ตอนที่ 6“ปลื้ม...มึงไหวรึเปล่าวะ? หน้ามึงซีดๆ นะ ไม่สบายเหรอ?” คุณเฟรนถามพลางยกมือขึ้นแตะหน้าผากผม ตอนนี้พวกผมกำลังนั่งอยู่ที่ม้าหินอ่อนหน้าตึกคณะเพื่อรอเรียนวิชาเครื่องมือพื้นฐานทางวิศวะฯ ที่วันนี้ต้องมีการลงช็อป แน่นอนว่าถึงผมจะเรียนวิศวะคอมฯ ไม่ได้ใช้เครื่องมือพวกนั้นเท่าไหร่ แต่วิศวะทุกภาควิชาต้องเรียนนี่ครับ เพราะมันเป็นวิชาพื้นฐาน แถมวันนี้ผมยังซวยเจองานตะไบอีกต่างหาก
“แค่นอนไม่พอ ผมไม่เป็นไรหรอกครับ”
หลังจากวันที่ทะเลาะกันวันนั้นก็ผ่านมาเกือบสัปดาห์ จนถึงตอนนี้ก็ยังมึนตึงใส่กัน แค่หน้าหล่อๆ ของพี่โปรดผมก็ไม่อยากจะมอง คนอะไรใจร้ายเป็นบ้า! คืนนั้นหลังจากที่มีอะไรกันเขาขว้างเงินใส่ผม ทำอย่างกะพระเอกหนังเพิ่งมีเซ็กส์กับโสเภณี คงคิดว่าทำอย่างนั้นตัวเองเท่ตายห่า สมองแม่งคงมีปัญหาจริงๆ นึกแล้วโคตรเจ็บใจ ไม่น่าเสียน้ำตาให้คนอย่างนั้นเห็น! แถมวันนี้ทั้งๆ ที่ผมบอกว่ามีเรียนต้องลงช็อป ผมคงหวังมากไปกับความเห็นใจของพี่เขา เพราะเล่นเอาจนเกือบเช้า นั่นเขาคงเห็นใจผมมากแล้วล่ะครับ!
ผมแทบหมดแรงเมื่อหมดชั่วโมง ตะไบเหล็กลงไปได้แค่สองมิล สองมิลจริงๆ สำหรับสังขารของผมในตอนนี้ แต่ลงช็อปห้าชั่วโมงเต็มผมทำได้แค่นี้นับว่าแย่มาก ผมต้องทำหัวค้อนให้เสร็จก่อนจะต้องเวียนไปทำงานกลึงสำหรับทำด้ามจับ แต่ละงานมีเวลาเพียงสองอาทิตย์เท่านั้น และตอนนี้ผมก็ช้ากว่าเพื่อนมาก ความผิดทั้งหมดก็ต้องยกให้ไอ้เหี้ยพี่โปรดล่ะครับ!
ตึ๊ง!
ผมหยิบไอโฟนออกมาจากถุงย่ามเพราะเสียงไลน์ดังขึ้น ไอ้เหี้ยนั่นไลน์มาบอกให้ผมกลับคอนโดฯทันทีหลังจากเลิกเรียน ช่วงนี้แม่งยิ่งบ้ามากขึ้นไปอีกเพราะมันเรียนหนักเข้าสู่วงจรการสอบย่อยวันเว้นวัน ต่อให้ผมกลับผิดเวลาก็ไม่มีเวลามาตามจิกหรอกครับ ไหนจะอ่านหนังสือ ไหนจะสับรางรถไฟ หึ!
