สองแสบถูกพ่อสิงห์สั่งห้ามเข้าใกล้ครูบัวด้วยข้ออ้างที่ว่าครูบัวไม่สบาย แต่ทว่าเมื่อนายเหมืองร่างใหญ่กลับเข้าบ้านมาอีกทีตอนเที่ยง สองแสบจอมซนก็เข้าไปจองที่ซ้ายขวาขนาบข้างครูบัว นอนเอกเขนกให้ครูบัวแกสอนหนังสือให้แล้วเรียบร้อย นายเหมืองที่อาสาเอาข้าวมื้อเที่ยงขึ้นมาให้ครูบัวด้วยตัวเองถึงกับหน้าม้านไปนิดๆเพราะคิดว่าจะได้เป็นคนป้อนข้าวครูบัวเหมือนเมื่อเช้าเสียอีก แต่สองแสบอยู่ด้วยแบบนี้เขาจะเข้าใกล้ครูบัวยังไงไม่ให้น่าสงสัยได้ล่ะเนี่ย
“เอ่อ...บัว คุณเป็นยังไงบ้าง ผมเอาข้าวเที่ยงมาให้...” นายเหมืองเดินเอาถ้วยข้าวไปวางเอาไว้ข้างเตียง แต่ทว่าครูบัวไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ กลับยื่นของสิ่งหนึ่งมาให้เขาแทน
“ผมมีกรอบรูปแค่อันนี้อันเดียว มันอาจไม่สวยเท่าอันเก่าของคุณ แต่คงจะพอแทนกันได้ชั่วคราว ไว้ผมหาซื้อกรอบรูปอันใหม่มาแทนอันนั้นได้เมื่อผมค่อยเอามาเปลี่ยนให้นะ” บัวพูดยาวเหยียด ไลเกอร์กับไทกอนผงกหัวขึ้นมาดูว่าพ่อกับครูบัวพูดอะไรกันแล้วก็ก้มหน้าลงไปวาดภาพระบายสีงานที่ครูบัวเพิ่งมอบหมายให้กันต่อ
นายเหมืองค่อยๆยื่นมือออกไปรับรูปของภรรยาตัวเองมาถือไว้ รูปถ่ายครอบครัวของครูบัวที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงนั้นช่วยบ่งบอกที่มาของกรอบรูปเรียบๆอันนี้ได้ดี ว่าครูบัวคนดียอมสละกรอบรูปถ่ายสำคัญของตัวเองมาให้...เห็นแล้วความรู้สึกผิดที่พยายามกดเอาไว้ให้ลึกๆก็พัดตีตื้นขึ้นมาอีกรอบ ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเมื่อเห็นครูบัวค่อยๆยกถ้วยข้าวไปวางบนหน้าขาตัวเอง แล้วตักป้อนลูกชายเขาคนละคำสลับกับป้อนให้ตัวเองไปด้วย นายเหมืองค่อยๆเร้นกายออกมาจากห้องนั้นอย่างเงียบเชียบแล้วก็กลับลงไปนั่งข้างล่าง ตอนนี้เพื่อนเขากลับกันไปเกือบหมดแล้ว เหลือที่นั่งหัวโด่อยู่ตรงโต๊ะกินข้าวเพียงคนเดียวคือนายเหนือ ซึ่งหันมายักคิ้วให้เขาตอนที่ชายหนุ่มเดินเข้าไปนั่งด้วยใกล้ๆ
“เป็นไรวะ ทำหน้าบูดเป็นตูด...”
“ไม่ได้เป็นอะไร กันแค่...ไม่รู้ว่ะ ตอนนี้กันโคตรรู้สึกไม่ดีกับตัวเองเอามากๆเลยว่ะเหนือ”
“ทะเลาะกับครูบัวมาว่างั้น”
คนถูกจี้จำใจดำเหลือบมองเพื่อนอย่างเคืองๆ
...ไอ้เหี้ยนี่เสือกรู้ใจอีก...
