แฟนผมเป็นคนโรคจิต 4
....................
กาแฟดำร้อนจัดถูกยกนำมา เสิร์ฟต่อหน้า กลิ่นหอมอ่อนๆอันเป็นเอกลักษณ์ชวนให้สูดกลิ่นละเลียดชิมรสไปพลางในยามบ่าย เสียงกรุ๊งกริ๊งของกระดิ่งอันน้อยเหนือประตูร้านดังกังวานคลอเคลียไปกับเพลง บรรเลงเปียโนที่เจ้าของร้านเลือกเปิดเพื่อให้ลูกค้าได้รู้สึกผ่อนคลายจากการ ทำงานมาครึ่งค่อนวัน แต่ทั้งหมดนั้นไม่ได้ช่วยลดความเซ็งของธเนศลงเลยแม้แต่น้อย
ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือก คีบน้ำตาลก้อนหย่อนลงกาแฟก้อนแล้วก้อนเล่า จวบจนระดับกาแฟปริ่มขอบแก้วจึงหยุดได้ ก่อนจะหยิบช้อนเงินคันจิ๋วคนให้ความหวานละลายในเครื่องดื่มได้อย่างทั่วถึง ดวงตาจับจ้องระลอกคลื่นเล็กๆที่เกิดจากแรงคน หากใจกลับหวนคิดถึงเรื่องที่เพิ่งผ่านมาเมื่อสามชั่วโมงที่แล้ว
หลังจากตกลงเซ็นสัญญาการออก แบบภายในกับผู้ว่าจ้างรายใหม่ได้ ก็สู้จัดแจงวางแผนงานแบ่งหน้าที่กับกั๊กอย่างกระตือรือร้น และงานอย่างหนึ่งที่เขาได้รับมาก็คือ การติดต่อกับธณัติเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยที่จะต้องถูกออกแบบตามที่ได้ ตกลงกับคู่เจรจาไว้
“คิดว่าคงจะช่วยได้นะพี่ เดี๋ยวต้องรอปรึกษาคุณแน็ทก่อน” เป็นคำตอบจากธณัติที่เขาต้องการให้เป็นตัวกลางติดต่องาน
คิดไม่ถึงว่าจะได้มีโอกาส ร่วมงานกับน้องชายทั้งๆที่เรียนมาคนละสาขา ถือเป็นโอกาสที่ดีเพราะพี่น้องที่ห่างกันมานานจะได้ใช้เวลาร่วมกันอีกครั้ง หนึ่ง...อีกอย่าง งานที่ทำก็เป็นงานต่อเนื่องซะด้วย ยังไงก็ชวนธณัติย้ายจากบ้านเจ้าชวนันท์กลับมาอยู่ที่ห้องเก่าที่เขาอาศัย อยู่ตอนนี้ซะเลย แล้วถ้านัทเกิดถูกใจงานบริหารยังไงก็ทาบทามให้มาเป็นพนักงานบริษัทเขาได้จะ ดีที่สุด...เท่านี้หนทางรักของสองคนนั้นก็จะจบลงอย่างสวยงาม ธณัติน้องชายจะได้กลับมาเป็นผู้ชายปกติเสียที
...แล้วไง...
“ขอโทษนะพี่ ผมไม่ว่างจริงๆ มีโปรเจ็คใหม่ที่ต้องรีบปั่นให้เสร็จภายในเดือนนี้ แถมยังต้องเตรียมตัวสำหรับสอบโทเฟลอีก แล้วคุณก็แน็ทกำลังจะตกแต่งห้องใหม่ผมก็ต้องเตรียมตัวย้ายของ หลังจากนั้นก็ต้องไปคอยคุมงาน ตอนนี้ก็ย้ายไปอยู่อีกคอนโดนึง อยู่ตั้งไกล ต้องไปกลับพร้อมคุณแน็ทอย่างนี้มันไม่สะดวกทำงานให้พี่น่ะ ขอโทษจริงๆ” เป็นเหตุผลยาวเหยียดที่เขาไม่มีทางทัดทานได้…โอย น้อยใจ...เจ้านัทมันเห็นแฟนดีกว่าพี่...
“…เอางี้ละกัน ผมถามรุ่นน้องที่ทำงานให้แล้ว เขาเพิ่งปั่นโปรเจ็คเสร็จ ตอนนี้สนใจจะทำงานเพิ่มน่ะ ฝีมือก็ดี ถ้ายังไงพี่ลองเปิดเว็บดูผลงานก็ได้ นิสัยก็โอเค ไม่เรื่องมากไม่จู้จี้ คุณแน็ทก็อณุญาตแล้วด้วย วันนี้เขาว่างพอดีเดี๋ยวจะนัดให้ไปคุยกันที่ร้านกาแฟข้างๆออฟฟิศพี่ละกัน... จดชื่อกับเบอร์โทรหน่อยนะ” …แถมยังส่งผู้ชายมาทำงานด้วยอีก ช่างเทคนิกผู้หญิงเก่งๆสวยๆไม่มีเหรอฟะ!?...
เรื่องก็มีอยู่เท่านี้ ตอนนี้เขาเลยต้องมานั่งไขว่ห้างกระดิกขาอย่างเซ็งในร้านข้างที่ทำงาน ธเนศจิบกาแฟพลางเปิดหนังสือพิมพ์กีฬาที่ทางร้านวางไว้ให้ เมื่อเครื่องดื่มลดลงไปค่อนแก้วก็คีบน้ำตาลเพิ่มลงไปจนเต็ม จัดการคนให้เข้ากันอีกครั้งแล้วยกขึ้นดื่มอย่างพึงใจ
…ได้กินหวานๆอย่างนี้ค่อยอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย...
นกในนาฬิกาไม้แขวนผนังของ ร้านกาแฟเยี่ยมหน้าออกจากตัวเรื่องส่งเสียงร้องกุ๊กกู~พร้อมกับที่ตุ๊กตุ่น ของนาฬิกาอีกเรือนข้างๆกันวิ่งวนไปมาน่ามอง ธเนศควักกระดาษที่จดไว้ออกมาดู ...ธาริน งั้นเหรอ...คงจะเป็นรุ่นน้องในกลุ่มเดียวกัน ชื่อถึงได้ขึ้นต้นด้วยตัวอักษรเดียวกัน...ชื่อของเจ้ากั๊กกับเขาที่ชื่อขึ้น ต้นด้วย ธ.ธงเหมือนกัน เลขที่ติดกัน ทำงานคู่กัน อยู่หอห้องเดียวกัน มันถึงได้สนิทกันขนาดนี้
เสียงกระดิ่งดังขึ้นทันทีที่ เสียงระฆังตีบอกเวลาจบลง ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองยังประตูทางเข้าเพื่อสำรวจดูว่าจะใช่รุ่นน้องที่นัด กันไว้หรือเปล่า เมื่อเห็นว่าผู้ที่เดินเข้ามาเป็นกลุ่มเด็กนักเรียนหญิงจึงก้มหน้าลงอ่าน หนังสือพิมพ์ต่อไป
กาแฟในแก้วถูกดื่มจนหมดพร้อม กับที่ธเนศอ่านคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์จบลง แขนแกร่งยกขึ้นเพื่อดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อพบว่าเลยเวลานัดมาสิบนาทีแล้วคนที่นัดไว้ก็ยังไม่มาเสียที ไม่ตรงต่อเวลาอย่างนี้น่ะเหรอ รุ่นน้องที่ธณัติแนะนำมา อย่างนี้เวลาทำงานจะมีความรับผิดชอบพอหรือ...หรือว่าจะเกิดอุบัติเหตุอะไร หรือเปล่า...ความที่เป็นพี่ชายที่คอยดูแลน้องน้อยมาตั้งแต่จำความได้ ทำให้เกิดความรู้สึกห่วงเจ้ารุ่นน้องที่รู้แค่ชื่อคนนี้ขึ้นมา
“รับกาแฟเพิ่มอีกมั้ยครับ?” เสียงใสถามเขาขึ้น คราแรกคิดว่าเป็นพนักงานร้านกาแฟ เงยหน้ากำลังจะตอบก็ต้องชะงักงันกับร่างบางของเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรง ข้ามโต๊ะกาแฟ
ใบหน้าใสกับพวงแก้มอิ่มที่ดู คุ้นตาระกรอบด้วยผมดำเงาเส้นเล็กเหมือนขนแมว นัยน์ตาสีดำหวานราวตากวางภายใต้แพขนตาหนามองตรงมายังเขา ริมผีปากแดงอิ่มที่อมยิ้มน้อยๆส่งมาให้ ดูยังไงก็...
ธเนศอ้าปากพะงาบๆ ยกมือขึ้นชื้หน้าอีกฝ่ายอย่างไม่สนใจว่ามันเป็นการเสียมารยาทเพียงใด ร่างบางก็ยังคงยิ้มนิ่งรอให้ชายหนุ่มเค้นเสียงตะลึงพรึงเพริดออกมาอย่างช้าๆ “น...นาย...”
จวบจนแน่ใจว่าร่างสูงพูดอะไรไม่ออกแล้วจริงๆ จึงค่อยแนะนำตัวอย่างสุภาพ “สวัสดีครับพี่ธเนศ ผมธารินที่พี่นัทแนะนำมาครับ”
++++++++++++++++++++++++++++++++
เค้กช็อคโกแล็ตชิ้นโตราดด้วย วิปปิ้งครีมสีขาวบริสุทธิ์พองฟูถูกเสิร์ฟวางตรงหน้าเด็กหนุ่ม ตามด้วยกาแฟร้อนแก้วใหม่ที่ถูกวางลงต่อหน้าธเนศ น้ำตาลก้อนถูกคีบลงจนน้ำปริ่มแก้วดังเดิม ก่อนที่ชายหนุ่มจะเอ่ยปากขอน้ำตาลโถใหม่กับพนักงานเสิร์ฟ
กาแฟร้อนรสหวานอย่างที่ชอบ หนักหนากลับให้รสขมปนชืด ธเนศนั่งจิบพลางมองชายหนุ่มที่น่าจะเรียกว่า “เด็กหนุ่ม” มากกว่าใช้ส้อมเงินตัดเค้กป้อนเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย ตามด้วยวิปปิ้งครีมคำโต เมื่อทานเสร็จจึงเหลือเป็นคราบสีน้ำตาลปนครีมขาวๆติดที่มุมปากแดงอิ่มที่ กำลังเม้มเบาๆลิ้มรสชาตินุ่มนวลชวนฝันของขนมหวาน
“น้องธาริน...” ธเนศกลืนน้ำลายลงคอ สั่งตัวเองให้จดจ่ออยู่แต่เรื่องงาน
“เรียกโยดีกว่าครับ” เสียงใสสวนขึ้นมาทำให้คำพูดที่เสียเวลาคิดตั้งนานกระเจิงหมด ธเนศคีบน้ำตาลก้อนในโถใหม่ใส่เติมในกาแฟพร้อมกับจมจ่อมกับความคิดวกวนต่อไป
“…น้องโย ใช่เอ่อ...”
“ครับ...ผมเป็นน้องรหัสของ พี่นัท” โยตอบทั้งๆที่ธเนศยังพูดไม่ทันจบ จ้องมองพิจารณาใบหน้าแสดงอารมณ์ลำบากใจอย่างนึกสนุกจนธเนศต้องเป็นฝ่ายหลบตา
เป็นคำตอบที่เข้าใจไปคนละ อย่างกับธเนศ เขาอยากจะถามแต่ปากมันพูดไม่ออก ...น้องโยเป็นคนที่นอนกับพี่คืนนั้นรึเปล่า...ว้ากกกก!!!ถามงี้ได้ไง!!... พยายามคิดหาคำพูดที่ดูโอเคถามออกไป ใจก็ดันนึกถึงใบหน้ายามหลับกับสัมผัสเนียนนุ่มน่าลูบไล้จนได้ ธเนศยกแก้วกาแฟขึ้นซดรวดเดียวหมดก่อนจะร้องจ้ากเพราะมันยังไม่คลายความร้อน ดี คว้าแก้วน้ำเย็นที่อีกฝ่ายส่งให้ซดตามโดยเร็วก่อนจะถอนหายใจค่อยยังชั่ว
“อ๊ะ! ขอโทษครับ ผมหยิบผิดแก้ว...” คำขอโทษของโยเรียกให้มองดูแก้วน้ำดีๆ แก้วใสทรงสูงด้านหน้าเขายังวางแน่นิ่งอยู่ ...แสดงว่าที่อยู่ในมือมันก็ของอีกฝ่าย...แสดงว่า...จูบทางอ้อม...ว้ากก กก!!!
“ขอโทษที...ไม่ทันมอง” ธเนศวางแก้วน้ำกระอักกระอ่วน นึกด่าตัวเองว่าจะหวั่นไหวไปทำไมฟะ! กะอีแค่กินน้ำแก้วเดียวกัน
ร่างสูงกระแอมไอ ก่อนจะเปิดหัวข้อสนทนาอีกครั้ง “น้องธาริน...” …ใช่คนที่เจอกันวันก่อนรึเปล่า...เวิร็ค! คำถามนี้โอเค! ถามไปดิวะ ไอ้เนศ “เอ่อ...น้อง” ถามไปเด้! “น้องจบวิศวะเหรอ?” โอยย~ สงสารความป๊อดของตัวเอง
ริมฝีปากแดงอิ่มยิ้มกว้างหัวเราะขันในคำถามของคนตรงหน้า “พี่เนศถามตลก...ผมเป็นน้องรหัสพี่นัทก็ต้องจบวิศวะสิครับ”
“นั่นสินะ แหะๆ” มือใหญ่ยกเกาหลังคอแกรกๆแก้เขิน “แล้วห่างจากนัทกี่รุ่นล่ะ?” เอาวะ คุยสัพเพเหระไปก่อน เดี๋ยวค่อยเข้าเรื่องก็ได้
“สามรุ่นครับ”
“ก็อายุ 23 เองน่ะสิ” …ห่างกันตั้งสี่ปี
“เปล่าครับ ผมเพิ่ง 20 ไปเดือนที่แล้วเอง”
“หา?”
“ผมเรียนเร็วน่ะครับ”
“งั้นเหรอ” เจ๊ย!!! นี่เขามีอะไรกับเด็กผู้ชายที่ห่างกันถึง 7 ปีเชียวเหรอเนี่ย!!! แถมเพิ่งบรรลุนิติภาวะซะด้วย
“ง่า...แล้วอยู่บ้านกับพ่อแม่รึเปล่าล่ะ”...พ่อแม่มันจะมาเอาเรื่องเปล่าวะเนี่ย!
“กำลังจะย้ายออกมาอยู่คนเดียวครับ”
“ทำไมล่ะ?” ...หรือว่าโดนพ่อแม่ไล่ออกมา?...
“…ก็อยากลองอยู่คนเดียว”
“เหรอ แล้วจะไปอยู่ที่ไหนล่ะ?” ถามต่อบทสนทนาไปตามเรื่องตามราว ก็ต้องขมวดคิ้วสงสัยเมื่อร่างบางหัวเราะหึออกมาเบาๆ “ขำอะไร?”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่คิดว่า...เหมือนคำถามจีบกันมากกว่าจะเป็นคำถามสัมภาษณ์คนร่วมงาน”
มันเป็นความหรรษาไม่น้อยที เดียวที่ได้นั่งมองใบหน้าหล่อเหลาเดี๋ยวแดงเดี๋ยวซีด อยู่ๆก็เหม่อเหมือนคิดอะไรสักอย่างก่อนจะเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม ธเนศลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พยักหน้าให้เขาลุกตาม หยิบบิลหัวโต๊ะจ่ายค่าอาหารที่เคาน์เตอร์หน้าร้านโดยไม่กล่าวอะไรอีก ร่างบางเดินตามชายหนุ่มที่ก้าวฉับออกจากร้านมุ่งหน้าไปยังสำนักงานอย่างเร็ว
เมื่อเข้ามาภายในออฟฟิศก็พบ ว่า กั๊กเพื่อนของเขาหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ฮึ่ม โดดงานเหรอฟะ! แต่เรื่องนี้ไม่สำคัญ...ธเนศพาเด็กหนุ่มเข้าไปยังส่วนใน เปิดประตูห้องที่ติดป้ายไว้ว่า “ห้องพักพนักงาน” เมื่อโยเดินตามเข้ามาแล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงปิดประตูตามดังปัง
ร่างบางหันหลังกลับมาพบร่าง สูงเดินย่างสามขุมเข้ามาหาเขาอย่างช้าๆ ด้วยความที่ยังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรรึเปล่าทำให้ต้องก้าวถอยหลังรักษา ระยะห่าง จวบจนหลังชนผนังห้องขาสะดุดกึก ธเนศก็ยังไม่หยุดเดิน แขนแกร่งสองข้างเอื้อมข้ามบ่าบางวางนาบบนผนัง ตัวใหญ่ๆยืนคร่อมให้ความรู้สึกเหมือนถูกคุกคาม หัวใจเต้นถี่รัวด้วยความตื่นเต้นยากจะบรรยาย ใบหน้าหล่อเหลาก้มลง สายตาสีน้ำตาลคมดุจ้องในระดับเดียวกับสายตาเขา
“...ใช่คนที่เจอกันวันนั้นจริงๆด้วยสินะ” เสียงขรึมถามเรียบๆ…ขู่ๆมันไว้ก่อนดีกว่า...
“…พี่เนศจำผมไม่ได้เหรอครับ วันนั้นเรา...”
“หยุด!” อย่าพูดเว้ย! เขิน “ไม่ต้องพูดอะไร ฟังพี่ดีๆนะ…เรื่องในวันนั้น...” ธเนศเม้มปากจ้องมองดวงตาสีราตรีส่อแววเหมือนจะตัดพ้อนิดๆจิตใจก็พลันอ่อนยวบ ยามราวขนมตังเม
“พี่เนศจะบอกว่าคืนนั้นมัน เกิดจากความเข้าใจผิดเหรอครับ” เด็กหนุ่มกระซิบเสียงสั่นเครือ ดวงหน้าหมองก้มลงต่ำหลบสายตา ท่าทางของโยที่เม้มปากแน่นพยายามกลั้นสะอื้น มองดูแล้วใจสั่นไหวอยากจะรวบมาไว้แนบอกปลุกปลอบขวัญเสียจริง...เฮ้ย หยุดนะเฟ้ย...นี่มันผู้ชาย!!!
ดวงหน้าซุกลงกับสองมือ ไหล่บางสั่นน้อยๆหากไร้เสียงใดๆเล็ดรอดออกมา “ฟังนะโย...คือ...ง่า...โยก็...น่ารัก...ใช่! โยเป็นคนน่ารักนะ เพียงแต่ว่า...พี่...คือพูดไงดีล่ะ...พี่ไม่ชอบผู้ชายน่ะ” หลับตาฝืนใจพูดออกไปได้ก็กลัวเหลือเกินว่าจะทำร้ายจิตใจเด็กหนุ่มคนนี้เพียง ไร...แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวกับชีวิตทั้งชีวิตของเขาเชียวนะ! “แล้วก็...พี่ขอร้องนะ อย่าบอกนัทได้มั้ย?” เกิดเจ้านัทรู้ว่าพี่ชายนอนกับผู้ชาย ความหวังที่จะแยกสองคนนั้นออกจากกันคงพังทลาย
“…” ไร้เสียงตอบรับ
“โย?” ธเนสก้มหน้าพยายามมองลอดฝ่ามือน้อยที่กอบกุมใบหน้าอยู่
เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ยากจะ บอก แต่มันนานเหลือเกินในความคิดของชายหนุ่ม เขารออย่างเงียบๆ จนอีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นช้าๆ ดวงตาแดงเรื่อเจือน้ำตาภายในกระตุกหัวใจให้จี๊ดในอก โยสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะพูดออกมาเบาๆ “เข้าใจแล้วครับ พี่เนศ...จากนี้ไปเราจะเป็นแค่เพื่อนร่วมงาน...พี่ต้องการอย่างนี้ใช่รึ เปล่าครับ?”
แม้ในอกโหวงๆกับท่าทางของ เด็กหนุ่ม แต่ร่างสูงก็ลอบถอนหายใจโล่งอก...ท่าทางจะตกลงกันง่ายหน่อย...เรื่องมันควร จะจบลงแค่คืนนั้น ไม่ควรมีภาคต่อให้ลำบากใจอีกต่อไป
“แต่ว่า...ผม...ขออะไรอย่างนึงได้มั้ยครับ?”
“อะไรล่ะ?”
“จูบผมอีกครั้งได้มั้ยครับ ให้เหมือนกับที่พี่จูบผมในคืนนั้น?”
ตะลึงกับคำถาม แต่ดวงตารื้นน้ำที่จ้องตรงมาอย่างซื่อตรงในความรู้สึกทำให้ไม่อาจปฏิเสธได้ ลง “…แค่ครั้งเดียวนะ” ...ว่าแต่คืนนั้นมันจูบแบบไหนฟะ?
...เอาเถอะ จูบก็คือจูบ...ธเนศก้มลงช้าๆอย่างลังเลใจ...มันเป็นจูบกับผู้ชายครั้งแรกใน ชีวิต...ถ้าไม่นับคืนที่จำไม่ได้นั่นล่ะก็นะ ...น่าแปลก ที่เขากลับไม่รู้สึกรังเกียจ แถมหัวใจเจ้ากรรมยังเต้นตุ้บตั้บอย่างกับจะกระดอนออกมานอกอกซะอีก
ริมฝีปากแตะกันเบาๆ...แค่นี้ก็คงพอ...
แต่มันดันไม่เป็นอย่างที่ ธเนศหวัง เมื่อเรียวแขนสองข้างยกขึ้นโอบรอบคอหนาทันใด พร้อมกับลิ้นอุ่นนุ่มที่รุกรานเข้ามาในช่องปาก มันซุกซนขี้เล่น หยอกเย้าเขาที่เอาแต่หลบหนีอย่างสำราญในอารมณ์
“อุก...” ธเนศร้องออกมาเบาๆเมื่อริมฝีปากถูกขบเม้มโดยไม่ทันตั้งตัว เมื่อลืมตาขึ้นก็พบใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มกับดวงตาเป็นประกายใสของโย กำลังมองเขาอยู่แล้ว
“...นาย...” จวบจนรู้ตัวอีกทีว่าโดนหลอก เลือดก็สูบฉีดขึ้นใบหน้าจนร้อนผะผ่าว
“ผมเข้าใจ แต่ไม่ได้บอกว่าจะตัดใจนะครับ” คว้ากระเป๋าได้ก็เปิดประตูห้องเดินออกไปอย่างรื่นเริง ไม่ลืมหันกลับมาพูด
“ผมดีใจที่พี่เนศคิดว่าผมน่ารักนะ” เฮ้ย!! อย่าตัดมาแค่ประโยคเดียวเด้!! เนื้อหามันผิดเพี้ยนนะเฟ้ย!
“ส่วนเรื่องงาน ผมจะติดต่อมาอีกทีนะครับ พี่เนศ”
ปัง...เสียงประตูปิดลง พร้อมกับความว่างเปล่าในห้องพักพนักงาน เหลือเพียงชายหนุ่มตัวโตกับวิญญาณที่ลอยออกจากร่างไปเรียบร้อยแล้ว
…ท่าทางมากรุงเทพคราวนี้จะมีแต่ความซวย!...
+++++++++++++++++++++++++++++++++++

:oni2:ดีใจจังคนเขียนมาดูด้วย