พิมพ์หน้านี้ - ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: playCardPlaYBoy ที่ 05-04-2008 22:22:53

หัวข้อ: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: playCardPlaYBoy ที่ 05-04-2008 22:22:53
เอาเรื่องสนุกๆแบบมีหลายภาคต่อมาให้อ่านกัน ขอเจ้าของเขาแล้วคับ ยังงัยกะอ่านนะ หนุกๆไม่ต้องคิดมาก :laugh:
**********************************************************
เวลาบ่ายแก่ๆ รถแท็กซี่จอดลงหน้าคอนโดหรูในเมืองหลวงแห่งหนึ่ง ประตูเปิดพร้อมกับเรียวขาบางใต้กางเกงแสลคดำก้าวลงมา เด็กหนุ่มในชุดนักศึกษาตัวหลวมสีขาวใหม่เอี่ยมถูกระเบียบเป๊ะสะพายเป้ไว้ที่ บ่าข้างหนึ่งหมิ่นเหม่ จ่ายค่าโดยสารก่อนจะปิดประตู ในมือถือโทรศัพท์ไร้สายเครื่องเล็กตั้งใจฟังเสียงปลายทางก่อนพูดตอบลงไป

“ครับแม่ ไม่มีปัญหาครับ ครับ...อยู่ได้ครับ” มือที่ถือถุงกับข้าวยกขึ้นดันประตูกระจกบานใหญ่หน้าทางเข้าคอนโด

“แน่ใจเหรอลูก อยู่คนเดียวมันลำบากนะ ปอนด์ไม่เหงาเหรอ” เสียงคุณแม่ตอนนี้ฟังดูทรมานยิ่งกว่าลูกชายเสียอีก

“ผมอยู่ได้จริงๆครับ นี่ก็ย้ายมาตั้งเดือนแล้วก็ยังไม่มีปัญหาอะไรนี่นา”

“แล้วที่มหา’ลัยล่ะ เรียนหนักรึเปล่า กิจกรรมเยอะมั้ย” กำลังจะเดินเข้าส่วนในตึกเพื่อกดลิฟท์ แม่บ้านผู้คุมตึกก็โบกมือเรียกไว้ก่อน เด็กหนุ่มเดินไปยังเคาน์เตอร์ หนีบโทรศัพท์ไว้ระหว่างบ่ากับกกหูก่อนจะรับปากกาเซ็นชื่อลงในกระดาษ

“เบาลงแล้วครับ เพิ่งแข่งกีฬาเฟรชชี่จบไปเมื่อวานซืนเอง” พูดไปพลางมือก็รับกล่องพัสดุอีเอ็มเอสไปพลาง ยิ้มผงกหัวให้แม่บ้านก่อนจะถือกล่องกระดาษหันตัวเดินกลับไปกดลิฟท์รอ

“แต่ว่า พี่ๆเค้าคิดถึงลูกกันนะ เฮ้อ! แม่ละไม่เข้าใจเลย จะย้ายไปอยู่คนเดียวทำไมนะ อยู่บ้านสบายๆไม่ชอบ นี่เกิดป่วยขึ้นมาจะว่ายังไง...” ลอบถอนหายใจกับเสียงบ่นยาวเฟื้อยที่ได้ยินทุกครั้งที่โทรมา ยืนกระดิกขาฟังพร้อมตอบรับแกนๆได้สักพักเสียงกระดิ่งก็ดังเรียกร้องความสนใจ

“แม่ครับ ลิฟท์มาแล้ว วางสายก่อนนะครับ...ครับๆ คิดถึงครับ...ครับ...ไว้คุยกันนะครับ” พูดตัดบทนิ้วกดวางสายได้ก็เดินเข้าลิฟท์ไป


++++++++++++++++++++++++++++++


เสียงปิดประตูห้องเบาๆดังขึ้นพร้อมๆกับไฟสีส้มดวงกลางสว่างวาบเผยให้เห็นห้องชุดขนาดใหญ่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ทันสมัยสวยงาม

ปอนด์กวาดตามองสภาพห้องส่วนตัวอย่างภาคภูมิใจ

หลังจากรู้ว่าเอ็นทรานซ์ติดมหาวิทยาลัยชื่อดังที่หวังไว้ เขาก็ต่อสู้ต่อเสียงคัดค้านของมารดากับเหล่าพี่สาวที่หวงเขาเหมือนไข่ในหิน อย่างหัวชนฝาเพื่อให้ได้ออกมาอยู่ตัวคนเดียว

...ทำไมน่ะหรือ...

ปอนด์วางถุงอาหารลงบนเคาน์เตอร์หน้าครัว ก่อนเดินไปวางกระเป๋าเป้และกล่องพัสดุลงยังโต๊ะกระจกในห้องรับแขก คว้าผ้าขนหนูผืนเล็กพาดบ่าเดินเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าที่มันชุ่มจากการ ผ่านกิจกรรมมาทั้งวัน

กระจกบานใหญ่หน้าอ่างล้างหน้าปรากฏภาพเด็กหนุ่มรูปร่างบอบ บาง ดวงหน้ารูปไข่กับผิวขาวอมชมพูมีหยดน้ำเกาะประปราย คิ้วโก่งรับกับริมฝีปากแดงอิ่ม ผมดำซอยสั้นตามสมัยนิยม กำลังจ้องมองกลับมาด้วยนัยน์ตาสีดำสนิท ด้วยส่วนสูงที่ไม่มากเกินกว่า 165 ซม. ทำให้ปอนด์เป็นเด็กหนุ่มที่ดูน่ารักน่าเอ็นดู จนพี่สาวทั้งสามต้องคอยปกป้องจากปากเหยี่ยวปากกาทั้งตัวผู้และเมียมาตั้งแต่ เล็กจนโต

ล้างคราบไคลเช็ดหน้าตาจนสดชื่นแล้ว ร่างบางก็เดินกลับไปยังห้องรับแขก ยกกล่องอีเอ็มเอสขึ้นมองอย่างพึงพอใจ

...เท่านี้ ทุกอย่างก็พร้อม...

หนุ่มน้อยคิดพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก ตาเป็นประกาย ขาเรียวในกางเกงแสลคถูกระเบียบพาร่างก้าวเดินกลับไปยังห้องนอน ...พร้อมกับกล่องพัสดุปริศนา

ภายในห้องนอนถูกตกแต่งด้วยโทนสีครีม ลักษณะคล้ายโรงแรมหรู เตียงคิงไซส์หลังใหญ่น่านอนถูกตั้งตระหง่านอยู่กลางห้อง มุมห้องด้านหนึ่งมีจอพลาสมาขนาดใหญ่พร้อมเครื่องเสียงใหม่เอี่ยมจัด แต่งอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ข้างๆกันเป็นหน้าต่างกระจกโค้งบานใหญ่กินพื้นที่กว่าหนึ่งในสี่ของห้องนอน แสงที่ส่องเข้ามาโดยไร้ผ้าม่านบังทำให้ห้องดูสว่างตาแม้จะยังไม่ได้เปิดไฟ เมื่อมองออกไปจะเห็นวิวตึกสูงระฟ้าเรียงเป็นตับ การจราจรด้านล่างแน่นขนัดจากช่วงเวลาเร่งด่วน

หลังจากเปิดแอร์ไล่อากาศร้อนในห้องแล้ว ปอนด์ก็วางเจ้ากล่องพัสดุที่แกะเช็คสภาพแล้วไว้บนเตียงนุ่ม ตัวเองทิ้งตัวลงนั่งค้นสิ่งของบางอย่างที่เก็บไว้ใต้เตียง

ทั้งๆที่ห้องออกจะกว้าง ตู้เก็บของก็มี แล้วทำไมต้องเก็บใต้เตียง?

แน่นอนว่าเป็นของที่วางโชว์หราตามตู้ให้แม่บ้านเห็นไม่ได้ หรอก สิ่งที่ปอนด์เอาออกมาจากที่ซ่อนลับคือกล่องบรรจุแผ่นซีดีที่ไม่ได้พิมพ์หน้า แผ่น มีเพียงโค้ดอักษร 1 ตัวกับตัวเลขพ่วงท้ายอีก 2-3 ตัว จำนวนสิบกว่าแผ่น มือเรียวบรรจงวางแผ่นลงบนถาดรับของเครื่องเล่นดีวีดี ก่อนจะคว้ารีโมตก้าวเดินไปนอนรอดูอยู่บนเตียง

...นี่ล่ะ เหตุผลที่ปอนด์อยากออกจากบ้านมาอยู่คนเดียว...

สวรรค์ของเด็กหนุ่มที่หากอยู่บ้านที่มีสมาชิกมากมายขนาดนั้น คงไม่แคล้วล่มทั้งที่ยังไม่ทันเริ่ม จอดทั้งที่ยังไม่ทันแจว

...แต่มันไม่ใช่แค่นั้น...

จอทีวีแสดงภาพห้องนอนในโรงแรมสามดาว ถ่ายไล่ตั้งแต่ พื้นพรม ผ้าม่าน โคมไฟหัวเตียง มายังเตียงนอนที่ถูกปูด้วยผ้าปูที่นอนสีขาวตึงเรียบ เสียงหอบประสานดังแทรกเสียงเพลงที่เปิดคลอเบาๆ กล้องหันความสนใจไปถ่ายกิจกรรมที่กำลังร้อนแรงบนเตียงขณะนั้น...
 
...ชายหนุ่มกล้ามโตกับหนุ่มน้อยหน้าหวานกำลังระเริงรักร้อนแรงอย่างไร้อาการเขินอาย...

เหตุผลใหญ่เบ้อเร่อ มาแรงแซงทางโค้งเบียดเหตุผลแรกชนิดกระเด็นไม่เห็นฝุ่น

ปอนด์รู้ตัวมาตั้งแต่ตอนอยู่ชั้นมัธยมต้น ว่าตนเองมีรสนิยมไม่เหมือนคนปกติทั่วไป เป็นความลับที่ไม่ควรและต้องไม่ให้ใครรู้

แต่วัยหนุ่มอย่างนี้มันก็ต้องปลดปล่อยกันบ้าง...ครั้นจะหาคน รักมาช่วยปลดปล่อยน่ะหรือ ไม่ดีกว่า มันอันตรายเกินไป ความลับมันไม่มีในโลก ถ้าไม่อยากให้ความลับแตกจงเก็บเงียบไว้แต่คนเดียว คิดดังนั้น จึงเลือกที่จะมีมือขวาเป็นคู่รักแทน

เดือนกว่าๆที่ย้ายมาอยู่คนเดียว พัฒนาการในด้านนี้ก็พุ่งขึ้นอย่างก้าวกระโดด โลกลับหลังประตูต้องห้ามถูกบุกเบิก ข้อมูลถูกค้นคว้าอย่างละเอียด ทั้งหนังสืออย่างว่า บทความทางอินเตอร์เน็ต และอื่นๆอีกมากมายถูกศึกษาจนเข้าลึกถึงแก่น อุปกรณ์ประจำกายจากแค่มือขวาก็เริ่มเพิ่มขึ้นมาเริ่อยๆ

...แผ่นหนังช่วยบิวล์อารมณ์

...เจลใสกลิ่นสตอร์เบอรี่หอมหวานสำหรับหล่อลื่น

...และวันนี้ โลกใหม่จะเปิดกว้างอย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยพัสดุส่งตรงจากแหล่งลับๆทางอินเตอร์เน็ต
********************************************************
เดี๋ยวมาต่อตอน2ให้นะ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: อาจารย์..สีฟ้า ที่ 05-04-2008 22:24:12
เข้ามาให้กำลังใจเรื่องใหม่ครับ   :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 05-04-2008 22:35:55
 :o อ๊ะเจออีกละมาก่อนเราได้ไง งง งง
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 05-04-2008 22:40:36
สั่งอะไรมาเคอะ

เสื้อเล้าฯ หรอ 


แว้กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

มันเร้าใจตรงไหน อิอิ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: playCardPlaYBoy ที่ 05-04-2008 22:41:28
กึง! กึง! กึง!

เสียงบอลกระทบพื้นไม้ดังสะท้อนในโรงยิมของมหาวิทยาลัย หญิงสาวสะคราญมากหน้าหลายตาไล่ตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสี่ กำลังยืนชิดติดขอบสนามอย่างลุ้นระทึก จุดรวมสายตาพร้อมใจกันพุ่งเป้าไปยังชายหนุ่มหล่อเหลารูปร่างกำยำในชุดเสื้อ กล้ามกางเกงขาสั้นพอดีตัว ต้นขา หัวเข่า ไล่ลงไปยังช่วงขายาวสมส่วนเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อกำลังย่อลงปรับสมดุลการทรง ตัวอย่างเชี่ยวชาญ เสียงรองเท้ากีฬารุ่นใหม่ล่าสุดเสียดสีกับพื้นสนามดังเอี๊ยดอ๊าดเพิ่มอรรถรส ในการชมกีฬาได้อย่างดี

พลใช้สายตาคมเฉียบมองลอดปอยผมที่เปียกชื้นตกระใบหน้าบดบัง สายตา หาลู่ทางในการเข้าคลุกวงในอย่างเยือกเย็น ก่อนจะเลี้ยงลูกหลบหลีกคู่ต่อสู้ ก้าวเท้าระยะยาวรวดเร็ว กระโดดยันพื้นขึ้นยัดลูกหนังสีส้มในมือลงแป้นที่สูงจากพื้นเมตรกว่าได้อย่าง แม่นยำ

ตึง!

ทันทีที่เท้าแตะพื้น เสียงกรีดร้องเอาใจช่วยจากข้างสนามก็ดังลั่นกลบเสียงหอบของเหล่านักกีฬา สาวใหญ่ใจกล้าถือขวดน้ำเย็นเฉียบเสียบหลอดดูดให้เรียบร้อย วิ่งเข้ามอบรางวัลจ่อหลอดถึงริมฝีปากบางที่ยกยิ้มอย่างพอใจในชัยชนะของทีม

“ขอบคุณครับ” เสียงทุ้มห้าวบาดใจกล่าวของคุณพร้อมกับมือใหญ่เลอะคราบดินอ้อมจับท้ายทอย หญิงสาว นาบริมฝีปากรื้นหยดน้ำเย็นๆลงกับหน้าผากมน

เสียงกรี๊ดอย่างอิจฉาริษยาดังขึ้นรอบกาย ตรงข้ามกับหญิงสาวผู้โชคดีที่อ่อนระทวยเป็นยางมะตอยติดดินไปแล้ว
 
“ไอ้พล! สุดยอด!!”  กลุ่มเพื่อนชายทั้งทีมเดียวกันและต่างทีม มะรุมมะตุ้มเข้ากอดคอชายหนุ่ม หัวเราะระรื่นกับความตื่นเต้นเร้าใจที่ได้รับจากเกมส์กีฬา บางคนกำหมัดแตะคางชายหนุ่มเบาๆเป็นเชิงหยอกล้อพร้อมกับพูดชมไม่หยุดปาก

พลคว้าผ้าขนหนูบนกระเป๋าที่วางนิ่งอยู่ตรงเก้าอี้ขอบสนาม ขึ้นเช็ดเหงื่อบนใบหน้าและตามร่างกาย จนผ้าผืนน้อยเปียกชื้นได้ที่ จึงกำผ้าออกแรงปาขึ้นสูงเกือบชนเพดาน

ผ้าเปียกชื้นค่อยๆแผ่สยายตกลงกลางวงล้อมของกลุ่มกองเชียร์ เสียงกรีดร้องโวยวายแสบหูดังอื้ออึงดังปะทุขึ้น สาวๆลืมตัวในการวางท่ากุลสตรี ลงมือจิกหัวก่ายคอกันแก่งแย่งผ้าขนหนูชิ้นเล็กที่มีค่ามหาศาลทันที

พลเดินออกจากโรงยิมอย่างไม่สนใจมหกรรมที่ตนเป็นผู้ก่อ มุ่งหน้าไปยังรถสปอร์ตคันงามที่จอดอวดโฉมอยู่ข้างโรงยิมอย่างเงียบๆ

“เฮ้ย! พล ไม่ไปกินกันหน่อยเหรอ?” เสียงเพื่อนชายชวนดื่มตามปกติ เรียกให้เงยหน้าจากการไขกุญแจขึ้นมอง

“โอกาสหน้าละกัน วันนี้มีธุระว่ะ” เขาตอบยิ้มๆก่อนจะเปิดประตูรถ เข้านั่งบนเบาะหนังแท้ชโลมน้ำมันจนลื่นมือ

“พี่พลค้า~ วันนี้เข้าชมรมรึเปล่า?” เสียงหญิงสาวจากชมรมหนังสือพิมพ์ตะโกนถามมาจากไกลๆ พลยกมือขึ้นโบกก่อนตะโกนตอบ

“วันหลังนะครับ คนดี” ก่อนจะสตาร์ทรถ เหยียบคันเร่ง พุ่งทะยานออกไปโดยมีกลุ่มหญิงสาววิ่งกรูออกมาจากประตูโรงยิมพร้อมโบกมือบ๊ายบาย


++++++++++++++++++++++++++++


รถยุโรปแรงสูงจอดสนิทยังที่จอดใต้คอนโดหรู พลในชุดกีฬาก้าวเดินอย่างมั่นใจ กดลิฟท์เพื่อขึ้นไปยังห้องของตนเอง

ระหว่างอยู่ในลิฟท์ ชายหนุ่มก็มองสำรวจตัวเองจากกระจกบานใหญ่ติดผนัง

หนุ่มตี๋หน้าขาวไรหนวดเขียวๆที่ผ่านการโกนยามเช้ามาอย่าง ประณีต ผมดำสนิทซอยยาวระต้นคอแกร่ง คิ้วเข้มตรงบ่งลักษณะนิสัยหวังอะไรต้องได้อย่างนั้น ดวงตาสีดำคมดุดันท้าทายที่เผาไหม้ผู้ถูกมองให้อ่อนยวบได้ในเสี้ยววินาที  ริมฝีปากบางเฉียบแย้มยิ้มอยู่เป็นนิจ ลูกกระเดือกบ่งความเป็นชายชาตรี ไหปลาร้าเป็นเส้นไล่ลงมาเห็นแผ่นอกอุดมด้วยกล้ามเนื้อแหวกลึกจนถึงขอบเสื้อ คอกว้าง ช่วงขายาวปราดเปรียวเต็มไปด้วยมัดกล้ามเหมือนสัตว์กินเนื้อที่พร้อมจะขย้ำ เหยื่อทันทีที่มีโอกาส

ไม่แปลกเลย ที่จะมีหญิงสาวมากหน้าหลายตาจ้องหาโอกาสจะเข้าใกล้ทำความสนิทสนมไม่เว้นแต่ละวัน

กลับจากการออกกำลังกายก็เป็นเวลาเย็นแล้ว ร่างสูงเปิดประตูเข้าไปในคอนโดหรู ห้องที่ตกแต่งอย่างมีสไตล์ จะน่าเสียดายไปนิดก็ไอ้สายไฟรกๆ คีย์บอร์ดกับจอคอมพิวเตอร์ 3 จอ ที่วางระเกะระกะอยู่บนพื้น ขาตั้งกล้องวีดีโอ กองกระดาษข้อมูลต่างๆปลิวว่อนทั่วห้องนั่นแหละ

แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับกึ่งๆสลัมอีเล็กทรอนิกส์ เพราะที่นี่เป็น ‘โลกส่วนตัว’ ของเขา…

หลังจากที่ออกจากบ้าน เปลี่ยนสถานภาพจากเด็กมัธยมมาเป็นเฟรชชี่สดๆร้อนๆ สิ่งที่แอบซ่อนมาเนิ่นนานก็เริ่มแหวกกลางทะลุปล้องออกมาโลดแล่นในห้องลับๆ ของพล ด้วยการสนับสนุนของมารดาที่เป็นนักข่าว จึงไม่ลำบากมากมายกับการหาอุปกรณ์สำหรับงานอดิเรกลับๆที่บอกใครไม่ได้นี้เลย

เริ่มจากลองฝีมือด้วยการแอบถ่ายดาวคณะต่างๆ เวลาหลุดๆ ช่วงแรกๆ ภาพที่แขวนตามผนังห้องจึงเป็นภาพสาวน้อยจิ้มลิ้มมากหน้าหลายตาในอิริยาบท นั่งลืมหนีบ ชุดชั้นในลายลูกไม้ที่เห็นวับๆแวมๆจากร่องเสื้อนักศึกษาไซส์เล็กกว่าตัวคุณ เธออยู่เบอร์สองเบอร์ เป็นอย่างนี้จนปีสอง พลเริ่มค้นพบโลกลี้ลับต่อยอด ภาพหญิงสาวทั้งหลายที่แขวนตามผนังจึงถูกโละทิ้งเปลี่ยนเป็นภาพหนุ่มน้อยหน้า ใส...ในห้องน้ำคณะแทน...
 
ไม่...การได้มาเพียงภาพนิ่งแสดงอิริยาบทต่างๆนั้น ไม่พอเยียวยาความต้องการของพลอีกต่อไป กล้องวีดีโอจิ๋วสำหรับสอดแนมจึงถูกสั่งตรงจากญี่ปุ่นถึงมือชายหนุ่มอย่าง ง่ายดาย

มันเป็นความท้าทายอย่างมาก การแอบถ่ายโดยไม่ให้เจ้าตัวรู้ตัว คอลเล็คชั่นที่มีจำนวนเพิ่งขึ้นมากมายถูกสะสมอยู่ในกล่องใต้เตียง รอวันถูกเบิกออกมาบำบัดความต้องการลับๆของพล
 
เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆจนเริ่มเฉยชา มันก็เหมือนคนติดยาที่ต้องการยาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พลเริ่มแสวงหาความตื่นเต้นใหม่ๆ

จวบจนวันรับน้องใหม่ วันปิดเทอมก่อนที่พลจะเริ่มขึ้นปี 3 สายตาก็ถูกหยุดอยู่ที่น้องใหม่ในกลุ่มคนหนึ่ง เด็กหนุ่มรูปร่างบอบบางผอมเพรียว เตี้ยกว่าเขาประมาณ 10-15 ซม. ผิวขาวใสในเครื่องแบบถูกระเบียบทุกกระเบียดนิ้ว ท่าทางน่าทะนุถนอม เพื่อนๆที่ทำกลุ่มรับน้องด้วยกันทั้งหญิงทั้งชายต่างแอบเล็งแอบจองไว้

นับแต่วันนั้นเขาก็ไม่เหลือสายตาไว้เสาะหาเหยื่อใหม่อื่นใด

เขาเพียรพยายามในการเสาะหาตัวตนของเด็กหนุ่มอย่างยิ่งยวด ทั้งการใช้ตำแหน่งรุ่นพี่ในชมรมหนังสือพิมพ์บังหน้า ทั้งการแอบลอบเข้าไปยังส่วนข้อมูลของมหาวิทยาลัย ตอนนี้ข้อมูลที่มีอยู่ครบถ้วนแล้ว เด็กหนุ่มชื่อปอนด์ ครอบครัวร่ำรวยพอสมควร อาศัยอยู่คนเดียวในคอนโดหรูใจกลางเมือง

ในวันที่พลรู้ที่อยู่ของรุ่นน้อง...จากการแอบขับรถตาม...เขาก็กระหยิ่มยิ้มย่อง รู้สึกว่ามันเป็นพรหมลิขิตซะเหลือเกิน

คอนโดที่ปอนด์อยู่ เป็นคอนโดที่ตั้งตระหง่านคู่กับคอนโดของเขาเอง แค่นี้ยังง่ายไม่พอ ห้องนอนของเด็กหนุ่มยังอยู่ตรงข้ามกับเขาพอดี ห้องที่มีหน้าต่างเป็นกระจกโค้งบานใหญ่ สามารถมองเข้าไปเห็นเกือบทั้งห้อง ห้องของปอนด์มีแม่บ้านมาทำความสะอาดวันเว้นวัน ทุกครั้งแม่บ้านจะเปิดม่านหนาในห้องนอนออกกว้างค้างไว้อย่างนั้น จึงเป็นโอกาสดีที่จะได้ติดตามกิจวัตรประจำวันของร่างบาง แต่ก็น่าเสียดายที่บางวันผู้ถูกจับตามองก็ปิดม่านแน่นหนาจนมองข้างในไม่เห็น ซะงั้น เหมือนจะมีญาณวิเศษ รู้ตัวว่ากำลังถูกริดรอนสิทธิส่วนบุคคลอยู่ยังไงยังงั้น

กิจวัตรที่ไม่มีอะไรมากนักแต่คุ้มค่ากับการแอบดู เริ่มตั้งแต่กลับบ้านเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลอง กางเกงขาสั้นเต่อดูยั่วยวน นั่งอ่านหนังสือประมาณชั่วโมง ออกไปกินข้าวที่ห้องข้างๆ ดูข่าวภาคค่ำบนเตียงนอนด้วยท่านอนตะแคง หันหน้าเข้าหน้าต่างก็จะเห็นอกขาวๆจากเสื้อกล้ามหลวมโพรก หันหลังให้หน้าต่างยิ่งเด็ดดวง สะโพกกลมกลึงได้สัดส่วนกับขาเรียวยาวโผล่พ้นกางเกงนอนสั่นจุ๊ดจู๋ เห็นแล้วน่าจินตนาการถึงร่างบางนอนหมดแรงอยู่ใต้ร่างกายของเขาซะจริง พอตกดึกร่างที่เห็นในกล้องเลนส์ซูมซึ่งใช้ต่างกล้องส่องทางไกล ก็ได้เวลาเข้าอาบน้ำ เมื่ออาบน้ำเสร็จร่างขาวผ่องห่มผ้าเช็ดตัวหลวมๆไว้ที่สะโพกก็จะใช้ปากแดง อิ่มดื่มนมสดจากแก้วใสๆก่อนจะเลียปากล้างคราบนม

จากความสนใจเริ่มเป็นความหลงไหล เขาอยากเข้าไปทำความรู้จักสนิทสนมเหลือเกิน แต่จากการสังเกตมา 2 เดือน พบว่าปอนด์ไม่มีท่าทีจะสนใจใครเลย ทั้งๆที่คนที่ผ่านเข้ามาก็มีทั้งสาวสวยรุ่นเดียวกันทั้งแก่กว่า หรือชายหนุ่มรุ่นพี่เพื่อนเขาเองที่มีภาษีดีพอควรก็ตาม มันทำให้เขาหนักใจ แม้เขาจะมั่นใจในตัวเองมากว่าไม่มีสาวไหนกล้าปฏิเสธ แต่กับปอนด์เขาชักไม่แน่ใจซะแล้ว

สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้จึงเป็นแค่ การแอบมองปกป้องอยู่ห่างๆ สำรวจรสนิยมความชอบไปด้วยในตัว เมื่อไหร่ที่เขาจับจุดได้ว่าปอนด์ชอบอะไร เมื่อนั้นเขาก็จะลงมือปฏิบัติการจีบให้เด็กหนุ่มมาเป็นของเขาซะเลย

...อะไรที่เขาอยากได้ เขาก็ต้องคว้ามาให้ได้...


+++++++++++++++++++++++++++++++++++
เว็งคับ อ่านหนังสือสอบกรมศุลไม่เข้ากะบาลเลย  :serius2: o2
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 05-04-2008 22:41:56
อ่าเรื่องใหม่
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: playCardPlaYBoy ที่ 05-04-2008 22:42:39
-3-

วันนี้เป็นอีกวันที่พลได้กลับห้องเร็วหน่อย เนื่องจากชมรมหนังสือพิมพ์เพิ่งออกฉบับล่าสุดไปเมื่อวานซืน จึงมีเวลาให้ชายหนุ่มได้พักหายใจหายคอ ได้ทำงานอดิเรกที่ตนเองรักบ้าง

ชายหนุ่มคว้ากล้องประจำตัว เดินไปที่หน้าต่างห้อง หวังจะได้คอลเล็กชั่นมาเก็บไว้เพิ่มเติม

‘เหมาะเหม็ง วันนี้ไม่ได้ปิดม่าน’

มองๆไปพบเด็กหนุ่มกำลังก้มๆเงยๆ ควานหาของใต้เตียงคิงไซส์ ด้านบนมีกล่องอีเอ็มเอสปิดฝาหมิ่นเหม่วางรอการเปิดใช้งาน

‘วันนี้มาแปลกแฮะ ทำอะไรอยู่หืมม์ เด็กน้อย’

เป้าหมายดึงกล่องใบเล็กออกมาจากใต้เตียงได้แล้ว ข้างในเป็นแผ่นซีดี 10 กว่าแผ่น ร่างบางเดินกลับมานอนบนเตียงหลังจากแผ่นซีดีถูกป้อนเข้าเครื่องเล่น ในมือถือรีโมต รอแผ่นฉาย

‘อะฮ้า แผ่นใต้เตียง ...ร้ายไม่เบานี่’ คิดพลางกดโหมดกล้องเป็นบันทึกวีดีโอ วันนี้คงได้คอลเล็คชั่นดีเกินคาด

ดูไปได้สิบกว่านาที ร่างบางก็เอนตัวลงนอน มือขาวทั้งสองข้างปะป่ายทั่วหน้าอกตัวเอง บ่งว่าไฟอารมณ์เริ่มคุกรุ่นแล้ว

‘นั่นแหละ เด็กดี ยั่วยวนให้มากกว่านี้สิ’ มือหนาเลื้อยไปตามขอบกางเกงตัวเองบ้าง มีส่วนร่วมกับร่างที่เห็นในกล้อง

++++++++++++++++++++++++++++

กลับมาในห้องของปอนด์ หนุ่มน้อยไม่ได้รู้ตัวเลยว่ามีผู้รู้เห็นในการกระทำลับๆของตน ไฟอารมณ์กำลังโหมกระหน่ำ สองมือที่เคล้นคลึงช่วงอกของตนเองเริ่มหมดความอดทน ละเรื่อยลงมาถึงขอบกางเกงแสล็ค นิ้วขาวปลดกระดุม รูดซิปลง ในเวลาไม่นานกางเกงก็ถูกรูดลง ทิ้งกองอยู่ที่ปลายเตียง เหลือเพียงท่อนขาขาวที่บิดไปมาด้วยความรัญจวน มือสั่นๆเริ่มทำหน้าที่ปลอบใจร่างกายตัวเอง

“อา…” เสียงแหบแห้งครางกระเส่า ความเร็วของมือเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สะโพกบางเด้งขึ้นรับตามท่วงทำนองบรรเลง ดวงตาหรี่ลงรื้นน้ำตาจนฉ่ำเยิ้ม ปากอิ่มแดงจัดเผยอขึ้นหอบรับออกซิเจนเข้าปอด ...ใกล้แล้ว อีกนิดเดียว

สวรรค์อยู่แค่เอื้อม หากร่างบางกลับอดกลั้นหยุดไว้ได้ทัน มือสั่นๆป่ายหาหลอดครีมในลิ้นชักข้างเตียง ชโลมนิ้วตัวเองแล้วละเลงที่ช่องทางด้านหลัง

+++++++++++++++++++++++++++++++

ดวงตาดำสนิทที่มองผ่านกล้องเบิกกว้าง เด็กน้อยไร้เดียงสาของเขากำลังจะทำอะไร!? ภาพที่เห็นคือภาพร่างบางในเสื้อเชิ้ตขาวยับปลดกระดุมทุกเม็ด เรียวขาเปลือยเปล่า นั่งยองๆอยู่บนเตียง แขนข้างหนึ่งเหยียดรองรับน้ำหนัก แขนอีกข้างอ้อมไปด้านหลังของตัวเอง มือที่เมื่อครู่ชโลมครีมบางอย่างไว้ กำลังส่งนิ้วสอดเข้าไปทางด้านหลัง ใบหน้าที่เคยขาวใสบัดนี้ซับสีเลือดจนแดงเรื่อ ตาปิดสนิท คิ้วบางขมวดน้อยๆ ริมฝีปากอิ่มกำลังเผยอหอบพร้อมลิ้นที่เลียริมฝีปากจนเปียกชุ่ม บ่งความพึงพอใจของเจ้าตัว จากท่าทางที่ร่างบางกำลังทำอยู่นั้น ทำให้เดาได้ไม่ยากเลยว่า ซีดีที่เด็กหนุ่มดูอยู่ ต้องไม่ใช่ซีดีอย่างว่าพื้นๆแน่ๆ

‘วันนี้ได้สุดยอดคอลเล็คชั่นแน่นอน เห็นเป็นเด็กดีถูกระเบียบ ไม่คิดว่าจะมีรสนิยมแบบนี้แฮะ’

...หากแต่สิ่งที่ชายหนุ่มเห็นเป็นกิจกรรมเพียงครึ่งทางเท่านั้น...

+++++++++++++++++++++++++++++++++++
 

อดทนเตรียมความพร้อมเสร็จสิ้น มั่นใจว่าจะไม่ทำให้เกิดบาดแผลแล้ว ปอนด์ก็แกะกล่องพัสดุที่เพิ่งส่งมาสดๆร้อนๆ แท่งซิลิโคนใหญ่ยาวพร้อมระบบปรับแรงสั่นได้แท่งแรกในชีวิตกำลังจะถูกแกะออก มาใช้งานจริง

มือสั่นๆชโลมครีมหล่อลื่นจนทั่วของเล่นใหม่ ก่อนจะค่อยๆสอดใส่อย่างเบามือ ขนาดของมันไม่ใช่เล็กๆเลย ด้วยความที่เพิ่งเคยสอดใส่สิ่งอื่นนอกจากนิ้วมือตัวเอง เด็กหนุ่มจึงรู้สึกอึดอัดแน่นจุกไปจนถึงช่องท้อง ขณะเดียวกันก็รู้สึกเสียวซ่าน ในใจจินตนาการถึงพระเอกที่กำลังระเริงลีลาอยู่ในจอทีวีเปลี่ยนใบหน้าเป็นชาย หนุ่มคนหนึ่งที่ฝังใจมาตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัย แทนที่ฝ่ายรับด้วยตนเอง

เมื่อสอดใส่แท่งหนานุ่มจนสุดแล้ว ก็เริ่มเปิดฟังก์ชั่นใช้งานซะที มือขาวคว้ารีโมตเปิดสวิตซ์สั่นสะเทือน

“อ๊า” กรีดร้องด้วยความเสียวซ่าน แขนที่ค้ำร่างกายอยู่เกิดอ่อนแรงกะทันหัน ส่งผลให้ร่างบางหงายผึ่งลงบนเตียงนุ่ม ศีรษะทุยๆสะบัดตามแรงอารมณ์ที่กระพือขึ้นสูง นอนบิดสะโพกด้วยความรัญจวนใจ มือขวาเริ่มทำหน้าที่ประจำ ขยับขึ้นลงทั้งที่ยังเปียกชุ่มไปด้วยครีมหล่อลื่นเย็นๆ ใช้เวลาไม่นานเลยในการที่จะเดินทางไปสู่สรวงสวรรค์

หยาดหยดขาวขุ่นระเบิดพร่างพรายบนผ้าปูที่นอนไหมเนื้อดี เพลิงอารมณ์ยังไม่สลาย มือบางยังทำหน้าที่รีดเค้นจนถึงหยดสุดท้ายแห่งชีวิต เจ้าของเตียงหลังใหญ่หอบหายใจเหมือนขาดอากาศมาสักสิบนาที ค่อยถอนเครื่องมือที่หมุนควงอยู่ออกอย่างเบามือ

ทันใดนั้นมือถือเครื่องจิ๋วก็แผดเสียงดังลั่น เรียกให้ร่างบางสะดุ้งโหยง มือที่กำลังดึงแท่งซิลิโคนออกพลันกระตุกกระชากออกโดยแรง ปอนด์นอนคว่ำหน้าบิดสะโพกด้วยความเสียวซ่านต่ออีกนาน กว่าจะตั้งตัวได้อีกครั้งก็ผ่านไป 2 มิสคอลล์แล้ว

เบอร์ที่โทรมาขัดเวลาสุขสม เป็นเบอร์ที่ไม่คุ้นตาเลย

“สวัสดีครับ?”

“……….” ไม่มีเสียงคนพูด มีเพียงเสียงหายใจหนักๆเป็นพื้นหลัง

“จะพูดกับใครครับ?”

“……….”

“ถ้าไม่พูดผมจะวางแล้วนะ”

“...ปอนด์” เสียงที่ได้ยินทุ้มนุ่ม เซ็กซี่ ปนมากับเสียงหอบ ปอนด์ขมวดคิ้ว เสียงนี้เหมือนเคยได้ยินแต่นึกไม่ออกแฮะ

“ทำคนเดียวมีความสุขเหรอ?”

“อะไรนะครับ?” ถามกลับอย่างสงสัยไม่เข้าใจคำถาม เมื่อคิดได้ ขนคอจึงลุกซู่ หน้าร้อนผ่าว หันกลับไปทางหน้าต่างเพิ่งพบข้อผิดพลาดของตนเอง เขามัวแต่ตื่นเต้นกับของเล่นใหม่จนลืมปิดม่าน! ถึงนี่จะเป็นชั้น 23 ก็เถอะ แต่ตึกข้างๆก็สูงราวๆกัน นิ้วสั่นๆกดปิดโทรศัพท์ทันที ขาเรียวก้าวเร็วๆไปรูดม่านปิดหน้าต่างจนห้องมืดสนิทลงทันตา

ปลายสายเป็นใครกัน คนที่รู้จักเขา คนที่อาศัยอยู่ตึกข้างๆ จะใครก็ตามทำให้เขาตระหนักว่า เขาถูกซุ่มมองอยู่ จะเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่...

ซวย ซวยจริงๆ ทั้งๆที่เป็นวันแรกที่ใช้ของน่าอายแบบนี้ กลับต้องมาถูกคนอื่นแอบมองแบบนี้ รู้ถึงไหนคงมองหน้าใครไม่ติด เหงื่อเม็ดเป้งหยดลงลนพรมพร้อมความคิดวุ่นวายซ้ำไปซ้ำมา


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


‘ถึงซะแล้ว’ แค่ภาพหนุ่มน้อยในฝันกำลังเล่นปลอบใจตัวเองก็ทำให้พลไต่ระดับถึงจุดหมายได้ง่ายดาย

แค่ภาพยังขนาดนี้ ถ้าได้ยินเสียงด้วยคงสุดยอดเกินบรรยาย

ด้วยความหุนหันไม่ทันคิด มือใหญ่กดเบอร์ที่บันทึกไว้แต่ไม่เคยได้ใช้ในโทรศัพท์มือถือ โดยยังไม่ทันได้เปลี่ยนซิมการ์ด ลืมปกปิดตัวเองไปเสียสนิท สิ่งที่อยู่ในความคิดตอนนี้มีเพียงว่า เขาอยากได้ยินเสียงหอบหลังความสุขสมเพิ่งเลยผ่านของเด็กหนุ่มเหลือเกิน

“สวัสดีครับ” เจ้าตัวที่รับโทรศัพท์จะรู้รึเปล่านะ ว่าเสียงตัวเองตอนนี้มันเซ็กซี่แค่ไหน เสียงแหบปนหอบหน่อยๆ เจือแววตกใจนิดๆ ภาพน่าอายหลายนาทีก่อนผ่านเข้ามาในสมองอีกรอบ ประสาทเครียดเขม็งขดเป็นเกรียว ความร้อนจุกอยู่ที่ส่วนกลางของร่างกาย หากต้องอดกลั้นเอาไว้ เวลานี้เป็นเวลาที่เขาจะต้องสรรหาคำพูดดีๆให้เหยื่อตื่นตระหนกเล่นต่างหาก มันเป็นความตื่นเต้นเร้าใจอย่างหนึ่งในการให้เหยื่อรู้ว่ากำลังถูกเฝ้า มองอยู่โดยที่ไม่มีทางรู้ตัวผู้ล่าเลย

“ทำคนเดียวมีความสุขเหรอ?” หลังจากประโยคแห่งผู้ล่าถูกปล่อยออกมา สัญญาณก็ถูกตัดไปพร้อมกับผ้าม่านทึบแสงผืนใหญ่ที่ถูกรูดปิด กั้นห้องนอนของเหยื่อ ออกจากโลกภายนอก ปากบางเฉียบแสยะยิ้ม

...มันยังไม่จบแค่นี้แน่

+++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: playCardPlaYBoy ที่ 05-04-2008 22:44:07
-4-

”ปอนด์ ยังไม่กลับบ้านเหรอ?”

เสียงถามอย่างประหลาดใจจากกลุ่มเพื่อน ปกติปอนด์อยู่ชมรมกลับบ้าน นานๆครั้งที่มีรายงานกลุ่มถึงจะมาปรากฏตัวที่โต๊ะใต้ตึกเรียนได้ ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงกว่าแล้ว ปอนด์ยังคงนั่งจุมปุ๊กอยู่ที่โต๊ะทั้งๆที่ไม่มีอะไรจะทำ

“ยังไม่อยากกลับน่ะ” ตอบตามที่ใจคิด แต่ละเหตุผลไว้ ...มีใครก็ไม่รู้คอยถ้ำมองอยู่ แค่นึกก็แหยงแล้ว ตอนนี้เขาเกิดอาการหวาดระแวงผู้ชาย ใช่ เสียงในมือถือเป็นผู้ชายร้อยเปอร์เซ็นต์ แถมเป็นคนที่รู้จักเขาซะด้วย ความระแวงทำให้รู้สึกผวาทุกครั้งที่มีคนมอง

หลังจากที่กดสายทิ้ง ปิดม่านจนแน่ใจว่าไม่มีทางมองเข้ามาในห้องได้แล้ว เด็กหนุ่มก็นั่งหน้าเครียดอยู่บนเตียงนานสองนาน ไม่นานเกินรอ โทรศัพท์เบอร์เดิมก็โทรเข้ามาใหม่ แน่นอนว่าร่างบางไม่ยอมรับสาย ผ่านไป 6 มิสคอลล์ต้นสายจึงเลิกพยายาม เขาคิดว่าอีกฝ่ายคงเลิกล้มความคิดก่อกวนแล้วล่ะมั้ง

แต่มันไม่เป็นอย่างนั้น

สิ่งที่ส่งมาทางมือถือในเวลาถัดมา คือ คลิปวีดีโอของเขาเอง รูปของร่างขาวๆในห้องมืดๆ มองจากมุมไกลๆ หากเห็นหน้าชัดพอจะรู้ว่าเป็นใคร หมกมุ่นอยู่กับกิจกรรมน่าอายบนเตียงที่เจ้าตัวกำลังนั่งจ้องจอมือถืออยู่ตอน นี้ พร้อมข้อความที่ส่งมาด้วย

‘เปิดม่านซะและห้ามปิดอีกต่อไป ถ้าไม่อยากเห็นคลิปอยู่ในอินเตอร์เน็ต’

ด้วยเหตุนี้ ปอนด์จึงจำเป็นต้องเปิดม่านไว้ตลอดเวลาทั้งๆที่รู้ว่ามีคนเฝ้ามองอยู่ ความเครียดกำลังกัดกินจิตใจ ตอนนอนรู้สึกหวาดระแวงจนสะดุ้งอยู่หลายครั้ง รู้สึกว่าห้องที่กำลังอาศัยอยู่ไม่ใช่ห้องของตัวเองเสียแล้ว เด็กหนุ่มจึงถ่วงเวลากลับบ้านเท่าที่จะทำได้ ซึ่งการนั่งอยู่ที่โต๊ะคณะ มีเพื่อนๆคอยคุยเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อยเปื่อยก็ช่วยลดความเครียดได้ดีที เดียว

ต่อไปนี้เขาจะทำอย่างไรดี จะหาตัวการแล้วทำข้อตกลงดีมั้ยนะ เจ้านักถ้ำมองคนนี้อาจจะแค่ต้องการเงินก็ได้ หรือจะย้ายบ้านหนีดี ไม่สิ ถ้าย้ายบ้านหนีมีหวัง คลิปฉาวได้เข้าไปโลดแล่นในโลกไร้พรมแดนแน่ๆ จะทำยังไงดี จะทำยังไงดี

คิดไม่ตก สุดท้ายคณะก็ไม่เหลือใครนอกจากภารโรงที่คอยปิดประตูห้องเรียน ...ต้องกลับบ้านจนได้

ทันทีที่ร่างบางเปิดประตูเข้าห้อง เปิดไฟจนสว่าง โทรศัพท์เครื่องจิ๋วก็แผดเสียงขึ้นมาอีก มองดูเบอร์บนหน้าจอ ก็พบว่าเป็นเบอร์เดียวกับเมื่อวาน แรงฮึดหวังว่าจะเจรจาได้ ทำให้ใจกล้าบังคับนิ้วสั่นๆกดปุ่มรับสายไป

“คุณต้องการอะไร ถ้าเป็นเงินล่ะก็ เราตกลงกันได้นะ” กรอกเสียงลงไปอย่างที่คิดว่าละมุนละม่อมที่สุดแล้ว

“วันนี้กลับดึกเชียวนะ ไม่อยากอยู่ในห้องขนาดนี้เชียว?” เป็นการตอบที่ไม่ตรงคำถามเอาเสียเลย เด็กหนุ่มถามคำถามเดิมซ้ำอีกครั้ง

“ฉันไม่ได้ต้องการเงินหรอกน่า ว่าแต่ เดินมาที่หน้าต่างห้องนอนหน่อยสิ อย่าคิดเถียงล่ะ ตอนนี้ฉันกำจุดอ่อนเธอเอาไว้อยู่นะ” เหมือนจะรู้ทัน ปลายสายจึงเอ่ยดักทางเอาไว้ก่อน ปอนด์หมดทางเลือก จำต้องเดินไปที่หน้าต่างห้องนอนแต่โดยดี

ทันใดนั้นนัยน์ตาสีดำกระจ่างก็เบิกกว้างขึ้นอย่างแปลกใจ ด้านหน้าของกระจกหน้าต่างบานใหญ่ มีโซฟาที่เดิมเคยหลบอยู่ที่มุมห้องวางตั้งอยู่ในทิศทางที่ให้ผู้นั่งหันหน้า ออกชมวิวเมืองยามค่ำคืน ยิ่งกว่านั้น กลางเบาะเนื้อผ้าสักหลาดน่านั่งยังมีกล่องห่อของขวัญใบย่อมวางแน่นิ่งอยู่ เด็กหนุ่มมั่นใจว่าไม่ใช่หนึ่งในพี่สาวของเขาเป็นคนเข้ามาจัดแน่ๆ ...ตัวการน่ะหรือ ก็คนที่สั่งคำสั่งด้วยเสียงนุ่มๆผ่านโทรศัพท์อยู่นี่ไง

“เปิดกล่องสิ เป็นของขวัญจากฉันเอง” ด้วยความสงสัย โดยไม่ต้องให้สั่งซ้ำ เด็กหนุ่มหนีบโทรศัพท์ไว้ที่ซอกคอ สองมือเอื้อมไปแกะกล่องปริศนา

ข้างในมีกางเกงขาสั้นสีดำเพียงตัวเดียว แต่...

เป็นกางเกงขาสั้นมากถึงมากที่สุด ตัดจากวัสดุที่น่าจะเป็นหนังเนื้อนุ่ม

“ใส่ให้ดูหน่อยสิ อย่าคิดขัดขืนเชียว แล้วก็ไม่ต้องไปไหน ใส่อยู่ข้างโซฟานี่ล่ะ หรืออยากจะยืนใส่บนโซฟาก็ไม่ขัดศรัทธานะ” กล่าวพร้อมเสียงหัวเราะหึตบท้าย ร่างบางยังคงถือกางเกงเจ้าปัญหาค้างอย่างลำบากใจ หลังจากปลายสายเอ่ยคำสั่งย้ำอีก 2 ครั้งพร้อมข่มขู่กลายๆ เด็กหนุ่มจึงจำต้องถอดชุดนักศึกษาออก เปลี่ยนเป็นกางเกงที่คนลึกลับส่งมาให้ ตามที่กะเอาไว้ กางเกงนี้สั้นมากจริงๆด้วย สั้นจนเห็นแก้มก้นทีเดียว ปอนด์หน้าร้อนฉ่า มือข้างที่ไม่ได้ถือโทรศัพท์มือถือพยายามปิดด้านหน้ากางเกง

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เอาล่ะ เขาจะสั่งให้ทำอะไรต่อดีนะ พลคิดอย่างสนุกสนาน มุมปากยกยิ้มอย่างพึงใจ เขาพอใจจะดูตั้งแต่เด็กหนุ่มเริ่มถอดเสื้อผ้าชุดเดิม จนกระทั่งอยู่ในชุดที่เกือบเป็นชุดวันเกิด

ร่างบางอยู่ในกางเกงตัวจิ๋วที่เขาเลือกให้ ต้องทึ่งในสายตาตัวเองที่กะขนาดได้เหมาะเจาะซะจริงๆขนาดนี้ กางเกงหนังขาสั้นสีดำ ขับผิวขาวให้ดูขาวราวกับจะเปล่งแสงได้ ใบหน้าหวานใสกระอักกระอ่วน มือเล็กข้างที่ไม่ได้ถือโทรศัพท์เอื้อมมาปิดด้านหน้ากางเกงราวกับมันจะช่วย บังอะไรได้

แค่เห็นก็ทนไม่ไหวแล้ว

แน่นอน สิ่งที่เขาจะสั่งต่อไปคงไม่พ้น...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

กิจวัตรประจำวันน่าอายเริ่มขึ้นมาได้ 2 สัปดาห์แล้ว โดยที่เขาไม่มีทางหลีกเลี่ยงขัดขืนได้เลย ระหว่างนั้นปอนด์ก็คอยสอดส่องไปทั่ว ถามที่อยู่จากเพื่อนผู้ชายที่พอจะรู้จัก แน่นอนว่าถามอย่างอ้อมๆ ซึ่งต้องเค้นสมองในการหลอกถามพอควร อีกทั้งเบอร์โทรศัพท์มือถือที่เป็นเบาะแส เขาก็พยายามแอบจิ๊กมือถือเพื่อนกดหาเบอร์นี้ เผื่อจะเป็นคนรู้จักของใครสักคน แต่ก็คว้าน้ำเหลวตลอด การหาข้ออ้างขอดูมือถือคนอื่นนี่มันช่างยากซะจริง โดยเฉพาะเขาที่เป็นผู้ชายยิ่งแล้วใหญ่ เขาคิดว่านักถ้ำมองคนนี้ควรจะเป็นคนที่อายุมากกว่าเขา ถ้าเดาจากการสนทนาล่ะก็นะ เมื่อเป็นคนที่อายุมากกว่าเขา ก็น่าจะเป็นคนที่อยู่ในมหาวิทยาลัยนี่ล่ะ เพราะเขาไม่รู้จักคนอายุมากกว่าที่อื่นนี่นา

เวลาที่คนเราทำอะไรติดๆกันทุกวัน ก็จะเกิดความเคยชินขึ้นมา ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ปอนด์กลับบ้านตรงเวลาพร้อมกำมือถือไว้ในมือ มองหากล่องของขวัญลึกลับริมหน้าต่าง ของขวัญที่เพิ่มขึ้นจนที่ซ่อนประจำชักจะไม่มีที่ว่างเหลือ เจ้านักถ้ำมองคนนี้รวยนักหรือไงนะ เอาเงินมาผลาญเล่นกับของพรรค์นี้

เด็กหนุ่มคิดโดยลืมตัวไปว่า ตนเองก็เคยเอาเงินไปผลาญกับ ‘ของพรรค์นี้’ เหมือนกัน

การกลับห้องที่เหมือนไม่ใช่ห้องของตัวเองอีกต่อไป ทำให้ไม่มีสมาธิจะอ่านหนังสือเตรียมสอบครั้งแรกในชีวิตนักศึกษา เด็กหนุ่มจึงแก้ปัญหาโดยการนั่งอ่านหนังสือที่ห้องสมุดคณะจนลำบากลุงภารโรง ต้องมาไล่ทุกวัน เมื่อกลับถึงห้องก็เป็นเวลามืดค่ำแล้ว ทุกๆวันก็จะได้รับโทรศัพท์จากนักถ้ำมองคนเดิม สั่งให้ทำในเรื่องน่าอายแบบเดิมๆ เสียงที่ทุ้มนุ่มถูกส่งมาตามสัญญาณโทรศัพท์ ปลุกเร้าอารมณ์วาบหวามได้อย่างมีประสิทธิภาพ

...น่าแปลก เขารู้สึกว่ามันตื่นเต้นเหลือเกิน เวลาที่รู้ว่ามีคนจ้องมองอยู่...

++++++++++++++++++++++++++++++++++
เรื่องนี้น่าจะบอกว่าโรคจิตพอกานทั้งคู่นะ  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: playCardPlaYBoy ที่ 05-04-2008 22:46:11
-5-
“ที่นี่ล่ะ รอเราเดี๋ยวนะปอนด์” เด็กหนุ่มพยักหน้า ยืนรอเพื่อนสาวร่วมคณะวิ่งขึ้นบันไดชั้นสองไป ร่างบางมองกวาดสำรวจสถานที่ไปพลางๆ

ตึกกิจกรรม เป็นตึกที่รวมชมรมต่างๆเข้าไว้ด้วยกัน เป็นสถานที่ที่นักศึกษาผู้อุทิศชีวิตให้กับการทำกิจกรรมมาชุมนุมสุมหัวกันใน เวลาที่ว่างเว้นจากการเรียน ดังนั้นบริเวณบันไดขึ้นตึกที่ปอนด์กำลังยืนรอเพื่อนสาวอยู่จึงมีคนมากหน้า หลายตา ต่างคณะ ต่างชั้นปี เดินเข้าออกพลุกพล่านลายตา

“พี่พล วันนี้เข้าชมรมด้วยเหรอคะ นุชมารอให้พี่แนะนำภาพตั้งหลายวันแล้ว โทรไปสายก็ไม่ว่างตลอด” เสียงแหลมจี๊ดบาดหูจนเลือดซิบวิ่งกระแทกโสตประสาทของเด็กหนุ่มจนต้องหันไปดู ต้นเสียง ชื่อคุ้นหูเรียกภาพคนที่อยู่ในใจตั้งแต่วันรับน้องให้ร่างบางปวดใจเล่น หันไปมองตัวเป็นๆก็เห็นหญิงสาวผมยาวตรงในชุดนักศึกษา กำลังวิ่งเขย่งก้าวกระโดดด้วยรองเท้าส้นสูงหัวเข็มสามนิ้ว เมื่อถึงจุดหมาย มือก็เกาะเกี่ยวแขนชายหนุ่มตัวสูงหุ่นนักกล้ามราวกับชะนีกำลังเกาะกิ่งไม้

... ไม่ๆ ...เหมือนสัมภเวสีเกาะต้นงิ้วดีกว่า

พี่พล ชายหนุ่มผู้อยู่ในใจปอนด์ตั้งแต่วันรับน้อง ด้วยความอายจึงไม่เคยคุยกันตรงๆเลย ยกเว้นตอนที่ถามชื่อเพื่อเขียนลงไปบนป้ายชื่อรับน้อง สายตาเข้มๆ ที่มองตอนนั้นทำเด็กหนุ่มใจสั่น ภาพในอดีตเมื่อสองเดือนที่แล้วผ่านเข้ามาในสมอง พี่พลที่คอยกันเขาให้เวลาที่รุ่นพี่ในกลุ่มรับน้องพยายามเข้ามาจับโน่นจับ นี่ พี่พลที่เดินวนเวียนสะพายกล้องถ่ายรูปคอยจับภาพน้องเฟรชชี่ในกลุ่ม คอยส่งน้ำให้หลังจากที่หัดบูมมหาลัยกันจนคอแห้งคอแหบ ทุกกิริยาผ่านการแอบชำเลืองด้วยหางตาจากเด็กหนุ่มขี้อาย

คิดๆไปก็พาลให้ใจเหี่ยวลงเรื่อยๆ พี่พลที่ไม่ได้รับรู้ไอสีชมพูที่แผ่จากตัวเด็กหนุ่มขี้อายส่งไปให้ไม่เว้น นาทีเลย คอยแต่จะเทคแคร์รุ่นน้องผู้หญิง ซึ่งด้วยความหล่อ สุภาพ ใจดี ทำให้คะแนนความนิยมในตัวชายหนุ่มพุ่งสูงเสียดฟ้า มีสาวๆแวะเข้ามาคุยไม่ขาดสาย ทำให้ปอนด์ต้องเก็บใจช้ำๆกลับไปรักษาเยียวยาอยู่นาน ก็เขาเป็นผู้ชายนี่ แถมเป็นผู้ชายที่ไม่กล้าพอจะเปิดเผยความต้องการของตนเองเสียด้วย

หากแต่ ...พยายามอย่างไรก็ไม่สามารถลืมเลือนชายหนุ่มผู้พิชิตจิตใจไปได้ ทุกครั้งที่เด็กหนุ่มปลอบใจตัวเอง จึงมักจะมีหน้าขาวๆเข้มๆผุดขึ้นมาร่วมแจมเสมอ

จากที่ได้บังเอิญ...โอเคๆ...แอบฟังผู้หญิงเมาท์กันเรื่องพี่ พล ยิ่งทำให้ความหวังที่มีอยู่ริบหรี่มอดสนิทไม่เหลือเชื้อไฟ เหมือนโยนขี้เถ้าใต้ตระแกรงลงกลางมหาสมุทรอย่างไรอย่างนั้น พี่พลเป็นเพล์บอยตัวยง เทคผู้หญิงไม่เลือกหน้า ยิ่งกว่านั้นดูเหมือนจะมีตัวจริงในดวงใจอยู่แล้ว ดูได้จากการที่ยังไม่เคยมีใครได้เข้าไปในห้องส่วนตัวของชายหนุ่มเลย ทั้งๆที่พี่พลอาศัยอยู่คนเดียว คอนโดที่อยู่ก็ไม่ห่างจากมหาวิทยาลัยเท่าไรนัก

แต่ที่แน่ๆ ไม่เคยมีข่าวซุบซิบเกี่ยวกับรสนิยมแปลกๆของชายหนุ่มเลย ทำให้พอจะคิดได้ว่า พี่พลไม่ได้มีรสนิยมชอบไม่ป่าเดียวกันแน่นอน

“พอดีพี่เปลี่ยนเบอร์ใหม่น่ะครับ เมสเซจบอกคนที่พี่มีเบอร์ไปแล้ว แต่พี่ไม่มีเบอร์น้องนุช ขอโทษทีนะ เอาเบอร์มาสิ เดี๋ยวยิงไปให้”

เสียงทุ้มนุ่มเข้าหูทำให้ปอนด์ตัวแข็งเป็นหิน ปลายนิ้วเย็นเฉียบทั้งๆที่เหงื่อเม็ดใหญ่กำลังผุดขึ้นที่ขมับ

เสียงนี้มัน...

ทันใดนั้นมือนุ่มที่ตกแต่งเล็บสีสรรสวยงามก็วางหมับลงที่บ่าเด็กหนุ่ม ความที่ไม่ทันตั้งตัวทำให้สะดุ้งจนตัวโยน

“เป็นอะไรไปน่ะ ปอนด์ เห็นเหม่อๆตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว เรียกก็ไม่ตอบ”

สติสตังค่อยกลับมาอยู่ที่ความเป็นจริง ศีรษะทุยๆส่ายเบาๆ “พอดีเราคิดอะไรนิดหน่อยนะ โทษที ตุ๊ก”

เด็กสาวก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรมากนัก มือที่ถือสมุดอยู่ยื่นให้ปอนด์ “เอ้า สมุดเล็คเชอร์ ขอโทษนะ ทั้งๆที่คิดว่าจะคืนตั้งแต่กลางวันแล้ว ดันมาลืมไว้ที่ห้องชมรมซะได้”

“ไม่เป็นไร งั้นเราไปก่อนนะ” ตอบส่งๆเพราะในใจมีเรื่องหมกมุ่นจองที่อยู่ ขาพาออกเดินอ้อมบันไดไปด้านหลังตึกโดยพยายามไม่ให้อยู่ในสายตาของชายหนุ่ม ในใจคิดซ้ำไปซ้ำมา

เสียงนี้ ???

เปลี่ยนเบอร์ใหม่ ???

คอนโดแถวมหา’ลัย ???

++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: playCardPlaYBoy ที่ 05-04-2008 22:48:03
-6-

 “เฮ้อ...” หลังจากนั่งให้หนังสืออ่านในห้องสมุดมานานสองนาน นอกจากสามประโยควนไปวนมาไร้คำตอบแล้ว ก็ไม่มีความรู้เข้าหัวอีกเลย ร่างบางถอนหายใจเหนื่อยหน่าย เก็บกระเป๋ากลับบ้านทั้งที่ภารโรงเจ้าเก่ายังไม่ทันได้มาไล่

เขาควรจะพิสูจน์ความจริงมั้ยนะ สิ่งที่สงสัยอยู่มันไม่น่าเชื่อ พี่พลน่ะหรือจะเป็นนักถ้ำมองโรคจิตอย่างนั้น พี่พลที่ทั้งสุภาพ ตรงไปตรงมา พี่พลที่เป็นสุภาพบุรุษ เทคแคร์หญิงสาวไม่เลือกหน้า พี่พลที่เป็นที่รักของเพื่อนๆทั้งหญิงและชาย

...แม้จะเป็นสิ่งที่แค่ฟังมาจากคนอื่นก็เถอะ

คิดหมกมุ่นโดยไม่รู้ตัว ขาก้าวพาร่างบางเดินผ่านตึกแล้วตึกเล่า มุ่งหน้าไปประตูมหาวิทยาลัยด้วยความเคยชิน

จู่ๆฟ้าก็ร้องลั่นสะเทือนสะท้าน กระชากปอนด์ออกจากโลกส่วนตัว ยังไม่ทันได้ตั้งสติดี หยดน้ำเม็ดเป้งก็ตกกระทบหน้าที่แหงนมองฟ้าจนรู้สึกเจ็บ ทั้งๆที่จะถึงทางออกอยู่แล้วเชียว คิดอย่างหัวเสียพร้อมวิ่งกลับเข้ามหาวิทยาลัยหาที่หลบฝน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เขากำลังหงุดหงิด

ต้องมาคอยแนะนำการถ่ายรูปให้น้องที่ชมรม น้องที่ไม่รู้จักมารยาทไม่รู้จักปล่อยเขาสักที อุตสาห์ทำท่าจะกลับตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้ว จะวีนใส่ก็กลัวภาพพจน์ที่ก่อร่างมานานแสนนานจะแปดเปื้อนหมด กว่าจะเลิกชมรมได้ท้องฟ้าก็เริ่มมืดซะแล้ว ถ้ากลับไปไม่ทันต้อนรับเหยื่อใครจะรับผิดชอบเนี่ย!

คิดอย่างหัวเสีย ขาก็เหยียบคันเร่งโดยไม่สนใจว่าเป็นถนนในมหาวิทยาลัย ...ใครจะสนกัน ก็ในเมื่อเย็นขนาดนี้แล้ว ไอ้บ้าที่ไหนมันจะยังเดินระรานอยู่ในถนนมหาวิทยาลัยอีกเล่า แถมฝนตกหนักอย่างนี้อีก ...โชคดีที่เขาแอบติดตั้งกล้องสอดแนม ส่งสัญญาณตรงเข้าจอคอมพิวเตอร์ที่ห้องแล้วนะ ไม่งั้นวันนี้คงชวดเพราะโดนฝนบัง ส่องไม่เห็นแน่ๆ

กำลังเพ่งมองถนนเผื่อชนหมาอยู่ดีๆ เด็กหนุ่มรูปร่างคุ้นตาก็พลันวิ่งปาดหน้ารถยุโรปแรงม้าสูง สัญชาตญาณสั่งให้เหยียบเบรคสุดแรงเกิด ใจเต้นกระเด็นกระดอนแทบหลุดออกมานอกอก เขามั่นใจว่าไม่ได้ชนแน่ๆ แต่เด็กหนุ่มก็ลงไปนั่งแหมะอยู่ที่พื้นถนนโดยไม่กลัวเปื้อนแล้ว

“เป็นอะไรรึเปล่า” ให้ตาย สงสัยจะตกใจมากจริงๆ ร่างบางที่นั่งกลางถนนถึงได้หน้าซีดไร้สีเลือด ปากสั่นตัวสั่นอย่างนี้ จิตใจส่วนดีกระซิบบอกให้รีบสำรวจอาการบาดเจ็บ ช่วยเหลือเด็กหนุ่มขึ้นมาซักที แต่...

ปากแดงสั่นหอบนิดๆ ดวงตาสีราตรีเบิกกว้างแสดงความแตกตื่น ผมดำสนิทเปียกลู่ระวงหน้ารูปไข่ หน้าขาวใสตัดกับแบ็คกราวน์มืดๆของวันฝนตก เสื้อเชิ้ตขาวตัวโคร่งเปียกลู่แผ่นอกบอบบาง มองทะลุเห็นถึงสีเนื้อด้านใน ภาพเทวดาน้อยใกล้เหลือเกิน ใกล้กว่าที่เคยเห็นในกล้องส่องทางไกลนัก ใกล้ในระยะที่มือเอื้อมถึง อยากสัมผัสเหลือเกิน...

กลืนน้ำลายจนลูกกระเดือกเคลื่อนขึ้นลง พยายามหักห้ามใจอยู่นาน กว่าจะเปล่งเสียงออกไปได้

“น้องครับ น้องปอนด์” เรียกกระตุ้นจนเด็กหนุ่มค่อยได้สติ ใบหน้าขาวซีดหันกลับมามองต้นเสียง

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ความตกใจที่เกือบถูกชนเทียบความตกใจที่ได้เจอพี่พลไม่ติด ความคิดตบตีกันวุ่นวายไปหมด เขาจะทำยังไงดี

เขาไม่ควรแสดงความแตกตื่นออกไป

เขาควรจะเก็บอาการระแวงเอาไว้

ใช่ ต้องไม่ให้เจ้าตัวรู้ว่ากำลังถูกสงสัยอยู่

“ไม่เป็นไรครับ” จริงๆน่ะเป็น เรื่องตกใจมันเกิดขึ้นเร็วเหลือเกิน บวกกับพายุที่พัดกระหน่ำ ลมพัดจนหนาวเสียดผิว ตัวยังสั่นไม่หาย ขาก็หมดเรี่ยวแรงจะพยุงตัวขึ้นยืน

พี่พลยังคงจับแขนจับขาของเขาอยู่ คลำหาอาการบาดเจ็บ เมื่อไม่พบจึงค่อยมีสีหน้าเบาใจ ท่าทางจะรู้ว่าเขายืนไม่ไหว แขนแกร่งจึงช้อนตัวขึ้นอุ้ม กลิ่นโคโลญจ์จากร่างสูงตีเข้าจมูกให้รู้สึกอยากสูดไว้แล้วแอบอัดเก็บใส่ กระป๋องกลับไปสูดต่อที่ห้องซะจริง แอบซุกอกแมนๆซักนิดนึงเจ้าตัวคงไม่รู้หรอกนะ ไม่นานขาแข็งๆอุดมด้วยกล้ามเนื้อก็พาสองชีวิตเดินมาถึงรถ หย่อนเขาลงข้างที่นั่งคนขับ ง่ายดายเหมือนไม่มีน้ำหนักตัว

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

“น้องชื่อปอนด์ใช่มั้ยครับ? พี่ว่าเราเคยอยู่กลุ่มรับน้องของพี่นะ” หลังจากพาไปตรวจร่างกายที่คลีนิคใกล้มหาวิทยาลัย โดนปีศาจในเสื้อกาวน์จิ้มทะลวงยาคลายเครียดไปหนึ่งเข็ม ปอนด์ก็มานั่งจุมปุ๊กอยู่ข้างที่นั่งคนขับ คนขับล่ำๆที่ร่ำๆอาสาพาเขาไปส่งบ้าน

ท่าทางเหมือนพี่พลจะจำเขาได้แค่คลับคล้ายคลับคลาเอง ร่างบางเหลือบตามองใบหน้าด้านข้าง ไรหนวดเขียวๆบนหน้าขาวๆ ปากเม้มสนิท ตาจ้องมองถนนเบื้องหน้า

แต่เสียงทุ้มนี่ยิ่งฟังก็ยิ่งเหมือน

ลองคุยดูเดี๋ยวก็รู้ พยักหน้าตอบคำถามไป เงียบไปซักพักก็เปิดปากคุย “ไม่น่าลำบากพี่เลยครับ ที่จริงฝนหยุดแล้ว ผมกลับบ้านเองก็ได้”

“ไม่ได้หรอก พี่เกือบชนเรา พี่ก็ต้องรับผิดชอบเอาไปส่งให้ถึงบ้านสิ แถมเพิ่งฉีดยาคลายเครียดไปไม่ใช่หรือ เดี๋ยวก็หลับคาแท๊กซี่ โดนเอาไปขายไม่รู้เรื่องหรอก” พูดปนหัวเราะ

“แต่ต้องเสียเวลาขับรถอีก ทั้งๆที่มืดขนาดนี้แล้ว กว่าพี่จะถึงบ้านก็คงดึก” เอ่ยอย่างเกรงใจ

“ฮื้อ ลำบากอะไร บ้านพี่อยู่ใกล้ๆเราเอง”

“...บ้านพี่อยู่ไหนหรือครับ”

+++++++++++++++++++++++++++++++

ซวย! วันนี้เป็นวันซวย! คิดในใจพลางเม้มปากคิดที่อยู่ใหม่แก้สถานการณ์

ก็ว่าเสียวๆตั้งแต่ไปคลีนิคแล้ว เสียงในมือถือกับเสียงจริงมันจะต่างกันซักแค่ไหนเชียว แถมท่าทางน้องปอนด์ก็แอบมองอยู่หลายครั้ง โดนสงสัยชัวร์

“จะว่าไปก็ไกลเหมือนกันล่ะนะ แต่ขับรถเอาครึ่งชั่วโมงก็ถึง บ้านพี่อยู่แถว...น่ะ” เอาบ้านพ่อก็ได้ฟะ

‘เคยได้ยินคนคุยกันว่าอยู่คอนโดไม่ใช่หรือ ชื่อที่พูดมามันบ้านจัดสรรนี่นา’ มันคงดูโจ่งแจ้งเกินไปถ้าจะถามคำถามนี้ออกมา ความสงสัยเลยถูกพักไว้ในใจของเด็กหนุ่ม

หลังจากตอบคำถามนั้น ในรถก็เงียบสนิท มีเพียงเสียงเครื่องยนต์ครางต่ำๆกับแอร์เบาๆแทรกระหว่างพวกเขาเท่านั้น ต่างคนต่างจมอยู่ในความคิดของตัวเอง จวบจนรถขับมาถึงคอนโดหรู เด็กหนุ่มค่อยเงยหน้าสบตาขอบคุณตามมารยาท

“ขอบคุณนะครับ พี่พล” รีบเร่งลงจากรถให้เร็วที่สุด แต่ยังไม่ทันเปิดประตู มืออุ่นใหญ่ก็เอื้อมมาคว้าแขนไว้ได้ก่อน ดวงตาที่มองตรงมาทำเด็กหนุ่มแทบจะโยนความหวาดระแวงทั้งหมดทิ้งลงพื้นกระทืบ ซ้ำให้จมดิน แล้วหันกลับมาเสนอตัวเสนอใจให้ชายหนุ่มแทน

“อาบน้ำสระผมแล้วรีบนอนนะครับ จะได้ไม่เป็นหวัด แล้วก็...” อุ้งมือหนาใหญ่ยกขึ้นขยี้หัวทุยอย่างถือสิทธิ์

“…ราตรีสวัสดิ์ครับ”

ปุ้ง!

ลูกโป่งที่บรรจุด้วยริบบิ้นหลากสีผสมกระดาษสะท้อนแสงชิ้น เล็กมากมายกำลังแตกพร่างพรูกระจาย เทวดาตัวน้อยน่ารักหลายตนร่วมใจกันเป่าทรัมเปตบรรเลงเพลงสู่สรวงสวรรค์ แขนเล็กๆคล้องตระกร้าใบจิ๋วโปรยดอกไม้อย่างร่าเริง...ทั้งหมดนี้เป็นภาพที่ ผุดขึ้นในศีรษะน้อยๆใต้อุ้งมือใหญ่อบอุ่น พยักหน้าตอบกลับไปเหมือนตุ๊กตาเสียกบาล ยังไม่ทันสรรหาคำชึ้งๆมาพูดตอบชายหนุ่ม เจ้าม้าแรงสูงก็ควบออกจากหน้าคอนโดไปซะแล้ว

หลังจากไขกุญแจเข้าห้องได้ อาบน้ำจนเสร็จอย่างที่ใครบางคนสั่งไว้ หัวก็เริ่มโงนเงน ยาคลายเครียดคงออกฤทธิ์เต็มที่แล้วล่ะมั้ง คิดพลางล้มตัวลงนอนบนเตียงอย่างมีความสุข ความตื่นเต้นที่เจอในวันนี้ทำให้ลืมกิจวัตรประจำวันจากนักถ้ำมองไปเสียสนิท

++++++++++++++++++++++++++++++++++

เขาจะทำยังไงต่อดีนะ จะถอยออกมาไม่ให้ร่างบางจับพิรุธได้มากกว่านี้ หรือจะเดินหน้าสู้ตายดี ...คิดอย่างกลุ้มใจทั้งๆที่ความรู้สึกมันตอบออกมาชัดแจ้งอยู่แล้ว

นี่เป็นโอกาสที่จะได้ทำความรู้จักเด็กหนุ่มมากขึ้นแล้ว เขาอยากสัมผัสตัวเป็นๆ เนื้อนุ่มๆหอมๆอย่างที่ได้ลิ้มลองสัมผัสเพียงชั่วครู่ในวันนี้ เขาไม่ต้องการแค่การได้ยินเสียงครางกระเส่า ปลุกเร้าอารมณ์วาบหวามผ่านโทรศัพท์ เขาอยากให้ริมผีปากแดงๆนั้นช้ำด้วยฝีมือของเขา อยากให้เสียงครางกระเส่าดังชัดเจนจากปากที่แนบชิดใบหูของเขา เขาไม่ต้องการแค่การได้เห็นภาพจากจอคอมพิวเตอร์อีกต่อไป เขาอยากจ้องลงไปในดวงตาดำกระจ่างเหมือนท้องฟ้าไร้ดาว อยากให้ดวงตาน่าหลงไหลนั้นจัองตอบกลับมาเพื่อสื่อภาษาใจ

...เขาต้องการปอนด์ทั้งตัวและหัวใจ…

แต่เขาจะทำได้หรือ การได้ตัวจริงเสียงจริงมาอยู๋ใกล้ๆมันก็ดีอยู่หรอก แต่งานอดิเรกของเขาล่ะ จะเลิกได้หรือ เขาคงไม่สามารถสารภาพความจริงกับเด็กหนุ่มได้ หากเขาเลือกจะอยู่เคียงข้างอย่างปกติชนแล้ว นักถ้ำมองโรคจิตคนนี้ก็ควรจะหายไปจากโลก เขาจะต้องเลิกงานอดิเรกนี้ซะ งานอดิเรกที่เคยทำจนเป็นนิสัยมาทุกเมื่อเชื่อวัน เป็นเวลาเกือบสามปี หากเขาจะเลิกไป ก็คงเหมือนคนที่ขาดอากาศหายใจ เหมือนปลาที่ไม่มีลำธารให้ว่ายแหวก ...เขาจะเลิกได้จริงๆหรือ?

เหมือนกำลังยืนอยู่หน้าทางสองแพร่ง ไม่รู้ว่าจะก้าวขาเดินไปในทิศทางใดดี

...คงต้องปล่อยให้สถานการณ์นำไป

มือใหญ่กดเปิดจอคอมพิวเตอร์ แสดงมุมต่างๆของห้องหรูในคอนโดตึกข้างๆ เลือกฉากที่สามารถเห็นเตียงนอนได้ชัดเจนแล้วขยายใหญ่ขึ้น จอแสดงภาพเด็กหนุ่มหน้าหวาน กำลังนอนขดซุกหาไออุ่นจากผ้านวมผืนใหญ่ แสงไฟสีส้มจากโคมไฟข้างเตียงนอนขับให้ผิวหน้าดูเนียนสวยน่าลูบไล้

ปากบางคลี่ยิ้มอ่อนโยน

วันนี้จะยอมให้นอนสบายซักคืนก็แล้วกัน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++
จะโพสไตรภาคแรกให้จบก่อนเลยนะคับ สาธุให้ผลบุญที่ไม่ทำให้คนอ่านรอ จงทำให้ผมอ่านหนังสือสอบเข้ากะบาลทั้งหมดเถอะ :a2:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: playCardPlaYBoy ที่ 05-04-2008 22:48:48
-7-
เวลาประมาณสี่โมงเย็น เป็นเวลาที่นักศึกษาส่วนใหญ่เลิกเรียน หนุ่มสาวในชุดนักศึกษาพรูกันออกมาจากห้องเรียนแต่ละห้องจนลานกว้างอัดแน่นไป ด้วยผู้คน บ้างก็จับกลุ่มนัดกันทานอาหารเย็น บ้างก็แยกย้ายกลับบ้าน คนที่มีกิจกรรมชมรมต่างก็มุ่งหน้าไปสู่ตึกกิจกรรมที่อยู่ห่างจากคณะไปพอ สมควร

ปอนด์กำลังเดินอยู่กับตุ๊ก เพื่อนสาวที่สนิทกันได้เพราะการเข้าร่วมมหกรรมแบ่งจดเล็คเชอร์ ขนาดจดสองคนคนละหัวข้อ ยังจดทีมือเป็นระวิง ไม่รู้ว่าอาจารย์จะปิ้งสไลด์ให้เป็นภาพเคลื่อนไหวไปทำไม สงสัยสะใจเวลาเห็นเด็กสอบตก

ตุ๊กเป็นผู้หญิงที่จัดว่าสวยทีเดียว ลักษณะท่าทางเรียบร้อยน่ารัก ผมยาวตรงเลยไปถึงกลางหลัง ทรวดทรงองค์เอวดูไม่ขัดตา เสื้อนักศึกษาก็แต่พอดีตัวดูดี ไม่ได้ตัวเล็กเกินไปจนน่าเกลียด จึงมีหนุ่มๆเข้ามาจีบไม่น้อยเลย แต่เธอก็ยังไม่มีท่าทีสนใจใครเป็นพิเศษ ผู้ชายที่คบได้สนิทใจก็มีแค่ปอนด์คนเดียว ดังนั้นทุกๆวันหลังเลิกเรียน จึงเห็นภาพของเด็กหนุ่มร่างบางเดินคู่กับสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มคุยกันอย่าง สนุกสนาน จนเพื่อนๆเอาไปล้อว่า เห็นทีมือเล็คเชอร์ความหวังเพื่อนๆทั้งสองคน จะได้เป็นฝั่งเป็นฝากันซะแล้ว

ปอนด์มักจะเดินไปส่งเพื่อนสาวที่ตึกกิจกรรมเสมอ ตุ๊กเป็นคนชอบทำกิจกรรมมาก นี่คงเป็นเหตุผลหนึ่งที่สาวน้อยไม่คิดจะหาแฟนมาผูกมัดอิสระของตนเอง

กำลังคุยกันเรื่องรายงานได้ครึ่งๆกลางๆ เสียงแตรรถยนต์ก็ดังขึ้นสั้นๆด้านหลังเรียกความสนใจของสองหนุ่มสาวให้ต้อง หันไปมอง เสียงแตรที่ได้ยินถูกส่งมาจากรถยุโรปคุ้นตาเด็กหนุ่ม ...รถที่เขาทำเบาะเปียกซกจากการนั่งแช่แหมะอยู่กลางถนนแล้วค่อยถูกหย่อนลงไป นั่งได้ครึ่งก้นด้วยความเกรงใจ เพ่งจุดสนใจเข้าไปที่ที่นั่งคนขับ ก็พบคนที่ทำให้ใจเต้นกระหน่ำ กลิ่นโคโลญจ์ยังติดตรึงใจอยู่ไม่หาย

กระจกรถเลื่อนลงพร้อมกับหน้าหล่อๆไรหนวดเขียวจางๆยื่นมาทักทาย

“น้องปอนด์ น้องตุ๊ก สวัสดีครับ ขอโทษที่รบกวนนะ แต่พี่อยากยืมตัวปอนด์ไปด้วยกันหน่อยน่ะ” เขาไม่ส่งสัยว่าทำไมชายหนุ่มถึงรู้จักเพื่อนสาวของเขาได้ ก็จะไม่รู้จักได้อย่างไร ในเมื่อชมรมที่ตุ๊กอยู่ มันก็ชมรมหนังสือพิมพ์ที่มีพี่พลเป็นคอยชี้แนะน้องๆนี่นา

ยืนลังเลอยู่ซักพัก เสียงแตรจากรถคันหลังที่ต่อแถวในถนนเลนส์เดียวของมหาวิทยาลัยก็ดังถี่ๆ 2-3 ที เหมือนจะเตือนว่า เฮ้ จอดแช่ไว้อย่างนี้ไม่สวยครับ! เด็กหนุ่มจึงตัดสินใจวิ่งอ้อมรถกระโดดขึ้นข้างที่นั่งคนขับ พลันนึกขึ้นมาได้ว่ายังคุยเรื่องรายงานไม่เสร็จดี กระจกจึงถูกเลื่อนลงพร้อมชะโงกตัวออกนอกรถที่เริ่มเคลื่อนตัวอย่างน่าหวาด เสียว มือโบกหยอยๆ ตะโกนบอกลา “ไปก่อนนะ โทษทีที่ไม่ได้กินข้าวด้วย แล้วคืนนี้จะโทรไปหา”

นัยน์ตาดำเข้มลอบมองทางกระจกหลัง เห็นสาวน้อยน่ารักหน้าตายิ้มแย้มกำลังโบกมือลาเพื่อนหนุ่ม หล่อนมองตามรถจนสุดสายตา เส้นเลือดข้างขมับเต้นตุ้บ อารมณ์หึงหวงก่อเกิด เทวดาตัวน้อยของเขาช่างเนื้อหอมซะจริง หญิงชายไม่เว้นหน้าต่างก็เข้ามารุมล้อมเหมือนฝูงผึ้งรอโอกาสจะดูดชิมน้ำหวาน จากดอกไม้ล้ำค่าที่ตกลงมาจากสวรรค์

ไม่ได้ เขาต้องสงบสติอารมณ์ให้ดี พี่พลในมุมมองของปอนด์ต้องเป็นหนุ่มสุภาพ ใจดี

ปอนด์เหลือบมองหน้าคนขับเล็กน้อย เอ่ยถามอย่างสงสัย ความระแวงในใจยังไม่หายไป ให้ตาย นึกว่าวันนี้จะได้หาหลักฐานพิสูจน์แล้วเชียว “พี่พลมีธุระอะไรกับผมเหรอครับ”

“พี่อยากเลี้ยงข้าวเราซักมื้อน่ะครับ เป็นการขอโทษที่ทำให้เราตกใจเมื่อวานนี้ไง”

“ที่จริงไม่เห็นต้องลำบากพี่เลยครับ เมื่อวานก็อุตส่าห์พาไปหาหมอ แล้วยังไปส่งถึงบ้านอีก ผมต่างหากต้องเป็นฝ่ายขอโทษที่ทำให้ยุ่งยาก”

“พี่ไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องยุ่งยากอะไรเลย เราไม่จำเป็นต้องขอโทษอะไรพี่หรอก เอาเป็นว่า มื้อนี้พี่อยากเลี้ยงน้องกลุ่มที่บังเอิญได้เจอกันอีกครั้งก็แล้วกัน โอเคมั้ยครับ” ตอบพลางหันมายิ้มให้อย่างอ่อนโยน

ปอนด์จะทำอะไรได้ นอกจากยอมพยักหน้าตกลง

++++++++++++++++++++++++++++++

“ขอบคุณที่เลี้ยงข้าวนะครับ แถมยังพามาส่งอีก ลำบากพี่จริงๆ ทั้งๆที่ร้านอาหารอยู่แถวๆบ้านพี่แท้ๆ” ตอบขอบคุณหลังจากที่รถยุโรปจอดเทียบอยู่ที่ด้านข้างประตูคอนโดแล้ว

“ทำไมแก่เกรงใจอย่างนี้นะเรา เอาอย่างนี้ ถ้าเกรงใจมากนัก ไว้วันหลังเราเลี้ยงข้าวพี่คืนซักมื้อก็ได้ นะครับ” ตอบอย่างเอ็นดูพร้อมเอื้อมมือไปขยี้หัวทุยๆเล่น

“แล้วก็ มันอาจจะแปลก แต่...” เด็กหนุ่มมองตรงเข้าไปในดวงตาสีเข้มที่บ่งบอกอารมณ์อย่างไม่ปิดบัง

“พี่ชอบน้องปอนด์นะ ชอบมาตั้งแต่วันแรกที่เจอแล้ว จะมาเป็นแฟนพี่ได้รึเปล่า คือ...มันอาจจะเร็วไปสำหรับน้อง แต่พี่จะรอคำตอบนะครับ” ร่างบางรู้สึกลำคอตีบตัน พูดอะไรไม่ออกขึ้นมาดื้อๆ มือเล็กเปิดประตูรถ ก้าวออกมายืนอย่างคนที่กำลังหลงอยู่ในโลกแห่งความคิดของตนเอง

“แล้วพี่จะแวะไปหาที่คณะก็แล้วกันครับ”

++++++++++++++++++++++++++++++++

พี่พลชอบเขา! ในใจกำลังร่ำร้องอย่างยินดี ชายหนุ่มใจตรงกับเขา!

แต่อีกใจที่ยังระแวงสงสัยอยู่แย้งขึ้นมา

พี่พลกำลังแกล้งเขาเล่นหรือเปล่า ถ้าพี่พลเป็นนักถ้ำมองคนนั้นล่ะ นักถ้ำมองที่รู้รสนิยมของเขาอยู่แล้ว มันไม่ยากเลยถ้าจะล่อให้เขาติดบ่วงเกมที่นักถ้ำมองคนนั้นกำลังเล่นอยู่

มันมีเรื่องสงสัยอยู่ไม่คลาย...จำเป็นจะต้องพิสูจน์หาความจริง

++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 

“ใกล้รึยังล่ะ เร่งให้เร็วกว่านี้สิ” เสียงทุ้มนุ่ม ชวนให้กระหวัดไปนึกถึงหน้าขาวๆ ใกล้ๆ ของชายหนุ่ม คำขอเป็นแฟนที่เพิ่งได้ยินเมื่อตอนเย็นยังสะท้อนก้องอยู่ในใจ อุ้งมือใหญ่อุ่นที่วางบนศีรษะขยี้อย่างมันมือ

“อาาาาา...” ความปรารถนาระเบิดพร่างพราย ร่างบางหงายศีรษะจนเกือบจะชนกับพนักโซฟาที่นั่งอยู่ โซฟาที่ตั้งอยู่หน้ากระจกหน้าต่างดังเช่นวันที่มันเพิ่งถูกย้ายมา ด้านหน้าหันหาหน้าต่างบานใหญ่ราวต้องการให้ผู้นั่งได้ชมทิวทัศน์ยามราตรีของ เมืองที่เทบจะไม่หลับไหล หากความจริงแล้วสิ่งที่ถูกชมอยู่ก็คือร่างขาวที่นั่งอยู่บนมันนั่นล่ะ เด็กหนุ่มกำลังนั่งเอนๆอยู่ ขาข้างหนึ่งถูกยกขึ้นมาวางบนพนักวางมืออย่างหมิ่นเหม่ ในขณะที่อีกข้างยังจิกเกร็งพื้นพรมนุ่มด้านล่างจากอารมณ์ที่ยังค้างคาอยู่ ...ท่าทางที่ทำให้ผู้ได้ชมต้องเร่งลมหายใจหนักหน่วงเก็บกักอารมณ์ที่เจียนจะ ระเบิดออกมาเต็มที

ปอนด์ได้ยินเสียงหอบหายใจของตัวเองประสานกับเสียงหอบหนักๆ ของอีกฝ่าย คนคนนั้นกำลังมองดูเขาอยู่...เหมือนเชื้อไฟมอดๆที่ถูกน้ำมันราดลงไปให้โหม กระพือขึ้นมาอีก ร่างกายที่ยังไม่ทันหายเหนื่อยกลับร้อนผ่าว ขนอ่อนที่คอลุกชันขึ้นมา พร้อมกับความปรารถนาที่เริ่มต้นอีกครั้ง

“อยากทำอีกรอบงั้นหรือ” ยังไม่ทันที่เสียงทุ้มนุ่มปนหอบจะนำทาง มือขวาที่เลอะสัมผัสเหนียวเหนอะก็เริ่มทำหน้าที่อีกครั้ง ร่างกายที่เพิ่งปลดปล่อยยังไวสัมผัสจึงใช้เวลาเพียงครึ่งของปกติในการไปถึง จุดหมาย ร่างบางหอบหายใจหนักกว่าเดิม รู้สึกเหนื่อยจนสติแทบหลุดลอยออกจากร่างกาย

“หึ เด็กไม่ดี” เสียงตำหนิไม่จริงจังนักดังเข้าสติเลือนๆ ก่อนจะวูบไป พร้อมๆกับเจ้าของเสียงทุ้มที่ไต่ระดับขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุดแห่งความหฤหรรษ์

++++++++++++++++++++++++++++++++++++

“คุณจะทำอย่างนี้ไปจนถึงเมื่อไหร่ครับ” หลังจากรู้สึกตัว ร่างบางก็เริ่มเปิดประเด็น น้ำเสียงออกจะกล้าๆกลัวๆอยู่

“ทำไมล่ะ ไม่พอใจอะไร เมื่อกี้นี้เธอก็มีออกจะอารมณ์ร่วมอยู่นี่”

“ผมไม่ได้ต้องการให้มันเป็นอย่างนี้สักหน่อย ผมไม่ได้ต้องการทำท่าน่าอายให้ใครก็ไม่รู้นั่งดูทุกวี่ทุกวันนะ ผมอยากได้ชีวิตส่วนตัวกลับมาอย่างที่มันเคยเป็น” น้ำเสียงเคร่งเครียดถูกส่งออกจากโทรศัพท์มือถือในอุ้งมือหนา จอภาพแสดงหน้าตาไม่มีทางออกของเด็กหนุ่มไร้ทางสู้

“ผมทนไม่ได้ ถ้าจะต้องคอยปิดบังเรื่องน่ารังเกียจอย่างนี้กับคนที่ผม...รัก ถ้าเธอรู้ว่า...ผมสกปรกขนาดนี้ เธอจะต้องรังเกียจผมแน่ๆ …ผมขอร้องล่ะครับ”

‘เธอ?’

...ไม่ใช่ ‘เขา’ ?

