ถ้าให้รักก็อย่าร้าย ตอนที่ 21 “เชี้ยวีหายหัวไปไหนมาวะ โทรหาก็ไม่ติดกูถามจริงทุกวันนี้มึงพกโทรศัพท์หรือสากกะเบือ ติดต่อโคตรยาก คราวหน้าถ้าจะติดต่อมึงกูจะจุดธูปเรียกแม่งแล้ว” ตัวยังมาไม่ถึงโต๊ะแต่เสียงบ่นนี่นำหน้ามาแล้วครับ พอมาถึงหน้าตาก็บอกบุญไม่รับมาเลย
“โทรศัพท์กูแบตหมด อยู่ไหนกูยังไม่รู้เลยโทษทีว่ะ” ไม่รู้ผมเอาไว้ไหนครับ นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก ถ้าหายไปคงเสียดายแย่ซื้อมาตั้งเกือบ 800 กินข้าวได้ตั้งหลายมื้อ
“แล้วหายหัวไปไหนมา เคาะประตูห้องจนมือจะหักก็ไม่เปิด”
“มึงจะเคาะทำเชี้ยไรให้เจ็บมือ ไม่เปิดก็แปลว่าไม่อยู่ดิ ถ้าประตูห้องกูพังกูจะคิดตังค์แม่ง 3 เท่าของค่าซ่อมเลย” ผมว่ามันกลับเสียงดังมีอย่างที่ไหน คนไม่เปิดแม่งก็เคาะอยู่ได้ มือมันน่ะผมไม่ห่วงหรอกห่วงแต่ไม้ประตูผมดิจะพังเอา
ป๊าบ!
“ห่าถ้าไม่กลัวมึงนอนหนอนแดกอยู่ในนั้นจ้างให้ก็ไม่เคาะให้เจ็บมือกูหรอก คนเป็นห่วงยังมากวนตีนนะมึง” ไอ้แบตฟาดสมุดลงมาบนกระบาลผมดังป๊าบอย่างเหลืออด สงสัยจะหมั่นไส้ผมน่าดู
“คนอย่างกูไม่ตายง่ายๆหรอกไม่ต้องห่วง กูเป็นอมตะ หึหึ” ผมแกล้งว่า
“มึงมันบ้าดิเขาว่าคนบ้าจะไม่ตายเร็วคงจริง แล้วสรุปมึงจะไม่บอกว่าไปมุดหัวอยู่ไหนมาแน่นะ”
“กูไปอยู่ห้องพี่ชินมา” ผมตอบเสียงเบาก่อนหลบสายตาไอ้เชี้ยแบตที่มองมาเหมือนล้อๆ มันเป็นบ้าอะไรวะ
“นั่นแน่” แค่สายตาว่ากวนตีนแล้ว แต่พอเจอคำพูด น้ำเสียง สีหน้าของมันตอนนี้ยิ่งโคตรกวนตีนเพิ่มขึ้นไปอีกไม่รู้กี่เท่าครับ
“นั่นแน่เชี้ยไรของมึงวะ อย่ามากวนตีน” ผมว่าพร้อมเตะขามันที่อยู่ใต้โต๊ะไม่เบา
“มึงมีซัมติงอะไรกับพี่ชินใช่ไหม ตั้งแต่ไปกินเลี้ยงสายมานี่ก็ 3 คืนแล้วนะที่มึงไม่กลับห้อง” ปากว่ามือก็เอามาชูสามนิ้วแล้วโบกไปมาตรงหน้า จะกัดแม่งให้นิ้วกุดกวนนัก
“รู้ได้ไงว่ากูไม่กลับ กูกลับมาแล้วมึงไม่เห็นเองรึเปล่า” ผมไม่ได้โกหกนะก็คืนวันเสาร์ผมกลับมาตอนเที่ยงคืน แต่แค่ไม่ได้กลับมานอนเพราะพี่ชินแม่งลากผมกลับไปนอนห้องตัวเองซะงั้น ตอนนั้นผมก็กำลังเบลอๆ ดันขึ้นไปเฉยรู้ตัวอีกทีก็ถึงคอนโดพี่แกแล้ว ไอ้จะโวยวายให้มาส่งอีกก็ใช่เรื่องเลยนอนมันที่คอนโดพี่ชินจนถึงวันจันทร์เลยครับ
“ถ้าหมายถึงคืนที่มึงกับพี่ชินมาเล่นละครรักสนั่นหอนั่นกูไม่นับเพราะมึงไม่ได้นอนนี่”
“มึงรู้...” ผมถามเสียงเบาลงทันที มันรู้ได้ไงวะ
“ถ้าไม่รู้กูจะพูดได้ไง คิดสิคิด”
“กวนนะมึงแล้วมึงรู้ได้ไงวะ” ผมถามอย่างแปลกใจ เรื่องนี้ผมไม่เคยบอกใครซักคน
“กูจะไม่รู้ได้ไง พี่ชินขอกอดมึงเสียงดังขนาดนั้น กูยังไม่ทันหลับก็ออกมายืนดูสบายไปดิ ลุ้นแม่งให้ได้กันซะทีไม่รู้ป่านนี้สำเร็จไปยัง” ไอ้แบตพูดก่อนยักคิ้วให้เหมือนคนถือไพ่เหนือกว่า
“เสร็จพ่องมึงดิ กูกับพี่ชินยังไม่ได้เป็นอะไรกัน” ผมรีบเถียงทันที
“แต่พี่แกก็รักมึงเหมือนที่กูเคยบอกใช่ไหมล่ะ”
“เออ รู้แล้วจะย้ำทำไมวะ” ผมตอบพร้อมหลบตา หน้าอยู่ๆก็ร้อนขึ้นมาเฉยเลยครับ ปกติมีแต่ไปแอบชอบคนอื่นเขานานๆจะมีคนมาชอบซะทีเล่นเอาทำตัวไม่ถูกกันเลยครับ
“หึหึ แล้วเอาไงจะรับรักไหม หรือจะปล่อยไว้แบบนี้” เสียงมันหัวเราะ ก่อนถามจริงจังเล่นเอาผมปรับอารมณ์ตามแทบไม่ทัน
“กูขอเวลาพี่ชินจัดการหัวใจตัวเองก่อนว่ะ กูรู้สึกว่ากูไม่ได้เกลียดพี่ชินนะ แต่ชอบรึเปล่าไม่แน่ใจ เพราะกูเชื่อว่าตัวเองรักพี่ตินณ์มาตลอด ส่วนพี่ชินเวลาอยู่ใกล้กูก็ใจเต้นแปลกๆ”
“งั้นมึงก็รับรักพี่ชินไปเลย ลังเลอะไรวะไหนๆพี่ตินณ์ก็ไม่สนใจมึงแล้ว”
“มึงรู้ได้ไงว่าพี่ตินณ์ไม่สนใจกู”
“ลูกแพรเล่าให้กูฟัง”
“อืม พี่ชินบอกกูว่าพี่ตินณ์มีคนที่พี่ตินณ์รักแล้วเหมือนที่กูสงสัยนั่นแหละแค่กูไม่รู้ว่าใคร แต่กูเพิ่งรู้ว่าพี่ชินชอบกูเมื่อไม่กี่วันนี้เองนะ จะให้กูรับรักได้ไงทั้งที่กูไม่เคยคิดแบบนี้กับพี่ชินเลย กูอยากแน่ใจว่ารักพี่ชินมากกว่านี้แล้วก็ตัดความรู้สึกที่มีกับพี่ตินณ์ให้ได้ก่อนว่ะ ไม่งั้นกูคงเอาเปรียบความรู้สึกของพี่ชินเกินไป”
ผมบอกมันเรื่อยๆเหมือนคุยเรื่องดิน ฟ้า อากาศ ตอนนี้ไม่อยากเครียดแล้วครับ ผมใช้ชีวิตหนักๆมีรักก็อยากให้ผ่อนคลาย แต่ตอนนี้บอกเลยเครียดชิบหาย เพราะดันไปรักคนที่ไม่สมควรรัก ส่วนคนที่มารักก็ไม่รู้ไม่เคยสนใจ จนทำให้อีกฝ่ายเจ็บไปเท่าไหร่ผมก็ไม่เคยรู้
“กูบอกได้เลยว่าความรักของมึงโคตรยุ่งเหยิงว่ะ ขนาดกูจีบแพรแค่คนเดียวไม่มีคู่แข่งแม่งยังไม่รู้ว่าจะติดไม่ติดทั้งที่แพรก็ไม่ได้มีใครในใจเหมือนมึงนะ แต่ของมึงนี่รักแม่งซ้ำซ้อนซ่อนเงื่อนเกิน เอาเป็นว่ากูเอาใจช่วยแล้วกัน มีอะไรให้ช่วยก็บอก ไม่ว่ามึงจะเลือกใครยังไงมึงก็เป็นเพื่อนกูเหมือนเดิม” ไอ้แบตพูดช้าๆพร้อมมือที่ตบลงมาบนบ่าเพื่อให้กำลังใจ
“ขอบใจว่ะ บางทีเพื่อนอย่างมึงก็ดูเป็นเพื่อนที่ดีเหมือนกันนะ”
“ไอ้เชี้ยนี้กวนตีนนะ เดี๋ยวแช่งแม่งให้อดแดกหมด พี่ชินรอไม่ไหวไปหาคนอื่นส่วนพี่ตินณ์ก็ไม่รักไม่สนใจมึงซะนี่” ไอ้เชี้ยแว่นว่าเสียงดังพร้อมผลักหัวผมที่แกล้งไปซบไหล่มันเบา
“ขอโทษคร๊าบบบเพื่อนแบตผู้หล่อเหลา แสนดี มีปัญญาเป็นเลิศผมแค่ล้อเล่นนะครับอย่าแช่งผมเลย” ผมรีบว่าพร้อมเข้าไปลูบแขนลูบขาพ่อมหาจำเริญ
“เออ ที่หลังก็ให้มันรู้บ้างว่าอย่ามากวนตีนกู” ไอ้เชี้ยนี่ยอมหน่อยทำเป็นเก็กเอาแขนเอาขาหลบผมแล้วทำเป็นปัดฝุ่นตามรอยที่ผมจับ เหมือนรังเกียจด้วยนะ
“เห็นกูยอมแล้วเอาใหญ่นะมึง เลิกเล่นไปเข้าเรียนได้แล้ว เดี๋ยวก็ไม่ทัน เออแล้วลูกแพรไปไหนวะกูยังไม่เห็นมา” ผมชวนไอ้แบตเข้าห้องเรียนก่อนลุกขึ้นยืนเตรียมเดิน แต่นึกขึ้นมาได้วันนี้ยังไม่เห็นลูกแพรปกติป่านนี้ต้องมาแล้ครับ
“เห็นไลน์มาบอกว่ารถติดหว่ะ วันนี้คงเข้าสายหน่อย”
“อ่อ งั้นเราก็เข้าเรียนก่อนแล้วกัน”
“เออ” ไอ้แบตตอบเสร็จก็เดินนำผมเข้าห้องเรียนทันที วันนี้มีเรียน แคลคูลัสตอนเช้า ส่วนบ่ายเรียนพื้นฐานวิศวกรรม เรียนหนักทั้งวันเลยครับแค่คิดผมก็อยากโดดเลย
“พี่ขอนั่งด้วยนะ” กำลังนั่งรอไอ้แบตกับลูกแพรไปซื้อข้าว อยู่ๆก็มีคนมาขอนั่งด้วย เงยหน้าขึ้นมองถึงรู้ว่าเป็นพี่ชินกับพี่โย
“ตามสบายครับ โต๊ะมันของสาธารณะพ่อผมไม่ได้ซื้อไว้” ผมตอบพี่ชินนิ่งๆก่อนทำเป็นไม่สนใจ
“กวนตีนนะครับน้องวี ระวังจะเจอจัดอีกรอบ” ขนลุกเลยเชี้ย พี่ชินนั่งลงข้างๆผมก่อนกระซิบข้างหูให้ได้ยินกันแค่สองคน ผมทำตาดุใส่ก่อนหันไปหาพี่โยแทน
เรื่องของเรื่องที่ผมโมโหพี่ชินก็เพราะเมื่อเช้าผมมาเรียนพร้อมกัน แต่ก่อนลงรถพี่แกเล่นคว้าคอผมไปจูบแบบไม่ทันตั้งตัว ทั้งทุบทั้งตีก็ไม่หยุด จูบเหมือนจะดูดวิญญาณกว่าจะปล่อยได้เล่นเอาหายใจไม่ออกเลยครับ ไม่รู้เป็นบ้าอะไรนึกจะทำอะไรก็ทำ อยู่ในรถแท้ๆไม่กลัวใครผ่านมาเห็นเลยรึไง
“หวัดดีครับพี่โย วันนี้เรียนอะไรเหรอครับ” ผมทักพี่โยที่นั่งถัดจากพี่ชิน
“วันนี้พี่เรียนกลศาสตร์ของไหลครับ แล้ววีเรียนอะไรล่ะ”
“ผมเรียน”
“เช้าเรียนแคลคูลัส บ่ายเรียนพื้นฐานวิศวะอยากรู้อะไรอีกไหม”ผมกำลังจะตอบแต่อยู่ๆพี่ชินก็เสียงดังแทรกขึ้นมาตอบแทนซะก่อนทำเอาผมกับพี่โยมองหน้าสบตากันปริบๆ พี่ชินเป็นอะไรวะอยู่ๆก็เหมือนอารมณ์ไม่ดีขึ้นมาซะงั้น
“หึหึ ไม่อยากรู้แล้วว่ะ กินข้าวเถอะ” พี่โยหัวเราะในลำคอก่อนอมยิ้ม แล้วหันไปตักข้าวเข้าปาก พอดีไอ้แบตกับลูกแพรเดินกับมาที่โต๊ะผมเลยเลิกสนใจเตรียมจะลุกไปซื้อข้าวของตัวเองบ้าง
“หวัดดีค่ะพี่ชิน พี่โย” ลูกแพรรีบทักทายรุ่นพี่ที่นั่งอยู่บนโต๊ะงงๆ ก่อนพี่ชิน พี่โยจะทักทายกลับ
“หวัดดีครับพี่ชิน พี่โย”ไอ้แบตก็ทักทายเหมือนกันครับ แต่นอกจากมันจะไม่งงเหมือนลูกแพรแล้วมันยังมองหน้าผมก่อนยิ้มล้อๆ ไม่รู้ล้อเชี้ยอะไรของมัน
“เดี๋ยวกูไปซื้อข้าวก่อนนะ” ผมบอกพร้อมลุกขึ้นยืน ตอนแรกนั่งเฝ้าของให้เลยยังไม่ได้ซื้อครับ
“ไม่ต้องไปพี่ซื้อมาให้แล้ว” แรงดึงที่ข้อมือและเสียงนิ่งๆทำให้ผมชะงัก ก่อนมองไปบนโต๊ะเพิ่งเห็นว่าพี่ชินถือข้าวมา 2 จาน เป็นข้าวขาหมูกับข้าวหมูแดงที่ผมกำลังอยากกิน ไม่รู้พี่ชินมีญาณวิเศษรึไงถึงรู้ว่าผมอยากกินอะไร
“ขอบคุณครับ” คิดว่าผมจะปฏิเสธใช่ไหม ผิดครับคนอย่างผมเรื่องของฟรีมาก่อนศักดิ์ศรีที่กินไม่ได้เยอะ พอทรุดตัวนั่งลงที่เดิมพี่ชินก็เลื่อนจานข้าวหมูแดงมาให้ก่อนลงมือกินของตัวเองเงียบๆ
“อ่ะให้”กำลังกินเพลินๆพี่ชินก็ตักไข่ต้มในจานตัวเองมาใส่จานผม ผมก็ตักจะเข้าปากอยู่แล้วถ้าไม่ชะงักเพราะสายตาของคนทั้งโต๊ะที่มองผมเป็นตาเดียวกัน
“อะไรเหรอ” ผมถามงงๆ มองอะไรกันวะ
“ไม่มีอะไร แค่อยากรู้ว่าข้าวหมูแดงอร่อยไหม” ไอ้แบตถามยิ้มๆก่อนตักข้าวกินต่อเหมือนไม่อยากได้คำตอบ ถ้าไม่อยากได้แล้วมันจะถามทำไมวะแปลกคน ส่วนคนอื่นพอผมมองก็หลบตาไปตักข้าวของตัวเองขึ้นกินเหมือนไม่มีอะไรซะงั้น ทำไมผมรู้สึกว่าบรรยากาศบนโต๊ะมันแปลกๆไม่รู้คิดไปเองรึเปล่า
“ก็อร่อยดี มึงลองกินไหมล่ะ” ผมว่าก่อนตักข้าวในจานตัวเองส่งให้ไอ้แบต มันก็เงยหน้าขึ้นมารับข้าวที่ผมป้อนเข้าปากเหมือนทุกครั้ง
เคร้ง!!!
“กูอิ่มแล้ว” อยู่ๆพี่ชินก็ทำเสียงช้อนกระทบจานดังขึ้นมาพาให้คนทั้งโต๊ะหันมามองแกกันเป็นตาเดียว
พี่ชินเป็นอะไรอีกแล้ววะ
“เห้ย อิ่มอะไรมึงกินไปได้ไม่กี่คำเอง” พี่โยรีบถามพี่ชินทันที
“หึหึ ขี้หึงใช้ได้นี่หว่า” เสียงไอ้แบตกระซิบ ผมหันไปมองมันแทนถึงได้เห็นมันทำหน้าเหมือนล้อๆ
“หึงอะไรวะ ใครหึงใคร” ผมถามเบาๆ
“ก็พี่ชินไง หึงมึงกับกู”
“กูกับมึงเนี๊ยะนะ มีอะไรให้หึงวะ” ถามกลับด้วยความงงยิ่งกว่าเก่า ถ้ากับคนอื่นก็ว่าไปอย่างแต่นี่ผมกับไอ้เชี้ยแว่นมีอะไรให้หึงวะ ไม่เข้าใจเลย
“เมื่อกี้มึงป้อนข้าวกู”
“แล้วไงกูกับมึงก็ทำแบบนี้ออกบ่อย” ผมกับไอ้แบตก็ทำแบบนี้บ่อยๆจนเป็นเรื่องปกติ ไม่เห็นมีใครคิดอะไรเลยครับ ลูกแพรนี่เห็นจนชิน
“แต่พี่ชินไม่เคยรู้นี่หว่า ไปง้อแกหน่อยดิ เดี๋ยวก็หึงลมออกหูคว่ำโต๊ะกินข้าวกูขึ้นมาล่ะเรื่องใหญ่”
“กูต้องง้อเหรอ”
“เออดิ ยังไม่รู้ตัวรึไงวะ”
“แล้วต้องง้อยังไงอ่ะ กูไม่เคยทำ”
“มึงทำยังไงกับกูมึงก็ทำแบบนั้นแหละมั้ง” จะดีเหรอวะ ไม่เคยทำอ่ะ ผมมองหน้าไอ้แบตเป็นคำถามแต่ก็ได้รับเพียงการพยักหน้าไปทางพี่ชินที่กำลังนั้นหน้าบึ่งรอพี่โยกินข้าวไม่สนใจผมแล้วครับ
แล้วต้องเริ่มยังไงวะเนี๊ยะ เอาวะลองก็ลอง
“พี่ชินข้าวไม่อร่อยเหรอ” ผมถามเสียงเบา
“อร่อยกูก็แดกหมดแล้วดิ อยากรู้ทำไม” เสียงห้วนไปไหนวะ เล่นเอาใจฝ่อเลยครับ ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้แบตบอกที่เป็นแบบนี้เพราะหึงผมจ้างให้ก็ไม่ง้อแล้วนะ มาเสียงดังใส่กันแบบนี้
“ทำกับข้าวหมาไม่แดกแบบนี้ ไม่รู้เอามาขายได้ไงเนอะ”
“ไอ้วี มึงว่ากูเป็นหมาเหรอ” อ้าว ซวยอีกแล้วกูจะพูดให้ดีเสือกเผลอปากหมาซะงั้น
“เปล่าพี่ๆ ใครจะกล้าว่าพี่แค่เปรียบเทียบอ่ะ ถ้าพี่ไม่กินผมกินแทนนะ อ่ะจานนี้อร่อยม๊ากกกผมยกให้” ผมรีบแก้ตัวลิ้นพันกัน ก่อนยกจานข้าวตัวเองให้พี่ชินแล้วเอาของพี่ชินมาไว้ที่ตัวเองแล้วตักกินทันที
“กูไม่กินซ้ำกับคนอื่น” พี่ชินพูดเสียงเบาจนผมต้องเงยหน้ามอง สงสัยงานนี้จะง้อไม่สำเร็จเพราะพี่แกไม่สนใจจะหยิบช้อนเลยครับ
“อ้าว งั้นเอาจานใหม่ไหม ผมไปซื้อให้จานนี้ผมกินแล้ว” ผมรีบเสนอทางออกอีกครั้ง
“กูหมายถึงช้อนไม่ได้หมายถึงข้าวมึง”
หือ...ช้อน...ช้อนอะไรวะ
อ๋อช้อนที่ผมใช้ป้อนไอ้แบต
ลืมไปเลยผมสลับจานไม่ได้สลับช้อนแต่คันนี้ผมก็กินแล้วอ่ะ
“คันของพี่ผมก็ใช้แล้วอ่ะ ขอโทษครับผมลืมเดี๋ยวไปหยิบให้ใหม่นะ” ผมว่าพร้อมเลียช้อนโชว์ว่าเพิ่งแสดงความเป็นเจ้าของคนใหม่ไปหมาดๆ
“ไม่ต้องเอาคันนี้แหละ” คันที่ผมเลียเนี๊ยะนะ พี่ชินมันบ้าป่าววะ
“แต่คันนี้ผมใช้แล้วนะ ผมก็เป็นคนอื่นพี่จะมาใช้ต่อได้ไงสกปรกตาย” ผมถามกลับงงๆ แต่ก็ลืมไปว่าตัวเองก็ใช้ต่อพี่ชินเหมือนกัน
“มึงไม่ใช่คนอื่นอย่ามาเรื่องมาก ตักป้อนกูดิเมื่อยมือ” คนที่เรื่องมากมันพี่ไม่ใช่เหรอวะ ไม่ใช่ผมซะหน่อยโบ้ยตลอด แล้วเมื่อยมีคืออะไร?
“แค่ช้อนเองนะพี่ ถือไม่ไหว?”
“ทีคนอื่นมึงป้อนได้ กลับกูนี่ไปได้เหรอ” เสียงนิ่งตาแข็งมาเลยครับ
เท่านั้นแหละผมเลยต้องตักข้าวในจานตัวเองป้อนพี่ชิน ก็ไอ้ข้าวที่พี่ชินบอกไม่อร่อยน่ะแหละครับ พอป้อนให้ก็เห็นกินได้กินดีไม่มีบ่นว่าไม่อร่อยซักคำ ผมตักให้พี่ชินบ้างให้ตัวเองบ้างจนหมดจาน ก่อนหยิบจานตรงหน้าพี่ชินมากินต่อ
ระหว่างที่กินก็มีทั้งสายตาของไอ้แบต ลูกแพร และก็พี่โยมองอยู่ตลอด แถมคนที่เดินผ่านไปผ่านมาในศูนย์อาหารก็หันมามองกันเป็นแถวเลยครับ ผมก็อาศัยความหน้าด้านขั้นเทพบวกวิชาก้มหน้ามองตีนที่ได้ตอนรับน้องเอามาใช้รวมกันไปก่อน การจะง้อใครซักคนนี่ต้องใช้ความหน้าหนาเหี้ยๆเลยนะครับผมเพิ่งจะรู้
หลังจากกินข้าวเสร็จก็ต่อด้วยขนมหวานที่พี่ชินใช้พี่โยให้ลุกไปซื้อมาให้ ผมบอกจะไปเองก็ไม่ยอมให้ไป ไม่รู้เป็นไรนักหนา
“เออ...พี่ชินกับวีเป็น...แฟนกันเหรอคะ” มือที่กำลังถือช้อนที่ตักบัวลอยถึงกับสั่นเมื่อได้ยินเสียงถามตะกุกตะกักของลูกแพร อยู่ๆถามอะไรไม่ปรึกษากันเลย ถามเพื่อนก็ได้น้าจะไปถามพี่ชินทำม๊ายยยย
“หึหึ ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะครับ ยังไม่ได้เป็นหรอก” พี่ชินบอกพร้อมตักบัวลอยในถ้วยผมไปกินหน้าตาเฉย
“ก็แพรเห็น...สนิทกันแบบนี้ก็นึกว่าพี่ชินเป็นแฟนกับวีแล้วซะอีก ขอโทษค่ะที่เข้าใจผิด” ลูกแพรรีบตอบพร้อมขยายความหน้าแตกของตัวเองให้คนอื่นได้รู้ด้วย
“ไม่ได้เข้าใจผิดหรอกครับ เข้าใจถูกแล้วแค่ผิดเวลาเฉยๆ ตอนนี้ยังไม่ได้เป็นแต่เดี๋ยวอีกไม่นานก็เป็นครับ เพราะตอนนี้พี่กำลังจีบเพื่อนน้องอยู่ อ้าปากครับ” พี่ชินตอบลูกแพรพร้อมรอยยิ้มหล่อๆบนหน้า ก่อนจะตักกล้วยบวชชีมาป้อนผมบ้าง คือผมมือไม่ได้ง่อยนะตักเองได้ แล้วทำแบบนี้นึกว่าผมไม่อายเหรอ อายครับแม่งตัวจะระเบิดอยู่แล้วถึงจะเป็นเพื่อนกันแต่ผมก็อายป่ะวะ
“อ้าวเปิดตัวแกนด์โอเพ่นแล้วเหรอพี่ งี้ก็กะเอาจริงเลยดิ” เสียงไอ้แบตถามขึ้นมาบ้าง
“เออดิ เพื่อนน้องอ่ะพี่จองนะ ดูให้ด้วยอย่าให้ใครมาวุ่นวาย รวมทั้งน้องด้วย” พี่ชินพูดเสียงนิ่งๆเหมือนหาเรื่องไอ้แบตตอนท้าย
“อู้ยยยยยยยยยย.........มาโหดซะด้วยเว้ย” เสียงไอ้แบตอุทานเบาๆ ก่อนรับปากพี่ชิน ผมก็ได้แต่นั่งนิ่งๆทำเหมือนเป็นอากาศอยู่รอบโต๊ะ ใครจะพูดอะไรไม่ถามความเห็นกูเร้ย
หลังอาหารมื้อนี้สิ้นสุดลงด้วยบรรยากาศแปลกๆผมก็ต้องไปเรียนต่อ แต่พี่ชินกับพี่โยไม่มีเรียนแล้วครับ เห็นพี่ชินบอกว่าจะไปทำรายงานที่ใต้คณะกับเพื่อนให้ผมรอกลับพร้อมกัน
“อ่ะ วันนี้ยังไม่ได้ใช่ไหม” อมยิ้มรสสตอเบอร์รี่ถูกส่งมาตรงหน้า ผมจะไม่แปลกใจเลยถ้ามันมาจากพี่โยแต่นี่มันมาจากมือพี่ชิน
“กูพาลูกแพรไปซื้อของเซเว่นก่อนนะ เอาอะไรไหม” ไอ้แบตบอกก่อนผมจะส่ายหน้ามันเลยเดินแยกไปพร้อมลูกแพร ตอนนี้ก็เหลือผมกับพี่ชินแล้วก็พี่โยแค่ 3 คนครับ
“พี่ให้ผมเหรอ” ผมถามอย่างอดแปลกใจไม่ได้
“เออดิไม่ให้มึงแล้วกูให้หมาอยู่รึไง” แรงอ่ะ แน่ใจว่าคนเดียวกับที่บอกว่ารักผมนะ
“ก็ผมไม่แน่ใจอ่ะ พี่โยฝากพี่มาให้เหรอ”ถามพี่ชิน แต่ตามองหน้าพี่โยเพื่อขอคำตอบ
“กูนี่แหละให้มึง ทำไมต้องคิดว่าเป็นไอ้โยวะ อะไรๆก็ไอ้โยตลอด ทำไมชอบมันรึไง” อ้าวกูผิดอีก
“ไม่ใช่ของพี่หรอกของไอ้ชินมันน่ะ แต่ทำไมมันถึงไม่ให้เองก็ถามมันเอานะ พี่ขี้เกียจอยู่เป็น พยัญชนะไทยไงก็ขอตัวก่อน เดี๋ยววันหลังค่อยแอบมาคุยกันนะ”พี่โยพูดยิ้มๆ ก่อนรีบเดินหนีตีนพี่ชินออกไป แม่งมุกกขค.แก่นี่ผมยืมไปใช้ได้ไหมวะ แนวดี
“ไม่ต้องไปแอบคุยกับมันเลยนะ พี่ขอห้าม” หือ จะพี่หรือจะกูวะ สรรพนามแทนตัวเองของพี่ชินนี่มันเปลี่ยนได้ตามอารมณ์แกจริงๆนะครับ
“ทำไมต้องห้ามด้วยล่ะ พี่โยก็เป็นรุ่นพี่ผมเหมือนกัน” ผมถามกลับแบบไม่เข้าใจจริงๆครับ
“เออน่ะพี่ไม่ชอบ บอกไม่ให้ทำก็เชื่อกันหน่อยเถอะ”
“ก็ได้ครับ” รับปากไปก่อนครับ เดี๋ยวคุณพี่เขาจะอารมณ์เสียขึ้นมาอีก
“แล้วอมยิ้มนี่จะเอาไหม หรือว่าพอมาจากพี่แล้วไม่อยากได้ อยากได้จากไอ้โยมากกว่า” พี่ชินมันเป็นอะไรกับพี่โยมากป่าวว่ะ ถ้าไม่รู้เองจะไม่เชื่อเลยนะว่าพี่สองคนนี้เป็นเพื่อนสนิทกัน
“จากใครผมก็เอาหมดและของพี่นาวีช๊อบชอบ ขอบคุณครับ”ผมรับมาก่อนแกะเข้าปากทันที
“ไปเรียนเถอะเดี๋ยวเข้าเรียนไม่ทัน พี่ก็จะไปทำรายงานแล้ว
“พี่ชินเดี๋ยวครับ” พี่ชินบอกก่อนทำท่าจะเดินไปทางหน้าคณะแต่ผมเรียกไว้ก่อน
“มีอะไร”
“ผมถามหน่อยทำไมพี่ไม่เอาอมยิ้มมาให้ผมเองอ่ะ ทำไมต้องให้พี่โยเอามาให้” ผมดึงอมยิ้มออกจากปากก่อนถาม
“เดี๋ยววันไหนอารมณ์ดีๆพี่จะบอก วันนี้มีให้กินก็กินๆไปก่อนเถอะน่า แค่นี้ใช่ไหมกพี่จะไปแล้ว”
“เดี๋ยวพี่ผมขอถามอีกเรื่อง ที่พี่บอกเพื่อนผมในโรงอาหารน่ะพี่พูดจริงเหรอ”
“เรื่องไหนวะ กูพูดตั้งเยอะ” พี่ชินทำคิ้วย่นชนกันเป็นคนแก่ก่อนถาม
“ก็ที่บอกว่าจะจีบผมไง” ตอนถามนี่หน้าจะแดงไหมวะ ตอนนี้รู้สึกหน้ามันร้อนๆ
“จริงสิ อะไรที่ทำให้คิดว่าพี่พูดเล่น” สายตาคาดคั้นกว่าคำพูดอีกครับ
“มะ...ไม่มีครับ” ตอบเหมือนคนติดอ่างเพราะสายตาที่แผ่รังสีคาดคั้นนั่นเลยครับ
“เมื่อก่อนพี่อาจจะเดินเกมส์ผิดถึงทำอะไรให้มันเป็นเหมือนทุกวันนี้ แต่ต่อจากนี้ไปพี่จะทำเหมือนที่คนอื่นๆเขาทำดูบ้าง เผื่อคนแถวนี้จะใจอ่อนรับรักพี่ซักที เตรียมตัวให้ดีหลังจากนี้พี่จะเดินหน้าจีบเต็มที่แล้วนะ”
พูดเฉยๆก็ได้ทำไมต้องยิ้มแบบนี้ด้วย รู้ไหมว่ามันทำให้หัวใจผมทำงานหนักแค่ไหน แถมยังจะเอาหน้ามาใกล้แล้วบีบจมูกผมไปมาอีกนะ จากที่ว่าหน้าร้อนๆตอนนี้ร้อนกว่าจนเอาน้ำมาตั้งแล้วชงมาม่าบนหน้าผมได้เลยล่ะ
แล้วพอพูดเสร็จก็เดินไปเลยปล่อยให้ผมยืนใบ้แดกอยู่ตรงทางเดินคนเดียวซะงั้นครับ
เฮ้อ!ต่อไปนี้ผมจะเจออะไรที่ทำให้หัวใจทำงานหนักอีกหรือป่าวนะแค่นี้ก็แทบจะไม่ไหวแล้วครับ
----- To be Con. -----
ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์ค่ะ