(รวมเรื่องสั้น) By Pita No 8 ร้อยรักเคียงใจ (จบในตอน) : 21/8/14 P5
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (รวมเรื่องสั้น) By Pita No 8 ร้อยรักเคียงใจ (จบในตอน) : 21/8/14 P5  (อ่าน 36892 ครั้ง)

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
แปะไว้ก่อน เด๋วมาอ่านนะค๊าบบบบ  ^^

ออฟไลน์ ~ ฤดูใบไม้ผลิ ~

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
ผิดคนแน่เลย

ออฟไลน์ pita

  • ขอเพียงกล้าทำตามฝัน จะล้มบ้าง ลุกบ้าง ช่างมันปะไร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +328/-13

บทที่ 3 ครองหทัย

“แม่แก้ว” 

“เมื่อครู่คุณพระนายเรียกกิ่งว่าอะไรนะคะ” 

“แม่แก้ว ของพี่”

“คุณพระนาย นี่อะไรกันคะ”

“คุณกิ่งครับ ผมรู้ว่าคุณเข้าใจ ละครเรื่องนั้นมันบอกทุกอย่างในตัวมันอยู่แล้ว อย่ารออีกเลยนะครับ ผมไม่อยากให้คุณต้องรอผมอีกแล้ว ผมขอโทษ ขอโทษแทนตัวผมในอดีตที่ไม่สามารถดูแลคุณได้เลย ตั้งแต่วินาทีนี้ไป ขอให้ผมได้ดูแลคุณบ้างได้ไหม
ครับ”

“ค่ะ กิ่งตกลง”

“ผมจะรักคุณ คนเดียวตลอดไป”

ร่างแกร่งหนายืนมองภาพนั้นพลางคลี่ยิ้มเบาๆ ในที่สุด คุณพระนาย ก็ได้รักกับแม่แก้ว แล้ว ได้รักกับคนที่รอคอยมาตลอดแล้วสินะ  กานต์อมยิ้มอย่างยินดีก่อนจะเดินออกไปจากตรงนั้นอย่างเงียบๆ


ดีแล้ว ดีที่สุดแล้ว ที่ทุกอย่างเป็นแบบนี้







“พี่กานต์ มายืนทำอะไรตรงนี้คะ” เสียงหวานเอ่ยทักก่อนร่างบางของ กิ่งแก้ว จะเดินเข้ามาหาผู้เป็นพี่ชายร่วมสายเลือด

“พี่มาทำสวน แล้วเราล่ะวันนี้จะไป เลือกแหวนไม่ใช่เหรอ ยังไม่ไปเตรียมตัวอีก” ร่างสูงบ่นพลางใช้กรรไกรแต่งกิ่ง ต้นดอกแก้ว ดอกไม้โปรดของเขา ไปด้วย

“พี่กานต์ จะให้มันเป็นแบบนี้จริงๆเหรอคะ” เสียงหวานถาม พลางมองพี่ชายด้วยแววตาเศร้า

“แล้วแบบนี้มันไม่ดีตรงไหน หืม ยัยตัวยุ่ง” พี่ชายบอกพลางบิดจมูกน้องสาวเป็นเชิงล้อ

“มันจะไปดีได้ยังไง ในเมื่อกิ่งไม่ใช่..”

“กิ่งคือแม่แก้ว ” พี่ชายตัวโตตัดบท

“พี่กานต์ ทำไมต้องทำแบบนี้” ร่างบางครางแผ่ว ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าภายใต้รอยยิ้มนั้น พี่ชายของเธอต้องเสียใจแค่ไหน

“ไม่มีเหตุผลอะไร นอกจากจากกิ่ง คือคนที่คุณพระนายเฝ้ารอมาตลอด ไปเถอะให้ผู้ใหญ่รอนานๆมันจะไม่ดี” เสียงทุ้มบอกก่อนจะเดินผละออกจากน้องสาวไป





“หนูกิ่งเนี่ยจะลองวงไหนก็สวยไปหมดเลยนะคะ ป้าชักเลือกไม่ถูกซะแล้วสิคะ” กิ่งแก้วมองคุณอนงค์นาถพลางส่งยิ้มแห้งๆไปให้ ถ้าให้เลือกได้เธอไม่อยากอยู่ตรงนี้เลยสักนิด แม้ว่าคุณพระนายเองจะเป็นผู้ชายที่ดีมาก ตลอดเวลาที่เป็นคนรักกัน ร่างสูงจะดูแลเธออย่างดี แต่เธอกลับรู้สึกว่าร่างสูงนั้นดูฝืนใจ ทุกครั้งที่อยู่กับเธอแววตาของคุณพระนายคล้ายมีความกังวลอยู่เสมอ และทุกครั้งที่มองเข้าไปในดวงตาคมคู่นั้น มันไม่เคยสะท้อนว่าเจ้าตัวรักเธอแม้แต่น้อย

“คุณพระนาย มาช่วยคุณแม่ดูหน่อยสิคะว่าเอาวงไหน” คุณอนงค์นาถหันไปถามความเห็นจากลูกชายก่อนที่ร่างสูงที่ง่วนอยู่กับ
หนังสือเล่มโตจะทำเพียงแค่เงยหน้าขึ้นมอง

“วงไหนก็สวยทั้งนั้นล่ะครับแม่ ผมยังไงก็ได้”

“ยังไงก็ได้ไม่ได้ค่ะ นี่แหวนแต่งงานนะคะ ต้องเลือกที่ดีที่สุด สวยที่สุดสิคะ ผู้ชายเนี่ยไม่เข้าใจอะไรเลยจริงๆ” คนเป็นแม่บ่นอุบ ก่อนจะคิ้วขมวดกับแหวนเพชรต่อ

“หนูกิ่งชอบวงไหนคะ” คราวนี้คุณอนงค์นาถหันไปถามว่าที่ลูกสะใภ้บ้าง

“จริงๆกิ่งไม่ถนัดเรื่องพวกนี้เลยค่ะ ดูๆไปแล้วมันก็สวยทุกวงกิ่งก็เลือกไม่ถูกเหมือนกันค่ะ” หญิงสาวตอบ

“ถ้าอย่างนั้น เอาวงนี้ดีไหมคะ น้ำงามมาก ดีไซน์ก็ดูไม่เยอะเหมาะกับหนุ่มสาว คุณพระนายว่าไงคะ”

“ถ้าคุณแม่ว่าดี ผมก็ว่าดีครับ” ร่างสูงตอบ

“ถ้าอย่างนั้น ตกลงดิฉันเอาคู่นี้นะคะ คุณวรรณ” คุณอนงค์นาถบอกกับคุณวรรณเจ้าของร้านเพชรชื่อดัง

“ได้ค่ะ เดี๋ยวเซ็นรับของตรงนี้เลยนะคะ คุณอนงค์นาถ”

“ถ้าเสร็จแล้วผมขอตัวไปที่เรือนเล็กนะครับ คุณแม่ วันนี้คุณย่าใหญ่ท่านจะทำกลีบลำดวนให้ทาน คุณกิ่งก็ไปทานด้วยกันสิครับ” เสียงทุ้มเอ่ยชวนว่าที่เจ้าสาว


“กิ่งฝากขอโทษคุณย่าใหญ่ด้วยนะคะ วันนี้กิ่งมีสอนตอนสี่โมงเย็นน่ะค่ะ น่าเสียดายจังเลย”

“ไม่เป็นไรค่ะ เอาไว้พอหนูกิ่งแต่งเข้าบ้านเราแล้ว รับรองว่าต้องได้ทานขนมฝีมือคุณย่าใหญ่จนน้ำหนักขึ้นเลยล่ะค่ะ” คุณอนงค์นาถบอก

“ผมขอตัวนะครับแม่”






ร่างสูงเดินเข้ามาในเรือนเล็กเหมือนอย่างเคยพลางสูดกลิ่นหอมของดอกแก้วที่คุณทวดท่านสั่งให้ปลูกไว้ในสวน ทั้งๆที่อีกไม่กี่วันเขาจะได้แต่งงานกับคนที่เฝ้ารอมาตลอดแต่ทำไมเขาถึงไม่มีความสุขเลย

“คุณพระนาย จำคำทวดไว้นะจ๊ะ รูปกายภายนอกนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาแต่จิตใจที่อยู่ภายในต่อให้ผ่านกาลเวลาไปนานแค่ไหนก็จะยังคงอยู่ เรื่องบางเรื่องอย่ามองด้วยตาแต่จงสัมผัสมันด้วยใจ”

คำพูดสุดท้ายของคุณทวดยังคงดังก้องอยู่ในหัวแม้ว่าจะผ่านมาหลายเดือนแล้วแต่ร่างสูงก็ยังคิดไม่ตกสักที คุณทวดต้องการจะบอกอะไรกับเขากันแน่

“อ้าว คุณพระนาย ไหนเด็กๆบอกว่าไปเลือกแหวนแต่งงานไม่ใช่เหรอจ๊ะ” คุณย่าใหญ่เอ่ยถามหลานชาย

“ใช่ครับ แต่คุณย่าใหญ่ก็รู้ ว่าผมเลือกของแบบนั้นไม่เป็น เลยให้คุณอนงค์นาถเธอตัดสินใจให้น่ะครับ”

“แล้วนี่ คุณพระนายคุยกับหนูกิ่งหรือยังว่าจะใช้เรือนนี้เป็นเรือนหอ ”

“ยังเลยครับ”

“อ้าวแล้วกัน เรื่องนี้รอช้าไม่ได้นะจ๊ะ คุณพระนายจะแต่งงานกันวันนี้พรุ่งนี้อยู่แล้ว ต้องคุยกันให้รู้เรื่องเกิดฝ่ายหญิงเขาไม่ชอบใจ
ขึ้นมามันจะลำบากเอานะลูก” ผู้มากอาวุโสกว่าบอก

“แต่ว่าเรื่องนี้มันก็เป็นความตั้งใจของคุณพระนายกับแม่แก้วตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่เหรอครับ ถึงแม้ว่าเรือนนี้จะไม่ใช่หลังเดิมแต่ก็สร้างเหมือนเดิมแทบทุกอย่างนะครับ”

“คุณพระนาย เวลาเปลี่ยน คนเราก็อาจเปลี่ยนได้อย่ายึดติดกับอะไรให้มากนักสิจ๊ะ ไปคุยกันให้รู้เรื่องชีวิตคู่มันต้องคิดด้วยกัน ไม่ใช่ต่างคนต่างคิด ต่างคนต่างไปนะลูก”

“เฮ้อ อย่าเพิ่งพูดเรื่องคนอื่นดีกว่าครับ ผมอยากชิมขนมฝีมือคุณย่าใหญ่แล้ว เสร็จหรือยังครับ”

“เอ๊ะ เจ้าหลานคนนี้ เปลี่ยนเรื่องได้หน้าตาเฉยเลยนะ ย่าทำเสร็จบ้างแล้ว วางอยู่บนโต๊ะแน่ะ ไปหยิบมากินได้เลยจ๊ะ จริงสิ ย่าทำไว้เผื่อบ้านโน้นด้วย คิดว่าหนูกิ่งจะมาด้วยจะได้ฝากไปให้ ” คุณย่าใหญ่บ่นอุบ เมื่อเรื่องไม่เป็นอย่างที่คิดไว้แต่แรก

