ตอน 7 คำตอบ
“มึงได้คำตอบแล้วสินะ” หมอหนุ่มเอ่ยถาม ทันที่ เพื่อนรักโทรไปหา
“อืม ขอบใจมึงมากนะที่ช่วย”
“เหอะ กูไม่ได้ช่วยอะไรเลย ก็แค่พูดในสิ่งที่กูคิด แต่ดูเหมือนมึงจะฉลาดขึ้นนะ แปลว่า “กินปลา” ทะเลไปแล้วล่ะสิ”
“หึ” ร่างสูงไม่ตอบเพียงแค่แค่นเสียงในลำคอเท่านั้น แต่คนที่อยู่ด้วยกันมาเกือบทั้งชีวิต อย่างวิชาญมีหรือจะไม่รู้ว่า ป่านนี้ นาย
เงือกแสนสวยของเขาต้องเสร็จชาวประมงไปแล้วแน่นอน
“มึงจำที่กูบอกได้ไหม ไม่ว่าต่อไปมันจะเกิดอะไรขึ้น มึงต้องยอมรับมันให้ได้ ถ้ามึงกับคุณพุเกิดมาเพื่อกันและกันจริง สักวัน มันจะมีทางออกเว้ย”
“ขอบใจมึงมากนะเว้ยเพื่อนรัก แล้วเดี๋ยวกูไปเลี้ยงเหล้าตอบแทน”
“จะล้างท้องรอนะเว้ย แค่นี้นะ อีกห้านาทีกูต้องเข้าเวรแล้ว ดูแลคุณพุของกูดีๆด้วยล่ะ”
“สัด พุของกูเว้ย ไม่ใช่ของมึง!! แค่นี้นะ”
ธราดลวางสายจากเพื่อนรักก่อนจะทอดมองทะเลเบื้องหน้า จิตใจที่แสนว้าวุ่นกลับสงบลงอย่างประหลาด เขาไม่ลังเลอีกต่อไปแล้ว ตั้งแต่วินาทีที่ริมฝีปากบางนั้นทางทับลงมา หัวใจของเขาก็ได้คำตอบแล้ว ว่า เขาควรรักใคร อดีต ก็คืออดีต มันไม่มีวันที่จะย้อนกลับมาได้ คนเราต้องอยู่กับปัจจุบันและก้าวไปสู่อนาคต เขายังรักน้ำอยู่ก็จริง เธอจะยังคงอยู่ในความทรงจำของเขา แต่ชลัมพุ คือคนที่เขาจะรักนับจากวินาทีนี้ไปต้นไป
“อื้อ” เสียงใสครางอือ ก่อนที่เปลือกตาบางจะลืมขึ้นช้าๆ ดวงตาสีน้ำทะเลนั้นมองไปรอบๆราวกับกำลังหาอะไรบางอย่าง ร่างบางดู
เหมือนกำลังกังวลไม่น้อยที่ข้างกายไม่มีร่างสูงของเจ้าของบ้าน
“พุ มองหาใครครับ”
“พี่ดล” ชลัมพุเอ่ยเสียงแผ่ว ยอมรับว่าเมื่อครู่กำลังกลัว กลัวว่าจะถูกทิ้ง กลัวว่าจะไม่ได้รับการเอาใจใส่อีกต่อไป ตั้งแต่เมื่อไหร่
กันที่เขาขาดอีกฝ่ายไม่ได้ ตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่ร่างสูงก้าวเข้ามาเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเขา
“ทำไมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อย่างนั้น ล่ะครับ หรือว่า ยังเจ็บอยู่” ร่างสูงตามอย่างเป็นห่วงมือหนาลูปสะโพกมนอย่างถือวิสาสะ ความใกล้ชิดที่เกินคำว่า คนรู้จัก ทำให้ ชลัมพุอดเขินอายไม่ได้ แม้ว่าเมื่อคืนเขากับร่างสูงจะเดินข้ามผ่านเส้นแบ่งนั้นมาแล้วก็ตาม
“ไม่ใช่ครับ พี่ลืมไปแล้วเหรอว่า พุรักษาบาดแผลได้”อีกคน บอกเสียงเบา เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากธราดลได้มากโข ใบหน้าขาวนวลขึ้นสีจางๆน่ารักจนอดใจที่จะกดจมูกหาเศษหาเลยไม่ได้ ปกติเขาก็ไม่ค่อยทำอย่างนี้กับใครหรอก เห็นทีคงต้องโทษที่อีกฝ่ายน่ารักเกินไป
“แล้วถ้าอย่างนั้น เป็นอะไรครับ”
“พุกลัว” เงือกหนุ่มบอก
“กลัวว่า พี่ดลจะรังเกียจ กลัวว่าพี่จะทิ้งพุไว้คนเดียว ในเมื่อพุ ไม่ใช่มนุษย์”
“พุ ฟังพี่นะ ไม่ว่าพุจะเป็นใคร มาจากไหน หรือจะเป็นอะไร พี่ก็ไม่มีทิ้งพุเด็ดขาด เป็นพี่ซะอีกที่ต้องกลัว โกรธพี่ไหม เกลียดพี่หรือเปล่าที่พี่ทำแบบนั้นกับพุ ทั้งๆที่ยังไม่แน่ใจในความรู้สึกตัวเอง”
“ไม่ครับ พุไม่ได้โกรธ” ร่างบางส่ายหัวเป็นพัลวันเพราะกลัวว่าอีกคนจะคิดมาก ธราดลยิ้มขำ ชลัมพุของเขาน่ารักเสมอ แถมยังซื่อจนน่าเป็นห่วง แล้วแบบนี้จะปล่อยไปได้ยังไงกัน
“ชลัมพุ พี่ไม่ใช่คนดีอะไร พี่เป็นแค่คนเห็นแก่ตัวที่อยากผูกมัดพุให้อยู่กับพี่ตลอดไป แต่พี่ก็ยังรักน้ำอยู่ น้ำคือรักแรกในชีวิตพี่คงลืมเธอไม่ได้ พุรับได้ไหมถ้าหัวใจของพี่ไม่ได้เป็นของพุคนเดียว”
“พุรักพี่ดลครับ”
“พี่ก็รักพุนะ ขอโทษ ที่รักพุคนเดียวไม่ได้”
“ไม่เป็นไรครับ แค่รู้ว่าพี่รักพุบ้างก็พอแล้ว”
ร่างสูงสวมกอดเงือกหนุ่มไว้แน่น ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปเขาจะมีร่างในอ้อมกอดนี้อยู่เคียงข้าง ต่อให้วันข้างหน้าจะต้องพบเจอกับอะไร เขาจะไม่มีวันปล่อยให้คนที่รักจากไปอีกเด็ดขาด
“พี่รักพุนะ”
“ขอบคุณครับ ขอบคุณที่รักพุ”
ก๊อกๆๆๆ
“คุณพ่อ คุณแม่ขา ทำไมวันนี้ตื่นสายจังเลยคะ” เด็กหญิงตัวน้อยตะโกนอยู่หน้าห้องเพราะวันนี้ดูเหมือนว่าคนในห้องจะตื่นสายเป็นพิเศษ
“พี่ดลปล่อยก่อนครับ เดี๋ยวลูกเห็น” ร่างบางบอกพลางแกะมือของร่างสูงอย่างทุลักทุเล เพราะดูเหมือนอีกคนจะไม่ให้ความร่วมมือสักเท่าไหร่
“ถ้าเห็นจะดีใจตบมือใหญ่นะสิ พุก็รู้ว่าน้องอันดาชอบให้เรากอดกัน”
“พอเลยๆ พุจะไปเปิดประตูให้ลูก”
“ก็ได้ครับ แต่คุณแม่มาเร็วๆนะ คุณพ่อคิดถึง”
ฟอด เจ้าของบ้านตัวโตบอกก่อนจะปล่อยอีกคนเป็นอิสระ แต่ก็ยังไม่วายกดจมูกลงบนแก้มใสเป็นเชิงแกล้ง
“คุณแม่ไม่สบายเหรอคะ ทำไมหน้าแดง” เด็กน้อยที่ยืนอยู่หน้าประตูเอ่ยถาม ก่อนจะวิ่งเข้ามาในห้อง
“คุณพ่อขา คุณแม่ต้องไม่สบายแน่ๆเลย หน้าแดงด้วย คุณพ่อพาคุณแม่ไปหาลุงหมอนะคะ” เด็กหญิงบอกก่อนจะชี้ไปที่คุณแม่ที่ยืนหน้าแดงอยู่ที่หน้าประตู
“พุ ไม่สบายเหรอ ไหนมาวัดไข้สิ” ร่างสูงว่า ก่อนจะเดินเข้ามาหา แล้วทาบหน้าผากเข้ากับหน้าผากของร่างบาง
“อ้าว ตัวก็ไม่ร้อนนิทำไมหน้าแดงกว่าเดิมล่ะครับ หืม”
“พี่ดล อย่ามาล้อกันสิ”
“คุณพ่อขา ตกลงว่าคุณแม่ต้องไปหาลุงหมอไหมคะ”
“ไม่ต้องหรอกครับลูก คุณแม่ไม่ได้เป็นอะไร แค่เขิน ฮ่าๆๆ โอ้ย พุ อย่าตีสิ มันเจ็บ” ร่างสูงหัวเราะลั่น แม้ว่าจะถูกมือบางเข้าที่ต้นแขนหลายครั้ง
“อ้อ คุณแม่เขิน อิอิ” เจ้าหญิงตัวน้อยที่เจ้าเล่ห์ไม่แพ้พ่อ ได้ทีเลยล้อใหญ่ จนคนถูกล้อ ได้แต่ยืนหน้าแดงเพราะทำอะไรไม่ได้
“ไม่แกล้งแล้ว พุไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวจะได้ลงไปทานข้าวกัน วันนี้จะพาไปเที่ยวน้ำตกท้ายเกาะ ไปไหมครับ”
“พี่ดลพาพุไปจริงๆ นะครับ” ดวงตาสีน้ำทะเลพราวระยับ เพราะตั้งแต่มาอยู่เขายังไม่เคยไปเที่ยวน้ำตกท้ายเกาะเลย
“พี่เคยโกหกพุหรือไง ไปเร็วๆเลยคุณแม่เดี๋ยวคุณพ่อกับคุณลูก จะลงไปรอข้างล่างนะครับ”
ฟอด บอกก่อนจะอุ้มลูกสาวออกจากห้องแต่ก็ยังไม่วาย ทำให้อีกคนเขินส่งท้ายอีกจนได้
“พี่ดล ไปเลยออกไปเลยทั้งพ่อทั้งลูกเลย”
น้ำตกท้ายเกาะ
ชลัมพุมองดูสองพ่อลูกที่เล่นน้ำอย่างสนุก พลางยกยิ้มกว้าง ตั้งแต่เขามาอยู่ที่นี่ก็เพิ่งจะได้เห็น อีกคนร่าเริงเป็นเด็กก็วันนี้
“คุณแม่ ไม่เล่นกบน้องอันดาเหรอคะ สนุกน๊า” เด็กหญิงตัวน้อยบอก
“นั่นสิ พุ ไม่ลงมาเล่นล่ะ ที่นี้ไม่มีคนอื่นหรอก พุเองก็ไม่ได้ลงน้ำมานานแล้วไม่ใช่เหรอ หรือว่าเงือกลงน้ำจืดไม่ได้”
“ไม่ครับ พุลงได้ แต่ว่า..” ร่างบางลำบากใจเมื่อ ถ้าลงเล่นน้ำร่างจริงก็ต้องปรากฏ เขากลัวว่าจะทำให้ธราดลตกใจแม้ว่าร่างสูงนั้น
จะเคยเห็นมาแล้วก็ตาม
“ลงมาเถอะ พี่บอกพุแล้วไม่ใช่เหรอต่อให้พุจะเป็นอะไร พี่ก็รักพุ”
“ครับ”
ร่างบางยิ้มรับก่อนจะกระโดดลงน้ำอย่างคล่องแคล่วขาเรียวเปลี่ยนเป็นหางทันทีที่สัมผัสน้ำ ร่างสูงได้แต่มองอย่างตื่นตะลึงแม้ว่าจะเคยเห็นมาแล้วแต่นั่นก็เป็นช่วงกลางคืน แต่พอได้เห็นอีกคนในร่างเงือกชัดๆแล้ว กลับอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้
“ว้าว คุณแม่เป็นเจ้าหญิงเงือกน้อย ดีจังเลย คุณแม่เป็นบ่อยๆนะคะ น้องอันดาชอบ เวลาที่คุณแม่เป็นเงือก คุณแม่สวย” เด็กหญิง
หัวเราะร่วน
“แต่คุณพ่อว่า ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนคุณแม่ ของน้องอันดาก็สวยทั้งนั้น จริงไหมครับ” เสียงทุ้มบอกก่อนจะสวมกอดร่างบางจากข้างหลัง
“ใช่ค่ะ คุณแม่สวยที่สุดเลย”
วันเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ พอรู้ตัวอีกทีชลัมพุก็อยู่ในฐานะมนุษย์ได้สามเดือนแล้ว ร่างบางเหม่อมองทะเลเบื้องหน้า แสงจันทร์ที่สาดส่องสะท้อนเงาระยิบระยับ นั้นช่างสวยงามเหลือเกิน แม้จะรู้ว่าในโลกบนบกไม่ใช่ที่ของตัวเอง แต่เขาก็ไม่อาจห้ามหัวใจได้เลย แม้จะคิดถึงบ้าน คิดถึงครอบครัวมากแค่ไหน เขาก็กลับไปไม่ได้ เพราะเขารู้ดีว่าหากกลับลงไปเขาจะไม่มีวันได้เห็นหน้าคนที่ตัวเองรักอีกต่อไป เสียงเพลงทำนองหวานดังแว่วมากับสายลมชลัมพุ กระตุกวาบก่อนจะรีบวิ่งออกจากบ้านเพื่อตามเสียงนั้นไป
“อาโป” เสียงใสเอ่ยเรียกแม้ไม่เห็นตัวเขาก็รู้ดีว่าคนที่ร้องเพลงนี้เป็นใคร
“เจ้ามาแล้ว หรือ ในที่สุดเจ้าก็ยอมมาพบพี่เสียที” เสียงนั้นเอ่ยตอบก่อนที่ร่างหนึ่งจะโผล่ขึ้นมาจาก
“พี่มาที่นี้ มีอะไรหรือเปล่า”
“ชลัมพุ เจ้าก็รู้อยู่แก่ใจดีว่า พี่มาทำไม เจ้าอยู่บนบกนานเกินไปแล้ว ร่างกายของเราไม่ได้แข็งแรงพอที่จะอยู่บนนั้น กลับบ้านกับ
พี่เถอะ” อาโป บอกอย่างอ่อนโยน
“เรากลับไปไม่ได้ กลับไปไม่ได้แล้วจริงๆ” เงือกหนุ่มมองพี่ชายด้วยความรู้สึกผิดแต่เขามาไกลเกินกว่าจะกลับไปแล้ว
“คิดให้ดี ก่อนจะทำอะไร มนุษย์พวกนั้น เจ้าเล่ห์ หลอกลวง ไม่มีความจริงใจ เจ้าลืมสิ่งที่พวกมันเคยทำแล้วหรือ เจ้าลืมคำสั่งสอนของบรรพบุรุษหรือ หากท่านพ่อรู้เข้า ท่านคงเสียใจมาก”
“อาโป เราขอโทษ แต่เรากลับไปไม่ได้จริงๆ เรารักพี่ดล รักน้องอันดา พวกเขาคือหัวใจของเรา ถ้าไม่มีพี่ดลกับน้องอันดา ชีวิตเรา
จะมีความหมายอะไร ”
“เราเตือนเจ้าด้วยความหวังดี ชลัมพุเอ๋ย เวลาของเจ้าเหลืออยู่ไม่มากแล้ว จงคิดให้ดี ชีวิตของเจ้ามีค่ากับพวกเราชาวเงือกมากแค่ไหนตัวเจ้ารู้ดี อย่าเอามาทิ้งไว้ที่นี่เลย อีกไม่กี่วัน ท่านพ่อจะกลับมาจากมหาสมุทรทางตะวันออกแล้ว เราไม่รู้ว่าจะปิดท่านไปได้อีกนานแค่ไหน ”
“อาโป” ร่างบางมองพี่ชายทั้งน้ำตา เขารู้ดีว่าตัวเองทำผิดมากแค่ไหน เขารู้ดีว่าวันข้างหน้ามีความเจ็บปวดมากมายรอเขาอยู่ แต่เขาก็รัก ร่างสูงเกินกว่าจะตัดใจได้
เขามันคนเห็นแก่ตัว
“พุ พุอยู่ไหนครับ พุ!!” เสียงทุ้มที่ตะโกนเรียกทำให้สองพี่น้องสะดุ้ง ก่อนที่คนเป็นพี่ จะบอกกับน้องเป็นคำสุดท้าย ก่อนที่ร่างนั้นจะดำน้ำหายไป
“คิดให้ดี แต่ไม่ว่าเจ้าจะตัดสินใจอย่างไร เจ้าก็ยังคงเป็นน้องรักของพี่เสมอ ชลัมพุ”
“อยู่นี่เอง พี่เป็นห่วงมากรู้ไหม” ร่างสูงกอดอีกคนไว้แน่น วินาทีที่ไม่เห็นร่างบางนอนอยู่เคียงข้างเขายอมรับว่ากลัวเหลือเกิน กลัวว่า อีกคนจะทิ้งเขาไป
“พุ นอนไม่หลับน่ะครับ เลยออกมาเดินเล่น”
“คิดถึงบ้านเหรอ” เสียงทุ้มถามอย่างอ่อนโยน พลางกระชับอ้อมกอดแน่น
“ครับ พุคิดถึงบ้าน” บอกพลางสะอื้น
“พี่ขอโทษนะพุ ขอโทษที่รั้งเราให้อยู่ที่นี้ ขอโทษที่พี่เห็นแก่ตัว”
สองร่างตะกองกอดท่ามกลางแสงจันทร์ เสียงคลื่นกระทบฝั่งดัง ซ่าๆ แต่ไม่อาจกลบเสียงสะอื้นของทั้งสองคนได้เลย
...............................TBC.............................
เรื่องนี้ ตอนหน้า จบค่ะ
ฮ่าๆๆๆ
ไม่สปอย หรอก เด๋วรู้