เดินเข้าไปห้องผมถอนเสื้อกราว์ที่ใส่อยู่วางลงบนโต๊ะ แฟ้มประวัติของน้องอลิซยังวางอยู่ตรงนั้น เปิดดูข้างในเบอร์ของผู้ปกครองที่สามารถติดต่อได้มีตั้งแต่เบอร์ส่วนตัว เบอร์ที่ทำงาน แม้แต่เบอร์เลขาก็มี
“ ลองโทรไปแล้วกันว่ะ " พูดแบบนั้นก่อนจะกดเบอร์แล้วโทรออก รอสายสักพักก็มีคนรับสาย
“ ครับ "
“ คุณพ่อของน้องอลิซ " ใช่มั๊ยครับ ยังพูดไม่ทันจบประโยคนี้ อีกคนก็สวนขึ้นมาก่อน
“ ผมยังไม่เสร็จงานเลยครับ อีกสามชั่วโมงจะไปรับแก "
“ แต่แกนั่งคอยคุณอยู่นะ " พูดเสียงเรียบๆ อีกคนก็ดูท่าทางจะอยู่ข้างนอก เสียงเครื่องจักรที่ผมได้ยินดูวุ่นวาย เหมือนกำลังมีการตอกเสาเข็ม
“ ไม่เป็นไรหรอกครับ แกนั่งคอยผมประจำ ตอนนี้ผมยุ่งมากเลย บอกอลิซว่าอีกสามหรือสี่ชั่วโมงผมจะไปรับแกเอง ”
“ คุณให้เด็กรอที่โรงพยาบาลคนเดียว สามสี่ชั่วโมง คุณไม่เป็นห่วงแกเลยเหรอ ถ้ามีคนมาคุยด้วย ถ้ามีคนมาพาตัวไป "
“ ไม่มีอะไรแบบนั้นหรอกคุณ โรงพยาบาลมีความเข้มงวดพอ จริงมั๊ย "
“ แต่โรงพยาบาลคือที่ที่ใครจะเข้าจะออกก็ได้ คุณมาโรงพยาบาลได้ทุกเมื่อ ถ้าคุณป่วย แล้วเราก็ไม่ได้มีมาตรการในการดูแลลูกสาวของคุณที่เธอกำลังรอคุณมารับ "
“ แต่ผมต้องทำงาน แล้วมันก็สำคัญมาก นี่ขอโทษนะครับ ผมกำลังพูดสายกับใครอยู่ "
“ เฮียมาดูตรงนี้ดิ๊ หัวหน้ารับเหมาจะพูดด้วย " เสียงที่ลอดเข้ามาในสาย ผมถอนหายใจออกมา
“ แปป กูคุยกับคนที่โรงบาลอลิซอยู่ บอกมันรอ คุณ ผมยังไปไม่ได้หรอก คุณแค่ปล่อยแกไว้ตรงนั้นเหละ มาทำงานใหม่เหรอครับ ผมปล่อยแกไว้แบบนั้นบ่อยไป แกอยู่ได้ อลิซนะ.. "
“ แค่เด็ก แกยังเป็นแค่เด็ก .. แล้วถ้ามึงยังมีหัวใจ ยังคิดว่าตัวเองเป็นพ่อคนอยู่ ก็มารับลูกมึงซะ อย่าดีแต่ปล่อยไข่ เด็กเข้มแข็งแค่ไหน ยังไงก็คือเด็ก ไอ้พ่อเฮงซวย " ปลายสายที่เงียบไป ผมหลุดหัวเราะหึออกไป " กูชื่อหมออิน รู้ไว้ด้วย เพราะเดี๋ยวมึงจะตามหาตัวกูไม่ถูก "
วางสายไปก่อนจะคว้ากระเป๋าขึ้นมาสะพายบ่า เดินออกไปนอกห้อง เด็กผู้หญิงคนนึงที่นั่งอยู่หน้าห้องตรงนั้น สายตาเธอมองไปที่ ภาพของพ่อที่ดูแลลูกสาวคนนึง
“ โธ่เว้ย " เดินตรงไปข้างหน้า ย่อตัวลงตรงหน้าของอลิซผมจิ้มแก้วเธอ " อยากไปกินไอติมอร่อยๆกันอีกมั๊ย "
“ คุณหมอไม่กลับบ้านเหรอ "
“ หมอจะรอคุณพ่อเป็นเพื่อนอลิซเอง เหงาไม่ใช่เหรอครับ " ผมลุกขึ้นยืน ยื่นมืออกไปตรงหน้าอีกคนคว้ามือเอาไว้ก่อนจะยิ้มออกมา
“ หนูจะกินไอติมช๊อคโกเล็ตกับสตอเบอรี่ จะกินเยอะๆเลย "