“ผมเอาไปให้ก็ไครับ” คุณย่าใหญ่มองหลานชายก่อนจะยกยิ้มให้

 “ถ้าอย่างนั้นคุณพระนายช่วยเอาขนมที่ย่า จัดไว้ในตะกร้านั้นไปให้ทีนะจ๊ะ”

“ได้ครับ คุณย่า ผมไปนะครับ”  อาจารย์หนุ่มบอกก่อนจะถือตะกร้าขนมไปที่รถทันที ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่การไป “บ้านโน้น” ทำให้เขารู้สึกดีใจเสมอ แต่สาเหตุนั้นกลับไม่ใช่เพราะ ว่าที่เจ้าสาว แต่เป็นเพราะใครอีกคน




ร่างสูงที่ทุกวันนี้กลายเป็นแขกประจำของ “พิทักษ์โยธร” ไปแล้วเดินเข้าไปในบ้านอย่างคุ้นเคยพลางมองหาเจ้าของบ้านร่างหนาแต่ก็ไม่พบคนที่ต้องการสักที

“คุณพระนาย หาใครอยู่เหรอคะ”  หญิงวัยกลางคนเอ่ยถาม ว่าที่ลูกเขยของเจ้าของบ้านที่เหมือนจะมองหาใครบางคนอยู่

“วันนี้ไม่มีใครอยู่บ้านเหรอครับ ป้าชื่น”

“วันนี้ มีแค่คุณกานต์ที่อยู่บ้านค่ะ ชื่นเห็นเธออยู่ในสวนน่ะค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นผมฝากป้าชื่นเอาขนมไปเก็บด้วยนะครับ คุณย่าใหญ่ผมท่านฝากมาให้น่ะครับ”

“ได้ค่ะ เดี๋ยวชื่นจัดการเอง”




“ดอกแก้วพวกนี้สวยจังเลยนะครับ”  แขกคนสำคัญของบ้านเอ่ยทักร่างหนาที่กำลังแต่งกิ่งต้นดอกแก้วลูกรักอยู่

“อ้าวคุณ พระนาย มาหายัยกิ่งเหรอครับ รายนั้นไม่อยู่บ้าน สงสัยจะมีสอนน่ะครับ”

“เปล่าหรอกครับ เรื่องนั้นผมรู้แล้ว พอดีว่าคุณย่าใหญ่ท่านทำขนมไว้ ท่านให้เอามาให้น่ะครับ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ฝากขอบคุณท่านด้วยนะครับ” ร่างหนานั้นบอก นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ทำให้เขาแปลกใจเมื่อดูเหมือนว่าพี่ชายของคนรัก
เขาจะเข้ากันได้ดีกับคุณย่าใหญ่ ไม่น่าเชื่อว่า สถาปนิก ที่จบจากเมืองนอกอย่าง กานต์ พิทักษ์โยธร จะสนใจเรื่องดอกไม้และขนมไทยมาก ไปบ้านเขาทีไรก็มักจะไปคุยกับคุณย่าใหญ่ที่เรือนเล็กเป็นประจำ

“ดอกแก้วพวกนี้คุณกานต์ ดูแลเองหมดเลยเหรอครับ ผมมาบ้านนี้ทีไรก็เห็นคุณคลุกอยู่กับเจ้าพวกนี้ทุกที”

“ใช่ครับ ดอกไม้พวกนี้ผมปลูกแล้วก็ดูแลเองทั้งหมด” ร่างหนาตอบก่อนจะยกยิ้มกว้าง
รอยยิ้มนั้น ยังคงเป็นรอยยิ้มที่ทำให้หัวใจของพระนาย เต้นแรงเช่นเดิม รอยยิ้มที่ไม่ว่าจะมองครั้งใดที่ทำให้หัวใจสะท้านไหวได้ทุกครั้ง ทำไม คนๆนี้ถึงทำให้หัวใจเขาเต้นแรงได้ทุกครั้งนะ ทำไมกัน




“พี่กานต์ คุณพระนาย” เสียงหวานครางแผ่ว เพราะตารางสอนผิดทำให้ร่างบางต้องกลับมาก่อนเวลา ทำให้เธอได้มองสองคนที่ยืนคุยกันในสวนตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าพี่ชายของเธอกำลังมีความสุขแค่ไหนที่ได้คุยกับคุณพระนาย แต่สิ่งที่ทำให้เธอแปลกใจยิ่งกว่าคงเป็นสายตาของว่าที่เจ้าบ่าว ในแววตาคมคู่นั้นมันสะท้อนสิ่งที่เธอไม่เคยได้รับ “แววตาแห่งความรัก”  ของคุณพระนาย

หากว่าโชคชะตากำลังเล่นตลกกับชีวิตของพี่ชายเธอ เธอคงต้องเป็นคนเปลี่ยนแปลงโชคชะตานั้นด้วยตัวเอง






“พี่กานต์ กิ่งว่าเราต้องคุยกันให้รู้เรื่องแล้วนะ” ร่างบางบอกกับพี่ชายเสียงเข้มหลังจากที่คล้อยหลังแขกร่างสูงได้ไม่นาน แต่ร่างหนากลับไม่ได้ใส่ใจในสิ่งที่น้องสาวพูดสักนิด

“เรื่องอะไรเหรอ”

“พี่กานต์ กิ่งทนไม่ไหวแล้วนะ ทำไมพี่ต้องทำแบบนี้ ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย!!” 

“พี่ทำอะไรเหรอกิ่ง” เสียงทุ้มยังคงตอบเสียงเรียบ

“ก็ทำอย่างที่ทำอยู่ทุกวันนี้ไงคะ ทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรแบบนี้!!”

“แล้วพี่ต้องรู้สึกอะไร ทุกวันนี้พี่ก็ทำตัวเหมือนปกตินิ”

“พี่กานต์ กิ่งขอร้องล่ะค่ะ อย่าทำอย่างนี้อีกเลย เราจะหลอกคุณพระนายเขาไปแบบนี้อีกนานแค่ไหน นี่มันไม่ตลกแล้วนะคะ”

“เราไม่ได้หลอกใคร”

“แต่พี่ก็รู้ว่ากิ่งไม่ใช่ กิ่งไม่ใช่แม่แก้ว แต่พี่กานต์ต่างหากที่เป็น!!” หญิงสาวแหวลั่น

“ไม่ใช่ กิ่งก็เลยเห็นรูปแล้วไม่เหรอ แม่แก้วกับกิ่งเหมือนกันขนาดนั้น กิ่งจะไม่ใช่ได้ยังไง เพิ่งกลับมาเหนื่อยๆไปอาบน้ำเถอะ คุณย่าใหญ่ทำขนมมาให้ด้วยนะ ท่าจะอร่อย” ร่างหนาบอกด้วยรอยยิ้มยิ่งเพิ่มความไม่พอใจให้ร่างบางมากขึ้น
“พี่กานต์จะหลอกตัวเองไปถึงไหน เราเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าใครกันแน่คือแม่แก้ว ”

“แล้วกิ่งจะให้พี่ทำยังไง   กิ่งดูพี่ตอนนี้สิ ถ้าเป็นกิ่งจะเชื่อไหม ไม่มีใครโง่พอที่จะเชื่อว่าพี่คือแม่แก้ว เพราะฉะนั้นเราเลิกพูดเรื่องนี้กันเถอะ มันไม่มีประโยชน์อะไรแล้วพี่เชื่อว่าน้องสาวของพี่จะมีความสุขถ้าได้แต่งงานกับคุณพระนาย ”

“แล้วความสุขของพี่ล่ะ”

“พี่มีความสุขที่เห็นคนที่พี่รักสองคนมีความสุข อย่าคิดมากน่า พี่ไม่เป็นอะไรสักหน่อย” คนเป็นพี่บอกด้วยรอยยิ้ม แต่กิ่งแก้วกลับ
ไม่ชอบรอยยิ้มนั้นเลย เพราะมันเป็นรอยยิ้มที่ฝืนเต็มที เธออยากเห็นพี่กานต์ที่ยิ้มกว้างได้อย่างเต็มหัวใจอีกครั้ง อยากจะให้พี่ชายของเธอมีความสุขจริงๆกับเขาเสียที


“ดอกแก้ว มิเคยร้างกลิ่นหอมฉันใด   กาลเวลาก็มิอาจพรากหัวใจรักไปได้ฉันนั้น”   ร่างหนาบอกกับตัวเองเบาๆพลางมอง ดอกแก้ว ที่อยู่ในมือไปด้วย แม้ว่าจะรักมากเพียงใดแต่ชาตินี้ก็คงไม่สามารถที่จะอยู่ด้วยกันได้ ไม่รู้ว่าโชคชะตาจะเล่นตลกกับชีวิตเขาไปถึงเมื่อไหร่ เมื่อไหร่ที่เขาและคุณพระนายจะได้รักกัน จริงๆ เสียที



ออฟไลน์ pita

  • ขอเพียงกล้าทำตามฝัน จะล้มบ้าง ลุกบ้าง ช่างมันปะไร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +328/-13


“ดูสิ คุณพระนาย หนูกิ่งยิ่งใส่ชุดไทยแบบนี้ยิ่งสวยนะคะ ว่าไหม” คุณอนงค์นาถที่ยิ้มแก้มปริ เมื่อเห็นว่าที่ลูกสะใภ้ในชุดไทยโบราณที่เธอเลือกกับมือ พลางหันไปขอความเห็นจากลูกชายที่อยู่ไม่ไกล

“ครับสวย”

“ไม่ใช่แค่สวยค่ะ แต่ต้องสวยมาก” คุณอนงค์นาถเอ็ดเบาๆ แต่ก็ยังอดที่จะปลื้มกับว่าที่ลูกสะใภ้ที่ทั้งสวยทั้งเก่ง แถมยังมาจากตระกูลที่ดีอย่าง พิทักษ์โยธร อีกด้วย เธอคิดไม่ผิดเลยจริงๆที่แนะนำให้ทั้งสองรู้จักกัน

“แล้วนี่ ต้องลองอีกไหมครับคุณแม่”

“จะไปเรือนเล็กอีกเหรอคะ พักนี้ดูคุณพระนายจะไปบ่อยนะคะ มีอะไรหรือเปล่า”

“เปล่าครับ ผมแค่กลัวว่าคุณย่าใหญ่ท่านจะเหงา เมื่อก่อนยังมีคุณทวดอยู่ด้วยแต่ตอนนี้ท่านอยู่คนเดียว ผมกลัวว่าท่านจะไม่มีเพื่อนคุย”

“เรื่องนี้แม่ก็เห็นด้วยนะคะ หรือว่าเราจะให้คุณย่าใหญ่ ย้ายเข้ามาอยู่ด้วยเลยดี แม่เองก็กลัวว่ามันจะเกิดเรื่องซ้ำรอยกับคุณทวดอยู่เหมือนกัน”

“อาจจะต้องเป็นอย่างนั้น แต่ผมไม่แน่ใจว่าท่านจะยอมหรือเปล่า”

“ถ้าเป็นคุณพระนายพูดท่านก็ต้องยอมอยู่แล้วล่ะค่ะ ก็หลานชายคนโปรดขอร้องทั้งทีนิคะ”

“คุณอนงค์นาถคะ เสร็จแล้วค่ะ มีจุดไหนที่ต้องแก้อีกไหมคะ” ช่างตัดเสื้อเอ่ยถามทำให้บทสนทนาระหว่างสองแม่ลูกภักดีดำรงเป็นอันต้องหยุดไป

“ไม่แล้วค่ะ ชุดสวยมาก ตกลงว่าดิฉันเอาชุดนี้เลยนะคะ ส่วนของคุณพระนายก็เอาชุดที่ลองอยู่นั่นก็เลยเหมือนกัน”

“ได้ค่ะเดี๋ยวดิฉันจัดการให้นะคะ”




“เฮ้อ” ร่างสูงได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะล้มตัวลงนอนบนแคร่ใต้ต้นขนุนต้นใหญ่

“ไม่สบายใจอะไรหรือจ๊ะคุณพระนาย”

“เปล่าครับคุณย่าใหญ่”

“เปล่าอะไรกันอย่ามาโกหกคนแก่หน่อยเลย ไม่มีคนสบายใจที่ไหนนอนถอนหายใจเสียงดังขนาดนั้นหรอกจ๊ะ” ผู้มากอาวุโสบอกอย่างรู้ทัน

“ผมก็แค่เป็นห่วงคุณย่าใหญ่น่ะครับ กลัวว่าอยู่คนเดียวจะอันตราย”

“โธ่ ย่าก็อยู่ของย่าแบบนี้มาตั้งแต่เกิดแล้ว ที่นี่ไม่มีอันตรายอะไรหรอกจ๊ะ”

“แต่ว่าผมก็ไม่อยากให้คุณย่าอยู่บ้านคนเดียวอยู่ดี ผมเป็นห่วง”

“ไม่ต้องห่วงหรอกจ๊ะ หลังจากที่คุณพระนายแต่งงาน ย่าก็จะยกบ้านนี้ให้ตามคำสั่งเสียของคุณแม่ ต่อไปบ้านนี้ก็จะไม่เหงาแล้ว เพราะเดี๋ยวก็จะมีเหลนตัวเล็กๆมาวิ่งเล่นเต็มบ้านไปหมด ขี้คร้านย่าจะวุ่นวายจนไม่มีเวลาเหงา” หญิงชราบอกอย่างอารมณ์ดี

“ถ้าเกิดมันไม่เป็นอย่างนั้นล่ะครับคุณย่า”

“เรื่องอะไรหรือจ๊ะ”

“ถ้าเรื่องทุกอย่างมันไม่ได้จบ อย่างมีความสุขหรือลงเอยอย่างที่ทุคนคิดไว้ คุณย่าใหญ่จะผิดหวังในตัวผมไหมครับ” หลานชายถามเสียงเบา

“ย่าภูมิใจในตัวคุณพระนายเสมอ ไม่ว่าเรื่องนี้หลานจะตัดสินใจยังไง ย่าก็ไม่ห้าม ทำตามที่หัวใจบอกเถอะลูก” คุณย่าใหญ่บอกอย่างอารี มือเหี่ยวย่นตามกาลเวลานั้นลูบเบาๆที่ผมนุ่มของหลานชายอย่างอ่อนโยน

“ชีวิตคนเรามันสั้นนะ คุณพระนาย หากอยากจะทำอะไรก็รีบทำเสียเถอะลูก เผื่อวันหนึ่งที่เรากำลังจะจากโลกนี้ไปจะได้ไม่เสียใจทีหลัง เข้าใจไหมจ๊ะ”

“ขอบคุณนะครับคุณย่า ขอบคุณที่เข้าใจผม”





ร่างสูงก้าวเข้ามาในบ้าน “พิทักษ์โยธร” อย่างคุ้นเคย ก่อนสายตาจะหยุดลงที่ร่างบอบบางของว่าที่เจ้าสาว ที่ดูเหมือนกำลังตั้งใจกับพวกมาลัยดอกพุดในมือจนไม่รับรู้การมาถึงของเขา

“คุณกิ่งครับ”

“อ้าวคุณพระนาย ขอโทษด้วยนะคะที่เสียมารยาทพอดีว่า กำลังหัดร้อยพวงมาลัยดอกพุดตามที่คุณย่าใหญ่สอน แต่มันยากมาก” เจ้าของบ้านทักด้วยรอยยิ้ม

“คุณกิ่งพอจะมีเวลาให้ผมสักครู่ได้ไหมครับ”


ร่างหนาทำได้ยืนมองสองคนที่อยู่ในศาลากลางสวนกำลังหัวเราะและยิ้มให้กันอย่างมีความสุข คนหนึ่งหล่อเหลา อีกคนก็อ่อน
หวาน อย่างที่ใครต่อใครเขาพูดว่า สมกันราวกิ่งทองใบหยก ส่วนตัวเขาคงทำได้แค่เฝ้ามองอยู่ตรงนี้ มองรอยยิ้มกว้างของคนที่รักหมดหัวใจอยู่ห่างๆ แต่ก็ดีแล้ว มันดีแล้วที่เรื่องทุกอย่างจะจบลงอย่างนี้  ร่างหนายกยิ้มก่อนจะเดินออกห่างจากศาลานั้นอย่างเงียบๆ ที่ตรงนั้น ไม่จำเป็นต้องมีเขา ไม่มีความจำเป็นเลย



“ใจคอคุณจะเดินหนีอย่างเดียวเลยใช่ไหมครับ” เสียงหนึ่งดังขึ้น ก่อนที่อาจารย์หนุ่มจะก้าวมาขวางทางของร่างหนาไว้

“คุณพระนาย สวัสดีครับ ไม่เจอกันนานสบายดีนะครับ” เจ้าของบ้านเอ่ยทักทายพลางยิ้มให้อย่างเคย

“เมื่อไหร่คุณจะเลิกทำหน้าแบบนั้นสักที”

“แบบไหนเหรอครับ” อีกคนเลิกคิ้วถาม

“ผมว่าเราควรหยุดโกหกตัวเองกันสักทีนะครับ”

“คุณกำลังพูดเรื่องอะไรผมไม่เข้าใจ ขอตัวนะครับผมมีงานค้างอยู่” ร่างหนานั้นยังคงตอบกลับด้วยใบหน้าเรียบเฉยก่อนจะเดินผละไปอีกทาง

“คุณจะโกหกผมไปถึงไหน……แม่แก้ว” ทันทีที่เสียงของอีกคนดังขึ้นทำให้ร่างหนาหยุดเดินทันทีแต่ก็ยังไม่ยอมหันกลับไป

“คุณพูดเรื่องอะไร”

“ผมได้ยินที่คุณกับคุณกิ่งคุยกันในสวนวันนั้นแล้ว และผมก็รู้ทุกอย่างแล้วว่าคุณคือใคร”

“ฮ่าๆ คุณจะเชื่ออะไรแค่เรื่องล้อเล่น ผมกับยัยกิ่งอาจจะแค่แกล้งกันเล่นก็ได้ จะยึดถืออะไรกับคำพูดกันครับ”

“ใช่ครับ ผมไม่ได้เชื่อเพราะสิ่งที่ตัวเองได้ยิน ไม่ได้เชื่อเพราะสิ่งที่ตัวเองได้เห็น แต่ผมเชื่อ เชื่อในความรู้สึกของตัวเอง”
พระนายบอกกับร่างแกร่งหนานั้นก่อนจะเดินมาดักหน้าอีกฝ่ายไว้

“ตรงนี้ของผมมันบอกมาตลอดว่า แม่แก้ว คือใคร ” บอกก่อนจะจับมือหนาให้ทาบไว้ที่อกซ้ายของตัวเอง

“หัวใจของผมเต้นแรงทุกครั้งที่อยู่ใกล้คุณ มันบอกผมทุกครั้งว่าคนที่ผมรอคอยมาแสนนานนั้นนั้นยืนอยู่ตรงนี้”

“ตลกน่า คุณก็เห็นว่าผมไม่เหมือนแม่แก้วเลยสักนิด มันจะเป็นไปได้ยังไง”

“รูปกายภายนอกนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาแต่จิตใจที่อยู่ภายในต่อให้ผ่านกาลเวลาไปนานแค่ไหนก็จะยังคงอยู่ เรื่องบางเรื่องอย่ามองด้วยตาแต่จงสัมผัสมันด้วยใจ ”   

“และเสียงหัวใจของผมมันก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นคุณ กลับมาหาผมเถอะนะ อย่าโกหกตัวเองอีกต่อไปเลย ผมไม่ได้รักแม่แก้วที่รูปร่างหน้าตา ไม่ได้รักเธอที่ชาติตระกูล แต่ผมรัก รักที่เธอเป็นเธอเป็นแม่แก้วที่รักผมทุกวินาที และตอนนี้ก็ยังรัก ต่อให้เธอจะเป็นใคร รูปร่างหน้าตาเป็นยังไง แต่ผมก็รู้ว่า หัวใจของผมยังรักเธอไม่เปลี่ยนแปลง”


“แต่ความรักที่พี่มอบแก่แก้วตา จักคงอยู่ค้ำฟ้าชั่วนิรันดร์ ”




“คุณพระนาย” ร่างหนาครางแผ่วก่อนจะรั้งคนตัวบางกว่าให้เข้ามาในอ้อมกอด ไม่สนอีกแล้วว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไง ไม่สนอีกแล้วว่าใครจะมองแบบไหน คนเดียวที่เขาควรจะสนใจคือ คุณพระนาย

“ผมรักคุณนะ คุณกานต์”

“ผมก็รักคุณนะครับ คุณพระนาย”




4 ปี ผ่านไป..

“กานต์ กานต์ อยู่ไหนของเขานะ”  พระนายที่ดูเหมือนจะเพิ่งตื่นตะโกนหาคนรักเพราะวันนี้ดูเหมือนร่างหนาจะไม่ได้ปลุกเขาเหมือนทุกวันเล่นเอาเขาเคืองนิดๆเพราะเกือบจะตื่นสาย ไปสอนไม่ทันล่ะน่าดู อาจารย์หนุ่มคาดโทษในใจ แต่มันก็น่าแปลกเมื่อก่อน ไม่เห็นต้องให้ใครมาปลุกเขาก็ตื่นเองได้แต่สี่ปีมานี้ มีคนๆนั้นคอยปลุกตลอดดูเหมือนเขาจะเคยตัวแล้วสินะ

“คุณพระนาย ตื่นแล้วเหรอจ๊ะ” เสียงของหญิงชราเจ้าของบ้านเอ่ยถาม เมื่อเห็นหลานชายคนโปรดลุกขึ้นมาโวยวายแต่เช้า

“ครับ คุณย่าใหญ่ ขอโทษด้วยนะครับที่ผมส่งเสียงเอะอะแต่เช้าเลย”

“ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ ย่าน่ะตื่นตั้งนานแล้วไม่ได้รบกวนอะไร แล้วนี่หาพ่อกานต์เขาอยู่เหรอจ๊ะ”

“ใช่ครับ ไม่รู้ว่าหายไปไหนตั้งแต่เช้า”

“ย่าเห็นออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้าแล้วจ๊ะ ดูท่าทางรีบร้อนน่าดูเลย นึกว่าพ่อกานต์บอกคุณพระนายแล้วซะอีก” คุณย่าใหญ่บอก

“สงสัยผมคงจะลืมเองมากกว่าครับ ผมขอตัวไปแต่งตัวก่อนนะครับคุณย่าใหญ่” ร่างสูงบอกก่อนจะเดินกลับเข้าห้อง คิ้วเข้มเริ่ม
ขมวดแน่น เมื่อครู่ที่บอกคุณย่าไปเขาโกหกทั้งนั้น ร่างหนาไม่ได้บอกหรือพูดอะไรให้เขาฟังเลยด้วยซ้ำ

