รักเรา(ไม่)เท่ากัน
CHAPTER 3...คืนร้อนเขามันเลว...
รัตติกาลบอกกับตัวเองได้แค่คำนี้คำเดียว ไอ้สิ่งที่เขาทำกับทิวามันเห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจ ก็ช่วยไม่ได้นี่นะ เพราะสันดานเขามันเป็นอย่างนี้ เอาแต่ใจ อยากได้อะไรก็ต้องได้ และตอนนี้เขาก็อยากได้ทิวาจนทนไม่ได้อีกต่อไป
เหลืออีกแค่ไม่ถึงชั่วโมงก็จะถึงเวลานัดหมาย แต่ก็ยังไร้วี่แววสิ่งมีชีวิตนอกประตูห้อง เขานั่งเหยียดขาเต็มความยาวของโซฟา สายตาเฝ้าจับจ้องเข็มวินาทีบนนาฬิกาติดผนัง ความกังวลเพิ่มมากขึ้นในทุกทีที่เข็มนาทีเคลื่อนตัว เพราะถ้าการบลัฟครั้งนี้ไม่ได้ผล เขาก็ไม่มีอะไรจะไปขู่ทิวาได้
เสียงโทรศัพท์ฝ่าความเงียบขึ้นมาจนเขาเผลอสะดุ้งเล็กน้อย สายตาเลื่อนมามองหน้าจอสี่เหลี่ยมที่สว่างบอกชื่อปลายสาย เขาเอื้อมมือไปหยิบขึ้นมาจากโต๊ะเตี้ยด้านข้างด้วยสีหน้าเหนื่อยอ่อน
“อะไรอีกไอ้ชิง” กรอกเสียงเบื่อหน่ายลงไปแบบไม่คิดปิดบัง
//ทำเสียงเบื่อกูไอ้ห่า//
“ได้ข่าวว่า20นาทีนี้มึงโทรมา3รอบแล้วนะ”
//ก็กูต้องการมึงอ่ะ มาเหอะนะเวลามึงอยู่ด้วยแล้วหญิงจะเยอะเป็นพิเศษ//
“ไม่ว่าง รอคนอยู่ บอกหลายรอบแล้วนะห่า” ตามด้วยเสียงถอนหายใจหนักๆ
//กูก็ถามหลายรอบแล้วว่าใคร เดี๋ยวนี้หัดมีความลับ กูงอนนะเนี่ย//
“หึหึ ไอ้ห่าความลับกูเยอะมาตั้งนานแล้ว” เขาหัวเราะกับสุ้มเสียงชิชะจากปลายสาย ก่อนที่ไอ้เพื่อนตัวดีจะเปลี่ยนมือให้เป็นอีกคนพูดแทน
//จะไม่มาจริงๆ หรอคร๊าบคุณรัตติกาล// เสียงยานคางของกิตติดูจะร่าเริงแข่งกับเสียงเพลงที่ดังลอดเข้ามา
“พวกมึงนี่มันเวิ่นเว้อจริงๆ เออๆ ถ้าสามทุ่มไปแล้วกูว่างจะไป”
//โด่ ต้องถึงมือกูสาดดด มันตกลงแล้วเห็นมั้ย รีบมานะคร๊าบบบ// กิตติคงจะหันไปเกทับชิงพลบก่อนจะพูดสำทับกับเขาอีกครั้งถึงวางสายไป
เพื่อนเขามันมีความเชื่อตามประสามันว่าเวลาไปเที่ยวต้องหนีบเขาไปด้วย เพราะตามสถิติที่ชิงพลบได้ประเมินไว้ เวลาเขาไปด้วยอัตราการได้หญิงเกรดพรีเมียมกลับจะมากขึ้น ไม่ใช่ว่าพวกมันหน้าตาขี้เหล่ ออกจะดีถึงดีมากด้วยซ้ำแต่เวลาชิงพลบกับกิตตินั่งคู่กันทีไรคนอื่นจะมองมันเป็นคู่เกย์กันไปเสียทุกที สาวๆ ก็เลยไม่อยากจะวอแวด้วย
รัตติกาลเปลี่ยนอิริยาบถไปมาเพื่อฆ่าเวลา เดินไปชงกาแฟ เข้าห้องน้ำ ส่องหนังหน้ากับกระจก จนกลับมานั่งแกร่วกับโซฟาอีกครั้งด้วยท่วงท่าเดิม เหลืออีกไม่ถึงสามนาทีก็จะถึงสามทุ่มตรง
เฮ้อ... เขาจะไม่ได้กอดทิวาแล้วจริงๆ หรอเนี่ย
และเสียงโทรศัพท์จากชิงพลบก็ดังขึ้นอีกครั้งเพื่อเร่งให้เขาออกไปเจอกัน รัตติกาลยอมจำนนอย่างช่วยไม่ได้ ในเมื่อคนที่รอก็ใจเด็ดไม่ยอมมา เขาเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมหยิบกระเป๋าเงินและโทรศัพท์ลงใส่กระเป๋ากางเกง เหลือบมองนาฬิกาที่เลยเวลานัดมาครึ่งชั่วโมงแล้วด้วยความเสียดาย
ยังไงวันนี้ก็ไปหาเอาดาบหน้าก่อนล่ะวะ
ประตูเปิดออก และภาพที่เห็นตรงหน้าก็ทำเอารัตติกาลต้องหยุดยืนนิ่ง ร่างของชายสักคนนั่งกอดเข่าอยู่บนพื้นพิงผนังฝั่งตรงข้าม ใบหน้าซุกซบลงกับเข่าจนมองเห็นแต่เส้นผมดกดำที่กระจายตัวระท่อนแขน เขาเดินเข้าไปใกล้ๆ ร่างนั้นด้วยหัวใจเต้นรัวแทบจะปิดบังรอยยิ้มแห่งชัยชนะเอาไว้ไม่มิด ทันทีที่การก้าวเท้าหยุดลง ร่างนั้นจึงเงยใบหน้าขึ้นมาอย่างเชื่องช้า แววตาหม่นเศร้าจากการตัดสินใจทำให้เขาต้องกร่นด่าความเลวของตัวเองอีกครั้ง แต่ก็แค่นั้นแหละ...
รัตติกาลย่อตัวลงเผชิญหน้ากับทิวาด้วยรอยยิ้มแสยะ
“ผมจะถือว่าคุณมาไม่ทันได้รึเปล่า”
“มาตั้งเป็นชั่วโมงแล้ว” ทิวาตอบเสียงแผ่วเบา ซุกหน้าลงกับเข่าอีกครั้ง
“แล้วทำไมไม่กดดอร์โฟน มานั่งตรงนี้ทำไม”
“ผม...ผมไม่กล้า”
เสียงผะแผ่วตอบกลับ รัตติกาลถอนหายใจยาวเหยียด ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะหิ้วปีกร่างบางทั้งสองข้างให้ขึ้นยืนอย่างง่ายดาย ต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะห้ามใจไม่ให้ซุกหน้าลงกับซอกขอขาวที่เขายังจำกลิ่นหอมๆ ได้ติดจมูก
ทิวาเดินตามร่างหนาเข้าห้องไปโดยไม่คิดจะพูดอะไร เขาเอาแต่ก้มหน้ามองพื้นกระเบื้องแผ่นใหญ่สีครีมไปตามทาง มืออุ่นๆ ที่จับจูงเขาออกแรงกระตุกบ้างยามเขาลังเลที่จะก้าวต่อไป จนประตูบานสุดท้ายที่เขาก้าวผ่านเข้ามาปิดลง ทิวาจึงเงยหน้าขึ้นมองรอบตัว
เพียงแค่เห็นเตียงใหญ่อยู่ตรงหน้า ใบหน้าที่ว่าขาวแล้วก็ดูเหมือนจะซีดเซียวจนไร้สีเลือด ไม่ต้องให้ใครมาแนะแนวทิวาก็พอจะรู้ได้ว่าเจตนาของรัตติกาลในยามนี้คืออะไร และก็ทันทีทันใด ฝ่ามือหนาเริ่มลูบไล้ตามช่วงเอวผ่านเสื้อเชิ้ตทำงานสีฟ้าอ่อน จากด้านข้างลูบไล้ไปตามหน้าท้อง และแผ่นหลังเขาก็สัมผัสกับความอุ่นร้อนของผิวกาย ทิวาขนลุกกับใบหน้าที่ซุกซบกับซอกคอจากด้านหลังจนต้องเบี่ยงหน้าหนี แต่กลายเป็นการเปิดทางให้ชายหนุ่มอีกคนตักตวงความหอมจากผิวเนื้อได้อย่างเต็มที่
“หอมจัง”
ทิวากัดฟันกรอดกับคำชมแผ่วเบาราวกับเสียงละเมอ
“คุยกันก่อน”
“ไม่” พูดอย่างเด็กเอาแต่ใจแล้วก็ไล้ริมฝีปากไปตามลำคอของเขา ส่งเสียงเครืออย่างพึงพอใจ
“ต้องคุย เดี๋ยวนี้” ทิวาพูดอีกครั้งด้วยเสียงที่เข้มและดังกว่าเดิม จนคนที่กำลังอยู่ในห้วงอารมณ์จิ๊ปากอย่างขัดใจ ทันทีที่ร่างถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ทิวาจึงหันตัวเพื่อเผชิญหน้ากับรัตติกาล ใบหน้าเชิดขึ้นเพื่อที่จะได้สบตากันได้อย่างเต็มที่
“ต้อง...ต้องนานขนาดไหนถึงจะพอ”
“ก็บอกแล้วไง...จนกว่าผมจะเบื่อ” รัตติกาลว่าด้วยรอยยิ้มติดมุมปาก ก้มหน้าหวังจะหอมแก้มเนียนหากถูกมือบางดันหน้าไว้เสียก่อน
“ผมต้องการเวลาที่แน่นอน”
“อืม...”
ทิวาจับจ้องร่างหนาที่ยืดตัวขึ้นเต็มความสูงพลางเกาคางใช้ความคิด สายตาคมจับจ้องที่ใบหน้าเขา ไล่ลงไปตามร่างกายและวนขึ้นมาใหม่ เอาแต่ทำแบบนั้นจนทิวาแทบอยากจะแทรกตัวหนีให้หายไปจากตรงนี้
“ปกติไม่เกินสองอาทิตย์ผมก็เบื่อแล้ว แต่สำหรับคุณ...ผมขอเดือนนึง”
เดือนนึง!! สิ่งศักดิ์สิทธิ์ นี่เขาต้องยอมผู้ชายด้วยกันตั้งนานขนาดนั้น ศักดิ์ศรีความเป็นชายของเขาจะไปอยู่ที่ไหน คิ้วเรียวขมวดมุ่นขึ้นทันทีด้วยความไม่พอใจ
“นานไป”
“ผมบอกให้คุณต่อรองได้รึไง ลืมไปรึเปล่าว่าผมไม่ได้บังคับคุณ”
“แต่ไอ้ที่คุณเอามาขู่มันก็ไม่ได้เหลือทางให้ผมเลือกเลยไม่ใช่หรอ”
ทิวาแทบอยากจะหาอะไรฟาดหน้าให้ไอ้รอยยิ้มมุมปากกวนเบื้องล่างนั่นหายไปเสียจริง กัดปากปัดฟันไปตาก็มองตามการก้าวย่างของรัตติกาล จนร่างสูงมาหย่อนตัวลงกับที่นอนนุ่มๆ นั่นแหละ สิ่งที่เขากลัวก็กลับมาอีกครั้ง
รัตติกาลกวักมือเรียกร่างโปร่งที่ยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ เจ้าตัวจะรู้ไหมว่าทำหน้าได้ตลกแค่ไหน ตาเหยี่ยวคู่สวยเบิกโตกว่าที่เคย ริมฝีปากบางอ้าอวดความชุ่มชื่นจนเขาคิดอกุศล
“อย่าช้าน่า”
ทิวาร้องเบาๆ อย่างขัดใจ แต่ก็ต้องจำใจเดินเข้ามาหาเขา ร่างโปร่งหยุดยืนตรงหน้าหว่างขาเขาพอดิบพอดี รัตติกาลเงยหน้าขึ้นเผยรอยยิ้มพอใจ ยิ้มกว้างมากขึ้นเมื่อทิวาสะบัดหน้าหนีสายตาเขาไปอีกทาง
“จะทำอะไรก็รีบๆ ทำ”
รัตติกาลอมยิ้มเหมือนคนบ้า ปลายนิ้วแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตทีละเม็ดจากด้านล่างขึ้นไป ทุกครั้งที่กระดุมถูกปลด สาบเสื้อก็แยกออกจากกัน เผยให้เห็นหน้าท้องแบนราบสีขาวที่เขาเคยสัมผัสแล้วว่าเนียนเรียบนุ่มมือแค่ไหน จนเมื่อกระดุมเม็ดสุดท้ายหลุดจากรังดุม เขาก็เอื้อมมือปลดเสื้อออกช้าๆ ยั่วเย้าอีกฝ่ายที่ตอนนี้ทำสีหน้าราวกับจะตายเสียให้ได้
ผิวขาวกระจ่างตา ที่แค่มองก็ปลุกอารมณ์เขาให้ลุกพรึบราวกับไฟติด อดไม่ได้ที่จะยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ผิวเนื้ออุ่นที่กรุ่นกลิ่นหอมเจือจาง หลังจากเชยชมด้วยสายตาจนพอใจ เป้าหมายต่อไปคือกางเกงขายาวที่มีปราการเป็นเข็มขัดหนัง แต่นั่นก็ไม่ยากเกินความสามารถเพราะไม่นานกางเกงพอดีตัวก็หล่นไปกองอยู่กับพื้น ตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวของทิวาก็เหลือเพียงแค่ชั้นในแบบบรีฟส์สีเข้ม แต่ในขณะที่เขากำลังจะจัดการปราการท่านชายนั่นไปให้พ้นทาง มือบางก็จับมือเขาเสียแน่นทั้งสองข้าง
“ไม่ต้องกลัว”
รัตติกาลรั้งเอวบางเข้ามากอดก่อนจะตวัดร่างบางให้พลิกตัวล้มลงไปกับที่นอนที่สปริงดีเลิศสมราคา ยังไม่ทันที่ร่างบางจะหยุดเด้งเพราะแรงกระแทก รัตติกาลก็กระโจนเข้าทาบทับทันที สายตาสองคู่สบกันชั่ววินาทีก่อนที่คนจิตอ่อนกว่าจะเบือนใบหน้าหนีไปอีกด้านไม่ยอมสบตาเขาอีกครั้ง อาการรังเกียจอย่างไม่ปิดบังของทิวาสร้างความหมั่นไส้จนอยากจะทำให้คนไม่เต็มใจร้องครางไม่หยุด มือหนาแตะลงกับหน้าท้องเรียบ ไต่นิ้วยั่วยวนไปตามทางลงไปสู่จุดหรรษา
“อื๊อ!!” ทันทีทีมือล้วงผ่านขอบยางไปจับตัวประกัน เสียงร้องประท้วงก็ดังขึ้นจากเรียวปากบางที่เม้มแน่น ยิ่งเขาคลึงมือเล่นกับแท่งเนื้ออ่อน มือไม้ของทิวาก็ปัดป่ายพยายามขับไล่มือของเขาให้ออกไป
“อย่าจับ!”
“ไม่จับแล้วมันจะไปต่อได้ยังไงเล่าคุณ”
ทิวากัดริมฝีปากแน่น ร่างกายต่อต้านไปทุกสัมผัส มันสั่นระริกจนพาลอยากจะปัดมือนั้นทิ้งให้พ้นตัว แต่ในเมื่อไม่สามารถทำอย่างที่ต้องการได้ก็ได้แต่อดกลั้นให้ถึงที่สุด
สิ่งปกปิดร่างกายชิ้นสุดท้ายถูกปลดออกไปในที่สุด อากาศเย็นของเครื่องปรับอากาศไปได้ทำให้ทิวาสะท้านไปกว่าความอายที่เกิดขึ้น เขาไม่รู้จะพลิกตัวไปทางไหนดีให้พ้นสายตาที่จับจ้องราวกับว่าเขาเป็นของหวาน รัตติกาลไม่ได้ปิดบังความกระหายสัมผัสในแววตาเอาเสียเลย สายตาคู่คมโลมเลียไปทั่วทั้งตัวไม่ต่างกับฝ่ามือที่บรรจงลูบไล้ตามผิวกาย
“พ...พอได้แล้ว! รีบทำให้มันจบซะที” เสียงที่ออกมาไม่ต่างจากเสียงกระซิบ
“ใจร้อนจัง อยากโดนมากขนาดนั้นเชียว”
ร่างบางสะบัดหน้าหนีรอยยิ้มยั่ว เขาจะไม่ต่อความยาวสาวความยืดให้ต้องเจอคำพูดทำร้ายตัวเองอีก
“หันมาสิ อ้าปากด้วย”
รัตติกาลจับแก้มเขาเพื่อพลิกใบหน้าแล้วประทับริมฝีปากลงมา ความนุ่มนิ่มบดเบียดไปมา ทิวาหลับตาปี๋รับริมฝีปากที่บิดพลิ้วจุบซับไปทั่วใบหน้าแล้ววนกลับมาผสานกันอีกครั้ง ปลายลิ้นร้อนแลบเลียไปตามเส้นหยัก ฉกลิ้นเข้าไปและออกมา ก่อนจะฝังลิ้นเข้าไปในปากลูบไล้เพดานปาก ไม่มีส่วนไหนที่ปลายลิ้นจะไม่เข้าไปสัมผัส
“อื้อ...”
ภายในปากที่กำลังถูกลิ้นร้อนรุกราน ภายนอกก็ถูกมืออุ่นลากไล้ไปทั่ว เสียงเสื้อถูกถอดออกก่อนที่ผิวกายแน่นตึงจะแนบกับร่างกาย มือใหญ่ลูบไปตามเอวไล้ลงบั้นท้ายบีบนวดเบาๆ จนทิวาแทบจะกลั้นเสียงกระเส่าเอาไว้ไม่อยู่ ตอนนี้ลิ้นเขาถูกดูดดึงให้เข้าไปอยู่ในปากอีกฝ่ายรัดรึงจนเขาหัวหมุน
“มะ ไม่ ไม่เอา อืม”
หน้าอกแบนๆ ไร้ก้อนเนื้อนูนแต่กลับถูกใจคนสัมผัสเพราะฝ่ามือคลึงเค้น ปัดป่ายยอดอกที่เริ่มแข็งสู้มือ มือที่ยันไหล่หนาไว้เริ่มโรยแรง มันไม่ควรเป็นแบบนี้ แม้จิตใจจะต่อต้านสักแค่ไหน แต่ร่างกายกลับเริ่มจะอ่อนระทวยไปกับความเชี่ยวที่เขาเองก็ไม่อยากจะยอมรับ
“ไม่ดีหรอ หื๊ม? ไหนๆ มาดูหลักฐานกันดีกว่า” รัตติกาลพึมพำติดริมฝีปาก และเริ่มไล้มือลงไปหาหลักฐานที่กลางตัวเขา คราวนี้เพียงแค่กอบกุมเคลื่อนไหวไม่เท่าไหร่ส่วนสำคัญก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง เหมือนจะถูกใจคนทำเพราะฝ่ามืออุ่นยิ่งเคลื่อนไหวมากขึ้นจนกระทั่งเขาอยู่ในสภาพพร้อมรบ
เสียงหัวเราะขึ้นจมูกของรัตติกาลทำให้ทิวาอยากตาย มันอับอายที่ร่างกายไม่เชื่อฟังและคอยจะตอบสนองทุกการเล้าโลม
“แป๊บนะครับ” จูบหนักๆหนึ่งทีแล้วผละจากร่างหอมหวนบนเตียง รัตติกาลรีบตรงไปที่โต๊ะเครื่องแป้งหยิบอุปกรณ์ทั้งหลายแหล่ด้วยความรวดเร็วและวางทั้งหมดลงบนหัวเตียง จัดการถอดกางเกงทิ้งก่อนจะรีบขึ้นไปคล่อมร่างบางที่นอนหนีบขาเสียแน่น ริมฝีปากเม้มแน่นพอๆกับดวงตา
รัตติกาลลูบไล้ช่วงขาเรียวสวยออกแรงแยกจากกัน แม้จะมีแรงต้านจากร่างบางแต่ก็ไม่เกินความสามารถที่เขาจะแทรกตัวเข้าไปได้ ทิวาต่อต้านทันทีโดยการพยายามหนีบขาเข้าหากันอีกครั้งโดยที่ไม่ได้สำเหนียกเลยว่าตัวเขาขวางกลางอยู่
“อ้าขาสิครับ”
ทิวาอยากจะร้องไห้ เขาไม่ได้ทำตามคำสั่งแต่ก็ใช่ว่าร่างหนาจะใส่ใจ เพราะมืออุ่นร้อนนั้นจับเข่าของเขาให้แยกกว้าง ไม่เคยคิดเลยว่าในชีวิตนี้จะต้องมานอนในท่านี้ นอนอ้าขาให้ผู้ชายด้วยกัน...
“อย่าเกร็งนะ”
ทิวาหลับตาแน่นเมื่อรู้สึกเย็นวาบที่ช่องทาง ปลายนิ้วถูวนจนกล้ามเนื้อเริ่มอ่อนตัว เขาผลักดันไหล่หนาด้วยแรงทั้งหมดที่มีทันทีที่ช่องทางถูกล่วงล้ำด้วยนิ้วแข็ง
“สูดหายใจเข้าลึกๆ ถ้าไม่อยากเจ็บ”
ร่างบางไม่สนคำแนะนำที่เหมือนเอาไม้ฟาดหน้ากันแบบนั้น เขาทำไม่ได้เพราะมันเจ็บไปแล้ว แม้จะเคยถูกล่วงล้ำมาก่อน แต่นั่นในขณะที่เขามีสติไม่ครบถ้วนไม่เหมือนตอนนี้ที่เขารู้ได้ถึงทุกสัมผัสที่ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาขยับไหวอยู่ภายใน
“เจ็บ... ไม่เอา” เขาบอกเสียงแผ่วก่อนจะถูกริมฝีปากดูดกลืนเสียง รัตติกาลไล่งับปากเขาโดยไม่ได้สอดลิ้นเข้ามาหากแต่ขบดูดสูดอากาศเขาแทน ทิวาหอบเหนื่อยเหมือนคนใกล้หมดแรง ร่างกายบิดหนีการรุนรานแต่เหมือนยิ่งเข้าทางของรัตติกาล เพราะชายหนุ่มกลับส่งนิ้วเพิ่มเข้ามาขยับเข้าออก หมุนควงขยับขยายช่องทาง
“อ๊ะ!!!” ทิวาร้องครางสุดเสียงเมื่อความเสียงกระสันแล่นปราดไปทั่วร่าง รัตติกาลยิ้มอย่างพอใจขยับนิ้วไปมาที่ตำแหน่งเดิม “ไม่ อ๊ะ อ๊ะ อื๊อ”
ทิวาเหมือนคนหน้ามืดสมองเบลอ ผิวเนื้อถูกไซ้จนรู้สึกเจ็บแต่นั่นไม่เท่ากับส่วนล่างที่ถูกนิ้วชำแรกกระแทกถี่ๆจนร่างสั่นคลอน ทิวาไม่สามารถกลั้นเสียงร้องได้อีกเลยหลังจากจุดกระสันถูกกระตุ้นซ้ำไปซ้ำมา
“พร้อมนะ”
ส่วนปลายแข็งขืนจ่อวนหน้าช่องทางทันทีที่นิ้วมือถูกถอนออกไป ทิวาจิกเล็บกับไหล่หนาเสียแน่นเมื่อร่างกายกำลังถูกสอดแทรกด้วยส่วนที่ใหญ่โต เพียงแค่ส่วนหัวดื้อรั้นเข้าไปน้ำตาของทิวาก็ไหลรินอย่างไม่อาย ความเจ็บปวดราวกับร่างถูกแยกทำให้เขาเกร็งตัวบิดร่างไปมาอย่างทรมาน
“ใจเย็นๆ ผ่อนลมหายใจ” มือแข้งแรงเกี่ยวขาของเขาให้ยกขึ้นสูง เคลื่อนกายเข้ามาทาบทับอย่างเชื่องช้า ตลอดการเคลื่อนตัว ร่างสูงส่งเสียงครางฮึมในคอเป็นระยะ
“พอแล้ว …ออกไปเถอะ”
“ซี๊ดดด...อย่าเกร็งสิทิวา”
“ไม่...อื้อ!! โอ๊ยๆ” เหมือนจะเกินจะอดทนเมื่อรัตติกาลกระแทกแก่นกายเข้ามาทีเดียวจนสุดทาง
“เจ็บนะ!! ฮือ ฮือ”
“โอ๋ๆ เจ็บทีเดียวไง”
ทิวาหลุดเสียงร้องไห้ในทันทีที่ผิวเนื้อด้านล่างบดเบียดกัน มือหนาเอื้อมซับน้ำตาให้ กรีดปลายนิ้วบางเบาลูบไล้ผิวแก้มชื้น ก่อนจะโน้มตัวจนหน้าท้องแนบชิดเพื่อจูบริมฝีปาก ยิ่งร่างหนาแนบสนิทเท่าไหร่ทิวาเหมือนจะตายให้ได้เพราะส่วนที่ค้างคาข้างในยิ่งลึกล้ำกว่าเดิม
“แน่นมากเลย ทิวาครับ ดีขึ้นรึยัง”
เสียงกระซิบปนเสียงกระเส่าดังข้างหู ลมหายใจร้อนผะแผ่วจนต้องย่นคอหนี
“อ๊ะ อ๊ะ ยะ อย่า”
ริมฝีปากจูบไซ้ลิ้มรสผิวเนื้อนุ่ม ทิวาผวากอดคอของอีกคนเสียแน่นเมื่อแก่นกายเริ่มเคลื่อนไหวทั้งที่หน้าท้องยังแนบสนิท จากเชื่องช้าไปจนจังหวะที่ทำให้ร่างสั่นไหว ส่วนอ่อนไหวของเขาที่สิ้นแรงเพราะความเจ็บปวดกลับมาแข็งแรงอีกครั้งจากการเสียดสีของแผ่นท้องแกร่ง
“อืม... ทิวา...อา”
“อ๊ะ อ๊ะ”
“ซี๊ดด อืม... เอาจริงล่ะนะ”
สิ้นคำของรัตติกาลพร้อมผิวเนื้อที่ผละไป ร่างของทิวาก็แทบไม่หยุดนิ่ง แรงกระแทกอัดแรงจนเสียงร้องครางดังก้องไปทั่วทั้งห้อง มือปัดป่ายไม่รู้จะเอาไปวางไว้ที่ไหน จนคนออกแรงต้องจับให้คล้องไว้รอบคอและเดินเครื่องพร้อมกับเสียงครางอย่างมีความสุขในลำคอ
ทิวาไม่รับรู้อะไรอีกแล้วนอกจากการเคลื่อนไหวรัวแรงในตัวกับเสียงเนื้อกระทบกันอย่างหน้าอับอาย น้ำตาไหลจากหางตาด้วยความรู้สึกมากมายประดังแระเดขึ้นมาแต่ก็ถูกลิ้นร้อนเลียซับ รัตติกาลฝังใบหน้ากับซอกคอของเขาจูบไซ้จนลืมความเจ็บไปได้ แม้ไม่มากแต่ก็มากพอที่ทิวาจะเผลอไผลออกแรงรัดลำคอหนาให้แน่นขึ้น ร้องครางเสียงพร่าติดใบหู
“ทิวา อา...”
“อ๊า อ่ะ อ่ะ อ่ะ อ๊ะ”
ริมฝีปากบดเบียดแนบสนิทอีกครั้ง แต่คราวนี้ต่างกันตรงที่ปลายลิ้นดูดดึงกันและกันด้วยแรงอารมณ์ที่เกินจะต้านทาน
“เรียกชื่อหน่อยสิ” พึมพำติดริมฝีปาก “เรียกสิทิว”
“แฮ่กๆ อ่ะ รัต อ่ะ อ่ะ รัตติกาล”
“ผมชื่อเดียว อา...เรียกสิครับ”
ทิวากลั้นหายใจรับแรงกระแทกกระทั้นที่เหมือนกับว่าช่องทางคงได้เจ็บปวดกว่าที่เคยเป็นมาก่อนหลังจากทุกอย่างสงบลง ใบหน้าสวยซุกกับไหล่กว้าง ออกแรงกัดลาดไหล่จนร่างสูงร้องครางด้วยความเจ็บ แต่ก็ไม่สามารถหยุดเพลิงร้อนที่กำลังลุกไหม้อยู่ได้
“ทิว... ทิว... อา”
“อ่ะ อ่ะ อ่ะ อ๊ะ โอ๊ย!!”
แก่นกายถอนออกไปอย่างรวดเร็วจนเหมือนจะกระชากอะไรๆออกไปด้วย ร่างทิวาถูกพลิกกลับอย่างรวดเร็ว ในห้วงของความตกใจเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น แผดเสียงเรียกร้องความสนใจ แต่เจ้าของกลับปล่อยให้มันดังประกอบสงครามบนเตียงไปแบบนั้น บั้นท้ายถูกยกขึ้น ใบหน้าแนบยู่กับหมอนหวีดร้องเสียงหลงยามแก่นกายเดิมกระแทกเข้ามาสุดตัว จุกจนพูดไม่ออกแต่ร่างหนาก็ไม่ได้ปล่อยให้เขาคลายความอึดอัดเพราะสะโพกหนาเริ่มเคลื่อนไหวรุนแรงอีกครั้ง
“โอ๊ย บะ เบา อ่ะ อ่ะ”
ทิวากำผ้าปูที่นอนแน่นหัวสั่นหัวคลอนกับความรุนแรงที่ไม่มีวี่แววจะเบาลง มือหนาช้อนใต้แขนเขาดึงร่างให้ยืดขึ้นยืนเข่ารับแรงแทรกกาย แผ่นหลังแนบกับความอุ่นร้อนของผิวเนื้อสนิทแน่น มือใหญ่ลูบไล้ไปตามหน้าท้องแผ่นอกบีบรัดยอดอกชูชันจนเจ้าของเสียววาบ ฝ่ามืออีกข้างลากลงไปยังกึ่งกลางตัวที่ผงาดเพราะแรงอารมณ์ กอบกุมขยับขึ้นลงจนทิวาแอ่นกายครางกระเส่า ผินหน้าซุกกับซอกคอของรัตติกาลจูบซับอย่างลืมตัว
“โอย ทิวครับ ซี๊ดดด”
“อา อา ดะ เดียว”
รัตติกาลยิ้มแก้มแทบปริยามได้ยินชื่อตัวเองหลุดลอดออกมาจากริมฝีปากบางผสานไปกับเสียงครางอย่างเร้าใจ จมูกโด่งสูดดมกลิ่นหอมตามซอกคอ ลาดไหล่สวย อดใจไม่ได้ที่จะสร้างรอยตีตรา
“มะ ไม่ไหวแล้ว อ่ะ อ่ะ”
ช่องทางร้อนตอดรัดยิ่งกว่าเดิมเมื่อรางบางใกล้จุดหมายเข้าไปทุกที เขาครางเสียงหลงยามแก่นกายภายในแทบจะขยับเขยื้อนไม่ได้ ผนังนุ่มบีบรัดไปทั้งลำ เสียวกระสันอย่างที่ไม่เคยพบเจอกับใคร
“ไปแล้ว!! ปล่อย”
รัตติกาลรีบชักพาความร้อนผ่าวในมือ ไม่นานร่างบางในอ้อมกอดก็เกร็งกระตุกเฮือกพ่นน้ำรักเต็มฝ่ามือเขา ช่องทางตอดรัดถี่ๆ จนเขาคำรามต่ำอย่างสุขสม เขารีบรัวมือให้น้ำรักออกจนหมด ร่างบางอ่อนระทวยสิ้นแรง เขาปล่อยให้ทิวาฟุบหน้าลงกับหมอน ยกสะโพกงอนสวยให้สูงได้ระดับแล้วจัดการกระแทกกายไม่คิดชีวิตเพื่อที่จะพาตัวเองให้ถึงฝั่งบ้าง
“เดียว โอ๊ย อ่ะ อ่ะ อ่ะ”
“อา ทิว อีกนิด”
เขาแทรกตัวเน้นๆ หนักๆ อีกเกือบสิบครั้งก่อนจะเกร็งร่างกระตุกเฮือก ปลดปล่อยหยาดพันธุ์เข้าไปในช่องทางให้ลึกที่สุด
“อืม...ทิวครับ” เขายังคงเคลื่อนแก่นกายที่ยังไม่อ่อนตัวลงเชื่องช้า แนบใบหน้ากับแผ่นหลังนวลเนียน เขาสร้างรอยประทับไปทั่วทุกที่ที่ริมฝีปากหยุดลง
“คืนนี้ยังอีกยาวเนอะ” เลื่อนตัวขึ้นเพื่อบอกร่างอ่อนแรงติดริมหู พรุ่งนี้เขาคงโดนชิงพลบกับกิตติโทรมาหาแต่เช้า แต่จะโวยวายหรืออะไรก็ช่างแล้วในตอนนี้ ในเมื่อกายเขายังฝังอยู่ในความนุ่มรอดที่ตอดรัดไม่หยุดแรง ร่างกายของทิวาสร้างความสุขสมให้เขาได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ทั้งที่คิดไว้ว่ามันอาจจะไม่รู้สึกเท่าครั้งแรก แต่กลับผิดคาด
มันดียิ่งกว่าครั้งแรกเสียอีก
ดีจนไม่รู้ว่าค่ำคืนนี้เขาจะปล่อยร่างบางให้เป็นอิสระได้เมื่อไหร่ ___________________________
TBC.
__________________________________________
อ๊ายย!!!!
ขอโทษที่มาช้านะคะ
แบบว่าคิดฉากNCไม่ออกจริง เขียนไม่เป็นเลยอาจจะดูแปลกๆนะคะ ขอโทษด้วยค่ะ
ขอบคุณกระแสอยากตื๊บพระเอกนะคะ แต่ละคอมเม้นสุดยอดจริงๆ
รัตติกาลจะน่าตบไปอีกสักพักค่ะ แต่สุดท้ายขอนอนยันเลยว่า กรรมมันจะตามสนอง โฮะโฮะ
รักคนอ่าน
รักคนเม้น
Untill we meet agaiN