รุ่นพี่ผม...มัน 'เลว'
...
"ไกด์ไหวรึเปล่า? พวกแหม่มให้มาตามไปดูวังปลา" .
.
.
...ไอ้ยะข่ามันมาผลุบหัวเรียกอยู่หน้าห้อง ใจหนึ่งด้วงอยากจะลุกไปหา แต่แขนขาที่อ่อนแรงกับกระบอกตาที่ร้อนผ่าวมันเหมือนจะไม่ยอมอนุญาตให้ไกด์ป่วยทำอะไรได้ทั้งนั้น ปวดเมื่อยไปทั้งเนื้อทั้งตัว ปวดร้าวลามมาถึงกระดูกสันหลัง ปวดจนแทบจะกัดฟันกรอด !!
“ไหวไหมไกด์?”
เห็นว่าเงียบไป ที่ไหนได้ ไอ้ยะข่ามันดันกล้า แอบย่องเข้ามาถามอาการถึงเตียง ..
ลมหายใจระอุร้อน กับเหงื่อที่แย่งกันผุดขึ้นเหมือนตาน้ำ ทำให้ยามนี้ด้วงกว่างของพ่อหนอนแทบไม่มีสติ
“เอาน้ำไหมไกด์ ท่าจะไม่ไหวเอาเน้อ ข้ามไปฝั่งนู้นไหม ยะข่าจะขับเรือไปให้”
‘ปัง!!’
“เสือก!!”เสียงทุบประตูมาพร้อมกับเสียงสบถด่า ไอ้ยะข่าแทบจะกระเด้งลงจากเตียงเมื่อไอ้คุณผู้จัดการมันมายืนเท้าเอวมองเขม็งแบบจะกินเลือดกินเนื้อ ไอ้เด็กบ้านป่ายังไม่ทันได้อธิบายอะไร ผู้จัดการที่เหมือนหมาบ้ามันก็คว้าแขนไอ้ยะข่าแล้วลากไปโยนหน้าห้อง ก่อนจะปิดประตูดังโครม!! เสียงเอะอะโวยวายพาให้ลุงจ๊ะปอแกวิ่งมาดู แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากนักเพราะผู้จัดการแก่ง ปิดห้องเงียบหาย..
“ปวดหัวมากไหม?”
รัตติกรได้แค่ไล้ปลายนิ้วปาดเหงื่อให้ด้วงกว่างที่หอบหายใจ แต่ในครั้งนี้คำถามไม่มีคำตอบจะให้เพราะคนป่วยปิดเปลือกตาหลับลึกไปแล้ว...
.
.
.
**
“แอนนาตวัดคันเบ็ดขึ้น!!”เสียงเชียร์เสียงกรี๊ดกร๊าด เสียงตูมตามของเหล่าสาวๆ ผมทองที่ต่างฉลองการตกปลาไนตัวใหญ่เกือบสามโลฯ ได้ด้วยการถอดชุดที่ใส่เหลือเพียงอันเดอร์แวร์ตัวในลงว่ายน้ำ ทำให้อารมณ์ดีขึ้นมานิดนึง แต่ที่พูดว่าอารมณ์ดีในที่นี้นั้นหมายถึงแต่ไกด์นะ ไม่ได้หมายรวมไปถึงไอ้คุณผู้จัดการแก่งที่หัวเสียโวยวายเมื่อตื่นขึ้นมาแล้วไม่พบคนป่วยที่เพ้อตลอดทั้งคืน!!
ตื่นมาแล้วไม่เจอก็ว่าหัวเสียแล้วนะ แต่ไอ้การที่ตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกห่วงแสนห่วงแล้วดันมาเจอตัวการกระดี้กระด้าอยู่ท่ามกลางเหล่าสาวๆ ทรงโต ยิ่งทำให้รัตติกรแทบฟิวส์ขาด
“กลับไปนอนพัก..”
คราวนี้หนักกว่าทุกครั้งที่เคยทำ ในชายตลิ่งที่ระดับน้ำท่วมถึงเอว คุณผู้จัดการสติแตกขนาดลุยน้ำท่อมๆ ลงไปลากแขนไกด์ขึ้นมาได้อย่างค้านสายตาเหล่าลูกค้าผมทอง เหล่าสาวๆ เงียบกริบกับท่าทางเสียมารยาท เกือบจะมาการโวยวายกัน ถ้าไกด์อย่างด้วงกว่างไม่สะบัดมือไอ้คุณผู้จัดการออกแล้วปั้นหน้ายิ้มกว้าง ให้แอนนา สาวรัสเซียที่ตกปลาตัวใหญ่ได้ก่อนเพื่อน เรื่องช่วงเช้าถึงผ่านไปได้ด้วยดี
ไล่เรื่อยมาถึงกลางวันที่ต่อมความซวยมาเข้ามา ..
ครั้งนี้คุณผู้จัดการลงทุ่นทำข้าวต้มให้คนป่วย แต่ด้วยเหตุอะไรก็ไม่รู้ ไอ้ข้าวต้มกระดูกหมูอ่อนมันถึงได้ยังอยู่เต็มชามโดยไม่มีการชิมจากด้วงกว่างสักนิด
“ทำไมถึงไม่กิน”
ส่วนหนึ่งคงเพราะได้เสียหน้าจากความพยายามที่สูญเปล่า เสียงตวาดมันถึงดังออกมาอย่างไม่ตั้งใจ รัตติกรพูดไปแล้วอยากกัดลิ้นตัวเอง แต่จะเปลี่ยนท่าทีก็คงไม่ทัน เพราะไอ้ไกด์ตรงหน้ามันมองมาด้วยแววตาว่างเปล่า ไร้การตอบสนอง ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปทางบ้านพักรับรองลูกค้า ทิ้งให้คนไม่ป่วยเป็นบ้าเป็นหลังอาละวาดฟาดงวงฟาดงากับกระถางต้นไม้
.
.
.
**
..ช่วงเย็นผ่านมา ด้วงกว่างอาบน้ำแล้วก็ออกมานั่งรับลมอยู่ที่ ริมระเบียง สองขาห้อยทิ้งที่หน้าชาน ส่วนมือข้างหนึ่งถือถ้วยชามะลิที่จ๊ะปอชงมาให้ถือไว้แล้วค่อยๆ จิบ กระบอกตาตอนนี้เริ่มจะปวดและร้อนผ่าว นั่งอยู่สักพัก ความมึนงงมันก็แทรกกลางเข้ามาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย อยากจะพยุงตัวเองขึ้นแล้วเข้าไปนอนในห้องพัก หากแต่พอเอาเข้าจริงสิ่งที่ด้วงทำได้คือทิ้งตัวลงไปกับพื้นไม้แล้วนอนนิ่ง..ปล่อยให้ขมับเริ่มปวดตุบขึ้นเรื่อยๆ จากไออากาศเย็นที่พัดมาจากแนวป่าหลังบ้านพักด้วงกว่างทิ้งตัวนอนแล้วหลับไปทั้งอย่างนั้นพร้อมอาการมึนหัว
แล้วลุงจ๊ะปอก็เป็นคนมาพบและพยุงคุณไกด์ขึ้นไปนอน ก่อนแกจะวอไปหาไอ้ยะข่าให้แจ้งผู้จัดการที่ติดลูกค้ากลุ่มใหม่ว่า.. ‘คุณด้วงท่าจะแย่’
..
ยาพาราฯ สองเม็ดกับน้ำเปล่า ถูกลงให้เจ้าด้วงกว่าง ลุงจ๊ะปอตอนนี้แกขอตัวออกไปนานแล้วเพราะหน้าตาเหมือนยักษ์ที่คุณผู้จัดการส่งมาให้ ในห้องเงียบสนิท ทิ้งไว้แค่เสียงแอร์ กับเสียงลมหายใจ สมองด้วงมึนๆ แต่ยังฝืนลืมตาเพราะแม้เปลือกตาจะหนักหากแต่พอหลับตากระบอกตามันกลับร้อนผ่าว ร้อน...พอๆ กับหน้าผาก ปาก และลำคอ
“เพราะไปเล่นน้ำกับพวกแหม่มพวกนั้นไข้ถึงกลับ!!”
ตวาดเสร็จไอ้คุณผู้จัดการมันทิ้งตัวลงมานั่งข้างๆ พร้อมผ้าเช็ดตัวผืนเล็กที่เช็ดลงมาที่แขน ด้วงกว่างสะดุ้งวาบ! เมื่อทุกที่ที่ผ้าผืนนั้นเช็ดผ่านมันเย็นเฉียบ ด้วงกว่างชักมือกลับ แต่ไอ้ผู้จัดการอย่างรัตติกรมันยังรั้งมือไว้แล้วจงใจเช็ดแรงๆ
“เพราะดื้ออย่างนี้ไงมันเลยต้องให้ใช้กำลัง!!”
อีกครั้งที่รัตติกรกระชากมือด้วงกว่างให้ลุกขึ้นตาม แล้วลากไปโยนไว้ในห้องครัว
“กินให้หมด..”
เสียงเรียบเอ่ยสั่งพร้อมๆ กับชามข้าวต้มและถาดผลไม้ ด้วงกว่างได้แต่หอบหายใจ ในตอนนี้เหมือนปอดมันจะรับอากาศได้ไม่เท่าไหร่เพราะจู่ๆ ร่างกายมันก็เหนื่อยขึ้นมาจนไม่สามารถแม้จะเอื้อมมือขึ้นมาจับช้อน
“แดกเองได้ไหม? ถ้าแดกไม่ได้กูจะใช้ปากป้อน!!”
เสียงสั่งเสียงตะคอกตอนนี้มันดังวิ้งๆ พอๆ กับเสียงอะไรก็ไม่รู้ที่สมองประมวลผลออกมา ปวดหัว.. ปวดหัวจนด้วงกว่างต้องหลับตาแล้วเอนแผ่นหลังพิงกับพนักเก้าอี้
“ด้วง!! กินๆ เข้าไป แค่ข้าวต้มไม่กี่คำ!!”
อีกครั้งที่ด้วงกว่างจำใจต้องลืมตา เมื่อไอ้บ้ารัตติกร มันกระชากแขนพร้อมเขย่าตัว สติที่โดนกระชากปลุกมันยิ่งทำให้รู้สึกพะอืดพะอม รสขมฝาดในเพดานปากมันทำให้ไม่อยากกินอะไรทั้งนั้น แล้วไหนจะกลิ่นผักขึ้นฉ่ายที่โรยหน้า ยิ่งพาให้ปวดหัวขึ้นมาอีก..
“มึงจะกินได้ไหม?”
เสียงสั่งจากรัตติกรดังออกมาเบากว่าทุกครั้ง ในชั่วโมงที่เหมือนจะไร้สตินั้น ด้วงกว่างได้แต่พยักหน้าช้าๆ ก่อนจะฝืนตั้งสติตัวเองค่อยๆ ยกมือขึ้นมาจับช้อน..
.
.
.
ก่อนที่แรงที่ฝืนนั้นมันจะหดหายไปอย่างไม่ทันตั้งตัว
‘เพล้ง!!’มือข้างขวาที่จับช้อนอยู่ๆ ก็หมดแรงตกลง พาให้ถ้วยข้าวต้มถูกปัดกระจายลงพื้น ความเหนื่อยอ่อนที่หายไปค่อนวัน มาตอนนี้มันยิ่งทวีความรุนแรงพอๆ กับอาการปวดร้าวที่แล่นเข้าไปถึงกระดูก
“ด้วง!!”เสียงตวาดนั่นดังออกมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ด้วงกว่างไม่ได้ตอบสนองอะไรทั้งนั้น เมื่อหัวมันปวดตุบ ส่วนขมับนั้นเหมือนมันโดนบีบด้วยครีมเหล็กตามจังหวะการเต้นของหัวใจ ปวดหัว..ปวดหัวจนน้ำตาไหลพราก ปวดกระดูกจนอยากจะกรี๊ดร้องระบาย
“ด้วง!!”
.
.
.
เสียงตวาดบ้าบอ ในชั่วโมงนั้น รำคาญเสียงดัง หงุดหงิดกับคนตรงหน้า น้ำตาที่ห้ามไม่ได้ และความเจ็บปวดที่ถ้าให้อธิบายคือความเจ็บร้าวลึกไปถึงกระดูก ในทุกส่วน รวมไปถึงการเกลียดตัวเองที่จู่ๆ ก็กระเด็นออกมาจากส่วนลึกมันทำให้ ชั่วเสี้ยวของเวลาด้วงกว่างของพ่อหนอนเหมือนคนบ้า มือที่สั่นมันคว้าหยิบมีดปอกผลไม้ขึ้นมา แล้วปักปึกลงบนโต๊ะเต็มแรง
“ออกไปจากชีวิตกูซักทีไอ้สัส!!”