“ไปไหนของเขากันนะ” ทั้งที่พยายามจะไม่คิดแต่มันก็ยังอดคิดไม่ได้ ตลอดสี่ปีที่ผ่านมา ผู้ชายที่ชื่อ กานต์ พิทักษ์โยธร เคยมีความลับกับเขาที่ไหน แค่จะไปทำกับข้าวยังบอกเลย นี่มันผิดปกติเกินไปหรือเปล่า

“พระนาย หยุดคิดได้แล้ว” ถ้าคุณย่าใหญ่เข้ามาเห็นเขาตอนนี้คงต้องตกใจยกใหญ่ เมื่อหลานชายคนโปรดเดินวนไปวนมาแถมยังบ่นอะไรก็ไม่รู้ไปด้วย


“เฮ้อ พอๆ มันไม่มีอะไรหรอก พอเลย” เรียกสติตัวเองเบาๆก่อนจะเดินไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปสอนเหมือนปกติ โชคดีที่วันนี้มีสอนบ่าย ไม่อย่างนั้น ประวัติไม่เคยสายของเขาคงเสียไปแน่ๆ



ทานข้าวเช้าก่อนไปทำงานด้วยนะครับ

โพสอิทที่ติดอยู่กับโต๊ะกินข้าวพร้อมกับข้าวต้มกุ้งชามโตทำให้คนที่หน้าบึ้งตั้งแต่ตื่นนอนอารมณ์ดีได้บ้าง ก่อนจะมองดอกแก้วที่อยู่บนแจกันพลางอมยิ้มน้อยๆ  ร่างหนามักจะใส่ใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ เสมอ ตั้งแต่ “แต่งงาน” กันมา เขาแทบจะไม่ต้องทำอะไรเลยนอกจาก สอนหนังสือ เพราะมีใครบางคนทำให้หมดแทบทุกอย่าง

“ก็ยังดีที่รู้ว่าต้องทำข้าวเช้า” บ่นเบาก่อนจะตักข้าวต้มอุ่นๆเข้าปาก พลางยิ้มกว้าง  อีกเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ของผู้ชายตัวโตคนนั้นคือ กานต์ ทำกับข้าวอร่อยมาก แถมยังได้ครูดีอย่างคุณย่าใหญ่อีก ตอนนี้เลยทำเป็นทุกอย่าง ทั้งไทยทั้งเทศ จนเขาน้ำหนักขึ้นตั้งหลายกิโล

“กินข้าวเฉยๆ จะยิ้มทำไมพี่นาย” พีรภัทร เอ่ยล้อพี่ชาย ทันทีที่มาถึง

“เจ้าพี มาทำอะไรแต่เช้าเนี่ย”

“ผมมาหาพี่กานต์น่ะ ว่าจะขอขนมกินหน่อย ลูกพีช เขาบ่นว่าไม่ได้กินขนมที่ ลุงกานต์ ทำนานแล้ว” พีรภัทรเอ่ยถึงลูกชายวัยสองขวบที่ชอบกินขนมฝีมือ ลุงกานต์ มากจนเรียกว่าติดเลยจะถูกกว่า

“ขนมเหรอ หมดแล้วมั้ง ช่วงนี้ไม่รู้ว่าเขายุ่งอะไรเหมือนกัน ไม่เห็นเข้าครัวเท่าไหร่เลย” คนเป็นพี่บ่นอุบเมื่อเริ่มจะคิดถึงความผิดปกติของร่างหนาขึ้นมาได้อีกเรื่อง

พีรภัทรได้แต่ลอบมองพี่ชายคนกลางก่อนจะยกยิ้ม ใครจะไปคิดว่าแทนที่ลูกชายคนกลางของ ภักดีดำรง จะหาสะใภ้เข้าบ้าน แต่พี่ชายของเขากลับหา ลูกเขย เข้าบ้านซะนี้ เล่นเอาคุณอนงค์นาถเกือบจะหัวใจวายแต่ในที่สุดก็ขัดลูกชายคนโปรดไม่ได้ ก็พี่ชายเขาบทจะดื้อเคยฟังใครซะที่ไหนแถมยังมีคุณย่าใหญ่เป็นกองหนุนอีกคุณอนงค์นาถไม่ยอมก็ให้มันรู้ไป

“จริงเหรอพี่ หรือว่า พี่กานต์ มีกิ๊ก” น้องชายถามทีเล่นทีจริง แต่คนฟังกลับขมวดคิ้วแน่น

“พูดมากน่าเจ้าพี พี่เห็นว่ามีคุกกี้อยู่ในโหลอีกนิดหน่อย ไปเอาสิไป”

“ครับๆ ผมไปแล้วครับ” น้องชายบอกก่อนจะหัวเราะร่วนเมื่อแกล้ง คุณพระนาย คนหน้านิ่งได้



วันทั้งวันดูเหมือน ร่างสูงจะแทบไม่มีสมาธิในการทำงานเลยเพราะมัวแต่คิดถึงความผิดปกติของอีกคน จนอาจารย์ในสาขายังแซวว่าเขาอกหักอีกรอบ เรื่องที่เขากับ อาจารย์สาภาษาไทยเลิกกันถือว่าดังพอสมควรอาจจะดังมากกว่าตอนเป็นแฟนกันด้วยซ้ำ แต่เขากับกิ่งแก้วก็ไม่ได้บอกเหตุผลที่แท้จริงของการเลิกรา รวมทั้งเรื่องที่เขาแต่งงานกับพี่ชายของว่าที่เจ้าสาวด้วย เพราะด้วยทั้งคู่มาจากตระกูลใหญ่ บางเรื่องก็ยังคงไม่เป็นที่ยอมรับของสังคม แต่เขาเองก็ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรเพราะที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ก็มีความสุขดี เราไม่ได้ปิดบังใครแต่ถ้าเขาไม่ถามเราก็ไม่มีความจำเป็นต้องตอบหรือถ้าใครถามจริงๆ ทั้งเขาและกานต์ก็ไม่เคยคิดปิดบัง
ขายาวพาเจ้าของเดินขึ้นเรือนเล็กที่วันนี้ดูจะเงียบผิดปกติเพราะไม่มีร่างหนายิ้มรับอย่างเคย

“จริงเหรอพี่ หรือว่า พี่กานต์ มีกิ๊ก”  คำพูดของน้องชายยิ่งทำให้คิ้วเข้มขมวดจนเป็นปมแน่น รู้สึกไม่ชอบใจอย่างมากที่ดูเหมือนว่าอีกคนเริ่มจะมีความลับกับเขาและที่สำคัญคือกำลังไม่ชอบใจตัวเองที่กลายเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยแบบนี้  ตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่เขา กลายเป็นคนเอาแต่ใจ ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาต้องคอยมองหาว่าร่างหนาอยู่ตรงไหน ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขารู้สึกไม่ดีทุกครั้งที่มีคนเข้ามาคุยกับคนรัก ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขากลายเป็นคนอ่อนแอแบบนี้  พระนาย ภักดีดำรง ที่เป็นแบบนี้ดูไม่ใช่ตัวเขาเลย ตั้งแต่มีความรัก เขารู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นใครก็ไม่รู้ 

เขากำลังกลัว กลัวว่าช่วงเวลาแห่งความสุขนี้มันจะหายไปเหมือนในอดีต ..

“คุณพระนาย” เสียงทุ้มที่คุ้นเคยเอ่ยเรียก

“กานต์”

“มีอะไรหรือเปล่ารับ ทำไมไม่เข้าบ้าน” อีกคนเลิกคิ้วถาม

“เปล่าหรอก ไม่มีอะไร” ทำได้แค่ส่ายหน้า ก่อนจะเดินเข้าบ้านไป

“คุณพระนายเป็นอะไรหรือเปล่าครับทำไมวันนี้กินข้าวไม่หมด” ร่างหนาเอ่ยถามคนรัก เมื่อเห็นว่าคุณพระนายของเขาดูจะอิ่มเร็วกว่าปกติ

“เปล่าหรอก ไม่มีอะไร”

“คุณพระนายครับ ถ้าคุณไม่พูด เราก็จะไม่มีวันเข้าใจกัน สงสัยอะไรทำไมไม่ถามล่ะครับ คุณก็รู้ว่าผมไม่เคยปิดบังคุณสักครั้ง” เสียงทุ้มบอกก่อนจะคลี่ยิ้มอ่อนโยนมาให้

“ถ้าผมพูดไป คุณก็จะหาว่าผมงี่เง่านะสิ”

“ไม่มีใครงี่เง่า เพราะสงสัยหรอกครับ ถามมาเถอะ”

“วันนี้ ไปไหนมาตั้งแต่เช้า”

“ฮ่าๆๆ ผมก็นึกว่าอะไร ที่จ้องหน้าผมตั้งแต่กลับมาเพราะเรื่องนี้เองเหรอครับ”

“นั่นไง คุณกำลังคิดว่าผมงี่เงาใช่ไหม” อีกคนแหวลั่น

“ ไม่ใช่นะครับ ใจเย็นๆสิ เดี๋ยวผมไปเอามาให้ดูนะ ” ร่างหนายิ้มก่อนจะลุกจากโต๊ะเพื่อเดินไปหยิบของบางอย่างออกมา

“นี่มันอะไรเหรอ” คนที่นั่งอยู่เอ่ยถามพลางชี้ไปที่อะไรสักอย่างที่ร่างหนาถือมา

“เปิดดูสิครับ”

“เอ๊ะ นี่มัน”  ร่างสูงเบิกตาโพลงเมื่อเห็นของที่อยู่ตรงหน้า เพราะตรงหน้าเขาคือภาพเหมือนของ เขาเอง

“ผมตั้งใจว่าจะให้คุณในวันเกิดน่ะครับ แล้วพอดีเพื่อนผมโทรมาบอกว่ากรอบรูปที่ผมสั่งไปส่งมาผิดแบบก็เลยต้องไปจัดการแต่เช้าน่ะครับ”

“วันเกิดเหรอ”

“ครับ นี่คุณลืมเหรอครับว่าพรุ่งนี้วันเกิดตัวเองน่ะ หืม” กานต์เลิกคิ้วถาม ก่อนจะอมยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายส่งยิ้มแห้งๆมาให้ สมแล้วที่เป็นคุณพระนายทำงานจนลืมวันลืมคืนจริงๆด้วยสินะ

“กานต์”

“ครับ”

“ขอบคุณนะ ขอบคุณที่ทำเพื่อผมมาตลอด ขอบคุณที่รักคนที่ไม่ได้เรื่องสักอย่างอย่างผม และขอโทษที่ทำให้เหนื่อยมาตลอด
เหมือนกัน”

“เฮ้อ ขอโทษทำไมครับ ทุกอย่างที่ผมทำให้คุณเพราะผมรักคุณ ไม่ต้องรู้สึกผิดอะไร เพราะผมเต็มใจทำเพื่อคุณพระนายเสมอ”

“ผมรักคุณนะ กานต์”

“ผมก็รักคุณครับ”  ร่างหนาดึงคนรักเมากอดแน่น ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนคนที่เขารักก็มีแค่คุณพระนายคนเดียวไม่ว่าจะกาลเวลาจะเปลี่ยนแปลงไปเท่าไหร่แต่หัวใจรักของเขาก็มีเพื่อคนๆนี้คนเดียวเท่านั้น 


ดอกแก้วมิเคยร้างกลิ่นหอม ฉันใด  กาลเวลาก็มิอาจพรากหัวใจรักไปได้ ฉันนั้น



จบ.



