ตอนสุดท้าย....
วันน์สะบายน์ของง์จ้าวเมวว“เมี๊ยว”
ร่วมยี่สิบปีที่เราไม่ได้เจอกัน
พี่ฮะ
พี่ยู
ฮึก.....ฮึก.....เมี้ยววววววว
เขี่ย ๆๆๆๆๆ
“แฮ่......น่ากลัวใช่มั้ยล่ะไอ้เคิ่ลลูกรัก”
ไอ้ใจร้าย.....ใจร้ายเกินไปแล้วน๊า
[ไมเคิล]
วันนี้เป็นวันสบายของไอ้ทาสมนุษย์ทั้งสอง
“ปลาเส้นไหมไอ้ลูกชาย”
ชิส์.....เชอะ...เชอะ ๆ ๆ ๆ
ผมโกรธ!!!! โกรธไอ้คนที่นั่งทำเป็นทองไม่รู้ร้อน จิบชายามบ่ายด้วยท่าทางที่ติดหรู พาลโกรธอีกคนหนึ่งที่ยังนั่งอ่านหนังสืออยู่ได้หน้าตาเฉย ทั้ง ๆที่อีกคนหนึ่งเพิ่งจะก่อเรื่องเอาไว้แท้ ๆ ใช่สิ.....ใครมันจะไปเข้าใจความรู้สึกของแมว....เอ่อ....หนูในร่างแมวอย่างผมกันเล่า
คือเรื่องมันเป็นแบบนี้นะ
ผมนอนบิดขี้เกียจอยู่ตรงสวนหลังบ้าน(ใช่แล้ว....ใกล้ ๆต้นไทรที่มีกระดูกมือคนโผล่ขึ้นมานั่นแหละ)
และผมเจอกับหนูยักษ์ตรงนั้น!!!!
แวบแรกที่เห็น ช่างเหมือนพี่เหลือเกิน.....ดวงตาปูดโปน ผิวหนังคล้ำย่นที่ปราศจากขนขาว ๆ ปกคลุม เขี้ยวแหลมคม และตัวที่โตขนาดเกือบจะเท่าลูกแมว
ผมรีบวิ่งเข้าไปหาเจ้าหนูยักษ์ที่นอนแน่นิ่ง พยายามเปล่งเสียงออกมาเป็นภาษาหนูที่แสนคุ้นเคย แต่จนแล้วจนรอดนั้น เสียงของผมมันก็ยังเป็นเสียงของแมวอยู่ดี
เมี๊ยววววววว.....พี่ยูฮะ....ผมคิดถึงพี่จัง.....เจ้าบ้า!!!!ถึงผมฟังภาษาหนูรู้เรื่อง แต่ผมก็ไม่อาจสื่อสารกับพวกพ้องได้ นั่นเพราะผมอยู่ในร่างของแมว เสียงที่เปล่งออกมาก็ย่อมต้องเป็นเสียงแมว มันช่างเจ็บปวดและอัดอั้น ทุกครั้งที่ผมเจอหนูบ้าน แล้วพวกมันแสดงท่าทางหวาดกลัวผมเต็มประดา
น่าแปลกที่อยู่ ๆเจ้าหนูยักษ์ก็โผล่ขึ้นมาแบบนี้ ผมเขี่ย ๆ ตบ ๆมันดูอย่างเบามือ แต่ไม่ยักกะมีสัญญาณตอบรับ
ไม่มีสัญญาณชีวิตจากเจ้าหนูน่าเกลียดตัวนี้
เฮ้ย ยี่สิบปีเชียวนะ อยู่ ๆพี่ก็จะโผล่ขึ้นมาแล้วก็มาตายกันง่าย ๆต่อหน้าต่อตาผมแบบนี้เนี่ยอ่ะนะ
มันไม่แฟร์
พี่ยูฮะ
ฮึก...ฮึก....ง๊าวววววววววว
“แฮ่............”
