@@โดย Luk {สงครามทะเลทราย..ศึกเทพมหาธาตุ} @@ 1/3/57 # P.64...END++++
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: @@โดย Luk {สงครามทะเลทราย..ศึกเทพมหาธาตุ} @@ 1/3/57 # P.64...END++++  (อ่าน 622552 ครั้ง)

ออฟไลน์ maru

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-7
ชลธารตั้งใจจะทำอะไรกันแน่

ออฟไลน์ jamlovenami

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 639
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ว๊ายยยยยย คู่ยูริโผล่ออกมาแล่ววววววววววววววว   :z2:

@Lucifer_Prince@

  • บุคคลทั่วไป
แอบคิดไปไกลว่าชลธารต้องไม่รอด  สงสารนางเหมือนกันนะ  เฮ้อขอให้ความรักช่วยนางด้วยนะ  ส่วนคู่รักหวานชูชื่น  ผักตบ-วายุภักษ์หวานกันจังนะรอบนี้ตบเริ่มเองเลย  อ้อส่วนตัวชอบคู่ธรณินกับกลกะลามากนะน่ารักกันดี  ซาดิสด้วยเค้าชอบ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-02-2014 07:03:20 โดย @Lucifer_Prince@ »

ออฟไลน์ sanri

  • เวลาไม่ใช่ตัวพิสูจน์ทุกสิ่งเสมอไป
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-9
 o13 รับทราบเจ้าค่ะพี่ลักษ์
จะคอยอย่างใจจดจ่อเยยจ้า  :กอด1:
ว่าแต่จะจบแย้วหรอเนี่ย ไวจุงเบย  :mew5:

ออฟไลน์ mildmint0

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
ชลธาร จะตายไหมนะ รู้ตัวได้แล้ววว
ว่าถูกหลอกใช้ ส่วศศิธร ไม่พ้นชลธารแหงๆ
ผักตบช่างร้อนแรงนัก 55555
ลากวายุภัค เข้าห้องเสร็จศัพท์
กระทำชำเราทันทีทันใด ฮ่าๆๆๆๆ

ออฟไลน์ hotoil

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
สงสารชลธารอ่ะ น่าจะมีใครสักคนสังเกตเห็นนะ (แต่คงยาก)
ชลธารชอบองค์หญิงเข้าแล้วละสินะ ฮ่าๆๆ
ผักตบนายแน่มาก ทำองค์ชายวายุตบะแตกเลย ฮ่าๆๆ

nemesis

  • บุคคลทั่วไป
ง่ารู้สึกสงสารผักตบอะ

ออฟไลน์ mur@s@ki

  • อยากรัก..แต่ใจไม่กล้า
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1899
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-5
ชลธารมัวแต่จีบสาว เฉียวใจอาการตัวเองบ้างสิ


 :กอด1:

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
เอิ่มมมมม เริ่มสงสาร ชลธาร และกลายเป็นหมากของพระปิตุลา

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
อร๊ากกก
หนูตบแร๊ง รุกพระสวามีก่อนเลย 555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sukaz

  • I Will Love You Unconditionally
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
ความรักจะเปลี่ยนแปลงจิตใจคนเราได้ใช่มั๊ยน่ะ

 :hao3: :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
ไปให้องค์ชายตรวจร่างกายสิคะชลธารจะได้รู้ตัวว่ามีอะไรอยู่ในร่าง :katai1:

ออฟไลน์ Hummer

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-12
เขียนคู่ 'ยูริ' ในหน้าฟินเหมือนกันนะครับ ไม่เคยอ่านประเภทนี้เหะ
เพิ่งอ่านจากคุณลักษ์นี่แหละ แต่พออ่านแล้ว เออ!!! มันเขินเหมือนกันนี่หว่า
หญิงธาร หล่อสาดดดดด!!! รอคอยต่อไป :hao7: :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ fannan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-6
เริ่มแล้วซิมีเลือดออกด้วยคู่นี้ได้กันแน่ๆอิอิ



ลงเสน่ห์แล้วจะหลงกันเองหรือป่าว



รอวันจันทร์ครับ

Tinkerbell

  • บุคคลทั่วไป
เห็นหน้าปกหนังสือที่คุณลักษณ์เอามายั่วน้ำลายแล้วอยากได้ไปนอนกอด


เฝ้ารอยามผักตบตั้งครรภ์ (คงอีกนาน)

/เก็บตังค์ซื้อบ๊อกเซ็ต /ไม่รู้ทำไมหน้าปกผักตบถึงโมเอะ/

ออฟไลน์ nnA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ luxilove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2415/-118
สงครามทะเลทราย..ศึกเทพมหาธาตุ
Part 19...วิงวอนขอความตาย





   หลังกลับจากตำหนักองค์หญิงศศิธร
หญิงธารเต็มไปด้วยความลิงโลดนับเพลาให้ราตรีมาเยือน กระทั่งกระยาหารค่ำก็ไม่ทรงร่วมโต๊ะเสวย
กลับบรรทมหลับพักผ่อน..เก็บแรงไว้สำหรับภารกิจในค่ำคืนที่จะมาถึง
   แม่เล็กชักชวนลูกสาวซึ่งเรียกเธอแม่ ให้เสวยมื้อค่ำกลับไม่ได้ผล เธอยืนกรานเสวยมาจากพระตำหนัก
องค์หญิงศศิธรเรียบร้อยแล้ว จึงไม่คิดเซ้าซี้อะไรอีก ท่าทางองค์หญิงผู้ถือครองเทพมหาธาตุอิดโรยพอสมควร

   “อ้าว! พี่ธารล่ะครับ ไม่ทานด้วยหรือแม่” ผักตบถาม หลังมาถึงโต๊ะพร้อมองค์ชายวายุภักษ์ กลับไม่เห็นพี่สาวของตนเอง

   “แม่ชวนแล้ว เขาบอกกินมาจากตำหนักองค์หญิงอ้าย คงฟื้นฟูบ่อน้ำแล้วทางโน้นเลี้ยงต้อนรับ
เห็นว่าอยากนอนพักแม่เลยปล่อย สีหน้าซีดๆ  การใช้พลังมหาธาตุนี้กินแรงด้วยเหรอตบ”
   แม่เล็กชี้แจงลูกชาย ไม่ลืมถามเรื่องหลักการใช้พลังเทพมหาธาตุ เมื่อเห็นว่าองค์หญิงธารเธอวงพักตร์ซีดเซียว
แม้ไม่มีอาการให้ต้องเป็นห่วง เพราะดวงเนตรยังคงสดใสท่าทางมีความสุขอยู่ไม่น้อย
แต่ก็เพลียถึงขั้นบรรทมหัววันเสียแบบนี้ ผิดปกติวิสัยไปพอสมควร

   “เหนื่อยสิครับ ทำไมครับแม่..พี่ธารป่วยเหรอ”
ผักตบถามอย่างเป็นห่วงอาการพี่สาวฝาแฝด เมื่อได้ฟังคำบอกเล่าว่าพี่สาวหน้าซีดเซียว

   “ไม่หรอก เขาบอกไม่ได้เป็นอะไร แค่เพลียนิดหน่อยขอนอนหัววัน แม่ไม่รู้ว่าใช้พลังแล้วจะเหนื่อย
ตบไม่เป็นอะไรบ้างหรือลูก เห็นออกไปกับองค์ชายทุกวัน ใช้พลังแล้วรู้สึกยังไงบ้าง เล่าให้แม่ฟังบ้างสิ”
เมื่อรู้ว่าการเรียกใช้พลังเทพมหาธาตุมีผลข้างเคียง แม่เล็กพลอยเป็นห่วงผักตบไปด้วย

   “ผมสบายดี ทุกอย่างมีลิมิตเป็นเรื่องธรรมดา องค์ชายแบ่งงานไม่ให้ผมทำเกินกำลังหรอกครับ
ถ้าเราใช้ตามกำลังไม่หักโหมก็ไม่เป็นอะไร เหมือนทำงานใช้แรงไม่ต่างกัน แต่ถ้าฝืนมากไปอาจบาดเจ็บได้
ถ้าเรารู้ตัวสามารถใช้ได้มากน้อยแค่ไหน ไม่ทำอะไรเกินตัวก็ปกติ พักผ่อนให้เพียงพอวันต่อมาก็หาย
พี่ธารพอได้นอนพักตื่นมาคงสดชื่นเหมือนเดิม” ผักตบตอบแม่เล็กด้วยรอยยิ้ม เลือกที่จะไม่พูดที่เขาเคยบ้าบิ่นใช้พลังเกินตัว
จนเกือบเป็นปัญหามาแล้วเหมือนกัน ไม่งั้นอาจโดนแม่ดุเป็นแน่

   “มารดาท่านอย่าได้วิตก เรามิปล่อยให้ชายาบาดเจ็บเป็นอันขาด แม้นเรากับผักตบจักเร่งฟื้นฟูไตรคาน
กระนั้นได้วางแผนไว้แล้ว มิหักโหมกระทำการเกินความสามารถดอก อีกไม่เกินสี่ทิวาทุกอย่างย่อมเสร็จสิ้น
หลังจากนี้เราสองคนจักได้พักผ่อนเตรียมเข้าพิธีอภิเษก พร้อมรอต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองที่มาร่วมงาน
การนี้คงจักยุ่งวุ่นวายเรื่องราวเหล่านี้แล้ว” องค์ชายทรงตรัสบ้าง เพื่อไม่ให้แม่เล็กพลอยเป็นกังวล
กลัวผักตบได้รับอันตราย จากการออกไปใช้พลังเทพมหาธาตุฟื้นฟูบ้านเมือง...