เสียงที่เคยทุ้มนุ่ม กลับกลายเป็นเสียงเค้นลอดไรฟัน “เธอเป็นของฉัน ฉันเป็นคนเดียวในโลกนี้ที่รับเรื่องสกปรกน่ารังเกียจของเธอได้ ฉันเป็นคนเดียวที่รู้เบื้องหลังที่ถูกหลบซ่อนไว้ของเธอ อย่าคิดจะมีคนอื่นเชียว แล้วก็...ลองพาใครเข้ามาในห้องนี้สิ ฉันจะทำให้เธอเสียใจจนเจียนตายเลย”

++++++++++++++++++++++++++++++++++

ใครก็ไม่รู้กำลังจะขโมยเทวดาตัวน้อยของเขาไป ไม่ ...เขาไม่มีวันยอม เด็กคนนั้นเป็นของเขา! เป็นของเขามาตั้งนานแล้ว มีเขาเพียงคนเดียวที่ได้เห็นหน้ายามนอนหลับอย่างสงบใต้แสงส้มนวลของโคมไฟ ข้างเตียง เขาคนเดียวที่ได้เห็นเรื่องน่าอับอายของเด็กหนุ่ม เขาเท่านั้นที่สู้เสียเวลาอดกลั้น ฝึกฝนจนเด็กน้อยเริ่มมีเดียงสา ทั้งๆที่จะใจเย็นรอคำตอบไปเรื่อยๆได้แล้วเชียว

ทั้งๆที่ปอนด์น่าจะตอบตกลงเป็นแฟนกับเขาแท้ๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Tetjinen ที่ 05-04-2008 22:48:57
สนุกดีครับ  o2
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: playCardPlaYBoy ที่ 05-04-2008 22:50:03
หลังจากวันที่ชายหนุ่มพาไปทานอาหารได้สองวัน

เสียงกริ่งหน้าประตูห้องดังขึ้นเป็นครั้งที่สอง เหลือบมองนาฬิกา เข็มชี้ที่เวลาบ่ายสามโมงครึ่ง ร่างบางในชุดนอนกางเกงขายาวจึงค่อยยอมสะบัดผ้านวมลุกขึ้นจากเตียง หยีตามองตาแมวเห็นพี่พลในชุดนักศึกษาสบายๆ กำลังยืนหล่อรอประตูเปิด

“สวัสดีครับ พี่พล มีอะไรรึเปล่า?” เปิดประตูพลางทักทายออกไปด้วยเสียงล้าๆ

“พอดีผ่านมาเลยแวะมาหาน่ะครับ จะโทรมาบอกก่อนก็ไม่มีเบอร์ แต่คิดว่าน่าจะกลับจากมหาลัยแล้ว เลยลองเสี่ยงมาดู... ไม่คิดมาก่อนว่าจะเจอน้องปอนด์ไม่สบายอยู่อย่างนี้ เป็นยังไงบ้าง กินอะไรรึยัง แล้วยาล่ะ มีสำรองไว้รึเปล่าครับ” ถามรัวเหมือนไม่ต้องการคำตอบ หลังมือใหญ่ยกขึ้นแนบหน้าผากพลางถอนใจโล่งอก ท่าทางไข้จะไม่สูง

“ผมเพิ่งตื่นน่ะครับ ยังเพลียๆอยู่ ไม่ค่อยมีแรงเท่าไหร่ แต่เดี๋ยวก็คงดีขึ้น” ตอบพลางหลีกทางให้ร่างสูงก้าวเข้ามาในห้อง

จะดีขึ้นได้ยังไง ตั้งแต่เช้ายังไม่มีทั้งอาหารทั้งยาตกถึงท้องเลยนี่นา ชายหนุ่มคิดในใจ จะหลอกใครก็หลอกไปเถอะ หลอกเขาได้ที่ไหน ก็วีดีโอมันฟ้องอยู่ทนโท่ ภาพที่ร่างบางนอนแบ่บอยู่บนเตียงทั้งวันทำให้รู้สึกเป็นห่วงจับใจ ดีนะที่วันนี้เลิกเรียนเร็ว ไม่งั้นปอนด์คงอาการหนักขึ้นกว่านี้แน่ๆ

หลังจากกลับจากมหาวิทยาลัย ภาพบนจอคอมพิวเตอร์ก็ทำให้ชายหนุ่มแปลกใจ แรกเริ่มเดิมทีนึกสงสัยว่าทำไมปอนด์ถึงได้กลับห้องมานอนเร็วนัก พอย้อนเทปวีดีโอก็ได้คำตอบ เด็กหนุ่มไม่ได้กลับเร็ว ที่ถูกต้องคือไม่ได้ไปเรียนต่างหาก แถมทั้งวันนอกจากลุกไปเข้าห้องน้ำแล้วก็ไม่คิดจะลุกไปหาหยูกหายากินเลย แสดงว่าอาการน่าจะหนักทีเดียว คิดได้ก็รีบขับรถไปซุปเปอร์มาเก็ตที่ใกล้ที่สุด หาซื้อข้าวต้มสำเร็จรูปที่พอจะทำเป็น กับยาเม็ดลดไข้ จำนวนหนึ่งแล้วรีบบึ่งตรงมายังห้องเด็กหนุ่ม

“พี่จะทำข้าวต้มให้นะครับ แล้วค่อยกินยา น้องปอนด์ไปนอนรอก่อนเถอะ” ยึดครัวได้ก็ไล่ร่างบางเข้าห้องนอนไป สองมือค้นเครื่องครัว เตรียมห่อต้มข้าวต้มสำเร็จรูป อ่านวิธีทำด้านหลังซอง แล้วก็ลงมือทำอย่างทะมัดทะแมง

ผ่านไปเกือบสิบนาที ข้าวต้มหมูร้อนๆหอมๆในชามกระเบื้องขาวก็ถูกยกเสิร์ฟถึงเตียงคนป่วย

“ทานให้หมดชามนะครับ แล้วค่อยกินยา” ดวงตาดำกระจ่างมองสังเกตถาดที่วางชามข้าวต้มน่าทานไว้ ข้างๆกันมีถ้วยใบเล็กใส่ยาไว้สองเม็ด

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

พิรุธเห็นๆ ขึ้นมาถูกห้องได้ยังไง เขาไม่เคยบอกเบอร์ห้องให้ชายหนุ่มรู้ รปภ.ข้างล่างไม่มีทางบอกเบอร์ห้องของเขาแน่ ตอนทำอาหารก็เหมือนรู้ตำแหน่งที่วางของ แล้วยังอาหารกับยาที่เตรียมมาครบเซ็ตอีกล่ะ แค่มาเยี่ยมคนที่ไม่ได้คิดว่าจะป่วยไม่เห็นต้องเตรียมมาขนาดนี้เลยนี่นา เหมือนกับรู้อยู่เล้วว่าเขากำลังป่วย ไม่มียากิน แล้วก็ยังไม่ได้กินอะไรเลยอย่างนั้นแหละ

ข้อทดสอบแรกทำให้มั่นใจมากกว่าเก่า คุ้มค่ากับที่ยอมโดดเรียน อดข้าวมาครึ่งค่อนวัน

ปักใจไปเกือบเต็มร้อย มีหลักฐานอีกนิดก็มัดตัวดิ้นไม่หลุดแล้ว

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

“ปอนด์ วันนี้ว่างรึเปล่า ช่วยอะไรเราหน่อยสิ” ตุ๊กพูดขึ้นมาระหว่างนั่งทานข้าวเย็นกับปอนด์ที่โรงอาหารรวมมหาวิทยาลัย ฝนที่ตั้งเค้าจะตกมาตั้งแต่บ่ายๆทำให้คนในโรงอาหารมีไม่มากนัก อากาศร้อนชื้นทำให้รู้สึกตัวเหนียวไปหมด

“ได้สิ มีอะไรล่ะ” เขาไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว ไหนๆวันนี้ตัวก็เหนียวเหนอะหนะ บรรยากาศก็อึมครึม จะให้นั่งอ่านหนังสือต่อก็คงไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่ ครั้นจะกลับบ้านก็ยังไม่อยากกลับ

“ก็ไม่มีอะไรมากหรอกจ้ะ เราอยากให้ปอนด์ช่วยเราคัดเอกสารในห้องชมรมไปทิ้งหน่อยน่ะ พอดีเอกสารใบสมัครมันเก็บรวมมาหลายปีแล้ว ชักมากจนไม่มีที่เก็บแล้วน่ะ ฝุ่นในห้องมันเลยเยอะชะมัด ทำความสะอาดก็ยาก ช่วงนี้มันใกล้สอบแล้วด้วยสมาชิกเลยไม่ค่อยมากันน่ะ ไม่รู้จะให้ใครช่วยจริงๆ เอาเป็นว่าเดี๋ยวทำเสร็จแล้วเราจะเลี้ยงไอติมตอบแทนแล้วกันนะจ๊ะ” สาวน้อยยิ้มจนตาหยี ในที่สุดก็มีคนช่วยแล้ว

“อือฮึ ...ใบสมัครเก่าๆหรือ” ปากแดงฉ่ำยิ้มน้อยๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++
 

“อันนี้เป็นของสองปีที่แล้ว ทิ้งทั้งกองเลยนะปอนด์” ร่างบางใช้เชือกฟางมัดกองกระดาษ แยกไว้ในส่วนเอกสารไม่ใช้แล้วตามที่เด็กสาวบอก มือพลิกกองกระดาษหาชื่อของชายหนุ่มในใบสมัคร ...ตอนนั้นควรจะอยู่ปี 1 สินะ

ทศพล ...พศพล ...ทศพล

“เจอแล้ว” ด้วยความดีใจ จึงเผลอพูดออกมา ถึงจะไม่ดังนัก แต่ก็พอได้ยินผ่านเสียงฝนเปาะแปะนอกอาคาร

“อะไรเหรอ” ตุ๊กหันมาถามอย่างสงสัย ทำเอาร่างบางสะดุ้ง รีบปิดกองกระดาษโดยยังไม่ลืมแอบใช้นิ้วคั่นไว้

“ไม่มีอะไรหรอก ร้องเพลงนิดหน่อยน่ะ” ว่าแล้วก็ทำท่าผูกเชือกฟางต่อไป ตุ๊กก็ไม่ได้ติดใจอะไร หันหน้ากลับแยกย้ายทำงานของตัวเองต่อ ร่างบางค่อยได้โอกาส ดึงกระดาษเก่าจนเหลืองออกมาจากกองแล้วพับใส่กระเป๋าเสื้อไว้ ทั้งๆที่อยากจะนั่งอ่านมันตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็กลัวเพื่อนสาวจะสงสัย ...ชิ

“พี่พล” เสียงของสาวน้อยทำเอาร่างบางสะดุ้งโหยงอีกครั้ง รีบหันกลับไปดูประตูทางเข้าห้องชมรม ...ก็ไม่มีใครนี่หว่า

“…ปอนด์รู้จักด้วยเหรอ” ปอนด์ถอนหายใจอย่างโล่งอก เฮ้อ หัวใจจะวาย

“เขาเป็นพี่บ้านตอนรับน้องกลุ่มเราน่ะ วันก่อนบังเอิญเห็นเราเดินอยู่ เลยพาไปเลี้ยงข้าว”

“สนิทกันเหรอ” ปอนด์เอี้ยวคอหันกลับไปมองหน้าตุ๊ก หน้าของเธอเรียบเฉยไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ ทำให้พอเดาได้ว่าเด็กสาวแค่ชวนคุยไปตามเรื่อง

“ก็ประมาณนั้น” ไม่อยากบอกว่าตอนรับน้องได้คุยกันแค่ประโยคเดียว ...เดี๋ยวจะต้องอธิบายอีกยาวเหยียด

“ไม่รู้พี่เค้าเป็นอะไร เราเจอพี่เค้าเมื่อเช้า ก็ทักไปตามปกติแหละ แต่พี่พลไม่มองหน้า ไม่คุยกับเราเลย ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่า ...เหมือนเค้าไม่ชอบหน้าเราน่ะ”

“คิดมากไปเองล่ะมั้ง พี่พลคงเครียดๆน่ะ ใกล้สอบแล้วนี่ คณะพี่เค้าก็เรียนยากซะด้วย เราว่าหลังสอบก็คงจะกลับมาเป็นพี่พลคนดีของน้องตุ๊กเองแหละ” กล่าวแซวไปตามเรื่อง แต่ในใจรู้สึกโหวงๆ ถ้าคาดไม่ผิด เขานั่นแหละเป็นต้นเหตุ

‘ผมทนไม่ได้ ถ้าจะต้องคอยปิดบังเรื่องน่ารังเกียจอย่างนี้กับคนที่ผม...รัก ถ้าเธอรู้ว่า...ผมสกปรกขนาดนี้ เธอจะต้องรังเกียจผมแน่ๆ …ผมขอร้องล่ะครับ’ เดาไม่ผิดก็ประโยคนี้แหละ ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าจะได้หลักฐานชิ้นงามอย่างนี้นี่นา ก็เลยเหวี่ยงแหหาพิรุธไปทั่ว

...ขอโทษนะเพื่อน แล้วจะเลี้ยงไอติมละกัน

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

หลังจากไปทานไอศครีมกับเด็กสาวแล้ว ฟ้าก็เริ่มมืด ฝนยังตกเปาะแปะอยู่ ปอนด์จึงตัดสินใจนั่งรถแท็กซี่กลับคอนโด ทันทีที่ขึ้นรถได้ มือบางก็ทำตามใจสั่งทันที กระดาษเหลืองกรอบขนาดเอสี่ถูกคลี่ออกมา ปากบางยิ้มนิดๆยามมองรูปถ่ายของพลตอนปีหนึ่ง ตอนนั้นชายหนุ่มยังดูเป็นเด็กหนุ่มที่ยังไม่โตเต็มที่อยู่เลย ทรงผมตัดแบบรองทรงตามระเบียบของเด็กมัธยมปลายเด๊ะ ดวงตาใสๆไม่รู้เรื่องโลกภายนอก เทียบกับตอนนี้ ดวงตาของชายหนุ่มบ่งบอกความคิดที่ลึกซึ้งของผู้ชายที่กำลังจะเรียนจบพร้อม ออกไปต่อสู้กับโลกภายนอกแล้วมากกว่า

นัยน์ตาสีนิลใต้แพขนตายาวไล่มองประวัติตั้งแต่ชื่อ วันเกิด ที่อยู่...คอนโดข้างๆเขา ห้อง 2418 เบอร์โทรศัพท์คุ้นตา ...เบอร์ที่โทรมาหาทุกวัน

ตอนนี้เขาแน่ใจแล้ว

พี่พลกับนักถ้ำมองคนนั้นเป็นคนเดียวกันร้อยเปอร์เซ็นต์

ใจหนึ่งก็รู้สึกโมโห ...คนที่ทำตัวเป็นคนโรคจิต คอยถ้ำมองเขาอยู่มานานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ริดรอนเสรีภาพส่วนบุคคล คอยแต่สั่งให้ทำเรื่องน่าอับอาย ข่มขู่แบล็คเมล์เขา ทำเอาเขาเสียสุขภาพจิต ประสาทกินไม่เป็นอันทำอะไรไปพักใหญ่ๆ

แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกดีใจ อย่างน้อยเขาก็อยู่ในสายตาของชายหนุ่ม คนที่เขาหลงรักตั้งแต่แรกเจอ คนที่ขอเขาเป็นแฟน คนที่อุตสาห์มาทำข้าวต้ม เอายามาให้เมื่อรู้ว่าเขาป่วย ความหวังที่เคยมอดดับไปถูกจุดประกายขึ้นมาใหม่อย่างที่ไม่คิดว่าจะดับลงได้ อีกต่อไป

แต่เขาจะทำยังไงดีล่ะ จะให้เดินเข้าไปบอกว่า พี่ครับ เลิกถ้ำมองผมเถอะ อยากมองก็มามองกันใกล้ๆเลยดีกว่า อย่างนี้น่ะเหรอ เขาทำไม่ได้หรอก

เขายังไม่อยากยกโทษให้กับพฤติกรรมจาบจ้วงที่โดนกระทำมานานเป็นเดือนหรอก ...ของอย่างนี้มันต้องเอาคืนบ้าง

ส่วนเรื่องที่บอกว่าชอบเขา มันจะเป็นเรื่องจริงหรือชายหนุ่มต้องการแกล้งเขาเล่นก็ตาม เขาจะได้รู้ในไม่ช้านี้แล้ว

การพนันครั้งนี้ เขาจะเป็นเจ้ามือเอง

++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: playCardPlaYBoy ที่ 05-04-2008 22:51:39
“ขอโทษนะ ตุ๊ก วันนี้เราติดธุระน่ะ คงไปกินข้าวด้วยไม่ได้”

หลังลาเพื่อนสาวได้ก็ออกเดิน ไปตามถนนมหาวิทยาลัย มุ่งหน้าไปยังคณะที่ชายหนุ่มเรียนอยู่ จะเจอหรือเปล่าเขาก็ไม่รู้ ได้แต่หวังให้ชายหนุ่มบังเอิญเลิกเรียนเวลาเดียวกัน

“น้องปอนด์ครับ” ท่าทางจะไม่ต้องเสียแรงเฉียดไปถึงรั้วคณะแล้ว บังเอิญซะจริง หันไปตามเสียงทักไกลๆด้านหลังก็เห็นชายหนุ่มกำลังเดินเร็วๆข้ามทางแยกมาหา เขา

มาถึงไม่พูดพร่ำทำเพลง คว้าข้อมือหมับพร้อมลากออกเดิน “วันนี้ว่างแล้วใช่มั้ยครับ ไปทานข้าวกับพี่ก่อนได้มั้ย แล้วเดี๋ยวพาไปส่งบ้าน ใกล้สอบแล้วด้วยนี่ เอาเป็นว่าเดี๋ยวพี่ติววิชาคำนวณตอบแทนแล้วกันนะ จะได้ไม่โทษพี่ว่ากินเวลาอ่านหนังสือไง” พูดจบก็หันกลับมาโปรยยิ้มพิชิตใจปอนด์ที่เร่งฝีเท้าเดินตามต้อยๆ ให้ใจหวิวเล่น

ดีเลย เขาก็มีเรื่องอยากคุยอยู่เหมือนกัน

...เรื่องสำคัญซะด้วย

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

“เป็นอะไรรึเปล่าครับ น้องปอนด์ ทำไมวันนี้ดูซึมๆ ยังไม่หายป่วยดีเหรอ พี่ฝืนพาเรามารึเปล่า” หลังทานอาหารกับบทสนทนาสัพเพเหระแบบที่ชายหนุ่มถามสิบคำเด็กหนุ่มพึมพำตอบคำ จบลง พลก็หมดความอดทน

ไม่มีคำตอบจากปอนด์ที่นั่งก้มหน้าดูจานอาหารราวกับไม่เคยเห็นมาก่อน ริมฝีปากแดงเม้มแน่น ท่าทางเหมือนคนอมทุกข์เหลือเกิน

“หรือเรื่องที่พี่บอกชอบเรา วันก่อน ...พี่ทำให้น้องปอนด์หนักใจรึเปล่าครับ พี่ไม่ได้คิดจะบังคับนะ ถ้าเราไม่พร้อม พี่ก็รอได้ หรือถ้า...ไม่ชอบพี่จริงๆ พี่ยอมเป็นแค่พี่ชายก็ได้ อย่าทำท่าห่างเหินอย่างนี้สิครับ พี่เห็นแล้วไม่สบายใจ”

หัวใจร่างบางกระตุกวูบ ชายหนุ่มหยอดคำได้เก่งจริงๆ มิน่าล่ะสาวๆถึงได้ปลาบปลื้มกันนัก ถ้าหากไม่รู้มาก่อนว่าพี่พลเป็นนักถ้ำมองคนนั้นล่ะก็ ปอนด์คงจะหลงเชื่อหลงซาบซึ้งถึงความจริงใจโดยไม่มีข้อกังขาใดๆ

แต่ ตอนนี้เขาจะหลงไปกับคำหวานนี้ไม่ได้ ก้าวแรกของแผนการกำลังจะเริ่ม เขาจะทำให้มันพังทั้งที่ยังไม่ทันได้ลงมือเพียงเพราะมัวแต่ซาบซึ้งกับคำพูด ของชายหนุ่มไม่ได้

“ผม ชอบผู้หญิงอยู่คนนึงครับ” เปิดปากพูดออกมาอย่างเนือยๆ จุดรวมสายตายังอยู่ที่จานข้าวเหมือนเดิม ไม่มีทางได้เห็นหมัดของชายหนุ่มที่กำแน่นจนขึ้นเส้นเลือดอยู่ใต้โต๊ะทันที่ ประโยคแรกถูกกล่าวออกมา

“แต่ ...เธอรังเกียจผม ผม...มันสกปรก ผมทำเรื่องน่ารังเกียจ เธอยอมรับผมที่เป็นอย่างนี้ไม่ได้” พูดเสียงสั่นเครือ ไหล่บางตกลู่

“เรื่องที่น้องปอนด์ทำมันแย่ ขนาดทำให้คนคนหนึ่งต้องทำร้ายจิตใจน้องปอนด์เชียวเหรอ” ในใจกำลังลิงโลดทั้งๆที่คนตรงหน้ากำลังจมดิ่งในห้วงอารมณ์โศกสลด ...’เธอ’ ที่น้องปอนด์ชอบ จะเป็นใครก็ช่าง อย่างน้อยตอนนี้ คนคนนั้นก็หายไปจากชีวิตเด็กหนุ่มโดยที่เขาไม่ต้องลงมือเองแล้ว

“ผม...” เงียบไปนานเหมือนจะตัดสินใจว่าจะพูดดีหรือไม่ ฝ่ายนั่งฟังก็เฝ้ารออย่างใจเย็น

“ผม... ผม...” เสียงที่เปล่งออกมาเบาเหมือนพึมพำอยู่กับตัวเองมากกว่าจะพูดให้ชายหนุ่มได้ฟัง

“ผมทำเรื่องน่าอายให้ใครก็ ไม่รู้ดู ...ผม...ช่วยตัวเองให้เขาดู ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว ...มันเริ่มมาเกือบเดือนแล้ว เขาเป็นใครก็ไม่รู้ ผมไม่รู้จักเขา เขาแอบมองผมจากคอนโดข้างๆมานานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ จนกระทั่ง...เขาโทรมาหาผม เขาสั่งให้เปิดม่านไว้ สั่งให้ทำให้เขาดูทุกๆวัน ผมไม่รู้จะทำยังไงดี เขาอัดวีดีโอไว้ ขู่ว่าถ้าไม่ทำตามจะเอาไปโพสท์ในอินเตอร์เน็ต ผมทำทั้งๆที่ไม่เต็มใจทำ ผมกลัวเขา กลัวว่าเขาจะทำตามที่ขู่ไว้ กลัวคนอื่นที่รู้จักผมจะรู้ความจริง ผม...” พอพูดออกมาได้หนึ่งประโยค ที่เหลือก็พร่างพรูออกมาหมด เสียงที่เหมือนกับพึมพำกับตัวเองก็ค่อยดังขึ้น เหมือนได้ระบายสิ่งที่เก็บเงียบในใจมานานให้คนอื่นได้รู้ ร่างบางเงยหน้าขึ้น ดวงตาสีดำรื้นน้ำภายใต้ขนตาหนาเพิ่งสบตาดำเข้มเป็นครั้งแรกของวัน

“พี่...พี่พลคงจะรังเกียจผม ผมมันสกปรก ไร้ทางสู้ ...พี่คงจะรังเกียจผมเหมือนกับที่...เธอ...รังเกียจผม” หยดน้ำไหลจากหางตา กลิ้งไปตามผิวโค้งของวงแก้มจนเห็นเป็นทาง บีบคั้นจิตใจของพลเหลือเกิน เขาเองที่เป็นคนทำ! เขาไม่รู้มาก่อนเลยว่าสิ่งที่เขาทำมันบีบคั้นปอนด์ถึงเพียงนี้ สิ่งที่ร่างบางเคยขอร้องเขาเป็นสิ่งที่ออกมาจากใจจริงๆ แต่เขากลับไม่สนใจจะฟัง เขาทำร้ายคนที่เขาชอบซะแล้ว แต่จะให้ทำอย่างไรล่ะ เขาจะบอกได้หรือ ว่าเขาเองที่เป็นคนแอบมองเด็กหนุ่ม เป็นคนสั่งให้ทำเรื่องอย่างนี้ เขาบอกไม่ได้ ปอนด์ไว้ใจเขาขนาดยอมบอกความลับอย่างนี้แล้ว เขาจะทำลายความเชื่อใจของเด็กหนุ่มได้เชียวหรือ

เขามีความหวังจะได้เด็กหนุ่มมาอยู่เคียงข้างทั้งตัวและหัวใจแล้วแท้ๆ เขาจะยอมให้เด็กหนุ่มรู้ความจริงเพื่อหนีจากเขาไปได้อย่างไร

“มันไม่ใช่ความผิดของน้อง ปอนด์เลย น้องปอนด์แค่ตกเป็นเหยื่ออารมณ์ของไอ้โรคจิตนั่นเท่านั้นเอง น้องปอนด์ไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อย คนที่ผิดคือ...คนที่ทำเรื่องอย่างนี้ลงไปได้ต่างหากครับ ให้ตาย ช่างเป็นคนที่น่ารังเกียจจริงๆ คนจำพวกนี้ไม่ควรได้เงยหน้าอ้าปากอยู่บนโลกนี้ด้วยซ้ำ” ด่าไปก็วาบๆหลังไป ด่าตัวเองไม่ค่อยออกแฮะ แต่จะเรียกคะแนนทั้งที มันก็ต้องถึงลูกถึงคนกันหน่อย

ปอนด์เงยหน้าขึ้นมองผู้พูด ความกดดันเบาบางลงหลังจากได้ยินคำปลอบใจ “พี่พล ...ไม่รังเกียจผมหรือครับ”
 
“ถึงใครจะว่าเรา มองเราเป็นยังไง น้องปอนด์ก็คือน้องปอนด์นะครับ เป็นน้องปอนด์ที่พี่ชอบตั้งแต่แรกเห็น ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้คุย ตอนถามชื่อเราที่โต๊ะแจกป้ายชื่อ จำได้มั้ยครับ หลังจากนั้นพี่ก็ไม่กล้าเข้าไปทัก กลัวเราจะรู้แล้วรังเกียจพี่น่ะ กว่าจะทำใจกล้าหน้าด้านได้ก็เมื่อไม่กี่วันนี้เอง ทั้งๆที่จะรอให้เรารู้จักพี่มากกว่านี้สักหน่อยค่อยบอก แต่ปากเจ้ากรรมมันดันนำไปซะก่อนแล้ว” พูดกลั้วหัวเราในประโยคท้าย ปากบางคลี่ยิ้มอ่อนโยน ดวงตาที่มองหน้าเด็กหนุ่มเป็นประกายอบอุ่น อุ้งมือใหญ่ทั้งสองข้างตระกรองพวงแก้มใสอย่างเบามือ ราวกับกลัวว่าสมบัติล้ำค่าจะแหลกสลายไป

“พี่ชอบปอนด์นะ ถึงจะรู้เรื่องนี้แล้วพี่ก็ยังชอบปอนด์อยู่ มาเป็นแฟนพี่เถอะ ลืมผู้หญิงคนนั้นไปซะ คนที่รังเกียจน้องเพียงเพราะเหตุผลแค่นั้นน่ะ ไม่คู่ควรกับความรักที่น้องปอนด์มอบให้หรอกครับ เรื่องของพี่...มันอาจจะเร็วเกินไป น้องปอนด์อาจจะยังไม่ได้ชอบพี่ แต่ให้โอกาสพี่หน่อยเถอะ พี่เชื่อว่าพี่สามารถทำให้เราชอบพี่เหมือนที่พี่ชอบเราได้ ...นะครับ ให้โอกาสพี่ซักครั้ง”

ริมฝีปากแดงคลี่ยิ้มโล่งใจ น้ำตาไหลริน หากแต่เป็นน้ำตาแห่งความปลื้มปิติ แทนที่จะเป็นน้ำตาแห่งความกังวลเศร้าโศก

“ขอบคุณครับ พี่พล”

“ตกลงครับ” มือน้อยสองข้างยกขึ้นกุมมือชายหนุ่มที่ยังประคองหน้าเขาอยู่ให้แนบกระชับส่งไออุ่นมากกว่าเดิม

“ผมจะเป็นแฟนกับพี่”

+++++++++++++++++++++++++++++++++++

ในที่สุดก็ได้ปอนด์มาเป็นแฟน ไม่น่าเชื่อจริงๆ เขาเฝ้ารอโอกาสที่จะได้ใกล้ชิดเด็กหนุ่มมานานแสนนาน เฝ้าหาทางสร้างมันมาตลอด กลับกลายเป็นตัวเขาอีกคนที่เป็นคนยื่นโอกาสทองมาให้อย่างง่ายดาย ถือเป็นกำไรมหาศาล แม้จะรู้ว่ามันผิด มันทำร้ายเด็กหนุ่มก็เถอะ แต่ก็ยังอดขอบคุณตัวเองที่ตัดสินใจโทรไปหาเด็กหนุ่มในวันนั้นไม่ได้

รอก่อนเถอะ ความหวังของน้องปอนด์จะเป็นจริงในไม่ช้า นักถ้ำมองจะค่อยๆหายไปจากชีวิต แทนที่ด้วยคนที่คอยเป็นห่วงเป็นใยคอยช่วยเหลืออยู่ใกล้ๆแทน

ใช่

นักถ้ำมองจะค่อยๆหายไป ...อย่างเงียบๆ

โดยที่ปอนด์ไม่มีทางได้รู้เลยว่า คนคนนั้นเป็นใคร

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

แผนขั้นแรกสำเร็จแล้ว บีบน้ำตาเรียกความสงสารได้เนียนมาก อยากให้รางวัลตัวเองจริงๆ ให้ตายเถอะ

ดวงตาสีนิลมองตามรถยุโรปที่ เคลื่อนตัวออกจากที่จอดข้างคอนโดไปอย่างช้าๆ คนขับเลื่อนกระจกยื่นหน้าออกมายิ้มลาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจากไป ร่างบางยิ้มตอบ โบกมือลาไปตามเรื่องตามราว

‘คนที่ผิดคือ...คนที่ทำ เรื่องอย่างนี้ลงไปได้ต่างหากครับ ให้ตาย ช่างเป็นคนที่น่ารังเกียจจริงๆ คนจำพวกนี้ไม่ควรได้เงยหน้าอ้าปากอยู่บนโลกนี้ด้วยซ้ำ’… อย่างนั้นเรอะ

ปากแดงฉ่ำคลี่ยิ้ม เป็นยิ้มที่เหมาะกับคำว่า ’แสยะ’ เป็นที่สุด

แล้วผมจะจำประโยคนี้ไว้

ผมจะทำให้พี่สารภาพออกมาให้ได้เลย ว่าตัวเองน่ารังเกียจขนาดไหน

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ครึ่งแล้วๆ เดี๋ยวอีกครึ่ง เอาไปให้หมด ชอบกะมีภาค2กะ3ตามมาน่า ไม่ชอบไม่เอามาลงละ  o12
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: playCardPlaYBoy ที่ 05-04-2008 22:52:36
-10-
ปอนด์คบกับพลมาได้ 2 สัปดาห์แล้ว เกือบทุกเย็นทั้งสองคนจะมีนัด เริ่มจากนั่งอ่านหนังสือที่ห้องสมุดกลางหลังเลิกเรียน หลังจากนั้นก็เดินทางไปร้านอาหารหาของอร่อยๆทาน คุยเรื่องสัพเพเหระระหว่างมื้อ พออิ่มหนำสำราญ ชายหนุ่มก็จะขับรถพาปอนด์มาส่งคอนโด เป็นอย่างนี้เหมือนๆกันทุกวัน เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขทีเดียว ทั้งสองคนได้รู้เรื่องของกันและกันมากขึ้น ได้รู้สิ่งที่ชอบสิ่งที่เกลียด หนังสือที่ชอบอ่าน หนังที่ชอบดู

มองจากภายนอก ทั้งสองคบกันอย่างบริสุทธิ์ใจ ไม่มีการถูกเนื้อต้องตัวกันมากไปกว่าการขยี้หัวทุยเล่นอย่างมันมือของร่างสูง

พลต้องใช้ความพยายามในการอด ทนอดกลั้นอย่างมาก ฉากหน้าที่เขาปั้นแต่งขึ้น คือชายหนุ่มสุภาพบุรุษ ซึ่งก็คงไม่ทำกิริยามือไวใจเร็วให้เสียภาพพจน์ เขารอมาเป็นเวลาสองสัปดาห์แล้ว รอจนร่างบางเริ่มแสดงท่าทางสนิทใจกับเขามากขึ้นกว่าวันแรกที่เริ่มคบกัน

วันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้าย ของทั้งคู่พอดี ความเครียดจากการอ่านหนังสือสอบถูกยกออกจากอก ไม่มีเรื่องเรียนให้กังวลอีกแล้ว อย่างน้อยก็ในเดือนสองเดือนนี้ เบียร์สดจำนวนไม่มากนักจึงถูกสั่งมาฉลองหลังอาหารเงียบๆกันสองคน

“ว่าแต่ น้องตุ๊กว่าอะไรหรือเปล่าครับ พี่พาน้องปอนด์มากินข้าวเกือบทุกวันอย่างนี้ น้องตุ๊กคงเหงาแย่”

“ตุ๊กเข้าใจดีครับ ตอนแรกผมไม่รู้จะบอกยังไงดีเหมือนกัน กำลังอ้ำๆอึ้งๆอยู่ กลายเป็นว่าตุ๊กเป็นคนพูดขึ้นมาเองเลย เค้าถามผมว่ามีแฟนแล้วใช่มั้ย เค้าเข้าใจดีว่าผมคงอยากมีเวลาส่วนตัวอยู่กับคนที่ผมชอบมากกว่าอยู่กับเค้า เค้าไม่ว่าอะไรเพราะยังไงเราก็เป็นเพื่อนกัน คงไม่ตัดขาดกันเพียงเพราะอีกฝ่ายไปมีแฟนแล้วเหลือเวลาให้กันน้อยลงหรอก เค้าว่าอย่างนี้น่ะครับ แต่เค้าเข้าใจว่าแฟนผมเป็นผู้หญิง ผมยังไม่กล้าบอกครับ พี่พลโกรธรึเปล่าที่ผมไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับใคร ...ที่ผมอยากให้เรื่องที่เราคบกันเป็นความลับน่ะครับ” เอ่ยอย่างกล้าๆกลัวๆพลางเหลือบตามองร่างสูง คิดไว้ว่าจะเห็นความไม่พอใจซ่อนอยู่ในใบหน้าหล่อเหลานั้น หากสิ่งที่เห็นเป็นเพียงแววตาที่ทอดมองมาอย่างอ่อนโยน

“ไม่เป็นไรหรอกครับ อย่าคิดมากเลย แค่รู้กันสองคนว่าเราเป็นอะไรกัน แค่นั้นก็พอแล้วล่ะครับ ใช่มั้ย หืมม์” มือใหญ่เอื้อมข้ามโต๊ะอาหารขยี้หัวทุยจนยุ่งอย่างเคยชิน เงยหน้ามองเข้าไปในดวงตาของร่างสูงก็พบความหวานหยาดเยิ้ม บ่งความต้องการเต็มที่ เรียกเลือดในร่างกายร่างบางให้ฉีดพุ่งไปยังใบหน้า ย้อมจนหน้าขาวๆเรื่อสีกุหลาบ แดงไปจนถึงใบหู ทนไม่ได้จนต้องหลบตา

“พี่พลดื่มเยอะไปแล้วครับ เดี๋ยวต้องขับรถกลับไม่ใช่เหรอ พอเถอะครับ”

“โอเคคร้าบ คุณแม่ ขออีกแก้วแล้วเรากลับกัน” เอ่ยติดตลกเรียกฝ่ามือเล็กให้ตีเผียะลงยังท่อนแขนแกร่งเบาๆ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++

รถจอดสนิทอยู่ที่ด้านข้างคอน โด ที่ประจำที่ชายหนุ่มจอดส่งร่างบาง แต่บรรยากาศในรถแตกต่างจากวันอื่นๆเล็กน้อย ด้วยความอดกลั้นของชายหนุ่มใกล้จะสิ้นสุดลงแล้วบวกกับเบียร์จำนวนที่ไม่มาก แต่ก็ไม่น้อยเรียกอารมณ์ให้พอครึ้มๆ

เขารอมาสองสัปดาห์แล้ว มันควรจะก้าวหน้าไปมากกว่าแค่การขยี้หัวเล่นได้แล้ว เขาอยากสัมผัสร่างบาง อยากกดจูบปากแดงฉ่ำลิ้มรสหวานหอมเหลือเกิน ร่างสูงโน้มตัวเข้าใกล้เป้าหมายโดยมีอารมณ์และแอลกอฮอลล์เป็นตัวผลักดัน

ใบหน้าห่างกันเพียงแค่คืบ ใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจแผ่วร้อนกระทบใบหน้า นัยน์ตาดำเข้มจ้องเข้าไปในดวงตาสีราตรีที่ถูกคลุมด้วยแพขนตาหนาของเด็กหนุ่ม

...ใกล้ขึ้น

...ใกล้ขึ้น

ริมฝีปากร่างใหญ่รู้สึกถึงสัมผัสอุ่น หากแต่...มันไม่ใช่ริมฝีปากแดงฉ่ำที่หมายตาไว้

กลับเป็นฝ่ามือที่เด็กหนุ่มยกขึ้นกั้นระหว่างปากได้ทัน ใบหน้าขาวถอยออกห่าง

“ขอโทษครับพี่พล คือ...ผมยังไม่พร้อมครับ ขอโทษจริงๆครับ ราตรีสวัสดิ์ครับ” เอ่ยจบไม่รอช้า เปิดประตูรถก้าวหนีเข้าคอนโดด้วยสปีดเหรียญทองสี่คูณร้อยเมตร

‘ชิ เกือบแล้วเชียว อารมณ์ค้างเป็นบ้า!’ พลคิดอย่างหัวเสีย กัดกรามจนขึ้นเป็นสันนูน ระบายความหงุดหงิดด้วยการกำหมัดทุบพวงมาลัยรถจนเกิดเสียงดังปึ้ก! หากอารมณ์ที่ค้างคาอยู่ยังไม่หายไปง่ายๆ

‘เอาวะ ในเมื่อต่อหน้าไม่ได้ ใช้วิธีลับหลังระบายอารมณ์เอาก่อนก็ได้วะ’ รถยุโรปเร่งเครื่องเต็มที่ พร้อมทะยานสู่ที่หมายโดยเร็วที่สุด เกิดเสียงล้อบดถนนดังลั่นท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัดยามค่ำคืนเดือนมืด

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ไม่นานเกินรอ หลังจากที่เด็กหนุ่มวิ่งหนีขึ้นห้องมาได้สักสิบนาที โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เหลือบมองเบอร์ที่แสดงที่หน้าจอ เป็นเบอร์คุ้นเคยดังที่คาดไว้

หลังจากที่ทั้งสองตกลงคบกัน มา โทรศัพท์ที่โทรมาก็ลดความถี่ลง จากทุกวันกลายเป็นวันเว้นวัน ถึงจะยังบ่อยอยู่ แต่ก็ถือว่าน้อยลงกว่าเดิม ทั้งยังปรับเวลาดึกขึ้นตามเวลาที่เขากลับบ้านเสียด้วย แน่นอน ก็คนโทรยังกลับไม่ถึงบ้านเหมือนกันนี่นา

มือน้อยกดรับโทรศัพท์ “สวัสดีครับ”

“กลับดึกซะจริง ให้รอซะตั้งนาน” คุณกลับช้ากว่าผมอีก อย่าคิดว่าไม่รู้นะ นี่คงอัดอั้นเต็มที่ล่ะสิ ถึงได้ถึงห้องเร็วขนาดนี้ ใจคิดอย่างรู้ทัน แต่ปากกลับพูดออกไปอีกอย่าง

“ขอโทษ ผมก็มีเวลาส่วนตัวของผมเหมือนกัน ไม่ได้เอาแต่ถ้ำมองคนอื่นทั้งวันเหมือนใครบางคนนี่”

“หึ เดี๋ยวนี้ปากเก่งขึ้นแล้วนี่ ว่าแต่เรื่องอื่นเก่งขึ้นบ้างรึเปล่าล่ะ เริ่มได้เลย อย่าให้ฉันต้องรอนาน”

ปอนด์คว้าหูฟังบลูทูธที่ได้ เป็นของขวัญจากคนโรคจิตเหน็บใส่หูอย่างรู้งาน วางโทรศัพท์ไว้ที่โต๊ะข้างเตียงนอน ขณะที่ตัวเองยืนอยู่ที่กลางห้อง ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามีกล้องแอบถ่ายอยู่ในห้อง ถึงจะไม่ได้รู้ทุกตำแหน่งก็เถอะ ที่แน่ๆ หน้าต่างห้องนอน เตียงนอน กลางห้องนอน มุมทำอาหาร แล้วก็ห้องน้ำ มีกล้องติดอยู่ชัวร์ ยืนในตำแหน่งที่กล้องสามารถจับภาพได้ชัดเจน ดวงตามองจ้องไปทางที่ซ่อนกล้อง มือทั้งสองข้างเริ่มแกะกระดุมเสื้อนักศึกษาอย่างอ้อยอิ่ง

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 

ช้า...ช้าเหลือเกินในความคิด ชายหนุ่ม นิ้วขาวที่ค่อยๆแกะกระดุมเสื้อทีละเม็ดๆกำลังทดสอบความอดทนของเขา อารมณ์ที่ค้างคาจากเมื่อกี้ยิ่งถูกทับถมกองพะเนินจนแทบเป็นบ้า

สายตาเด็กหนุ่มที่จ้องมองมา เห็นชัดเจนในจอมอนิเตอร์บ่งบอกว่า ที่ซ่อนของกล้องถูกเปิดเผยซะแล้ว แต่ใครจะสนล่ะ ตราบใดที่เด็กหนุ่มยังถูกผูกมัดด้วยวีดีโอน่าอายของตนเอง ถึงจะรู้ที่ซ่อนไปก็ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว ดีซะอีก ภาพที่เห็นจะได้ชัดเจนถึงใจมากยิ่งขึ้น

‘หึ ยังไม่พร้อมงั้นรึ ทั้งๆที่ออกจะเจนจัดอย่างนี้’ จากการปลอบใจตัวเองตามที่สั่ง เดี๋ยวนี้ปอนด์ชักเริ่มมีท่าทางเป็นของตัวเอง เริ่มรู้ว่าสิ่งที่เขาจะสั่งต่อไปคืออะไร สนองอารมณ์ได้ทั้งคนที่เฝ้ามองอยู่ทั้งอารมณ์ตนเอง ปากบางยกยิ้มเยาะเย้ย ‘เอาน่า คงเล่นตัวได้ไม่นานหรอก ก็ตัวจริงออกจะเร่าร้อนอย่างนี้ ทำคนเดียวมันจะสนองตอบได้พอที่ไหน’

กระดุมเม็ดสุดท้ายถูกปลดออก ไปแล้ว หากเสื้อยังไม่ถูกถอดออก ยังคงค้างอย่างหมิ่นเหม่บนบ่าบาง เปิดให้เห็นสัดส่วนภายในทุกครั้งที่ขยับตัว นิ้วขาวหันมาให้ความสนใจกับกางเกงนักศึกษาแทน หัวเข็มขัดถูกคลายออก ปล่อยห้อยลงแกว่งไกวระสะโพกบาง กระดุมกางเกงถูกปลด ซิบถูกรูดลงเผยให้เห็นเนื้อผ้าภายในวับๆแวมๆ

ให้ตายสิ ทำไมวันนี้ถึงอ้อยอิ่งได้ขนาดนี้นะ แถมท่าทางยังดูยั่วยวนกว่าเก่าตั้งไม่รู้กี่เท่า เขาจะระเบิดอยู่แล้ว คิดพลางพูดรอดไรฟันกรอกใส่มือถือ

“เร็วๆหน่อยได้มั้ย ฉันไม่ได้มีเวลาให้เธอทั้งคืนนะ”

เสียงตอบกลับมาไม่หยี่หระซ้ำยังยั่วเย้า ช่างกวนอารมณ์เสียจริง “หึ อดทนหน่อยสิครับ ผมอุตส่าห์จะมอบคืนพิเศษให้คุณทั้งที”

กางเกงหลวมกว่าตัว ยามถูกคลายออกก็หล่นลงมากองกับพื้นตามแรงโน้มถ่วงโลก เผยให้เห็นขาขาวเรียวยาวที่ค่อยๆก้าวออกมาให้พ้นผ้าที่กองอยู่กับพื้นพรม เชิดหน้าขาวขึ้นจ้องไปทางที่กล้องถูกซ่อนอยู่ ดวงตาแฝงเพลิงอารมณ์เห็นได้ชัดผ่านทางหน้าจอมอน์นิเตอร์ ร่างบางหมุนตัวเดินไปทางเตียง ...ขึ้นที่นอนหลังใหญ่ในท่า...ให้ตาย! เขาจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว!

มือใหญ่กดเลือกให้หน้าจอแสดง ภาพจากมุมกล้องที่หันหน้าไปทางเตียงคิงไซส์ ภาพที่เห็นชัดเจนจากคุณภาพของกล้องราคาแพงเร่งลมหายใจชายหนุ่มให้แรงเร็ว ขึ้น

ปอนด์ขึ้นเตียงในท่ากึ่งคลาน แขนทั้งสองข้างวางลงน้ำหนักบนเตียง จากนั้นจึงยกเข่าขึ้นทีละข้าง โดยรวมภาพที่เห็นตอนนี้ก็ท่าคลานนั่นแหละ เป็นท่าคลานที่หันก้นมาทางจอพอดิบพอดี สะโพกเล็กยกขึ้นสูง ส่วนบนของลำตัวนาบไปกับเตียง เสี้อที่ถอดกระดุมหมดตกลู่ไปด้านหน้า เผยผิวหลังขาวเนียน สิ่งที่ขวางสายตาตอนนี้มีเพียงกางเกงในสีขาวตัวน้อยที่ยังไม่ได้ถอดเท่านั้น แต่ผ้าสีขาวบางมันจะกั้นอะไรได้ซักเท่าไหร่เชียว นิ้วโป้งสองข้างสอดลงในขอบกางเกงใน รั้งผ้าผืนน้อยให้ค่อยๆลาจากสะโพกกลมกลึงอย่างช้าๆ เผยให้เห็นแก้มก้นขาวเนียนเหมือนผิวเด็กแรกเกิด

โอย จะระเบิดแล้วโว้ย!

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ความช้านี้ไม่ได้ทรมานร่าง สูงแต่เพียงผู้เดียว ตัวเด็กหนุ่มเองก็แทบทนไม่ไหวแล้ว ความรู้สึกที่ต้องแสดงท่ายั่วยวนให้กล้องที่ส่งสัญญาณไปยัง ...คนที่เขาก็รู้ว่าใคร... มันทำให้ร่างกายร้อนผ่าวจนเหมือนจะจับไข้ อยากสัมผัสตัวเองเหลือเกิน

ร่างบางพลิกตัวนอนหงาย กางเกงในสีขาวตัวจิ๋วถูกรูดไปจนพ้นปลายเท้างุ้ม นิ้วที่คีบมันอยู่ปล่อยผ้าชิ้นน้อยหล่นปุลงบนขอบเตียง เหลือบมองของตัวเองก็รับรู้ได้ว่าอารมณ์ร่านกำลังปะทุขึ้นเต็มที่ ความปรารถนาแข็งขึงแดงก่ำ หยดน้ำไหลรินจนเปียกชื้นทั้งที่ยังไม่ได้แตะต้อง เด็กหนุ่มเปิดขาทั้งสองข้างออกกว้างเอื้อให้กล้องได้ถ่ายอย่างชัดเจนกับการ ปลุกเร้าส่วนหน้าของตนเอง มือน้อยกอบกุมความร้อนไว้แน่น ขยับขึ้นลงเป็นจังหวะ ความเร็วเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเร่งไปสู่จุดหมาย มือซ้ายไม่ปล่อยว่างช่วยเคล้นคลึงถุงเนื้อนุ่มด้านหลังตามจังหวะที่มือขวานำ ก่อนจะหงายหลังกระตุกเกร็งปลดปล่อยออกมาจนหมดสิ้น

++++++++++++++++++++++++++++++++++

“อา...” เสียงแหบพร่าในโทรศัพท์ช่างเย้ายวนนัก มือใหญ่เร่งมือถึงจุดหมายพร้อมๆกับร่างขาวที่เห็นในจอมอนิเตอร์ ร่างขาวที่มือยังไม่หยุดเคลื่อนไหวเหมือนต้องการจะเค้นทุกหยาดหยดของอารมณ์ ให้ออกมาเปรอะเปื้อนอยู่บนหน้าท้องเนียนเรียบ

ยังไม่จบแค่นั้น ดวงตาสีเข้มเบิกกว้าง นึกแปลกใจ วันนี้ปอนด์ของเขาเป็นอะไรไป ทำไมถึงมีอารมณ์ร่วมได้ขนาดนี้ นิ้วเรียวขาวในจอมอนิเตอร์ละจากแก่นกาย ลูบไปตามหน้าท้องแบนราบ กวาดสัมผัสเหนียวเหนอะไว้ที่ปลายนิ้วแล้วค่อยๆจัดท่า เล่นกับด้านหลังของตนเองต่อ เสียงลมหายใจหนักๆสลับกับเสียงครางกระเส่ายามนิ้วตนเองเขี่ยโดนจุดกระสัน ดังลอดมาทางโทรศัพท์ ชายหนุ่มรู้สึกว่าแก่นกลางลำตัวปะทุขึ้นมาอีกรอบแล้ว

บ้าชิบ! เขาควรจะเป็นคนทำให้ร่างบางร้องครางออกมาแบบนี้ยามโดนทาบทับอยู่ใต้กายเขาต่างหาก!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++


หลังเสร็จกิจกรรมอันหนัก หน่วงรีดเร้นแรงกายไปจนหมดสิ้นแล้ว ปอนด์ก็ลงมือชำระล้างร่างกาย ล้างความรู้สึกเหนียวเหนอะออกจากตัวก่อนที่จะเข้านอนด้วยความอ่อนเพลีย

เสียงทุ้มหอบหนัก เสียงเคลื่อนไหวอีกฟากฝั่งของโทรศัพท์ บอกได้ดีว่าชายหนุ่มรู้สึกรุนแรงร่วมไปกับเขาด้วย เขาเป็นผู้ชายทำไมจะไม่รู้ เห็นภาพขนาดนี้แล้ว มีหรือจะไม่อยากแตะต้องของจริง แทนที่จะคอยมองผ่านจอมอนิเตอร์แล้วใช้มือขวาปลอบใจตัวเองแห้งเหี่ยวไปวันๆ

ปอนด์ยอมรับว่าเขาเองก็ต้องการให้ชายหนุ่มแตะต้องเขาโดยตรง

แต่

อดทนไว้ก่อน

...เขาจะทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเสียใจที่ตัดสินใจเป็นนักถ้ำมอง...ที่ได้แต่มองเชียวล่ะ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: sixty-3 ที่ 05-04-2008 22:53:36
^
^
จิ้มซะเลย

โพสเร็วจัง
ตอนแรกเข้ามามีตอนเดียว
พอจะกดเม้นเพิ่มมาอีกพรึ่บเลย ตามอ่านไม่ทันเลย
จะตามอ่านให้ทันคร้าบ

 :laugh:
ชอบแนวนี้นิดๆแฮะ
หึๆ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: playCardPlaYBoy ที่ 05-04-2008 22:53:56


เสียงเครื่องปรับอากาศในห้อง นอนครางต่ำ อากาศเย็นฉ่ำแบบนี้ ซุกหาผ้านวมอุ่นยามเช้าวันหยุดเป็นความรู้สึกที่เกินบรรยายจริงๆ ...ถ้าไม่ติดแสงแดดที่แยงตาจากกระจกหน้าต่างโค้งบานใหญ่เปิดม่านเต็มพิกัด ล่ะก็นะ

“อืม~~” พลิกตัวบิดขี้เกียจไปได้ยกหนึ่งก็คว้าโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมาดูเวลา

‘เก้าโมงครึ่งงั้นเรอะ’ ในเมื่อตื่นแล้วก็คงข่มตานอนต่อไม่ได้แล้ว ลุกจากที่นอนเดินเข้าห้องน้ำอย่างงัวเงีย ‘สงสัยเมื่อคืนจะหนักไปหน่อย’ เมื่อคืน เขาปลดปล่อยไปหลายครั้ง จากอารมณ์ที่ไม่ยอมสงบง่ายๆ ทำให้เพลียต่อมาจนถึงวันนี้จนได้ โชคดีที่วันนี้เป็นวันเสาร์ ไม่ต้องไปเรียน แถมยังเป็นเสาร์ที่ว่างสุดๆเสียด้วย เพราะเพิ่งจะสอบเสร็จไปเมื่อวานนี้เอง

เข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัว เสร็จ ก็เดินเข้าครัวหาของรองท้องที่กำลังครางโครกคราก เปิดตู้เย็นพบเพียงนมสดกล่องเดียว ...แถมบูดอีกต่างหาก...

โมโหหิว…

อารมณ์เสีย…

อยากแกล้งคน...

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เสียงนกในเมืองนี่มันน่ารำคาญจริงๆ ขนาดอยู่คอนโดตั้งชั้น 24 แล้วนะ ยังอุตสาห์ตามมาทำรังที่ระเบียงซะได้

พลขยับพลิกตัวอยู่บนเตียง หลังใหญ่อย่างหงุดหงิด วันนี้เป็นวันหยุด กะจะตื่นสายหน่อย หาอะไรกิน แล้วค่อยมานั่งดูหวานใจ เจ้านกพลัดถิ่นนี่ดันมารบกวนซะได้ คว้าโทรศัพท์มือถือจากหัวเตียงมามองเวลา

‘สิบเอ็ดโมง สายแล้วนี่หว่า ปอนด์ตื่นรึยังนะ’ ลุกขึ้นนั่งบนเตียงงัวเงียยังไม่ตื่นดีอยู่ซักพัก เกาหัวที่ยุ่งอยู่แล้วให้ยุ่งมากขึ้นอีก มองรอบห้องแบบคิดอะไรไม่ออกอีกสิบนาที ก่อนจะตัดสินใจเคลื่อนตัวออกจากเตียงหลังใหญ่ได้

ระหว่างรอคอมพิวเตอร์บู้ ตเครื่อง ก็เดินเขย่งก้าวกระโดดข้ามกองอุปกรณ์อีเล็คทรอนิกส์ที่วางระเกะระกะอยู่ตาม พื้นห้องเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัว

เดินออกมาจากห้องน้ำได้เพียง ก้าวเดียวท้องก็เริ่มประท้วงโครก ‘ทำไงได้ คนมันวัยกำลังกินกำลังนอน’ คิดเข้าข้างตัวเองพลางเขย่งก้าวกระโดดกระย่องกระแย่งไปทางส่วนที่จัด เคาน์เตอร์กั้นไว้ใช้เป็นห้องครัว เป็นจุดเดียวที่ค่อยดูเป็น ‘บ้าน’ ขึ้นมาหน่อย เปิดตู้เย็นดูซักพัก ก้มลงค้นขนมปังแถวมาปอนด์หนึ่ง กับแซนวิชเสปรดในกระปุกแก้ว หาจานใส่ทากินอย่างตามมีตามเกิด

กินไปใจก็คิดถึงเรื่องเมื่อคืน

ปอนด์เร่าร้อนกว่าทุกวัน เขาไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอะไร

เบียร์รึ ก็ไม่น่าใช่ เขาว่าเขาดื่มน้อยแล้วนะ เด็กหนุ่มยังดื่มน้อยกว่าเขาอีก ประมาณแค่จิบสองจิบเองล่ะมั้ง ที่เหลือก็ปล่อยแก้วค้างไว้รอให้ยุงมาไข่...

