Part 9

มองท้องถนนสี่เลนส์ที่กำลังมุ่งเข้าสู่กรุงเทพฯ..ในหัวใจผมกำลังว้าวุ่น กำลังเข้าสู่ถิ่นที่เกิด ความคิดถึงก่อตัวขึ้นอีกครั้ง...รถไปรับผมตั้งแต่เช้า โดยมีบัวติดตามมาด้วยเหมือนเคย...ถึงจะนิ่งแค่ไหน แต่ในใจกับหวั่นไหวกับสิ่งที่จะได้พบเจอ...ในที่สุดรถครอบครัวที่ไปรับก็วิ่งเข้าสู่รั้วบ้านหลังใหญ่ กำแพงบ้านสูงท่วมหัวและมิดชิด รถเคลื่อนไปจอดหน้าบ้านหลังสีขาวทั้งหลัง...ตลอดสองข้างทางตั้งแต่ขอบรั้วเข้ามาก็ถูกประดับด้วยสวนหย่อมสไตล์ยุโรปทั้งสองฝั่ง.. พืชพันธ์แปลกตัวถูกตั้งประดับไว้เต็มไปหมดแต่ไม่รกกลับดูมีมิติจนอยากจะก้าวลงไปชื่นชม...ไม่แปลกใจที่ผู้นำพยัคฆราชจะชอบต้นไม้ดอกไม้ขนาดนั้น...ผมมองบ้านที่ขนาดความใหญ่ไม่ต่างจากบ้านที่ผมเคยอยู่...แต่แตกต่างตรงที่บ้านของราชสีห์เกริกไกรไม่มีพืชหรือพันธุ์ไม้เยอะขนาดนี้...
“เจ้าสัวกับเจ้าสัวน้อย คอยอยู่ในบ้านแล้วครับ”
“................” ผมกับบัวก้าวลงจากรถ...พยายามสลัดความเกรงกลัวที่มี ก่อนจะพยักหน้ารับคำแล้วเดินตามการ์ดตัวสูงที่เคยไปอยู่ที่บ้านสวนพร้อมคุณโอ...เพียงแค่ก้าวเข้าไปความเย็นของแอร์และเท้าเปล่าที่ที่เหยียบพื้นกระเบื้องสีสวยในบ้านรวมถึงบรรยากาศในบ้านทำให้ขนลุกอย่างไม่รู้ตัว...
“เชิญครับ..รบกวนคุณผู้หญิงคอยด้านนอกครับ”
“ไม่ฉันจะเข้าไปกับน้องชาย!”
“ไม่เป็นอะไรหรอกบัว รออยู่ตรงนี้ก็ได้ ซอดูแลตัวเองได้”
“แต่คุณน้องคะ...”
“.................” มองหน้าบัวก่อนจะส่ายหัวให้น้อย ๆ เป็นการห้ามปรามในที่สุดเธอก็หยุดพูดแล้วก็ถอนหายใจ ขยับออกจากประตูที่ผมกำลังจะเปิดเข้าไปข้างใน...ในห้องที่มีคนรออยู่...ซึ่งเป็นคนแบบไหนผมก็ไม่มีโอกาสได้รู้เลย...
ประตูถูกเปิดกว้างจากคนที่เดินนำมา ก่อนที่ผมจะรวบรวมความกล้าสูดลมหายใจเข้าลึกสุดปอดแล้วก้าวเข้าไปในห้องนั้น...ทันทีที่ก้าวเข้าไปสิ่งที่เห็นเป็นอันดับแรกก็คงเป็นบรรดาการ์ดที่ใส่ชุดสีดำยืนเรียงรายอยู่ ทั้งหมดหันมามองผมก่อนจะค่อย ๆ โค้งให้อย่างมีมารยาท...มือเย็นไปหมด ตื่นเต้นขึ้นมาทันที....ห้องกระจกสีดำที่แยกสัดส่วนจากภายในห้องที่เต็มไปด้วยหนังสือคือเป้าหมาย...เพราะการ์ดคนที่เดินนำมาเปิดประตูรออยู่แล้ว
“ยินดีต้อนรับอาคันตุกะจากราชสีห์เกริกไกร”
“...............” หันตามเสียงทักทายทางด้านซ้ายมือของตัวเองทันทีที่เดินเข้าไปในห้องกระจก...ภายในห้องหรูหรา แม้กระทั่งโซฟาหลุยส์ราคาแพงที่เจ้าของบ้านนั่งอยู่...ยกมือไหว้ตามมารยาทก่อนจะเงยหน้ามองคนที่นั่งอยู่เพื่อรอคำอนุญาตให้เข้าไปในวงสนทนานั่นได้...
