ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้ มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
(กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
***=================================================***
สวัสดีค่ะ :mew1:
พิมพ์เยอะก็คงไม่มีใครอ่านเนอะ เพราะงั้นแพทของลงขึ้นต้นเรื่องไว้สั้นๆว่า
จริงๆแล้วเรื่องนี้แพทแต่งเล่นๆ กะลงใน Note ของเฟสบุ้คเฉยๆ :katai5:
แต่เนื่องจากวินโดว์ อาร์ทีของแพทมัน........ :katai4: เลยทำให้ก็อบเนื้อหาลงเฟสไม่ได้อีกต่อไป ฉ่าาาาาา
แพทเลยเอาลงในนี้แทนนะจ๊ะ... :mew1: :mew1: ตามไปจิก ดึง ทึ้ง ทัก ทวง กันหลังไมค์ได้ที่เดิมจ้าา อิอิ
>>>>เชิญจิ้มเบาๆ ^^<<<< (https://www.facebook.com/kaewpunn/?hc_ref=ARQS-T9-z4GUDksVwMxZcm3j9u1vpSbfzBzEyot5plqibSoHPZSNQdwXpCB-9vYGyQc&fref=nf)
สารบัญ
>>>ตอนที่ ๑<<< (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40509.msg2574503#msg2574503)
>>>ตอนที่ ๒<<< (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40509.msg2574503#msg2574503)
>>>ตอนที่ ๓<<< (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40509.0)
>>>ตอนที่ ๔<<< (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40509.60)
>>>ตอนที่ ๕<<< (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40509.90)
>>>ตอนที่ ๖<<< (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40509.150)
>>>ตอนที่ ๗<<< (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40509.210)
>>>ตอนที่ ๘<<< (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40509.msg2662528#msg2662528)
>>>ตอนที่ ๙<<< (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40509.msg2678887#msg2678887)
>>>ตอนที่ ๑๐<<< (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40509.msg2710953#msg2710953)
>>>ตอนที่ ๑๑<<< (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40509.msg2742533#msg2742533)
>>>ตอนที่ ๑๒<<< (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40509.msg2748400#msg2748400)
>>>ตอนที่ ๑๓<<< (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40509.msg2772389#msg2772389)
>>>ตอนที่ ๑๔<<< (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40509.msg2828537#msg2828537)
>>>ตอนที่ ๑๕<<< (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40509.msg2891732#msg2891732)
>>>ตอนที่ ๑๖<<< (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40509.msg2917285#msg2917285)
>>>ตอนที่ ๑๗<<< (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40509.msg3006009#msg3006009)
>>>ตอนที่ ๑๘<<< (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40509.msg3167805#msg3167805)
>>>ตอนที่ ๑๙ [[50% ครึ่งแรก]]<<< (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40509.msg3335310#msg3335310)
>>>ตอนที่ ๑๙ [[50% ครึ่งหลัง]]<<< (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40509.msg3347531#msg3347531)
>>>ตอนที่ ๒๐ [[50% ครึ่งแรก]]<<< (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40509.msg3419645#msg3419645)
>>>ตอนที่ ๒๐ [[50% ครึ่งหลัง]]<<< (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40509.msg3549663#msg3549663)
>>>ตอนที่ ๒๑<<< (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40509.msg3549663#msg3549663)
>>>ตอนที่ ๒๒<<< (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40509.msg3611861#msg3611861)
>>>ตอนที่ ๒๓<<< (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40509.msg3617928#msg3617928)
>>>ตอนที่ ๒๔<<< (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40509.msg3684798#msg3684798)
>>>ตอนที่ ๒๕<<< (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40509.msg3706144#msg3706144)
>>>ตอนที่ ๒๖<<< (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40509.msg3724404#msg3724404)
NEW! >>>ตอนที่ ๒๗<<< END! (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40509.msg3725889#msg3725889)
:pig4: ขอบพระคุณนักอ่านทุกท่านจริงๆค่ะ :pig4:
แก้วปั้ณณ์
ตอนที่ ๒
“เดี๋ยวพอคุณอาบน้ำเสร็จแล้วก็ลงไปที่ชั้นหนึ่ง ห้องนั่งเล่นอยู่ทางซ้ายมือนะคะ นายเหมืองคงจะรอคุณอยู่ที่นั่น...แล้วนี่ไปยังไงมายังไงคะเนี่ย หัวหูเลอะมอมแมมไปหมดเชียว...” พุดฤทัยเอ่ยถามแขกผู้มาใหม่พลางเอื้อมมือไปช่วยปัดฝุ่นผงตามใบหน้าออกให้เล็กน้อย
...อุ๊ยตาย พอปัดฝุ่นออกแล้วผิวเนียนเชียว...
“ได้ครับ ขอบคุณมากนะครับ...เอ่อ...คุณ...” เด็กหนุ่มเอ่ยค้างไว้เพราะไม่รู้จะเรียกหญิงตรงหน้าว่าอย่างไร คุณป้าแม่บ้านพุดฤทัยจึงเอ่ยแนะนำตัวเองด้วยรอยยิ้ม
“ป้าเป็นแม่บ้านของนายเหมืองค่ะ...ชื่อพุดฤทัย เรียกป้าพุดเหมือนนายเหมืองก็ได้ค่ะคุณครู” พุดฤทัยเอ่ยบอก
“งั้นป้าพุดก็เรียกบัวว่าบัวเฉยๆก็ได้ครับ ไม่ต้องเรียกคุณครูหรอก...ยังไง บัวต้องฝากตัวด้วยนะครับป้าพุด ถ้าบัวไม่รู้หรือทำอะไรไม่ถูกต้องขัดกับกฎของที่นี่ บัวต้องขอให้ป้าบอกแล้วก็สอนบัวด้วยนะครับ...”
“ตายแล้วพ่อคุณ...ไม่คิดว่าเด็กรุ่นใหม่จะพูดฝากเนื้อฝากตัวกับคนแก่แบบนี้เป็นด้วย น่ารักจริงครูบัว...” จากที่แอบมีเขม่นอยู่นิดๆในคราแรกเพราะประเมินจากที่มองเห็นแค่ภายนอก กลายมาเป็นเริ่มนึกเอ็นดูขึ้นมาอย่างจริงจัง ท่าทางนบนอบอ่อนน้อมถ่อมตนที่ ‘ครูบัว’ แสดงออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ และมือที่ยกขึ้นประนมไหว้ทำให้พุดฤทัยอดไม่ได้ที่จะยกมือไปลูบมือบอบบางที่ยังพนมมือค้างไว้ แล้วเลยไปลูบมือลูบแขนส่วนอื่นต่อ
“แล้วนี่ทำไมถึงติดฝุ่นดินแดงเขรอะไปทั้งตัวแบบนี้ล่ะคะ...ดูซิเนี่ยเสื้อเปลี่ยนสีเลยเชียว เดี๋ยวพอคุณถอดเสื้อเสร็จแล้วเอาใส่ตะกร้าสานใบนี้ไว้นะคะ วันไหนครูบัวต้องการจะซักก็เอาวางไว้ที่หน้าประตูด้านนอก จะมีเด็กขึ้นมาเก็บตะกร้าเอาไปซักให้เองค่ะ” พุดฤทัยเอ่ยบอกอธิบาย นึกสงสารเนื้อตัวสกปรกมอมแมมของเด็กหนุ่มตรงหน้าขึ้นมาครามครัน เดาว่าคงจะเดินเข้ามาตั้งแต่หน้าประตูใหญ่ล่ะซี ถนนที่เป็นดินแดงเพราะยังไม่ได้ลาดยางน่ะมีแค่ช่วงถนนที่ทอดผ่านระหว่างถนนใหญ่มาจนถึงหน้าบ้านนี้เท่านั้น ซึ่งระยะทางก็ไม่ได้ใกล้ๆเลยซักนิด
“ขอบคุณครับมากครับป้า...แล้วผมจะรีบลงไปพบ...นายเหมืองนะครับ”
“จ่ะ...แล้วจะไหวเหรอพ่อคู๊ณ ตัวนิดเดียวจะเอาสองแสบอยู่ได้ยังไงกันคะ เจ้าไลเกอร์กับไทกอนน่ะซนเสียยิ่งกว่าอะไรดี ครูสอนพิเศษกี่คนๆก็เอาไม่เคยอยู่ ขอลาออกกันไปหมด ครูบัวไม่เคยได้ยินกิตติศัพท์ของสองซนนี่เหรอคะถึงได้รับงานนี้น่ะ”
“ก็งานนี้มีที่พักฟรี อาหารก็ฟรี เงินก็ดี กับการสอนเด็กสองคนมันคุ้มจะตายไปครับป้าพุด”
“คุ้มแค่สามอย่างแรกล่ะค่ะ แต่สอนเด็กสองคนน่ะขาดทุนแน่ค่ะครูบัว”
บัวยิ้มให้กับการพูดจาประชดประชันแต่นัยน์ตายิ้มพราวของป้าพุด ก่อนจะยกมือไหว้ขอบคุณป้าพุดฤทัยอีกครั้ง พอร่างอวบท้วมเดินออกจากห้องไปแล้วก็ได้เวลาที่ ‘ครูบัว’ ของป้าพุดจะได้อาบน้ำชำระคราบเหงื่อไคลของตัวเองบ้างแล้ว
วันนี้เขาออกจากบ้านมาตั้งแต่เช้าเพื่อขึ้นรถทัวร์ลงใต้ ก่อนจะต่อรถโดยสารเข้ามาที่อำเภอนี้ แล้วก็ต้องนั่งรถสองแถวมาลงที่ป้ายรถที่ใกล้เหมืองแห่งนี้ที่สุด ด้วยความที่ใกล้ๆป้ายรถสองแถวมีป้ายเขียนบอกชื่อเหมืองและลูกศรชี้ทางบนป้าย เขาก็นึกว่ามันคงจะไม่ไกลมาก แล้วอีกอย่างแถวนั้นก็ไม่มีมอเตอร์ไซค์รับจ้างผ่านมาเขาเลยตัดสินใจเดินเอา ไม่คิดว่าระยะทางจากป้ายรถสองแถวเข้ามาถึงนี่จะกินเวลาเดินเขาไปตั้งเกือบสามชั่วโมง ดีว่าเขาเป็นคนเดินทนถึงได้เดินมาจนถึงบ้านนายจ้างหลังนี้จนได้
บัวมองดูห้องพักและห้องน้ำที่เจ้าบ้านจัดไว้ให้ มันมีขนาดพอๆกับห้องพักที่เขากับแม่อยู่ด้วยกันเลย นึกร่ำๆอยากขออนุญาตเจ้าบ้านพาแม่มาอยู่ด้วยกัน แม่เขาจะได้อยู่อย่างสบายๆบ้าง แต่บัวก็ทำได้เพียงแค่นึกเท่านั้นเพราะเขาก็เพิ่งเข้ามาอยู่ในบ้านนายจ้างวันแรก ไม่กล้าที่จะไปรบกวนอะไรเขาขนาดนั้นหรอก
น้ำเย็นสดชื่นที่ไหลรดลงมาตามใบหน้าเรียกความสดชื่นกลับมาให้บัวได้มากโข เด็กหนุ่มเพลิดเพลินกับการอาบน้ำเสียจนไม่ได้ยินเสียงเคาะและเปิดประตูห้องนอนตัวเองเลย...
นายเหมืองใหญ่นาม สิงห์ สุตนันท์ กระชับผ้าขนหนูในมือแน่นระหว่างที่ค่อยๆเปิดประตูห้องน้ำออกเพื่อส่งเสียงเรียกเจ้าของห้อง แต่ดูท่าแล้วเสียงน้ำจากฝักบัวที่เจ้าตัวคงเปิดจนสุดมันคงกลบเสียหมด ถึงได้ไม่ได้ยินเสียงเขาเรียกเลย
“คุณ...ครูบัว ผมเอาผ้าเช็ดตัวมาให้ ป้าพุดบอกว่าแกลืมเอามาวางไว้ให้คุ...” สิงห์พูดค้างไว้ได้แค่นั้นเพราะเรือนร่างเปล่าเปลือยที่เห็นแค่เบื้องหลังตรงหน้ามันทำให้เขานิ่งตะลึงงัน ห้องอาบน้ำไม่ได้ถูกปิดประตูอยู่ในตอนที่เขาเปิดประตูเข้ามา เรือนร่างขาวผ่องที่ค่อยๆถูกสายน้ำชำระล้างทำความสะอาดคราบไคลสีส้มแดงตามร่างกายจึงค่อยๆเผยรูปจริงออกมาให้เขาเห็น แค่เบื้องหลังยังดูนวลเนียนมือขนาดนี้ ไหนจะเอวคอดกิ่ว และสองแก้มก้นที่ดูท่าจะนุ่มมือไม่แพ้กันนั่นอีก หนุ่มใหญ่วัยสามสิบกว่าจึงต้องรีบกลืนน้ำลายเอื๊อกลงคอ มองแค่เบื้องหลังนี่ดูไม่ออกเลยจริงๆว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นผู้ชาย ท่อนขานั่นคงใหญ่แค่แขนเขาเองละมั้งนั่น
สายตาคมกริบจ้องมองสัดส่วนเรือนร่างของคนที่กำลังอาบน้ำเพลินจนลืมตัว เผลอยกมือเท้าแขนกับขอบอ่างล้างแต่ดันพลาดไปโดนแปรงสีฟันตกลงพื้น เสียงของตกกระทบพื้นที่เกิดขึ้นทำให้ร่างที่ยืนอยู่หน้าห้องอาบน้ำและที่ยืนอยู่ใต้ฝักบัวสะดุ้งโหยงกันทั้งคู่ บัวรีบเอี้ยวตัวไปดูด้านหลังพร้อมๆกับที่ร่างใหญ่ละสายตาจากของที่ตกขึ้นมามองไปด้านหน้าด้วยเช่นกัน สายตาสองคู่มองสบประสานกันและกัน ก่อเกิดความรู้สึกบางอย่างแล่นปราดเข้าสู่หัวใจของคนทั้งคู่โดยไม่รู้ตัว...
“เอ่อ...ผม...เอาผ้าขนหนูมาให้คุณ ป้าพุดบอกว่าแกลืมเอามาวางไว้ให้...”
“ขะ...ขอบคุณครับ” บัวรีบหันหลังเข้าผนัง งองุ้มตัวเองเพื่อปกปิดร่างกายเปลือยเปล่าจากสายตาคมกริบที่จ้องมองเขาด้วยแววตาพราวระยับ เรือนร่างสูงใหญ่ยืนบดบังกรอบประตูห้องอาบน้ำไปเสียเกือบมิด ร่างกายที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนทำให้บัวอับอายเหลือเกินที่โดนผู้ชายคนนั้นมองจ้องแบบนี้ แม้ว่าชายหนุ่มจะรีบหันหลังกลับไปทันทีที่วางผ้าขนหนูเอาไว้ให้บนซิงค์ล้างหน้าก็เถอะ
“...เรื่องวันนี้ ผมขอโทษ...”
จู่ๆประโยคที่ดังขึ้นมาทำให้บัวถึงกับอึ้ง ไม่แน่ใจหูตัวเองว่าได้ยินถูกต้องรึเปล่า...
...นายเหมืองตาดุคนนั้นพูดขอโทษเขา...ใช่มั้ย?
“ครับ? ...เมื่อกี๊คุณบอก...ขอโทษ...”
“เรื่องที่ผมขับรถทำคุณเลอะ ผมไม่เห็นจริงๆว่าคุณอยู่ข้างทาง...ผมไม่ได้ตั้งใจ...”
บัวแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เพราะดูจากรูปร่างภายนอกแล้วบัวแอบคิดไปว่าเจ้านายคนนี้ของเขาคงเป็นคนประเภทจมไม่ลง คงจะมองเห็นแต่ความผิดของคนอื่น ไม่น่าจะมองเห็นความผิดของตัวเอง รถปิ๊กอัพเปื้อนโคลนที่จอดอยู่ในโรงรถไม่ต้องเดาบัวก็พอรู้ว่าเจ้าของเป็นใคร...
...ไม่นึกว่าเขาจะยอมมาบอกขอโทษกันตรงๆแบบนี้...
...เห็นทีบัวคงต้องมองเจ้านายหนุ่มในรูปแบบใหม่...
------------------------------------------------
สิงห์หนุ่มเผลอตัวมองจ้องไปทางบันได เกิดอาการรอคอยใครบางคนโดยไม่รู้ตัว ภาพเรือนร่างขาวนวลที่เห็นเมื่อซักครู่ยังคงติดอยู่ในหัว สลัดยังไงก็ไม่หลุด แต่ที่น่าอายยิ่งไปกว่านั้นก็คือไอ้เจ้าคอมมานโดกลางตัวเขานี่สิ คนอย่างนายเหมืองสิงห์ไม่เคยขาดผู้หญิง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ค่อนข้างเสียศักดิ์ศรีอยู่พอสมควรที่คนอย่างเขาจะมาคอมโดพร้อมรบตอนเห็นร่างผู้ชายเปลือยแบบนี้ ดีนะที่เขาชักธงรบลงได้เร็ว เจ้าคอมมานโดแท่งใหญ่ของเขาจึงยังไม่ทำให้เขาขายขี้หน้าให้คนในมโนภาพต้องมามองเขาเป็นตัวประหลาด
“สองแสบละครับป้าพุด” ชายหนุ่มเอ่ยปากถามแม่บ้านที่เดินเข้ามาวางขนมและกาแฟให้เขาบนโต๊ะ พุดฤทัยชะเง้อมองออกไปนอกหน้าต่างก่อนจะตอบ
“เอ...ป้าว่าเดี๋ยวอีกไม่นานนายเม่นก็น่าจะพากลับมาแล้วนะคะ นี่ก็บ่ายแก่แล้วเด็กๆคงจะหิวกันแล้วล่ะค่ะ”
นายเหมืองใหญ่พยักหน้ารับรู้ แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตารอคอยต่อไป ...พุดฤทัยมองอาการเจ้านายหนุ่มก็ชักตงิด ท่าทางรอคอยที่เห็นนี่ชักไม่แน่ใจว่ากำลังรอคอยลูกชายหรือครูคนใหม่ของลูกชายกันแน่
“เดี๋ยวก็มาค่ะนายเหมือง...” ป้าพุดเอ่ยบอก เจ้านายหนุ่มจึงพยักหน้าตอบรับแล้วเอนหลังพิงพนักโซฟาตามเดิม
ครู่เล็กๆผ่านไป กลิ่นหอมแป้งเด็กยี่ห้อหนึ่งก็ลอยลมมากระทบจมูก สิงห์หนุ่มรีบหันขวับไปมองที่เชิงบันได เห็นร่างผอมบางในชุดเสื้อยืดสีเทาตุ่นกับกางเกงผ้านิ่มขายาวเดินลงบันไดมาอย่างค่อนข้างรีบเร่ง ผมเปียกหมาดยังไม่แห้งดีลู่เข้ากับกรอบใบหน้า สีผมดำสนิทที่ตัดกับผิวแก้มขาวผ่องทำให้นายสิงห์นึกอยากยกมือขึ้นไล้เบาๆดูซักที มันคงจะนิ่มมือกว่าที่เห็นน่าดู
“ผมมาช้าไปหรือเปล่าครับ...ขอโทษ...”
