Part 4
รถแล่นออกจากตัวเมืองใช้เวลาพอสมควร ผมมองมิเตอร์แท็กซี่ที่พุ่งเกินพัน...ในที่สุดรถก็จอดสนิทบัวมองมิเตอร์ก่อนจะควักเงินในกระเป๋าตัวเอง แต่ผมกลับเป็นฝ่ายดันมือเรียวนั่นไว้ แล้วจ่ายเอง เพราะเตรียมไว้แล้ว...บัวทำท่าจะแย่งจ่ายแต่ผมก็รีบเปิดประตูรถออกมาก่อน...ยืนบนถนนลูกลังสีแดงที่ตัดลงมาจากถนนใหญ่ซัก 500 เมตร มีบ้านหลายหลังเรียงรายกัน แต่ไม่แออัด เพราะด้านข้างและด้านหลังบ้าน ล้วนเป็นต้นไม้ ใหญ่เล็กครึ้มไปหมด เพราะความมืดทำให้ผมมองไม่เห็นว่าเป็นต้นอะไร อาจจะเป็นต้นไม้ให้ร่มเงาหรือผลไม้ชนิดไหนก็ได้...
“บัว ที่ นี่ ที่ไหน..”
“บ้านเก่าแม่บัวเองค่ะ เป็นบ้านสวน นาน ๆ แม่ถึงจะมาพักที่นี่...ไม่มีใครรู้หรอก บัวโทรบอกแม่แล้ว แม่ไม่ว่าอะไร แล้วบัวก็ให้เด็กข้างบ้านมาปัดกวาดไว้ให้แล้ว เตรียมที่นอนง่าย ๆ เอาไว้”
“เหรอ..เป็นบ้านสวนเหรอ..” จ้องมองฝ่าความมืด แสงไฟรายทางสลัว ภายในบ้านมีไฟเปิดไว้แล้ว...มีรั้วรอบขอบชิด ตัวบ้านเป็นปูนชั้นเดียวไม่ใหญ่โตอะไร แต่ก็สัมผัสได้ถึงธรรมชาติที่รายรอบตัวบ้าน...
“ค่ะ...แล้วพรุ่งนี้แม่บัวจะเอาที่นอนมาให้ คุณน้องจำแม่บัวได้ไหมคะ แกลาออกหลังจากที่ท่านหญิงเสียค่ะ แต่แกก็ยังห่วงคุณน้องเลยให้บัวอยู่ที่นั่น”
“..................” มันนานมากแล้ว แต่ผมก็จำได้ว่าแม่ของบัวเคยทำงานเป็นคนใกล้ชิดคุณแม่ แล้วจู่ ๆ ก็หายไปเพราะเป็นเด็กเลยไม่ได้สงสัยอะไร ความจงรักภักดีถ่ายทอดกันมาจากสายเลือดเลยสินะ...
“แม่บัวชื่อบานชื่นค่ะ ... คุณน้องพอจะอยู่ที่นี่ได้ไหมคะ”
“ อยู่ ได้ ซออยู่ได้..” ลมเย็น ๆ พร้อมกับอากาศบริสุทธิ์ ผมกับบัวลากกระเป๋าเข้าไปยืนอยู่หน้าบ้าน...อย่างนี้ผมอยู่ได้...บ้านสวน ที่มีต้นไม้ ดอกไม้ ธรรมชาติที่สวยงาม...ขนาดความมืดที่กางปีกปกคลุม ยังปิดความงามธรรมชาติไม่มิด...ผมสูดอากาศเข้าปอดอย่างสุดแรง จนบัวหัวเราะคิก บัวรู้ใจผมจริงๆ ด้วยว่าผมชอบแบบไหน...
“พี่บัวมาแล้วเหรอ”
“กระแต มาพอดีขอบใจมากที่เตรียมของไว้ให้ เอาเงินค่าขนม” ผมมองเด็กผู้หญิงประมาณ 7 ถึง 8 ขวบวิ่งเข้ามาหาบัว...ข้างๆ บ้านบัวเป็นบ้านอีกหลัง ที่รั้วติดกัน ..ผมสังเกตว่าสวนบัวจะอยู่หลังบ้านและด้านขวามือถ้าหันหน้าออกถนน ด้านซ้ายติดกับบ้านที่ทรงบ้านคล้าย ๆ กัน และด้านซ้ายมือและด้านหลังของบ้านหลังนั้นก็จะเป็นสวน...อยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็วๆ จัง...
“เพื่อนพี่บัวเหรอ...ทำไมสวยจัง..ไม่เห็นดำเหมือนพี่บัวเลย..”
“เด็กแก่แดด ไม่ใช่..”
“ใช่ พี่ เป็น เพื่อน พี่บัว..อัน นี้พี่ แถม..” ผมยื่นเงินแบงค์สีแดงให้เด็กน้อยที่มองผมตาไม่กระพริบ...
“ไม่เอา..พี่บัวให้แล้ว...”