“ทำไมไม่คิดว่ากันจะทะเลาะกับลูกๆกันมั่งวะ”
นายเหนือฟังแล้วยักไหล่ ตักข้าวเข้าปากไปอีกคำก่อนบอก
“ท่าทางมึงมันฟ้อง มึงไม่เคยทะเลาะกับลูกมึงจนต้องมานั่งเครียดแบบนี้ คนเดียวที่จะทำให้แกเครียดแบบไม่มีทางออกเพราะไม่รู้จะทำยังไงได้ก็คือคุณครูบัว...ไง กันเดาถูกมั้ย”
นายเหมืองสิงห์หันมองเพื่อนด้วยหางตา ก่อนจะกระแทกเสียงเข้มกึ่งตะคอกใส่ว่า
“แดกข้าวไปเลยมึง...!!!”
“หึหึ แล้วนี่ทะเลาะกันเรื่องอะไรล่ะ” เหนือพูดแล้วก็ตักข้าวเข้าปากพลาง กะว่าทานเสร็จก็จะกลับแล้วเหมือนกัน แต่ดูท่าเพื่อนเขาเหมือนจะมีอะไรสนุกๆให้ดูแฮะ
สิงห์ปรายหางตามองเพื่อน คุ้นจริงๆกับสายตาแบบนี้ สายตาที่ทำให้เขาเสียวสันหลังเหมือนว่ามันกำลังอ่านใจเขาออกและรู้เรื่องอะไรที่ไม่สมควรจะรู้เข้างั้นล่ะ...เอาเป็นว่าเขาเงียบไว้น่าจะดีที่สุด
“ถ้าให้เดานะกันว่า...น่าจะเพราะ...ไอ้เสียงประหลาดๆที่กันได้ยินจากหน้าห้องมึงเมื่อคืนใช่รึเปล่า”
น้ำเปล่าที่กำลังจิบดื่มแก้กระหายพุ่งพรวดออกจากปากเจ้าของเหมืองสิงห์ ชายหนุ่มยกหลังมือขึ้นเช็ดปากแล้วจ้องเขม็งไปที่หน้าเพื่อน ผิวคล้ำของเขาช่วยปกปิดรอยแดงทั้งที่แก้มและหูให้พลางไปกับสีผิวได้ดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไอ้การคบหากันมากว่ายี่สิบปีมันทำให้นายเหนือเข้าใจอาการ ‘เขินอาย’ ของนายสิงห์ได้ดี โถ...ไอ้หนุ่มน้อย ลูกสองเข้าไปแล้วยังเสือกอายเรื่องในมุ้งกับเพื่อนอย่างเขาอีก นี่ดีเท่าไหร่ที่เขาแค่ยืนแอบฟังหน้าห้อง ไม่เปิดเข้าไปร่วมโจ๊ะกับมันเหมือนตอนหนุ่มๆ ถือว่าเขาให้เกียรติครูบัวมากแล้วนะเนี่ย
“ไอ้หำกุด!!! ที่มึงยังไม่ยอมกลับเพราะกะจะอยู่รอแซวกูเรื่องนี้ใช่มั้ย...เออ! ใช่! แล้วจะทำไม...ก็กูทำไม่เป็นนี่หว่า กู...”
“กูว่าแล้วไอ้หำดำ สายตามึงมองครูบัวเขาแปลกๆตั้งแต่เมื่อวาน ที่แท้ก็กะจะเคลมเขานี่เอง เดี๋ยวนี้เปลี่ยนแนวไม่มีบอกเพื่อนล่วงหน้าเลยนะไอ้สลัด อยู่ด้วยกันมานานไม่คิดว่าจะชอบแบบนี้แฮะ ดีนะที่ประตูหลังกูยังอยู่ดีไม่โดนมึงเคลมเสียก่อน ฮ่าๆ”
“ถุย!!! ใครจะไปพิศวาสก้นมึงวะไอ้หำกุด ดำก็ดำ ตูดก็เหม็น ไม่เหมือนครูบัวของกูหรอก ทั้ง...”
“ทั้งขาวทั้งหอม จนต้องจับเขาปล้ำเลยใช่มั้ยวะ...”
คำพูดของเหนือทำเอาสิงห์ยั๊วะจนตบโต๊ะดังปัง! ดีที่ป้าพุดแกไม่น่าจะอยู่บ้านตอนนี้ ไม่งั้นเรื่องนี้คงมีได้รู้กันทั้งบาง เพราะเสียงตวาดของสิงห์ใส่เพื่อนนั้นไม่เบาเลย
“นี่มึงแอบดูครูบัวของกูเหรอวะ!!! ไอ้เหนือ...ไอ้...!!!”