จบแล้วจร้า  เรื่องนี้ แต่งเพราะ
ความอยากของตัวเองล้วนๆ ฮ่าๆๆ

ใจจริงอยากแต่งแนวจีนโยราณกับแนวจักรๆวงศ์อีกเหมือนกันนะคะ
หรือทุกคนว่าไง ^_ ^

ขอบคุณ ทุกเม้น ทุกรี จร้า

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 o22 พระเจ้า! คุณพระนายของฉันกลายเป็นเคะน้อยๆ ขี้อ้อน ขี้น้อยใจ ซะงั้น

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :pig4:ในที่สุดก็ทำตามเสียงหัวใจตัวเอง

ออฟไลน์ lune

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 688
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2
ชอบค่ะ  น่ารัก  :katai2-1: :katai2-1:
 ขอบคุณคุณ Pita  :pig4:

ออฟไลน์ PhInNoI

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-0
 :a5:
หงะ!!!!! คุณพระนายกลายเป็นเคะซะงั้น
 o22

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ได้เขยเข้าบ้านอีกตะหากกกกก ฮิ้วววว

ออฟไลน์ Chichi Yuki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1584
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-3
หักมุม แต่ก็เป็นอย่างที่คิด
ตอนแรกคิดว่า เฮ้ย! นี่นิยายวายนะผู้หญิงมาจากไหนกัน อ่านไปอ่านมาแล้วคิดว่ากิ่งแก้วจะเป็นแก้วจริงๆ เหรอ และดันมีความคิดหนึ่งแว๊บเข้ามา คุณพระนายอาจจะเป็นแก้วนส่วนคุณกานต์ก็เป็นคุณพระนาย เพราะดูคุณกานต์เหมือนจะเป็นรุกอ่ะ
และแล้วก็สรุปว่ายังอิงตระกูลอยู่ แล้วตกลงใครรุกใครรับกันคะเนี่ย

ปล.ชอบกลอนมากเลยค่ะ อ่านแล้วไม่สะดุดเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ HanATarO

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-2
ในที่สุดก็ตามหาหัวใจตัวเองจนเจอ

นึกว่าจะจบแบบดราม่าซะแล้ว

หุหุ

ออฟไลน์ ~ ฤดูใบไม้ผลิ ~

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
ในที่สุดก็จบแบบไม่เศร้า  :m4:
แปลกใจตรงพระนายเป็นเคะ      :a5:

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
http://www.youtube.com/watch?v=nY9sHiZ4bTU

อ่านไปฟังเพลงนี้ไป อินเวอร์ๆอะ

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
 :กอด1: :กอด1:

ในที่สุดก็ทำตามหัวใจ

ออฟไลน์ pita

  • ขอเพียงกล้าทำตามฝัน จะล้มบ้าง ลุกบ้าง ช่างมันปะไร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +328/-13
http://www.youtube.com/watch?v=nY9sHiZ4bTU

อ่านไปฟังเพลงนี้ไป อินเวอร์ๆอะ

อ่าเพลงนี้เพราะ อิอิ ชอบๆ เราชอบ COCKTAIL เป็นการส่วนตัว
แต่ยอมรับว่าเพิ่งจะได้ฟังเพลงนี้เมื่อวาน #ห๊ะ

ออฟไลน์ pita

  • ขอเพียงกล้าทำตามฝัน จะล้มบ้าง ลุกบ้าง ช่างมันปะไร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +328/-13

รหัท…..รัก

ตอน 1 เจ้าหญิงเงือกน้อย

ซ่าๆๆ

เสียงคลื่นกระทบฝั่งระลอกแล้วระลอกเล่า  ท่วงทำนองเพลงหวานปนเศร้าคลอไปกับเสียงคลื่นอย่างลงตัวราวกับว่า เพลงนั้นกำเนิดมาจากท้องทะเล   ภายในห้องนอนเล็กเด็กหญิงตัวน้อย ลืมตาขึ้นหลังจากที่เธอได้ยินเสียงเพลงนั้น เพลงที่เธอมักได้ยินทุกคืน ร่างน้อยค่อยๆลุกจากที่นอนก่อนจะอาศัยแสงจันทร์นำทางไปที่ระเบียงนอกห้องที่ติดทะเล หัวใจดวงน้อยเต้นแรงราวกับจะหลุดออกมาเมื่อคืนนี้เป็นครั้งแรกที่เธอ ตัดสินใจจะหาที่มาของเสียงเพลงประหลาดนั้น

“นั่นมัน” เด็กหญิงเบิกตาโพลงเมื่อมองเห็นร่างหนึ่งนั่งอยู่บนโขดหิน ที่ห่างจากห้องเธอไม่กี่สิบ ร่างขาวจัดที่นั่งร้องเพลงอยู่บนโขดหินหลับตาพริ้มไม่รับรู้ว่ามีร่างเล็กกำลังมองตนอยู่แม้แต่น้อย ผมดำขลับพริ้วไหวไปมายามที่ลมพัดผ่านยิ่งทำให้ร่างนั้นดูชวนมองมากขึ้น ตากลมโตเหลือบ “หาง” สีเงินที่สะท้อนแสงจันทร์ราวกับแก้วเจียระไนนั้นอย่างตกตะลึง

“เจ้าหญิงเงือกน้อย” เด็กหญิงเผลอพูดออกไปเพราะความตกใจ ร่างขาวจัดนั้นสะดุ้งเฮือกก่อนจะกระโจนลงสู่ผิวน้ำด้านล่างแทบจะทันที






“นายหัวครับ ตอนนี้ผมให้คนส่งไข่มุก เข้าโรงงานเรียบร้อยแล้วครับ” เสียงภาษาไทยติดสำเนียงใต้ของลูกน้องสนิทบอก ก่อนที่ร่างสูงของ ธราดล จะพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้

“ขอบใจนะเข้ม”

“แล้วนายจะกลับเกาะเดี๋ยวนี้เลยไหมครับ” ลูกน้องคนสนิทเอ่ยถาม เพราะตอนนี้เย็นมากแล้วหากคนตรงหน้ายังไม่กลับคืนนี้อาจจะต้องนอนค้างในตัวเมือง เพราะการเดินทางในทะเลตอนกลางคืนนั้นเต็มไปด้วยอันตราย และเขาก็ไม่ต้องการที่ผู้เป็นนายต้องไปเสี่ยง

“นั่นสินะ กลับเลยดีกว่า ป่านนี้ น้องอันดา บ่นแย่แล้ว” เสียงทุ้มเอ่ยถึง อันดา ลูกสาววัย 5 ขวบของเขาก่อนจะยกยิ้มกว้าง

“ถ้าอย่างนั้นผมไปเตรียมเรือนะครับ” เข้มบอกก่อนจะผละไปทำหน้าที่ของตัวเอง
ร่างสูงเหม่อมองท้องทะเลกว้างสุดลูกหูลูกตาก่อนจะหลับตาลงพลางสูดลมหายใจเอากลิ่นของมันเข้าเต็มปอด สำหรับเขา ทะเล คือทุกอย่าง ทะเล ทำให้เขามีชีวิตที่ดีขึ้นทำให้เด็กบ้านนอกคนหนึ่งกลายเป็นคนที่ใครต่อใครเรียกว่ามหาเศรษฐี     แต่ทะเลก็พรากเอาสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตของเขาไปเช่นกัน มันคือค่าตอบแทนที่เขาต้องจ่ายเช่นนั้นหรือ???




“คุณพ่อกลับมาแล้ว” ร่างเล็กของหนูน้อยวัย 5 ขวบบอกอย่างร่าเริงก่อนจะโผเข้าสู่อ้อมแขนแกร่งของผู้เป็นพ่อ

“วันนี้คนสวยของพ่อดื้อกับพี่น้อยหรือเปล่าเอ่ย” คนเป็นพ่อถามก่อนจะกดจมูกลงบนแก้มใส

“ไม่ดื้อค่ะ น้องอันดาเป็นเด็กดี วันนี้ทำแบบฝึกหัดของครูพี่จ๋าได้ ห้าดาวด้วยค่ะ” เด็กหญิงอวด ก่อนจะเรียกรอยยิ้มจากผู้เป็นพ่อได้มากโข

“เก่งมากเลยค่ะ คนสวยของพ่อ เย็นแล้วเข้าบ้านดีกว่าค่ะ เดี๋ยวจะไม่สบาย” เสียงทุ้มบอกก่อนจะอุ้มแก้วตาดวงใจของเขาเข้าไปในบ้าน

“คุณหนูขา มาอยู่กับพี่น้อยก่อนนะคะให้คุณพ่อไป อาบน้ำก่อน” พี่เลี้ยงคนสนิทบอกกับเด็กหญิงก่อนจะรับเอาน้องอันดามาอุ้มไว้เอง

“คุณพ่อรีบมาเร็วๆนะคะ น้องอันดา หิวแล้ว”

“ครับๆ คุณลูกสาว คุณพ่อไม่ปล่อยให้คนสวยของพ่อหิวหรอกครับ”
เสียงหัวเราะของลูกสาวคนเดียวทำให้ร่างสูงยิ้มกว้าง ระหว่างมื้ออาหารที่มีเพียงสองคนพ่อลูกไม่ได้เงียบเหงาอย่างที่คิดเพราะ เจ้าหนูจำไม คอยตั้งคำถามโน่นนี่ตลอดเวลา ซึ่งคนเป็นพ่อก็ไม่เคยรำคาญที่จะตอบ รอยยิ้มเล็กๆของลูกคือสิ่งที่ทำให้ เขามีชีวิตอยู่มาได้ตั้งแต่วันที่ทะเลพรากเธอคนนั้นไปจากเขาเมื่อ 3 ปีก่อน



“คุณพ่อขา ทำไม คุณเต่า ต้องมีกระดองด้วยคะ” เด็กหญิงถามเสียงใส

“ก็เพราะว่าคุณเต่า ต้องใช้เป็นเกราะเอาไว้ป้องกันตัวจากอสูรกายนะสิคะ” เสียงทุ้มตอบ แม้ว่ามันจะดูการ์ตูนๆไปสักหน่อยแต่เขาคิดว่าคำตอบนี้น่าจะทำให้เด็ก 5 ขวบเข้าใจได้ง่ายที่สุด

“จริงเหรอคะคุณพ่อ อสูรกายใต้ทะเล น่ากลัวเหมือนแม่มดปลาหมึก ในเรื่องเจ้าหญิงเงือกน้อยไหมคะ” เจ้าหนูจำไมยังตั้งคำถามไม่หยุดจนผู้เป็นพ่อเริ่มกังวลว่ากับข้าวฝีมือพี่เลี้ยงคนดีของน้องอันดาจะเป็นหมัน

“คนสวยขา คุณพ่อว่า เราทานข้าวกันดีกว่านะคะ เดี๋ยวคุณกระต่ายจะงอนนะคะที่น้องอันดาเอาแต่ถามคุณพ่อ คุณกระต่ายรอให้น้องอันดาทานอยู่เห็นไหมลูก” ว่าพลางตักแครอทที่พี่เลี้ยงคนสนิททำเป็นรูปกระต่ายน่ารักให้ลูกสาว

“ก็ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นอันดาเก็บไว้ถามคุณพ่อตอนล่านิทานก็ได้ค่ะ” เด็กน้อยยิ้มรับอย่างว่าง่ายก่อนจะลงมือทานข้าวที่แทบจะไม่พร่องเลยของตัวเองทันที