“ไม่เลยค่ะครูบัว...เชิญนั่งค่ะ” เป็นป้าพุดที่เดินเข้ามาจับจูงมือครูบัวของแกไปนั่งที่โซฟาตรงข้ามกับนายเหมือง ซึ่งอีกฝ่ายมีท่าทางไม่ค่อยอยากจะมองหน้าเขาในตอนแรก แต่ก็แค่แวบเดียวเท่านั้นที่ชายหนุ่มหลบตา ก่อนจะใช้สายตาคมดุจ้องมองกลับมาที่ว่าที่ลูกจ้างอย่างบัวด้วยแววตาจริงจังอย่างเดิม
“เอ่อ...มีอะไรที่ผมต้องรับทราบก่อนจะเริ่มทำงานบ้างครับ” บัวเริ่มต้นเป็นฝ่ายซักถามข้อมูลการทำงานจากนายจ้างก่อน ในมือเล็กมีสมุดโน๊ตทำมือและปากกาด้ามเล็กเปิดพร้อมเตรียมใช้ สิงห์มองท่าทางกระตือรือร้นและการเตรียมพร้อมของอีกฝ่ายอย่างค่อนข้างพอใจในระดับหนึ่ง มือแข็งแกร่งยกวางพาดบนท่อนขาแข็งแรงที่ยกขึ้นไขว่ห้างแบบตั้งฉาก ก่อนจะเริ่มสาธยายงานให้กับครูคนใหม่หน้าใสฟังโดยที่ไม่รอให้เจ้าสองแสบเข้ามาก่อกวนวุ่นวายเหมือนรายอื่นๆ
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก...ผมต้องการให้คุณมาคอยสอนพิเศษลูกชายของผม ไลเกอร์...กับไทกอน สองคนนี้ไม่ใช่เด็กโง่ เพียงแต่สองแสบนั้นสนแต่จะเล่นอย่างเดียวจนผลการเรียนร่อแร่เต็มที ผมต้องการให้คุณมาช่วยดูแลเรื่องผลการเรียนของลูกชายผม คุณจะใช้วิธีหรือจะจัดการเวลายังไงก็ได้ ตอนนี้สองแสบกำลังปิดเทอมอยู่อีกประมาณสามเดือนกว่าถึงจะเริ่มเปิดเทอม...”
“ครับ...แล้ว...มีอะไรที่น้องไลเกอร์กับไทกอนชอบ ไม่ชอบ หรือว่ากลัวมั้ยครับ” คำถามนี้ของครูคนใหม่ทำให้นายเหมืองสิงห์มีอาการคิ้วขมวดเล็กน้อย ไม่เคยมีครูคนไหนสนใจถามเรื่องลูกชายเขาในทำนองนี้มาก่อนเลย
“คือ...ผมแค่อยากรู้ไว้เพื่อจะได้เป็นข้อมูลในการดูแลลูกชายของคุณไงครับ”
“ดูแล...?” ไม่ใช่แค่สอนงั้นหรือ?
“ครับ หรือว่าถ้าบอกไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะครับ คือผม...”
“สองแสบไม่ชอบเสียงฟ้าผ่าเหมือนกัน แล้วไลเกอร์ก็ไม่ชอบกินแตงกวา ส่วนไทกอนไม่ชอบมะเขือเทศ...ไม่มีสิงสาราสัตว์ชนิดไหนที่สองแสบจะกลัว และสิ่งสุดท้าย...สองแสบชอบให้มีคนอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าจะหลับ” ชายหนุ่มจบคำพูดด้วยแววตาเป็นประกายพร้อมรอยยิ้มที่จุดขึ้นตรงมุมปาก บัวเหลือบตาขึ้นมองนายจ้างพอดีจึงทันได้เห็นรอยยิ้มนั้นใต้ราวหนวด...ความคิดผุดวาบขึ้นมาในสมองว่าถ้าเจ้าตัวยิ้มแบบนี้บ่อยๆได้คงจะดี เพราะมันทำให้สีหน้าเจ้าตัวคลายจากการเป็นสิงห์เหลือเป็นเพียงแค่คล้ายร็อตไวเลอร์ตัวโตๆผสมโกลเด้นรีทรีฟเวอร์เท่านั้น...
“พี่เม่น! อย่าให้ไลเกอร์จับได้นะ หยุดเดี๋ยวเน้!!!” เสียงแว่วๆแหลมเล็กดังใกล้ๆอยู่ตรงบานหน้าต่าง นายเหมืองสิงห์ชะโงกหน้าออกไปดูก็เห็นเด็กชายชั้นป.ห้าสองคนในชุดเชิ๊ตยีนส์กำลังวิ่งไล่ตามลูกน้องของเขามาทางประตูหน้าบ้าน นายเม่นเด็กเหมืองวัยสิบเก้า มีปัญญาเรียนจบแค่ชั้นป.6 แล้วหันมาเอาดีด้านการใช้แรงงานในเหมือง กำลังทำหน้าที่เป็นลูกล่อให้สองแสบวิ่งกลับมาบ้านด้วยตัวเอง เสียงเจื๊อยแจ้วพอกันของทั้งสามคนทำให้นายเหมืองสิงห์ต้องเหลือบหันมามองคุณครูคนใหม่เสียหน่อย อยากรู้ว่าถ้าได้เห็นแววจอมซนของทั้งสองคนนี้แล้วจะทำหน้ายังไง
อาการชะเง้อชะแง้มองไปทางประตูบ้านเหมือนป้าพุดพร้อมรอยยิ้มที่จุดขึ้นบนริมฝีปากขนาดกะทัดรัด ทำให้นายเหมืองใหญ่ต้องมีอาการฉงนออกมาอีกรอบ เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมีท่าทางตื่นเต้นยินดีที่จะได้เจอสองแสบ ไม่เหมือนครูคนอื่นที่มักจะสนใจเขามากกว่าลูกชายสองคนอย่างออกนอกหน้า
“พ่อสิงห์!!! พี่เม่นไม่ให้ไลเกอร์กับไทกอนไปเล่นในเหมือง...!!!” เสียงเจื้อยแจ้วเอ่ยฟ้องพฤติกรรมพี่เลี้ยงวัยรุ่นที่นั่งแผ่หมดแรง ลิบแล่บห้อยออกมาจากปากเหนื่อยเป็นหมาหอบแดด
“เป็นคำสั่งพ่อเอง...จะเข้าไปเล่นได้ยังไงในเหมืองมีแต่เครื่องจักรหนัก ขืนปล่อยสองสิงห์เข้าไปผจญภัยน่ากลัวงานพ่อคงจะบรรลัยแน่...”
“หูย...ไม่ขนาดนั้นหรอกพ่อสิงห์ ไลเกอร์เป็นเด็กดีจะตาย...” เด็กน้อยผิวขาวแก้มป่องในชุดเสื้อเชิ๊ตสีน้ำเงินอ่อนนั่งกระแซะนายเหมืองทางขวาก่อนดึงแขนพ่อมาโอบรอบไหล่ตัวเอง
“ช่าย...ไทกอนก็เป็นเด็กดี แถมหน้าตาดีอีกต่างหาก เนอะไลเกอร์เนอะ...” เด็กน้อยแก้มป่องพอกันรายที่สองในชุดเสื้อเชิ๊ตสีน้ำเงินเข้มกว่า นั่งกระแซะพ่ออยู่ทางซ้ายก็เอ่ยบอกบ้าง
“มันแน่อยู่แล้ว...ก็เชื้อพ่อมันแรง ลูกบ่าว (ลูกชาย) พ่อสองคนเลยโคลนนิ่งพ่อมันออกมาเหมือนเด๊ะ!”
...หน้าตาน่ะอาจจะใช่ แต่สีผิวน่ะคนละขั้ว คนลูกขาวจั๊วะ แต่คนพ่อน่ะสีน้ำผึ้งไหม้ติดก้นกะทะชัดๆ... บัวลงความเห็นได้เลยในทันทีทันใดว่าพ่อลูกบ้านนี้นั้นหลงตัวเองกันทั้งบ้าน
“พ่อ! แล้วพี่ตาหวานนี่ใครอ่ะ เมียใหม่พ่อเหรอ...” เด็กน้อยเอี๊ยมน้ำเงินเข้มที่บัวจำได้แล้วว่าชื่อไทกอนเอ่ยพลางชี้นิ้วมาที่เขา เด็กหนุ่มแอบมีสะดุ้งตัวเบาๆเมื่อจู่ๆก็ได้รับความสนใจกะทันหัน
“วุ้ย ไทกอนไม่เอาลูกไม่ชี้ผู้ใหญ่...มันไม่ดีนะลูก” ป้าพุดที่ยืนอยู่เยื้องหลังบัวเอ่ยบอกลูกชายเจ้านาย ซึ่งเด็กน้อยก็ยอมเอานิ้วลงแต่โดยดีพลางมองพ่อรอคำตอบตาแป๋ว
“เอ่อ...นี่ไม่ใช่เมียใหม่พ่อหรอก แต่เป็น...” สิงห์กำลังจะเอ่ยปากแก้ข่าวบอกลูก แต่ดันโดนเจ้าไลเกอร์ลูกชายอีกคนขัดขึ้นมาเสียก่อน
“พ่อ! อย่าบอกนะว่าไม่ใช่เมีย...แต่เป็นแม่ใหม่! ไลเกอร์ไม่เอานะพ่อ...ปกติแม่ชั่วคราวของไลเกอร์เขานมตู้มๆเท่าส้มโอเลยไม่ใช่เหรอ แต่คนนี้นมแบนนะพ่อ...ถึงพี่เขาจะตาหวานก็เหอะ...” พูดจบก็มีเสียงเจื้อยแจ้วสนับสนุนของลูกคู่ไทกอนทางซ้ายดังเป็นทัพเสริม คนถูกหาว่านมแบนมีอาการหน้าแดงพร้อมยกมือขึ้นลูบหน้าอกตัวเองโดยไม่รู้ตัว
“ไอ้สองแสบ...ใครบอกใครสอนเรื่องพวกนี้วะ พ่อจำได้ว่าไม่เคยสอนเรื่องแก่แดดแก่ลมพรรค์นี้ให้นะ”
“พี่เม่นสอน!!!” สองเสียงประสานขึ้นมาได้อย่างพร้อมเพรียงมาก คนถูกกล่าวหารีบลุกขึ้นนั่งดีๆในทันใดแล้วพนมขึ้นยกไหว้เจ้านายแต้
“ผ้ม...ผ้มไม่ได้สอนจิ่งจริงหน่ะขรับนายหัว! คุณหนูแกจำของแกเอง ผ้มไม่เกี่ยวนา...(ผม...ผมไม่ได้สอนจริงๆนะครับเจ้านาย คุณหนูแกจำของแกเอง ผมไม่เกี่ยวนะ)” เสียงตอบภาษาถิ่นใต้ดังขึ้นพร้อมศีรษะคนพูดที่ส่ายไปมารวดเร็วเรียกอมยิ้มเล็กๆได้จากบัวมาพอสมควร ดูเอาก็รู้ว่าคงโดนใส่ร้ายป้ายสี...แบบตั้งใจ
“เออ ก็ไม่ได้ว่าอะไร...แกอยู่ก็ดีแล้วเม่น ฉันจะได้แนะนำให้รู้จักกันเสียทีเดียวเลย...ไลเกอร์ ไทกอน...นี่คือคุณครูคนใหม่ของพวกแกสองคน ไม่ใช่เมียใหม่พ่อหรือแม่ใหม่พวกแกอะไรทั้งนั้น เขาชื่อครูบัว...เป็นผู้ชาย” ท้ายประโยคแอบมีอ้อมแอ้มนิดหน่อย ในสมองเกิดภาพจินตนาการชั่วขณะว่าถ้าครูบัวของทุกคนเป็นผู้หญิงคงจะงามหยดย้อยไม่ใช่น้อยเลย
“ครูใหม่!!!” สองแสบตะโกนประสานเสียงเข้าหูพ่อสิงห์ของทั้งคู่พร้อมกัน นายเหมืองสิงห์หน้าตาเหยเกเพราะเสียงของลูกน้อยมันทิ่มทะลวงเข้าไปในรูหูเขาเสียแก้วหูลั่นเปรี๊ยะเลย
“โหยพ่อ! ไลเกอร์ไม่อยากได้ครูใหม่ ยังไงไลเกอร์ก็สอบผ่านจบป.6 อยู่แล้วล่ะน่า”
“ทั้งๆที่เทอมที่แล้วต้องเข็นกันเกือบตายกว่าจะได้ที่สองและสามจากท้ายเนี่ยนะ” สิงห์ย้อนถามเจ้าลูกชาย
“แต่ก็ผ่านน่าพ่อ” ไทกอนร่วมด้วยช่วยบ่นอีกแรง พลางสายตาก็ส่งความไม่เป็นมิตรไปให้คุณครูผิวสวยตาหวานที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกัน
“แต่พ่อไม่พอใจผลการเรียนของสองแสบแค่ที่สองกับสามรั้งท้ายนี่หว่า...ไม่ต้องบ่น ยังไงพวกแกสองคนก็ต้องเรียนพิเศษกับครูบัวตลอดปิดเทอมนี้”
“ตลอดปิดเทอม!!! พ่อ...!!!” สองแสบประสานพลังกันคัดค้านจนครูบัวเริ่มมีอาการรับรู้แล้วว่า...คำว่าแสบซนที่ใครๆต่างก็กล่าวขวัญถึงคงจะไม่เกินจริงแน่
“ไม่ต้องเรียกครูก็ได้ครับไลเกอร์ ไทกอน...เรียกพี่บัวก็ได้นะ” บัวเริ่มต้นสานสัมพันธไมตรีด้วยการลดช่องว่างระหว่างกันจากครู – นักเรียน เป็นเพียงแค่พี่กับน้องดูก่อน
“ครูตาหวานชื่อบัวเหรอ” ไลเกอร์ที่นั่งตากลมป๊องมองว่าที่ครูใหม่ตาแป๋วถามขึ้น
...ครูตาหวาน ชื่อนี้สมกับตัวดีแฮะ...สิงห์แอบคิดในใจ
“...ครับ พี่ชื่อพี่บัวครับ...” บัวเอ่ยตอบ ไทกอนมีอาการก้มๆเงยๆมองหน้าเขา คงจะอยากดูหน้าเขาให้เห็นชัดๆล่ะสิ
“ทำไมไม่ชื่อตาหวานล่ะครู” ไทกอนเอ่ยถามบ้าง
“เอ่อ...ก็...พี่เป็นผู้ชาย ตาหวานน่ะชื่อผู้หญิงนะครับ...” บัวเอ่ยตอบเด็ก นึกกระด้างปากนิดๆอยู่เหมือนกันที่พูดคำว่า ‘ตาหวาน’ ตามเด็กๆ
“ก็ครูตาหวานอ่ะ ไลเกอร์จะเรียกครูตาหวาน...ไม่ได้เหรอ” ไลเกอร์เอ่ยบอก ครูคนนี้แลดูไม่เหมือนครูเลย ตัวเล็กๆผอมๆกว่าพี่เม่นอีก ท่าทางคงจะใจดี อย่างนี้คงไม่น่าอยู่เกินสามวัน...ดวงตาเจ้าเล่ห์เหล่มองน้องชายที่มีอายุห่างกันหนึ่งปีอย่างแอบมีแผนในใจ
“...ก็แล้วแต่...จะเรียกเถอะครับน้องไลเกอร์” บัวบอก รอยยิ้มติดแหยเล็กๆ ตอนนี้จะขัดใจไปก็เปล่าประโยชน์ บัวไม่อยากจะเริ่มงานด้วยความเครียดทั้งเขาและเด็กตั้งแต่วันแรก
“เอาล่ะสองแสบ ตกลงกับครู...ตาหวาน...ได้แล้วก็ไปอาบน้ำ จะได้ลงมากินข้าว...ใส่เสื้อยาวๆนะไลเกอร์ไทกอน คืนนี้ฝนตกจะได้ไม่นอนหนาว”
“ครับพ่อสิงห์!” สองแสบตะเบ๊ะรับคำก่อนจะกระโดดผลุงลงจากโซฟาแล้ววิ่งฉิวขึ้นห้องนอน มีเม่นวิ่งตามประกบเด็กๆพร้อมป้าพุดที่ขอตัวเดินเข้าครัวไปเหมือนกัน
“เป็นไงล่ะครูตาหวาน แบบนี้พอจะไหวมั้ย” สิงห์หันมาถามคู่สนทนาที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวในห้องรับแขก เห็นแววตาเอื้ออาทรณ์ที่มองส่งเจ้าลูกชายของเขาจนลับตาแล้วก็เพิ่มความพอใจขึ้นมาอีกระดับ...สนใจลูกมากกว่าพ่อ ก็ไม่เลว...แต่ก็ต้องใช้เวลาพิสูจน์กันต่อไป...เพิ่งเจอกันแค่วันเดียวจะตัดสินกันแค่นี้ไม่ได้ มารอดูกันว่าครูตาหวานคนนี้จะดีแตกที่วันไหน เขาเดาว่าไม่น่าจะเกินสามวัน...