“เปล่าๆ...เฮ้ยมึงใจเย็นดิ กูแค่ยืนฟังอยู่หน้าห้องเฉยๆ ไม่ได้เปิดเข้าไปดูเสียหน่อย...กูสาบานเลยว่าคนที่ได้เห็นร่างขาวๆของครูบัวน่ะมีแค่มึง...ทีนี้จะเลิกหึงเป็นควายบ้าได้รึยัง”
นายสิงห์หายใจออกแรงเป็นการระบายอารมณ์ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้แรงๆแบบไม่กลัวก้นกบพัง นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นเพื่อนซี้กันมานานถึงขนาดตายแทนกันได้ล่ะก็ เขาจะเอาปืนมากรอกปากมันแทนข้าวให้ดู โทษฐานมาแอบได้ยินเสียงครางของครูบัวตัวขาวที่นอนแบ่บอยู่บนห้องโน่น
“มึงนี่ก็น้า...อดอยากปากแห้งถึงขนาดต้องไปข่มขืนครูบัวเขาเลยเหรอวะ เมื่อคืนเขาร้องน่าสงสารมากเลยนะเว้ย” นายเหนือไม่ยอมหยุดปาก รู้สึกสะใจลึกๆที่ได้เห็นเพื่อนกำลังถูกต้อนจนมุมเข้าช้าๆ ฮ่าๆ...เออเว้ย แกล้งแม่งแบบนี้ก็สนุกดีแฮะ
“เขาไม่ได้เรียกว่าข่มขืน แค่ปล้ำเว้ย...ก็...ก็เมื่อคืนกูเมา แล้วกูก็เข้าใจผิดว่าครูบัวทำรูปแหม่มตกแตก เพราะคงอิจฉาแหม่มที่ได้กูเป็นผัว เหมือนครูคนก่อนๆไง ที่เคยเอามีดไปกรีดรูปแหม่มซะยับเพราะไม่พอใจที่กูไม่เล่นด้วย กูก็นึกว่าครูบัวจะเป็นเหมือนกัน...ใครจะไปรู้วะ...ว่า...เฮ้อ...!” นายเหมืองถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อย ร่ำๆนึกอยากเอาสุรามากรอกปากตัวเองให้เมาอีกรอบนัก เผื่อความผิดบาปในใจมันจะได้ถูกลืมเลือนไปบ้าง แต่เพราะเขาถือคติไม่ดื่มตอนทำงาน ถึงจะอยากแค่ไหนก็ต้องอดทนเอาไว้
“อืม กูว่าข่มขืนกับปล้ำนี่มันก็ความหมายเดียวกันนะ เพราะมันหมายความว่ามึงไปฝืนบังคับเอาจากคู่นอนที่ไม่ยินยอมสมสู่กับมึง...ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ะว่ามึงจะมีวันนี้ด้วย เห็นทุกทีมีแต่คนวิ่งใส่...เพิ่งมีคนนี้แหละมั้งที่ไม่ยอมมึง หรือว่าเอาผู้ชายมันต่างจากเอาผู้หญิงมากวะ หรือว่า...ฝีมือมึงตกวะไอ้หำดำ” สาบานได้ว่าเขาพยายามกลั้นหัวเราะจนถึงที่สุดแล้วนะ แต่ไม่รู้ทำไม ที่ปลายประโยคก็ยังคงติดเสียงขึ้นจมูกอยู่ดี
“ก็...ก็ต่างอยู่นิดหน่อย ของผู้ชายรูมันเล็กกว่าของผู้หญิงนี่หว่า น้ำอะไรก็ไม่มี...แรกๆก็ฝืดจนกูนึกว่าได้เลือดแล้วซะอีก ดีนะที่ตอนหลังพอรู้ว่าเป็นครั้งแรกของครูบัวกูเลยกลับลำทำเบาๆทัน”
นายเหนือฟังเรื่องบนเตียงของเพื่อนแล้วก็หรี่ตา พลางคิดว่าไอ้เสียงที่เขาได้ยินเมื่อคืนไม่เห็นจะเป็นอย่างที่มันว่าเลย ครูบัวทั้งร้องไห้ทั้งสะอื้น ไม่เห็นว่าไอ้สิงห์มันจะทำเบาอย่างที่พูดซักนิด...ไอ้ห่านี่หลงตัวเองตลอด
“อ๋อ เพราะงั้นตอนนี้ที่มานั่งหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่นี่เพราะโดนครูบัวเขาเกลียดขี้หน้าไปแล้วใช่มั้ยวะ...สมน้ำหน้าว่ะเพื่อน ฮ่าๆ” แทนที่จะช่วยปลอบใจมันกลับเหยียบเขาซ้ำเสียมิดจมตีนเลย ไม่รู้เขาคบไปได้ยังไงกับไอ้เพื่อนแบบนี้
“อย่าให้ถึงคราวมึงนะไอ้เหนือ อย่าให้กูเห็นเชียวว่ามึงแอบเผลอไปตามก้นผู้ชายที่ไหน กูจะขำให้ยันลูกคนเล็กมึงบวชเลย” สิงห์เอ่ยอาฆาต แต่เหนือกลับยักไหล่สบายๆ เพราะมั่นใจว่าคงไม่มีวันที่ว่าอยู่แล้ว เขากวาดข้าวและน้ำแกงคำสุดท้ายเข้าปากเสร็จก็ดื่มน้ำตาม หยิบกระเป๋าตังค์และกระบอกปืนที่วางอยู่บนโต๊ะเก็บเข้าตัวให้เรียบร้อย หยิบกุญแจรถออกมาควงเตรียมจะกลับบ้าน ท่าทางหน้านิ่วของไอ้สิงห์บ่งบอกได้ดีว่ามารยาทผู้ดีเวลาแขกจะกลับบ้านแล้วต้องออกไปส่งมันคงไม่ทำ เอาเถอะเขาเข้าใจ...อารมณ์ผู้ชายที่ง้อเมียไม่สำเร็จก็เป็นแบบนี้กันทั้งนั้น
“มึงก็ลองไปปรึกษาไอ้พุฒดู มันก็เป็นเกย์นี่หว่า...เมื่อกี๊ไอ้ส้มเมียมันเพิ่งจะเอาเอกสารจากกรุงเทพฯมาส่งให้ บอกว่ากลับกันมาถึงตั้งแต่สายแล้วแต่มัวเก็บของกันอยู่...เดี๋ยวจัดของเสร็จก็คงเข้ามาหามึงเอง” เหนือทิ้งท้ายไว้ให้เพื่อนก่อนจะตบลงบนบ่าสองปั๊ก สถานการณ์แบบนี้เขาคงช่วยเหลือและให้คำปรึกษาอะไรเพื่อนไม่ได้ เพราะงั้นยกให้เป็นหน้าที่มือขวาของเพื่อนเขาไปก็แล้วกัน
นายเหนือเดินพ้นชายคาบ้านออกไปแล้ว แต่นายสิงห์ยังนั่งอยู่ที่เดิมพลางคิดถึงทำพูดทิ้งท้ายของเพื่อน...เออว่ะ ทำไมเขาถึงนึกชื่อไอ้พุฒไม่ออกนะ...
พุฒ หรือ พุฒธาเป็นลูกน้องที่เปรียบเสมือนมือขวาของเขาเอง มันมีหน้าที่ติดต่อประสานงานและจะต้องขึ้นไปเช็คของตามบริษัทลูกค้าที่กรุงเทพฯแทนเขาทุกเดือน ด้วยหน้าตาท่าทางที่สะอาดสะอ้านและดูเป็นคนเมืองมากกว่าเขา หน้าที่นี้จึงเหมาะสมกับนายพุฒมากที่สุด ยิ่งชายหนุ่มจบปริญญาสาขานิติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงเพทฯมาด้วย นายพุฒจึงจัดเป็นทั้งเลขา นิติกร และผู้ประสานงานที่เป็นมือเป็นเท้าให้เขาได้อย่างไม่มีที่ติ
แต่ทว่าเมื่อประมาณครึ่งปีก่อน ในระหว่างที่เขากำลังนั่งอยู่ในสำนักงานที่ในเหมือง พุฒธาก็เดินจูงมือเด็กส้ม ซึ่งเป็นลูกชายของคนงานเก่าของพ่อที่เพิ่งตายไปเข้ามาหาเขา มันถือพวงมาลัยมาคนละพวง คงนึกว่าเขาเป็นเจ้าที่หรือศาลพระภูมิงั้นสินะ เพราะมาถึงมันสองคนก็ก้มลงคุกเข่าประนมมือไหว้เขา ก่อนไอ้พุฒจะทำหน้าเครียดเอ่ยบอกเขาว่ามันสองคนมาขอขมา มันได้ไอ้ส้มเป็นเมียมาพักใหญ่แล้ว และตอนนี้ตัดสินใจอยากจะเอาไอ้ส้มมาอยู่ด้วยกัน ที่มาวันนี้ก็เพื่อต้องการบอกให้เขารับรู้และขออนุญาต เพราะบ้านพักของไอ้พุฒหลังปัจจุบันเป็นบ้านที่มีชื่อเขาเป็นเจ้าของอยู่ มันรู้ว่าเขาไม่ค่อยชอบเรื่องแบบนี้แต่ก็ไม่ได้ห้ามอะไร จำได้ว่าเขาถามกลับไปแค่คำเดียวว่าคิดดีแล้วใช่มั้ยที่จะเอาผู้ชายมาเป็นเมีย ไอ้พุฒมันพยักหน้ายืนยันหนักแน่น และด้วยความที่ประวัติมันไม่เคยเสียมาก่อน และการทำงานตลอดมาก็คงเส้นคงวาไม่เคยทำให้เขาผิดหวัง การที่เขาจะตอบแทนความดีของมือขวาคนนี้ด้วยการให้มันได้อยู่กับคนที่มันเลือกจึงเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผล
เขารับพวงมาลัยมาจากคนทั้งคู่ และบอกไปว่าถ้ามันอยู่ด้วยกันครบหนึ่งปีเมื่อไหร่จะยกบ้านหลังนั้นให้เป็นของขวัญชีวิตคู่ของพวกมันสองคน ท่าทางไอ้พุฒกับเด็กส้มดีใจกันยกใหญ่ที่เขาอนุญาต และจนถึงวันนี้เขาก็เห็นว่ามันสองคนอยู่กันด้วยดีมาโดยตลอด ตอนแรกคิดว่าอาจจะมีปัญหาเช่นคนงานในเหมืองคนอื่นจะรับเรื่องแบบนี้ไม่ได้ตามมา แต่ทว่าเป็นเพราะพุฒธายังคงทำงานและวางตัวได้ดีเสมอต้นเสมอปลาย ปัญหาที่ว่าไปนั้นจึงไม่เคยเกิดขึ้น มันสองคนก็ไม่เคยทำอะไรประเจิดประเจ้อและไม่ได้บอกกล่าวใครเรื่องนี้อีก เพราะส่วนใหญ่คนที่สงสัยแล้วมาถามมันก็ตอบไปตามตรงว่าคบกันอยู่ ในเมื่อไม่มีเรื่องปิดบังให้คนสงสัย เสียงนินทาจึงเงียบหายไป ทุกวันนี้เหมือนคนงานในเหมืองจะชินตากับภาพที่ไอ้พุฒไปไหนมาไหนกับเด็กส้มไปเสียแล้ว มันสองคนถึงได้อยู่กันอย่างมีความสุขในเหมืองของเขาจนถึงวันนี้
นึกถึงเรื่องของมันยังไม่ทันจบดี สองคนนั่นก็จูงมือกันขึ้นบ้านเขามาแล้ว แต่พอเห็นเขานั่งอยู่ที่นี่ก็รีบปล่อยมือออกจากกันทำท่าสงบเสงี่ยมเจียมตัวขึ้นมาทันที
“จะหวานกันต่อหน้าข้าก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ เข้ามาสิไอ้ส้ม ไม่ต้องออกไปยืนรอข้างนอกหรอก” นายเหมืองสิงห์เอ่ยอย่างมีน้ำใจ ส้มเงยมองสบตาคนตัวสูงใหญ่กว่าอย่างขอความคิดเห็น พอเห็นนายพุฒพยักหน้าให้เด็กหนุ่มรูปร่างผอมผิวสีน้ำผึ้งจึงได้เดินตามคนรักเข้ามาในห้องครัวด้วย หลังจากเขาบอกให้นั่งร่วมโต๊ะกันเรียบร้อยแล้วนายเหมืองสิงห์จึงเป็นคนเริ่มต้นบทสนทนาขึ้นก่อน
“ไปกรุงเทพฯมาคราวนี้เป็นไงบ้าง” ชายหนุ่มเอ่ยถามคนผิวขาวกว่าแต่ร่างกายสูงใหญ่พอๆกันของพุฒธาพลางเอ่ยขอบคุณส้มที่เป็นคนบริการเอาน้ำชามาเสิร์ฟให้ทั้งเขาและคนรัก
“ก็ดีนะนาย ลูกสาวเสี่ยอัครเดชฝากความคิดถึงมาให้เหมือนเดิม บอกว่าถ้านายว่างอยากให้ขึ้นไปหาด้วยตัวเองบ้าง” พุฒธาตอบเจ้านายก่อนจะดมชากลิ่นน้ำผึ้งเลมอนและจิบเข้าไปนิดหนึ่ง
“ป่านนี้คงโตเป็นสาวแล้วสิ” นายเหมืองสิงห์ต่อบท และพุฒธาก็เล่าไปตามจริงว่าสาวน้อยคนนั้นเป็นยังไงบ้าง ก่อนจะวกต่อเข้าไปเรื่องงานว่าการขึ้นกรุงเทพฯครั้งนี้ลูกค้ามีการปรับเปลี่ยนออเดอร์ยังไงบ้าง นายเหมืองสิงห์ตรวจดูเอกสารต่างๆที่ลูกน้องของเขาเอามาให้อย่างคร่าวๆ เขาค่อนข้างมั่นใจในฝีมือของพุฒธาอยู่แล้วว่าไม่เคยพลาดกับเรื่องอะไรแบบนี้ พอเสร็จสรรพก็จัดการเซ็นต์ชื่อลงไปก่อนจะแจกแจงงานให้ลูกน้องหนุ่มช่วยไปกระจายให้อีกต่อหนึ่ง
“เอ้อ...จริงสิ ฉันว่าจะถามหลายทีแล้ว คือ...ตอนนี้ชีวิตคู่ของพวกนายสองคนเป็นยังไงบ้าง” นายเหมืองถามพลางยกชาขึ้นจิบ ถึงชาจะรสจืดแต่กลิ่นหอมน้ำผึ้งก็ทำให้เขารู้สึกถึงความหวานติดอยู่ปลายลิ้น รสชาติเหมือนเวลาเขาได้จูบปากกับครูบัว มันทั้งนุ่มทั้งหยุ่นแถมยังหวานได้อย่างไม่น่าเชื่อ ถ้าเปรียบเป็นน้ำผึ้ง...ก็ต้องเป็นน้ำผึ้งมานูก้า ราชินีของน้ำผึ้งทั้งปวง ที่นอกจากจะหอมหวานแล้ว ยังไม่มีสารพิษอื่นเจือปน แถมยังมีสรรพคุณทางยาที่มากกว่าน้ำผึ้งทั่วไปอีก...
นั่นสินะ...ก็สมตัวอยู่หรอก ครูบัวของเขาหวานไปทั้งตัว แถมยังบริสุทธิ์ทั้งภายนอกกายและภายในใจ ที่สำคัญสรรพคุณด้านการเป็นครูก็เต็มเปี่ยมกว่าคนอื่น เพราะถึงขนาดเอาสองแสบเสียจนอยู่หมัดนอนเฝ้าไม่ยอมห่างออกไปเล่นได้นี่มันก็มหัศจรรย์แล้ว...
...เขาโชคดี...ที่ได้ของดีมาไว้ในมือ...
...เพราะฉะนั้นเขาคงต้องตัดบัวดอกงามเอาใส่แจกันไว้ให้เรียบร้อย คนอื่นจะได้มาหยุ่มหย่ามกับบัวของเขาไม่ได้อีก...
“นายครับนาย...นายครับ ใจลอยไปไหนครับเนี่ย ผมเรียกตั้งนานไม่รู้สึกตัว...” พุฒธาปัดมือไปมาที่ข้างหน้านายเหมือง จนคนเป็นเจ้าของบ้านกระพริบตาปริบหลายๆทีแล้วหันกลับมาโฟกัสที่ใบหน้าลูกน้องหนุ่มตามเดิม
“โทษที...เมื่อกี๊ข้าถามไปว่าไงนะ”
“อ๋อ เราสองคนก็สุขสบายดีครับ ไม่มีปัญหาอะไร” พุฒธาตอบพลางอมยิ้มบางๆ ท่าทางสีหน้ามีความสุขของลูกน้องหนุ่มเริ่มทำให้นายเหมืองสิงห์อิจฉา
“แล้ว...อยู่ด้วยกันทุกวันแบบนี้ เคยทะเลาะกันบ้างรึเปล่า” คำถามต่อมาเอ่ยขึ้น พุฒธาเริ่มตงิดเล็กๆเพราะคนอย่างไม่เหมืองสิงห์ยามปกติไม่น่าจะมาสนใจเรื่องอะไรแบบนี้ของเขาได้ แต่วันนี้แกมาแปลกแฮะ
“ก็มีบ้างครับ แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” พุฒธาตอบไปตามความจริง นายเหมืองสิงห์พยักหน้าหงึกหงักเล็กน้อย ก่อนจะจ้องเขม็งมาที่เขาก่อนจะถามคำถามต่อมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจังยิ่งกว่าตอนคุยเรื่องงานกันเสียอีกว่า
“แล้ว...เวลาไอ้ส้มมันงอน เอ็งง้อมันยังไงวะ”
ถึงจุดๆนี้ทั้งพุฒธาและส้มหันมองสบตากันด้วยความสงสัยปนตกใจ โดยเฉพาะพุฒธาที่ทำงานกับนายเหมืองสิงห์มานานนี่ตกใจมากเป็นสองเท่า...นายเหมืองคนนั้น มาถามว่าเขาง้อเมียยังไงเนี่ยนะ?
“นี่นาย...ถามเอาคำตอบจริงๆเหรอครับ” พุฒธาถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
“ก็เออสิวะ แบบ...เวลาไอ้ส้มมันโกรธ เพราะเอ็งไปทำอะไรผิดมาแบบเนี้ย เอ็งง้อมันยังไงวะ ซื้อดอกไม้ให้ ซื้อของให้ หรือยังไง...” นายเหมืองสิงห์ยังคงถามย้ำ ส้มที่นั่งเงียบอยู่นานสังเกตอาการของนายเหมืองแล้วจึงเอ่ยถามกลับไปว่า
“นาย...ไปทำอะไรให้คุณติรกาเธอโกรธอย่างนั้นเหรอจ๊ะ” คนคนเดียวที่จะเกิดกรณีงอนนายเหมืองได้มีแค่สาวเจ้าคนนี้คนเดียว เพราะที่ผ่านมามีแต่คุณเธอคนเดียวเท่านั้นที่ยังตามเทียวไล้เทียวขื่อนายเหมืองได้แบบไม่ยอมลดละมากที่สุด
“เกี่ยวอะไรกับติรกาวะไอ้ส้ม” ท่าทางนายเหมืองที่มองกลับมาแลดูสงสัยจริงจัง ส้มจึงหันไปมองตากับคนรักอีกครั้งเพราะเดาไม่ออกแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับนายเหมือง...นายเหมืองไปทำให้ใครโกรธเข้าเนี่ย...