ชายหนุ่มร่างสูงที่นั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาด้านซ้ายมือของผมคือคนที่คุ้นตาในฐานะเจ้าของสวนที่ผมทำงานอยู่และผู้นำของตระกูลพยัคฆราช ส่วนคนที่นั่งตรงข้ามกันคือผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกับคุณพ่อ...แต่ก็สง่างามไม่แพ้ลูกชาย...รอยยิ้มอ่อนๆ ฉาบบนหน้าเมื่อมองมาที่ผม หน้าตาและท่าทางของผู้นำคนใหม่ถอดแบบออกมาจากผู้นำรุ่นก่อนอย่างไม่ผิดเพี้ยน...
“เชิญนั่งสิคุณซอ”
“...............” ผมเข้าไปร่วมวงสนทนาของสองพ่อลูกพยัคฆราช นั่งโซฟาเดี่ยวราคาแพงที่แยกจากทั้งสองคน ส่งยิ้มน้อย ๆ ให้เจ้าสัวของบ้านหลังจากที่เงยหน้ามองอีกคนก็มองแล้วยิ้มอ่อน ๆ ให้ผมเหมือนเดิม..
“คุณพ่อครับ..นี่ลูกชายคนเล็กของราชสีห์เกริกไกร..”
“ยินดีที่ได้รู้จัก พอดีโอมาเล่าให้ฟังฉันว่าดักสัตว์ปีกได้ก็เลยอยากจะเห็น...ไม่คิดว่าจะเป็นหงส์หนุ่มที่ดูงดงามขนาดนี้”
“............” ทำหน้าไม่ถูกกับคำพูดของคนมีอายุ...จับสัตว์ปีกได้อย่างนั้นเหรอ...ถึงจะบอกว่าเป็นหงส์...สัตว์ที่แสดงให้เห็นถึงบรรดาศักดิ์ แต่ผมเป็นคนไม่ใช่สัตว์ปีก และไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของใคร...เลยได้แต่ยิ้มรับและทำหน้านิ่งๆ...
“อย่าพึ่งไม่พอใจฉันเลยก็แค่พูดตามคำพูดของเจ้าโอ..ที่ให้เธอมาก็แค่อยากจะเห็นหน้า..เธอเหมือนแม่มาก...ยิ่งดวงตาที่ทอประกายความเย่อหยิ่งแต่ไม่มีท่าทีก้าวร้าวนั่นยิ่งเหมือน..สบายดีใช่ไหม”
“..ครับ..สบายดี..”
“ลูกชายฉันทำอะไรไม่ดีกับเธอรึเปล่า...ถ้ามีอะไรบอกฉันได้..ต้องการหรือขาดเหลืออะไร” ใบหน้าที่ยังดูดีกว่าอายุมีรอยแห่งกาลเวลาอยู่...ถ้าไม่คิดไปเอง...รอยยิ้มที่ส่งมาเหมือนกำลังปลอบผมกลายๆ...เจ้าสัวพยัคฆราชรู้สึกกับแม่ของผมอย่างนั้นใช่
ไหม...หรืออาจจะแค่เคยเห็นตอนออกงานกับคุณพ่อ....แต่กับอีกคนที่เอาแต่จ้องมาด้วยความเฉยชา...
“ไม่มีอะไรขาดเหลือ...ผมอยู่อย่างทุกวันนี้ก็มีความสุขดี...สิ่งที่ต้องการก็คือคำสัตย์จากผู้นำพยัคฆราชเท่านั้น..”
“ฮ่าๆๆ อย่างนั้นเหรอ ว่าไงไอ้เสือ..แกไปให้คำมั่นสัญญาอะไรกับน้องเขาไว้ล่ะ” ทั้งที่ผมทำสีหน้าจริงจังแต่เจ้าสัวกลับหัวเราะชอบใจแล้วหันไปถามลูกชายตัวเองที่นั่งเป็นท่อนไม้อยู่ตรงข้ามกัน...
“ก็ไม่มีอะไรมากครับคุณพ่อ...คุณวางใจได้...ผมบอกแล้วว่าผมรักษาสัญญาเสมอ..ผมอยากให้คุณอยู่ที่นี่ซักสองวันร่วมงานวันเกิดผมในวันพรุ่งนี้..แล้วเราจะกลับสวนพร้อมกัน”
“...............” จ้องหน้าคนที่ชักชวนผมเข้าสังคม...ทั้งที่ผมย้ำไปแล้วว่าต้องการอยู่อย่างสงบ...
“ไม่ต้องห่วง ไม่ใช่งานใหญ่ แค่เพื่อนที่สนิทเท่านั้น...ส่วนงานใหญ่เดือนหน้า..ซึ่งคุณก็..จะได้ร่วมงานเช่นกัน”
“..ครับ..” มันไม่มีอะไรดีขึ้นจากคำพูดพวกนั้น...ได้แต่รับคำแล้วนั่งนิ่ง...เสมองกรอบรูปด้านหน้าที่เป็นรูปของคนสามคน...ผู้หญิงคนเดียวในภาพดูทั้งสวยและสง่างาม...คงจะเป็นนายหญิงของบ้าน..
“....ตามผมมาสิ ผมจะพาไปที่ห้อง...”
“...ให้คนพาไปก็ได้ครับ ไม่ต้องลำบากคุณโอ...”
“..ผมยังไม่ได้บอกว่าผมลำบาก..” สุดท้ายก็ต้องยกมือไหว้คนมีอายุที่ตอนนี้จิบน้ำชาและมองผมอยู่...แววตาที่ทอดมองมาดูอ่อนโยน...จนทำให้นึกถึงอีกคน...ที่ไม่เคยมีให้ผมเลย ทั้งที่อายุและวุฒิภาวะก็ใกล้วเคียงกับเจ้าสัวพยัคฆราช...คนที่เป็นพ่อของผม...
*****************************************************************
เสียงดังจากเครื่องเสียงราคาแพงที่ดังแว่วจากห้องโถงภายในบ้านด้านล่าง...ทำให้รู้ว่างานเริ่มขึ้นแล้ว ตอนนี้บัวลงไปช่วยแม่บ้านของบ้านหลังนี้ข้างล่างเพราะเธอคุยถูกคอกับแม่บ้านที่ได้เจอกันแค่วันเดียว แต่ก็มีดีแล้วบัวจะได้ไม่เหงา และไม่ต้องมาคอยตามดูแลผมมาก...มองตัวเองในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนพอดีตัวและกางเกงเดฟสีดำ..มันจะผิดที่ผิดทางหรือเปล่าหากว่าผมลงไป...แล้วเจ้าของงานจะแนะนำผมที่ไปร่วมงานในฐานะอะไร...
ก๊อกๆๆ
“คุณซอครับ เจ้าสัวน้อยให้มาเชิญไปที่งานครับ”
“ครับ” เปิดประตูพร้อมกับยิ้มให้การ์ดหน้าเดิมที่คุณโอให้คอยดูแลผม แต่จริงๆ แล้วก็ต้องบอกว่าให้คนคอยจับตาดูผมไว้ ไม่ให้ออกนอกลู่นอกทางมากกว่า...
“ถูกใจของขวัญไหมครับ”
“ครับ สวยมากเลย ขอบคุณพี่ชัชนะครับที่ออกไปซื้อให้”
“ไม่เป็นไรครับ ลงไปเถอะงานกำลังสนุกเลย..” ก้มหัวน้อย ๆ ให้คนที่เปิดประตูและปิดให้อย่างเบามือ พี่ชัชเป็นคนไปซื้อของขวัญที่จะต้องนำไปให้เจ้าของงานวันเกิดในคืนนี้...นาฬิกาข้อมือราคาไม่ย่อมเลย..ต้องยอมเพราะถือว่าเป็นการให้เกรียติคนใส่ด้วย...ผมต้องหาเงินไปใส่คืนเงินที่กดออกมาอีกหลายเดือนเผื่อจะได้ครบ...
“เชิญครับ”
“...............” ประตูห้องโถงเปิดออก เสียงเพลงสากลจังหวะเร็ว ๆ ที่ได้ยินแผ่ว ๆ ด้านนอกดังขึ้นอื้ออึง...ไฟภายในห้องมืดสลัว แสงหลากสีส่องพาดผ่านไปมาน่าเวียนหัว...กลิ่นแอลกอฮอลล์ กลิ่นบุหรี่คละคลุ้งไปหมด...เสียงจอแจผสมเสียงเพลง... คนที่กำลังมึนเมากำลังโยกไปกับเสียงเพลง...ทำไมถึงรู้สึกอึดอัดขนาดนี้...ผมจ้องมองฝ่าความสลัวไปหาคนที่ยืนพิงเคาท์เตอร์บาร์คุยกับสาวสวยหุ่นดีอยู่...ร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีเข้มและกางเกงแสล็คพอดีตัว..เพียงแค่นี้ก็ดูดีกว่าหลายคนที่พยายามประทินทุกสิ่งในร่างกายแล้ว...ร่างสูงหันมามองผม...ก่อนจะเดินออกมาหา...รอยยิ้มมุมปากจากเจ้าของงานทำให้ผมอยากจะยื่นของขวัญแล้วออกจากห้องนี้ซะเดี๋ยวนี้...
“ขอบคุณนะครับที่ให้เกรียติลงมาจากห้องซักที”
“..ของขวัญวันเกิดครับ..” ต้องถอยหลังก้าวนึงทันทีที่หน้าหล่อนั่นยื่นลงมาใกล้หูผม ทั้งที่รู้ว่าที่ทำอย่างนี้เพราะกลัวว่าจะคุยกันไม่รู้เรื่อง...แต่อารามตกใจก็มีขึ้นพร้อมกับรีบยื่นกล่องของขวัญให้เจ้าของวันเกิด...ตอนนี้คนในงานเริ่มจะหันมาสนใจผมกับคุณโอ...คนเยอะแค่ไหนผมก็ไม่รู้เพราะไม่กล้ามอง
...เหมือนมาผิดที่ผิดทางจริงๆ ด้วย...
“ขอบคุณครับ..มานี่สิ”
“อย่า!..ผมอยากจะกลับ..” กลิ่นน้ำหอมผสมกลิ่นแอลกอฮอล์รุนแรงจากตัวคุณโอทำให้ผมขืนแขนไว้ หลังจากอีกคนชักชวนและจับข้อมือผมให้เดินตาม...นอกเหนือจนที่สุดคือ อาการสั่นเพราะกลัวและเริ่มรังเกียจสัมผัสนั่นมีขึ้นอีกครั้ง...
“ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก แค่ยืนเป็นเพื่อนผมก็พอ..”
“..............” หลับตาลงก่อนจะกัดฟันสลัดความรู้สึกที่ก่อเกิดออก...ทั้งที่ยังรู้สึกชาที่แขนตรงที่ถูกสัมผัส...ในที่สุดผมก็เข้ามาอยู่ในกลุ่มเพื่อนคุณโอที่เดินเข้ามาหาหลังจากที่เจ้าของงานพาเดินไปยืนข้างเคาท์เตอร์บาร์เหมือนกับที่เจ้าตัวยืนตอนแรก...
“ใครครับคุณโอ ไม่แนะนำหน่อยเหรอ”
“ไม่...ไม่อยากแนะนำ...มองได้อย่างเดียว ดูแต่ตามืออย่าต้อง.”
“โห หวง!!”
“ฮ่าๆๆ ไป ๆ สนุกกันต่อเต็มที่!” เสียงตะโกนคุยกันเพราะเสียงเพลงที่ดังและเสียงหัวเราะของเหล่าเพื่อนที่มองหน้าผมแล้วแสดงสีหน้าผิดหวังที่คุณโอไม่แนะนำ...ดีเหมือนกัน...ผมไม่อยากคุยหรือรู้จักกับใครทั้งนั้น..
“ซักหน่อยสิ”
“ปล่อยเถอะครับ!”