“ งั้นก็ไปกันเลย "
ร้านไอศกรีมหน้าโรงพยาบาล ผมนั่งลงตรงหน้าเธอหลังจากที่สั่งไอติมเสร็จแล้ว เด็กน้อยหัวยุ่งลูบผมตัวเองให้เข้าทรง มองซ้ายทีขวาทีแบบตื่นตาตื่นใจ
“ อลิซครับ หนูอยู่กับพ่อสองคนเหรอ "
“ ค่ะ อยู่ด้วยกันสองคน " พยักหน้าผมก็ยิ้ม
“ แล้วคุณแม่ละ "
“ ป๊าบอกว่าอลิซไม่มีแม่ " ดิบเถื่อนที่สุดในสามโลก กูก็เพิ่งเคยได้ยินนี่เหละเหตุผลตรงตัวแบบนั้น
“ แล้วคุณปู่ละครับ คุณย่า "
“ ไม่มีคะ ไม่มีใครป๊าบอกว่า อลิซมีแค่ป๊า แล้วป๊าก็มีแค่อลิซ " เป็นครอบครัวแบบไหนกันว่ะ แปลกสัด
“ ไอศกรีมค่ะ " ไอศกรีมวางลงตรงหน้าไม่รอช้าอลิซกินมันทันที
นั่งกินไปสักชั่วโมง คนในร้านเริ่มเยอะเห็นทีว่าต้องกลับ เข้าไปในโรงพยาบาลอีก เดินจูงมือกันไปเรื่อยๆอลิซร้องเพลงให้ผมฟังเป็นเพลงเด็กแบบเพลงช้างที่ฟังแล้วก็น่ารักจนทำให้ผมยิ้มได้
“ ป๊า!! “ เสียงของเธอดังขึ้นตอนที่ปล่อยมือจากผมแล้ววิ่งเข้าไปหา พ่อตัวเอง คนที่กำลังหายใจหอบเหนื่อยออกมาแรงๆ
“ หาตั้งนานนึกว่าอยู่ไหน ที่แท้ก็มาอยู่กับคุณหมอปากร้ายคนนี้เอง "
“ พูดให้มันดีหน่อยสิครับ คุณพ่อ แล้วไหนบอกสามชั่วโมง "
“ ก็มีคนปากร้ายโทรไปด่าถึงที่ทำงาน ใครมันจะไปทำงานต่อได้ละคุณ "
“ ก็นึกว่าจะหน้าด้าน "
“ ปากร้ายจังว่ะ " มองคนตรงหน้าที่ยิ้มมุมปาก
“ คุณพ่อก็อย่าลืมไปเอายาละ ฝากไว้ที่พยาบาลหน้าเค้าเตอร์ " บอกแค่นั้นก่อนจะหันหลังเตรียมเดินออกไป แต่โดนจับแขนไว้ " ทำไม "
“ เรียกโรมสิ "
“ อะไร "
“ ต่อไปเรียกโรมนะอิน เพราะผมชื่อโรม แล้วผมจะเรียกหมอว่า อิน เหมือนกัน " เขาเลิกคิ้วมองผมที่ทำท่าทางนิ่งๆ " ไม่ชอบเหรอ "
“ ก็ดีกว่าคุณหมอปากร้าย "
“ แต่ก็ปากร้ายจริงๆ " เอื้อมมือมาดึงปากผม เจ็บจนต้องตาโตอีกคนหัวเราะ " ไปกินข้าวกัน "
“ ผมไม่ได้ว่างนะคุณ "
“ อะไรว้า บอกว่าให้เรียกโรมไง เรียนถึงหมอความจำปลาทองชะมัด "
“ กูไม่ว่าง กูมีนัดแล้ว "
“ พูดแบบนี้กูว่ามันก็ดิบเถื่อนดีนะ คุณหมอคงชอบแนวนี้ " ท่าทางเจ้าเล่ห์หันมายิ้มให้ ก่อนจะมองลูกสาวตัวเอง มือที่กอดเธออยู่ผมรู้มันสะกิด " อลิซหมออินจะไม่ไปกินข้าวกับเราละลูก "
“ ทำไมละคร่า หนูอยากให้หมออินไปด้วย ไปด้วยกันน๊า นะคะ น๊าา น๊าาาา " เอื้อมมือมาจับที่ไหล่ของผมเบา เธอเขย่า " นะคะน๊า ไปกับอลิซน๊า "
“ มึงใช้วิธีนี้ทุกครั้งเลยเหรอว่ะ "
“ เปล่าหรอก เฉพาะคนที่โดนใจเท่านั้นละ "
......................................................
“ เปลี่ยนไปกินมื้อดึกได้รึเปล่าว่ะ " กรอกเสียงไปตามสายตอนที่ขับรถตามรถแลนด์โรเวอร์สีดำข้างหน้า
“ ทำไม " ไอ้ไฟท์เปลี่ยนเสียงเป็นโทนต่ำทันทีหลังจากได้ยิน
“ กูมีธุระต้องไปกินข้าวกับเด็กที่ป่วย "
“ บริการหลังการตรวจเหรอว่ะ " มันหัวเราะเสียงดัง
“ เออน่า กูโทรไปเลื่อนที่ร้านละเป็นสองทุ่ม แล้วเจอกันมึง " วางสายไปผมตั้งใจขับรถตามรถคันหน้า มันจอดลงที่ร้านอาหารมีชื่อแห่งนึงในย่านเอกมัย เป็นร้านที่มีอาหารดังพอๆกับเค้ก
“ อลิซจะกินเค้กสตอเบอรี่ "
“ ได้เลย เอาชิ้นไหนดี " สองพ่อลูกที่กำลังเลือกดูเค้ก ผมเดินไปนั่งที่โต๊ะเลือกเมนูอาหาร
“ อยากกินอะไรสั่งเลย เดี๋ยวกูเลี้ยง " นั่งลงตรงข้ามผม ผิดกับอลิซที่เดินมานั่งที่โซฟาข้างๆผม
“ มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วรึเปล่าว่ะ " บอกมันก่อนจะหันมาหาสาวน้อยข้างๆ " อลิซกินข้าวอะไร กินข้าวผัดมั๊ย "
“ ไม่ค่ะคุณหมออิน อลิซจะกินเค้ก "
“ กินเค้กอย่างเดียวไม่ได้ต้องกินข้าวด้วย " บอกแบบนั้นก่อนจะหันไปสั่งพนักงานสำหรับข้าวผัดของเด็กหนึ่งจาน " มึงจะกินอะไร "
“ ห่วงใยเหรอ " ห่วงใยพ่องมึงไอ้สัด กูแค่ถาม
“ สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า "
“ สปาเก็ตตี้มีตซอลกับข้าวคลุกกระปิ " ไม่อยากจะบอกว่าเป็นอาหารที่ไม่เข้ากันเลยสักนิด ไทยจ๋ากับฝรั่งโคตร “ มองอะไรครับ ผมอยากจะกินแบบนี้มีปัญหาเหรอ "
“ คิดไปเองรึเปล่า ว่ากูมอง "
“ ก็กูเห็น "
“ งั้นมึงก็มองกูสินะ ถึงรู้ว่ากูมองมึง " จ้องหน้ามันที่ยกยิ้มขึ้นมา ต่างฝ่ายต่างเงียบไป
“ หมออะไรพูดจาไม่น่าฟัง “ มันบ่นแต่ผมได้ยิน
“ เสียใจด้วยที่ตอนนี้กูออกเวรแล้ว “ มันถอนหายใจก่อนที่มันจะเลื่อนจานเค้กมาให้อลิซ
“ อลิซกินเค้กครับอะ "
“ อย่าเพิ่งกิน ต้องกินข้าวก่อน “ เบรคจานที่โดนผลักมาตรงหน้า “ กูถามจริงมึงทำงานอะไร เรื่องแค่นี้ก็ไม่รู้ " ผมหันไปหาอลิซที่กำลังนั่งมองผมกับพ่อของตัวเองเถียงกัน " อลิซพ่อหนูทำงานอะไรครับ "
“ อื้ม .. เป็นคนงานก่อสร้างคะ " เต็มปากเต็มคำทุกอย่างตรงนั้นเงียบ
“ หึ ฮ่าๆ ฮ่าๆ "
“ กูไม่ขำ " พูดเสียงนิ่งๆตอนหันมามองหน้าผม
“ แต่กูขำ " แล้วก็หัวเราะออกมาเสียงดัง “ ฮ่าๆ “
“ กูเป็นวิศวะกร "
“ ก็คือคนงานก่อสร้างนั่นละ " หันไปลูบหัวอลิซ " ลูกมึงก็เข้าใจถูกต้องแล้วนิหว่า โน๊ะ "
“ ค่ะ " พยักหน้าแบบใสๆผมกลั้นยิ้มแล้วหันไปทางอื่น
“ เวลายิ้มก็น่ารักดีนี่หว่า " แล้วกูก็หุบยิ้มเพราะมึง เรามองหน้ากันก่อนที่อาหารจะทะยอยลงมาเสริ์ฟ อลิซได้อาหารของตัวเองเป็นคนแรก
“ อลิซกินข้าวก่อนนะครับ " ผมแบ่งข้าวออกเป็นสองฝั่ง ท่าทางที่ไม่ค่อยชอบกินข้าวถ้าไม่แบ่งให้กิน เด็กจะรู้สึกเยอะและกินไม่หมด
“ แต่หนูไม่หิว หนูอยากกินเค้กมากกว่า " ชี้ไปที่เค้ก ก่อนจะช้อนตาขึ้นมองผม
“ กินแค่แปดคำ แค่แปดคำก็พอนะ อะ "
“ ก็ได้คะ แต่คุณหมอป้อนหนูนะ " ลุกขึ้นยืนบนโซฟาตอนที่หยิบช้อนมาให้ผมถือ เริ่มป้อนคำที่หนึ่งกับเด็กที่เอาแต่หันหลังเล่นฝาผนังกับรูปถ่าย
“ แบบนี้เหละที่อยากได้เลย "
“ อะไรของมึง " หันไปหาคนที่พูดลอยๆขึ้นมา โรมยักไหล่
“ อย่าทำเป็นไม่ได้ยินน่า กูรู้มึงได้ยิน " ถ้าไม่คิดเข้าข้างตัวเอง ผมคิดว่า ผู้ชายคนนี้กำลังสนใจในตัวผม และถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ผมจะนับว่านี่คือการจีบที่แปลกที่สุด แปลกกว่าใครที่ในชีวิตของผม เคยเจอ
......................................
มาแล้วคร่า เปิดม่านผายมือต้อนรับอิมเมจหลักคนสุดท้าย..
ไม่มีอะไรจะพูดเลย พูดอะไรดี คนอ่านบางคนคงตบเข่าดังฉ๊าดแล้วพูดว่า “ กูว่าแล้ว! ”
คิดว่าน่าจะเป็นแบบนั้นหลังจากอ่านคอมเม้นท์และแท็ก กร้ากก
ขอให้อ่านผ่าน 10 ตอนไปก่อนนะคะ คิดว่าน่าจะเห็นอะไรชัดเจนขึ้น
เรื่องราวจะหวานขึ้น ตามลำดับ หนมคิดว่าอย่างงั้น ฝากด้วยจ้า
ใครไม่มียูสในเล้า สามารถเม้นท์ผ่านทวิตและเฟสได้ ด้วยแท็ก #Choiceไฟท์อิน
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์นะคะ ฝากด้วยจ้า