อ๋า.....พี่ผมยังไม่ตาย
ดีใจจัง
พี่ผมขยับได้
เดี๋ยวนะ....ไม่ใช่ละ
ทำไมพี่ผมลอยได้ล่ะวะ ลอยอย่างกับถูกใครบางคนสะกดจิตทำให้ลอย ใครล่ะในบ้านหลังนี้ที่มีพลังแบบนั้น
“แฮ่......น่ากลัวใช่มั้ยล่ะไอ้เคิ่ลลูกรัก”
นั่นไงกูว่าแล้ว ว่าแล้วว่าจะต้องมีคนโผล่พรวดออกมาจากหลังต้นไทร อันที่จริงผมเห็นรองเท้าหนังของเขาแลบออกมาแวบ ๆ แล้วล่ะ
“โอ๋......ตกใจเหรอเจ้าเหมียว”
ไอ้เกียรติยศ.....กูเกลียดมึง!!!“ข้าทำขึ้นมาเองเลยนา....หนูยักษ์เนี่ย.....น่ากลัวใช่ไหมล่า....อ้าวเฮ้ยเดี๋ยวสิ.....เดี๋ยวเซ่......อย่ามาเดินหนีกันนะเฮ้ยไอ้เคิ้ล อย่างอนน่าคั่มมอนนนนน”
ผมงอน
วันนี้ผมจะไม่คลอเคลียมัน
และจะไม่กินข้าวเย็นด้วย
ถึงจะมีปลาทูทอดของโปรดผมก็เถอะ
เชอะ
พวกทาสมนุษย์
.
.
.
.
.
ตกดึกคืนนั้นผมนอนไม่หลับ
ในใจมันร้อนรุ่ม
ถึงไอ้หนูยักษ์ที่สวนหลังบ้านจะเป็นของปลอมที่เจ้านายของผมทำขึ้น แต่ผมรู้สึกว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย ณ ตอนนั้น ใครบางคนแอบจ้องมองผมกับไอ้ทาสติงต๊อง ไม่ใกล้ไม่ไกลห่างออกไป
ผมออกมาเดินสำรวจนอกบ้านยามวิกาล รู้สึกกลัวนิด ๆ แต่ด้วยความอยากที่รู้ ผมจึงไปที่สวนหลังบ้านอีกครั้ง
จี๊ดๆ
เสียงร้องของหนูดังขึ้น ผมซ่อนตัวในพงหญ้า ค่อย ๆคืบคลานเข้าไปใกล้ ๆกับที่มาของเสียงด้วยความระแวดระวัง
เสียงร้องดังขึ้นเรื่อย ๆ เสียงร้องอย่างเจ็บปวดแทบขาดใจ เหมือนอย่างที่ผมเคยได้ยินมาเมื่อหลายปีก่อน ในห้องทดลองลับใต้ดิน ผมค่อย ๆย่องเข้าไปใกล้เรื่อย ๆ...เรื่อย ๆ
พรึ่บ!!!!!
เป็นหนูบ้านสีน้ำตาลขนาดตัวไม่ใช่น้อย แต่ก็ยังไม่ใช่พี่ผมอยู่ดี สะเทือนใจชะมัดที่เห็นเพื่อนพ้องตายอนาถ ซี้แหงแก๋ไปอีกหนึ่ง เจ้าหนูเคราะห์ร้ายนอนหงาย ท้องไส้ถูกแหวะ คงถูกแมวตัวอื่นจัดการ ไม่ก็พวกนกฮูก ผมยืนนิ่ง ไว้อาลัยให้เพื่อนร่วมสายพันธุ์
ผมคงคิดมากไปเองแหละ อยู่ ๆพี่จะโผล่มาได้ยังไงกัน
“เอ็งยังงอนข้าอยู่อีกเหรอเคิ่ล....”
ให้ตายสิ หมอนี่แม่งตีนเบากว่าผมเสียอีก ไอ้เกียรติยศอุ้มผมขึ้นกอดแนบอก พร้อมกับเอาหน้ามาถูไถขนปุกปุยของผม ผมขัดขืนเล็กน้อย เพราะว่ามันรู้สึกดีเหรอเกิน
“วันนี้เอ็งไม่เล่นกับข้าเลย....ข้าสำนึกผิดแล้ว รู้แม๊ะ วันนี้ข้าเหนื่อยมาก ข้าโดนภาคภูมิเล่นจนหมดแรง......ไปนอนเป็นเพื่อนข้านะคืนนี้ เป็นแมวกันหมาให้ข้านะเคิ่ล พรุ่งนี้ข้าจะให้เอ็งกินปลาแซลมอน”
เอาล่ะ จะยอมดีด้วยก็ได้
.
.
.
.
.
.
“ภูมิ...ไมเคิลมือเจ็บ”ทำตื่นตูมไปได้น่า....ไอ้มนุษย์
ผมเจอพี่อีกครั้ง ในท่อระบายน้ำหน้าบ้าน
และคราวนี้ผมแน่ใจว่าเป็นพี่จริง ๆ รอยฟันคม ๆของพี่ยังคงสดใหม่ ที่ขาหน้าข้างหนึ่งของผม เจ็บไม่น้อยเลยตอนที่ยื่นขาลงไปให้พี่งับ เพื่อช่วยพี่ขึ้นมา
พี่บาดเจ็บ
และดูแก่ไปเยอะ
แต่พี่ก็ยังดูน่าเกลียดน่ากลัวเหมือนเดิม ผมลากพี่ไปซ่อนในห้องใต้ดิน ที่ ๆปลอดภัยที่สุด ข้างใต้นั้นไม่มีอะไรนอกจากพวกอุปกรณ์ช่าง กับโหลผลไม้ดองเมื่อประมาณสักยี่สิบปีที่แล้ว
ไม่ค่อยมีใครลงมาในนี้ เพราะไอ้เกียรติยศมันก็เป็นคุณชายติดหรูที่ไม่เคยหยิบจับอะไร ส่วนคนน้องนั้นจะลงมาก็ต่อเมื่อมีเรื่องจำเป็น อาทิเช่น เมื่อจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ช่างสำหรับหั่น...หรือเฉือนบางอย่างให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ซึ่งนั่นก็นานมาแล้ว
“ไหนดูสิ”
ภาคภูมิอุ้มผมขึ้นมาสำรวจ ผมได้แต่ทำหน้าเซ็ง ปล่อยให้เขาจับตรงโน้นตรงนี้ พวกเขาไม่รู้หรอกว่าผมเป็นอะไร ต่อให้แผลร้ายแรงแค่ไหน มันก็สามารถหายได้เองเสมอ แม้จะต้องใช้เวลานานหน่อยก็ตาม
เพราะผมมีเจ้าสิ่งนั้นอยู่ในร่างกาย เราอยู่ร่วมกันอย่างพึ่งพาอาศัย มันคอยซ่อมแซม ส่วนผมก็คอยหาแหล่งพลังงานมาเติมให้ทั้งตัวเองแล้วก็สิ่งนั้น
“เลือดแห้งแล้วนี่.....”
เขาวางผมลง แล้วผมก็แกล้งทำเป็นเดินกระย่องกระแย่งเพื่อตบตา
“คงไปครูดกับอะไรคม ๆมาล่ะมั้ง แมวกับเจ้าของนี่ซนเหมือนกันเลยนะ”
ผมคงต้องคอยหาอาหารให้พี่แล้วล่ะ
.
.
.
.
.
.
.
“เมี๊ยวววววววววว”
อ๊ะ กินไม่ได้นะบ้าจริง!!!!
ผมคาบหัวปลาทูลงมาฝากพี่ เพราะเคยเห็นพวกหนูชอบขโมยกินกัน แต่ดูเหมือนว่าพี่จะสนใจอย่างอื่นมากกว่า
ดวงตาปูดโปนนั้นกำลังจ้องมองมาทางผม ขณะที่ปากก็กำลังกัดแทะซากของลูกหนูกินอย่างเอร็ดอร่อย ขอย้ำ....ลูกหนู!!!! ลูกหนูที่ยังตาปิด ตัวแดง ๆนั่นแหละ!!!!
โธ่พี่ยู......นั่นพวกเดียวกันนะฮะ
ผมใช้ขาเขี่ยหัวปลาทูไปใกล้ ๆ หลังจากที่เขมือบลูกหนูไปแล้ว พี่ก็ดูเหมือนจะสนใจหัวปลาทูของผม พี่ดมมันอยู่ครู่หนึ่ง ก็เบือนหน้าหนี สงสัยพี่จะไม่ชอบกินของทอด ผมกินเองก็ได้
ผมค่อย ๆเขยิบเข้าใกล้พี่พี่นอนฟุ่บนิ่งอยู่กับพื้น ใช้อุ้งเท้าลูบหัวของพี่เบาๆ พี่ส่งเสียงคำรามนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ขัดขืน พี่ยังจำผมไม่ได้ แต่ดูเหมือนว่าพี่จะค่อย ๆเปิดใจให้ผมทีละนิด ภาษาแมวของผมอาจทำให้พี่หัวเสียนิดหน่อย วันแรก ๆผมมักจะได้แผลเพราะพี่อยู่เรื่อย ทั้งๆที่บาดเจ็บ แต่พี่ก็ยังคงความอำมหิตได้อย่างคงเส้นคงวา
อาทิตย์หนึ่งผ่านไป
พี่เริ่มเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น และผิวหนังของพี่ก็ชุ่มชื่นขึ้น
ผมเปลี่ยนจากหัวปลาทูทอด เป็นเนื้อสด ๆ แอบขโมยมาจากเขียง ตอนที่เจ้าทาสภาคภูมิหันหลังให้ หมอนี่ทำอาหารอร่อยเว่อร์
รอยแผลที่ข้างลำตัวเริ่มสมานจนเกือบหายสนิท หางน่ารัก ๆของพี่แกว่งไปมาเป็นจังหวะ นิ้วมือข้างหนึ่งที่ดูไม่ได้เลยในตอนแรก เริ่มดูดีขึ้น
อยากให้พี่จำผมได้จัง
“ภูมิ.....เคิ่ลเป็นแผลอีกแล้วง่ะ”
“มันออกไปสู้กับแมวข้างนอกมาแหงเลย ช่วงผสมพันธุ์ละมั้ง”
ขืนพี่ยังคอยงับผมเรื่อย ๆแบบนี้ มีหวังความแตกแน่ ๆ
.
.
.
.
.
.
.
“เฝ้าบ้านดี ๆล่ะ โจรเข้ามาก็ไม่ต้องไปสู้ หลบไปไหนไกล ๆ เลยยิ่งดี”
เจ้าทาสเกียรติยศล่ำราผม วันนี้พวกทาสออกไปเที่ยวกันนอกบ้าน ไปกันทั้งสองคน จึงเป็นโอกาสอันดีที่ผมจะได้อยู่กับพี่ตามลำพัง
วันนี้ผมมีของเล่นมาฝากพี่ด้วย ผมคาบลูกบอลสีสดใส หวังว่าพี่คงจะชอบ อย่างน้อยพี่ก็น่าจะเห็นว่ามันน่างับเล่นมากกว่าตัวผม
พี่ฮะ.......
เมี๊ยววววววว
พี่หายไปไหน
ผมเดินสำรวจทั่วห้องใต้ดิน แต่กลับไม่พบพี่เลย ผมรู้สึกได้ว่าพี่ยังอยู่ แต่ผมหาพี่ไม่เจอ
แฮ่......
เสียงคำรามของพี่
ผมเงยหน้าขึ้นมอง พี่กำลังเกาะเพดานห้องอยู่ ผมร้องเรียกอย่างดีใจ แล้วพี่ก็กางปีกออก บินพุ่งลงมาหาผม
เดี๋ยวสิ....พี่มีปีกตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ผมมัวแต่จ้องปีกที่เหมือนค้างคาวของพี่ รู้สึกตัวอีกทีก็เจ็บตรงคอ พี่โฉบลงมางับคอผม
“แง๊วววววว”
พี่พุ่งชนผมอย่างแรงอีกครั้ง และคราวนี้กัดเข้ามาที่ท้องของผม ถึงตอนนี้ผมเริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้น
นั่นไม่ใช่พี่ยูคนเดิมที่ผมรู้จัก
พี่ไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว
ที่ผมเห็นมีเพียงสัตว์กลายพันธุ์กระหายเลือด ที่กินทุกอย่าง แล้วตอนนี้พี่ก็กำลังจะกินผม
ที่ผ่านมาผมช่วยพี่จนหาย พลังของพี่จึงมีมากพอที่จะโจมตีแมวตัวโตอย่างผมได้ ผมแกล้งทำเป็นไม่รู้ ทุกครั้งที่พี่กัด ไม่ใช่เพราะขู่ แต่เพราะพี่ตั้งใจจะกิน ทุกครั้งที่พี่จ้องผม พี่กำลังจ้องอาหารอันโอชะอยู่ หาพยายามหาทางที่จะกิน
ผมหมดแรง
รู้สึกเจ็บปวดอยู่ในอก มีทั้งความผิดหวังและสิ้นหวัง ผสมกับความเสียใจอย่างสุดคณา โอเค....ในเมื่อมันมาถึงขั้นนี้
ผมยอมเป็นอาหารของพี่
อย่างน้อยก็เพื่อตอบแทน ให้กับทุกสิ่งที่พี่เคยทำให้ผม
หวังว่ากินเนื้อของผมแล้ว....พี่คงจะจำอะไรได้บ้างนะ
ตุ่บ!!!!
ผมหลับตาปี๋ รอคอยอย่างยาวนาน แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมค่อย ๆลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ พบว่าตอนนี้พี่เหลือเพียงแค่ตัว ปราศจากหัว!!!!
ถัดออกไปนั้น ผมเห็นแมวสีเทาตัวหนึ่งกำลังเลียอุ้งเท้าตัวเอง ขณะที่เท้าอีกข้างนั้นกำลังตะปบหัวของพี่อยู่
“ถ้ามาไม่ทันนายเสร็จไอ้หนูยักษ์นี่ไปแล้ว”
“ไอ้เลว......มึงฆ่าพี่กู.....แง๊วววววว....เอาพี่กูคืนมานะเฟ้ย”ไอ้แมวสีเทากัดกินหัวของพี่อย่างน่าตาเฉย ไม่สนใจเสียงก่นด่าอย่างเจ็บแค้นของผมเลยสักนิด พอกินเสร็จมันก็เงยหน้าที่มีรอยบากขึ้นมา ผมเพิ่งเห็นว่ามันตาบอดข้างหนึ่ง
“ตัวน่ะ....ถ้านายไม่คิดจะกิน เราขอนะ”
“อย่าแตะต้องพี่เค้านะ”
“นั่นน่ะ....มันเป็นหนูชัด ๆ จะเป็นพี่นายได้ยังไง”
“เรื่องมันยาว.....แต่กูไม่เล่าให้มึงฟังหรอก......แง๊ว”
“นายนี่หยาบคายกับคนที่ช่วยชีวิตนายเอาไว้ทุกครั้งเลยเรอะ”
“ก็ไม่ได้ขอให้ช่วยนี่เฟ้ยยยย”
มันเดินเข้ามาใกล้ พยายามจะยกขาหน้าขึ้นมาปลอบผม แต่ผมปัดออก พร้อมกับตะปบเข้าให้อย่างแรงจนมันหน้าหันไป มันหัวเราะ ก่อนจะคาบเอาส่วนลำตัวของพี่ไป
“ไปล่ะนะ.....ช่วงนี้ต้องตุนอาหารนิดนึง.....ไม่ได้มีคนเลี้ยงเหมือนแมวแถวนี้”
“เออ....ไปเลย.....ไปแล้วไปลับ”
“จะไม่ถามชื่อเราสักหน่อยเหรอ”
“ไม่อยากรู้จักเฟ้ยยยยยยยย”
"หึหึ....แล้วเจอกันใหม่นะพ่อขนปุกปุย ฮ่าฮ่าฮ่า"
ผมเริ่มอาละวาด ชักดิ้นชักงอ ไอ้แมวแปลกหน้าเดินส่ายหางจากไป ผมนั่งมองกองเลือดของพี่ที่ยังเหลืออยู่ น้ำตาไหล
แผล่บ ๆ
รสชาติก็ไม่เลวนักหรอก แต่ถึงยังไงผมก็ยังเสียใจอยู่ดี
.
.
.
.
.
.
[แมวแปลกหน้า]
ไม่ได้เจอเขาเสียนาน ไม่นึกฝันเหมือนกัน ว่าจะต้องมาเจอกันในสภาพนี้
ภาพของหนูยักษ์ตัวนั้นยังคงติดตาเขา และฝังลึกในความทรงจำ ไม่แปลกที่เขาจะคิดว่าหนูตัวนั้นเป็นพี่ชายของเขา
ผมเองก็เพิ่งรู้ว่าเขาเป็นน้องชาย ก็ตอนที่สุ่มแอบดูเขาตลอดอาทิตย์นั่นแหละ เจ้าแมวตัวผู้ขนปุยที่มีพฤติกรรมประหลาด ชอบเล่นกับหนู แถมยังเรียกเจ้าหนูนั่นว่า....
พี่ยูผมเองก็อยากจะเฉลยเหลือเกิน แต่อีกใจก็อยากจะดูเขาต่อไปอีกสักหน่อย ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าหนูอ่อนแอตัวนั้น จะกลายเป็นเด็กที่เข้มแข็ง
อีกใจหนึ่งก็อยากแกล้งเขา เพราะผมชอบเวลาที่เขาโกรธแล้วลงไปดิ้นกับพื้น มันน่ารักดี
โตขึ้นมากเลยนะน้องพี่
ปล. หนูยักษ์นี่อร่อยเป็นบ้า เขาน่าจะลองกินดูนะ
................................................
THE END
ในที่สุด นิยายเรื่องนี้ก็เดินทางมาถึงตอนจบ ขอบคุณทุกเสียงตอบรับและกำลังใจจากคนอ่านทุกท่านเลยนะคะ หลายครั้งที่เหนื่อย และคิดอยากจะวางมือ แต่ก็ไม่เคยทำได้สักที เพราะกำลังใจจากคนไม่กี่คนที่ตามอ่านงานเรา เราอาจจะยังไม่ใช่นักเขียนที่ดีพร้อม แต่เราก็พยายามที่จะพัฒนางานเขียนไปเรื่อย ๆ ทั้งภาษา และพล็อตเรื่อง พยายามเสาะแสวงหาแรงบันดาลใจจากการนั่งดูหนังสยองขวัญเก่า ๆ เคล้าไปกับการอ่านเรื่องสั้นหักมุม สุดท้ายแล้ว แม้คนอ่านจะไม่เยอะเหมือนงานของนักเขียนมืออาชีพท่านอื่น ๆ แต่เราก็มั่นใจว่าเรามีฐานแฟนที่ได้คุณภาพไม่แพ้ใคร สุดท้ายแล้ว เรายังคงเดินไปข้างหน้าเรื่อย ๆ เริ่มจากกล้าที่จะรวมเล่ม ขอบคุณคุณ Nen ที่มองเห็นคุณค่าในผลงานของเรานะจ๊ะ
พบกันอีกครั้งตอนรวมเล่มนะจ๊ะ