“อยากให้ผมปล่อยก็ดื่มสิ ถือว่าให้เกรียติผม” อุตส่าห์หันหน้าเข้าหาคนที่กำลังผสมเหล้าในบาร์ แต่สัมผัสที่โอบช่วงเอวทำให้สะดุ้ง ก่อนกลิ่นกายหอมอ่อน ๆ ในแบบของผู้ชายจะเตะจมูกเพราะอีกคนก้มลงมากระซิบที่ข้างหู...พร้อมกับโอบเอวผมกระชับเข้าหาตัวเอง...กำมือตัวเองแน่นเพราะต้องอดทนต่อสัมผัสที่ได้รับ...ก่อนจะมองแก้วเหล้าที่เลื่อนมาตรงหน้า....
“ผม..ดื่มไม่..เป็น”
“นิดเดียวน่า ไม่เป็นอะไรหรอก ก็แค่กระดกลงไปเหมือนน้ำเปล่า..” สีอำพันที่ถูกผสมแล้วทำให้ผมลอบกลืนน้ำลาย ไม่ใช่เพราะอยากดื่ม แต่คิดว่าผมจะดื่มลงไปได้ยังไง ตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยแตะต้องของพวกนี้เลยซักครั้ง...
“คุณโอ ปล่อย ก่อนสิครับ..”
“ ไม่..คุณต้องดื่มก่อน...” เสียงกระซิบแหบพร่าที่ข้างหู ชัดเจนมากกว่าเสียงเพลงที่ดังกึกก้องในงาน...เสียงตะโกนแซวเจ้าของงานมีมาเป็นระยะ ๆ แข่งกับเสียงอึกทึก...ตอนนี้ร่างผมกับคุณโอใกล้ชิดกันเพราะแรงโอบกอดที่เอว ร่างที่สูงกว่าแนบเบียด
ร่างกายจนผมแทบจะหายใจไม่ออก อาการกลัวไม่เท่าตอนที่คุณโอตวาดและทำให้ผมเจ็บตอนอยู่ที่บ้านสวน ...ถึงแม้ว่าอาการสั่นและเกร็งตัวมีอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่ผมออกจากอ้อมแขนนี่ไม่ได้..กลิ่นกายและกลิ่นน้ำเมา..เสียงนุ่ม ๆ ที่ดังข้างหูทำให้ผมเริ่มจะเมาไปกับบรรยากาศในห้องนี้...
“....................”
“ดีมาก..อีกแก้วนะครับ..” ทันทีที่เครื่องดื่มสีเหลืองอ่อนทีมีลูกผลไม้สีสดอยู่ก้นแก้วผ่านลงคอ ความขมปร่าก็แตะลิ้น ร้อนวูบตั้งแต่ลำคอลงไป ผมกระดกลงไปทีเดียวเพราะอยากให้คนที่กอดตระคองอยู่ปล่อยซักที...
“ พะ..พอแล้ว..ผมจะ กลับ..”
“ไม่ได้..อีกแก้วนะ..แล้วผมจะให้กลับ..”
“...............” ลอบกลืนความขมและกลิ่นที่ยังติดปากลงไป ความร้อนที่พุ่งขึ้นมาจากในกระเพาะกำลังแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายในเวลาอันรวดเร็ว
“..คุณควร จะรัก ษาสัญญา..”
“ทวงจริงนะเรื่องสัญญา ก็อีกแก้วสิแล้วผมจะปล่อย...” ร่างกายร้อนไปหมด...รู้สึกว่ากล้าที่จะหันไปจ้องหน้าคนที่พูดสับปลับไปมา...แต่ก็ยอมที่คว้าแก้วเหล้ามาอีกแก้ว... ก่อนจะกระดกลงคอไปอีก..คราวนี้ทั้งขมทั้งร้อนกว่าแก้วที่แล้ว...วางแก้วลงที่เคาท์เตอร์อย่างแรง...
“เก่งจัง เพียว ๆ เต็มแก้วยังหมดในเวลาอันรวดเร็ว”
“ ผม จะ กลับ..” ....ทั้งที่หัวเริ่มจะมึนแต่ก็พยายามแกะวงแขนที่โอบเอวตัวเองออก...ผมกำลังจะเมาใช่ไหม...เพราะแค่ได้กลิ่นตอนเดินเข้ามาตอนแรกก็ทำให้รู้สึกมึนหัวแล้ว แต่ตอนนี้ทั้งมึนและเริ่มจะ...พยุงตัวเองไม่อยู่..จนต้องยอมที่ละจากการแกะวงแขน
ของคนที่หัวเราะเบา ๆ ข้างหูผม เอาแขนไปเกาะเคาท์เตอร์ไว้....ก่อนจะยกมือขึ้นจับที่ขมับตัวเอง...
“คงจะไม่เคยแตะของพวกนี้เลยสินะ...ผมจะสร้างภูมิต้านทานให้คุณเอง..ในทุกเรื่อง..”
“ กลับ...จะ กลับ...”
“จะรีบไปไหนครับ...คอยให้ขึ้นพร้อมกับก็ได้..”
“ ผิด...คุณโอ ผิด สัญ ญา..” ไหนบอกว่าดื่มสองแก้วแล้วจะให้ขึ้นห้องไง...ผมก็ดื่มไปแล้ว แล้วทำไมยังจะรั้งไว้อีก
...ขี้โกงนี่นา...
“ ยอมครับ..ยอมเป็นคนผิดสัญญา..”
“ ผิดสัญ ญา คน ขี้โกง..ขี้โกง ซอ ทำไม..” ทำไมลิ้นมันพัน ๆ พูดอะไรออกไปไม่ได้ดั่งใจ...ร่างกายก็ปวกเปียกไปหมด...
“ ก็ซอ น่า.......นี่นา...อยู่นี่นะครับเด็กดี..เดี๋ยวผมจะพาขึ้นนอนเอง..”
“อืม..ซอ ง่วง..”
“ เมาต่างหากไม่ได้ง่วง...เด็กอะไรขี้เมา...” เสียงหัวเราะเบา ๆ พร้อมกับเสียงทุ้มนุ่มที่พูดข้างหูผมตลอดเวลาทำให้ต้องเงยหน้ามอง...ซอไม่ได้ขี้เมาซักหน่อย...คุณโอนั่นแหละ ที่แกล้งซอ..คนไม่ดี..แกล้งซออย่างนี้ต้องฟ้องบัวให้จัดการเลย...แล้วบัวไปไหนทำไมไม่มาหาซอนะ...
“ฮึ อย่ายั่วกันสิครับ”
“..ไม่..ยั่ว...” ยั่วอะไร...ซอไม่ได้ยั่วโมโหคุณโอซักหน่อย...ก็แค่มองแล้วยู่ปากเพราะไม่พอใจที่โดนแกล้ง...
“..คงไม่มีใครเคยเห็นสินะ ว่าหงส์แปลงร่างเป็นแมวน่ะ น่ารักแค่ไหน”
“ แมว น่า รัก ซอชอบ แมว อึก น่ารัก” ก็เคยเห็นแมวที่บ้านพี่ต่าย น่ารักมากเลยตัวนุ่มขนนุ่ม..ซอจะไปหาเก็บแมวมาเลี้ยง...
“น่ารักมาก..”
“ ช่าย แมว อึก อืออ”
“..............” ทำไม...คุณโอทำอะไร...จู่ ๆ ก็เอาปากมาประกบปากซอ...พยายามจะผลักออกเพราะเริ่มจะหายใจไม่ออก แต่มือหนานั่นกลับกดที่ท้ายทอยให้แหงนรับเรียวปากที่กดทับลงมา...เสียงโห่แซวดังกึกก้องจนฟังไม่ได้สรรพ...ลิ้นที่แทรกเข้ามาในโพรงปากไล่ต้อนลิ้นในโพรงปากจนตอนนี้ยืนไม่อยู่แล้ว...มีเพียงแขนแกร่งที่เกี่ยวเอวไว้...
...หายใจไม่ออก ซอหายใจไม่ออก คุณโอเลิกแกล้งซอซักที...
“ฮึก อือ...แฮ่ก”
“..หึ..หวานไปหมดขนาดนี้..มิน่าพี่ชายคุณถึงได้หวงกันนัก..ผมเริ่มจะแน่ใจว่า...ไอ้โซมันจะหวงไว้กินเองรึไง..”
“..ฮึก กลับ..ซอจะ กลับ..” คุณโอทำให้ซอกลัว...มึนหัวไปหมดหลังจากที่ถอนปากออกไป คุณโอก็โอบกอดผมไว้พร้อมกับใช้แผ่นหลังกว้างพิงเคาท์เตอร์บาร์ไว้...ข้างนึงกอดผมให้ซบที่อกแกร่ง มืออีกข้างก็ยกแก้วเหล้าตัวเองชนกับเพื่อนที่เข้ามาชนแก้วด้วย...
“ครับ..เดี๋ยวพาไป..”
“อือ..”
“ฮิ้ววว! โห่แล้วก็บอกน้องชาย.. อย่ามาโกหกให้เสียเวลานะไอ้เสือ!!”
“..ยินดีรับคำติชมครับ..” เสียงทุ้มพูดสวนกับคำแซวเพื่อน ๆ เหมือนว่าร่างกายตัวเองเบาหวิว...รู้แค่ว่ายื่นมือไปกอดคอคนที่อุ้มผมขึ้นไว้เพราะกลัวตก แล้วหลังจากนั้นคุณโอก็พูดอะไรอีกจำไมได้...และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหลังจากถึงห้องแล้วเป็นยังไงบ้าง...เพราะแค่หลังสัมผัสกับเตียงนุ่มก็พลิกตัวคว้าหมอนข้างมากอด...และหลับไปในเวลาไม่นานหลังจากนั้น...
******************************************************************
เพราะความหนักอึ้งที่หัว ความอาการพะอืดพะอมทำให้ผมต้องพยุงตัวเองลุกจากเตียงก่อนจะวิ่งเข้าห้องน้ำ โก่งคอเอาของเสียเมื่อวานออกจนหมด...เมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้น...ทำไมผมจำไม่ได้...คิดแค่เป็นเงา ๆ ว่าดื่มเหล้าแก้วที่สอง...อาการร้อนที่ท้องและรสชาติขม ๆ เฝื่อน ๆ ยังติดอยู่ที่ลำคอไม่หาย...ดึงผ้าเช็ดตัวที่วางอยู่ในห้องน้ำมาเช็ดหน้าหลังจากที่ล้างหน้าอย่างลวก ๆ
/ คุณน้องตื่นแล้วโทรเข้าเบอร์บัวนะคะ แล้วบัวจะเอาน้ำแก้แฮงค์แล้วขึ้นมาเช็ดตัวให้ /
แปะข้อความของบัวไว้ที่โคมไฟเหมือนเดิม คงจะลงไปหาเพื่อน ๆ ข้างล่าง...ยังไม่อยากจะกวนตอนนี้...ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเมื่อคืนบัวนอนที่ไหน..แย่จังที่ทำอะไรเกินตัว...กลิ่นแอลกอฮลล์ที่อบอวลอยู่กับตัวเองทำให้อยากจะขย่อนของเก่าออกมาอีกรอบ...มึน ๆ หัวจนต้องล้มนอนลงบนเตียงอีกรอบ...
“...................” ผมมองประตูห้องที่ปิดสนิท และกำลังคิดเรียบเรียงว่าเมื่อคืนผมกลับมายังไง ตอนไหน...มองนาฬิกาในโทรศัพท์ที่วางอยู่หัวเตียงก็เกือบสิบเอ็ดโมงเช้าแล้ว...กวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้อง..ก็สะดุดกับอีกประตูที่ก่อนหน้านี้ผมจำได้ว่าตรงนั้นเป็นม่านเล็ก ๆ แต่ตอนนี้กลับเป็นประตูอีกบาน จะว่าห้องน้ำก็ไม่ใช่เพราะห้องน้ำอยู่อีกทางแล้ว...ก้าวลงจากเตียงด้วยชุดนอนของตัวเองที่บัวคงจะเป็นคนเปลี่ยนให้...ก่อนจะเดินไปที่ประตูบานนั้น..
“แฮ่กๆ อื้ออ!!”
“..............” เสียงครางอย่างทรมานดังขึ้นทันทีที่ผมเดินไปใกล้ประตู...ใครเป็นอะไร...ได้ยินอย่างนั้นก็รีบกดปลดล็อคแล้วกระชากประตูออกทันที...
“ว๊ายยยย!!”
“......!!...........” เสียงกรีดร้องทำให้ผมตกใจ ก่อนจะหันไปมองตามต้นเสียง ถึงกับต้องยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง
...สิ่งที่เห็นทำให้ผมถึงกับยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก...ร่างเปลือยเปล่าของหญิงสาวกำลังคร่อมอยู่บนตัวอยู่ของชายหนุ่มที่นอนอยู่ด้านล่าง...หน้าเห่อร้อนขึ้นมา...และก้าวถอยหลัง..หญิงสาวรีบหยุดกิจกรรมก่อนจะคว้าผ้าห่มมาคลุมตัวเองไว้...ผิดกับผู้ชายที่มีท่าทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น...สายตาคมจับจ้องมาที่ผม...ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวมาคลุมส่วนล่างของตัวเองไว้...ดีที่ไม่ทันได้มองอะไรต่อมิอะไร แค่ได้เห็นท่าทางแบบผ่านๆ ผมก็แทบจะช็อคไปแล้ว...
“คะ..คุณโอ...”
“ใช่ผมเอง..จะยืนมองอีกนานไหม...ออกไปก่อนทิฟฟานี่..”
“แต่โอคะ! เด็กนั่นเข้ามากวนเองนะคะ!” หญิงสาวดูจะไม่พอใจที่ถูกสั่งให้ออกไปก่อน ทำไมขาผมถึงก้าวต่อไม่ได้ ตัวแข็งทื่อไปหมด สายตาดันไปสะดุดกับร่างกายขาวเนียนของคนเป็นเจ้านาย ดูเหมือนว่าถ้าผมยังก้าวไม่ออก คงจะได้เห็นอะไรไม่ดีไม่งามมากไปกว่านี้แน่ เพราะฝ่ายหญิงทำท่าจะเข้าไปหาคนที่นอนข้างกันอีกครั้ง...
“ผมบอกให้คุณออกไป”
“โอคะ คือ..”
“ ออกไป”
“ค่ะ” หญิงสาวลุกพรวดขึ้นพร้อมผ้าห่ม ก่อนจะ...ไปหยิบผ้าเช็ดตัวกับเสื้อผ้ามาใส่ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำ
“…ขอโทษ ครับ……”
“..................”
“..................” ค่อย ๆ ชักเท้าออกจากห้องนั้นอย่างเชื่องช้าหลังจากพยายามรวบรวมสติที่เบลอ ๆ ....ปิดประตูลงอย่างแผ่วเบาก่อนจะยืนพิงประตูอยู่อย่างนั้น... หัวใจเต้นถี่จนแทบจะกระเด็นออกมา...ผมผิดที่เปิดเข้าไปอย่างไม่คิด หรืออีกคน..หน้าไม่อาย...อาการคลื่นเหียนมีขึ้นมาอีกแล้ว..
“เปิดประตูให้ผม”
“..มะ..ไม่..”
“จะเปิดดี ๆ หรือจะให้พังประตู แค่เอาตัวมาดันประตูไว้ มันไม่ได้ต้านแรงผมได้หรอกนะ”
“..ผม ขอโทษ คุ คุณโอมีอะไรครับ..” เพราะดูแล้วตอนนี้ไม่มีอะไรที่ต้องคุย นอกจากเรื่องผมเข้าไปขัดจังหวะ แต่ผมไม่ได้ตั้งใจ...
“.................”
“.................” เสียงเงียบไปแล้ว...แต่ผมก็ยังใช้ตัวดันประตูไว้ เงี่ยหูฟังจนชิดประตู...คงจะแค่แกล้งผมแน่ ๆ
....ผมจะกลัวอะไร...เพราะเรื่องแบบนี้มันเรื่องธรรมดาของผู้ชายสินะ...ทั้งที่ตัวผมเองที่ไม่ไม่เคยกับเรื่องพวกนี้...ถอนหายใจอย่างโล่งอก...หวังว่าคุณโอจะไม่เอาเรื่องนี้มาหาเรื่องผมหรอกนะ...ก็คนมันไม่ได้ตั้งใจ...
“..ทำอะไรอยู่ทั้งที่ผมบอกให้เปิดประตู...” ... เสียงจากไหน...หรือว่า..
...ประตูใหญ่...
“คุณโอ!”
***

หวังว่าจะชอบกันนะคะ คนเขียนเป็นคนที่ทอร์คไม่เก่งเอาซะเลย...แค่ขอบคุณทุกวิวทุกเมนท์จากใจค่ะ ถึงจะไม่สนุกหรือเร้าใจ แต่มีคนอ่านและคนชอบก็ดีใจมาก ๆ แล้วน้า..