[Rate 20+] Top Friend Best Fun เพื่อนกันมันดี(ต่อใจ) ... จบแล้ว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Rate 20+] Top Friend Best Fun เพื่อนกันมันดี(ต่อใจ) ... จบแล้ว  (อ่าน 22035 ครั้ง)

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
Re: [Rate 20+] Top Friend ... ใจเขา vs ใจเรา - 09/01/2019
«ตอบ #60 เมื่อ10-01-2019 20:51:05 »

คุกเข่าขอเลยสิยะ มัวรออะไร นังอาร์ม

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
​TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 9 / ปัจจุบัน vs อดีต

ความที่ 3 จาก 3 / การเริ่มใหม่ vs การกลับมา









‘….สิ้นแสงบนนภา เวลาหวนย้อนกลับ ความสุขมิลาลับ สดับจับตรึงใจ

จะทุกข์ก็ไม่ทุกข์ ว่าสุขคงไม่ใช่ ใยฟ้าเพทุบาย แกล้งได้แม้ใจคน....’



...............“เพราะมากครับ” พี่ฮันเตอร์กล่าวชื่นชม “แต่งได้ดีเลยนี่นา”



นี่คือเช้าวันใหม่ที่ทุกอย่าง(ต้อง)กลับมาเป็นเหมือนเดิม

ผมนั่งทานอาหารที่โต๊ะประจำของเราร่วมกับไอ้อาร์มและไอ้แว่น แต่มีแขกพิเศษอย่างพี่ฮันเตอร์มาร่วมด้วย และที่พิเศษในพิเศษอีกคนก็คือ เมย์ เพื่อนจากคณะของผม



“ข...ขอบคุณมากค่ะ” เมย์กล่าวขอบคุณอย่างเขินอาย ดูเหมือนว่าเธอจะยังเกร็งไม่น้อยที่ต้องนั่งอยู่ระหว่างพี่ฮันเตอร์และไอ้อาร์ม “หนูว่าจะเขียนกลอนบทนี้ติดในภาพวาดของหนูน่ะค่ะ”

“เป็นภาพแบบไหนเหรอ ทำไมต้องใช้กลอนที่เศร้าขนาดนี้” พี่ฮันเตอร์ถาม

“จริงๆก็เป็นแค่ภาพวิวธรรมดานี่แหละค่ะ แต่อยากให้มีบรรยากาศที่เศร้าๆหน่อย ภาพจะได้มีหลากหลายอารมณ์”

“งั้นก็ลองวาดเป็นภาพช่วงเย็นๆดูซิ” ไอ้อาร์มเสนอ

“อื้ม ใช่ พี่เห็นด้วยนะ” พี่ฮันเตอร์เสริม

“ด...ได้ค่ะ” เมย์ตอบเขิน “ถ้าทั้งสองคนว่าดี หนูก็ว่าดีค่ะ”



“ไอ้เพลง” ไอ้แว่นที่นั่งอยู่ข้างๆ เรียกผม

“มีอะไร” ผมถาม

“ไปเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อนกูหน่อย”

“ห๊ะ” ผมแปลกใจ เพราะปกติ เวลาไอ้แว่นจะไปเข้าห้องน้ำ มันไม่เคยต้องการเพื่อนไปด้วยเลยสักครั้ง

“มาเหอะ เร็วๆ” แล้วมันก็ลากผมออกไป



“เดี๋ยวๆๆ นี่ไม่ใช่ทางไปห้องน้ำนิ” ผมรีบทักท้วงเมื่อเริ่มเดินไปผิดทาง

“ก็กูไม่ได้จะเข้าห้องน้ำไง” ไอ้แว่นเฉลย “มึงบอกกูมาอีกทีซิว่าทำไมมึงถึงขอให้พี่ฮันเตอร์มานั่งกินข้าวด้วย แถมยังให้เพื่อนมึงมาด้วยอีกคน”

“ก็ไม่มีอะไร เพื่อนกูแค่อยากได้คำปรึกษาเรื่องกลอนที่มันแต่งแค่นั้นแหละ” ไม่ชอบเลยที่ต้องโกหกไอ้แว่นแบบนี้ แต่จะให้เล่าว่า นี่เป็นการตอบแทนเรื่องที่วานให้เมย์ไปประมูลแทนก็คงไม่ได้ แบบนั้นก็เท่ากับประกาศบอกให้รู้ว่าผมมีความสัมพันธ์ลับๆกับไอ้อาร์มอยู่

“แค่นั้นมันไม่ใช่เหตุผลหรอกนะ” ไอ้แว่นสงสัยอย่างเห็นได้ชัด

“ก็กูเห็นว่าพี่ฮันเตอร์เป็นคนโรแมนติกไง น่าจะวิจารณ์อะไรพวกนี้ได้ ไม่เป็นไรหรอกแค่ชั่วโมงเดียวเอง... เออ ว่าแต่มึงเหอะ ทำไมกลับมาใส่แว่นแล้วอ่ะ” ผมพยายามเปลี่ยนเรื่อง

“นี่อะเหรอ ก็...ไม่มีอะไรมากหรอก ไม่รู้ว่าพี่ฮันเตอร์ไปได้ยินมาจากไหนว่ากูเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่เพราะคำพูดของกลุ่มแฟนคลับของพี่เขา พอเคลียร์กันไปเคลีบร์กันมา ก็เลยสรุปได้ว่า พี่เขาชอบกูที่เป็นกูแบบเดิม ถ้าอยากจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนนิดหน่อยก็พอ ไอ้เรื่องนิสัยที่กูพยายามปรับปรุงมาตลอด พี่ฮันเตอร์บอกว่าไม่จำเป็น เขาอยากให้กูรักในอะไรเดิมๆและอย่าให้ความรักมาทำให้กูเปลี่ยนไป กูก็เลยเปลี่ยนกลับมาใส่แว่น แต่เลือกที่มันเข้ากับหน้ามากขึ้น”

“มึงโชคดีจังเลยเนาะที่ได้คนดีๆอย่างพี่ฮันเตอร์เป็นแฟน”

“ใช่ กูโชคดีจริงๆนั่นแหละ”

“แต่เสื้อผ้าก็ดีขึ้นด้วยนี่นา ถึงจะได้กลิ่นโอตาคุ แต่ก็เป็นโอตาคุที่รู้จักแต่งตัว”

“ก็มึงสอนกูตั้งหลายอย่าง กูก็เอามาปรับใช้บ้างดิ”

“ดีแล้วล่ะ”

“เออใช่ อะนี่ วันนี้วันเกิดมึงไม่ใช่เหรอ” ไอ้แว่นควักกล่องของขวัญเล็กๆจากในกระเป๋ากางเกงมาให้ผม

“เฮ้ย ไม่ต้องก็ได้นะ พี่ฮันเตอร์ให้กูมาเยอะมากแล้ว”

“มันไม่เหมือนกัน พี่เขาให้ก็ส่วนพี่เขา แต่กูเป็นเพื่อนมึงนะ จะไม่มีอะไรให้ได้ไง”

“ขอบใจนะมึง” ผมรับมาและเปิดดูทันที “พวงกุญแจตุ๊กตาโมเอะ... ฮ่าๆๆ ก็สมกับเป็นมึงดีนะ”

“นี่มันรุ่นหายากเลยนะ กว่ากูจะหามาได้ ต้องใช้บารมีของพี่ฮันเตอร์ไปตั้งเยอะ จริงๆก็ขอซื้อมาจากพวกแฟนคลับของพี่เขานั่นแหละ”

“โอเคๆ ขอบใจมากก็แล้วกัน”

“สุขสันต์วันเกิดนะเพื่อน มีความสุขมากๆนะ ขอให้มึงเจอคนรักสักที”

“คนรัก?” อวยพรแปลกๆแฮะ

“ก็คนเจ้าสำราญอย่างมึงก็ต้องอวยพรแบบนี้แหละ ถ้าไม่เจอคนที่รักจริงสักที มึงก็คงหาความสงบในชีวิตไม่ได้ กูพูดในฐานะที่กูเจอรักที่ดีแล้ว กูก็อยากให้มึงมีบ้าง มึงเป็นเพื่อนที่ดีของกู ถ้ามึงได้เจอความรักที่ดี กูก็คงดีใจมาก”

“ง...งั้นเหรอ ไม่ว่าคนรักของกูจะเป็นใคร มึงก็จะยินดีเหรอ”

“แน่ดิ ถ้าเพื่อนกูรัก กูก็ยินดีทั้งนั้นแหละ จะหูหนวก ตาบอด หรืออยู่อีกซีกโลก ถ้าเขารักมึงจริง กูยินดีด้วยหมดเลย แต่.... ไม่พิการดีกว่านะมึง”

“....” ไม่เคยรู้เลยว่าไอ้แว่นมีทัศนคติต่อความรักที่กว้างใหญ่แบบนี้



“วี้ดวิ่ววว... มายืนทำอะไรกันสองคนจ๊ะสาวๆ” หึ!! จู่ๆก็มีเสียงหนึ่งดังมาจากข้างๆ ใครมันแซววะ “ระวังจะโดนฉุดไป ไม่รู้ด้วยนะตัวเธอ”

“นายจะฉุดเราสองคนเหรอ” ผมโต้กลับทันที คิดเหรอว่ากูจะยอม

“บ้าเหรอตัวเอง เค้าไม่ชอบขุดทองหรอกนะ ไม่อยากเป็นยอดชายด้วย” ปากดีนักนะไอ้อ้วนดำ อย่างมึงอ่ะ กูไม่คิดจะมองด้วยซ้ำ

“ดีจัง เพราะเราก็ไม่ชอบกินของเสียเหมือนกัน”

“เฮ้ยมึง...!!!!”

“จะทำไม..!!!!!”

ทั้งผมและไอ้อ้วนดำนั่นถูกเพื่อนที่ยืนอยู่ด้วยรั้งตัวไว้ไม่ให้พุ่งใส่กัน

“อย่าทำปากดีนะอีตุ๊ด เดี๋ยวกระทืบให้ตายค้าตีนเลย” ไอ้เดนมนุษย์นั่นโวยวาย

“คิดว่ากูกลัวเหรอ มีมือมีตีนเหมือนกันนะเว้ย” ผมตะโกน



“อย่าเลยไอ้เพลง” ไอ้แว่นพยายามเตือนสติผม “มันตัวใหญ่มากนะ สู้ไม่ไหวหรอก แถมยังมีเพื่อนมาอีกตั้งหลายคน”

“กูไม่กลัวหรอก” ผมเถียงทันที “สู้ก็แค่ตาย ให้มันรู้ไปว่าไอ้พวกที่ชอบนำเสนอตัวเองว่าแมนนักแมนหนา มันชอบทำร้ายคนที่ตัวเล็กกว่า กูเป็นปัญญาชน เอาคืนวันนี้ไม่ได้กูก็จะตามไปแก้แค้นแม่งทุกวิถีทางเลย”

“มึงกล้าเอาคืนกู...”



เพลี๊ยยย
“ไอ้สัด!!” จู่ๆเพื่อนคนหนึ่งของไอ้อ้วนดำก็ฟาดฝ่ามือเข้าที่กบาลของมันเต็มๆ “เขาพูดขนาดนั้นมึงยังจะไปรังแกเขาอีกเหรอ ตัวก็โต ไอ้ห่า เก่งแต่กับคนตัว.... เชี่ยยยย!”

“นายคือ...” ผมร้อง ก็มันรู้สึกคุ้นหน้าของคนๆนี้มากเลย

“ไอ้สัดปอนด์ มึงซวยแล้ว” เขาร้องตกใจ อ๋ออออ คนนี้คือสมาชิกทีมรักบี้นี่นา คนที่พยายามมาจีบไอ้แว่นกับผมเมื่อไม่นานที่ผ่านมา “นี่มันเพื่อนของกัปตันทีมรักบี้นี่หว่า”

“แล้วไงวะ” เหมือนไอ้อ้วนดำจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์

“ก...กูไปล่ะ ถ้ามึงโดนพวกทีมรักบี้รุมกระทืบ อย่ามาเรียกกูนะไอ้สัด กูรับตีนหนักๆของทั้งทีมไม่ไหวหรอก... ขอโทษนะครับ อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกพี่อาร์มนะครับ ร...หรือถ้าบอก ก็บอกด้วยนะว่าผมไม่เกี่ยว.... ไม่อยู่แล้ว ไปละเว้ยยยย” เขาวิ่งออกไป เช่นเดียวกับเพื่อนๆคนอื่นๆที่เดินมาด้วยกัน ทุกคนดูจะเข้าใจข้อเท็จจริงแล้ว

“ห...เฮ้ย รอกูด้วยดิวะ” แล้วสุดท้ายไอ้อ้วนดำก็วิ่งอุ้ยอ้ายตามเพื่อนของมันไป



“ฟูวววว” ไอ้แว่นถอนหายใจ “โล่งอกไปที ดีนะที่ได้บารมีของไอ้อาร์มช่วยไว้ ดีเนาะ ขนาดมันไม่อยู่ตรงนี้ มันยังสามารถปกป้องมึงได้เลย”

“อ...อืม” ผมคิดถึงคำพูดที่ไอ้แว่นพูดขึ้นมาเลย เหตุการณ์ที่ถูกปกป้องแบบนี้ ช่วงหลังๆเกิดขึ้นบ่อย แต่ในกรณีที่ไม่มีไอ้อาร์มอยู่ด้วย นี่เป็นครั้งแรกเลย

“ไปๆๆ กลับโต๊ะกันเถอะ” ไอ้แว่นชวน “แต่มึงนี่ก็ปากหมาใช่ย่อยนะ ไปท้าทายมันซะงั้น”

“กูก็เป็นของกูแบบนี้แหละ” ผมบอก

“เออ กูรู้ มึงมีความเป็นตัวของตัวเองสูง และไม่สนใจว่าใครจะคิดยังไง ไม่สนว่าจะเจ็บตัวหรืออาย ขอแค่มีความสุขในสิ่งที่พอใจจะทำก็พอ กูพูดถูกไหม”

“..............”

มีความสุขในสิ่งที่พอใจจะทำโดยไม่สนใจว่าใครจะคิดยังไง..... นี่คือตัวผมซินะ

“ไอ้เพลง!”

“ห๊ะ”

“มึงตาลอยบ่อยนะเดี๋ยวนี้ คิดอะไรอยู่วะ”

“ป...เปล่าๆ” ก็คิดตามสิ่งที่มึงพูดนั่นแหละ



หลายวันมานี้ ผมรู้สึกเหมือนได้เรียนรู้ที่จะรู้จักตัวเองขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง

นี่ผมกำลังใช้ชีวิตอย่างหลบๆซ่อนๆอยู่เพื่ออะไร เพียงเพราะรู้สึกขายหน้าที่จะบอกกับคนอื่นว่าผมมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเพื่อนสนิทของตัวเองเนี่ยนะ ที่สำคัญ คนที่ผมพยายามปิดบังมาตลอดก็ไม่ใช่ใคร แต่คือเพื่อนอีกคนที่พร้อมเข้าใจและรับฟังผมอยู่เสมอ

ลองถามใจตัวเองอีกทีซิ........ กำลังรู้สึกอะไรอยู่

ทำไมถึงไม่ยอมมีความสุขทั้งที่มีความสุขได้

ทำไมยอมอยู่ในมุมมืดทั้งที่มีแสงสว่างอยู่มากมาย

ทำไมถึงปล่อยให้มโนภาพที่จับต้องไม่ได้บดบังความเป็นจริงที่อยู่ตรงหน้า

ทำไม...ไม่พูดว่ารักกับคนที่รัก



ทำไม?



คำตอบมีเพียงหนึ่งเดียวและมันก็อยู่ในหัวใจของผมมาเสมอ



ไป.....

เดินไป.....