“ ไม่ต้องให้หรอกค่ะคุณน้อง..มันมากไปแล้วสำหรับเด็กตัวแค่นี้” ผมมองหน้าเด็กหญิงที่สั่นหัวพรืดเมื่อยื่นเงินให้...นี่สินะ ความเพียงพอ และพอเพียง...อีกนัยคือเด็กตรงหน้ายังไม่รู้ว่ามันสำคัญกับชีวิตแค่ไหน...แต่ถ้าทุกคนที่นี่เหมือนบัว...ผมก็วางใจได้ว่าไม่ว่าตอนนี้หรือตอนไหน เด็กคนนี้ก็ไม่ยอมที่จะรับเงินที่ได้มาโดยที่ตัวเองไม่ได้ออกแรงทำอะไรแน่ ๆ
“ แตไปนอนแล้วนะ พรุ่งนี้แม่จะทำกับข้าวมาให้พี่บัวกับเพื่อน”
“ฝากขอบคุณพี่ต่ายด้วยนะ แล้วพี่จะไปหา” กระแตส่งยิ้มให้ผมก่อนจะวิ่งตัวปลิวออกไป เด็กคนนี้คงเป็นคนที่บัวบอกให้เตรียมข้าวของไว้ให้...
“เข้าบ้านเถอะค่ะ”
“................” ผมพยักหน้าก่อนจะแย่งกระเป๋าจากมือบัวมาถือเอง...บัวส่งยิ้มบางๆ ก่อนจะนำเข้าบ้าน ประตูบ้านที่ทำจากไม้สลักลวดลายเหมือนบ้านทั่วไปถูกเปิดออก ภายในบ้านปูกระเบื้องสีฟ้าอ่อน มีข้าวของไม่มาก แต่ก็น่าจะครบครันสำหรับการอยู่แบบไม่ต้องหรูหราอะไร...ผมเดินสำรวจอย่างตื่นเต้น มีห้องนอนเล็ก ๆ อยู่ในบ้าน ขนาดไม่ใหญ่มาก...ประตูทุกบาน หน้าต่างมีมุ้งลวดติดอยู่หมด...มีห้องน้ำมีห้องครัวเล็ก ๆ ทุกอย่างถูกทำความสะอาดไว้แล้ว พร้อมกับฟูกขนาดใหญ่ที่ปูลงกับพื้นกระเบื้องเพราะไม่มีเตียง ผ้าปูสีครีมมีกลิ่นผงซักฟอกอ่อน ๆ ลอยมาทำให้รู้ว่าทุกอย่างถูกทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว....ทุกอย่างในบ้านตอนนี้ ไม่เห็นว่าจะขาดเหลืออะไร ถึงจะไม่หรูหรา แต่ความสบายใจและสดชื่นที่อบอวลอยู่ในหัวใจทำให้ผมลืมความทุกข์โศกไปได้ แม้กระทั่งเรื่องที่...ที่บ้านจะรู้ แล้วพวกพี่คงจะเป็นห่วงผมมาก...
“ดึกแล้ว คุณน้องนอนก่อนเถอะค่ะ นอนได้ไหมคะ”
“นอนได้”
“แล้วพรุ่งนี้ค่อยคิดว่าเราจะทำยังไงกันต่อ...บัวดีใจค่ะ ที่คุณน้องยอมที่จะพูดกับบัว..บัวรอฟังเสียงใส ๆ แบบนี้มานานมาก”
“..สบายมากนอนได้...ขอโทษ...ขอบคุณ...” ไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากคำนี้ ผมนอนลงบนที่นอน ไม่นุ่มเหมือนที่ห้อง แต่เหมือนว่าผมจะหลับง่ายกว่าที่นั่น บัวน้ำตาคลอเมื่อพูดเรื่องที่ผมตัดสินใจพูดกับเธอ...
“บัวจะออกไปนอนข้างนอกนะคะ มีอะไรให้เรียก”
“ไม่ต้อง นอนด้วยกันสิ..”
“แต่ว่า มัน..”
“ถ้าจะแยกกัน บัวนอนนี่ ซอ จะออก ไป นอน ข้างนอก..เราเป็น พี่น้องกัน” เริ่มพูดเยอะก็รู้สึกว่าจับจังหวะการพูดได้มากขึ้น...ผมรีบลุกขึ้นห้ามคนที่จะหอบที่นอนออกไป...ตอนนี้ไม่มีเจ้านายและคนดูแล...มีเพียงพี่สาวกับน้องชาย ที่จะต้องดูแลกันและกัน...
“ไม่ค่ะ นอนนี่ก็ได้...นอนเถอะค่ะ ตอนเช้าอากาศสดชื่นมาก ๆ เลย บัวอยากให้คุณน้องได้เห็นหมอกอ่อน ๆ ด้วย..”
“ซอ อยากเห็น..” ส่งยิ้มให้คนที่กำลังปูที่นอนพับขนาดเล็กนอนข้างๆ ฟูกผม...ก่อนหลับตาลงเข้าสู่นิทราในคืนที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างนี้...
เอ๊ก อี่ เอ่ก เอ่ก! เอ๊ก อี่ เอ่ก เอ่ก!
เสียงบางอย่างทำให้ผมตื่นขึ้น...ค่อย ๆ ลืมตา ท่ามกลางแสงอ่อน ๆ ที่สาดผ่านม่านเข้าในห้อง...หันมองซ้ายขวา ....ก็ได้แต่ทอดถอนหายใจ หลากหลายความรู้สึก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังอดน้ำตาคลอไม่ได้... ทั้งใจหาย และโล่งใจในที....ที่นี่เป็นบ้านสวนของบัว...ที่ ๆ ผมจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ ๆ ด้วยตัวของตัวเอง...