‘กวนตีนนะมึง ขึ้นอ่านแล้วแต่ไม่ตอบ กลับห้องเมื่อไหร่มึงโดนแน่’
...ไม่ตอบหรอก ต่อให้ผมตอบห่าอะไรไปก็โดนอยู่ดี ไอ้เหี้ยพี่โปรดปัญญาอ่อนจะตายชัก เดี๋ยวนี้คุยกับผมไม่มีหรอก ปลื้มๆ พี่ๆ เหมือนอย่างเก่า ไม่กูก็มึงนั่นแหละที่คุยกับผม
ผมโยนไอโฟนกลับไปไว้ในถุงย่าม ก่อนจะชวนพวกคุณเปรมไปร้านเค้กของพี่แข
“มึงไม่ทำงานเหรอวะ?” คุณเฟรนถามอย่างแปลกใจ คงเป็นเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ผมเอ่ยปากชวนพวกเขา ที่ผ่านมาไม่ว่าจะกินข้าว กินเหล้า ดูบอล ร้องคาโอเกะ หรือสารพัดเรื่องที่เด็กมหาลัยเขาทำกัน ถ้าเป็นช่วงเวลาตั้งแต่หกโมงเย็นเป็นต้นไป ผมจะปฏิเสธทุกคำชวน
“วันนี้ผมว่างครับ”
“เออๆ ไปๆ งั้นเดี๋ยวแวะไปรับไอ้ติ๊กกันก่อนแล้วกัน”
จากนั้นไม่เกินยี่สิบนาทีพวกผมก็ยกโขยงกันมาที่ร้านของพี่แขที่ยิ้มต้อนรับอย่างใจดี คุณเปรมที่ชอบควงผู้หญิงแก่กว่าออกอาการอยากดองเป็นญาติกับพี่เขมจนออกนอกหน้าจึงโดนพี่เขมตบหัวไปแรงๆ เป็นการต้อนรับ พี่แขหัวเราะเบาๆ ก่อนจะบอกให้พวกผมไปนั่งที่โต๊ะในสวนได้ เพราะเป็นโต๊ะใหญ่ บรรยากาศดี
“ปลื้มเอามะพร้าวนมสดอีกป่ะ?” พี่เขมถามผมขณะที่กำลังรอออเดอร์
“ครับพี่ แล้วก็โกโก้ปั่นเพิ่มวิปปิ้งครีมด้วยนะครับ”
“แล้วพวกมึงจะเอาอะไรก็รีบๆ ว่ามา ไอ้เปรม มึงรีบๆ สั่ง มองพี่กูอีกทีเจอตบ”
พวกผมหัวเราะกับอาการหวงพี่สาวของพี่เขม สั่งเค้กกันคนละชิ้น เครื่องดื่มคนละแก้ว แล้วก็นั่งคุยเรื่องไร้สาระกันไป ส่วนมากผมก็เงียบฟังเขาคุยนั่นแหละครับ คุณติ๊กบ่นให้ผมฟังเรื่องมีคนชอบไปขโมยปลาที่บ่อ ไม่รู้ว่าการเอาป้าย ‘ตกปลา ปรับตัวละ 2000 บาท’ ไปปักไว้ข้างบ่อจะช่วยกันขโมยได้รึเปล่า แต่นั่นคงเป็นวิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่ดีที่สุดระหว่างรอเรื่องขอยามมาเฝ้าบ่อปลาได้รับการอนุมัติจากสโมฯ แล้วล่ะครับ ถึงผมจะคิดในใจว่าสโมฯ ไม่มีปัญญาจ้างยามมาเฝ้าบ่อก็เถอะ
“ไอ้ปลื้ม มึงว่างจนถึงเช้าป่าววะวันนี้ ต้องไปทำงานที่เซเว่นอีกป้ะ?” คุณเฟรนถามเสียงกะตือรือร้น
“ผมว่างครับ”
“ดีเลยๆ ไปดูบอลกับพวกกูป่ะ ร้านหมูกะทะใกล้ๆ หอมึงอ่ะ ไม่ดึกหรอก บอลเตะสี่ทุ่ม ไปนะๆ”
“ไว้ผมไลน์ไปบอกอีกทีนะครับ”
ผมยังไม่กล้ารับปาก ขอลองถามไอ้เหี้ยพี่โปรดดูก่อน ขี้เกียจทะเลาะกับแม่งด้วยเรื่องไร้สาระอีก
คุณเฟรนพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะหันไปรับจานเค้กจากพี่เขมที่กำลังลำเลียงเอามาวางบนโต๊ะ เค้กมะพร้าวนมสดยังอร่อยไม่เปลี่ยน พวกคุณเปรมก็ดูจะติดใจกับรสชาติของเค้กอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะคุณเปรมที่เอ่ยปากชมพี่แขไม่ขาดจนพี่เขมต้องทำหน้าดุขู่อีกหลายรอบ นั่งคุยนั่งกินจนถึงทุ่มครึ่งพวกผมก็แยกย้ายกันกลับ ผมซื้อเค้กนมสดกับมะพร้าวนมสดอย่างละชิ้นติดมือมาด้วย เก็บแช่เย็นไว้กินตอนดึกๆ น่ะครับ เพราะคืนนี้ผมจะเริ่มอ่านหนังสือ ใกล้สอบมิดเทอมแล้ว
ผมนั่งแท็กซี่มาถึงคอนโดพี่โปรดตอนสองทุ่มกว่าๆ เปิดประตูเข้าไปก็เห็นพี่โปรดนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะทำงาน ท่าทางเครียดจัดจนผมไม่กล้าทำเสียงดังรบกวน
“ไปไหนมา” เสียงเรียบๆ เย็นๆ ดังมาจากข้างหลัง ผมปิดตู้เย็นเล็กที่เพิ่งเอาเค้กแช่ไว้ ก่อนจะหันหน้ากลับมามองพี่โปรดที่ดูหงุดหงิดไม่น้อย แต่อารมณ์ระดับนี้ผมพอรับมือไหว
“ไปกินเค้กกับเพื่อน”
“เพื่อนที่ไหน”
“ก็พวกคุณเปรม”
พี่โปรดพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะพูดขึ้นอีกว่า “ไลน์ไปบอกให้รีบกลับ เคยฟังมั่งป่ะ”
“ก็กลับมานี่แล้วไง”
“เดี๋ยวนี้แม่งดื้อกับกูขึ้นทุกวัน”
พี่โปรดผลักหัวผมทีหนึ่งก่อนจะเดินกลับไปอ่านหนังสือต่อ ผมเลยเข้าห้องนอนไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะออกมานอนเล่นที่โซฟา ...แอบมองพี่โปรดอ่านหนังสือเป็นเรื่องที่ผมทำบ่อยๆ ในช่วงนี้ พี่โปรดก็เหมือนจะรู้ตัวนะว่าผมมอง แต่ก็ไม่เห็นว่าอะไร
“พี่โปรด” เสียงเรียกของผมทำให้พี่โปรดหันหน้ามามอง พลางเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่ามีอะไร
“ปลื้มออกไปดูบอลกับเพื่อนนะ”
“ไปทำไม ดูที่ห้องนี่ดิ”
“ก็คุณเฟรนเขาชวน ที่ร้านหมูกะทะใกล้ๆ หอปลื้มอ่ะ พี่โปรดจะได้อ่านหนังสือเงียบๆ ไง คืนนี้ปลื้มจะนอนที่หอ”
“บอกรึยังว่าให้ไป”
“แต่ปลื้มอยากไป”
“อย่ามางี่เง่า”
เออ! ไม่ให้ไปก็ไม่ให้ไปสิครับ ทำหน้าหงุดหงิดใส่ผมตลอด แล้วพี่นั่นแหละที่งี่เง่า ทำไมผมจะต้องมาทนอยู่กับคนแบบนี้ด้วยวะ! แม่งงงง! หงุดหงิดเป็นเหมือนกันนะเว้ย!
ผมไลน์ไปขอโทษคุณเฟรนที่ไม่ได้ไปด้วย เจอคุณเฟรนไซโคมาอีกชุดใหญ่ แต่ทำไงได้ ไซโคยังไงผมก็ไปไม่ได้อยู่ดี เสี่ยโปรดเขาไม่อนุญาตินี่ครับ ไปทำให้โกรธมากๆ เดี๋ยวผมนี่แหละจะโดนดี
“พี่โปรด ปลื้มลงไปกินข้าวข้างล่างนะ” ไปหาข้าวกินดับโมโหดีกว่าครับ
“ซื้อขึ้นมากินบนห้อง”
“แต่...” ผมขี้เกียจล้างจานนี่ครับ กินที่ร้านสะดวกกว่าเยอะ พี่โปรดคงกลัวผมหนีไปดูบอลล่ะสิท่า
“เรื่องเยอะว่ะ! กลับมานี่ถามสักคำไหมว่ากูกินข้าวอะไรหรือยัง แม่ง! จะไปไหนก็ไปไป”
เรื่องถนัดพี่เขาล่ะ ชอบพูดให้ผมรู้สึกผิด แล้วใครมันจะไปตรัสรู้ได้ครับว่ายังไม่ได้กิน เห็นปกติก็พาสาวไปกินข้าวก่อนกลับห้องอยู่แล้ว เผลอๆ กินมากกว่าข้าวด้วยซ้ำ ผมก็นึกว่ากินเรียบร้อยแล้วน่ะสิ!
ผมลงไปซื้อต้มยำกุ้ง ต้มจืดเต้าหูหมูสับ กับพะแนงไก่ ลอดช่องกะทิอีกสองถุง แล้วขึ้นห้องมาจัดการหุงข้าว นอกจากต้มมาม่าแล้วผมก็ทำเป็นแค่หุงข้าวนี่แหละครับ ผมจัดโต๊ะเรียบร้อย ข้าวสุกก็เรียกพี่โปรดมานั่งกินด้วยกัน หน้าตึงๆ นั่นทำให้ผมต้องตักกับข้าวให้อย่างต้องการให้รู้ว่านี่ง้อนะ ผิดไปแล้ว ขอโทษอะไรประมาณนั้น
“เหนื่อยเหรอครับ” ถามสักหน่อย เผื่อจะเลิกทำหน้าตึงๆ สักที
“อืม”
“พี่โปรดกลับมานานยัง”
“หกโมง”
“วันนี้ไม่มีนัดเหรอ”
“สี่ทุ่ม”
ทั้งๆ ที่ตัวเองก็มีนัดแต่ก็ห้ามไม่ให้ผมไป โธ่! ไอ้เหี้ย! ยุติธรรมมากครับมึง!
“งั้นปลื้มไปดูบอลนะ”
“มึงต้องอยู่เฝ้าห้อง ใกล้มิดเทอมแล้วอ่านหนังสือซะบ้าง”
“พี่โปรดไปได้ แล้วทำไมต้องให้ปลื้มอยู่”
“มึงอย่าดื้อได้มั้ยวะ!”
“พี่โปรดก็อย่าไปสิครับ”
“คนนี้กูเพิ่งได้ ต้องเอาใจหน่อย มึงอยู่ห้องเป็นเด็กดีน่า”
ผมเลยเงียบอย่างคนไม่รู้จะพูดอะไร ผมไม่มีสิทธิ์ห้ามอะไรได้ เพราะพี่โปรดยืนยันชัดแล้วถึงจุดยืนของผมว่าผมเป็นของพี่โปรด แต่พี่โปรดไม่ใช่ของผม ...ผมทำได้แค่รอเวลาให้เขาเบื่อ แล้วปล่อยผมไปซะที ผมมีความสุขมากที่ได้อยู่กับคนที่ผมรักแต่ผมก็ทำเป็นไม่รู้สึกถึงความทุกข์ใจที่มันก็มีมากพอๆ กับความสุขไม่ได้เหมือนกัน
ผมเก็บถ้วยเก็บจานไปล้างแล้วมานอนดูทีวีที่โซฟา พอใกล้สี่ทุ่มพี่โปรดก็แต่งตัวหล่อออกจากห้องไป ผมเลยปิดทีวีแล้วเข้านอน คงเกือบเช้านู่นแหละครับกว่าพี่โปรดจะกลับมา เพราะผมเคยนั่งรออยู่หลายครั้งแต่ก็พบว่าต้องนอนที่โซฟายันเช้าทุกครั้งเลย เรียนรู้จากความโง่เราจะได้ฉลาดขึ้นครับ แต่ผมก็ไม่เถียงหรอกนะว่าถึงผมจะรู้ว่าเขาทำเลวกับผมไว้ยังไงแต่ผมก็ยังรักเขาอยู่ดี
ผมนอนไปได้สักพักแต่ก็ต้องตื่นเพราะเสียงสั่นของมือถือที่ดังครืดๆ อยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียง เบอร์โทรเข้าพร้อมกับรูปผู้หญิงที่ผมคุ้นหน้าเป็นอย่างดีโชว์ขึ้นมาพร้อมกัน
‘Yindee’
ทำไม...พี่สาวผม...
ผมรู้ได้ทันทีว่าพี่โปรดหยิบไอโฟนของผมไปแล้วทิ้งของตัวเองไว้ที่ห้อง ...หัวใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะ มันทั้งกลัว ทั้งเจ็บ ผสมปนเปกันไปหมด ถ้าผู้หญิงที่พี่โปรดบอกว่าเพิ่งได้...ต้องเอาใจ เป็นพี่สาวของผมล่ะ...ผมจะทำยังไง?
ผมกดรับสายเมื่อพี่ยินดีโทรเข้ามาเป็นครั้งที่สาม
“โปรด ทำอะไรอยู่น่ะ ทำไมรับช้า”
“เอ่อ พี่โปรดลืมมือถือไว้ครับ”
“อ้าว! แล้วไม่ทราบว่าฉันกำลังพูดสายอยู่กับใครคะ? แต่เสียงคุ้นๆ แฮะ”
“ผมเป็นรุ่นน้องที่มหาลัยครับ”
“อ๋อ...แต่เสียงคุ้นจริงๆ นะ เอาเถอะ พี่ฝากบอกมาโปรดด้วยนะว่าพรุ่งนี้มีนัดกินข้าวกับที่บ้าน ให้ไปรับพี่ที่โรงพยาบาลด้วย”
“ได้ครับ”
“อ้อ พี่ชื่อยินดีนะคะ อย่าลืมบอกมาโปรดน้า สวัสดีค่ะ”
“ครับ...สวัสดีครับ”
ผมโล่งใจไปนิดหน่อยที่พี่ยินดีไม่ใช่ผู้หญิงที่พี่โปรดนัดไว้คืนนี้ แต่แน่นอนว่ายังหนักใจอยู่มากกับประโยคที่บอกว่า ‘นัดกินข้าวกับที่บ้าน’ นั่นหมายถึงอะไร พวกเขาสนิทกันขนาดไหน เรื่องรู้จักไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะเรียนคณะเดียวกัน คงรู้จักกันตอนรับน้อง เลี้ยงสาย หรืองานใดงานหนึ่ง แต่ขนาดที่ต้องไปกินข้าวที่บ้านนี่...ผมว่าความสำคัญของพี่ยินดีคงมีมากพอสมควร
ด้วยเพราะมีเรื่องกังวลทำให้ผมนอนไม่หลับ ผมตัดสินใจลงไปเดินเล่นที่ตลาดโต้รุ่งใกล้ๆ คอนโดฯ เดินซื้อของกินไปเรื่อย แวะเซเว่นเข้าไปยืนอ่านนิตยสาร หยิบติดมือมาหนึ่งเล่ม พร้อมกับกดน้ำแดงใส่กัฟแก้วใหญ่ จ่ายตังค์ที่เคาท์เตอร์เสร็จก็มานั่งกินหน้าเซเว่น มองรถราที่ขับผ่านไปมาก็เพลินตาดีเหมือนกัน ผมว่าผมชอบบรรยากาศตอนกลางคืนนะ มันไม่ร้อนเหมือนตอนกลางวัน แต่ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืนดูเหมือนคนที่นี่จะไม่รู้จักหลับจักนอน คนยังคึกคักเหมือนตอนกลางวันไม่มีผิด
ผมเดินดูดกัฟน้ำแดงมาตามทางกลับคอนโดฯ แวะซื้อกาแฟเย็นแก้วใหญ่ฝากลุงยามหน้าประตูคอนโดฯ ที่กำลังนั่งหน้าง่วงอยู่ คุยกับลุงยามถามไถ่กันเล็กน้อย ลุงแกก็บ่นให้ผมฟังเหมือนทุกวัน เรื่อยเปื่อยแต่ไม่น่าเบื่อ กว่าผมจะกลับถึงห้องก็ปาเข้าไปเกือบตีสี่
“มึงไปไหนมา!” ปั๊ด! แจ็คพ็อต! ไอ้เหี้ยพี่โปรดยืนตีหน้ายักษ์อยู่กลางห้อง แม่งกลับมาเร็วนะวันนี้ อิสตรีคนใหม่ไม่จรรโลงใจท่านหรืออย่างไรครับ
“ไปเดินเล่นแถวนี้”
“นี่เวลากูไม่อยู่มึงเที่ยวแรดไปทั่วใช่มั้ย ห้ะ! กลับมาเอาตีสี่ มึงบ้าป่ะปลื้ม!”
ผมเพิ่งไปวันนี้เองนะ จริงๆ แต่พูดไปมีเหรอคนที่โกรธจนหน้ามืดตามัวอย่างพี่โปรดจะเชื่อ
“พี่โปรดก็เพิ่งกลับมาไม่ใช่เหรอครับ”
“มึงยังมีหน้ามาเถียง!”
“พี่โปรดก็ทำ แล้วมาว่าคนอื่นอย่างนี้ใช้ได้ที่ไหน”
“กูทำได้ แต่มึงห้ามทำ! มึงอยากให้กูตีมึงใช่มั้ย ถึงจะฟังที่กูพูด!”
กวนตีนชิบหายครับไอ้สัด! บ้ามากไอ้พี่โปรด มึงชักจะบ้าเกินไปแล้ว นี่ผมเป็นคนนะครับ ไม่ใช่หมาที่แม่งอยากขังให้อยู่ในห้องก็ขัง ส่วนตัวเองออกไปหาความสุขอยู่ข้างนอกโน่น! แม่งงงง จัญไรมากไอ้ควายยยย!
ผมวางแก้วกัฟลงบนโต๊ะได้ทัน ก่อนที่พี่โปรดจะกระชากแขนผมแรงๆ แล้วเหวี่ยงลงบนโซฟา เออ! ผมควรขอบใจพี่ป่าวครับที่ไม่เหวี่ยงผมลงพื้น ไอ้เหี้ยเอ้ย!
“อะไรนักหนาวะ! พี่จะเอายังไงกับผม!”
“ตัวเล็กเท่าลูกหมา กล้าปากดีกับกูเหรอ!”
ผมย่นคอ หลับตาแน่น เพราะเห็นพี่โปรดทำท่าเหมือนจะฟาดมือลงมา แต่คงแค่ขู่ไปอย่างนั้นเพราะผมไม่เจ็บไม่ปวดตรงไหนเลย จากนั้นต่างฝ่ายก็ต่างเงียบ ผมพยายามทำใจให้เย็นลงเพราะมองไม่เห็นผลดีที่ผมจะทะเลาะกับเขาต่อ ในขณะที่พี่โปรดเดินไปนั่งอ่านหนังสือที่โต๊ะทำงาน ดูก็รู้ว่าแม่งโกรธผมมาก ก็คงจะคิดว่าตัวเองโกรธเป็นอยู่คนเดียวนั่นแหละครับ ที่ทะเลาะกันผมก็ไม่ใช่คนเริ่ม ด่าว่าผมเจ็บๆ ก็ไม่เคยขอโทษสักคำ แต่ทุกครั้งจบลงที่ผมเป็นฝ่ายขอโทษเสมอ
และครั้งนี้ก็เช่นกัน...ผมอาจจะผิดล่ะมั้งครับ พี่โปรดถึงโกรธขนาดเกือบตีผม
ผมเดินเข้าไปกอดคอพี่โปรดจากข้างหลัง “ขอโทษครับ”
“....”
“ไม่ทำอีกแล้วครับ”
พี่โปรดหันมาหอมแก้มผม ก่อนจะดึงตัวผมให้นั่งลงที่ตัก “ถ้ามีครั้งหน้า พี่จะล่ามปลื้มไว้”
“ครับ”
ดูก็รู้ว่าพูดจริง ผมเลยคิดว่าจะไม่เสี่ยงให้มีครั้งหน้า ถ้าจะทะเลาะกับพี่โปรดก็ต้องบ้าให้มากกว่าพี่เขา แต่บังเอิญว่าผมยังไม่บรรลุถึงขั้นนั้นเลยยอมแพ้ดีกว่า
“เมื่อตอนห้าทุ่มพี่ยินดีโทรมา ฝากบอกว่าให้พี่ไปรับที่โรงพยาบาล มีนัดทานข้าวกับที่บ้าน”
“อืม”
“พี่โปรด”
“ว่า?”
“พี่ยินดี...”
เหมือนพี่โปรดจะรู้ว่าคำถามของผมคืออะไร เพราะเขายิ้มเล็กน้อยก่อนจะตอบว่า “ป้ารหัสพี่ แล้วแม่พี่กับแม่พี่ยินดีเป็นเพื่อนกัน เขาเลยอยากให้ลูกๆ หมั้นกัน”
“งั้นพี่โปรดก็...”
“แค่เรื่องที่ผู้ใหญ่เขาพูดกันน่า พี่ยินดีเขาก็มีแฟนแล้ว ส่วนพี่ก็ยังไม่คิดจะหาห่วงผูกคอหรอก เดี๋ยวสาวๆ จะร้องไห้เสียใจ”
ผมนึกถึงเรื่องที่พี่เขมบ่นให้ฟังขึ้นมาทันที งั้นพี่ยินดีกับพี่เขมก็...เป็นแฟนกัน? ชะ!!! ผมต้องระวังเรื่องที่ไปร้านเค้กของพี่แขซะแล้วล่ะ เกิดวันดีคืนดีพี่ยินดีโผล่มา ผมได้จบเห่แน่!
ผมคิดอะไรไปพลางๆ ปล่อยให้พี่โปรดแทะๆ เล็มๆ กับร่างกายผมได้ตามสบาย เขาบ่นนิดหน่อยที่ผมกินน้ำอัดลม เรื่องอาหารการกินนี่พี่โปรดดูจะจริงจังมากยกเว้นเวลาหิวที่อะไรพี่ท่านก็ยัดลงท้องได้หมด เมนูต้มมาม่าของผมก็ได้แสดงให้พี่ท่านได้กินบ่อยๆ เพราะช่วงที่อ่านหนังสือดึกๆ ชอบบ่นหิวแล้วผมก็ทำอะไรไม่เป็นนอกจากต้มมาม่า บอกให้ซื้อข้าวที่เซเว่นมากินก็ไม่เอา ก็เลยหนีไม่พ้นของไม่มีประโยชน์นั่นแหละ แต่ผมก็ใส่ไข่ใส่ผักใส่หมูให้นะ
“คิดอะไรอยู่ครับ...หืม..ไม่สนใจพี่เลย”
อืม...เวลาอย่างนี้นะ พูดเพราะตลอด พี่โปรดเวลาได้ทำอะไรกับร่างกายผมนี่จะดูมีความสุขมาก ขอเดือนขอดาวพี่เขาก็คงไปหามาให้จนได้ล่ะมั้ง
“พี่โปรด...เวลาปลื้มอยากไปไหน ทำไมพี่โปรดไม่อนุญาตบ้างเลยอ่ะ”
“ก็พี่ไม่ได้ไปด้วย”
“ปลื้มไปกับเพื่อน อยากไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าง”
“พี่ไม่ไว้ใจ”
“ปลื้มไม่ได้มีใครเลยนะ ปลื้มมีแต่พี่โปรดคนเดียว”
“ก็ลองไปมีคนอื่นดูสิ พี่เอาตาย! ตายทั้งปลื้ม ตายทั้งมันนั่นแหละ”
ผมว่าขอเรื่องนี้คงไม่สำเร็จ เผลอๆ อารมณ์เสียขึ้นมาผมจะตายเอา
“ปลื้มเป็นของของพี่ เป็นของที่แบ่งให้ใครไม่ได้ เข้าใจมั้ย”
แต่ผมเป็นคนนะครับพี่โปรด...ไม่ใช่สิ่งของ ผมเลือกจะเก็บคำพูดที่อยากจะพูดออกไปจริงๆ ไว้ ก่อนจะเลือกตอบสิ่งที่พี่โปรดอยากได้ยินจากผม
“เข้าใจครับ”
แต่ผมก็ไม่แน่ใจนะครับพี่...ว่าจะยังเข้าใจพี่ไปได้อีกนานแค่ไหน...
..........................................................To be continue............................................................
โอ้พี่โปรดน่าเบื่อ งี่เง่า
แล้วนี่ปลื้มทำไรนี่ไม่เห็นเข้าใจเลย เงินพ่อแม่ก็มีทำไมไม่ใช้
ชิ ขัดใจ ขัดใจ 
ขอตอบความคิดเห็นนี้นะคะ ...น้องปลื้มหนีออกจากบ้านนะคะ น้องไม่ได้รับความช่วยเหลือจากครอบครัวอย่างที่เขียนไว้แล้วตั้งแต่ตอนที่ 1 
ฝากตอนนี้ไว้ด้วยค่ะ 
มีแต่คนไม่ชอบพี่โปรดแฮะ
สงสารเสี่ย *มาๆ กอดปลอบ*


ทุกคนน่ารักมาก ขอบคุณที่ให้กำลังใจค่ะ
จะรีบปั่น