“...” บัวเงียบในตอนแรกเพื่อรวบรวมลมหายใจ เรียกพลังฮึดจากแม่ที่กรุงเทพฯมาเป็นกำลังใจ ก่อนจะหันมาตอบนายจ้างด้วยรอยยิ้ม “ไหวครับ...ไม่ต้องห่วง ไลเกอร์กับไทกอนเป็นเด็กฉลาดจริงอย่างที่คุณว่า แต่เขาแค่ขาดแรงจูงใจในความสนใจในห้องเรียนก็เท่านั้น ปิดเทอมสามเดือนมีเวลาเพียงพอที่จะให้พวกแกได้ทบทวนบทเรียนทั้งหมดเพื่อขึ้น ป.6 เทอมใหม่ คุณสิงห์ไม่ต้องห่วงนะครับ”
สิงห์อยากจะบอกนักว่าอย่ามาบอกเขาเลยว่าไม่ต้องห่วง บอกตัวเถิดครูตาหวาน...แต่สิงห์มองแววตาเป็นประกายแบบนั้นแล้วก็พูดอะไรไม่ออก ไม่อยากพูดอะไรให้ขัดกับความรู้สึกตื่นเต้นของอีกฝ่ายที่ฉายชัดออกมาในตอนนี้...เขาควรจะบอกสถิติที่ครูแต่ละคนทำเอาไว้ให้อีกฝ่ายรู้ดีมั้ยนะ ว่าที่ผ่านมาสถิติอยู่นานที่สุดคือหนึ่งอาทิตย์ เร็วที่สุดคือ 18 ชั่วโมง...
บัวเก็บปากกาและสมุดโน๊ตที่เล็กขนาดยัดใส่กางเกงตัวเองได้ลงไป สองมือยกขึ้นพนมนายจ้างทำท่าว่าถ้าไม่มีอะไรแล้วก็จะขอตัวไปจัดของตัวเองอีกนิดหน่อย แต่ก่อนไปคนเป็นคุณครูคนใหม่ก็เงยหน้าขึ้นมามองเขาก่อนจะหน้าแดงนิดๆก่อนเอ่ย
“เอ่อ...คุณสิงห์ไม่ต้องเรียกผมว่าครูตาหวานเหมือนเด็กๆหรอกนะครับ เรียกบัวเฉยๆก็ได้...”
สิงห์หรี่ตามองคนพูด...นึกสงสัยนิดๆว่าทำไมลูกเรียกได้แล้วคนเป็นพ่ออย่างเขาถึงเรียกไม่ได้ล่ะเนี่ย
“ก็ได้...งั้นผมจะเรียกคุณว่า ‘บัวเฉยๆ’...เหมือนที่คุณต้องการ แบบนี้โอเคแล้วใช่มั้ยคุณบัวเฉยๆ” ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาอยากลองเย้าครูตัวขาวตรงหน้านิดหน่อย ใบหน้าจิ้มลิ้มสวยหวานแบบที่ดูออกว่าไม่ใช่ลูกคนจีนออกอาการค้อนเขานิดๆแล้วพูดงุบงิบเบาๆแต่เขาดันหูดีได้ยิน
“กวนเหมือนกันทั้งพ่อทั้งลูกเลย...”
“หืม? คุณว่าอะไรนะ...” สิงห์แอบถามทวนซ้ำประมาณว่าเมื่อกี๊พูดอะไร เขาไม่ได้ยิน...
“เปล๊า...คือ...คุณจะเรียกอะไรของคุณก็ตามสบายเถอะครับ ผมขอตัว...” บัวพูดจบก็หุนหันเดินแกมวิ่งออกไปขึ้นบันไดกลับไปชั้นบนตามเดิม สิงห์แอบลุกขึ้นเดินตามไปดูตรงช่องบันไดเพื่อดูว่าประตูห้องของครูตาหวานของเด็กปิดสนิทดีเรียบร้อย
“ก็มาลองดูกัน...ครูตาหวาน ว่าคุณจะทำลายสถิติไหน...เร็วที่สุด...หรือช้าที่สุดกันแน่...” คนพูดเอ่ยพร้อมรอยยิ้มเหยียดบนริมฝีปากครึ้มหนวดแล้วฮัมเพลงอารมณ์ดีเข้าห้องทำงานไป...
-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-
to be continue...
่ว่าแล้วก็ลงตอนใหม่ต่อซะเลย อิอิ :mew1: :mew1:
ตอนที่ ๑๖
“ลูกบ่าวพ่อแอบดูอะไรอยู่ ทำไมยังไม่เข้านอนอีก หืม?” นายเหมืองสะบัดเสื้อขึ้นสวมหัว พลางเอ่ยถามลูกน้อยสองคนที่ยืนทำลับล่ออยู่หน้าห้องครูตาหวานของพวกเขาด้วยท่าทีมีพิรุธ
“ก็ไทกับเกอร์จะมาให้ครูตาหวานจุ๊บหม่อมก่อนนอนให้ แต่ว่าครูคุยโทร’สับกับใครอยู่ก็ไม่รู้แหละพ่อ” ไทเกอร์เอามือป้องปากกระซิบกระซาบกับคนเป็นพ่อด้วยท่าทางคล้ายเจ้านักสืบตัวน้อยที่กำลังแอบสืบคดีแสนซนอยู่
“นั่นน่ะสิพ่อ แถมยังคุยกันตั้งนานสองนาน เกอร์เห็นครูตาหวานยิ้มๆด้วยแหละพ่อ” ไลเกอร์ไม่ยอมแพ้น้อง เขาบอกข้อมูลที่เขาเก็บได้ให้พ่อบ้าง ซึ่งทั้งสองคำให้การทำให้นายเหมืองสิงห์คิ้วขมวดแน่น
“คุยกันตั้งนานสองนาน? แถมยังยิ้มด้วยเหรอเกอร์...” นายเหมืองถามย้ำ ลูกน้อยสองคนพยักหน้าพร้อมกันพรึ่บพรั่บ แถมยังดึงเสื้อพ่อให้เข้าไปแอบส่องที่ช่องประตูแทนที่พวกเขาอีกต่างหาก
สิ่งที่นายเหมืองสิงห์มองเห็นผ่านทางช่องแง้มที่ประตูคือเบื้องหลังของครูบัวที่ยืนอยู่ริมหน้าต่าง มือข้างหนึ่งยกอยู่แนบหู เสียงพูดคุยแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยอารมณ์ขำขันดังลอดมาให้ได้ยิน ชายหนุ่มทนฟังอยู่ได้ครู่เดียวก็รีบหันกลับไปต้อนลูกๆให้กลับเข้าห้อง กำชับอย่างดีก่อนปล่อยลูกๆไปนอนว่าให้ห่มผ้าหนาๆพร้อมจุ๊บหม่อมให้คนละทีแทนคุณครูตาหวาน เมื่อเสร็จสรรพแล้วตัวเองก็จึงกลับไปอยู่หน้าห้องของคุณครูตาหวานอีกครั้ง แล้วถือวิสาสะเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในห้องของคุณครูตาหวานแล้วสืบเท้าแผ่วเบาเข้าไปยืนซ้อนหลังครูบัว ก่อนจะค่อยๆสอดมือเข้าไปที่ราวเอวของคนคุยโทรศัพท์ติดลมบนแล้วดึงเข้ามากอดแน่นไว้แนบอกอย่างหวงแหน ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่าคนถูกกอดสะดุ้งตัวขึ้นเบาๆตอนถูกเขากอด แต่กระนั้นเมื่อหันมามองแล้วพบว่าเป็นเขาคุณครูบัวก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร ยอมให้เขากอดนิ่งๆอยู่ในอ้อมอกของสิงห์หนุ่มด้วยท่าทางวางใจ
“...งั้นเท่านี้ก่อนแล้วกันนะครับ ไว้ค่อยคุยกันใหม่...ครับ...เรื่องน้ำตกไม่ต้องห่วง พี่หาเวลาว่างมาให้ได้เถอะ ฮ่ะๆ ครับๆ...แค่นี้นะบัวจะวางแล้ว...ราตรีสวัสดิ์ครับ” น้ำเสียงร่าเริงบอกลาปลายสายก่อนจะวางนิ้วเตรียมตัดสายทิ้ง ที่หน้าจอโทรศัพท์ก่อนจะดับไปปรากฏชื่อ ‘ฉัตรฟ้า’ ตามคาด ยิ่งเห็นดังนั้นอ้อมแขนแกร่งก็ยิ่งรัดแน่นขึ้น ตั้งใจจะให้มันแข็งแรงทนทานดั่งกรงเหล็กที่เอาไว้ใช้กักขังตัวคุณครูบัวให้อยู่กับเขาคนเดียวโดยเฉพาะ ไม่อยากให้ใครคนอื่นได้พบหน้าคนตัวหอมนี้อีก
“นายเหมืองจะรัดให้บัวขาดอากาศหายใจไปเลยรึไงกันครับ ปล่อยได้แล้ว...” หลังจากยืนนิ่งให้จอมฉวยโอกาสกอดซุกอยู่ข้างหลังเขามาเกือบนาทีบัวจึงได้โอกาสพูดขึ้น
“ไม่ปล่อย จะหาว่าหน้าด้านก็ยอม...แต่คืนนี้ไปนอนห้องพี่นะบัว พี่สงบใจไม่ลงจริงๆถ้าบัวไม่อยู่ใกล้ๆพี่คืนนี้”
“...หืม? จะชวนบัวขึ้นเตียงทั้งทีไม่มีคำที่หวานกว่านี้แล้วเหรอ” บัวเอ่ยเย้า แต่อีกฝ่ายกลับยิ่งซุกตอเคราเข้าซอกคอบัวแล้วลามมาที่แก้ม ก่อนจะส่ายหน้าชิดแก้มบัวก่อนเอ่ย
“พี่ไม่ชอบที่บัวคุยกับคนอื่น”
“...แต่พี่ฉัตรเป็น ‘แค่’ พี่ของบัว”
“...แค่ ‘พี่’ พี่ก็หึง...ขนาดบัวอยู่กับวัวตัวผู้พี่ยังหึงเลย”
“นายเหมือง...ตลกแล้ว...”
“ไม่ตลก” ชายหนุ่มเอ่ยหยุดบัวเอาไว้แค่นั้น ฝ่ามือใหญ่ก็ยึดโทรศัพท์บัวมากดเปิดดู โทรศัพท์รุ่นเก่ากึกไม่มีรหัสล็อกหน้าจอเปิดเผยข้อมูลออกมาหมดว่านอกจากสายเมื่อสักครู่แล้วช่วงเวลาหลังอาหารเย็นทั้งคู่ก็ได้ติดต่อกันอีก แถมระยะเวลาที่คุยก็ค่อนข้างนานด้วย แน่นอนว่านั่นยิ่งมาช่วยโหมกระพือความร้อนที่มันคุกรุ่นอยู่ในใจนายเหมืองให้มันเริ่มลุกโชนจนเกือบควบคุมไม่อยู่
“...มีเรื่องอะไรต้องคุยกันนักหนาวะ” และแน่นอนว่านายเหมืองไม่เคยเก็บอะไรเอาไว้ในใจได้นาน คิดอะไรอยู่ก็พูดออกมาหมด
“นายเหมืองพูดไม่เพราะ...นายเหมืองเป็นพ่อนะ ทำอะไรออกไปไลเกอร์กับไทกอนที่เป็นลูกเขาจะดูแล้วก็จำเป็นแบบอย่างหมด ถึงพูดไม่เพราะนิดๆหน่อยๆก็ห้ามเด็ดขา...อุ...อื้ม!...”
เขาอยากได้บัวมาเป็นแม่ของลูก ไม่ใช่แม่ของเขา เพราะฉะนั้นคำพูดสั่งสอนพวกนั้นเขาอยากให้บัวกลับไปสอนลูกๆของเขามากกว่า ส่วนตอนนี้น่ะ...มันไม่ใช่สถานการณ์ที่จะมาเล่นบทแม่ลูกกับเขา บทบาทเดียวที่บัวสมควรจะแสดงกับเขาก็คือ...แม่เมียไม่รักดีที่แอบไปคุยโทรศัพท์กับชู้ลับที่แอบซุกเอาไว้โดยไม่ยอมบอกให้ผัวผู้แสนดีอย่างเขารับรู้...
“อึ้ก...นะ...นายเหมือง บัว...บัวหายใจ...ม..ไม่ทัน...”
“...บอกพี่มาสิคนดี ว่าบัวจะไม่คุยกับเขาอีก...” พูดพลางริมฝีปากคนบังคับจูบก็เฝ้าคลอเคลียชิดริมฝีปากคนถูกฝืนบังคับจูบ แค่หายใจทางจมูกตามปกติยังยากอยู่แล้วเพราะคนมันไม่เคยชิน ยิ่งหวังจะหายใจทางปากเพื่อต่อลมหายใจอีกทางยิ่งหมดสิทธิ์ ตอนนี้บัวรู้สึกทั้งอึดอัดทั้งเสียววาบในช่องท้องอย่างไรก็ไม่รู้
“บัว...บัวทำไม่ได้...”
“ถ้าบัวทำไม่ได้...พี่ก็จะยืนจูบบัวอยู่อย่างนี้...ทั้งคืน”
“ฮื้อ...” บัวร้องครางในลำคอ ดวงตากลมโตกลบน้ำมองช้อนใบหน้ารกตอเครานิดๆที่ปลายคางและข้างจอนด้วยความเว้าวอนกึ่งร้องขอ แต่ความปราณีที่วาดหวังกลับไม่มีปรากฏให้เห็นเลยสักนิด บัวจึงพยายามเบือนหน้าหนีเขาแล้วซุกเข้าอกแทนเมื่อไม่รู้จะหลบไปที่ไหนดี หลังจากนั้นบัวก็รู้สึกว่ามีมือหยาบกร้านข้างหนึ่งพยายามที่จะดันศีรษะเขาออก แต่ทว่าเมื่อเขาไม่ยอมที่จะเงยหน้าขึ้นไปสู้กับชายหนุ่มอีกฝ่ามือข้างนั้นก็กลับกลายมาเป็นค่อยๆลูบผมเขาเบาๆแล้วก็จับเขากอดเอาไว้แน่นๆแทน
“เฮ้อ...ถ้ายังทำตัวน่ารักแล้วก็อ้อนพี่แบบนี้อีกครั้งนะ พี่จะเอาบัวขังไว้ในห้องแล้วโทรศัพท์ไปบอกแม่บัวว่า ‘แม่ครับ ผมขอเก็บลูกชายแม่มาใส่แจกันบ้านผมนะครับ รับรองว่าจะดูแลอย่างดี น้ำไม่ให้ขุ่น บัวไม่ให้ช้ำแน่นอน’...แบบนี้คิดว่า แม่บัวจะอนุญาตไหม”
“แม่จะไม่อนุญาต เพราะเห็นบัวช้ำเพราะถูกสิงห์หนุ่มขย้ำกอดอยู่แบบนี้นี่แหละ...” เสียงหวานครางงุดมุดอยู่ตรงอก ตอนนั้นนายเหมืองถึงเพิ่งรู้ตัว ว่าริมฝีปากมันแอบเผลอยิ้มออกมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
บัวขาว เปรียบล้ำ สำลี
ให้พี่ หวงหอม ดอมดม
จรุงจิต กลิ่นเจ้า เคล้าลม
อภิรมย์ ชิดไว้ ใกล้กาย
กลีบบัว บอบบาง ลางรุม
สิงห์หนุ่ม ผยองเร่ง เร้นหมาย
คืบคืบ หมายตัด กลัดกลาย
ปักไว้ แจกัน รัญจวน
ตอนที่ ๑๔
“ลูกบ่าวพ่อแอบดูอะไรอยู่ ทำไมยังไม่เข้านอนอีก หืม?” นายเหมืองสะบัดเสื้อขึ้นสวมหัว พลางเอ่ยถามลูกน้อยสองคนที่ยืนทำลับล่ออยู่หน้าห้องครูตาหวานของพวกเขาด้วยท่าทีมีพิรุธ
“ก็ไทกับเกอร์จะมาให้ครูตาหวานจุ๊บหม่อมก่อนนอนให้ แต่ว่าครูคุยโทร’สับกับใครอยู่ก็ไม่รู้แหละพ่อ” ไทเกอร์เอามือป้องปากกระซิบกระซาบกับคนเป็นพ่อด้วยท่าทางคล้ายเจ้านักสืบตัวน้อยที่กำลังแอบสืบคดีแสนซนอยู่
“นั่นน่ะสิพ่อ แถมยังคุยกันตั้งนานสองนาน เกอร์เห็นครูตาหวานยิ้มๆด้วยแหละพ่อ” ไลเกอร์ไม่ยอมแพ้น้อง เขาบอกข้อมูลที่เขาเก็บได้ให้พ่อบ้าง ซึ่งทั้งสองคำให้การทำให้นายเหมืองสิงห์คิ้วขมวดแน่น
“คุยกันตั้งนานสองนาน? แถมยังยิ้มด้วยเหรอเกอร์...” นายเหมืองถามย้ำ ลูกน้อยสองคนพยักหน้าพร้อมกันพรึ่บพรั่บ แถมยังดึงเสื้อพ่อให้เข้าไปแอบส่องที่ช่องประตูแทนที่พวกเขาอีกต่างหาก
สิ่งที่นายเหมืองสิงห์มองเห็นผ่านทางช่องแง้มที่ประตูคือเบื้องหลังของครูบัวที่ยืนอยู่ริมหน้าต่าง มือข้างหนึ่งยกอยู่แนบหู เสียงพูดคุยแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยอารมณ์ขำขันดังลอดมาให้ได้ยิน ชายหนุ่มทนฟังอยู่ได้ครู่เดียวก็รีบหันกลับไปต้อนลูกๆให้กลับเข้าห้อง กำชับอย่างดีก่อนปล่อยลูกๆไปนอนว่าให้ห่มผ้าหนาๆพร้อมจุ๊บหม่อมให้คนละทีแทนคุณครูตาหวาน เมื่อเสร็จสรรพแล้วตัวเองก็จึงกลับไปอยู่หน้าห้องของคุณครูตาหวานอีกครั้ง แล้วถือวิสาสะเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในห้องของคุณครูตาหวานแล้วสืบเท้าแผ่วเบาเข้าไปยืนซ้อนหลังครูบัว ก่อนจะค่อยๆสอดมือเข้าไปที่ราวเอวของคนคุยโทรศัพท์ติดลมบนแล้วดึงเข้ามากอดแน่นไว้แนบอกอย่างหวงแหน ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่าคนถูกกอดสะดุ้งตัวขึ้นเบาๆตอนถูกเขากอด แต่กระนั้นเมื่อหันมามองแล้วพบว่าเป็นเขาคุณครูบัวก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร ยอมให้เขากอดนิ่งๆอยู่ในอ้อมอกของสิงห์หนุ่มด้วยท่าทางวางใจ
“...งั้นเท่านี้ก่อนแล้วกันนะครับ ไว้ค่อยคุยกันใหม่...ครับ...เรื่องน้ำตกไม่ต้องห่วง พี่หาเวลาว่างมาให้ได้เถอะ ฮ่ะๆ ครับๆ...แค่นี้นะบัวจะวางแล้ว...ราตรีสวัสดิ์ครับ” น้ำเสียงร่าเริงบอกลาปลายสายก่อนจะวางนิ้วเตรียมตัดสายทิ้ง ที่หน้าจอโทรศัพท์ก่อนจะดับไปปรากฏชื่อ ‘ฉัตรฟ้า’ ตามคาด ยิ่งเห็นดังนั้นอ้อมแขนแกร่งก็ยิ่งรัดแน่นขึ้น ตั้งใจจะให้มันแข็งแรงทนทานดั่งกรงเหล็กที่เอาไว้ใช้กักขังตัวคุณครูบัวให้อยู่กับเขาคนเดียวโดยเฉพาะ ไม่อยากให้ใครคนอื่นได้พบหน้าคนตัวหอมนี้อีก
“นายเหมืองจะรัดให้บัวขาดอากาศหายใจไปเลยรึไงกันครับ ปล่อยได้แล้ว...” หลังจากยืนนิ่งให้จอมฉวยโอกาสกอดซุกอยู่ข้างหลังเขามาเกือบนาทีบัวจึงได้โอกาสพูดขึ้น
“ไม่ปล่อย จะหาว่าหน้าด้านก็ยอม...แต่คืนนี้ไปนอนห้องพี่นะบัว พี่สงบใจไม่ลงจริงๆถ้าบัวไม่อยู่ใกล้ๆพี่คืนนี้”
“...หืม? จะชวนบัวขึ้นเตียงทั้งทีไม่มีคำที่หวานกว่านี้แล้วเหรอ” บัวเอ่ยเย้า แต่อีกฝ่ายกลับยิ่งซุกตอเคราเข้าซอกคอบัวแล้วลามมาที่แก้ม ก่อนจะส่ายหน้าชิดแก้มบัวก่อนเอ่ย
“พี่ไม่ชอบที่บัวคุยกับคนอื่น”
“...แต่พี่ฉัตรเป็น ‘แค่’ พี่ของบัว”
“...แค่ ‘พี่’ พี่ก็หึง...ขนาดบัวอยู่กับวัวตัวผู้พี่ยังหึงเลย”
“นายเหมือง...ตลกแล้ว...”
