ถ้าให้รักก็อย่าร้าย ตอนที่ 23 “ไอ้โยอ่ะกูให้ ถ้าไม่รักกูไม่ให้นะมึง” ผมมองพี่ชินคีบหมูที่ปิ้งจนสุก ใส่ถ้วยพี่โยที่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“เก็บความรักของมึงไว้ให้น้องวีคนเดียวเถอะแม่ง แดกไม่หมดแล้วถึงให้กูนะ”
“อ้าวมิตรภาพนะมึง กินๆเข้าไปเถอะอย่าบ่น”
“มิตรภาพที่เกิดขึ้นได้ตอนมึงอิ่มสินะ ห่าทำมาพิศวาสกูตอนนี้ ถุ๊ย!” เสียงพี่โยกับพี่ชินคุยกันกระหนุงกระหนิงเรียกเสียงหัวเราะจากผมและเพื่อนๆตั้งแต่มาถึงร้านหมูกระทะจนตอนนี้ 3 ทุ่มกว่าแล้วก็ยังได้ยินเสียงหัวเราะอยู่เลยครับ
หมูกระทะร้านนี้เป็นร้านขึ้นชื่ออยู่ใกล้ๆมอ มาถึงคนก็เยอะแล้วครับเพราะเป็นวันศุกร์สิ้นเดือน แถมเป็นวันที่มีการเรียนการสอนวันสุดท้ายของเทอมอีกกว่าผมจะหาโต๊ะได้ก็นานเหมือนกันครับ โชคดีมีคนอิ่มพอดีผมเลยได้นั่งโต๊ะหินอ่อนเดินไม่ไกลจากที่ตักอาหารมากนัก
พี่ชินจองนั่งเก้าอี้ตัวเดียวกับผมส่วนด้านขวามือเป็นพี่โยที่นั่งคนเดียว ที่เหลือไอ้แบตกับลูกแพรนั่งกันคนละตัว พอได้ที่นั่งเท่านั้นแหละครับเหมือนปอบลงต่างคนต่างหาของที่ตัวเองอยากกินมาจัดการทั้งปิ้งย่างต้มซัดกันเพลินเลย
“วีเอากุ้งอีกไหม”
“ไม่เอาแล้วครับอิ่มท้องจะแตก พี่เอาไหมผมแกะให้” ผมถามพี่ชินที่กำลังนั่งย่างกุ้งตัวใหญ่อยู่บนตะแกง ร้านนี้นอกจากจะมีกระทะย่างหมูแล้วยังมีเตาย่างอาหารทะเลแยกต่างหากให้ด้วยครับ
“ไม่ไหวเหมือนกัน แล้วที่เหลือนี่ใครจะกินล่ะ”
“ไอ้แบตไงพี่ จริงไหมไอ้แบตมึงยังไม่อิ่มเนอะ” ผมตอบพร้อมถามไอ้แบตต่อ
“คนนะเว้ยไม่ใช่รถถัง แม่งจะให้กินได้เป็นตันๆเลยรึไงวะ”
“กูรู้ว่ามึงยังกินได้อีก ถ้าไม่หมดโดนปรับนะมึง”
“ให้กูอ้วกออกมาโชว์ไหมล่ะ มึงจะได้รู้ว่ากูไหวรึเปล่าจุกอยู่ที่คอแล้วเนี๊ยะ” ไอ้เชี้ยแว่นว่าพร้อมทำท่าจะอ้วกให้ผมดู
“สัส! พูดซะกูอยากอ้วกด้วยอีกคน”
“เวลาตักเสือกไม่ประมาณตัวเองแล้วมารำบากกูไหม”
“ก็ตอนนั้นกูหิวนี่หว่านึกว่าจะกินหมด”
“หมดก็ไม่ใช่คนแล้วมึง ถ้ากินขนาดนี้มึงเป็นปอบเถอะ”
“แล้วจะทำยังไงกับของบนโต๊ะดีวะ”
“ไม่หมดก็เอาไว้อย่างนี้แหละ เดี๋ยวพี่จ่ายค่าปรับเอง” พี่ชินแทรกขึ้นมาระหว่างที่ผมกับไอ้แบตกำลังเถียงกันอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ทิ้งได้ไงพี่เสียดายของ” ผมหันไปตอบพี่ชินที่นั่งจ้องหน้าผมจนเกือบชิด
“มึงเสียดายมึงก็กินเองดิ กูไม่ช่วยนะบอกเลย” ไอ้แบตรีบออกตัวก่อนคนอื่นเลยครับ
“เออกูก็ไม่คิดว่ามึงจะมีน้ำใจขนาดนั้นหรอก พี่โยกินอีกหน่อยนะครับผมแกะให้” เปลี่ยนเป้าหมายมาที่พี่โยแทนหลังจากดูสภาพแล้วคนอื่นคนหมดสิทธิ์จะหวังพึ่งลูกแพรยิ่งไม่ได้ใหญ่คนนี้ยกธงขาวก่อนใครไปกินบุฟเฟ่ต์ด้วยกันที่ไรไม่เคยคุ้มซักครั้ง
“ก็ได้ครับเดี๋ยวพี่กินให้” หุหุ มีคนช่วยแล้วครับหลังจากนั่งยิ้มฟังผมกับไอ้แบตเถียงกันอยู่นานพี่โยก็ยอมอาสากินอาหารบนโต๊ะที่เหลือ
“ได้แล้วครับพี่โย อ๊ะ!”
“เอามานี่กูกินเอง” อยู่ๆกุ้งตัวโตที่ผมแกะจนเสร็จและกำลังจะยื่นใส่จานพี่โยก็ถูกขโมยโดยการจับข้อมือผมไว้แล้วใช้ปากงับกุ้งจากมือผมไปกินหน้าตาเฉยเลยครับ
ไหนบอกว่าอิ่มแล้วไงวะ แล้วกินจากมือผมแบบนี้คิดว่าผมจะอายไหมล่ะ ตอบเลยว่าอายครับอายมากยิ่งไอ้เพื่อนผมทั้งสองคนนี่จ้องเขม็งเลย
“ฮิ้ววววว.......พี่ชินทำอะไรเกรงใจคนโสดอย่างผมบ้างนะครับ ตาร้อนเป็นไฟแล้วเนี๊ยะ” เสียงไอ้แบตแซวก่อนใคร
“ใช่ค่ะแพรยังแอบอิจฉาเลย”
“อย่าอิจฉาพี่เลยครับรอไว้เพื่อนเราใจอ่อนก่อนค่อยมาอิจฉาพี่นะ” พี่ชินว่ายิ้มๆก่อนเพื่อนผมทั้งสองคนจะอมยิ้มเหมือนรู้กันว่าอีกไม่นานพี่ชินต้องสมหวังแน่ๆ
“พี่ชินไหนว่าอิ่มแล้วไงครับ” ไม่รู้จะว่าอะไรก็พี่ชินเล่นหันมาจ้องหน้าผมไม่เลิก ผมเลยเปลี่ยนเรื่องซะเลย ใครจะกล้าสารภาพรักกลางร้านหมูกระทะที่หน้ามันเยิ้มขนาดนี้ แถมยังมีคนจ้องอีกล่ะครับ
“ก็อิ่มแล้วแต่วีแกะให้คนอื่นทำไมล่ะ จำไวนะวีแกะให้พี่ได้คนเดียวเท่านั้น” พี่ชินว่าพร้อมเอนตัวนั่งสบายพาดแขนบนพนักพิงด้านหลังผม มองเผินๆเหมือนกำลังโอบผมไว้แต่ไม่ใช่นะครับ พี่ชินคงแค่กำลังเมื่อย
“เอ่อครับงั้นผมแกะให้อีกนะ” ผมขานรับงงๆ ก่อนเริ่มแกะตัวใหม่ให้พี่ชินพี่พยักหน้ารับแล้วยกเบียร์ขึ้นจิบ
ผมถูกสั่งห้ามแตะแอลกอฮอลล์เด็ดขาด วันนี้เลยกินแต่น้ำอัดลมล้วนๆ ส่วนไอ้แบตกับพี่โยก็กินเบียร์เป็นเพื่อนพี่ชินตาเยิ้มเลยครับ
“พี่โยคราวหน้าชวนแฟนพี่มาด้วยนะครับผมอยากรู้จัก” ผมถามจบพี่โยถึงกับชะงักมือที่กำลังส่งลูกชิ้นเข้าปาก อะไรจะหวงแฟนขนาดนั้นไม่อยากให้ใครรู้จักเลยหรอ
“วีว่าอะไรนะ”
“แฟนพี่โยไงครับ ผมอยากรู้จักได้ยินว่าพี่มีแฟนตั้งนานแล้วยังไม่เคยเจอซักที” ผมถามย้ำอีกครั้งเหมือนไม่เห็นอาการแกล้งงงของแก
“ไปรู้ข่าวมาจากไหน”
“อ้าวก็...ช่างมันเถอะครับสรุปแล้วพี่ยังไม่มีแฟนเหรอครับ” ผมกำลังจะพูดพร้อมหันไปทางพี่ชินเพื่อหาคนช่วยยืนยันแต่พี่ชินกลับมองไปทางอื่นเหมือนหลบตาผมซะงั้น เท่านี้รู้เลยผมแม่งโดนพี่ชินอำอีกแล้ว
“มันจะมีหรือไม่มีไปยุ่งอะไรกับมัน สนใจอะไรมันนักหนาวะ” อ้าวอยู่ๆพี่ชินกลับเสียงแข็งกับผมอีกแล้ว หลังๆมาผมเริ่มสงสัยทำไมพอเป็นเรื่องพี่โยทีไรพี่ชินมีอาการตลอดเป็นอะไรของเขาวะ
“ผมแค่อยากรู้นิดเดียวไม่ได้เหรอ ก็คนมันรู้จักกัน”
“หึหึ มึงจะขี้หึงไปไหนวะ กูบอกว่าไม่จีบก็ไม่จีบแล้วดิ” พี่โยพูดอะไร
“พี่โยอย่าบอกนะว่าพี่คิดจะจีบไอ้วีด้วยอีกคน” ไอ้แบตถามเสียงตื่นเลยครับ ทำไมวะคนอย่างกูมีอะไรไม่ดีถึงคิดจีบไม่ได้ ผมมองไอ้แบตเคืองๆ
“ก็แบบนั้นแหละ เมื่อก่อนพี่ไม่รู้ไงว่าไอ้ชินมันชอบอยู่ ดันไปเปรยๆกับมันว่าจะจีบทีนี้องค์ลงว่ะแค่พูดถึงก็ไม่ได้จะแดกหัวตลอด”
“พี่คิดอะไรอยู่ทำไมถึงไปชอบคนอย่างมันได้ ผมล่ะแปลกใจจริงๆ” ไอ้แบตถามพร้อมทำหน้าสงสัยอย่างไม่ปิดบัง
“ตอนนั้นพี่ชอบในความสดใสของวีเลยคิดจะจีบไง แต่พอมาเจอตอเข้าเลยถอยดีกว่ารู้ว่ายังไงก็สู้ไม่ได้ แต่ไม่คิดว่าแม่งจะหักหลังมาบอกว่าพี่มีแฟนแล้วแบบนี้” พี่โยเล่าก่อนหัวเราะขำๆกับความเจ้าเล่ห์ของพี่ชิน
“กูก็ไม่ได้โกหกไหม น้องน้ำฝนที่กูแนะนำให้มึงไงเห็นจะคบกันอยู่แล้วไปไงดันจีบไม่ติดเอง”
“เออ ใช่ๆหลังจากมันบอกให้พี่เลิกยุ่งกับวี อีกวันมันพาสาวมาแนะนำให้พี่ด้วยนะ ดีกรีดาวคณะวิทย์เลย แต่น้องเขาชอบมันไงไม่ได้ชอบพี่สุดท้ายกินแห้วไปอีกตามระเบียบ”
“มึงแม่งไม่มีน้ำยาเอง อย่ามาโทษกู”
“เออๆ ว่ากูอีกคำกูแย่งน้องวีมึงนะ” พี่โยทำท่าขู่ก่อนหันมายิ้มหวานให้ผมที่กำลังประมวลผลเรื่องราวที่เพิ่งรับรู้ ผมไม่รู้มาก่อนเลยจริงๆครับว่าพี่โยชอบผม
“สัส! อย่ายุ่งกับคนของกู” เสียงพี่ชินว่ากลับก่อนยกตะเกียบชี้หน้า
“พี่โย พี่เป็นเกย์เหรอ” หลังจากเงียบไปสักพักไอ้แบตก็เริ่มถามขึ้นมาใหม่
“ป่าว”
“อ้าว ไม่ได้เป็นแล้วพี่จะจีบไอ้วีมันทำไมครับ”
“ไม่ได้เป็นเกย์แต่รู้สึกว่าวีมันน่ารัก อยากจีบพี่ก็จีบดิเหมือนไอ้ชินมันก็ไม่ได้เป็นเกย์ แฟนมันทุกคนที่ผ่านมาเป็นผู้หญิงหมด มีน้องวีนี่แหละเป็นผู้ชายคนแรก แล้วเวลาพี่รักใครพี่ไม่สนหรอกว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงแค่เป็นคนที่พี่รักก็พอ” พูดจบพี่โยดูหล่อไปเลยครับ ผมเปลี่ยนใจไปหาพี่โยทันไหมวะ
“หมั่นไส้ว่ะ มึงไปทำหล่อไกลๆกูเลย เอ้าเอาไปแดกแล้วเงียบไปเลยนะ” พี่ชินทำหน้าหมั่นไส้ก่อนคีบหมูคีบผักใส่ถ้วยพี่โยจนพูน พวกผมก็มองพร้อมหัวเราะในความสนิทและขี้แกล้งของทั้งสองคน
………………………………..
“พี่ชินมาอาบน้ำก่อน อย่าเพิ่งนอน” ผมดึงแขนผู้ชายร่างหนาที่มาถึงห้องแล้วไม่ยอมอาบน้ำแต่กลับเดินไปทิ้งตัวลงบนที่นอนทันที
“ไม่อาบได้ไหม ง่วงแล้ว”
“ไม่ได้ตัวเหม็นขนาดนี้ ทั้งเหงื่อทั้งควันจากร้านหมู ลุกเลยพี่ชินอย่ามาทำตัวหนัก โอ๊ย!”
“พี่จะเหม็นได้ไงขนาดวียังตัวหอมอยู่เลย ฟอดดด”
“อื้อ...ปล่อยจะไปอาบน้ำแล้ว พี่ไม่อาบก็ไม่ต้องอาบ” ผมว่าก่อนดันหน้าพี่ชินออกห่าง หลังจากโดนดึงลงมาบนที่นอนพี่ชินก็พลิกตัวขึ้นเอาคางเกยหน้าอกผมทันที
“ไม่อาบได้จริงๆนะ”
“จริง แต่ผมไม่นอนกับพี่นะเหม็น ผมจะออกไปนอนโซฟาข้างนอก”
“เฮ้ย! ได้ไงไม่เอางั้นดิแล้วพี่จะกอดใคร”
“ถ้าไม่เอาก็ไปอาบน้ำ ป่านนี้ที่นอนเหม็นตามพี่ไปแล้วมั้ง”
“อาบให้หน่อยนะ” จังหวะที่กำลังลุกขึ้นยืนอยู่ๆพี่ชินก็ดึงผมลงไปนั่งบนตักตัวเอง ก่อนเอาหน้ามาคลอเคลียด้านหลังแล้วกระซิบใกล้หู ขนลุกซู่เลยแม่งเอ๊ยเล่นอะไรวะ
“พี่ชิน!ปล่อยเลย ถ้าพี่ทำแบบนี้อีกผมกลับไปอยู่ห้องผมแล้วนะ” พอพี่ชินคลายมือจากเอวผมรีบเด้งตัวหนีทันที อยู่ท่านี้นานไม่ได้กลัวใจตัวเองเหมือนกันครับ
“หึหึ ปล่อยก็ได้ ขู่ตลอดนะไปอาบเดี๋ยวนี้แหละ”มือหนาที่ยกขึ้นมายีหัวผมเต็มแรงก่อนเดินผิวปากเข้าห้องน้ำเหมือนอารมณ์ดีที่ได้แกล้งผมซะงั้น
“วีเสร็จแล้วอาบต่อได้เลย”
“อาบไวจังพี่ อาบหรือวิ่งผ่านแน่” ผมถามหลังหันไปเห็นพี่ชินที่มีผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันรอบเอวเผยให้เห็นหน้าท้องแบบราบหน้ามอง มานั่งดูทีวีคอยคิวอาบน้ำยังไม่ได้ 10 นาทีเลยครับ
“อาบดิสะอาดทุกมุม ไม่เชื่อจะลองดมดูไหมว่าหอมขนาดไหน”
“ไม่ๆ เชื่อแล้วว่าสะอาดไม่ต้องเข้ามา ผมไปอาบน้ำต่อแล้วนะ” รีบชิ่งทันทีที่เห็นสายตาวาววับคู่นั่นบวกการเดินกางแขนโชว์รักแร้เข้าหา รู้ได้เลยว่าต้องมีอะไรมาแกล้งผมอีกแน่ๆแล้วมีเหรอผมจะอยู่รอ
“อาบเร็วๆนะ พี่ง่วงแล้ว”
“ง่วงพี่ก็นอนไปก่อนดิไม่ต้องรอ” ผมตะโกนตอบก่อนเริ่มลงมืออาบน้ำ ได้โดนน้ำเย็นๆนี่มันสดชื่นดีจริงๆครับ กว่าจะอาบเสร็จก็เกือบครึ่งชั่วโมง
“มานั่งนี่มากูเป่าผมให้” เสียงพี่ชินดังขึ้นทันทีที่ผมเดินออกจากห้องน้ำ ตอนนี้พี่ชินใส่เสื้อกางเกงชุดนอนเรียบร้อยในมือมีไดร์เป่าผมคงเป่าผมตัวเองเสร็จพอดี
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่พี่ถึงมาทำใจดีกับผม มันแปลกๆนะ” แกล้งถามพร้อมยักคิ้วกวน
“ถามมากเว้ยคนจะรีบนอนมาเร็วๆ”
“ผมทำเองได้ พี่นอนเถอะง่วงไม่ใช่เหรอ”
“จะนอนหลับได้ไงเสียงไดร์เป่าผมดังขนาดนี้ มานั่งนี่เร็วๆกูจะได้รีบเป่ารีบนอน”
“ครับๆๆ” ผมรับคำก่อนเดินไปนั่งบนพื้นห้องกลางหว่างขาพี่ชินเอาหลังพิงเตียงให้พี่ชินที่นั่งขอบเตียงเป่าผมให้ได้สะดวก ใช้เวลาไม่นานผมก็แห้งสนิทพี่ชินเลยเก็บไดร์เป่าผมก่อนปิดไฟแล้วขึ้นมานอนบนเตียงที่ผมขึ้นมาซุกตัวใต้ผ้าห่มตั้งแต่ผมแห้งแล้วครับ
“อื้อพี่ชินหายใจไม่ออก” ผมประท้วงทันทีที่รู้สึกแรงมหาศาลดึงตัวผมเข้าปะทะอกแล้วกอดไว้แน่น
“ขอกอดนิดเดียว เดี๋ยวนอนไม่หลับ”
“กอดนิดเดียวอะไร ร่างผมจะแหลกอยู่แล้วเนี๊ยะ นึกว่าจะโดนงูแดก”
“พูดใหม่ พูดไม่เพราะ”
“ไม่เพราะตรงไหน พี่อย่าหาเรื่องผมดีกว่า”
“ถ้าไม่พูด พี่จูบนะ”
“พะ...อื้อออ” กำลังจะขยับปากพูดแต่ไม่ทันริมฝีปากหนาๆที่โน้มเข้ามาใกล้ก่อนกดลงบนริมฝีปากผม แล้วไม่แค่นั้นผมรู้สึกได้ถึงลิ้นร้อนๆที่พยายามจะดุนดันเข้ามาในปากผมให้ได้ ระหว่างที่สมองผมกำลังประมวลผลว่าจะทำยังไงดี ร่างกายมันก็ไม่ยอมรอแล้วครับริมฝีปากเริ่มเปิดออกเพื่อต้อนรับการลุกลานจากพี่ชิน สองมือแทนที่จะผลักร่างหนาๆออกให้พ้นตัวดันเอื้อมไปโอบรอบไหล่แกร่ง แล้วเหมือนสติผมก็ไม่รับรู้อะไรอีกนอกจากความนุ่มนวลจากจูบที่พี่ชินกำลังมอบให้แล้วเปลี่ยนเป็นความรุนแรงขึ้นเรื่อยตามการบดขยี้ริมฝีปาก
ระหว่างที่ผมกำลังเบลอกับจูบหอมหวานแบบที่ไม่เคยได้รับอยู่นั้น เหมือนมีอะไรอุ่นๆพยายามลอดเข้ามาในเสื้อนอนผมและสูงขึ้นมาเรื่อย แล้วก็ได้รู้ว่ามันเป็นมือของพี่ชินพี่กำลังเข้ามากอบกุมหน้าอกแบนราบที่มีเพียงตุ่มไตแข็งๆ ไม่ได้มีก้อนเนื้อนุ่มๆเหมือนที่ผู้หญิงเขามีกันเพียงเท่านั่นสติผมที่กำลังหลุดลอยก็กลับมาทันที
ผมไม่ใช่ผู้หญิง!! พี่ชินจะรับได้เหรอ ถ้าทำมากกว่านี้พี่ชินจะผิดหวังในตัวผมไหม
“พี่ชิน อย่า....” ผมบอกเสียงเบาหลังพี่ชินผละจากริมฝีปากไปไล่จูบตามลำคอผมแทน และทันทีที่ผมพูดจบพี่ชินก็ชะงักตัวก่อนเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมนิ่งๆ
“ขอโทษ...พี่ลืมตัวไปหน่อย ทั้งๆที่สัญญาแล้วว่าพี่จะไม่บังคับผืนใจวี”
“...” ผมไม่รู้จะบอกว่าอะไร ถ้าจะบอกว่าไม่ได้ผืนใจมันจะดีเหรอ
“พี่จะรอจนกว่าวีจะรักพี่และเต็มใจให้พี่นะ” หลังพูดจบสัมผัสอุ่นๆจากริมฝีปากก็สัมผัสข้างแก้มผมก่อนพี่ชินจะพลิกตัวไปนอนตะแคงข้างแล้วกอดผมเหมือนหลายๆคืนที่ผ่านมา
ผมมองตามพี่ชินนิ่งๆ พร้อมกับสมองที่กำลังคิดวกไปวนมาว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงทำให้ผมรักเพิ่มมากขึ้นทุกวันแบบนี้ คงถึงเวลาแล้วสินะที่ผมควรทำให้พี่ชินมีความสุขบ้าง
“พี่ชินคือ....” รวบรวบกำลังใจทั้งหมดเพื่อจะบอกรักใครซักคน แม้จะอยู่ในความมืดแต่ผมก็ยังรู้สึกได้ว่าหน้าตัวเองคงแดงมากๆเพราะตอนนี้ รู้สึกร้อนไปหมดทั้งหน้า บวกกับอาการมือเย็นแถมใจยังเต้นรัวเลยครับ
“...” ยิ่งพี่ชินเงียบผมยิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่เลยครับ
“พี่ชินคือ ผมอยากบอกว่าพี่ไม่ต้องรอผมรักหรอกเพราะตอนนี้ผมระ......”
“นอนเถอะ ตอนนี้พี่ยังไม่พร้อมได้ยินอะไร” ยังไม่ทันเอ่ยจบประโยคพี่ชินก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน คำพูดของพี่ชินทำให้ความตื่นเต้นทั้งหมดของผมกลายเป็นศูนย์
“พี่ชินฟังผมก่อน”
“นอนซะเดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นสาย” พี่ชินลูบหัวผมเบาๆก่อนพลิกตัวนอนหันหลังให้เหมือนไม่อยากคุย และแล้วการตัดสินใจจะสารภาพรักของผมก็ต้องพับเก็บอีกตามเคย ไม่รู้กี่ครั้งแล้วนะที่ผมพยายามจะบอกแต่ก็ไม่เคยได้บอกซักครั้ง ผมถอนหายใจเบาๆก่อนดึงผ้าห่มขึ้นมาถึงคอแล้วค่อยๆหลับตา ในเมื่อวันนี้พี่ชินยังไม่พร้อมฟังผมคงต้องคอยไปก่อน
……………………………………………………………..
“มั่นใจไหมวันนี้”
“ผมก็มั่นใจเหมือนทุกวันที่พี่ถามนั้นแหละครับ”
“หึหึ ทำให้ได้นะ อ่านมาเต็มที่แล้วนิ เดี๋ยวเย็นพี่มารับ”
“ครับ” ผมตอบรับพี่ชินพี่เอามือโยกหัวผมเพื่อให้กำลังใจก่อนเปิดประตูลงจากรถ วันนี้สอบปลายภาควันที่ 3 ของสัปดาห์ ผมเหลืออีกไม่กี่ตัวก็จะสอบเสร็จได้ปิดเทอมกับเค้าซักที ถามว่ามั่นใจไหมผมตอบได้เลยว่าไม่ครับ เมื่อวานสอบแคลคูลัสที่มั่นใจว่าทำได้ยังเกือบตาย แล้ววันนี้เป็นพื้นฐานวิศวกรรม 2 เรื่องที่ผมจะรอดคงยากครับ
“วีทางนี้ๆ”
“อ้าวลูกแพรมานานแล้วเหรอ”
“เพิ่งมาเหมือนกัน”
“ไอ้แบตล่ะ มายัง” ผมถามหาไอ้แว่นหลังมองหาไม่เจอ
“มาแล้วแต่เห็นบอกลือเอาดินสอ 2B มาเลยวิ่งไปซื้อ โน่นไงมาแล้ว”
“เชี้ยกูลือดินสอเฉยเลยว่ะ ดีนะนึกออกก่อนเข้าห้องสอบ”
“มันใช้ด้วยเหรอวะ กูนึกว่าบรรยายอย่างเดียว”
“มันก็ต้องมีฝนบ้างดิ อะไรจะบรรยายหมดเลย งั้นกูไปลงเรียนซ่อมเลยล่ะกันถ้าไม่มีปรนัยอ่ะ”
“ถ้างั้นกูก็ซวยดิ ไม่ได้เอามาเหมือนกัน เดี๋ยวไปซื้อก่อนนะเข้าห้องกันก่อนเลย”
“ไม่ต้องๆ กูซื้อมาให้แล้ว” จังหวะที่ผมกำลังจะออกวิ่งไอ้แว่นแม่งดึงเสื้อผมไว้หน้าเกือบทิ่มพื้นเลยครับ
“เออขอบใจ” กำลังจะด่าแต่มันยื่นดินสอมาให้ก่อน ผมเลยเปลี่ยนจากคำด่าเป็นขอบใจมันสะหน่อยเดี๋ยวจะว่าไม่มีมารยาท ทั้งที่ผมก็ไม่มีนั่นแหละครับ
“งั้นเราเข้าห้องสอบกันเลยไหม ถึงเวลาแล้ว” ลูกแพรถาม
“อื้อไปเลย สู้เว้ย” ผมตอบก่อนเราสามคน จะยกมือที่กำเป็นกำปั้นแล้วเอาหลังนิ้วชนกันแล้วแยก 3 ชั่วโมงต่อจากนี้คือการชี้ชะตาว่าผมจะต้องซ่อมตัวนี้ใหม่ในเทอมหน้ารึเปล่า
“วีเป็นไงทำได้ไหม” ลูกแพรถามผมทันทีที่เดินมาถึงโต๊ะนั่งใต้คณะที่ผมนั่งรออยู่ วันนี้ผมออกก่อนใครเพราะทำไมได้นั่นแหละครับ เลยมั่วแม่งเลย ยิ่งนั่งยิ่งเครียด
“ให้เดา”
“ได้ดิ ออกเร็วขนาดนี้ ตอนวีลุกนะแพรตกใจเลย ยังทำไม่ได้ครึ่ง”
“ได้ก็ดีดิ ได้ทำซะมากกว่า ปรนัยนะวีเอาไม่บรรทัดหั่นยางลบเป็นลูกเต๋าแล้วเขียน ตัวเลือกโยนเสี่ยงทายเลยเห่อะ ผ่านไม่ผ่านดวงล้วนๆ
“จริงดิ แพรก็เข้าใจว่าวีทำได้เห็นออกไวขนาดนั้น”
“ไงมึงทำได้ไหม” ผมเงยหน้าขึ้นมองไอ้แบตที่เดินมาถึงโต๊ะแล้วถามประโยคเดียวกะลูกแพรเด๊ะๆเลยครับ
“มึงถามแบบอื่นบ้างได้ไหม อันนี้คนอื่นเขาถามไปแล้ว”
“อ้าวเหรอ งั้นถามใหม่มึงได้กับพี่ชินยัง”
“สัส! กวนตีนนะมึง ว่าแต่เย็นนี้ติวที่ไหนดีวะ” ผมว่าก่อนถามถึงวิชาที่ต้องสอบวันถัดไป
“ใต้คณะนี่แหละ ห้องสมุดคนน่าจะเยอะ” ลูกแพรเสนอ
“เอางั้นก็ได้ งั้นกูว่าไปซื้อข้าวมานั่งกินกันตรงนี้เลยไหม เดี๋ยวกูไปซื้อให้” ไอ้แบตมองหน้าผมก่อนตอบเมื่อเห็นผมพยักหน้าแล้วถามต่อ
“เออกูรอนี่แล้วกันขี้เกียจเดิน”
“ตลอดอ่ะมึง” ไอ้แว่นแม่งผลักหัวผมก่อนชวนลูกแพรไปซื้อข้าวด้วยกัน ผมเลยยกนิ้วกลางขึ้นมาทำท่าอวัยวะเบื้องล่างให้มันไปหนึ่งที ไม่เข้าใจทำไมใครๆก็ชอบเล่นหัวซะเหลือเกิน อย่าให้ผมสูงมั่งแล้วกันแม่งจะไล่ตบเรียงตัวเลย ผมคิดพลางมองไอ้แบตกับลูกแพรเดินคู่กันไปทางโรงอาหาร
“ไอ้วีฟังกูอยู่รึเปล่าเนี๊ยะ”
“ห๊ะ อะไรนะ” ผมละสายตาจากคนที่กำลังมองมาสนใจไอ้แบตที่ทำหน้าเป็นยักษ์อยู่ตรงข้าม
“กูถามว่ามึงฟังที่กูพูดไหม ถ้าไม่ฟังกูไม่ติวให้แล้วนะ พูดเหนื่อยชิบหายแม่งไม่ฟังกูอีก”
“ฟังๆ มึงพูดใหม่ดิ” ผมตอบก่อนเริ่มตั้งใจฟังอีกครั้ง แต่ไม่นานสายตาผมก็เหลือบไปมองคนที่เดินลงจากตึกคณะจนตอนนี้ไปถึงถนนหน้าคณะแล้ว
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมมองพี่ตินณ์แต่เป็นเกือบทุกครั้งที่เวลาผมเห็นพี่ตินณ์ผมต้องมองตามจนสุดสายตา มันคงเป็นความเคยชินตั้งแต่ผมคิดว่าผมชอบพี่ตินณ์จนตอนนี้รู้ตัวแล้วว่าไม่ได้ชอบแต่ปฏิกิริยาของร่างกายมันก็ยังทำทุกอย่างเหมือนที่เคย
“ไอ้วีถ้ามึงไม่ฟังกูจะ...”
“โทษที เดี๋ยวกูมานะ” ผมบอกไอ้แบตก่อนลุกจากโต๊ะเพื่อเดินตามพี่ตินณ์ วันนี้อาจจะเป็นวันสุดท้ายของเทอมที่ผมจะได้เจอพี่ตินณ์ก็ได้ ยังไงผมก็อยากขอโทษให้มันชัดเจนซักครั้ง เพื่อความสบายใจของผมเองและของพี่ตินณ์ด้วย
ไม่รู้ผมคิดไปเองรึเปล่าแต่ผมรู้สึกวันนี้พี่ตินณ์ดูเนือยๆ ไม่ค่อยสดใสเหมือนทุกครั้งที่เจอ อาจจะเพราะช่วงนี้เป็นช่วงสอบและงานก็ต้องระดมส่งพร้อมกันเลยทำให้พี่ตินณ์ดูซูบๆลงกว่าครั้งล่าสุดที่ผมเจอผมคิดพร้อมก้าวขาไวๆเพื่อให้ทันพี่ตินณ์ที่กำลังจะข้ามถนนไปยังลานจอดรถ
“พี่ตินณ์ระวัง!!” จากที่คิดว่าจะเรียกให้พี่ตินณ์หยุด กลายเป็นตะโกนสุดเสียงพร้อมขาที่วิ่งเร็วขึ้นสุดฝีเท้า ก่อนกระโดดผลักพี่ตินณ์ให้กระเด็นไปอีกฝั่งของถนนเพียงเพราะผมเห็นรถเก๋งคันหนึ่งแล่นมาด้วยความเร็วในขณะที่พี่ตินณ์ก้าวขาไปบนถนนแล้ว
“วี!!”
“พี่ตินณ์เป็นอะไรไหม เจ็บตรงไหนรึเปล่าครับ” ผมที่ล้มลงข้างๆพี่ตินณ์รีบลุกขึ้นนั่งแล้วถามทันที มือก็พยายามจับสำรวจหาบาดแผลตามร่างกายพี่ตินณ์ไปทั่ว
“พี่ไม่เป็นไรหรอก แต่วีนั่นแหละเป็นไรไหมเลือดออกด้วย” ผมงงว่าพี่ตินณ์พูดอะไร ก่อนที่มือของพี่ตินณ์จะเอื้อมมาจับหน้าผม เอานิ้วแตะๆตรงขมับเท่านั้นครับผมเจ็บจี๊ดขึ้นมาทันที แล้วพอเห็นว่าปลายนิ้วพี่ตินณ์เปื้อนเลือดพร้อมกับน้ำสีแดงๆที่หยดลงมาตามเสื้อนักศึกษาของผมความรู้สึกก็ดับลงทันที
“วีๆ ได้ยินพี่ไหม”
“โอ๊ะ!” ผมร้องทันทีที่ขยับตัวแล้วรู้สึกเจ็บหัวอย่างรุนแรง
“อย่าเพิ่งขยับหัววีกระแทกขอบฟุตบาทน่ะ” ผมหันไปมองตามเสียงเห็นพี่ตินณ์นั่งอยู่ข้างๆ เสื้อนักศึกษาเปื้อนเป็นลอยเลือดวงใหญ่ที่แห้งบ้างไม่แห้งบ้าง
“ผมมาอยู่นี่ได้ยังไงครับ” ผมค่อยๆขยับปากถามออกไป หลังมองแล้วน่าจะเป็นโรงพยบาล
“พี่พามาส่งเองแหละ ตอนนี้หมอบอกว่าปลอดภัยแล้วแต่ต้องดูผลเอ็กซ์เลย์อีกครั้งว่ากระทบกระเทือนสมองรึเปล่า”
“พี่ไม่เป็นอะไรนะครับ” ผมถาม
“ไม่เป็นไร ปลอดภัยทุกอย่างขอบใจมากนะแต่ทีหลังอย่าทำแบบนี้ รักชีวิตตัวเองให้มากๆ” ผมตินณ์ว่าก่อนเอามือลูบแก้มที่มีรอยยิ้มของผมเบาๆ ผมดีใจที่อย่างน้อยการเจ็บครั้งนี้ก็สามารถช่วยให้พี่ตินณ์ปลอดภัย
“ผมเต็มใจครับ”
“พี่รู้ แต่ถ้าวีเป็นอะไรขึ้นมาพี่จะเสียใจแค่ไหน ไอ้ชินล่ะแล้วเพื่อนๆพ่อแม่ของวีอีก”
“แต่ผมก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่ครับ”
“มีใครเคยบอกไหมว่าเราเป็นคนดื้อ”
“ก็มีพี่เป็นคนแรกมั้งครับ” ผมตอบเสียงเบาก่อนยิ้มให้”
“จะไปไหน” พี่ตินณ์ถามทันทีที่ผมขยับตัวจะลุก
“เข้าห้องน้ำครับ”
“เดี๋ยวพี่พาไป” พี่ตินณ์ก็ช่วยขยับราวกั้นขอบเตียงให้ผมลงได้สะดวก ก่อนเดินเข็นเสาน้ำเกลือมายืนคอยผมหน้าห้องน้ำ
“ตอนนี้กี่โมงแล้วเหรอครับ” ผมถามหลังเข้าห้องน้ำเสร็จ
“ทุ่มนึ่งแล้ว”
“ทุ่มนึง!!” ผมทวนเสียงดังก่อนเอื้อมมือไปดึงเข็มสายน้ำเหลือที่มือ
“จะทำอะไรอย่าเลยนะวี”
“ผมต้องไปหาพี่ชินป่านนี้พี่ชินคอยผมแย่แล้ว ผมนัดให้พี่ชินมารับตอนสี่โมงเย็น” ผมบอกพร้อมมองหาเสื้อผ้าที่ใส่มา โทรศัพท์ผมอยู่ในกางเกงอย่างน้อยถ้าไม่ได้ออกไปโทรไปบอกก่อนก็ยังดี
“วียังไปไหนไม่ได้นะ หมอให้ดูอาการก่อน”
“แต่...”
“เรื่องชินไม่ต้องห่วงเพื่อนเราโทรบอกแล้วเดี๋ยวมันก็มา”
“เพื่อนผม” ผมทวนด้วยความสงสัย
“ก็แบตกับลูกแพรไง เขามาอยู่เฝ้าวีด้วยพี่เพิ่งให้ออกไปกินข้าวเมื่อกี้”
“อ่อ ครับ” ผมรับคำนิ่งๆ
“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวก็ได้ออก หมอขอดูอาการอีกนิดหน่อย แต่วีเสียเลือดมากหมอเลยให้เลือดไป ถุงนึงกับน้ำเกลืออีกถุง”พี่ตินณ์บอกก่อนช่วยพยุงผมขึ้นนั่งบนเตียงอีกครั้ง
“พี่กลับก่อนก็ได้ครับ ผมอยู่ได้” ผมบอก
“ได้ไงพี่จะปล่อยเราอยู่คนเดียวได้ยังไง แล้วพี่ถามหน่อยว่าอยู่ดีๆทำไมเราถึงเข้ามาช่วยพี่ได้ล่ะ”
“ก็ผมกำลังจะเดินไปหาพี่”
“หาพี่? หาทำไม”
“คือผมอยากจะไปขอโทษพี่ตินณ์เรื่องวันนั้น”
“วันนั้น อ่อ!วันที่ไปกินเลี้ยงเหรอ”
“ใช่ครับ ผมอยากขอโทษพี่ด้วยตัวเองอีกครั้ง และอธิบายเรื่องต่างๆ”
“พี่ไม่โกรธอะไรหรอกอย่าคิดมาก เรื่องมันผ่านไปแล้ว แถมวีก็เมาด้วย”
“ผมก็อยากขอโทษ เพราะผมรู้สึกว่าหลังจากวันนั้นพี่หลบหน้าผม พี่อาจจะรังเกียจผมที่ครั้งนึงผมเคยคิดว่าตัวเองชอบพี่แล้วยังทำแบบนั้นอีก แต่พี่สบายใจได้เลยนะครับเพราะตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผมไม่ได้ชอบพี่แบบนั้น ผมแค่ชื่มชมพี่เฉยๆ พี่เป็นเหมือนไอดอลของผม เพราะฉะนั้นถ้าพี่ไม่ได้รังเกียจและยกโทษให้ผม ช่วยทำตัวเหมือนเดิมกับผมได้ไหมครับ ผมไม่อยากให้เป็นแบบนี้” ผมพูดเสียงสั่นก่อนที่จะรู้สึกว่ามีมืออุ่นๆของพี่ตินณ์มาดึงผมที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงเข้าซบอก
“พี่ไม่เคยโกรธหรือโทษวีเลย แต่ที่พี่ถอยห่างออกมาเพราะพี่ไม่อยากให้วีถลำลึกกว่านี้ วีควรรู้ใจตัวเองได้แล้วว่าวีรักใคร วีไม่ได้รักพี่หรอกพี่รู้”
“ขอบคุณครับพี่ที่เข้าใจผม”
“ยังไงวีก็ยังเป็นน้องชายของพี่เหมือนเดิม มีอะไรก็ปรึกษาพี่ได้เสมอ ไม่เอาไม่ขี้แย” พี่ตินณ์ผละตัวออกก่อนจ้องหน้าแล้วว่า
“ผมไม่ได้ขี้แยซะหน่อย”
“แล้วจะตาแดงทำไมหื้อ” พี่ตินณ์พูดพร้อมยิ้มเล็กที่ดูอบอุ่นส่งให้ผม มันเป็นรอยยิ้มของพี่ชายที่มีห้น้องชายแบบผมแค่นี้ผมก็สุขใจแล้วครับ
“ผมดีใจไง ที่พี่ตินณ์เข้าใจ”
“ดีใจก็ยิ้มสิ ไม่ใช่จะมาร้องไห้แบบนี้” แก้มผมทั้งสองข้างถูกดึงเบาๆให้เห็นรอยยิ้ม ผมก็ยิ้มตาม
“ผมชอบพี่ตินณ์แบบนี้ที่สุดเลย”
“แบบไหน?”
“ก็แบบอบอุ่นๆ ไม่เก็กแล้วก็ไม่ห่างเหินกับผมเหมือนไม่กี่วันที่ผ่านมา”
“หึหึ โอเคพี่จะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้วสบายใจได้ ไหนขอกอดรับขวัญน้องชายหน่อยสิ” พี่ตินณ์อ้าแขนก่อนโอบลงไหล่ผมทั้งสองข้างพร้อมกันนั้นผมก็กอดตอบโดยการยื่นแขนออกไปโอบรอบลำตัวพี่ชายเบาๆเพื่อไม่ให้สะเทือนเข็มที่หลังมือด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม ความไม่สบายใจต่างๆตอนนี้เหมือนถูกละลายหายไปแล้ว การเจ็บตัวของผมครั้งนี้ไม่เสียเปล่าจริงๆครับ
“พี่ชิน!!”ในระหว่างที่ผมกำลังมีความสุขอยู่นั้นผมก็ต้องยิ้มค้าง เมื่อสายตามองไปเห็นพี่ชินที่เข้ามายืนอยู่ตรงประตูห้องตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ครับ ด้วยหลังพี่ชินมีทั้งไอ้แบตและลูกแพรมากันครบเลย
----- โปรดติดตามตอนต่อไป -----
แฮ่! มาลงต่อแล้วจร้า