เดินไปหาคำตอบของหัวใจได้แล้ว



นี่เป็นช่วงเลิกเรียนของวันที่ผมควรนัดเจอเพื่อนๆเพื่อไปเลี้ยงฉลองในวันคล้ายวันเกิดของตัวเอง แต่ตอนนี้ผมกลับเอาตัวเองมานั่งอยู่ที่ข้างสนามซ้อมรักบี้ เพื่อรอที่จะพบใครบางคน



“ลมอะไรหอบมึงมาที่นี่คนเดียววะ” มาแล้ว... ไอ้อาร์ม คนที่ผมนั่งรออยู่ มันเดินเข้ามาทิ้งตัวนั่งลงข้างๆผมระหว่างการพักครึ่งเวลา “ไอ้แว่นไม่มาด้วยเหรอ”

“ไม่อ่ะ กูมาคนเดียว” ผมให้คำตอบ

“มีอะไรเหรอ คงไม่ได้มาดูกูซ้อมหรอกนะ”

“ไม่มีอะไร กูแค่อยากมานั่งดูมึงซ้อมนั่นแหละ”

“ไม่จริงอ่ะ... อ๋อออ กูรู้แล้ว มึงกำลังเซี่ยนอยู่ใช่ไหม อยากมากถึงขั้นมาหากูถึงสนามเลยเหรอวะ แต่ตอนนี้กูติดซ้อมอยู่ รอซ้อมเสร็จก่อนละกันนะ”

“เปล่า กูจะมาดูมึงจริงๆ”

“เอ...? หรือว่ามึงมาเพื่อเล็งลูกทีมคนอื่น อย่านะเว้ย เรายังอยู่ในสัญญากันอยู่นะ”

“ก็บอกว่ามาดูมึงไง ดูมึงแค่คนเดียวนั่นแหละ”

“อ...เอ่อ...จริงเหรอ” เหมือนไอ้คนข้างๆจะแอบยิ้มเล็กๆ

“อืม ทำไม ไม่มีที่ว่างให้กูนั่งดูหรือไง”

“กูก็มีที่ว่างให้มึงตลอดนั่นแหละ” ไอ้อาร์มกับผมเริ่มคุยกับแบบไม่กล้ามองหน้ากัน

“แปลว่ามีที่ว่างให้คนอื่นด้วยงั้นเหรอ”

“เคยมี แต่ตอนนี้มีแค่ระบบเหมาเท่านั้นแหละ ถ้าจะนั่งดูกูจริงๆ กูก็คง...มีที่ไว้สำหรับคนๆเดียว”

“งั้นกูขอนั่งได้ไหม”

“ก็นั่งอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”

“แค่อยากให้แน่ใจว่าจะไม่มีที่เหลือไว้ให้คนอื่นอีก”

“ไม่มีแล้ว.... แล้วกูเป็นไงบ้าง นั่งดูมาตั้งนาน คิดว่าฟอร์มของกูเป็นไง” ไอ้อาร์มพยายามเปลี่ยนอารมณ์กลับมา

“เก่ง... ตัวใหญ่... แข็งแรง... วิ่งเร็ว... หล่อ... เท่... เป็นกัปตันทีมที่ดี... เป็นผู้ใหญ่... เชื่อถือได้... ไว้ใจได้... เป็น......เป็นคนรักที่ดีได้...” ผมพยายามพูดให้ได้มากที่สุดแล้วนะ

“ร...เหรอวะ” ไอ้อาร์มทั้งทึ้งทั้งปลื้มใจ ผมว่ามันหยุดหายใจไปพักนึงเลยแหละ “มึง...มึงรู้ใช่ไหมว่า...คนเป็นเพื่อนกัน เขาไม่พูดแบบนี้”

“รู้ซิ....ถึงได้พูดไง”

“หมายความว่า...!!!!”

“ไอ้อาร์ม” ผมตัดสินใจจะพูดแล้ว “กูมีเรื่องอยากจะ...”

“เดี๋ยวๆๆๆ” ไอ้อาร์มหยุดผมไว้ มันลูบไปที่หน้าอกของตัวเองแรงๆเพื่อเป็นการเตรียมใจ ก่อนที่จะดึงบางอย่างออกมาจากกระเป๋าสะพาย “สุขสันต์วันเกิดนะ”

“ขอบใจ” ของขวัญวันเกิดนั่นเอง “ให้แกะเลยไหม”

“ก...แกะเลยก็ได้”

“โอเค” ผมลงมือแกะของขวัญอยู่สักพัก “อะไรเนีย ชุดนอนเหรอ โห หลายตัวจัง”

“ใช่ กูเห็นมึงชอบชุดนอนลายการ์ตูน และกูก็คิดว่าเวลามึงใส่ชุดพวกนี้แล้วมันน่ารักดี ก็เลยซื้อมาให้หลายตัวเลย แล้วช่วงหลังๆมานี้ กูก็เป็นต้นเหตุที่ทำให้ชุดนอนของมึงเสียหายไปไม่น้อยเลย อันนี้ถือว่าเป็นทั้งของขวัญและค่าชดใช้นะ”

“ขอบใจนะ” ผมพูด “มึงรู้ใจกูตลอดเลย”

“ตอนแรกกูกะจะเอาไปให้คืนนี้ในร้านเหล้า แต่... ไม่รู้ดิ กูคิดว่ากูกำลังจะได้ยินอะไรดีๆในอีกไม่ช้านี้ ก็เลยรีบให้ความสุขมึงก่อน เพราะนี่เป็นวันเกิดของมึง ถ้ากูได้รับของขวัญก่อนมันคงไม่ถูกหลัก”

ผมขำในความคิดของไอ้คนตรงหน้า

“ถึงกูจะชอบของขวัญที่มึงให้ แต่กูไม่ได้อยากได้อันนี้ตอนนี้หรอกนะ...” ผมดึงโบว์ที่ผูกกล่องของขวัญไปติดที่หน้าอกของคนที่กำลังจ้องผมตาไม่กระพริบ “นี่ต่างหากที่อยากได้...”

“กู...” มือใหญ่ๆของไอ้อาร์มวางลงบนมือของผมที่จับอยู่ที่หน้าอกของมัน “ก...กูพูดไม่ออก”

“ตลอดสองปีมานี้” งั้นกูจะเป็นคนพูดเอง ตั้งใจฟังดีๆล่ะ “ที่กูทำตัวไม่ดี ที่ทำเหมือนร่างกายตัวเองไร้ค่า นั่นก็เพราะกูถูกทำร้ายหัวใจจากความรักในอดีต และไม่เลือกที่จะเชื่อว่าสามารถเริ่มต้นใหม่กับใครได้ มึง...รับได้ไหมที่กูเคยผ่านคนมามากมาย”

“กูไม่เคยคิดตำหนิมึงเลย” ไอ้อาร์มน่าจะหยุดหายใจไปจริงๆแล้ว

“มึงโกรธไหมที่กูเห็นแก่ตัวมานาน ที่กูปิดบังเรื่องของเราเอาไว้”

“ก็แค่น้อยใจ แต่กูไม่คิดว่าจะสามารถโกรธมึงได้ลงหรอก”

“ขอบใจนะที่อยู่ข้างกูมาตลอดเลย...” ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ “ถ้างั้นก็ถึงเวลาที่กูควรเริ่มต้นใหม่กับใครสักคนได้แล้ว... คือ.... จะว่าอะไรไหมถ้ากูจะขอให้มึงมา........”





“เพลง!”



............................ใคร? ใครเรียก?



เสียงคุ้นๆ คุ้นมากด้วย



ผมหันกลับไปเพื่อมองดูต้นเสียงนั้น





!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!



ค...คนที่กำลังยืนอยู่ตรงนั้นก็คือ....................................









......................................... “พี่คัง”

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ติดตามจ้า~

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
[Rate 20+] Top Friend ... คนเก่า vs คนใหม่ - 11/01/2019
«ตอบ #64 เมื่อ11-01-2019 19:55:57 »

​TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 10 / ตาต่อตา vs ฟันต่อฟัน

ความที่ 1 จาก 3 / คนเก่า vs คนใหม่









“พี่คังจะมาที่นี่ทำไมไม่บอกก่อนละครับ” ผมถาม

“ก็เป็นวันเกิดของเพลงไม่ใช่เหรอ พี่อยากเซอร์ไพส์” พี่คังตอบ แล้วจากนั้นก็วางกล่องของขวัญลงบนโต๊ะอาหาร “สุขสันต์วันเกิดนะครับ”

“ข...ขอบคุณนะครับ” ผมอึ้งนิดหน่อย “ว่าแต่ พี่คังรู้ได้ไงว่าเพลงอยู่ที่สนามรักบี้”

“ก็มีใครบางคนโพสเช็คอินลงบนเฟสบุ๊คไม่ใช่เหรอ พี่ก็แค่ตามไป”

“อ๋อ” ผมเพิ่งโพสเช็คอินที่สนามรักบี้ไปซินะ

“เป็นยังไงบ้าง สบายดีนะ”

“สบายดีครับ”

“พี่ขอโทษนะที่ไม่ตอบข้อความจากเพลงเลย ทั้งๆที่เพลงพยายามทักไปหาพี่ทุกวันสำคัญของเรา”

“เพลงไม่คิดมากแล้วล่ะครับ”

“ต้องคิดมากซิ นี่เป็นความผิดของพี่นะ พี่มาเพื่อขอโทษเพลงโดยเฉพาะเลยนะ”

“ไม่เป็นไรครับ เพลงให้อภัย”

“ดีใจจัง... เอิ่ม ว่าแต่ คนที่นั่งคุยกับเพลงที่สนามเมื่อกี๊นี้ ใช่อาร์มเพื่อนของเพลงไหม”

“ช...ใช่ครับ”

“เปลี่ยนไปเยอะเลยนะจากเมื่อตอนมัธยม โดนเฉพาะกล้ามโตๆนั่น”

“ค...ครับ”



พอพูดถึงไอ้อาร์มก็ทำให้ผมนึกถึงมันขึ้นมาเลย

ด้วยเพราะว่ายังไม่หมดเวลาซ้อม มันจึงไม่สามารถตามมาด้วยได้ แต่ดูก็รู้ว่ามันคงไม่อยากปล่อยผมมาทานอาหารเย็นกับพี่คังตามลำพังแน่ๆ

เพราะไม่อยากให้ไอ้อาร์มวิตกกังวลและทิ้งการซ้อมไป ผมจึงได้แต่พูดกับมันว่า แค่มาทานอาหารเท่านั้น และยังต้องส่งโลเคชั่นไปบอกด้วยมาว่ากินข้าวร้านไหน ทำให้เวลานี้ผมต้องมานั่งทานข้าวกับพี่คังเพียงแค่สองคน



“อาหารไม่อร่อยเหรอ”

“ครับ!?”

“ก็ที่เห็นเพลงเอาแต่นั่งมองจาน อาหารไม่อร่อยหรือเปล่า หรือว่าจริงๆแล้ว เพลงยังโกรธพี่อยู่”

“อ...อ๋อ เปล่าหรอกครับ อร่อยดี”

“แล้วเรื่องที่ยังโกรธพี่ล่ะ รู้ใช่ไหมว่าทำไมพี่ถึงกลับมา พี่รู้ว่าเพลงดูออก”

“ดูออก?” อย่าให้เป็นอย่างที่คิดเลย

“พี่บอกให้ก็ได้ว่า พี่มาเพื่อขอคืนดีกับเพลง” เชี่ยเอ๊ย เป็นอย่างที่คิดจริงๆด้วย “เรากลับมาคบกันได้ไหม พี่ผิดไปแล้ว พี่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางมากเกินไปจนเป็นการบังคับใจเพลง”

“พี่คังรู้ไหมว่า นี่เป็นคำพูดที่เพลงอยากได้ยินมาตลอดเลย”

“พี่ถึงมาขอโทษกับเพลงด้วยปากของพี่เองไง”

“แต่ว่า.... เพลงรอนานมาก จนไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องสำคัญแล้วล่ะครับ”

“อย่าพูดแบบนั้นได้ไหม พี่อยากคืนดีกับเพลงจริงๆนะ สองปีมานี้พี่ก็ทุกข์ใจมาตลอด พี่ไม่เคยคบใครเลย เพราะพี่ลืมเพลงไม่ได้ ไหนจะเรื่องงาน ไหนจะต้องเคลียร์กับพ่อแม่ให้ยอมรับความเป็นพี่ให้ได้ ตอนนี้ทุกอย่างของพี่ลงตัวแล้ว พี่อาจจะใช้เวลานานไปหน่อย แต่พี่กลับมารับเพลงแล้วนะ จะไม่บังคับหรือสั่งให้ทำอะไรอีกเลย”

“เพลงเข้าใจพี่นะ... เข้าใจว่าพี่ต้องเจอกับอะไรและรู้สึกยังไง เพราะเพลงเองก็รู้สึกไม่ต่างจากพี่เท่าไหร่หรอก”

“เห็นไหมล่ะ เพราะงั้น...”

“แต่ว่า” ผมต้องรีบแทรก “จากวันนั้นจนถึงวันนี้ เพลงก็เปลี่ยนไปเป็นอีกคนแล้วเหมือนกัน เพลงไม่ใช่เพลงคนเก่าที่พี่คังรู้จักอีกแล้วนะ”

“ไม่จริงหรอก เพลงยังเป็นเพลงคนเดิมของพี่ทุกอย่าง”

“ไม่ใช่หรอกครับ เพลงเปลี่ยนไปมากจนพี่คังอาจจะรับไม่ได้เลยด้วยซ้ำ”

“ยังไงอ่ะ พี่ก็ไม่เห็นว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยนี่นา”

“ก็อย่างเช่น...” ผมสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อทำใจจะพูดสิ่งที่กำลังจะพูดออกมา “...เพลงมีอะไรกับผู้ชายไม่ซ้ำหน้าเลยตลอดสองปีที่ผ่านมา”

“..............!!” คงไม่ต้องบอกก็รู้นะว่าพี่คังกำลังช็อกแค่ไหน “ม...ไม่ซ้ำหน้าเลยเหรอ”

“ใช่ครับ ไม่ซ้ำเลย และสนุกกับการมีเพศสัมพันธ์ทุกวัน ไม่เลือกเวลา ไม่เลือกสถานที่”

“ท...ทำไม...”

“เพลงถึงบอกพี่คังแล้วไงว่า เพลงไม่ใช่คนเดิมเมื่อสองปีก่อนอีกแล้ว ส่วนเหตุผลว่าทำไมเพลงถึงทำตัวแบบนี้...อืม...เพลงลืมมันไปแล้วล่ะ”

“...............” พี่คังถึงขั้นขมวดคิ้วนิ่วหน้าและวางช้อนลง “เป็น...เป็นเพราะพี่หรือเปล่า”

“แค่ช่วงแรกๆครับ แต่หลังจากนั้น เพลงคิดว่ามันมาจากความต้องการส่วนลึกของเพลงเองมากกว่า”

“แล้วเพลง....แบบว่า....ป้องกันหรือ...”

“แน่นอนครับ ถึงจะยังไง เพลงก็รักตัวเอง”

“ด...ดีแล้วล่ะ”

“งั้น...พี่คังเอาของขวัญของพี่กลับไปเถอะนะ” ผมดันกล่องกลับไปไว้ตรงหน้าพี่เขา “อย่าเอามาให้คนอย่างเพลงเลย มันไม่คู่ควรหรอก”

“เพลงรับไว้เถอะครับ” ของขวัญถูกดันกลับมา “พี่ตั้งใจเอามาให้เพลง ไม่เกี่ยวกับเรื่องอื่นเลย”

“งั้นเพลงก็ขอบคุณมากนะครับ” ผมรับไว้ “ส่วนอาหารมื้อนี้ เพลงว่าเรา...”



“โอ๊ยยยย หิวๆๆๆ มีอะไรกินบ้าง”

“อ...ไอ้อาร์ม”

จู่ๆไอ้อาร์มก็โผล่เข้ามาในร้านและนั่งลงข้างผมก่อนจะดึงจานอาหารของผมไปกิน

“อูอิ๋ว(กูหิว)” ข้าวเต็มปากยังจะพูดอีก

“แล้วนี่โค๊ชปล่อยแล้วเหรอ” ผมถาม

“อ่อยแอ๊ว(ปล่อยแล้ว)”

“แล้วทำไมมาในสภาพนี้อ่ะ ไม่อาบน้ำให้เรียบร้อยก่อนวะ” ดูมันดิ ตักข้าวเข้าปากสบายใจ ทั้งๆที่ตัวมีแต่เหงื่อ พนักงานร้านจะด่าไหมเนียที่มันทำเหงื่อเลอะร้านของเขา

“อะแฮ่ม... ก็กูหิวนิ” ไอ้อาร์มกลืนอาหารก่อนจะยิ้มตอบ “อ้าวพี่คัง หวัดดีครับ มาทำไมเหรอ อ๋อ มีของขวัญแบบนี้ มาวันเกิดไอ้เพลงอะดิ”

“ว...หวัดดี” พี่คังยังอึ้งอยู่ที่เห็นไอ้อาร์มโผล่พรวดพลาดเข้ามาในสภาพนี้ “ช...ใช่ พี่มาวันเกิดเพลง”

“ครับ ผมเห็นแล้ว เสร็จแล้วใช่ไหม เสร็จแล้วงั้นพี่ก็กลับได้เลยนะ เดี๋ยวผมต้องพาไอ้เพลงไปกินเหล้าต่อ”

“ไอ้อาร์ม!” ผมนี่ร้องเลย ไอ้บ้าอาร์ม ไปพูดเสียมารยาทแบบนั้นได้ไง

“ยังหรอก พี่ยังไม่กลับ” พี่คังพูด “พี่ยังคุยกับเพลงไม่จบ”

“อ้าวเหรอ” ยังจะมาตีหน้าซื่ออีกนะมึง “งั้นจะคุยกันก็คุยกันต่อเลยนะ ผมขอกินก่อน... น้องๆ ขอสั่งอาหารเพิ่มหน่อย”

“เอ่อ... อาร์ม” พี่คังเหมือนจะเหลืออด “พี่ขอคุยกับเพลงแบบสองต่อสองได้ไหม”

“ได้ดิพี่ ผมแค่จะกินข้าว พี่อยากคุยไรก็คุยกันไปเลยนะ..... เอ่อ ผมขอข้าวผัดหนึ่งทีนะ แล้วก็ต้มยำกุ้งชามใหญ่ๆด้วยหนึ่งชาม เก็บตังที่พี่คนนี้ได้เลยนะ” มึงจะกวนตีนไปถึงไหนเนี่ย

“ค...ค่ะ” พนักงานสาวรับออเดอร์ไปแบบงงๆ

“ช่วยคำใจคำว่า ปล่อยให้เราอยู่กันสองคน จะได้ไหม” พี่คังเริ่มทนไม่ไหวจริงๆแล้ว

“เฮอะ... อยู่กันสองคน พี่กล้าพูดแบบนั้นได้ไง” เอาแล้วไง ไอ้อาร์มเริ่มหน้าตึง อย่ามาต่อยกันตรงนี้นะ

“ทำไมพี่จะพูดไม่ได้ อาร์มต่างหากที่กำลังเสียมารยาทอยู่”

“เออ ใช่ ผมมันเสียมารยาท แต่ผมก็ไม่กล้าพูดว่า ‘ขออยู่ตามลำพัง’ กับคนที่ผมบอกเลิกให้เขาเสียใจอยู่คนเดียวหรอกนะ”

“....................................” พี่คังถึงกับพูดไม่ออกไปเลย

“อ้าว อึ้ง อึ้งไปเลย พี่ลืมอะไรไปหรือเปล่า ว่าคนที่พี่กำลังคุยอยู่ด้วยเนีย เป็นคนที่พี่ทิ้งเขาไปในวันที่เขารักพี่มากที่สุด แล้วคนที่อยู่ข้างๆมันอ่ะ ไม่ใช่พี่ แต่เป็นผม ผมต่างหากที่อยู่กับมันมาตลอด แล้วอยู่ดีๆพี่ก็จะมาบอกให้ผมออกไปงั้นเหรอ”

“ไอ้อาร์ม” ผมพยายามเอ็ด

“เงียบไปเลย” มันห้ามผมอย่างไว “กูจะไม่ยอมให้พี่เขามาทำมึงอีกรอบเด็ดขาด พี่เขากลับมาขอมึงคืนดีใช่ไหม”

“กูกำลังจะ...”

