@@โดย Luk {สงครามทะเลทราย..ศึกเทพมหาธาตุ} @@ 1/3/57 # P.64...END++++
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: @@โดย Luk {สงครามทะเลทราย..ศึกเทพมหาธาตุ} @@ 1/3/57 # P.64...END++++  (อ่าน 623868 ครั้ง)

@Lucifer_Prince@

  • บุคคลทั่วไป
นั่งรอนอนรอด้วยคนคัฟ^^

ออฟไลน์ Mancha KHIRI

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2

ต้นสน

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ Sorso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 789
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-3

ออฟไลน์ luxilove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2415/-118
สงครามทะเลทราย..ศึกเทพมหาธาตุ
Part 17...ภัยในมุมมืด




“นางติดต่อมาหรือยัง”

“ยัง..แต่สายรายงานมา นางได้รับการต้อนรับมิเป็นปัญหาอันใด น้องชายนางหาได้สงสัยไม่
นางพำนักอยู่ตำหนักวายุภักษ์ ร่วมกับมารดาของเจ้าหนุ่มนั่น”

“ห้าราตรีแล้ว ท่านสมควรติดตามไต่ถามความคืบหน้าได้กระมัง ไตรคานส่งเทียบเชิญไปยังนครน้อยใหญ่
ให้เหล่าทูตานุทูตพร้อมผู้นำนครเข้าร่วมพิธีอภิเษกสมรสของวายุภักกษ์กับเจ้าหนุ่มนั่น จักจัดเพ็ญ 15 ค่ำ
อีกไม่กี่ทิวานี้แล้ว ไม่เว้นกระทั่งนครใต้อาณัติของเราก็ได้รับเทียบเชิญด้วย เยี่ยงนี้ใยมิบ่งบอกกลใน
พวกมันมั่นใจจักอาศัยงานมงคลครั้งนี้ แจ้งนครเหล่านั้นรับทราบการถือกำเนิดของจตุรเทพมหาธาตุ
ในกายของวายุภักษ์และเจ้าหนุ่มนั่น ไปพร้อมกับงานมงคลหนนี้เสียกระมัง”

“เรื่องนั้นข้าย่อมทราบ ข้าต้องการให้มันสองคนเป็นศัตรูกันเอง ย่อมต้องพึ่งพานางแล้ว
คืนนี้ข้าจะทำพิธีติดต่อนางผ่านมนตราสะกดวิญญาณในห้วงฝัน บริวารของเจ้าจักสามารถนำข้าพบนางในความฝัน
โดยมิเป็นปัญหาอันใด เจ้าว่าเยี่ยงไรเล่าน้องหญิง”

“เรื่องนั้นท่านมิต้องเป็นกังวล ตะขาบแก้วของข้าเพาะเลี้ยงในกายนางตั้งแต่เยาว์วัย
นับเพลาจนถึงขณะนี้นางอายุ 20 ชันษา ตะขาบของข้าดูดซับพลังเทพมหาธาตุของนางมาจนหมด
นับจากนี้หากนางเรียกใช้พลังย่อมเกิดผลต่อร่างกายนางแล้ว รอให้นางกลับมาก่อน ข้าจักได้ดำเนินการให้เสร็จสิ้นกันเสียที
ท่านกับข้าสมควรได้ล้างอายให้บรรพบุรษ เราสองคนต่างรอคอยมานาน ล้วนเจ็บปวดทรมานนับไม่ถ้วน
สายพระญาติของข้าพลอยตกต่ำ พระบิดามารดาต้องจมอยู่กับการถูกกดขี่ถูกตราหน้าว่าเป็นทรราชกระทั่งสิ้นพระชนม์ชีพ
ข้าจักกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ท่านเองคงมิลืมกระมัง ต้นตระกูลท่านคืออำมาตย์ผู้จงรักภักดี
ของอดีตกษัตริย์เวฬุวรรณนครแต่บรรพกาล กลับถูกใส่ร้ายจนถูกขับไปอยู่ดินแดนทุรกันดารให้ใช้แรงงานเยี่ยงทาส
หากไม่ได้พระบิดาข้านำพวกท่านมาร่วมอุดมการณ์ด้วย เราสองคนคงไม่มีวันนี้กันกระมัง
ทุกอย่างล้วนเป็นเพราะเชื้อสายเวฬุวรรณและไตรคานทั้งสิ้น ที่ทำให้บรรพบุรุษข้า
กลายเป็นปีศาจในตำนานเล่าขานอย่างไม่จบสิ้น รอข้าได้ตะขาบแก้วจากตัวนางเสียก่อน
หลังผ่านพิธีข้าจักกลายเป็นผู้ถือครองเทพมหาธาตุ ถึงเพลานั้นย่อมสามารถรับมือได้ทุกผู้คน ใยต้องเกรงกลัวผู้ใดอีก
แม้นมิใช่จตุรธาตุแต่ข้าหาได้หวั่นเกรง อย่าลืมแจ้งผลการปรับเปลี่ยนแผนของเราต่อนาง นำตัวน้องชายนางกลับเวฬุวรรณ
สายเลือดบริสุทธิ์จตุรเทพมหาธาตุของมัน จะทำให้ข้าเป็นอมตะยิ่งใหญ่ตลอดกาล..หึหึ!”

“ข้าไม่ลืมดอก..ยังไงนางย่อมกระทำตามเรา ตะขาบแก้วในกายนางที่เจ้าใช้มนตรากำกับ
สามารถสร้างความทุกข์ทรมานให้นางเจ็บปวดเจียนตาย มีหรือจักบิดพลิ้วตีตัวออกห่างไปได้ ต่อให้เลือดข้นกว่าน้ำ
แต่ข้าไม่เห็นผู้ใดไม่รักชีวิต ยิ่งชลธารแล้วนางหาใช่สตรีที่ยอมสละชีวิตให้กับผู้ใด  มีหรือนางจะทรยศหักหลังพวกเรากันเล่า”

“คิกคิก!..ท่านกล้ากล่าววาจาเยี่ยงนี้ มิใช่ท่านหรือที่เลี้ยงดูนางมา เป็นท่านปลูกฝังนิสัยชั่วร้ายต่อนางแล้ว”
เสียงหัวเราะสรวล ฟังดูมีความสุข

“หึหึ! เจ้ากลับประชดข้า มิใช่เป็นเจ้าวางแผนหรอกหรือ ข้าเพียงกระทำตามเจ้าดอกน้องหญิง ใยขบขันข้าเยี่ยงนี้”

“ท่านกลับกล่าวหาข้าอันใด เป็นท่านมากฝีมือนางถึงได้ถอดแบบนิสัยใจคอท่านมาไม่ผิดเพี้ยน ขาดแต่ปัญญากลับไม่ล้ำลึก
ยอมเป็นหมากให้เราใช้เยี่ยงนี้ เลิกพูดถึงนางเถิด ธรณิณโอรสเราเล่า หลังยกทัพกลับมาข้าพบหน้าเพียงหนเดียว
เจ้าลูกคนนี้เหลวไหลนัก ได้ข่าวเอาแต่ขลุกอยู่ในตำหนัก หรือองครักษ์หนุ่มผู้เป็นเชลยยังไม่รู้สึกเบื่อ
ต่อให้โอรสข้ามักมากไม่เว้นกระทั่งบุรุษสตรี แต่มิเคยให้ความสนใจผู้ใดยาวนานเยี่ยงนี้มาก่อน
ท่านอย่าได้ปล่อยปละละเลยจนกลายเป็นปัญหา”

“เจ้ากลับโบ้ยให้ข้า ใยมิเป็นเพราะเจ้ารักตามใจธรณิณจนเสียคน  แม้แต่ข้าผู้เป็นพ่อกลับไม่เชื่อฟังกันแล้ว
เอาเถิดข้าจักเรียกมาตักเตือน หากเหลือบ่ากว่าแรง คงต้องพึ่งให้เจ้าจัดการกันเอง”
บทสนทนาภายในห้องบรรทมพระปิตุลากับพระปิตุจฉา ซึ่งน้อยคนนักจักได้ยลพระพักตร์
ตำหนักแห่งนี้เป็นสถานที่ต้องห้าม มิว่าผู้ใดล้วนไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามา ยกเว้นนางกำนัลรับใช้ใกล้ชิด
มีอยู่ไม่กี่คนล้วนเป็นผู้ที่พระปิจตุฉาคัดเลือกด้วยพระองค์เองทั้งสิ้น

บรรดาขุนนางอำมาตย์ ตลอดจนข้าราชบริพารระดับสูงกลับไม่กล้ายกเป็นประเด็นพูดคุย ถือเป็นเรื่องต้องห้ามอันดับแรก
พระนางมักเก็บวรองค์ไม่ออกสโมสรในเทศกาล ยังพอมีบ้างที่เผยโฉมต่อธารกำนัลในงานพิธีบวงสรวงบรรพบุรุษ
พวกเขาต่างยอมรับในพระศิริโฉมงดงามผิดวัยไปมากโข กลายเป็นเสียงลือเล่าอ้างพักใหญ่
ส่วนรากฐานต้นกำเนิดของวงศ์ตระกูล ต่างเชื่อว่าพระนางคือราชนิกุลเชื้อพระวงศ์สูงศักดิ์ ที่ไม่รู้พื้นเพมาจากสายใด
แม้นไม่ใช่ย่อมไม่สามารถตั้งพระครรภ์ จนประสูติทายาทเป็นถึงผู้ถือครองเทพมหาธาตุดังองค์ชายธรณิณ
พระโอรสผู้ถือครองเทพมหาธาตุธรณีได้กระมัง กระนั้นก็ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ถึงรากเง้าของพระปิตุจฉา

“เจ้าจ้องข้าใย หรือไม่พอใจที่ข้าข่มเหง” พระสุรเสียงทุ้มห้าวเปล่งจากโอษฐ์หยัก
วรองค์ผึ่งผายอุดมด้วยกล้ามเนื้อสมเป็นนักรบผู้ชาญศึก ผิวสุกปลั่งดั่งทองแดง
ชวนให้ครั่นคร้ามแลน่าเกรงขามอยู่ไม่น้อย พักตร์คมคายเป็นที่ชื่นชมแก่เหล่าอิสตรีน้อยใหญ่
ทรงกำลังสนุกที่ได้กลั่นแกล้งบุรุษซึ่งเก่งกาจในการปั้นแต่งสีหน้าให้นิ่งดุจศิลา..

“หึ! ข้าถามเจ้าใยมิตอบ หรือต้องการให้ข้ากระทำกับเจ้าอีกหน ข้ากลับไม่คาดคิด เจ้าเองก็มักมากในกามคุณเช่นกัน”
พออีกฝ่ายเมินไม่สนพระองค์ ยังคงวางหน้าเชิดทระนงชวนเกิดโทสะ ไม่คิดมาก่อนบุรุษที่มีตำแหน่งองครักษ์เอก
จักจองหองพองขนได้เพียงนี้ ไม่ร้องขอความเมตตาจากพระองค์เลยสักครั้ง

นึกถึงค่ำคืนที่พำนักยังไอยรานคร พระธิดาผู้เลอโฉมตามมาวอแวพระองค์ดังคาด
พระองค์สวมบทหยอกล้อต่อกระซิกกับนางภายในห้องบรรทม โดยซุกซ่อนเชลยหน้านิ่งไว้ใต้เตียง
ใช้พลังเทพมหาธาตุบังคับมิให้เคลื่อนไหว หวังยั่วให้อีกฝ่ายคลั่งใจไปด้วย
สุดท้ายกลับเป็นพระองค์เอง ที่ปฏิบัติภารกิจกับนางไม่ถึงฝั่งฝัน ไม่รู้เกิดอันใดขึ้น
ในพระทัยมีแต่คำนึงถึงรูปกายหนั่นแน่น โอบกระชับตอดรัดความต้องการดิบเถื่อนของพระองค์อยู่ตลอด
ให้ความรู้สึกดีกว่าใครนัก พระธิดากลับถึงปลายทางฉิมพลี เพียงนางเสร็จสมภิรมย์หมาย
พระองค์ไม่รีรอที่จะอัญเชิญออกจากห้องบรรทม อย่างไม่ยอมเสียเพลาอีก คล้อยหลังพระธิดา
รีบอุ้มเอาบุรุษที่จ้องพระองค์ปานจะกินเลือดกินเนื้อ มาปลดเปลื้องพระอารมณ์ที่คั่งค้าง
ร่วมเสพสังวาสดุดันประหนึ่งพายุโหมกระหน่ำต่อเนื่องถึงสามครั้ง

เสียงครางปานสัตว์บาดเจ็บของคนใต้ร่าง กระตุ้นให้พระองค์ครอบครองร่างกายที่มีรอยแผลเป็น
ให้รู้ว่าบุรุษตรงหน้าผ่านสมรภูมิคมดาบมานับไม่ถ้วน กระนั้นยังคงงดงามในสายพระเนตรนัก
ผิวกร้านแต่ไม่หยาบกระด้างเพิ่มเสน่ห์ดึงดูดขึ้นไปอีก แรงกระชับตอดรัดพระองค์จนแทบมอดไหม้
ไปกับอำนาจดำฤษณาด้วยซ้ำ

ทรงพึงพระทัยในรสชาติตัณหาที่เติมเต็ม ไม่เหลือความว่างเปล่าให้รับรู้แม้แต่น้อย
กลกะลาคือคนแรกที่ทำให้พระองค์รู้สึกเช่นนี้

หลังเดินทางกลับถึงเวฬุวรรณ พระองค์จึงทุ่มเทพละกำลังไปกับกิจกรรมยามราตรี
กับร่างกายขององครักษ์หนุ่มผู้นี้ไม่เว้นว่าง แม้จะรู้ดีว่าอีกฝ่ายหาได้เต็มใจด้วย
แต่ไม่สามารถกระทำการต่อต้านได้ พระองค์ไม่ยักทรงสงสาร มีแต่ต้องการสังวาสอย่างไม่รู้จักเพียงพอ

กลกะลาเป็นเชลยที่พระองค์กำชับนางกำนัล ให้ดูแลประหนึ่งอาคันตุกะ ทั้งอาหารเสื้อผ้าอาภรณ์ล้วนจัดให้เป็นพิเศษ
แม้จะกักขังมิให้เพ่นพ่านออกนอกตำหนัก แต่ก็หาได้ปฏิบัติดังเชลยสงครามทั่วไปพึงถูกกระทำแม้แต่น้อย
ยกเว้นการสังวาสที่พระองค์มัวเมากระหายในตัวเชลยหนุ่มจอมโอหังผู้นี้
อย่างที่ไม่เคยต้องการเยี่ยงนี้จากเชลยคนไหนมาก่อน

“เจ้าเป็นใบ้หรือเยี่ยงไร” พระองค์ชักเริ่มหงุดหงิดแล้ว หลังตรัสอันใดไร้การตอบรับ
เหมือนโยนหินลงบ่อน้ำ เกิดระลอกคลื่นแล้วคืนสู่ความสงบดังเดิม ไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงอันใด

“ใครอยู่ด้านนอก ตามผู้คนจัดอาหารขึ้นโต๊ะ” เมื่อไม่เกิดปฏิกิริยาโต้ตอบกลับมา
ก่อนจะทรงบันดาลโทสะจับคนหน้านิ่งขึ้นเตียง แล้วสำเร็จโทษให้เข็ดหลาบ
พระองค์เปลี่ยนพระทัยรับสั่งให้ตั้งโต๊ะเสวยแทน

“ได้เพลาเสวยแล้ว อย่าให้ข้าต้องอุ้มเจ้า” ไม่ใช่ดำรัสข่มขู่แน่นอน
กลกะลารู้ว่าองค์ชายผู้นี้กระทำจริงดังรับสั่ง เขาผุดลุกยืนค่อยย่างเท้าก้าวออกจากห้องบรรทม
ซึ่งมีองครักษ์ส่วนพระองค์ค้อมศีรษะเปิดประตูรออย่างรู้หน้าที่
แต่ละก้าวย่างต้องสะกดกลั้นความเจ็บระบมของบั้นท้าย 
ยังผลให้หางคิ้วเข้มขององครักษ์หนุ่มกระตุกอยู่หลายที

ถึงแม้เขาไม่ลงน้ำหนัก อาศัยทักษะฝีมือช่วยไม่ให้เป็นที่สังเกต แต่การต้องรองรับความป่าเถื่อน
ที่อีกฝ่ายรุกล้ำถือครองร่างกายเขาอย่างสมบุกสมบันร่วมสี่ราตรี นับตั้งแต่ถูกจับเป็นเชลย
ไม่ว่าจะเป็นแผลเก่าแผลใหม่ตอกย้ำซ้ำเติม ไม่ให้เวลาได้พักหายใจหายคอ เขาย่อมเจ็บปวดเรื้อรัง
กลกะลาพร่ำสะกดกลั้นบอกตัวเองไม่ให้ท้อแท้สิ้นหวัง รอโอกาสและเวลาที่เหมาะสมค่อยหนีออกจากที่นี่
เพียงแต่ตอนนี้ไม่สามารถกระทำได้ดังใจ อาวุธติดกายสักชิ้นก็ไม่มี ทรัพย์สินติดตัวกลับถูกอีกฝ่ายยึดเอาไปหมด
อาภรณ์นุ่งห่มที่ใช้อยู่นี้เป็นของที่นี่ ถึงแม้ได้รับการเอาใจใส่เกินกว่าเชลยทั่วไป กระนั้นเขาก็หาได้ชมชอบแต่อย่างใด
ในทางกลับกันคงไม่มีเชลยซึ่งเป็นบุรุษ จักถูกกระทำเยี่ยงเขาโดยน้ำมือบุคคลผู้นี้เช่นกัน

“เป็นเช่นไร ชมชอบฝีมือห้องเครื่องวังข้าหรือไม่” พระดำรัสเปิดประเด็นจากองค์ชายธรณิณ
 หลังผู้ร่วมโต๊ะเสวยได้แต่นั่งทานนิ่ง ไม่แม้แต่จะชำเลืองแลพระพักตร์ของพระองค์ด้วยซ้ำ
กลกะลายังคงไม่ตอบคำ ตักอาหารที่เขาเองยอมรับว่ารสชาติไม่แพ้ไตรคาน
สิ่งนี้เป็นตัวช่วยไม่ให้ทรุดโทรมดูแลร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรง ผู้ร่วมโต๊ะซึ่งนั่งฝั่งตรงข้ามกลับใส่ใจคุณภาพอาหาร
ที่มีคุณสมบัติบำรุงกำลังเป็นพิเศษ เหมือนจะรู้ตัวว่าต้องใช้พละกำลังไปในเรื่องใด

“หึ! ข้าจักรอดูเจ้าสามารถไม่เอ่ยวาจาได้นานแค่ไหน จนกว่าจักทนไม่ไหว
 ตัดลิ้นเจ้าให้เป็นใบ้ด้วยตัวข้าเอง ไม่เคยมีผู้ใดกล้ากระทำเช่นเจ้ามาก่อน หากมีป่านนี้ศีรษะคงหลุดจากบ่าไปแล้ว”
กลับเป็นพระองค์เสียเอง ทนผู้ร่วมโต๊ะแผ่รังสีกดดันเสมือนไม่เห็นพระองค์ทรงมีตัวตนต่อไปไม่ได้
มีเพียงกลกะลาที่กล้าหาญชาญชัยวางท่าโอหังกับพระองค์เยี่ยงนี้ โดยไม่กลัวเกรงศีรษะจักหลุดจากบ่าแม้แต่น้อย

หนุ่มหน้าคมวางหน้านิ่ง ทำเหมือนองค์ชายเจ้าของพระตำหนักเป็นเสมือนอากาศธาตุ ความจริงเขาตั้งใจทำหูทวนลม
พอได้ยินประโยคที่องค์ชายตรัสอย่างมีโทสะ กลับนึกรำคาญจนไม่สามารถทานอาหารที่เหลือต่อไปได้
จึงวางอุปกรณ์ยกน้ำขึ้นจิบ ไม่แม้กระทั่งจะชำเลืองหางตาแลคนที่ข่มขู่เขาอยู่ทุกรูปแบบ

“เอ๊ะ! เจ้ากล้าดีเยี่ยงไร ข้าให้เกียรติเจ้าร่วมโต๊ะเสวยถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นด้วยซ้ำ
กลับกล้ายกน้ำดื่มอิ่มก่อนข้าเช่นนั้นหรือ..กลกะลา” พระองค์ขบพระกรามอย่างบังคับโทสะ
ไม่เคยมีใครทานเสร็จก่อนราชวงศ์ ไม่ว่าจะร่วมเสวยกับเชื้อพระวงศ์พระองค์ไหน
ย่อมต้องรักษามารยาทสงวนท่าทีมิให้ขุ่นเคืองพระทัย ถึงจะอิ่มจริงต้องไม่แสดงอาการ
รอจนกว่าพระองค์จักเสวยเสร็จ การแสดงออกว่าตนเองอิ่มแล้ว
เหมือนเร่งให้ทรงรีบเสวยประหนึ่งตำหนิว่าทรงเสวยช้า
มิควรพึงกระทำตามหลักมารยาทที่ต้องระลึกท่องจำให้ขึ้นใจ..

ถึงองค์ชายธรณิณจักทรงตำหนิกลกะลาไปตรงๆ แต่เขายังคงส่งสายตาคมเข้มเหนื่อยหน่ายให้พระองค์แทนการพูด
ทำเหมือนพระองค์ไม่รู้จักโต ระรานกระทั่งเรื่องหยุ๋มหยิ๋ม ส่งผลให้องค์ชายผู้มีพระอุปนิสัยพระทัยร้อนเป็นทุน
ถึงกับพระพักตร์แดงก่ำ

“เจ้า...เจ้า..เจ้านี่มัน” รับสั่งแค่นั้น พระองค์ผุดลุกจากพระเก้าอี้ ย่างพระบาทออกจากห้องเสวยไม่เหลียวหลัง
พระอาการหงุดหงิดพร้อมบันดาลโทสะได้ทันที เป็นหนแรกอีกเช่นกันที่เหล่าข้าราชบริพาร
ทรงเห็นพระองค์ไม่สำเร็จโทษผู้เป็นต้นเหตุ กลับผลุนผลันเสด็จหนีไปซึ่งหน้า

ส่วนองครักษ์หนุ่มทำเพียงแค่เลิกคิ้วเข้ม ชำเลืองหางตาตามแผ่นหลังกว้างวรองค์สูงใหญ่ผึ่งผายเหมือนไม่ใส่ใจ
 แต่ใครจะรู้ว่ากิริยาท่าทีทั้งหมดที่ดูนิ่ง ในหัวใจองครักษ์หนุ่มกลับวูบไหวแปลกๆ ที่อีกฝ่ายมีโทสะต่อเขา
แต่กลับไม่รับสั่งลงทัณฑ์อันใด ผิดวิสัยและความคาดคิดของเขามากมายอยู่พอสมควร

การเจตนาแสดงท่าทีเหิมเกริมต่อเชื้อพระวงศ์ ไม่มีใครจักไม่ถูกลงทัณฑ์ ใช่ว่ากลกะลาไม่รู้กฎระเบียบข้อนี้
เขาผู้ที่มีตำแหน่งเป็นถึงองครักษ์ย่อมรู้ดี ใช่อยากหาเรื่องเจ็บตัว การลงทัณฑ์ส่วนใหญ่คือการโบยด้วยแส้
อย่างน้อยเขาก็ต้องพักฟื้นเยียวยา ได้พักระหว่างบาดเจ็บ จะได้ไม่ต้องถูกอีกฝ่ายกระทำย่ำยีศักดิ์ศรี

ในฐานะองครักษ์..ที่ผ่านการฝึกฝนอย่างยากลำบากกว่าจะมีวันนี้ การถูกโบยไม่ใช่เรื่องที่ทนไม่ได้
 แต่การต้องมารองรับพระอารมณ์กำหนัดสิ เขาไม่อยากเสพติดไปด้วย พักหลังเขาชักรู้สึกร่างกายตนเอง
 สุขสมไปกับการถูกองค์ชายธรณิณครอบครอง แม้เริ่มต้นด้วยความไม่เต็มใจ
 ลงท้ายเขาก็ครวญครางรู้สึกมีอารมณ์ร่วมเสียทุกที สิ่งนี้ต่างหากที่เขาต้องหาวิธียับยั้ง
 จึงพยายามทุกวิถีทางทำให้ทรงโกรธ จนมีพระบัญชาลงโทษเขา
แต่กลับไม่เป็นไปตามที่ตั้งใจนี่สิ ไม่รู้จะให้เหตุผลต่อการตัดสินพระทัยขององค์ชายผู้นี้เยี่ยงไรดี ที่ไม่รับสั่งลงทัณฑ์เขา


คืนนี้..ถือเป็นคืนแรกที่กลกะลาได้พักผ่อนเต็มที่ นับตั้งแต่พำนักที่นี่ก็ว่าได้
 เจ้าของตำหนักหายไปในเพลาเสวยกระยาหารเช้า ซึ่งเขาเป็นผู้กระทำให้บังเกิดโทสะ
กระทั่งล่วงเลยจนราตรีกาลก็ยังไม่เสด็จกลับ

องครักษ์หนุ่มผู้ซึ่งควรจะโล่งใจสบายกาย ที่ไม่ถูกข่มเหงศักดิ์ศรีเช่นทุกคืนที่ผ่านมา
เขากลับรู้สึกวูบโหวง เหมือนเตียงบรรทมกว้างเกินไปสำหรับบุรุษรูปร่างขนาดเขา
ภายใต้ความมืดมิดยามราตรีกลับหนาวเย็นกว่าปกติ ความอ้างว้างพลันจู่โจมความรู้สึก ความคิดสับสนตีกันยุ่งเหยิง

คิดถึงไตรคาน คิดถึงองค์ชายวายุภักษ์เจ้านายเหนือหัว นั้นคือสิ่งที่เขาหาเหตุผลให้ตนเอง
 เพื่อเก็บซ่อนความรู้สึกเปลี่ยวเหงาที่รุมกระหน่ำอยู่ตอนนี้ เพราะไม่ต้องการยอมรับ
 แม้ได้รับการกดขี่ข่มเหงจิตใจร่างกาย กระนั้นเขายังรับรู้ถึงการคงอยู่ของใครบางคน
 ที่ไม่เคยให้เขาคลาดสายพระเนตร เฉกเช่นเดียวกันถึงแม้เขาไม่ชายตาแล
 วางสายตาไว้ที่ใดก็ได้ซึ่งไม่มีวรองค์เจ้าของตำหนักทรงประทับอยู่ แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า
เขารับรู้ถึงการมีตัวตนและการคงอยู่ ขององค์ชายธรณิณทุกลมหายใจเข้าออก

เปรียบกับเวลานี้ บรรยากาศช่างแตกต่างลิบลับ เงียบเชียบวังเวง
เงียบสนิทชนิดเข็มตกสักเล่ม เชื่อว่าโสตสัมผัสในการรับรู้เขาต้องได้ยินแน่
เขานึกสบถก่นด่าตนเองในใจ สุดท้ายแล้วภวังค์ความคิดของเขาวกวนไปมา
 ไม่พ้นคำนึงถึงบุคคลที่ไม่ได้ทรงประทับอยู่ในห้องบรรทม

เลวร้ายสุดความคิดที่เขาพานควบคุมไม่ได้ กลับมโนจนเลยเถิด
ถึงกับคิดว่าองค์ชายผู้ถือครองเทพมหาธาตุธรณี คงสำเริงสำราญอยู่กับนางกำนัลหรือบัณเฑาะก์
ผู้ซึ่งถวายรับใช้ด้านกามารมณ์ ทรงเสพกำหนัดอยู่ตำหนักใดสักแห่งกระมัง
ความคิดเหล่านี้ ทำให้คนซึ่งเก็บความรู้สึกไม่ชอบพูดเป็นนิสัยถึงกับกำหมัดแน่น
 บริเวณอกซ้ายเต้นกระหน่ำ หายใจหนักหน่วงข่มความพลุ่งพล่าน ที่ทำให้เขาไม่สามารถข่มตาหลับลงได้ด้วยซ้ำ

“ท่านช่างชั่วช้านัก ใช้มนตราใดต่อข้า แม้นข้าทรมานสักปานใด จักไม่ยอมพ่ายแพ้ให้ท่าน..องค์ชายธรณิณ”
วาจาที่ก่นบ่นอยู่ในลำคอ หลังพลิกตัวกระสับกระส่ายอยู่หลายตลบ คาดว่าคืนนี้กว่าจะสงบจิตใจลงได้
กลกะลาคงต้องใช้เวลากว่าค่อนรุ่ง


ในขณะที่องครักษ์หนุ่มมโนภาพเป็นฉากๆ ภายในห้องพระอักษรใช้ทรงงานราชการส่วนพระองค์ของยุพราชพระทัยร้อน
 พระองค์ทรงดื่มสุราประหนึ่งน้ำเปล่า แม้แต่องครักษ์ยังมิกล้าห้ามปรามประการใด

พระพักตร์คมคายหล่อเหลา ขมวดปมยุ่งเหยิงตั้งแต่ดำเนินมาถึง ทรงมีรับสั่งให้มหาดเล็กนำราชการให้พระองค์ทรงงาน
โดยไม่ยอมเสด็จออกจากห้องรับเครื่องเสวย กระทั่งพระอาทิตย์ตกดินย่างสู่ราตรี กลับทรงรับสั่งให้นำสุรามาถวาย
 ผิดวิสัยที่คุ้นชินของบรรดาข้าราชบริพารเป็นยิ่งนัก ที่องค์ชายธรณิณจักประพฤติองค์เยี่ยงนี้

ต่อให้สงสัยมีคำถามมากมาย กระนั้นกลับไม่มีผู้ใดกล้าค้นหาความจริง หรือเอ่ยวาจาทักท้วงห้ามปราม
ยืนห่างรัศมีสิบก้าวยังสัมผัสได้ถึงรังสีโทสะที่คุกรุ่น จนมิมีผู้ใดกล้าสบเนตรคมด้วยซ้ำ
จวบจนเพลานี้พระองค์ยังทรงร่ำสุราเพียงลำพัง รับสั่งห้ามมิให้ผู้ใดรบกวนอีกต่างหาก


“เจ้ามันโอหังนัก เจ้าเป็นผู้ใดกันบังอาจโอหังกับข้า นึกหรือว่าข้าจักยอมอ่อนข้อให้เจ้า
เป็นเพียงองครักษ์กลับเย่อหยิ่งประหนึ่งพญาราชสีห์  มังกรปฐพีเช่นข้าหรือจักปราบพยศเจ้าไม่ได้..กลกะลา”
ไม่มีใครได้ยินพระสุรเสียงพึมพำของพระองค์ สายพระเนตรแดงก่ำจากฤทธิ์ของสุราชั้นดี
พระพักตร์คมกลับขับพระโลหิตไปทั่ววรองค์แล้ว

กระนั้นในพระทัยมิมีเรื่องรบกวนอันใด ยกเว้นเพียงเรื่องเดียวที่มีอิทธิพลต่อพระองค์อยู่ขณะนี้
เรื่องของเชลยที่พระองค์ทรงกักขังด้วยเกราะเทพมหาธาตุ ให้อยู่ภายในพระตำหนักของพระองค์นั่นเอง..
เป็นความทุกข์ทรมานรูปแบบใหม่ ซึ่งพระองค์มิเคยสัมผัสมาก่อน
ตั้งแต่ทรงพระเยาว์หากปรารถนาสิ่งใด มีหรือจักไม่ได้มาครอบครอง
พอชันษาย่างสู่วัยหนุ่ม พระองค์ได้เรียนรู้ถึงเพศรสของกามารมณ์ กระนั้นกลับมิเคยรู้สึกรุ่มร้อนกระวนกระวายพระทัย
 เยี่ยงที่บังเกิดตอนนี้ หากมีความต้องการคราใด เพียงรับสั่งเรียกหาผู้ที่หมายพระเนตรให้มาถวายรับใช้
 ปรนนิบัติปลดเปลื้องก็สิ้นเรื่องกันไปในเพลานั้น

หาใช่พระองค์จักไม่รู้ บรรดากุลธิดาเสนาอำมาตย์ ต่างยินดีถวายตัวเป็นสนม
ชม้ายสายตาทอดสะพานให้มากมาย แต่พระองค์มิเคยถวิลหารสสัมผัสของพวกนาง
ยามเมื่อได้ลิ้มลองมักจักดิ่งหายในความรู้สึก มิได้ฝังรากประหนึ่งกระหายน้ำในทะเลทรายแห้งแล้ง
 เยี่ยงที่ทรงเป็นอยู่เพลานี้ เดิมทีพระองค์ล่วงล้ำกลกะลาไม่เว้นสักราตรี
พานคิดว่าเมื่อได้ลิ้มลองตามปรารถนาแล้วจักต้องเบื่อในเพลาต่อมา พลันไม่เป็นไปตามที่คิดไว้
เหตุอันใดทรงเสพสังวาสแล้ว ใยปรารถนากลิ่นกายของบุรุษผู้นี้ เนื้อหนังมังสาขององครักษ์ผู้นี้นัก
คือปริศนาดำมืดที่พระองค์หามีคำตอบให้กับตนเองไม่ จำต้องหาวิธีดับความร้อนรุ่ม
ด้วยการดื่มสุราให้มึนเมาไว้ เพื่อจักหักห้ามพระทัยไม่ให้บุกไปยังตำหนัก หลังตั้งสัจจะวาจาในพระทัยมั่น
จักไม่ยอมเจอหน้าเชลยผู้นี้ภายในสามวัน ดูสามารถแก้ไขความต้องการได้หรือไม่
แค่เพียงราตรีแรกพระองค์ทรมานพระทัยเช่นนี้เสียแล้ว

“ป่านนี้เจ้าคงหลับสบายบนเตียงข้าสินะ น่าโมโหนักเจ้าคนยโส..เจ้าเป็นใครกัน”
พระองค์ก่นบ่นกลกะลาไปเรื่อยเปื่อย โดยมิทรงรู้ได้เช่นกัน  ผู้ที่พระองค์กำลังกล่าวหา
นอนลืมตาโพลงในความมืด พร้อมกับสบถด่าทอพระองค์อยู่เช่นกัน...



มาอัพก่อนนะคะ 70% ขอเวลาตรวจทานที่เหลือ

จะอัพตอน 5 ทุ่มนะคะ สำหรับส่วนของผักตบ องค์ชายวายุภักษ์
ไว้เจอกันคืนนี้ตอนดึก คือตอนนี้งานเยอะมากๆ แบ่งเวลาหัวหมุนเลยค่ะ

ขอบคุณที่รอคอยกันนะคะ  :katai4: :katai4: :katai4: :pig4: :heaven
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-02-2014 12:23:10 โดย luxilove »

ต้นสน

  • บุคคลทั่วไป
จิ้ม ก่อนแล้วค่อยอ่าน  :pig2:

ออฟไลน์ milkky way

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
มาแว๊วๆ เย้ๆ  :mc4:  :mc4:

ต้นสน

  • บุคคลทั่วไป
เอาใจช่วยกลกะลา

@Lucifer_Prince@

  • บุคคลทั่วไป
กลกะลากับธรณินเขาสองคนรักกันแล้วกิ๊วๆ  สงสารชลธารเหมือนกันนะเนี่ย  ขอเรื่องนี้อย่ามีคนต้องตายเลยนะ  เรื่องตะเกียงที่พี่อะไรจำไม่ได้ตายแทนตะเกียงอ่ะก็เศร้าไปหลายวันอ่ะ  ส่วนสองผัวเมียเฒ่าเกลียดยังไงก็ยังเกลียดอย่างนั้นนะ  คิดไม่ผิดเลยว่ามันสองคนต้องเลวมาก  ตอนนี้ก็เฉลยมาหลายๆอย่างเลยนะ  รอที่เหลือนะคัฟ^^

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
กลกะลาสู้ๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ hotoil

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ทั้งสองคนรักกันแล้วแต่ยังไม่รู้สินะ
ต่างคนต่างปากแข็ง ใจแข็งด้วย
อยากอ่านตอนต่อไปจัง ผักตบเจอกันพรุ่งนี้นะ
จะรีบมาอ่านอย่างว่องไว ฮ่าๆๆ
อีกอย่าพระปิตุลา กับ พระปิตุฉาเลวมาก ควรใช้คำนี้แล้วสินะ
มองคนเป็นแค่เครื่องมือ สงสารพี่สาวของผักตบอ่ะ
โดนหลอกใช้โดยไม่รู้ตัว แถมยังไว้ใจมากๆด้วย การโดนคนที่ไว้ใจหักหลังมันเจ็บมากนะ...สงสารอ่ะ

ออฟไลน์ Onosaka

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
องค์ชายธรนินทำไม่ทำอย่างเน้!!! กลกะลาไม่ใช่ของเล่นนะเฟ้ยยย

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
กลกะลาน่าสงสารมากๆ อืมทำไงดี จะกลับก็ไปได้จะอะไรๆมากกว่านี้ก็ไม่ได้อีก

พระเมียปิตุ๊ดนี่เลวเกินไปรึเปล่า เข้าใจว่ามีเหตุแต่เหมือนจะโลภหน่อยๆด้วยนะ :katai1:

ออฟไลน์ yunchun

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 554
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
สงสารชลธารจริงๆเลย โดนสองคนนี่ใช้เป็นเครื่องมือยังไม่พอ
หักหลังกันแบบเลือดเย็นจริงๆ  :เฮ้อ:
คุณดินกับองครักษ์ต่างคนต่างสับสน ไม่ใช่ว่าคุณดินสับสนจนเผลอไปทำร้ายเขาอีกละ

ออฟไลน์ NOoTuNE

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +317/-15
 :angry2: :angry2:




โอ้ยยยย ร้ายทั้งผัวเมีย องค์หญิงน่าสงสารสุดเลย โดนหลอกใช้หวังเอาชีวิตหักหลัง  :hao5:

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
เย้!

กลกะลาหลงองค์ชายซะเเล้ว

รอผักบคืนนี้คะ

nemesis

  • บุคคลทั่วไป
รอตอนห้าทุ่ม

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
กลกะลาเริ่มซึมซับองค์ชายดินเข้ามาแระ
ส่วนหญิงธารเป็นแค่หมากไว้ให้เขาแก้แค้น

ออฟไลน์ KuMaY

  • คนไม่สำคัญ ทำไรก็ผิด
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 620
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกสงสารชลธารจริงๆ :sad11:

ออฟไลน์ Palmpalm

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 669
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
อย่างนี้เรียกว่าไม่รู้ใจตัวเอง หรือปากแข็งทั้งคู่

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ IaminLove

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 564
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-5
รู้สึกโชคดีที่เมื่อกี้แอบนอนเอาแรงไปแล้ว เดี๋ยวรอ 5 ทุ่มแน่นอน เพื่อองค์ชายและผักตบ อิอิ

-------------------------------------------

กลกะลาเริ่มหวั่นไหวแล้วสินะ
หวังว่า สำหรับคู่นี้องค์ชายจะเปลี่ยนเป็นคนดีได้ กลกะลาจะได้มีความสุขได้อยู่กับคนดีๆ บ้างซักที

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8891
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
สงสารองค์หญิงชลธาร
คถ.ผักตบกะองค์ชายยยย

ออฟไลน์ jinjin283

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 934
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
จะรอนะคะ ดูท่าแล้วองค์ชานธรณินจะตกหลุกรักกลกะลาแล้วนะเนี่ย ><

ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
น้องกลอย่าไปหลงอิตาองค์ชายง่ายๆนะ

ออฟไลน์ maru

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-7
ธรณินกลกะลารักกันแล้วสินะ แล้วถ้าพ่อแม่ธรณินรู้เรื่องจะทำยังไง

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
เขาเรียกว่าต่างฝ่ายต่างเริ่มมีใจแต่ยังไม่รู้ใจตัวเองซินะ

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
ห้าทุ่มเเล้ววววววววว

ปูเสื่อรอ

samanijt

  • บุคคลทั่วไป
รอค่ารอออ รอจนถั่วจะงอกแล้วน่า ฮ่าๆๆ

ออฟไลน์ SuSaya

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-9
คู่นี้มันน่ารักจริง ๆ ซึนจนอมยิ้มแก้มปริ
สงสารหญิงธานเหมือนกันนะ ไม่มีใครรักจริง ๆ ซักคน

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
เริ่มหวั่นไหวกันทั้งสองฝ่าย แต่แอบหมั่นไส้องค์ชายธรณิณนิดๆ ชิส์!

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด