บทที่ 7: Should have gave you all my hours when I had the chance
ผมควรทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับคุณ ในตอนที่ผมยังมีโอกาส
ร่างสูงเดินวนไปมาอยู่หน้าห้องไอซียูหลังจากที่มีนถูกย้ายจากห้องฉุกเฉินธรรมดาเข้าไปข้างในได้เกือบชั่วโมง ใบหน้าเคร่งเครียดมีเหงื่อซึมเล็กน้อยทั้งที่อากาศในโรงพยาบาลเย็นฉ่ำ เอคิดไปสะระตะด้วยความกังวล ขอให้หมอช่วยมีนให้ได้ ขอให้ลูกของเขาไม่เป็นไร รออีกสักพักประตูห้องไอซียูก็ถูกเปิดออกมาด้วยร่างของหมอเจ้าของไข้ เอรีบเดินไปหาทันที ก่อนจะทันได้ถามอาการของมีน ก็ต้องมาตอบคำถามของหมอเสียก่อน
“คุณคือคุณเอใช่ไหมครับ” หมอดินถามน้ำเสียงราบเรียบ
“ครับหมอ เมียผม ลูกผมเป็นยังไงบ้างครับหมอ” เอถามอย่างร้อนรน
“... ผลั่ก!..” ใบหน้าคมถูกต่อยจนร่างผละไปด้านหลัง เอหันมามองเจ้าของหมัดอย่างไม่เข้าใจ เสียงร้องตกใจของพยาบาลดังขึ้น ก่อนหมอหนุ่มจะเอ่ยคำอธิบายให้ได้ยิน
“หมัดนี้ถือว่าเป็นของฝากจากเพื่อนของมีนอย่างผม ส่วนอาการของมีนตอนนี้ยังไม่พ้นขีดอันตราย” เสียงของหมอดินนิ่งตั้งแต่ต้นประโยค และเสียงเบาลงในประโยคที่สอง
“มีนเป็นอะไรหมอ บอกมา เมียผมเป็นอะไร” เอกระชากเสียงถามอย่างคนมีความกลัวจับจิต
“คนไข้มีอาการตกเลือดอย่างรุนแรง สาเหตุเพราะความเครียดบวกกับร่างกายอ่อนแอเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอ เดิมทีกรณีผู้ชายตั้งท้องได้นั้นเป็นเคสหายากและดูแลยากมาก สรีระตรงสะโพกของผู้ชายไม่ได้ถูกสร้างให้รับน้ำหนักของทารก แต่ถ้าอยู่ในการดูแลของหมออย่างใกล้ชิด โอกาสที่เด็กจะคลอดออกมาโดยสมบูรณ์และตัวคุณแม่ก็ปลอดภัยก็มีมากขึ้น แต่ว่าตอนนี้คนไข้เครียดมาก สภาพจิตใจบอบช้ำ ที่ผ่านมาคงฝืนร่างกายมาเยอะ ยังดีที่รีบพามาส่งโรงพยาบาล ตอนนี้ผมรักษาตามอาการแล้ว แต่เด็กจะปลอดภัยหรือไม่และคนไข้จะฟื้นเมื่อไหร่ ผมไม่สามารถรับรองอะไรได้” สิ้นคำบอกเล่ายาดเหยียดของหมอดิน หมอก็เดินกลับเข้าไปข้างใน
ร่างของมีนที่นอนอยู่บนเตียงจะถูกย้ายไปห้องดูแลควบคุมพิเศษ เอเดินตามเข้ามาในห้อง มองดูหมอและพยาบาลดูแลร่างเล็กบนเตียงอย่างหดหู่ เรี่ยวแรงและกำลังใจมันหายไปไหนไม่รู้ ได้แต่โทษตัวเองอยู่ซ้ำ ๆ ถ้าเขามาเชียงรายเร็วกว่านี้ ถ้าเขาแสดงตัวให้มีนเห็นตั้งแต่แรก อย่างน้อยที่สุดคงมีโอกาสได้ดูแลกันดีกว่านี้ เอทรุดตัวลงนั่งตรงเก้าอี้ที่ลากมาข้างเตียงหลังจากหมอและพยาบาลเดินออกไปแล้ว ร่างสูงไม่สนใจความเจ็บบริเวณโหนกแก้มที่หมอดินเป็นคนทำ หมอคงเป็นเพื่อนกับมีนเพราะเคยได้ยินมีนพูดถึงเพื่อนที่เป็นหมอให้เขาบ่อยๆตอนคบกัน... มือของเขาลูบแก้มนวลราวกับต้องการจะสื่อให้เจ้าของร่างรู้ มีนคงเจ็บปวดเป็นอย่างมากที่ตัดสินใจจะเลี้ยงลูกคนเดียว ตัวเล็กของเขาคงรวดร้าวเพราะเขามากจริงๆ ... แต่ขอให้ตื่นมานะครับมีน ตื่นมาฟังว่าพี่สำนักผิดแล้ว พี่กลับมาเพื่อรับผิดชอบและพี่จะไม่ไปไหนอีก...
เขาผิดเองที่ไม่ยอมมาดูแลตั้งแต่แรก พอรู้ว่ามีนท้องก็พอจะเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้ ที่มีนเป็นลมหน้าที่ทำงานนั้นเขาก็รู้ ที่อาเจียนบ่อย ๆ เขาก็รู้ และที่มีนไปหาหมอบ่อยๆ เขาเองก็รู้เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นอะไรเท่านั้น ตั้งแต่เลิกกันเขาไม่เคยไม่ติดตามข่าวสารของมีน ทั้งเช็คเฟสบุ้ค ทั้งแอบฟังเรื่องของมีนจากปากของบิ้ก... วันที่รู้เรื่องนั้นเขากำลังเดินผ่านห้องบุคคลเลยไปได้ยินเข้า นี่ไม่คิดแม้แต่จะบอกเขาเรื่องลูกเลยหรอ มีนคงผิดหวังกับเขามากเหลือเกิน เขายอมรับว่าตกใจเรื่องลูกแต่ก็เชื่อว่ามีนท้องได้ ตัวเล็กของผมมีรูปร่างเล็กบอบบางคล้ายผู้หญิง ยิ่งถ้าตอนผมยาวแล้วลืมไปตัด น้อยคนจะมองออกว่าเป็นผู้ชาย เขาจัดการทำเรื่องพักงานทันที เคลียร์งานทุกอย่างอยู่สองอาทิตย์ ไม่ต้องสืบมากมายก็รู้ว่าที่เดียวที่มีนจะมาได้ซึ่งก็คือที่บ้านที่เชียงราย จริงๆ อยากเข้าไปหาตั้งแต่แรกที่ย้ายเข้า แต่เขาก็ไม่กล้า เพราะแววตาสุดท้ายที่มีนมองเขา มันเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความรักที่ว่างเปล่า...
สายตาที่เขารับรู้ว่าเขาได้เสียตัวเล็กของเขาไปเสียแล้ว มีนไม่ได้มองเขาด้วยความรักเหมือนเดิมอีกแล้ว...
เพราะความเห็นแก่ตัวของเขาเอง แต่เขาก็กลับมาแล้ว อย่างน้อยก็อย่าให้เกิดเรื่องร้ายเลยไม่ได้หรอ ให้คนไม่ดีอย่างเขาได้แก้ตัวบ้าง ถ้าหากต้องเสียลูกไปเขาก็จะปลอบใจและอยู่ข้างๆมีน จะเป็นที่พึ่งพาเป็นกำลังให้ร่างบาง แต่ตอนนี้แค่ชีวิตของมีนเขาก็ยังไม่รู้เลยว่าจะรอดไหม ยังไงก็ได้เขาพร้อมยอมจ่ายค่ารักษาทุกอย่าง พร้อมทำทุกทางที่จะรักษาชีวิตลูกและเมียของเขาไว้
ผ่านไป 12 ชั่วโมง
บรรยากาศภายในห้องควบคุมดูแลพิเศษนั้นสงบเงียบ มีแต่เสียงเครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจ เอนั่งอยู่ตรงที่เดิม แววตาจ้องมองไปที่ร่างเล็กอย่างแน่วแน่ สิบสองชั่วโมงแล้ว มีนก็ยังคงไม่ฟื้น หรือว่าเขาควรจะไปตามหมอมาดูดี ไวเท่าความคิดร่างหนาก็กดออดเรียกนางพยาบาล
“ค่ะ มีอะไรให้รับใช้ค่ะ” เสียงพยาบาลถามขึ้น
“เมียผมสลบไปสิบสองชั่วโมงแล้วนะครับ รบกวนคุณช่วยตามคุณหมอเจ้าของไข้ให้ที” กรอกเสียงลงไปตามสาย
“คุณหมอศิลากำลังจะเข้าไปอยู่แล้วค่ะ” นางพยาบาลตอบ
“ช่วยรีบด้วยนะครับ” เอย้ำอีกครั้ง
“ค่ะ เราดูแลคนไข้เต็มที่อยู่แล้วนะคะ คุณพ่อใจเย็นๆนะคะ” คำปลอบจากนางพยาบาล
“ครับ ช่วยเมียผมด้วย...” ก่อนจะกดตัดสัญญาณ รอเพียงไม่นานประตูห้องก็เปิดออก หมอดินพร้อมกับพยาบาลอีกคนเดินเข้ามาในห้อง หมอหันมามองดินและพยักหัวเป็นเชิงทักทาย เอเองก็ไม่ได้โกรธอะไรเรื่องที่โดนต่อยจึงพยักหัวกลับ ก่อนจะถามหมอทันที
“นอนอยู่อย่างนี้ตลอดเลยหมอ เมื่อไหร่เขาจะตื่น” น้ำเสียงร้อนรน
“เดี๋ยวขอหมอตรวจก่อนนะครับ” หมอดินตรวจตามรายการเสร็จ ก็บอกให้พยาบาลออกไปลงบันทึกส่วนตัวของเขาเดินไปนั่งที่โซฟาคนเฝ้าไข้ตัวเดียวกับที่เอนั่งอยู่ เกิดความเงียบขึ้นชั่วอึดใจ ก่อนหมอดินจะเป็นทำลายความเงียบ
“มีนเป็นคนเข้มแข็งมาก แต่ก็อ่อนแอมากเหมือนกันคุณรู้ไหม” ดินเอ่ยเสียงอ่อนโยนขึ้นเมื่อพูดถึงคนที่นอนบนเตียง เอพยักหน้ารับเบาๆ อย่างเห็นด้วย
“เขาจะทำทุกอย่างด้วยตัวเองเสมอ ทนแบกรับทุกอย่างไว้คนเดียว เจ็บแค่ไหนก็จะไม่บอกให้ใครรู้ แต่ภายนอกที่ดูเย็นชาร้องไห้ยาก จิตใจข้างในกลับอ่อนแอเหลือเกิน เขาเป็นอย่างนี้ตั้งแต่เรียนมัธยมแล้ว” ดินพูดต่อ
“หมอรู้จักกับมีนตั้งแต่เมื่อไหร่” เอถาม ไม่พูดสุภาพกับอีกฝ่ายมาก เพราะรู้ว่าอายุน้อยกว่าตน
“ผมเป็นเพื่อนกับเขามาตั้งแต่สมัยเรียน เราสนิทกันมากอยู่กลุ่มเดียวกัน เฮไหนเฮนั่นตลอด ผมเลย รู้ จัก ดี กว่าแท้จริงแล้วมีนเป็นคนยังไง ผมกับมีนเรา รู้ ใจ กัน เสมอ” เอสะดุดใจกับการเน้นย้ำเสียงของหมอดินตรงคำว่า รู้จักดีและรู้ใจกัน เอมองหมอหนุ่มด้านข้างอย่างพิจารณาทันที
“ขอบคุณมากที่หมอดูแลเมียของผม ถ้าไม่มีหมอมีนคงแย่กว่านี้” เอตอบไม่ได้มีเจตนาจะพูดเหน็บใด ๆ ทั้งสิ้น
“มีนเป็นคนสำคัญของผม ไม่ว่าเขาจะเป็นยังไงผมรับเขาได้เสมอ ไม่ว่าเขาจะผ่านอะไรมาก็ตาม”คำพูดความนัยถูกส่งมาอีกครั้งหนึ่ง
“มีนดีจริง ๆ ที่มีคนอย่างหมอเป็น เ พื่ อ น” เอรู้ว่าหมอดินจะสื่ออะไรเลยพูดดักทางไว้ก่อน เมียเขา ลูกก็ของเขา
“ครับผมพร้อมเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นคนที่มีนพึ่งพาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามที่มีนกำลังอ่อนแอถึงขีดสุด” หมอดินพูดอย่างใจคิดยังผลให้เกิดความเงียบขึ้นมาอีกครั้ง
“เขาจะฟื้นใช่ไหมหมอ” เอถามขึ้นเสียงเลื่อนลอย ก้มหัวต่ำลงมองไปที่พื้น
“หมอก็หวังอย่างนั้นครับ” หมอดินตอบ
นี่ผมเป็นอะไรไป ทำไมถึงไม่มีแรงเลย ผมลืมตาขึ้นแล้วกระพริบตาเพื่อให้ชินกับแสงในห้อง ใช่แล้ว ผมปวดท้องมากแล้วพี่เอก็พามาโรงพยาบาล ได้ยินเสียงกึกกักข้างเตียงก่อนที่ภาพของพี่เอจะเข้ามาในสายตา ฝ่ามือร้อนกุมมือผมไว้
“มีนฟื้นแล้ว ฟื้นแล้วสินะครับ หลับไปนานเลยนะคนเก่ง” พี่เอยิ้ม ยิ้มกว้างซะด้วย
“พะ พี่เอ” ผมพยายามหาเสียงของตัวเองอยู่นานก่อนจะเปล่งออกไป พี่เอเอาน้ำมาให้ผมจิบ
“คนดีของพี่นอนไปหนึ่งวันเลยน้า เดี๋ยวพี่เรียกหมอให้ก่อนนะครับ” ผมมองคนตัวกดปุ่มข้างเตียงเรียกนางพยาบาล
“พี่เอ ผมเป็นอะไร แล้วลูกละครับ ลูก...” ผมจำได้ว่าปวดท้องมาก ลูกผมจะเป็นอะไรไหม ลูกของผม พี่เอหลบสายตาผม มือหนาเอื้อมมากุมมือผมไว้ กิริยาอย่างนี้คืออะไร ใครก็ได้บอกผมที
“ทำไม ทำไมไม่ตอบผม หมอล่ะ ดินอยู่ไหน โอ้ย” ผมคงตะเบ็งเสียงมากไปหน่อย รู้สึกเจ็บท้องอีกแล้ว
“มีน อยู่นิ่ง ๆ ก่อน อย่าเพิ่งขยับตัวนะ เดี๋ยวหมอก็มาแล้ว” พี่เอจับตัวผมให้นอนนิ่ง ๆ อีกครั้ง เสียงเปิดประตูและหมอดินก็เดินเข้ามา ผมมองดินส่งสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามไปให้
“ตื่นแล้วสินะครับมีน รู้สึกเป็นยังไงบ้าง” หมอดินถามผม เสียงเขานิ่งเรียบจนผมนึกคร้ามใจ
“หมอ มีนไม่เป็นไร ลูกมีนล่ะ เขาปลอดภัยไหม ลูกยังอยู่กับมีนใช่ไหมหมอ!” หมอดินนิ่งไป พี่เอบีบมือผมแรงขึ้น นี่มันอะไรกัน ทำไมไม่มีใครตอบผม หรือว่า.... ไม่นะ....
“.........”
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เรื่องราวบางอย่างมันก็ซับซ้อนและวกวนเกินกว่าจะกลั่นออกมาเป็นคำพูด เธอเงียบฉันก็เงียบ คงไม่มีวันที่เราได้เข้าใจ คงไม่มีทางต่อไปอีกแล้ว.... ตอนนี้มาสั้นจังเลยเนอะ แหะ ๆ
มิยูกิเองก็กำลังสับสนอะไรแปลก ๆ 555 เลยทำให้นิยายออกมาหน่วงๆ ไว้สมองโล่งปลอดโปร่งเมื่อไหร่ จะเอาตอนหน้ามาแบบเต็ม ๆ เลยนะคะ ขอโทษด้วยที่ทำให้ต้องรอ
ยังฝากความเป็นห่วงถึงทุกคนทุกฝ่าย ขอให้ความสงบเกิดขึ้นโดยไว ดูแลรักษาสุขภาพด้วยนะคะ
ด้วยความคิดถึง มิยูกิ...