“ใช่ พี่กำลังขอเพลงคืนดี” พี่คังมีน้ำโห

โอ๊ยยยย อะไรเนีย ไปกันใหญ่แล้ว

“ไป ไอ้เพลง กลับกับกูเดี๋ยวนี้” ไอ้อาร์มลุกขึ้นคว้าแขนผม

“อาร์มไม่มีสิทธิพาเพลงออกไปแบบนี้นะ” พี่คังมองตาขว้าง

“ทำไมผมจะ... เออ ใช่ ก็จริง” อะไรของไอ้อาร์มวะ มันเห็นด้วยแล้วกลับนั่งลงเหมือนเดิมเฉยเลย “ไม่ใช่ผมกับไอ้เพลงที่จะออกไป พี่ต่างหากที่ต้องออกไป พวกผมสองคนอยู่ในที่ๆถูกต้องแล้ว คนที่อยู่อย่างไม่ถูกต้องคือพี่ต่างหาก”

“ว่าไงนะ?”

“ฟังไม่ผิดพี่ คนที่อยู่ข้างไอ้เพลงมาตลอด คือ ผม ไอ้อาร์มคนนี้แหละ ไม่ใช่คนที่ทิ้งมันไปอย่างพี่ พี่คัง”

กูเอ๊ยยยย ปวดหัวชะมัดเลย คนมองกันทั้งร้านแล้วเนีย ถ้าพูดกันเสียงดังกว่านี้อีกนิดนึง ทุกคนในที่นี้ก็คงรู้เรื่องแบบละเอียดยิบ

“ก็ได้....” พี่คังลุกขึ้นและควักเงินออกมาวางไว้ที่โต๊ะ “พี่กลับก็ได้ แต่พี่จะกลับมาอีกแน่... แล้วก็นี่ ค่าอาหาร พี่จ่ายให้ ถือซะว่าจ่ายให้กับความบ้าของนายก็แล้วกัน”

“ขอบคุณที่เลี้ยงนะครับ บ๊ายบาย” ยังจะกวนตีนอีก

“แล้วเดี๋ยวพี่จะโทรหานะเพลง” แล้วพี่คังก็เดินออกไป

“โชคดีพี่ ไม่ต้องกลับมาอีกน้า...”



“ไอ้อาร์ม!” ผมเกินจะทนไหวอีกต่อไป “มึงต้องทำขนาดนี้เลยเหรอวะ”

“ทำไมกูจะทำไม่ได้” ไอ้อาร์มยิ่งโวยวายหนัก “มึงลืมไปแล้วหรือไงว่าพี่เขาทำอะไรกับมึงไว้”

“กูไม่ได้ลืม แต่กูก็กำลังอธิบายกับพี่เขาอยู่ไง ไม่เห็นต้องใช้อารมณ์เลย”

“กูไม่เห็นว่าพี่เขาเหมือนจะยอมเข้าใจตรงไหนเลย... ไม่รู้แหละ ใครก็มายุ่งกับแฟนกูไม่ได้ จะแฟนเก่าแฟนใหม่ กูก็ไม่สนทั้งนั้น”

“ใครแฟนมึง เรายังไม่ได้ตกลงกันเลยนะ”

“อ้าว ก็ที่สนาม...”

“กูยังไม่ได้พูดอะไรเลย ใครจะทนเป็นแฟนกับคนเลือดร้อนอย่างมึงได้วะ”

“แต่.... ไม่รู้เว้ย ถึงไม่ได้เป็นแฟน แต่มึงก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมียกูแล้ว กูหวงของกู”

“ไอ้สัดอาร์ม มึงจะมากเกินไปแล้วนะ”

“มึงต่างหากที่มากเกินไป มึงกล้าออกมากับแฟนเก่าต่อหน้ากูได้ไงวะ เคยเห็นใจความรู้สึกของกูบ้างป่ะ”

“แต่กูก็ไม่ได้ทำอะไรเสียหายซะหน่อย ไม่ดีหรือไงที่กูจะได้คุยกับพี่เขาให้รู้เรื่อง”

“มึงคุยโทรศัพท์ก็ได้มั้ง ต้องถ่อออกมากินข้าวด้วยกันด้วยเหรอ”

“มึงพูดไม่รู้เรื่องละ กูไปดีกว่า”

“เดี๋ยวดิ...”



ผมไม่ฟังอะไรทั้งนั้น ใครจะไปอยากคุยกับคนที่พูดไม่รู้เรื่องกัน

ผมพยายามเร่งฝีเท้าเพื่อตรงไปยังลานจอดรถ



“ไอ้เพลง เดี๋ยว...” ไอ้อาร์มตามผมมาจนถึงที่จอดรถของผม “คุยกันให้รู้เรื่องก่อน อย่าเดินหนีไปแบบนี้นะ”

“ไม่” ผมปฏิเสธแบบไม่คิด

“บอกให้หยุดไง” แล้วผมก็โดนคว้าแขนไว้ได้ในขณะที่กำลังจะเข้าไปในรถ

“ปล่อย!” ผมร้อง

“ไม่ปล่อย คุยกันให้รู้เรื่องก่อน”

“อย่างมึงเนียนะ จะคุยรู้เรื่อง หัวร้อนจนไม่ฟังอะไรแบบนี้เนี่ยนะ คุยไปก็ไม่มีวันรู้เรื่องหรอก”

“ดี ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่อง งั้นก็ทำอย่างอื่นแทนก็แล้วกัน เผื่อจะรู้เรื่องมากขึ้น”

“อย่า...อย่านะไอ้อาร์ม” ผมถูกดันเข้าไปในเบาะหลังรถของตัวเอง “อย่านะ! ไม่งั้นกูร้องให้คนช่วย...จริงๆนะ”

“เอาเลย” ไอ้อาร์มเริ่มจู่โจมซุกไซร้ซอกคอของผม เห้ยๆๆ นี่มันลานจอดรถนะ “ร้องให้ทุกคนได้ยิน ให้คนมาจับตัวกูไป ให้กูติดคุกไปเลยก็ได้ จะได้ไม่ต้องทนเห็นมึงกับคนอื่นอีก”

“ม...มึงบ้า...ไปแล้วหรือไง”

“เออ กูบ้า บ้าเพราะหึงมึงไง ร้องเลย! ตะโกนเลย เอาคนมาจับตัวกูไป ไม่งั้นกูก็จะไม่หยุดทำ”

“ไอ้....” แม่ง บ้าเกินไปแล้วนะ แล้วแบบนี้แล้วใครจะกล้าตะโกนวะ ขืนมันโดนจับตัวไปจริงๆ ก็แย่ซิ ต้องหาวิธีอื่น “ต...ตัวมึงมีแต่เหงื่อ เดี๋ยว...เดี๋ยวกลับไปที่ห้องก่อน...นะ”

“อย่ามาโกหก ไปถึงห้อง มึงก็ปิดห้องหนีกันพอดี” รู้ทันอีก นี่แหละข้อเสียของการที่สนิทกันเกินไป

“แต่...มึงจะมาทำ...ตรงนี้ไม่ได้นะ” คำพูดขอผมไม่ส่งผลอะไรเลย แถมกางเกงก็ถูกถอดออกเรียบร้อยแล้วด้วย

“คอยดูดิว่ากูทำได้” นี่มึงเอาจริงเหรอเนี่ย

“ไอ้...ไอ้อาร์ม เดี๋ยวๆ ตรงนั้นอย่า...... อ๊อยยยย ไอ้อาร์มมมม อูยยยยย ไอ้อาร์มมมม..ม...ม....ม”

ตั้งแต่มีอะไรกับไอ้อาร์มมาเดือนกว่า นี่เป็นครั้งแรกเลยที่มันเอาปากครอบจุดเสียวของผม มันรัวลิ้นละเลงอย่างโกรธเคืองเพื่อเป็นการสั่งสอนและแสดงความเป็นเจ้าของไปพร้อมกัน

“อ่า..... อ....ไอ้อาร์ม....อ่าาาาาาา ซี๊ดดดดดด” การถูกลิ้นแตะสัมผัสมันให้ความรู้สึกซาบซ่านจนพูดไม่ออกขนาดนี้เลยเหรอ

“ยังจะหนีกูอีกไหม” มันหยุดและถาม

“มึงอย่ามาเอาเรื่องนี้บังคับกูนะ คิดว่าทุกอย่างจะสามารถ..... อ่าาาาาาาาาาาาาซซซซซ อ๊อยยยย”

คราวนี้ยกซดเลยเหรอ

ผมถูกยกขาขึ้นเพื่อเปิดทางให้ลิ้นอวบอ้วนของไอ้คนหัวร้อนถล่มใส่ร่องแคบของผมอย่างไปปราณีปราศรัย

“ย...อย่า...” ผมร้อง “อ๊อออออยยยยยยย...ย.....ย.......ย”

แต่ไอ้อาร์มยิ่งรุกหนักขึ้น

สติของผมเริ่มหลุดลอยแล้ว

“อ่าาาาาาา ย...อย่านะ..... อูยยยยย...ย....ย.....ย....... อ๊อออออยยยยยยย....ย.....ย........ย อี๊......”

ยิ่งผมส่งเสียงห้าม ยิ่งถูกจู่โจมหนัก ลิ้นที่ชุ่มน้ำลายนั้นพยายามแยงเหย้าเข้าใส่ช่องแคบแสนรักของผมอย่างหิวกระจาย

นิ้วที่ชุ่มเหงื่อก็เอาแต่เขี่ยปลายศูนย์รวมความรู้สึกจนผมปล่อยน้ำใสๆออกมาอย่างห้ามไว้ไม่ได้

“อย่า..... อย่า............. อื้อออ..... อย่า......”

“อย่าอะไร” ไอ้บ้าอาร์มโผล่หัวขึ้นมาตั้งคำถาม

“ย...อย่า...อย่าหยุด” แล้วสุดท้ายผมก็พ่ายแพ้โดยสิ้นเชิง “ทำต่อนะ อย่าหยุด”



ปังงงงง

พอเห็นว่าผมส่งสัญญาณเปิดทางให้แล้ว ไอ้อาร์มจึงเอื้อมมือไปปิดประตูรถยนต์



สำหรับรถเก๋งคันเล็กแบบนี้ การอยู่ด้านในคนสองด้วยท่าทางนอนราบแบบนี้ดูจะทำให้อึดอัดไปถนัดตา

เพราะทำอะไรไม่ได้มากนัก ไอ้อาร์มจึงได้แค่ถอดเสื้อตัวเองออก เผยให้เห็นกล้ามเนื้อซึ่งชุ่มไปด้วยเหงื่อ และถอดกางเกงลงไปแค่พอให้ท่อนเอ็นอันใหญ่โผล่พ้นออกมาเท่านั้น

ไอ้อาร์มหยิบซองเจลหล่อลื่นออกมาจากกระเป๋าเสื้อของผมอย่างคล่องแคล่ว เพราะมันรู้อยู่แล้วว่าผมเก็บไว้ตรงไหน

และเมื่อทุกอย่างพร้อม....

“เจ็บหน่อยนะ”

“อืม” ผมยอมรับ

“อย่าเสียงดังล่ะ เดี๋ยวมีคนได้ยิน”

“โอเค.... อื้มมมมมม” ช่องสวาทของผมค่อยๆถูกล่วงแทรกเข้ามาอย่างช้าๆ



และจากนั้นกิจกรรมการโยกรถก็ได้ดำเนินขึ้น



“หายโกรธกูยัง” ไอ้อาร์มถาม

“อ่าาาาาาาซซซ์” ผมไม่ตอบ ได้แค่ส่งเสียงครางจากความรู้สึกซาบซ่าน

“ถ้ายังไม่หายโกรธ กูหยุดทำนะ”

“ห...หายๆ หายแล้ว อ๊าๆๆๆๆๆ ม...มึงตอก ล...ลึกจัง กูเสียววว....ว...ว”

“ถ้าไม่ลึกมึงก็ไม่หายโกรธอะดิ”

“อ...อืม อ่าาาาาาาซ  ซ...ซี๊ด”

“กูโยกแรงไม่ได้นะ เดี๋ยวคนข้างนอกเห็นว่ารถสั่น”

“ม...ไม่เป็นไร เดี๋ยว... อ่า... เดี๋ยวกูขยับเอง”

“เอาจริงดิ... อ่าาาาาาา โอ๊ยไอ้เพลง กูเสียว มึงขยับช้าๆดิ” ไอ้อาร์มถึงกับร้องเสียงหลงที่ผมขยับสะโพกเข้าใส่ท่อนรักของมันด้วยตัวเอง

“ก...กูก็เสียวจัง...อ่าซ์” ผมยอมรับ

“ย...อย่าตอดแรง ก...กูจะล่มปากอ่าวแล้ว มันรัดไปหมด โอ๊ยๆๆ”

“ยัง...ยังไม่อยาก...ส...เสร็จใช่ไหม” ผมขู่

“ย...ยัง อ่าซ์ เสียวๆๆ จะไม่ไหวแล้ว”

“ต...ต่อไป...ย...อย่าหัวร้อน...อ่าซ์...แบบนี้...อีกนะ”

“ก็กู... โอ๊ย เชี่ย... ก็กูหึงนี่หว่า”

“หึงแค่ไหน ก...ก็ห้าม...หัวร้อน”

“แล้วจะให้... โอ๊ยๆๆๆ โอเคๆ ไม่...ไม่หัวร้อนแล้ว ไม่หัวร้อนอีกแล้ว”

“สัญ...สัญญาก่อน”

“ด...ได้ๆ สัญญา ล...เลิกตอดซะทีดิ”

“โอเค...” ผมผ่อนการเกร็งรัดลง

“เห้อออ เกือบไปแล้ว” ไอ้อาร์มถอนหายใจ หลังจากผ่อนลมหายใจอยู่สักพักมันก็เริ่มปฏิบัติกิจกรรมต่อ “มึงนี่มันร้ายกาจจริงๆ ในเวลาแบบนี้ยังขู่กูได้อีกนะ”

“อ่ะๆๆๆๆๆๆ ม...มึง....สัญญา...ล...แล้วนะ”

“กูรู้แล้วน่า สัญญาก็คือสัญญาไง... มึงนี่มันน่าโดนจัดหนักจริงๆ”

“อ๊าๆๆๆๆๆๆๆ”

“เดี๋ยวคนข้างนอกก็ได้ยินหรอก” ไอ้อาร์มเอามือมาปิดปาดของผมไว้ไม่ให้ส่งเสียง

“อืออออออ......”



