ตอน 27
“พี่โอ๋ โทรมาบอกว่า พี่ต้นรถชน!”
“พี่เล็กว่ายังไงนะครับ” ผมหันไปถามเจ้าของบ้านเสียงสั่น ไม่ใช่ ผมคงได้ยินผิดไปมันต้องไม่ใช่อย่างที่ผมคิดสิ
“พี่ชายพี่ที่เป็นตำรวจโทรมาบอกว่า พี่ต้นรถชนตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล a” พี่เล็กบอกเสียงสั่น วินาทีที่ได้ยินเหมืนหัวใจมันหล่นวูบ ผมไม่มีแม้แต่แรงที่จะทรงตัว ความเป็นห่วงทำให้ผมกระวนกระวายจนแทบจะทะไรไม่ถูกผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองควรจะนั่ง ยืน
หรือว่าทำอะไร มันสับสนไปหมด
“เฮ้ย ไม้อย่าเพิ่งร้องสิ พี่ต้นไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย” พี่เมฆว่า ผมมองหน้าลูกพี่อย่างทำอะไรไม่ถูกผมไม่รู้ ไม่รู้จริงๆว่าต้องเริ่ม
ทำอะไรก่อน ถึพี่ต้นจะทำให้ผมเสียใจมาตลอด แต่พอคิดว่า ร่างสูงนั้นจะเป็นอะไรไปหัวใจผมกลับทนไม่ได้ ถึงการจากเป็นมันจะ
เจ็บปวด แต่มันก็ดีกว่าการที่ใครอีกคนอาจจะจากไปตลอดกาล
“อ่ะ” ระหวว่างที่ผมไม้แต่ยืนร้องไห้ หมวกกันน๊อคก็ถูกยื่นมาให้จากคู่อริตัวสูง
“อะไร”
“ใส่ซะ แล้วก็ขึ้นมา อยากไปใจจะขาดแล้วไม่ใช่เหรอไอ้โรงพยาบาลเนี่ย”
“ไอ้ป๋อง”
“ไม่ต้องมาทำหน้าซาบซึ้งใจ บอกแล้วว่าไม่ชิน จะไปก็ขึ้นมาเร็วๆ อย่าท่ามาก” มันว่าเสียงห้วน ผมได้แต่ยิ้มทั้งน้ำตา ก่อนจะกระโดดขึ้นซ้อนท้ายบิ๊กไบค์ของมันทีนที แม้ว่าความเร็วของรถจะเพิ่มมากแค่ไหนแต่มันกลับช้ากว่าหัวใจของผมอยู่ดี
พี่อย่าเป็นอะไรนะ อย่าจากผมไปเด็ดขาด
“มึงนี่รัก เขามากจริงๆเลยนะ พอเห็นแบบนี้แล้ว กูถึงได้รู้ว่าตัวเองไม่เคยมีหวังเลย”
“ขอโทษนะ”
“ขอโทษทำไม หัวใจมันบังคับกันได้ที่ไหนล่ะ รักก็คือรัก ไม่รักก็คือไม่รัก กูเข้าใจ แค่ขอให้มึงรู้ไว้อย่าง ว่ามึงจะมีกูอยู่เป็นเพื่อนเสมอ ” มันว่าพร้อมๆกับที่รถจอดบริเวณโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง
“ไปเถอะ ไปทำตามอย่างที่ใจมึงถึงการ”
“ขอบคุณนะรับ ….. พี่ป๋อง” ผมยิ้มให้มันก่อนจะวิ่งเข้าไปในโรงพยาบาลทันที
ผมพยายามมองหาร่างสูงที่คุ้นเคยแต่กลับพบเพียงความวุ่นวายบริเวณหน้าห้องฉุกเฉิน ทำไมถึงได้หายากแบบนี้นะ ยิ่งหายิ่งร้อนใจ ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ผมยิ่งกลัว ผมกลัว กลัวว่าอีกคนจะไม่กลับมา กลัวไปหมดทุกอย่าง ทั้งๆที่พยายามจะตัดใจแล้วแท้ๆ แต่ทำผมต้องยังห่วงเขามากขนาดนี้ แค่คิดว่าจะไม่ได้เจอกันอีกน้ำตาของผมก็ไม่สามารถหยุดไหลได้เลย หัวใจคนเรามันช่างแปลกเหลือเกิน ทั้งๆที่เจ็บปวด ทั้งๆที่ทรมาน แต่กลับยังรัก ไม่เปลี่ยนแปลง
“ไม้” เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้น ก่อนที่มือของใครบางคนจะวางลงบนไหล่ผม
“มาทำอะไรที่นี้” เขาถาม
“ผมมา…..พี่ต้น!!” ผมตะโกนลั่นพลางมองคนตรงหน้าผ่านสายตาที่พร่าเลือน เขาจริงๆใช่ไหม เขายังอยู่ใช่ไหม เขาไม่ได้จากผมไปไหนใช่ไหม
“พี่ต้น พี่ต้นจริงๆใช่ไหม” ผมถามทั้งน้ำตาก่อนจะโผเข้ากอดร่างสูง
“โอ้ย!!!” เจ้าของร้านตัวสูงร้องลั่น จนผมสะดุ้งก่อนจะถอยออกมาดูคนตรงหน้าชัดๆ ตามตัวพี่ต้นมีผ้าก๊อชติดอยู่ทั่วแม้ไม้ถึงหับร้ายแรงอะไรแต่ก็คงซ้ำในอยู่พอควร
“ขอโทษครับ ผมไม่คิดว่าพี่จะเจ็บ”
“ไม่หรอก พี่แค่ไม่ทันตั้งตัว ” เขาบอก ก่อนที่เราสองคนจะปล่อยให้ความเงียบเข้ามาแทรก ผมไม่รู้ว่าต้องพูดอะไร เพราะความเป็นห่วงทำให้ผมไม่ทันได้เตรียมตัวว่า ถ้าผมพบเขาอีกครั้ง ผมต้องพูดอะไร
“เอ่อ พี่ เอ่อ พี่เป็นอะไรมากไหม พี่เล็กบอกว่าพี่รถชน” ผมลองถามเพื่อทำลายความเงียบ
“แค่มีแผลนิดหน่อยครับ คุณหมอบอกว่าไม่มีอะไรน่าห่วง”
“แต่ที่น่าห่วงมันคือนี่ต่างหาก” เขาบอกก่อนจะยกกล่องที่ผมเพิ่งสังเกตว่าเขาถืออยู่ตลอดขึ้นมา ผมมองกล่งคุ้นตาสลับกับคนตัว
สูงพลางขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
“เค้กวันเกิดที่ไม้ทำให้พี่ มันเละหมดแล้ว พี่ขอโทษนะ แต่พี่พยายามประคองแล้วแต่มัน..”
“ช่างเถอะครับ ผมดีใจนะที่พี่ไม่ได้เป็นอะไร” ผมบอกก่อนที่ความเงียบจะเกิดขึ้นอีกครั้ง ผมเริ่มทำอะไรไม่ถูก ช่องว่างระหว่างเรามันมีมากเกินไป แม้จะมีคำพูดมากมายแต่กลับไม่รู้จะต้องพูดออกไปยังไง
“ไม้” จู่ๆคนที่เอาแต่เป็นฝ่ายตอบกลับพุดขึ้นก่อน
“ครับ”
“ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม” เขาถาม ผมพยักหน้าก่อนจะเดินนำเขาไปที่สวนของโรงพยาบาล มันคงดีกว่าเราจะยืนคุยกันหน้าห้องฉุกเฉินที่แสนวุ่นวาย
“พี่มีอะไรครับ”
“ไม้ ถึงมันจะดูสายไปที่จะพูดคำนี้แต่พี่อยากบอกไม้นะ ว่าพี่ขอโทษ ขอโทษสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา พี่รู้ว่าตัวเองเห็นแก่ตัวมาก พี่…”
“ช่างเถอะครับ ทุกอย่างมันผ่านไปแล้ว อาอิทบอกผมว่าคนเราจะเดินหน้าไม่ได้ถ้าไม่คิดที่จะปล่อยวางอดีต ” ผมบอกก่อนจะยิ้มให้เขาเท่านี้ก็ดีแล้ว แค่เท่านี้ก็พอแล้ว ผมไม่เคยหวังอะไรไปมากกว่า สักวันหนึ่ง พี่ต้นจะมองผมอย่างที่ผมเป็นไม่ใช่มอผมเป็นตัวแทนของใคร
“ขอบคุณที่ไม้ ยังให้อภัยพี่ ขอบคุณที่ยังเกลียดพี่”
“ผมไม่เคยเกลียดพี่” ผมบอกไหนๆก็ตั้งใจไว้แล้วว่าวันนี้จะคุยกันให้รู้เรื่อง ถ้าอย่างนั้น ก็คุยตรงนี้ให้เข้าใจกันไปเลยดีกว่า
“ที่ผ่านมา ผมอาจจะทำผิดแต่ผมไม่ปฎิเสธหรอกว่าผมมีความสุข ผมรักพี่ แต่ผมรู้ว่าพี่รักอาอิทมาก ผมไม่เคยหวังให้พี่มารักผมตอบสำหรับผมการได้อยู่ใกล้ๆพี่ก็ทำให้ผมมีความสุขแล้ว” ผมบอก บอกในสิ่งที่เก็บไว้มานานบอกความรู้สึกที่อยู่ลึกที่สุดในหัวใจ มันน่าแปลกที่พอได้พูดแล้ว กลับรู้สึกว่าโล่งใจอย่างประหลาด
“ไม้”
“ครับ”
“พี่รักไม้นะ” จู่ๆคนตรงหน้าก็พูดมันออกมาโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว
“พี่..”
“มันอาจจะดูไม่น่าเชื่อ มันอาจจะดูเลื่อนลอยไปหน่อย แต่ทุกคำที่พูด พี่พูดมันออกมาจากความรู้สึกจริงๆ ไม้ไม่จำเป็นต้องเชื่อเพราะพี่ไม่มีอะไรมาพิสูจน์ นอกจากเวลา พี่อยากให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า ทุกคำที่พี่พุดมันออกมาจากหัวใจ”
ติณภพ
ผมยืนมองนกเหล็กที่กำลังจะบินขึ้นฟ้า วันนี้ไม้ต้องไปเรียนต่อ ผมถูกทั้งอิททั้งเจ้าเด็กช่างกล ลากให้มาส่งไม้แต่เช้า เราสองคนไม่ได้พูดอะไรกัน เพราะทุกอย่างผมพูดไปตั้งแต่เมื่อสองวันก่อนแล้ว แม้ว่าทุกคนจะแปลกใจที่ ไม้ยังยืนยันจะไปเรียนต่อแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร ซึ่งผมเองก็พอใจที่มันเป็นแบบนั้น ที่เหลือต่อจากนี้แค่เพียงปล่อยให้เวลา เป็นเครื่องพิสูจน์ ความจริงใจทั้งหมดที่ผมมี ผมมักจะอมยิ้มทุกครั้งเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อ 2 วันก่อน ผมรีบไปหาไม้จนรถชนแต่โชคดีที่ผมและคู่กรณีแค่ฟกช้ำ ไม่ได้เจ็บหนัก แต่นั่นกลับเป็นโอกาสดีที่ทำให้เราได้คุยกัน คุณไม่มีทางรู้เลยว่า วินาทีที่ผมเห็นไม้หน้าห้องฉุกเฉินนั้นผมดีใจแค่ไหน เพราะอย่างน้อยมันก็เป็นเครื่องยืนยันได้ว่า ไม้ไม่ได้เกลียดผม อย่างที่ผมกลัว
“พี่รักไม้นะ” คำสารภาพที่ไม่มีปี่มีขลุ่ยของผมทำให้ไม้อึ้งไปชั่วครู่ ผมแอบยิ้มกับปฎิกิริยาน่ารักนั่นนิดหน่อยเพราะน้อยครั้งมากที่ใครจะทำให้ไอ้แสบอึ้งได้
“พี่..”
“มันอาจจะดูไม่น่าเชื่อ มันอาจจะดูเลื่อนลอยไปหน่อย แต่ทุกคำที่พูด พี่พูดมันออกมาจากความรู้สึกจริงๆ ไม้ไม่จำเป็นต้องเชื่อเพราะพี่ไม่มีอะไรมาพิสูจน์ นอกจากเวลา พี่อยากให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า ทุกคำที่พี่พูดมันออกมาจากหัวใจ” ผมบอกเพราะนั่นมันคือความรู้สึกจริงๆจากหัวใจของผม ผมไม่ขอให้เชื่อแค่เพียงขอโอกาส
“ผม..”
“พี่ไม่ได้บังคับให้ไม้ตอบตอนนี้ กลับไปคิดให้ดี ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น พี่รู้ว่าการเป็นเชฟขนมเป็นความฝันของไม้ พี่รอได้ ไม้รอพี่มานานแล้ว ต่อไปนี้ให้พี่เป็นฝ่ายรอบ้าง ”
นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่เราคุยกัน ผมไม่บังคับให้ไม้ตอบ เพราะผมไม่อยากผูกมัดน้องอีกต่อไป เรื่องของเรามันเริ่มต้นจากความผิดบาป เราควรมีเวลาได้ทบทวนหัวใจตัวเองกันสักครั้ง หากว่าการห่างครั้งนี้จะทำให้ไม้รู้ว่าสุดท้ายแล้วคนที่เขารักไม่ใช่ผม ผมก็ไม่เป็นไร แต่สำหรับผมแล้ว ถ้าไม่ใช่เชฟคนนี้ ร้านผมก็จะไม่ขายเค้กอีกต่อไป เพราะทุกพื้นที่ใน แกลอรี่ คือความทรงจำทั้งหมดของเรา
3 ปีผ่านไป
ครืนๆๆ
เสียงฟ้าร้องคำรามพร้อมกับเมฆสีดำมะมึนที่ก่อตัวบนอากาศทำให้ผมเผลอมองออกไปนอกหน้าต่าง ตอนนี้หน้าฝนวนมาอีกปีแล้วสินะ ไม่รู้ว่าที่โน้นจะตกด้วยหรือเปล่า คนๆนั้นจะชอบยืนมองฝนเหมือนเดิมหรือเปล่า
“ฝนตกแบบนี้ก็แย่เลยสิพี่” เสียงของใครบางคนเอ่ยบอกก่อนจะเดินเข้ามาหาผม
“ทำไม”
“ก็ฝนตกแบบนี้ใครจะมากินกาแฟกันล่ะครับ ผมคนนึงล่ะที่จะไม่ออกจากบ้านเด็ดขาด” อีกคนบ่นอุบ
“มันก็ไม่แน่หรอก บางทีมันอาจจะมีใครบางคนที่ชอบเวลาฝนตกก็ได้” ผมบอกพลางยืนมองสายฝนที่ไหลลงตาผนังกระจกของร้าน
“พี่หมายถึงใครเหรอ”
“ไม่รู้สักเรื่องได้ไหมวะ” ผมแหวลั่น เฮ้อ นึกว่านอกจากใครคนนั้นแล้ว ผมจะไม่เจอเด็กกวนประสาทแบบนี้อีกแต่จนแล้วจนรอดก็รับไอ้เด็กนี่เข้ามาทำงานจนได้
“โถ่ พี่ต้น ผมก็แค่อยากรู้ว่าแต่คนๆนั้นอ่ะ คือคนเดียวกับที่พวกพี่เล็กพี่เมฆพูดถึงบ่อยๆป่ะ” เจ้าเด็กกวนประสาทยังซักไซ้ต่อ ป่วยการที่จะต่อล้อต่อเถียงด้วย ขืนพูดด้วยมากๆไมเกรนถามหาเปล่าๆ
“งานที่ให้ทำน้อยไปเหรอครับ(ไอ้)คุณเจ้า”
“โถ่พี่ ก็เห็นๆกันอยู่เนี่ยว่าฝนตก ใครจะเข้าร้านกันล่ะ ยืนให้ยุงกัดจนจะเป็นไข้เลือดออกอยู่แล้ว” ไอ้เจ้า บ่นอุบก่อนจะไปถูพื้นต่อ ผมได้แต่ส่ายหน้ากับความกวนประสาทของลูกน้อง ไม่รู้ว่าเวรกรรมอะไรของผมจ้างมากี่คนๆก็เจอแต่เด็กกวนประสาทแบบนี้ตลอด
3 ปีแล้วสินะที่ไม่ได้เจอกัน ไม้สบายดีหรือเปล่า ผมทำได้แค่เอ่ยถามในใจ 3 ปีที่ร้านนี้ไร้เสียงกวนๆและหน้าตาที่กวนบาทาตลอดเวลาของไอ้เด็กช่างทำขนมนั่น 3 ปี ที่ผมได้แต่เฝ้ารอ…..รอ วันที่ใครอีกคนจะกลับมา ทุกที่ของ “แกลอรี่” ยังคงเต็มไปด้วยความทรงจำของเรา
พี่คิดถึงไม้มากนะ….ไม้คิดถึงพี่หรือเปล่า
กรุ๊งกริ๊งๆๆๆ
เสียงกระดิ่งหน้าร้านดึงผมออกจากภวังค์ ก่อนที่ใครบางคนจะเดินเข้ามาในร้านด้วยสภาพที่เปียกไปทั้งตัวดูก็รู้ว่าคงวิ่งฝ่าฝนมา เสื้อแจ็คเกตที่คลุมอยู่ทำให้ผมเห็นหน้าคนมาใหม่ไม่ชัดเจนนัก แต่ทำไม ท่าทางแบบนี้มันคุ้นเหลือเกิน
“แกลอรี่ สวัสดีครับ” ไอ้เจ้าทำหน้าที่ต้อนรับลูกค้าอย่างกระตือรือร้น เพราะนี่เป็นลูกค้ารายแรกของช่วงบ่ายหลังจากที่ฝนดันตกแบบไม่ลืมหูลืมตาเมื่อชั่วโมงก่อน
“สวัสดีครับ ผมขอโกโก้ ร้อนที่นึงนะ” คนมาใหม่บอก ก่อนที่ไอ้เจ้าจะพาไปนั่งที่โต๊ะ
“พี่ต้น โกโก้ร้อนแก้วนึงคร้าบ”
“อืม ไปทำงานต่อเถอะ พี่ดูแลต่อเอง” ผมบอกก่อนจะหันไปชงเครื่องดื่มทันที
“ฝนตกหนักแบบนี้ทำไม ยังออกมากินโกโก้อีกล่ะครับ” ผมถามพลางวางแก้วโกโก้ร้อนลงบนโต๊ะ เขาไม่ตอบแต่กลับยกแก้วขึ้นดื่มแทน
“ตากฝนแบบนี้เดี๋ยวจะเป็นหวัดนะครับ” ผมยังคงถามต่อแม้ว่าจะไม่ได้คำตอบอะไรกลับมา
“ผมมาก็เพราะผมอยากมา เหตุผลเท่านี้พอฟังขึ้นไหมครับ แล้วร้านนี้ไม่ได้ขายเค้กแล้วเหรอ” ในที่สุดอีกคนก็ตอบออกมา
“ไม่มีแล้วครับ คนทำเค้กเขาไม่อยู่แล้ว ที่นี่ไม่ได้ขายเค้กมา 3 ปีแล้วล่ะครับ”
“แย่จังนะครับ ผมไม่ได้มาที่นี่ตั้งนานดูไม่เปลี่ยนไปเลยนะครับเนี่ย” เขาบอกก่อนจะมองไปรอบๆร้าน
“ครับที่นี่ไม่เคยเปลี่ยน และ ไม่มีมีวันเปลี่ยน ทั้งตัวร้าน…….และ หัวใจของพี่”
“พี่คิดถึงไม้มากรู้ไหม”
ผมบอกก่อนจะคว้าคนที่นั่งตรงหน้ามากอดแน่น วินาทีที่ร่างโปร่งอยู่ในอ้อมแขนผมถึงได้รู้ว่าตัวเองไม่ได้ฝันไป ผมไม่รู้ว่าตัวเองดีใจแค่ไหน เมื่อทันทีที่เห็นหน้าอีกฝ่าย นานแค่ไหนที่ผมไม่กอดเขาเอาไว้แบบนี้
“ผมก็คิดถึงพี่ครับ” เสียงนั้นบอกก่อนที่ไม้จะซุกเข้าที่อกผม
“ผมคิดถึงพี่มากรู้ไหม พี่ใจร้ายมากที่ไม่ยอมให้ผมเห็นหน้าไม่ได้ยินแม้แต่เสียง พี่รู้หรือเปล่าแค่โปสการ์ดเดือนละใบมันไม่ทำให้
ผมเลิกคิดถึงพี่หรอกนะ พี่ใจร้าย” เด็กน้อยกวนประสาทของผมบอกก่อนจะปล่อยโฮแข่งกับเสียงฝนด้านนอก ถูกที่ผมใจร้าย ไม่อนุญาตให้น้องโทรหาหรือใช้โซเชี่ยลใดใดทั้งนั้น แต่ให้ใช้วิธีการเขียนโปสการ์ดส่งมาเดือนละครั้งแทน สาเหตุไม่ใช่เพราะผมไม่คิดถึง ไม่อยากเจอ แต่เพราะคิดถึงมาก เลยเจอไม่ได้ การที่ยิ่งได้ยินเสียงได้เห็นหน้า ยิ่งทำให้เราสองคนทรมานกับความห่างไกล ผมอยากให้น้องตั้งใจเรียน เพราะนั่นคือความฝันของน้อง เพราะตัวผมรอไม้ได้เสมอ ไม่ว่ามันจะนานแค่ไหนก็ตาม
“ครับพี่มันคนใจร้าย ใจร้ายมากเลยด้วย” ผมบอกพลางลูบผมที่ชื้นเพราะน้ำฝนนั้นอย่างแผ่วเบา อยากจะใช้ทุกสัมผัสถ่ายทอด
ออกไปว่าผมคิดถึงเขามากเหลือเกิน
“ใช่ใจร้าย แต่ทำไมทุกวันผมต้อง คิดถึงคนใจร้ายอย่างพี่ด้วย” น้ำเสียงตัดพ้อปนสะอื้นบอก ก่อนที่ผมจะประคองแก้มใสของอีกฝ่ายด้วยมือทั้งสองข้าง
“พี่ก็คิดถึงไม้มากนะรู้ไหม พี่คิดถึงไม้จริงๆ” ผมบอกพลางกดจูบลงบนกลีบปากบาง
คิดถึง โหยหา ห่วงใย และ รัก….
ทุกสัมผัสนั้นผมอยากจะส่งมันผ่านจูบนี้ อยากจะให้คนๆนี้รู้เหลือเกินว่าเขาสำคัญกับผมมากแค่ไหน ถึงมันจะไม่ใช่จูบที่ลึกซึ้งอะไรแต่มันกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกของเราสองคน จูบ ที่แสดงว่าผมรักคนใน อ้อมกอดนี้มากมายเหลือเกิน
“พี่รักไม้นะ” คำบอกรักที่ผมทำได้เพียงเขียนลงกระดาษตอนนี้ผมได้พูดมันอีกครั้งแล้วสินะ
“ผมก็รักพี่ครับ” น้องบอกก่อนจะโผเข้ากอดผมแน่น
ความห่าง…ไม่เคยทำให้ ความรักของเรา จืดจางลง
ตรงกันข้าม ความห่าง กลับทำให้เราสองคนรู้ว่า อีกฝ่าย มีความสำคัญ มากแค่ไหน
…………………………………………………………………………………
“คิดอะไรอยู่ครับ” เสียงหนึ่งเอ่ยถามก่อนที่คุณเชฟคนเก่งจะมองผมด้วยท่าทางสงสัย
“เปล่าครับ พี่แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย แล้วนี่ทำขนมเสร็จแล้วเหรอ หืม” ผมยิ้มก่อนจะเช็ดแป้งที่ติดอยู่บนแก้มนั้นออกให้ เจ้าเด็กแสบที่วันนี้ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมานิดหน่อยพยักหน้ารับ
“เหลือแค่อบเอง อยู่ในครัวอึดอัดเลยออยากอกมาเดินเล่นข้างนอกบ้าง หรือว่าพี่ต้นมีอะไรปิดบังถึงไม่อยากให้ออกมา” เขาว่าก่อนจะจ้องผมอย่างจับผิด
“คิดมากนะเรา ตั้งแต่เรียนจบกลับมานี่ ขี้หึงขึ้นเยอะนะ” ผมล้อก่นจะได้ค้อนวงใหญ่จากคุณเชฟ
“โอ๋ๆ เดี๋ยวนี้ไอ้แสบนกจจากจะขี้หึง แล้วยังขี้งอนด้วยนะ อารมณ์แปรปวรแบบนี้ ท้องหรือเปล่าให้พี่โทรจองคิวหมอเลยไหม”
“หยึย พี่ต้น ไม่คุยดัวยแล้ว ไปดูเค้กดีกว่า” ไม้บอกก่อนจะเดินกลับเข้าครัวไป ผมยกยิ้มก่อนจะกวักมือเรียกลูกลิงอีกตัวของร้าน
“ฟู่ เกือบไปแล้วไหมล่ะพี่ ถ้าผมไม่บังเอิญตาดีนี่ ความลับแตกนะครับ”
“พี่ต้องขอบคุณแกอย่างสุดซึ้งเลยครับเจ้า ถ้าสำเร็จ เตรียมรับรางวัลอย่างสาสมเลย ไอ้น้อง”
“อย่างสาสมนี่เขาไม่ใช้กับรางวัลนะเว้ยพี่ จะไปก็ไปเลย เดี๋ยวเจ้าคนนี้ ดูหน้าร้านให้ แต่อย่าทำอะไรลูกพี่ผมนะ ลูกค้าเต็มร้านแบบนี้เขาจะเข้าใจว่าร้านเรามีพลังงานบางอย่าง ”
“ไอ้เด็กแก่แดด” ผมพลักหัวไอ้ลูกลิง ก่อนจะแย่งของในมือมันมาถือไว้เอง ก็นะ นานๆทีก็อยากจะสวีทกับแฟนบ้าง
หมับ
“อะไรของพี่เนี่ย” ไม้ดูจะแปลกใจนิดหน่อยที่ผมเข้ามาวุ่นวายในนี้ ปกติก็ไม่ค่อยมาหรอกครับ แต่พอดีวันนี้มันพิเศษ
“เปล่าครับ แค่จะบอกวว่า พี่รักไม้นะ” ผมกระซิบ
“หืม อารมณ์ไหนครับ”
“แค่อยากบอก อยากบกให้ไม้รู้ว่าพี่รักไม้ทุกวัน ”
“ครับ ผมก็รักพี่นะ” เขายิ้มตอบก่อนที่ผมจะกดจูบลงบนปากบางอย่างอดใจไม่ไหว มันไม่ใช่จูบแบบลึกซึ้งอะไรแต่มันกลับทำให้หัวใจผมเต้นแรงได้ทุกครั้ง
“พี่รักไม้นะ”
“แต่งงานกันไหม” ผมบอกก่นจะสวมแหวนลงบนนิ้วนางของอีกคน
“พี่ต้น”
“ว่ายังไง แต่งงานกับพี่นะครับ พี่อาจจะไม่ใช่คนดี อาจจะเคยทำให้ร้องไห้แต่พี่สัญญาว่าจากนี้ไป น้ำตาของไม้จะไม่ไหลเพราะพี่อีกแล้ว” ไม้ไม่ได้ตอบเป็นคำพูดแต่พยักหน้าเบาๆก่อนจะกอดผมแน่น
“ผมรักพี่นะ รักมาตลอด และจะรักตลอดไป”
…………………………….END………………………………….
จ จบ จบแล้ววววววววววววววววววววววววววววววววววว อยากจะตะโกนให้ลั่นโลก
ในที่สุด พิตก็ทำได้ แม้วว่าจะ ลุ่มๆดอนๆ ดุไม่ค่อย สมประกอบ แต่ ซีรีย์ชุดนี่ก็เดินทางมาถึง
ตอนสุดท้ายแล้ว
#ปริ่มแปป
2 ปีกว่าๆ กับ ซีรีย์ สุดนนี้ มีหลายอารมร์เหลือเกิน ทั้ง สุข ทุกข์ เศร้า ร้องไห้ เครียด มันมีทุกรูปแบบ
เป็นนิยายที่คนเขียน แทบจะกระโดดชักโครกฆ่าตัวตายทุกครั้งที่จะพิมพ์
ขอบคุณทุกคนที่ไม่ทิ้งกันไปไหน ขอบคุณทุกคนที่เดินมาถึงวันนี้ด้วยกัน
สุดท้าย คือ รักทุกคนมากๆ จากนี้ไปคงจะเก็บตัวเตรียม นิยาย ชุดใหม่ สักพัก นะคะ
แล้วเจอกันไม่นานเกินรอ นะตะเอง
ปล ิพี่ป๋อง ลงแน่ ค่ะ ลงต่อกันนี่แหล่ะ ไม่ต้องเปิดใหม่หรอกเนาะ เปลือง พื้นที่ คนอื่นเขา