ตอนที่ 33ชนนน “พี่นนครับ” ผมที่เพิ่งเดินออกจากห้องชมรมอย่างอารมณ์ดี ด้วยอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าจะได้เจอหน้าสุดหล่อเมียรักก็แทบหน้าคะมำ เมื่อไอ้เด็กบิวเดินเข้ามาขวางหน้าในระยะประชิด
ผมเตรียมจะโวยใส่แม่งแล้ว แต่จากใบหน้าเครียดๆแววตาหม่นๆของมันทำเอาผมโวยไม่ออก ก่อนเปลี่ยนมาถามแทนว่ามันมาดักรอผมเรื่องอะไร
“พี่ไม่ชอบบิว บิวไม่ว่า แต่ทำไมต้องผลักไสบิวให้พี่แหนมด้วย” จัดการไปแล้วหนึ่งก็เหลืออีกหนึ่งสินะ รายนี้มาแนวตัดพ้อทำตัวน่าสงสารไม่น้อย แต่การกระทำของมันก่อนหน้าก็แสบใช่ย่อย จนผมไม่นึกสงสารเท่าที่ควร
“เพราะพี่ไม่อยากเห็นเราทำตัวไม่สมกับหน้าตาไงเล่า พี่ไม่ใช่คนดีอะไร ถ้าเราทำตัวล้ำเส้นกับคนของพี่มากๆเข้า จะหาว่าพี่ไม่เตือนไม่ได้นะ ที่สำคัญเพื่อตัวบิวเอง พี่อยากให้ลองเปิดตาเปิดใจมองคนอื่นนอกจากพี่บ้าง” ผมว่าครั้งนี้ผมชัดเจนอย่างที่สุดแล้วนะ ถ้าไอ้เด็กตรงหน้านี่ไม่เข้าใจก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว
“พี่นนใจร้าย ฮึกๆ บิวก็แค่ชอบพี่ ฮึก ก็แค่อยากจะพยายามเรื่องพี่ให้ถึงที่สุด แต่ดูแล้วบิวจะไม่มีหวังแล้ว ฮือออ!” ไอ้น้องเอ๊ย ความจริงน่าจะคิดได้ตั้งแต่เราคุยกันรอบนั้นแล้วนะ แต่พอผมได้เห็นน้ำตา ใจที่ว่าแข็งก็อ่อนยวบยาบ
“เอ่อ อย่าร้องเลย...อ่า เฮ้อออ” ผมเริ่มติดอ่างวางมือวางไม้ไม่ถูก มียกมือเกาหัวเกาหูให้วุ่น
ขืนใครมาเห็นภาพผมกับเด็กบิวตอนนี้ ฟันธงได้เลยว่าผมคงโดนใส่ความว่ารังแกแม่งให้ร้องไห้แน่ๆ ผมตัดสินใจวางมือบนหัวกลมๆที่เจ้าของมันกำลังก้มหน้าไว้กับฝ่ามือ และร้องไห้เป็นวักเป็นเวร
“ตั้งแต่ครั้งนั้นที่เราคุยกันจนถึงวันนี้ พี่ยังเห็นเราเป็นรุ่นน้องและเป็นน้องชายของพี่ไม่เปลี่ยน แต่พี่ขอเถอะว่ะบิว อย่าพยายามทำอะไรให้มากไปกว่านี้เลย ที่พี่พูดไม่ใช่เพราะพี่ทำเพื่อตัวเอง แต่พี่อยากให้บิวทำเพื่อตัวเองมากกว่า” ระหว่างที่ผมพูดผมก็ลูบหัวกลมๆนั่นไปอย่างแผ่วเบาด้วย ไม่ได้หวังจะหากำไรกับเด็กนี่ แต่อยากให้มันหยุดร้องและเข้าใจในสิ่งที่ผมพูดมากที่สุด
ดูเหมือนจะได้ผล เพราะเสียงร้องไห้นั้นหยุดลง เหลือเพียงการสะอื้นเบาๆ ผ่านไปพักเดียวไอ้เด็กบิวก็เงยหน้าขึ้นอย่างช้าๆ พร้อมใบหน้าซีดขาวเต็มไปด้วยคราบน้ำตา กับดวงตาแดงช้ำฉายแววโศกสลด ที่ไม่ว่าใครได้เห็นคงใจอ่อนยวบยาบด้วยความสงสาร ไม่เว้นแม้แต่ผมที่พาลลืมๆสิ่งที่เด็กบิวเคยก่อวีรกรรมไว้ จึงเผลอเช็ดคราบน้ำตาให้พ้นจากวงหน้าขาว
“เปิดตาเปิดใจยอมรับคนอื่นเถอะ เพื่อตัวบิวเอง ที่สำคัญเป็นแฟนนั้นเลิกกันได้ แต่การเป็นเพื่อนเป็นพี่น้องไม่มีทางเลิกได้หรอก เข้าใจที่พี่พูดมั้ย” ผมพยายามโน้มน้าวไอ้เด็กบิวอย่างที่สุด แม้ใจความในบางประโยคจะขัดกับความในใจของผมมากนัก
คนอื่นคิดยังไงไม่รู้ แต่สำหรับผมไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ผมไม่มีทางยอมเลิกกับสุดหล่ออย่างแน่นอน แต่นาทีนี้ผมต้องให้เด็กนี่เชื่อในสิ่งที่ผมพูดให้ได้ซะก่อน อย่างที่บอกเพื่อตัวมันเอง มันไม่ควรเอาความรู้สึกมาจมปักกับคนอย่างผมที่รักเมียจนหมดใจไปแล้ว
“พี่นนใจดีแบบนี้ไงเล่า บิวถึง...ฮึก...บิวจะพยายามทำตามที่พี่ว่า แต่ขอบิวกอดพี่ก่อนจะตัดใจได้มั้ย” ‘ตกลงกูเป็นคนใจร้ายหรือคนใจดีสำหรับมึงกันแน่วะ’
สิ่งที่ได้ยินทำผมถึงกลับลดมือลงจากใบหน้าเด็กบิว และเกิดอาการกลืนน้ำลายลำบากขึ้นมาทันที แต่ดวงตาละห้อยผสมแววโศก ที่เจ้าของมันคงเห็นอาการลำบากใจของผมนั้น ทำให้ผมต้องคิดหนัก แต่ขืนผมยังชักช้าตัดสินใจไม่ได้อยู่แบบนี้ ทุกอย่างก็ยังจะยืดเยื้อไม่จบสิ้น
เอาวะไอ้นนเปลืองตัวนิดเดียวสุดหล่อไม่รู้หรอก และสิ่งที่ผมจะทำก็เพื่อรักของเราสองคนอยู่แล้ว บริสุทธิ์ใจซะอย่าง ผมจึงพยักหน้าตกลงให้ไอ้เด็กบิว พอมันได้เห็นกิริยาผมถึงกลับยิ้มร่า รีบโผเข้ากอดผมที่ยืนแข็งค้างทันที แต่ผมก็ลืมนึกไปว่าเกิดใครมาเห็นเข้า โดยเฉพาะสุดหล่อเมียรักถ้าเกิดมาเห็นด้วยตา แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น ด้วยพวกเค้าเหล่านั้นไม่ได้รู้ถึงเจตนาดีๆที่ผมคิดน่ะสิ แถมไอ้คนที่ผมสงสารก็กลับคิดพิเรนทร์ทำนอกเหนือจากที่ขอไว้อีก
“[จุ๊บ!!]... เฮ้ย! มึงทำไรเนี่ย” ผมยันไหล่ไอ้เด็กเวรออกจนสุดแขน และง้างแขนอีกข้างขึ้น เตรียมสั่งสอนเด็กเวรดังใจคิด
แต่เสียงร้องตกใจที่ดังขึ้นเวลาไล่เลี่ยกับที่ผมตกใจนั้น ทำให้ผมต้องเหลียวมองไปทางต้นเสียง และผมถึงกลับชาวาบไปทั้งตัว หัวใจในอกแทบหยุดเต้น
“เหวอ! เวรแล้วมั้ยล่ะ”
“เฮ้ย! ทำไรของมึงเนี่ย”
ไม่ใช่เพราะสีหน้าตกใจของไอ้ธันว์ หรือแม้แต่เสียงสบถไม่พอใจของไอ้นลินที่ผมได้เห็นได้ยินนี่หรอกครับ แต่ที่ทำให้ผมมีอาการดังกล่าวเป็นเพราะคนๆนี้ต่างหาก
“บะ...เบส คือ นน” ผมรีบปล่อยมือจากไอ้เด็กบิวตัวแสบ ก่อนจะรีบปรี่เข้าหาสุดหล่อเมียรักทันที
เบสยืนนิ่งไม่ไหวติงและจ้องมาที่ผมตาไม่กระพริบ ไม่ต้องบอกว่าสุดหล่อเห็นหรือไม่เห็น ในช่วงวินาทีวิกฤตแสนบัดซบนั่นของผม และผมเพิ่งรู้ตัวแน่ชัดก็นาทีนี้ แถมยอมรับกันแบบไม่อายเลยว่า ‘กูกลัวเมียค่อดๆ’ ไม่ต้องไปถึงขั้นเมียขอเลิกหรอก เพราะขั้นนั้นผมไม่มีวันยอมเลิกอยู่แล้ว เอาแค่ตอนนี้สุดหล่อโกรธจนไม่ยอมพูดด้วยเนี่ย ไอ้นนก็ใจไม่ดีแทบจะขาดใจอยู่ตรงนี้แล้ว ‘สมน้ำหน้าตัวเองชิบหาย ใจอ่อนจนได้เรื่อง แม่งเอ๊ย!’
“พี่นน” ‘มึงก่อเรื่องไว้แล้วจะเรียกกูทำเชี่ยไรวะ’
ไม่เฉพาะผมแล้วที่หันไปมอง ทั้งเบส ไอ้นลิน ไอ้ธันว์ หรือแม้แต่ไอ้พี่แหนมที่โผล่มาตอนไหนไม่รู้ มองไอ้เด็กบิวเป็นตาเดียว
แม้ใบหน้าซีดๆและแววตาที่แสนโศกสลดของไอ้เด็กบิวที่มองมา พร้อมกิริยาที่กอดตัวสั่นๆของตัวเองนั้น จะทำให้ใครต่อใครที่ได้เห็น นึกสงสารขึ้นมาได้ผมก็ไม่แปลกใจนัก แต่ตอนนี้ผมสงสารตัวเองมากกว่า จึงไม่คิดจะเดินกลับไปหา แต่กลับมีหนึ่งในพวกเราที่ยืนอยู่ทนมองไม่ไหว
ไอ้พี่แหนมเดินเข้าไปหาไอ้เด็กนั่น เมื่อถึงตัวมันก็ลงมือลูบหัวเด็กบิวเบาๆ แต่ไอ้เด็กบิวไม่มีชายตามองมันสักนิด เพราะเด็กนั่นยังคงมองตรงมาที่ผม
หากผมเป็นไอ้พี่แหนมคงทั้งเสียใจและน้อยใจเชียวล่ะ ผมจึงเลือกที่จะเบือนหน้าหนีสายตาละห้อยหาคู่นั้น และทำใจกล้าคว้าข้อมือสุดหล่อมากุมไว้แทน ผมทำเพื่อให้ไอ้เด็กบิวได้เห็นว่าผมเลือกใคร...ที่ไม่ใช่มัน
“พอเถอะบิว สงสารตัวเองมั่งเหอะ” เสียงไอ้พี่แหนมลอยเข้าหู เท่าที่ฟังแบบไม่ต้องเห็นหน้า ผมรู้ได้เลยว่ามันคงทั้งสงสารทั้งเป็นห่วงเด็กบิวไม่น้อย
ผมตัดสินใจจูงมือสุดหล่อเข้าหาคนทั้งคู่ ซึ่งเบสเองก็ไม่มีขัดขืน เพียงแต่ยังไม่ยอมพูดไม่ยอมสบตาผมแค่นั้น ซึ่ง ‘แค่นั้น’ ที่ว่าก็พาลให้ผมหายใจลำบากแล้ว
“พี่ยังยืนยันคำเดิม ตัดใจซะเถอะ พี่มีคนที่รักแล้วคือคนนี้ และไม่คิดเปลี่ยนใจด้วย...บิวทำตามใจตัวเองมามากแล้ว พอเหอะว่ะ!” ผมตะตอกใส่หน้าแม่งจนสะดุ้งและถลึงตาใส่ จนมันเองถึงกลับตัวสั่นไม่หยุด
นาทีนี้ผมยอมเป็นผู้ชายเลวๆที่ทำตัวเหมือนกำลังข่มขู่คนที่อ่อนแอกว่า ด้วยเจ็บใจทั้งตัวเองและไอ้เด็กเวรตรงหน้า ที่ทำให้เกิดเรื่องบัดซบสุ่มเสี่ยงต่อรักร้าวขึ้น ก่อนผมจะยกมือตบแก้มมันเบาๆเป็นการเตือนสติอยู่หลายที ในระหว่างที่ผมพูดประโยคถัดไป
“มึงไม่เหนื่อยรึไง กูยังเหนื่อยแทนมึงเลย เชี่ย! ไม่มีความหวังให้มึงเห็นสักนิด มึงจะทู่ซี้ต่อไปเพื่ออะไร ถ้าเหนื่อยจงหยุด และมองคนข้างๆซะ แต่ถ้ามึงไม่คิดจะมองก็เรื่องของมึง และถ้ามึงยังก่อเรื่องให้กูอีก แม้แต่ความเป็นพี่น้องกูก็ไม่มีให้ ขอโทษที่ต้องพูดแบบนี้...พี่แหนม ผมฝากด้วยพี่”
พูดจบผมพาสุดหล่อหมุนตัวจากมาทันที แต่ก็ยังทันได้เห็นไอ้เด็กบิวน้ำตาไหลพราก กอดตัวสั่นๆของตัวเองจนแน่น และไม่มีเสียงร้องให้เราได้ยินสักแอะ ก็เสียงจะเล็ดลอดออกมาได้อย่างไร ในเมื่อมันกัดริมฝีปากตัวเองซะแทบขาดขนาดนั้น
ผมหวังว่าวันนี้เรื่องของไอ้เด็กบิวคงจบสักทีนะครับ ผมยอมเป็นไอ้ผู้ชายใจร้ายปากหมาสำหรับมัน ดีกว่าปล่อยเรื่องนี้ให้ยืดเยื้อไม่จบสิ้น สำคัญที่ผมทำก็เพื่อตัวมันเองนั่นแหละ ตอนนี้แผลยังคงสด หากแต่เราฆ่าเชื้อดีๆและรักษาแผลใจอย่างถูกวิธี ผมเชื่อว่าสักวันจะไม่ทิ้งรอยไว้แม้แต่รอยแผลเป็น แต่ผลกระทบของเหตุการณ์ดังกล่าวสำหรับผม มันยังไม่จบนี่สิครับ เพราะตั้งแต่ผมพาเบสกลับมาขึ้นรถ จนกระทั่งขับไปส่งไอ้สองเพื่อนซี้ถึงบ้านพวกมัน เบสก็ยังไม่ยอมพูดอะไรกับผมสักคำเลย
“ใจเย็นนะมึงค่อยๆคุยกัน กูรู้ว่ามึงควบคุมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ แต่ถ้ากูเป็นพี่เบสกูก็โกรธมึงว่ะนน” นี่คือคำพูดไอ้ธันว์ที่ทิ้งไว้ให้ผมก่อนมันจะเดินเข้าบ้าน ฟังเหมือนมันให้กำลังใจเพื่อนอย่างผมนะ ถ้าไม่มีประโยคสุดท้ายหลุดมาน่ะ เพราะเล่นเอาผมใจเสียเลย
“กูเคยเตือนมึงแล้วให้ระวังไอ้เด็กนั่น มึงแม่งไม่ระวังตัวตามที่กูเตือน แล้วเป็นไง ดันเกิดเรื่องขึ้นได้ซะชิบ! แต่เอาเถอะ ง้อเท่านั้นนะมึง นาทีนี้ไอ้พี่เบสว่าไง มึงมีหน้าที่เอออออย่างเดียว อย่าสะเออะเถียงเมียเป็นอันขาด เข้าใจ!?” ส่วนประโยคนี้ไม่ต้องบอกว่าใครพูด ถ้าไม่ใช่เจ้าแม่บัวงาม
ไอ้นลินนอกจากทับถมกันแล้ว ยังสบถให้ผมยิ่งใจเสีย นี่ดีนะว่าคุณหญิงแม่ไม่อยู่บ้าน ไม่งั้นผมกับมันคงโดนไม้เรียวฟาดเหมือนตอนสมัยเด็กๆ ที่เผลอพูดคำหยาบต่อหน้าท่านอย่างแน่นอน แต่มันก็ยังดีเนอะ ที่คอยสั่งสอนผมยิ่งกว่าที่ท่านแม่ผมทำ และผมคงไม่เชื่อมันไม่ได้ซะด้วย
งานนี้เมียจะด่าจะว่าหรือแม้แต่กระทืบเพื่อลงโทษ ข้อหาไม่ระวังตัวให้คนอื่นมาขโมยจูบ ผมคงต้องก้มหน้ายอมรับโทษแต่โดยดี
“ก่อนหน้าที่เบสจะมาเจอ เด็กนั่นขอแค่กอดเพื่อจะได้ตัดใจจากนน แต่ไม่รู้ทำไมถึงทำแบบนั้น เบสครับ นนขอโทษที่ไม่ระวังตัว ยกโทษให้นนได้มั้ย” ผมลงทุนคุกเข่าต่อหน้าเมียรักเพื่อขอโทษทันที ที่เราเข้ามาอยู่ในห้องสองต่อสอง
เบสยืนก้มหน้าสบตาผมนิ่งงันไม่มีปฏิกิริยาตอบรับการอ้อนวอนของผมสักนิด ไอ้ผมเองที่ใจไม่ดีตั้งแต่อยู่บนรถ ใจก็พาลจะยิ่งห่อเหี่ยวขึ้นไปอีก แต่ผมขอทำใจกล้ายื่นมือไปกุมมืออุ่นๆของเบสไว้นิด ก่อนจะส่งสายตาออดอ้อนให้เมียยอมใจอ่อนพูดด้วยอีกหน่อย ซึ่งดูเหมือนจะได้ผล เพราะริมฝีปากที่ปิดสนิทมาตลอดของเบสเริ่มขยับแล้ว
“นน...วันนี้กลับบ้านไปก่อน” ได้ยินเมียพูดแบบนี้ ผมล่ะหุบยิ้มแทบไม่ทัน นอกจากเมียจะไม่หายโกรธกันแล้ว ผมยังโดนไล่ออกจากบ้านอีกรึเนี่ย
“ไม่เอา นนไม่กลับ!!” ผมลุกขึ้นยืนมาปฏิเสธเมียรักทันที ก่อนจะสวมกอดเบสไว้จนแน่น และไม่คิดจะสนคำเตือนไอ้นลินที่สั่งเสียไว้สักนิด
เรื่องอื่นผมไม่คิดเถียง แต่เรื่องให้แยกกันนอนเนี่ยผมไม่มีวันยอม เมียนอนไหนผัวก็ต้องนอนนั่นสิ ครอบครัวถึงจะอบอุ่น ที่สำคัญผมถือคติมีปัญหาต้องรีบสะสางอย่าข้ามคืน เพราะความไม่เข้าใจจะพาลกัดกร่อนหัวใจให้ยิ่งบาดหมาง
“กลับไปก่อนเถอะ พรุ่งนี้มีแข่ง อยากพักผ่อนแล้ว เรื่องอื่นค่อยคุยกันพรุ่งนี้” ระหว่างที่เบสพูดนั้น กลับดันตัวผมออกห่าง และทำท่าหมุนตัวเดินเข้าห้องน้ำ ทิ้งผมให้ยืนเอ๋อเพียงลำพัง
ผมไม่ยอมหรอกในเมื่อยังคุยกันไม่รู้เรื่อง จึงเร่งฝีเท้าไปสวมกอดเบสไว้จากทางด้านหลัง
“นนไม่อยากกลับ กลับไปก็คงนอนไม่หลับ ขอนนนอนที่นี่ด้วยคนนะ สัญญาว่าจะไม่กวน” ผมแทบจะขาดใจตายระหว่างรอคำตอบของเมียรัก จนเผลอกอดร่างเบสไว้ซะแน่น
ถ้าสุดหล่อจะใจร้ายไล่กันกลับอีก ผมจะลงทุนตื๊อด้วยการลงนอนชักดิ้นชักงอบนพื้นต่อหน้าเนี่ยแหละ ‘กูเห็นเด็กๆทำกลางห้างทีไร พ่อแม่แม่งตามใจซื้อของเล่นให้ทุกที’ กรณีของผมคงไม่ต่างเท่าไหร่ม้าง
“งั้นปล่อย เหนื่อย อยากอาบน้ำ” ได้เท่านี้ผมพอใจแล้ว ผมรีบคลายกอดก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวส่งให้เมียรัก
“ครับๆ นี่ครับผ้าเช็ดตัว” ผมส่งยิ้มหวานเจี๊ยบให้สุดหล่อหน้านิ่ง เพื่อสู้สายตาเย็นเฉียบที่มองมา ก่อนจะพรูลมหายใจยาวเหยียดอย่างโล่งอก เมื่อเมียรักรับผ้าไปและเดินตรงเข้าห้องน้ำ ขืนสุดหล่อจ้องนานกว่านั้นไอ้นนมีสิทธิ์แข็งตาย
ผมเดินวนไปมารอบห้อง ไม่รู้จะเริ่มทำอะไรก่อนดี ทั้งๆที่ก็ไม่มีอะไรต้องทำ เอาเป็นว่าใจมันว้าวุ่น ร่างกายมันเลยอยู่นิ่งๆไม่ได้ แม้เบสจะยอมพูดด้วยแต่ก็เป็นไปเพราะความจำใจ แต่จากสายตาที่โคตรเย็นชา ผมรู้หรอกว่าสุดหล่อยังโกรธกันมากอยู่ ไอ้เด็กบิวแม่งสร้างปัญหาให้ผมไม่จบสิ้น หรือต้นเหตุจริงๆเป็นเพราะผมกันวะ ‘แม่งเอ๊ย!’
ผมหวังว่าตั้งแต่พรุ่งนี้ไปมันจะตัดใจจากผมได้จริงๆสักที ส่วนเรื่องเห็นใจนาทีนี้ไม่มีให้แม่งแล้ว เพราะผมเองยังเอาตัวไม่รอด ถ้ามันไม่ยอมจบก็หน้าหนาเต็มทน และผมนี่แหละจะทำให้มันจบด้วยตัวเอง
“จ๊อกกก!” เสียงท้องร้องประท้วงขึ้นมา ทำเอาผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้กินข้าวเย็น และไม่ใช่แค่ผมเท่านั้นสุดหล่อก็เช่นกัน เพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องแท้ๆ พรุ่งนี้เบสมีแข่งรอบชิงด้วยสิ ขืนร่างกายไม่พร้อมเป็นอะไรขึ้นมาแล้วจะยุ่ง
คิดได้ดังนั้นผมก็วิ่งปรู๊ดลงมาชั้นล่าง แต่มาเจอแม่ผการะหว่างทางลงบันไดพอดี ผมเบรกตัวโก่งก่อนจะยกมือไหว้ท่าน แต่ยังเอามือลงไม่ทันไร ผมต้องรีบเบี่ยงตัวหลบตรงมุมชานบันได เมื่อคุณแม่ยายที่ไม่ได้มองหน้าผมสักนิดนั้น ท่านวิ่งตึงตังแบบไม่กลัวตกบันไดสักนิดผ่านหน้าไป ด้วยความเร็วที่เกินมาตรฐานของคนอายุเยี่ยงท่านจะทำได้
ถ้าเป็นช่วงแรกที่ผมมาค้างที่นี่ผมคงตกใจ แต่ตอนนี้ผมชินซะแล้ว ด้วยรู้ว่าช่วงนี้เป็นช่วงปิดต้นฉบับนิยายของคุณแม่ยาย และที่ผมหวังไว้ว่าจะมีกับข้าวฝีมือแม่ผกาสักอย่างสองอย่างในตู้เย็น ให้ผมได้อุ่นกินนั้นเป็นอันฟาล์ว
“เอาวะ มาม่าแล้วกัน” ผมไม่มีทางเลือก ขืนทำอวดเก่งลงมือทำกับข้าวให้เมียกินตอนนี้ มันอาจจะไปเพิ่มความไม่พอใจของเมียรักขึ้นก็ได้ ด้วยเหตุผลคือทำครัวบ้านเมียเละเทะเข้าน่ะสิ
ผมจัดการเสียบปลั๊กต้มน้ำ ก่อนหันมาเปิดฝาถ้วยมาม่า และฉีกเครื่องปรุงลงถ้วย รอไม่นานน้ำก็เดือด แต่ด้วยความรีบกลัวว่าสุดหล่อจะหลับไปซะก่อน ทำให้ไม่ทันระวังกดน้ำร้อนลวกใส่มือ เล่นเอาร้องเสียงหลงและมาม่ากระจายเต็มพื้นครัว
“โอ๊ย! ร้อนๆ ฟู่ๆๆๆ...ชิบฉายล่ะกู” ผมลนลานทำอะไรไม่ถูกกับสภาพพื้นที่เละเทะ ไปด้วยน้ำผสมเครื่องปรุง และก้อนมาม่าแข็งๆที่แตกกระจายไปทั่วพื้นครัว
ส่วนหลังมือก็แสบร้อน แต่ผมไม่มีเวลาสนใจตัวเองนัก กลัวอย่างเดียวกลัวว่าเบสจะโกรธผมมากขึ้น หากลงมาเห็นสภาพห้องครัวขณะนี้เข้า
“ทำอะไร!?” ‘เฮือก!’ ผมงี้สะดุ้งแทบปล่อยไม้ถูพื้นหลุดมือเลยเชียว ก่อนจะหันไปส่งยิ้มแหยๆให้สุดหล่อ
เบสกวาดมองสภาพพื้นเละเทะไปจนทั่ว ก่อนจะค่อยๆไล่สายตาจากปลายเท้าผมขึ้นมาสบตากัน ในสภาพวงหน้าใสวิ้งๆแต่ดวงตาขุ่นคลั่ก พร้อมหัวคิ้วขมวดมุ่นเป็นปม และเดินเข้าหาผมอย่างช้าๆ ผมงี้ผวาเผลอก้าวถอยหลัง แต่ด้วยความไม่ทันระวัง และลืมนึกไปว่ายังไม่ได้เช็ดพื้นด้านหลัง ทำให้ตัวเองลื่นเกือบหงายหลัง ยังดีที่ไม่ทันล้มจนหัวฟาดพื้น เพราะได้สุดหล่อหน้าใสเข้าช่วยดึงแขนไว้ได้ทัน
ตาสบตาในระยะประชิด จมูกชนจมูกจนเหมือนใช้ลมหายใจมวลอากาศก้อนเดียวกัน ริมฝีปากเฉียดกันเพียงนิด ถ้ามีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งลดระยะห่างก็คงได้ประกบจูบมอบความหวานให้กันได้แล้ว และผมก็เลือกที่จะเป็นฝ่ายกระทำเอง ทำให้ผมได้สัมผัสกับริมฝีปากนุ่มหยุ่นที่แสนคุ้นเคย แต่ก่อนที่เราจะเลยเถิดไปกว่านี้ เจ้าของความนุ่มอุ่นก็เบี่ยงหน้าหลบ และดันตัวเองออกห่างไปจากอ้อมกอดของผม ผมที่กำลังเคลิ้มไปกับสัมผัสอ่อนหวานก็ต้องลนลานอีกครั้ง เมื่อเจอเข้ากับสายตาไม่พอใจปนโกรธเข้าอย่างจัง
“น่ะ..นนขอโทษที่ทำครัวเลอะ แค่อยากจะทำมาม่าให้เบสกิน แต่นนซุ่มซ่ามเอง เดี๋ยวนนทำความสะอาดก่อน เบสรอปะ...แป๊บ บะ...เบส~” ผมที่กำลังลนลานกลัวสุดหล่อโกรธ จนพูดไม่หยุดนั้นต้องอึ้งค้าง ก่อนหัวอกที่เคยเย็นจนเกือบอ้างว้าง กลับอบอุ่นขึ้นมาอย่างช้าๆ
เมื่อคนที่ผมคิดว่าต้องโกรธต้องโมโหกันมากขึ้น กับพฤติกรรมก่อนหน้าและต่อหน้าของผมขณะนี้นั้น เค้าทำเพียงคว้ามือข้างที่ผมโดนน้ำร้อนลวกขึ้น ก่อนจะทำหน้าตาจริงจังมองมือข้างนั้น และเป่าลมอุ่นๆเข้าปะทะความแสบร้อนที่ผมลืมมันไปชั่วขณะ พร้อมจูงมือผมไปยังอ้างล้างจาน และเปิดน้ำเบาๆปล่อยให้สายน้ำเย็นๆผ่านหลังมือ
นาทีนี้ผมแทบไม่รู้สึกถึงความแสบร้อนสักนิด เพราะมัวแต่จดจ่อกับสีหน้าจริงจัง และแววตาที่ฉายชัดถึงความกังวลของคนตรงหน้า จนอดที่จะฉีกยิ้มไม่ได้ยามที่เบสเบือนหน้ากลับมามองกัน
“ทำไมไม่ดูแผลก่อน! มัวแต่ทำอะไรไม่เข้าเรื่อง!” แม้ฟังดูเหมือนจะโดนดุ แต่ความหมายนั้นแสดงออกชัดว่าสุดหล่อเป็นห่วงผม มากกว่าที่จะโกรธกันเพราะผมสร้างความวุ่นวายให้
“เบสจะไปไหน” ได้ยินแบบนี้เหมือนผมเป็นลูกแหง่ติดพ่อ (ทูนหัว) เลยใช่มั้ย
เวลานี้สุดหล่อก็คงคิดไม่ต่างจากที่คุณคิดหรอก เพราะเบสที่หมุนตัวทำท่าจะเดินออกไป แต่โดนผมรั้งชายเสื้อไว้นั้น เอี้ยวตัวกลับมาส่งสายตาติดรำคาญมาให้พร้อมสีหน้าหน่ายๆ
“คงไม่ได้หนีออกจากบ้านตัวเองหรอกน่า” โดนเมียประชดดีกว่าถูกเมินล่ะน้าไอ้นน ผมจึงได้แต่ทำหน้าแหยและเดินตามหลังเมียรักต้อยๆ
แต่แล้วเมื่อผมเห็นว่าเบสเดินเข้าไปหยิบมีดทำครัว และดึงมันออกจากฝัก ก่อนหันมาแสยะยิ้มโหดเข้าใส่มีเหลือบสายตาลงต่ำ ผมถึงกลับผงะและเผลอกุมเป้าตัวเองไว้ พร้อมมองเมียรักอย่างไม่ไว้ใจ เพราะคิดไปไกลแล้วว่าเมียจะลงโทษกันถึงขั้น ‘ตัดจู๋’ เชียวเหรอ
ผมก็ต้องโล่งใจ เมื่อสุดหล่อเมียรักนั้นไม่ได้ทำอย่างที่ใจคิด ด้วยเบสหมุนตัวถือมีดตรงไปหลังครัว และใช้มีดตัดต้นว่านหางจระเข้แทน ก่อนนำมันมาล้างและลอกเปลือกออกช้าๆ ทุกอิริยาบถของสุดหล่อไม่มีรอดพ้นสายตาผม แต่ผมอดสงสัยไม่ได้ว่าเบสเอามันมาทำอะไร หรือจะเป็นเมนูพิสดารหวังวางยาสามีรูปหล่อเยี่ยงผมกัน
“ยื่นมือมา...ไม่ใช่ ข้างนั้นสิ” ‘อุต๊ะ! เมียเห็นกูเป็นคนหรือหมาวะเนี่ย’ แต่ผมก็ยอมยื่นมือออกไป และดันไม่ใช่ข้างที่เมียรักต้องการ ผมจึงได้แต่หัวเราะแหะๆ พร้อมเปลี่ยนเป็นมือข้างซ้ายที่โดนน้ำร้อนลวกแทน
“อูยยย เย็นอ่ะ” ทันทีที่ตัววุ้นของว่านหางจระเข้ฝีมือเมียรักถูกวางลงบนหลังมือ ความเย็นของตัววุ้นทำเอาผมสะดุ้งไปเหมือนกัน แต่กลับรู้สึกดีในเวลาต่อมา เมื่อมันช่วยลดความแสบร้อนของผิวหนังที่โดนน้ำร้อนลวกได้เป็นอย่างดี
“ที่บ้านไม่มียา ใช่นี่โปะไปก่อน มันช่วยลดความแสบร้อนของแผลน้ำร้อนลวก ถ้ามันเริ่มแห้ง ก็มาเอาชิ้นใหม่มาโปะแล้วกัน...เข้าใจใช่มั้ย!?” สุดหล่อพูดไปก็ใช้ผ้าพันแผลพันทับวุ้นว่านหางจระเข้ให้ผมไปด้วย
ส่วนผมก็ได้แต่มองริมฝีปากแดงๆที่ขยับปล่อยเสียงนุ่มๆซะเพลิน มาสะดุ้งก็ต่อเมื่อตาคมๆตวัดขึ้นมองกัน ผมจะทำอะไรได้นอกจากพยักหน้ารับคำเมียหัวแทบหลุด ก่อนเบสจะถอนใจยาว และเริ่มลงมือเก็บครัวที่ผมทำเละเทะไว้ พอผมจะเข้าไปช่วยกลับโดนดุ และมีสั่งให้ผมไปนั่งรอที่เก้าอี้หน้าโต๊ะกินข้าวเฉยๆ ผมจึงได้แต่นั่งจ๋องมองสุดหล่อเก็บกวาด และเริ่มรู้สึกผิดมากขึ้นกว่าเดิม
นอกจากผมจะทำให้เบสโกรธแล้ว ผมยังทำตัววุ่นวายเพิ่มงานให้สุดหล่อเข้าไปอีก แต่ผมก็อดดีใจผสมตื้นตันไม่ได้ ทั้งๆที่เบสยังคงโกรธผมอยู่เรื่องจูบของไอ้เด็กบิว แต่เบสก็ยังเป็นห่วงผมที่ซุ่มซ่ามทำน้ำร้อนลวกใส่มือตัวเอง ไม่มีต่อว่าหรือโวยวายใส่ผมสักนิด แล้วไหนจะลงมือต้มมาม่ามาวางให้ตรงหน้านี่อีกล่ะ แถมหน้าตาก็แสนน่ากินจนน้ำย่อยในกระเพาะเริ่มทำงาน ทั้งไข่ทั้งหมูและผักทรงคุณค่ากว่าที่ผมคิดจะทำให้สุดหล่อกินแต่แรกซะอีก
“ขอบคุณครับ” ผมเงยหน้าจากชามมาม่าก่อนจะส่งคำขอบคุณจากใจไปให้สุดหล่อ
เบสสบตาผมชั่วแวบ ก่อนจะก้มหน้าจับตะเกียบคืบมาม่าในชามตัวเองเข้าปาก ไม่มีหืออือหรือแม้แต่รอยยิ้มสำหรับคำขอบคุณของผมสักนิด ผมถึงกลับใจฝ่อห่อเหี่ยวขึ้นมาทันที นั่นสินะ ผมจะหวังอะไรในเมื่อยังมีคดีติดตัวอยู่ ระหว่างที่ผมก้มหน้าและใช้ตะเกียบคนเส้นมาม่าในชามเล่นอยู่นั้น
“ทำไมไม่กินครับ!” เสียงดุๆของเมียรักก็ดังขึ้น พาลมือไม้อ่อนปล่อยตะเกียบหลุดมือ จนน้ำมาม่ากระเด็นออกนอกชาม
‘แม่งเอ๊ย ก่อเรื่องไม่จบไม่สิ้นได้อีกกู’ ขณะที่ผมก้มหน้าก้มตาใช้กระดาษเช็ดโต๊ะอยู่นั้น เบสก็แตะเข้าที่หลังมือข้างที่พันผ้าพันแผลไว้ จนผมต้องหยุดมือและเงยหน้าขึ้นสบตา
“ไม่ต้องเช็ด กินก่อน เดี๋ยวอืดจะไม่อร่อย”
เชื่อมั้ยว่าผู้ชายแข็งๆอย่างผมแทบจะปล่อยโฮ เพราะทั้งสีหน้า แววตา และน้ำเสียงของสุดหล่อเมียรักนั้นช่างอ่อนโยน ไม่มีแววโกรธเคืองหรือแม้แต่ความเย็นชาเหมือนที่ผ่านมาให้เห็นสักนิด ผมจึงฉวยโอกาสนี้ยืนยันความแน่ใจว่าสุดหล่อคลายโกรธให้กันบ้างแล้ว
“เบส...ยกโทษให้นนแล้วใช่มั้ย” ผมรีบละล่ำละลักถามเมียรักทันทีที่ตะครุบมืออุ่นข้างนั้นไว้ได้
เบสจ้องหน้าผมอยู่พักใหญ่ จนผมเริ่มใจไม่ดีขึ้นมาอีกครั้ง สุดท้ายผมก็ต้องผิดหวังกับคำตอบของเมียรักเข้าจนได้
“บอกแล้วว่าจะยังไม่คุยเรื่องนี้ แต่ถ้านนยืนยันจะเอาคำตอบ ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าสิ่งที่นนจะได้ยิน จะทำให้นนเสียใจมั้ย...ยังอยากจะฟังคำตอบ หรือจะเริ่มกินมาม่าชามนี้” เมียขู่มาซะขนาดนี้ผมจะต้องเลือกอีกเหรอ
“กินครับ!”
‘ไอ้นน มึงทำใจดีๆไว้โว้ย อย่างน้อยเมียสุดหล่อก็ไม่ได้ปิดทางไปซะหมด วันนี้ไม่ได้เคลียร์ พรุ่งนี้ก็ยังมี แถมสีหน้าท่าทางเมียรักก็อ่อนลงเยอะแล้ว เปอร์เซ็นต์สำเร็จค่อนข้างสูง แต่วันนี้มึงคงต้องทนนอนหนาวไปสักคืนแล้วกัน’
.......................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะเหอะๆ ตามนั้นค่ะ
จะว่าไปชนนนนี่เป็นคนหลายบุคลิกเนอะ ว่าง่ายๆพระเอกเรื่องนี้ “ติงต๊อง” ล่ะ
ตอนนี้ว่ายุ่งแล้วแถมยังไม่ทันเคลียร์ ตอนหน้าเพิ่มเรื่องยุ่งมาอีก แถมยังมาจาก
หนุ่มโชค (ร้าย) ซะด้วยสิ จัดไปให้สมกับชื่อเรื่อง “รักต้องเคลียร์”
พบกับความรักที่แสนยุ่งเหยิงของเบสนนได้ในวันพุธค่ะ
+1และเป็ดสำหรับทุกเม้นท์ ขอบคุณทุกการติดตามจ้า