TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)
บทที่ 9 / ปัจจุบัน vs อดีต
ความที่ 3 จาก 3 / การเริ่มใหม่ vs การกลับมา
‘….สิ้นแสงบนนภา เวลาหวนย้อนกลับ ความสุขมิลาลับ สดับจับตรึงใจ
จะทุกข์ก็ไม่ทุกข์ ว่าสุขคงไม่ใช่ ใยฟ้าเพทุบาย แกล้งได้แม้ใจคน....’
...............“เพราะมากครับ” พี่ฮันเตอร์กล่าวชื่นชม “แต่งได้ดีเลยนี่นา”
นี่คือเช้าวันใหม่ที่ทุกอย่าง(ต้อง)กลับมาเป็นเหมือนเดิม
ผมนั่งทานอาหารที่โต๊ะประจำของเราร่วมกับไอ้อาร์มและไอ้แว่น แต่มีแขกพิเศษอย่างพี่ฮันเตอร์มาร่วมด้วย และที่พิเศษในพิเศษอีกคนก็คือ เมย์ เพื่อนจากคณะของผม
“ข...ขอบคุณมากค่ะ” เมย์กล่าวขอบคุณอย่างเขินอาย ดูเหมือนว่าเธอจะยังเกร็งไม่น้อยที่ต้องนั่งอยู่ระหว่างพี่ฮันเตอร์และไอ้อาร์ม “หนูว่าจะเขียนกลอนบทนี้ติดในภาพวาดของหนูน่ะค่ะ”
“เป็นภาพแบบไหนเหรอ ทำไมต้องใช้กลอนที่เศร้าขนาดนี้” พี่ฮันเตอร์ถาม
“จริงๆก็เป็นแค่ภาพวิวธรรมดานี่แหละค่ะ แต่อยากให้มีบรรยากาศที่เศร้าๆหน่อย ภาพจะได้มีหลากหลายอารมณ์”
“งั้นก็ลองวาดเป็นภาพช่วงเย็นๆดูซิ” ไอ้อาร์มเสนอ
“อื้ม ใช่ พี่เห็นด้วยนะ” พี่ฮันเตอร์เสริม
“ด...ได้ค่ะ” เมย์ตอบเขิน “ถ้าทั้งสองคนว่าดี หนูก็ว่าดีค่ะ”
“ไอ้เพลง” ไอ้แว่นที่นั่งอยู่ข้างๆ เรียกผม
“มีอะไร” ผมถาม
“ไปเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อนกูหน่อย”
“ห๊ะ” ผมแปลกใจ เพราะปกติ เวลาไอ้แว่นจะไปเข้าห้องน้ำ มันไม่เคยต้องการเพื่อนไปด้วยเลยสักครั้ง
“มาเหอะ เร็วๆ” แล้วมันก็ลากผมออกไป
“เดี๋ยวๆๆ นี่ไม่ใช่ทางไปห้องน้ำนิ” ผมรีบทักท้วงเมื่อเริ่มเดินไปผิดทาง
“ก็กูไม่ได้จะเข้าห้องน้ำไง” ไอ้แว่นเฉลย “มึงบอกกูมาอีกทีซิว่าทำไมมึงถึงขอให้พี่ฮันเตอร์มานั่งกินข้าวด้วย แถมยังให้เพื่อนมึงมาด้วยอีกคน”
“ก็ไม่มีอะไร เพื่อนกูแค่อยากได้คำปรึกษาเรื่องกลอนที่มันแต่งแค่นั้นแหละ” ไม่ชอบเลยที่ต้องโกหกไอ้แว่นแบบนี้ แต่จะให้เล่าว่า นี่เป็นการตอบแทนเรื่องที่วานให้เมย์ไปประมูลแทนก็คงไม่ได้ แบบนั้นก็เท่ากับประกาศบอกให้รู้ว่าผมมีความสัมพันธ์ลับๆกับไอ้อาร์มอยู่
“แค่นั้นมันไม่ใช่เหตุผลหรอกนะ” ไอ้แว่นสงสัยอย่างเห็นได้ชัด
“ก็กูเห็นว่าพี่ฮันเตอร์เป็นคนโรแมนติกไง น่าจะวิจารณ์อะไรพวกนี้ได้ ไม่เป็นไรหรอกแค่ชั่วโมงเดียวเอง... เออ ว่าแต่มึงเหอะ ทำไมกลับมาใส่แว่นแล้วอ่ะ” ผมพยายามเปลี่ยนเรื่อง
“นี่อะเหรอ ก็...ไม่มีอะไรมากหรอก ไม่รู้ว่าพี่ฮันเตอร์ไปได้ยินมาจากไหนว่ากูเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่เพราะคำพูดของกลุ่มแฟนคลับของพี่เขา พอเคลียร์กันไปเคลีบร์กันมา ก็เลยสรุปได้ว่า พี่เขาชอบกูที่เป็นกูแบบเดิม ถ้าอยากจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนนิดหน่อยก็พอ ไอ้เรื่องนิสัยที่กูพยายามปรับปรุงมาตลอด พี่ฮันเตอร์บอกว่าไม่จำเป็น เขาอยากให้กูรักในอะไรเดิมๆและอย่าให้ความรักมาทำให้กูเปลี่ยนไป กูก็เลยเปลี่ยนกลับมาใส่แว่น แต่เลือกที่มันเข้ากับหน้ามากขึ้น”
“มึงโชคดีจังเลยเนาะที่ได้คนดีๆอย่างพี่ฮันเตอร์เป็นแฟน”
“ใช่ กูโชคดีจริงๆนั่นแหละ”
“แต่เสื้อผ้าก็ดีขึ้นด้วยนี่นา ถึงจะได้กลิ่นโอตาคุ แต่ก็เป็นโอตาคุที่รู้จักแต่งตัว”
“ก็มึงสอนกูตั้งหลายอย่าง กูก็เอามาปรับใช้บ้างดิ”
“ดีแล้วล่ะ”
“เออใช่ อะนี่ วันนี้วันเกิดมึงไม่ใช่เหรอ” ไอ้แว่นควักกล่องของขวัญเล็กๆจากในกระเป๋ากางเกงมาให้ผม
“เฮ้ย ไม่ต้องก็ได้นะ พี่ฮันเตอร์ให้กูมาเยอะมากแล้ว”
“มันไม่เหมือนกัน พี่เขาให้ก็ส่วนพี่เขา แต่กูเป็นเพื่อนมึงนะ จะไม่มีอะไรให้ได้ไง”
“ขอบใจนะมึง” ผมรับมาและเปิดดูทันที “พวงกุญแจตุ๊กตาโมเอะ... ฮ่าๆๆ ก็สมกับเป็นมึงดีนะ”
“นี่มันรุ่นหายากเลยนะ กว่ากูจะหามาได้ ต้องใช้บารมีของพี่ฮันเตอร์ไปตั้งเยอะ จริงๆก็ขอซื้อมาจากพวกแฟนคลับของพี่เขานั่นแหละ”
“โอเคๆ ขอบใจมากก็แล้วกัน”
“สุขสันต์วันเกิดนะเพื่อน มีความสุขมากๆนะ ขอให้มึงเจอคนรักสักที”
“คนรัก?” อวยพรแปลกๆแฮะ
“ก็คนเจ้าสำราญอย่างมึงก็ต้องอวยพรแบบนี้แหละ ถ้าไม่เจอคนที่รักจริงสักที มึงก็คงหาความสงบในชีวิตไม่ได้ กูพูดในฐานะที่กูเจอรักที่ดีแล้ว กูก็อยากให้มึงมีบ้าง มึงเป็นเพื่อนที่ดีของกู ถ้ามึงได้เจอความรักที่ดี กูก็คงดีใจมาก”
“ง...งั้นเหรอ ไม่ว่าคนรักของกูจะเป็นใคร มึงก็จะยินดีเหรอ”
“แน่ดิ ถ้าเพื่อนกูรัก กูก็ยินดีทั้งนั้นแหละ จะหูหนวก ตาบอด หรืออยู่อีกซีกโลก ถ้าเขารักมึงจริง กูยินดีด้วยหมดเลย แต่.... ไม่พิการดีกว่านะมึง”
“....” ไม่เคยรู้เลยว่าไอ้แว่นมีทัศนคติต่อความรักที่กว้างใหญ่แบบนี้
“วี้ดวิ่ววว... มายืนทำอะไรกันสองคนจ๊ะสาวๆ” หึ!! จู่ๆก็มีเสียงหนึ่งดังมาจากข้างๆ ใครมันแซววะ “ระวังจะโดนฉุดไป ไม่รู้ด้วยนะตัวเธอ”
“นายจะฉุดเราสองคนเหรอ” ผมโต้กลับทันที คิดเหรอว่ากูจะยอม
“บ้าเหรอตัวเอง เค้าไม่ชอบขุดทองหรอกนะ ไม่อยากเป็นยอดชายด้วย” ปากดีนักนะไอ้อ้วนดำ อย่างมึงอ่ะ กูไม่คิดจะมองด้วยซ้ำ
“ดีจัง เพราะเราก็ไม่ชอบกินของเสียเหมือนกัน”
“เฮ้ยมึง...!!!!”
“จะทำไม..!!!!!”
ทั้งผมและไอ้อ้วนดำนั่นถูกเพื่อนที่ยืนอยู่ด้วยรั้งตัวไว้ไม่ให้พุ่งใส่กัน
“อย่าทำปากดีนะอีตุ๊ด เดี๋ยวกระทืบให้ตายค้าตีนเลย” ไอ้เดนมนุษย์นั่นโวยวาย
“คิดว่ากูกลัวเหรอ มีมือมีตีนเหมือนกันนะเว้ย” ผมตะโกน
“อย่าเลยไอ้เพลง” ไอ้แว่นพยายามเตือนสติผม “มันตัวใหญ่มากนะ สู้ไม่ไหวหรอก แถมยังมีเพื่อนมาอีกตั้งหลายคน”
“กูไม่กลัวหรอก” ผมเถียงทันที “สู้ก็แค่ตาย ให้มันรู้ไปว่าไอ้พวกที่ชอบนำเสนอตัวเองว่าแมนนักแมนหนา มันชอบทำร้ายคนที่ตัวเล็กกว่า กูเป็นปัญญาชน เอาคืนวันนี้ไม่ได้กูก็จะตามไปแก้แค้นแม่งทุกวิถีทางเลย”
“มึงกล้าเอาคืนกู...”
เพลี๊ยยย
“ไอ้สัด!!” จู่ๆเพื่อนคนหนึ่งของไอ้อ้วนดำก็ฟาดฝ่ามือเข้าที่กบาลของมันเต็มๆ “เขาพูดขนาดนั้นมึงยังจะไปรังแกเขาอีกเหรอ ตัวก็โต ไอ้ห่า เก่งแต่กับคนตัว.... เชี่ยยยย!”
“นายคือ...” ผมร้อง ก็มันรู้สึกคุ้นหน้าของคนๆนี้มากเลย
“ไอ้สัดปอนด์ มึงซวยแล้ว” เขาร้องตกใจ อ๋ออออ คนนี้คือสมาชิกทีมรักบี้นี่นา คนที่พยายามมาจีบไอ้แว่นกับผมเมื่อไม่นานที่ผ่านมา “นี่มันเพื่อนของกัปตันทีมรักบี้นี่หว่า”
“แล้วไงวะ” เหมือนไอ้อ้วนดำจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์
“ก...กูไปล่ะ ถ้ามึงโดนพวกทีมรักบี้รุมกระทืบ อย่ามาเรียกกูนะไอ้สัด กูรับตีนหนักๆของทั้งทีมไม่ไหวหรอก... ขอโทษนะครับ อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกพี่อาร์มนะครับ ร...หรือถ้าบอก ก็บอกด้วยนะว่าผมไม่เกี่ยว.... ไม่อยู่แล้ว ไปละเว้ยยยย” เขาวิ่งออกไป เช่นเดียวกับเพื่อนๆคนอื่นๆที่เดินมาด้วยกัน ทุกคนดูจะเข้าใจข้อเท็จจริงแล้ว
“ห...เฮ้ย รอกูด้วยดิวะ” แล้วสุดท้ายไอ้อ้วนดำก็วิ่งอุ้ยอ้ายตามเพื่อนของมันไป
“ฟูวววว” ไอ้แว่นถอนหายใจ “โล่งอกไปที ดีนะที่ได้บารมีของไอ้อาร์มช่วยไว้ ดีเนาะ ขนาดมันไม่อยู่ตรงนี้ มันยังสามารถปกป้องมึงได้เลย”
“อ...อืม” ผมคิดถึงคำพูดที่ไอ้แว่นพูดขึ้นมาเลย เหตุการณ์ที่ถูกปกป้องแบบนี้ ช่วงหลังๆเกิดขึ้นบ่อย แต่ในกรณีที่ไม่มีไอ้อาร์มอยู่ด้วย นี่เป็นครั้งแรกเลย
“ไปๆๆ กลับโต๊ะกันเถอะ” ไอ้แว่นชวน “แต่มึงนี่ก็ปากหมาใช่ย่อยนะ ไปท้าทายมันซะงั้น”
“กูก็เป็นของกูแบบนี้แหละ” ผมบอก
“เออ กูรู้ มึงมีความเป็นตัวของตัวเองสูง และไม่สนใจว่าใครจะคิดยังไง ไม่สนว่าจะเจ็บตัวหรืออาย ขอแค่มีความสุขในสิ่งที่พอใจจะทำก็พอ กูพูดถูกไหม”
“..............”
มีความสุขในสิ่งที่พอใจจะทำโดยไม่สนใจว่าใครจะคิดยังไง..... นี่คือตัวผมซินะ
“ไอ้เพลง!”
“ห๊ะ”
“มึงตาลอยบ่อยนะเดี๋ยวนี้ คิดอะไรอยู่วะ”
“ป...เปล่าๆ” ก็คิดตามสิ่งที่มึงพูดนั่นแหละ
หลายวันมานี้ ผมรู้สึกเหมือนได้เรียนรู้ที่จะรู้จักตัวเองขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง
นี่ผมกำลังใช้ชีวิตอย่างหลบๆซ่อนๆอยู่เพื่ออะไร เพียงเพราะรู้สึกขายหน้าที่จะบอกกับคนอื่นว่าผมมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเพื่อนสนิทของตัวเองเนี่ยนะ ที่สำคัญ คนที่ผมพยายามปิดบังมาตลอดก็ไม่ใช่ใคร แต่คือเพื่อนอีกคนที่พร้อมเข้าใจและรับฟังผมอยู่เสมอ
ลองถามใจตัวเองอีกทีซิ........ กำลังรู้สึกอะไรอยู่
ทำไมถึงไม่ยอมมีความสุขทั้งที่มีความสุขได้
ทำไมยอมอยู่ในมุมมืดทั้งที่มีแสงสว่างอยู่มากมาย
ทำไมถึงปล่อยให้มโนภาพที่จับต้องไม่ได้บดบังความเป็นจริงที่อยู่ตรงหน้า
ทำไม...ไม่พูดว่ารักกับคนที่รัก
ทำไม?
คำตอบมีเพียงหนึ่งเดียวและมันก็อยู่ในหัวใจของผมมาเสมอ
ไป.....
เดินไป.....
เดินไปหาคำตอบของหัวใจได้แล้ว
นี่เป็นช่วงเลิกเรียนของวันที่ผมควรนัดเจอเพื่อนๆเพื่อไปเลี้ยงฉลองในวันคล้ายวันเกิดของตัวเอง แต่ตอนนี้ผมกลับเอาตัวเองมานั่งอยู่ที่ข้างสนามซ้อมรักบี้ เพื่อรอที่จะพบใครบางคน
“ลมอะไรหอบมึงมาที่นี่คนเดียววะ” มาแล้ว... ไอ้อาร์ม คนที่ผมนั่งรออยู่ มันเดินเข้ามาทิ้งตัวนั่งลงข้างๆผมระหว่างการพักครึ่งเวลา “ไอ้แว่นไม่มาด้วยเหรอ”
“ไม่อ่ะ กูมาคนเดียว” ผมให้คำตอบ
“มีอะไรเหรอ คงไม่ได้มาดูกูซ้อมหรอกนะ”
“ไม่มีอะไร กูแค่อยากมานั่งดูมึงซ้อมนั่นแหละ”
“ไม่จริงอ่ะ... อ๋อออ กูรู้แล้ว มึงกำลังเซี่ยนอยู่ใช่ไหม อยากมากถึงขั้นมาหากูถึงสนามเลยเหรอวะ แต่ตอนนี้กูติดซ้อมอยู่ รอซ้อมเสร็จก่อนละกันนะ”
“เปล่า กูจะมาดูมึงจริงๆ”
“เอ...? หรือว่ามึงมาเพื่อเล็งลูกทีมคนอื่น อย่านะเว้ย เรายังอยู่ในสัญญากันอยู่นะ”
“ก็บอกว่ามาดูมึงไง ดูมึงแค่คนเดียวนั่นแหละ”
“อ...เอ่อ...จริงเหรอ” เหมือนไอ้คนข้างๆจะแอบยิ้มเล็กๆ
“อืม ทำไม ไม่มีที่ว่างให้กูนั่งดูหรือไง”
“กูก็มีที่ว่างให้มึงตลอดนั่นแหละ” ไอ้อาร์มกับผมเริ่มคุยกับแบบไม่กล้ามองหน้ากัน
“แปลว่ามีที่ว่างให้คนอื่นด้วยงั้นเหรอ”
“เคยมี แต่ตอนนี้มีแค่ระบบเหมาเท่านั้นแหละ ถ้าจะนั่งดูกูจริงๆ กูก็คง...มีที่ไว้สำหรับคนๆเดียว”
“งั้นกูขอนั่งได้ไหม”
“ก็นั่งอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
“แค่อยากให้แน่ใจว่าจะไม่มีที่เหลือไว้ให้คนอื่นอีก”
“ไม่มีแล้ว.... แล้วกูเป็นไงบ้าง นั่งดูมาตั้งนาน คิดว่าฟอร์มของกูเป็นไง” ไอ้อาร์มพยายามเปลี่ยนอารมณ์กลับมา
“เก่ง... ตัวใหญ่... แข็งแรง... วิ่งเร็ว... หล่อ... เท่... เป็นกัปตันทีมที่ดี... เป็นผู้ใหญ่... เชื่อถือได้... ไว้ใจได้... เป็น......เป็นคนรักที่ดีได้...” ผมพยายามพูดให้ได้มากที่สุดแล้วนะ
“ร...เหรอวะ” ไอ้อาร์มทั้งทึ้งทั้งปลื้มใจ ผมว่ามันหยุดหายใจไปพักนึงเลยแหละ “มึง...มึงรู้ใช่ไหมว่า...คนเป็นเพื่อนกัน เขาไม่พูดแบบนี้”
“รู้ซิ....ถึงได้พูดไง”
“หมายความว่า...!!!!”
“ไอ้อาร์ม” ผมตัดสินใจจะพูดแล้ว “กูมีเรื่องอยากจะ...”
“เดี๋ยวๆๆๆ” ไอ้อาร์มหยุดผมไว้ มันลูบไปที่หน้าอกของตัวเองแรงๆเพื่อเป็นการเตรียมใจ ก่อนที่จะดึงบางอย่างออกมาจากกระเป๋าสะพาย “สุขสันต์วันเกิดนะ”
“ขอบใจ” ของขวัญวันเกิดนั่นเอง “ให้แกะเลยไหม”
“ก...แกะเลยก็ได้”
“โอเค” ผมลงมือแกะของขวัญอยู่สักพัก “อะไรเนีย ชุดนอนเหรอ โห หลายตัวจัง”
“ใช่ กูเห็นมึงชอบชุดนอนลายการ์ตูน และกูก็คิดว่าเวลามึงใส่ชุดพวกนี้แล้วมันน่ารักดี ก็เลยซื้อมาให้หลายตัวเลย แล้วช่วงหลังๆมานี้ กูก็เป็นต้นเหตุที่ทำให้ชุดนอนของมึงเสียหายไปไม่น้อยเลย อันนี้ถือว่าเป็นทั้งของขวัญและค่าชดใช้นะ”
“ขอบใจนะ” ผมพูด “มึงรู้ใจกูตลอดเลย”
“ตอนแรกกูกะจะเอาไปให้คืนนี้ในร้านเหล้า แต่... ไม่รู้ดิ กูคิดว่ากูกำลังจะได้ยินอะไรดีๆในอีกไม่ช้านี้ ก็เลยรีบให้ความสุขมึงก่อน เพราะนี่เป็นวันเกิดของมึง ถ้ากูได้รับของขวัญก่อนมันคงไม่ถูกหลัก”
ผมขำในความคิดของไอ้คนตรงหน้า
“ถึงกูจะชอบของขวัญที่มึงให้ แต่กูไม่ได้อยากได้อันนี้ตอนนี้หรอกนะ...” ผมดึงโบว์ที่ผูกกล่องของขวัญไปติดที่หน้าอกของคนที่กำลังจ้องผมตาไม่กระพริบ “นี่ต่างหากที่อยากได้...”
“กู...” มือใหญ่ๆของไอ้อาร์มวางลงบนมือของผมที่จับอยู่ที่หน้าอกของมัน “ก...กูพูดไม่ออก”
“ตลอดสองปีมานี้” งั้นกูจะเป็นคนพูดเอง ตั้งใจฟังดีๆล่ะ “ที่กูทำตัวไม่ดี ที่ทำเหมือนร่างกายตัวเองไร้ค่า นั่นก็เพราะกูถูกทำร้ายหัวใจจากความรักในอดีต และไม่เลือกที่จะเชื่อว่าสามารถเริ่มต้นใหม่กับใครได้ มึง...รับได้ไหมที่กูเคยผ่านคนมามากมาย”
“กูไม่เคยคิดตำหนิมึงเลย” ไอ้อาร์มน่าจะหยุดหายใจไปจริงๆแล้ว
“มึงโกรธไหมที่กูเห็นแก่ตัวมานาน ที่กูปิดบังเรื่องของเราเอาไว้”
“ก็แค่น้อยใจ แต่กูไม่คิดว่าจะสามารถโกรธมึงได้ลงหรอก”
“ขอบใจนะที่อยู่ข้างกูมาตลอดเลย...” ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ “ถ้างั้นก็ถึงเวลาที่กูควรเริ่มต้นใหม่กับใครสักคนได้แล้ว... คือ.... จะว่าอะไรไหมถ้ากูจะขอให้มึงมา........”
“เพลง!”
............................ใคร? ใครเรียก?
เสียงคุ้นๆ คุ้นมากด้วย
ผมหันกลับไปเพื่อมองดูต้นเสียงนั้น
!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ค...คนที่กำลังยืนอยู่ตรงนั้นก็คือ....................................
......................................... “พี่คัง”