แล้วรถของผมก็กลายเป็นแหล่งเสริมสร้างสัมพันธ์ทางเพศแห่งใหม่ระหว่างผมกับไอ้อาร์มในที่สุด





............... “ไม่เหนื่อยหรือไง เพิ่งซ้อมกีฬาเสร็จไม่ใช่เหรอ” ผมถามหลังจากความกำหนัดของเราทั้งสองถูกระบายออกมาเรียบร้อย

“ก็เหนื่อยอ่ะ” ไอ้อาร์มตอบในขณะที่สวมเสื้อเปียกๆของมันกลับคืน “แต่กูต้องง้อมึงก่อน”

“คิดได้นะที่ง้อกูด้วยวิธีนี้”

“ก็สำเร็จไม่ใช่เหรอ”

“ไม่ต้องมายิ้มภูมิใจเลย”

“มึงนี่มันอ่านง่ายจริงๆ”

“พอเลย กูจะกลับห้องละ ลงจากรถไปได้แล้ว”

“เดี๋ยวดิ”

“อะไรอีก ไม่ทำแล้วนะ ถ้าจะทำอีกต้องไปอาบน้ำให้เรียบร้อย แล้วก็ไปทำที่ห้องโน่น”

“ไม่ใช่... เอ่อ แต่ไปทำต่อที่ห้องได้ใช่ปะ งั้นเดี๋ยวตามไปนะ... แต่ที่กูจะพูดจริงๆก็คือ ที่กูโกรธเพราะกูหึงมึงจริงๆนะ พี่คังกลับมาในเวลาแบบนี้ กูทำใจให้สงบไม่ได้จริงๆอ่ะ”

“กูถึงบอกไงว่ากูกำลังเคลียร์กับพี่เขาอยู่ จะให้กูปฏิเสธทันทีทันใดก็ใจร้ายไปหน่อยไหม แล้วอีกอย่าง เชื่อกูเหอะ กูรู้จักคนอย่างพี่คังดี เขาไม่ใช่คนที่ยอมรับคำปฏิเสธง่ายๆ มันต้องใช้เวลา”

“ทำไมอ่ะ ก็ในเมื่อ...”

“หยุดเลย สัญญาแล้วนิว่าจะไม่หัวร้อน”

“ก...ก็มัน...”

“ปล่อยเรื่องนี้ให้กูจัดการเอง มึงไม่ต้องยุ่ง จะได้ไม่ต้องมาอารมณ์เสียต่อหน้ากูอีก”

“อืมมมม”

“ไม่ต้องมาทำท่าคิด กูไม่ได้ถามให้มึงตอบ กูสั่งว่า ไม่ต้องมายุ่งกับเรื่องพี่คังอีก กูจัดการของกูได้”

“เออๆๆ เอางั้นก็ได้ กูก็ไม่อยากเห็นหน้าพี่เขารอบสองเหมือนกัน ไม่งั้นก็ต้องซัดหน้าเขาแน่ๆ แต่ถ้ากูปล่อยแล้ว มึงต้องไม่ไปคืนดีกับพี่เขานะ”

“เออ กูก็ตั้งใจไว้แบบนั้นอยู่แล้วไหมล่ะ”

“ได้ยินแบบนี้ค่อยสบายใจหน่อย... ว่าแต่ เรื่องที่มึงพูดคาไว้ตอนอยู่สนามอ่ะ มึงจะ...”

“ตอนนี้ไม่พูดแล้ว”

“อ้าว เดี๋ยวดิ พูดต่อให้จบเหอะนะ นะนะนะ นะครับ”

“ไม่ กูรู้ว่ามึงรู้แล้วว่ากูจะพูดอะไร แต่เพราะพฤติกรรมวันนี้ของมึง กูจะพักเรื่องนี้ไปก่อน ถ้าทำตัวดีเมื่อไหร่ค่อยมาพูดกัน”

“โห่... ไม่เอาน่า ไหนๆกูก็สัญญาว่าจะไม่หัวร้อนแล้วไง พูดต่อเถอะนะ”

“ไม่เอาอ่ะ กูอยากให้แน่ใจกว่านี้ว่ามึงควบคุมอารมณ์ตัวเองได้มากพอจริงๆ ขืนมึงโมโหร้ายทุกครั้งแบบวันนี้อีก ในอนาคตกูไม่แย่หรอกเหรอ”

“กูสัญญาเลย มาๆ เกี่ยวก้อยกัน”

“ไม่ต้องอ่ะ นั่นมันเด็กไป กูขอดูเองดีกว่า ถ้ามึงแสดงพฤติกรรมแย่ๆแบบนี้อีกทีเมื่อไหร่ กูก็จะไม่พูดเรื่องพัฒนาความสัมพันธ์ของเราอีกเลย”

“โห่... ใจร้ายจัง กูเป็นคนนะ ต้องมีหึงบ้างดิ”

“หึงได้ แต่ต้องมีเหตุผลและวางตัวเป็นผู้ใหญ่กว่านี้ มึงก็ทำตัวหน้าเชื่อถือมาตลอด แต่พอหน้ามืดที่ไรก็ทำอะไรไม่คิดทุกทีอ่ะ... เอาล่ะ ลงจากรถไปได้แล้ว แล้วก็ไปอาบน้ำซะด้วยนะ ตัวมึงมีแต่เหงื่อเต็มไปหมด”

“แต่มึงก็ชอบใช่ไหมล่ะ เมื่อกี๊เห็นลูบซิกแพ็คกูตลอดเลย”

“จะ ลง หรือ ไม่ ลง...”

“ลงๆๆๆ ลงแล้วคร้าบ ลงแล้ว” ลงไปได้ซะที “เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน ของขวัญอันนี้พี่คังให้มึงมาใช่ไหม”

“ใช่”

“งั้นกูจะเอาไปทิ้ง”

“เฮ้ยๆๆๆ จะบ้าหรือไง เอาคืนมานี่เลย”

“ไม่ได้ ยังไงกูก็ไม่คืนให้หรอก”

“โอ๊ะ เออ แล้วแต่มึงเหอะ จะทำอะไรก็ทำ”



ผมย้ายตัวเองไปนั่งที่เบาะคนขับรถ



ก๊อก ก๊อก ก๊อก



“อะไรอีก” ผมเลื่อนกระจกหน้าต่างรถยนต์เพื่อถามไอ้บ้าอาร์ม “ยังจะเอาอะไรของกูไปทิ้งอีก”

“เปล่า แค่จะบอกว่า...สุขสันต์วันเกิดนะ”

“อ...อืม ขอบใจ”

“ขอให้....ใจอ่อนกับกูเร็วๆนะ”

“มันใช่คำอวยพรที่ไหนกันเล่า ถอยไป จะไปแล้ว”



แล้วผมก็ขับรถออกมาจากลานจอดรถ



แวบหนึ่งที่ผมดูกระจกมองหลัง เห็นไอ้อาร์มกำลังยืนเฝ้ามองผมจากไกลๆ ในใจก็ได้แต่คิด.....

กูอ่ะ ใจอ่อนตั้งนานแล้ว เหลือก็แต่มึงนั่นแหละ..............................









..........................พิสูจน์ตัวเองให้ได้ล่ะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
 :hao6: :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ิอาร์มก้อเกินไปนะ ทำเหมือนเพลงเป็นสิ่งของ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
สู้ๆนะอาร์ม

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
[Rate 20+] Top Friend ... จริง vs โกหก - 12/01/2019
«ตอบ #68 เมื่อ12-01-2019 18:21:16 »

​TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 10 / ตาต่อตา vs ฟันต่อฟัน

ความที่ 2 จาก 3 / จริง vs โกหก









“แฮปปี้เบิร์ทเดย์ทูยู... แฮปปี้เบิร์ทเดย์ทูยู... แฮปปี้เบิร์ทเดย์ แฮปปี้เบิร์ทเดย์.....แฮปปี้เบิร์ทเดย์.....ทู...ยู.........”



“ขอบคุณคร้าบบบ ขอบคุณทุกคนนะครับ.......”

“เดี๋ยวๆ อธิฐานก่อน” ไอ้แว่นเตือนผม

“........................” อืมมมม ขอให้โลกสงบสุข ฮ่าๆๆๆ นางงามโคตรๆ “โอเค เรียบร้อย”

“อ่ะ เป่าได้”

“ฟูวววววว์” ผมเป่าเทียนจากเค้กวันเกิดที่ไอ้แว่นเป็นคนถือ

“เยยยยยยยยย้” ทุกคนปรับมือให้กับผม



“มึงนี่สงสัยจะชอบเทียนนะ" ไอ้อาร์มแอบกระซิบกับผม​ "ก่อนออกจากหอก็เพิ่งเป่าเทียนของกูไปเองนิ”

“ไอ้สัด!” ด่าสุดๆแล้วก็ทำได้แค่กระซิบนั่นแหละ



“ยินดีกับไอ้เพลงด้วยนะ หลังจากนี้ก็เข้าร้านเหล้าได้อย่างถูกกฎหมายแล้วววว” ไอ้แว่นเอ่ย “หมดแก้วววว”

อ้าว ยกซิครับ หมดแก้วไปเลยยยย

“ไม่รู้มาก่อนเลยนะว่าร้านทั่วไปก็บรรยากาศดีเหมือนกัน” พี่ฮันเตอร์มองสำรวจทั่วร้านอย่างกับเป็นของแปลกที่ไม่เคยเห็น “คนเยอะดี”

“ถ้าเป็นร้านปกติที่ไปกัน คนเยอะกว่านี้อีก” ไอ้แว่นบอก “แต่เดี๋ยวนี้ไอ้สองคนนี้มันไม่ยอมไปร้านนั้น สงสัยกลัวเสียตัวละมั้ง”

“เสียตัว?” พี่ท๊อปสงสัย

“ด...ดื่มกันดีกว่านะครับพี่ฮันเตอร์” รีบเปลี่ยนเรื่องให้ไวเลยกู ไอ้แว่นนะไอ้แว่น คิดว่าเผากูต่อหน้าเลยหรือไง

“อย่าดื่มมากนักนะพี่ฮันเตอร์” ไอ้แว่นเตือนแฟนตัวเอง “พรุ่งนี้มีคิวถ่ายแต่เช้าไม่ใช่เหรอ”

“คร้าบบบ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับ” อือหือออ หวานเกิ๊นนน มีจับแก้มกันด้วย

“แหวะ” ผมแซว “ในร้านไม่ได้มีกันสองคนนะ”

“อิจฉาเขาหรือไง” หึ! ไอ้อาร์มแทรกขึ้นมาซะงั้น

“เปล่าซะหน่อย” ผมปฏิเสธ

“ถ้าเพลงมีคนรู้ใจก็ไม่ต้องอิจฉาคู่ของพี่แบบนี้หรอก จริงไหมอาร์ม” อย่ามาทำส่งซิกกันตรงนี้นะพี่ฮันเตอร์

“ใช่เลยพี่” ทำเป็นยิ้มนะมึง

“พูดอะไรกันอ่ะ??” ไอ้แว่นสงสัย “เหมือนรู้ความลับอะไรที่ผมไม่รู้ด้วย”

“เอ่อ... เปล่าครับ” พี่ฮันเตอร์เพิ่งจะสำนึกได้ว่าแสดงพิรุจมากเกินไป “ไม่มีอะไร”

“ใช่ๆ ไม่มีอะไร” ไอ้อาร์มรีบเสริม

“ให้มันจริงเหอะ” ไอ้แว่นยังหรี่ตามองหาความจริง

“เออ เดี๋ยวนี้พี่ฮันเตอร์ซื้อโมเดลมาล้นห้องหรือยังอ่ะ” ผมเองก็ต้องช่วยเปลี่ยนเรื่องอีกแรง “มึงทำให้พี่เขาเป็นโอตาคุไปอีกคนแล้วหรือยังไอ้แว่น”

“เปล่าเลยยย พี่เขาซื้อของเขาเอง” ไอ้แว่นหลงกล ดีนะที่ได้ผล “ตอนนี้นะ บนเตียง บนตู้ มีแต่โมเดลการ์ตูนโมเอะให้เต็มไปหมด.............”



#คุณมีหนึ่งข้อความ



หึ!!!

ใครมันส่งไลน์มาตอนนี้วะ



เอ๊ะ.... พี่คังงั้นเหรอ

ดึกขนาดนี้พี่คังส่งอะไรมาละเนีย



/มาหาพี่ภายในหนึ่งชั่วโมง ไม่งั้นพี่จะปล่อยคลิปนี้ออกไป/



คลิป...?

คลิปอะไร.............



!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

ช....ชิบหายแล้ว

นี่....มัน.....................



“อ...อาร์ม” ผมพยายามกระซิบและสะกิดคนข้างๆแบบไม่ให้ใครเห็น “ไอ้อาร์ม!!!”

“ว่า?” ไอ้อาร์มถาม

ผมแอบเผยภาพในหน้าจอโทรศัพท์ให้มันดู........

“แอ่กๆๆ” ไอ้อาร์มสำลักออกมาทันที ก่อนที่จะรีบเก็บอาการและกระซิบกลับ “มาไงวะ?!?”

“ไม่รู้...” ผมตอบอย่างเป็นกังวล

“แล้วจะทำยัง.......”



“ดูไรกันอ่ะ!” เฮ้ยยยย!!!!!

“อ....ไอ้แว่น เดี๋ยวๆ” “ไอ้แว่น น..นั่น...” ผมกับไอ้อาร์มพยายามคว้าโทรศัพท์คืน แต่ไอ้แว่นก็ฉกไปดูแล้ว

“แอบดูไรกันสอง........เหี้ย!!!!!” นั่นไง ไอ้แว่นเห็นเข้าจนได้ “น...นี่....นี่มันคืออะไร ท...ทำไมมึงกับไอ้อาร์มถึง.....”

“อะไรเหรอน้องซอล พี่ขอดูหน่อย” พี่ฮันเตอร์ดึงโทรศัพท์ในมือที่แน่นิ่งของไอ้แว่นไปดู “อ๊ะ..........!!!”

“อ....อธิบายมาเลยนะ” ไอ้แว่นชี้หน้าผมกับไอ้อาร์ม “มึงสองคน....มีอะไรกันแล้วเหรอ”



เอาแล้วไง

ผมไม่รู้ว่าพี่คังไปแอบอัดวิดีโอตอนที่ผมกับไอ้อาร์มกำลังประกอบกิจกรรมทางเพศที่ลานจอดรถยนต์เมื่อตอนเย็นได้ยังไง

ถึงการถูกแอบถ่ายคลิปไว้จะเป็นเรื่องเครียด แต่ที่น่ากังวลที่สุดตอนนี้คงเป็นความโกรธของไอ้แว่นเสียมากกว่า



“คือ...คือกู...” จะพูดว่ายังไงดีวะ

“ไปคุยกันข้างนอก” ไอ้แว่นสั่ง แล้วมันก็เดินฉับๆออกไปจากร้าน



ตอนนี้ผมยังไม่กล้าออกเดินไปไหนเลยด้วยซ้ำ ทุกอย่างมันเครียด กังวล และตึงไปหมด



“เพลง....” ไอ้อาร์มโอบไหล่ผมเบาๆ

“กู....ก....กูควรทำไงดี” ผมหมดหนทางจึงพูดไปแบบนั้น

“อย่าเพิ่งคิดอะไรเลย” ไอ้อาร์มเองถึงจะพูดปลอบใจแต่ตัวมันเองก็มีสีหน้ากังวลไม่น้อย “กูว่า...เราไปคุยกับไอ้แว่นก่อนเถอะ”

“นั่นซิ” พี่ฮันเตอร์เสริม ตอนนี้บรรยากาศของงานเลี้ยงวันเกิดของผมเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง “เดี๋ยวพี่ไปเป็นเพื่อน เผื่อจะช่วยพูดได้”

“..........” ผมยังกลุ้มใจ

“ไปเถอะนะ” ไอ้อาร์มเขย่าไหล่ผมเบาๆ “กูจะอยู่ข้างๆเอง”

“จริงๆนะ” ผมต้องการคำยืนยัน ตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าคนที่จะอยู่ข้างๆกายอีกแล้ว

“จริงซิ” แล้วไอ้อาร์มก็เอามือของมันเลื่อนมาจับมือผมไว้แน่น “จะไม่ปล่อยเลย”

“ไปกัน” พี่ฮันเตอร์ให้สัญญาณ



โอเค ไปก็ไป



ผม ไอ้อาร์ม และพี่ฮันเตอร์เดินออกมานอกหน้า ตรงไปที่จุดที่เห็นไอ้แว่นในสายตา มันยืนรออยู่ที่ด้านข้างของร้านซึ่งไม่มีใคร

ทุกย่างก้าวตอนนี้ทั้งหนักทั้งลำบากทั้งกลัว ทุกอย่างปะเดปะดังเข้ามาไม่หยุดหย่อน





“บอกมาดิว่ามึงสองคนไม่ได้ตั้งใจ” ทันทีที่ไปถึงไอ้แว่นก็ยิงคำถามใส่เลย “บอกว่า ว่าที่กูเห็นคือกูเข้าใจผิด”

“อ...ไอ้แว่น...”

“ตอบคำถามกู!!” ไอ้แว่นตะคอกใส่ผมทันที

“ซอลครับ ใจเย็นก่อนนะ” พี่ฮันเตอร์พยายามเข้าไปปรามอารมณ์ที่รุนแรงของไอ้แว่นไว้ “อย่าเพิ่งโกรธเลย ค่อยๆพูดกันเถอะ”

“ได้ ผมจะใจเย็น” ไอ้แว่นพยายามข่มอารมณ์ “งั้นมึงก็ตอบคำถามกูมาซะที ในคลิปนั้น มึงสองคนไม่ได้ตั้งใจใช่ไหม”

“ค...คือกู...” ผมพยายามหาคำพูด

“อย่าโกหกกูนะ” ไอ้แว่นเตือน ดวงตาของมันแดงก่ำ เป็นสัญญาณว่ากำลังโกรธอย่างถึงที่สุด

“ม...ไม่” ผมตัดสินใจตอบ “ไม่ใช่”

“ไม่ใช่! งั้นพวกมึงก็ตั้งใจกันอะดิ”

“ก...กู...”

“นี่เป็นความผิดของกูเอง” ไอ้อาร์มเอาตัวเข้ามาบังผมไว้แต่ก็ยังจับมือผมไว้แน่นเหมือนเดิม “อย่าโกรธไอ้เพลงเลย ทั้งหมดกูเป็นคนเริ่ม กูบังคับไอ้เพลงทุกอย่าง”

“มึงไม่ต้องมาทำเป็นปกป้องกันหรอกนะ” ไอ้แว่นยิ่งเดือดดานกว่าเดิม “มึงอ่ะผิดอยู่แล้ว น...นิ...นี่พวกมึงแอบทำอะไรกันแบบนี้มานานแค่ไหนกันแล้ววะ”

“เดือนกว่า” ไอ้อาร์มตอบอย่างฉะฉาน ผมรู้ว่ามันคงพูดไม่ง่ายนักหรอก

“ด...เดือนกว่า! เดือนกว่าเนี่ยนะ ได้ยังไง ทำไม มันคืออะไรวะ”



“ซอลครับ” พี่ฮันเตอร์พยายามปรามอีกครั้ง “ใจเย็นเถอะนะ พี่ขอร้องล่ะ”

“ใจเย็นอะไรอ่ะ พี่ดูดิ พวกมันสองคนแอบทำอะไรโดยไม่บอกผมแบบนี้ พี่จะให้ผมใจเย็นอะไร นี่ถ้าไม่เห็นหลักฐานจะๆตาแบบนี้ พวกมันก็คงไม่คิดจะบอกผมหรอกมั้ง”

“เห็นใจสองคนนี้หน่อยซิซอล พวกเขาต้องใช้เวลานะ พี่เชื่อว่าถ้าพวกเขาพร้อม เขาต้องบอกซอลแน่”

“เดือนกว่าเนีย มันนานเกินพอสำหรับการทำใจแล้วนะ พี่อย่าทำเป็นรู้ดีหน่อยเลย ผมเป็นเพื่อนพวกมันมานาน รู้สันดานพวกมันดี ลองออกมาอีแบบนี้ ไม่มีทางหรอกที่มันจะบอกผม”

“พี่ยืนยันได้ว่าพวกเขากำลังจะบอกซอลแล้วจริงๆ”

“พี่เชื่อ... เอ๊ะ! นี่อย่าบอกนะว่าพี่ฮันเตอร์ก็รู้เรื่องของมันสองคนด้วย”

“เอ่อ...คือพี่...”

“พี่รู้เรื่องจริงๆด้วย”

“เปล่านะ พี่แค่รู้ว่าเขาสองคนมีใจให้กัน แต่ไม่ได้รู้ลึกไปกว่านั้น พี่ถึงได้พยายามบอกซอลตลอดไงเรื่องของสองคนนี้ แต่ซอลก็ไม่เชื่อ”

“ใช่ ผมไม่เชื่อ แล้วรู้ไหมทำไมผมถึงไม่เชื่อ ก็เพราะว่าผมเชื่อใจเพื่อนของผมไง ผมเชื่อว่าพวกมันจะไม่ปิดบังอะไรผมไง!!!” แล้วในที่สุดไอ้แว่นก็เสียน้ำตาออกมาจนได้

“อ...ไอ้แว่น” ไม่ต้องพูดถึงตัวผมเองเลย ผมน้ำตาไหลพรากออกมาแทบจะทันทีด้วยซ้ำ “กู...กูขอ...”

“มึงรู้ไหม” ไอ้แว่นทั้งตะคอกทั้งปาดน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด “กูไม่เคยโกรธเลยที่พวกมึงแซวว่ากูเป็นไอ้ไก่อ่อน หรือเรียกกูว่าไอ้แว่น.... กูไม่เคยใส่ใจเลยเวลาที่พวกมึงทำเหมือนกับคนอื่นๆที่ทำกับกู เพราะกูรู้ดีมาตลอดว่าพวกมึงคือเพื่อนของกู”

“ช...ใช่ มึงเป็นเพื่อนกู....”

“เพื่อนเหรอ? มึงพูดมาได้ไงว่าเป็นเพื่อน.... กูไม่เคยเคยคิดรังเกียจแม้แต่น้อยไม่ว่ามึงสองคนจะคบกันหรือมีอะไรกันสักกี่พันครั้ง แต่กูโกรธมากที่พวกมึงทำเหมือนว่ากูไม่ใช่เพื่อนคนสำคัญ เพราะสำหรับกู พวกมึงคือเพื่อนสองคนเท่านั้นที่กูมี ไม่ว่าจะทุกข์หรือสุขยังไง กูจะคิดถึงพวกมึงเสมอ... แต่ดูวันนี้ดิ พวกมึงมีความลับกับกู กูแค่คนเดียวที่ถูกทิ้งไว้นอกความสำคัญของพวกมึง มึงยังกล้าเรียกกูว่าเพื่อนได้อีกเหรอ... ไปเลยนะ! พวกมึงจะไปไหนก็ไป ไปแอบทำห่าเหวอะไรกันก็เชิญ แต่กูจะไม่อยู่รอเพื่อนที่ทำอะไรลับหลังกูอีกแล้ว”

“ซ...ซอล ซอลเดี๋ยวก่อน” พี่ฮันเตอร์พยายามรั้งไอ้แว่นที่กำลังจะเดินหนีออกไป

“ปล่อยผมนะ...”



“กูขอพูดอะไรหน่อยได้ไหมไอ้แว่น” จู่ๆไอ้อาร์มก็เสียงเข้มขึ้นมา

“มึงจะแก้ตัวอะไร...”

“ไม่ กูจะไม่แก้ตัว” เมื่อเห็นว่าไอ้แว่นหยุดฟัง ไอ้อาร์มจึงรีบพูด “แต่กูแค่อยากจะบอกมึงว่า กูกับไอ้เพลงไม่เคยคิดว่ามึงไม่ใช่เพื่อนแม้แต่นาทีเลยนะเว้ย...”

“มันไม่...”

“กูขอพูดแค่แป๊บเดียว แล้วจะไม่รบกวนมึงอีกเลย” ไอ้อาร์มแทรก บรรยากาศนิ่งสงบลง แต่ก็ยังตึงเครียดอยู่ “กูขอยอมรับความผิดไว้ทั้งหมด จะโกรธกูก็ได้ ไม่ต้องยกโทษให้กูก็ได้ แต่ว่า... แต่กับไอ้เพลงอ่ะ กูขอร้องให้มึงยกโทษให้ไอ้เพลงสักครั้งได้ไหม มันแคร์มึงมากนะ แล้วก็รักมึงมากด้วย ถ้ากลุ่มของเราจะมีใครที่เดินออกไป ขอให้เป็นกูคนเดียวก็พอ... ถือซะว่า ยกโทษให้ไอ้เพลงเป็นของขวัญวันเกิดให้มันเถอะนะ กูขอร้อง”

“.................................................................” ไอ้แว่นไม่ตอบ ดวงตาไม่สื่อถึงความหมายใดๆทั้งนั้น จนกระทั่งมันเปล่งเสียงออกมา “พวกมึงจะไปไหนก็ไป ของขวัญอ่ะกูก็ให้ไปแล้ว คนที่ไม่ใช่เพื่อนกู กูไม่จำเป็นต้องให้อะไรมันอีก”



แล้วไอ้แว่นก็เดินจากไปในที่สุด



“เดี๋ยวพี่พูดกับซอลให้เอง” พี่ฮันเตอร์บอกก่อนจะส่งโทรศัพท์ของผมมาให้ไอ้อาร์ม “รีบเคลียร์เรื่องของทั้งสองคนก่อนเถอะนะ”



“ห....หือ....” ผมสะอื้นไห้ออกมาอย่างปิดกั้นอารมณ์ไว้ไม่ได้

กูขอโทษนะไอ้แว่น กูขอโทษจริงๆ

ไม่นึกเลยว่าช่วงเวลาเพียงแค่ไม่กี่อึดใจ จะเปลี่ยนแปลงความจริงและคำโกหกทุกอย่างให้ออกมาในทิศทางที่เลวร้ายเช่นนี้

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร กูจะอยู่ข้างๆมึงนะ” ไอ้อาร์มดึงตัวผมเข้าไปกอดไว้อย่างแนบแน่น



อบอุ่น....

ปลอดภัย.....

ทุกความรู้สึกของความไว้เนื้อเชื่อใจในคนๆนี้ ได้พิสูจน์ให้ผมได้เห็นคุณค่าในตัวของเขาแล้ว



“ตอนนี้อย่าเพิ่งอ่อนแอนะ” ไอ้อาร์มกระซิบข้างหูของผมเบาๆ “เรายังมีเรื่องต้องจัดการอีก รีบไปหาคนที่ถือคลิปของเราไว้กันเถอะ”

นั่นซิ....

ผมปาดน้ำตา แล้วไอ้อาร์มก็ปล่อยกอดออกจากผม แต่ก็ยังจับมือผมไว้แน่น

“ป...ไปกันเถอะ” ผมปรับอารมณ์และพูดออกมา “ก่อนที่ภาพของเราจะโดน... ปล่อย...หือ...”

พอพูดถึงปัญหานี้แล้วก็พลอยให้น้ำตาไหลออกมาอีกรอบ

“อย่าขี้แยซิครับ” ไอ้อาร์มเอานิ้วมาปาดน้ำตาที่เลอะใบหน้าของผม “ก็แค่คลิปที่เรามีอะไรกันครั้งเดียวเอง ถ้าคนมันอยากดูนักก็ปล่อยมันไปซิ ดีไม่ดีเดี๋ยวเราถ่ายคลิปลงเองซะเลยก็ได้”

“ไม่ตลกด้วยนะ”

“ไม่ตลกแล้วยิ้มทำไมอ่ะ” ในเวลาแบบนี้ยังจะมาเล่นมุกอีก ยอมใจมันเลยจริงๆ “เห็นไหม ยิ้มจริงๆด้วย”

“ไปได้แล้ว” ถึงจะทุกข์ใจแต่ผมก็อดยิ้มออกมาไม่ได้จริงๆ “เดี๋ยวก็เกินหนึ่งชั่วโมงหรอก”

“ไปครับๆ” แล้วไอ้อาร์มก็จับมือผมเดิน “ถ้าสมมติว่าคลิปในรถนั่นหลุดจริงๆ วันหลังเราลองเปลี่ยนไปทำบนเรือกันดูดีไหม”

“โรคจิตหรือไงถึงอยากโชว์คนอื่นนัก”

“ก็ของกูมันน่าโชว์อ่ะ...”................



แล้วไอ้อาร์มก็คุยสร้างบรรยากาศให้ผมตลอดทาง จากที่เครียดๆ กลายเป็นบรรยากาศเถียงกันแบบที่คุ้นเคย มุกชินจังของมันถูกขุดมาเล่นทั้งหมด ทำเอาผมลืมเรื่องของพี่คังไปชั่วขณะหนึ่งเลย





“ที่นี่เหรอ” ไอ้อาร์มมองเข้าไปยังโกดังเก่ามืดๆแห่งหนึ่ง “นี่พี่คังเขาดูละครมากไปหรือเปล่าวะ ต้องเรียกมาข่มขู่ในโรงงานร้างซะด้วย คิดว่าตัวเองเป็นตัวโกงในหนังของอาหลองหรือไง”

“อาร์ม” ผมเรียก

“ว่าไง”

“อย่าปล่อยมือกูนะ”

“ไม่มีทาง”

“ขอบใจ” ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ “งั้นเราไปกันเถอะ”



ผมกับไอ้อาร์มเดินอย่างระมัดระวังเข้าไปในโกดังร้าง



ที่นี่มืดมาก แต่พอเข้าไปในประตูที่เปิดแง้มไว้ก็พบกับแสงสว่างจุดใหญ่ที่มาจากหลอดไฟแบบพกพา ซึ่งตรงนั้นก็มีใครคนหนึ่งยืนอยู่



“พี่ไม่ได้บอกให้พาใครมาด้วยนิ” นั่นคือคำทักทายแรกจากพี่คังเมื่อเห็นผมและไอ้อาร์ม “และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไอ้คนที่มันกล้ามาตีท้ายครัวของพี่”

“โทษทีพี่” ไอ้อาร์มต่อกลอนด้วยทันที “คนของผมไม่ได้ไปอยู่ในครัวของใคร และผมก็อยู่กับเขาตลอด ไอ้เรื่องที่จะปล่อยให้มาในสถานที่อันตรายๆ เพื่อเจอคนอันตรายๆ ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่”

“หุบปากของมึงไปเถอะ แอบกินอาหารเหลือจากคนอื่นแล้วอย่ามาทำปากดี” ไม่นึกเลยว่าคำพูดแบบนี้จะออกมาจากปากของพี่คัง นี่ไม่ใช่พี่คังที่ผมรู้จักแน่ๆ หรือว่าความจริงแล้ว นี่ต่างหากคือตัวจริงของเขา “ดูนี่ไว้ซะ นี่คือคลิปที่กูถ่ายไว้ได้ตอนที่พวกมึงกำลังทำเรื่องอุบาทกันในลานจอดรถ ถ้ายังขืนปากดีอีก กูจะกดโพสเดี๋ยวนี้แหละ แค่วินาทีเดียวคลิปก็แช่ออกไปทั้งโลกแล้ว มึงแน่จริงมึงพูดอีกทีซิ”

“.................................” ไอ้อาร์มกัดฟันแน่น

“พ...พี่คัง...” ผมต้องพูดอะไรบ้าง

“มึงก็ไม่ต้องพูดเหมือนกันอีเด็กร่าน” มันจะมากเกินไปแล้วนะ “เชอะ ทำเป็นพูดบ่ายเบี่ยงท่านั้นท่านี้ ไอ้เรารึก็คิดว่ายังโกรธเราอยู่ ทำเป็นดัดจริตไม่ยอมคืนดีด้วย ที่ไหนได้ ก็แอบอ้าขาให้เพื่อนตัวเองเสียบอยู่นี่เอง คงจะติดใจมากละซิท่า ถุ้ย! พวกชั้นต่ำ”

“นี่...”

“อย่า...” ไม่น่าเชื่อว่าในสถานการณ์นี้จะเป็นไอ้อาร์มที่ห้ามผมเอาไว้

“โถๆๆๆ รักกันเป็นห่วงกันจริงนะ” ไอ้สารเลวเบื้องหน้ายังเอ่ยวาจาถากถางไม่เลิก “คงกลัวว่าคลิปจะหลุดออกไปจริงๆอะดี๊... ดี เข้าใจสภาพตัวเองแบบนี้ก็ค่อยคุยกันง่ายหน่อย... รู้ไหม ทีแรกพี่ก็กะว่าจะเรียกเพลงมาหาเพื่อดูน้ำหน้าคนโกหกเฉยๆ ทำเป็นตอแหลวางท่าว่าตัวเองเลือกได้ คนอย่างมึงอ่ะกูไม่เอามาแปดเปื้อนชีวิตกูหรอกเว้ยยย”

“............” มึงงงงง ผมอดทนสุดขีด ที่ยังอดทนได้ก็เพราะไอ้อาร์มบีบมือผมไว้แน่นเพื่อเตือนสติอยู่ตลอด

“แต่ไหนๆก็พาไอ้เพื่อน... เอ้ย ไม่ซิ ต้องเรียกว่า ไอ้ผัวแก้คัน ฮ่าๆๆๆ ดูแป๊บเดียวก็รู้แล้วว่าพวกมึงสองคนแค่แอบกินกันตอนอยากเท่านั้นแหละ ไม่ได้จะจริงจังอะไรหรอก เพราะถ้าจะคบกันจริงๆ ก็คงบอกกูตั้งแต่ตอนเย็นไปแล้ว แบบนี้เขาเรียกว่าผัวแก้คัน ส่วนมึงมันก็เมียขี้คัน ฮ่าๆๆๆๆๆๆ..... เห้อออออ หัวเราะมากไปหน่อย เจ็บปากหมดเลย.... เอาล่ะ เอาแบบนี้ดีกว่า ไหนๆก็หอบมันมาด้วยแล้ว.... กูขอสั่งมึงแบบนี้แล้วกันไอ้ผัวแก้คัน ‘กราบตีนกู’ ”

“ห๊ะ!! จะเกินไปแล้วนะ” ครั้งนี้ผมไม่ยอมหรอก

“อะไรๆๆ จะไม่ยอมเหรอ งั้นโพสคลิปนะ”

“ใจเย็นก่อนเพลง” ไอ้อาร์มพยายามรวบตัวผมไว้ ไม่ให้วิ่งเข้าใส่ไอ้เลวนี่

“ดีมากกกกไอ้ผัวแก้คัน นึกว่าจะโตแต่ตัว มีสมองเหมือนกันนี่หว่า... มาว่าเรื่องของเรากันต่อดีกว่านะ ข้อเสนอของกูก็คือ ถ้ามึงยอมกราบตีนกู กูก็จะเก็บเงียบเรื่องคลิปนี่ไว้ก่อน จุ๊ๆๆๆ แต่อย่าคิดว่ากูจะลบมันออกไปง่ายๆล่ะ ของแบบนี้หากันไม่ได้ง่ายๆ ถ้าไม่บังเอิญว่ากูเดินกลับไปหาก็คงไม่ได้คลิปเด็ดๆแบบนี้หรอก.... ว่าไง? รับข้อเสนอไหม?”

“ถ้ากูยอมทำ มึงจะไม่โพสใช่ไหม” ไอ้อาร์มกัดฟันถาม

“ไม่นะ” แต่ผมต้องห้ามอยู่แล้ว

“แน่นอน แต่! ถ้าเดือนหน้าหรืออาทิตย์หน้า กูรู้สึกว่าอยากหาคนมากราบตีนกูอีก มึงก็ต้องทำ... คนกวนตีนอย่างมึงต้องเจอคนแบบกูนี่แหละ ตอนเย็นทำปากดีใส่กูนัก ไอ้พวกต่ำๆอย่างมึงอ่ะต้องมากราบตีนกูนิ”

“มันจะมากเกินไปแล้วนะ” ยังไงกูก็จะไม่ยอมเด็ดขาด

“อ้าวๆๆ คิดดีๆนะจ๊ะน้องเพลงจ๋า คลิปนี้ไม่ได้มีหนูอยู่แค่คนเดียวนะจ๊ะ ยังมีอนาคตนักรักบี้ทีมชาติอยู่ด้วย ขืนทำอะไรที่พี่ไม่ได้สั่ง... ระวังมือกูจะลั่นไม่รู้ตัวนะอีเด็กร่าน”



บ้าเอ๊ย ลืมคิดเรื่องนี้ไปซะสนิทเลย

ผมถอยเท้ากลับมาแทบจะไม่ทัน



“ผิดแล้วล่ะ ถ้าจะขู่ด้วยเรื่องนั้น” ไอ้อาร์มเอ่ย แล้วมันก็หันมาจับมือของผมทั้งสองข้าง “กูไม่เคยกังวลเรื่องเกี่ยวกับทีมชาติอะไรนั่นเลย”

“จะไม่ห่วงได้ไงล่ะ นั่นมันอนาคตของมึงเลยนะ” ผมเถียง

“คิดเหรอว่าโค๊ชจะปล่อยคนเก่งๆอย่างกูไปด้วยเรื่องแค่นี้ ไม่มีทางซะหรอก”

“แต่ถึงยังไง...”

“ที่กูยอมทำ ไม่ใช่เพราะจะปกป้องอะไรของกูทั้งนั้น แต่เพราะเป็นมึง ที่กูยอมทำเพราะว่ามึง มึงจะเสียหายไม่ได้ ไม่ว่าจะมีผลต่อมึงเล็กน้อยแค่ไหน กูก็ไม่ยอมให้มึงต้องเสียหายเด็ดขาด”

“อ...อาร์ม แต่ว่า...”



“หาวววววววววว เล่นบทน้ำเน่ากันจบหรือยัง” ไอ้สารเลวนั่นมันตั้งใจขัดจังหวะ “กูไม่มีเวลามารอทั้งคืนหรอกนะ มาๆ มากราบตีนกูได้แล้ว ตรงนี้เลย เร็วเข้า”

ทำไมคนๆนี้ถึงได้ร้ายกาจมากขนาดนี้นะ

“อาร์ม เดี๋ยว...” ผมพยายามรั้งไว้แล้ว แต่ไอ้อาร์มก็ดึงมือผมออกอย่างแรง และเดินต่อไปข้างหน้า

“สาบานมาก่อนว่าจะไม่ปล่อยคลิป” ไอ้อาร์มหยุดยืนนิ่งและพูดต่อหน้าคนข่มขู่

“มึงไม่มีสิทธิมาต่อรอง” มันตอบ “แต่กูบอกแล้วไงว่าตอนนี้ยัง แต่ถ้าตีนกูว่างไม่มีคนมาคอยเลียคอยกราบ ก็อาจจะเผลอโพสลงไปในทวิตเตอร์ก็ได้”

“ได้ กูจะทำ”

“อ...อาร์ม” ผมร้อง



ไอ้อาร์มคุกเข่าลงต่อหน้าไอ้คนที่แสดงออกอย่างกับว่าตัวเองควบคุมโลกไว้ทั้งใบ



ทำไมต้องทำเพื่อกูขนาดนี้ด้วย...

ทำไมต้องเอาแต่ปกป้องกู...

ทำไมถึงยอมเสียศักดิ์ศรีเพื่อคนอย่างมัน...

แล้วกูล่ะ กูทำอะไรไม่ได้เลยเหรอ กูจะปล่อยให้คนที่รักและเป็นห่วงกูมากที่สุดทำเรื่องแบบนั้นหรือไง................



ไม่!!!!!!!



กูจะไม่ปล่อยให้มันเกิดขึ้น



“อย่า!” ผมตะโกนห้าม แล้วรีบเดินไปดึงตัวไอ้อาร์มให้ลุกขึ้นมาเหมือนเดิม

“เฮ้ยๆ คิดจะทำอะไรน่ะ” ไอ้สารเลวคังโวยวายทันที “คิดว่ากูไม่กล้าโพสหรือไง”

“มึงทำอะไรเนี่ย” ไอ้อาร์มเองก็โวยวายเหมือนกัน “กูทำแค่นี้เอง ไม่ถึงกับตายหรอกน้า ไม่งั้นเราจะ....”

“ไม่!!! บอกว่าไม่ไง” ผมยืนยันเสียงแข็ง แล้วก็หันไปทางไอ้คนที่เอาแต่ข่มขู่พวกเรา “อยากโพสนักใช่ไหม โอเค เอาเลย!”

“ไม่ได้นะ” ไอ้อาร์มห้าม

“กูตัดสินใจแล้ว” ผมจะไม่ยอมยืนนิ่งอีกต่อไปแล้ว “ถ้าอยากโพสนักก็เชิญโพสลงไปได้เลย เอาให้ครบทุกฉากทุกตอนนะ มันจะผิดอะไรนักหนาที่คนเป็น ‘แฟน’ กันจะมีเพศสัมพันธ์กัน”

“พ...เพลง เมื่อกี๊นี้...”

“ใช่... ฟังไว้นะพี่คัง ไอ้อาร์มคือแฟนของเพลง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราก็คือแฟนกันวันยันค่ำ และเพลงจะไม่มีวันปล่อยให้แฟนตัวเองต้องคุกเข่าอ้อนวอนแฟนเก่าชั่วๆแบบพี่หรอก”

“กล้าพูดแบบนี้กับกูเหรอ!!!” ไอ้ชั่วถึงขั้นร้องลั่น

“เออ กูกล้าพูด” หยาบมากูหยาบกลับ

“เฮ้ย เพลง อย่าเลย มันไม่คุ้มหรอก ให้กูทำเถอะนะ...” ไอ้อาร์มพยายามดึงมือของผมออกอีกครั้ง

“ไหนสัญญาแล้วไงว่าจะไม่ปล่อยมือกัน” ผมหันไปพูดกับไอ้อาร์มอย่างจริงจัง สื่อความหมายผ่านสายตาทั้งหมดไป “ก็สัญญาแล้วไม่ใช่เหรอ เมื่อกี๊ก็ปล่อยไปรอบนึงแล้วนะ จะผิดสัญญาอีกใช่ไหม ถ้าผิดสัญญาอีกรอบนึงจะไม่ยกโทษให้แล้วนะ”

“แล้วเรื่อง....”

“..................” ผมส่ายหน้าเป็นสัญญาณว่าผมไม่แคร์อะไรแล้วทั้งนั้น

“ถ้างั้น...” ไอ้อาร์มกลับมายืนจับมือผมอย่างมั่นคงอีกครั้ง แล้วหันไปพูดกับไอ้ชั่วข้างหน้า “แฟนผมพูดมาแบบนี้แล้ว ผมอ่ะมันเป็นพวกตามใจแฟนอยู่แล้ว พี่อยากทำอะไรก็เชิญตามสบายเลยนะครับ”

“หนอยยยยย พวกมึง” คนเบื้องหน้าเดือดดานจนใบหน้าขึ้นสีแดง “งั้นก็เตรียมอายคนทั้งโลกก็แล้วกัน”



เอาวะ อะไรจะเกิดก็ต้องให้เกิดแล้วกัน

ขอแค่มีไอ้อาร์มอยู่ข้างๆ ผมก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น



“อย่าคิดแม้แต่จะโพสลงไปเด็ดขาด” เอ๊ะ!! มีใครโผล่มาจากด้านหลังวะ

“อ...ไอ้แว่น” ผมร้องตกใจ

ไอ้แว่นมาไงอ่ะ พี่ฮันเตอร์ก็ด้วย

“ผมขอเตือนพี่ไว้เลยนะ” ไอ้แว่นยังคงสื่อสารโดนตรงกับไอ้คนชาติชั่วที่กำลังจะปล่อยคลิปลงโซเซียลมิเดีย “ถ้าไม่อยากหมดอนาคต...........................









.......................ลบคลิปทั้งหมดทิ้งไปซะ”

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: [Rate 20+] Top Friend ... จริง vs โกหก - 12/01/2019
«ตอบ #69 เมื่อ13-01-2019 15:00:19 »

น้องแว่นต้องใจเย็นๆ นะ คนเราถึงจะสนิทกันแค่ไหน แต่ทุกคนมีพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง
ความสัมพันธ์มันเป็นอะไรที่ซับซ้อน ต้องให้เวลาพวกเขาจนกว่าเขาจะสะดวกใจบอก

พี่คังนี่โคต loser ตัวเองทิ้งเขาไปเอง นกอยากจะกลับมาก็กลับมา ตัวเองไม่ได้กินก็เอาตีนขวาง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [Rate 20+] Top Friend ... จริง vs โกหก - 12/01/2019
« ตอบ #69 เมื่อ: 13-01-2019 15:00:19 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 975
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
Re: [Rate 20+] Top Friend ... จริง vs โกหก - 12/01/2019
«ตอบ #70 เมื่อ13-01-2019 22:06:03 »

คนจริงมาแล้ว เอาเลยสู้ๆ แว่น

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
Re: [Rate 20+] Top Friend ... จริง vs โกหก - 12/01/2019
«ตอบ #71 เมื่อ13-01-2019 22:22:02 »

ใจเย็นนะทุกคน

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: [Rate 20+] Top Friend ... จริง vs โกหก - 12/01/2019
«ตอบ #72 เมื่อ13-01-2019 22:42:36 »

 :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ Kings Racha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
TOP FRIEND BEST FUN - เพื่อนกัน มันดี(ต่อใจ)





บทที่ 10 / ตาต่อตา vs ฟันต่อฟัน

ความที่ 3 จาก 3 / เพื่อน vs แฟน (ตอนจบ)









“มึงเป็นใครวะ” ไอ้ชั่วคังร้องตกใจที่เห็นไอ้แว่นและพี่ฮันเตอร์เข้ามาในโกดังร้าง “แล้วมีสิทธิอะไรมาสั่งกู”

“ผมชื่อซอลครับ” ไอ้แว่นแนะนำตัว “เอ...? ไม่ซิ ผมชื่อว่า 'ไอ้แว่น' ต่างหากล่ะ เป็นเพื่อนสนิทของไอ้เพลงและไอ้อาร์ม”

“แล้วไง?”

“ก็ไม่แล้วไง แต่ผมขอสั่งว่าให้พี่ลบคลิปทั้งหมดที่มี ลบทิ้งไปให้หมดอย่าให้เหลือ เดี๋ยวนี้ด้วย”

“ทำไมกูต้องทำตามที่มึงบอกด้วย”

“ตรงนี้มันคงมืดไปหน่อยก็เลยทำให้พี่มองไม่เห็น อ่ะๆ ผมจะเขยิบไปข้างหน้าอีกหน่อยก็แล้วกัน” ไอ้แว่นก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวเพื่อเข้าไปอยู่ในอณาเขตของแสง จากนั้นทุกสิ่งก็ชัดเจนขึ้นมา “พี่มีคลิป ผมก็มีคลิปเหมือนกัน”

“คลิปอะไร? เหอะ อย่ามาขู่กูให้ยากเลย กูไม่เคยไปแอบทำอะไรอุบาทกับใครอยู่แล้ว”

“แหมมม ลืมเร็วจังนะ ก็เพิ่งจะทำอยู่เมื่อกี๊ไง” ไอ้แว่นยกโทรศัพท์ของมันที่อยู่ในมือขึ้นขู่คนตรงหน้า

“หมายความ....”

“จุ๊ๆๆๆ ฟังให้จบซิครับ อืมมมม จะเริ่มจากตรงไหนดีล่ะ เอาเป็นเริ่มจาก... พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ก็แล้วกัน ในฐานะที่เราเรียนทางด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์มาเหมือนกัน พี่ไม่น่าจะโง่ถึงขั้นที่ไม่รู้ว่าการโพสข้อมูลลามกอนาจารของผู้อื่นสู่สาธารณะมันมีโทษร้ายแรงแค่ไหน แต่! ผมก็รู้ดีว่าพี่เป็นคนฉลาด คงจะสมัครไอดีปลอมไว้รอโพสคลิปแล้วล่ะซิ กะว่าตำรวจคงย้อนรอยกลับมาหาตัวเองไม่ได้ และเพื่อการนั้น ผมก็เลยคิดว่า ถ้าอัดภาพและเสียงทั้งหมดจากการสนทนาที่พี่เพิ่งจะข่มขู่เพื่อนของผมไว้ น่าจะเป็นหลักฐานที่เอาผิดได้แบบดิ้นไม่หลุด... ผมอ่ะถ่ายไว้ตั้งแต่ที่ทักทายเพื่อนผมคำแรกเลย พี่ว่าผมฉลาดไหม”

“มึงงงงงงง” ไอ้ชั่วคังเข้าใจในที่สุด

“อ่ะๆๆๆ อย่าโวยวายดิครับพี่ ยังมีกล้องอีกตัวนึงที่ถ่ายไว้อยู่นะ” ไอ้แว่นหมายถึงกล้องที่พี่ฮันเตอร์กำลังถืออยู่ในขณะนี้ “ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังดีๆเดี๋ยวก็ดังไม่รู้ตัวหรอก”

ได้ผลสุดๆไปเลย ไอ้ชั่วคังยืนนิ่งไม่ไหวติง แม้สีหน้าจะโกรธจัดก็ตาม

“เห็นไหมล่ะ ผมกะไว้แล้วเชียวว่าพี่ต้องเป็นคนฉลาด รู้ว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ” เพิ่งเคยเห็นมุมร้ายกาจของไอ้แว่นก็วันนี้แหละ “เอาเป็นว่าพี่ส่งมือถือมาให้ผมดีกว่านะ เดี๋ยวผมจัดการลบทุกอย่างให้เอง จะได้ไม่ต้องเหนื่อยพี่”

“............................................” ไอ้ชั่วคังคุ่นคิด

“ไม่อยากส่งเหรอ โอเค งั้นไม่เจรจาต่อก็ได้”

“เดี๋ยว! งั้นก็มายืนหมูยืนแมวกัน กูไม่ไว้ใจพวกมึงหรอกนะ”

“เอ....? เมื่อสักพักพี่จะพูดคำว่าอะไรออกมาน้า....? อ๋อ ‘มึงไม่มีสิทธิมาต่อรอง’ ใช่ๆ พี่พูดคำนี้แหละ ผมเองก็อยากจะพูดให้พี่ฟังแบบนี้เหมือนกัน”

“จะบ้าเหรอ ถ้าขืนกูส่งมือถือให้พวกมึงไป แล้วจะเอาอะไรมารับประกันว่าพวกมึงจะลบคลิปให้กู”

“ก็อย่างที่เพื่อนผมพูดไปนั่นแหละ ถ้าพี่อยากลงคลิปของพวกมันนัก ก็เชิญลงไปได้เลย พวกมันสองคนก็อาจจะอายนิดหน่อยที่ไปฟีชจูริ่งกันในลาดจอดรถแบบนั้น แต่คนมันเป็นแฟนกันอะนะ มีอะไรกันบ้างก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่ ผิดกับคลิปที่ผมมีอยู่อย่างสิ้นเชิงเลย อันนี้ถ้าโพสลงไปก็... หนึ่ง พี่โดนจับฐานแพร่ภาพลามกอนาจาร... สอง พี่โดนจับฐานปล่อยภาพส่วนตัวของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต... สาม อันนี้ผมเดาเอานะ ผมเดามาพี่คงมีหน้าที่การงานที่ดีพอสมควร ถ้าเจ้านายหรือคนที่กำลังจะร่วมทำธุรกิจกับพี่มาเห็นเข้า ความไว้ใจในการทำงานก็คงลดๆๆๆลง มีผลต่ออาชีพแน่นอน... ยัง ยังไม่หมด มีอีกข้อนึง ผมจะบอกให้ว่าโลกของเราเดียวนี้มันแคบ พวกชั่วๆที่ทำอะไรให้ชาวเน็ตจับได้อ่ะ มักอยู่ไม่ค่อยเป็นสุขหรอก... เพราะงั้นผมจะให้พี่คิดอีกทีนึง จะส่งมือถือมา หรือจะแข่งกับผมว่าใครลงคลิปได้เร็วกว่ากัน อยากเอางานมาแลกกับความสะใจส่วนตัวก็ตามสบายเลย”

“.........................” สะใจชะมัดที่เห็นหน้าของไอ้ชั่วนั่นกำลังหงอเป็นหมาหงอย



แล้วจู่ๆไอ้อาร์มก็เดินไปหาตัวต้นเหตุทั้งหมด



“ส่งมือถือมาเดี๋ยวนี้” ไอ้อาร์มขู่ทันที ครั้งนี้มันตัวใหญ่ซะยิ่งกว่าใหญ่อีก น่ากลัวสุดๆไปเลย “กูบอกให้มึงส่งมา!!!!”   

“กูฝากไว้ก่อนเถอะ ถ้าเมื่อ........”



พั๊วววววววววว



ปลิวไปเลยจ้าาาาาาาา



ไอ้อาร์มซัดหมัดเข้าหน้าของไอ้ชั่วคังทันทีที่ได้รับโทรศัพท์ โดนกัปตันทีมนักบี้ต่อยคิดว่าจะกระเด็นไปไกลแค่ไหนล่ะ   



“อ่ะนี่” ไอ้อาร์มส่งโทรศัพท์ให้ไอ้แว่น

“โอเคคคค” ไอ้แว่นดำเนินการต่ออย่างเชี่ยวชาญโดยมีพี่ฮันเตอร์ช่วยด้วยอีกแรง



ส่วนไอ้คนที่โดนต่อยอะเหรอ ยังมึนอยู่เลย เห็นลุกขึ้นแล้วก็ล้มลงไปตั้งสองสามรอบกว่าจะลุกยืนได้



ไอ้แว่นกับพี่ฮันเตอร์ช่วยกันตรวจสอบโทรศัพท์ที่ได้มาอย่างละเอียดอยู่เกือบสิบห้านาที จนแน่ใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว



“โอเคเรียบร้อย” ไอ้แว่นส่งคืนให้ไอ้อาร์ม เพื่อให้ไอ้อาร์มเอากลับไปคืนเจ้าของ

“ม...ไม่ต้องเข้ามา” ไอ้ชั่วคังร้องพร้อมกับก้าวถอยหลังไปเล็กน้อย โถๆ ถึงขึ้นขยาดรสหมัดเลยเหรอ “เอาวางไว้ตรงนั้นนั่นแหละ”

“ได้” ไอ้อาร์มบอกก่อนที่จะโยนโทรศัพท์ทิ้งลงไปที่พื้น “ต่อไปนี้อย่ามายุ่งกับกูหรือแฟนของกูอีก... ออกไป!!”

“...........” ผู้แพ้ทำได้แค่มองหน้าอย่างแค้นใจ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ของตัวเองแล้วค่อยๆกุมความเจ็บปวดทั้งกายและใจออกไป



“เพื่อรับประกันว่าพี่จะไปมายุ่งกับเพื่อนผมอีก ผมจะยังเก็บคลิปของพี่ไว้อยู่น้า... เดี๋ยวส่งให้ดู” ไอ้แว่นตะโกนไล่หลัง “อ้อ ลืมบอกไป เมื่อกี๊เผลอลบเยอะไปหน่อย ก็เลยลบข้อมูล รูปภาพ แล้วก็เบอร์โทรฯ ออกไปหมดเลย ถือซะว่าได้มือถือใหม่เนาะ....”

ร้ายกาจจริงๆไอ้แว่น

แต่ยังไงก็...

“ขอบใจมึงมากนะไอ้แว่น” ผมพูดกับไอ้แว่นอย่างสำนึกผิด “ไม่คิดเลยว่ามึงจะตามมาช่วยกูสองคน”

“ทีแรกก็ไม่ได้อยากมาหรอก” ไอ้แว่นสารภาพ “แต่...”

“แต่ได้พี่คอยเตือนสติให้ไง” พี่ฮันเตอร์แทรก “ถ้าพี่ไม่พูดว่า สองคนนี้กำลังลำบากและต้องการความช่วยเหลือจากเพื่อนคนสำคัญ ป่านนี้ซอลเองก็คงยังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟไม่หายซะที ดีนะเนี่ยที่พี่แอบส่งโลเคชั่นจากเครื่องน้องเพลงมาไว้ก่อน ไม่งั้นใครบางคนแถวนี้คงตามมาช่วยเพื่อนไม่ทัน”

“ขอผมพูดเองได้ไหมเล่า” ไอ้แว่นงอแง

“คร้าบบบๆ งั้นพี่ขอไปรอข้างนอกก็แล้วกัน ให้เพื่อนๆเขาเคลียร์กันเองดีกว่า” จากนั้นพี่ฮันเตอร์ก็เดินออกจากโกดังไป

“ก็อย่างที่พี่ฮันเตอร์พูดนั่นแหละ” ไอ้แว่นพูดต่อ “กูโกรธพวกมึงมากเกินไป โกรธซะจนกูลืมไปว่า ในเวลาที่กูลำบากก็ได้พวกมึงนี่แหละคอยช่วยและให้คำปรึกษาตลอด กูลืมไปเลยว่ามีแค่พวกมึงสองคนเท่านั้นที่คบกูเป็นเพื่อนในขณะที่ไม่มีใครอยากเป็นเพื่อนกับกูเลย”

“เพื่อนก็คือเพื่อนไง” ผมบอก “ต่อให้วันนี้มึงโกรธกูมากแค่ไหน มึงก็ยังเป็นเพื่อนของกูอยู่ดี”

“ใช่” ไอ้อาร์มเสริม “กูกะเอาไว้ว่าถ้ามึงยังไม่หายโกรธพวกกูซะที กูจะตามไปยิงมุกที่คณะมึงทุกวัน ถ้ามึงไม่หายโกรธก็ให้มันรู้ไปดิ”

“แบบนี้ไงกูถึงทิ้งพวกมึงไม่ได้” ไอ้แว่นพูด “ขอบใจที่เป็นเพื่อนกับกูนะ”

“พวกกูต่างหากที่ต้องพูดแบบนั้น” ผมตอบกลับ “แล้วก็ขอโทษจริงๆที่กูสองคนปิดบังเรื่องของพวกกูไว้ กูยอมรับว่ากูอายที่จะบอกมึงจริงๆ กู...กลัวมึงจะล้ออ่ะ”

“กูจะล้อความรักของเพื่อนรักทั้งสองคนของกูได้ไงเล่า”

บ้าเอ๊ย น้ำตาไหลอีกรอบจนได้

“ขอบใจที่เข้าใจนะมึง...”

“หยุดเลยๆๆ” ไอ้แว่นรีบห้าม “ไม่ต้องคิดจะมากอดกูเลยนะ พวกมึงสองคนกอดกันเองไปเลย กูขนลุก”

“ครั้งเดียวก็ไม่ได้เหรอมึง” ผมขอร้อง

“ไม่ได้.... เออๆๆ ก็ได้ ครั้งเดียวนะ”

"................" อย่าไปบอกใครนะว่าพวกผมสามคนกอดกันในโกดังร้าง



เคลียร์เรื่องนี้ไปได้เหมือนยกภูเขาออกจากออกเลยแฮะ ต่อไปนี้คงไม่มีอะไรมาทำให้ปวดหัวอีกแล้วนะ



“แต่ยังไงกูก็ยังโกรธพวกมึงอยู่อ่ะ” ไอ้แว่นเปลี่ยนอารมณ์ซะงั้น มันผละออกจากผมกับไอ้อาร์มทันที “พวกมึงสองคนอ่ะร้ายกาจมากนะที่ปิดบังกูตั้งเดือนกว่า แอบไปฟาดกันโดยที่ไม่บอกกู แถมไม่เอามาเล่าให้กูฟังด้วย”

“อ...เออๆ เดี๋ยวกูเล่าให้ฟังแบบละเอียดเลย” ไอ้อาร์มรีบเสนอ “ลีลาของไอ้เพลงนี่ต้องให้กูเล่า ที่มึงเคยฟังมาทั้งหมดนะ ไม่แตะความจริงสักนิดเลย กูนี่ลองมาแล้วทุกกระบวนท่า ไอ้เพลงเนี่ยนะโคตร...อื้อออออออ”

“อย่านะมึง” ผมรีบปิดปากไอ้บ้าอาร์มไว้

“แยกๆๆๆ” ไอ้แว่นจับผมกับไอ้อาร์มแยกออกจากกัน “วันนี้กูยังไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น เพราะพวกมึงต้องรับการลงโทษจากกูก่อน”

“ลงโทษ?” ผมสงสัย

“ใช่ ลงโทษ” ไอ้แว่นยืนยัน “เพราะพวกมึงมีความลับกับกู เพราะฉะนั้นคืนนี้มึงสองคนห้ามอยู่ด้วยกัน ห้ามถูกเนื้อต้องตัวกัน โทรหาหรือคุยแชทก็ไม่ได้”

“ห๊ะ” ไอ้อาร์มเหมือนจะไม่เห็นด้วย

“ถ้าไม่ทำแบบนี้ กูจะไม่มีวันหายเคืองพวกมึงเด็ดขาดเลย.... คืนนี้ห้ามติดต่ออะไรใดๆกันทั้งสิ้น กูรู้นะว่าพวกมึงสองคนคงไปจัดหนักกันแน่ๆคืนนี้ เพราะเพิ่งสารภาพรักกัน แต่ก็อย่างที่บอกแหละ กูไม่อนุญาต และคืนนี้กูก็จะไปนอนห้องไอ้เพลงด้วย เพื่อให้แน่ใจว่ามึงสองคนจะไม่แอบไปเจอกัน”

“อ...เอาจริงเหรอวะไอ้แว่น” ผมถาม

“จริง” มันยืนยัน “ไปเลยๆ มึงไปกับกูได้แล้วไอ้เพลง เริ่มตั้งแต่ตอนนี้แหละ จำไว้นะ ห้ามติดต่อกับไอ้อาร์มไม่ว่าด้วยวิธีไหนทั้งนั้น”



อ้าว ซะงั้นอ่ะ



สุดท้ายผมก็ต้องแยกกับไอ้อาร์มจริงๆ



ไอ้แว่นมานอนที่ห้องผมอย่างที่พูดไว้ไม่มีผิด มันคอยจับตามองผมทุกฝีก้าว ไม่ให้ผมเข้าใกล้โทรศัพท์ได้เลย



#คุณมีหนึ่งร้อยสามสิบสองข้อความ

ไอ้อาร์มก็เอาแต่ทักมาตลอด แต่ผมเปิดดูไม่ได้นี่นา ไอ้แว่นยึดโทรศัพท์ของผมไปแล้ว



“เป็นอะไรมากไหมมึงอ่ะ” จู่ๆไอ้แว่นก็พูดขึ้นขณะที่มันนั่งอ่านการ์ตูนอยู่บนเตียงของผม

“อะไรเหรอ” ผมถาม

“คิดถึงไอ้อาร์มขนาดนั้นเลยหรือไง ดูทำท่าทำทางเข้า ไม่เจอกันคืนเดียวไม่ตายหรอกน่า”

“ไม่ใช่ซะหน่อย”

“โกหกเห็นๆ”

“เออ ก็นิดนึง...ว่าแต่ วันนี้มึงเก่งมากเลยนะ ไปเอาความเจ๋งแบบนั้นมาจากไหนวะ เล่นซะไอ้พี่คังเอ๋อแดกไปเลย”

“นี่ไง” ไอ้แว่นยกหนังสือการ์ตูนให้ดู “กูลองเลียนแบบโคนันดูอ่ะ คิดว่ามันน่าจะเจ๋งดี มันเจ๋งมากเลยเหรอ”

“เจ๋งดิ” ผมพยักหน้า “แต่มึง...อ่านพวกโคนันด้วยเหรอ นึกว่าอ่านแต่การ์ตูนผู้หญิงซะอีก”

“ก็มีบ้าง จริงๆกูก็ดูนางเอกเป็นหลักอะนะ น่ารักดี ฮ่าๆๆ”

“กูว่าแล้วเชียว... เอ... มึงใส่ชุดนอนของกูก็น่ารักดีนะ ลองใส่แบบนี้ไปให้พี่ฮันเตอร์ดูดิ พี่เขาคงชอบ”

“นี่ยังน้อยไป”

“หมายความว่าไง”

“ตอนนี้อะนะ พี่ฮันเตอร์ซื้อชุดคอสเพลมาให้กูใส่เยอะกว่าซื้อโมเดลการ์ตูนซะอีก”

“หูยยยยย แหวกแนวไปอีกกก นี่อย่าบอกนะว่า พี่เขาเอามาให้มึงใส่ตอนที่.... ดึ๊บๆกันอ่ะ”

“ก็เออดิ ยิ่งพอเห็นกูใส่ชุดคอสเพลนะ พี่ฮันเตอร์แม่งยิ่งซาดิสขึ้นไปอีก”

“ยังไงอ่ะ เล่าให้ฟังหน่อยดิ”

“ไม่เล่าเว้ย มึงไม่ต้องมาสนใจเรื่องของกูเลย มึงเล่าเรื่องของมึงกับไอ้อาร์มมาดีกว่า เพราะกูไม่เคยฟังเลยสักครั้ง”   

“จ...จะไปมีอะไร ก็...ไม่มีอะไรหรอก ทั่วๆไปนั่นแหละ” ผมบ่ายเบี่ยง

“ไม่จริงอ่ะ ไม่เชื่อหรอก ถึงขั้นที่มึงยอมคั่วกับมันอยู่ตั้งเดือนกว่า แสดงว่าต้องไม่ธรรมดาแน่เลย จริงไหม?”

“ก็... ดีกว่าคนอื่นนิดนึง”

“นิดเดียวเองเหรอ ยังไงว้าาาาาาาา เล่ามาซะทีดิ”

“ก็มันไม่มีอะไรจริงๆอ่ะ” จะบ้าเหรอ ให้เล่าเรื่องที่ทำกับคนอื่นอ่ะผมไม่ขัดหรอก แต่ให้เล่าเรื่องที่มีอะไรกับไอ้อาร์มเนี่ยนะ เขินตายชักเลย

“โอ๊ยยยย มึงนิ อมพะนำอยู่ได้ เอางี้ กูถามเองก็ได้ มึงกับไอ้อาร์มเนียมีไรกันมากี่ครั้งแล้ว”

“โหหหหห นับไม่ได้หรอก”

“นับไม่ได้! ไหนมึงบอกว่าทั่วไปไง ถ้ามึงยอมมีอะไรกับมันเยอะขนาดนั้นก็แสดงว่าไม่ธรรมดาอะดิ”

“ก็ธรรมดานั่นแหละ”

“ไอ้สัด ทำเป็นเขินนะมึง... แล้วๆๆ นอกจากในรถยนต์แล้ว มีที่ไหนที่แปลกๆอีกไหม ที่มึงประทับใจอ่ะ”

“ที่ประทับใจเหรอ? คงเป็น... ห้องอาบน้ำชมรมรักบี้ละมั้ง”

“ห๊า!!! นี่มึงเข้าไปหวดกันในมหาลัยมาแล้วเหรอ”

“ในมหาลัยนั่นมันธรรมดาจะตาย กูก็ทำกันเป็นประจำ ตรงไหนลับตาคน ไอ้อาร์มมันก็ลากกูเข้าไปหมดนั่นแหละ”

“โอ๊ะ กูยอมใจพวกมึงสองคนจริงๆ แล้วยังงี้ วันนึงพวกมึงทำไรกันอีกครั้งเนีย ไม่ๆ ถามงี้ดีกว่า กูอยากรู้ว่า ความถี่มากที่สุดที่พวกมึงมีอะไรกันในวันหนึ่งคือเท่าไหร่”

“มากสุดคิดว่าน่าจะ... สี่หรือห้า เอ๊ะ ไม่ซิ ตอนไปทะเลรู้สึกว่าทั้งวันนั้นจะหกครั้งได้ละมั้ง เพราะว่ามีตอนเช้ามืดด้วย”

“นี่ไปอึดกันมาจากไหนเนีย ขนาดกูโดนพี่ฮันเตอร์ไปวันนั้นสามครั้งก็ว่าเต็มกลืนแล้วนะ... อืมมม ถามต่อ เอาเป็น... ท่าแปลกๆล่ะ มีเล่นท่ายากบ้างไหม”



พอๆๆๆ

เอาเป็นว่า เกือบทั้งคืนนั้น ผมก็เล่าแต่เรื่องประสบการณ์การร่วมเพศกับไอ้อาร์มให้ไอ้แว่นฟังอะนะ ผมไม่ได้ชอบเล่านะ แต่ไอ้แว่นมันชอบฟังต่างหาก อืมมม ใช่ แบบนั้นแหละ



เช้าวันใหม่เริ่มขึ้น

ผมกับไอ้แว่นเข้ามาในมหาลัย และตรงไปยังโรงอาหารของอาคารเรียนรวมเพื่อทานอาหารเช้า

ซึ่งมีคนมานั่งรออยู่แล้วนั่นก็คือ......ไอ้อาร์ม



“ไม่ยอมเสียเวลาสักนาทีเลยนะไอ้อาร์ม” ไอ้แว่นเอ่ยแซวก่อนจะนั่งลง "นั่งรอมาตั้งแต่เมื่อวานเลยหรือเปล่าวะเนีย"

“ได้ไงกันล่ะ ก็มึงเล่นไม่ยอมให้ไอ้เพลงตอบไลน์กูเลยนี่หว่า” ไอ้อาร์มโวยวายเล็กน้อย

“ลงโทษไง”

“เออ แต่หลังจากนี้ห้ามพรากแฟนกูไปไหนอีกนะ”

“แหวะ”

“กินไรหรือยังอ่ะ” ผมถามพร้อมกับนั่งลง

“ยังอ่ะ กูรอกินพร้อม....”



ตุ๊บ!!!



“ผมช่วยครับ”

มีผู้หญิงมาทำของตกใกล้ๆไอ้อาร์มอีกแล้ว ซึ่งไอ้อาร์มก็พุ่งไปช่วยอย่างไว

“ขอบคุณมากนะคะ เรานี่ซุ่มซ่ามจังเลย” แหมมม ทำเสียงอ่อยขนาดนี้ ใครๆก็ฟังออกทั้งนั้นแหละ

“ไม่เป็นไรครับ ไม่มีอะไรเสียหายก็ดีแล้วนะครับ”

“ค่ะ ไม่มี ยังไงให้เราเลี้ยงข้าวเป็นการตอบแทนไหม เช้านี้เรายัง....”



“อะแฮ่ม!!” ผมขัดทันที “ขอโทษนะเธอ นั่นแฟนเราอ่ะ ถ้าจะอ่อย ยังไงรบกวนเพลาๆลงหน่อยเนาะ เราก็หวงของเรานะ”

“ฟ...แฟน” สาวคนนั้นตกใจ

“ใช่ แฟน แต่จริงๆก็ได้กันหลายรอบแล้วนะ แต่เราคิดว่าเรียกว่าแฟนก็พอ”

“อ....เอ่อ...ขอตัวก่อนนะ” เออ ไปซะที



“โหดจังนะครับคุณเพลงงงง” ไอ้อาร์มกลับมานั่งที่เดิม “เขาแค่ชวนคุยนิดหน่อยเอง”

“ชวนคุยก็ไม่ได้” ผมตอบทันที “แล้วเมื่อกี๊ ดูยังไงก็ไม่ใช่แค่ชวนคุยด้วย จริงไหมไอ้แว่น”

“ไม่ต้องมายุ่งกับกู” ไอ้แว่นตัดบท “พอเปิดตัวก็เปิดซะใหญ่เชียวนะมึง กูไปหาข้าวแดกดีกว่า”



แล้วไอ้แว่นก็ลุกเดินออกไป



หลังจากคืนวันเกิดที่เลวร้ายที่สุดของผมผ่านไป ความสัมพันธ์ของผมกับไอ้อาร์มก็ดีขึ้น เรามีความชัดเจนกันมากขึ้น ใช้เวลาด้วยกันอย่างเปิดเผยมากขึ้น

แต่ผมไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่เวลาที่ไอ้อาร์มมานั่งรอผมตอนเลิกเรียนที่คณะสถาปัตย์ พวกสาวๆจากคณะผมชอบเข้ามาเจ๊าะแจ๊ะกับมันตลอด

แต่ก็ว่าไม่ได้นะ ถึงแม้ทุกวันนี้ไอ้อาร์มจะประกาศว่าผมเป็นแฟนของมันแล้ว แต่พวกผู้ชายที่ยังสนใจในตัวผม ก็ตามตื้อไปเลิก อย่างเคสของพี่ปั้นจั่น ถึงขั้นเป็นข่าวเม้ากันใหญ่โตเมื่อประธานชมรมรักบี้มีเรื่องชกต่อยกับประธานชมรมฟุตบอล (หัวร้อนตลอด)

แม้ความสัมพันธ์จะชัดเจนขึ้น แต่ส่วนเรื่องอื่นๆที่เคยเป็นก็ไม่ได้เปลี่ยนไปนักหรอก ผม ไอ้อาร์ม และไอ้แว่นยังคงปฏิบัติตัวกันเหมือนเดิม คล้ายว่ายังเป็นเพื่อนกันอยู่ แต่ที่ไม่เหมือนเดิมก็คือ ผมย้ายข้าวของส่วนใหญ่ไปอยู่หอไอ้อาร์มแล้วนะ ก็แหมมม ยังไงผมก็ยังชื่นชอบการมีเซ็กส์กับมันอยู่นี่นา เทียวไปเทียวกลับหอตัวเองมันเสียเวลาออกจะตายไป



ส่วนพี่ฮันเตอร์กับไอ้แว่น คู่เนียเจอกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เลย กระแสคู่จิ้นในคู่จริงของทั้งสองคนนี้ดังทั่วบ้านทั่วเมือง จนเกิดเป็นแฮชแท็ก ‘นักล่าตัวโน๊ต’ แล้วไม่นานจากนั้นไอ้แว่นก็ก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงเฉยเลย เผลอๆตอนนี้มันแทบจะดังกว่าพี่ฮันเตอร์อีกมั้ง



กลับมาที่ผมกับไอ้อาร์ม ตอนนี้ผ่านไปหนึ่งปีแล้ว เร็วเนาะ ชีวิตประจำวันของผมก็ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการใช้ชีวิต เรียน เซ็กส์ กิน เซ็กส์ เที่ยว เซ็กส์ นอน เซ็กส์ อื่นๆ และเซ็กส์ (ฮ่าๆๆๆๆ)



แจ๊บ แจ๊บ​ แจ๊บ​ แจ๊บ​ แจ๊บ​ แจ๊บ​ แจ๊บ​ แจ๊บ​


"อูววว....ว....อุ....ว...... อ๊า.... ซี๊ด...."

"ชอบอะดี๊ บอกตั้งหลายทีแล้วก็ไม่เชื่อว่าโดนซอยในอ่างอาบน้ำอะเสียวสุดๆ มีเสียงเอ็ฟเฟ็คช่วยกระตุ้นอารมณ์ด้วย"

"ก็ใครจะ.... อ๊อยยยย เสียวจัง.... จะรู้ได้ไง ล...ล่ะ ว่าจะดี...ขนาดนี้"

"วันหลังถ้าผมบอกอะไรก็หัดเชื่อกันบ้างนะครับคุณเพลง ผมรับรองว่าไอ้อาร์มคนนี้ไม่ทำให้คุณผิดหวังหรอก"

"ก็...ก็ได้ อื๊อ แรงอีกนิดนึงได้ไหม อยากเสียวกว่านี้อีก"

"ขอมาก็จัดไปซิครับผม"

"อ่าซ...ซ...ซ...ซ...ซ...ซ...ซ...ซ...ซ...ซ...ซ... เสียวมากเลยอ่ะ ด...ดีจัง ทำเก่งสุดๆเลย ทำไมถืงเก่งขนาดนี้"
"เพราะเสียงครางแบบนี้ไง กูถึงหลังเสน่ห์ของมึงหัวปักหัวปรำ"

"งั้นก็...ทำอีกนะ... ว...วันหลังพาไปเอ้าดอร์บ้าง...ซิ อูวววว อ่าซ์"

"ได้เลย แล้วจะไม่มีวันเบื่อเลย"



นั่นแหละครับ คู่ของผม

ในโลกนี้คงไม่มีใครที่มีระดับความหื่นขั้นสูงเหมือนผมได้เท่าไอ้อาร์มอีกแล้ว

ที่เล่าฉากนี้ให้ฟัง อย่าหาว่าผมทะลึ่งนะ แค่นะบอกว่า.... แฟนของผมเจ๋งที่สุด

อวดไปอีกกกกกกกก



แต่เรื่องที่เจ๋งที่สุดเท่าที่ไอ้อาร์มทำให้ผมน่ะ ผมว่ามันคือวันนี้เสียมากกว่า....



“กูบอกเลยนะว่า ถ้านี่ไม่ใช่วันคัดตัวทีมชาติของไอ้อาร์ม กูไม่มีทางมานั่งกับมึงเลย” ไอ้แว่นบ่น “แล้วอีกนานไหมอ่ะกว่าจะคัดตัวเสร็จ กูมีคิวถ่ายละครนะ”

“ไม่นานๆ แค่ชั่วโมงเดียว” ผมตอบ

“ซอลใช้เวลากับเพื่อนบ้างก็ได้นะ” พี่ฮันเตอร์ที่นั่งข้างๆไอ้แว่นพูดขึ้น “ช่วงนี้ทำแต่งาน ไม่มีเวลาให้เพื่อนเลย กับพี่เองก็เหมือนกัน”

“ก็มันรับคิวไปแล้วนี่นา” ไอ้แว่นตอบ

“นั่นไงๆ ลงสนามกันแล้ว” ผมร้องเมื่อเห็นนักกีฬาทะยอยลงสนาม

ไอ้อาร์มอยู่ไหนน้า.....

“นั่นอาร์มใช่ไหมที่กำลังวิ่งมา” พี่ฮันเตอร์ชี้

“ช...ใช่” จริงด้วยแฮะ วิ่งมาทำไมหว่า



วันนี้ผมชวนไอ้แว่นกับพี่ฮันเตอร์มาดูไอ้อาร์มคัดตัวนักกีฬาทีมชาติที่สนามรักบี้ของมหาวิทยาลัย ถึงผมจะมานั่งดูคนเดียวเป็นประจำ แต่เพราะวันนี้เป็นวันสำคัญของไอ้อาร์มจริงๆ ก็เลยกำชับให้ไอ้แว่นกับพี่ฮันเตอร์เคลียร์คิวงานมาโดยเฉพาะ



“เห้อๆๆ” ไอ้อาร์มมาหยุดยืนหอบต่อหน้าผม

“ไม่รอลงสนามหรือไง” ผมถาม “เขาจะแข่งอยู่แล้วน่ะ”

“ยัง...ยังมีเวลา...แป๊บนึง” มันยังหอบ แล้วจากนั้น....

“เฮ้ย! ทำอะไรอ่ะ คุกเข่าทำไม” ผมก็ตกใจอะดิ จู่ๆไอ้คนที่เพิ่งวิ่งมาก็มานั่งชันเข่าต่อหน้าผมเฉยเลย

“ตั้งแต่คบกับมา...” นี่อย่าบอกนะ “กูไม่เคยพูดว่ารักหรือขอมึงเป็นแฟนแบบจริงจังเลยสักครั้ง”

“...........................................................” อ...โอ้ ในหัวว่างเปล่าไปหมดเลย

วินาทีต่อมา ไอ้คนคุกเข่าก็เอาของที่เตรียมไว้ในกระเป๋าออกมา

“อันนี้เป็นแหวนที่กูเก็บเงินจากการเล่นกีฬาเพื่อที่จะซื้อให้มึงให้ได้” ว...แหวน แหวนจริงๆด้วย “มึงเคยบอกไว้ว่า ให้กูเก็บเงินเอาไว้ใช้ในเรื่องที่มีประโยชน์ ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา กูนึกเรื่องที่มีประโยชน์อย่างอื่นไม่ได้เลย นอกจากเรื่องที่จะบอกว่ากูรักมึงมากแค่ไหน”

ให้ตายเถอะ จะร้องไห้ออกมาอยู่แล้วเนี่ย



“ล...ลุกขึ้นซิ” ไอ้แว่นพยายามดันให้ผมลุกขึ้นยืน คือสภาพของผมตอนนี้ ใครจับให้ทำอะไรก็ทำทั้งนั้นแหละ “......อยู่ดีๆก็ได้ดูหนังรักเฉยเลย”



“เพลง” ไอ้อาร์มพูดต่อ

“ว...ว่าไง” ปากผมเกือบไม่ขยับแน๊ะ

“กูรักมึงนะ แต่เพราะเราเริ่มด้วยการเป็นเพื่อนกันมานาน จนบางทีกูก็ลืมที่จะทำสิ่งสำคัญแบบนี้ไป เพื่อให้มึงเห็นว่าตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมานี้กูไม่ใช่แค่ผู้ชายคนหนึ่งในคอลเล็คชั่นของมึง และมึงก็ไม่ได้เป็นแค่ของเล่นของกู กูอยากขอว่า... จากนี้ต่อไป ช่วยคบกันกูได้ไหม เป็นทั้งเพื่อน เป็นทั้งแฟน เป็นทั้งคู่ขาในยามเหงา และเป็นทั้งคู่แท้ในยามเศร้า..... เป็นแฟนกับกูนะ”

“ก...ก็เป็นอยู่แล้วไม่ใช่หรือไงเล่า”

“แค่อยากให้แน่ใจว่ามึงรักกู”

“อืม.... กูรักมึง”

“เป็นแฟนกันนะ”

“อืม... โอเค”



เฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้ฮ้

เสียงดังสนั่นทั้งสนามเลย

ลืมไปเลยนะเนียว่ามีคนอยู่เต็มไปหมด



คนตรงหน้าลุกขึ้นแล้วจับมือผมไปสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้าย ก่อนที่จะสวมกอดผมอย่างอบอุ่นและตื้นตัน



“ต้องไปแล้วนะ” ไอ้อาร์มบอก

“โอเค” ผมถอนหายใจ “สู้ๆนะ”

“คร้าบบบ ไปละ”



แล้วกัปตันทีมรักบี้ก็วิ่งกลับลงสนามด้วยความอิ่มเอมหัวใจ



“ว้าววว ดีใจด้วยนะเพื่อน” ไอ้แว่นเอาไหล่สะกิดผมเป็นการใหญ่

“อืม” ผมยังยิ้มไม่หุบ

“ไอ้อาร์มนี่มันก็โรแมนติกเหมือนกันเนาะ”

“อืม”

“ดีต่อใจอะดี๊”

“จะว่างั้นก็ได้”

“ไม่น่าเชื่อเลยเนาะ สุดท้ายเพื่อนสนิทอย่างมึงสองคนก็ลงเอยกันเฉยเลย”

“ใช่”



ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ…………..



ไม่น่าเชื่อว่าเพื่อนรักจะสามารถพัฒนามาเป็นคนรักได้



ไม่น่าเชื่อว่าคนเสพติดเซ็กส์อย่างผมจะมีคนรักที่จริงจังกับเขาเหมือนกัน



ได้ทั้งเพื่อน ทั้งแฟน ทั้งคู่ขา ทั้งคู่รัก.........



ความรักของผมหลังจากนี้คงพูดว่า มีความสุขตลอดกาลไม่ได้หรอกนะ ยังไงซะนี่ก็ไม่ใช่นิทานก่อนนอน

แต่ที่บอกได้แน่ๆก็คือ ผมได้เจอกับความรักที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต

อืมมมม แล้วก็นะ สำหรับคนที่ยังลังเลกับ ความรักกับเพื่อนสนิท หรือการแอบชอบเพื่อนตัวเอง หรือแม้กระทั้งการถูกเพื่อนแอบรัก มันไม่ได้แย่เสมอไปหรอกนะ ลองดูตัวอย่างจากผมก็ได้ เพชรน้ำงามที่สุดอาจจะอยู่ใกล้ตัวคุณมากกว่าที่คิดก็ได้ แต่ถ้ายังไม่แน่ใจจริงๆ จะลองความสัมพันธ์แบบเป็น................









...................... TOP FRIEND BEST FUN ดูก่อนก็ได้นะ









'โดนใจค่อยว่ากัน'

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
อ้าว จบซะแล้ว อ่านแทบไม่ทัน

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
มากันยาวๆ จบล่ะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
โอ้วว จบซะแล้ว
จบแบบนี้ถือว่าโอเคเลยนะ จบสวย
เพื่อนยังไงมันก็คือเพื่อน แต่เพื่อนที่จะก้าวข้ามมาเป็นความสัมพันธ์แบบโรแมนติกมันต้องใช้เวลาปรับตัว

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ชอบตอนจบค่า  น้องซอลก้อสุดยอด
ที่แน่ๆทั้งสองคู่นี่แซ่บลื้มมมม   :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
แซ่บสุด อะไรสุด  :oo1: o13

ออฟไลน์ Gatjang_naka

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 620
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1006
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ดีต่อใจ  :-[

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ tae1234

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ขอบคุณครับ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด