ตอนที่ 32ชนนน “เบสครับ” ลองสะกิดดูสักหน่อยดิ
“ครับ” แน่ะ! มีขานรับแฮะ ไหนลองกอดดูอีกนิดสิ
“เบสจ๋า~” จัดไปพร้อมเสียงหวานๆยิ้มหล่อๆ
“หือ!?” โว๊ะ! แค่เลิกคิ้วมองยังหล่อ ‘ไอ้นนไม่จำเป็นต้องทนแล้วมึง!’
“คืนนี้...สักหน่อยม้า~” ไม่รอคำตอบแล้ว จับกดแม่ม! อยากมาทำหน้าตาน่ารักยั่วสามีเอง
“เฮ้ย!...อุ๊บ!...อื้ออออ” แกะน้อยเสร็จหมาป่านนจนได้ ครึๆ
.
.
.
“...นน~ อึก! อ่าๆ” เสียงครางหวานหูที่มาพร้อมแรงกดของฝ่ามือที่ท้ายทอย เหมือนเป็นการตอกย้ำให้ผมได้รู้ว่า เจ้าของแกะน้อยแสนน่ารักที่อยู่ในโพรงปากนั้น ใกล้ถึงจุดหมายปลายทางเต็มที
ผมจึงยิ่งตอบสนองด้วยการเพิ่มจังหวะขยับกลืนและแรงดูดเม้ม เพื่อส่งสุดหล่อยอดดวงใจให้ถึงฝั่งฝัน ซึ่งก็สมใจเมื่อเบสครางกระหึ่มตัวเกร็ง พร้อมปลดปล่อยสายธารรักพุ่งเข้าคอให้ผมได้เก็บกลืนแทบไม่ทัน ก่อนจะตัวอ่อนซวนซบลงบนบ่าผม
“เบสครับ” ผมเข้าประคองวงหน้าหล่อเหลาไม่มีที่ติขึ้นอย่างช้าๆด้วยสองอุ้งมือ แพขนตาหนาค่อยๆกระพือเปิดอย่างช้าๆ ก่อนผมจะได้เห็นแววหวามไหวจางๆในดวงตาคู่สวย พร้อมริมฝีปากแดงฉ่ำน่าลิ้มลองที่ขยับขึ้นลงน้อยๆ แต่กลับไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา
ผมอ่านปากได้ว่าเจ้าของใบหน้าที่แสนน่าหลงใหลนั้น เค้าเรียกหาผม ก่อนวงแขนอุ่นจะถูกยกขึ้นมาโอบรอบคอ และรั้งต้นคอผมเข้าหา ผมที่กำลังส่งยิ้มใส่คู่เรียว จึงตัดสินใจป้อนจูบหวานๆให้สุดหล่อยอดดวงใจ ด้วยแน่ใจแล้วว่าสุดหล่อที่รักต้องการมัน
เมื่อเห็นว่าเบสเคลิ้มไปกับจูบหวานๆที่ผมตั้งใจมอบให้แล้ว และไหนๆสุดหล่อที่รักก็นำไปแล้วหนึ่งยก ผมว่าน่าจะถึงเวลาที่ผมจะขอทำประตูบ้าง ผมจึงทอดร่างเปลือยเปล่าของเบสลงบนเตียง ก่อนจะเริ่มเล้าโลมร่างสมบูรณ์แบบของเมียรักอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้อะไรๆก็ดูราบรื่น จนกระทั่งหมาป่าตัวร้ายอ้าปากเตรียมงาบลูกแกะน้อยแสนน่ารัก
“นน! ตรงนั้นไม่ได้...อ่า~” สุดหล่อใช้มือยันหน้าท้องผมไว้ ก่อนจะพยายามหนีบขาปิดทาง ทั้งๆที่ตัวเองก็หน้าแดงก่ำ มีตัวสั่นร้องครางด้วยเสียงแหบพร่า เมื่อหมาป่าน้อยของผมเสียดสีไปกับช่องทางร้อนสีฉ่ำ ยามเบสเบี่ยงสะโพกหนี
ทั้งเสียงทั้งใบหน้าของเบสยามนี้ ไม่ยั่วก็เหมือนยั่ว เพราะยามผมสบตาคู่สวยนั้น บ่งบอกได้ว่าเจ้าของมันกำลังต่อสู้กับอารมณ์ตัวเองอยู่ ผมจึงเบี่ยงตัวลงนอนข้างร่างขาวเนียน และตระกองกอดร่างนั้นตะแคงเข้าหาอกช้าๆ ก่อนจะใช้ปากและจมูกคลอเคลียไปกับดวงหน้าหล่อเหลาที่ผมนั้นแสนหลงใหล
“ทำไมครับ หืม นนรู้ว่าเบสก็ต้องการนน” พูดจบผมดูดริมฝีปากอิ่มเบาๆ ก่อนยื่นหน้าแตะหน้าผากเราเข้าด้วยกัน และสบตาเพื่อรอคำตอบจากเมียรัก
แต่เพื่อไม่ให้เสียเวลา ผมกวาดมือไปทั่วแผ่นหลังชื้นๆ และสะโพกแน่นๆพร้อมสอดนิ้วผ่านรอยแยกด้านหลัง เพื่อกระตุ้นสุดหล่ออีกทาง เล่นเอาเบสครางหวิวหลับตาพริ้ม มียกขาก่ายขึ้นมาบนช่วงเอวผม กลายเป็นการเปิดทางให้ผมสอดนิ้วเข้าหาช่องทางที่แสนพรั่งพร้อม แถมแกะน้อยหัวแดงที่ผมได้ชิมไปเมื่อครู่ กลับตื่นจากการหลับใหลขึ้นมาอีกครั้ง เรียกได้ว่าปลุกง่ายไม่แพ้เจ้าของมันขณะนี้เลยครับ
นาทีนี้อย่าว่าแต่สุดหล่อเลยที่ทรมาน ผมนั้นทรมานยิ่งกว่า ด้วยความอุ่นร้อนและแรงโอบกระชับรอบนิ้วผมนั้น ทำให้ผมถึงกลับต้องลอบกลืนน้ำลาย ด้วยอยากฝังกายเข้าหาเมียรักใจแทบขาด แถมหมาป่าตัวร้ายก็โก่งคอประท้วงตัวบวมเป่ง ด้วยอยากกินเนื้อลูกแกะจนแทบทนไม่ไหว ซึ่งสร้างความทรมานให้แก่ผมไม่น้อย
ผมเฝ้ารอจนกระทั่งริมฝีปากฉ่ำหวานที่ผมแตะซ้ำๆ ด้วยต้องการวอนขอนั้น ขยับเปล่งเสียงออกมา พร้อมเปลือกตาบางใสที่เปิดออก ทำให้ผมได้เห็นแววตากึ่งอ้อนวอนแฝงแววหวามไหว ที่ในยามปกติผมไม่มีทางได้เห็นอย่างแน่นอน
“ขอแข่ง อ่า~...ให้จบก่อน ได้มั้ย” ผมถึงกลับหลุดยิ้มให้กับกัปตันทีมที่มีความรับผิดชอบสูงส่ง ตัวเองทรมานจากพิษรักแทบทนไม่ไหวแล้วแท้ๆ ยังมีแก่ใจคิดถึงการแข่งขันได้อีก
หากยามปกติเบสสามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้แล้วล่ะก็ ผมเชื่อว่าประโยคข้างต้นต้องเป็นประโยคคำสั่งมากกว่าการวิงวอนอย่างแน่นอน
“แล้วนนล่ะครับ เบสไม่สงสารเหรอ ไหนว่าจะให้กำลังใจนนก่อนแข่งรอบชิงไงครับ จะผิดสัญญาเหรอ หืม” ผมไม่ได้พูดอย่างเดียว แต่คว้ามือเบสมากุมหมาป่าน้อยไว้ด้วย ดวงตาคู่สวยฉายแววหนักใจขึ้นมาทันที
ผมจึงได้โอกาสยื่นหน้าไปแตะปากนุ่มๆ และกระซิบออดอ้อนขอ อย่าหาว่าผมเห็นแก่ได้เลย ผมรู้หรอกว่าจะทำยังไงไม่ให้สุดหล่อของผมบอบช้ำ และรู้ว่าการแข่งรอบชิงของเบสนั้น สำคัญกับเจ้าตัวเค้าขนาดไหน แถมอีกตั้งสองวันกว่าจะถึงวันแข่งบาสรอบชิง ร่างกายเมียผมฟื้นตัวทันอยู่แล้ว ที่สำคัญผมไม่มีทางทำร้ายความรู้สึกของเมียตัวเอง อย่างการทำให้เมียรักเจ็บตัวจนไม่ได้ลงแข่งหรอกน่า
สุดท้ายสุดหล่อก็ใจอ่อนกับไอ้นนจนได้ เมื่อเบสตอบรับด้วยการแตะจูบเข้าที่ปลายคาง และขยับมือรั้งหมาป่าน้อย ผมจึงรีบส่งยิ้มกว้างเอาใจสุดหล่อเต็มที่ และพรมจูบไปทั่วดวงหน้าใส พร้อมกระซิบคำขอบคุณและคำรักซ้ำๆ ด้วยหัวใจในอกที่เต้นถี่รัวจากความตื่นเต้นปนดีใจ ก่อนจะพลิกร่างแน่นๆตะแคงไปอีกทาง และยกต้นขาแกร่งขึ้น โดยงอเข่าและรั้งท่อนขาที่ปกคลุมไปด้วยไรขนอ่อนๆ ให้วางพาดบนต้นขาตัวเอง
“ให้นนเข้าไปนะครับ ซี้ดดด อ่า~ เบส” ความอุ่นร้อนแสนกระชับค่อยๆโอบล้อมและกลืนกินหมาป่าน้อยกลางลำตัวผมอย่างช้าๆ จากความร่วมมือของสุดหล่อที่รัก
เมื่อผมพานนน้อยเข้าไปฝากฝังในร่างเมียรักได้ทั้งหมดแล้ว จึงพลิกใบหน้าหล่อเหลากลับมารับจูบ และลูบไล้เรือนกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อน้อยๆไปทั่ว โดยเฉพาะยอดอกบวมเป่งและหน้าท้องแกร่งที่กำลังขึ้นลูก กระทั่งเบสหลุดเสียงครางและเร่งให้ขยับ
ผมจึงเดินหน้าขยับสะโพกส่งความสุขให้เราอย่างช้าๆ แต่เน้นหนักในจุดที่รู้ว่าสร้างความหฤหรรษ์ให้เมียรัก พร้อมชักพาแกะน้อยตัวขาวปลอดหัวแดงไปด้วย สุดหล่อเองอารมณ์เตลิดมีขยับกายสวนสะโพกของผมด้วย และดูเหมือนเบสจะรั้งอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ มีเร่งเร้าให้ผมเพิ่มแรงขึ้นอีกแน่ะ ไอ้ผมก็เกือบสติหลุดตามใจเมียรักไปแล้วเหมือนกัน
“ชู่ๆ ใจเย็นครับ เดี๋ยวเบสแข่งไม่ไหวนะ” ผมกระซิบข้างใบหูหอมๆด้วยเสียงแหบพร่า เพราะข่มอารมณ์ไว้เต็มกำลังที่จะไม่ทำตามใจเราทั้งคู่ในยามนี้ ก่อนจะประกบจูบอ่อนโยนลดอารมณ์ร้อนแรงของเราลง พร้อมสวนกายเข้าหาความอุ่นร้อนอย่างช้าๆ
จนกระทั่งทุกอย่างพรั่งพรูออกมา เมื่อผมพาเมียรูปหล่อมาสุดปลายทางแห่งรัก ผมโอบประคองร่างเนียนแน่นเข้าหาตัว จนแผ่นหลังชื้นนั้นแนบชิดไปกับแผ่นอกผม รับรู้ถึงหัวใจอีกดวงที่เต้นแรงใต้ฝ่ามือ สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดข้างแก้ม ยามผมประคองใบหน้าหล่อเหลามารับจูบ
“ขอบคุณที่ยอมให้นนรักเบสนะครับ พรุ่งนี้นนสู้ขาดใจ เพื่อเบสเลยนะ”
ของกำนัลชิ้นใหญ่ที่เมียรักมอบให้ เป็นเหมือนขุมพลังให้ผมได้แสดงฝีมืออย่างเต็มที่ ในนัดชิงกีฬารักบี้ของโรงเรียนในเครือในวันรุ่งขึ้น แถมทีมโรงเรียนฝ่ายตรงข้ามมีฝีมือเป็นรองโรงเรียนเราหลายขุม ทำให้ปีนี้โรงเรียนเราสามารถครองแชมป์ซ้อนถึงสองปี เมื่อกรรมการเป่านกหวีดสิ้นสุดการแข่งขัน ทุกคนจึงกรูกันไปกระโดดเข้าใส่ไอ้พี่แหนมกัปตันทีมเรา ด้วยไอ้พี่แหนมเป็นคนทำประตูส่งท้ายเกม ทำให้คะแนนทีมโรงเรียนเรานำแบบไม่เห็นฝุ่น
“เย้ๆๆๆ เฮๆๆๆ ชนะแล้วโว้ยยยย! ฮ่าๆ” ท่ามกลางเสียงตะโกนเสียงหัวเราะด้วยความดีใจ ก็มีผมเป็นหนึ่งในนั้นด้วย
หลังจากไอ้พี่แหนมที่เกือบกลายเป็นกล้วยปิ้งที่ถูกเหล่าลูกทีมกระโดดทับนั้น ผมก็ส่งสัญญาณให้ลูกทีมคนอื่นๆได้พร้อมใจกันโยนตัวมันขึ้น เพื่อฉลองชัยชนะให้กับกัปตันทีม ผู้ที่ทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยมมาตลอดปี ทำเอาไอ้พี่แหนมถึงกับร้องลั่น
ท่ามกลางเสียงโห่ร้องดีใจของพวกเราเหล่าลูกทีมรักบี้ ก่อนอาจารย์ประจำชมรมจะสั่งให้รวมตัวเพื่อเตรียมรับถ้วย ซึ่งแน่นอนว่าตัวแทนรับถ้วยคือไอ้พี่แหนม ไม่ต้องคัดต้องเลือกกันล่ะ เพราะทุกคนเต็มใจให้มันขึ้นไปรับถ้วยแห่งเกียรติยศครั้งนี้ เพื่อให้สมกับความทุ่มเทของไอ้พี่แหนมในฐานะกัปตันทีมของเรา
ส่วนผมและคนอื่นๆที่ยืนรอในสนาม พร้อมปรบมือโห่ร้องทันทีที่ไอ้พี่แหนมหันมาจูบถ้วยโชว์ ก่อนมันจะชูถ้วยแห่งชัยชนะขึ้น ท่ามกลางเสียงปรบมือของผู้ชมรอบสนาม
“ปีหน้า ชมรมเราต้องฝากมึงให้ดูแลแล้วว่ะนน” ไอ้พี่แหนมยื่นถ้วยแห่งชัยชนะมาให้ผม พร้อมส่งมือมาให้จับ ผมจึงไม่รีรอที่จะกระชับมือกับมัน
“ผมจะทำให้ดีที่สุดเพื่อชมรมเรา” สิ้นคำผมไอ้พี่แหนมหัวเราะดังลั่น ก่อนจะดึงผมเข้าไปกอด แถมด้วยตบหลังตบไหล่ผมอยู่หลายที ทำเอาผมแกล้งร้องโอดโอยโวยวายใส่แม่ง
ส่วนคนอื่นๆร่วมทั้งสุดหล่อที่ผมลากเข้ามาในห้องแต่งตัวด้วย ต่างพากันหัวเราะ มีบ้างที่แซวเบสว่าไม่คิดจะหึงเหรอที่เห็นไอ้พี่แหนมกอดผม โดยเฉพาะไอ้ภาสเพราะมันไม่ได้แซวอย่างเดียว ดันมีลูกยุให้เบสเลิกกับผม และให้หันไปเป็นแฟนกับมันแทน ถ้าแค่มันพูดผมจะไม่ถือสา แต่นี่แม่งทำเนียนแอบจับมือเมียผม พร้อมส่งสายตากรุ้มกริ่มใส่ด้วยนี่สิ
“[เพียะ!]...พอเลยไอ้ภาส เห็นมั้ยว่ากัปตันทีมคนใหม่ แทบจะกัดคอมึงแล้ว...ไอ้นน มึงก็เพลาๆมั่งเหอะ มันก็แค่แหย่เล่นน่า” ผมที่คว้าตัวสุดหล่อออกมาจากไอ้ภาสได้ และเตรียมฉะแม่งให้หายเคืองก็ต้องเบรกตัวโก่ง
เมื่อไอ้พี่แหนมรุ่นพี่ที่แสนรู้ใจน้องจัดการเอาคืน ด้วยการเสยเกรียนไอ้ภาสแทนผมเสียงอย่างดัง ผมนี่บอกเลยว่าโคตรสะใจกับสีหน้าเหยเกของมัน แต่อดขำไม่ได้เมื่อมันสะบัดค้อนใส่ผมและไอ้พี่แหนม ส่วนประโยคสุดท้ายของไอ้พี่แหนม ผมก็อยากเชื่ออยู่หรอก แต่เพราะสายตากรุ้มกริ่มของไอ้ภาสแม่งไม่น่าไว้ใจสักนิด แน่ะทำท่าจะเข้ามาอ้อนเมียผมอีก
“ไอ้ภาส มึงออกไปไกลๆเบสเลยไป แม่ง! กูเริ่มเชื่อแล้วว่ามึงคิดจะแย่งแฟนเพื่อน” ผมกอดเบสไว้แน่นและชี้นิ้วปรามไอ้ภาสไว้
คราวนี้มันถึงกลับทำหน้าเหวอกับท่าทางและน้ำเสียงจริงจังของผม ก่อนจะได้สติและโวยวายออกมา พาให้คนอื่นๆรวมทั้งไอ้พี่แหนมหัวเราะงอหาย กับเรื่องไม่เป็นเรื่องที่เหมือนจะจริงจังขึ้นมา
แต่จากหางตาผมมีเพียงหนึ่งคนที่ทำตัวแปลกแยก ด้วยไอ้เด็กบิวยืนหลบอยู่มุมห้องทำทีเก็บของเหมือนยุ่งนักหนา แต่มีแอบมองมาทางผมด้วยสีหน้าเรียบเฉยไร้ซึ่งความรู้สึก ทำเอาผมอดแปลกใจในพฤติกรรมแปลกๆนี้ไม่ได้ แต่ผมยังไม่ทันได้หาเหตุผล สุดหล่อในอ้อมกอดก็ส่งเสียงแก้เขินขึ้นมาซะดัง
“นน! ไร้สาระไปแล้วครับ ไปอาบน้ำไป จะได้รีบกลับ...อะแฮ่ม เอ่อ ทุกคนก็น่าจะไปจัดการตัวเองได้แล้วนะครับ นี่ก็เย็นมากแล้ว” เท่านั้นแหละครับ ห้องทั้งห้องเงียบกริบขึ้นมาทันที
เบสเองก็เหมือนจะเริ่มรู้ตัวว่าใช้เสียงข่มสามีเกินพอดีไปนิด มีกระแอมนิดเบี่ยงตัวหลบออกจากวงแขนผมอีกหน่อย ก่อนจะเอ่ยเสียงสุภาพแกมสั่งด้วยแก้มแดงๆ สำคัญที่เวลาสุดหล่อพูดนั้น ไม่กล้าสบตาใครสักคน ผมนอกจากจะไม่ถือสาสุดหล่อแล้ว ยังนึกเอ็นดูให้กับกิริยานี้ของเบสไม่น้อย
เมื่อเหลือบมองไปรอบตัว ผมจึงพึ่งรู้ว่าอีกหลายๆคนก็คิดไม่ต่างจากผมนัก ซึ่งไม่เป็นผลดีกับผมสักนิด ที่ปล่อยให้สุดหล่อเมียรักมาปล่อยท่าทางน่ารักๆ ให้ผู้ชายร่างยักษ์ทั้งชมรมได้ยลอยู่แบบนี้
“ไม่ได้ยินที่แฟนกูพูดรึไง แยกย้ายได้แล้ว” รู้ตัวเลยว่าตัวเองหน้าบูดเสียงแข็งขนาดไหน แต่กลับไม่มีใครถือสาผม ด้วยต่างโห่ใส่และแซวกลับว่าผมขี้หวง
ส่วนสุดหล่อไม่ต้องพูดถึง เพราะเงียบกริบมีเบือนหน้าหลบทั้งๆที่แก้มแดงก่ำ ผมจึงดันหลังสุดหล่อให้หลบมาอีกทาง ก่อนจะได้ยินไอ้พี่แหนมไล่ให้พวกมันไปอาบน้ำ และมีเตือนถึงวันนัดเลี้ยงชัยชนะในอีกสองวันข้างหน้า ด้วยอาจารย์ประจำชมรมไม่ว่างในวันนี้ ไอ้พี่แหนมจึงถือโอกาสใช้วันหยุดเลี้ยงฉลองแทน
ไอ้พวกนั้นก็ตอบรับกันอย่างแข็งขัน หน้างี้บานเป็นจานดาวเทียม และลดความสนใจในตัวสุดหล่อของผมลง ทำให้ผมได้เบาใจขึ้นหน่อย ส่วนไอ้เด็กบิวก็ไม่รู้มันหายหัวไปไหนแล้วสิน่า สงสัยจะออกไปเก็บของข้างนอกแล้วล่ะมั้ง สงสารมันเหมือนกัน ผมก็ได้แต่หวังว่าแผนชักใยรักของผมจะได้ผลเร็วๆนี้
“เบสจะรอนนที่นี่ หรือไปรอข้างนอกกับไอ้สองตัวนั่น” ไอ้สองตัวนั่นที่ผมพูดถึงคือไอ้ธันว์กับนลินครับ มันสองคนมาเชียร์ผมติดขอบสนามในวันนี้ด้วย และรอผมกับเบสอยู่ด้านนอก
ด้วยวันนี้ผมขับรถไปรับมันสองตัว เพื่อมาเป็นกองเชียร์ส่วนตัว เพราะอยากให้พวกมันนั่งเฝ้า เอ๊ย! ให้นั่งเป็นเพื่อนสุดหล่อของผมระหว่างแข่งนั่นเอง
“รอข้างนอกแล้วกัน นนรีบหน่อย เดี๋ยวคุณแม่น้องนลินกับน้องธันว์จะว่าเอา นี่ก็เริ่มมืดแล้วด้วย” จริงตามที่สุดหล่อว่าไว้ครับ เพราะหลังแข่งกว่าจะรับถ้วยกว่าจะแสดงความยินดีกันเสร็จ มาจนถึงเวลานี้ก็กินเวลาไปมาก จนแสงอาทิตย์เริ่มหายไปจากท้องฟ้า ผมก็ยังไม่ได้อาบน้ำเลย เบสคงกลัวว่าแม่ของไอ้เพื่อนสนิทผมจะต่อว่าเอาล่ะสิ
“ครับผม ฝากบอกมันสองตัวด้วยว่ารอนนแป๊บนึง ส่วนเบส...ก็อย่าคิดถึงนนมากนะรู้มั้ย นนอาบน้ำไม่นานหรอก...[จุ๊ฟ!]...[พลัวะ!]...โอ๊ย! ครึๆ” คงไม่ต้องบอกเนอะ เพราะแค่ฟังเสียงก็น่าจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมียผมนี่ก็มือไวทำร้ายสามีได้ดีไม่มีเปลี่ยน แต่ก็คุ้มล่ะครับได้จุ๊บแก้มหอมๆของเมียรักมาทีแล้วนี่น้า ครึๆ
“ไอ้นน มานี่ดิ” ระหว่างที่ผมฮัมเพลงเตรียมตัวเข้าห้องน้ำ อยู่ๆไอ้พี่แหนมก็กวักมือเรียกผมด้วยสีหน้าจริงจังแบบสุดๆ
ผมเองถึงกับงงว่ามันเป็นอะไร แต่พอเดินมาใกล้และเห็นของในมือมัน ผมจึงได้ลอบยิ้มแต่กลับทำให้ไอ้อดีตกัปตันทีมอย่างไอ้พี่แหนมหน้าบูดยิ่งกว่าเดิม
“นี่มันอะไร!?” รูปภาพขนาดเท่าโปสการ์ดถูกตวัดใส่เกือบจะทิ่มหน้าผม ซึ่งเป็นรูปใบเดียวกับที่ผมแอบถ่ายตอนที่ไอ้เด็กบิวยื่นขวดน้ำให้ไอ้พี่แหนมระหว่างช่วงพักซ้อม แถมใบหน้าไอ้เด็กบิวก็ดูดีไม่น้อย ด้วยรอยยิ้มหวานๆตายิบหยี ตอนที่มันส่งขวดน้ำให้ไอ้พี่ที่อยู่ตรงหน้าผมนี่
“เอ้า!? พี่ไม่รู้จริงดิว่ามันคือรูปภาพน่ะ...เฮ้ยยย! โอเคๆ ฮ่าๆ ผมล้อเล่นน่า ทำไมไม่ชอบเหรอ ในรูปพี่ออกจะดูมีความสุขนะโว้ย ดูดิ ยิ้มหวานตาเยิ้มเชียว” หลังจากผมหลบฝ่ามือพิฆาตของไอ้พี่แหนมได้ ผมก็ยกมือยอมแพ้พร้อมหัวเราะน้ำตาเล็ด ให้กับสีหน้าถมึงทึงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันของมัน แต่แก้มดำๆนั่นกลับแดงได้อย่างน่าตลก
‘คิงคองก็เขินเป็นกับเค้าเหมือนกันเว้ยเฮ้ย!’ เมื่อรู้ว่าไอ้พี่แหนมมันชักจะยังไงกับไอ้คนในรูป ผมจึงยิ่งแกล้งชี้ชวนให้คิงคองขี้อายได้ยิ่งมีปฏิกิริยามากขึ้น จนโดนแม่งไล่เตะไปรอบห้อง
สุดท้ายผมต้องยอมยกธงขาว เพราะกลัวว่ากรามจะค้างท้องจะแข็งตายไปซะก่อน ด้วยหัวเราะกับท่าทางของไอ้พี่แหนมที่โวยวายใส่ผมแก้เขินนั่นเอง ก่อนผมจะยอมรับสารภาพแต่โดยดีว่าแอบชักใยรักอยู่เบื้องหลัง และดูท่าการลงแรงครั้งนี้ของผมจะไม่เสียเปล่าซะด้วยสิ
“มึงก็นะ ทำไรไม่บอกกล่าว กูก็ไม่อยากอะไรกับน้องมันหรอก ก็รู้อยู่ว่าเค้าคิดอะไรๆกับมึง” คิงคองยักษ์น้อยใจเป็นด้วยแฮะ ไอ้พี่แหนมเป็นเอามากกว่าที่ผมคิด
ดูตาแม่งสิครับ จ้องเด็กบิวในรูปซะละห้อยเชียว ผมตบบ่ามันเบาๆก่อนจะพูดปลอบใจมันออกไป
“มันต้องทำใจนิดนึงว่ะพี่ ผมหล่อกว่าพี่นี่หว่า...เอ้า!? จ้องหน้า ครึๆ ผมล้อเล่น พี่แม่งอย่าเพิ่งท้อดิว้า...พี่แหนม ไม่ว่าบิวจะคิดยังไงกับผม มันไม่สำคัญสักนิด เพราะผมมั่นคงกับคนของผมคนเดียว พี่ก็รู้ว่าผมรักเบส...ตอนนี้มันสำคัญที่ว่าพี่คิดไงกับมันมากกว่า ถ้าคิดว่าบิวมันใช่ ก็แค่เดินหน้าต่อในส่วนที่ผมเริ่มให้แล้วก็เท่านั้น ผมเชื่อว่าเด็กนั่นจะเห็นความจริงใจของพี่ว่ะ” จากแววตาละห้อยหมดแรงของไอ้พี่แหนม กลับเปล่งประกายแห่งความหวังขึ้นมา
ผมตบบ่าหนาๆของไอ้พี่แหนมไปหลายทีเพื่อแก้แค้น!? ไม่ใช่ล่ะ เพื่อให้กำลังใจมันไป และดูท่าคำพูดผมจะได้ผลไม่น้อย เพราะคิงคองยักษ์เริ่มยิ้มได้แล้วครับ ผมก็หวังว่าไอ้เด็กบิวจะเห็นความจริงใจของไอ้พี่แหนม และเชื่อว่าไอ้พี่แหนมจะดูแลไอ้เด็กนั่น ได้ดีไม่แพ้ที่ผมดูแลสุดหล่ออย่างแน่นอน ก็ขอแค่ทั้งคู่เปิดใจและมีความจริงใจให้กันเท่านั้น
แต่ถ้าผมจะรู้อนาคตล่วงหน้า ผมจะไม่ทำตัวเจ้ากี้เจ้าการเข้ามาจัดการความรักของใครแบบนี้แน่ๆ เพราะผลที่ตามมามันไม่คุ้มสักนิด กับการที่ผมเกือบจะเสียความรักของตัวเองไป
‘ผมน่าจะปล่อยติ่งแบบไอ้เด็กบิวเสียใจซะให้เข็ด!’
............................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะฮุๆ คงมีหลายคนตกใจไปกับฉากเปิดตอน มาถึงก็....เลย
จริงๆมันต่อเนื่องจากตอนที่แล้วอ่ะ โปรดอย่าได้ถือสาชนนนคนหื่นเลย
แต่ความจริงยิ่งกว่าคือตั้งใจชดเชยให้ก่อน เพราะตอนหน้าเข็มกลัดตัวน้อย
หรือติ่งของไอ้ดำตูดหมึกจะแผลงฤทธิ์ละ ส่วนผลจะเป็นอย่างไร จะทำให้คู่หวาน
สั่นคลอนได้มั้ย หรือจะถึงขั้นแตกหักรึเปล่า ต้องตามอ่านในวันอาทิตย์ค่ะ
+1และเป็ดสำหรับทุกเม้นท์ ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ
ขอชี้แจงค่ะ : คนเราไม่ใช่มีแค่ขาวกับดำเท่านั้น แต่มันมีสีกลางๆอย่างสีเทาด้วยเนอะ
เราว่าคนอย่างเด็กบิวถูกจัดในจำพวกสีเทาอ่ะ (แม้บางคนจะว่าพฤติกรรมออกเทาเกือบดำ
ไปแล้วก็เถอะ 555) เพียงแต่ในนิยายเรานำเสนอแต่ส่วนแย่ๆของเด็กนี่
ที่อยากได้คนของคนอื่นจนตัวสั่น แต่ในมุมที่ไม่ได้เสนอ บิวก็อาจจะเป็นเพียงเด็ก
ธรรมดาคนหนึ่ง แต่มาถูกความหลงครอบงำ จึงผลักดันให้ทำอะไรไม่เข้าท่าไปบ้าง
และการยื่นบทลงโทษให้หราบจำสมกับสิ่งที่บิวทำไป ก็เป็นหนทางหนึ่งที่เราสามารถกระทำได้
แต่เราอยากลองหยิบยื่นโอกาสให้เด็กสีเทาๆคนนี้บ้าง เพราะคนทำผิดควรได้รับโอกาสแก้ตัวเนอะ
และพล็อตนิยาย (เพ้อๆของเรา) ก็คงทำให้ใครหลายๆคนเบื่อ จึงต้องขออภัยด้วยนะคะ
อยากให้เข้าใจเจตนาในการแต่งนิยายของเรา ด้วยคงไม่โดนใจเท่าไหร่
แต่จะบ่นจะต่อว่ามาในเม้นท์ก็ได้ค่ะ น้อมรับทุกความเห็น
ขอบคุณที่ตามอ่านมาจนถึงตอนนี้ค่ะ เรื่องนี้ถูกแต่งจนจบแล้ว ยังไงก็ฝากตอนที่เหลือด้วยค่ะ