ร่างสูงมองนางฟ้าตัวน้อยที่หลับตาพริ้มอยู่บนเตียงก่อนจะกดจมูกลงบนแก้มใส เด็กหญิงครางอือ อย่างนึกรำคาญก่อนจะพลิกตัวไปอีกทาง ผู้เป็นพ่อได้แต่อมยิ้มอย่างเอ็นดู แต่แววตาคมนั้นก็เศร้าลงถนัดตาเมื่อมองเห็นรูปถ่ายที่วางอยู่บนหัวเตียง รูปครอบครัว ของเขาเอง ธราดล เคยคิดว่า ตัวเองนั้นช่างโชคดีเหลือเกิน จากเจ้าของกิจการฟาร์มมุกเล็กๆในอดีต ตอนนี้เขากลายเป็นเจ้าของฟาร์มมุกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ รวมทั้งเป็นเจ้าของเกาะรังนกอีกหลายเกาะ เขาแต่งงานเมื่อ 7 ปีก่อนกับคนรักที่รักกันมาเกือบ 10 ปี และมีลูกสาวที่น่ารักด้วยกัน ชีวิตเขาช่างสวยงามราวกับเทพนิยาย เมื่อมีทั้งครอบครัว ชื่อเสียง เงินท้อง ที่ใช้เท่าไหร่ก็ไม่มีวันหมด แต่แล้ว เมื่อ 3 ปีก่อน เขากลับพบว่า แม้จะมีเงินทองมากมายนับไม่ถ้วนแต่กลับไม่สามารถจะซื้อชีวิต คนที่เขารักไว้ได้เลย

“น้ำ ผมคิดถึงคุณ” เสียงทุ้มนั่นเริ่มสั่นเครือ ตาคมมองรูปภรรยา ที่จากไปกว่า 3 ปีแล้วแต่จนถึงวันนี้เขาเองก็ยังทำใจไม่ได้กับความเจ็บปวดนั้น ไม่มีวันไหนเลยที่จะไม่คิดถึง ภาพวันเวลาที่เคยอยู่ด้วยกันทั้งสามคน

“พ่อรักหนูนะลูก ฝันดีนะคะคนสวยของพ่อ” ร่างสูง ลูบผมดำขลับของเจ้าหญิงน้อยก่อนจะกดจูบลงบนแก้มใส อีกครั้งแล้วเดินออกจากห้องไป


กลางดึกคืนนั้นเด็กหญิงตัวน้อยลืมตาขึ้นหลังจากที่เสียงเพลงแผ่วๆนั้นแว่วขึ้นอีกครั้ง เธอตั้งใจว่าคราวนี้จะต้องเห็นหน้า “เจ้าหญิงเงือกน้อย” ของเธอใกล้ๆให้ได้ เท้าเล็กๆค่อยๆพาเจ้าของเดินลงจากบ้านอย่างเงียบเชียบ กายเล็กเริ่มสั่นสะท้านด้วยความกลัวเมื่อรอบตัวเต็มไปด้วยความมืด

“คุณผีจ๋า อย่ามาหลอกน้องอันดาตอนนี้นะคะ น้องอันดาต้องไปดูเจ้าหญิงเงือกน้อยก่อนแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้น้องอันดาพาคุณพ่อมาด้วยค่อยมาหลอกนะคะ” เด็กหญิงบอกเสียงเบาพร้อมๆกับค่อยๆก้าวเท้าอย่าแผ่วเบาไปตามทางเดินที่ทอดลงไปที่หาด

“ขอให้คุณเจ้าหญิงเงือกน้อยยังอยู่ด้วยเถอะ” เสียงเล็กๆนั้นบ่นพึมพำ



เสียงเพลงทำนองหวานปนเศร้ายังคงดังคลอเคล้าไปกับเสียงคลื่นอย่างลงตัว เด็กหญิงตัวน้อยยกยิ้มกว้างเมื่อเธอเดินเข้ามาใกล้จนเกือบจะถึงตัวจ้าหญิงเงือกน้อยของเธอแล้ว

“โอ้ย!!” ร่างเล็กร้องลั่นเมื่อเท้าเล็กของเธอเหยียบก้อนหินก้อนหนึ่งทำให้หกล้มลง

“เอ๊ะ!!”  เจ้าหญิงเงือกน้อย ที่ร้องเพลงอยู่สะดุ้งตัวโยนก่อนจะเบิกตาโพลงเมื่อเห็น สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า “มนุษย์” นั่งอยู่ไม่ไกล ร่างขาวซีดนั้นทำอะไรไม่ถูกจึงได้แต่นั่งตะลึงอยู่อย่างนั้น

“ฮื้อ เจ็บ น้องอันดาเจ็บจังเลย คุณพ่อขาช่วยน้องอันดา ด้วย ฮื่อๆๆ”  ดูเหมือนว่าเด็กหญิงตัวน้อยจะลืมไปชั่วขณะว่าตัวองต้องเงียบเข้าไว้ แต่เพราะความเจ็บทำให้ร่างเล็กร้องไห้จ้า



ร่างขาวซีดมองมนุษย์ตัวน้อยที่ร้องไห้อยู่ตรงหน้า ด้วยท่าทีที่อ่อนลง นัยน์ตาดำขลับคู่นั้นมองที่หัวเข่าที่มีเลือดซึมออกมาเล็กน้อยด้วยความเป็นห่วง

“เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า ลูกมนุษย์” เสียงกังวานใสนั้นเอ่ยถาม เด็กหญิงเงยหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาก่อนจะตอบพลางสะอื้น

“น้องอันดาเจ็บค่ะ เจ้าหญิงเงือกน้อย เลือดออกด้วยน้องอันดาจะตายไหม ฮื้อ” ว่าจบน้ำตาเม็ดโตก็ไหลอาบแก้มใสอีกครั้ง

“ไม่เอา เจ้าอย่าร้องนะ เราจะช่วยเจ้าเอง เดินไหวหรือเปล่า” เสียงกังวานนั้นถามอย่างอ่อนโยนเด็กหญิงพยักหน้าก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปที่ริมหาดใกล้ๆกับโขดหินที่มีร่างขาวซีดนั่งอยู่

“เจ้าอยู่นิ่งๆ แล้วหลับตานะ”  เจ้าหญิงเงือกน้อยของน้องอันดาบอก ก่อนที่ร่างเล็กจะหลับตาตามคำสั่ง ร่างขาวซีดยิ้มอย่างพอใจก่อนจะกระโดดลงจากโขดหินอย่างคล่องแคล่ว หางสีเงิน นั้นค่อยๆเปลี่ยนเป็นขาเรียวที่มีสีซีด แม้ไม่ค่อยจะชินนักที่ใช้ขา แต่ร่างนั้นก็เดินเข้ามาหาเด็กหญิงที่ยืนรออยู่แล้ว จี้รูปเปลือกหอยถูกใช้เป็นเครื่องมือในการกรีดลงบนนิ้วเรียวสวย เพื่อใช้ “เลือด” ในการรักษาแผล แม้มันจะเป็นวิธีต้องห้ามแต่เมื่อเห็นน้ำตาของร่างเล็กนี้แล้ว เขา ไม่สามารถดูอยู่เฉยๆได้ ในตำนานโบราณเคยกล่าวไว้ว่าเลือดของเงือกนั้นเป็นยาอายุวัฒนะชั้นยอดสามารถใช้รักษา บาดแผลและอาการเจ็บป่วยได้ หรือหากใครได้ดื่มเลือดสดๆ คนผู้นั้นก็จะเป็นอมตะ นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมตลอดสองพันปีที่ผ่านมา ชาวเผ่าเงือกจึงเลิกคบค้ากับมนุษย์ 




เสียงเพลงทำนองหวานดังขึ้นพร้อมกับความอุ่นวาบที่หัวเข่า เสียงเพลงหวานที่ทำให้เด็กหญิงรู้สึกราวกับตกอยู่ในความฝัน ก่อนที่เสียงดังกังวานนั้นจะหยุดลง

“เอาล่ะทีนี้เจ้าก็ลืมตาได้แล้ว” เสียงนั้นบอก ร่างเล็กลืมตาขึ้นพลางก้มลงมองที่หัวเข่าตัวเองที่ตอนนี้แผลหายสนิทเหมือนไม่เคยมีแผลมาก่อนด้วยซ้ำไป

“เจ้าหญิงเงือกน้อยเก่งจังเลยค่ะ” เด็กหญิงบอกพลางยิ้มกว้าง ก่อนจะมองร่างขาวซีดที่นั่งอยู่บนโขดหินอีกครั้ง

“อย่าเรียกเราว่า เจ้าหญิงเลย ชื่อนั้นออกจะไม่เหมาะนะ”

“ทำไมล่ะค่ะ ถึงน้องอันดาจะมองไม่ชัดเพราะคุณมฆบังคุณพระจันทร์ไว้ แต่ว่าน้องอันดาก็รู้นะว่า คุณคือเจ้าหญิงเงือกน้อย”

“เราไม่ใช่เจ้าหญิง เพราะเราเป็น ชาย หากเจ้าจะเรียกควรเรียกเราว่าเจ้าชายนะ” ร่างนั้นบอกติดตลก

“จริงๆหรอคะ เจ้าหญิงเงือกน้อย เป็น ผู้ชาย จริงๆเหรอคะ” เด็กหญิงถามเสียงใส

“จริงสิ เราไม่โกหกเจ้าหรอก ชาวเงือกไม่เคยโกหก”

“น้องอันดาอยากเห็นหน้าคุณเจ้าหญิง เอ้ย ไม่ใช่ๆ เจ้าชายจังเลย แล้วคุณเจ้าชาย ชื่ออะไรเหรอคะ”

“เราชื่อ ชลัมพุ” เสียงใสนั้นตอบ

“ชลัมพุ เหรอคะ เพราะจังเลยค่ะ น้องอันดาชอบ เสียดายจังที่วันนี้คุณเมฆไม่เป็นใจให้น้องอันดาเลย” เสียงเล็กๆนั้นบอก ชลัมพุได้แต่ยกยิ้มเอ็นดู ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เขาถึงได้รู้สึกเอ็นดู เด็กมนุษย์ คนนี้เหลือเกิน ทั้งๆที่มันเป็นกฏข้อห้ามที่สำคัญที่สุดของเผ่าเงือก แต่กับเด็กคนนี้เขากลับไม่สามารถตัดใจจากไปได้เลย

“เจ้าชื่อ อันดา หรือ”

“ใช่ค่ะ น้องอันดาชื่อ อันดา เป็นลูกสาวของพ่อดลกับแม่..”

“น้องอันดา!! อยู่ไหนลูก” แต่ก่อนที่สียงเล็กนั้นจะพูดจบ เสียงตะโกนโหวกเหวกของผู้ใหญ่หลายคนรวมทั้งพ่อของเด็กหญิงก็ดังขึ้นพร้อมกับแสงไฟมากมายที่กำลังตรงมาทางริมหาด

“แย่แล้ว เราต้องไปแล้ว” เสียงหวานนั้นบอกอย่างร้อนรน เขาจะให้มนุษย์เห็นอีกไม่ได้เด็ดขาด

“แต่ว่าน้องอันดายังอยากเล่น กับเจ้าชายอยู่นะคะ” เด็กน้อยบอกเสียงเศร้า

“ไม่ได้หรอกนะ เราเล่นกับเจ้าไม่ได้ เราให้มนุษย์เห็นเราอีกไม่ได้แล้ว เราต้องไป ลาก่อนนะเด็กน้อย” เสียงใสกังวานนั้นบอกก่อนที่ร่างนั้นจะกระโดดลงน้ำไป จังหวะที่ร่างขาวซีดนั้นหันกลับมามอง เมฆเคลื่อนตัวออกจากพระจันทร์พอดีทำให้ เด็กหญิงมองห็นหน้าบุคคลที่กำลังจะจากไปได้อย่างชัดเจน แม้จะเป็นเวลาเพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่ร่างนั้นจะหายไป


“คุณแม่”



.............................TBC.................................