หรือเพราะอารมณ์ค้างจากที่จะถูกเขาจูบ ร่างบางเป็นคนห้ามไว้เองนี่นา หรือกำลังเล่นตัวอยู่กันนะ

ยังไงก็ตาม หลังจากเหตุการณ์เมื่อคืนแล้ว พลรู้อย่างหนึ่งคือ เขาอยากสัมผัสผิวขาวเนียนนั้นจนทนไม่ไหวแล้ว จะทำอย่างไรดีล่ะ เหมือนร่างบางจะไม่ได้เดือดร้อนอะไรในด้านการระบายอารมณ์

ในเมื่อปอนด์มีที่พี่งพิง สำหรับระบายออก เขาก็จะต้องตัดที่แห่งนั้นของเด็กหนุ่มออกซะ ...คงจะต้องเลิกโทรหาอย่างเด็ดขาดซักที ต่อไปนี้ควรจะมีเพียง ‘พี่พล’ คนเดียวเท่านั้น เขาจะต้องทำให้เด็กหนุ่มไร้ทางออก จนต้องมาขอร้องเขาให้ได้เลย

ด้วยความคิดถึง หรือจะเป็นความเคยชินก็ตาม ยังไม่ทันกินแซนวิชหมดชิ้นดี ร่างสูงก็ลุกจากเก้าอี้ในครัว เดินเคี้ยวตุ้ยๆ กระโดดกระย่องกระแย่งโยงโย่โยงหยกไปยังจอมอนิเตอร์ คิ้วเข้มขมวดมุ่น เลือกกล้องตัวที่ส่องไปทางเตียงนอนหลังใหญ่ พบว่าเตียงถูกพับผ้าเก็บอย่างเรียบร้อยแล้ว ไม่มีวี่แววของร่างบางนอนซุกอยู่เลย เขาคงจะตื่นสายเกินไปจริงๆ เปิดมุมกล้องอื่นจนทั่วห้องก็ไม่พบเด็กหนุ่ม คาดว่าน่าจะออกไปข้างนอก

เซ็ง...

หงุดหงิด...

อยากระบาย...

อ๊ะๆ อย่าเพิ่ง ยังไม่ได้ไปถึงสองอารมณ์หลังดี จอมอนิเตอร์ก็แสดงภาพปอนด์เดินหิ้วถุงซุปเปอร์มาเก็ตใบใหญ่เปิดประตูเดินเข้ามาในห้อง

‘โธ่...ที่แท้ก็ไปของ’ ไม่รู้เป็นอะไร เพียงแค่ตื่นมาได้เห็นร่างบางในจอมอนิเตอร์ เขาก็รู้สึกชื่นใจพร้อมรับเช้าวันใหม่แล้ว (เที่ยงแล้วเฮีย)

ทำอย่างกับเป็นเด็กที่เพิ่งมีความรักอย่างนั้นแหละ

 สายตาจับจ้องไปที่ร่างเด็ก หนุ่มในห้องครัว อา วันนี้ใส่ชุดไปรเวท น่ารักจริงๆ เสื้อแขนกุดแบบที่ผู้ชายทั่วไปใส่คงอวดกล้ามดูน่าขยะแขยงในสายตาผู้ชายด้วย กัน เข้ากันเหมือนมันถูกตัดมาเพื่อเทวดาน้อยของเขายังไงยังงั้น แขนขาวที่โผล่พ้นวงแขนเสื้อออกมาผอมบางแต่ก็อุดมด้วยกล้ามเนื้อ ดูไม่เละเผละเหมือนเนื้อผู้หญิง ยามยกแขนขึ้นเก็บน้ำแข็งในช่องแช่แข็ง วงแขนเสื้อที่ดูจะใหญ่เกินตัวทำให้สามารถมองลอดเข้าไปเห็นผิวเนื้อใต้ร่มผ้า ได้เลาๆ ท่อนขาที่เขย่งให้สูงเพื่อเก็บของบนชั้นลอยถูกปกคลุมด้วยกางเกงยีนส์รัดรูป สี่ส่วน เผยบั้นท้ายกลมกลึงน่าขยำขยี้

นั่งมองปอนด์เก็บของจนเสร็จ เปลี่ยนเสื้อเป็นเสื้ออยู่บ้านตัวเก่ง ... เสื้อกล้ามหลวมๆกับกางเกงขาสั้นจุ๊ดจู๋ คลุมด้วยผ้ากันเปื้อนพลาสติกใสขลิบมุมด้วยสีแดงเลือดนกตัดกับผิวขาวผ่อง ทอดใส้กรอกไข่ดาวอยู่ในครัวไปขยับตัวขยับสะโพกร้องเพลงไปอย่างมีความสุข ...อา...อยากเห็นเวลาน้องปอนด์ใส่ผ้ากันเปื้อนอย่างเดียวจัง...

มองไปมองมาก็ชักรู้สึกแปลกๆ ก็ท่าทางที่เทวดาน้อยของเขากำลังกินข้าวเช้านี่มัน…

ใส้กรอกเวียนนาสีส้มชิ้นใหญ่ กำลังร้อนๆ ถูกส้อมจิ้มกลางชิ้นพอดิบพอดี ทามายองเนสที่ปลายด้านหนึ่งจนชุ่ม ลิ้นเล็กแดงชื้นโผล่พ้นปากฉ่ำออกมาไล้เลียมายองเนสที่โดนความร้อนจนละลาย เยิ้มเล่นตั้งแต่ปลายไล่ไปจนถึงส่วนกลางชิ้นที่ถูกส้อมจิ้มอยู่ เท่านั้นยังไม่พอ เลียเสร็จก็เริ่มอมปลายไว้ ดูดดันอยู่พักใหญ่ก่อนจะกัดกิน จนมายองเนสสีขาวขุ่นเปื้อนพวงแก้มใส

พลรู้สึกว่าชักกลืนน้ำลาย ลำบากเสียแล้ว แก่นกลางลำตัวมันเริ่มร้อนขึ้น ทั้งๆที่เมื่อวานก็ปลดปล่อยไปตั้งหลายรอบ นัยน์ตาถลนจ้องมองจอมอนิเตอร์ไม่กระพริบ มุมที่เห็นนี่...มันพอเหมาะเหมือนจงใจยั่วให้ดูยังไงก็ไม่รู้แฮะ

นิ้วมือมันแผล่บจากขนมปัง แผ่นทาเนยสด ปาดเช็ดคราบมายองเนสที่ติดอยู่บนแก้มอิ่ม ป้ายจนเห็นคราบมันๆผสมกับคราบขาวๆเป็นทางไล่จากพวงแก้มลงมาถึงปลายคาง เหลือบมองปลายนิ้วเห็นเปื้อนๆก็ไม่คิดมาก ลงมือดูดเลียทั้งนิ้วทั้งฝ่ามือตัวเองจนสะอาด ก่อนจะดึงกระดาษทิชชู่เช็ดซ้ำอีกที กินจนเสร็จฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีพลางยกจานไปล้าง

‘โอย อยากตาย’

ร่างสูงเหลือบมองของเหลวขาว ขุ่นในอุ้งมือตัวเอง เพียงแต่มันไม่ใช่มายองเนสเหมือนที่อยู่ที่ปลายนิ้วเด็กหนุ่ม และเขาก็ไม่มีอารมณ์พิศวาสอยากเลียของของตัวเองซะด้วย...

+++++++++++++++++++++++++++++++++++

เขาแน่ใจว่า’พี่พล’กำลังดู อยู่ ปอนด์คิดอย่างอารมณ์ดี สดใสจนอดฮัมเพลงหงุงหงิงในคอไม่ได้ เขามั่นใจเต็มร้อย...ก็เครื่องส่งสัญญาณกล้องมันกระพริบแว้บๆเข้าตา ทั้งๆที่เมื่อเช้ามันยังดับสนิทอยู่เลย

ไม่รู้ป่านนี้ พี่พลจะเป็นยังไงบ้างน้า

คว้าการ์ตูนอ่านบนเตียงอย่างอารมณ์ดี

เป็นวันหยุดที่มีความสุขจริงๆ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++

 
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: playCardPlaYBoy ที่ 05-04-2008 22:55:43
ชีวิตยังคงเหมือนๆเดิมอยู่ ทุกวัน เช้าตื่นขึ้นมา แต่งตัวไปมหาวิทยาลัย จดเล็กเชอร์ยิก บ่ายแก่ๆเลิกเรียน นัดอ่านหนังสือที่หอสมุดกลางกับพี่พล เย็นหน่อยก็ไปทานอาหาร พอตกค่ำชายหนุ่มก็ขับรถมาส่งที่คอนโด จากวันที่ชายหนุ่มพยายามจูบเขา ผ่านมาสัปดาห์หนึ่งแล้ว ชายหนุ่มไม่มีท่าทีจะล่วงเกินเขาอีก สิ่งที่แตกต่างจากปกติไปมีเพียง

ไม่มีโทรศัพท์จากคนโรคจิตอีกเลยนับจากวันนั้น

หึ เขารู้ ว่าพี่พลต้องการให้นักถ้ำมองคนนี้หายไปอย่างเงียบๆ แล้วเรื่องทั้งหมดก็จะลงเอยด้วยดี ยังไงตอนนี้เขาสองคนก็เป็นแฟนกันแล้วนี่

ไม่มีทาง ตราบใดที่ยังไม่ได้ยินคำสารภาพบาปจากปากชายหนุ่มล่ะก็ เขาจะไม่มีวันยอมให้นักถ้ำมองหายไปอย่างไร้ความรับผิดชอบหรอก

++++++++++++++++++++++++++++++++++

รถจอดอยู่ที่ที่ประจำข้างคอน โด ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบของค่ำคืน ปอนด์ถอดเข็มขัดนิรภัย บอกลาพลเหมือนทุกๆวัน “ขอบคุณที่มาส่งนะครับพี่พล” แต่ชีวิตมันก็ต้องมีการก้าวหน้าบ้าง ร่างบางเอื้อมตัวเข้าใกล้ที่นั่งคนขับ ริมฝีปากแดงนุ่มประทับจุมพิตอุ่นละมุนลงบนแก้มสาก ถอยออกมาก้มหน้าอย่างเขินอาย “ราตรีสวัสดิ์ครับ” ว่าพลางเปิดประตูรถ แต่ชายหนุ่มเร็วกว่า คว้าแขนเล็กไว้ทัน วงหน้าใสหันกลับมามองสบสายตาปรารถนา

“น้องปอนด์ คือ…” เหมือนลิ้นจุกปาก มันพูดไม่ออก ปอนด์เอียงคอมองอย่างสงสัย

“คือ...ขอพี่...เอ่อ...จูบน้องปอนด์บ้างได้มั้ย แบบ...จูบที่ปากน่ะ”

“อย่าเพิ่งเลยครับพี่ ผมยังไม่พร้อม ขอโทษนะครับ”

“ไม่เป็นไรครับ แต่...เราก็คบกันมานานแล้ว จะชวนพี่ขึ้นไปนั่งดื่มน้ำชาบนห้องซักหน่อยได้มั้ยครับ” เอาเลย! ไม่ให้จูบ เราก็จะจับกดแทน

ปอนด์เงียบไปนาน ท่าทางอึกอักลำบากใจ “พี่พลจำเรื่องที่ผมเคยเล่าได้มั้ยครับ โรคจิตถ้ำมองคนนั้นน่ะ ...เขาเคยขู่ผมไว้ เขาบอกว่า ...ถ้าผมพาใครก็ตามขึ้นไปบนห้องล่ะก็ เขาจะทำให้ผมเสียใจจนตายเลยครับ ผมไม่กล้าให้พี่ขึ้นไปบนห้องครับ ผมขอโทษ”

อยากฆ่าตัวเองจริงๆ เขาเกือบลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าขู่อะไรเด็กหนุ่มไป

ไม่น่าเล้ย

ชายหนุ่มแสดงหน้าตาน่ากลัว ปล่อยรังสีอัมหิตออกมาเต็มที่จนร่างบางต้องรีบพูดต่อประโยค “ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากอยู่กับพี่พลตามลำพังนะครับ แต่ผมไม่กล้าจริงๆ เอางี้มั้ยครับ พาผมไปเที่ยวบ้านพี่พลดีกว่า ผมอยากลองไปหมู่บ้านจัดสรรนั้นดูซักครั้ง ได้ยินโฆษณาว่าทะเลสาบในหมู่บ้านตอนกลางคืนเค้าเปิดไฟสวยมากเลยใช่มั้ยครับ” พูดด้วยเสียงตื่นเต้น ดวงตาสีท้องฟ้ายามราตรีเป็นประกายเหมือนมีดาวกำลังส่องแสงวิบวับอยู่ภายใน

อยากฆ่าตัวเองอีกครั้ง จะพาไปได้ไงเล่า นั่นมันบ้านพ่อ! พูดใหม่ให้ถูกกว่าเดิม...บ้านอีหนูพ่อ!

เหงื่อซึมเต็มหลัง กระวนกระวายไม่รู้จะทำยังไงดี

ไม่น่าเล้ย

“ขอโทษนะครับน้องปอนด์ คือ ตอนนี้ไม่สะดวกจะพาไปน่ะครับ คือ ...”

“ไม่เป็นไรครับพี่พล ผมเข้าใจ พี่คงไม่อยากให้คนที่บ้านรู้เรื่องของผมเท่าไหร่หรอก ขนาดผู้หญิงที่พี่เคยคบยังไม่เห็นมีคนไหนเคยไปบ้านพี่เลย แล้วผู้ชายที่ไม่มีอะไรดีอย่างผม ...พี่จะพาไปทำไมให้เสียเวลา ผมขอโทษที่ขอไปโดยไม่ทันคิดนะครับ ลืมเรื่องนี้ไปซะเถอะ ...ราตรีสวัสดิ์ครับ”

ตะลึงจนไม่ทันได้คว้าแขนมา พูดอธิบายกันให้รู้เรื่อง พลมองตามหลังเด็กหนุ่มที่สะพายกระเป๋าวิ่งพลางยกแขนปาดหน้าไปพลางเข้าประตู คอนโดไป

เขาทำให้ปอนด์เจ็บอีกแล้ว

ไม่น่าเลย

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ผ่านไปอีกสองวันโดยที่ไร้เสียงโทรศัพท์จากเบอร์มือถือที่คุ้นเคย ท่าทางนักถ้ำมองคงจะตัดสินใจหายไปจากชีวิตเขาจริงๆ

เรื่องอะไรจะยอม กะอีแค่สารภาพออกมานี่มันยากนักหรือไง แค่แสดงความจริงใจให้เห็นแค่นี้ก็ทำไม่ได้ ทั้งๆที่ปากพร่ำบอกว่าชอบแท้ๆ

นิ้วโป้งป้อนเบอร์ที่จำได้ติดใจลงโทรศัพท์เครื่องจิ๋ว รอสัญญาณให้อีกฟากฝั่งรับสาย

“โทรมาทำไม” เสียงห้วนดังขึ้นทันทีที่รับ

“ทำไมคุณไม่โทรมาหาเลยล่ะครับ”

“เฮอะ คิดถึงรึไง รู้ไว้ซะด้วยนะว่า ฉัน – เบื่อ – เธอ – แล้ว ต่อไปนี้ ฉันจะไม่โทรไปหาอีกแล้ว อยากไประบายออกที่ไหนก็ไป” เน้นย้ำเสียงทีละพยางค์กรอกใส่โทรศัพท์มือถือทำร้ายจิตใจคนฟัง

“เดี๋ยวก่อน” เสียงเด็กหนุ่มดังแทรกขึ้นมาก่อนจะตัดสายทัน “แต่คุณยังมองผมอยู่ไม่ใช่เหรอ ผมรู้นะ ตัวส่งสัญญาณกล้องมันยังทำงานอยู่เลย ทำไม นึกจะเบื่อก็ทิ้งกันง่ายๆอย่างนี้เหรอ ฟังเอาไว้เลยนะ ถ้าคุณไม่โทรมาผมก็ไม่ว่าหรอก เพราะ ผม-จะ-โทร-ไป-หา-เอง!”

“ก็ลองซี่ ลองโทรมาอีกครั้ง รับรอง เธอได้เห็นตัวเองเป็นดาราหน้ากล้องในอินเตอร์เน็ตแน่”

“คุณไม่ทำหรอก ผมมั่นใจ ...แล้วก็นะ ฟังเอาไว้ซะ ถ้าคุณไม่ยอมรับสายหรือทิ้งเบอร์นี้ไปล่ะก็ คุณได้เจอผมนั่งรออยู่ที่หน้าห้องคุณทุกวันแน่นอน ให้มันรู้ไปเลย ว่าคุณเป็นใครกัน!”

+++++++++++++++++++++++++++++++++

จะเอายังไงกับเขาฟะเนี่ย! อุตส่าห์หักห้ามใจไม่โทรไปแทบตาย วันๆได้แต่ดูหนังใบ้ผ่านจอมอนิเตอร์ ได้เห็นแต่ชีวิตประจำวันซ้ำๆซากๆ กลับบ้าน อ่านหนังสือ แล้วก็นอน ชีวิตประจำวันที่ไม่รู้แต่ก่อนพอใจดูไปได้ยังไง อุตส่าห์ปล่อยไปขนาดนี้แล้ว ก็ยังไม่ยอมจากไป แล้วเมื่อไหร่พลในโลกแห่งความเป็นจริงจะได้แตะต้องปอนด์ฟะ ขนาดจูบยังไม่ยอมให้ทำเลย ชิ ทีนักถ้ำมองละยอมให้ ถึงขนาดโทรมาหาอย่างนี้มันจะมากเกินไปแล้ว หึงตัวเองว้อยยยย!

แต่คิดสะระตะกับคำขู่ของเด็ก หนุ่มแล้วมัน....ให้ตายสิ! นั่งรอหน้าห้อง เขามั่นใจว่าปอนด์ทำตามปากพูดจริงๆแน่ แถมคำขู่ที่ใช้มาตั้งนานยังไม่ได้ผลซะอีก จะให้เด็กหนุ่มรู้ได้ยังไงเล่า ว่าชายหนุ่มสุภาพบุรุษแฟนตัวเอง เป็นนักถ้ำมองโรคจิตน่ะ!

“...โอเค เธอชนะ” พูดทั้งๆที่กัดฟันกรอด ไม่น่าโทรไปตั้งแต่แรกเลยตู

“เข้าใจก็ดีแล้ว พรุ่งนี้ผมจะโทรไปหา”

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 
ยามกลางคืนที่ลานจอดรถข้างคอนโด รถดับเครื่องสนิทแล้ว แต่ยังไม่มีท่าทีว่าคนข้างในจะเปิดประตูออกมาเลย

“ปอนด์ เราคบกันมาก็เดือนกว่าๆแล้ว ระหว่างเราทำไมถึงไม่คืบหน้าเลย ปอนด็ไม่พร้อมเพราะอะไรเหรอครับ ปอนด์มีปัญหาอะไรรึเปล่า เราไม่ไว้ใจพี่ใช่มั้ย เราคิดว่าพี่ไม่จริงใจใช่มั้ย ...พี่ดูเป็นคนอย่างนั้นในสายตาปอนด์รึเปล่าครับ”

“แล้วพี่คิดว่าตัวพี่เองจริง ใจรึเปล่าล่ะครับ พี่คบกับผมเพราะต้องการอะไรครับ ต้องการจูบ ต้องการสัมผัสจับต้อง หรือต้องการความรักจากผม”

“...พี่จะต้องทำอะไรพิสูจน์ความจริงใจที่มีให้เราเชื่อล่ะ”

“ผมคิดว่าพี่พลรู้คำตอบอยู่ แล้วครับ วันนี้ขอบคุณมากนะครับ” เอ่ยพลางเอื้อมตัวไปยังที่นั่งคนขับ แนบริมฝีปากนุ่มลงกับแก้มของชายหนุ่มอย่างที่ได้ทำมาหลายวันแล้ว และเหมือนจะรู้ทัน เด็กหนุ่มถอยตัวออกได้เร็วเหลือเชื่อ ...เร็วกว่าที่แขนแกร่งจะยกขึ้นโอบรอบตัวกักขังอิสรภาพได้ทัน “ราตรีสวัสดิ์ครับ”

ประตูปิดลงแล้ว แต่คนที่อยู่ในรถยังจมอยู่กับความคิดของตนเองอยู่นานกว่าจะสตาร์ทเครื่องยนต็

…พี่พลรู้คำตอบอยู่แล้วครับ… คำตอบอะไรล่ะ

หรือว่า ...ปอนด์จะรู้ตัวจริงของนักถ้ำมองแล้ว

... จะรู้ได้ยังไงล่ะ

+++++++++++++++++++++++++++++++++

พลกลับถึงห้องพักได้ไม่นาน โทรศัพท์มือถือที่ทิ้งอยู่ในห้องนอนก็ดังขึ้น

...ปอนด์โทรมาหานักถ้ำมอง…

รับโทรศัพท์ เปิดจอมอนิเตอร์ ปรับหามุมของเด็กหนุ่มก็เจอตัวอยู่ที่ห้องน้ำ

โอย อยากร้องไห้ ตัวจริงแค่จูบยังไม่ได้ ทำไมนักถ้ำมองมันถึงได้ขนาดนี้วะ

ร่างขาวสว่างยืนหันหน้าเข้า หากล้องในห้องอาบน้ำ ทั้งตัวมีเพียงผ้าขนหนูผืนไม่ใหญ่นักเหน็บอยู่ที่เอวแบบจะหลุดมิหลุดแหล่ ฉากหลังเป็นอ่างอาบน้ำที่รองไว้จนเต็ม ผิวน้ำถูกปกคลุมไปด้วยฟองขาวฟอดพองฟูเต็มอ่าง

“ถูกใจฉากที่ผมจัดให้มั้ยครับ”

“ถูกใจสิ ถูกใจมาก” เค้นเสียงแทบไม่ออก ใช่ เขายอมรับตามตรงว่าฉากนี้มันถูกใจเขามาก ...ถ้าจะไม่ใช่ทำได้แค่มองล่ะก็นะ

“งั้นเหรอครับ ผมดีใจนะ ที่พอจะจับทางรสนิยมของคุณได้แล้ว อย่าชักช้าอยู่เลยครับ ผมจะทนไม่ไหวแล้ว ถอดกางเกงออกสิครับ หลับตาลงด้วย ผมจะใช้ปากให้” ทำตามที่ร่างบางสั่งทันที ตาดำเข้มหลับลงจินตนาการถึงปากแดงอิ่มอบอุ่นร้อนรุ่ม

“ผมจะเลียส่วนปลายแล้วนะครับ” มือหนาเคล้นคลึงส่วนปลายตนเองอย่างเสียวซ่าน ถึงฝ่ามือจะไม่ร้อนจัด แต่ก็พอกล้อมแกล้มไปได้

“อา มีอารมณ์แล้วสินะ แข็งแล้วนี่นา” ใช่ ตอนนี้อารมณ์มันพุ่งสูงเกินพิกัดแล้ว ทรมานเหลือเกิน ทำไมได้แต่ฟัง ทำไมไม่ได้ถูกสัมผัสโดยตรงนะ

“เอาล่ะ ต่อไปผมจะอมแล้วนะ ขยับให้เต็มที่เลยครับไม่ต้องเกรงใจ” มือใหญ่ขยับตามเสียงสั่ง ลมหายใจหอบหนัก ความต้องการมันรุนแรงจนแทบระเบิดออกมา จังหวะเร่งขึ้นเรื่อยๆไม่มีหยุด หูก็คอยฟังเสียงหอบของอีกฝั่งสัญญาณ

“อา~ ของคุณทั้งร้อนทั้งใหญ่จนเต็มปากผมเลย ใกล้ถึงแล้วใช่มั้ยครับ กระแทกเข้ามาแรงๆเลยครับ ปลดปล่อยเข้ามาในปากผมเลย” ความปรารถนาระเบิดออกอย่างรุนแรง ...ด้วยมือของเขาเอง เสียงปลายสายครางกระเส่าลากยาวเป็นเวลาเดียวกับที่เขาปลดปล่อย

“อืมม์ อย่าเพิ่งถอนออกนะครับ ขอผมดูดน้ำให้หมดก่อน เห็นรึเปล่า ผมกลืนลงไปไม่เหลือซักหยดเลย ร้อนคอไปหมดแล้ว” เสียงแหบพร่ายังพูดไม่หยุดเรียกอารมณ์ที่ยังไม่สงบดีให้พลุ่งพล่านขึ้นมา ใหม่

“เอาล่ะ...ลืมตาดูผมหน่อยซิ ครับ” เปลือกตาเปิดขึ้น มองปีศาจน้อยในจอมอนิเตอร์ที่ค่อยๆปล่อยผ้าเช็ดตัวเลื่อนหลุดระสะโพกขาว เนียนช้าๆ คราบความปรารถนาของเด็กหนุ่มเปรอะเปื้อนง่ามขาเพรียวทั้งสองข้าง

...แค่เห็น ...แค่ได้ยิน

...ทว่า…

...ไม่ได้สัมผัส ไม่ได้รับรู้ถึงอุณหภูมิที่แตกต่างเลยสักนิด

...ทรมานเหลือเกิน

คืนนั้นทั้งคืน เขาต้องทนกับภาพบาดตา ภาพที่เขาเคยชอบดู ท่าทางน่าอายของเด็กหนุ่มที่เขาเคยสั่งให้ทำด้วยความสนุกสนาน บัดนี้ เขาไม่จำเป็นต้องสั่ง ปอนด์ทำให้เขาเองทุกอย่าง แต่ความสนุกสนานมันกลับไม่เหลือแม้เศษเสี้ยว

และไม่ใช่คืนนั้นคืนเดียว ปีศาจน้อยของเขาไปเรียนรู้มาจากที่ไหนกันนะ วิธียั่วยวนไม่ซ้ำแบบให้ติดกับดักแสนหวานโดยไม่มีทางหลีกเลี่ยงนี้น่ะ

ตั้งใจจะทรมานเขาไปอีกนานแค่ไหนกัน

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 

“……”

“………”

“…………”

“ปอนด์”

“ครับ พี่พล?”

“พี่มีเรื่องจะสารภาพ”

“พี่...พี่เองแหละ ที่เป็นคน...แอบดูแอบถ่ายเรามาตลอด”

“…..”

“คุณเป็นใครกันครับ”

“ปอนด์ พี่รู้ว่าพี่ทำผิดแต่...”

“คุณไม่ใช่พี่พลของผมซัก หน่อย คนนี้ต่างหากพี่พลของผม” ทอดสายตามองไปด้านหลังเด็กหนุ่ม สิ่งที่เห็นคือ ...ตัวเขา? ทำไมล่ะ? ก็เขาอยู่ตรงนี้นี่นา แต่...ปฏิเสธไม่ได้ว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงนั้นคือตัวเขาแน่ๆ

“ใช่มั้ยครับ พี่พล พี่พลของผมน่ะ ไม่มีวันทำเรื่องน่ารังเกียจแบบนั้นได้หรอก” เด็กหนุ่มโอบแขนทั้งสองข้างรอบเอว...พี่พล อย่างรักใคร่ ร่างสูงนั้นโอบกลับดูแล้วเหมือนคู่รักที่จะไม่มีวันพรากจากกัน เขาจ้องตรงไปในดวงตาดำเข้มของ...พี่พล ดวงตาที่ฉายแววดูถูกเหยียดหยาม ปากบางยกเหยียดเยาะเย้ย

“ใช่แล้วครับน้องปอนด์...คน ที่ทำเรื่องอย่างนี้ลงไปได้ ช่างเป็นคนที่น่ารังเกียจจริงๆ คนจำพวกนี้ไม่ควรได้เงยหน้าอ้าปากอยู่บนโลกนี้ด้วยซ้ำ”

“อ้าาาาาาาากกกกกก!!!”

ดวงตาสีดำสนิทลืมผึง ปากร้องโวยวายอย่างไร้สติ ตัวเด้งขึ้นจากนอนเป็นนั่ง มือขวายกขึ้นเหมือนจะคว้า...อะไรซักอย่างที่หลุดลอยไปโดยไม่มีวันได้กลับคืน มา เหงื่อเม็ดเล็กไหลจากขมับกลิ้งตามโค้งใบหน้ารวมกันเป็นเม็ดใหญ่อยู่ที่ปลาย คางก่อนจะหยดลงบนผ้านวม

‘เขาฝันร้าย…อีกแล้ว’ ยังหายใจหอบไม่หาย อุ้งมือทั้งสองข้างถูกยกขึ้นกุมใบหน้าอย่างเหนื่อยอ่อน

เขาจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว เขาอยากจบความสัมพันธ์งี่เง่านี้เหลือเกิน นักถ้ำมองคนนี้ไม่ควรจะมีอยู่ในโลกจริงอย่างที่เขาเคยประนาม

เขาเสียใจที่สร้างคนโรคจิตคนนี้ขึ้นมา

จากวันแรกที่เขาได้เจอปอนด์ ...วินาทีแรกที่ได้ยินเสียงร่าเริง วินาทีแรกที่เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าขาวใสกับดวงตากลมโตนั่น เขารู้ตัวทันทีว่า เขาหลงไหลเด็กหนุ่มมาก …มากเหลือเกิน

หลังจากวันที่เกิดอุบัติเหตุ เขามีโอกาสได้รู้จักพูดคุยกับปอนด์เป็นครั้งแรก การทานอาหารสองต่อสองมื้อแรกในวันถัดมา แม้เรื่องที่คุยจะเป็นเพียงเรื่องทั่วไปไม่มีอะไรสลักสำคัญ แต่มันก็ทำให้รู้สึก ...ชอบเด็กหนุ่มมากขึ้นกว่าเดิม

แล้วตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ที่คำว่า...ชอบ ถูกเปลี่ยนเป็น ...รัก

รัก ...รักมากจนกลัวจะสูญเสียไป

รัก ...รักมากจนไม่กล้าสารภาพความผิดใหญ่หลวงที่เคยก่อไว้กับเด็กหนุ่ม

รัก ...จนไม่รู้จะทำอย่างไรดี

...ตอนนี้เขากำลังถูกลงโทษ เมื่อไหร่ความทรมานนี้จะจบลงเสียทีนะ ถ้าเพียงแต่เขากล้าบอก ถ้าเพียงปอนด์จะไม่โกรธเกลียดเขา ไม่ไปจากเขา...

แต่

มันจะง่ายอย่างนั้นเชียวหรือ?

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 :o มีคนชอบแนวโรคจิตด้วย :oni3:จงกลับตัวเป็นคนดีของสังคมเตอะๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: playCardPlaYBoy ที่ 05-04-2008 22:57:50
“…ปอนด์”

“…ปอนด์!”

“……”

“ปอนด์!!!”

เฮือก!

เด็กหนุ่มสะดุ้งโหยงกับเสียง ตะโกนดังคับห้องแล็บ มือซ้ายที่ถือถ้วยกระเบื้องปล่อยตกแตกดังเพล้ง เศษแก้วกับสารเคมีกระจายส่งกลิ่นฟุ้ง ห้องที่มีเสียงนักศึกษาคุยจุ๊กจิ๊กอยู่ตลอดเวลาพลันเงียบกริบ สายตาหันมามองต้นเสียงอย่างอยากรู้อยากเห็น เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ห้องทดลองเคมีจึงกลับสู่สภาพปกติ

“ตุ๊ก! เรียกดีๆ ก็ได้นี่นา เราตกใจหมด ดูสิ อุตส่าห์รอต้มตั้งนาน ต้องผสมใหม่อีกแล้วเนี่ย” หันไปเอาเรื่องกับเพื่อนสาวอย่างเซ็งๆ ทำไมแค่ผสมสารไม่กี่ซีซีมันถึงกินเวลาขนาดนี้นะ เดี๋ยวก็ใส่มากเกิน เดี๋ยวก็ใส่น้อยเกิน พอคิดว่าผสมถูกก็ดันไม่ยอมตกตะกอนซะงั้น

“ไม่ต้องมาโทษเราเลยปอนด์ เราเรียกนายตั้งหลายครั้งแล้วก็ไม่เห็นจะได้ยิน ถ้าไม่ตะโกนป่านนี้นายเอาสารเทลงอ่างน้ำไปแล้ว เถอะนะ เททิ้งกับทำตกมันก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอกน่า! มัวเหม่ออะไรก็ไม่รู้ ตั้งแต่ต้นชั่วโมงแล้ว”

“ขอโทษที พอดีเรามีเรื่องอะไรนิดหน่อยน่ะ” ว่าพลางหยิบถ้วยกระเบื้องใหม่ ตักสารปริมาณตามที่คู่มือบอก

“เกี่ยวกับแฟนเหรอ” มือที่กำลังตักสารเคมีกระตุกจนเกล็ดสีขาวในช้อนตวงหกพรวดลงถ้วยกระเบื้อง เด็กหนุ่มส่ายหัวพร้อมเทส่วนผสมทิ้งอ่างทิ้งของเสียก่อนจะลงมือตักสารจากขวด เริ่มผสมใหม่

“ก็นะ”

“ถามจริงเถอะปอนด์ การมีแฟนนี่มันทรมานขนาดนี้เลยเหรอ หน้าตาเหมือนคนนอนไม่พอมาเป็นอาทิตย์แล้ว เล็คเชอร์ก็จดเละจนอ่านไม่รู้เรื่อง เหมือนคนไม่มีกะจิตกะใจทำอะไรซักอย่าง” นี่เขาดูแย่ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย

“ก็นะ” ตอบแกนๆไป คว้าขวดน้ำกลั่นเตรียมบีบใส่ถ้วยกระเบื้องบรรจุสารที่ผสมเสร็จถูกต้องตาม อัตราส่วน มีเพื่อนสาวที่ทำเล็บเสร็จตั้งนานแล้วนั่งหมุนเก้าอี้หมุนเล่นรออยู่ข้างๆ

“แฟนปอนด์น่ะ ...พี่พลรึเปล่า”

พรวด!!!

น้ำกลั่นในขวดถูกบีบจนพุ่งกระแทกถ้วยกระเบื้องใบจิ๋ว ปลิวกระเด็นทั้งถ้วยทั้งสารเคมี

“ตุ๊ก!!!” ในใจเด็กหนุ่มตอนนี้ไม่ได้มีเรื่องการทดลองที่ไม่มีวันทำเสร็จอยู่ในหัวแล้ว มันว้าวุ่นเหมือนเด็กที่ถูกจับได้ว่าแอบกินขนมในห้องเรียน ตุ๊กรู้ได้ยังไง รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่

“คิดว่าเราไม่รู้เหรอ อย่าดูถูกลางสังหรณ์ของผู้หญิงสิ” พูดเสร็จก็แย่งถ้วยกระเบื้องจากมือเด็กหนุ่มอย่างหมดความอดทนจะรอ ลงมือผสมให้เองเสร็จสรรพ

“ตุ๊ก ...ไม่รังเกียจเราเหรอ”

“ฮื้อ จะบ้าหรือไง นี่มันสมัยไหนแล้ว เราจะไปรังเกียจทำไม” ปากพูดไปมือบีบน้ำกลั่นคนสารไป ใช้เวลาเร็วไม่น่าเชื่อ เด็กหนุ่มรู้ตัวอีกที ถ้วยกระเบื้องก็ถูกยัดลงตู้ต้มสารเคมีแล้ว

“แล้วยังไงล่ะ ทะเลาะกันเหรอ” มือขาวตกแต่เล็บอย่างสวยงามตามสมัยนิยมพลิกใบรายงานผล ลงมือกรอกข้อมูลให้แทน

“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก แค่...เรารู้สึกว่า...พี่เค้ามีความลับกับเราน่ะ... แล้ว...เราก็มีความลับกับพี่เค้าด้วย” เขาไม่รู้จะอธิบายยังไงดี ปมที่ทั้งเขาและพี่พลร่วมมือร่วมใจกันผูก เริ่มจากคนละด้านของเส้นด้าย ตอนนี้มันมาเจอกันตรงกลางในลักษณะพันกันยุ่งเหยิง แค่จะหาปลายด้ายมาแก้ปมยังหาไม่เจอ

“แล้วไง นายคาดหวังอะไรไว้ล่ะ”

“เรา ...อยากให้ระหว่างเราไม่มีความลับต่อกัน อยากให้คบกันแบบ...เป็นตัวตนที่แท้จริงน่ะ” ใช่ เขาเฝ้าอดทนทุกค่ำคืน เฝ้าทรมานทั้งชายหนุ่มทั้งตัวเอง ความสนุกตื่นเต้นที่รู้สึกในวันสองวันแรกมันหายไป แทนที่ด้วยความทรมาน อัดอั้นตันใจ เรื่องมันยุ่งเหยิงจนหาทางแก้ที่ดีที่สุดไม่ได้

ความรู้สึกมันแยกเป็นสองทาง ทางหนึ่งสั่งให้บอกพลไปตามตรง เคลียร์กันไปเลย เรื่องจะได้จบๆเสียที ถึงชายหนุ่มจะโกรธเขาก็ยอมรับได้ ก็เขาเป็นคนก่อเรื่องด้วยส่วนหนึ่งนี่นา แต่..ถ้าเขาบอกออกไปก่อน สิ่งที่เขาเฝ้าทำมาจะสูญเปล่าไปทันที ...ทั้งหมดจะหายวับไปกับอากาศ

เขาจะแพ้พนันครั้งนี้ เดิมพันที่เขาหวัง...ความจริงใจของชายหนุ่ม...เขาจะไม่มีวันได้มันมาตลอดไป


แต่อีกทางหนึ่งมันกระซิบบอก ให้รอ ...รอให้ชายหนุ่มสารภาพออกมา บอกให้เชื่อใจพี่พลของเขา สักวันพี่พลจะต้องมีความกล้าพอที่จะสารภาพสิ่งที่ทำทั้งหมดต่อหน้าเขา แล้วเขาจะยินดีมอบเดิมพันของเขาให้ชายหนุ่ม...หัวใจรักที่ปอนด์จะมอบให้โดย ไม่มีเงื่อนไข

...สักวัน

...เมื่อไหร่ล่ะ


 
“แล้วปอนด์ก็เลยอยากให้พี่พลเป็นฝ่ายบอกก่อนงั้นสิ อยากให้พี่พลแสดงความจริงใจให้เห็น ปอนด์กำลังทดสอบพี่พลอยู่ใช่มั้ย” ทึ่ง อึ้ง กับลางสังหรณ์ของผู้หญิงจริงๆ ตุ๊กพูดเหมือนกับว่าเข้ามานั่งอยู่ในใจเขายังไงยังงั้น

“...ก็นะ” ก้มหน้าตอบอ้อมแอ้ม

ตุ๊กส่งกระดาษรายงานที่เขียน เสร็จเรียบร้อยแล้วให้ปอนด์ เว้นไว้เพียงชื่อกับเลขที่ให้เด็กหนุ่มกรอกก่อนส่ง นัยน์ตากลมโตของสาวน้อยจ้องหน้าโทรมๆของเด็กหนุ่มเป๋ง

“แล้วปอนด์แสดงความจริงใจให้ พี่พลเห็นบ้างรึเปล่าล่ะ ปอนด์ยังไม่ปล่อยวางทิฐิที่มีเลย ปอนด์หวังแต่จะให้พี่พลเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหาปอนด์เหรอ ทำไมไม่คิดจะพบกันครึ่งทางบ้างล่ะ ...คนจะรักกันน่ะ มันต้องปรับเข้าหากันทั้งสองฝ่ายนะปอนด์ ถ้าทำอย่างนั้นไม่ได้...ผลที่ออกมาก็รู้ๆกันอยู่”

“นี่เป็นคำเตือนของเพื่อนนะปอนด์ ...ระวังทุกอย่างมันจะสายเกินไป”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++


‘พบกันครึ่งทางอย่างนั้นรึ’

เขาคงจะถือทิฐิอย่างที่เด็ก สาวว่า เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน มัวแต่คิดเรื่องแพ้ชนะ โดยลืมไปว่า เรื่องของความรัก มันเกิดจากความร่วมแรงร่วมใจกันสรรค์สร้างขึ้นของคนสองคน ไม่ใช่การพนันขันแข่งแต่อย่างใด

‘จะต่อให้อีกหน่อยก็แล้วกัน’

++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ประตูห้องคอนโดถูกเปิดขึ้น

ห้องที่มีกลิ่นอายของเจ้าของ ...กลิ่นอายที่ผู้บุกรุกปรารถนาจะดอมดมอยู่แนบกายทั้งยามหลับและยามตื่น

ไม่มีวี่แววของเจ้าของห้อง

ปอนด์ออกไปเรียนแล้ว

...

.....

.......

เช้าวันนี้วิชาเรียนของพลถูก ยกเลิก จึงมีเวลานั่งดื่มกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่ห้องได้นานกว่าทุกวัน ด้วยความเคยชิน จอมอนิเตอร์ที่ต่อสัญญาณจากห้องของปอนด์ถูกเปิดขึ้น ปากบางยกยิ้มกับตัวเอง

รู้ก็รู้ว่าปอนด์ออกไปเรียนแล้ว ยังอุตส่าห์เปิดดูอีก แบบนี้มันหมกมุ่นเกินไปแล้ว

มือหนากดคีย์บอร์ดเลือกภาพ มุมกล้องที่แสดงส่วนต่างๆของห้อง ไล่ตั้งแต่หน้าประตู เคาน์เตอร์สำหรับทานอาหารที่แบ่งส่วนหนึ่งของห้องเป็นครัว ห้องโถงวางโซฟารับแขกชุดใหญ่ทั้งๆที่ไม่เคยมีแขกเข้ามาในห้อง มุมอ่างอาบน้ำให้ห้องน้ำ มุมหน้ากระจกชมวิวบานใหญ่ในห้องนอน ...ที่ที่เด็กหนุ่มถูกเขาสั่งให้นั่งบนโซฟาทำเรื่องน่าอายเป็นประจำ เตียงนอนหลังใหญ่ที่ชายหนุ่มหวังอยากนอนเคียงคู่กับเจ้าของเตียงทุกค่ำคืน

คิดๆไปก็หัวเราะกับตนเองอีก ครา แม้กระทั่งโต๊ะอ่านหนังสือ เขายังอุตส่าห์ติดกล้องเอาไว้เลย ช่วงเวลาที่ได้นั่งดูปอนด์ตั้งใจอ่านหนังสืออย่างขมักเขม้นยามค่ำคืนผ่าน เข้ามาในห้วงความคิด

มือหนากดเลือกมุมกล้องวนไปเรื่อยๆอย่างมันมือ ก่อนจะสะดุดอยู่ที่มุมอ่านหนังสือ

พลกดคีย์บอร์ดซูมภาพอย่างสงสัย

ภาพที่ผ่านการขยายสูงสุด ก็ถึงไม่ค่อยชัดแต่ก็พอมองเห็นรายละเอียด

กระดาษเอสี่สีเหลืองเก่าๆ ตกอยู่ที่พื้นข้างโต๊ะในสภาพที่ถูกพับกลาง กระดาษที่ดูคุ้นตาในความรู้สึกของชายหนุ่ม ...ใบสมัครอะไรซักอย่าง...สามารถเดาได้จากการที่มีภาพถ่ายขนาดหนึ่งนิ้วแปะ อยู่ที่มุมกระดาษ

ร่างสูงคว้ากระเป๋าเรียน ออกจากห้องตนเอง มุ่งหน้าสู่ห้องของเด็กหนุ่มเพื่อคลายความสงสัยทันที

.........

......

...
 
มือหนาที่ถือกระดาษสั่นโดยไม่ได้ตั้งใจ สายตาจับจ้องรูปภาพที่ติดอยู่บนมุมกระดาษเขม็ง

นี่มัน

รูปของเขาเอง รูปที่ถ่ายมาได้สองสามปีแล้ว ลายมือก็ของเขาเอง ต่างจากปัจจุบันตรงที่มันดูเรียบร้อยกว่า

...ใบสมัครเข้าชมรมหนังสือพิมพ์ ตอนที่พลอยู่ปีหนึ่ง…

ชายหนุ่มรู้สึกความเย็นเฉียบ มันไล่ไปตามไขสันหลัง ทั้งๆที่เหงื่อเม็ดใหญ่กำลังผุดขึ้นที่ขมับ ไล่มองรายละเอียดที่ตนเองเป็นคนกรอกในอดีต ที่อยู่ก็คอนโดที่เขาซ่องสุมในปัจจุบัน เบอร์โทรศัพท์ก็เบอร์ที่เขาใช้โทรหาเด็กหนุ่มในคราบของคนโรคจิต

ปอนด์รู้ตัวจริงของเขาแล้ว

ตั้งแต่เมื่อไหร่กันล่ะ

ตั้งแต่ที่เด็กหนุ่มเริ่มโทร หานักถ้ำมอง ตั้งแต่ตอนที่เด็กหนุ่มไม่ยอมให้เขาแตะต้อง หรือ...ตั้งแต่แรกที่เด็กหนุ่มตกลงคบกับเขากัน!!!

…‘พี่จะต้องทำอะไรพิสูจน์ความจริงใจที่มีให้เราเชื่อล่ะ’

…‘ผมคิดว่าพี่พลรู้คำตอบอยู่แล้วครับ’

 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ค่ำคืนวนผ่านมาอีกครา พลขับรถมาส่งปอนด์หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จไม่ต่างจากวันอื่นๆ เพียงแต่วันนี้ ทั้งสองดูจะจมอยู่ในโลกส่วนตัวของตนเองมากกว่าที่จะคุยเรื่องสัพเพเหระกัน

“ราตรีสวัสดิ์ครับ พี่พล” ปอนด์ปลดล็อคเข็มขัดนิรภัย ยื่นหน้าแนบริมฝีปากกับแก้มสากเหมือนทุกวัน แต่วันนี้ดูจะอ้อยอิ่งจนเปิดช่องว่างให้อุ้งมืออุ่นใหญ่คว้าท่อนแขนบางไว้ ได้ทัน

“ราตรีสวัสดิ์ครับ น้องปอนด์” เด็กหนุ่มเพิ่งรู้ตัวว่าเสียท่า หลับตาปี๋ยามริมฝีปากบางเคลื่อนเข้ามาใกล้

หากแต่ผิดคาดเล็กน้อย ปากบางอุ่นแนบลงบนหน้าผากของเด็กหนุ่มแทนที่จะเป็นริมฝีปากแดงจัดที่เม้มคอย ปอนด์ลืมตาขึ้นมองหน้าพลอย่างแปลกใจ

“คือ...แค่นี้คงไม่ว่ากันนะครับ” ร่างสูงยิ้มแหะ

“ครับ” ตอบอ้อมแอ้มอย่างเขินๆ บรรยากาศเงียบกริบไปนาน กว่าชายหนุ่มจะพูดขึ้น

“พี่รักปอนด์นะครับ ...ปอนด์ชอบพี่บ้างรึเปล่า ..พี่ยังไม่เคยได้ยินเราพูดคำนั้นเลย บอกให้พี่ชื่นใจหน่อยได้ไหมครับ” ช่างเป็นน้ำเสียงที่เว้าวอนเหลือเกินในความคิดของเด็กหนุ่ม

“ผมก็รักพี่พลครับ” ยังไม่ทันสรรหาคำตอบ ปากก็นำหน้าความคิด ตอบตามความรู้สึกออกไปแล้ว ทันทีที่รู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป ใบหน้าขาวก็ร้อนผ่าว เลือดสูบฉีดรุนแรงจนผิวแดงเรื่อ ก้มหน้างุดเปิดประตูเตรียมหนี หากแต่เสียงชายหนุ่มที่ดังขึ้นทำให้หยุดชะงัก

“ปอนด์จำได้ไหมครับ ความจริงใจที่พี่จะพิสูจน์ให้เราเห็นน่ะ อีกไม่นานหรอกครับ รอพี่หน่อยนะคนดี”

+++++++++++++++++++++++++++++++++

‘ผมก็รักพี่พลครับ’

คำคำนี้คำเดียวเท่านั้น...ที่อยากได้ยิน

รออีกไม่นานหรอกครับน้องปอนด์ พี่จะจบเรื่องทั้งหมดเร็วๆนี้แหละ

ปากบางยกยิ้มกับตัวเองท่ามกลางความมืดยามค่ำคืน

+++++++++++++++++++++++++++++++++
โพสให้จบภาคแรกวันนี้เลยครับ แต่กั๊กตอนพิเศษไว้ก่อน ค่อยเอามาลงพร้อมภาค2นะครับ :laugh:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: playCardPlaYBoy ที่ 05-04-2008 22:58:47
‘ปอนด์จำได้ไหมครับ ความจริงใจที่พี่จะพิสูจน์ให้เราเห็นน่ะ อีกไม่นานหรอกครับ รอพี่หน่อยนะคนดี’

 



 

….