“ตื่นแล้วเหรอคะ ออกมาข้างนอกไหมคะ อากาศสดชื่นมากเลย”
“.................” ไม่ต้องรอให้บัวบอกซ้ำ ผมลุกจากที่นอนเพราะจำได้ก่อนจะรับแก้วนมอุ่น ๆ ที่บัวเดินถือมาให้....เดินออกมาหน้า
บ้าน...บรรยากาศยังเป็นแค่แสงสว่างตอนเช้า แดดยังไม่ฉายแสงด้วยซ้ำ...มีหมอกลอยแตะต้นไม้ใบหญ้าอยู่อย่างสวยงาม...ว่ากลางคืนสวยแล้ว กลางวันกลับทำให้ผมยิ้มออกมาได้...หน้าบ้านที่โรยลูกลังแดงมีต้นโป๊ยเซียนปลูกในกระถังไล่มาจากรั้วไม้หน้าบ้านจรดหน้าบ้าน ข้างๆ กลายเป็นดอกดาวเรือง และพุทธรักษาที่อยู่ริมสระเล็ก ๆ ที่ถูกปกลุมด้วยเครือไม้น้ำจนไม่เห็นผิวน้ำ....ธรรมชาติ...ความสวยงามที่ไร้เสียงและความวุ่นวาย...รีบเดินลงมาก่อนจะส่องไปหลังบ้าน แสงที่มีพอจะทำให้เห็นว่าเป็นสวนผลไม้จริงๆ ด้วย...แต่ผมกลับไม่รู้ว่าเป็นต้นอะไรบ้าง...
“เป็นต้นลำไย มะม่วง ชมพู่ ฝรั่งค่ะ ถ้าบัวจำไม่ผิด แต่ก็มีอีกไม่แน่ใจว่ามันโตหรือยัง แม่เป็นคนมาปลูกไว้ตั้งแต่บัวเด็กๆ “
“ดีจังเลย ซอชอบ”
“...คุณน้องคะ...บัวพูดอะไรได้ไหม...”
“.............” ผมพยักหน้าก่อนจะหันกลับมามองบัวที่เดินเข้ามาหา....
“คุณน้องตัดสินใจว่าจะออกมา ตอนนี้ลังเลไหมคะ”
“ไม่”
“งั้น...คุณน้องต้องเข้มแข็งนะคะ...คุณน้องเวลาอยู่ข้างนอกกับอยู่ในบ้านเหมือนคนละคนเลย....จนบัวคิดว่าอาจจะอยู่ได้ แต่ถ้าไม่ไหวก็บอกบัว บัวจะพากลับบ้าน...อย่าฝืนทำอะไรโดยที่ตัวเองจะต้องเจ็บปวดและเสียใจ..ยังไงพี่คุณพี่ก็ยังรักคุณน้องเสมอ..บัวคิดว่าถ้าผ่านไปซักพัก คุณน้องควรจะติดต่อกลับไปบ้าง..”
“ซอ เข้าใจ..ถ้าซอ อยู่ ได้ ซอจะ โทรหาพี่.ไม่ว่าจากนี้ หรือ ตลอด ไป ก็ไม่ มีวันเปลี่ยนใจ...ซอจะลืม ทุกอย่าง เหลือไว้เพียง ความทรงจำดี ๆ จากบ้าน หลังนั้น เหลือไว้เพียง ความรัก จาก พวกพี่ ๆ ซอจะไม่เศร้าอีกต่อ ไปแล้ว เพราะบ้าน หลังนั้น ถึงไม่มี ซอ ทุกคนก็ยังอยู่ได้ และอยู่ อย่างมีความสุข.” เป็นประโยคที่ยาวที่สุดเท่าที่เคยพูดมา....ผมตัดสินใจแล้วว่าผมจะละทิ้งทุกอย่างไว้ที่นั่น เริ่มต้นใหม่ด้วยตัวของตัวเอง...ถึงผมจะไม่ค่อยรู้อะไรมาก ..แต่ผมก็เอาวุฒิ ม.6 มาด้วย...ต้องปรับตัวอีกซักหน่อย แต่ถ้าใจผมสู้ ทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามแบบแผนที่ผมพอจะทำได้...
“คุณน้องอยากเรียนต่อไหมคะ”
“ยังไม่คิดตอนนี้ เอา ไว้ ก่อน”
“งั้นเราไปอาบน้ำแต่งตัว ไปกินข้าวที่บ้านพี่ต่ายกัน..”
“ฝั่ง นั้น สวน พี่ต่าย” ผมถามขณะที่กำลังเข้าบ้านกัน...
“ไม่ใช่หรอกค่ะ จากรั้วตรงนั้นไปจนสุดลูกหูลูกตาเป็นของนายทุนมีกะตังค์ พี่ต่ายแกก็ไม่ค่อยรู้ เพราะคนที่มาทำและสร้างสวนนี้ก็เป็นหุ้นส่วนในสวนนั้น..พี่ต่ายแกรับจ้างดูแลบ้านสวนหลังใหญ่ ที่มองจากตรงนี้จะมีต้นไม้บังอยู่ค่ะ...ถ้าไปบ้านพี่ต่ายถึงจะเห็น...”
“อ๋อ..”
วันทั้งวันผมใช้เวลาไปกับธรรมชาติอย่างเต็มที่ แถวนี้เงียบสงบแต่ไม่เปลี่ยว บ้านไม้สองชั้นขนาดใหญ่ที่อยู่ถัดจากบ้านพี่ต่ายไปอีกไม่เยอะ เป็นบ้านของเจ้านายพี่ต่ายที่พี่แกต้องไปทำความสะอาดและทำกับข้าวไว้ให้เป็นเวลา...คนที่อยู่ที่นั่นที่พี่ต่ายเรียกว่า..คุณโต้ เป็นเพื่อนสนิทและหุ้นส่วนของสวนแห่งนี้ เป็นคนที่ชอบธรรมชาติเลยมาอยู่และดูแลเอง...ผมก็แค่ฟัง ๆ รับรู้ไว้
...ยอมที่จะพูดคุยกับทุกคนที่คุยด้วย ไม่ใช่ว่าเปิดใจเต็มที่ แต่ผมต้องทำเพื่อที่จะอยู่ตรงนี้ได้....
พึ่งรู้ว่าบ้านสวนบัวห่างจากกรุงเทพฯ พอสมควร...ถือว่าเป็นชนบทอย่างเต็มตัว.... ธรรมชาติที่โอบล้อมทำให้ผมลืมบางสิ่งบางอย่างได้ในบางเวลา แต่ถึงแม้จะคิดถึงและใจหายขึ้นมา แต่ผมคิดว่าผมจะทำใจให้เข้มแข็งและก้าวเดินต่อ โดยไม่หันกลับมองข้างหลัง...พวกพี่อาจจะเศร้าที่ผมหายไป..และตามหา...แต่สุดท้ายก็จะต้องเดินตามเส้นทางที่คุณพ่อขีดให้ ไม่มีเวลามานึกถึงผม....
“ทำงานเซเว่นไหม เข้าไปในตลาดห่างจากที่นี่ประมาณ 5 โล”
“ได้บัวทำได้..” คนที่แนะนำเป็นน้าบานชื่นแม่ของบัวที่ตอนนี้มานั่งรวมตัวกันที่บ้านพี่ต่ายปรึกษากันเรื่องงาน...เหมือนทุกคนจะรู้แล้วเลยไม่ไถ่ถามอะไรในการมาครั้งนี้ต่อหน้าผม...
“ซอ ก็จะทำ”
“ยังค่ะ เราไม่ได้มีค่าใช้จ่ายเยอะขนาดนั้น...ไม่จำเป็นต้องทำงานกันสองคน คุณน้องอยู่บ้านนี่แหละ..”
“ ไม่ ซอจะทำด้วย น้าบานชื่น หางานให้ซอด้วย”
“..คุณน้องขา ให้บัวมันทำคนเดียวก็ได้...เอาไว้ให้คุณน้องสบายใจกว่านี้ น้าจะหาให้นะคะ..”
“..ไม่ครับ..ซอ จะทำ..ซอไม่มีทางมา นอน เฉย ๆ แน่..ถ้าไม่หา ให้ ซอจะ ไปหา เอง”
“.............” ผมรู้ว่าทำให้ทุกคนลำบากใจ แต่ถ้าผมไม่ทำอย่างนี้ ผมรู้ว่าทุกคนต้องให้ผมนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่บ้านเฉย ๆ แน่..เพราะน้าบานชื่นน่ะรักคุณแม่มากเลยพาลมาถึงผม ตอนที่เจอกันทั้งกอดทั้งร้องไห้...จนผมอดที่จะน้ำตาไหลตามไปด้วยไม่ได้...พร่ำพูดตลอดว่าจะไม่มีวันทำให้ผมลำบาก
“งั้นให้พี่ต่ายลองฝากงานกับคุณโต้ดีไหมคะ..”
“...............” ดูเหมือนว่าทุกคนจะเห็นด้วยจนพยักหน้ากันยกใหญ่...เหตุผลนึงคงเพราะ...ใกล้บ้าน...น้าบานชื่นแกจะย้ายมาอยู่ด้วยเพราะบ้านนั้นก็มีน้องสาวอยู่แล้ว...ส่วนสามีแกเสียตั้งแต่ก่อนจะไปทำงานกับคุณแม่... กลัวว่าเวลาบัวไปทำงานจะไม่มีคนดูแลผม...ซึ่งก็บอกกันแล้วว่าผมจะดูแลตัวเอง...
ตอนสาย ๆ ผมก็ถูกเรียกให้ไปพบพร้อมกับเอกสารในการทำงาน ที่บัวขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปถ่ายเอกสารมาให้...ดีที่ไม่ขออะไรมากแค่บัตรประชาชน ผมไม่คิดว่านามสกุลผมจะเป็นอุปสรรค เพราะคงไม่โด่งดังมาถึงที่นี่แน่ๆ รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ทำงานเป็นเรื่องเป็นราว...เดินมาหยุดอยู่ประตูบ้านหลังใหญ่ ก่อนที่พี่ต่ายจะเป็นคนเปิดประตูให้...ด้านในบ้านประดับอย่างสวยงาม ด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่เข้ากับสีไม้ขัดมัน...
“มาแล้วเหรอ...นั่งก่อนสิ..”
“.................” ผมมองคนที่เดินลงมาจากบันไดที่เชื่อมขึ้นไปชั้นสอง...ในบ้านมีแค่พี่ต่ายและคนสวนที่ดูแลบ้านโดยเฉพาะอีกสองคน ส่วนคนงานที่ลงสวนจริงๆ ก็จ้างเอาชาวบ้านแถวนี้แหละ...
“คุณนะ...เอ่อ ซอ นี่คุณโต้เจ้านายพี่ คุณโต้คะ นี่ซอเป็นน้องชายของเพื่อนต่ายค่ะ เป็นเจ้าของบ้านที่ถัดจากบัวไปหลังนึงไงคะ”
“อ้อ อย่างนั้นเอง...ยินดีที่ได้เจอ..” ผมยกมือไหว้ร่างสูงตรงหน้า...คุณโต้ท่าทางใจดี..หน้าตาผิดแผกที่จะอยู่ในบ้านสวนอย่างนี้เพราะจมูกที่โด่งเป็นสัน หน้าคม ผิวขาว..เหมือนลูกครึ่งซะมากกว่า...อีกคนมองแล้วส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร..พาลให้นึกไปถึงพี่ชายทั้งสามคน..แต่ก็ต้องกลืนความคิดถึงที่จ่อจุกลงไปให้หมด...
“คือน้องอยากทำงานค่ะ ต่ายเลยมาฝากฝังกับคุณโต้ เพราะป้าบานชื่นแกไม่อยากให้ เอ่อ..ลูกชายไปทำไกล..” ทุกอย่างถูกเตรียมมาหมดว่าผมเป็นใคร ไม่ใช่ลูกคุณหนูมาจากไหน...
“อืม..ก็พอมีนะ..พอดีตอนนี้ไม่มีคนทำบัญชีของสวนนี้ก่อนส่งไปที่กรุงเทพ...คือเป็นแบบสรุปง่าย ๆ ก่อนหน้านี้ผมเป็นคนทำ แต่อยากจะลงสวนให้เต็มที่ งานเอกสารเราพอได้ใช่ไหม คอมพิวเตอร์เคยเรียนรึเปล่า..”
“ ครับ ทำได้...” ที่ผ่านมาผมกับคอมพิวเตอร์เป็นเพื่อนรักกัน เพราะเป็นสิ่งเดียวที่พาผมท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ และรับรู้ว่าสังคมภายนอกเป็นยังไงบ้างในระหว่างผมเอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องแคบ ๆ นั่น...
“เอาล่ะ ผมให้คุณเริ่มงานวันนี้เลย ได้ไหม”
“ได้ครับ ซอทำได้” เผลอยิ้มออกไปอย่างดีใจ เมื่อรู้ว่าตัวเองได้ทำงานแล้ว...ก่อนจะหันไปยิ้มกว้างให้พี่ต่ายที่ยืนอยู่ข้างๆ ทีผมนั่งอยู่...
“ขอบคุณคุณโต้สิซอ”
“ขอบคุณ ครับ ซอ เอ่อ ผมจะตั้งใจทำงาน..”
“ไม่เป็นไรแทนตัวเองอย่างที่ถนัดนั่นแหละ รุ้สึกว่ามันคุ้นเคยกันดี..งั้นก็ทิ้งไว้นี่เลยนะต่าย เวลาเตรียมอาหารก็เตรียมเผื่อซอด้วยทุกมื้อ”
“ไม่ ซอจะกลับ ไปกินกับ พี่บัว”
“เวลางานก็ต้องทานกับผมสิครับ จะออกไปไหนเวลางานก็ต้องบอกผมด้วย”
“ครับ” ถึงคนพูดจะพูดกลั้วหัวเราะ แต่ก็ทำให้ผมเกรงใจได้เหมือนกัน...ก็ดีเหมือนกันน้าบานชื่นจะได้ไม่เหนื่อยเตรียมกับข้าวให้ผม...เพราะบัวก็ได้เริ่มงานที่เซเว่นในตลาดพรุ่งนี้ไปกลับด้วยรถมอเตอร์ไซค์..ส่วนผมก็เดินมาใกล้ๆ ....
*********************************************************
ทำงานกับคุณโต้มาได้เกือบเดือนแล้ว ทุกอย่างดูง่ายสำหรับผมจนคุณโต้ออกปากชม...อาจจะเป็นเพราะผมทำรายงานหรือเรียนรู้ด้วยตัวเองมาโดยตลอด เวลามีคนสอนอย่างละเอียดมันก็เลยง่ายไปด้วย...คุณโต้เป็นคนใจเย็นสอนงานผมอย่างเป็นขั้นเป็นตอน...ทุกอย่างดูเหมือนกำลังไปได้ดี ผมรู้จากบัวว่าพวกพี่ออกตามหาในอาทิตย์แรก ๆ แต่สุดท้ายทั้งสามคนก็ถูกคุณพ่อให้ไปเรียนรู้และดูงานที่ต่างประเทศ...ทะเลาะกันจนชักปืนใส่พ่อตัวตัวเองนั่นเป็นสิ่งที่ผมไม่อยากได้ยิน เพราะทุกอย่างมันเกิดจากผม...แต่สุดท้ายก็ขัดคุณพ่อไม่ได้จนต้องไป การตามหาผมก็เลยหยุดไปด้วย ที่บัวรู้เพราะติดต่อคนสนิทในบ้านซึ่งไว้ใจได้...ถึงอย่างนั้นบัวก็ไม่ได้บอกว่าตัวเองอยู่ไหน อีกฝ่ายก็เป็นห่วงและให้สัญญาว่าจะไม่บอกใคร...ผมไม่รู้ว่าใครจะไว้ใจได้หรือไม่ แต่ถ้าเราเงียบไป ทุกอย่างมันก็คงเงียบไปด้วย....ถึงจะคิดถึงพวกพี่ใจจะขาด..แอบร้องไห้บ้างเวลาเหงาๆ แต่ก็ต้องทำอย่างที่ตัวเองตั้งใจให้ได้...
...อย่างนึงที่มั่นใจว่าทุกคนจะตามหาผมไม่เจอ...คือ..คุณพ่อ...คนที่รังเกียจผมเหมือนสัตว์ประหลาดตัวนึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ผมหลุดออกมาจากวงโคจรตรงนั้น...แต่นั่นมันก็ดีสำหรับผมไม่ใช่รึไง..
“ของฝาก”
“..น้ำเย็นครับ...” ผมถือแก้วน้ำมาวางคนที่มานั่งลงตรงหน้าโต๊ะทำงานของผมพร้อมกับฝรั่งลูกใหญ่สองลูก...เรื่องการพูดจาผมคล่องปร๋อแล้วตอนนี้...คุณโต้เป็นกันเองกับผมมากแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมสนิทใจอะไรด้วย เพราะความรู้สึกที่ผ่านมาตลอดสิบกว่าปีที่เก็บตัว มีกำแพงที่มองไม่เห็นกั้นอยู่เสมอ
“ขอบคุณมาก..อ่ะนี่เงินเดือนของคุณ..”
“................” ยกมือไหว้ก่อนจะรับซองสีชมพูดอ่อนมาไว้ในมือ...รู้สึกตื่นเต้นจนเก็บอาการไม่อยู่...ก็มันเป็นเงินก้อนแรกที่มาจากน้ำพักน้ำแรงของผม จริงสิ ตั้งแต่ตอนแรกผมไม่ได้ตกลงเรื่องเงินเดือนอะไร เพียงแค่ได้ทำงานก็พอแล้ว...
“พอใจรึเปล่า”
“ซอว่า..มัน..มากเกินไป..”
“ไม่มากหรอก..เท่ากับความสามารถของซอนั่นแหละ วันนี้ผมจะชวนคุณออกไปทานข้าวข้างนอก...ไปรึเปล่า”
“คือ..” ยังไม่มีคำตอบออกจากปาก เพราะมัวแต่มองแบงค์พันเกือบยี่สิบใบที่อยู่ในซอง...เพราะก่อนหน้านี้บัวบอกผมเองว่างานแบบนี้ก็เต็มที่แค่หมื่นเท่านั้น แต่นี่มันเยอะกว่าที่คิดไว้ซะอีก...
“..ไม่ต้องห่วงผมมีงานให้คุณทำคุ้มเงินเดือนแน่...วันนี้เพื่อนผมจะมาเลยนัดกันไปกินข้าวในตลาด... หุ้นส่วนสวนที่นี่แหละ..ผมอยากจะแนะนำคุณให้รู้จักด้วย...เพราะเขาก็คือเจ้านายคุณอีกคน..รู้สึกว่าจะเคยเห็นคุณในรูปถ่ายตอนที่เล่นไลน์กันแล้วล่ะ เพราะผมถ่ายรูปให้มันรู้ว่ามีพนักงานใหม่ที่สวน...”
“อ๋อ งั้นก็ได้ครับแต่ซอต้องกลับไปบอกพี่สาวกับแม่ก่อน”
“ได้ ผมจะรอซออยู่นี่ ประมาณ 6 โมงคุณก็มาที่นี่แล้วกัน...”
“ครับคุณโต้...” ผมส่งยิ้มให้เจ้านายใจดี...ก่อนจะเก็บซองเงินใส่กระเป๋า จับซ้ำอีกรอบให้แน่ใจว่ายังอยู่...
“ผมดีใจนะที่รับคุณมาทำงาน..ได้อยู่ใกล้ๆ กันแบบนี้..”
“...เห..ครับ..ซอก็ดีใจ...” คำพูดกับสายตาที่มองมาทำให้ผมแปลกใจ...แต่อารามดีใจที่ผมมีเงินไปให้น้าบานชื่นค่าไฟค่าอาหารทำให้ไม่ใส่ใจอะไรมากนอกจากตอบออกไปว่าผมก็ดีใจเหมือนกัน....
กลับถึงบ้านทั้งบัวทั้งน้าบานชื่นก็ดีใจกับเงินที่ผมได้ ...แต่ไม่มีใครรับเงินผมซักคน...กลับบอกให้ผมเก็บไว้...ในเมื่อไม่รับดี ๆ ผมก็เลยบังคับ โดยการแบ่งให้ครึ่งนึงอีกครึ่งนึงผมเก็บไว้ใช้เอง... เพราะตั้งแต่มาอยู่นี่ผมก็เป็นภาระให้บัวกับน้าบานชื่นมากโขอยู่....การขู่แกมบังคับของผมทำให้คนสูงวัยต้องรับเงินไว้ แต่ก็ร้องไห้อีกจนได้เพราะคิดถึงคุณแม่ น้าบานชื่นบอกว่าผมเหมือนคุณแม่มาก...ทั้งรูปร่างหน้าตา รวมทั้งนิสัยด้วย...เราอยู่กันสามคนอย่างเพียงพอ ผมต้องกำหนดว่ากับข้าวสำหรับผม ต้องแค่มื้อละอย่างไม่ต้องมากไม่งั้นก็คงจะสรรหาอะไรมาให้กินแน่ๆ ...ส่วนที่เหลือก็ทำตามที่บัวและน้าบานชื่นอยากกิน...ข้าวของในบ้านก็เยอะขึ้นเพราะน้าบานชื่นขนทีวี ตู้เย็น รวมทั้งเตียงมาให้ผมด้วย...ทั้งที่ของพวกนี้มันไม่จำเป็นสำหรับผมในตอนนี้เลย...แต่เมื่อคนทำทำให้ด้วยความจริงใจผมก็ยินดีรับไว้ และตอบแทนด้วยสิ่งที่ผมพอจะทำได้....
...การได้อยู่อย่างนี้ ทำให้ผมสบายใจมากที่สุด ย้อนกลับไปกับตระกูลใหญ่โตที่แก่งแย่งชิงดีกัน นอกจากความรักจากพวกพี่แล้ว ผมก็รู้สึกสะอิดสะเอียนกับแวดวงนั่นเต็มที...คิดไว้เสมอ ถึงพี่จะหาผมเจอ แต่ก็จะไม่กลับไป...
“เพื่อนผมคงมาถึงแล้วล่ะ...ร้านนี้อาหารอร่อยเอาไว้วันหลังเรามาทานกันอีก”
“ครับ...” ผมได้แต่รับปากออกไป กว่าจะออกมาได้บัวก็สั่งนั่นนี่ให้ระวังตัวสุด ๆ ...ร้านอาหารที่เป็นซุ้มไม้ไผ่มุงหญ้า หลาย ๆ ซุ้มตั้งเรียงราย แต่ละซุ้ม..ถูกจับจองเกือบเต็ม กลิ่นหม้อไฟ ต้มยำฟุ้งไปหมด ไม่น่าเชื่อว่าระดับเศรษฐีจะมาทานร้านอย่างนี้ด้วย...แต่มันดีตรงที่ตั้งอยู่ริมสระน้ำที่เปิดไฟแสงสีมีน้ำพุอยู่กลางสระด้วย...ความพลุกพล่านของคนสำหรับผมก็ถือว่าเยอะแล้ว...เด็กเสริฟทั้งเดินทั้งวิ่งเพื่อให้ทันใจลูกค้า...
“ว่าไงเพื่อน มาเร็วกว่าที่คิดซะอีก”
“....................”
“..คะ...คุณ....” คนที่นั่งหันหลังให้ลุกขึ้นยืนก่อนจะหันหน้ามาหาผมกับคุณโต้ที่ทักจากด้านหลัง...แต่สิ่งที่ทำให้ผมอุทานคือ ผู้ชายคนนี้คือคนที่ผมเจอที่โรงพยาบาล...ผมจำได้
...แล้วผู้ชายที่งานพี่โซล่ะ....ถึงรูปร่างและท่าทางจะเหมือน.... แต่มันคงไม่บังเอิญขนาดนั้น เพราะผู้นำพยัคฆราชคงจะไม่รักสงบมาทำไร่ทำสวนแถวนี้แน่...
“รู้จักกันเหรอซอ”
“ คือ...”
“เราเคยเจอกันโดยบังเอิญน่ะ ” เป็นอีกคนที่ตอบอย่างไม่ใส่ใจอะไรมากมาย...
“อ้าวเหรอ แล้วรู้ชื่อกันรึยัง ต้องแนะนำอีกไหม ซอนั่งนี่สิ”
“..............” เดินไปนั่งลงข้าง ๆ คุณโต้...ก่อนจะมองคนที่นั่งตรงข้ามกัน...ผ้าเช็ดหน้า...จริงสิ...อยู่ไหน ได้เอามาด้วยรึเปล่า...ยังจำได้และจะเอาคืนอยู่ไหมนะ....ความหล่อที่ประทะกันระหว่างสองเพื่อนมันก็เด่นพอสมควร..
“ว่าไงงานยุ่งล่ะสิคุณโอ...แนะนำ ๆ... ซอนั่น..โอฬาริศ พยะ.....เอ่อ....เรียกโอก็ได้เป็นเจ้าของสวนที่ทำอยู่ร่วมกับผม...ส่วนนี่ซอ พนักงานบัญชีทั่วไปที่สวนของเรา..เป็นคนของฉัน....” ผมยกมือไหว้ตามมารยาท ก่อนจะสบสายตาคมที่ทอดมองมา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคิดอะไรหรือเป็นมิตรรึเปล่า...แอบสงสัยสิ่งที่คุณโต้จะพูดต่อจากชื่อ มันจะเป็นนามสกุลรึเปล่า แต่คุณโอกลับยกมือห้ามไว้ คุณโต้เลยแนะนำชื่อเล่นต่อ...แต่การเน้นประโยคหลังนั่นทำให้อีกคนย่นคิ้วมองก่อนจะยิ้มมุมปาก..แล้วก็ทำสีหน้าปกติเหมือนเดิม...สำหรับผมคงหมายถึง “เป็นคนที่ผมรับเข้าทำงาน” อะไรประมาณนั้น
“…ยินดีที่ได้รู้จักครับ...คุณซอ...”
“ครับ” ตอบก่อนจะเสมองไปบนผิวน้ำด้านข้าง...ทำไมถึงรู้สึกอึดอัดขนาดนี้ด้วย ทั้งที่ผู้ชายตรงหน้าก็ไม่ได้ดูเลวร้ายอะไร แต่สายตานิ่งๆ นั่นกลับทำให้ตัวเองตัวลีบลงไปอีก...
“แล้วจะอยู่กี่วัน”
“ก็มะรืนจะกลับ มาดูที่แถว ๆ นี้ด้วยว่าตรงไหนพอจะขยายสวนได้อีก..ฉันอยากจะลงเพิ่ม มาคราวก่อนฉันเห็นสวนข้างๆ เราทางด้านขวาน่ะแกลองไปคุยกับเขาได้ไหมให้ราคาเขาดีๆ หน่อย”
“ไม่ได้ครับ...นั่นสวน..เอ่อ แม่ผม..”
“หืม สวนแม่คุณ”
“คะ ครับ” เรื่องอะไรจะมาซื้อที่ซื้อทางคนอื่นเขา ผมเชื่อว่าบัวกับน้าบานชื่นไม่มีทางขายแน่ๆ ผมรีบทัดทานทันทีเพราะรู้สึกรักที่นั่นเข้าเต็มเปา ไม่เบื่อกับธรรมชาติรอบ ๆ ตัว...ตอนนี้ผมซื้อไม้ดอก ไปลงใส่กระถังไว้จนจะรอบบ้านอยู่แล้ว...
“อ้อ นั่นน่ะสวนของครอบครัวซอเขา แม่กับพี่สาวเขาดูแลอยู่”
“คุณแม่กับพี่สาว?”
“ใช่ พอดีพี่สาวเขารู้จักกับต่ายแม่บ้านเรา ก็เลยให้ต่ายมาซอพาฝากงานนี่แหละ ส่วนเรื่องขยายที่ฉันจะลองดู ๆ ที่ที่เขาอยากขายจะดีกว่า”
“งั้นเหรอ..ก็ได้..”
“................” ....ผมเงียบไปเมื่ออีกคนแค่มองแล้วนิ่งไป...เจอกันคราวก่อนยังแสดงท่าทางอะไรมากกว่าตอนนี้ซะอีก..แต่ก็นั่นแหละ...เจอแค่นั้นก็คงไม่ได้หมายความว่าผมจะมองออกว่าคุณโอฬาริศเป็นคนยังไง...
“....สั่งอาหารเถอะ...”
“ ซอทานอะไรดี ไม่ต้องเกรงใจมื้อนี้ผมเลี้ยง “
“อะไรก็ได้ครับ” ผมตอบก่อนจะลอบมองอีกคนที่ยังจ้องเมนูอยู่อย่างเงียบ ๆ ไม่ได้เงยหน้ามาสนใจผมอีก...ตลอดเวลาที่คุยกันทั้งสองคนก็คุยแต่เรื่องงาน มีหันมาถามผมบ้างเป็นบางช่วง...ก็ดีเหมือนกันทำเหมือนผมไม่นั่งอยู่ตรงนั้น จะได้ไม่เกร็งอะไร...
“เดี๋ยวครับคุณโอ.”
“................” คนที่เดินลงจากรถอีกคนชะงักแล้วหันมามองผมที่เดินเข้าไปหา....ส่วนคุณโต้เลี่ยงออกไปคุยโทรศัพท์ทันทีที่รถจอด..อีกคนเลิกคิ้วมองแทนคำถามแต่สีหน้าก็ยังนิ่งอยู่...จะนิ่งไปไหนกัน...แค่นี้ผมก็อดกลัวนิด ๆ ไม่ได้แล้ว...
“เอ่อ ผมจะบอกว่าผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นผมจะเอามาคืนพรุ่งนี้นะครับ”
“ไม่เป็นไรหรอก เก็บไว้เถอะ ผมบอกแล้วไงว่าไม่เอาคืน ถ้าคุณไม่เอาก็ทิ้งไป”
“..ครับ..งั้นขอตัวครับ...” อีกคนแค่พยักหน้าให้ก่อนจะหันหลังกลับไป....ผมได้แต่ถอนหายใจ...อึดอัดชะมัด บรรยากาศผิดกับตอนที่อยู่กับคุณโต้หลายขุม แต่ดูแล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรกับงานของผม...รีบเอาขนมหม้อแกงที่ซื้อมาไปฝากบ้านพี่ต่าย ก่อน แล้วป่านนี้บัวกับน้าบานชื่นต้องรอแล้วแน่ๆ
“ยินดีที่ได้เจอกันนะครับ คุณซอ”
“...................” หยุดเท้าที่ก้าวก่อนจะหันไปมองแผ่นหลังกว้างของคนที่พูดแล้วเดินเข้าบ้านโดยที่ไม่ได้หันมามองผม...รู้สึกว่าใจเต้นแรงเมื่ออีกคนเอ่ยชื่อ...ทั้งที่ก็แค่ชื่อเล่น..เพราะคุณโอคงไม่รู้ชื่อและนามสกุลผมแน่ๆ แต่แค่นั้นกลับรู้สึกเหมือนว่ากำลังจะถูกจับได้....จ้องมองแผ่นหลังนั่นจนลับตาเพราะบานประตูที่ทาบทับ ก่อนจะหันมองความสลัวเบื้องหน้า มองจากตรงนี้เห็นบัวมายืนอยู่หน้าบ้านพี่ต่ายส่องดูผม ..ทำให้ต้องรีบเดินไปหา...คงจะมารับแน่ๆ... ถึงในใจจะยังสงสัยแต่อาจจะแค่ผมคิดมากไปเอง....
“..ยินดีต้อนรับสู่ พยัคฆราช ครับ คุณศนัญชา ราชสีห์เกริกไกร ยินดีอย่างยิ่งที่หงส์อย่างคุณจะบินเข้ากรงของผม..”
** มาอีกตอนแล้ว ตอนต่อไปก็เร็ว ๆ นี้แน่นอนค่ะ เรื่องราวจะเป็นไปเรื่อย ๆ นะคะ นุ้งซอก็เข้าสู่จุดเปลี่ยนของชีวิตแล้ว ดูกันต่อไปเนอะว่า คุณพยัคฆ์ของเราจะทำยังไงกับหงส์น้อย..