เรื่องใหม่ หลังจากหายไปชาติกว่า
เก๊าขอโต๊ดก๊าบ ยังคงเปน แฟนตาซี อย่างต่อเนื่อง
#ความชอบส่วนตัว ล้วนๆ ครับ  :hao3:

ปอลิง รักคนอ่าน จร้า

ออฟไลน์ MK

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
น่าสนุก   :katai2-1:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
น่าติดตามอีกแล้ววว

ออฟไลน์ PhInNoI

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-0
 :a5:

โอ๊ะโอ!!!!!

 o22

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
ท่าทางจะได้แม่ใหม่เป็นนายเงือกนะ  :hao3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
แฟนตาซี~ >¤<

ออฟไลน์ ~ ฤดูใบไม้ผลิ ~

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
เงือกน้อยยใจดีจัง น้องอันดาก็น่ารัก

ติดตามค่ะ   :mc4:

ออฟไลน์ - lloJ!จิ้a -

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
แฟนตาซี อี อี ปิติ รอเงือกน้อย พ่อดล กับน้องอันดานะคะ  :katai2-1:

ออฟไลน์ pita

  • ขอเพียงกล้าทำตามฝัน จะล้มบ้าง ลุกบ้าง ช่างมันปะไร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +328/-13

ตอน 2 คุณแม่

“คุณแม่ คุณแม่ขา คุณแม่อยู่ไหน กลับมาหาน้องอันดาก่อน คุณแม่ ฮึกๆๆ ฮื่อๆๆ คุณแม่!!” ร่างเล็กแผดเสียงจ้าก่อน ก่อนที่พี่เลี้ยงคนสนิทจะข้ามาปลอบคุณหนูที่ตื่นมาร้องไห้งอแง

“โถ่ คุณหนูขา ไม่เอาไม่ร้องค่ะ ไม่ร้อง” พี่เลี้ยงสาวปลอบเสียงเบาก่อนจะกอดร่างเล็กๆเอาไว้หลวมๆ

“พี่น้อย คุณแม่ละ คุณแม่อยู่ไหน” เสียงเล็กถามทั้งน้ำตา

“โถ่ คุณหนูของน้อย” พี่เลี้ยงบอกสียงเครือ เธอแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่เมื่อเห็นว่าคุณหนูที่เธอเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กร้องไห้อย่างหนัก

“คุณแม่ก็อยู่บนฟ้าไงคะ คุณแม่ของคุณหนูเป็นนางฟ้าอยู่บนท้องฟ้า”

“ไม่ใช่ พี่น้อยโกหก คุณแม่ของน้องอันดาเป็นเจ้าหญิงเงือกน้อย เมื่อคืนน้องอันดาเจอคุณแม่ด้วย พี่น้อยโกหก น้องอันดาจะไปหาคุณแม่!!” ร่างเล็กตะโกนลั่นก่อนจะสะบัดตัวออกจากอ้อมกอดของพี่เลี้ยงแล้ววิ่งออกจากห้องทันที

“คุณหนู คุณหนูอย่าไปค่ะ คุณหนู” น้อยร้องเสียงหลงก่อนจะวิ่งตามคุณหนูของเธอไป เธอจะทำยังไง เมื่อทั้งบ้านแทบจะไม่มีใครเลย คุณผู้ชายก็ไปรับคุณหมอที่จะมาตรวจร่างเล็กตั้งแต่เช้าจนป่านนี้ก็ยังไม่กลับ



“ใครอยู่แถวนี้บ้าง ช่วยด้วย!!”







ร่างเล็กวิ่งไปร้องไห้ไปจุดหมายคือโขดหินริมหาดที่เธอได้เจอกับ “แม่” เมื่อคืน

“คุณแม่ คุณขา อยู่ไหน กลับมาหาน้องอันดานะคะ น้องอันดาคิดถึงคุณแม่ ฮื่อๆๆๆ คุณแม่ขา” เด็กหญิงตะโกนไปพลางวิ่งไปพลาง เท้าเล็กเหยียบเศษเปือกหอยจนเป็นแผล ทั้งล้มลุกคลุกคลานแต่ร่างนั้นก็ยังคงวิ่งไปที่ริมหาด

“คุณหนูขา อย่าไปค่ะมันอันตราย อย่าไปนะคะ” พี่เลี้ยงสาวที่วิ่งตามมาร้องห้ามก่อนจะเอื้อมคว้าเอวเล็กไว้ได้ ทันก่อนที่ คุณหนูของเธอจะวิ่งลงทะเล

“พี่น้อย ปล่อยน้องอันดานะ ปล่อยสิ น้องอันดาจะไปหาคุณแม่ ปล่อยนะ ฮื่อๆๆ” ร่างเล็กยังคงแผดเสียงลั่นมือน้อยๆระดมทุบเข้าที่มือของพี่เลี้ยงสาวเพื่อให้อีกฝ่ายยอมปล่อย

“คุณหนูขา เชื่อพี่น้อยนะคะ ในทะเลไม่มีคุณแม่ นะคะ ไม่มี” น้อยบอกทั้งน้ำตา แม้ว่าจะถูกคุณหนูตัวน้อยทั้งทุบทั้งข่วนแต่ต่อให้ต้องตายเธอก็ไม่มีวันปล่อยคุณหนูเด็ดขาด

“น้องอันดา!!” เสียงทุ้มเรียกลูกสาวเสียงงดัง ก่อนจะวิ่งเข้าไปกอด ร่างสูงแทบเสียสติเมื่อกลับมาที่บ้านแล้วไม่เจอนางฟ้าน้อยๆของเขา ยังดีที่ได้ยินเสียงร้องไห้ของลูกสาวทำให้เขาวิ่งตามมาที่ริมหาดทัน 

“น้องอันดา เป็นอะไรคะ ทำไมคนสวยของพ่อร้องไห้” เอ่ยถามเสียงสั่นมือหนายกขึ้นลูบผมลูกสาวตัวน้อยที่ยังคงสะอื้นอยู่ อย่างแผ่วเบา

“คุณพ่อขา เมื่อคืนน้องอันดาเห็นคุณแม่  คุณแม่คือเจ้าหญิงเงือกน้อย” เด็กน้อยบอกเสียงสั่นเครือ ภาพความทรงจำเมื่อคืนย้อมเข้ามาในหัวของร่างสูง วินาทีที่พี่เลี้ยงสาววิ่งมาบอกว่าลูกสาวของเขาหายไป นั้นหัวใจของคนเป็นพ่อแทบหยุดเต้น เขาวิ่งพล่านไปทั่วก่อนจะได้ยินเสียงร้องไห้ของน้องอันดา และภาพที่เขาเห็นยิ่งทำให้เขาแทบใจสลายเมื่อลูกสาวสุดที่รักกำลังจะวิ่งลงไปในทะเล วินาทีนั้นขากลัวเหลือเกิน กลัวว่าทะเลจะพรากหัวใจของเขาไปอีกครั้ง ชายหนุ่มกลัวจนแทบทำอะไรไม่ถูกน้องอันดาคือสิ่งเดียวในชีวิตที่เขามี ถ้าเขาต้องเสียลูกไปอีกคน ชีวิตนี้เขาจะอยู่ได้ยังไง

“จริงๆนะคะ น้องอันดาไม่ได้โกหก คุณแม่อยู่ในนั้น คุณแม่เป็นเจ้าหญิงเงือกน้อย” เสียงเล็กย้ำพลางชี้นิ้วไปที่ทะเลตรงหน้า

“ค่ะ คุณพ่อเชื่อหนู แต่ตอนนี้หนูต้องหยุดร้องไห้แล้วให้คุณลุงหมอทำแผลก่อนนะคะ หนูไม่กลัวคุณแม่เห็นแล้วจะไม่สบายใจเหรอเอาไว้หนูหายดีแล้วเราค่อยไปหาคุณแม่กันดีไหมคะ”  ชายหนุ่มบอก พลางเช็ดน้ำตาให้ลูกสาวอย่างแผ่วเบา เด็กหญิงพยักหน้าช้าๆก่อนจะซุกหน้าลงบนอกของผู้เป็นพ่อ

“คุณพ่อสัญญากับน้องอันดาแล้วนะคะ ว่าจะพาไปหาคุณแม่”

“คุณพ่อสัญญาค่ะ”





“หลับไปแล้วเหรอ น้อย” เสียงทุ้มเอ่ยถามพี่เลี้ยงของลูกสาว ที่เพิ่งเปิดประตูออกมา

“ค่ะ คุณผู้ชาย พอคุณหมอตรวจเสร็จคุณหนูก็หลับเลยสงสัยจะเพลียมาก น้อยขอโทษนะคะที่ดูแลคุณหนูไม่ดี”

“ไม่ใช่ความผิดของน้อยหรอก เข้าไปดูอันดาเถอะ ฉันจะไปคุยกับ ไอ้หมอสักหน่อย”

“ค่ะ” พี่เลี้ยงสาวบอกก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องคุณหนูของเธอ






“เป็นไงบ้างว่ะ” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนโซฟาเอ่ยถามกับเจ้าของบ้านร่างสูง

“หลับไปแล้วล่ะ ขอบคุณมึงมากนะที่มาดู น้องอันดาให้” ร่างสูงบอกับเพื่อนสนิท

“เฮ้ย ลูกมึงก็หลานกูนะ ไม่ดูแลหลานตัวเองกูจะไปดูแลใคร มึงนั่นแหล่ะไหวไหม ดูเหมือนไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อคืนสินะ”     
วิชาญ เอ่ยถามเพื่อนสนิทเบาๆ เพราะความเป็นหมอทำให้เขาพอจะจับอาการเครียดของเพื่อนได้

“ไหวมั้ง แต่กูแค่ไม่เข้าใจ เมื่อคืนน้องอันดาเห็นอะไร ทำไมแกถึงบอกว่าเจอ น้ำ ”

“บางทีมันอาจเป็นจินตนาการของเด็กก็ได้นะเว้ย” คนเป็นหมอบอก

“จินตนาการ??”

“บางที น้องอันดาอาจจะคิดถึงแม่ มากเกินไปก็เลยเกิดภาพหลอนมึงเคยบอกกูนิว่า น้องอันดาชอบฟังนิทานเรื่องเจ้าหญิงเงือกน้อย”

“มึงพูดเหมือนลูกกูเป็นบ้า”

“เฮ้ย ไอ้ดล ปากหมานะมึง กูแค่บอกว่ามันเป็นจินตนาการของเด็กเว้ย ไอ้ห่า กูต้องไปแล้วนะตอนบ่ายต้องเข้าเวรอีก มึงก็ดูแลตัวเองด้วยแล้วกันถ้ามึงป่วยขึ้นมา คนอื่นจะยิ่งขวัญเสีย กูไปล่ะ” คุณหมอหนุ่มบอกกับเพื่อนสนิทก่อนจะเดินออกไป ทิ้งให้ร่างสูงนั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเอง

จินตนาการ

มันจะใช่เหรอ เท่าที่เขาเลี้ยงลูกมา น้องอันดาไม่ใช่เด็กที่จะพูดอะไรเพ้อเจ้อขนาดนั้นและที่สำคัญลูกเขาไม่เคยโกหก แล้วที่น้องอันดาเห็นมันคืออะไร…




ร่างสูงของธราดลค่อยๆนั่งลงข้างเตียงของลูกสาวคนเดียวก่อนจะกดจมูกลงบนแก้มใสอย่างหมั่นเขี้ยว คืนนี้เป็นคืนแรกในรอบหลายปีที่เขาตัดสินใจเข้ามานอนในห้องของลูกสาว เพราะกลัวแกจะฝันร้ายเหมือนเมื่อตอนกลางวัน

“อื้อ คุณพ่อขา”

“คุณพ่ออยู่นี่ค่ะ คนสวยของคุณพ่อหลับซะนะคะ” เสียงทุ้มบอกก่อนจะตบหลังของลูกสาวตัวน้อยเบาๆ เป็นการกล่อมนอน





กลางดึกคืนนั้น เสียงเพลงแผ่วดังแว่วมากับสายลมเช่นทุกครั้ง เด็กหญิงตัวน้อยลืมตาโพลงก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นจากที่นอน ร่างเล็กถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ตัวเองไม่ได้ทำให้คนที่มานอนเป็นเพื่อนตื่น

“คุณแม่ขา น้องอันดาจะไปหาคุณแม่” เด็กหญิงบ่นพึมพำ ก่อนจะแอบย่องลงไปข้างล่างคนเดียว

วันนี้เป็นคืนเพ็ญแสงสีเงินงวงนั้นยิ่งทำให้ร่างขาวที่นั่งอยู่บนโขดหินเปล่งประกายราวกับจะเรืองแสงได้ ผมสีดำขลับที่สะท้อนแสงจันทร์นั้นทำให้น้องอันดาตาโต

“คุณแม่สวยจังเลย”

“คุณแม่ขา” เสียงเล็กๆนั้นเรียกความสนใจจาก ชลัมพุ ได้มากโข เพราะไม่คิดว่า คืนนี้เขาจะได้เจอกับ เด็กมนุษย์ อีกครั้ง

“เจ้าเองหรือ” เสียงใสกังวานนั้นตอบกลับก่อนจะยกยิ้มให้ร่างเล็ก

“ฮึกๆ คุณแม่จริงๆด้วย น้องอันดาไม่ได้ตาฝาด เจ้าหญิงเงือกน้อยคือคุณแม่ของน้องอันดาจริงๆด้วย” ร่างเล็กบอกเสียงสั่น เพราะคืนนี้พระจันทร์ไม่ได้ถูกเมฆบดบังทำให้สามารถเห็นใบหน้านวลนั้นได้อย่างชัดเจน

“อันดา เจ้าพูดเรื่องอะไร เราไม่เข้าใจเลย”

“คุณแม่ขา น้องอันดาคิดถึงคุณแม่มากนะคะ คุณแม่กลับมาอยู่กับน้องอันดาไม่ได้เหรอคะ ฮึก ฮื่อๆๆ” ร่างเล็กถามทั้งน้ำตา ชลัมพุได้แต่เบือนหน้าไปอีกทางเพราะไม่อาจทนเห็นเด็กหญิงตรงหน้าร้องไห้ได้ ทำไมเขาถึงรู้สึกเจ็บปวดแบบนี้นะ

“เราเป็นชาย จะเป็นแม่ของเจ้าได้อย่างไร” ชลัมพุพยายามอธิบาย

“ไม่จริง คุณคือแม่ของน้องอันดา น้องอันดาจำได้ คุณแม่ขาไม่รักน้องอันดาแล้วเหรอคะ ฮึกๆๆ  ใครๆก็บอกว่า น้องอันดาเป็นเด็กไม่มีแม่ แม่เกลียดน้องอันดา แม่เลยหนีไปอยู่บนสวรรค์”

“น้องอันดาเป็นเด็กไม่ดีหรอคะ คุณแม่ถึงไม่รัก ฮื่อๆๆ ”


ชลัมพุได้แต่ถอนหายใจกับความดื้อรั้นของเด็กหญิง เขาเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่อยู่ดีๆก็มีมนุษย์มาบอกว่าเขาเป็นแม่ ในชีวิต 250 ปี ที่ผ่านมาเขาเป็นเงือกมาตลอดจะไปมีลูกเป็นมนุษย์ได้อย่างไร 

“อันดา เราไม่ใช่แม่ของเจ้า เราเคยบอกไปแล้วว่าชาวเงือกไม่โกหก”

“ฮึก ฮื่อๆๆๆๆๆ คุณแม่ไม่รักน้องอันดาแล้ว แง้ๆ” ยิ่งพูดก็เหมือนว่ายิ่งไปกันใหญ่เมื่อเด็กหญิงตัวน้อยไม่ยอมรับฟังอะไรเลยสักอย่าง  ชลัมพุได้แต่ถอนหายใจก่อนจะตอบเด็กหญิงออกไป

“เอาล่ะๆ เรายอมแล้ว เจ้าหยุดร้องไห้เถอะนะ”  เสียงใสกังวานเอ่ยบอก  เด็กหญิงยิ้มร่าก่อนจะชูสองแขนขึ้น

“คุณแม่อุ้มหน่อย น้องอันดาอยากให้คุณแม่อุ้ม” แววตาที่เต็มไปด้วยประกายแห่งความหวังของเด็กหญิงทำให้ ชลัมพุ ใจอ่อนอีกจนได้ ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้รักและเอ็นดูลูกมนุษย์คนนี้มากเหลือเกิน

“เฮ้อ งั้นก็หลับตานะ”  ร่างบางบอกก่อนจะ เดิน ไปอุ้มเด็กหญิงไว้แนบอกแล้วพาไปที่โขดหินที่ไม่สูงมาก

“ลืมตาได้แล้ว อันดา”

“โห น้องอันดา นั่งเหมือนคุณแม่เลย” เด็กน้อยบอกสียงใส เมื่อลืมตาแล้วพบว่าตัวเองนั่งอยู่บนโขดหินพร้อมกับ “คุณแม่” เด็กหญิงซุกหน้าเข้าที่อกเปือยเปล่านั้นก่อนที่มือเล็กๆจะโอบเอว คนตรงหน้าเอาไว้แน่น

“น้องอันดาคิดถึง คุณแม่มากเลยนะคะ คุณแม่หายไปไหนมา”

ชลัมพุได้แต่ยิ้มแห้งเพราะตัวเขาไม่เคยหายไปไหนอย่างที่เด็กหญิงถาม จึงได้แสร้งพูดเรื่องอื่นกลบเกลื่อน

“อันดา อยากฟังเพลงไหม เราจะร้องให้ฟัง”

“อยากค่ะ  อันดาอยากฟังเพลงที่คุณแม่ร้องบ่อยๆ แต่อันดาฟังไม่ออกว่ามันร้องว่าอะไร” เด็กหญิงบอกก่อนที่ตากลมโตจะเป็นประกายเมื่อท่วงทำนองหวานปนเศร้านั้นเริ่มขึ้น




ธราดลสะดุ้งตื่นกลางดึกมือหนาจะปัดป่ายหาเจ้าหญิงตัวน้อย หัวใจของคนเป็นพ่อกระตุกวาบเมื่อสัมผัสได้เพียงฟูกที่เย็นชืด

“น้องอันดา!!” ร่างสูงตะโกนลั่น ก่อนที่จะพุ่งตัวออกจากห้องลูกสาวอย่างรวดเร็วจุดหมายปลายทางคงหนีไม่พ้นชายหาดที่ติดกับระเบียงห้องลูกสาว แต่ยิ่งเข้าไปใกล้ชายหนุ่มกลับได้ยินเสียงคล้ายคนร้องเพลงดังแว่วเข้ามา ยิ่งใกล้เสียงใสกังวานนั้นกลับดังขึ้นเรื่อยๆ แม้จะเป็นภาษาที่เขาไม่เข้าใจ แต่เขากลับรู้สึกว่าเพลงนี้ “เพราะ” เหลือเกิน ร่างสูงคล้ายตกอยู่ในห้วงความฝันขายาวค่อยๆก้าวตามเสียงนั้นไปเรื่อยๆจนหยุดที่ริมหาดไม่ไกลจากโขดหินมากนัก

“นั่นมัน”  ชายหนุ่มเบิกตาโพลงกับสิ่งมีชีวิตที่เห็นอยู่ตรงหน้า เกิดมา 32 ปี สาบานว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็น เงือก       เงือกตัวเป็นๆที่กำลังแกว่งหางไปมาตามทำนองเพลง ซ้ำในอ้อมกอดนั้นกลับมี ร่างน้อยๆที่เขาตามหาอยู่ด้วย

นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน หรือว่าเขาจะฝันไป



“น้องอันดา!!” เสียงทุ้มเรียกลูกสาวเสียงดังแต่คนที่สะดุ้งงกลับเป็นร่างขาวซีดที่นั่งอยู่ แม้ต้องการจะกระโดดหนีเหมือนทุกครั้งแต่ร่างบางก็ทำไม่ได้เมื่อมีร่างน้อยๆร่างหนึ่งกำลังหลับตาพริ้มอยู่ในอ้อมแขน

“แกปล่อยลูกสาวฉันเดี๋ยวนี้นะ ถ้าไม่ปล่อยจะหาว่าไม่เตือน!!” ร่างสูงตวาดลั่นไม่ว่าสิ่งที่เขากำลังเผชิญอยู่ตอนนี้คืออะไร เขาไม่มีเวลาคิดกลัวทั้งนั้น เพราะน้องอันดาสำคัญกว่าทุกอย่าง

“เราไม่ได้จับลูกเจ้ามา เจ้ากำลังเข้าใจผิด” เสียงใสกังวานนั้นตอบ ก่อนที่ร่างนั้นจะค่อยๆหันหน้ามาช้าๆ   ใบหน้าขาวที่สะท้อนแสงจันทร์นั้นทำให้ร่างสูง ตกตะลึงยิ่งกว่าเดิม เมื่อใบหน้านั้นเหมือนภรรยาที่จากไปเมื่อ 3 ปีก่อนราวกับพิมพ์เดียวกัน !!!


................................TBC.............................

มาแล้ว เจ้าค่ะ มาแล้ว   :katai4:

เรื่องนี้บอกเลยนะคะ ว่า การ์ตูน มาก

แฟนซีล้วนๆ หาความจริงลำบาก

แถมดราม่าเป็นพักๆ ตามสไตส์ พิตต้า

ฮ่าๆๆๆ 



ออฟไลน์ MK

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
กำลังเข้นข้นเลย    :hao7: 

ออฟไลน์ PhInNoI

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-0
มาแล้วๆ เจอกันแล้วๆ

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :serius2: แล้วมาต่อนะค้างงงง

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
กรี๊ด~เขาเจอกันแล้วจะเป็นยังไงต่อล่ะเนี่ย

ออฟไลน์ ~ ฤดูใบไม้ผลิ ~

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
เขาเจอกันแล้ววววว  :m4:
อ่านจบแล้วรู้สึกค้างมากมาย  :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
อิหน้าตาเหมือนกันนี่ส่งกลิ่นมาม่า

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด