บทที่ 8: อาจจะเป็นเพราะฉันที่ทำให้วันดี ๆ หายไป อาจจะเป็นเพราะเธอที่ทำให้รักเราไม่ไปไหน แล้วจะทำยังไงกับรักที่มันยังมีต่อไป...
“ทำไมเงียบล่ะดิน ทำไมเงียบกันหมด พี่เอ หมอดิน” ผมถามอีกครั้ง ขออย่าให้อะไรๆ มันเลวร้ายอย่างที่ผมคิดเลย
“มีนครับ ทำใจดี ๆ ไว้นะ มีนมีอาการตกเลือดอย่างรุนแรงเนื่องด้วยความเครียดและร่างกายอ่อนแอ” ดินมองหน้าผมก่อนจะค่อยๆ พูดช้าๆ พี่เอจับมือผมไว้แน่นและแน่นขึ้นมาก ๆ ผมกลัวเหลือเกิน ผมเงียบรอฟังดินพูดต่อ
“แล้วตอนนี้มีนก็ปลอดภัยแล้ว แต่เราตรวจหาเด็กไม่เจอ อย่างเพิ่งคิดมากนะมีน เดี๋ยวพรุ่งนี้เราจะตรวจใหม่ให้แน่ใจ ตอนนี้ขอให้มีนอยู่นิ่ง ๆ อย่าขยับเขยื้อนเกรงว่าจะกระทบกระเทือนกับเด็กได้”
เปรี้ยง! รู้สึกเหมือนมีฟ้าผ่าลงมากลางใจ ความกลัวมาจากไหนไม่รู้มากมายเหลือเกิน หัวใจอ่อนแรงคล้ายจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ ลมหายใจสะดุด ความเสียใจกลั่นออกมาเป็นน้ำตา... ไหลลงมาอาบหน้าอย่างห้ามไม่อยู่ ลูกคือความหวัง คือเหตุผลที่ผมมีชีวิตอยู่ คือลมหายใจ ผมไม่รู้ว่าจะทนได้ไหมถ้าลมหายใจของผมถูกพรากไป...
ไม่นะ ลูกจ๋า อย่าทิ้งแม่ เราเหลือกันแค่นี้แล้ว อย่าจากแม่ไป...
พี่เอทำท่าอยากจะกอดผมเหลือเกิน แต่คงทำไม่ได้เพราะมันจะกระเทือนถึงผมและลูก ถ้าแกยังอยู่กับผม... ไม่ไหว ผมรับไม่ไหวและไม่คิดว่ารับให้ได้ ลูกของผม ลูกของผม ไม่ ไม่ ไม่!!!
“ฮึก อึก ฮึก ฮืออ ม่ายยย” ผมกรีดร้องอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ผมไม่เคยเจ็บขนาดนี้ ทรมานเหมือนคนใกล้จะหมดลม ถ้าลูกไม่อยู่แล้ว ผมจะอยู่ได้ยังไง... คราวนี้พี่เอขยับมานั่งบนเตียงก่อนจะเอนตัวลงมากอดผมเข้าแนบเข้ากับอกหนาโดยที่ไม่ต้องยกตัวผมขึ้น ผมเอื้อมมือไปกอดรัดร่างพี่เอแน่น เท่าที่ผมจะมีแรงก่อนจะสะอื้นไห้จนตัวโยน หมอดินพูดอะไรไม่ออก เขายื่นมือมาจับมือผมไว้อีกทีก่อนจะบีบอย่างให้กำลังใจ ผมร้องไห้อยู่อย่างนั้น ก่อนจะหลับไป... ไหล่ของผมเปียกชื้น พี่เอก็ร้องไห้เช่นกัน...
มีนหลับไปแล้ว หลับไปทั้งคราบน้ำตาและร่องรอยความเจ็บปวดที่ยังฉายชัดอยู่บนใบหน้า เขาแทบจะขาดใจที่เห็นมีนเป็นอย่างนี้ มีนรักลูกมาก เขาก็รักลูกมากเหมือนกัน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยดูแล ไม่เคยสัมผัสแกผ่านทางมีนเลยสักครั้ง แต่มันเหมือนเป็นสายใยผูกใจของเขาไว้กับลูก... แต่เขารักมีนมากกว่า มากมายจนตัวเองก็คิดไม่ถึง แค่เห็นน้ำตาของมีนเขาก็ใจฝ่อและรู้สึกหมดแรง น้ำตาไหลตามทุกครั้งที่มีนสะอื้นไห้ เอกอดมีนไว้แน่น กอดเพื่อจะให้คนอ่อนแอรู้ว่าเขายังอยู่เคียงข้าง เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของมีนมาไว้ที่เขาบ้าง และถ้าเป็นได้ เขาขอให้ลูกยังอยู่เรา... เพื่อที่เขาจะมีโอกาสได้เห็นรอยยิ้มของมีนอีกสักครั้ง... เอห่มผ้าให้มีนก่อนจะหันไปหาหมอดิน ก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงว่าให้ไปคุยกันหน้าห้อง หมอดินที่หน้าตาเคร่งเครียดพยักหน้ารับก่อนจะเดินนำออกไป
“หมอครับ ผมขอร้อง ช่วยมีนกับลูกด้วย” เอเอ่ยปากขอร้อง ไหล่ลู่ลงอย่างคนสิ้นหวัง
“หมอจะพยายามช่วยครับ หมอรู้ว่าตอนนี้จิตใจมีนบอบบางอย่างรุนแรง ถ้าต้องเสียลูกแก มีนคงรับไม่ได้” หมอดินตอบเสียงเครียด
“มันยังมีโอกาสใช่ไหมหมอ ลูกอาจจะยังไม่ไปไหน” เอถามเสียงอ่อนแรง
“ครับหมอก็เชื่ออย่างนั้น ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือจิตใจของมีน ถ้าเครียดกว่านี้อาจทำให้เราตรวจหาเด็กลำบากมากขึ้น” หมอดินตอบ ก่อนจะเอื้อมมือไปตบที่ไหล่เอก่อนจะบีบเบาๆ แล้วพูดต่อ
“คุณพ่อต้องเข้มแข็งและเป็นกำลังใจให้คุณแม่ ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไงนะครับ หมอจะทำทุกทางอย่างเต็มความสามารถ” เอพยักหน้ารับอย่างรู้สึกขอบคุณจากใจจริง หมอดินมีนัดไปตรวจเคสอื่นต่อ ก่อนไปบอกว่าจะแวะกลับมาหามีนอีกครั้งเมื่อเลิกเวรแล้ว ผมกลับไปนั่งกุมมือตัวเล็กไว้เวลาผ่านไปจนผ่านไปหนึ่งคืน
เวลาเช้าเคลื่อนเข้ามา แสงแดดแยงตาผม ผมลืมตาขึ้นมา ทำไมท้องฟ้าถึงยังไม่เปลี่ยนไป ทั้งที่สายตาของผมมองมันไม่เหมือนเดิม แม้ว่าแสงแดดจะอบอุ่นแค่ไหน ก็ไม่ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นได้ วันนี้แล้วสินะที่ผมจะได้รู้ว่า ลูก... ยังอยู่กับผมไหม ผมไม่ร้องไห้อีกแล้ว ผมยังหวัง หวังว่าแกจะไม่จากผมไปไหน ความอึดอัดที่มือนำให้ผมหันไปมอง ผู้ชายตัวโต ผิวเข้ม จมูกโด่งเป็นสันที่นอนซบอยู่ข้างเตียง พี่เอ... แปลกดีที่ผมไม่รู้สึกอะไรเลยที่เห็นเขา ผมไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้นอีกแล้ว ผมขยับมือ พี่เอก็ตื่นทันที
“มีนตื่นแล้ว กินน้ำก่อนนะ” ร่างสูงกะวีกะวาดเอาน้ำมาให้ผมจิบ ผมจิบแต่ตายังมองเขาไม่มองอย่างอื่น
"พี่ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่แล้วนะครับ พี่กลับไปเถอะ" ผมพูด
"ทำไมพูดแบบนี้ล่ะมีน พี่บอกแล้วว่าขอโทษ เรามาเริ่มกันใหม่" พี่เอตกใจหยุดการกระทำทุกอย่างลง
"มันไม่มีอะไรเหลือแล้ว เราเดินมาไกลเกินกว่าจะเป็นคนรักกันอีก มันไม่มีทางต่อไปสำหรับเรา" ผมพูดอย่างที่คิด
"มีน... อย่าทำแบบนี้ ในเวลาแบบนี้พี่จะทิ้งเราไปได้ยังไง" น้ำเสียงร่างสูงเว้าวอนเป็นอย่างมาก
"ผมรู้ครับว่าพี่รู้สึกผิด พี่เคยบอกผมว่ายังไง พี่ไม่มีทางรับผิดชอบคนที่ไม่ได้รัก ผมก็เหมือนกันครับ ถ้าไม่ได้รัก ไม่จำเป็นต้องมา
รับผิดชอบ สิ่งที่ผมเสียไปมันไม่มีทางเรียกคืนมาได้อีกแล้ว ผมเหนื่อย ผมเจ็บ ผมรู้สึกยังไงบ้างพี่ไม่มีทางรู้หรอก"
เหนื่อยเหลือเกิน ไม่เอาอีกแล้ว พอกันที!
"พี่รู้นะ แต่พี่แค่ขอโอกาส พี่ขาดมีนไม่ได้ ยิ่งเกิดเรื่องยิ่งรู้ว่ามีนสำคัญแค่ไหน นะครับ ให้พี่อยู่ด้วย" เขายังไม่หยุดพูด
"อย่าฝืนเลยครับพี่ ผมไม่โกรธ ไม่อะไรกับพี่อีกแล้ว เราจบลงตรงนี้ อย่าทำแบบนี้อีกเลย...." คำว่า ‘เรา’ มันไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว. . .
“ไม่ครับ พี่จะอยู่ตรงนี้ เราอย่าพึ่งพูดเรื่องนี้เลยนะ มีนตื่นแล้วพี่จะไปบอกหมอก่อน” พี่เอทำท่าจะขยับออกไป ผมรั้งมือเขาไว้ ก่อนจะส่ายหน้าให้เขา
“อย่าพยายามอีกเลยครับ” ผมพูดก่อนจะดึงมือออกจากมือเขา หมับ.. เขาไม่ยอมปล่อยแต่กลับจับมือผมไว้แน่น ผมจะดึงออกก็ไม่ยอม เราสองคนมองจ้องกันไปมา สายตาพี่เอผมรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร ผมไม่ยอมปล่อยผมไปแน่ ๆ ผมเหนื่อยไม่อยากพูด
อะไรอีกแล้ว ได้แต่ยอมให้เขาจับมือไว้อย่างนั้น ร่างสูงกดออดบอกพยาบาล ผมหลับตาลงนิ่งๆ ไม่อยากสบตากับเขาให้ใจอ่อนอีก ผมแพ้ทางเขา ไม่เคยชนะใจตัวเองได้สักที การที่เขาจับมือผมไว้อย่างนี้ การอยู่เคียงข้างผม ผมไม่อาจโกหกใจตัวเองได้เลย ว่าผมรู้สึกอุ่นใจจริงๆ ....
หมอดินเข้ามาตรวจอาการผมก่อนจะนำผมไปที่ห้องอัลตร้าซาวด์ ที่นั่นมีหมอผู้หญิงอีกคนรออยู่ ผมถูกจับให้นอนลงบนเตียง หมอผู้หญิงทาครีมอะไรไม่รู้เต็มหน้าท้องผม ก่อนจะเปิดเครื่องตรวจ ผมมองเห็นภาพที่ออกมาจากเครื่องฉาย หมอบอกว่าเป็นภาพในช่องท้องของผม พี่เอยืนอยู่ข้างๆ เขาไม่ปล่อยมือผมเลย หมอผู้หญิงพูดกับหมอดินด้วยศัพท์เทคนิคการแพทย์ทั้งหมดซึ่งไม่เข้าใจอะไรเลย ผมตื่นเต้นไปหมด แต่ผมก็ยังหวัง ผมว่าผมสัมผัสได้ ลูกน่าจะยังอยู่กับผม ผมได้แต่คร่ำครวญในใจ...
ขอให้ลูกผมยังอยู่ ขอให้หมอหาแกเจอนะครับ ผมขอร้อง...
เหมือนว่าเวลาผ่านไปเนิ่นนานเหลือเกินกับการตรวจครั้งนี้ ทุกครั้งที่หมอผู้หญิงพยักหน้า หัวใจผมก็ริงโลด แต่หลายครั้งที่หมอผู้หญิงส่ายหน้า ผมก็กลับมาเครียดอีกครั้ง... สุดท้ายหมอผมก็ได้รู้คำตอบ หมอผู้หญิงยิ้มออกมาพร้อมกับพยักหน้าให้หมอดิน เขาพยักหน้า หมายถึงว่าลูกผมยังอยู่รึเปล่านะ หมอดินยิ้มกว้างหันมาทางผม ริมฝีปากเอ่ยประโยคที่ฟังแล้วมีความสุขมากที่สุดออกมา ในที่สุดลูกก็ยังอยู่กับผม ผมดีใจมากจริงๆ ดูเหมือนคนข้างกายจะดีใจไม่แพ้กันพี่เอคว้าผมไปกอดหมับ กอดผมเสียงดังจนหมอดินต้องปรามว่าอย่าทำอะไรรุนแรงเพราะร่างกายผมยังไม่ปกติดี ผมสบตากับพี่เอ ก่อนจะพูดออกมาอย่างลืมสิ้นทุกสิ่งอย่าง
“ลูก ลูกยังอยู่กับเราพี่เอ ฮึก ลูกของเรา” ผมยิ้มให้พี่เอทั้งน้ำตา พี่เอยิ้มตอบกลับผมเห็นประกายหยาดน้ำตาในตาของเขา ร่างหนาประคองกอดผมไว้แน่น ก่อนจะพูดตอบ
“ครับลูกยังอยู่กับเรา พวกเราจะอยู่ด้วยกันนะครับ” ผมยิ้มกว้างก่อนจะซุกหน้าซบไออุ่นจากอกหนา พี่เอกอดผมไว้แน่นจนเจ็บ แต่ผมไม่สนใจ ผมลืมหมดทุกอย่าง ลืมว่าเขาเคยทำร้ายผมยังไง ลืมว่าเขาไม่ได้รักผมแล้ว ลืมว่าผมต้องการหนีจากเขา ลืมหมดจริงๆ ขอแค่เวลานี้เท่านั้นที่ผมจะมีพี่เออยู่เคียงข้าง ผมขอแค่ได้ให้เวลารับความรักจากเขา ไม่สนว่าจะมันจะจริงหรือหลอกกับความรู้สึกนี้ ให้มันเป็นเหมือนน้ำไหลลงในจิตใจที่แห้งแล้ง พรุ่งนี้เราอาจต้องจากกัน ฉะนั้นวันนี้วันที่ผมมีทั้งลูกและพ่อของลูกอยู่เคียงข้าง ไม่ผิดใช่ไหมที่ผมจะขอเก็บมันไว้เป็นพลังใจ ให้สู้ต่อในวันข้างหน้าที่อาจไม่มีเขา...
.
.
.
.
“ดีใจด้วยนะมีน เด็กยังอยู่ครับ” หมอดิน ขอบคุณนะ ขอบคุณจริงๆ
อาทิตย์ต่อมาผมก็กลับมาพักที่บ้านของผม ทุกอย่างยังเหมือนเดิม เพียงแต่พ่วงผู้ชายตัวโตที่ดึงดันจะมาอยู่ด้วยให้ได้ พอผมปฏิเสธไป เขาก็อ้างว่าจะมาดูแลลูก พอเจอข้ออ้างอย่างนี้ผมก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยอมให้เขาอุ้มขึ้นบันไดมานอนพักในห้องนอน พี่เอบังคับให้ผมนอนอยู่นั่นแหละ ผมเบื่อนะ ดินก็บอกแล้วว่าให้ผมขยับร่างกายได้แต่ต้องระวังๆ เท่านั้นเอง
“พี่เอ ผมแค่จะออกไปรดน้ำต้นไม้หน้าบ้านเอง ทำไมผมจะทำไม่ได้” ผมพูดเสียงสะบัดอย่างหงุดหงิด
“ไม่ได้ครับ รดน้ำก็ต้องลงบันไดไปอีก นอนอยู่เฉยๆ เดี๋ยวพี่ไปรดให้ก็ได้” พี่เอไม่ยอมอีกแหละ น่าเบื่อจัง
“งั้นผมขอไปนั่งออกแบบเก้าอี้ที่ค้างไว้ตรงห้องทำงานได้ไหม” ผมลองเสนออีกครั้ง พี่เอส่ายหน้า
“ไม่ได้ครับ เดี๋ยวเครียดอีก แม่เครียดเดี๋ยวลูกก็เครียด” พี่เอเสริมด้วยเหตุผล
“งั้นผมจัดห้องได้ไหม” คราวนี้นอกจากส่ายหน้ายังเพิ่มกิริยาโบกมือปฏิเสธไปมาอีก
“ไม่ได้ ออกแรงเยอะไม่ได้ หมอห้าม” หงุดหงิดแล้วนะ นี่ผมท้องนะไม่ใช่คนพิการ
“โน่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ ผมเบื่อนะต้องอยู่เฉยๆ อ่ะ” สะบัดหน้าใส่พี่เอเบาๆ ยื่นปากอย่างหงุดหงิด
“มีนครับ พี่ก็ยกหนังสือมาให้อ่านแล้วไง จะดูทีวีก็ได้ หรือจะให้พี่อ่านคู่มือพ่อแม่มือใหม่ให้ฟัง” ร่างสูงขยับมานั่งด้วยกันบนเตียง โอบตัวผมไว้หลวม ๆ พูดเสียงอ่อนเชียว รู้สินะว่าผมอารมณ์เสียแล้ว ฮึ่มๆ
“ก็มันน่าเบื่อ” ผมยังไม่วายเถียง
“อยู่นิ่งๆ ไปอีกสักพักนะคนเก่ง ไว้พี่แน่ใจว่ามีนแข็งแรงเมื่อไหร่ อยากทำอะไรก็ทำเลย แต่ตอนนี้พี่เป็นห่วงทั้งแม่ทั้งลูกนั่นแหละ อย่าดื้อกับคุณพ่อนะครับ” คนบ้าอำนาจ เอะอะก็อ้างลูก เอะอะก็อ้างสถานะ เห็นว่ารักห่วงลูกหรอกนะ ผมจะยอมฟังก็ได้
“...ก็ได้ อยากดูทีวีเปิดให้หน่อย” พี่เอหัวเราะในลำคอ ก่อนจะกดจูบลงที่ขมับผม ผมสะดุ้งตกใจก่อนจะผลักหน้าคนตัวโตให้ออกห่าง
“ครับๆ เดี๋ยวเปิดให้น้าคุณแม่” พี่เอยิ้มไปเดินไป เปิดทีวีที่อยู่ตรงโต๊ะตรงข้ามหัวเตียง ก่อนเดินกลับมานั่งที่เดิม ดันผมให้นอนลงบนที่ว่างหน้าตักเขา หัวผมซบลงพอดีตรงที่อกหนา เราไม่ได้พูดอะไรกันอีก ผมนอนดูทีวีอันน่าเบื่อจนเผลอหลับไป
เอ... เหมือนว่าตอนเย็นดินจะมาหานะ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
มิยูกิเอาความหวานมาให้ชิมกันค่ะ มิยูกิไม่ใช่คนโหดร้ายอย่างนั้น แม้ว่าจะอยากเขียนให้ป่วงและหน่วงกว่านี้ซักนิดนึง แต่อยากให้พักหายใจหายคอกันหน่อยค่ะ ชีวิตคนเราก็ไม่ได้มีเรื่องร้ายตลอดหรอกนะคะ เวลาดีก็ตักตวงความสุข เวลาร้ายก็อดทนและมีความหวังอยู่เสมอ เอาตอน 8 มาส่งแล้วนะคะ มิยูกิจะดีใจมากถ้าคุณอ่านเรื่องนี้แล้วมีความสุข (หลังจากทุกข์มาหลายตอน) แต่ว่า......... น้องมีนยังไม่หลุดพ้นจากความหน่วงนะคะ
สนทนากันนะคะ ทิ้งความคิดของคุณไว้ มิยูกิอ่านแน่นอนค่ะ ขอขอบคุณคุณ moredee ที่ช่วยหาคำผิดมาให้นะคะ มิยูกิจะพยายามตามแก้คำนั้นค่ะ ขอบคุณมากจริงๆ อย่าลืมนะคะ เจอคำผิด บอกมิยูกิด้วยย