   “เหรอ..งั้นค่อยเบาใจหน่อย ลูกเขยพูดแบบนี้คงไม่มีอะไรแล้วมั้ง ยังไงแม่ก็ฝากผักตบด้วยนะองค์ชาย
แต่งงานเป็นผัวเมียกันแล้ว อย่าเผลอทิ้งขวางมันเชียว แม่มีลูกชายเพียงคนเดียวหวังได้เห็นมันเป็นฝั่งเป็นฝา
รีบมีหลานให้แม่อุ้มไวๆ คนแก่ก็คาดหวังแค่เรื่องนี้ เป็นความสุขบั้นปลายชีวิต ตายก็นอนตาหลับ ไม่ต้องห่วงอะไรอีก”
   แม่เล็กหันหน้าไปฝากฝังผักตบกับลูกเขย ซึ่งเธอไม่ชินราชาศัพท์ จึงพูดทุกอย่างออกจากใจตรงๆ
องค์ชายวายุภักษ์กลับทรงเข้าพระทัยต่อสิ่งที่แม่เล็กต้องการสื่อสารกับพระองค์ ถึงแม้เป็นวาจาฟังแล้วทรงแปลกพระกรรณ
อยู่บ้างพอสมควร แต่ไม่ถึงกับตีความไม่ออกเสียทีเดียว

   “เราจักพยายามมีทายาทให้ท่านในเร็ววัน มิให้ผิดหวังเป็นแน่แท้ เราเชื่อมั่นชายาเราพร้อมให้ทายาทแก่เราเช่นกัน
เยี่ยงนี้หลังพิธีอภิเษกเราจักลงแรงกายแรงใจ..เพื่อการนี้ให้สำเร็จลุล่วงให้ได้”
   พระองค์กลับผินพักตร์คมคายไปตอบแม่เล็กซื่อๆ โดยไม่คิดว่าคนฟังอีกคนถึงกับสำลัก
ทั้งที่เนียนไม่พูดขัดเพราะแม่ยายลูกเขยคุยกันถูกคอ  เลยเลือกฟังเพียงอย่างเดียว สวมบทเป็นตัวประกอบแล้วแท้ๆ
ไหนได้ประเด็นหลักกลับวกโดนเขาหมด แล้วไอ้การรับปากยืนยันจะมีลูกให้ได้ ไม่ถามความสมัครใจกันก่อน
ว่าเขาสามารถมีให้ได้หรือเปล่า ตกปากรับคำคนเดียวหมด ผักตบจึงเผลอสำลักเลยทีเดียว

“แค่กๆ!..คุยอะไรเปลี่ยนเรื่องเถอะ ทำอย่างกับผมสั่งให้ท้องได้หืม คิดเองเออเองพอกันทั้งคู่”
ผักตบหันไปค้อนแม่เล็ก หลังเห็นอาการสำลักไอของเขาแม่ดันหัวเราะขำสนุกสนาน ส่วนต้นเรื่องกลับแย้มสรวลไม่ทุกข์ร้อน
เผยโอษฐ์หยักได้รูปงาม..ดูหล่อมากมายส่งมาให้เขาอีกต่างหาก ไม่ได้รู้ตัวเป็นต้นเหตุให้ข้าวเกือบติดคอเขา
มึนจนผักตบไม่อยากเชื่อว่าอีกฝ่ายจะไม่รู้ บางทีเขาแอบคิดว่าองค์ชายตีบทแตก ให้คนหลงเชื่อมากกว่าว่า
ไม่เข้าใจเรื่องราวจริงจัง จำพวกเจ้าเล่ห์หลบในอะไรเทือกนั้น แต่ก็ไม่มีหลักฐานให้ข้อกล่าวหามีน้ำหนัก
ในเมื่อผู้ที่เป็นจำเลยยังคงเนียนไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ให้เขาเกิดความรู้สึกหมั่นไส้อย่างตอนนี้..

“ดื่มน้ำเสียเถิด เจ้ากลับกล่าวหาเราแล้ว เราหาได้คิดเอาเองดอก การจักให้เกิดทายาท
ย่อมเป็นเรากับเจ้าร่วมมือทำขึ้น เราจักทำได้เยี่ยงไรเพียงลำพังเล่า ผู้ที่จะให้ทายาทแก่เราย่อมเป็นเจ้าแล้ว
เราคือผู้หว่านเชื้อพันธุ์ให้สายโลหิตได้ หากเจ้ามิให้ความร่วมมือใยจักกำเนิดขึ้นมาได้หนอ
เยี่ยงนี้มารดาของเจ้าคงผิดหวังไม่น้อย เพื่อมิให้ผู้ใดต้องฝันสลายเราสมควรพึ่งพาเจ้าแล้ว
จงได้ร่วมมือสร้างทายาทให้สำเร็จในเร็ววันเถิด รับปากเราได้หรือไม่..ผักตบชายาข้า”
ฝ่ายที่โดนพระดำรัสกึ่งขอร้องอ้าปากหวอเป็นที่เรียบร้อย ไม่คิดจะเจอมึนขั้นเทพเช่นผู้ที่ประทับนั่งข้างเขา
อย่างเจ้าชายคนนี้มาก่อน ดันชักชวนให้รับปาก โดยไม่ได้ดูเรื่องราวว่าเรื่องอะไร

“บ้าไปแล้ว..ผมจะรับปากได้ยังไง ของแบบนี้กำหนดเองได้ที่ไหน แม่ก็อีกคน หยิบเรื่องอะไรมาพูดไม่รู้
เห็นไหมว่าเขาบ้าจี้แค่ไหน กลายเป็นจริงจังเป็นตุเป็นตะไปแล้ว” ผักตบแหวใส่สุดหล่อ
ที่ส่งสายตาวิงวอนอ้อนให้เขาร่วมมือทำลูก ดูว่าจริงใจไม่เสแสร้ง แต่ผักตบกลับคิดว่าคนผู้นี้มึนได้กวนติ่งสุดๆ
เรื่องอื่นฉลาดเป็นกรด ทีเรื่องแบบนี้กลับไร้เดียงสา

“ฮะฮ่าๆ..เขาพูดถูกนะตบ แกลองนึกดูสิ ตรงไหนที่เขาพูดผิดคึคึ! เขาบอกอยู่แหม่บๆ ว่าเขาทำคนเดียวไม่ได้
เขาอุ้มท้องไม่ได้ต้องพึ่งแกอุ้มท้องลูกเขาแล้ว ส่วนเขารับหน้าที่ให้เชื้อได้เท่านั้น..ฮะฮ่าๆ 
ไม่ให้ขำแล้วจะให้แม่นั่งร้องไห้หรือไงวะ! ลูกเขยเล่นตลกได้หน้ามึนโคตร กร๊าก! ฮะฮ่าๆ!!”
ผักตบเถียงไม่ออก แม่เล็กหัวเราะน้ำตาเล็ดสนุกสนานอยู่คนเดียว หลังฟังคำพูดแม่รู้สึกอย่างเดียวคือ..
หน้าเขาแทบมีไฟลุกพรึ่บ คงไม่ต้องเดาว่ามันจะเห่อแดงได้มากขนาดไหน..

“เยี่ยงไรเจ้าจึงใบหน้าซับสีโลหิต หรือขวยอายที่จักมีทายาท สิ่งที่เราขอร้องให้เจ้ารับปากย่อมมิได้ยากเย็นอันใด
เพียงเจ้าให้ความร่วมมือ ภารกิจที่เหลือย่อมเป็นเราแล้วที่จักกระทำให้ลุล่วง มิมีปัญหาใดไม่สำเร็จ 
หากเราขยันขันแข็งหว่านเชื้อพันธุ์ให้เจ้าไม่หยุดหย่อน มีหรือจักไม่ตั้งครรภ์ ในเมื่อเจ้ามีลมปราณอิสตรีอยู่ในกาย
พร้อมให้กำเนิดทายาทแก่เราเยี่ยงนี้ ย่อมสามารถทำได้แน่ เพียงเจ้ารับปากร่วมมือกับเราเท่านั้น”
ผักตบสาบานได้ ไม่เคยมีเหตุการณ์ไหน ที่ทำให้เขาอยากเอาหน้ามุดโต๊ะมาก่อน ต่อให้เรื่องที่ทำให้รู้สึกเขินอายแค่ไหน
แต่ก็เนียนปั้นหน้าให้ผ่านไปได้ ถึงจะหน้าแดงบ้างอะไรบ้างเป็นธรรมดา แต่ก็ยืนยันได้ว่า..ไม่ได้รู้สึกอยากกลบฝังตัวเอง
อย่างเช่นตอนนี้ นึกก่นด่าผู้ที่ขอร้องแกมวิงวอนนัก พูดไม่ออกได้แต่บ่นภายในใจ
‘นี่ไม่เข้าใจเลยใช่ไหม มีใครที่ไหนเขาขอเอากันตรงๆ แบบนี้วะ! คำพูดไม่โจ่งครึ่ม แต่ความหมายมันชัดแจ้งแดงแจ๋
จะให้ตอบยังไงเล่าไอ้เจ้าชายสุดมึน’
นั่นแหละที่ผักตบทำได้มากที่สุด
ส่วนอาการภายนอก ได้แต่นั่งกัดริมฝีปากบังคับไม่ให้แหกปากตะคอกอีกฝ่ายแทน ดันใช้พระสุรเสียงทุ้มนุ่มอ้อนวอน
หลอกล่อให้เขารับปากเหมือนผู้ใหญ่หลอกเด็ก โดยเอาขนมหวานมาล่อเทือกนั้น

“ฮะฮ่าๆๆ..องค์ชายไอ้ตบมันจะสุกไปทั้งตัวแล้ว อย่าไปบังคับให้มันรับปากตอนนี้เลย
ถ้าจะให้มันพูดค่อยไปคุยกันสองคนเอาเถอะ คึคึ!!” ผักตบหันไปถลึงตาใส่แม่เล็ก
นั่งหัวเราะล้อเลียนลูกชายไม่เลิก พอกันเลยทั้งแม่ทั้งว่าที่สามี เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย

“อ้า!..เราจักทำตามคำชี้แนะมารดาท่าน ชายาเราขวยอายเยี่ยงนี้ย่อมไม่ตอบคำเราแน่
ไว้เราจักให้เขารับคำแก่เรายามอยู่กันลำพัง เยี่ยงนั้นยุติไว้ก่อนย่อมได้ เราเองกลับลืมเสียแล้ว
ชายาชมชอบขวยอายยามอยู่ต่อหน้าท่านเยี่ยงนี้ เห็นทีเราควรจดจำให้ขึ้นใจไว้บ้าง”
ผักตบคนเดียวที่ใบ้กิน ปล่อยแม่เล็กกลั้นขำไหล่สั่น แอบป้ายหลังมือเช็ดน้ำตาที่เล็ดหางตา
ท่าทางมีความสุขสนุกสนานสำราญใจคนเดียว สมแล้วเป็นแม่ผู้โชกโชน เจอคนซื่อหน้ามึนอย่างเจ้าชาย
กลายเป็นหาวิธีสร้างความสำราญเบิกบานใจได้อย่างง่ายดาย คาดว่าหลังจากนี้
คงต้องรับมือกับสถานการณ์แบบนี้ไปอีกนาน..ผักตบได้แต่ปลงสังเวชตัวเอง..
>
>

 ต่อด้านล่าง

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-02-2014 10:24:26 โดย luxilove »

ออฟไลน์ luxilove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2415/-118
-  2  -



        “ข้าใช้เจ้าไปสอดแนม ได้ความเยี่ยงไรจงรายงานมา”
สุรเสียงฟังดูเกรี้ยวกราด..ดวงเนตรวาวโรจน์อย่างมีโทสะ

   “ข้าพระองค์ลักลอบสอดแนม เช้าตรู่ท่านองครักษ์กลกะลาได้ตื่นตั้งแต่พระอาทิตย์มิพ้นขอบฟ้า
ฝึกซ้อมทักษะการต่อสู้มือเปล่าเตะต่อยอยู่ในสวนพระตำหนัก ป่านนี้ยังไม่หยุดพะยะค่ะ”
องครักษ์องค์ชายธรณิณถวายรายงานตามพระบัญชา ให้เขาไปสอดแนมความเคลื่อนไหวเชลยศึก
ซึ่งพระองค์แทนสรรพนามเช่นนี้ แต่ห้ามมิให้ผู้ใดกล่าวถึงฐานะกลกะลา ด้วยการเรียกขานเชลย
ให้ทรงเคืองพระเนตรพระกรรณเป็นอันขาด ผู้ได้รับมอบหมายภารกิจ..จึงเรียกกลกะลาด้วยตำแหน่งและชื่อพ่วงท้าย

   “เช่นนั้นดอกหรือ” พระองค์ทรงย้ำถาม

   “พะยะค่ะ..ข้าพระองค์เพิ่งมาจากพระตำหนัก” องครักษ์รีบยืนยัน

   “เจ้าไปได้แล้ว ไม่ต้องให้ใครตามข้า” รับสั่งเสร็จ ทรงย่างพระบาทปานเหาะ
องครักษ์ได้แต่มองตามแผ่นหลังวรกายด้วยความฉงน คิดไปว่าพระองค์อาจไม่พอพระทัย
ที่เชลยผู้ถูกพระองค์ริดรอนเสรีภาพกักขังไว้ในตำหนัก ดันฝึกซ้อมทักษะต่อสู้ย่อมไม่สมควรยิ่ง ฐานะเชลยมิพึงกระทำได้
ตรงข้ามความคิดองค์ยุพราชหนุ่ม ที่ทรงรีบเสด็จดิ่งไปยังสวนของพระตำหนักปานจะเหาะ หาได้คิดเช่นองครักษ์ผู้นั้นไม่

'ข้าอยากรู้ เจ้าผยองโอหังนัก บังอาจไม่ทุกข์ร้อนอันใด กล้าตื่นมาฝึกการต่อสู้ ปล่อยให้ข้าทรมานเพียงผู้เดียว’

นั่นคือความคิดองค์ชายธรณิณ พระองค์ทรงโกรธเกรี้ยวกลกะลา ที่เขาดันไม่มีท่าทีทุกข์ร้อน กลับสุขสบายสำราญอุรา
ตื่นมาฝึกฝนทักษะได้หน้าตาเฉย ในขณะที่พระองค์กลับมิได้บรรทมมาสองราตรี เอาแต่ร่ำสุราค่อนรุ่งเพราะพระทัยไม่สงบ
ไม่รู้เกิดอะไรกับพระองค์ไปแล้ว ทรงเก็บเรื่องราวเชลยต่างแดนมารบกวนอย่างไร้เหตุผล จนต้องมีรับสั่งให้องครักษ์
ไปสอดแนมพฤติกรรมของอีกฝ่ายมารายงาน หลังทรงทราบว่ากลกะลาไม่รู้สึกทุกข์ร้อนดังเช่นพระองค์ประสบ
ทรงเคืองพระทัยยิ่งนัก ถึงกับต้องการเสด็จไปทอดพระเนตรด้วยองค์เอง

“เหอะเจ้าช่างมีความสุขนัก เป็นเชลยกลับมีพฤติกรรมเสมือนดั่งเจ้าของตำหนัก สำเหนียกบ้างเจ้าอยู่ในฐานะใด
นึกอยากฝึกฝนการต่อสู้ก็ลุกมากระทำตามอำเภอใจเยี่ยงนี้ ช่างไม่สำรวมสักนิด หรือชาวไตรคานล้วนไม่แยกแยะ
ตนเองอยู่ในฐานะไหน” พระดำรัสประชดประชันแดกดันอย่างต้องการให้คนฟังเจ็บปวด
พรั่งพรูจากโอษฐ์หยักประหนึ่งคมดาบบาดลึกไปเสียแล้ว

กลกะลาชะงักท่าร่างที่กำลังฝึก ตั้งแต่ได้ยินวาจาซึ่งโผล่กะทันหัน ไม่ทันให้เขาได้ตั้งตัว
น่าสงสัยฝีพระบาทกลับเงียบสนิทไร้ซุ่มเสียง กระทั่งองครักษ์มากฝีมือเช่นเขายังไม่ได้ยิน
ใยมิบ่งบอกว่าผู้ที่ไม่ปรารถนาจักพบพักตร์มีฝีมือลึกล้ำเกินคาด ทั้งที่เขาเคยประลองมาแล้ว
พื้นฐานพลังฝีมือคนผู้นี้ยังมีมาให้ประหลาดใจได้อีก

เป็นเพราะกลกะลากลับลืม ระหว่างประลองฝีมือด้วย องค์ชายธรณิณทรงใช้พลังพระวรกาย
ในการเรียกใช้เทพมหาธาตุไปมากโข จึงทรงเหลือพละกำลังต่อสู้กับเขา เพียงครึ่งเดียวเท่านั้นหรอก

พระดำรัสบาดลึก แม้จะสร้างความขุ่นมัวในใจองครักษ์หนุ่ม แต่ก็ยังสามารถสะกดข่มโทสะไม่ให้ทุกข์ร้อน
ไปตามความต้องการของผู้รับสั่ง หน้าหล่อจึงเฉยชาเรียบนิ่ง ปลายหางตายังต้นเสียงเพียงแค่แว่บเดียว
ค่อยหันไปตั้งท่าฝึกต่อ โดยไม่สนใจอีกฝ่ายเหมือนเป็นเสียงนกเสียงกาเสียงั้น

การกระทำของกลกะลา ย่อมเพิ่มโทสะให้องค์ยุพราชเจ้าอารมณ์ได้เป็นอย่างดี ตั้งแต่เล็กจนโตมิเคยมีผู้ใด
บังอาจเมินพระองค์เยี่ยงที่โดนกระทำโดยเชลยผู้นี้ ถึงกับกำพระหัตถ์แน่น ขบพระกรามกรอดข่มโทสะที่เพิ่มสูง
มิให้กระโจนเข้าบีบคอบุรุษเย่อหยิ่งโอหัง ที่ยืนอยู่เบื้องพระพัตกร์ให้ลูกกระเดือกแตกคาพระหัตถ์ไปเสียก่อน

“เจ้าได้ยินที่ข้าพูดหรือไม่ หรือนอกจากจักเป็นใบ้ ยังหูหนวกด้วย
มิคาดไตรคานจักมีองครักษ์ไม่สมประกอบ น่าขบขันยิ่งนัก..ฮะฮ่าๆๆ”
พระองค์ไม่เลิกกวนโทสะคนหน้านิ่งผู้เฉยชา ด้วยการตรัสวาจาเผ็ดร้อนหยามศักดิ์ศรีให้ได้อาย
กลกะลาแม้สะดุดทุกประโยคที่พุ่งกระทบหัวใจเข้าจังๆ แต่ก็ยังสามารถสะกดข่มโทสะ
ไม่เต้นไปกับความต้องการของอีกฝ่าย จนทำให้ประสบผลสำเร็จ ที่เขาเผยความรู้สึก
ว่าสนใจตั้งแต่รู้ว่าบุคคลผู้นี้ มาปรากฏพระวรกายขึ้นที่นี่

“อนาถแท้..เป็นองครักษ์พิการ ยังตกเป็นทาสบำเรอกำหนัดข้าอีก เยี่ยงนี้จักมีหน้าไปพบผู้ใดได้
หากวายุภักษ์รัชทายาทไตรคานจักได้รับรู้เข้า องครักษ์คู่บารมีประพฤติตน ดุจนางสนองกำหนัดให้ข้าหลายราตรี..หึหึ!”
พระดำรัสประโยคนี้คือค้อนขนาดใหญ่ ทุบเข้ากลางใจกลกะลาให้แตกเป็นเสี่ยงในพริบตา
เศษเสี้ยวความอดทนอดกลั้นทั้งหมด ซึ่งเขาเพียรใช้ขันติเข้าข่มไว้ พังทลายลงไม่เป็นท่าในทันที

ร่างกำยำสั่นระริก เขายืนนิ่งขบริมฝีปากจนเลือดซิบ เผลอกำหมัดเกร็งจนท่อนแขนโปนเส้นเลือดชัด
ใบหน้าเข้มซีดเผือดดวงตาแดงก่ำ แต่ที่น่าสนใจมันเอ่อคลอไปด้วยรื้นน้ำตา..เขาไม่สามารถฝืนต้านไว้ได้อีก

อันว่าบุรุษชาตินักรบ ย่อมมีมุมอ่อนแอตกผลึก เก็บซ้อนยังก้นบึ้งของความรู้สึก ไม่ให้ใครกวนตะกอนขุ่น
หากได้รับการกระทบเข้าอย่างจัง ต่อให้แกร่งดุจหินผา ก็ย่อมแตกเป็นรอยร้าวได้เช่นกัน
ไม่ต่างความรู้สึกที่พังภินท์ของกลกะลาขณะนี้ เมื่อถูกวาจาดุจค้อนมหึมาขนาดใหญ่กระแทกเข้าเต็มแรง
จนทำให้หัวใจแตกเป็นเสี่ยงๆ เพียงเสียงหัวเราะบวกพระอาการยกมุมโอษฐ์ เยาะหยันเหยียดศักดิ์ศรีเขา
เหยียบย่ำหยามเกียรติของเขาให้ย่อยยับ..

ทางฝ่ายองค์ชายผู้สาดถ้อยคำ ถึงร่างกายเป้าหมายจักยืนนิ่งขึง ไม่เอ่ยวาจาโต้ตอบพระองค์
ซึ่งทรงอยากทอดเนตรสดับฟังอีกฝ่ายโต้เถียงปะทะคารมด้วย สมกับที่พระองค์บังเกิดโทสะอยู่ฝ่ายเดียว
แต่ดวงตาคมแดงก่ำที่มีหยาดน้ำคลอ พร้อมจะไหลออกเบ้าตาที่จ้องพักตร์พระองค์นิ่ง ริมฝีปากขบแน่นจนเลือดซึมไหล
โดยที่เจ้าของร่างไม่คิดจะสนใจแม้แต่น้อย ใบหน้าหล่อหมดจดในสายพระเนตรพลันซีดเผือดไร้สีโลหิตหลงเหลือ
กายแกร่งสั่นเทาจนสังเกตรู้ได้ไม่ยาก

กลายเป็นสร้างความตระหนก ให้องค์ยุพราชหนุ่มแล้ว พระองค์ไม่คาดคิดว่าจักได้เห็นอาการเช่นนี้จากบุรุษตรงหน้า
พอประจักษ์เข้าตรงๆ ถึงกับก่นด่านึกโทษองค์เองที่เลอะเลือน หยิบยกถ้อยคำโหดร้ายต่อว่า
ทั้งที่ภายในพระทัยมิทรงมีความคิดเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย ที่ตรัสมาทั้งหมดล้วนเต็มไปด้วยพระโทสะทั้งสิ้น..

“จะ..เจ้า..เจ้าเป็นเยี่ยงไรไปแล้ว” กลายเป็นพระองค์ตะกุกตะกักดำรัสเสียงพร่า พระพักตร์แสดงความเสียพระทัยชัด
สายพระเนตรฉายความละอายแทนการขอโทษไม่ปิดบัง แต่กลกะลากลับไม่รับรู้ เพราะความเสียใจของเขาบดบังจนหมด
เห็นเพียงองค์ชายผู้ชั่วร้ายยิ้มเยาะ ผู้สามารถทำให้เกราะของเขาพังยับแล้วเท่านั้น

“เจ้า..บัดซบนัก!” ยิ่งกลกะลาไม่มีการเปลี่ยนแปลง ไม่เอ่ยวาจา
ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง ต่อสายพระเนตรที่พระองค์เจตนาขอโทษ
ก็ทรงเผลอสบถลั่นอย่างมีโทสะ แต่ไม่ใช่ต้องการระบายใส่ผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้า
แค่ต้องการระบายความอึดอัดกดดัน ซึ่งหน่วงพระทัยขณะนี้ ให้เบาโล่งขึ้นบ้างก็เท่านั้น
กลับตอกย้ำกลกะลา ให้อาการหนักหนาสาหัสเพิ่มขึ้นไปอีก เมื่อพานเข้าใจว่าอีกฝ่ายสบถด่า
พระดำรัสหยาบคายเกินกว่าขัตติยะจักพึงกระทำ เพียงเพราะโมโหโกรธเกรี้ยวเขาจนเกินทน
ยังผลให้ความตั้งใจจะไม่ปริปาก จำต้องหลุดวาจาเสียงแหบแห้ง
สะกดข่มไม่ให้สั่นเทาไปกับความรู้สึกปวดร้าว ซึ่งเจ็บระบมในหัวใจอยู่นี้

“หากท่านมิอาจทานทน จักเห็นข้าอยู่ในสายพระเนตร อย่าได้รีรออันใดรับสั่งประหารชีวิตข้าเสียเถอะ
นับตั้งแต่บุกกองทัพข้าพร้อมสละชีพไปกับการนี้แล้ว หากต้องมีลมหายใจโดยถูกหยามเกียรติเหยียบย่ำศักดิ์ศรี
เยี่ยงที่ท่านเจตนากระทำให้ข้ารู้สึกเจ็บปวดทรมาน รับรู้ไว้เถิดว่าท่านกระทำสำเร็จแล้วพะยะค่ะองค์ชาย
ไม่มีทัณฑ์ทรมานใดที่ข้าแบกรับไม่ได้ แม้จักถูกโบยด้วยแส้นับร้อยครั้ง หรือตอกเข็มตรึงร่างให้ทนทุกข์ทรมาน
ข้าก็พร้อมที่รับเอาไว้ แต่การตกเป็นเครื่องบำบัดพระอารมณ์กำหนัด ให้ท่านใช้ระบายแทนคณิกา
หรือนางสนองส่วนพระองค์ ข้าซึ่งเป็นบุรุษและองครักษ์เอกแห่งไตรคาน ยอมรับไม่ได้อีกต่อไปแล้วเช่นกัน
แม้นพระองค์มีพระเมตตาอยู่บ้าง ทรงรับฟังวาจาวิงวอนข้าด้วย ขอให้รับสั่งประหารข้าเสียเถิด ให้ข้าได้ตายเสียบัดนี้
จักให้ข้าคุกเข่าวิงวอนต่อท่านข้าพร้อมแล้วที่จะกระทำ ฝากท่านส่งสาส์นคำพูดข้าถึงองค์ชายวายุภักษ์ให้ข้าด้วย
ชาตินี้ข้ามิอาจอยู่ถวายรับใช้พระองค์ได้อีก ชาติหน้าจักขอทดแทนเกิดมาเป็นข้ารับใช้เบื้องพระบาท
มีเพียงเท่านี้ที่จักขอให้ทรงพระกรุณา มิเหลือบ่ากว่าแรงอันใดท่านดอก ประทานความตายให้ข้าเถิด”

สิ้นสุดคำกล่าวประโยคสุดท้าย ร่างแกร่งของบุรุษที่ได้ชื่อองครักษ์เอกของไตรคาน
ก็ทรุดฮวบคุกเข่าก้มศีรษะต่ำอยู่เบื้องพระบาทองค์ชายธรณิณอย่างยอมจำนน
ไม่มีท่าทางผยองโอหังหลงเหลือให้ทอดพระเนตร ขุ่นเคืองพระทัยอีกเลย
นอกเสียจากบุรุษที่พร้อมจักพลีชีวิต วิงวอนขอร้องให้พระองค์มีพระบัญชาสั่งประหาร
ยุติความทรมานที่เกิดขึ้นให้กับเขา แม้จะรู้สึกผิดที่ไม่สามารถคืนสู่มาตุภูมิ
 เพื่อกลับไปขอพระราชทานอภัยจากเจ้าเหนือหัว  เขาขอติดค้างไปยังภพหน้า
จักกลับมาชดใช้ให้พระองค์แทน กลกะลาถอดกำลังใจทั้งหมดวางลงแล้ว
ขอให้เขาได้ตายโดยรู้สึกเคารพตัวเองบ้างก็พอ

ส่วนผู้ที่ประทับรับฟังคำวิงวอนของเชลย ถึงกับพระพักตร์เหลือไม่ถึงสองนิ้ว
สำคัญทรงเม้มฝีพระโอษฐ์แน่น ไม่คิดว่าพระดำรัสที่พระองค์ตั้งพระทัยให้อีกฝ่ายเจ็บปวดทรมาน
จะให้ผลเกินคาดหมายเยี่ยงนี้ ผลของมันไม่เป็นดั่งพระประสงค์ หนำซ้ำยังกลายเป็นหอกแหลมคม
ทิ่มทะลวงกลางดวงหทัยพระองค์แทบกระอักโลหิต เมื่อบุรุษจอมโอหังสิ้นท่า
คุกเข่าก้มศีรษะอย่างพร้อมสละชีวิต อยู่เบื้องหน้าพระพักตร์แล้ว

ใยไม่ทรงรู้สึกดีพระทัยมีความสุขแม้แต่น้อย กลับเจ็บปวดทรมานเหมือนก้อนเนื้อในทรวงด้านซ้าย
ถูกเชือดเฉือนด้วยคมดาบออกเป็นชิ้นๆ สิ่งเหล่านี้คือความรู้สึกอันใด พระองค์ไม่มีคำอธิบายหาเหตุผลให้ตนเองได้
แต่มีสิ่งหนึ่งที่พระองค์ทรงใช้นิสัยเอาแต่พระทัย มาตัดสินอย่างไม่ยินยอม ถึงกับเผลอตวาดพระสุรเสียงจนดังลั่น

“เราไม่อนุญาตให้เจ้าตาย!!!” พระสุรเสียงบันดาลโทสะ ดังลั่นไปทั่วสวนพระตำหนัก
กระทั่งข้าราชบริพารใกล้เคียงถึงกับหัวหด ตัวสั่นเป็นลูกนกไปตามกัน เพราะไม่เคยได้ยินพระสุรเสียงเช่นนี้มาก่อน
ต่อให้ทรงมีโทสะโกรธกริ้วเพียงใด ไม่เคยตะเบ็งพระสุรเสียงเยี่ยงที่ทรงกระทำ
ถือเป็นการทำให้ขวัญผู้คนผวา หัวหดได้ชะงัดยิ่งนัก

อย่าว่าแต่เหล่าข้าราชบริพารตกใจขวัญหนี กลกะลาผู้ผจญเบื้องหน้าโดยตรง ยังเผลอสะดุ้งไม่ทันระวัง
ไม่คิดจะเจอตวาดใส่เสียงดังปานฟ้าผ่ากลางแสกหน้า เขาเผลอเงยหน้าจ้องที่มา ซึ่งยืนกำพระหัตถ์ขบพระกรามกรอด
ดวงเนตรเข้มแดงก่ำเหมือนทรงพระกริ้วเขาหนักหนาเป็นที่สุด แล้วเหตุใดรับสั่งห้ามไม่ให้เขาตาย
กลับรู้แล้วว่าทำไม ไม่พ้นเรื่องนี้กระมัง คิดได้แบบนี้จึงรีบเอ่ยวาจาขึ้นทันที

“หากพระองค์จักเก็บข้าไว้เป็นตัวประกันต่อรองไตรคาน ขอทรงเปลี่ยนพระทัย ข้าหาได้สำคัญขั้นนั้น
กระทั่งองค์เหนือหัวอนิละยังพร้อมพลีพระชนม์ชีพ เพื่อรักษาอธิปไตยและความผาสุกของไพร่ฟ้า
ข้าเป็นเพียงองครักษ์ จักมีใหม่อีกกี่คนก็ย่อมได้” นั่นคือสิ่งที่เขาคาดเดาเอา ที่ไม่รับสั่งมีพระบัญชาประหารเขา
ตามที่วิงวอนลดเกียรติยอมคุกเข่า ซึ่งถือเป็นการถวายความเคารพสูงสุดของบุคคลผู้หนึ่ง
เป็นสิ่งที่ผู้คนรับรู้โดยไม่ต้องเอ่ยอันใด หากมีใครยอมคุกเข่าให้..นั่นแปลว่าเขายกชีวิตให้อีกคนไปแล้ว

“เจ้าอย่าได้สู่รู้อันใด ข้าไม่มีเหตุผลชี้แจงเจ้า ข้าไม่ยินยอมให้เจ้าตายคือห้ามไม่ให้ตาย
ไม่มีใครกล้าฝ่าฝืนคำสั่งข้า กระทั่งพญายมราชในนรกภูมิก็มิอาจนำพาชีวิตผู้ใดไป หากข้าไม่อนุญาต”
ทรงรับสั่งดุจทารกเอาแต่ใจ ถึงกับยกอ้างท้าวพญายมราชยังมิกล้าขัดพระประสงค์
กลกะลาไม่เคยพบเจอผู้ใด ดื้อรั้นเท่าองค์ชายผู้นี้มาก่อนในชีวิต แม้นองค์ชายวายุภักษ์ทรงรั้น
กลับมีเหตุผลอยู่มิน้อย ช่างผิดจากบุรุษผู้ได้ชื่อเป็นถึงขัตติยะราชนิกุลเวฬุวรรณ..
นครที่ได้ชื่อว่ายิ่งใหญ่อันดับหนึ่งในแผ่นดินทะเลทรายกว้างไกลสุดปฐพี
ใยถึงไร้เหตุผลใช้วาจาดุจทารกเยี่ยงนี้ กลับสั่งห้ามท้าวพญายมราชเสียแล้ว

ด้วยความอึ้งปนตะลึงต่อความนึกคิดอีกฝ่าย กลกะลาจากที่ตกอยู่ในอารมณ์รันทดยอมตาย
กลายเป็นมึนงง..ส่งสายตาเหลือเชื่อจ้องมองพักตร์สุกปลั่ง ดวงเนตรวาวโรจน์อย่างผู้ที่เอาแต่พระทัย..นิ่งเป็นใบ้ไปแล้ว..

“เจ้าจ้องหน้าข้าใย หรือมีอันใดประทับใจเจ้านัก ข้าย่อมรู้ตัวดอกหาใช่บุรุษรูปโฉมไม่น่าดูชม
จัดเป็นผู้ที่ถูกกล่าวขานหล่อเหลาในแผ่นดินไม่ด้อยกว่าผู้ใด หากพิสมัยปฏิพัทธิ์หน้าตาข้าแล้ว
ย่อมหมายความว่าเจ้าคิดคำนึงถึงการได้สังวาสกับข้าอยู่” พระองค์เนียนตีขลุมเอาดื้อๆ

“นี่ท่านตรัสสิ่งใด ข้าวิงวอนให้ท่านรับสั่งประหาร มิมีประโยคไหนบ่งบอกว่าข้าปฏิพัทธิ์ต่อวงพักตร์ท่านสักวาจา
ท่านเพิ่งตราหน้าข้าเพียงตัวบำเรอกำหนัด ยังกล้ารับสั่งข้าจักคำนึกถึงการสังวาสเยี่ยงนั้นอีกหรือ”
กลกะลากลับโกรธแล้ว เมื่อองค์ชายธรณิณเปลี่ยนเรื่องวกเข้ามาเรื่องนี้เฉยเลย
ทั้งที่ไม่มีเหตุมีผลให้มีส่วนเชื่อมโยงกันสักนิด

“ยิ่งเจ้าแสดงอาการร้อนรน ข้าจี้ถูกจุดเจ้ากระมัง เอาเถิดข้ายังพอเรียนรู้อยู่บ้าง นิสัยเจ้าปากไม่ตรงกับความนึกคิด
กระนั้นข้าถอนคำพูดที่ได้หยามหมิ่นเจ้าแทนก็แล้วกัน เจ้าหาได้รับใช้บำเรอกำหนัดข้าดอก
เป็นข้าเองที่บำเรอกำหนัดให้เจ้าแล้ว ขึ้นชื่อว่าบุรุษย่อมได้รับการปลดปล่อยเป็นธรรมดา
ข้าเห็นว่าเจ้าพลัดถิ่นตกเป็นเชลย คงทรมานหากมิได้ปลดปล่อยกำหนัดเสียบ้าง จึงขันอาสาเป็นตัวบำเรอให้เจ้าเอง
กล่าวถึงเรื่องนี้ ข้าทำให้เจ้าเคร่งเครียดถึงกับวิงวอนขอความตาย เช่นนั้นข้าควรรับผิดชอบที่ทำให้เจ้าอยากตาย
วิธีแก้ไขที่ดีสมควรบำบัดกำหนัดปลดปล่อยให้ผ่อนคลาย จักได้สบายใจสบายกายไม่เคร่งเครียดอีก
เช่นนั้นอย่ารอช้า ข้าจักรับผิดชอบแก้ไขที่ทำให้เจ้าถึงกับวิงวอนให้ข้ารับสั่งประหารเสียแล้ว”
 รับสั่งเสร็จสิ้น ไม่รีรอให้โอกาสกลกะลาตั้งหลักเอ่ยวาจาปฏิเสธอันใด ทรงผายหัตถ์เรียกใช้เทพมหาธาตุธรณีตรึงร่างเขาไว้
ค่อยยกลอยพากลับเข้าสู่ห้องบรรทมทันที แล้วพระองค์ค่อยย่างพระบาทตาม

พระพักตร์หล่อเหลาแลกรุ้มกริ่ม แฝงแววเจ้าเล่ห์ไม่น้อย กลกะลาดิ้นรนขัดขืนไม่ได้
 แม้แต่เสียงพูดก็ถูกสะกดไม่สามารถเปล่งออกมา จึงได้แต่ขมึงตาดุคาดโทษอีกฝ่ายอย่างเสียรู้
แต่องค์ชายธรณิณทรงแสร้งไม่เห็น ทั้งที่พระองค์เห็นเข้าเต็มๆ ว่าโดนเชลยจ้องเขม็งอยากฉีกพระองค์เป็นชิ้นๆ
นอกจากสำราญพระทัยอย่างที่ไม่คิดว่าจะรู้สึกได้เท่านี้ กลับยังทรงรู้สึกตื่นเต้น ที่จะได้ร่วมสังวาสสมความปรารถนา
ยอมละเมิดสัจจะที่ตั้งเอาไว้ ว่าจะไม่ยอมพบหน้าเชลยหนุ่มผู้นี้ภายในสามวัน

แค่สองราตรีพระองค์แทบขาดพระทัย ได้โอกาสใช้เพทุบายตีมึนใกล้ชิดแนบสนิท
มีหรือจะยอมให้หลุดลอยจากอุ้งหัตถ์ ถึงการเริ่มต้นจะพาเอาอกสั่นขวัญแขวนเสียพระทัยทั้งสองฝ่าย
บทสรุปลงเอยแบบนี้ ย่อมถือเป็นรสชาติประสบการณ์ที่มีคุณค่าต่อความทรงจำ ให้เก็บไว้อย่างไม่รู้ลืม
นั่นคือความนึกคิดขององค์ชาย..ผู้ได้ฉายามังกรปฐพีผู้นี้แล้ว
>
>
ต่อด้านล่าง


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-02-2014 10:42:01 โดย luxilove »

ออฟไลน์ luxilove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2415/-118
-  3  -




   “อ๊ะ..อ้าหห์”
สุรเสียงครวญครางหวานกระเส่า จากวรกายงดงามแน่งน้อยบิดเร่าอย่างทรมานปนสุขสม
โดยมีวรองค์ซึ่งงดงามไม่แพ้กันเป็นผู้ชักนำมอบความกระสันซ่าน ให้ผู้มิเคยมีประสบการณ์ได้สัมผัสรู้แล้ว

   ยามวิกาลดึกสงัด กลับเกิดบทรักร้อนฉ่า..สองหญิงงามระดับล่มแผ่นดินโรมรันพันตูอยู่บนเตียงบรรทม
ภายในห้องพำนักเจ้าของตำหนัก
   องค์หญิงดรุณีวัยแรกแย้ม ดุจดอกไม้งามหอมหวานล่อหลอกให้ผู้คนมัวเมา..ในความงดงามหอมหวาน
ของเกสรได้ไม่ยาก อีกหนึ่งเจนสังเวียนกามโลกีย์ ใช้เพทุบายอ้างมนตรามหาเสน่ห์เป็นตัวผลักดันให้เกิดการยินยอม
ปลุกพระกำหนัดด้วยน้ำมันหอมระเหย ที่ใช้นวดคลึงพระวรกาย สวมบทจอมขมังเวทย์แลดูเป็นที่น่าเชื่อถือยิ่งนัก
ฝ่ายร้อนพระทัยประสงค์ได้พระคู่หมั้นกลับคืน ให้ความเชื่อถือมิมีความคลางแคลงสงสัย
เนื่องจากผู้กระทำพิธีคือผู้ใกล้ชิดดุจธิดาของจอมขมังเวทย์แห่งยุค ซึ่งไม่มีใครในแผ่นดินไม่รู้จัก ‘พระปิตุลาแห่งเวฬุวรรณ’
จึงตกหลุมพรางยอมให้สัมผัสพระวรกายแนบชิด มึนเมาไปกลับพระอารมณ์ที่ถูกปลุกปั่น
ด้วยน้ำมันหอมระเหยมีฤทธิ์พิเศษเพื่อการนี้ บวกฝีไม้ลายมือที่เข้าใจจุดกระสันอิสตรี
มีหรือที่นางกวางสาวจักหนีจากน้ำมือนางพญาราชสีห์ไปได้ สุดท้ายกลายเป็นเริงโลกีย์ปรนเปรอสวาท
ระหว่างอิสตรีต่ออิสตรีเพศเดียวกัน

แม้ไม่มีส่วนเชื่อมต่อดังเช่นบุรุษ แต่หาได้เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด ในเมื่อสตรีผู้มีความชื่นชอบหลงใหลในอิสตรี
มีประสบการณ์และช่ำชองในการชักนำคู่เสพสังวาสเดินทางสู่ฝั่งฝัน
ใช้เพลาเกือบค่อนรุ่งที่พวกนางมัวเมาในรสกามตัณหา สุขสมเปรมปรีดิ์อย่างที่ไม่สามารถบรรยายได้
โดยเฉพาะองค์หญิงที่เพิ่งได้รับรู้รสสัมผัสเช่นนี้ครั้งแรก ย่อมอิ่มเอมหวามไหวติดพระทัยในรสชาติแล้ว

บ่อน้ำในตำหนัก กลับเป็นน้ำอุ่นให้พวกนางสรง ชำระล้างวรกาย
ยังมีเพลาเล็กน้อยคอยโลมไล้ซึ่งกันและกัน..ชวนวาบหวิวทิ้งท้ายให้จดจำ
ผู้เริ่มเพทุบาย กลับพบพานความสุขสมตราตรึงพระทัย ในความพิลาศหวานล้ำของหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งไตรคาน
ผู้คาดหวังพิธีกรรมที่ได้รับคำมั่นจากฝ่ายดำเนินแผน เพิ่มมนตรามหาเสน่ห์ให้วรองค์สามารถสยบพระทัยอดีตพระคู่หมั้น
ให้ตกอยู่ภายใต้อุ้งหัตถ์ของพระองค์อีกครั้ง

ทรงพึงพอพระทัยต่อรสชาติสุขสมที่ได้รับ โดยมิรู้สึกเสื่อมเสียในพระเกียรติแม้แต่น้อย ในเมื่อพวกนางล้วนเป็นอิสตรีทั้งคู่
ผ่านไปราตรีแรกราตรีสองสามสี่ ราชธิดาไตรคานแลผุดผ่องมีน้ำมีนวลพระวรกาย..เปล่งปลั่งงดงามผิดหูผิดตา
วงพักตร์ที่เคยเศร้าโศกกลับไม่พานพบความหมองเศร้าอันใดอีก นอกจากประกายเจิดจรัส
เคลือบแฝงความมาดหมายบางอย่าง..ยากที่จะมีผู้ใดล่วงรู้ได้

ต่างกับองค์หญิงต่างแดนนับวันดูซีดเซียว พักตร์งามเคยเจิดจรัสเปล่งรัศมีบาดตาแก่ผู้พบเห็น
แลน่าเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย พระองค์ทรงเสวยไม่เป็นไปตามเพลาดังเคย กลับทรงบรรทมตื่นยามพระอาทิตย์ขึ้นถึงศีรษะ
สร้างความประหลาดใจให้แม่เล็กพอสมควร พอเธอไต่ถามดูยังคงไม่ได้รับความกระจ่าง
นอกจากรู้เพียงว่าองค์หญิงชลธารต้องการพักผ่อนวรกาย

“แม่ครับพี่ธารเป็นอะไรหรือเปล่า ผมไม่เห็นหน้าหลายวันแล้ว”
ผักตบถามแม่เล็ก หลังไม่เจอหน้าค่าตาพี่สาวฝาแฝดร่วมโต๊ะเสวยมื้อค่ำ  พูดให้ถูกไม่เจอหน้ากันเลยก็ว่าได้

“เขาไม่เป็นไรหรอก..เหมือนจะชอบหลับชอบนอนตื่นเอาเที่ยงวัน พระอาทิตย์ไม่ตรงกบาล
แม่ไม่เห็นลุกจากเตียงหลายวันแล้ว พอตื่นมาก็อาบน้ำทานข้าวแล้วก็ไปขลุกอยู่ตำหนักองค์หญิงอ้าย
ไม่รู้ไปสนิทอีท่าไหน ที่รู้ก็ไม่ได้ถามจากเขานะตบ แอบตะล่อมถามเอากับพวกนางกำนัลแทน
จึงรู้ว่าเขาไปอยู่ตำหนักองค์หญิงอ้าย กลายเป็นสนิทกันไปแล้ว กลับก็มืดค่ำดึกดื่น นี่ก็ยังไม่กลับแม่เข้านอนโน้น
บางวันแม่หลับไปแล้วก็ไม่รู้หรอกว่าเขากลับมาตอนไหน พักนี้แม่หลับสนิทดีเสียด้วย
เรื่องของเขาแม่ซักถามอะไรมากไม่ได้ ดูวุ่นวายเรื่องส่วนตัวเขาเปล่าๆ”
แม่เล็กเล่าให้ลูกชายฟัง องค์ชายวายุภักษ์ทรงสดับฟังนิ่ง
โดยไม่มีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น หรือไต่ถามอะไรเลย

“ผมนึกว่าพี่เขาป่วย หายหน้าหายตาไม่เจอเลย ถ้าเขามีเพื่อนแก้เหงาก็ต้องปล่อยไป ช่วงนี้ผมยุ่งพอสมควร
พรุ่งนี้งานเสร็จแล้ว จากนี้ก็เตรียมอภิเษกอีก องค์ชายบอกจะมีช่างอาภรณ์มาลองชุดที่ใช้ในพิธีให้ผม
แถมพวกดูแลผิวพรรณอีก เหมือนเข้าคอร์สเจ้าบ่าวเจ้าสาวซะงั้น ไม่ยักรู้โบร่ำโบราณก็มีด้วย
เขาย้ำเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ..ปฏิเสธไม่ได้ครับ ตัวเขาก็ต้องให้ความร่วมมือเช่นกัน
ตารางต้อนรับแขกที่จะมาร่วมพิธีพวกทูตานุทูตยาวอื้อเลยแม่ คงยุ่งวุ่นวายไปจนถึงงานแต่งทีเดียว
ช่วงนี้ผมเลยไม่มีเวลาไต่ถามพี่เขาเหมือนกัน แม่ถามให้หน่อยเขาต้องการอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า
เสื้อผ้าที่จะร่วมพิธีองค์ชายกำชับพวกที่ดูแลเรื่องนี้จัดเตรียมไว้ให้เรียบร้อย ทั้งของแม่ของพี่ธารด้วย
ถือเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายผมที่จะเข้าร่วมพิธี ศักดิ์ฐานะพี่ธารเป็นที่รู้จักของแขกเหรื่อเป็นอย่างดี
ถ้าพี่เขาขาดเหลืออะไรแม่บอกบุปผาราตรีได้เลย ให้เธอเป็นธุระจัดหาให้ก็แล้วกันนะครับ องค์ชายกำชับพวกเธอไว้ให้แล้ว”

“ไว้แม่จะถามเขาให้ ดูว่าที่ผัวแกซิตบ ไม่พูดไม่จาฟังพวกเราพูดอย่างเดียว”
แม่เล็กรับคำ ก่อนหันไปหยอกลูกเขยแทน

“แม่พูดจาน่าเกลียด ผัวเผออะไรกัน” ผักตบหน้าแดงหูแดง

“อ้าว! ไม่ใช่ผัวจะให้เรียกยังไง อย่าบอกถึกขนาดนี้เขาจะยอมเป็นเมียแกฮึ!
พนันล้านฉันเอาบาท ไม่มีทางเป็นไปได้แน่” แม่เล็กแย้งทันควัน

“โธ่แม่! ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น เรียกให้ฟังดูดีกว่านี้หน่อยสิ
พระสวามีหรือแฟนก็ได้..เล่นล่อซะผัวเชียว” ผักตบโอดครวญ
แทบยกมือกุมขมับกับความคิดเกรียนขั้นเทพของแม่ตัวเอง

“ชิช่ะ! พอได้เป็นพระชายา ฟังคำว่าผัวไม่ได้แล้ว กระแดะไปไหม”

“ไปกันใหญ่แล้วแม่” ผักตบอึ้ง เถียงไม่ออก

“อันใดคือผัวกระนั้นหรือ” องค์ชายทรงแทรกขัดตรัสถามด้วยความสงสัยพระทัย หลังสองแม่ลูกเน้นคำนี้เป็นพิเศษ

“อ้าว! นี่ก็ไม่รู้เรื่องอีก” แม่เล็กไม่ตอบ หันไปมองพักตร์คมคายที่ดูยังไงก็ไม่เบื่อ กลับทอดเนตรรอฟังคำตอบจากเธอนิ่ง

“แม่ครับ..เขาไม่รู้ศัพท์สามัญที่พวกเราใช้หรอก ที่นี่เขาเรียกคู่รักหรือไม่ก็สามีภรรยา” ผักตบรีบแก้ความเข้าใจให้แม่ใหม่

“อุวะ! ฟังนะองค์ชาย ที่บ้านแม่เขาเรียกผู้ที่เป็นพระสวามีว่า ‘ผัว’ ส่วนคนเป็นพระชายาว่า ‘เมีย’..”
แม่เล็กหันไปอธิบายให้องค์ชายวายุภักษ์รับทราบความหมาย

“ผัว..เยี่ยงนั้นเป็นเราที่ท่านกล่าวถึง ผักตบคือเมียของเราเข้าใจถูกหรือไม่”
องค์ยุพราชหนุ่มทรงสรุป ผินพักตร์ไปขอคำยืนยันจากผักตบ ซึ่งนั่งหน้าแดงเข้าไปใหญ่

“ตอบเขาไปสิ จะอายทำไมลูกฉัน” แม่เล็กมีความสุข ที่ได้แกล้งผักตบให้อายจนหน้าแดงหูแดง

“แม่ไม่บอกเขาเองล่ะ ก่อเรื่องก็สานให้จบ มาโยนให้ผมทำไมหืม..ตั้งใจแกล้งผมใช่ไหม”
ลูกชายค้อนแม่ โยนให้แม่เป็นคนรับผิดชอบเสียเอง แม่เล็กกลั้นหัวเราะท้องแข็ง

“ถูกแล้วองค์ชาย ทีหลังให้เรียกผักตบว่าเมีย ไม่ต้องชายาให้มันยุ่งยาก เรียกแทนตัวองค์ชายว่าผัว”
แม่เล็กแนะนำว่าที่ลูกเขยด้วยสีหน้าอมยิ้ม กลั้นหัวเราะสุดชีวิต

“แม่มมม!!” ผักตบเหลือทนกับความเกรียนของแม่ ชอบแกล้งลูกให้หลุดฟอร์มพาอายตลอด..เผลอแหวเสียงหลง

“คุณอย่าไปฟังแม่มาก เรียกตามที่นี่แหละ” ผักตบรีบแก้ไขความเข้าใจองค์ชายเสียใหม่ ด้วยอาการหน้าแดงแปร๊ด
องค์ชายวายุภักษ์จ้องชายาด้วยความขบขัน แม้ไม่รู้กลในเคลือบแฝงความหมาย ทรงคาดเดาอาการแม่ลูกคู่นี้
คงเป็นคำเรียกขานที่ทำให้ชายาพระองค์ขวยเขินเป็นแน่

“เราจักทำตามที่เจ้ากล่าว” พระองค์รับคำ ส่วนแม่เล็กระเบิดเสียงหัวเราะเป็นที่เรียบร้อย

“ฮะฮ่าๆ..อยากปรบมือให้ลูกชายจริงเว้ย ไม่ทันไรสามารถเอาผัวอยู่ในโอวาทแล้ว..เก่งจริงลูกชายช้านน!!”
เป็นประโยคที่ผักตบถึงกับเผลอเรียกแม่เสียงหลงอีกครั้ง

“แม่มมม!!” ความหรรษาบนโต๊ะเสวยมื้อค่ำ จบลงด้วยพระมเหสีให้นางกำนัลมาเชิญแม่เล็กไปเข้าเฝ้า
 พระองค์มีพระประสงค์จัดอาภรณ์พร้อมเครื่องประดับ สำหรับใส่ร่วมพิธีอภิเษกให้แม่เล็กด้วยพระองค์เอง
เป็นอันว่าแม่เล็กมีภารกิจเข้าเฝ้าพระมเหสี องค์ชายวายุภักษ์ว่าที่พระสวามี ใช้เวลาอยู่กับผักตบต่ออีกเล็กน้อย
ค่อยกลับยังตำหนักรับรองส่วนพระองค์ เพื่อให้เขาได้พักผ่อนเมื่อทรงเห็นสมควรแก่เวลา

ผักตบมีความสุขมาก กับสภาพความเป็นอยู่ขณะนี้ ยิ่งเห็นแม่เล็กปรับตัวได้ไม่มีปัญหาเขาก็หมดห่วง
คลายกังวลว่าแม่จะคิดถึงยุคที่จากมา พอเห็นแม่มีความสุข มีอารมณ์ขันหาเรื่องหยอกเย้าเขาได้แบบนี้ค่อยเบาใจ
เสียงหัวเราะของแม่ถือเป็นยาชูกำลังแขนงวิเศษ ก่อนเข้านอนไม่ลืมแวะไปห้องแม่ ดูว่าพี่สาวชลธารกลับหรือยัง
ปรากฏไร้วี่แววองค์หญิงฝาแฝดผู้พี่ ผักตบไม่คิดพี่สาวจะกลับดึกขนาดนี้ 
รู้สึกแปลกใจพอสมควร ต่อให้สนิทกับองค์หญิงศศิธรมากแค่ไหน ก็ไม่น่ากลับดึกติดพันเพลินจนกระทั่งลืมเวลา
ตัดใจเข้านอนด้วยความรู้สึกคลางแคลงใจไม่น้อยเลยทีเดียว..
>
>
   “ใยท่านพาข้ามาตำหนักเจ้าพี่วายุเล่า” องค์หญิงศศิธรรับสั่งถามองค์หญิงชลธาร
หลังอีกฝ่ายพาพระองค์เสด็จมายังห้องบรรทมที่พำนัก

   “วันนี้ไม่มีใครอยู่ อนุชาข้าออกไปกับพระคู่หมั้นเจ้าแต่เช้าตรู่ ส่วนมารดาไปเข้าเฝ้าพระมเหสี
ข้าให้เจ้ามาที่นี่เพราะจักลงอาคมมนตรามหาเสน่ห์ให้เจ้าในเพลากลางวัน” พระองค์ทรงรับสั่งอธิบายเหตุผล

   “ท่านเคยบอกข้าจักกระทำยามราตรี ใยทำเพลานี้ได้”

   “เจ้าอย่าได้สงสัยอันใดน้องหญิง ที่ข้าบอกต่อเจ้าล้วนเห็นว่าไม่อาจรอดพ้นสายตาผู้ใด
หากข้ากระทำเพลากลางวันดอก เสด็จพ่อของเจ้าย่อมเสด็จมาพบเจ้าเป็นประจำ
เยี่ยงนั้นข้ากับเจ้าจักมีเพลาใดให้กระทำ เรื่องสำคัญซึ่งมิอาจเปิดเผยแพร่งพรายเยี่ยงนี้ ย่อมต้องกระทำยามราตรี
   ข้านำเจ้ามากระทำยังตำหนักห้องพำนักของข้า เพราะปลอดโปร่งไม่มีผู้ใดสามารถระแคะระคายเรื่องราวได้
เข้าใจแล้วหรือไม่” การชี้แจงเหตุผลเป็นที่กระจ่าง องค์หญิงศศิธรพอสดับฟังก็คล้อยตามไม่มีข้อกังขา

   “เยี่ยงนั้นท่านก็ลงมือเถอะ ข้ามิสามารถใช้เพลาอยู่ที่นี่ได้นานนัก
หากเสด็จพ่อทรงถามถึงจักสงสัยได้ ที่มิทรงเห็นข้าอยู่ในตำหนัก”

   “เช่นนั้นเราเริ่มกันเถอะ เพียงไม่นานเจ้าจักสามารถทวงคืนคู่หมั้นของเจ้าได้แล้ว
อดทนอีกนิดทุกอย่างใกล้สัมฤทธิ์ผล วายุภักษ์มิสามารถต้านทานมนตรามหาเสน่ห์ในกายเจ้าได้แน่”
พระดำรัสสร้างความมั่นพระทัยให้องค์หญิงศศิธร ก่อนวรกายงดงามเปี่ยมเสน่ห์ของอิสตรี
จักโลมไล้ปลุกเร้าซึ่งกันและกันอย่างรู้หน้าที่ ไม่มีพระอาการเคอะเขินแม้แต่น้อย ทรงชินชาคุ้นเคยเป็นอย่างดี
หลังได้ร่วมกระทำภารกิจต่อเนื่องมาหลายราตรี ต่างรู้พระทัยลึกซึ้งไปแล้ว

โดยมีเงื่อนไขพันธสัญญาเป็นสิ่งผูกยึด ให้ขัตติยนารีทั้งสองพระองค์เกี่ยวพันต่อกัน
จักให้ความร่วมมือในเรื่องที่ตั้งพระประสงค์หวังให้สำเร็จลุล่วง
ย่อมไม่มีสิ่งใดสามารถขัดขวางความมุ่งมั่นในพระทัยไปได้
การร่วมเสพสังวาสระหว่างอิสตรี จึงเริ่มขึ้นภายในห้องบรรทมยังตำหนักวาโยทิพย์
โดยมิมีผู้ใดล่วงรู้เนื่องจากไม่ได้อยู่แม้แต่ผู้เดียว

ส่วนข้าราชบริพารไม่มีใครกล้าวุ่นวาย ทรงมีพระประสงค์ใช้เพลาส่วนพระองค์
คือการรับสั่งมิให้รบกวน พวกเขาจึงได้แต่รับพระบัญชาโดยไม่มีข้อแม้
ทั้งสองพระองค์ล้วนมีพระอำนาจที่ต้องน้อมรับ ให้ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ตามกฎระเบียบภายในวังหลวงนั่นเอง...


มาอัพตามนัด  เหลืออีก 6 ตอนจบสำหรับภาคแรกนี้นะคะ (ภาค 2 อยู่ในหนังสือรุ่นลูกค่ะ)

เจอกันอีกทีวันพุธ กับงานอภิเษก พร้อมกับเรื่องราวเดินทางสู่จุดไคลแม็กของเรื่องแล้วนะคะ

ปล.ใครสนใจเก็บเรื่องนี้ในรูปเล่มหนังสือ ดูรายละเอียดหน้า 1 ได้เลยค่ะ เปิดโอนจองวันนี้วันแรกค่ะ

ปกหนังสือเล่ม 3 รุ่นลูกนะคะ เล่ม 2 เป็น กลกะลา VS องค์ชายธรณิน จะเอามาอัพให้ดูวันหลังครบทุกเล่มค่ะ
ตอนนี้ดูปกเล่ม 3 ไปก่อน ระหว่าง สุริยัน & ดารา
[/i]


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-02-2014 10:53:00 โดย luxilove »

ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
 :pighaun:
ฟินจริงๆ  :mew3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






nemesis

  • บุคคลทั่วไป
รอวันพุธๆกำลังสรุกเลยคึ

FeeDtheCAT

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณค่ะ

 :mew1:

ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11
อ๊ายยยย ฟิน  มาครบทุกคู่  :กอด1:

ตอนหน้าจะถึงจุดไคลแมกแล้ว ตื่นเต้นๆ  :ling1:

รอๆๆๆๆ

แต่ฟินสุดเห็นจะเป็นสุริยันกะดารานี่แหละค่ะ  ไม่พลาดจะเก็บไว้แน่นอนค่า  :hao7:

บวกเป็ด

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
แอร๊ยยยส์ มีรุ่นลูกด้วยอ่ะ

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
โหหหห องค์หญิงชลธารเพลินเลยสินะ  :katai2-1:

ออฟไลน์ วัวพันปี

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-3
 :katai5:  ครบทุกคู๋
เทใจให้กลกะลาหมดแล้ว

ออฟไลน์ tamako

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-6
แอร๊ย  หวานๆทั้งตอน
ฮาองค์ชายสุดฤทธิ์ตีมึนได้สุดยอดจริงๆ

ออฟไลน์ akeins

  • ชีวิตเรา Undo ไม่ได้
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8891
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
อ๊าย หวานกันไปไหน
ฟินมาก
ครบทุกคู่แบ้ว
ตื่นเต้นกับตอนหน้า

ออฟไลน์ yunchun

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 554
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
องค์ชายหน้ามึนนี่ฮาจริง  :laugh:
อยากอ่านรุ่นลูกมากกกเลยคะ  :impress2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด