จังหวะนักดนตรีที่เหลือ
เครื่องดนตรีอื่นหลุดยังพอทำเนา แต่กลองตีหลุดเป็นเรื่องใหญ่นะป๊อป มันทำให้เพลงล่มเอาได้ง่ายๆ” เถียงไม่ออกนะสิ
“ครับ..ผมจะจำเอาไว้ ไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาได้อีกครับ” รีบรับปากให้ไว ไม่ใช่ต้องการพูดไปพล่อยๆ
แต่พี่เขาบอกมาเป็นความจริง มือกลองไม่สามารถตีผิดจังหวะ ทำให้คนอื่นร่วนชวนกันล่มได้นั่นแหละ
“วันนี้ถือเป็นบทเรียน ไม่ใช่ทีมงานผู้บริหารจะดูไม่ออกหรอกนะ พวกเขาแค่ไม่ต้องการตัดกำลังใจมึง
จึงเลือกที่จะยอมหุบปากเสียมากกว่า ปล่อยเป็นหน้าที่กูในฐานะหัวหน้าวง เป็นคนแนะนำแก้ไขมึงเหมาะมากสุด
ถึงเวลามีแค่เราสี่คนบนเวที ต้องช่วยแก้ปัญหาเหตุการณ์เฉพาะหน้าที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อร่วมกัน
โดยที่ทีมงานเองก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ ในขณะที่เราเล่นสดจำต้องเรียนรู้ คุมสมาธิไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด
จำเอาไปใช้ด้วย ส่วนเรื่องที่กูร้องลืมเนื้อ กูตั้งใจเองแหละ อยากรู้ว่ามึงจะเป็นยังไง แล้วก็ได้คำตอบทันที
มึงตีกลองหลุดจังหวะ ยังดีที่กลับมาทันไม่พาล่มไปเสียก่อน ถือว่าผ่านการทดสอบ แต่คะแนนก็ไม่ดีนัก”
ให้ตายผมอึ้งตาค้างจ้องคนตรงหน้าอย่างกับเห็นปีศาจชัดๆ กล้าพูดโดยที่ไม่รู้สึกผิดเลยสักนิด เผลอกำมือเกร็งอย่างลืมตัว
เป็นออโตเมติกของร่างกายที่มาพร้อมความน้อยใจเสียใจกะทันหัน ไม่รู้ทำไมถึงนึกน้อยใจพี่เขาขึ้นมาดื้อๆ
“ทำหน้าแบบนี้ เหมือนไม่พอใจในสิ่งที่กูทำ” ผมเลือกใช้การเงียบแทนคำตอบ พูดไม่ออกมันจุกอกแน่นไปหมด
“ฟังนะป๊อป..กูไม่ได้คิดแกล้งมึง ต้องการหักหน้ามึงให้โดนตำหนิ การเล่นต่อหน้าพวกเขา มึงย่อมกดดันเป็นธรรมดา
เหมือนกับที่มึงต้องเล่นต่อหน้าคนดู แฟนเพลงเป็นพันเป็นหมื่น ถ้าแค่บททดสอบในพื้นที่พวกเรามึงยังสอบไม่ผ่าน
เหลือเวลาเดือนเศษ มึงจะพัฒนาให้ยืนอยู่บนเวทีใหญ่ท่ามกลางแสงไฟนับร้อย ต่อสายตาสาธารณะชน
ที่เขามาเพื่อจ้องมองมึงได้ยังไงไหว เหตุผลแค่นี้มึงเข้าใจหรือเปล่า” ผมพยักหน้ารับ ถึงแม้จะค้านในหัวอยู่ก็เถอะ
ผมมั่นใจว่าตัวเองจะไม่มีทางตีกลองหลุดจังหวะ ถ้าไม่มัวพะวงคิดเรื่องของคนตรงหน้า แล้วเขาเองดันร้องลืมเนื้อ
แม้จะอ้างว่าเจตนากระทำขึ้นมาก็ตาม แต่จะให้ผมอธิบายแก้ตัวไปก็คงไม่เกิดประโยชน์
ผมอ่อนประสบการณ์เองแหละ ไม่สามารถอ้างอะไรได้ เรื่องของเขาทำไมผมต้องนำมาใส่ใจจนเกินหน้าที่
เพื่อนสนิทร่วมวงกันแต่แรกเริ่มอย่างพี่เกรย์กับพี่คม ทั้งสองคนยังไม่เห็นจะทำอะไร แล้วผมเป็นใครทำไมถึงต้อง
เก็บเรื่องของพี่เขามาทำให้เป็นปัญหา คิดแล้วก็สมน้ำหน้าตัวเองนัก สมควรแล้วที่ได้รับบทเรียน
เพียงแค่น้อยใจที่พี่เขาใช้วิธีนี้ทดสอบมากกว่า ถ้าไม่ใช่เรื่องนี้ผมจะไม่รู้สึกอะไรจริงๆ
ให้ตายเถอะ! แบบนี้ไม่ต่างอะไรกับการล้อเล่นความรู้สึกกันเลยนี่หว่า?..ตรูล่ะเซ็งเป็ด!
มาอัพตามนัดแล้วค่ะ เจอกันวันพุธนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ ที่ติดตามรอคอยกันเสมอ
ตามเรื่องราวของหนุ่มๆ วงนี้กันต่อไป ยังมีอะไรอีกเยอะะะะะะ!!!!
ต้องได้ดราม่า ด่าพระเอกกันกระจายแน่นอนในไม่ช้านี้แหละ
ไม่ได้เจตนาสปอยนะ แต่เรื่องราวมันเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรกหรอก..เอร้ยยยย!!!