“ไม่ตลก” ชายหนุ่มเอ่ยหยุดบัวเอาไว้แค่นั้น ฝ่ามือใหญ่ก็ยึดโทรศัพท์บัวมากดเปิดดู โทรศัพท์รุ่นเก่ากึกไม่มีรหัสล็อกหน้าจอเปิดเผยข้อมูลออกมาหมดว่านอกจากสายเมื่อสักครู่แล้วช่วงเวลาหลังอาหารเย็นทั้งคู่ก็ได้ติดต่อกันอีก แถมระยะเวลาที่คุยก็ค่อนข้างนานด้วย แน่นอนว่านั่นยิ่งมาช่วยโหมกระพือความร้อนที่มันคุกรุ่นอยู่ในใจนายเหมืองให้มันเริ่มลุกโชนจนเกือบควบคุมไม่อยู่
“...มีเรื่องอะไรต้องคุยกันนักหนาวะ” และแน่นอนว่านายเหมืองไม่เคยเก็บอะไรเอาไว้ในใจได้นาน คิดอะไรอยู่ก็พูดออกมาหมด
“นายเหมืองพูดไม่เพราะ...นายเหมืองเป็นพ่อนะ ทำอะไรออกไปไลเกอร์กับไทกอนที่เป็นลูกเขาจะดูแล้วก็จำเป็นแบบอย่างหมด ถึงพูดไม่เพราะนิดๆหน่อยๆก็ห้ามเด็ดขา...อุ...อื้ม!...”
เขาอยากได้บัวมาเป็นแม่ของลูก ไม่ใช่แม่ของเขา เพราะฉะนั้นคำพูดสั่งสอนพวกนั้นเขาอยากให้บัวกลับไปสอนลูกๆของเขามากกว่า ส่วนตอนนี้น่ะ...มันไม่ใช่สถานการณ์ที่จะมาเล่นบทแม่ลูกกับเขา บทบาทเดียวที่บัวสมควรจะแสดงกับเขาก็คือ...แม่เมียไม่รักดีที่แอบไปคุยโทรศัพท์กับชู้ลับที่แอบซุกเอาไว้โดยไม่ยอมบอกให้ผัวผู้แสนดีอย่างเขารับรู้...
“อึ้ก...นะ...นายเหมือง บัว...บัวหายใจ...ม..ไม่ทัน...”
“...บอกพี่มาสิคนดี ว่าบัวจะไม่คุยกับเขาอีก...” พูดพลางริมฝีปากคนบังคับจูบก็เฝ้าคลอเคลียชิดริมฝีปากคนถูกฝืนบังคับจูบ แค่หายใจทางจมูกตามปกติยังยากอยู่แล้วเพราะคนมันไม่เคยชิน ยิ่งหวังจะหายใจทางปากเพื่อต่อลมหายใจอีกทางยิ่งหมดสิทธิ์ ตอนนี้บัวรู้สึกทั้งอึดอัดทั้งเสียววาบในช่องท้องอย่างไรก็ไม่รู้
“บัว...บัวทำไม่ได้...”
“ถ้าบัวทำไม่ได้...พี่ก็จะยืนจูบบัวอยู่อย่างนี้...ทั้งคืน”
“ฮื้อ...” บัวร้องครางในลำคอ ดวงตากลมโตกลบน้ำมองช้อนใบหน้ารกตอเครานิดๆที่ปลายคางและข้างจอนด้วยความเว้าวอนกึ่งร้องขอ แต่ความปราณีที่วาดหวังกลับไม่มีปรากฏให้เห็นเลยสักนิด บัวจึงพยายามเบือนหน้าหนีเขาแล้วซุกเข้าอกแทนเมื่อไม่รู้จะหลบไปที่ไหนดี หลังจากนั้นบัวก็รู้สึกว่ามีมือหยาบกร้านข้างหนึ่งพยายามที่จะดันศีรษะเขาออก แต่ทว่าเมื่อเขาไม่ยอมที่จะเงยหน้าขึ้นไปสู้กับชายหนุ่มอีกฝ่ามือข้างนั้นก็กลับกลายมาเป็นค่อยๆลูบผมเขาเบาๆแล้วก็จับเขากอดเอาไว้แน่นๆแทน
“เฮ้อ...ถ้ายังทำตัวน่ารักแล้วก็อ้อนพี่แบบนี้อีกครั้งนะ พี่จะเอาบัวขังไว้ในห้องแล้วโทรศัพท์ไปบอกแม่บัวว่า ‘แม่ครับ ผมขอเก็บลูกชายแม่มาใส่แจกันบ้านผมนะครับ รับรองว่าจะดูแลอย่างดี น้ำไม่ให้ขุ่น บัวไม่ให้ช้ำแน่นอน’...แบบนี้คิดว่า แม่บัวจะอนุญาตไหม”
“แม่จะไม่อนุญาต เพราะเห็นบัวช้ำจากการถูกสิงห์หนุ่มขย้ำกอดอยู่แบบนี้นี่แหละ...” เสียงหวานครางงุดมุดอยู่ตรงอก ตอนนั้นนายเหมืองถึงเพิ่งรู้ตัว ว่าริมฝีปากมันแอบเผลอยิ้มออกมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
บัวขาว เปรียบล้ำ สำลี
ให้พี่ หวงหอม ดอมดม
จรุงจิต กลิ่นเจ้า เคล้าลม
อภิรมย์ ชิดไว้ ใกล้กาย
กลีบบัว บอบบาง ลางรุม
สิงห์หนุ่ม ผยองเร่ง เร้นหมาย
คืบคืบ หมายตัด กลัดกลาย
ปักไว้ แจกัน รัญจวน
----------------------------------------------------
“ไลเกอร์ครับ เวลาหนูถอนต้นกระสังนะลูกต้องเอาให้ติดรากมันมาด้วยครับ ถ้าถอนมาแต่ใบแล้วใส่น้ำมันก็ไม่เห็นอะไรสิ...แบบนั้นเลยครับไทกอน ดึงขึ้นมาช้าๆลูก...” บัวช้อนมือเด็กค่อยๆพาให้ดึงต้นกระสังขึ้นมาจากดินช้า ระวังไม่ให้รากขาด รวบรวมพอให้ได้สี่ห้าต้นก็บอกให้เด็กๆถือดีๆจะได้เอาไปล้างที่บ้าน
วันนี้แดดร่มลมตก บัวจึงพาเด็กๆออกมาเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อมนอกบ้านบ้าง วันนี้ตั้งใจไว้ว่าจะสอนเรื่องเกี่ยวกับพืช ก่อนหน้านี้บัวให้เด็กๆแข่งกันจดรายชื่อต้นไม้ที่ตนรู้จักรอบๆบ้านมาคนละสิบต้น แล้วก็มอบรางวัลให้กับผู้ชนะซึ่งก็คือทั้งคู่ไปแล้วเพราะวิ่งกลับมาหาเขาพร้อมกัน ที่สำคัญผลงานของทั้งไลเกอร์และไทกอนก็ทำให้บัวประหลาดใจเป็นอย่างมาก เพราะรายชื่อต้นไม้ที่ทั้งคู่ส่งมาให้ดูมีเกินสิบอย่าง แถมแต่ละอย่างก็แทบจะไม่ได้ซ้ำกันเลยด้วย เห็นแบบนี้แล้วก็คงต้องยกความดีความชอบให้กับคนรอบข้างของเด็กๆ ที่ช่วยสอนให้พวกแกรู้จักธรรมชาติมากขนาดนี้ ผิดกับเด็กในเมือง ที่ในหัวคงจำได้แค่ชื่อห้าง ชื่อแบรนด์เสื้อผ้า หรือชื่อยี่ห้อโทรศัพท์มือถือกระมัง บัวยิ้มมองความร่าเริงสดใสของเด็กๆสองคนแล้วก็พาลให้นึกเปรียบเทียบกับเด็กๆที่บัวเคยสอนสมัยที่ต้องไปเป็นนิสิตฝึกสอนขึ้นมา จำได้ว่าบัวเคยถามเด็กคนหนึ่งว่าต้นไม้ต้นใหญ่ที่ขึ้นอยู่หน้าตึกเรียนคือต้นอะไร จากสิบคนเห็นจะมีแค่สักคนกระมังที่รู้ ทั้งๆที่เห็นอยู่ทุกวันที่มาเรียนแท้ๆ
บัวจัดวางแก้วพลาสติกใสที่หยดสีผสมอาหารจากครัวของป้าพุดลงที่ชานบ้าน กลิ่นดอกโมกหอมอ่อนลอยมาตามลมยิ่งช่วยเพิ่มบรรยากาศของการเรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติให้เป็นไปอย่างราบรื่น น้ำเสียงเจื้อยแจ้วที่กำลังอธิบายเรื่องท่อลำเลียงน้ำและอาหารของต้นกระสังพร้อมเสียงหวีดหวิวผิวปากของเด็กปนเสียงปรบมืออย่างตื่นตาตื่นใจเมื่อเห็นต้นกระสังในแต่ละจานเปลี่ยนสีลำต้นได้ฟังดูเพลิน
นายเหมืองสิงห์ พุฒธา เหนือ กร กับสันต์ที่เดินเลียบข้างบ้านมาหยุดยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น แอบฟังเสียงเจื้อยแจ้วของคนบนชานบ้านเงียบๆ สักพักก็มีเสียงแหลมๆสำเนียงถิ่นใต้โผล่เข้ามาร่วมแจม เหมือนคนหลังจะเอาของกินเล่นอะไรมาให้สักอย่าง เสียงบนบ้านฟังดูสนุกสนานเสียจนนายเหมืองสิงห์ยังต้องแอบอมยิ้ม เพื่อนร่วมงานและพุฒธาเหลือบเห็นภาพนั้นแล้วยังขนลุกเป็นเกลียววาบๆ
“เฮ้ย รู้ว่าหลงเด็กมาก...นะ แต่เก็บอาการบ้างก็ได้ บอกตามตรง...เลี่ยนว่ะเพื่อน” กร นายตำรวจหนุ่มที่ตามมาขอสอบปากคำครูบัวเพื่อนเติมเอาขาเตะหลังเข่าเพื่อนพลางเอ่ยขึ้น นายเหมืองยกเท้าเตะกลับไปทันควันแต่กระนั้นก็โดนเพื่อนแค่เฉี่ยวๆ
ทันใดนั้นเองในตอนที่ทั้งห้าหนุ่มกำลังจะเดินอ้อมไปทางข้างหน้าตัวบ้าน เสียงล้อรถบดถนนที่ไม่คุ้นเคยก็ดังขึ้น มันดังเอี๊ยดก่อนที่ตัวรถจะมากระแทกกับบันไดทางขึ้นบ้านนิดเดียว นายเหมืองสิงห์เกือบจะพุ่งตัวออกไปดูแล้วว่ามีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า ทว่าเสียงเจ้าส้มที่ดังแหวขึ้นมาก่อนก็ทำให้ชายหนุ่มหยุดยืนอยู่กับที่ แล้วแอบมองลอดใต้ระแนงไม้ที่เขาทำเอาไว้บังตาด้วยเถาไม้เลื้อย ทั้งห้าคนหยุดยืนมองเจ้าส้มกับครูบัวที่เอาไลเกอร์กับไทกอนไปแอบไว้อยู่ข้างหลัง เมื่อจู่ๆร่างผอมบางของใครบางคนก็ก้าวเท้าขึ้นไปบนบ้านของเขาอย่างถือวิสาสะ
“คุณติรกา คุณมาที่นี่ทำไม” เจ้าส้มออกโรงนำหน้าเพราะรู้ฤทธิ์ของสาวเจ้าดี ตั้งแต่สมัยแม่ของเจ้าสองแสบยังอยู่ แล้ว ที่หล่อนมักจะทำตัวน่ารำคาญ เพราะอยากจะแทรกกลางระหว่างเจ้านายทั้งสองของเจ้าส้มอยู่เสมอ
“ไม่เห็นต้องถาม ฉันก็มาหานายเหมืองน่ะสิ แล้วก็ไม่ต้องโกหกฉันด้วยเหตุผลโง่ๆเหมือนเดิมอีกนะว่านายเหมืองไม่อยู่ เพราะเมื่อกี๊ฉันไปถามคนที่เหมืองมาแล้ว...แล้วเขาก็บอกว่านายเหมืองเพิ่งกลับมาที่บ้าน เพราะฉะนั้นถอยไป ฉันจะเข้าไปหานายเหมือง...”
“ขอโทษนะครับแต่คงให้เข้าไปไม่ได้ เพราะตอนนี้นายเหมืองไม่อยู่จริงๆ” บัวยึดมือเด็กน้อยที่ซ่อนอยู่ข้างหลังให้กอดเอวตัวเองไว้แน่นๆ
“เฮอะ...ให้เข้าไม่ได้ สั่งเสียอย่างกับเป็นเจ้าของบ้านเสียเองงั้นล่ะ...หน้าไม่อาย” สายตาที่คนพูดมองกราดมาที่บัวนั้นพิจารณากวาดมองไปทั่วตั้งแต่ปลายเส้นผมจรดปลายเท้า ซึ่งสายตาเหยียดหยามแบบนั้นทั้งส้มไลเกอร์ และไทกอนรู้สึกไม่ชอบเอาเสียเลย
“อย่ามองครูตาหวานแบบนั้นนะ!! ยัยป้าตีลังกา!!” ไทกอนที่ปากกล้ากว่าพี่ชายตะโกนขึ้นมาดังลั่นก่อนจะโดนเจ้าส้มเอามือปิดปากเพื่อไม่ให้พูดอะไรต่อ
“ไอ้เด็กเปรตนี่! ปากเสียแบบนี้เพราะไม่มีแม่สั่งสอนล่ะสินะ...เอาเถอะ ฉันจะไม่ถือโทษโกรธอะไร เพราะเห็นแก่ความสงสารของเด็กไม่มี ‘แม่’ ก็แล้วกัน...”
“คุณติรกา! ทำไมคุณพูดแบบเนี้ย...ไม่คิดเลยนะว่าผู้หญิงหน้าตาดีๆอย่างคุณจะพูดว่าเด็กแบบนี้ได้ลงคอ!” ส้มผู้มีขีดความอดทนต่ำรีบเอามือปิดหูเด็ก ก่อนจะตะโกนถามอีกฝ่ายเสียงดังด้วยความไม่พอใจ
“แล้วจะทำไม ก็ฉันพูดเรื่องจริง เด็กมันก็รู้นี่...ว่าแม่มันตาย เพราะต้องปกป้องพวกมัน” ดวงตากลมโตที่แต่งแต้มสีม่วงเข้มม่วงอ่อนไว้อย่างลงตัวเบิ่งขึ้นโต แพขนตาปลอมกระพือพึ่บพั่บเชื่องช้ายามที่เรียวปากกรีดรอยยิ้มสาสมใจที่เห็นเด็กน้อยสองคนยืนน้ำตาคลอเบ้าเกาะเอวส้มกับบัวเอาไว้แน่น
“หยุดพูดแบบนี้นะคุณติรกา แล้วก็ออกไปจากบ้านนี้เดี๋ยวนี้...ไม่รู้นายเหมืองคิดอะไรอยู่ ถึงได้ยังญาติดีกับผู้หญิงแบบคุณอยู่ได้” ส้มเอ่ยอย่างไม่พอใจ แน่นอนว่าไม่พอใจทั้งผู้หญิงคนนี้และเจ้านายตัวเองด้วยนั่นแหละ
“หึ เขาก็คงจะเบื่อ...ที่ต้องมาทนอยู่ดูแลมรดกกลางไร่กลางนา แล้วยังจะต้องมีภาระเป็นเด็กนรกสองคนนี้อีก ไม่รู้ว่านายเหมืองของฉันเขาทนอยู่ได้ยังไงตั้งหลายปี นี่ก็บอกไปหลายครั้งแล้วนะว่าถ้า เขายอมแต่งงานไปกับฉันก็คงจะสบายไปแล้ว ไม่ต้องมา...”
“หยุดพูดเรื่องที่มันเป็นไปไม่ได้สักทีเถอะคุณติรกา! นี่ครูบัวครับ! ช่วยพูดอะไรบ้างสิ...อ๊ะ” ส้มที่เส้นอารมณ์แทบขาดผึงหันไปหาตัวช่วยที่เอาแต่ยืนนิ่งไม่พูดไม่จามาตั้งแต่เมื่อครู่แล้วก็ต้องยอมหุบปากเงียบกริบ เมื่อตอนนี้คนที่ยืนเงียบมาตลอดและไม่ยอมช่วยต่อปากต่อคำกับผู้หญิงใจร้ายนั้นยืนกำมือแน่น ส่วนสายตาที่ก้มมองพื้นในตอนแรกนั้นมองตวัดกลับไปที่คนขอความร่วมมือก่อนจะหันไปมองผู้หญิงตรงหน้าด้วยสายตาเดียวกันกับที่ทำให้เจ้าส้มต้องหุบปาก
“...ผมคิดว่าไม่ควรจะเสียเวลาพูดอะไรกับคนน่าสงสาร...ที่มีแม่...แต่แม่กลับไม่ยอมสั่งสอน...” บัวไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าความโกรธมากมายที่มันพลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างไม่มีทางออกจะถูกส่งผ่านไปทางสายตาจนหมด ความโกรธเกรี้ยวถูกขังเอาไว้ไม่ให้แสดงออกด้วยความรุนแรง เนื่องเพราะคนตรงหน้าเป็นสตรี...
...จะหาว่าหน้าตัวเมียก็ได้ แต่หากคนตรงหน้านี้เป็นผู้ชาย...เขาก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าอาจจะต้องยอมถูกปรับเป็นจำนวนเงินห้าร้อยบาท ข้อหาทะเลาะวิวาทเป็นครั้งแรกในชีวิตรึเปล่า...
“ไปลูก...เข้าบ้าน...ส้ม ปิดประตูด้วยนะ บ้านนี้ ไม่ ต้อน รับ คน แปลก หน้า...” บัวเอ่ย น้ำเสียงเย็นเยือกเสียจนส้มยังต้องรีบทำตามคำสั่งแบบไม่มีบิดพลิ้ว บัวคว้าแขนไทกอนกับไลเกอร์ไว้คนละข้าง ก่อนจะลากพาทั้งสองหนุ่มน้อยเข้าไปในบ้าน ก่อนจะตามด้วยส้มที่ปิดประตูกระจกหน้าบ้านดังปัง พร้อมทั้งแลบลิ้นยิงฟันใส่สาวคนงามนามติรกาด้วยความสะใจ
ทางฝ่ายห้าหนุ่มที่ยืนแอบมองและแอบฟังเรื่องทั้งหมดอยู่ใต้ระแนงไม้พากันหันไปมองนายเหมืองสิงห์กันเป็นตาเดียว ใบหน้าคมหล่อแต่ครึ้มไปด้วยรอยเคราสากที่ประดับข้างแก้มไม่มีแม้แต่รอยยิ้ม หัวคิ้วก็ย่นเข้าหากัน แต่นัยน์ตาที่เพื่อนๆเห็นนั้นกลับมีแววสาแก่ใจนัก และหากมีใครสักคนได้ก้มลงมองดูที่ปลายท่อนแขนใหญ่ ก็จะได้พบรอยเส้นเลือดที่ปูดโปนไปตามลำแขน เนื่องเพราะฝ่ามือนั้นกำแน่นจนข้อนิ้วซีดขาว
“ครูบัวแกนี่...ใจเด็ดดีว่ะ พูดซะคุณตีลังกาเธอหงายหลังไม่ออกเลย” เหนือพูดขึ้นพร้อมกับตบไหล่เพื่อนดังปุๆ
“นั่นดิ เห็นหงิมๆนะ ไม่คิดว่าจะกล้าพูดอะไรแบบนั้นด้วย” สันต์นายตำรวจหนุ่มพยักหน้าเห็นด้วยกับเพื่อน
“แต่ก็สมควร ยัยนั่นอยากปากเสียว่าลูกแกเสียๆหายๆทำไม” กรสำทับเพิ่ม พร้อมกับเอามือไปตบไหล่นายเหมืองสิงห์เอาไว้อีกข้าง แต่ทว่าเพื่อนตัวสูงกลับสะบัดไหล่เพื่อเอามือของเพื่อนทั้งสองออกเบาๆ ก่อนจะหันกลับไปมองเพื่อนแต่ละคนด้วยแววตาลุ่มลึกอ่านความคิดไม่ออก แต่สำหรับเพื่อนที่รู้จักกันมานานอย่างพวกเขารู้ดี ว่าเมื่อไหร่ที่นายเหมืองสิงห์มีแววตาแบบนี้ นั่นคือในหัวสมองของชายหนุ่มกำลังวางแผนทำอะไรบางอย่าง
“เรื่องที่คุยกันวันนี้ห้ามบอกใครเด็ดขาด แม้แต่ไอ้ส้มเมียแกก็ห้ามบอกนะพุฒ” เจ้าของบ้านหนุ่มหันไปมองหน้ามือขวาของตัวเองด้วยสีหน้าจริงจัง
“ครับนาย...” พุฒธารับคำสั้นๆ
“ส่วนพวกนาย เรื่องสอบปากคำเพิ่มเติมจากครูบัวขอเป็นวันอื่นได้มั้ยวะ วันนี้กูไม่อนุญาตให้พวกมึงพบเขา” คนยังทำหน้าเครียดบอกด้วยน้ำเสียงที่สมกับสีหน้า ในขณะที่เพื่อนตำรวจสองคนหัวเราะหึกับคำพูดนั้น
“โอ้โห...เป็นเจ้าข้าวเข้าของกันไปเรียบร้อยแล้วเว้ย” กรยังสนุกที่ได้แซวเพื่อน
“เต็มเว้ย มาเต็ม...ฮ่าๆ” เหนือหัวเราะ นายเหมืองสิงห์เพียงยกมือขึ้นเสยผมไปด้านบน แล้วกรอกตามองไปทางติรกาที่เดินลงส้นไปที่รถของตัวเอง
“ฉันจะเริ่มเกมส์แล้วนะเว้ย...ส่วนที่เหลือฝากพวกแกด้วยนะ ฉันอยากให้เรื่องนี้จบให้เร็วที่สุด ฉันจะได้...เตรียมตัวสู่ขอครูบัวเขาเอามาไว้ที่บ้านอย่างเป็นทางการสักที” สิ้นสุดคำเอ่ย คนพูดก็หยิบหมวกปีกกว้างที่เอาไว้ใช้สวมกันแดดยามเข้าไปทำงานกลางแจ้งขึ้นมาสวม แล้วออกเดินไปทางหญิงสาวนามติรกา ที่รีบลงมาจากรถทันทีเมื่อเห็นร่างสูงของนายเหมืองผู้ที่เธอปรารถนาจนสุดชีวิตเดินผ่านเข้ามาในครรลองสายตา ทิ้งเพื่อนอีกสี่คนที่ยังยืนอยู่ที่เดิมให้มองตามด้วยความช็อกนิดๆกับสิ่งที่เพื่อนพูดทิ้งท้าย
...ท่าทางมันคงกู่ไม่กลับ เพราะไปหลงรักเจ้าบัวช่องามเข้าเต็มเปาเสียแล้วสินะเพื่อน...
ข้างฝ่ายติรกา ความสูงและแหลมของส้นรองเท้าที่ปักลงดินไม่เป็นปัญหาเลยสักนิดกับการรีบเดินจ้ำอ้าวไปหาคนที่เธอหมายปอง หนุ่มหล่อ ตัวสูง หุ่นบึ้ก แน่นกล้ามแข็งปั๋งแบบนี้ใช่จะหาได้ง่ายๆ แถมชายคนนี้ยังไม่ธรรมดา เพราะโปรไฟล์ยังดีเลิศ หน้าที่การงานก็สมฐานะของหล่อน พ่อเองยังย้ำนักย้ำหนาว่า ว่าอยากได้นายเหมืองสิงห์ไปเป็นเขยจนตัวสั่น เพราะเมื่อไหร่ที่ทั้งสองครอบครัวดองกันได้ นายเหมืองจะเป็นทั้งสะพานเชื่อมและผู้อำนวยความสะดวกให้กับอะไรหลายๆอย่างที่พ่อของหล่อนต้องการ
แต่ผู้ชายคนนี้ก็กินยากกินเย็นเสียเหลือเกิน...หล่อนพยายามมาหลายปีแล้วก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า แต่คนอย่างติรกาไม่มีวันยอมแพ้ง่ายๆหรอก...ยิ่งรู้ว่าอะไรที่มันได้มายากๆเนี่ยหล่อนยิ่งชอบ เพราะมันมักจะมีคุณค่ามากกว่าอะไรที่ได้มาง่ายๆเสมอ...
“นายเหมืองคะ เมื่อกี๊บิวตี้จะมาหาคุณ แต่ไอ้...เอ่อ ครูของลูกชายคุณน่ะค่ะ เขาทำท่าวางอำนาจเหมือนเป็นเจ้าของบ้าน มาสั่งโน่นสั่งนี่ไม่ให้บิวตี้เข้าบ้านด้วย นายเหมืองจะต้องรีบจัดการมันนะคะ บิวตี้สงสารหลาน ไม่รู้ว่าจะโดนมันขู่อะไรบ้าง...” หญิงสาวแสร้งทำเป็นน้ำตาคลอเบ้า ก่อนจะทำเป็นมองเข้าไปในบ้านแล้วยกมือขึ้นทาบอก ก่อนจะเลื่อนมือนั้นไปเกาะแขนชายหนุ่มร่างสูงใหญ่อย่างถือวิสาสะ เมื่อเห็นว่ามีใครบางคนกำลังมองหล่อนออกมาจากในตัวบ้าน
“ครับ...แล้วผมจะจัดการให้นะ” น้ำเสียงไม่หือไม่อือแต่กลับตอบรับคำของหล่อนทำให้ติรกาพอใจอยู่ลึกๆ “ว่าแต่...มาหาผมวันนี้มีธุระอะไรรึเปล่าครับ”
“ก็...เรื่องเดิมนั่นแหละค่ะ ที่คุณบอกพ่อบิวตี้ไว้คราวก่อนว่าขอคิดดูก่อนไง พ่อฝากมาถามน่ะค่ะว่าคิดออกรึยัง...จะตกลงหรือไม่ตกลงคะ”
ชายหนุ่มเหลือบมองคนที่พูดจาเสียงหวานออดอ้อนเขาแล้วหรี่ตา ในใจรู้สึกแขยงกับผู้หญิงคนนี้เกินทน คำพูดว่าร้ายที่พ่นใส่ลูกเขายังติดอยู่ในหู...แต่เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องท่องไว้ว่า...อดทน
“...เรื่องที่พ่อของคุณต้องการให้ผมร่วมทุนด้วย ผมสนใจนะครับ...”
“เอ๊ะ! จริงเหรอคะ...บิวตี้ดีใจมากเลยค่ะ! งั้น...เอ่อ บิวตี้จะรีบไปบอกพ่อนะคะ เราจะได้รีบตกลงแล้วก็เซ็นสัญญานะคะ”
“ครับ...สะดวกตอนไหนก็ค่อยให้พ่อคุณติดต่อผมมาอีกทีก็แล้วกัน...”
“ได้เลยค่ะนายเหมือง! แหม...บิวตี้ตื่นเต้นจังเลยค่ะ นี่ถ้าไม่ติดว่าเย็นนี้มีงานเลี้ยงฉลองของเพื่อนคุณพ่อล่ะก็ บิวตี้จะชวนคุณไปทานอาหารเย็นเป็นการเลี้ยงฉลองการร่วมทุนของพวกเราเสียหน่อย...แหม เสียดายจังเลย”
นายเหมืองสิงห์ไม่พูดอะไรตอบเธอ แต่กระนั้นก็ทนไม่ยอมสะบัดแขนออก จนติรกาเริ่มรู้สึกได้ใจ เขย่งปลายเท้าขึ้นไปจรดจมูกลงบนแก้มสาก กลิ่นเหงื่อผสมฟีโรโมนชายหนุ่มหอมขึ้นจมูก ชายหนุ่มร่างสูงชะงักเล็กน้อยตอนที่หันไปมองเจ้าหล่อนโบกมือลา ก่อนจะส่งสายตาให้อย่างยั่วยวนแล้วเดินขึ้นรถไป
...หวังว่าฉากเมื่อกี๊คงมีแค่เพื่อนเขาสี่คนที่เห็นนะ แต่ทำไมคิ้วขวาของเขาถึงได้กระตุกถี่จริงๆ...
----------------------------------------------------------------------
“นายเหมือง...ไม่ใช่บัวไม่ได้จะไปทางนี้ เด็กๆน่าจะอยู่ที่โซนเครื่องเล่น นี่นายเหมือง...ปล่อยนะบัวจะไปทางโน้น...” บัวพยายามดิ้นเพื่อจะดีดมือให้หลุดออกจากการเกาะกุม ทว่าคนกุมมือบัวกลับทำเหมือนใจเย็นนักหนา เดินดูของชมเสื้อผ้าข้างทางอย่างสบายใจ ในขณะที่บัวกลับขึ้งเครียดและเงียบขรึมลงเรื่อยๆตามระยะทางที่นายเหมืองสิงห์พาเดินผ่าน
จนในที่สุดเมื่อชายหนุ่มพาคุณครูบัวมาหยุดดูเสื้อที่ร้านขายเสื้อผ้าลายบาติก คุณครูหนุ่มก็ไม่ยอมเดินไปไหนอีกเลย
“บัว...พี่ว่าเสื้อตัวนี้สีสวยดีนะ ไซส์เอสของบัวก็มีด้วย...เสียดายไม่มีไซส์เด็ก จะได้ใส่รวมกันเป็นสี่คนพ่อแม่ลูก”
“...”
“บัว...ไม่เอาน่า แค่เสื้อเขียนว่างอนผัวแต่ไม่น่าจะต้องทำจริงตามคำนั้นเลยนะบัว...อีกอย่าง ให้พี่มาง้อตรงนี้ไม่ได้นะ อายคนเขารู้รึเปล่า”
“...ไม่ได้งอน แล้วก็ไม่ต้องมาง้อบัวด้วย...นายเหมือง บัวไม่เข้าใจ...ทำไมถึงมีแต่บัวคนเดียวที่ห่วงพวกเขา คุณเป็นพ่อเขานะ”
“โอเค...โอเค แค่สองแสบกลับมาคุณก็จะพอใจใช่มั้ย...ได้” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างแอบหัวเสียเล็กๆ เขามางานนี่ก็เพราะว่าอยากจะมีเวลาอยู่กันสองต่อสองกับครูบัวในบรรยากาศดีๆเหมือนมาออกเดตกันบ้างก็เท่านั้น แต่ถ้าครูบัวอยากจะได้ ก.ข.ค. เป็นสองแสบตัวป่วนมากนักล่ะก็เขาก็จะจัดให้ “ฮัลโหล...ไอ้เม่น บอกลุงเกรียงให้เอาสองแสบมาที่ร้านบาติก ผมกับครูบัวรออยู่ที่นี่นะ อ้อ...ที่สำคัญบอกลุงแกด้วยว่า ด่วน...ครูบัวเขาเป็นห่วงลูกชายเขา ‘มาก’ ”
‘บ้า...ไม่ต้องหันมาทำตาดุใส่เลย’ บัวคิดในใจอย่างเคืองๆ ไอ้ที่หลอกจับมือมาทั้งงานนี่ก็อุตส่าห์ทำหน้าหนามองข้ามสายตาอยากรู้อยากเห็นของชาวบ้านชาวเมืองเขาทั้งงานแล้วนะ แล้วนี่เขาทำผิดอะไร แค่เป็นห่วงลูก...เอ่อ ลูกศิษย์แค่นี้นี่มันผิดนักหรือ อย่านะ...อย่าให้เอาคืนบ้าง ข้อหาเตรียมฟ้องศาลมียาวเป็นหางว่าวนะขอบอก
“เอาล่ะ...คราวนี้ถ้าทั้งสองแสบมาหาเราแล้วเนี่ย คุณครูบัวก็จะทำหน้าดีๆ ยิ้มแย้มแจ่มใจ เดินเที่ยวงานกับพี่ได้อย่างสบายใจแล้วใช่มั้ย”
“...”
“...บัว” ชายหนุ่มกดเสียงต่ำ คนถูกเรียกหันมาทำหน้างอใส่เล็กน้อยพร้อมบิดแขนที่โดนกุมไว้เบาๆ
“อื้อ” บัวตอบรับในลำคอ และในที่สุดข้อมือขาวก็ถูกปล่อยออกอย่างง่ายดาย
บัวย่นจมูกใส่คนเจ้าเผด็จการพร้อมทั้งแลบลิ้นเล็กใส่ทีหนึ่ง แล้วจึงค่อยหันเหความสนใจไปที่เสื้อเชิ้ตสีสดใสทรงผู้หญิง กะขนาดคร่าวๆแล้วแม่เขาน่าจะใส่ได้พอดี ราคาก็สมน้ำสมเนื้อ บัวคิดพลางหยิบกระเป๋าสตางค์ของตัวเองมาเปิดดู ในนั้นมีธนบัตรอยู่สองสามใบ รวมๆแล้วไม่เกินหนึ่งพันบาทแน่นอน ซึ่งเงินจำนวนนี้เขาต้องอยู่ให้ได้ถึงสิ้นเดือน อืม...อยู่ที่เหมืองเขาก็ไม่ได้ใช้จ่ายอะไรมากมายอยู่แล้ว และแม่เขาก็น่าจะชอบเสื้อตัวนี้แน่ๆ...ซื้อเลยดีกว่า
“ผมเอาตัวนี้...แล้วก็ตัวนั้นสีฟ้าด้วย เอาไซส์เดียวกันกับตัวนี้นะครับ” นายเหมืองหนุ่มชี้ไปที่เสื้อตัวที่บัวกำลังจะหยิบออกจากราวแขวน พร้อมทั้งชี้ไปที่อีกตัวที่อยู่บนราวใกล้ๆกันแต่คนละสี บัวมองคนแย่งตัดหน้าซื้อเสื้อไปจากมือบัวอย่างไม่เข้าใจ
...ก็เห็นอยู่นี่ว่าบัวกำลังจะซื้อ แล้วทำไมนายเหมืองถึงมาทำอย่างนี้ล่ะ...
บัวมองเสื้อที่เจ้าของร้านขอไปอย่างเสียดายและแอบเสียใจเล็กๆ ไม่คิดว่านายเหมืองจะอยากแกล้งกันถึงขนาดนี้
...ใช่สิ เขาไม่ใช่คนมีเงินถุงเงินถัง ตัดสินใจอะไรไม่รวดเร็วเท่า จะโดนเขาแย่งตัดหน้าไปก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเข้าใจยาก...
“เอ้านี่...ฝากบอกคุณแม่ด้วยนะว่าพี่ขอโทษถ้าไม่ได้เอาไปให้ด้วยตัวเอง ถือว่าเป็นของหมั้นเล็กๆน้อยๆล่วงหน้าจากเขยขวัญก็แล้วกัน”
ถุงกระดาษที่มียี่ห้อร้านแปะหราด้านหน้าถูกยื่นมาให้บัว คุณครูหนุ่มยื่นมือออกไปรองรับก้นถุงอย่างงงๆ ยังไม่ค่อยเข้าใจดีนักว่าตัวเองได้เป็นเจ้าของเสื้อสองตัวที่หวังอยากซื้อให้มารดาโดยไม่ต้องเสียเงินสักบาท
“เดี๋ยวนะนายเหมือง...ถึงบัวจะรวยไม่เท่า แต่ซื้อเสื้อให้แม่แค่นี้บัวซื้อเองได้”
“ไม่ใช่ พี่ไม่ได้เจตนาจะข่มหรืออะไรบัว พี่แค่อยากซื้อเสื้อให้แม่บัวจริงๆ...”
“แล้วนายเหมืองรู้ได้ยังไงว่าบัวจะซื้อให้แม่” คุณครูหนุ่มถาม มองสบตาเขาตรงๆ แววตาแห่งความจริงใจฉายชัด
“...บัวคงไม่ใส่เอง แล้วที่สำคัญมันก็น่าจะเหมาะกับแม่ของบัวมาก”
“นายเหมืองไม่เคยเห็นแม่ของบัว รู้ได้ยังไงครับว่าเหมาะ”
“ลูกน่ารักขนาดนี้ แม่ก็คงจะสวยไม่แพ้กันหรอก...พี่ก็แค่จินตนาการว่าถ้าบัวเป็นผู้หญิง ก็คงจะใส่เสื้อสองตัวนี้ได้สวยมาก” ชายหนุ่มตอบ
บัวหมดคำถามที่ต้องการคำตอบ คุณครูหนุ่มยกถุงเสื้อขึ้นกอดกระชับอก มันอุ่นวาบในใจแผ่วๆเมื่อคิดได้ว่าชายหนุ่มตรงหน้านั้นคิดถึงทั้งเขาแล้วยังเผื่อแผ่ไปยังครอบครัวเขาอีก ...บัวดูคนไม่ผิดจริงๆ...
“เอ่อ...พี่ว่าจะคุยเรื่องนี้กับบัวนานแล้วแต่ยังไม่เจอโอกาส คุยตอนนี้เลยแล้วกัน ตอนนี้แม่บัวอยู่คนเดียวใช่มั้ย ชวนท่านให้มาพักที่บ้านด้วยกันสิ ท่านอยู่คนเดียวไม่มีคนดูแล มาอยู่เสียที่นี่อย่างน้อยป้าพุดก็คงพอจะช่วยคุยให้คลายเหงาได้...ดีมั้ย” นายเหมืองไม่รู้หรอกว่าตอนที่พูดบอกครูบัวไปเขาทำหน้าแบบไหน เจ้าของร้านเขาถึงได้เขยิบถอยห่างไปเสียไกลขนาดนั้น ทว่าคนตรงหน้าเขานี่กลับทำสีหน้าชวนร้องไห้ ปากเบะนิดๆ น้ำตาคลอหน่อยๆ น่ารักเสียจริงเชียวครูบัวของนายสิงห์
“นะ...นายเหมืองพูดจริงเหรอ บัวจะลองชวนแม่ดูจริงๆนะ”
“ให้พี่คุยให้ยังได้ เด็กๆเองก็คุ้นเคยกับการอยู่กับผู้ใหญ่ ถ้ามีบัวช่วยปรามพี่ว่าสองแสบคงไม่ทำให้แม่บัวต้องปวดหัวมากนักหรอก ห้องหับพี่ก็มีอีกตั้งเยอะ จะให้สร้างบ้านแยกเป็นของบัวกับแม่ต่างหากเลยก็ยังได้ถ้าหากอยากมีความเป็นส่วนตัว ที่ใกล้ๆกับปีกซ้ายของบ้านพี่ยังมีที่ว่างอยู่ เดี๋ยวเราค่อยทำทางเชื่อมเอา...บัวว่า...”
“นายเหมืองอย่าให้ถึงขนาดนั้นเลย ขอบคุณนะที่คิดถึงบัวกับแม่ บัวก็เป็นห่วงท่านอยู่เหมือนกัน ถ้านายเหมืองไม่ว่าอะไรขอบัวโทรหาแม่เลยได้มั้ยครับ บัวอยากให้แม่มาเที่ยวที่นี่ด้วย ที่นี่สบายกว่ากรุงเทพฯเยอะ แม่น่าจะชอบ...”
พอเขาอนุญาตบัวก็ไม่ขอเกรงใจล่ะ นี่ก็มัวแต่ยุ่งๆจนไม่ได้เขียนจดหมายหาแม่เลย คิดถึงอยู่มากๆ ว่าแล้วก็ขอโทรหาเสียหน่อย ยังไม่ค่ำมากแม่น่าจะยังไม่นอน... คุณครูหนุ่มหยิบโทรศัพท์พกพาเครื่องเล็กจิ๋วราคาสี่ห้าร้อยขึ้นมาเตรียมกด ทว่านายเหมืองหนุ่มรีบหยิบโทรศัพท์ทัชสกรีนรุ่นใหม่ของค่ายโทรศัพท์ชื่อดังมายัดใส่มือบาง แล้วยึดโทรศัพท์ครูบัวมาถือไว้แทน
“เอาโทรศัพท์พี่โทรก็ได้...”
“เอ่อ ไม่เป็นไรบัวโทรเองได้ครับ”
“ไม่เป็นไร เอาของพี่แหละครับ สัญญาณของพี่ดีกว่าของบัว...”
สาธุ...อย่าให้บัวฉลาดนึกรู้เลยว่าเขากำลังหลอกเอาเบอร์โทรศัพท์บ้านของเจ้าตัวเขาอยู่...และดูเหมือนคำขอของเขาจะได้ผล เพราะคุณครูหนุ่มยอมรับโทรศัพท์เขาไปโทรแต่โดยดีพร้อมรอยยิ้มหวานและบอกขอบคุณ นายเหมืองทำเป็นยืนดูเสื้อโปโลสกรีนลายเท่ห์ๆร้านติดกันในขณะที่ครูบัวยืนถือโทรศัพท์รอสายอยู่สักครู่ก่อนจะกรอกเสียงลงไป
“สวัสดีครับป้าจิต...บัวเองนะครับ คือ...บัวขอรบกวนคุยกับแม่หน่อยได้มั้ยครับ ครับ...รอได้ครับ” คุณครูหนุ่มเปิดถุงกระดาษดูเสื้อที่อยู่ข้างในแล้วก็อมยิ้ม ยืนรอสายด้วยท่าทางดีอกดีใจ “ครับ...แม่...แม่นี่บัวนะ...ครับ บัวสบายดีแม่ ตอนนี้บัวอยู่ที่งานกาชาดจังหวัด คือ...นายเหมืองสิงห์ เจ้านายบัวน่ะแม่...เขา...ซื้อเสื้อจะฝากแม่ด้วย เป็นผ้าบาติกครับแม่สีโอลโรสที่แม่ชอบด้วย ครับ...เขายังชวนแม่มาเที่ยวที่บ้านเขาได้ด้วยนะ ที่นี่อากาศดีมากแม่ต้องชอบแน่เลยครับ เอ๊ะ...ครับ แม่แป๊บนึงนะ...มีอะไรครับนายเหมือง” ท้ายประโยคบัวหันมามองคนร่างสูงที่ตอนนี้มายืนอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมทั้งแบมือเหมือนจะขออะไรสักอย่าง
“พี่คุยบ้างสิ...”
“หืม...จะคุยกับแม่บัวนี่นะ”
“...ครับ”
“จะคุยอะไร...เอ๊ะ...อ้าว! นายเหมือง...เอาไปเฉยเลย” บัวร้องบอกตอนที่จู่ๆโทรศัพท์ก็ถูกฉกออกไปจากมือแล้วกลับไปแนบหูของอีกฝ่าย
“สวัสดีครับ...ครับคุณน้าไม่ต้องตกใจครับผมชื่อสิงห์ เป็นคนที่ว่าจ้างลูกของคุณน้าให้มาสอนพิเศษลูกผม...ใช่ครับ...ที่...นายเหมือง...เอ่อครับ...คุณน้าสบายดีนะครับ ว่างๆก็ลงมาเที่ยวที่ใต้บ้าง ยังไงเดี๋ยวผมจะส่งตั๋วไปให้นะครับคุณน้า...อย่าเกรงใจนะครับผมพูดจริงๆ กว่าเด็กๆจะเปิดเทอมก็อีกเป็นเดือน คงอีกสักพักกว่าบัวจะได้กลับ...ช่วงนี้คุณน้าอยู่คนเดียวก็ต้องดูแลตัวเองดีๆนะครับ...ถ้ายังไง...”
บัวทันได้ยินชายหนุ่มพูดกับแม่เขาเพียงเท่านั้น เพราะหลังจากนั้นชายหนุ่มกลับเดินหันหลังหายเข้าไปในร้านติดกันแล้วก็หันมามองทางบัวเป็นระยะๆเหมือนต้องการคุยอะไรกันกับแม่เขาสองคนแบบที่ไม่ต้องการให้เขาได้ยิน
“...ครับ ได้ครับแม่ ผมจะดูแลเขาเป็นอย่างดีครับ แม่ก็ต้องรักษาสุขภาพนะครับ...คุยกับบัวต่อ...”
“ฮัลโหล แม่ครับ...เขา...เขาคุยอะไรกับแม่...”
‘บัว...สอนลูกเขาให้เต็มที่นะลูก แล้วถ้าแม่ว่างแม่จะลงไปหานะ...แค่นี้ก่อนนะบัวแม่เกรงใจป้าจิตเขา’
“แม่...แม่ครับ...ฮัลโหล...แม่...” บัวมองหน้าเจ้าของโทรศัพท์ที่เอาคืนไปอย่างงงงวย “เมื่อกี๊คุณคุยอะไรกับแม่บัว แล้วทำไมคุณถึงเรียกแม่ผมว่า...แม่...”
“แม่บัวน่ารักนะ ผมชักอยากเจอตัวจริงของท่านเร็วๆสิ...”
“เดี๋ยวก่อนสิ...นายเหมือง...คือ...”
คนตามยื้อยุดแขนล่ำสันต้องขมวดคิ้วหมุ่นเมื่อจู่ๆก็มีแรงดึงเสื้อน้อยๆมาจากด้านหลัง หันมองไปดูก็เจอเด็กจอมซนสองคนที่อยู่ในสภาพมอมแมมกว่าตอนพามาเล็กน้อย โดยเฉพาะช่วงแก้มและปกเสื้อที่เลอะไอศกรีม ซึ่งข้างๆเด็กทั้งสองคนก็มีลุงเกรียงและนายเม่นพร้อมทั้งคนงานที่เหมืองคนที่เขามักจะเห็นคอยช่วยงานลุงเกรียงอยู่บ่อยๆอีกคน แม้บุคลิกท่าทางจะดูเหมือนคนที่ไม่ได้ทำงานในเหมืองมากนัก แต่หน่วยก้านดีและไว้ใจได้
“ครูบัว...เกอร์อยากไปนั่งชิงช้า...เมื่อกี๊ยังไม่ได้ขึ้นเลย” ไลเกอร์บอกคุณครูตาหวานของตัวเองปากยู่อมลมแก้มป่อง
“ก็ตัวอ่ะชักช้า มัวแต่เบิ้ลแมงมุมยักษ์ไม่ยอมลงสักที เป็นไงล่ะโดนพ่อกับครูตาหวานเรียกตัวกลับเลย” ไทกอนผลักไหล่พี่ชายเบาๆด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย ทว่าคนไม่ยอมให้ใครมาหยามศักดิ์ศรีอย่างไลเกอร์ก็ผลักน้องตัวเองกลับด้วยความเบาพอกัน
“ใครว่าล่ะ ไทนั่นแหละมัวแต่กินไอติม นั่นก็จะซื้อไอ้นี่ก็จะเอาไม่หยุดเลยพ่อ”
“พอเลยทั้งคู่ ถ้าทะเลาะกันพ่อจะพากลับบ้านเดี๋ยวนี้...” ผู้พิพากษาชั่วคราวร่างสูงหันมองโจทย์ตัวน้อยทั้งคู่ด้วยแววตาดุคนละที ซึ่งก็ได้ผลเมื่อทั้งสองแสบมีแววสลดแม้ว่าจะยังไม่หยุดแลบลิ้นใส่กันก็เถอะ...
“...เอาล่ะ ถ้ากินไอศกรีมกันมาแล้วงั้นยังหิวอีกมั้ย” บัวคว้าแขนไลเกอร์และไทกอนมาคนละข้าง ก่อนจะทรุดนั่งยองตรงหน้าคนทั้งคู่ พอเด็กทั้งสองส่ายหน้าให้บัวจึงพูดต่อ “โอเคถ้าไม่หิวแล้วงั้น...เดี๋ยวเราไปขึ้นชิงช้าสวรรค์กัน ไทอยากขึ้นอะไรอีก ครูไปด้วยได้มั้ย”
“ได้เลยครับ! ไทอยากไปเล่นรถบั้มพ์ แต่เขาบอกว่าต้องให้มีผู้ใหญ่ไปด้วย” เด็กน้อยตัวเปี๊ยกเอ่ยบอกคนเป็นครูที่นั่งยองๆมองเขาอยู่ตรงหน้า
“ช่าย...แต่เกอร์กับไทไม่อยากขึ้นกับตาเกรียงแล้วก็พี่เม่น สองคนนี้ขับรถไม่มันส์เลย” ไลเกอร์ยู่หน้า คนถูกหาว่าขับรถไม่มันส์พากันช่วยปาดเหงื่อ เพราะรู้ดีแก่ใจว่าคำว่า ‘มันส์’ ที่สองแสบหมายถึงนั้นมันถึงขั้นต้องมีการยกล้อรถบั้มพ์แล้วแว๊นซ์ไปทั่วเต้นท์ แล้วใครที่ไหนมันจะไปทำได้(ว่ะ)
“หึหึ เชื้อพ่อมันไม่ทิ้งแถวจริงๆเลยไอ้ลูกชาย...งั้นไป จะขึ้นรถบั้มพ์ก่อนหรือชิงช้าสวรรค์ก่อน”
“ชิงช้า! / รถบั๊มพ์!!!” สามเสียงแต่ไม่สอดประสานดังขึ้น ชิงช้าต่อรถบั๊มพ์เป็นสัดส่วนหนึ่งต่อสอง หนึ่งเสียงจากครูบัวที่จะขึ้นชิงช้าก่อน อีกสองเสียงที่เหลือที่เป็นของสองพี่น้องจอมแสบที่พร้อมเพรียงกันกระโดดดึ๋ง แล้วตะโกนบอกเครื่องเล่นที่ตัวเองต้องการ
สิงห์ตัวพ่อส่ายหน้าอย่างระอากับความซนเกินเด็กของสองแสบ ก่อนจะหันไปพยักหน้าบอกลูกน้องทั้งสามคนด้านหลังว่าให้แยกย้ายได้ เขาจะดูแลลูกๆกับครูบัวเอง ทั้งสามคนก้มให้เจ้านายตัวเองเล็กน้อยก่อนจะแยกย้ายจากไปตัวใครตัวมัน ฝ่ายชายหนุ่มและคุณครูตาหวานก็จับจูงมือเด็กไว้คนละข้าง แล้วพากันเดินไปทางโซนเครื่องเล่น แม้ว่ามันจะค่อนข้างมีเร่งต่ำมากถึงขั้นติดลบเพราะทั้งสี่คนต้องมีการแวะแบบเบี้ยใบ้รายทาง สอยไปให้หมดทั้งไอศกรีมแท่ง มะพร้าวน้ำหอม ข้าวเกรียบว่าว หรือจะเป็นพวกหุ่นยนต์ น้ำยาเป่าลูกโป่งสีสันสดใส หน้ากากแปลงร่างขบวนการเรนเจอร์ที่มีแต่คนแย่งจะเอาตัวสีแดงเพราะจะได้เป็นหัวหน้า ทั้งนี้ตัวพ่อเองก็ร่วมลงมือก่อกวนลูกๆด้วยการกระโจนลงไปร่วมด้วยช่วยแย่งตำแหน่งอันทรงเกียรตินั้นด้วยอีกคน สุดท้ายแจ็กพอตเลยมาลงที่บัวที่ต้องเป็นคนตัดสินว่าใครจะใส่หน้ากากสีอะไร คนตัวโตที่สุดก็ได้สีแดงไปตามระเบียบ ส่วนไลเกอร์ได้สีเขียว ไทกอนได้สีน้ำเงิน มีของแถมเป็นหน้ากากสีเหลืองที่ห้อยแขนคุณครูบัวมาด้วยอีกอัน
เสร็จสรรพการนั่งรถบั๊มพ์ที่เด็กๆโหยหามานานก็ได้เริ่มต้น คนดูแลเครื่องเล่นเกือบลืมเก็บตั๋วพวกเขาสี่คนด้วยซ้ำเพราะมัวแต่รีบเร่งไปไล่คนในรอบก่อนหน้าให้ออกไปจากเต้นท์รถ เรียบร้อยก็มาเชิญเขากับนายเหมืองสิงห์ให้เข้าไปเลือกรถก่อน โดยพวกเขาสองคนตกลงใจจะนั่งแยกกัน บัวจับไลเกอร์มานั่งตัก ส่วนไทกอนนั้นนั่งอยู่กับคนเป็นพ่อเขา การเล่นเครื่องเล่นเริ่มต้นพร้อมเสียงดีเจที่พยายามบีทความสนุกให้กับผู้เข้าร่วมเล่น เสียงเพลงดังอึกทึกจนเสียงกลองดังเต้นอยู่ในอกพร้อมไฟที่หรี่ลงทำให้ไฟนักสู้ในตัวบัวพุ่งขึ้นสูง การเหยียบคันเร่งในคราแรกเป็นไปอย่างช้าๆ แต่เมื่อมันได้ที่แล้วนายเหมืองสิงห์ก็ได้ประจักษ์ว่าครูบัวแกไม่ได้หงิมอย่างที่คิด
ตัวรถจับเข้ากระแทกกันอย่างสนุกสนาน รถนายเหมืองสิงห์แลดูเล็กไปถนัดตาเมื่อคนขับต้องงอเข่าขึ้นมาเสียสูงเพราะที่ว่างให้นั่งนั้นแคบนิดเดียว แต่บัวคิดว่านายเหมืองต่างหากที่ตัวใหญ่เกินไป ดูอย่างบัวสิ ที่ว่างเหลือเยอะถึงขนาดให้ไลเกอร์ลุกขึ้นเต้นได้เลยทีเดียว
การเล่นรถบั๊มพ์เป็นไปอย่างเกือบจะราบรื่น ถ้าไม่ติดว่าช่วงหลังๆนั้นจะมีพวกรถวัยรุ่นสองสามคันพยายามจะช่วยกันล้อมบัวแล้วพยายามเป่าปากยักคิ้วหลิ่วตาให้ แต่สุดท้ายก็ต้องพ่ายกระเจิงเมื่อโดนรถบั๊มพ์คันหนึ่งพุ่งเข้าใส่เหมือนกระทิงดุที่จ้องเป้าหมายผ้าสีแดงไว้แล้วควบขับวิ่งใส่ทะยานเข้าไปเต็มแรง แค่นั้นยังไม่พอชายหนุ่มยังเอาแต่ขับวนจนบัวเป็นอันไม่ต้องขยับไปไหนกัน เมื่อหมดรอบเสียงบ่นหงุงหงิงจากไลเกอร์ที่ว่าอยากไปนั่งคันของพ่อเพราะทำให้ไทกอนมึนได้ก็ทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองคนต้องส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ
ชิงช้าสวรรค์เป็นของเบสิคอีกหนึ่งอย่างที่งานกาชาดจะต้องมี ตัวเหล็กกลางเก่ากลางใหม่ทำให้ชายหนุ่มยอมแพ้ ปล่อยให้ทั้งครูบัวและสองแสบเป็นฝ่ายขึ้นกันไปเองแค่สามคน ส่วนเขานั่งเก้าอี้พลาสติกรออยู่ด้านล่างพร้อมทั้งเอาโทรศัพท์มือถือมาถ่ายรูปช่วงเวลาแห่งความประทับใจของทั้งสามคนเอาไว้เป็นที่ระลึก หลังๆพอเห็นว่าในรูปมีกันอยู่สองคน นายเหมืองหนุ่มคนดังก็พยายามเซลฟี่ตัวเองให้ติดกับซี่ลูกกรงตัวที่มีทั้งสามชีวิตคอยโบกไม้โบกมือส่งมาให้ ท่าทางที่ต้องถือของพะรุงพะรังและยังต้องถ่ายเซลฟี่ไปด้วยนั้นมันช่างน่าตลกจนแม้แต่คนรอบข้างยังมีแอบเหวอแล้วก็แอบอมยิ้มกันเป็นแถวๆ
การเดินเที่ยวชมงานกาชาดประจำจังหวัดเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและช่วงเวลาแห่งความสุขสำหรับคนทั้งสี่ บัวและนายเหมืองสิงห์หอบหิ้วข้าวของกันพะรุงพะรังเต็มสองแขน ในขณะที่เด็กประถมฯตัวน้อยสองคนยังคงวิ่งฉิวไปมารอบๆตัวพวกเขา การสอยดาวผ่านไปอย่างน่าอัศจรรย์ เพราะไทกอนได้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสามซอง นายเหมืองได้ของรางวัลใหญ่เป็นพัดลมตั้งโต๊ะหนึ่งตัว แต่บัวกับไลเกอร์นั้นได้ของใหญ่กว่า เพราะทั้งคู่จับได้ทองไปคนละหนึ่งสลึง แน่นอนว่าเมื่อมันเกิดการเหลื่อมล้ำไม่เท่ากันเช่นนี้แล้ว ไทกอนก็ออกอาการตุปัดตุป่องเพราะตัวเองได้ของมูลค่าน้อยที่สุด คนเป็นบิดาปลอบอย่างไรเด็กน้อยก็ยังคงไม่หยุดงอแงและสร้างบรรยากาศติดลบให้คนทั้งสามพลอยไม่สนุกไปด้วย สุดท้ายคุณครูบัวผู้สมถะเป็นอาจิณก็ยื่นสร้อยทองหนึ่งสลึงที่ได้มาไปคล้องคอเด็กน้อยให้เข้าคู่กันกับคนพี่ เมื่อนั้นแล้วไทกอนจอมแสบถึวได้หยุดงอแงแล้วกลับมายิ้มได้อีกครั้ง
“คุณให้ลูกผมหนึ่งสลึง รอของหมั้นจากผมนะ ผมจะให้สิบเท่าของที่คุณให้ลูกผมเลย” คนเป็นบิดาแอบก้มหน้าลงไปพูดเสียงกระซิบข้างๆหูคุณครูใจดีที่ทำให้ลูกชายเขายิ้มได้อีกครั้ง ซึ่งก็โดนครูบัวคนดีตีขวับเข้าให้ที่ลำแขนหนาพร้อมบอกว่า
“...ตลก”
แต่ถึงกระนั้นแก้มคุณครูก็ยังคงแดงเรื่อเป็นผิวแอปเปิ้ลฟูจิที่กำลังสุกหวานอยู่ดี นี่ถ้าไม่ติดว่าอยู่ในระยะโดนภาคทัณฑ์ล่ะก็ คงได้มีคนแก้มช้ำปากช้ำกันไปบ้างล่ะ
เมื่อโดนเที่ยวงานกันจนชุ่มปอดแล้วก็ได้เวลากลับ ข้าวของหนักอย่างพัดลมที่ได้มาถูกวางเอาไว้หลังกระบะเรียบร้อย ส่วนของน้อยที่จะปลิวได้ง่ายอย่างข้าวเกรียบว่างที่บัวซื้อมาสองสามถุงเพราะติดใจและจะเอาไปฝากป้าพุดก็ถูกกอดแน่นไว้บนตักที่เบาะนั่งด้านหน้า เด็กน้อยสองคนมีอาการงอแงอีกเล็กน้อยเพราะยังไม่อยากกลับ ทว่าคำสั่งบิดาถือเป็นเด็ดขาดว่าถ้าไม่กลับพร้อมกันตอนนี้ก็ให้เดินกลับกันเอาเอง ซึ่งนั่นไม่ใช่แค่คำขู่ เพราะสองหน่อหนุ่มน้อยมั่นใจว่าบิดาตนทำได้แน่ๆ
รถกระบะคู่ใจค่อยๆถอยออกมาจากซองอย่างระมัดระวัง นายหัวโล้นคนดูแลที่จอดกระวีกระวาดช่วยดูรถหลังให้จนน่าขัน ก่อนกลับบัวยังให้เด็กๆเอาถุงข้าวเกรียบว่าวถุงหนึ่งยื่นให้เขาด้วย ท่าทางแลดูซาบซึ้งใจกับของเล็กๆน้อยๆแต่ให้รวยมูลค่าน้ำใจจากพวกเขามากจริงๆ ทั้งสี่คนยังคงพูดถึงความสนุกสนานและอาหารอร่อยที่ได้ลองลิ้มชิมรสกันภายในงานด้วยความรื่นเริง เสียงเพลงคลอแผ่วเป็นจังหวะเร้าใจที่มีนายเหมืองใหญ่ร้องเป็นคอรัสด้วยยิ่งช่วยเรียกรอยยิ้มจากคนบนรถได้มากขึ้นอีกโข
จนกระทั่ง...จู่ๆก็มีรถมอเตอร์ไซค์สองคันขับปาดซ้ายปาดขวาหน้ารถกระบะของนายเหมืองสิงห์เข้า แล้วไปจอดหยุดกึกฉายไฟสูงส่องหน้ารถจนล้อแม็กซ์ทั้งสี่ล้อต้องเบรกดังเอี๊ยด! ฝุ่นทรายสีส้มอิฐฟุ้งกระจายปิดท้ายรถจนแทบมองไม่เห็นถนนเบื้องหลัง ยิ่งช่วงถนนตรงนี้เป็นทางค่อนข้างเปลี่ยวติดริมทุ่งนา คนที่จะสัญจรไปมาในยามวิกาลนั้นก็น้อยแสนน้อย เหมาะนักกับการจะก่อเหตุร้ายอะไรขึ้นสักอย่างสองอย่าง!
----------------------------------------------
:katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาอีกหนึ่งปี
ขอบคุณไว้ล่วงหน้าที่ทุกๆคนอาจจะยังอยู่กับแพทไปอีกหนึ่งปี
ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ และ ขอบคุณมากๆค่ะ ^____^ :pig4:
ขอให้นักอ่านทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรง ร่ำรวยทรัพย์สิน ร่ำรวยความสุข สมบูรณ์พร้อมทั้งการเรียน การงาน และความรักนะคะ
HAPPY NEW YEAR 2014 jaaaaaa :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
สนุกมากกกก รู้สึกลื่นไหลอ่านแล้วไม่ติดขัด
หมั่นไส้นายเหมืองอยู่เนืองๆ บางตอนแอบสงสารครูบัวตัวหอมด้วย
[/size][/size][/size][/color]
นายเหมืองครูบัว สองแสบ เมื่อไรจะมา คิดถึงมากๆเลย รอรอนะ :katai1:
:katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
รอคอยด้วยคนคิดถึงสองแสบมากคิดถึงคนเขียนด้วย
เช้าวันต่อมาคนแฮ้งค์กันแทบทั้งเหมือง มีแต่พวกผู้หญิงที่ออกมาเก็บศพพวกผู้ชายที่ปล่อยตากน้ำค้างกันไว้ในตอนเช้าตรู่ คนเฒ่าคนแก่ก็ออกมาทำกิจวัตประจำวันกันตามปกติ ส่วนพวกคนหนุ่มคนสาวส่วนมากกว่าจะฟื้นกันก็ปาไปช่วงบ่าย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือบัวกับนายเหมืองที่ฟื้นขึ้นมาในช่วงใกล้ๆกัน บัวอายหน้าแดงเมื่อเห็นสภาพไม่ค่อยเรียบร้อยของตัวเองกับนายเหมืองบนเตียงในห้องใหญ่ของนายเหมือง ซึ่งนี่เท่ากับว่าเมื่อคืนนี้แม่เขาคงจะต้องนอนคนเดียว และไม่ต้องเดาเลยว่าวันนี้บัวจะเข้าหน้าแม่ติดหรือไม่ที่แค่คืนที่สองเขาก็ปล่อยให้แม่ต้องนอนคนเดียวเสียแล้ว
“อ๋อ ไม่เป็นไรหรอกลูก บ่าวสาวเข้าห้องหอเขาก็ไม่ให้ออกจากห้องจนเช้าอยู่แล้วจ่ะ แต่นี่บ่ายแล้วนะ กินอาหารเช้าเลยมั้ยลูก”
โอ๊ยยยย บัวอยากจะเอาหน้ามุดดินหนี! ท่าทางแม่เขาจะอินกับงานเลี้ยงเมื่อคืนมากเกินไปแล้ว
“เอาน้ำขิงไปให้นายเหมืองหน่อยไปจะได้ตื่น เมื่อคืนเขาพาหนูไปนอนแล้วก็ยังลงมาช่วยเคลียร์งานต่ออีก คงกลับไปนอนดึกน่าดู” แม่เขาเอ่ยสำทับพร้อมทั้งยัดแก้วน้ำขิงอุ่นๆมาให้ในมือ
“เอายาแก้ปวดไปเผื่อด้วยเลยนะคะครูบัว เมื่อคืนนายเหมืองดื่มแทนคุณไปเสียเยอะน่าจะน็อคยาวล่ะค่ะ” ตามมาด้วยป้าพุดที่หยิบกระปุกยากับน้ำเปล่าที่ใส่ขวดเล็กมาให้แถม
“พี่พุดจ๊ะ เราไปดูเด็กๆกันเถอะ ป่านนี้เล่นแต่เกมส์ไม่ยอมอาบน้ำทีละมั้ง” แม่ฝ้ายชวนป้าพุดฤทัยไปดูสองแสบข้างบน มีการจับมือจับไม้สนิทสนม เมื่อวานตอนช่วยกันทำขนมบัวก็เห็นเข้าขากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย หยิบของทำงานกันด้วยเสียงหัวเราะทั้งวัน
“ไปค่ะ ปล่อยบ่าวสาวเขาพักไปเนอะ งานแต่งเมื่อวานจัดหนักจัดเต็มกันไปซะขนาดนั้น” พูดจบยังมีมายักคิ้วหลิ่วตาใส่บัว
นี่ว่าแค่แม่บัวก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปมุดดินรูไหนแล้วนะ เจอป้าพุดฤทัยชงซ้ำเห็นทีเขาคงได้หนีไปเอาหน้าซุกเขาพระสุเมรุเสียแล้วล่ะ
บัวเดินเซๆกลับขึ้นห้องไปทั้งสภาพเสื้อนอนติดกระดุมไม่ตรงรังกับกางเกงขายาวย้วยๆ และเพิ่งจะตระหนักได้อีกอย่างว่าสภาพที่เขาสะโหล๋สะเหล๋ลงไปข้างล่างนั้นคือเขาอยู่ในชุดนอนนายเหมืองทั้งชุด สภาพผมเผ้าฟูฟ่อง และใบหน้าแดงเถือก
หนอย เจ้าทศกัณฑ์ พ่อจะเล่นให้กลับกรุงลงกาไม่ถูกเลยคอยดู!
“นายเหมือง! ตื่นเดี๋ยวนี้!!! ใครใช้ให้เอาบัวกลับมาห้องนี้เล่า แล้วมีสิทธิ์อะไรมาถอดเสื้อผ้าบัว นี่! นายเหมืองครับ! ตื่น!” ปากเรียกไปมือก็เขย่าร่างหนาหนักที่นอนหันหลังเข้าผนัง พอเจ้าตัวรำคาญเสียงบัวหนักเข้าก็เอาหมอนมาอุดหูแล้วยิ่งเขยิบไปใกล้ผนังขึ้นอีก
“หนวกหูน่าบัว พี่ขอนอนต่ออีกหน่อยเถอะ”
“ไม่ได้ พี่รู้มั้ยว่าทำบัวขายหน้าแม่แค่ไหนอ่ะ แม่เห็นบัวในชุดพี่ แล้วก็โดนป้าพุดแซวว่าเมื่อคืนเป็นงานแต่งของเราสองคนอีก โอ๊ยยยย นี่บัวทำตัวไม่ถูกแล้วเนี่ย ตื่นเลยนะ มาฟังบัวบ่นก่อน”
“อย่าง้องแง้งใส่พี่แต่เช้าน่าบัว คนยิ่งปวดหัวอยู่ เดี๋ยวพี่ปล้ำนะ”
“แล้วเมื่อคืนพี่ไม่ได้ทำหรือไงเล่า” บัวพูดเองก็หน้าแดงเอง เอาตัวไปนั่งคล่อมลงบนสะโพกของคนที่นอนคะแตงข้างหันหน้าเข้าผนังอย่างไม่เจียมตัว เขาจะต้องลากนายเหมืองมาสำนึกผิดด้วยกันให้ได้ เรื่องอะไรจะรู้สึกอายอยู่คนเดียว
“ก็ไม่ได้ทำน่ะสิ ไม่เห็นหรือไงว่ากางเกงในก็ยังอยู่ พี่แค่ถอดเสื้อกับกางเกงให้บัวเอง คนมึนขนาดนั้นจะเอาแรงที่ไหนไปปล้ำคนอื่นฮ๊ะ พี่ก็คนนะบัวไม่ใช่โคถึก”
“เอ้า ก็เหมือนนี่” บัวเอามือไปประกบสองข้างแก้มเย็นๆของคนที่ยังทำนอนหลับตาแต่พูดตอบโต้เขาได้เป็นฉากๆ “ภาพพจน์บัวเละหมดแล้วรู้บ้างมั้ย แม่กับป้าพุดคงคิดว่าบัวเป็นคนติดแฟนขนาดหนักแน่ๆ แล้วบัวจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนเนี่ย โอ๊ยยย”
“ไว้ที่เดิมแหละครับ แต่ช่วยย้ายก้นลงไปไว้ที่อื่นก่อนได้มั้ย มันตั้งแล้วเนี่ยเห็นมั้ย บอกอยู่ว่าอย่ามาโวยวายอย่ามาใกล้คนเพิ่งตื่น เตือนแล้วไม่ฟัง”
“เฮ้ย เดี๋ยวๆ” บัวสะดุ้งโหยง โคหน้าด้านหน้าไม่อายพลิกตัวนอนหงายอย่างรวดเร็ว และถึงปากจะบอกให้บัวย้ายก้นไปที่อื่นแต่มือกลับคว้าจับข้อมือบัวแน่น ทำให้ตอนนี้โพสิชั่นร่างกายมันค่อนข้างจะน่าหวาดเสียวอยู่ซักหน่อย บัวไม่สามารถนั่งทับลงไปบนร่างกายนายเหมืองได้เต็มๆก้นเลย
“ไม่เดี๋ยวแล้ว อยากให้ตื่นก็จะตื่นให้ แต่เป็นอย่างน้องชายพี่นะที่ตื่น”
“หนะ...นายเหมือง มะ...ไม่เอาแล้ว อยากนอนก็นอน บัวไม่กวนแล้ว”
“ไม่ทันแล้วคนดี” ใบหน้าคนเพิ่งสร่างเมาและเพิ่งตื่นหรี่ตามองคนที่มาก่อกวนเขาด้วยแววตาระยิบระยับ พริบพราวด้วยความหื่นที่ไม่คิดปิดบัง จนขนาดนี้แล้วบัวยังทำเป็นหน้าบางกับแม่กับป้าพุดอยู่ได้ ถ้าได้รู้ว่าเมื่อคืนพอเมาแล้วตัวเองมาเลื้อยพันแข้งพันขาใส่เขาทั้งงาน มิกระโดดหน้าต่างเอาหัวโหม่งโลกไปเลยหรือไง
อย่างนี้มันต้องเล่นเสียหน่อย เดี๋ยวจะหาว่าไม่แน่จริง
“อยากอยู่ข้างบนก็อยู่ข้างบนให้ตลอดนะบัว บอกเลยว่าถ้าพี่น้ำไม่แตกไม่ต้องลงมานะ”
“นายเหมือง! พูดจาลามก!” คนโดนสั่งห้ามลงมาตีเพี๊ยะเข้าที่กล้ามอกสีแทนสวย นายเหมืองไม่นิยมใส่เสื้อนอนมาแต่ไหนแต่ไร เป็นพวกมั่นอกมั่นใจในสรีระร่างกายของตัวเองอย่างแรงกล้าเลยทีเดียว
“ก็ลามกกับเมีย พี่พูดไม่ได้หรือไง” แน่ะ พูดแล้วมีลอยหน้าลอยตาใส่ อยากจะเอาสก็อตเทปมาปิดปากนัก แต่ติดที่มือของบัวตอนนี้มันไม่ว่างน่ะสิ มันถูกบังคับลากให้ไปทักทายเจ้าน้องชายตัวแสบของคนที่เพิ่งหายแฮ้งค์
ไม่น่าเลยจริงๆเจ้าบัว ไม่น่ามาวอแวกับนายเหมืองแบบนี้เลยจริงๆ
“อ๊ะ...นายเหมือง ไม่เอาท่านี้ได้มั้ย”
“ไม่ได้ ลงโทษที่มาก่อกวนผัวแต่เช้า ก็รับกรรมไปซะ”
“ฮื้อ...นายเหมือง อ๊ะ อืม...ไม่..เอา อ๊ะ...”
“ชู่ว... เบาๆหน่อยคนดี เดี๋ยวลูกได้ยินนะ” โอ่ย แค่จะปิดปากบัวทำไมไม่ใช้นิ้ว ใช้ปากตัวเองมาปิดทำไม
“ก็ปล่อยบัวสิ เดี๋ยวใช้มือทำให้ แต่ไม่เอาข้างบน” บัวพูดไปก็หอบไป คนข้างล่างเขาเด้งเอวใส่ขยับไม่หยุดเลย
รู้แล้วว่าเอวดียิ่งกว่ากระทิงปลอมตามงานวัดเสียอีก แต่ไม่ต้องโชว์กันแบบนี้ก็ได้ รอเวลาให้ค่ำกว่านี้หน่อยก็ไม่ได้
“ไม่เอา เสียชาติเกิดหมด เสร็จใส่มือเนี่ยนะ เสียดายลูกๆพี่หมด เอาล่ะไม่ต้องพูดแล้ว ถ้าอยากหลุดไปจากตรงนี้ก็จัดการซะ พี่ช่วยแล้ว ที่เหลือเป็นหน้าที่เราแล้วครูตาหวาน ขยับให้เต็มที่ไปเลย”
“อื๊อ นาย...ไม่เอา อย่า..ขยับ อ๊า...มันยัง...ฝืด”
“ไม่แล้วนะคนดี ขยับเอวดูก่อนสิครับ ค่อยบ่นนะ”
หนอย...ใช่สิ ตัวเองมีหน้าที่แค่นอนเฉยๆนี่นา ไม่ใช่คนมาขยับแบบบัวเสียหน่อย บัวนึกขบเขี้ยวเคี้ยวฟันไปก็พยายามขยับก้นไป พอเริ่มเข้าที่เข้าทางก็คิดแต่ว่าทำยังไงก็ได้ให้นายเหมืองเสร็จเร็วที่สุด เขาหลับหูหลับตาขยับไปตามที่ตัวเองพอจะทำเป็น ดีไม่ดีไม่รู้แต่อีกฝ่ายเกร็งใส่เขาเป็นพักๆเขาก็ถือว่ามันคงไม่เลวล่ะนะ
และแล้วรอบแรกก็ผ่านไป ทิ้งไว้แค่ความปวดเอวของคนที่ต้องยอมขยับอยู่ฝ่ายเดียว บัวคิดว่ามันจะจบแล้วเชียว แต่เขาก็ไม่เคยจำได้สักที ว่าไม่มีทางที่นายเหมืองจอมอึดจะยอมหยุดแค่ที่รอบเดียว ชายหนุ่มที่ยังมีแรงเหลือเฟือพลิกร่างกลับไปเป็นผู้นำเกมส์ แล้วก็จัดการโหมซัดพาคนรักตัวขาวไปแตะขอบสวรรค์ซ้ำแล้วซ้ำอีก สรุปว่าน้ำขิงแก้วนั้นก็กลายเป็นหม้ายไป เพราะนายเหมืองได้ยาคลายอาการแฮ้งค์ตัวใหม่ที่ได้ผลดีกว่าน้ำขิงแก้วนั้นเป็นร้อยเท่าเลยทีเดียว
------------------------------------------------------------------------------
หนึ่งปีผ่านไป...
ผลการสอบบรรจุออกมาเกินความคาดหมายมาก เพราะบัวสามารถคว้าคะแนนอันดับหนึ่งในสาขาวิชาที่ตัวเองสอบมาครองได้สำเร็จ มีสิทธิ์ได้เลือกโรงเรียนใหญ่ๆที่มีชื่อของจังหวัดเป็นคนแรก แต่ทุกคนกลับงงเป็นไก่ตาแตกเมื่ออันดับหนึ่งขอสละสิทธิ์อันแสนโชคดีนั้น ไปอยู่โรงเรียนประจำตำบลนอกเขตเมืองไปไกลแทน แต่เจ้าตัวก็ตอบคำถามเพื่อนๆและกรรมการบรรจุไปว่าเพราะมันใกล้บ้าน เขามีแม่ที่ต้องดูแล และเขาพอใจแล้วที่จะได้ไปบรรจุในโรงเรียนขนาดกลางแทนที่จะเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ตามที่เขาสมควรจะเลือก
ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านไปนั้น บัวอาศัยอยู่ที่บ้านเช่าตัวคนเดียว ตอนแรกแม่เขาอยากจะขึ้นมาอยู่เป็นเพื่อน แต่บัวขอให้แม่อยู่ที่เหมืองรอเขากลับไปดีกว่า เขาไม่อยากให้แม่มาอยู่เหงาๆเฝ้าเขาในกรุงเทพฯ เพราะตอนกลางวันเขาก็ต้องไปสอนเด็ก กว่าจะได้กลับบ้านก็ห้าหกโมงเย็น ตอนกลางวันแม่ก็คงไม่ยอมอยู่เฉยหาทางทำงานทำเงินเองอีก แต่บัวอยากให้แม่ได้พักบ้าง เขาเห็นแล้วว่าตอนที่แม่อยู่บ้านนายเหมืองนั้นแม่มีความสุขมาก แม่มีป้าพุดเป็นเพื่อนคุย มีหลานวัยซนให้เลี้ยงสองคน แถมแม่กับป้าพุดยังชวนกันทำขนมเล็กๆน้อยๆส่งขายในตลาดแถวบ้าน หาเงินมาเป็นค่าขนมให้หลานๆกันอีก นายเหมืองก็พอได้เบาแรงเรื่องเลี้ยงลูก เพราะตอนนี้สองแสบติดคุณยายแจ อวดใครต่อใครไปทั่วว่าพวกเขามีคุณยายที่ทั้งสวย ทั้งใจดี ทำขนมก็อร่อย มีแต่เรื่องดีกับดี แม่ไม่ควรมาอยู่เหงาๆกับเขาที่กรุงเทพฯจริงๆ
แล้วพอถึงช่วงวันหยุดยาวหลายๆวันบัวก็จะจองตั๋วกลับบ้าน ใช้เวลาเก็บเกี่ยวเติมพลังงานกับครอบครัวที่เหมือง แล้วก็กลับมาสู้งานในเหมืองหลวงต่อ ส่วนนายเหมืองนั้นช่วงแรกๆก็นั่งเครื่องบินบินมาหาเขาแทบทุกอาทิตย์ จนสมัครสมาชิกสะสมไมล์ไปได้เพียบ มาช่วงหลังๆนี่แหละที่บัวบอกให้เพลาๆลงบ้าง
นอกจากนั้นก็ยังมีเรื่องดีๆตามมาอีกอย่าง เมื่อตอนช่วงหยุดยาวปีใหม่ที่ผ่านมา ครอบครัวของบัวตกลงกันจะขึ้นเหนือไปกราบเจ้าย่ากัน เด็กๆออกอาการดีใจอย่างออกนอกหน้า ส่วนแม่ฝ้ายนั้นค่อนข้างเกร็งและไม่ค่อยมีรอยยิ้มสักเท่าไหร่ตอนขาไป ทว่าเมื่อไปถึง ทุกคนที่รู้เรื่องครอบครัวของบัวถึงกับตะลึง เมื่อเจ้าย่าเดินเข้ามาหาแม่ของบัว แล้วยกมือขึ้นสวมกอดแม่ของบัวต่อหน้าทุกคน
แม่ฝ้ายปล่อยโฮออกมายกใหญ่ ก้มตัวลงกราบเจ้าย่าแทบตัก ขอขมาลาโทษกับเรื่องต่างๆที่เคยทำให้ครอบครัวเจ้าย่าเสียใจ และบอกว่าพ่ออยากจะกลับมากราบขมาพวกท่านมาตลอด แต่ก็มาป่วยจนต้องจากไปเสียก่อน จนก่อนเสียพ่อของบัวก็ยังกอดรูปของเจ้าปู่เจ้าย่าเอาไว้แนบอก เฝ้าบอกเธอให้มาขอโทษแทนให้ได้ ลูกสะใภ้กับแม่ผัวที่เพิ่งได้ปรับความเข้าใจกันพากันกอดแล้วก็ร้องไห้ใส่กันไปยกใหญ่ พาลเอาบัวที่ยืนตื้นตันใจอยู่ใกล้ๆสะอื้นไห้ไปด้วย จนนายเหมืองต้องเอามือมาโอบเอาคนรักไปกอดแนบอก แล้วเอ่ยบอกบัวไปว่า สลักหัวใจความรู้สึกผิดสุดท้ายของบัวคงปลดออกได้แล้ว หลังจากนี้บัวก็คงจะมีความสุขได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องพะวกพะวนกับเรื่องของครอบครัวใดๆอีก
พวกเขาอยู่ฉลองปีใหม่กันที่สวนเจ้าย่าด้วยความชื่นมื่น ป้าพุด ลุงเกรียง นายเม่นที่ไม่เคยได้มารอบที่แล้วถึงกับตื่นตกใจมากที่ได้รับรู้ว่าครอบครัวฝั่งคุณย่าของครูบัวนั้นมีเชื้อสายเจ้าทางเหนือ มีอาณาเขตบ้านกว้างใหญ่ไพศาล แล้วไหนจะยังศักดิ์ฐานะของครูบัวที่สวนแห่งนี้ ที่ใครๆต่างก็พากันทำความเคารพครูบัวแล้วก็เรียก ‘เจ้าบัวสวรรค์’ กันอย่างพินอบพิเทา นายเม่นนั้นแทบจะก้มลงกราบเบญจางคประดิษฐ์ใส่ครูบัวเลยทีเดียวที่รู้เบื้องลึกของครอบครัวครูบัวแบบนี้
“บัว เก็บของเสร็จหรือยัง กระเป๋าสุดท้ายนี่พี่พาลงไปก่อนนะ”
วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วที่บัวจะอยู่อาศัยที่กรุงเทพ ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป เขาจะกลายเป็นคนย้ายถิ่นฐานไปตั้งรกรากใหม่อยู่ที่ใต้ อยู่กับครอบครัวที่เขารัก อยู่กับคนที่บัวรักทุกๆคน
“ขอบคุณนะครับ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างเลย” บัวหันไปยิ้มให้คนรัก เขาสะพายกระเป๋าผ้าที่มีเอกสารประกอบการสอนของเทอมที่ผ่านมาขึ้นบ่า มันเป็นของที่เขาแยกไว้แล้วว่าต้องใช้สอนเด็กอีกครั้งในเทอมหน้านี้
“พูดแปลกๆ บัวพูดขอบคุณพี่มาเป็นรอบที่ห้าแล้วนะ” นายเหมืองขมวดคิ้ว มองคนที่เข้ามาเกาะแขนเขาแล้วซบแก้มลงบนไหล่เขาเบาๆ
“ก็ไม่มีคำพูดอื่นที่มันดีกว่าคำว่าขอบคุณแล้วนี่” ครูบัวเอ่ยบอก วันนี้ถึงจะเสียใจที่ต้องจากลาเด็กๆที่เขาได้สอนมาหนึ่งปีเต็ม แต่อีกใจก็รู้สึกอบอุ่นที่เขาจะได้กลับบ้านเสียที
“ก็ถ้าไม่มีคำพูดจะเอ่ยแล้ว บอกเป็นการกระทำก็ได้นะ หอมแก้ม จูบ หรือจะปล้ำพี่เลยก็ได้ เวลายังพอมีอยู่”
“นายเหมืองนี่! หื่นจนวินาทีสุดท้ายเลยนะ”
“เอ้า แล้วผิดตรงไหนล่ะ พี่ก็หื่นกับเมียคนเดียวนี่แหละ”
“บ้า ไม่พูดด้วยแล้ว” จากที่เขินๆอยู่ตอนแรกก็โดนพูดจาลามกใส่จนเขินอายไปหมดแล้วเนี่ย
“เดี๋ยวสิ เดี๋ยวเรายังต้องเอากุญแจบ้านไปคืนแปะแกด้วยนะอย่าลืม อ้อ บิลค่าน้ำค่าไฟเดือนนี้เมื่อกี๊พี่ให้เม่นมันไปจ่ายให้ที่เซเว่นฯแล้วนะ เผื่อบัวจะยังหา...”
คนพูดหยุดพูดไปกะทันหัน เขากำลังหันกลับมาหลังจากชะโงกหน้าไปสำรวจห้องนอนที่ว่างเปล่าเหมือนตอนแรกเข้า แล้วจู่ๆก็มีคนตัวขาวๆเขย่งปลายเท้าขึ้นมาจุ๊บแก้มเขาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
นายเหมืองตะลึงมองคนทำที่หน้าแดงแจ๋ สาวเท้าเก้าลงบันไดไปถี่ๆ คนที่ปกติจะเรียบร้อย น่ารัก ขี้อาย แล้วก็ชอบคีพลุกตัวเองต่อหน้าคนอื่นอยู่แทบจะตลอดเวลา ...กล้ามาเป็นฝ่ายจุ๊บเขาก่อน
...ฟ้าจะถล่มดินจะทะลาย นายเหมืองจะตายวันนี้ก็ไม่เสียใจแล้วโว้ย!...
“บัว! บัว! เดี๋ยวสิ อย่าเพิ่งไป เมื่อกี๊พี่ไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย หน้าพี่ด้าน พี่ขออีกทีเน้นๆได้มั้ยบัว บัวครับ!”
ตะโกนไปเถอะนายเหมือง ตะโกนให้ตายยังไงก็อย่าหวังว่าวันนี้ครูบัวแกจะยอมให้อีก หมดโควตาความหวานสำหรับวันนี้แล้ว
เขาบอกว่าการจะฝึกสิงโตเจ้าป่าให้เชื่องได้นั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก
แต่สำหรับบัวแล้ว เขาคิดว่ามันก็ไม่ได้ยากขนาดนั้นนะ
ก็เขาน่ะ ค้นพบวิธีการฝึกที่ได้ผลมากร้อยเปอร์เซ็นต์เข้าน่ะสิ
ก็แค่เอาน้ำผึ้งหย่อนให้กินวันละหยดสองหยด อารมณ์เหมือนเอาขนมแมวเลียให้แมวกินทุกเช้าจนติด
แค่นั้นเจ้ายักษ์ตัวใหญ่หน้าด้านแต่ใจบางก็ไปไหนไม่รอดแล้ว
แล้วคุณล่ะครับ มีวิธีการฝึกเจ้าตัวใหญ่ที่บ้านด้วยวิธียังไงบ้าง...ถ้ามันไม่ค่อยได้ผล ก็ลองใช้วิธีนี้ดูได้นะ
เติมความหวานให้กันวันละนิด ป้อนความใกล้ชิดให้กันวันละหน่อย
หมั่นซักรีดความรักให้มันบ่อยๆ เพื่อที่มันจะได้สดใสอยู่กับ ครอบครัว ของคุณไปนานๆยังไงล่ะครับ
End
------------------------------------------------------------
:mew1: :pig4: ขอบพระคุณนักอ่านทุกๆท่านเลยค่ะ :pig4: :mew1:
แก้วปั้ณณ์