“ น้องวาดว่าอะไรนะ " พี่แก้วถามแต่ผมหันไปยิ้ม
“ พูดกับตัวเองนะครับ ฮ่าๆ "
“ ถ้าเหงาพี่พูดด้วยได้นะ พูดคนเดียวเดี๋ยวใครไม่รู้หาว่าบ้าหรอก " เธอว่าล้อๆ
“ เป็นไง เหนื่อยมั๊ยวาด วันนี้คนเยอะซะด้วย " คุณหญิงท่านเดินมายืนหน้าเค้าเตอร์ คนในร้านเริ่มเบาลงแล้วหลังจากพักเที่ยงแล้วก็ช่วงบ่ายโมงผ่านพ้นไป
“ ไม่ครับ แต่ไม่คล่องเท่าไหร่ ยังจำไม่ได้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน "
“ เดี๋ยวก็ชินเองละ " เธอว่ายิ้มๆก่อนจะหันไปหาลูกชายที่เดินมาหาตรงหน้าพอดี " ไฟท์วันนี้กินที่ร้านดีกว่าแม่ว่า แม่ชักจะขี้เกียจออกไปไหนแล้วละ "
“ แล้วแต่ครับยังไงก็ได้ ตามสบาย แต่ว่าตอนเย็นนี้ผมมีนัดแล้วนะ "
“ อ้อ ไปรับเด็กๆใช่มั๊ย "
“ แล้วก็จะชวนคนแถวนี้ไปกินข้าวด้วย " คุณหญิงท่านเลิกคิ้วตอนที่ฟังจบ คุณไฟท์ยิ้มมุมปากก่อนจะหันมาทางผม " แต่ไม่รู้ว่าจะไปรึเปล่า "
“ ชวนวาดสินะ "
“ แน่นอนว่าต้องเป็นร้านที่ไม่เคยกินแน่นอน ไปด้วยกันนะ พี่อยากเลี้ยงข้าววาด ไม่ได้เลี้ยงอะไรนานแล้ว "
“ ไปสิวาด เมื่อก่อนตอนเด็กๆไฟท์เองก็ชอบมาขนนู้นขนนี่ไปให้วาดตลอดเลยนิ ตอนนั้นไฟท์ดูห่วงวาดมากๆเลย แม่เห็นแล้วรู้สึกดีมาก ลูกชายตัวเองรู้จักห่วงคนอื่นก็เป็น " ลูบผมของลูกชายเธอยิ้มก่อนจะเดินนำไปนั่งที่โต๊ะ พี่ไฟท์หันมายิ้มกับผมเค้าใช้นิ้วชี้มาตรงหน้า
“ ร้านปิดแล้วห้ามไปไหน เดี๋ยวไปกินอะไรอร่อยๆกัน "
“ ครับ " ตอบออกไปแต่มือก็เอาแต่กำผ้ากันเปื้อนของตัวเองแน่น หัวใจที่เต้นแรงแทบจะทะลุออกมานี้ ผมหยิกเข้ากับแขนของตัวเองก็ยังรู้สึกเจ็บ .. ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความฝัน ไม่ใช่ฝันเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว
..................................................
“ พี่แก้ว ผมล้างแก้วแล้วก็เช็ดเสร็จหมดแล้วครับ " เดินออกไปหาพี่แก้วก็ยิ้ม เธอมองไปรอบๆ
“ เก็บเก้าอี้แล้วกัน " เดินเก็บเก้าอี้พิงกับตัวโต๊ะ ทุกคนกำลังอยากจะปิดร้าน เพราะทุกอย่างดูรีบเร่งมากกว่าตอนเช้า มีแค่คนเดียวที่ค่อยๆทำ ละเอียดไปหมดนั่นก็คือพี่แก้ว
“ จัดไม่สวยต้องจัดใหม่นะ " เธอพูดแบบนั้นก่อนสปีดของงานจะลดต่ำลง ผมเก็บเก้าอี้ตัวสุดท้าย พี่แก้วก็เช็คทุกอย่างแบบละเอียด ได้เวลากลับบ้านตอนประมาณสี่ทุ่ม เกือบรถไฟฟ้าเที่ยวสุดท้ายพอดี หันไปจัดกระเป๋าพี่ๆทุกคนทะยอยกลับไป เหลือไว้แค่ผมกับพี่แก้ว " วาด วันนี้เก่งมากเลยนะ ขนาดเริ่มงานวันแรกก็ไม่ได้ช้า มากจนเกินไป "
“ ขอบคุณครับ แล้วพี่แก้วยังไม่กลับบ้านเหรอครับ "
“ กลับสิ แต่วาดออกไปก่อนนะ " ส่ายพวงกุญแจของร้าน ผมยิ้มแห้ง
“ ออกไปเดี๋ยวนี้ละครับ "
เดินออกไปพร้อมกัน พี่แก้วเช็คทุกอย่างเรียบร้อยก่อนจะปิดประตู ที่นี่มียามอยู่แล้วสองคนไม่มีปัญหาอะไรที่น่ากังวล หมุนตัวเองไปนั่งที่เก้าอี้ พี่แก้วก็นั่งลงข้างๆกัน
“ ไม่กลับบ้านเหรอครับ "
“ กลับสิ แต่แฟนมารับนะ แล้ววาดไม่กลับเหรอ "
“ มีนัดครับ "
“ อ้อ อย่างงั้น " เธอเงียบลงทุกอย่างโดยรอบก็เลยเงียบได้ยินเสียงเพลงจากผับแถวๆนี้แต่ไม่ถนัดนัก
“ พี่แก้วทำงานที่นี่นานแล้วเหรอครับ "
“ ก็ตั้งแต่คุณไฟท์เรียนมหาลัย คุณไฟยังอยู่ม.ต้นอยู่เลย " เธอว่ายิ้มๆ " แรกๆที่มาทำนะ แทบทำงานไม่ได้เลย ลูกชายเจ้าของร้านหล่อมาก แถมยังใจดี แต่จริงๆบ้านคุณหญิงก็ใจดีทั้งบ้านแม้ตอนนั้นคุณไฟจะไม่ค่อยแสดงออกก็เถอะ แต่ตอนนี้ก็เปลี่ยนไปแล้วละ "
“ แล้วทำไมถึงมาทำงานที่นี่ละครับ "
“ ตอนแรกก็ไม่ตั้งใจจะทำหรอก พี่นะจบบริหารไปสมัครงานที่ไหนแต่ก็ไม่ได้นะ แล้วก็ขี้เกียจกลับบ้านที่ต่างจังหวัดก็เลยมาทำงานเป็นเด็กเสริ์ฟที่นี่ แต่พอทำไปทำมา เงินเดือนมันดีจนน่าตกใจก็เลยทำต่อมาเรื่อย จนเป็นผู้จัดการนี่เหละ คุณหญิงนะท่านใจดี วาดทำงานเก่งๆ ท่านจะเอ็นดู "
“ ดีจังเลยนะครับ "
“ อื้ม พี่นะมาทำงานที่มีไม่มีปัญหาอะไรกับใครหรอก จะมีก็แค่กับลูกค้าที่บางคนก็เรื่องมากไปหน่อย กับพนักงานขาเม้าส์ทั้งหลาย ก็นะ ผู้หญิงนิ ก็ต้องเม้าส์เป็นธรรมดา อีกอย่างลูกชายท่านก็หล่อขนาดนั้นจะไม่ให้พูดถึงได้ไง ยิ่งคุณไฟมาเป็นเกย์อีก ยิ่งพูดถึงไปกันใหญ่ "
“ เป็นเกย์เหรอครับ คุณไฟน้องคุณไฟท์นะเหรอ "
“ อื้ม เม้าส์กันให้แซ่ดมาที่ร้านทีไรเม้าส์กันตลอด พี่ว่าจะเป็นรึเปล่ามันไม่สำคัญหรอก สำคัญที่ว่าเป็นแล้วมีความสุขรึเปล่า ชีวิตคุณไฟนะดีขึ้นมาจากแต่ก่อนเยอะ คุณหญิงไม่ต้องนั่งเครียดแล้ว ก็ดีแล้วละ "
“ พี่แก้วดูรักคุณหญิงมากเลยนะครับ "
“ แน่ละ ก็ท่านใจดี ไม่เคยเอาเปรียบลูกน้อง มีเหตุผล ตอนนี้พี่กังวลอยู่อย่างเดียว ท่านนะอายุมากแล้วแต่ต้องมาเลี้ยงหลานเล็กๆตั้งสามคน คุณไฟท์ยังลาออกจากงานอีก "
“ ลาออกจากงาน "
“ ก็ลาออกจากงานเป็นทูตที่สวิตไง ท่านนะเครียดมากเลยนะ ยิ่งคุณไฟท์ไม่คิดว่าจะทำอะไรท่านก็ยิ่งเครียด ก็คุณไฟท์นะไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลยนิ ลูกชายที่เป็นคนจริงจังมาตลอดกลายมาเป็นแบบนี้เพราะภรรยาเสียมันก็น่ากลุ้มอยู่นะ "
แสงไฟของรถเก๋งญี่ปุ่นคันนึง สาดเข้ามาตามทาง เธอหันมายิ้มกับผมก่อนจะยืนขึ้น " พี่ไปก่อนนะวาด พรุ่งนี้เจอกัน "
“ ครับ "
มองดูเวลาที่เกือบห้าทุ่ม ผมมองไปนอกถนนที่ไม่มีรถคันไหนคิดจะเลี้ยวเข้ามา กลับมานั่งที่เดิมตอนที่เผลอคิดขึ้นมาได้ว่า พี่เค้าอาจจะลืมไปแล้ว จริงๆตอนนั้นก็อาจจะแค่พูดเล่น
“ เอาน่า ก็เคยชินกับการรอมาทั้งชีวิตแล้วนี่หว่า รออีกหน่อยจะเป็นอะไรไป "
เที่ยงคืน ตั้งความหวังไว้ว่าอีกยี่สิบนาทีถ้าไม่ก็จะไป พอยี่สิบนาทีก็บอกกับตัวเองว่าอีกสิบนาทีแล้วกัน พอสิบนาทีก็เพิ่มจำนวนเวลาอยู่แบบนั้น ยังคิดว่าความหวังนั้นจะยังอยู่
“ ตีหนึ่งแล้วนะหนู ยังรอให้พ่อมารับอยู่อีกเหรอ " ลุงยามที่ยืนอยู่หน้าร้านถามผม ก้มลงมองดูเวลาที่ไม่รู้ว่าตัวเองรอมานานถึงขนาดนี้แล้ว
“ จะกลับเดี๋ยวนี้เหละครับ " ก้มหน้าลงผมยกมือขึ้นไหว้ลุงยามที่ยิ้มให้ สะพายกระเป๋าเป้ขึ้นมาลุกขึ้นเดินออกไปจากที่นั่ง ถนนข้างหน้ายังมีรถผ่านไปมา กำสายกระเป๋าเป้ของตัวเองเอาไว้
“ อย่าร้องนะวาด มึงไม่ได้เกิดมาเพื่อร้องไห้ " ไม่ได้เกิดมาเพื่อ หลั่งน้ำตาตอนที่รู้สึกเจ็บปวด แต่เกิดมาเพื่ออดทนกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเท่านั้น ก้าวขาเดินต่อไป
“ วาด!! ” หันไปตามเสียงทุกอย่างที่ดูเหมือนภาพช้าพวกนั้น ผมเห็นคนร่างสูงที่ใส่ชุดอยู่บ้านสบายๆหายใจหอบอยู่หน้ารถ เขาก้มหน้าก่อนจะวิ่งเข้ามาหาผม " ขอโทษ กูลืมไปเลยว่านัดมึงไว้ "
“ ไม่เป็นไรหรอกครับ " คงมีแค่คำนี้ที่พูดออกไปได้ เอื้อนเอ่ยอะไรออกไปไม่ได้อีกแล้ว น้ำลึกที่ผมดำดิ่งอยู่เมื่อครู่ช่วงเวลาเสียใจที่คิดว่าอีกเดี๋ยวก็คงตายแล้ว ตอนนี้มีคนกระชากผมขึ้นไปจากสิ่งที่เป็นอยู่ คนที่ผมรอคอย คนนั้น
“ โทษจริงๆว่ะ กูลืม กูไปรับลูกเสร็จก็กลับบ้าน สอนการบ้านพาเข้านอน ดูทีวีจนลืมมึงไปเลย เพิ่งคิดออกเมื่อกี้ โทษทีว่ะ "
“ ไม่เป็นไรครับ " ก็ยังดีที่คิดออก นั่นคือความคิดที่ดีกว่าคำว่า เป็นคนที่ถูกลืม
“ ทั้งๆที่กูเองสัญญาจะพามึงไปกินของอร่อยแท้ๆ " พี่ไฟท์จับแขนของผมเอาไว้ " มึงก็ยังคอยนะ เห้อออ กูจะไถ่โทษคราวหลังแล้วกัน ไปกลับบ้าน กูไปส่ง "
“ ครับ " พยักหน้าพี่ไฟท์ขึ้นรถ ผมก็ขึ้นตามไป รถของพี่ไฟท์ที่ได้นั่งเป็นครั้งแรกเล่นเอาทำตัวตรง สอดส่องสายตาไปยังของไฮเทคต่างๆในรถ คล้ายๆรถของคุณอินเลย
“ เสียดายว่ะ กูอยากพามึงไปกินพวกซาลาเปาไส้ไหลสักหน่อย แต่ป่านนี้แม่งคงปิดนอนกันไปหมดละ เที่ยวหน้าแล้วกันนะ " เค้าหันมายิ้มก่อนจะกลับไปสนใจถนนตรงหน้าต่อ " เห้อ กูยังจำครั้งแรกที่ซื้อขนมให้มึงกินได้เลย อยากเห็นภาพแบบนั้นอีก "
“ แบบนั้น แบบไหนเหรอครับ "
“ ก็แบบที่ยิ้มกว้างๆ ดีใจแบบสุดๆไง รอยยิ้มแบบที่ไอ้ไฟไม่ค่อยมีเพราะมันก็ได้ทุกอย่างที่อยากได้ตลอด ตอนนั้นนะพอกูเห็นมึงยิ้มแบบนั้น กูรู้สึกทันทีเลยว่า กูทำให้ใครบางคนมีความสุขได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ " ผมเงียบพี่ไฟท์ยกมือขึ้นลูบผมไว้ " ยิ้มไว้นะมึง เพราะรอยยิ้มนะเหมาะกับมึงที่สุด "
“ ครับ "
“ กูเอง พอเห็นมึงแล้วก็รู้สึกว่า ขนาดมึงยังยิ้มได้เลย ทำไมกูจะยิ้มไม่ได้ ขนาดมึงยังมีความสุขกับของชิ้นเล็กๆของคนอื่นได้เลย ทำไมกูเองจะมีบ้างไม่ได้จริงมั๊ย "
“ เอ่อ..” ไม่กล้าตอบ ไม่รู้จะพูดอะไรให้อีกคนสบายใจดี ผมรู้ว่าพี่ไฟท์คงมีเรื่องเครียดอยู่
“ ช่างมันเถอะ เห้อ แต่กูนี่น่า ลืมมึงซะได้ ตอนนี้ก็ดันไม่มีร้านไหนเปิดแล้วด้วย "
“ จริงๆก็มีอยู่นะครับ ถ้าคุณไฟท์อยากจะเลี้ยง เลี้ยงร้านนั้นก็ได้ "
“ ร้านไหนละ " หันมามองผมยิ้มออกมา
“ ขับรถตรงไปเรื่อยๆครับ เดี๋ยวผมบอกทางให้เอง "
ขับรถออกไปตามถนนที่ยังมีรถสัญจรไปมา ดึกแค่ไหนกรุงเทพรถก็ติดผมคิดแบบนี้มาตลอด ตอนเด็กๆตื่นตาตื่นใจทุกครั้งที่ได้ออกจากบ้าน รถจะติดแค่ไหนก็ไม่เคยบ่น
“ ร้านนั่นเหละครับ ป้ายสีเหลืองๆตรงหน้าเซ่เว่นนะครับ "
“ ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว " พี่ไฟท์ทวนเสียงก่อนจะตีไฟเลี้ยวให้ชิดซ้ายริมถนน " เอาจริงนะ "
“ ครับ นี่เหละของอร่อย "
“ ตามใจแล้วกัน "
ร้านบะหมี่กะดึกสีเหลืองมีคนนั่งกินกันแต่ก็ไม่เยอะเท่าไหร่ พี่ไฟท์ลากเก้าอี้ตรงข้ามกับผมนั่ง ท่าทางเก้ๆกังๆมองไปรอบๆร้านที่ดูไม่น่ากินเท่าไหร่ ชายหนุ่มมีอายุขะมักเขม้นทำบะหมี่ให้ลูกค้าที่มายืนคอยสองคน ด้านหลังของแกเป็นภรรยาที่กำลังแยกอาหารที่กินไม่หมดลงถังแล้วโยนชามไปที่กะละมัง ทุกอย่างดูสกปรกไม่น่ากินในสายตาของคนตรงหน้าผมรู้
“ อื้ม แล้วจะกินอะไรละ "
“ ผมสั่งให้ครับ พี่ไฟท์กินได้ทุกอย่างใช่มั๊ย "
“ ไม่กินดีกว่า วาดกินเถอะ " พยักหน้าแค่นั้น ผมเดินไปสั่ง
“ บะหมี่เกี๊ยวแห้งพิเศษทุกอย่างหนึ่งครับ " บอกป้าคนขายแกหันมายิ้มให้
“ น้ำอะไรดีจ๊ะ "
“ น้ำเปล่าครับ "
“ บริการตัวเองตรงนู้นเลยนะ " ชี้ไปที่โต๊ะในสุดผมพยักหน้า เดินไปตักน้ำแข็งมาสองแก้ว ลังเลว่าจะไม่ตักแต่ก็ตักมาให้เพราะเป็นมารยาท
“ น้ำครับพี่ไฟท์ "
“ ขอบคุณครับ " รับไปแต่ก็ไม่กิน เขาเหลือบมองไปที่บริการน้ำ ก่อนจะฉุดมือผมที่กำลังกินน้ำลง " วาด อย่าเพิ่งกิน "
“ ทำไมครับ " หน้างงๆของผมวางแก้วลงพี่ไฟท์เดินเข้าไปในเซเว่น ก่อนจะเดินออกมาสิ่งที่ถืออยู่ในมือตอบข้อสังสัยของผมทั้งหมด ขวดน้ำดื่มยี่ห้อนึงวางลงตรงหน้าพร้อมกับหลอด
“ กินนี่ดีกว่า มันสะอาดกว่า "
“ ขอบคุณนะครับ " คนรวย บางทีก็เลือกกินแม้ขนาดน้ำเปล่า " แต่นี่มันก็ไม่ได้สกปรกอะไรนะ ผมว่า อีกอย่างก็ยังดีที่มีน้ำให้กิน "
“ สกปรก แค่เห็นถังใส่ก็รู้แล้วละ ไม่รู้เอามาจากไหน "
“ ผมว่า บางทีเรื่องบางเรื่องเราไม่ควรที่จะสืบหาต้นตอนะครับ ถ้ารู้แล้วไม่สบายใจก็ไม่รู้จะรู้ไปทำไม "
“ ก็อาจจะใช่นะ " มองคนที่ยิ้มกลับมา ใช้มือเท้าคางจ้องอยู่แบบนั้นจนทุกอย่างมีแต่ความเงียบ ตัวผมไม่ได้ยินแม้แต่เสียงของรถที่วิ่งผ่านไปมา
“ ทำไมถึงกลับมาละครับ พี่ไฟท์น่ะทำไมถึงกลับมา "
“ นี่ถามจริงๆ หรือเหม่ออยู่ " ตาโตขึ้นทันที ผมเปลี่ยนท่านั่งเท้าคางที่เอาแต่มองอีกคน หันไปหาป้าที่สั่งบะหมี่ไว้ โชคดีที่ได้พอดี
“ บะหมี่จ้ะ " ยื่นมาให้ ผมก็จัดการเช็ดตะเกียบกับช้อน กินเข้าไปทันที พี่ไฟท์หัวเราะ
“ อยากถามก็ถามได้นะ อยากรู้มั๊ยละ " หยิบฝุ่นขาวๆที่ผิดอยู่ตรงปลายผมออกให้ พี่ไฟท์เท้าคางมองผมบ้าง
“ ทำไมถึงกลับมาไทยละครับ ทั้งๆที่ตัวเองก็ "
“ ก็ประสบความสำเร็จขนาดนั้นแล้วนะเหรอ " ผมพยักหน้า แต่พี่ไฟท์มองไปทางอื่น
“ บางทีการที่เราประสบความสำเร็จก็ไม่ได้ความว่าเราจะมีความสุข แค่ไม่มีความสุขที่จะต้องทำอะไรแบบนนั้นอีก เลยกลับมา " เขาหันมายิ้มให้ผม " เหตุผลฟังดูไม่ขึ้นเลยใช่มั๊ย บางทีกูว่า กูกำลังหลอกตัวเองอยู่ "
“ เกี๊ยวหมูมั๊ยครับ อร่อยนะ " ตักเกี๊ยวไปให้ พี่ไฟท์ลังเลแต่ก็รับช้อนไปตักใส่ปากตัวเอง " คนเรานะ มีเรื่องที่ไม่อยากบอกใครกันทั้งนั้นเหละครับ แต่เพราะนั้นมันเป็นเรื่องของพี่ พี่ย่อมรู้เหตุผลของตัวเองดีที่สุด ตัดสินใจแล้ว อย่ามองกลับไปข้างหลังเลยครับ มุ่งไปข้างหน้าดีกว่า "
“ เกี๊ยวอร่อยดีนะ "
“ อีกชิ้นมั๊ยครับ " ตักให้อีก พี่ไฟท์ก็รับไปกินอีก เขายิ้มให้ผม
“ สั่งให้ถ้วยนึงสิ อร่อยดีนะ " จ้องหน้ากันก่อนผมกับพี่ไฟท์จะหลุดยิ้มออกมา
“ ป้าครับ ขอบะหมี่แบบของผม อีกถ้วยครับ ไม่ครับ ขอสองถ้วยเลย "
“ ตัวแค่นี้ทำไมกินเยอะจังว่ะ "
“ ต้องกินเยอะๆครับ เดี๋ยวต้องกลับไปท่องหนังสือ จะได้มีแรง "
“ แรงฮึดหรือว่าแรงนอน "
“ ไม่หลับหรอกครับ ไม่ต้องห่วง " ก้มหน้ากินบะหมี่ตรงหน้า เห็นแบบนี้ผมกินเยอะนะครับ เพราะกินเท่าไหร่ก็ยังตัวแค่นี้กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน " แล้วคุณไฟท์ "
“ เรียกพี่ก็น่ารักดี พี่อนุญาติให้วาดเรียกว่าคุณแค่ตอนอยู่ในร้านก็ได้ แต่ถ้าอยู่กันสองคนต้องเรียกพี่ ตกลงมั๊ย "
“ แล้วพี่ไฟท์จะทำอะไรต่อไปละครับ " บะหมี่สองถ้วยถูกตั้งไว้ข้างหน้าเราตอนที่ผมเริ่มตั้งคำถามนี้ พี่ไฟท์เช็ดตะเกียบแต่ปากก็ตอบออกมา
“ คิดว่าคงเป็นอาจารย์สอน นักศึกษามั้ง ว่าจะลองไปสมัครพรุ่งนี้ ถ้าไม่ได้ ก็คงมาทำงานที่ร้านมั้ง "
“ อาจารย์สอนอะไรเหรอครับ "
“ ก็คงรัฐศาสตร์ จบด้านนี้มานี่ คงไม่สอนหมอฟันหรอกไม่ต้องกลัว "
“ ไม่ได้กลัวหรอกครับ " ดึงบะหมี่ถ้วยที่สองมากิน " ว่าแต่ แล้วเหตุผลที่พี่ลาออกจากงานมันจะไม่เป็นอะไรเหรอครับ ถ้าต้องบอกพวกเค้าไป "
“ วาด จำไว้นะ โลกนี้ไม่มีใครพูดความจริงหมดหรอก คนเรานะแม้รู้ว่าการโกหกมันไม่ดี แต่บางทีเราก็ต้องโกหกเพื่อความอยู่รอด แล้วก็เพื่อตัวเอง มนุษย์นะสร้างกฏมากมาย อันนั้นดีอันนั้นไม่ดี รู้ทั้งรู้ แต่ทุกคนก็ทำ ทุกคนพร้อมแหกกฏนั้น "
“ มนุษย์ก็เห็นแก่ตัวทุกคนไม่ใช่เหรอครับ "
“ ก็อาจจะนะ "
“ แต่ผมว่า คนเราเมื่อได้มีความรัก ที่เป็นความรักจริงๆแล้ว ความเห็นแก่ตัวก็ไม่มีแล้วละครับ จะมีแค่การทำเพื่อใครคนนึงที่รักเท่านั้น " และบางที ตัวผมเองก็คงกำลังเป็นแบบนั้นอยู่
“ พูดยังกับมีความรัก "
“ ไม่มีหรอกครับ " ผมมองพี่ไฟท์ที่ก้มลงสูดบะหมี่ ไม่มีความรักก็จริง แต่ก็มีคนที่แอบรักอยู่ " แล้ว ลูกพี่ไฟท์ละครับเป็นยังไงบ้าง เด็กๆคงดีใจน่าดูที่พี่กลับมา "
“ ดีใจปนวุ่นวายเลยละ แต่ละคนวัยซนทั้งนั้น "
“ กี่ขวบแล้วละครับ "
“ หกขวบคนนึง ห้าขวบสองคน อีกคนอยู่กับน้องชายกำลังจะสี่ขวบ "
“ โห หัวปีท้ายปีเลยนะครับ เป็นคุณพ่อที่ขยันทำการบ้านมาก " ผมล้อพี่ไฟท์จ้องหน้าผม
“ ก็สวิตมันหนาว หึ ฮ่าๆ ดูทำหน้าเข้ามึง แก้มแดงหมดแล้ว "
“ ก็ผมร้อน " ก้มหน้ากินบะหมี่ในจานตัวเองจนหมด รู้สึกอิ่มเหมือนอาหารมันแน่นถึงคอ มองดูไปรอบๆพี่ไฟท์ที่ยังกินไม่เสร็จ เพิ่งรู้วันนี้ว่าอีกคนเป็นคนกินอะไรช้าๆ ไม่เชิงเรียบร้อยแต่กินแบบมีระเบียบ " เดี๋ยวผมมานะครับ "
ว่าแบบนั้น ก่อนจะเดินเข้าไปในเซเว่น เมื่อกี้เห็นตู้ไอศกรีมวอลล์เลยคิดว่ามันน่าจะมีอยู่สักอันสองอัน ซื้อเสร็จก็เดินออกมาพี่ไฟท์ไม่นั่งอยู่ตรงนั้นแล้วครับ กำลังจ่ายเงินอยู่
“ พี่ไฟท์ " ทำท่าจะล้วงเงินแต่อีกคนเบรคไว้ก่อน
“ กูเลี้ยง "
“ ขอบคุณครับ "
“ ไปเสร็จละขึ้นรถ " เดินนำออกไปขึ้นรถ แต่ผมเรียกไว้ก่อน
“ พี่ไฟท์!! “ เจ้าตัวหันมา ผมยื่นไอติมขึ้นมาตรงหน้า " กินของหวานกันมั๊ยครับ "
“ เลี้ยงเหรอ "
“ อื้ม " พยักหน้าแบบนั้น อีกคนก็เดินมายืนตรงหน้า แกะไอศครีมยักษ์คู่ในถุง ผมแบ่งออกเป็นสองอันก่อนจะยื่นให้พี่ไฟท์ " นี่ครับ ผมเลี้ยง "
“ เข้าใจคิดนี่ "
“ พรุ่งนี้สมัครงานสู้ๆนะครับ ผมจะเป็นกำลังใจให้ " ยัดไอติมเข้าไปในปาก พี่ไฟท์หันมาก่อนจะยิ้ม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เคยเกิดขึ้นกับผม
หลายปีก่อนเคยมีพี่ชายใจดีคนนึงแบ่งไอติมยักษ์คู่แท่งนี้ให้ผม ก่อนหน้าวันที่ผมจะสอบเข้าชั้นป.หนึ่งในโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง โรงเรียนแสนแพงที่คุณท่านเป็นคนส่งเสียให้เรียน ' พรุ่งนี้สอบสู้ๆนะวาด พี่จะเป็นกำลังใจให้ '
“ เหมือนวันนั้นเลยว่ะ "
“ จำได้ด้วยเหรอครับ " รอยยิ้มที่ยิ้มให้ผมเหมือนวันนั้น มือคู่เดิมที่คอยลูบหัวผมเหมือนวันนั้น ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยในความรู้สึกของผม
“ แน่นอนอยู่แล้ว "
............................................................
มีคนอ่านถามว่า ตกลงมันคู่ใครกันแน่
คืออยากบอกนะ แต่มันบอกไม่ได้ไง โธ่
ถ้าหนมบอกไปเหมือนเปิดกระโปรงให้คนอ่านดูมีวันนี้ใส่กางเกงในสีอะไรนั่นละ จริงๆ
เอาเป็นว่ามันเหมือนว่า ทำไมทุกคนถึงเชียร์ฮิมกับหยุ่น ทั้งๆที่พี่เทมตอนนั้นก็จีบหยุ่นอยู่
มันมีเหตุผลซ้อนอยู่แล้ว แต่ขอให้อ่านต่อไปก่อน เพราะตัวละครยังออกมามาไม่ครบเลยโน๊ะ
ใครไม่มียูสในเล้า สามารถเม้นท์ผ่านทิวตและเฟสได้ ด้วยแท็ก #Choiceไฟท์อิน
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์นะคะ ฝากด้วยจ้า
สุขสันต์วันสงกรานต์จ้า