“งั้นนายไปทำอะไรผิดไว้กับใครครับ...เล่ามานะนาย ไม่งั้นผมก็ให้คำปรึกษานายไม่ได้นะว่านายควรจะง้อเขายังไง” พุฒธาใช้สายตาของทนายจ้องมองนายเหมืองสิงห์แบบทิ่มแทง และอย่างที่คิดนายเหมืองสิงห์หลบตาของเขาอย่างมีพิรุธที่สุด
“เออน่า...เอ็งไม่ต้อบถามมาก บอกวิธีมาแล้วกันว่าเอ็งทำยังไง...ว่าไงวะไอ้ส้ม ผัวเอ็งเขาง้อเอ็งยังไง”
“เอ่อ...เรียกผัวเลยเหรอจ๊ะ...คือ” ไอ้ส้มหน้าขึ้นสี มันแลดูเขินอายได้อย่างเป็นธรรมชาติมาก
“อ้าว ไม่ใช่หรอกเหรอ ข้าก็นึกว่าไอ้พุฒเป็นคนขึ้นขย่มเอ็งเสียอีก” คำพูดแบบตรงไปตรงมาของนายเหมืองทำเอาหัวสมองไอ้ส้มระเบิดดังปุ้ง ความเขินอายถึงขีดระดับสุด มันลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้แล้วเอ่ยเสียงตะกุกตะกักบอกผัว เอ้ย! สามี เอ้ย! คนรักของตัวเองและเจ้านายว่าจะขึ้นไปดูสองแสบเสียหน่อยว่าเป็นยังไงบ้าง ไม่ทันได้ทักท้วงเด็กหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งก็หายแว่บออกจากห้องครัวไปแล้ว นายเหมืองมองตามไปอย่างงงๆและแสดงสีหน้าโง่ออกมาให้พุฒธาเห็นจนอีกฝ่ายส่ายหน้าเอือมๆ
“นายนี่อย่าไปแซวเมียผมอย่างนั้นสิ มันหน้าหนาไม่เท่าพวกเราหรอกนาย”
“อ้าว ทีเอ็งยังเรียกมันว่าเมียได้เต็มปากเต็มคำเลย หรือว่ากูเข้าใจผิด จริงๆแล้วเอ็งเป็นคนโดนเสียบจริงๆเหรอวะ”
“เฮ้อนาย...ดุ้นเท่ามะเขือแค่นั้นจะมีปัญญาที่ไหนมาเสียบผมได้ ว่าแต่นายนั่นแหละ ไปเสียบใครมาจนโดนเขาโกรธเอาใช่มั้ย อย่าปิดผมนะนาย ผมดูออกนะว่านายน่ะมีพิรุธ”
นายเหมืองสิงห์รู้สึกสะดุ้งเหมือนก้นโดนของร้อน...ซวยแล้ว ลืมนึกไป...ว่าคนอย่างไอ้พุฒและไอ้เหนือนั้น...มันเป็นปีศาจประเภทเดียวกัน!!!...
-------------------------------------------------------------------------
to be continue...
สวัสดีค่าาาาาาา ^O^ แพทหายหัวไปติดเกาะและขึ้นเรือมาค่าาาาาา วู้ฮู้ววววว
ขอบอกว่า...ใครมีโอกาสได้ขึ้นเรือสำราญ...กรุณาไปนะคะ!!!!!!

มันสุดยอดมากกกกกกกกกกกกก
กรี้ดดดดด ฟินสุโค่ยยยยย ราคาการล่องเรือไม่ได้แพงอย่างที่คิดนะ

แต่ตั๋วเครื่องบินต่างหากที่ทำให้แพง
แพทแนะนำของบริษัท Norwegian [www.ncl.com] ค่ะ

มันทั้งมีฟามสุขและสบายที่สุดมากกว่าทุกทริปที่แพทเคยไปมาเลย
เปลี่ยนแนวคิดเรื่องการท่องเที่ยวแพทไปโดยพลัน และสัญญาได้ว่าจะกลับไปอีกแน่นอน
แต่ขอเวลาเก็บตังค์อีกซักปีสองปีก่อนนะ ห้าห้าห้า รบกวนหม่อมพ่อท่านมาเยอะละ เดี๋ยวใช้คืนให้ท่านไม่ไหว =_=
ปล. มีคนแนะนำของบริษัท Celebrity มาด้วย ใครเคยไปก็ช่วยแชร์ประสบการณ์กันมามั่งนะเคอะ แพทจะปัยย์!!!!!
ปล2. รักนะฉุ๊บๆ คิดถึงซำเหมอ #อยากให้เรื่องนี้ไม่มีมาม่า เอ๊ย ดราม่า แต่ไม่มีหรอก ครูบัวแกอารมณ์ดีจะตายปัยย์ อิอิ