ตอนที่ 5กลับมาถึงห้องผมก็เก็บเสื้อผ้าไปซัก แล้วกลับมานั่งคิดงานส่งอาจารย์ที่ให้ไฟนอลโปรเจ็คมาเมื่อคาบเรียนที่แล้ว ทั้งๆ ที่เพิ่งส่งมินิโปรเจ็คก่อนมิดเทอมไปได้แค่สองสามวัน คราวนี้เป็นโปรเจ็คคู่ซึ่งผมทำคู่กับคุณเปรม ส่วนคุณกิมจับคู่กับคุณเฟรนเหมือนๆ ทุกครั้ง ผมว่าจะคิดโปรแกรมสักสองสามโปรแกรมให้คุณเปรมพิจารณาก่อนแล้วค่อยเอาหัวข้อไปเสนอให้อาจารย์อีกที แต่ตอนนี้สมองผมไม่ค่อยแล่นแฮะ...ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ใบหน้าหล่อระดับตำนานของพี่โปรดถึงคอยแต่จะรบกวนความคิดของผมอยู่เรื่อย
พี่โปรดจะกลับคอนโดฯรึยัง...
ตอนนี้ทำอะไรอยู่กับใครที่ไหน...
จะโวยวายรึเปล่าที่รู้ว่าผมไม่ได้ไปที่คอนโดฯตามที่สั่ง...
คำถามเหล่านี้วนเวียนอยู่ในหัวผมเต็มไปหมด...
ห้าทุ่มโดยประมาณ ไอโฟนที่วางอยู่บนที่นอนแข็งๆ ของผมก็สั่นเตือนว่ามีคนโทรเข้า เบอร์ของพี่โปรดโชว์อยู่บนหน้าจอ ผมทำใจเล็กน้อยก่อนจะกดรับสาย
“อยู่ไหน!!” ฟังจากน้ำเสียงผมก็รู้ว่าพี่โปรดในโหมดนี้ไม่ควรจะงี่เง่าใส่
“หอครับ”
“พี่บอกให้รออยู่ที่คอนโด แล้วไปทำบ้าอะไรที่นั่นวะ!”
คำถามโง่ๆ ของพี่โปรดทำให้ความหงุดหงิดของผมเริ่มก่อตัว ก็นี่ห้องผม ผมอยู่ที่นี่มันแปลกตรงไหนครับ? ถ้าไปอยู่คอนโดพี่น่ะสิ ถึงต้องถามว่าผมจะไปทำบ้าอะไรที่นั่น!
“พี่โปรดใจเย็นๆ สิครับ...ปลื้มไม่มีกุญแจห้องพี่นะ”
ผมอ้างไปอย่างนั้น เพราะเห็นกุญแจห้องพี่โปรดนอนอยู่ในถุงย่ามของผมพร้อมกับคีย์การ์ด แต่เรื่องอะไรผมจะต้องไปรอเขาที่ห้องด้วย นั่งรอให้เขากลับจากไปเที่ยวกับผู้หญิงอย่างนั้นเหรอ? นิยายไปป่ะครับมึง!
“ทำไมไม่รู้จักดูในกระเป๋าตัวเองวะ! พี่ใส่กุญแจกับคีย์การ์ดไว้ให้แล้ว งี่เง่าเอ้ย!”
“ก็แล้วทำไมพี่โปรดไม่บอกล่ะ อย่าโมโหสิครับ เดี๋ยวปลื้มไปหาพี่ตอนนี้เลยก็ได้นะ”
“ไม่ต้องมา เดี๋ยวพี่ไปรับ”
“ครับ”
ผมกดวางสายแล้วขว้างไอโฟนลงบนที่นอนอย่างหงุดหงิด ไอ้เหี้ยพี่โปรดมันยังมีหน้ามาโมโหผมอยู่เหรอครับ โทรมาเอาตอนห้าทุ่ม แล้วหมาตัวไหนแม่งบอกจะมารับไปกินข้าว! ตลกมากไปแล้วไอ้สัดบ้านพี่เหรอครับแดกข้าวตอนห้าทุ่ม!
ผมเก็บข้าวของของตัวเองโยนใส่กระเป๋าอย่างโคตรมีน้ำโห ไอ้เหี้ยแม่งปัญญาอ่อนมาก ทำตัวอย่างนี้คิดอยู่เหรอครับว่าจะยังมีใครอยากได้ เออ! ไม่เถียงหรอกว่าความจริงผมก็อยากได้พี่เขาอยู่! แต่มากไปก็ไม่ไหวนะ แม่งเยอะอ่ะ นิสัยแบบนี้ผมแนะนำล่ามคอผมแล้วขังไว้ในห้องเถอะ ขี้เกียจทะเลาะกับแม่ง เสียเวลาเสียสุขภาพจิต!
พี่โปรดหน้าโคตรบึ้งเมื่อผมขึ้นไปนั่งบนรถ ผมเหวี่ยงกระเป๋ากับถุงย่ามของตัวเองไปไว้บนเบาะหลังอย่างไม่ใส่ใจ กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ที่ไม่ใช่กลิ่นของพี่โปรดลอยคลุ้งอยู่ในรถทำให้ผมเลือกที่จะมองวิวข้างทางแทนการมองหน้าหล่อๆ ของพี่โปรด
“จะกินข้าวร้านไหน”
“ผมกินแล้วครับ”
“ก็บอกให้รอกินพร้อมกัน”
“พี่โปรดยังไม่อิ่มอีกเหรอครับ”
พี่โปรดจอดรถเข้าข้างทาง ก่อนจะหันมามองหน้าผมนิ่ง “เป็นอะไร”
“เปล่าครับ”
“เป็นอะไรก็บอกสิวะ! ทำตัวงี่เง่าอยู่ได้”
ผมว่าไอ้เหี้ยพี่โปรดนี่คงได้ตีกับผมสักรอบ คำก็งี่เง่า สองคำก็งี่เง่า แม่งไม่ดูตัวเองเลยว่าทำตัวปัญญาอ่อนขนาดไหน!
“พี่โปรดสิงี่เง่า ปลื้มบอกไม่ได้เป็นอะไร แล้วจะตะคอกทำไมครับ!”
“ขึ้นเสียงอีกครั้ง โดนดีแน่”
“ทีพี่โปรดยังตะคอกปลื้มได้ ปลื้มทำอะไรให้รึไง ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ!”
“มึงหยุดเดี๋ยวนี้นะปลื้ม!” พี่โปรดชี้หน้าผม ท่าทางโมโหจัดนั่นทำให้ความหงุดหงิดของผมหายไปฉับพลัน ขืนผมยังเสียงดังไปมากกว่านี้ได้ตายไม่รู้ตัวแน่ ผมจึงได้แต่นั่งเงียบ ในขณะที่พี่โปรดหันไปออกรถด้วยความเร็วที่คาดว่าถ้ามีรถสิบล้อตัดหน้าผมคงตายคาที่
“ทำตัวดีๆ อย่าให้พี่หมดความอดทน” พี่โปรดว่าก่อนจะเลี้ยวรถเข้าไปจอดที่ลานจอดรถของผับระดับรอยัล พรีเมี่ยมแถวๆ หลังมอ
ผมเดินตามพี่โปรดเข้าไปในผับที่มีการ์ดคอยตรวจบัตรอยู่หน้าประตู แต่ที่ตรวจไม่ใช่บัตรประจำตัวประชาชนหรอกครับ เป็นบัตรสมาชิกที่ถ้าไม่มีผมก็คิดว่าคงถูกหิ้วไปทิ้งหลังร้านเป็นแน่ ในผับก็ไม่ต่างจากที่ผมคิดเท่าไหร่ ดูหรูหรา ไฮโซ สมฐานะของลูกค้าที่มีปัญญาเป็นสมาชิก พี่โปรดพาผมเข้าไปนั่งที่โซฟาสีแดงชุดใหญ่ที่มีผู้ชายไม่ต่ำกว่าสามคนนั่งดื่มเหล้าเคล้านารีกันอยู่ หน้าตาแต่ละคนจัดว่าเกรดเอ ผู้หญิงที่คลอเคลียด้วยก็ระดับนางฟ้านางสวรรค์ ถึงจะนุ่งน้อยห่มน้อยกันไปหน่อย แต่ก็นั่นแหละครับ ของดีก็คงมีไว้โชว์
“กว่าจะโผล่หน้ามาได้นะไอ้เสี่ย ไปไหนมาวะ! แล้วไอ้แว่นนั่นใคร” พี่หน้าตี๋ทักพี่โปรดขึ้นเป็นคนแรก ก่อนที่ตาชั้นเดียวคู่นั้นจะมองมาทางผมอย่างสงสัย
“รุ่นน้องกู”
“รุ่นน้อง? เออว่ะ หน้าแม่งเอ๋อขนาดนี้ ไม่พ้นเรียนหมอ”
“ไอ้เด็กนี่เรียนวิดวะ ภาคเดียวกับไอ้เปรมมัน”
“อ๋ออออออ เพื่อนไอ้เปรมนี่เอง มาๆ น้อง นั่งก่อนครับ”
พี่โปรดดูจะเป็นจุดศูนย์รวมของเพื่อนๆ เพราะพอทุกคนรับรู้การมาถึงของพี่ท่านก็ผลัดกันเข้ามาขอชนแก้วไม่ขาดสาย ไม่เว้นแม้กระทั่งพวกผู้หญิงที่ผมก็เห็นนั่งคลอเคลียอยู่กับเพื่อนพี่โปรด แต่สายตาพวกนางแทบจะเข้าสิงพี่โปรดกันอยู่แล้ว
แน่นอนว่าระดับพี่โปรดแล้วคงไม่นั่งให้ไอ้แว่นอย่างผมคลอเคลียให้หมดราคาหรอกครับ นู่น ไม่รู้ว่าไปเข้าห้องน้ำอีท่าไหนถึงได้มีสาวสวยสุดเซ็กซี่ในชุดเดรสเกาะอกสีดำติดมาด้วย แล้วตอนนี้ก็เลื้อยพันแข้งพันขากันอยู่ข้างๆ ผมนี่ไง
ไม่พากันไปเอาให้หายอยากเลยละครับ! ห้องน้ำก็ได้ ในรถก็ได้ ไม่ใช่มาประเจิดประเจ้อต่อหน้าผมอย่างนี้
“ปลื้มคร้าบบบ ชนกับพี่หน่อยเร็ววววว” พี่โขง เพื่อนสมัยมอปลายของพี่โปรด เรียนอยู่คณะเดียวกับผมแต่ภาคเครื่องกลกำลังชวนผมชนแก้วเป็นรอบที่เก้า
พี่โขงแกนั่งอยู่โซฟาอีกตัวหนึ่ง ไม่ห่างจากผมเท่าไหร่ แกนิสัยดีครับ ดูเข้ากับคนง่าย เห็นผมนั่งเงียบๆ คนเดียวก็ชวนชนอยู่เรื่อย จนตอนนี้สติพี่โขงเริ่มจะขาดๆ เกินๆ แล้ว
“ครับๆ ชนครับชน”
“ปลื้มน่ารักจังเลยคร้าบบบ อิอิ”
“พี่โขงก็หล่อมากครับ”
พี่โขงหัวเราะอย่างชอบใจ ในขณะที่ผมนิ่วหน้าเล็กน้อยเพราะโดนมือของใครสักคนบิดเข้าที่เอว หันไปมองก็เจอสายตาดุๆ ของพี่โปรดที่ตอนนี้สาวเซ็กซี่คนนั้นเริ่มออดอ้อนเรียกร้องเสียงอ่อนเสียงหวานว่าเสี่ยคะเสี่ยขาอย่างน่าหมั่นไส้
“เปนรายยยคร้าบบบปลื้มมม”
“มดกัดน่ะครับ”
“หนายยย มาให้พี่ดูหน่อยยย กัดตรงหนายยยย”
พี่โขงจะปีนข้ามโซฟามาหาผม แต่ดีที่พี่วีที่นั่งอยู่ข้างๆ ช่วยดึงตัวเอาไว้ก่อน พี่วีเรียนบัญชีอินเตอร์อยู่อีกมหาลัยหนึ่งครับ แต่ดูเหมือนวันนี้จะโดนเสียงไซโคจากเพื่อนๆ ให้ต้องขับรถมาไกลถึงที่นี่ เห็นบ่นให้ผมฟังเบาๆ ว่าพรุ่งนี้มีเรียนเช้าแต่จะไม่มาก็ไม่ได้ ไม่งั้นโดนเลิกคบ ผมได้แต่หัวเราะแล้วก็ชนแก้วเป็นกำลังใจให้พี่แกไปหน่อย
“ไอ้โขงเมาแล้วกวนตีนนะมึง” พี่โปรดว่าเสียงเข้มก่อนจะล็อคคอผมแล้วดึงให้ออกห่างจากพี่โขง
“เอาน่ามึง ปล่อยมันสักวัน มันเพิ่งโดนกิ๊กคนที่ห้าร้อยบอกเลิกมา สงสารมันหน่อย” พี่วีแก้ตัวให้พี่โขงอย่างขำๆ
“น่าสงสารตายห่าล่ะมัน”
“อารมณ์เสียอะไรของมึงวะโปรด เอ้าๆ ชนกับกูหน่อย” พี่หน้าตี๋ที่แนะนำกับผมว่าชื่อพี่เทพยื่นแก้วมาให้พี่โปรดที่รับไว้แล้วกระดกรวดเดียวหมดแก้ว
“บอกให้ทำตัวดีๆ” พี่โปรดกระซิบข้างหูผม ก่อนจะกัดเข้าที่ติ่งหูผมเบาๆ ผมย่นคอเล็กน้อยแล้วขยับตัวออกห่างพี่โปรดเพราะพี่วีกำลังมองอยู่ อีกอย่างเสียงแหลมๆ ของแม่นกแก้วปากแดงนั่นก็แทบจะทำหูผมบอด นางโวยวายใส่พี่โปรดอย่างมีจริตเพราะไม่ได้รับความสนใจ
“ผมไปห้องน้ำนะครับ”
“งั้นพี่ไปด้วยครับปลื้ม”
พี่วีเดินตามหลังผมมา ที่ห้องน้ำคนไม่เยอะเท่าไหร่ ผมฉี่เสร็จก็รอพี่วีที่เข้าไปฉี่ในห้อง ผมถอดแว่นเพื่อล้างหน้าล้างตา รู้สึกง่วงนอนเล็กน้อยจึงต้องทำให้สดชื่นหน่อยเพราะดูท่าแล้วพี่โปรดคงจะไม่กลับง่ายๆ พี่วีทำธุระเสร็จก็มายืนล้างมืออยู่ข้างๆ ผม แต่ผมไม่ค่อยเห็นหน้าพี่วีเท่าไหร่หรอกครับ เวลาไม่ได้ใส่แว่นภาพในโฟกัสสายตาผมจะเบลอ มองงูเป็นหนอนก็เคยมาแล้ว
“สนุกมั้ยปลื้ม”
“ก็สนุกดีครับ”
“พี่เห็นปลื้มนั่งเงียบตลอด นึกว่าไม่สนุก”
“ผมเป็นคนคุยไม่เก่งน่ะครับ”
ผมควานหาแว่นตาที่วางไว้ตรงขอบอ่างล้างหน้าแต่ไม่เจอ พี่วีหัวเราะเบาๆ แล้วเป็นคนเอามาใส่ให้แทน รอยยิ้มสวยๆ ของพี่วีทำให้ผมยิ้มตามได้ไม่ยาก ใบหน้าสวยในระยะสายตาทำให้ผมเผลอจ้องมองอยู่นาน ใช่ครับ...พี่วีเป็นผู้ชายหน้าสวย ถึงจะสูงกว่าผม แต่ก็ไม่ได้สูงมีกล้ามเหมือนพี่โปรด แต่เป็นรูปร่างสูงบางน่ามอง
“ทำอะไรกัน!” เสียงเข้มของพี่โปรดดังขึ้นพร้อมกับแรงกระชากตรงแขน ผมเซไปปะทะกับอกของใครบางคนที่ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเป็นเจ้าของเสียงเข้มนั่น
“กูจะทำอะไรได้วะ แค่ใส่แว่นให้น้อง” พี่วีว่าพลางมองหน้าพี่โปรดอย่างสงสัย “ทำไมมึงต้องโมโห”
“กูจะกลับแล้ว บอกไอ้พวกนั้นด้วยละกัน” พี่โปรดไม่ยอมตอบคำถาม แต่กลับลากผมให้เดินตาม
“อ้าว!” ผมได้ยินเสียงพี่วีร้องแค่นั้น ก่อนจะเดินตามแรงลากของพี่โปรดที่ไม่รู้จะรีบไปตามควายที่ไหน ถึงรถก็ยัดผมเข้าไปอย่างไม่สนว่าหัวผมจะชนกับขอบประตูหรือหัวเข่าจะกระแทกโดนอะไร ปิดประตูดังปังแล้วก็รีบมาขึ้นฝั่งคนขับ ออกรถด้วยความเร็วที่ผมอยากจะส่งไปเป็นตัวแทนทีมชาติแข่งรถซะจริงๆ
“พี่โปรด...”
“มึงนั่งเงียบๆ ไปเลยปลื้ม! กูยังไม่อยากได้ยินเสียงมึง!”
แน่นอนครับว่าผมปิดปากสนิทจนมาถึงคอนโดเลยทีเดียว ไม่บ่อยหรอกที่พี่โปรดจะขึ้นมึงขึ้นกูกับผม พี่ท่านไปแดกรังแตนที่ไหนมาอีกล่ะครับ? หรือแม่เสือสาวสุดเซ็กซี่นั่นจะไม่เร้าใจจนต้องอารมณ์เสีย สุดจะคาดเดาได้กับท่านมาโปรดเขาจริงๆ แต่ด้วยเหตุผลงี่เง่าอะไรก็ช่าง คนที่ซวยต้องเจอกับพายุอารมณ์ของพี่ท่านก็คงจะเป็นผมนี่แหละ!
.
.
.
เป็นเช้าที่ไม่แจ่มใสสำหรับผมเท่าไหร่นัก ผมนอนคว่ำหน้าอยู่กับที่นอน แค่กระดิกนิ้วตีนก็ยังรู้สึกว่าร้าวไปถึงสะโพก เวลาพี่โปรดโมโหนี่โคตรน่ากลัว ไม่ฟังอะไรสักอย่าง ใส่ได้ก็ใส่ไม่ยั้ง ทั้งๆ ที่โมโหเพราะผมรึเปล่าจนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้ เล่นผมหนักอย่างกะผมเป็นตุ๊กตายาง ตื่นขึ้นมาก็อาบน้ำไปเรียนโดยไม่พูดกับผมสักคำ
นี่ถามจริงๆ ผมมันเป็นตัวอะไรวะ?
ผมนอนต่อจนถึงเที่ยง พอจะขยับเขยื้อนตัวไปอาบน้ำหาอะไรกินได้บ้าง ข้างๆ คอนโดมีของกินขายอยู่เยอะเลยครับ ก็แน่ล่ะ นี่มันทำเลทอง ตั้งอยู่ใจกลางเมือง เดินไม่กี่ก้าวก็เซเว่น เดินไกลอีกสักหน่อยก็เจอบิ๊กซี ผมไม่ต้องกลัวอดตายหรอกครับถ้ามีเงินพอจะซื้อกิน
ผมซื้อก๋วยเตี๋ยวต้มยำขึ้นมากินบนห้อง เปิดดูรายการตลกไปด้วย ถึงมุกมันจะฝืดไปหน่อย แต่บางมุกก็เล่นเอาผมสำลักน้ำก๋วยเตี๋ยวน้ำหูน้ำตาไหลเลยทีเดียว
พี่โปรดกลับมาตอนบ่ายสามซึ่งผมกำลังนอนคว่ำหน้าดูทีวีอยู่ที่โซฟา พี่ท่านก็ไม่ได้งี่เง่าอะไรใส่ผมมากหรอกครับ แค่ถามเสียงแข็งๆ ว่ากินอะไรรึยัง แค่นั้นก็หอบหนังสือออกจากห้องไป ไม่รอฟังคำตอบจากผมสักคำ สงสัยคงถามไปตามมารยาทมั้งครับ
ผมเคลิ้มหลับไป ตื่นขึ้นมาอีกทีก็สองทุ่มกว่าแล้ว ในห้องโคตรมืด สงสัยพี่โปรดยังไม่กลับมา ผมลุกไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ ก่อนจะเดินลงไปซื้อข้าวมันไก่ขึ้นมากินเพราะนอนไปนานตื่นมาเลยโคตรหิว เสียงเปิดประตูห้องเข้ามาหลังจากที่ผมล้างจานเสร็จ พี่โปรดหันมามองผมเล็กน้อย แล้วเดินผ่านไปอย่างไม่สนใจจะทักกันสักคำ
ผมกลับไปอยู่ที่หอผมดีกว่าไหมอย่างนี้ -_-
แต่ผมก็ไม่กล้าเสี่ยงจะทำอย่างนั้น เพราะรู้แล้วว่าเวลาพี่โปรดโมโหเป็นผมเองที่จะเละ
“ออกไปไหนมาบ้างวันนี้”
น้ำเสียงอย่างกะผู้คุมนักโทษทำให้ผมเลือกที่จะเงียบ ความไม่พอใจเล็กๆ ก่อตัวขึ้นในความรู้สึกของผม
“พี่ถาม ทำไมไม่ตอบ!”
“ไม่ได้ไปไหนครับ”
“แล้วไอ้เหี้ยเขมนั่นมันเป็นใคร”
ผมขมวดคิ้วอย่างแปลกใจที่พี่โปรดถามถึงพี่เขมที่ไม่น่าจะรู้จักกันได้
“เขมไหนครับ?”
“จะรู้มั้ยล่ะ! ปลื้มเมมเบอร์มันไว้ไม่ใช่เหรอ! แล้วจะมาถามพี่ทำไม”
“อ๋อ...รุ่นพี่ที่คณะน่ะครับ”
“ไม่ใช่ไปนอนกับมันมาแล้วรึไง ถึงได้โทรหากันตอนตีหนึ่งตีสอง”
“พี่โปรดปัญญาอ่อนป่ะครับ”
ไอ้เหี้ยแม่งโคตรปัญญาอ่อน ผมจะรู้รึไงครับว่าพี่เขมจะโทรมา มือถือผมอยู่ไหนผมยังไม่รู้เลย พี่โปรดแม่งกวนตีน แค่มีคนโทรมาก็คิดว่าผมไปนอนกับเขา ใครเขาจะใจง่ายใช้ร่างกายเปลืองอย่างพี่วะ! โมโหจริงๆ!
“กล้าด่าพี่เหรอ!”
“ก็ดูความคิดของพี่โปรดสิครับ!”
“บอกกี่ครั้งว่าอย่าเสียงดังใส่พี่!”
เออ! ดีเนอะ! ว่าคนอื่นแล้วตัวเองมาตะโกนปาวๆ ใส่หน้าผมเนี่ย! ไอ้เหี้ยนี่จะไม่หาเรื่องทะเลาะกับผมสักนาทีมันจะดิ้นตายป่ะวะ?
“ก็แค่เขาโทรมา พี่โปรดคิดบ้าคิดบอไปโคตรไกลอ่ะ”
ผมว่าเสียงอ่อยเมื่อเห็นว่าพี่โปรดกำลังชี้หน้าปรามผมอยู่ เป็นสัญญาณบอกว่าถ้าเสียงดังใส่อีกครั้งผมโดนตีนแน่
“ไปรู้จักมันได้ยังไง บอกพี่มาให้หมด!”
ผมนี่โคตรรำคาญกับความงี่เง่าของพี่โปรดเลย นิสัยแบบนี้พวกผู้หญิงทนเข้าไปได้ไงวะ! ผมเลยต้องเล่าให้ฟังว่าผมไปรู้จักพี่เขมได้ยังไง เหตุอันใดถึงมีเบอร์โทรพี่เขาได้ ส่วนไอ้เรื่องที่พี่เขาโทรหาผมก็ไม่รู้เรื่อง ไม่ได้โทรกลับอะไรด้วย เพราะไอ้เหี้ยพี่โปรดเอาไอโฟนผมไปเรียนด้วย แม่งบ้ามากบอกตรงๆ
“ห้ามติดต่อกับมันอีก โทรศัพท์ห้าม ไปเจอมันก็ห้าม”
“พี่โปรด นั่นรุ่นพี่ที่คณะปลื้มนะ พี่เป็นบ้าอะไรเนี่ย!”
“ไม่รู้เว้ย! ห้าม ห้าม ห้าม เข้าใจมั้ย!”
“เหี้ยแม่งปัญญาอ่อน!”
“มึงว่าอะไรนะ! พูดดังๆ อีกทีดิ๊”
ผมหุบปากทันที ก่อนจะส่ายหน้าแล้วก้าวถอยหลังในขณะที่พี่โปรดสาวเท้าเข้ามาใกล้ หน้าขาวใสขึ้นสีนิดๆ อย่างที่ดูก็รู้ว่าโกรธมาก ถ้าแดกหัวผมได้คงทำไปแล้วล่ะครับ คงไม่ยืนแยกเขี้ยวขู่ผมอย่างนี้หรอก
“มึงดื้อกับกูมากไปแล้วนะปลื้ม! มึงเป็นของกู จำใส่หัวมึงไว้ซะบ้าง!” พี่โปรดจิ้มนิ้วลงบนหน้าผากผมแรงๆ หลายที
ผมเม้มปากอย่างระงับอารมณ์ ไม่ดีหรอกถ้าผมจะดื้อกับพี่โปรดตอนนี้ ไม่งั้นผมจมกองเลือดอยู่แทบเท้าเขาแน่
“ห้ามไปยุ่งกับใคร! ผู้หญิงก็ห้าม ผู้ชายก็ไม่ได้ เข้าใจที่กูพูดรึเปล่า!”
“ปลื้มก็ไม่ได้ไปยุ่งกับใครนะพี่”
“แล้วที่กูเห็นเมื่อคืนมันอะไร! ถ้ากูไม่เข้าไปขวางมึงกับไอ้วีคงได้กันไปแล้ว!”
“พี่เขาแค่ใส่แว่นให้ปลื้มเท่านั้นเอง”
“มือมึงเป็นง่อยรึไงถึงใส่เองไม่ได้ จะอ่อยเพื่อนกูล่ะสิท่า กูให้เงินมึงไม่พอใช่มั้ยถึงอยากหารายได้เสริม?”
ไม่มีครั้งไหนที่คำพูดของพี่โปรดจะทำผมเจ็บได้เท่าครั้งนี้ สายตาเหยียดหยามที่มองผม รอยยิ้มเยาะที่ไม่ได้น่ามองเลยสักนิด ผมเข้าใจดีว่าพี่โปรดไม่ได้รักไม่ได้ชอบผม แต่ผมก็ยังหวังสักนิดว่าพี่โปรดจะมองเห็นความรู้สึกของผมบ้าง แต่ผมคงคิดผิด...เขาไม่ได้เห็นความเป็นคนในตัวผมด้วยซ้ำไป
...ผมถึงรู้สึก...อยากร้องไห้ขึ้นมาจริงๆ...
...................................To be continue.........................................
X'mas everybody
God bless you!!

รับบริจาครองเท้าค่ะ *ยิ้ม*
มีความคิดเห็นหนึ่งที่ถามว่าเรื่องนี้เชื่อมกับเรื่อง so what มั้ย ...อืมมมม... ถ้าตอบจะเหมือนสปอยป่ะวะ? *ชำเลือง*
เรื่องพี่ยินดี...ละไว้ในฐานที่เข้าใจ (ส่วนใหญ่เข้าใจถูกแฮะ) 
แด่...อิเสี่ย
เสี่ยโปรด : อย่าดื้อนะครับ *หน้านิ่ง*