 

……

 

...ใบสมัครหายไปแล้ว

 

...ใบสมัครชมรมหนังสือพิมพ์ของพี่พล ...ที่เขาจงใจทิ้งไว้ข้างโต๊ะหายไปแล้ว

 

ร่างบางถอนหายใจ ...จากที่เห็นทำให้ไม่แปลกใจกับคำพูดของชายหนุ่มเท่าไหร่นัก

 

พี่พลรู้ ว่าเขารู้ความจริงแล้ว โดยที่เขาตั้งใจบอกให้รู้เอง

 

การเดิมพันครั้งใหญ่กำลังจะจบลงแล้ว พี่พลจะทำอะไรต่อไปนะ จะโกรธแค้นที่โดนเขาหลอกลวง หรือพร้อมจะยอมให้อภัยเขากัน

 

เขาอยากเชื่อเต็มหัวใจ ว่าชายหนุ่มจะต้องให้อภัยเขา และแสดงความจริงใจที่เขาหวังมานานออกมาเสียที

 

++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

ที่จอดรถข้างคอนโด ยังคงปรากฏรถยุโรปคันเดิมอยู่ ตั้งแต่เด็กหนุ่มเปิดประตูรถเดินเข้าคอนโดไป ก็ไม่มีวี่แววว่ารถคันนี้จะเคลื่อนไปไหนเลย

 

เจ้าของรถกำลังรอเวลา

 

เวลาที่เหมาะสม ที่เห็นได้จากกล้องทีวีเคลื่อนที่ที่รับสัญญาณโดยตรงจากห้องของเหยื่อชั้น 23

 

...เมื่อถึงตอนนั้น ทุกอย่างจะจบลง

 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

ประตูห้องน้ำถูกเปิดขึ้น ไอน้ำร้อนพวยพุ่งออกมา เมื่อกระทบไอเย็นจัดของเครื่องปรับอากาศในห้องนอนก็พลันสลายหายไป ร่างเด็กหนุ่มผิวขาวใสก้าวออกมาในสภาพเพิ่งอาบน้ำเสร็จหมาดๆ ผมดำซอยสั้นตามสมัยเปียกลู่ระแก้มเนียน หยดน้ำกลิ้งไล่จากปลายผมระไปตามส่วนโค้งเว้าด้านหลังคอ แผ่นหลัง จนไปหยุดอยู่ที่บั้นท้ายที่ห่อหุ้มด้วยผ้าขนหนูหลวมๆ ก่อนจะซึมผ่านเนื้อผ้าไป

 

ปอนด์เดินผ่านห้องนอน มุ่งน่าไปยังห้องครัวตามปกติ เปิดตู้เย็นคว้าขวดนมสดเทใส่แก้วใสทรงสูง

 

ระหว่างดื่มนม ตาก็จ้องอ่านหนังสือพิมพ์ที่แม่บ้านวางไว้ให้บนเคาน์เตอร์ทานอาหาร นมอึกแล้วอึกเล่าผ่านไป เห็นภายนอกเพียงลูกกระเดือกบนคอระหงที่เคลื่อนขึ้นลงตามการกลืน

 

พลันเด็กหนุ่มรู้สึกหัวใจ เต้นแรงเร็ว...มันรวดเร็วจนไม่ทันตั้งตัว มือบางปล่อยแก้วนมสดโดยไม่ได้ตั้งใจ แก้วน้ำราคาแพงตกกระทบขอบโต๊ะก่อนจะกระเด็นกลิ้งบนพื้น ของเหลวสีขาวหกรดพื้นซึมลงบนเนื้อพรมเป็นด่างดวง หากเจ้าตัวหาได้สนใจไม่ มือบางทั้งสองข้างยกขึ้นกดหน้าอกซ้ายหนักๆ เหงื่อกาฬไหลพลั่กจากทั่วทุกแห่งบนร่างกายราวกับเพิ่งผ่านการออกกำลังกายแสน สาหัสมา

 

เกิดอะไรขึ้นกับเขา???

 

ปอนด์พยายามพาตัวเองไปให้ถึง ห้องนอน ช่วงเวลาเหมือนจะเป็นนิรันดร์ในความคิดของเด็กหนุ่ม ทั้งๆที่มันเพิ่งผ่านไปได้ไม่นานเท่านั้น ล้มลงนอนบนเตียงอย่างหมดแรง หอบหายใจถี่หนัก เหงื่อยังผุดออกจากร่างกายไม่หยุดหย่อน ทั่วทั้งตัวร้อนผะผ่าวเหมือนมีไฟสุมจากภายใน ร้อนแรงราวกับจะเผาไหม้ให้กลายเป็นจุณ

 

“…อะ” ทันใดนั้นความรู้สึกใหม่ก็ก่อเกิด มือที่กดหน้าอกซ้าย เหมือนไม่ใช่มือตัวเอง มันคลายจากท่ากำหมัดก่อนจะค่อยๆลูบไล้ลงบนแผ่นอกของตนเอง เมื่อสะดุดกับตุ่มไตเล็กทั้งสองข้าง ขนอ่อนที่ท้ายทอยก็ลุกชัน พร้อมกับปากสั่นๆที่เปิดออกเสียงครางกระเส่า

 

“อาาาาา”

 

ความยั้งคิดลดลงฮวบฮาบ มือทั้งสองบีบเคล้นเครื่องประดับชิ้นน้อยจนแดงช้ำ หากไม่สามารถบรรเทาความร้อนรุ่มของร่างกายไปได้ ความไวสัมผัสทั้งหมดดูเหมือนจะไปรวมอยู่ที่กึ่งกลางของร่างกาย

 

มือน้อยกอบกุมแก่นกายของตน เอง ข้างหนึ่งเริ่มเคล้นคลึงส่วนปลายอย่างหนักหน่วง อีกข้างขยับจับขึ้นลงตามสัญชาติญาณเรียกร้อง ปากแดงฉ่ำอ้าหอบหนัก เส้นไหมสีเงินไหลละมุมปากโดยเจ้าตัวไม่คิดจะสนใจ ใบหน้าที่เคยขาวใส บัดนี้แดงก่ำเหมือนลูกเชอรี่สด นัยน์ตาสีราตรีถูกเปลือกตาบางและขนตาเป็นแพหนาบดบังสิ้น

 

ระดับอารมณ์ไต่สูงขึ้น เรื่อยๆ ...เรื่อยๆ...จนกระทั่งระเบิดออกอย่างรุนแรง แผ่นหลังเด็กหนุ่มแอ่นโค้งตามห้วงอารมณ์ ปลดปล่อยหยาดหยดแปดเปื้อนหน้าท้องแบนราบจนหมดสิ้น ปากบางเปิดออกส่งเสียงครางยาวนาน

 

หากแต่ไฟที่ก่อขึ้นในร่างกายยังไม่จบลงง่ายๆ ความต้องการมันเกิดขึ้นโดยไร้จุดสิ้นสุด

 

ท่ามกลางอนุสติรางเลือน ร่างบางบอกตัวเองว่า เขาเสียท่าชายหนุ่มซะแล้ว

 

+++++++++++++++++++++++++++++++

 

ใจเย็นๆ รอให้ผลไม้สุกงอมเต็มที่ แล้วเขาก็จะได้อาหารเลิศรสจากแดนสวรรค์มาลิ้มลอง

 

พลบอกกับตัวเองแบบนั้น นัยน์ตาดำสนิทเปี่ยมด้วยห้วงอารมณ์หฤหรรษ์จับจ้องร่างบางในโทรทัศน์เคลื่อน ที่ เจ้าตัวอยู่ไม่ไกลจากต้นสัญญาณเลย...ห่างกันแค่เพียงประตูกั้นเท่านั้น

 

เด็กหนุ่มเป้าหมายปลดปล่อยไปสองครั้งแล้ว ตอนนี้คงจะเริ่มมีสติรับรู้มากขึ้น

 

ปากบางยกยิ้ม

 

ดูเหมือนแค่การแตะต้องตัวเอง นั้น ไม่ได้ทำให้เหยื่อของเขาพึงพอใจได้เลย ร่างขาวในจอทีวีตะกายหล่นจากเตียงหลังใหญ่ ก่อนจะบังคับแขนขาสั่นๆให้คลานไปข้างเตียง ดึงกล่องเก็บของลับออกมา

 

++++++++++++++++++++++++++++++++

 

ควบคุมมือสั่นเหนียวเหนอะให้ เปิดกล่องอย่างยากลำบาก เขาต้องการเติมเต็มตนเองเหลือเกิน ใจไพล่คิดถึงของเล่นที่เคยใช้เพียงครั้งเดียวตั้งแต่ซื้อมา...แท่งซิลิโคน ...คงจะพอบรรเทาไฟราคะให้มอดดับลงได้บ้าง

 

ทว่า เมื่อเปิดกล่องได้ ความผิดหวังก็ซัดสาดทับถมใส่

 

ของที่เขาซ่อนไว้ทั้งหมดหายไป!!!

 

มีเพียงอย่างเดียวที่ถูกวางราบอยู่ที่ก้นกล่อง...

 

พลันโทรศัพท์เครื่องจิ๋วบน หัวเตียงก็แผดเสียงดังลั่นกระชากเด็กหนุ่มสู่โลกแห่งความเป็นจริง เดาได้ไม่ยากเลยว่าผู้ที่โทรมาในเวลาเหมาะเหม็งขนาดนี้เป็นใคร

 

ลนลานตะกายตัวหยิบโทรศัพท์มาได้ก็กดรับทันที

 

“ถูกใจของขวัญที่ฉันให้มั้ย เด็กน้อย” เสียงทุ้มเยือกเย็นผ่านโสตประสาทตรงเข้าทิ่มแทงจิตใจเด็กหนุ่ม ...ไม่ใช่พี่พล…ชายหนุ่มวางบทบาทตัวเองไว้ที่นักถ้ำมองโรคจิต

 

ปอนด์อ้าปากหอบหายใจอยู่นาน กว่าจะข่มเสียงสั่นๆพูดออกไปได้ “คุณต้องการอะไร”

 

“เธอต่างหากล่ะ ต้องการอะไร หืมม์” ปลายเสียงพูดปนหัวเราะ “เอ้า แตะต้องตัวเองหน่อยสิ”

 

มือสั่นเลอะสัมผัสเหนียว เหนอะหนะก่อนหน้านี้ จับต้องตนเองอีกครั้ง เสียงแหบกระเส่าเปล่งออกมาทันทีที่รู้สึก “อ๊ะ___อ๊า___” ความไวสัมผัสขึ้นสู่ขีดสูงสุด เพียงแตะต้องเบาๆก็กระชากปอนด์ไปถึงจุดหมาย เขาปลดปล่อยเป็นครั้งที่สามแล้ว ...แต่อารมณ์ร้อนร่านไม่ได้ลดลงแม้เศษเสี้ยว

 

“ว่าไง ไม่พอใจใช่มั้ย ต้องการอะไรล่ะ ปอนด์” เสียงจากโทรศัพท์กดดันเขาเหลือเกิน

 

“...ผม...อ๊ะ...ปลดปล่อย...ทรมาณ...อา” เสียงเด็กหนุ่มฟังลนลานไม่ได้ศัพท์ เรียกรอยยิ้มจากปากบางให้เหยียดกว้างขึ้น

 

“อยากปลดปล่อยหรือ?”

 

“...ครับ”

 

“อยากให้ช่วย?”

 

“…ครับ” ทรมาณจนแทบสิ้นสติ เด็กหนุ่มสะอื้นเค้นคอตอบคำถามที่ถามมาอย่างใจเย็น

 

“พูดออกมาสิ”

 

“ผม...ผม ขอโทษ”

 

เสียงจุ๊ปากดังจากปลายสาย

 

“ไม่ใช่ๆ ให้โอกาสใหม่ เอ้าพูดออกมาเร็ว เด็กดี”

 

“ผม...ผม...”

 

“หืม?”

 

“___ช่วยผมด้วย” น้ำตาหยดกลิ้งจากดวงตาที่หลับแน่น

 

“ดีมาก ใช้ของที่อยู่ในกล่องสิ แล้วฉันจะให้รางวัล”

 

มือบางคว้าของที่อยู่ในกล่อง...แถบหนังปิดตาสีดำตัดเย็บอย่างประณีต...บรรจงคาดปิดตาตัวเองอย่างปวดร้าว

 

พี่พลไม่ต้องการให้เขาเห็นตัวจริง...จนถึงขนาดนี้แล้วยังไม่คิดจะบอกความจริง…ทั้งๆที่รู้ว่าเขารู้อยู่แล้วว่านักถ้ำมองเป็นใคร…

 

หยดน้ำใสซึมเล็ดออกจากแถบหนังปิดตา ไหลระไปตามใบหน้า บางส่วนแตะมุมปากเรียกความรู้สึกเค็มปร่าที่ปลายลิ้น

 

“เด็กดี”

 

ปอนด์สะดุ้งโหยงมือบางปล่อย โทรศัพท์หล่นกระทบพื้นพรมอย่างตกใจ เมื่อเสียงทุ้มที่ได้ยิน...มันถูกกระซิบอยู่ข้างหู หาได้ผ่านมาทางโทรศัพท์เหมือนเดิมไม่…เสียงทุ้มที่บอกราตรีสวัสดิ์เขาในรถ ทุกค่ำคืน

 

อุ้งมือหนาใหญ่วางบนศีรษะทุย เปียกชื้น นำให้เขาหันไปทางทิศทางที่ชายหนุ่มต้องการ...มืออุ่นที่เคยคุ้นเหลือเกิน มือที่คอยขยี้ศีรษะเขาเล่นอย่างสนุกสนาน

 

เมื่อนำมายังทิศทางที่ถูกใจ ปอนด์ก็รับรู้ได้ถึงไอร้อนที่แผ่ออกมา กลิ่นกามที่อยู่ด้านหน้าของตนเอง

 

“อ้าปาก”

 

นิ้วโป้งสอดเข้ามุมปากบังคับ ให้ปากแดงชื้นถูกอ้ากว้าง ความร้อนระอุถูกยัดเข้าปากน้อยอย่างไม่ทันตั้งตัว ด้วยความตกใจทำให้หัวทุยถอยหลังหนี หากแต่ไม่สามารถทำได้เนื่องจากมือใหญ่ที่คอยกดแนบจำกัดอิสรภาพ สิ่งที่อยู่ในปากทวีความร้อนมากกว่าเดิม ขนาดเพิ่มขึ้นจากแรงอารมณ์ของเจ้าของ

 

ด้วยความที่เคยเห็นแต่ในสื่อ ไม่เคยลงมือปฏิบัติจริง ทำให้ปอนด์ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป กลิ่นรัญจวนแรงจนแทบสำลัก น้ำลายไหลซึมเปรอะคางอย่างบังคับไม่อยู่ สิ่งที่อยู่ในปากค่อยๆเคลื่อนเข้าออกช้าๆ ก่อนจะเพิ่มความแรงขึ้นเรื่อยๆ อัดเข้ามาจนแสบไปหมดทั้งปากทั้งจมูก เสียงหอบรุนแรงดังมาจากด้านบนของเด็กหนุ่มบ่งว่าผู้บุกรุกใกล้ถึงจุดหมาย แล้ว

 

ของเหลวร้อนขมปร่าทะลักเข้า ลำคอโดยไม่ทันตั้งตัว จะถอยออกหนีก็ทำไม่ได้ อุ้งมือใหญ่บังคับให้รองรับทั้งหมดเข้าไป “กลืนเข้าไปสิ ให้เหมือนที่เธอเคยพูดไง” เด็กหนุ่มฝืนใจกลืนรสขมตามคำสั่ง ลูกกระเดือกเลื่อนขึ้นลงตามจังหวะการกลืน ความร้อนไล่จากปากลงไปถึงกระเพาะ ยังไม่ทันตั้งตัวดี ความแข็งแกร่งก็ถูกถอนออกจากปากรวดเร็ว ก่อนที่จะถูกหิ้วปีกให้ลุกจากพื้นโยนตัวลงบนเตียงหลังใหญ่

 

จากตาที่ถูกปิดสนิทเห็นเพียง ความดำมืด ปอนด์รู้สึกได้ถึงน้ำหนักข้างตัวที่กดลงบนเตียงสปริง แม้ไม่เคยมีประสบการณ์ตรงก็พอเดาได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป เขากำลังจะถูกข่มขืน! ความหวาดกลัวบดบังอารมณ์ร่านร้อนให้มอดดับชั่วขณะ ขาบางทั้งสองยันตัวหนีร่างใหญ่ข้างตัวอย่างไม่รู้ทิศทาง เขารู้เพียงว่าเขาต้องหนี!

 

ความหวังริบหรี่พังทลายเมื่อหลังเปลือยเปล่านาบชนกับหัวเตียง ...

 

ขาทั้งสองข้างถูกมือใหญ่ดึง รวบไว้ พอยกแขนปัดป่าย มืออีกข้างก็เข้าช่วงชิงอิสระทันที รู้สึกถึงน้ำหนักที่กดคร่อมตัวเขาไว้มิดชิด ไร้ทางหนีอีกต่อไป

 

ชายหนุ่มตรึงช่วงล่างเขาไว้ ด้วยน้ำหนักตัว มือที่ว่างงานก็เข้าเล้าโลมลูบไล้ไปเรื่อย ตั้งแต่ใบหน้าที่ถูกบดบังนัยน์ตาด้วยสายคาดหนัง ไล่ไปตามช่วงคอระหง ลงมาถึงแผ่นอกตึงแน่นมันวาวด้วยเม็ดเหงื่อ ปลายนิ้วบดขยี้ยอดอกรุนแรง อารมณ์ที่ถูกสะกดไว้พลุ่งพล่านขึ้นมาใหม่ ส่วนไวความรู้สึกแข็งขึงขึ้นสู้ปลายนิ้ว เจ้าของครางกระเส่ายาวนาน สติสัมปชัญญะหลุดลอยอย่างง่ายดาย

 

“อา~” เสียงถูกเปล่งออกจากกลีบปากแดงอิ่มเร่งอารมณ์ชายหนุ่มให้ไต่ระดับขึ้นสูง มือใหญ่ละจากยอดอก ลูบลงมาถึงหน้าท้องแบนราบอุดมด้วยกล้ามเนื้อพอเหมาะ ไล่ลงมาเรื่อยๆ ...เรื่อยๆ

 

“อ๊ะ...อ๊าาาาา” ทันทีที่อุ้งมือกำแก่นกายร้อนจัด หยาดชีวิตของร่างบางก็พร่างพรู เหนียวเหนอะมือใหญ่ หยดลงสู่หน้าท้อง เลอะซ้ำรอยเดิมที่ปลดปล่อยไว้ก่อนหน้านี้

 

ปอนด์หอบถี่อย่างเหน็ด เหนื่อย เขาปลดปล่อยเป็นครั้งที่สี่แล้ว ความอ่อนเพลียรุมเร้าร่างกายและจิตใจ หากเด็กหนุ่มรู้ดี พี่พลไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆแน่นอน

 

เรียวขาสองข้างถูกแยกออกเผยให้เห็นทุกซอกทุกมุม อารมณ์ที่เพิ่งถึงขีดสุดไปปะทุขึ้นมาอีกครา ดูเหมือนความต้องการจะไร้ที่สิ้นสุด

 

ร่างบางสะดุ้งเฮือก รู้สึกถึงนิ้วแกร่งวนเวียนอยู่ที่ช่องทางด้านหลัง สถานที่ที่ไม่เคยให้ใครแตะต้องมาก่อนนอกจากตนเอง ความรู้สึกในการถูกสัมผัสช่างต่างกับการปลอบใจตัวเองลิบลับ ขนอ่อนทั่วกายลุกชันอย่างห้ามไม่อยู่ นิ้วของชายหนุ่มวนเวียนไปมาเป็นวงกลม ไม่มีท่าทีจะทำอะไรต่อมากกว่านี้ เหมือนจะยั่วให้เขาตายทั้งเป็น

 

ปอนด์สะอื้นฮัก เว้าวอนอย่างไร้ทางสู้ “พี่...พี่พล...อ๊ะ...ช่วย...ช่วยผมด้วย...อ๊า” ฉับพลันนิ้วใหญ่ก็สอดทะลวงเข้าช่องทางที่ปิดสนิทไร้การเตรียมพร้อมเรียก เสียงกรีดร้องตกใจจากเด็กหนุ่ม เสียงหัวเราะเยือกดังอยู่ข้างหู “ใครกันหรือครับ พี่พลน่ะ?” จนถึงป่านนี้ ชายหนุ่มก็ยังไม่ยอมรับ น้ำตาไหลทะลักราวทำนบแตก แฉะเปื้อนสายหนังเลอะซึมออกมาจนนองใบหน้า

 

นิ้วแกร่งถูกถอนออกเพียงครี่ งก่อนจะสอดย้ำช่องทางเดิม กระตุ้นเร้าให้แผ่นหลังร่างบางแอ่นโค้งขึ้นจากเตียง แก่นกายด้านหน้าแข็งขึงร้อนผ่าวราวกับจะระเบิด นิ้วที่สองถูกสอดเข้าเพิ่มพร้อมสัมผัสเปียกลื่น เสียงเฉอะแฉะน่าอายดังประสานเสียงครางปนหอบในห้องนอนกว้าง

 

เมื่อเห็นว่าพร้อมดีแล้ว ขาทั้งสองข้างจึงถูกยกขึ้นพาดไหล่แกร่ง สะโพกลอยสูงขึ้นจากเตียง ความใหญ่ร้อนถูกจ่ออยู่ที่ช่องทางคับแคบก่อนจะค่อยๆสอดใส่สนองความต้องการ

 

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

“อา... พอ...พอแล้ว... ขอร้องล่ะครับ” ปอนด์ปลดปล่อยเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ รู้แค่เพียงเขาจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว แม้อารมณ์ปรารถนาจะไม่ยอมสงบลงง่ายๆ หากร่างกายมันถึงขีดจำกัดแล้ว เด็กหนุ่มทำได้เพียงสะอื้นอ้อนวอนขอความเมตตา

 

แต่ร่างที่กอดก่ายอยู่ด้าน หลังเขาไม่มีทีท่าจะหยุดมือเลย มือใหญ่ยังคงกระชับแก่นกายเด็กหนุ่มแน่น ขยับไปมาอย่างสนุกสนาน ความร้อนระอุที่กดอยู่ที่แผ่นหลังเขาแข็งขึงขึ้นอีกครา มือหนาเลื่อนมาจับที่สะโพกบาง ยกขึ้นจนลอยก่อนจะค่อยๆวางลงบนความใหญ่โตที่รออยู่ด้านล่าง


 

“ขยับเองเป็นรึเปล่า ปอนด์ แบบที่สอนเมื่อกี้ไง อา นั่นแหละ เด็กดี” ขยับอย่างอ่อนแรง ทรงตัวอยู่ได้ด้วยมือแกร่งทั้งสองข้างที่คอยพยุงตัวไว้ไม่ให้ล้มลง ร่างใหญ่ด้านหลังให้รางวัลโดยการสวนกระแทกอย่างแรง ช่องทางคับแน่นรับเอาความใหญ่โตเข้าไปจนสุดจังหวะเดียวกับที่เด็กหนุ่มกรีด ร้องขึ้น หากแต่เป็นเสียงกรีดร้องที่แหบแห้งเหมือนคนขาดน้ำในทะเลทราย ร่างที่อยู่ด้านหลังขยับรวดเร็วรุนแรง เด็กหนุ่มที่นั่งคร่อมบนตักโงนไปเงนมาก่อนจะถูกโยนลงบนเตียงให้อยู่ในท่า คลานสี่ขาทั้งที่ความร้อนยังคาอยู่ในช่องทางแคบ หนั่นเนื้อทั้งสองถูกมือใหญ่แยกออก เปิดช่องทางให้ถูกบุกรุกง่ายกว่าเดิม ชายหนุ่มละเลงเพลงรักอย่างไม่ยั้งมือ จังหวะถูกเร่งให้เร็วขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขีดสูงสุดก็ระเบิดพร่างพราย พร้อมๆกับสติที่ขาดหายไป...

 

+++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

นัยน์ตาดำกระตุกเบิกโพลงขึ้นอยากตกใจ เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดพรายตามไรผม ทั้งๆที่ห้องทั้งห้องเย็นเยียบด้วยเครื่องปรับอากาศ

 

ปอนด์ลุกขึ้นอย่างยากลำบาก ตาบวมช้ำจากการร้องไห้หลายต่อหลายครั้ง คอเจ็บไปหมดจากการกรีดร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่า รู้สึกเมื่อยล้าไปหมดทั้งตัว สะโพกไร้เรี่ยวแรงจะขยับ มองสำรวจตัวเองพบว่าร่องรอยจากการร่วมรักเมื่อคืนปรากฏอยู่เต็มไปหมดเน้น หนักที่ส่วนอกและด้านในของขาอ่อน หากแต่ไม่มีสัมผัสเหนียวเหนอะเพียงสักนิด...ชายหนุ่มคงจะเช็ดตัวให้เขาหลัง จากสลบไป

 

แต่...เมื่อขยับขาก็รู้สึก ถึงอะไรบางอย่างกำลังไหลออกจากช่องทางด้านหลัง หน้าขาวแดงเรื่อร้อนผะผ่าวเมื่อก้มลงไปพบว่าเป็นของเหลวสีขาวขุ่นไหลนองจน เปื้อนผ้าปูที่นอนเนื้อดี

 

มองไปด้านข้างไม่พบใครที่หวังจะพบบนเตียงหลังใหญ่ ลองนาบมือลงบนพื้นเตียงหาไออุ่นทว่า...

 

...เย็น…

 

พลคงลุกไปนานแล้ว

 

เหลือบมองไปทางเครื่องส่งสัญญาณกล้อง ภาวนาให้ไม่เป็นอย่างที่คิด หากแต่มันก็เป็นไปแล้ว

 

เครื่องส่งสัญญาณถูกถอดออกไปแล้ว พร้อมๆกับกล้องในห้องนอน

 

ไม่เหลืออะไรไว้เลย ไม่มีหลักฐานว่าครั้งหนึ่งเขาเคยถูกเฝ้ามอง ถูกระรานด้วยเจ้าของกลัองเหล่านั้น

 

ร่างบางล้มนอนบนเตียง แขนบางทาบพาดปิดตาทั้งสองข้างไว้ ปล่อยให้น้ำตาไหลเงียบๆ หยดแล้วหยดเล่า จนเปียกชุ่มใบหน้า ...ทั้งๆที่คิดว่าเมื่อคืนร้องไห้จนไม่มีน้ำตาเหลือแล้วซะอีก

 

เขาแพ้พนัน...ที่หวังไว้ว่าชายหนุ่มพร้อมจะมอบความจริงใจที่มีให้แก่เขา

 

 

เขาถูกลงโทษ...ด้วยความผิดที่หลอกลวงกลั่นแกล้งชายหนุ่มมานาน

 

เขาผิดหวัง ที่คิดว่าชายหนุ่มพร้อมจะให้อภัยเขา..เหมือนที่เขาให้อภัย

 

‘พี่รักปอนด์นะครับ...ปอนด์ชอบพี่บ้างรึเปล่า...’

 

เสียงกระซิบแหบพร่า เบาจนแทบไม่ได้ยิน “ผม...รักพี่พลครับ”

 

++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: playCardPlaYBoy ที่ 05-04-2008 23:00:33
...พี่พลไปแล้ว...

ร่างบางนอนขดอยู่บนเตียงมี ผ้านวมคลุมตัวหวังจะลืมโลกภายนอก ตัวสั่นสะอื้นอย่างอั้นไม่อยู่ ความผิดหวัง ความเศร้าถาโถมใส่ไม่บันยะบันยัง

...พี่พล...



พลันเด็กหนุ่มชะงักงัน ความอบอุ่นถูกกอดแนบจากด้านหลัง กอดทั้งๆที่ยังซุกตัวอยู่ในผ้านวม

ความอบอุ่นที่โหยหา...เรียกให้ร่างบางสะอื้นฮักมากกว่าเดิม เด็กหนุ่มหอบจนตัวโยน ส่งผลให้อ้อมกอดโอบกระชับมากขึ้นกว่าเดิม

“ร้องไห้ทำไมครับ” เสียงทุ้มเหมือนเมื่อคืนไม่ผิดเพี้ยน หากเต็มไปด้วยความอ่อนโยน

“ผม...ผม คิดว่าคุณ...” สะอื้นแรงจนไม่อาจกล่าวต่อไปจนเต็มประโยคได้ ชายหนุ่มจึงต่อให้แทน

“คิดว่าพี่ไม่อยู่แล้วเหรอ?” ร่างในผ้านวมพยักหน้าให้คนภายนอกรับรู้

“คิดว่าพี่โกรธ เกลียดปอนด์ คิดว่าพี่แก้แค้นปอนด์เหรอ” พยักหน้าอีกรอบพลางพยายามก่ายผ้านวมออกเพื่อเหลียวมองหน้าคนด้านหลัง แต่อ้อมกอดยังกระชับแน่นจนกระดิกไปไหนไม่ได้

เจ้าของอ้อมกอดทอดถอนใจ “…พี่จะทำอย่างนั้นได้ยังไง ในเมื่อพี่...รักเราขนาดนี้”

“แล้ว...ทำไม...เมื่อคืน” ความคิดยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งแต่หัวใจเจ้ากรรมดันพองฟูเต็มที่เสียแล้ว

“พี่ขอโทษที่ทำรุนแรง ขอเป็นครั้งสุดท้าย...ครั้งสุดท้ายจริงๆครับ ขอให้เขาได้สมปรารถนา...แล้วคนคนนั้นก็จะหายไปจากชีวิตน้องปอนด์แล้ว ขอโทษที่ทำให้น้องปอนด์เสียใจ พี่ขอโทษ”

“…”

“โกรธพี่รึเปล่า?” เด็กหนุ่มพยักหน้า …แต่แม้จะโกรธ เขาให้อภัยได้...ก็เขาก็มีส่วนผิดนี่นา

“เกลียดพี่มั้ย?” ส่ายหน้ายิก

“ยกโทษให้พี่ได้มั้ย?” ไร้คำตอบ

“พี่ขอโทษจริงๆ จะไม่ยกโทษให้พี่เลยหรือครับ เราจะยังคบกันต่อไปใช่มั้ยครับ คนดี”

“….”

“…ว่าอะไรนะครับ” ร่างในผ้านวมส่งเสียงอู้อี้ เรียกให้ชายหนุ่มต้องแนบหูเข้าฟัง

“...สัญญา” เสียงอู้แค่พอฟังได้เป็นคำ กระตุ้นให้สมองทำงานหนัก

“อ๋อ~” เสียงทุ้มลากยาวเมื่อเข้าใจคำท้วง ปล่อยร่างที่ถูกพันธนาการไว้ในอ้อมกอดอย่างง่ายดาย พยุงตัวเด็กหนุ่มให้นั่งกอดเข่าพิงหัวเตียง มีผ้านวมคลุมโปงโผล่เพียงใบหน้าขาวเปรอะน้ำตาออกมามองโลกภายนอก นิ้วใหญ่บรรจงเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน

“โอเคครับ พี่จะสารภาพเดี๋ยวนี้แหละครับ” รวบรวมความกล้าอยู่พักใหญ่

“พี่เองแหละ...เป็นคนแอบเฝ้า มองเรามาตลอด พี่เองที่เป็นคนโทรหา...ให้เรา...เอ่อ...ให้ทำ...ง่า...อะนะ” เกาท้ายทอยแกรกๆ มองหน้าเด็กหนุ่มที่เริ่มแดงก่ำ ถอยตัวเตรียมซุกผ้านวมอีกรอบ หากแต่ชายหนุ่มไม่ยอมให้ทำอย่างนั้น มือใหญ่เอื้อมกุมใบหน้าเด็กหนุ่มก่อนที่จะฝังตัวหลบได้ทัน ตาจ้องตา เงียบอยู่นานสองนาน

“รังเกียจพี่รึเปล่า ที่พี่...เป็นคนโรคจิต” ส่ายหน้าแรงๆยกหนึ่ง จะรังเกียจได้ไง เขาออกจะ...ชอบ

“ทีนี้...ยกโทษให้พี่ได้รึ ยังครับ” ทนสายตาแน่วแน่จริงจังที่ส่งมาไม่ได้จนต้องหลบตา แทนที่คำถามด้วยคำถาม…สิ่งที่คาใจอยู่นานถูกถามออกมาโดยไม่ได้สนใจบรรยากาศ หวานฉ่ำ

“พี่พล...แอบดูคนอื่นนอกจากผมรึเปล่า”

“…”

“เอ่อ...ว่าไงดีล่ะ” จะว่าไปก็มีแฮะ กล้องที่ติดไว้ที่ห้องน้ำมหาวิทยาลัย นานจนเจ้าตัวยังลืม

“...ทิ้ง” เสียงอ้อมแอ้ม

“ครับ?”

“ทิ้งไปให้หมด เลิกถ้ำมอง ต่อไปนี้ มองแต่ผมคนเดียว ผ่านตาของพี่พล ไม่ต้องผ่านเครื่องมืออะไรทั้งนั้น...แค่นี้ทำได้มั้ยครับ?” นัยน์ตาดำใสมองตรงสบตาชายหนุ่มคาดคั้นเอาคำตอบ

“ได้ครับ ทีนี้ยกโทษให้พี่ได้รึยัง” ไม่มีปัญหา เขาตั้งใจจะทำอย่างนั้นอยู่แล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะต้องแอบมองอยู่ห่างๆแล้วนี่นา

“รูปถ่าย เทปบันทึกทั้งหมด อุปกรณ์ที่มีอยู่ ทิ้งไปให้หมดด้วย” พลเหงื่อตกคิดหนัก ของอื่นๆน่ะช่างมันเถอะ...แล้วปอนด์คอลเลคชั่นของเขาล่ะ

เหมือนจะรู้ทัน เสียงใสเข้มๆกล่าวดักคอ “ไฟล์ของผมทั้งหมด รูปถ่าย เทปอัดเสียง ทิ้งไปให้หมดด้วย อย่าให้เหลือแม้แต่ชิ้นเดียว เท่านี้ทำได้มั้ยครับ”

กัดฟันเค้นคอตอบยากเย็น “...ครับ ยกโทษให้พี่ได้รึยัง” คงไม่รวมถึงของเมื่อคืนหรอกน่า ขอเก็บไว้เป็นที่ระลึกซักอย่างเถอะ! พลหมายถึงเทปที่ตั้งอัดไว้เมื่อคืน อนุสรณ์ครั้งแรกของเขากับน้องปอนด์ ฉากที่บรรจงวัดมุมจัดท่าแบบเห็นชัดเห็นลึกไม่มีตกหล่น แถมยังอัพเกรดดีกรีความเร้าใจด้วยสายหนังปิดตา เพิ่มความเซ็กซี่ขึ้นเป็นกอง

“เทปเมื่อคืนด้วยนะครับ” อ่านใจได้หรือไงฟะเนี่ย!!!!

ความเสียดายล้นปรี่ ตอบไปน้ำตาตกในไป “...ครับ” ลาก่อนคอลเลคชั่นลูกพ่อ

“โอเคครับ” คำตอบที่เรียกให้พลต้องเงยหน้าขึ้นสบตาปอนด์ ใบหน้าที่ดูกระจ่างใสกว่าเดิมมากมาย นัยน์ตาดำทอความสุขประกาย “ผมยกโทษให้พี่”

ทันทีที่จบคำพลรวบร่างบางกอดแนบอกอย่างมีความสุข “ขอบคุณน้องปอนด์มากครับ ขอบคุณ พี่รักปอนด์ที่สุด”

...ใจพลันนึกขึ้นได้...ยัง เหลืออีกอย่างที่เขาหวังไว้...สิ่งที่เขายังไม่ได้ทำแม้ในคืนเร่าร้อนที่ ผ่านมา...สิ่งที่เขาไม่ทำ ถ้าเจ้าตัวไม่อณุญาต

ชายหนุ่มผลักร่างบางที่กำลังจะกอดตอบออกจนสุดแขน จ้องหน้างงๆของเด็กหนุ่มเป๋ง เอ่ยคำขอที่ถูกปฏิเสธมาหลายครั้งหลายครา

“ขอพี่...จูบปอนด์ได้มั้ยครับ แบบ...เอ่อ...จูบที่ปากน่ะ พร้อมรึยังครับ”

ริมฝีปากแดงอิ่มยิ้มกว้างยื่นหน้าประทับจุมพิตหอมหวานลงบนปากบาง...อ้อยอิ่ง...เนิ่นนาน…

……

….



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
THE END

<<แถม>>

“ว่าแต่เมื่อเช้าพี่พลไปไหน” ปอนด์เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มที่นั่งโอบเขาแนบอกกว้างอยู่บนเตียงหลังจาก กิจกรรมหนักหน่วงเริ่มบรรเลงต่อจากเช้าถึงบ่าย เพิ่งมีเวลาได้หายใจหายคอ

“หืม” เหมือนพลจะไม่ได้ตั้งใจฟังเท่าไรนัก ใจยังหมกมุ่นอยู่กับผิวเนียนใต้ฝ่ามือ จนเด็กหนุ่มต้องลงมือหยิกให้สะดุ้งแล้วถามซ้ำอีกครั้งหนึ่ง

“พี่ก็...ไปถอดกล้องในห้อง น้ำทิ้งไงครับ ตอนแรกก็เริ่มถอดในห้องนอนก่อน แต่เห็นเราไม่ตื่นซักที เลยว่าจะถอดไล่ไปเรื่อยๆจนกว่าจะตื่น กลับมาอีกทีก็เจอเด็กขี้แยนอนคลุมโปงร้องไห้แล้ว โอ๊ย” หัวทุยกระแทกขึ้นบนจนดันคางเขียวๆให้กัดลิ้นตัวเองอย่างแรง

“แล้วตอนนี้ถอดออกหมดรึยังครับ”

ลูบคางป้อยๆ ตอบคำถามแต่โดยดี “เหลืออีกแค่สองตัวจะเสร็จแล้ว ทำไมครับ นึกเสียดายใช่มั้ย พี่ติดให้ใหม่ก็ได้นะ” ตอบกวนทั้งๆที่รู้ว่าต้องเจ็บตัว สะบัดมือจากการถูกหยิกเร่าๆ ...เจ้าปีศาจน้อยของเขานี่พิษร้ายรอบตัวจริงๆแฮะ

“อีกสองตัวใช่มั้ยครับ ดีเลย ไปถอดออกให้หมดนะครับ ผมจะไปทำอาหาร ถ้าถอดไม่เสร็จก็ไม่ต้องกิน”

“คร้าบ~ เจ้านาย”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

>>แถมอีกนิด<<

ผ้าม่านผืนหนาหนักทึบแสงที่ ไม่ได้ปิดมานานนับเดือน วันนี้มันถูกรูดปิดหมดแล้ว ปิดจนไม่สามารถมองเห็นห้องนอนของเด็กหนุ่มที่เขานั่งมองมานานวันได้เลย

ทั้งๆที่มั่นใจแล้วแท้ๆ ว่าเด็กหนุ่มนิรนามคนนั้นตั้งใจทำให้เขาดู ...เขาเพียงคนเดียวเท่านั้น

เขาอุตส่าห์ลงทุนอดข้าวอดน้ำซื้อกล้องส่องทางไกลรุ่นใหม่ล่าสุดที่หน่วยสอดแนมใช้กัน...เพื่อจะได้มองได้เต็มตาแท้ๆเชียว

แต่เมื่อคืน ไอ้ผู้ชายบ้าที่ไหนก็ไม่รู้ดันบุกเข้ามาในห้องหนุ่มน้อยของเขาซะได้ แถมยังลงมือลวนลามเทวดาน้อยสุดที่รักของเขาซะอีก

.....

……

...แต่ดูๆไปมันก็ให้อารมณ์ดีเหมือนกัน

เช้านี้เขาเลยลงทุนหยุดงาน ลงมือสอดแนมราชการลับต่อไป

งอนง้อกันได้สักพัก บทรักก็บรรเลงต่อไปอีกหลายชั่วโมง

เขาอดข้าวเพื่อชาติ นั่งตาโปนถือกล้องส่องทางไกลจนรู้สึกว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายไปแล้ว

แล้วยังไง!!!

ตอนบ่ายแดดจัด ผ้าม่านที่ไม่ได้ปิดมานานก็ถูกรูดปิด

แถมเจ้าหนุ่มนั่นดูเหมือนจะรู้ตัวซะอีก...ผ้าม่านมันไม่ได้เปิดขึ้นอีกเลยนับแต่วันนั้น





แล้วต่อไปนี้เขาจะดูใครล่ะ!!??

แล้วกล้องส่องทางไกลราคาเฉียดแสนนี้ล่ะ!!??

เครียดโว้ยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!!!!!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++
จบละ :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:
รอตอนพิเศาเอานะ ไอ้คนที่เพิ่งโผล่มาอ่ะ ภาค2บอกไว้ก่อนไปอ่านหนังสือสอบต่อละ :oni2:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: playCardPlaYBoy ที่ 05-04-2008 23:04:09
ผมเป็นคนโรคจิต ตอนพิเศษ รัก...รักมากที่สุด :L2:
เอาตอนพิเศษมาให้เลย+ตอนที่1ของภาค2 o7แต่ทำยังงัยอ่ะเปลี่ยนหัวข้อเรื่องม่ะเป็นอ่ะ
**************************
เสียงหอบหายใจดังประสาน ไอร้อนจากอุณหภูมิกายแผ่กว้างทั่วห้องโล่ง เหงื่อชโลมร่างจนมันวาว บางส่วนรวมตัวเป็นหยดน้ำหยดใหญ่ไหลกลิ้งลงบนหนังสีดำสนิทจนเปียกชื้น

เคร้ง!

เสียงเหล็กดังกระทบจากการทำ กิจกรรมหนักหน่วงทำให้รู้สึกมีชีวิตชีวา ชายหนุ่มออกแรงต้นแขนมากกว่าเก่า สายตายังจับจ้องร่างบางที่เผยอปากรับออกซิเจน เขาดูออกว่าปอนด์กำลังเหนื่อยได้ที่ ร่างกายเด็กหนุ่มเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อไม่ต่างจากเขานัก แก้มขาวๆซับสีเลือดจนแดงเรื่อ ผมดำนุ่มสลวยเหมือนขนแมวเปียกระติดท้ายทอย หน้าอกขยับไหวตามจังหวะการหายใจ หลังแอ่นเต็มที่เพื่อผ่อนแรง ท่อนขาขาวเรียวได้สัดส่วนกำลังเหยียดเกร็งจนสั่นไหว กล้ามเนื้อท้องเครียดขมึงยามเจ้าของพยายามยกร่างกายส่วนบนต้านแรงโน้มถ่วง

“ฮ้า~” เสียงหวานน่าฟังดังขึ้นบ่งบอกว่าปอนด์ล้าจนถึงขีดสุดแล้ว เขาจึงหยุดมือผ่อนคลายร่างกายตัวเองบ้าง

ปอนด์คว้าผ้าขนหนูที่วางอยู่ ข้างกาย จับปลายผ้ายกขึ้นซับเหงื่อบริเวณใบหน้า หมุนเปิดฝาขวดน้ำแร่ที่เตรียมไว้ใกล้ตัวออกแนบปากแดงจนชิดขวดเพื่อรองรับ ความสดชื่นเย็นฉ่ำ

“ไหวรึเปล่าครับน้องปอนด์? ไม่ได้ออกแรงมากขนาดนี้มาตั้งนานแล้วนี่ อย่าหักโหมจนเกินไปนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะไปเรียนไม่ไหวเอา” พลเคลื่อนตัวนั่งข้างร่างบาง จับปลายผ้าขนหนูที่พาดบนบ่าปอนด์อีกข้างขึ้นเช็ดเหงื่อตามต้นแขนให้ ตาทอดมองหน้าแดงๆของเด็กหนุ่มด้วยความเป็นห่วง

“ผมไม่เป็นไรหรอกครับ พี่พล” พวงแก้มร้อนผ่าวยามมองชายหนุ่มนำปลายผ้าผืนเดิมส่วนที่เพิ่งซับเหงื่อ จากร่างกายของเขาขึ้นแนบจมูกสูดดมกลิ่นเต็มปอด

“พี่พลต่อเลยก็ได้ครับ ไม่ต้องห่วงผมหรอก ซักพักคงจะดีขึ้น” เขารู้ ชายหนุ่มไม่ได้ใช้แรงมากขนาดนี้มานานแล้ว ช่วงหลังนี้เขาพรากเวลาของร่างสูงไปหมดกับการนั่งติวหนังสือที่ห้องสมุด มหาวิทยาลัย ร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อคงจะอยากใช้พลังงานให้เต็มที่สมกับที่ได้ปลด ปล่อยซักที

“แน่ใจเหรอ ท่าทางเรายังเหนื่อยมากอยู่เลยนะ พี่ไม่อยากล่วงหน้าไปคนเดียว” ถึงเขาจะอยากหักโหมให้สมอยาก แต่อีกใจก็นึกห่วงเด็กหนุ่ม ปอนด์บอบบางกว่าเขาเยอะ แค่ออกแรงนิดเดียวก็ไม่ไหวแล้ว ถ้าเป็นอะไรไปเขาคงรู้สึกผิดน่าดู...ก็เขาเป็นคนชวนนี่นา ถึงร่างบางจะยินยอมพร้อมใจด้วยก็เถอะ

“ไม่เป็นไรจริงๆครับ เห็นมั้ย ผมหอบน้อยลงตั้งเยอะแล้ว พี่พลเล่นต่อเลยเถอะครับ เดี๋ยวจะดึกเกินไป ยังไม่ได้กินข้าวเลยด้วย” เมื่อปอนด์ยืนยันอย่างนั้นจริงๆ เขาก็คงไม่ขัด ยันตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง รับขวดน้ำจากเด็กหนุ่มมากรอกดื่มไม่กี่อึกก็ส่งกลับคืน

“’งั้นพี่ไปก่อนนะ เดี๋ยวปอนด์ค่อยตามมาก็แล้วกัน”


 
 “ครับ” นัยน์ตาดำใต้ขนตาหนามองตามร่างสูงเต็มไปด้วยมัดกล้ามเดินไปยังเครื่องยกน้ำหนักเครื่องเก่า

เฮ้อ สงสัยเขาจะเอาแต่เรียนจริงๆ ซิทอัพแค่ไม่กี่ทีก็เหนื่อยหอบขนาดนี้ซะแล้ว ลำบากพี่พลต้องคอยเป็นห่วงอีก

แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าที่ได้มา อย่างน้อยพวกเขาสองคนก็จะได้มีประสบการณ์ร่วมกันในหลายๆเรื่อง สายตาเฝ้ามองชายหนุ่มไม่กระพริบ

ท่อนแขนใหญ่กับต้นแขนที่โผล่ พ้นขอบเสื้อกล้ามเว้าลึกคู่นี้แหละที่คอยตระคองกอดเขาแนบอกยามนอนเคียงข้าง อกแน่นตึงที่เขาชอบซุกหนีความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ ท่อนขาแข็งแรงพร้อมจะเดินยามโอบอุ้มเขาเข้าห้องน้ำล้างคราบไคลจากกิจกรรมยาม ดึก ทั้งยังสะโพกหนาที่...

นึกไปนึกมาก็วกเข้าเรื่องนี้ อีกจนได้ นี่เขาหมกมุ่นมากเกินไปรึเปล่านะ หน้าขาวๆรู้สึกร้อนวาบทันทีที่จินตนาการถึงการใช้สะโพกแกร่งของชายหนุ่ม

...พอเถอะ ซิทอัพต่อดีกว่า...

++++++++++++++++++++++++++

“ปอนด์รึเปล่าน่ะ แปลกจังที่มาเจอกันที่นี่ได้ เพิ่งเคยมารึเปล่าเนี่ย” เสียงคุ้นหูเรียกความสนใจจากเด็กหนุ่ม ปอนด์หยุดซิทอัพชั่วคราว หมดแรงจนไม่อยากจะลุกนั่ง ตัวเอนลงนอนแผ่ตามทางลาดของเครื่องออกกำลังกาย สายตาเหลือบขึ้นมองชายหนุ่มที่ยืนค้ำหัวอยู่

“พี่โจ! บังเอิญจัง ไม่ได้เจอหน้าตั้งนาน เป็นไงบ้าง” ปอนด์ยิ้มกว้าง ทักทายชายหนุ่มนามโจอย่างสนิทสนม

“ก็สบายดี ตอนนี้ได้งานประจำแล้ว ปอนด์แหละ เป็นไงบ้าง ได้ข่าวว่าออกมาอยู่คนเดียว นึกยังไงขึ้นมาถึงแยกตัวออกจากกลุ่มพี่สาวได้ล่ะเนี่ย” โจนั่งยองๆให้ระดับสายตาใกล้เคียงกับเด็กหนุ่มพลางถามรัวเร็ว

“ก็นะ...อยากมีชีวิตส่วนตัวน่ะ” ตอบไปตามเรื่องตามราว...เรื่องอะไรจะบอกเหตุผลจริงๆ พี่พลรู้คนเดียวก็พอแล้ว

“แล้วนี่ผอมลงรึเปล่า ทำข้าวกินเองเป็นเหรอ เห็นคุณน้าบ่นเป็นห่วงอยู่บ่อยๆ” คำถามที่ทำให้ปอนด์นึกขึ้นได้ว่า เขาไม่ได้โทรหามารดากว่าครึ่งเดือนแล้ว

“ไม่มีปัญหาหรอกน่า ไม่ต้องเป็นห่วง” ปอนด์ตอบกลั้วหัวเราะ

“ไม่มีปัญหาอะไร” เสียงทุ้มเข้มๆเจือแววไม่พอใจดังอยู่เหนือศีรษะของคนทั้งคู่ คิ้วเข้มขมวดมุ่น ดวงตาดำมืดจ้องแขกไม่ได้รับเชิญเขม็ง

“...พี่พล” เด็กหนุ่มงงตั้งตัวไม่ติด พี่พลอารมณ์เสียอะไร? พลิกตัวขึ้นมาได้ยังไม่ทันเอ่ยปากถาม อุ้งมือใหญ่ก็ตรงเข้าคว้าข้อมือลากออกจากห้องออกกำลังกายโดยไม่ถามความเห็น

“เดี๋ยวสิพี่พล รีบอะไรขนาดนี้ ผมยังไม่ได้ลาพี่โจเลย!” ปอนด์กล่าวท้วงขณะที่พยายามวิ่งตามก้าวยาวๆของชายหนุ่ม

พลไม่ตอบคำถามลากเด็กหนุ่มไปยังห้องอาบน้ำที่แยกเป็นสัดส่วนมิดชิด ปิดประตูล็อคกลอนรวดเร็ว

สายตาดุดันทำเอาร่างบางสั่น เกรง ขาก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัวยิ่งเร่งอารมณ์ของร่างสูงให้เดือดดาลมากขึ้นกว่า เดิม สองมือจับบ่าบางยึดตรึงกับผนังห้องน้ำแน่น ปากบางตรงเข้าจู่โจมซอกคออย่างไม่ให้เด็กหนุ่มได้ตั้งตัว

“พี่พล!” ทั้งกลัวทั้งตกใจ นี่มันที่สาธารณะ ถ้าใครเกิดเข้ามาได้ยินเข้าล่ะ!
 
เหมือนพลจะอ่านใจได้ มือข้างหนึ่งจึงละจากบ่าบางหมุนเปิดก๊อกฝักบัวจนแรงสุด สายน้ำเย็นฉ่ำโปรยปรายทั่วห้อง เสียงน้ำกระทบพื้นดังพอจะกลบเสียงอุทานของร่างบางได้

ทั้งน้ำที่เย็นจนขนลุก ทั้งปากร้อนที่กำลังขบเม้มต้นคอสร้างความตระหนกให้ปอนด์ไม่น้อย มือหนาข้างหนึ่งสอดลึกใต้เสื้อยืดแขนสั้น ลูบไล้แผ่นอกเนียนลื่น เมื่อลากจนเจอยอดอกก็ลงมือหยอกเย้าเรียกเสียงอุทานให้ดังอยู่ที่ริมหู มือที่ยึดบ่าไว้ย้ายมาจับประสานอุ้งมือเล็กแนบกำแพง พลรู้สึกถึงแรงบีบตอบจากมือนุ่มให้สัญญาณว่าปอนด์ก็พร้อมแล้ว

ปากประกบปาก จุมพิตดูดดื่มยาวนาน ลิ้นของพลดุนดันเข้ารุกรานช่องปากร้อน หยอกได้ไม่นานปอนด์ก็สูญสิ้นความยั้งคิด ลิ้นเล็กดันสู้ ฟันหน้าขบลิ้นหนาเบาๆสร้างความสำราญให้แก่ผู้บุกรุก ปากประกบแน่นกว่าเดิม ดูดซับความหอมหวานของกันและกันอย่างตะกละตะกราม ฝ่ามือลูบไล้ทั่วร่างกายไม่มีใครยอมแพ้ใคร เพลิงปรารถนาโหมกระหน่ำรุนแรงจนแทบจะเผาใหม้ทั้งสองให้กลายเป็นจุณ

พลถอนริมฝีปากออกมองปากแดง ช้ำหอบน้อยๆ ใบหน้าของปอนด์แดงเรื่อ ผมที่โดนน้ำจนเปียกชุ่มตกระหน้าผากมน บางปอยยาวจนบังนัยน์ตาร้อนแรงของเด็กหนุ่มไว้ครึ่งๆ

ปีศาจน้อยของเขาหอมหวานจนอยากจะกลืนกินเข้าไปทั้งตัว

ภาพที่เห็นในห้องออกกำลังกาย เมื่อกี้ทำให้พลเดือดปุดด้วยความหวง ผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้นั่งยองๆคุยกับปอนด์ ใบหน้าห่างกันแค่ไม้บรรทัดวาง เด็กหนุ่มดูจะไม่รู้ตัวเลยว่าการนอนแผ่บนทางลาดอย่างนั้นมันทำให้ชายเสื้อ ยืดตกตามแรงโน้มถ่วงเปิดให้เห็นผิวขาวใสให้ชายอื่นได้เชยชม

ปอนด์เป็นของเขา! เขาอยากจะขังเด็กหนุ่มไว้ในโลกของตัวเอง ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์ได้ทอดตามองทั้งนั้น!!

“อ๊ะ!” เด็กหนุ่มรู้สึกถึงความแข็งขึงที่กดลงบนต้นขา ส่วนอ่อนไหวของเขาถูกจู่โจมจนร้อนผ่าว เขากำลังต้องการชายหนุ่มอย่างรุนแรง มือบางเกี่ยวกางเกงขาสั้นของพลออก เผยให้เห็นความเป็นชายตั้งตระหง่าน ขนาดใหญ่โตแม้จะครอบครองมาหลายครั้งแล้วก็ยังไม่ชินสักที ปอนด์กลืนน้ำลาย ใจนึกถึงความสุขสมที่ชายหนุ่มกำลังจะมอบให้เขา ลิ้นแดงเลียริมฝีปากช้ำของตนเองก่อนจะค่อยๆย่อเข่าลดตัวลงครอบครองความแข็ง แกร่งไว้ในปาก

...นับวันปีศาจน้อยของเขาจะ ยิ่งมากชั้นเชิงขึ้นทุกที...การยั่วเย้าหยอกล้อด้วยลิ้นนุ่ม การขบเบาๆให้ขนลุกตีให้อารมณ์ร่านร้อนกระเจิดกระเจิง มือใหญ่กดหัวทุยให้รับทั้งหมดของเขาเข้าไป สะโพกขยับเข้าออกโพรงปากร้อนโดยสัญชาติญาณดิบ เสียงครางอู้อี้ คิ้วเรียวที่ขมวดน้อยๆ อีกทั้งยังเปลือกตาที่ปิดสนิทเร่งให้เขาตะเกียกตะกายไปยังสรวงสวรรค์ เด็กหนุ่มถอนปากออกทันอย่างรู้จังหวะ ของเหลวขาวขุ่นฉีดรดเปรอะพวงแก้มก่อนจะไหลเป็นทางตามกระแสน้ำพัดพาของฝักบัว เหลือบมองความร้อนที่ยังไม่ได้ปลดปล่อยของเด็กหนุ่มก็เกิดความรู้สึกอยากทำ ให้ในอย่างเดียวกัน พลหิ้วปีกร่างบางให้ลุกขึ้นยืนพิงกำแพง ตนเองลงคุกเข่าหวังลิ้มรสความปรารถนาหอมหวาน

มือบางกลับขวางกลั้นปิดปาก ของเขาไว้ทัน เหลือบมองหน้าเจ้าของมือพบว่าปอนด์ก็กำลังทรมาณ ศีรษะทุยสะบัดไปมาอย่างอัดอั้น แต่กลับไม่ยอมให้เขาแตะต้อง

“ผม...อยากไปพร้อมพี่พล” ปอนด์แค่นเสียงปนหอบหายใจ เร่งเร้าให้แก่นกายใหญ่แข็งขึงขึ้นอีกครา

ร่างบอบบางถูกจับหันหลัง สองมือยันต้านกำแพง สะโพกถูกดึงให้ยื่นออกเตรียมรับความแข็งแกร่ง นิ้วใหญ่คว้านวนช่องทางคับแคบยังไม่ทันพร้อมดี เด็กหนุ่มก็หมดความอดทน

“เข้ามาซักที ผมต้องการพี่!” เร็วเท่าคำสั่ง ชายหนุ่มบรรจงเติมเต็มช่องทางอุ่นร้อนแผ่วเบา เสียงครางกระเส่าดังให้ได้ยินเพียงเล็กน้อยจากปากที่ถูกมือน้อยปิดกั้นไว้

มือใหญ่คว้าข้อมือบังคับให้ เปิดปากออกเสียงให้ได้ยินเต็มที่ เสียงอุทานตกใจดังสวนกับสะโพกแกร่งที่สอดเข้าบดขยี้ในคราวเดียว “ขอพี่ฟังเสียงชัดๆหน่อยนะครับ คนดี”

“แต่...” กล่าวอย่างลังเล ถ้าใครได้ยินเข้าล่ะ!?

“ไม่ต้องห่วงหรอก เสียงน้ำดังกลบได้หมดอยู่แล้ว” ปลอบใจจนเด็กหนุ่มคล้อยตามได้ก็เริ่มบรรเลงต่อ เสียงแหบพร่าร้องครางตามการขยับของร่างกาย สะโพกเล็กขยับสู้ จังหวะถูกเร่งขึ้นเรื่อยๆ ทั้งแรงทั้งเร็วจนเกินจะทานทน ปอนด์เงยหน้าแอ่นกายโค้ง เผยอปากเปล่งเสียงครางยาวนานก่อนทุกอย่างจะสิ้นสุดลง

++++++++++++++++++++++++++++++

“ตกลงบอกได้รึยังครับ ว่าอารมณ์เสียเรื่องอะไร” ระหว่างทำความสะอาดร่างกายเด็กหนุ่มก็ลองถามดู

“ก็...”

“ครับ?” ปอนด์ยื่นหน้าเข้าใกล้ ดวงตาใสแจ๋วจ้องมองรอคำตอบ

“หึงน่ะสิครับ” ว่าพลางขโมยจูบฉาบฉวย

“หึง?” คิดอยู่นานค่อยนึกได้ ปอนด์หัวเราะคิกก่อนเฉลย “นั่นพี่โจ ลูกพี่ลูกน้องครับ”

“จะใครก็ช่าง ยังไงก็หึงครับ” เอ่ยเหมือนเด็กน้อยเอาแต่ใจ แขนแกร่งโอบร่างบางกระชับไว้ในอ้อมอกแน่นอย่างหวงแหน

“ตามใจครับ หึงก็หึง” ปอนด์กอดร่างสูงใหญ่ตอบ หน้าซุกอกกว้างอย่างมีความสุข

เป็นครั้งแรกของเขาที่ได้ เห็นพี่พลหึง ให้ความรู้สึกจั๊กจี้ดีชะมัด เอาเถอะ ถึงจะแรงไปหน่อย แต่มันก็ทำให้รับรู้ได้ว่า...พี่พลรักเขา

“พี่พลครับ”

“ครับ?”

“ผมรักพี่นะ” พูดอู้อี้อยู่กับอกหนาอย่างเขินๆเรียกรอยยิ้มกว้างจากชายหนุ่ม

“ขอบคุณครับ รักมากที่สุดครับ”

++++++++++++++++++++++++++++++++++
-END-
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: duchess ที่ 05-04-2008 23:04:42
 :m23:

แหะๆ

ชอบแนวถูกคุกคามคับ

อิอิ +++

รอตอนต่อไปอยู่นะคับ

+++  o7

เป็นกำลังใจให้นะคับ

 :bye2:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: playCardPlaYBoy ที่ 05-04-2008 23:08:29
ผมเปล่าโรคจิตนะ! 1
.............................................
ลาก่อน...รักครั้งแรกที่ไม่รู้แม้แต่ชื่อเจ้าตัว

เทวดาน้อยจากไปแล้ว ความรักของเขาถูกกีดกันด้วยผ้าม่านผืนหนาเพียงผืนเดียว...ผ้าม่านที่เขาไม่มีสิทธิ์เปิด

เพื่อเตือนใจให้ระลึกถึงเทวดาน้อย ระลึกถึงคืนวันเก่าๆที่เขาเคยได้เฝ้ามองอยู่ห่างๆ...

สิ่งเดียวที่ทำได้...ครั้งแรกและครั้งสุดท้าย ที่เขาตัดสินใจจะทำ...

…สิ่งทิ้งทวนความทรงจำที่อุกอาจที่สุดในชีวิตของเขากำลังจะบังเกิด...

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ทางเดินในคอนโดหรูยามค่ำคืน เงียบสนิท ผู้คนต่างใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอยู่ในห้องของตนเอง ประตูมากมายเรียงรายตามทาง ทุกบานถูกติดเลขห้องไว้ ส่วนมากจะมีป้ายชื่อเจ้าของห้องหรือตู้รับหนังสือพิมพ์แขวนรวมอยู่ด้วย มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่ว่างเปล่าไร้เครื่องหมายใดๆ บ่งบอกถึงจำนวนผู้อยู่อาศัยมากมายในที่พักกลางเมืองแห่งนี้

เสียงกระดิ่งลิฟท์ดังขึ้น ทำลายความเงียบสงัด คนที่อยู่ด้านในก้าวออกมาเมื่อถึงชั้นที่เป็นจุดหมาย ไม่นานประตูลิฟท์ก็ปิดลง ทิ้งให้ทางเดินไร้ซุ่มเสียงรบกวนดังเดิม

เสียงรองเท้าก้าวเป็นจังหวะเดินไปตามทางเดินสลัวที่มีเพียงหลอดไฟสีส้มให้แสงเป็นระยะห่างๆ

ตึก…ตึก…ตึก…

ทางเดินเงียบลงอีกครั้งเมื่อเดินมาถึงประตูเป้าหมาย

ห้องหมายเลข 2420 เหลือบมองด้านข้างประตูมีป้ายไม้แปะตัวอักษรภาษาอังกฤษทันสมัยสวยงามแขวนไว้

“CHAWANAN” ผู้อ่านสูดลมหายใจเข้าลึก สลักชื่อจำลึกในจิตใจ

ชื่อของเทวดาน้อยของเขา ในที่สุดก็ได้รู้เสียที แม้จะแค่ชื่อจริงเพียงอย่างเดียวก็เถอะ
ในสมองปรากฏภาพเด็กหนุ่มผิวขาวรูปร่างบอบบาง ผมตัดสั้นระต้นคอซอยเป็นทรงตามสมัยนิยม ดวงตาดำสนิทแฝงประกายแวววาว ปากแดงฉ่ำเผยอน้อยๆน่ามอง

ชวนันท์...ถึงเขาจะไม่รู้คำแปลของมัน แต่ก็รู้สึกว่าช่างเป็นชื่อที่มีจุดเด่นน่าจดจำเหมาะกับเด็กหนุ่มเหลือเกิน

พักความคิดชื่นชมชื่อไว้ก่อน...เวลามีจำกัด...เขาบอกตัวเองอย่างนั้นพลางเบนจุดสนใจไปยังสลักกุญแจหน้าห้อง

ทันทีที่เห็นชนิดของกุญแจ เขาก็ยิ้มอย่างย่ามใจ

...เป็นโอกาสที่พระเจ้าประทานให้เขาจริงๆ…

กุญแจที่เขาเป็นคนออกแบบระบบ ให้แก่บริษัทผลิตอุปกรณ์นิรภัยเอง…กุญแจที่ใช้ระบบปลดล็อคไฟฟ้า ใช้การ์ดบรรจุสัญญาณแม่เหล็กที่ออกแบบเฉพาะสำหรับเปิด ชายหนุ่มใช้เวลาในการจัดการปลดล็อคเพียงไม่กี่นาที ยิ่งล็อคลูกบิดยิ่งไม่ต้องพูดถึง บริษัทผลิตอุปกรณ์นิรภัยมีหรือจะหากุญแจผีไม่ได้ ปราการด่านสุดท้ายถูกเปิดออก ขาก้าวเข้าไปยังห้องที่ปิดไฟสนิท

จากการเฝ้าสังเกตมาระยะหนึ่ง เวลากลับห้องของเด็กหนุ่มดูจะดึกขึ้นเรื่อยๆ บางวันไม่กลับเลยก็มี อย่างวันนี้ ห้องที่เปิดเข้ามา ไม่มีความรู้สึกถึงกลิ่นอายของสิ่งมีชีวิตเลย

ขาพาก้าวไปยังตำแหน่งที่เป็น ห้องนอน ห้องที่มีหน้าต่างกระจกโค้งกินพื้นที่กว่าหนึ่งในสี่ของห้อง ภายในความมืด เตียงหลังใหญ่กลางห้องดำทะมึนดูน่าเกรงขาม โซฟาที่เคยตั้งอยู่หน้าหน้าต่างถูกย้ายออกไปแล้ว เครื่องเรือนดูจะแตกต่างจากที่เคยเห็นพอสมควรซึ่งก็คงจะเป็นเพราะไอ้เจ้า หนุ่มศัตรูหัวใจ คนที่เป็นตัวการปิดม่านความสุขของเขานั่นเอง

เขาเดินคลำทางไปเรื่อยๆ อาศัยแสงไฟทางด่วนที่ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาในห้องลางๆเป็นเครื่องนำทาง ค่อยๆลากขาไปจนถึงมุมห้องข้างประตูห้องน้ำก็เจอตู้เสื้อผ้าใบใหญ่ตั้ง ตระหง่านสูงถึงเพดานห้อง

...เป้าหมายของเขา

เป้าหมายเล็กๆน้อยๆที่อาจจะ ดูไร้สาระในสายตัวคนภายนอก แต่ใครมันจะเข้าใจ! ในเมื่อโอกาสที่จะนั่งมองเงียบๆในมุมที่ห่างไกลถูกตัดทิ้งไปแล้ว สิ่งที่เขาพอจะหามาทดแทนได้ก็คือสิ่งของแทนตัวของเทวดาน้อยรักแรกของเขา ซึ่งเขาก็เลือกเสื้อลำลองที่อัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายของเจ้าของ...เสื้อกล้าม หลวมโพรกที่เห็นเด็กหนุ่มสวมใส่บ่อยๆนั่นเอง

เมื่อเปิดตู้เสื้อผ้าดูก็พบ เสื้อเชิ้ตแขนยาวแขวนเรียงเป็นตับ กางเกงแสลคขายาวแขวนไว้อีกด้านหนึ่งอย่างเป็นระเบียบ เขานั่งคุกเข่าลงเปิดลิ้นชักส่วนที่ไว้สำหรับเก็บผ้าพับต่างๆ ชั้นบนสุดเป็นม้วนเน็คไทสิบกว่าม้วนวางเรียงเต็มเอี้ยด...แปลก เป็นนักศึกษาทำไมถึงมีเนคไทเยอะอย่างนี้ แต่ความลนลานทำให้ความสงสัยถูกปัดกระเด็นไป ปิดลิ้นชักบนเปิดชั้นกลางต่อไป เขาไม่พบสิ่งที่หมายตาไว้ แต่กองชั้นในที่วางยั่วตาอยู่ก็ทำให้อดหยิบติดมือเป็นของแถมไม่ได้ ปิดชั้นกลางเปิดชั้นล่าง พบถุงเท้าม้วนเป็นคู่ๆกลิ้งกลุกๆตามแรงเปิด

เมื่อไม่พบเจอเป้าหมายจึงหันเหความสนใจไปยังบานประตูอีกฟากของตู้เสื้อผ้า

ปึ้ง!!

มือที่เอื้อมกำลังจะจับที่เปิดตู้หยุดชะงัก ขนลุกเกรียว ความเย็นไล่วาบตามสันหลัง เหงื่อซึมตามข้อพับจนชุ่ม

เสียงกระแทกดังมาจากประตูบ่งว่าเจ้าของห้องน่าจะกลับมาแล้ว

เขาหันรีหันขวางอย่างลนลาน ขโมยจริงๆเจอเจ้าของบ้านยังหนีหางจุกตูด นี่เขาเป็นแค่มือสมัครเล่นมาเจออย่างนี้...แค่คิดว่าจะทำอย่างไรยังคิดไม่ ออกเลย เสียงเปิดกุญแจกริ๊กแกร๊กดังทิ่มแทงสติให้แตกกระเจิงมากกว่าเก่า

เลิกลั่กตัวสั่นพับอยู่ได้ ซักพักพลันเหลือบเห็นประตูห้องน้ำเปิดแง้มอยู่...อา...ทางสวรรค์ที่จะช่วย ต่อชีวิตน้อยๆของเขา ไม่รอช้ามือเข่าทำหน้าที่เลียนแบบสัตว์สี่ขาคลานอย่างรวดเร็วมุดเข้าหาทาง รอด

พอปิดประตูปุ๊บ ประตูห้องก็เปิดผ่างขึ้นพร้อมเสียงเข้มๆพูดบ่งอารมณ์หงุดหงิด

“ผมบอกคุณแล้วไง ว่าอย่าตามมาอีก นี่ถึงกับมานั่งรอข้างล่างเชียวเหรอ! มันจะมากไปหน่อยแล้วนะ!!” จากที่ได้ยิน ไม่น่าจะเป็นเสียงเทวดาน้อยของเขาหรอก น่าจะเป็นไอ้หนุ่มนั่นมากกว่า

เสียงแหลมปรี้ดปนสะอื้นดัง ตามไม่เว้นช่วง “พี่แน็ท!! ทำไมพูดกับปาอย่างนี้ล่ะคะ พี่แน็ทลืมเรื่องดีๆของเราไปหมดแล้วเหรอ ถึงได้ทิ้งกันได้ลงคออย่างนี้!?” ตามด้วยเสียงฉุดกระชาก เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้น ฟังดูวุ่นวายไปหมด

“เราเคยคุยกันแล้วนี่ ความสัมพันธ์ของเรามันก็แค่เพื่อนนอน ไม่มีอะไรมากกว่านั้น เงินก็เอาไปแล้ว กระเป๋านาฬิกาก็ซื้อให้แล้ว ยังจะเอาอะไรอีกเล่า! ไปหาคนใหม่ที่เขายินดีจะให้ซะจะดีกว่า อย่ามางี่เง่ารบกวนชีวิตคนอื่นอยู่อย่างนี้เลยน่า!!” อ๋า~ ไอ้หนุ่มนี่มันแอบมีนอกมีในนี่หว่า มีเพื่อนนอนซะด้วย แถมยังตามมาถึงห้องเทวดาน้อยของเขาอีก

“พี่แน๊ท!!” เสียงสาวเจ้าเพิ่มดีกรีความดังแถมโบนัสด้วยความถี่สูงปรี๊ดทะลุเพดานเสียง นี่ถ้าคนข้างห้องได้ยิน เค้าไม่คิดว่าไฟใหม้จนต้องเรียกรถหวอดับเพลิงมาสิบคันเรอะเนี่ย

“อย่ามาโวยวายติดสัตว์อยู่ ตรงนี้ มันรบกวนคนอื่นเขา ให้ตาย! หน้าตาก็ดี อีคิวต่ำฉิบหาย ไปให้พ้นก่อนที่ฉันจะเรียกตำรวจนะ! ไป!!” โอ้ แถมปากหมาพระราชทานซะอีกแน่ะ เทวดาน้อยของเขารักลงไปได้ยังไงผู้ชายอย่างนี้ เสียงประตูปิดดังปึ้งตามด้วยเสียงเคาะรัวกระหน่ำ ทุบอยู่ได้ไม่นานเดาว่าคงจะเจ็บมือแม่คุณเลยเปลี่ยนวีธี เสียงที่เดาว่าเป็นเล็บขูดบานประตูดังแกรกกราก แม่เจ้า! เสียวเล็บหัก!

นั่งข้างโถส้วมฟังอย่างเพลิด เพลินเหมือนได้ดูละครหลังข่าวจนลืมไปว่า...ตัวเองกำลังอยู่ในสถานการณ์ เตรียมขึ้นแท่นประหารหากโดนอีกฝ่ายพบเจอ

เงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหว ก็ไม่ค่อยจะได้ยินเสียงเพราะพื้นห้องมันปูพรม เสียงที่ได้ยินจึงเป็นเสียงกระแทกประตูตู้เย็นดังปังระบายอารมณ์ เสียงวางแก้วน้ำกระแทกโต๊ะ ...นั่นๆ เปิดประตูห้องนอนเข้ามาแล้วปิดตามดังลั่น แสงไฟสว่างวาบลอดผ่านร่องประตูห้องน้ำเข้ามา พลันนึกขึ้นได้ว่าอยู่ในอันตราย ตัวจึงเริ่มสั่นพรึ่บขึ้นมาอีกครา

ตาย! ตายแน่! ไอ้หนุ่มนี่มันซาดิสม์ซะด้วย ดูจากที่ทำกับเทวดาน้อยของเขาก็พอจะรู้ได้ เงาหัวจะหายก็วันนี้ล่ะวะ

เสียงประตูตู้เสื้อผ้าเปิด ปิดดังปัง เสียงเหล็กกระทบแก้วเดาว่าน่าจะเป็นหัวเข็มขัดถูกถอดโยนลงบนโต๊ะกระจก ตามด้วยแรงสั่นของฝีเท้าหนักๆเดินเข้ามาใกล้

เขาลนลานหาเครื่องป้องกัน ถังขยะข้างโถส้วมเป็นสิ่งใกล้ตัวอันดับแรกที่มือเอื้อมหยิบถึง ในถังขยะใบกลางว่างเปล่า มีเพียงสิ่งเดียวถูกทิ้งเหงาหงอยอยู่ก้นถัง เหลือบตามองลงไปได้ก็ตกใจตะลึง มือสั่นเอื้อมหยิบดูว่ามันใช่อย่างที่คิดรึเปล่า

จับปลายได้ อีกด้านก็คลี่ออกช้าๆตามแรงโน้มถ่วง ยางพลาสติกใสสีชมพูลักษณะเป็นถุงหุ้ม ช่วงกลางมีตุ่มหยักเรียงเป็นระเบียบ เบนจุดสนใจไปส่วนปลายถุง ความร้อนวาบก็ไล่ตามใบหน้าจนรู้สึกเหมือนควันจะพุ่งออกทางหู

นี่มัน...ถุงยางใช้แล้วนี่หว่า

ส่วนปลายยังมีของเหลวสีขาวคั่งอยู่เล็กน้อย บางส่วนแห้งติดเนื้อยางไปแล้ว

ด้วยความตะลึงตึ่งตึ๊ง มืออีกข้างจึงลืมออกแรงจับ ปล่อยให้ถังขยะอลูมิเนียมหล่นกระทบพื้นแกรนิตดังแกร๊งลั่นกระชากหัวใจให้ กระเด็นกระดอนออกมาทางปากเก็บกลับแทบไม่ทัน

ใจเต้นตึ๊กตั๊ก ขนลุกซู่ มือไม้สั่นพันกันไปมา นั่งรอผลกรรม อีกฝั่งของประตูห้องน้ำเงียบกริบไปได้ไม่นาน ลูกบิดประตูก็ถูกหมุนจากอีกฝั่งฟากช้าๆ แสงไฟภายนอกส่องสว่างเข้ามาจนแสบตาจนต้องก้มลงต่ำ เหลือบมองเจ้าของห้องอย่างกล้าๆกลัวๆ

สองเท้าโตๆน่ากลัวโดนกระทืบ ทีม้ามคงแตกกระจุย ไล่ขึ้นไปยังท่อนขาแข็งแรงใต้กางเกงแสลคสีดำ ซิบกับกระดุมกางเกงถูกปลดปล่อยกางเกงให้เกาะสะโพกตึงแน่นอย่างหมิ่นเหม่ เจ้าตัวคงกำลังจะเปลี่ยนเสื้อ ท่อนบนจึงไร้สิ่งห่อหุ้ม เผยให้เห็นกล้ามเนื้อท้องเป็นมัดนับได้แปดลูกพอดีไม่ขาดไม่เกิน ส่วนอกเกร็งเป็นแผง ไหปลาร้าแกร่งจนยุบเป็นแอ่ง ผิวใต้ร่มผ้าขาวกว่าส่วนท่อนแขนล่ำสันบ่งว่าเจ้าตัวน่าจะชอบออกกำลังกายกลาง แจ้ง ไล่ขึ้นไปเรื่อยๆ...เรื่อยๆ ม่านตาเริ่มปรับตัวให้รับแสงได้ ใบหน้ามืดๆจากแสงสว่างด้านหลังทำให้ต้องเพ่งเก็บรายละเอียดอย่างช้าๆ

ดวงตาน้ำตาลเข้มของผู้บุกรุกเบิกกว้างอย่างตกตะลึง

ใบหน้าที่เห็นแม้ในสายตา ผู้ชายด้วยกันก็พูดได้เต็มปากว่าหล่อ หล่อแบบคมเข้มบ่งนิสัยดุๆ เถื่อนๆ ดวงตามืดมิดรับกับคิ้วเข้มพาดเฉียง จมูกโด่งเป็นสันจนน่าอิจฉา ปากเม้มเน่นๆเหมือนเจ้าของกำลังตกใจ

ที่สำคัญ

นี่มันไม่ใช่ไอ้หนุ่มคนนั้นนี่

ตะลึงจนลืมตัว มือยกขึ้นชี้เจ้าของห้องทั้งๆที่ยังมีถุงยางใช้แล้วห้อยหนีบต่องแต่งอยู่

“คุณ...ชวนันท์?” ร่างใหญ่ผงกหัวเบาๆนัยว่านั่นล่ะ ชื่อฉัน

เหงื่อไหลพลั่กเป็นน้ำตกไนแองการ่าหน้าน้ำหลาก

ซวย!!

เข้าผิดห้องนี่หว่า!!!

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 :a2: ไปอ่านหนังสือต่อจิงๆละ พรุ่งนี้มาต่อ ถ้ามีคนชอบ อิอิ ไม่แม้มไม่ต่อคับ :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: duchess ที่ 06-04-2008 00:01:59
 :m1:

ชอบคับๆ

เอาภาค2มาต่อไวๆนะ

เอ้อ วิธีเปลี่ยนชื่อเรื่องนะคับ

ให้ดูตรงมุมขวาบนของนิยายอ่ะคับ

แร้วเลือก

Topic Subject นะ

แร้วก้อเข้าไปเปลี่ยนได้เรยคับ

เวลามาอัพเดทตอนใหม่ ก้อจะได้เขียนบอกเพิ่มได้นะคับ

+++

รอตอนต่อไป+เปนกำลังใจให้อยุ่นะคับ

+++
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: playCardPlaYBoy ที่ 06-04-2008 09:36:56


“อย่ามาโวยวายติดสัตว์อยู่ ตรงนี้ มันรบกวนคนอื่นเขา ให้ตาย! หน้าตาก็ดี อีคิวต่ำฉิบหาย ไปให้พ้นก่อนที่ฉันจะเรียกตำรวจนะ! ไป!!” ตวาดอย่างหัวเสียพร้อมปิดประตูกระแทกใส่หน้าดังปังใหญ่ ยังไม่วายเคาะประตูตามหลังซะอีก เกลียดซะจริง ผู้หญิงอย่างนี้!

ชวนันท์เปิดตู้เย็นเทน้ำใส่แก้วกรอกอั้กๆลงคอรวด ความเย็นของน้ำไม่ช่วยทำให้อารมณ์เดือดๆเย็นลงเลยซักนิด
ขาก้าวยาวๆเร็วๆเดินเข้าห้องนอน ถอดชุดทำงานหวังอาบน้ำใหม่ให้สดชื่นเพื่อออกท่องเที่ยวยามราตรี คว้าผ้าเช็ดตัวผืนใหม่ในตู้เสื้อผ้าขาเตะประตูตู้ปิดดังปังใหญ่ มือปลดหัวเข็มขัดดึงออกจากหูกางเกงรวดเร็ว โยนลงบนโต๊ะญี่ปุ่นกระจกอย่างไม่สนใจเสียงกระทบดังลั่น รูดเน็คไททิ้งแหมะบนเตียงหลังใหญ่ กระดุมเสื้อถูกปลดในลักษณะที่เหมือนกระชากออกมากกว่า เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนแขนยาวถูกโยนทับเน็คไทอย่างไม่แยแส

แกร๊ง!!!!

ระหว่างปลดกระดุมกางเกงรูด ซิปไปพลางเดินเข้าห้องน้ำไปพลางเสียงเหล็กกระทบหินจากห้องน้ำก็ดังกังวาน พร้อมเสียงสะท้อนอีกพักใหญ่ ชายหนุ่มสะดุ้งสุดตัวด้วยเสียงดังที่ไม่คาดว่าจะเกิดขึ้นได้

มีคนอยู่ในห้องของเขา

ขโมยหรือ?

อารมณ์ที่หงุดหงิดจากเรื่อง เก่าคุกรุ่นขึ้นอีกครั้ง หมัดขวาถูกชกปึ้กใส่อุ้งมือซ้ายนัยว่าเจ้าของอยากออกแรงเต็มปรี่ ดีเหมือนกัน เทควันโดที่อุตส่าห์เสียเงินเรียนมาตั้งแพงจะได้ใช้ประโยชน์ซะบ้าง! คิดพลางย่างสามขุมเตรียมจัดการเหยื่อดวงกุดที่บังอาจคิดสั้นบุกห้องของเขา ยามวิกาล

ลูกบิดถูกหมุนเปิดช้าๆเตรียมรับการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นได้จากด้านในห้องน้ำ

แสงสว่างจากไฟเพดานห้องนอนสาดเข้าในห้องน้ำมืดสนิทเป็นมุมกว้างขึ้นเรื่อยๆตามความกว้างของบานประตู

ชายหนุ่มผอมซีด ผมสั้นยุ่งยาวระต้นคอถูกโกรกเป็นสีน้ำตาลเข้ม แขนขายาวเก้งก้าง ดูคร่าวๆน่าจะเตี้ยกว่าเขาหน่อยเดียวซุกแหมะอยู่ข้างโถส้วม ก้มหน้าต่ำท่าทางเหมือนแสบตาจากแสงที่สว่างจ้าขึ้นรวดเร็วทำให้เขาเห็นหน้า ไม่ชัด ไหล่บางๆสั่นแรงจนสังเกตเห็นได้  ถังขยะสเตนเลสต้นเสียงดังลากใส้เมื่อครู่กลิ้งกลุกๆอยู่ด้านหน้า ท่าทางเจ้าหัวขโมยจะเริ่มปรับตาต่อแสงสว่างได้แล้ว จึงค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างช้าๆ

นัยน์ตาดำมืดของชวนันท์เบิกกว้างขึ้น

ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจ้องเขา อย่างกล้าๆกลัวๆ คิ้วขมวดมุ่นครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ปากแดงอ้าๆหุบๆไม่รู้จะพูดอะไร ใบหน้าที่จัดว่าดูดีแต่ไม่อาจตัดสินได้ว่าหล่อหรือว่าสวยกันแน่ขาวซีดแบบคน ไม่เคยตากแดดค่อยๆเงยขึ้นรับแสงไฟที่สาดลอดบ่าของเขาเข้ามา

แต่สิ่งที่ทำให้เขาตะลึงที่สุดไม่ใช่เจ้าหัวขโมยรูปงามคนนี้หรอก เป็นสิ่งที่ร่างบางถืออยู่ต่างหาก

...มือซ้ายกำกางเกงในของเขา...ใช่...ของเขาชัวร์...ถึงจะพับไว้แต่ดูจากลายแพลมๆก็พอรู้...

ยังไม่ทันเอ่ยปากออกไป หัวขโมยจิตตกก็ยกมือขวาขึ้นชี้เขาก่อน...ทั้งๆที่มี...ถุงยางใช้แล้วของเขาเกี่ยวอยู่ในอุ้งมือ

“คุณ...ชวนันท์?”

อึ้งจนพูดอะไรไม่ออก ทำได้แค่พยักหน้าตอบรับไป

++++++++++++++++++++++++++++

ทันทีที่รู้ว่าเข้าผิดห้อง สมองมันก็ปั่นป่วนไปหมด ในใจคิดหาทางรอดร้อยแปด แต่ทางที่คิดได้มันเล็กเท่ารูแมลงสาบ ยัดขาข้างนึงยังไม่เข้าเลยด้วยซ้ำ

เขาคุมสติ ลุกขึ้นยืนช้าๆพลางลอบมองกิริยาของอีกฝ่าย...ดีแค่ไหนแล้วที่ไม่เปิดประตูมา ปุ๊บกระโจนเข้าตุ้ยพุงกะทิปั๊บ...อย่างนี้มันน่าจะคุยกันรู้เรื่องได้สิ น่า...

“แฮ่มๆ” ไม่มีอะไร แค่กระแอมแก้เก้อ มือซ้ายยกขึ้นปิดปากโดยลืมไปว่ามันยังกำกางเกงในเจ้าของห้องอยู่ “ขอโทษครับ ผมเข้าห้องผิด...ขอตัวครับ” เอ่ยจบก็ทำตัวลีบเป็นปลาทูตากแห้งลอดช่องทางอันน้อยนิดผ่านกรอบประตูไป

เดินไปได้สามก้าวอุ้งมือมาร ก็ตะปบปั้บเข้าที่ไหล่ ขาก็พลันอ่อนระทวยไร้เรี่ยวแรงจะเดินต่อ คอเกิดแข็งขึ้นมาดื้อๆ กว่าจะหันไปมองเจ้าของกรงเล็บดับจิตได้ก็เสียพลังงานไปมหาศาล

ดวงตาดำสนิทใต้คิ้วเข้มๆวิบวับล้อแสงไฟอย่างกับจะยิงเลเซอร์ออกมาได้ เสียงสวดส่งวัญญาณวิ่งเข้ากระทบโสตประสาท “…เอาของของฉันคืนมา”

แง้...ขอโต้ดครับ กลัวแล้วคร้าบบ คืนแล้ว อย่าทำอะไรผมเล้ย

มือขวายื่นของข้ามบ่าตัวเองส่งคืนเจ้าของห้อง พอยื่นไปปุ๊บอุ้งมืออีกข้างก็ตวัดปั้ปเข้าที่ไหล่อีกข้างจนสะดุ้งโหยง

“ไม่ใช่อันนี้...อีกอัน...เอามา” แปลความหมาย...ถุงยางไม่เอา จะเอาอีกอัน

ไม่ใช่มือขวา เก๊าะต้องมือซ้าย

ใจก็อยากยื่นให้ แต่ความกลัวมันเข้าครอบงำร่างกายจนหมดแรง มือซ้ายปล่อยของที่กำมาตั้งนานออกซะดื้อๆ ตามองตามของที่ตกว่ามันเป็นกางเกงในหรือหัวของเขากันแน่

กางเกงในที่ตกลงพื้นตามแรงโน้มถ่วงช่างช้าเหลือเกินในความคิด มันเหมือนภาพสโลวโมชั่นที่ดูในหนังบ่อยๆเวลาถึงจุดไคลแม็กซ์ยังไงยังงั้น

หล่นลงเรื่อยๆ...เรื่อยๆ...

จากที่พับอยู่...ก็ค่อยๆคลี่ออกมา...

ตุ้บ! เหมือนได้ยินเสียงเอ็ฟเฟ็กซ์ผ้ากระทบพรมเบาๆ

กางเกงในบ็อกเซอร์บัดนี้มันวางแผ่อวดลวดลายอยู่บนพื้นพรมราวกับกำลังถูกจัดวางอยู่บนตู้โชว์หน้าร้านสรรพสินค้า

เนื้อผ้าเป็นสีขาวบริสุทธิ์ ตรงกลางด้านหลังพิมพ์ลายสีสดสวยรูปแมวน้อยสีขาวมีโบว์สีชมพูสดใสทัดหูข้าง หนึ่ง ใส่เอี๊ยมสีช็อคกิ้งพิงค์ถือร่มหันหลังให้ ฉากหลังวาดเป็นดอกไม้การ์ตูนหลากสีสัน  ใครที่เคยผ่านวัยเด็กมาคงเคยผ่านตาแม่ดาราสาวชื่อดังตัวนี้อยู่บ้าง...แม่ แมวน้อยคิตตี้

มันคงจะน่ารักน่าหยิกดีไม่หยอก ถ้าแปะอยู่บนก้นของเด็กหญิงผมแกละคิกขุอาโนเนะวัยสามขวบ

แต่...

เหลือบหันกลับไปมองอย่างไม่เชื่อตาตัวเอง

...โลกนี้ช่างลึกลับนัก...

+++++++++++++++++++++++++++++

ชวนันท์ตัวแข็งค้างทันทีที่ เจ้าผ้าผืนน้อยแผ่หราสู่สายตาชาวโลก นี่เป็นเรื่องน่าอายที่สุดในชีวิตลูกผู้ชายของเขา สิ่งที่เขาเก็บเงียบมานานถูกล่วงรู้โดยคนที่เขาเพิ่งเคยเห็นหน้าเมื่อห้า นาทีที่แล้ว

กัดฟันกรอดๆอุ้งมือบีบบ่าบางแน่น

...แก...ตาย...

//กักขังชั้นเถิดกักขังไป ฉันทำ...อะไรให้เธอหมองหม่น~!!!//

เสียงโทรศัพท์ริงโทนล้าสมัย แผดจ้าเรียกร้องความสนใจ วันนี้มันวันพระหรือไงวะ! หงุดหงิดงุ่นงานเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่ทิ้งกองกับกระเป๋าสตางค์ที่ปลาย เตียง มืออีกข้างกำไหล่หัวขโมยแน่นแบบชาตินี้เราจะไม่พรากจากกัน ตามองเบอร์โทรเข้า เส้นเลือดข้างขมับโป่งพองตามริ้วอารมณ์

ชื่อคนโทรเข้า...ปา...เกาะเขาแน่นไม่ปล่อยจริงๆ อีดอกนี่!

“มีอะไรอีกเล่า บอกแล้วไงว่าไปให้พ้น ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน!!” กดรับได้ก็กรอกเสียงไม่ฟังความเห็น

“พี่แน็ท~ พี่แน็ททำกับปาอย่างนี้ไม่ได้นะ! ปาไม่ยอม!! ฮือ~ พี่แน็ทเปิดให้ปาเข้าไปเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นปาจะจุดไฟเผามันหน้าประตูนี่แหละ!!”

ทำไมคนรอบตัวเขามันชิงหมาเกิดกันอย่างนี้ฟะ มือที่จิกบ่าหัวขโมยกำแน่นจนร่างบางร้องอุทานออกมาเบาๆเรียกร้องความสนใจให้หันควับไปมอง

“เอ่อ...ไม่มีอะไรครับ เชิญคุยต่อเถอะครับ แหะๆ” เจ้าหัวขโมยเอ่ยแหยๆอย่างกลัวตาย

ชวนันท์มองหน้าคนข้างกายได้ซักพักความคิดดีๆก็ผุดขึ้น...ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ยัยฮิสทีเรียหน้าห้องจะได้ถอยทัพไปซะที!!

ทันทีที่คิดได้อุ้งมือก็ เปลี่ยนจากจิกบ่าเป็นกุมมืออีกฝ่ายไว้ พาเดินลากหลุนๆไปยังประตูหน้าห้อง เปิดผลัวะก็เจอหญิงสาวรายเดิมบีบน้ำหูน้ำตานองหน้า มาสคาร่าละลายเยิ้มเป็นทางจนอยากเอาไปฝากลืมในบ้านผีสิงจริงๆ

“พี่แน็ท! พี่แน็ทยอมฟังปาแล้วใช่มั้ยคะ ปารักพี่แน็ทนะ พี่แน็ทอย่าทิ้งปาไปอย่างนี้นะคะ” สาวเจ้าเอาเสียงเข้าสู้ ลานสายตาโฟกัสเพียงชายหนุ่มเปลือยท่อนบนกับกางเกงที่ปลดซิบเกาะสะโพกจะหลุด มิหลุดแหล่

“...เอ่อ” เสียงใครก็ไม่รู้เรียกความสนใจให้หญิงสาวหันไปมอง ใครกัน ดูดีชะมัด! เอ๊ยไม่ใช่! ใครกัน มาอยู่ในห้องพี่แน็ทของเค้าได้ยังไง!

“ปา...ฟังนะ เลิกมายุ่งกับผมได้แล้ว ผมมีคนรักอยู่แล้ว ผมไม่มีตามองใครอีกต่อไปแล้ว เข้าใจไหม?” ชายหนุ่มตอบให้ราวกับจะรับรู้ความคิดของหญิงสาว

“ไม่จริงน่า...พี่แน็ท...คนรัก...แต่..แต่ว่าเขา...เขาเป็นผู้ชาย”

“ใช่ เขาเป็นผู้ชาย” พยักหน้าเห็นด้วย

“พี่แน็ท...พี่แน็ท...ป...เป็น...”

“ใช่...ผมเป็นเกย์” พูดจบไม่รอช้า ปากประกบปากหัวขโมยหนุ่มที่กำลังตกตะลึงอย่างเร่าร้อนเนิ่นนาน...

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 :laugh: :laugh: :laugh:ทายเอาไครจะเป็นพระไครเป็นนาง :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :oni2: :oni2: :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ!ตอน2อัพ9.36 6/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: devil_duel ที่ 06-04-2008 10:57:51
ชอบเรื่องของคุณ ลูกหมู นี่จัง
พล็อตเค้าแรงดี อิอิ :o8:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ!ตอน2อัพ9.36 6/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: playCardPlaYBoy ที่ 06-04-2008 14:06:30


นี่มันอะไรกัน!?

ด้วยความมึนงงจึงไม่ได้รับ รู้เลยว่าสาวเปรี้ยวผู้น่าสงสารวิ่งหนีไปนานแล้ว พวกเขายังคงประกบปากมาราธอนอยู่ด้านหน้าประตู ร่างบางอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถขัดขืนได้ แขนแกร่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามข้างหนึ่งโอบรอบเอวเขาแน่น ดึงให้ส่วนสะโพกแนบสัมผัสกันและกัน อีกข้างเอื้อมมาด้านหลัง ฝ่ามือใหญ่จับหัวเขาไว้ไม่ให้หมุนหนีไปไหนได้

จากที่ประกบปากอยู่ได้ซักพัก ลิ้นอุ่นร้อนก็เริ่มจะรุกรานเข้ามาในปาก มันค่อยๆไล่เลียไปตามกลีบปากที่เม้มสนิทเรียกขนที่ท้ายทอยให้ลุกซู่ท้าทาย มือหนา เขาพยายามต้านเต็มที่ไม่ให้สิ่งแปลกปลอมมีชีวิตนี้บุกรุกเข้ามาได้ แต่ก็ไม่ได้ลำบากอีกฝ่ายซักเท่าไหร่ อุ้งมือหนาข้างที่โอบรอบเอวทำงานขันแข็ง ขยำขยี้บั้นท้ายเขาอย่างแรงก่อนจะไต่เลื้อยตามเป้ากางเกงมาทางด้านหน้า

“...ฮะ!!!” ด้วยความตกใจร่างบางจึงแง้มปากที่เม้มสนิทอุทานออกมาเบาๆ เปิดโอกาสให้ฝ่ายที่โดนบุกรุกที่อยู่อาศัยได้บุกรุกร่างกายแทน ลิ้นหนาอุ่นไล่ล่าลิ้นของอีกฝ่ายที่กำลังเตลิดหนี ไม่นานก็ต้องยอมจำนนปล่อยให้ถูกเลียลิ้มชิมรสชาดได้ ฟัน เหงือก กระพุ้งแก้มถูกดูดดุนอย่างชำนาญงานจนร่างกายไร้เรี่ยวแรง กลีบปากแดงที่เริ่มเปียกช้ำอ้าออกอย่างบังคับไม่อยู่ปล่อยให้น้ำใสๆเล็ดลอด ออกจากมุมปากไหลลงส่วนคางก่อนจะกลิ้งลงตามซอกคอสู่แอ่งไหปลาร้าใต้ร่มผ้า

มือผอมพยายามจับยึดข้อมือที่ กำลังบุกรุกสะโพกส่วนหน้าเต็มที่ แต่คนที่เอาแต่ทำงานในออฟฟิซมีหรือจะสู้แรงคนที่ฝึกร่างกายจนเต็มไปด้วยมัด กล้ามได้ นิ้วมือใหญ่กดส่วนเป้ากางเกงเรียกเสียงครางฮือเบาๆให้ได้ยิน หัวเข่าสั่นพั่บไร้เรี่ยวแรงจะพยุงตัวอีกต่อไป ปล่อยให้ร่างกายเลื่อนตกลงตามแรงโน้มถ่วง ส่วนปากจึงเลื่อนหลุดออกจากกันได้ในที่สุด

เขาคงจะล้มไปกองกับพื้นทาง เดินแล้วถ้าแขนแกร่งที่โอบรอบเอวไม่คว้าพยุงเอาไว้ ชวนันท์ลากผู้บุกรุกเข้าไปในห้องก่อนจะปิดประตู ผลักหลังร่างบางชนประตูส่วนตนเองคร่อมปิดทางหนีไว้แน่นหนา

ปากแดงช้ำที่เปียกชื้นจน สะท้อนแสงไฟเผยอหอบ ใบหน้าขาวซีดตอนนี้ซับสีเลือดจนแดงกล่ำ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเบิกกว้างจ้องมองอีกฝ่ายอย่างหวาดๆ ใบหน้าอยู่ใกล้กันจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่น กลิ่นเหงื่อผสมน้ำหอมผู้ชายของเจ้าของห้องโชยแตะจมูกจนรู้สึกสั่นไหว บรรยากาศในห้องเงียบสนิท มีเพียงเสียงหอบฮั่กประสานกับเสียงหายใจหนักๆของคนสองคน

พลั่ก!!! มือผอมกำหมัดแน่นตุ้ยท้องชวนันท์โดยไม่ทันตั้งตัว ร่างสูงงอตัว สองมือที่คร่อมผู้บุกรุกไว้ ย้ายมากุมที่ส่วนท้องของตนเอง ร่างบางได้โอกาสพลิกตัวลอดหนีได้ทันท่วงที

แต่แทนที่จะเปิดประตูหนี ดันหนีไปอยู่กลางห้องซะได้

อยากฆ่าตัวเองจริงว้อย!!

สายตาจับจ้องร่างกำยำที่ค่อยๆกลับมายืนตรงได้เหมือนเดิม อารมณ์คุกรุ่นยิ่งกว่าเก่าแผ่กระจายกดดันไปทั่วบริเวณ

อย่าเข้ามานะโว้ย ไอ้คิตตี้ พ่อกัดไม่เลือกจริงๆด้วย! แง่ง!! จูบแรกของตู!! กัดเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างเดือดดาล

ชวนันท์เลียริมฝีปากเปียก ชื้นที่ยังหลงเหลือกลิ่นอายของผู้บุกรุกอยู่จางๆ มองร่างผอมที่ตั้งท่าสู้เหย็งๆ แยกเขี้ยวยิงฟันอย่างหมาจนตรอกเขม็ง

“คุณไม่มีสิทธิ์ทำอย่างนี้กับผม!” ผู้บุกรุกเรียกร้องสิทธิมนุษยชน

“นายก็ไม่มีสิทธิ์บุกรุกห้องฉัน” ฉึก! คำพูดแปรเปลี่ยนเป็นลูกธนูวิ่งเข้าทิ่มแทงร่างบาง

“แต่...แต่ๆๆๆๆ...” นึกคำเถียงเจ๋งๆไม่ออกโว้ย!

“เอาเถอะ ถือว่าเจ๊ากันไป” ข้อแลกเปลี่ยนที่ทำให้เดือดปุด

“มันจะเจ๊าได้ยังไงวะ ไอ้บ้า!! นายไม่ได้เข้าห้องนี้เป็นครั้งแรกซักหน่อย!!” คำไถสีข้างแบบงงๆทำให้ชวนันท์ต้องเงียบไปพักหนึ่งก่อนยกมุมปากยิ้มหึ

“แปลว่าจูบแรกสินะ มิน่าล่ะ...หึ”

บรึ้ม!!! เพิ่งรู้ตัวว่าเสียท่าซะแล้ว  ใบหน้าร้อนแทบเดือด ไม่รู้ว่าเพราะความโกรธหรืออับอายกันแน่ ร่างบางรู้ตัวว่าหมดทางตอบโต้ เดินก้มหน้างุดๆเอาหัวเข้าดันกล้ามท้องแข็งปั๋งหวังหนีออกจากห้องบ้าๆนี่ซัก ที แต่กลับโดนท่อนแขนกำยำคว้าคอไว้ได้ก่อน

“ใครอนุญาตให้ไป เธอบุกรุกห้อง ขโมยของของฉัน แล้วจะหนีโดยไร้ความผิดรึไง มีคนแบบเธอเยอะๆตำรวจคงตกงานหมด”

“ปล่อยเซ่ ก็ไหนบอกว่าเจ๊ากันแล้วไง!” เงื้อมือขึ้นข่วนท่อนแขนแข็งๆที่ไม่มีท่าทางว่าจะระคายเคืองแม้แต่น้อย

“โง่หรือไง บอกว่าเจ๊ามันเรื่องบุกรุกเรื่องเดียว แล้วเรื่องขโมยของเล่า?”

“โธ่เว้ย ก็คืนไปแล้วไง ไอ้คิตตี้นรก!!” ปากมันไปก่อนความคิด ท่อนแขนที่เกี่ยวคออยู่รัดแน่นจนลิ้นจุกปาก มัดกล้ามลั่นเปรี๊ยะตามอารมณ์เจ้าของ

“จริงสินะ ต้องจัดการเรื่องนี้ด้วย เธอผิดเองนะ ขโมยอะไรไม่ขโมย”

อ๊าก!!! ผมผิดไปแล้ววววว!!!!

แขนล่ำเกี่ยวตวัดลากร่างบางเดินเข้าห้องนอน ถูกโยนลงบนเตียงหลังใหญ่จนกระเด้งดึ๋ง ทันทีที่ตั้งตัวได้ ปากก็ทำงานหาทางรอด

“คิดจะทำอะไรเนี่ย!!”

“’ง่ายนิดเดียว ก็สร้างเรื่องที่บอกใครไม่ได้ซะ อย่าง...ไง แบล็คเมล์น่ะ รู้จักมั้ย”

“ค...คุณ...เป็นเกย์เหรอเนี่ย ไปไกลๆนะ! อย่าเข้ามานะเฟ้ย! ไอ้โรคจิต!! ไอ้คิตตี้!! อี๋แหยะ!!” หม่าม้า ช่วยผมด้วย!

“พูดผิดรึเปล่า ฉันเป็นเกย์ก็จริง แต่โรคจิตน่ะมันนาย” ฉึก! ธนูลูกที่สองทิ่มหากจากลูกแรกแค่ห้ามิล

“ผม...ผมไม่ใช่โรคจิตนะ! ผมไม่ได้ตั้งใจจะเข้าห้องนี้ซักหน่อย คุณผิดเองนะที่มาอยู่ห้องมุมตึกแบบนี้น่ะ!” โทษมั่วไว้ก่อนพ่อสอนไว้

“ถึงเธอจะเข้าห้องถูกก็คงไป ขโมยกางเกงในคนอื่นอยู่ดี ยังไงเธอก็โรคจิตนั่นแหละ” ฉึก! โบราณว่ามีสองก็ต้องมีสาม ลูกที่สามพุ่งผ่าก้านลูกแรกแม่นราวจับวาง

ถ้าคิดว่าคนสองคนนอนคร่อมกัน อยู่บนเตียงเพื่อประชันฝีปากอย่างเดียวล่ะก็ มนุษย์คงสูญพันธุ์หมดโลกไปแล้ว ทันทีที่ร่างบางรู้สึกตัว กระดุมเสื้อทั้งแถบก็ถูกแกะออกหมดแล้ว มือหนากำลังวุ่นวายอยู่ที่เข็มขัดของเขา ชายหนุ่มดิ้นเต็มกำลังเหมือนกระต่ายน้อยชักดิ้นชักงออยู่ใต้กรงเล็บราชสีห์ เจ้าป่า

“อยู่นิ่งๆซักที ฉันไม่อยากรุนแรง!!”

พักเรื่องเข็มขัดไว้ก่อน บ่าบางถูกกดจมเตียง สองแขนยังไม่สิ้นฤทธิ์ปาดป่ายดิ้นรนไปทั่วทิศทาง

จ๊ากกกก!!!

สัมผัสเปียกร้อนที่คอทำให้ชะงักไปชั่วคราว

“หยุดน้า~ จั๊กจี้โว้ย!! หยุด ยู้ดดดดด!!!”

ทันใด แขนที่ก่ายไปมาก็ชนเข้ากับของแข็งที่ตั้งไว้บนโต๊ะข้างเตียง ไม่ต้องคิดมาก มือคว้าหมับประเคนเข้าที่ท้ายทอยร่างหนาด้านบนเต็มๆ

ปึ้ก!! แท่นทับกระดาษกระเด็นหล่นลงข้างเตียง

“โอ๊ย!!” เจ็บตัวเป็นครั้งที่สอง สองมือยกขึ้นกุมศีรษะกดระงับความปวด ผู้บุกรุกได้โอกาสแปลงสัญชาติเป็นงูเหลือมเลื้อยหนีลอดร่างกายใหญ่โตมายืน อยู่ท้ายเตียงได้

แชะ!!

กำลังมองอุ้งมือที่กุมศีรษะดูว่ามีเลือดติดมารึเปล่า เสียงชัตเตอร์ก็เรียกร้องความสนใจให้หันไปมองพร้อมกัดฟันกรอด

ร่างบางสภาพหัวหูยับเยิน เสื้อผ้าหลุดลุ่ยเห็นส่วนอกกับกางเกงในวับๆแวมๆกำลังยืนขาสั่นอยู่ท้ายเตียง มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์มือถือรุ่นกล้องสองล้านพิกเซลรัวชัตเตอร์ไม่ยั้ง

ชวนันท์ตั้งตัวได้ก็กระโดดผลุงเดินจังก้าเข้าหาเจ้าหัวขโมยมากฤทธิ์ที่ยังกดรัวอยู่

ฝ่ายหนึ่งเดิน ฝ่ายหนึ่งถอย เส้นทางโค้งไปโค้งมาจนหลังผู้บุกรุกชนประตูหน้าห้อง เหงื่อหยดแหมะทั่วตัว

“อ..อย่าเข้ามานะ! ไม่งั้น...ไม่งั้น...” พูดไม่ออกโชว์มันให้ดูซะเลย! ภาพที่อยู่บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือเป็นภาพชายหนุ่มร่างใหญ่เต็มไปด้วยมัด กล้าม ทั้งเนื้อทั้งตัวเหลือแต่กางเกงในบ็อกเซอร์ตัวเดียว ภาพแรกกำลังคลานสี่ขาอยู่บนเตียงหลังใหญ่โชว์บั้นท้ายเต็มจอ ภาพอื่นๆหันหน้าสู้กล้องโชว์สัดส่วนอุดมไปด้วยมัดกล้าม ช่วงอกเปียกเหงื่อจนมันวาวดูเซ็กซี่น่าหม่ำเป็นที่สุด...ถ้าไม่มองบ็อกเซอร์ ล่ะก็นะ

...หมอนี่เป็นแฟนพันธุ์แท้ซานรีโอ®แหงแซะ

บ็อกเซอร์พื้นสีฟ้าครามสดใส ด้านหลังมีลายหมาน้อยหูยาวสีขาวสะอาดในเอี๊ยมสีน้ำเงินนั่งตาแป๋วหันหน้า ทักทายผู้ชม มองยังไงก็โปชาโก้จังของคุณหนูทั่วโลกชัดๆ ด้านหน้าพิมพ์ลายฝ่าเท้าหมาขนาดพอเหมาะแปะอยู่ตรงกลางพอดิบพอดี

ชวนันท์ขบฟันกรอดจนแทบแหลก ละเอียด พูดเครียดๆลอดไรฟัน ฟังดูน่าหวาดกลัวว่าจะกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าขย้ำคุณยายจนเลือดสาดกระจาย เมื่อไหร่

“เธอ...เธอจะแบล็คเมล์ฉันหรือไง คิดว่าฉันจะกลัวเรอะ ฉันจับเธอได้ตรงนี้ ลบภาพทิ้งซะ ทุกอย่างก็จบแล้ว”

“ก็ลองดูมั้ยล่ะ ผมส่งภาพไปที่เมล์ส่วนตัวผมแล้ว ถึงจะแค่สองภาพแต่ก็ดูรู้ว่าเป็นใครล่ะน่า” ทึ่งในความเร็วของนิ้วมือกับระบบสื่อสารสมัยนี้จริงๆ พับผ่า

“แล้วก็นี่..” อีกมือล้วงกระเป๋าเสื้อเชิ้ตคีบบัตรแข็งโบกโชว์ “บัตรประชาชนใครก็ไม่รู้ แค่นี้ก็สืบหาที่ทำงานไม่ยากแล้วล่ะ สาวๆที่ทำงานคงจะอยากเห็นภาพโป๊ของพนักงานหุ่นล่ำในบริษัทกันน่าดู”

“หนอย...”

“เอาล่ะ ผมจะถือว่าเรื่องที่คุณจะปล้ำผมเจ๊ากับเรื่องนี้แล้วกัน” มือหนึ่งเอื้อมไปด้านหลัง ก่ายจนเจอลูกบิดประตู เปิดได้ช่องพอดีตัวก็ค่อยๆเลื้อยออกไป

“ราตรีสวัสดิ์นะครับ คุณชวนันท์” ไม่ลืมบอกลาเจ้าบ้านอย่างมีมารยาท ทิ้งให้คนที่อยู่ในห้องเดือดจนห้องแทบลุกเป็นทะเลเพลิง

++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ!ตอน3อัพ14.00 6/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: duchess ที่ 06-04-2008 14:31:36
 :a2:

ว้าวๆ คู่ใหม่มาแร้ว

อิอิ +++
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ!ตอน3อัพ14.00 6/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: อาจารย์..สีฟ้า ที่ 06-04-2008 16:49:34
โอ้  :laugh: :laugh: :laugh: ทำไมลงเยอะอย่างนี้เนี้ยะ ที่จริงวันละตอน สองตอน กำลังดีหนา

แต่เดี๋ยวจะทะยอยอ่าน  :a5: :a5: :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ!ตอน3อัพ14.00 6/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: ( = ___ = ) ที่ 06-04-2008 23:36:57

 :m13: ซาหนุกจัง ขอบคุณคุณลูกหมูคนเขียนและก็คุณplayCardPlaYBoy
ที่มาลงให้อ่านแบบไม่มีกั๊กเยยอ่ะ เอาไปเยย+1น้า

ชอบทั้งสองภาค หุหุ :m25:
รออ่านต่ออยู่น้า จุ๊บๆ


ป๋อหลอ ขอให้คุณเพลย์อ่านหนังสือสอบได้นะ เพี้ยงๆ


หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 4..5..6อัพ09.30 7/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: playCardPlaYBoy ที่ 07-04-2008 09:24:49


ปัง!!

เสียงปิดประตูห้องดังสนั่น ทำลายความเงียบของแหล่งที่อยู่อาศัย หลังจากออกจากห้องซานริโอ®ได้ก็จิ้มปุ่มเรียกลิฟท์รัว นึกกลัวว่าเจ้าของห้องจะเกิดอาการตกมันวิ่งเข้าจู่โจมตามหลังพาเขาผ่านทาง ลัดส่งตรงถึงนรกขุมสุดท้ายก่อนได้สัมผัสแสงตะวันของวันใหม่ พอลงลิฟท์ถึงชั้น G ของคอนโดหรูไม่พูดพล่ามทำเพลงสองมือสองเท้าสามัคคีโกยสี่ตีนหน้าตั้งกลับรัง ซ่องสุมของตัวเองด้วยสปีดเร็วกว่านรก

เสียงหอบแฮ่กยาวนานติดกันอีก หลายนาทีกว่าเจ้าตัวจะตั้งหลักเปิดตู้เย็นคว้าน้ำดื่มบรรเทาอาการคอแห้งได้ ขายาวทิ้งตัวลงนั่งเหยีดกับพื้นพรมด้วยความโล่งใจ

ในที่สุดก็หนีออกมาได้

ตอนแรกยังไม่รู้ว่าจะได้ผลรึ เปล่าด้วยซ้ำ โชคดีที่รูปที่ถ่ายด้านหน้าเผยให้เห็นใบหน้าของชวนันท์ชัดเจนจึงพอจะเอามา ขู่ได้ แถมด้วยการแหลสดว่าส่งเมล์แล้วทำให้อีกฝ่ายไม่กล้าลงมือลงทีน

มันจะส่งได้ยังไงเร็วขนาดนั้น...

กดไล่รูปในโทรศัพท์มือถือที่ มีเพียงสี่รูป ใจก็คิดอิจฉา ช่างเป็นผู้ชายที่สมเป็นชายจริงๆ กล้ามเนื้อทุกส่วนดูจะตึงแน่นไปหมด ยิ่งลองได้จับก็รู้ว่าชวนันท์แข็งแกร่งกว่าที่ตาเห็นซะอีก แรงมากมายที่ผู้ชายด้วยกันยังสู้ไม่ได้ถึงได้โดนลากโดนกดได้ตามใจชอบ นึกถึงสถานการณ์เฉียดที่เพิ่งเอาตัวรอดมาได้ก็ขนลุก...ลูกผู้ชายอย่างเขาจะ โดนจับกด! ยอมไม่ได้! แม้จะไม่ได้ยอมรับว่าตัวเองเป็นเกย์ด้วยเหตุที่เขาชอบแค่เทวดาน้อยคนเดียว เท่านั้น แต่ถ้าจะนึกภาพตัวเองมีอะไรกับผู้ชายด้วยกันแล้วล่ะก็ อย่าหวังว่าเขาจะยอมอยู่ข้างล่างเลย คู่ของเขาต้องเป็นเด็กหนุ่มหน้าหวานตัวเล็กเท่านั้น!!

มือผอมยกขึ้นบีบเคล้นต้นแขนตัวเอง

นี่ไง ถึงจะไม่กล้ามใหญ่เหมือนชวนันท์ แต่เขาก็ไม่ได้มีแต่หนังหุ้มกระดูกซักหน่อย ความสูงก็พอจะเทียบกันได้ แค่สูงน้อยกว่าหน่อยเดียวเอง แม้จะไม่ได้เล่นกีฬากลางแจ้ง แต่ก็ออกกำลังกายในฟิตเนสประจำ โค้ชคอยแนะนำก็มี น้ำหนักก็ยกได้ตามเกณฑ์ เพียงแต่ตอนนี้มันขาดสารอาหาร วันๆกินแต่มาม่าเพราะเอาเงินไปซื้อกล้องส่องทางไกลเท่านั้นเอง...

แต่คิดไปคิดมาก็นับถือชั้น เชิงตัวเองเหมือนกันแฮะ คิดไม่ผิดที่จิ๊กบัตรประชาชนในกระเป๋าสตางค์ที่โยนไว้ท้ายเตียงได้ ล้วงออกมาดูการ์ดแข็ง รูปของชายหนุ่มดูจะเด็กกว่าตอนนี้มากหากมีเค้าแฝงความดุดันเหมือนเช่น ปัจจุบัน

ชวนันท์  ชัยปรีชา...นามสกุลคุ้นๆแฮะ แต่นึกไม่ออกว่าเคยได้ยินมาจากไหน เหลือบมองปีเกิดก็...ให้ตาย อายุน้อยกว่าเขาตั้งสองปี ไหงขนาดตัวมันต่างกันอย่างนี้ฟะ ยอมไม่ได้!!

คิดฟุ้งซ่านไปมาได้ไม่นาน ตาก็เหลือบมองนาฬิกาแขวน ตีสามพอดีไม่ขาดไม่เกิน เขาควรจะรีบเข้านอนได้แล้ว พรุ่งนี้ยังต้องไปทำงานแต่เช้า งานออกแบบวงจรของสินค้าใหม่เพิ่งจะเริ่มวางโครงได้แค่นิดเดียวเอง

ชายหนุ่มคว้าผ้าเช็ดตัวกับ ชุดนอนเดินเข้าห้องน้ำอาบน้ำโดยเร็ว น้ำอุ่นทำให้กล้ามเนื้อที่เกร็งเครียดค่อยคลายตัวลงได้บ้าง พอรู้สึกสบาย หนังตาก็พาลจะปิดซะเดี๋ยวนั้น

“ว้าวว้าว~” ทันทีที่เปิดประตูห้องนอน สิ่งมีชีวิตที่อยู่ข้างในก็ส่งเสียงทักทายเจ้านาย

“หวัดดีตอนเกือบเช้า เจมส์” เอ่ยทักทายเจ้านกขุนทองสัญชาติไทยชื่อฝรั่ง นกตัวนี้พี่ชายมอบให้เขาเป็นของขวัญ ด้วยเหตุผลว่าออกมาอยู่คนเดียวจะได้ไม่เหงา สมองเท่าเม็ดก๋วยจี๊ของมันจำได้แค่คำสองคำ หนึ่งในนั้นคือคำที่เขาพูดบ่อยๆในช่วงที่ผ่านมา...ช่วงที่เขาหมกมุ่นนั่งมอง เทวดาน้อยจากหน้าต่างห้องนอน

ล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่ม หลับตาสะกดจิตตัวเองว่าหลับได้แล้ว นายเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว...ผ่านไปยี่สิบนาทีภาพที่ปรากฏหลังเปลือกตากลับมี แต่ช่วงอกที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อในมุมมองที่กำลังจับเขากดลงบนเตียง

...นอนไม่หลับเฟ้ย!

อดทนต่อไปอีกสามสิบนาที ...ไม่ไหว... นอกจากกล้ามเนื้อล่ำๆกับผลิตภัณฑ์ซานริโอ®ที่แวบขึ้นมาให้เห็นแล้ว ก็ไม่มีท่าทีว่าจะนอนหลับได้เลย

“แมร่งเอ๊ย~” ลุกขึ้นมาอย่างหงุดหงิด ก้าวฉับๆเข้าครัวเปิดตู้หายานอนหลับที่เคยกอดขาหมอขอมากินยามคึกจัดโยนเข้า ปากกรอกน้ำตาม เขาเดินผ่านประตูห้องนอนไปได้แค่ครึ่งก้าวเจ้ายาการันตีประสิทธิภาพก็ออก ฤทธิ์ฉับไว ร่างผอมสูงล้มลงแผ่กับพื้นพรมหลับสนิทไม่สนใจฟ้าดิน

+++++++++++++++++++++++++++

‘นัท จำไว้นะลูก...ออกไปอยู่คนเดียวแล้วแต่อย่าลืมคำสอนของแม่ล่ะ จะคบกับใครทำงานกับใครก็อย่าทำให้เขาเดือดร้อน อย่าทำความลำบากให้คนอื่นนะลูก เวรกรรมมันจะตามทัน’

ในอนุสติรางเลือน เขาฝันถึงมารดาที่ไม่ได้พบหน้ามาหลายเดือน คำสอนตั้งแต่เขายังเป็นเด็กหนุ่มเพิ่งแยกตัวออกจากบ้านที่ต่างจังหวัดเพื่อ เข้ามาเรียนต่อมหาวิทยาลัยในกรุงเทพยังติดหูเขาอยู่ เหตุการณ์วันนั้นกระจ่างใสในความทรงจำ เขายังจำได้ว่านั่นเป็นครั้งแรกที่เขาก้มลงกราบเท้าแม่ ทั้งๆที่ปกติออกจะเป็นเด็กขี้อาย ไม่กล้าแสดงความรักซักเท่าไหร่

...วันหยุดนี้กลับบ้านดีกว่า…

++++++++++++++++++++++++++++

“แดดส่องฟ้าเป็นสัญญาณวัน ใหม่ พวกเราแจ่มใสเหมือนนกที่ออกจากรัง~” เสียงเพลงที่ตั้งเป็นนาฬิกาปลุกทำได้แค่เพียงเรียกให้ร่างผอมขยับตัวเท่า นั้น ท้องฟ้านอกหน้าต่างยังดำมืดมีเพียงแสงรางๆที่บ่งสัญญาณว่าวันใหม่กำลังจะ เริ่มต้นเท่านั้น

ผ่านไปจนแดดของจริงส่องหน้าเข้าตาจนแสบจึงค่อยลุกขึ้นนั่งบิดขี้เกียจได้ ทันทีที่สติกลับมาเต็มร้อยก็สะดุ้งสุดตัว

“สายแล้ว!! ไอ้เจมส์ ทำไมไม่ปลุกกันบ้างเลยฟะ!!” กล่าวโทษมั่วซั่ว วิ่งเปิดตู้เสื้อผ้าหาชุดทำงานใส่อย่างรวดเร็ว...ไม่อาบน้ำตอนเช้าซักวันขี้ กลากคงไม่ขึ้นหรอกน่ะ ตอนนี้งานสำคัญกว่า เขาไม่ยอมให้โดนตัดเงินเดือนเพราะไปทำงานสายแน่นอน! ชีวิตมันต้องปากกัดตีนถีบหลังจากที่ตัดสินใจซื้อกล้องส่องทางไกลราคาเฉียด แสน โชคดีที่เงินเดือนสำหรับอาชีพของเขามันยังมากพอยาไส้ ขยันทำโอทีอีกซักสองเดือนสถานะทางการเงินก็คงกลับสู่ภาวะปกติได้

“ไอ้โง่ ไอ้โง่~” เสียงแหลมของเจ้าขุนทองสวนกลับทำให้เดือดปุด นี่แหละ อีกคำที่มันจำได้ คำที่พี่ชายพร่ำสอนตอนที่มันยังเป็นลูกนกขนอ่อน หวังจะให้มากวนเบื้องล่างเขาเล่นยามเหงา

“เออ! แกโชคดีที่วันนี้ฉันรีบ ไม่งั้นพ่อจับย่างสุกไปแล้ว ไอ้ตัวแสบ” กล่าวคาดโทษก่อนจะปิดประตูห้องดังปัง

+++++++++++++++++++++++++++++++

“ธณัติ มาสายนะวันนี้ เกิดเรื่องใหญ่ดันไม่ยอมมาช่วยกันรับหน้าซะนี่!” เสียงหัวหน้าแผนกดังคาดโทษ ช่างเป็นการเริ่มต้นวันที่ไม่ค่อยจะดีเอาซะเลย

“ขอโทษครับ ว่าแต่มีปัญหาอะไรหรือ”

“ก็ไอ้ Y034i ที่นายออกแบบวงจรผลิตออกมาเมื่อเดือนที่แล้วน่ะสิ ทำเรื่องจนได้” โค้ดหมายเลขสินค้าแทนกุญแจไฟฟ้าระบบใช้แถบแม่เหล็กเปิด...เครื่องที่เขา เพิ่งขี้โกงเปิดไปเมื่อคืนนี้นั่นแหละ

“ทำไมล่ะ เปิดไม่ออกหรือไง แล้วช่างเทคนิกแก้ไม่ได้หรือครับ” ตามสายงาน การแก้ปัญหาผลิตภัณฑ์นิรภัยต่างๆมักจะผ่านช่างเทคนิกก่อน เมื่อแก้ไขไม่ได้จึงค่อยแจ้งให้แผนกวางแผนระบบไปแก้ทีหลัง

“เปล่าหรอก มันเปิดดีเกินด้วยซ้ำ ท่านรองเพิ่งโทรมาด่าว่าโดนขโมยงัดห้องเมื่อคืน บอกว่าระบบที่เราออกแบบมันไม่ได้มาตรฐาน” รู้สึกหลังมันร้อนๆหนาวๆแฮะ...ไม่ใช่หรอกมั้ง

“แล้วเป็นยังไงบ้างครับ ต้องไปรีเซ็ตระบบใหม่รึเปล่า”

“ก็นั่นแหละ ท่านอยากคุยกับคนออกแบบโดยตรง ว่าจะเอายังไงต่อไป นายก็ไปคุยซะอย่าให้รอนาน แล้วก็ดูเหมือนจะเดือดสุดๆซะด้วย ถ้าโดนด่ามาก็ก้มหน้าก้มตาขอโทษไปละกัน” หัวหน้าฝ่ายตบบ่าเขาปั้บๆเหมือนอวยพรก่อนเข้าสู่สมรภูมิเลือดยังไงยังงั้น ท่าทางจะซีเวียร์จัดแฮะ งานนี้

ห้องรองกรรมการผู้จัดการอยู่ ชั้นบนสุดของออฟฟิซ ข้างๆกันเป็นห้องท่านกรรมการผู้จัดการใหญ่เจ้าของบริษัทปรีชานิรภัย ที่ตอนนี้ลาพักร้อนรักษามะเร็งลำไส้อยู่ที่ต่างประเทศ ดังนั้นผู้ที่มีอำนาจจัดการสูงสุดตอนนี้จึงเป็นท่านรองที่หัวหน้าพูดถึง

ธนัติรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย ตั้งแต่ทำงานมาเขาไม่เคยเข้าพบพวกผู้บริหารโดยตรงสักที หน้าตายังไม่เคยเห็นด้วยซ้ำ ท่านรองคนนี้เพิ่งเรียนจบโทบริหารมาจากต่างประเทศเมื่อต้นปีที่ผ่านมานี้เอง ด้วยความที่เป็นลูกชายคนเดียวของเจ้าของกิจการ เก้าอี้ผู้บริหารจึงเลื่อนมารองก้นอย่างง่ายดายต่างจากคนระดับล่างอย่างเขา ที่ต้องก้มหน้าทำงานเพิ่มตำแหน่งให้ตัวเองยิกๆ ได้ยินสาวๆในแผนกกรี๊ดกร๊าดถึงมานานแล้วแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมาย ก็ไม่ใช่เรื่องของเขานี่นา...

ลิฟท์เปิดที่ชั้นบนสุดของตึก เลขาหน้าห้อง สาวสวยหุ่นเซ็กซี่ในชุดพนักงานกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ก็ยกมือเป็นสัญญาณให้ คอยอยู่ตรงนั้นก่อน ระหว่างรอเขาก็หันซ้ายหันขวาดูสถานที่ทำงานของบุคคลระดับสูงเป็นบุญตา ประตูห้องบานใหญ่สลักลวดลายดูไฮโซ ข้างกรอบประตูมีป้ายทองเหลืองสักตัวอักษรบอกชื่อและตำแหน่งเป็นภาษาอังกฤษ

…CHAWANAN… โห อะไรจะชื่อโหลขนาดนี้

...CHAIPRECHA… สะบัดหัวแรงๆที่หนึ่ง สงสัยจะหมกมุ่นเรื่องเมื่อคืนจนเห็นภาพหลอนเว้ยเฮ้ย

“ฝ่ายระบบใช่มั้ยคะ ท่านรองรออยู่แล้วค่ะ” เลขาสาวที่วางโทรศัพท์เรียบร้อยแล้วหันมาพูดกับเขา อีกมือก็กดอินเตอร์โฟนแจ้งให้คนข้างในห้องทราบ

มือชื้นเหงื่อเปิดประตูเชื่องช้า เหลือบมองหน้าคนที่กำลังก้มอ่านเอกสารหลังโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้อง

คำสอนของมารดาที่ฝันถึงเมื่อวานดังเบาๆในหู

‘อย่าทำความลำบากให้คนอื่นนะลูก เวรกรรมมันจะตามทัน’ หม่าม้า...ผมขอโทษ

...เวรกรรมมันตามทันแล้วครับ...

+++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ!ตอน3อัพ14.00 6/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 07-04-2008 11:01:05
สนุกๆ  :m4: :m4: :m4: :m4: โดยเฉพาะภาค 2 สนุกมั่กๆ แล้วไงละงานนี้  :m4: :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ!ตอน3อัพ14.00 6/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: สาวตัวกลม ที่ 07-04-2008 20:20:14
มารออ่านภาคต่อไปจ้ะ :o8:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ!ตอน3อัพ14.00 6/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: playCardPlaYBoy ที่ 07-04-2008 21:01:59
 :angry2:เครียดหนัก  :serius2: เน็ตมานเป็นบ้าตั้งแต่เมื่อเช้า เว็งสุดชีวิต :a6: อ่ะๆๆ เอาไป3ตอนเลย  :laugh: ถือว่าขอโทดแล้วกัน
.........................................................
ผมเปล่าโรคจิตนะ! 5


ชายหนุ่มที่เห็นแตกต่างจาก เมื่อคืนค่อนข้างมากทีเดียว ภาพติดตาของผู้ชายกำยำสมส่วนเปลือยท่อนบนทรงผมยุ่งเหยิงถูกลบออกด้วยภาพที่ เห็นต่อหน้าต่อตา ชวนันท์ตอนนี้เป็นผู้บริหารเต็มตัว ผมดำยาวปรกตาถูกจัดทรงเสยขึ้นโชว์หน้าผากมน รูปหน้าคมขาวถูกประดับด้วยแว่นตาไร้กรอบทรงเหลี่ยมทันสมัยปิดบังภาพลักษณ์ ของหนุ่มนักเที่ยวได้เป็นอย่างดี หนวดถูกโกนอย่างประณีตเห็นเพียงไรหนวดบบางเขียวที่คางเท่านั้น แม้จะไม่ได้ใส่สูท แต่เพียงแค่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนรีดเรียบไร้รอยยับกับเนคไทสีน้ำเงินเข้า ชุดกลับทำให้ดูภูมิฐานน่าเชื่อถือ

ชวนันท์นั่งพิงพนักเก้าอี้ ตัวใหญ่ มีสมาธิกับเอกสารในมือจนไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองผู้มาใหม่แม้จะได้รับการแจ้ง จากเลขาหน้าห้องแล้วก็ตาม นั่นทำให้ธณัติเห็นความหวังจะรอดชีวิตได้รำไร ละมือออกจากลูกบิดทองเหลืองกลับหลังหันเตรียมเดินออกจากห้องอย่างเงียบเชียบ ก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อจ๊ะเอ๋กับเลขาสาวที่ถือกองเอกสารเดินตามเข้ามา ด้วยความตกใจทำให้ถอยหลังกลับเข้าห้องไปอีกสามก้าว

สบตากับเลขาสาวได้ก็ส่งสายตาอ้อนวอนขอชีวิต ‘ขอผมออกไปจากห้องนี้ก่อนได้มั้ยก๊าบ’

ดูท่าภาษาตาจะส่งไปไม่ถึงใจ พนักงานสาวสวย ดวงหน้ารูปไข่ล้อมกรอบด้วยผมหยิกเป็นลอนเอียงนิดๆอย่างงงๆ ริมฝีปากอิ่มเคลือบด้วยลิปสติกบางเบาเผยอออกทำท่าจะถาม

‘ชู่ว์ว์...’ ในเมื่อมันยากนักใช้ยูนิเวอร์แซลซิกแนลก็ได้ฟะ ธณัติชูนิ้วชี้บังปากตัวเองไว้แยกเขี้ยวยิงฟันร้องชู่ว์แบบไร้เสียง หน้าตาตอนนี้เหมาะกับบทฆาตรกรข่มขู่ตัวประกันมาก รองเท้าส้นสูงของพนักงานสาวก้าวถอยหลังกระทบพื้นหินอ่อนดังก๊อกเบาๆ

“แอน มีอะไรรึเปล่า” เสียงที่ดังมาจากในห้องแปรเปลี่ยนเป็นกระแสประสาทกระตุ้นระบบซิทพาเธติกของ ธณัติให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ม่านตาขยายกว้าง ชีพจรเต้นแรง เหงื่อกาฬผุดพรายทั้งๆอากาศในสำนักงานเย็นเฉียบ

ด้วยใบหน้าอันน่าสะพรึงกลัวของธณัติรึเปล่าก็ไม่รู้ ทำให้เลขาสาวนามแอน ได้แต่อ้าปากค้าง ไร้เสียงตอบคำถามของเจ้านาย

“แอน?” คาดว่าชวนันท์คงจะสงสัยว่าทำไมไม่ยอมตอบซักที จึงเงยหน้าขึ้นจากเอกสารที่อ่านอยู่ได้ “นั่นใคร... แผนกวางแผนระบบรึเปล่า?” เสียงห้วนเข้มสไตล์เจ้านายสอบถามลูกน้องยิ่งทำให้ธณัติอยากจะหายตัววาล์ปหนี ไปดาวอังคารได้ในเดี๋ยวนั้น

ไม่มีคำตอบใดๆ ทำให้อารมณ์กรุ่นของชวนันท์เพิ่มดีกรี “นายตรงนั้นน่ะ แผนกระบบรึเปล่า หันหน้ามา”

แม่เจ้า ขนาดนอนตกหมอนยังไม่รู้สึกว่าคอมันแข็งเท่าตอนนี้เลย ธณัติค่อยๆหันหน้าไปทางท่านรอง

ทันทีที่สายตาสบกัน ฝ่ายชวนันท์เหมือนจะยังตั้งตัวไม่ติด ถอดแว่นยืนขึ้นจากเก้าอี้เพ่งมองอีกฝ่ายจนแน่ใจว่าใช่ มือที่วางนาบเหนือเอกสารบนโต๊ะกำแน่นจนกระดาษยับเป็นก้อน เค่นเสียงลอดไรฟันเบาๆ “...น...า...ย...”

ราชสีห์มันกางเล็บอยู่ข้าง หน้าแล้วจะให้กระต่ายน้อยบังอาจเผยอตัวลุกขึ้นสู้ได้ยังไงล่ะครับ งานนี้มันต้องหนีตายก่อน ตายดาบหน้าก็ยังดีกว่าตายดาบนี้ล่ะวะ ธณัติหันตัวเผชิญหน้ากับท่านรองอย่างกล้าหาญสมชายชาตรี ศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสีน้ำตาลเข้มก้มลงไวๆ สองมือพนมเป็นรูปดอกบัว พร้อมกล่าวประโยคนุ่มละมุนราวกับพิธีกรสาธิตเครื่องช่วยชีวิตบนเครื่องการ บินไทย “สวัสดีครับท่านรอง ผมแผนกวางแผนระบบครับ เพิ่งนึกได้ว่ามีงานสำคัญค้างอยู่ ขอตัวนะครับ สวัสดีครับ” คำลาสุดท้ายเป็นสัญญาณให้ออกวิ่งสู้ฟัด สองขาไม่รอช้าก้าวกลับหลังหันตีวงโค้งหลอกล่ออ้อมลอดระหว่างเลขากับกรอบ ประตูไปได้อย่างสวยงาม

เสียงที่ได้ยินตามหลังแทนที่จะเป็นเสียงเฮเวลาผีแดงยิงประตู กลับกลายเป็นเสียงเหี้ยมบาดจิตจนเลือดซิบ “แอน! จับไว้!”

เสียงต่อมาคือเสียงกระดาษกองใหญ่ที่เลขาสาวออบอุ้มมาตกลงกระทบพื้น ตามด้วยเสียงรองเท้าส้นสูงกระแทกหินอ่อนวิ่งไล่หลังตามมา

อะฮ้า เรียกผู้หญิงมาไล่จับเขา มันจะดูถูกกันเกินไปแล้ว! ถึงจะล่ำน้อยกว่าแต่ก็มีวิชานะเฟ้ย~ ธณัติวิ่งไปถึงหน้าลิฟท์ กดปุ่มเรียกได้ก็หันมารับมือสาวสวย สองมือกางออกระดับอกเตรียมเข้าคลุกวงใน ใบหน้าสุภาพบุรุษส่งภาษาใจบอกว่า อย่าเข้ามานะครับ ผมไม่อยากทำร้ายผู้หญิง

“แอ้ก!!” ภาษาใจท่าทางจะใช้กับหญิงสาวคนนี้ไม่ได้ผล ยังไม่ทันได้ออกแรง หลังเท้าขาวๆงามๆก็ประเคนใส่หน้าจนต้องร้องเสียงหลง คิดไม่ถึงจริงๆ ทั้งส้นเข็มสูงปรี๊ด ทั้งกระโปรงรัดติ้วหนือเข่า แม่เจ้ายกเท้าร่ายกระบวนท่าจระเข้ฟาดหางได้ยังไงฟะ คิดอย่างมึนๆ ลานสายตามีอลังการดาวล้านดวงลอยวนไปมาก่อนที่ทุกอย่างจะดำมืด...


++++++++++++++++++++++++++++++++++++


“ธณัติ ฝ่ายวางแผนระบบฯ ผลงานที่ผ่านมา ผู้ออกแบบระบบล็อคโดยสัญญาณแถบแม่เหล็ก โมเดล Y034i ผู้ดัดแปลงแก้ไขระบบสัญญาณกันขโมย โมเดล…” เสียงรางๆในสติเลือนๆเรียกธณัติให้ตื่นขึ้นจากนิทราอันแสนสุข ใครกำลังอ่านประวัติเขาอยู่?

“จบปริญญาตรีจากคณะวิศวกรรม ศาสตร์แผนกคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัย...” เสียงห้าวเข้มพูดเรื่อยๆชวนให้เคลิบเคลิ้ม...อยากรู้จริงๆว่าผู้พูดจะหน้าตา หล่อเหลาเหมือนเสียงที่ได้ยินรึเปล่า...เปลือกตาบางค่อยๆลืมขึ้น ทันทีที่แสงจ้าสาดเข้าตาก็ต้องกระพริบถี่ๆ มองทางต้นเสียงเห็นเพียงภาพรางเลือน ร่างสูงมัวๆเงยหน้าขึ้นจากกระดาษในมือก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ โฟกัสค่อยๆชัดขึ้น...ชัดขึ้น…

“ตื่นแล้วเหรอ?” แย้กก!! หน้าตาใหญ่เบ้อเร่อ!!

“จ๊ากกกกก!!!!” ทันทีที่สติกลับมาสู่ปัจจุบัน ภาพที่เห็นชัดเจนทำให้ต้องตะโกนสุดหลอดเสียง ใบหน้าของชวนันท์อยู่ห่างจากเขาเพียงแค่ไม้บรรทัดกั้น ด้วยเสียงดังสนั่นจนลิ้นไก่สั่นไหว ทำให้ร่างสูงตกใจจนสะดุ้งถอยหลัง

“ร้องบ้าอะไร เงียบเดี๋ยวนี้!” ชวนันท์ไม่ได้ตะคอกสั่งอะไรทั้งนั้น แค่พูดเย็นๆเนิบๆก็ทำให้ปากที่อ้ากว้างหุบกั๊บลงได้อย่างง่ายดาย

“คุณ...ผม...โว้ย!...ผมมา อยู่ที่นี่ได้ยังไง บอกแล้วไงว่ามีงานยุ่ง ขอตัวครับ!”  เล่นลูกไม้เดิม งานยุ่งทั้งปี ลุกขึ้นยืนเตรียมจรลีลาไกล...มันก็ยืนขึ้นอยู่หรอก แต่ไหงเก้าอี้มันลอยติดตามตัวมาด้วยฟะ!! รู้สึกเหมือนถูกอะไรซักอย่างรัดแน่นอยู่ที่ข้อมือทั้งสองในท่าไขว้หลัง เมื่อหันไปมอง...

“ทำบ้าอะไรเนี่ย มัดไว้ทำไมฟะ ไอ้โรคจิต!!” เข็มขัดหนังคุ้นตา ซึ่งมาจากไหนไม่ได้นอกจากเข็มขัดที่คาดกางเกงเขาอยู่ทุกวี่ทุกวัน ตอนนี้มันมีหน้าที่ใหม่แล้ว น่าดีใจแทนคนคิดค้นเข็มขัดสารพัดประโยชน์จริงๆ

“นี่เป็นคำที่เธอใช้พูดกับเจ้านายหรือไง?”

“ขอโทษครับ...อย่าคิดว่าจะ พูดนะเฟ้ย! ปล่อยเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นพรุ่งนี้คอมพิวเตอร์ทั้งบริษัทได้มีสกรีนเซฟเวอร์เป็นรูปคิต... อุ้บ!!” พูดไม่ทันจบก็โดนผ้าเช็ดหน้าขยำเป็นก้อนกลมๆยัดปากจนตาเหลือก ไอ้หมอนี่มันฆาตรกรซาดิสม์ชัวร์!

“ธณัติ ฝ่ายวางแผนระบบ...” เออ กรูรู้ ความจำไม่ได้เสื่อม

“เดือนที่ผ่านมาทำโอทีทุกวันเลยนี่นา…” เฮ้ย! แอบอ่านข้อมูลคนอื่นแบบนี้มันละเมิดสิทธิส่วนบุคคลนะครับ

“ลำบากเรื่องเงินจนต้องยกเค้าห้องเจ้านายตัวเองเลยเหรอ...” เปล่าซักหน่อย หยิบแค่กางเกงใน ไม่ได้หยิบเงินเฟ้ย!

“แล้วอย่างนี้ ...ถ้าถูกไล่ออก คงจะแย่แน่ๆ” ชวนันท์ทำเสียงสงสาร เหลือบมองธณัติด้วยแววตาเห็นใจสุดชีวิต เรียกให้อารมณ์มันพุ่งจี๊ดจนถ้าไม่มีไอ้ผ้าบ้านี่ยัดอยู่ในปากคงด่าพ่อล่อ แม่เล่นไปถึงต้นตระกูลแล้ว

“อยากจะพูดอะไรรึเปล่า?” หันมาถามพร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจ มือดึงผ้าเช็ดหน้าออกจากปากทิ้งปุบนพื้นพรม

“จะเอายังไงกับผม?” ถามอย่างเกรงๆ จะเล่นอะไรก็เล่นไป อย่ามาเล่นเรื่องซองขาว ยังผ่อนคอนโดไม่ครบเลยครับ ท่านรอง

“นั่นสิ...ในฐานะที่เธอเป็นคนของฉัน ขึ้นโรงขึ้นศาลบริษัทคงเสียความน่าเชื่อถือแย่”

...หมายความว่าจะไม่เอา เรื่องใช่มั้ยครับ?... ดวงตาวิ้งๆมองตามร่างสูงที่เดินกลับโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ท่าเดินหล่อลากกระชากใส้ราวนายแบบหนุ่มจากแบรนด์ดังกำลังเดินแคทวอล์คอยู่ ที่ปารีส ดึงลิ้นชักใต้โต๊ะควานหาของบางอย่างดังกุกกักๆ

“…อย่างนี้ก็คงต้องลงโทษเอง” พูดเสียงนิ่มๆไม่เหมาะกับเจ้ากระบอกปืนขัดมันวาววับสีดำมะเมื่อมในมือเอาซะเลย

“คุณ...อย่างนี้มันผิดกฏหมายนะ!”

“ไม่เห็นเป็นไร ที่เธอทำมันก็ผิดกฏหมายเหมือนกัน เธอยังแกล้งทำเป็นไม่สนได้ ฉันก็ทำได้เหมือนกัน”

“แต่ผมไม่ได้ฆ่าใครซักหน่อย!”

“ก็ใครบอกว่าฉันจะฆ่าเล่า?” ชวนันท์ถามกลับหัวเราะหึ ทำท่าจูบปลายกระบอกปืนเซ็กซี่ ถ้าสาวๆในออฟฟิศได้เห็นคงอ่อนระทวยนอนแผ่เป็นพรมแดงให้เดินเหยียบย่ำได้แน่ๆ แต่เขาไม่ใช่! โดนปืนยิง ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต

“ผมขอโทษครับ” ก้มหน้าขอโทษอย่างหมดทางสู้...จะสู้ได้ไง หม่าม้าสอนไว้ ห้ามเล่นปืนผาหน้าไม้...

“หืม?” ชวนันท์หมุนปืนเล่นติ้วๆเหมือนในหนังคาวบอย เอียงหูทำท่ากรูไม่ได้ยิน

“ผมขอโทษครับ!” กัดฟันพูดให้ดังกว่าเดิม ในใจกรีดเลือดสลักบัญชีหนังหมา อย่าให้กรูมีโอกาสเชียว ฮึ่ม! แง่ง!

“หึ! ดี... ถ้าอย่างนั้นก็...” สะดุ้งเฮือกเมื่อมือหนาลากไล้ล้วงกางเกงของเขาเอื่อยๆ แต่ด้วยปืนที่จ่อขมับอยู่ทำให้ไม่สามารถออกเสียงทัดทานได้ สัมผัสด้านๆของฝ่ามือลากผ่านขอบกางเกงในล้วงจากด้านหลังค่อยๆไต่ไล่ไปทาง ด้านหน้า ร่างบางหลับตาสะกดกลั้นอารมณ์อย่างยากลำบาก แต่ยิ่งหลับตาดูเหมือนประสาทรับรู้จะถูกโอนถ่ายไปทำงานที่จุดรวมความรู้สึก จนหมด

มือแกร่งเฉียดผ่านแก่นกายของ เขาเพียงนิดเดียว ลากผ่านไปมาเหมือนจะยั่วยุให้ร้องขอ ธณัติกลืนน้ำลายลงคอแห้งผากอย่างฝืดฝืน ส่วนกลางลำตัวถูกกำหมับจนแข็งสู้ ความร้อนแผ่ซ่านเกินจะทานทน ริมฝีปากบางเปิดถอนหายใจหนักๆ เหมือนเป็นสัญญาณให้มือที่กอบกุมอยู่รูดขึ้นลงหนักหน่วง

“อ...อืมมม” ไม่นานธณัติก็หมดความอดทน ร้องครางอย่างสุขสมเบาๆในลำคอ เป็นช่วงจังหวะเดียวกับที่มือใหญ่หลุบหายออกจากพื้นที่ส่วนตัวไป ทิ้งไว้เพียงสัมผัสเย็นๆของอากาศภายนอก งงงวยจนต้องเปิดตามอง

ภาพที่เห็นทำให้เดือดจนแทบจะ ระเบิดตัวเอง ชวนันท์ยืนทอดหุยมองหน้าเขายิ้มๆ มือหนึ่งโชว์บัตรแข็งสองใบที่เพิ่งยึดได้จากกระเป๋ากางเกงของเขา “ขอบัตรประชาชนฉันคืนแล้วกัน แล้วก็...ค่ายืม 1 คืนเอาเป็นบัตรประชาชนของนาย โอเคมั้ย?”

“กรอด” กัดฟันโมโห มือที่ถูกมัดไขว้ไปข้างหลังกำแน่นจนสั่นริกๆ

“แล้วก็...” ชายหนุ่มหยุดควงปืนเล่น ปลดเซฟเสียงดังกริ๊กรวดเร็ว เรียกเหงื่อให้หยดติ๋งๆ

“เรื่องที่กุญแจหน้าห้องฉันถูกไข...” ทำท่าเล็งลำกล้องทั้งๆที่ปากยังพูดกับเขาอย่างนุ่มนวล นิ้วชี้ที่ค้างอยู่ที่ไกออกแรงดึงช้าๆ

“อ้ากกกกกกก!!!!” เสียงลั่นไกดังกริ๊กเรียกเสียงร้องโหยหวนดังลั่นสอดประสาน ก่อนที่ห้องจะกลับไปเงียบดังเดิม ธณัติค่อยๆลืมตาขึ้นดู หวังจะได้เห็นสวนดอกไม่คั่นด้วยแม้น้ำใสสะท้อนแสงอาทิตย์ มีอากงที่เพิ่งทำพิธิไปปีที่แล้วโบกมือเรียกหยอยๆ

...

...

สิ่งที่เห็นกลับเป็นเพียงเปลวไฟดวงเล็กจากปากกระบอกปืน กับร่างสูงคาบบุหรี่พ่นควันขาวลอยวนเป็นสาย

“...” สัพเพสัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข็ เกิดแก่เจ็บต...

ชวนันท์ถามยิ้มๆ  “ร้องทำไม?”

...ตายซะเถอะเมิง!!...

“พอใจรึยังล่ะ ปล่อยผมไปทำงานได้รึยังครับ คุณเจ้านาย” คำพูดสุภาพไม่เข้ากับน้ำเสียงแดกดันเอาเสียเลย

“ฉันยังไม่ทันคุยเรื่องงาน กับเธอเลย ธณัติ ฝ่ายวางแผนระบบ เมื่อคืนนี้กุญแจที่เธอออกแบบถูกขโมยไขเข้าห้องไปได้ เธอจะรับผิดชอบยังไง” ยังไม่จบอีกหรือฟะเนี่ย!

“โอเคครับ ระบบที่ผมวาง ผ่านการทดสอบเรียบร้อยแล้ว ได้มาตรฐาน ได้รับการยอมรับจากต่างประเทศ คงไม่มีใครไขได้ถ้าไม่ใช่เจ้าของการ์ด หรือตัวผมเอง”

“แล้วยังไงล่ะ?”

“ผมสัญญาว่าจะไม่ย่างกราย เข้าไปในห้องของคุณอีกแน่นอน ดังนั้นวางใจได้เลย ไม่มีใครไขกุญแจเข้าไปในห้องคุณได้อีกแน่นอน” น้ำเสียงนักธุรกิจ ตัวเองฟังแล้วยังอยากโทรสั่งซื้อกุญแจไปติดที่หน้าห้องซะเดี๋ยวนี้เลย พับเผ่ย

“แต่ฉันไม่ค่อยจะแน่ใจซะแล้ว...เกิดวันดีคืนดีมีโรคจิตที่ไหนก็ไม่รู้เข้ามาขโมยของในห้องฉันอีกเล่า เสียชื่อผลิตภัณฑ์หมด”

“แล้วคุณต้องการอะไรเล่า!” ถามกลับอย่างเหลืออด จ้องชวนันท์ที่ยืนเก๊กทำหน้ายิ้มๆเขม็ง

“นั่นสินะ...งั้น...”

“...ขอยามเฝ้าบ้าน 1 คน...ถ้าจะให้ดี” ร่างสูงโค้งตัวจนอยู่ระดับสายตาเดียวกับธณัติ มือหนึ่งล้วงกระเป๋ากางเกง อีกมือคีบบุหรี่ออกจากปาก

“...ขอแบบทำตำแหน่งพ่อบ้านควบด้วยนะ” ว่าพลางพ่นควันบุหรี่ปุ๋ยๆ

+++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ!ตอน5-6-7อัพ21.00 7/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: playCardPlaYBoy ที่ 07-04-2008 21:03:38
ผมเปล่าโรคจิตนะ! 6


แป๊ก

เสียงกดสวิตซ์ไฟดังขึ้นใน ห้องโล่งกว้างของคอนโดหรู ไฟสีขาวสว่างนวลตาทำให้เห็นรายละเอียดการจัดแต่งอย่างมีสไตล์ของเจ้าของห้อง บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นบุหรี่ยี่ห้อที่ชายหนุ่มสูบเมื่อกลางวัน...ทำไมเขา ไม่ได้สังเกตกลิ่นนี้ตั้งแต่ที่เข้าห้องมาวันนั้นนะ

...ไม่คิดว่าจะต้องมาเหยียบที่นี่อีกเป็นครั้งที่สองเลย…มองการ์ดกุญแจที่พลิกเล่นในมือขวาแล้วถอนหายใจ...

ชวนันท์คิดยังไงนะ ถึงให้การ์ดกับคนที่เคยบุกรุกห้องเขา

...อีกเรื่องที่คิดไม่ถึง...ทำไมคนจบปริญญาตรีวิศวะมีเงินเดือนหลักหมื่นอย่างเขา ต้องมาทำงานพ่อบ้านด้วยฟะ!!...

ธณัติถอดรองเท้าเก็บยังชั้น วางรองเท้าหน้าประตูห้อง สำรวจที่วางของต่างๆคร่าวๆ ท่าทางห้องนี้ก็สะอาดสะอ้านดี แต่น่าจะไม่มีแม่บ้าน ไม่งั้นคงไม่สั่งให้เขามาทำงานนี้หรอก ชายหนุ่มคงจะทำความสะอาดห้องเองมาตลอด...

งานของเขาที่ได้รับมอบหมาย คือ การมาที่ห้องนี้หลังจากทำงานโอทีเสร็จ ซึ่งก็เป็นเวลาสองทุ่มกว่าแล้ว ลงมือทำความสะอาดห้อง จัดเสื้อที่ใส่แล้วในตะกร้าเตรียมส่งซัก ซักผ้าที่ต้องซักเองอย่างพวกเนคไท ถุงเท้า ...กางเกงใน!!...

ทำไมเขาต้องมาซักกางเกงในให้ผู้ชายด้วยเนี่ย!!!

คิดไปก็ลากเครื่องดูดฝุ่นไป งานทำความสะอาด จะว่าไปก็ไม่ยากเท่าไหร่ ห้องที่เขาอยู่ตอนนี้ เขาก็เป็นคนทำเองมาตลอดอยู่แล้ว ขนาดห้องก็ไม่ต่างกันมากนัก ใช้เวลาเพียงไม่นานก็ทำเสร็จ  งานต่อไปก็...ซักผ้า

...

...

นี่มัน... มือผอมที่ถือบ็อกเซอร์แผ่หราด้านหน้าตัวเองสั่นนิดๆจากการกลั้นหัวเราะ

นี่ล่ะมั้ง เหตุผลที่ไม่จ้างแม่บ้าน…

กางเกงในในตระกร้ามีอยู่ห้าตัว ทั้งหมดมีลวดลายน่ารักน่าเอ็นดูไม่ซ้ำแบบ

“ขบวนการห้าสี ฮ่าๆๆ ก๊ากกกก!!!” ธณัติอดตะโกนปนหัวเราะออกมาไม่ได้ ก็กางเกงในนี่มันห้าสีไม่ซ้ำกันเลย เรด กรีน บลู เยลโล่ พิงค์ ครบก๊วนฮีโร่พอดี ชวนันท์ไปหาซื้อมาจากที่ไหนกันนะเนี่ย แถมลายยังเป็นดาราสัตว์สังกัดซานรีโอ®ทั้งหมดอีกต่างหาก เขาเลือกหยิบเจ้าคิตตี้น้อยสีชมพูก่อน ขยี้ในกะละมังใส่น้ำผสมผงซักฟอกอย่างมันมือ ปากก็ไม่อยู่สุข ฮัมเพลงไปพูดกับตัวเองไปอย่างเพลิดเพลิน

“สงสัยจะมีเพื่อนเป็นลูกเจ้าของซานรีโอ®แฮะ”

หมับ!

มือสากหนาวางลงบนหัวเขาพอดิบ พอดี นี่ถ้าออกแรงบีบอีกนิด มื้อค่ำคงได้กินต้มแซ่บสมองธณัติแล้ว ธณัติหยุดหัวเราะแบบแผ่นเสียงตกร่องกะทันหัน ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมอง เพิ่งสังเกตว่าบริเวณพื้นห้องน้ำที่เขานั่งอยู่ถูกร่างสูงใหญ่บังแสงจนเป็น เงากว้าง ฝืนยิ้มการค้าเต็มที่ทั้งๆที่ข้างในเหงื่อออกจนแฉะ

“ก...กลับมาแล้วเหรอครับ” เหลือบมองพบหน้าหล่อๆบอกบุญไม่รับกำลังจ้องเขาเขม็ง…ไม่น่าปากมากเลยตู

“...ช้า”

“หา???”

“ฉันบอกว่าช้า ยังไม่ได้ทำข้าวอีกเหรอ คิดจะให้ฉันกินข้าวกี่โมงกัน”

“ก็ไม่เห็นบอกนี่ครับ ว่าจะกลับมากี่โมง ผมก็ทำงานบ้านให้เสร็จก่อน ทำอาหารเสร็จจะได้กลับเลย” สั่งช้างไม่ให้ขี้ คงง่ายกว่าสั่งธณัติไม่ให้เถียง

มือใหญ่ย้ายจากหัวทุยไปจับ ที่แขนแทน ดึงธณัติให้ลุกขึ้นอย่างเร็ว “ล้างมือซะ แล้วไปทำข้าวก่อน” กล่าวจบก็เดินหนีออกจากห้องน้ำไปโดยไม่รอฟังคำตอบ ทิ้งให้ร่างผอมจ้องอากาศตาเขียวปั้ดอยู่คนเดียว


+++++++++++++++++++++++++++


‘เอาล่ะวะ!’ หลังจากเตรียมอุปกรณ์เครื่องครัว เนื้อ ผัก ไข่ได้ ธณัติในชุดผ้ากันเปื้อนลายเพนกวินอดนอน...แบ๊ด แบ๊ดซ์มารู ก็หักนิ้วดังกรอบแกรบ ท่าทางเอาจริงเอาจังกับการแสดงพรสวรรค์ สุดยอดการปรุงอาหารที่เหนือกว่าอากิยามะ จางอยู่สามขั้น หันหยิบหม้อใบเขื่องเทน้ำใส่ตั้งเตาต้มอย่างว่องไว หันเหความสนใจมาหั่นเนื้อหมูโดยเร็ว ผักสดกรอบถูกล้างน้ำอย่างชำนิชำนาญ ไข่ไก่ทั้งฟองถูกตอกลงหม้อทันทีที่น้ำเดือด...

...

...

“นี่หมายความว่ายังไง?” ชวนันท์จ้องชามก๋วยเตี๋ยวส่งควันฉุยที่ตั้งอยู่ด้านหน้า ก่อนจะเงยหน้าขึ้นถามยอดกุ๊กแดนมังกือที่ยืนถือถาดเสิร์ฟอาหารอยู่ข้างๆ

“ก็...มาม่าไงครับ อ๊ะๆ อย่าเพิ่งดูถูกนา มันมีสารอาหารครบห้าหมู่แน่นอน ดูจากเนื้อหมูกับผักนั่น ไม่ต้องกลัวจะขาดสารอาหารหรอกครับ” พูดอย่างภูมิใจในฝีมือตัวเองเต็มที่ มือหนึ่งถือถาด อีกมือม้วนปลายสายผูกผ้ากันเปื้อนเล่น

“ฉันให้เธอมาเป็นพ่อบ้าน! มีพ่อบ้านที่ไหนทำมาม่าให้เจ้านายกินกัน!” ว่าอย่างโมโหจัด เมื่อคืนก็นอนไม่พอ วันนี้ทำโอทีถึงสามทุ่มก็เหนื่อยพอแล้ว หวังจะได้กินอาหารดีๆซักมื้อ กลับมีมาม่าวางแน่นิ่งรอให้ลิ้มรสอยู่ซะงั้น

“ของในตู้เย็นฉันก็ซื้อมาไว้ เยอะแยะ ไม่คิดจะทำอะไรที่มันสร้างสรรค์กว่ามาม่าหรือยังไงเฮอะ!!” เสียงตวาดยาวเหยียดทำให้ธณัติหน้าจืดสนิท

“ก็...ทั้งชีวิตทำเป็นแต่มา ม่านี่นา” เอ่ยเบาๆเหมือนเด็กกลัวความผิด ก้มหน้าเหลือบตาขึ้นแอบมองว่าส้นเท้าหนาๆจะพุ่งมาถึงตัวเมื่อไหร่

ชวนันท์ลุกจากเก้าอี้พรึ่บ เร็วจนเก้าอี้เลื่อนไปข้างหลังเกือบหงายล้ม ย่ำพื้นพรมเดินเข้าใส่ธณัติที่ถอยหลังแถ่ดๆ จับต้นแขนได้ก็ลากเข้าครัว

“ฉันจะทำให้ดู ว่าสิ่งที่เรียกว่าอาหารมันเป็นยังไง!” ปลดกระดุมเสื้อเม็ดบน พับเสื้อแขนยาวขึ้นมาถึงข้อศอก เปิดตู้เย็นค้นวัตถุดิบออกมากองที่เคาน์เตอร์อย่างชำนาญ ก่อนจะกระตุกสายผ้ากันเปื้อนบนตัวธณัติออกมาใส่ให้ตัวเอง

...

...

แกงจืดฟักน่องไก่น้ำใสควัน ฉุย ผักสดน่าทานผัดกับกุ้งแชบ๊วยเหยาะน้ำมันหอยสีแววาว ไข่ดาวที่ดาวจากแม่พิมพ์เหล็กรูปแมวน้อยดูน่ารักน่าทาน  ทั้งหมดนี้ตั้งอยู่บนโต๊ะตัวใหญ่ ระหว่างธณัติกับชวนันท์

“โห...” ธณัติมองตาโต ไม่ได้กินอาหารดีๆอย่างนี้มานานเป็นเดือนแล้ว ไปทำงานก็กินแต่มาม่าถ้วย กลับบ้านก็กินมาม่าต้มใส่ผักกับไข่ ตอนเข้าก็กินแต่...มาม่าต้ม เพิ่งรู้สึกว่าชีวิตมันมีแต่ผงชูรสก็คราวนี้

“ลองกินดูซะ แล้วก็หัดทำให้ได้อย่างนี้ด้วย” ชวนันท์นั่งกอดอกพิงพนักเก้าอี้มองเด็กโช่งนั่งน้ำลายไหล นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มมองเขากลับอย่างไม่แน่ใจ

“ให้ผมทานร่วมโต๊ะด้วยเหรอครับ?”

ร่างสูงถอนหายใจ “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอต้องกลับมาทำอาหารเย็นให้เสร็จก่อนฉันกลับมา...สำหรับสองที่...ฉันกับเธอ …เข้าใจแล้วก็กินซะ”

เขาไม่เข้าใจความคิดของชวนันท์จริงๆ คิดยังไงให้พ่อบ้านนั่งร่วมโต๊ะนะ? ตักผัดผักราดข้าวป้อนเข้าปากพอดีคำ

“อร่อย!!” อร่อยกว่ามาม่าอีกแฮะ ว่าแล้วก็สวาปามอาหารตรงหน้าอย่างรวดเร็ว อีกฝ่ายค่อยหยิบช้อนส้อมตักอาหารเข้าปากเอื่อยๆนับน์ตาดำมืดจับจ้องชายหนุ่ม หน้าขาวซีดกำลังทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย





“ตอนแรกที่บอกว่าเข้าห้องผิด หมายความว่ายังไง” ชวนันท์ยิงคำถามที่ทำให้มือขาวซีดหยุดชะงัก ถือช้อนค้างไว้ก่อนเข้าปาก

ธณัติวางช้อนกลับบนจาน นั่งเรียบเรียงอยู่นาน “ห้องที่ผมจะเข้า เป็นห้องข้างล่างนี้” นิ้วชี้ชี้ลงพื้นห้อง “ห้องของคนที่ผม...แอบชอบ…ก็แค่นั้น” ข้าวในจานถูกกวาดไว้ที่มุมหนึ่ง ช้อนส้อมรวบคู่ไว้กลางจานอย่างเรียบร้อย มือขาวยกพนมระดับอกสวยงาม “อิ่มแล้วครับ”

ธณัติเงยหน้าขึ้นมองชวนันท์ ที่กำลังจ้องเขาอย่างงงๆในท่าทาง ปากบางยิ้มกว้าง “แม่ผมสอนให้ไหว้พระแม่โพสภหลังกินข้าวเสร็จตั้งแต่เด็กๆแล้วน่ะครับ มันเลยติดมาจนโต”

เหมือนร่างผอมจะไม่ต้องการพูดเรื่องที่ผ่านมาอีก ชายหนุ่มจึงไม่ได้ซักไซร้อะไรต่อ ได้แต่นั่งกินข้าวต่อไปเรื่อยๆจนอิ่ม


++++++++++++++++++++++++++


‘นึกถึงเทวดาน้อยขึ้นมาจนได้’ ธณัติถอนหายใจเหนื่อยล้า มือขย้ำฟองน้ำถูหม้อใบใหญ่จนเกิดฟองฟ่อดๆ

คิดไปก็ปวดใจ เทวดาน้อยที่เขาไม่มีวันได้มาครอบครอง ดูจากรอยยิ้มอ่อนโยนมีความสุขยามยิ้มให้เจ้าหนุ่มนั่นก็รู้แล้ว ในใจของเด็กหนุ่มคงเต็มไปด้วยคู่รักของตนอย่างไม่มีใครมาแทรกกลางได้

‘ทั้งๆที่คิดจะตัดใจแล้ว นะ...’ ตามองจานที่เคลือบไปด้วยฟองน้ำยาถูกน้ำสะอาดพัดพาไปจนเห็นเนื้อแก้วใสสะอาด ใจไพล่คิดถึงภาพที่ได้เห็นผ่านกล้องส่องทางไกล ผิวขาวผ่องเรืองรองในความมืด ผมสีดำนุ่มสลวย พวงแก้มเรื่อสีแดงอยู่เป็นนิจ ปากอิ่มแดง ช่วงคอระหง ลาดไหล่มนขาวนวล...

“ล้างจานเสร็จก็ไปอาบน้ำได้ แล้ว” เสียงทุ้มห้าวดังอยู่ด้านหลังทำให้สะดุ้งเฮือกปล่อยจากใสกระทบอ่างล้างจาน ดับเคร้ง...โชคดีที่ไม่แตก...ธณัติหันไปมองต้นเสียง

เป็นชวนันท์ในสภาพที่เห็น เมื่อคืนไม่ผิดเพี้ยน ผมดำสนิทที่ถูกเสยขึ้นเมื่อเช้า บัดนี้เปียกน้ำลู่ลงบังหน้าผาก มีหยดน้ำเกาะพราว ลาดไหล่หนาพาดผ้าขนหนูลายการ์ตูนไว้หมิ่นเหม่ ช่วงอกแน่นตึงเปลือยเปล่าอย่างไม่ขัดเขิน ทั้งเนื้อทั้งตัวใส่เพียงกางเกงนอนตัวเดียวเท่านั้น  กลิ่นสบู่ถูกเร่งให้กรุ่นแรงจากไอน้ำร้อนที่แผ่ออกมาจากร่างกาย ธณัติมองอยู่นานกว่าจะตั้งตัวติด หน้าขาวซีดซับสีแดงจางๆก้มหน้าต่ำไม่สบตา

“ผม...ไม่คิดว่าจะค้าง ห้องผมอยู่ใกล้ๆนี้เอง”

“ลืมหน้าที่ยามเฝ้าบ้านไปแล้วหรือไง?”

“แต่ว่าผม...”

“อย่าขัดใจฉัน บอกให้ค้างก็ต้องค้าง”

“แต่ผมไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยน”

ชวนันท์ถอนหายใจทำหน้าเซ็ง “...ก็ใส่ชุดนอนของฉันซะสิ”

“!!!”

“ไปอาบได้แล้ว พรุ่งนี้ยังต้องไปทำงานแต่เช้า อย่ามามัวเรื่องมาก”

“...ครับ” พรุ่งนี้ค่อยแวะไปให้อาหารเจมส์ตอนเช้าก็ได้...

++++++++++++++++++++++

แล้วจะให้เขานอนที่ไหนล่ะ?

ธณัติในเสื้อนอนตัวใหญ่หลวม โพรก ปลายเสื้อยาวเกือบถึงหัวเข่า กางเกงขายาวพับขาทบแล้วทบเล่าจนเป็นตุ้มถ่วงน้ำหนักที่ข้อเท้าเดินออกจาก ห้องน้ำ มองชวนันท์ที่นอนอ่านหนังสือบนเตียงหลังใหญ่ ห้องทั้งห้องรับแสงสว่างจากโคมไฟสีส้มนวลข้างเตียงขับบรรยากาศให้ดูโรแมนติก เหลือเกิน

คงจะต้องนอนที่โซฟาห้องรับแขก...

คิดพลางก้าวเบาๆไปทางประตูห้องเพื่อเปิดออกจากห้องนอนไปห้องรับแขก

“ธณัติ...” เสียงเรียกหยุดการเดินย่องๆไว้ ธณัติหันหน้ากลับไปมอง

“มีงานอะไรอีกหรือครับ ท่านรอง” คงไม่ใช่...ลืมไปเลย ว่าเจ้านี่มันเป็นเกย์!!

“มานอนนี่” ชวนันท์เลิกผ้าห่มขึ้น ตบที่นอนข้างตัว

“คุณคงไม่...” ถามเบาอย่างหวาดระแวง

“บอกให้มาก็มา ปิดประตูให้สนิท แล้วเดินมานี่เดี๋ยวนี้”

“แต่ว่า...”

“จะเดินมาเองหรือให้ฉันไปลาก มา?” เสียงโหดๆกับร่างล่ำๆทำท่าจะลุกจากที่นอนดังปากว่าทำให้ธณัติต้องทำตามแต่ โดยดี นิ้วเท้าขาวโผล่พ้นขากางเกงรุ่มร่ามค่อยๆย่องเดินไปยังอีกฟากของเตียงหลัง ใหญ่ นั่งมุมเตียงเพียงครึ่งก้น มองชายหนุ่มอย่างหวาดๆ

ชวนันท์คว้าคอขาวได้ก็จับกด ให้นอนลง ศีรษะจมลงยังหมอนนุ่นใบใหญ่ ละมือจากต้นคอจับผ้าห่มผืนหนาที่ห่มตัวอยู่แบ่งให้ร่างผอมที่นอนอยู่ข้างๆ ห่มนอน

เมื่อเห็นว่าเข้าที่เข้าทางแล้ว มือใหญ่จึงเอื้อมไปปิดโคมไฟหัวเตียง

งงจนนอนไม่หลับ...ธณัติลืมตา โพลงในความมืด...นี่มันอะไรกันเนี่ย เขาไม่เข้าใจความคิดของร่างสูงเลยสักนิด ให้กุญแจห้อง ทำกับข้าวให้กิน แล้วยังให้นอนเตียงเดียวกันโดยไม่ทำอะไรอีก...ไม่เข้าใจเลย...

“ธณัติ...” เสียงแหบห้าวกระซิบอยู่ข้างหูทำให้จิตใจหวั่นไหว

“ครับ?” เสียงเขาคงไม่สั่นหรอกนะ

“ชื่อเล่นชื่ออะไร?” ถามทำไม

“…นัทครับ”

“นัท…ราตรีสวัสดิ์” ไออุ่นข้างกายขยับเข้าใกล้ มือใหญ่สากแนบแก้มเขาไว้เบาๆ รู้สึกถึงสัมผัสอุ่นนุ่มที่หน้าผาก

ชวนันท์จุมพิตหน้าผากของเขาอย่างฉาบฉวย แขนแกร่งเอื้อมรวบตัวเขาไว้ในอ้อมกอด...ก่อนจะจมดิ่งในนิทราอันแสนสุข...


++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ!ตอน5-6-7อัพ21.00 7/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: playCardPlaYBoy ที่ 07-04-2008 21:05:37
ผมเปล่าโรคจิตนะ! 7


ติ๊ก ติ๊ก ติ๊ก

เสียงนาฬิกาเดินเป็นจังหวะสม่ำเสมอดังเบาๆ แสงไฟรางๆจากภายนอกบวกกับพรายน้ำที่เข็มนาฬิกาทำให้รู้ว่าผ่านวันใหม่มาสามชั่วโมงแล้ว

ธณัตินอนตัวแข็ง มีท่อนแขนกำยำตระกองกอดใต้ความอบอุ่นของผ้าห่มผืนเดียวกัน

...เขาควรจะลุกหนีได้แล้ว...

จากท่าทางที่ผ่านมาของชวนัน ท์ ทำให้ไม่สามารถวางใจในสวัสดิภาพลูกผู้ชายของตัวเองได้ พบกันไม่ถึงสิบนาทีก็จูบแบบดีพเพสคิสได้ ทั้งการพยายามกด ทั้งการลวนลามในห้องทำงานนั่นอีก...หมอนี่มันเสือชัดๆ

เงี่ยหูฟังลมหายใจเป็นจังหวะสม่ำเสมอของคนใกล้ตัว...ชวนันท์คงหลับสนิทแล้ว...

มือผอมยกขึ้นพยายามแกะท่อนแขนที่ก่ายตัวออกอย่างเบามือ...ค่อยๆ...ใจเย็นๆ...นั่นแหละ...อีกนิดเดียว...กู้ด~

“อืม...” สะดุ้งเฮือกกับเสียงฮึมฮัมในคอของร่างสูง ท่อนแขนที่เพียรยกพลันตกปั้บลงบนตัวเหมือนดังเดิม ธณัติตั้งสมาธิปฏิบัติโยคะตามที่เคยเรียนมาเมื่อม.ปลาย แขนทั้งสองแนบลำตัว ขาเหยียดตรงแหน๋ว หายใจไม่ให้มดรู้สึก หวังว่าคนข้างกายจะไม่ตื่นขึ้นมาขย้ำเขาไส้ไหลกลางดึกหรอกนะ

ติ๊ก ติ๊ก ติ๊ก

เอาล่ะ...เวลาไม่คอยท่า...นับอีกห้าร้อยติ๊ก ปฏิบัติการหนีจากถ้ำเสือไม่ต้องสนใจลูกเสือจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง!

...หนึ่งติ๊ก...สองติ๊ก...สามติ๊ก...

...สามร้อยห้าสิบสองติ๊ก...สามร้อยห้...

...คร็อกกก...ฟี้...


++++++++++++++++++++++++++++++++


ไอเย็นฉ่ำจนนึกสงสัยว่าเขาปรับแอร์เย็นขนาดนี้เลยเหรอ?
 
สัมผัสอุ่นสบายแนบแก้มเรียกให้ซุกเข้าหาอย่างงัวเงีย รู้สึกถึงความสากร้อนลูบไล้ไปตามส่วนอก จั๊กจี้จนอยากถอยหนี ร่างผอมครางฮือ เปลือกตาปิดสนิทกระตุกน้อยๆอย่างขัดใจ

“นัท...” เสียงห้าวกระซิบอยู่ข้างหู ตามด้วยอะไรบางอย่างเปียกร้อนแนบริมฝีปาก รู้สึกถึงความอุ่นนุ่มกำลังไล้เลียสอดแทรกให้ต้องเปิดปากตักตวงความหอมหวาน ภายในไป ...มันยาวนาน...รู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออก

“ฮ้า...” เหมือนผุ้บุกรุกจะรู้จึงยอมปล่อยให้ปากช้ำเป็นอิสระ แพขนตากระพริบถี่ๆเผยให้เห็นนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มลึกล้ำมองเหม่ออย่างไร้จุด หมายบ่งว่าผู้เป็นเจ้าของคงยังไม่กลับมาจากโลกแห่งความฝัน

มือหนาสอดแทรกเข้าใต้ของ กางเกงยางยืดหลวมโพรก กอบกุมส่วนอ่อนไหวแห่งอารมณ์ไว้ รู้สึกถึงแรงกระตุกเบาบางของร่างข้างใต้ นิ้วทั้งห้าทำหน้าที่กระตุ้นเร้าอย่างชำนาญจนแก่นกายเริ่มแข็งขึง แผ่นอกเปลือยเคลื่อนไหวขึ้นลงแรงขึ้นกว่าเก่า เป็นจังหวะเดียวกับที่ริมฝีปากเผยอออกรับอากาศ

“อือออ...” เสียงแหบพร่าครางในลำคอ แววแห่งชีวิตค่อยๆกลับคืนสู่ดวงตาทีละนิดๆ ใบหน้าขาวซีดเจือสีเลือดแดงจัดลามไปถึงใบหู ร่างสูงไม่รอช้า ขยับแก่นกายในอุ้งมือหนักหน่วงรวดเร็ว ร่างข้างใต้ดูจะรู้สึกตัวเต็มที่แล้ว มือขาวซีดทั้งสองยกขึ้นจิกต้นแขนแกร่งจนเจ็บแปล๊บ แรงอารมณ์พุ่งสูงเกินจะต่อต้าน ธณัติขยับสะโพกตามจังหวะที่ร่างสูงนำพา ร้องครางยาวปลดปล่อยเปื้อนฝ่ามือหนาจนหมดสิ้น

หอบอย่างเหนื่อยอ่อน เหลือบตาจ้องมองชวนันท์ในชุดทำงานเขม็ง กำปั้นกำแน่นก่อนจะยกขึ้นประเคนหวังเรียกเลือดจากมุมปากเจ้าคนถือสิทธิ์

ปึ้ก!

การลงแรงกลับไม่ได้ผลดังคาดหวัง อุ้งมือใหญ่กว่ายกขึ้นรับกำปั้นไว้ได้ทัน รวบข้อมือผอมบางไว้แน่นก่อนแนบริมฝีปากจุมพิตหลังมือเบาบาง

“แก...” ใบหน้าร้อนผ่าว ไม่รู้ว่ามาจากความโกรธหรือเขินอายกันแน่

ชวนันท์ปล่อยมืออีกฝ่ายเป็น อิสระ ยืดตัวตรงยืนมองธณัติอยู่ข้างเตียง สภาพเสื้อนอนหลวมโพรกไม่ติดกระดุมกับเรียวขายาวเปลือยเปล่าทำให้อดยิ้มมุม ปากไม่ได้

“อย่าไปทำงานสายล่ะ...เดี๋ยว จะถูกตัดเงินเดือนเอา” ผลุบออกจากห้องนอนปิดประตูรวดเร็ว หางตาเห็นคู่กรณีตัวสั่นคว้าหมอนนุ่นใบใหญ่ขว้างตามหลังมา ริมฝีปากยกยิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อได้ยินเสียงทึบๆกระแทกบานประตู


++++++++++++++++++++++++++++


“โอ๊ย!! เหนื่อยโว้ย!!!” เสียงตะโกนระบายอารมณ์ดังขึ้นในห้องพักพนักงานที่ไร้ผู้คน ธณัตินั่งอยู่บนโต๊ะทานอาหาร ด้านหน้าบะหมี่ถ้วยราดน้ำร้อนร้อนส่งกลิ่นหอมฉุยวางรอเวลาสามนาที

วันนี้มันวันมหาวิปโยค!

เมื่อเช้ากว่าจะเก็บที่นอน ให้เข้าที่ กลับไปเปลี่ยนชุดทำงานที่ห้อง ให้อาหารเจ้านกขุนทองที่คึกอะไรไม่รู้ ร้องด่าไอ้โง่ ไอ้โง่ซ้ำเติมไม่หยุดปากจนรู้สึกคันไม้คันมืออยากจับหักคอเอาไปทำอาหารเย็น บึ่งมอเตอร์ไซค์ฝ่ารถติดในช่วงเวลาเร่งด่วน กว่าจะมาถึงบริษัทได้ก็ฉิวเฉียดเลยเวลาตอกบัตรพอดิบพอดี นั่งพักได้ไม่เท่าไหร่ ฝ่ายเทคนิกก็ส่งเรื่องให้ออกไปแนะนำระบบกันขโมยรถยนต์ให้ลูกค้าวีไอพีอีกสอง เจ้า ทั้งแดดร้อนจ้า ทั้งไอรถยนต์บนถนนสายหลัก ทำเอาอ่อนเปลี้ยเพลียแรง กว่าจะกลับถึงบริษัทได้ก็เลยเวลาพักมาครึ่งชั่วโมงแล้ว


เข็มวินาทีชี้เลขสิบสองครบ สามรอบพอดีเป๊ะ มือผอมจับถ้วยมาม่าเปิดฝาเตรียมลงมือสวาปาม รสชาดที่กินติดต่อมาเกือบเดือนทำให้รู้สึกเซ็งจิต...เอาน่า! อดทนอีกไม่นาน ก็จะหลุดพ้นวัฏจักรมาม่าได้แล้ว ...อย่างน้อยตอนนี้ มื้อเย็นก็ได้กินอาหารคนซะที... เผลอคิดถึงกับข้าวแสนอร่อยเมื่อเย็นวาน หน้ากวนๆของพ่อครัวจำเป็นก็แวบขึ้นมาในสมองให้หงุดหงิดเล่น

ไอ้เจ้าบ้านั่น!! ฮึ่ม!! โกรธโว้ย!!!! ชีวิตมันอับโชคเพราะเจอผู้ชายคนนี้แหงๆ!

โกรธจัดพ่วงโมโหหิว ถ้วยมาม่าถูกยกขึ้นซดโฮก ลืมไปว่ามันร้อนจัด “เจรี๊ยก!” แลบลิ้นพองๆมือโบกลมอย่างทรมาณ ความหงุดหงิดยิ่งพอกพูน

เพราะแกคนเดียว!!


+++++++++++++++++++++++++++++


ภาพจากกล้องวงจรปิดแสดงชาย หนุ่มผอมสูงท่าทางหงุดหงิดในชีวิตซดมาม่าเดือดจนต้องกระโดดเหย็งเรียกเสียง หัวเราะเบาๆจากท่านรองประทาน ท่าทางป้ำๆเป๋อจนไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ ว่าแก่ปีมากกว่าเขาตั้งสองปี
 
การได้เฝ้ามองธณัติน่ามันสนุกแปลกใหม่จริงๆ หน้าตาหาเรื่องที่ไม่เข้ากับคำพูดนอบน้อม บางทีก็หมดความอดทนเอาซะง่ายๆ เวลาสู้กลับไม่ได้ก็หางลู่หูตกเหมือนหมาน้อยขนยาว เห็นแล้วยิ่งทำให้รู้สึกอย่างแกล้งมากขึ้นไปอีก…


++++++++++++++++++++++++++++++


“ไอ้คุณธณัติโว้ย มีสาวสวยมาหา” เสียงห่ามๆของเพื่อนร่วมงานดังทำลายสมาธิ ชายหนุ่มละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์มองคู่สนทนาอย่างสงสัย

“ใครวะ?”

“ไปดูเองแล้วกัน ไอ้เสือ ...แมร่ง! ไปแอบรู้จักเมื่อไหร่ฟะ น่าอิจฉา~” นั่งฟังมันเพ้อต่อไปคงไม่ได้คำตอบ ธณัติละจากโต๊ะทำงานเดินตรงไปยังห้องรับแขก

ทันทีที่เปิดประตูห้องส่องมองคนข้างใน ในใจก็ร้องคร่ำครวญ...วันนี้มันวันซวยเจรงๆ

พนักงานสาวสวยที่เป็น ท็อปปิกฮ๊อตในวงพนักงานหนุ่ม ดอกฟ้าที่ถ้าเป็นไปได้ก็อยากคว้ามาครอบครอง ถ้าเป็นเมื่อก่อน พณัติคงดีใจจนเนื้อเต้น แต่ตอนนี้แทนที่เนื้อมันจะเต้นดุบดับ กลับกลายเป็นหนังตาขวากระตุกตุ้บตั้บเต้นเป็นจังหวะแทงโก้แทนซะงั้น

เลขาท่านรองนามแอน...คนที่หวดจระเข้ฟาดหางครั้งเดียวส่งเขาไปเฝ้าพระอินทร์ได้นานสองนานนั่นแหละ!

“หวัดดีครับ” ทักทายอย่างเกรงๆ ยืนตัวลีบแทบจะฝังอยู่ในฝ้าผนังห้อง ไม่รู้แม่จะออกลายศิษย์จาพนมแสดงท่าหักงวงไอยรา ช้างกรูอยู่ไหนเมื่อไหร่ ปลอดภัยไว้ก่อนเป็นดี

“สวัสดีค่ะ คุณธณัติ แผนกวางแผนระบบ” ง่า...ไม่ต้องเรียกเต็มยศก็ได้ครับ สยิว

“นี่ค่ะ ท่านรองฝากมาให้” มือขาวตกแต่งเล็บสวยงามยื่นซองเอกสารให้อีกฝ่ายรับไป

“ขอตัวนะคะ” แอนยกยิ้มมุมปาก เดินเฉี่ยวตัวเขาให้ขนลุกซู่เล่น ก่อนออกจากห้องปิดประตู ปล่อยให้ร่างผอมยืนถือซองมองงงๆอยู่คนเดียว

หน้าซองเอกสารมีชื่อเขาเขียนด้วยลายมือหวัดๆ แกะซองออกดูอย่างอยากรู้อยากเห็น...มันด่วนขนาดเอาให้คืนนี้ไม่ได้เชียวหรือ?

ล้วงอย่างระแวงว่าจะมีปีศาจโผล่ออกมารึเปล่า...ก็ไม่...ในซองมีเพียงหนังสือบางๆสองเล่มกับเครดิตการ์ดหนึ่งใบ

“…เสน่ห์ปลายจวัก...กับข้าว ง่ายๆที่จะมัดใจคุณสามีให้อยู่หมัด?...ขนมหวานเติมน้ำตาลระหว่างสองเรา?... อะไรวะเนี่ย???” พลิกไปมากระดาษแผ่นเล็กก็ปลิวตกลงบนพื้นห้อง

ธณัติ ฝ่ายระบบ…

ของขวัญสำหรับพ่อบ้านมือใหม่ เอาไปศึกษาดูซะ
เครดิตการ์ดที่ให้ไป ใช้สำหรับซื้อพวกเครื่องปรุงวัตถุดิบ

ปล. วันนี้ทำโอทีถึงสามทุ่มครึ่ง ทำข้าวให้เสร็จก่อนเวลาด้วย

ชวนันท์

เออแฮะ...เป็นพ่อบ้านนี่มันต้องมัดใจคุณสามีด้วย เพิ่งรู้นะเนี่ย!


+++++++++++++++++++++++++++++++


“ครับ...ครับ...ได้ครับ...” มือควงปากกาเล่นอย่างเบื่อหน่าย มุมปากกัดปลอกปากกาเล่น พูดกรอกโทรศัพท์ไปตามเรื่องตามราว

“ไม่มีปัญหาครับ...ครับผม...สวัสดีครับ” โชคดีที่วางสายได้ ไม่งั้นน้ำมันหมดคงพูดต่อไม่ได้

ธณัติบิดขี้เกียจยาวนาน สะบัดต้นคอลั่นเสียงดับกร๊อบๆ หันมองรอบข้าง...ไฟที่เคยเปิดเต็มที่ตอนกลางวัน บัดนี้เหลืออยู่เพียงดวงสองดวงให้สว่างในจุดที่นั่งทำงานอยู่...พนักงานส่วน ใหญ่กลับกันหมดแล้ว แน่ล่ะ ใครมันจะคึกจัดทำโอทีถึงสองทุ่มทุกวันๆ

จะมีก็แต่เขา กับเจ้าโยรุ่นน้องอีกคน

โย น้องรหัสสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ห่างชั้นกัน 2 ปี หน้าตาตอนนี้แม้จะเข้าทำงานมาได้หนึ่งปีเต็มแล้วยังเหมาะกับคำว่าเด็กหนุ่ม มากกว่าชายหนุ่มอยู่เลย แถมรูปร่างก็ผอมบาง ส่วนสูงต่ำกว่ามาตรฐานไปมากโข หน้าตาไม่บ่งบอกเพศ นิสัยยังสุภาพเรียบร้อยฉีกแนวเด็กวิดวะซะอีก โยเป็นคนที่เข้าหาใครไม่ค่อยเป็น เพื่อนรุ่นเดียวกันก็มีน้อยจนนับคนได้ เขาเองยังลืมไปด้วยซ้ำว่ามีเจ้าเด็กนี่เป็นน้องรหัส จนวันที่ได้รับโทรศัพท์เบอร์แปลกๆ ขอร้องให้แนะนำงานที่บริษัทนี้ให้นั่นแหละ ถึงจะจำได้

เจ้าตัวคงรู้ว่าถูกมองอยู่จึงเงยหน้าขึ้นมองตอบ “พี่นัท จะกลับแล้วเหรอครับ”

“เออ...เดี๋ยวนั่งพักแป๊บนึง แล้วจะกลับแล้ว นายล่ะ?”

“ใกล้เสร็จแล้วครับ เดี๋ยวก็คงกลับเหมือนกัน” หมดเรื่องคุยห้องก็เงียบลง มีเพียงเสียงเคาะคีย์บอร์ดดังแกร๊กๆ ธณัติเงี่ยหูฟังเพลินๆ ใจคิดถึงงานที่จะต้องทำต่อคืนนี้ ก่อนอื่นคงต้องกลับบ้านให้อาหารเจมส์แล้วก็ขนเสื้อที่จะต้องใช้ใส่กระเป๋า หลังจากนั้นค่อยแวะซื้อของที่ซุปเปอร์ใกล้ๆขึ้นไปทำอาหาร คงเสร็จทันสามทุ่มครึ่งพอดี หลังจากนั้นก็ทำความสะอาด พอร่างสูงเข้าอาบน้ำค่อยชิ่งหนีเอาตัวรอด…

แอร์เย็นๆกับความคิดเพลินๆ พ่วงเสียงเคาะคีย์บอร์ดเป็นจังหวะ สะกดให้หนังตาหล่นลงมาบดบังทัศนวิสัยสิ้น

...เอาน่ะ...งีบซักพักแล้วค่อยไปก็ได้

...

...

ร่างบางของโยเดินย่องเข้าหา ธณัติอย่างเงียบๆ สายตาจับจ้องใบหน้าที่แยกไม่ออกว่าหล่อหรือสวย ท่าทางชายหนุ่มจะเพลียจัด ถึงได้หลับเงียบไปนานสองนานทั้งๆที่อยู่ในท่านั่งกอดอก

โยค่อยๆจับปลายผมสีน้ำตาล เข้มของธณัติอย่างเบามือ ก่อนจะดึงปึ้ดรวดเร็ว ความรู้สึกจี๊ดๆเพียงเล็กน้อยไม่อาจทำให้ธณัติรู้สึกตัวตื่นได้ เส้นผมสั้นๆสองเส้นถูกห่อใส่ผ้าเช็ดหน้าอย่างปราณีต

เด็กหนุ่มเหลือบมองปากกาที่ วางอยู่บนโต๊ะ นึกภาพที่ชายหนุ่มนั่งกัดปลอกเล่นตอนคุยโทรศัพท์เมื่อกี้ มือก็ยื่นออกเพื่อคว้าปากกาหวังจะได้มาครอบครอง

//ไปๆ ไปลงนรกซะเถิดที่รัก ฉันจะลงโทษเธอ~// เสียงริงโทนเก่ากึ้กดังจากโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะ สร้างความตกใจให้กับทั้งเจ้าของโทรศัพท์ และคนที่กำลังคิดไม่ซื่อให้หดมือกลับทันที

“สวัสดีครับ” เสียงเรียกเข้าพิเศษมีอยู่คนเดียว ไม่จำเป็นต้องมองชื่อคนโทรเข้าก็ได้

“ลงมาที่ชั้นจอดรถใต้ดินเดี๋ยวนี้เลย”

“หา???” สายตัดไปแล้ว ฮึ่ม! ไม่ใช่ก๋วยเตี๋ยวนะเฟ้ย จะได้สั่งน้ำได้น้ำสั่งแห้งได้แห้ง งึมงำในใจ เพิ่งรู้สึกถึงการมีอยู่ของรุ่นน้อง ธณัติเงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเก้าอี้

“กำลังจะปลุกน่ะครับ ผมกลับก่อนนะ”  นี่ก็อีกคน ยังไม่ทันตอบก็วิ่งจู๊ดหายวับไปแล้ว

...

...

ที่ลานจอดรถปรากฏรถซีตรองคัน ใหญ่สีเทาควันบุหรี่จอดโชว์หราอยู่หน้าลิฟท์ ชวนันท์ที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยทำสัญญาณให้ขึ้นรถก่อนจะเหยียบคันเร่งทิ้ง ไว้เพียงควันท่อไอเสีย

“โห…” ภายในตัวรถ ที่นั่งกว้างขวางบุด้วยหนังคุณภาพดี  มีที่เท้าแขนเพื่อความสบาย เครื่องยนต์เบาจนแทบไม่ได้ยิน การออกตัวเรียบเชียบไร้สัมผัสกระทบกระเทือน ทำให้ธณัติอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาเบาๆ

“ไหนบอกว่าเลิกสามทุ่มครึ่งไงครับ” นาฬิกาเพิ่งบอกเวลาสองทุ่มครึ่งเอง

“’งานเสร็จก่อนน่ะ”

“…”

“ขอผมกลับไปเอาของที่ห้อง ก่อนได้มั้ยครับ อยู่ใกล้ๆคอนโดเอง ไม่นานหรอก” ต้องขอล่ะ มอเตอร์ไซค์ก็ทิ้งไว้ที่บริษัท ถ้าไม่มีชุดทำงานเปลี่ยนตอนเช้า พรุ่งนี้ต้องมาทำงานสายแน่ๆ

“…ตามใจ...บอกทางมาด้วย”

+++++++++++++++++++++++++++++++++
 :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: คอยอ่านจบ3ภาคแล้วมาโหวตกานดู ว่าไครชอบภาคไหน ส่วนตัวชอบภาค2นี้อ่า :laugh: :laugh: :laugh: ชอบไอ้คิตตี้(คิดได้งัย)
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ!ตอน5-6-7อัพ21.00 7/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 07-04-2008 21:11:27
555 เสน่ห์แรงขึ้นมาเชียว  :oni2: :oni2: :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ!ตอน5-6-7อัพ21.00 7/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Mp_qM ที่ 08-04-2008 01:00:03
ขอบคุณคร๊าบบ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ!ตอน5-6-7อัพ21.00 7/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: สาวตัวกลม ที่ 08-04-2008 03:42:22
จะเป็นไงต่อนะ อิอิอิ :o8:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ!ตอน5-6-7อัพ21.00 7/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 08-04-2008 13:26:09
มาเยอะมากเลย

อ่านตาแฉะเลยทีเดียว

สนุกมากครับ

ขอบคุณนะครับ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ!ตอน5-6-7อัพ21.00 7/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: mahama ที่ 08-04-2008 13:57:36
แปลกแวกแนวดีชอบจริงๆทั้งตลก ซึ้ง หวาน โรคจิตระดับน้อย-กลาง หึหึ

มาต่อไวๆนะ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ!ตอน5-6-7อัพ21.00 7/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: playCardPlaYBoy ที่ 08-04-2008 20:19:32
ผมเปล่าโรคจิตนะ! 8
“ว้าว ว้าว~” เจ้านกขุนทองร้องทักทันทีที่ประตูห้องเปิดขึ้น ชวนันท์เดินตามหลังเจ้าของห้อง สายตาสอดส่ายสำรวจสภาพห้องที่ตกแต่งเรียบร้อยเป็นสัดส่วน

“ไง เจมส์” ธณัติเดินรี่เข้าไปให้อาหารนกเป็นอันดับแรก

“ไอ้โง่! ไอ้โง่!” เออ หยุดทำให้เจ้าของขายหน้าได้มั้ยฟะ

“ชื่อเจมส์เหรอ” ชวนันท์เดินตามหลังมาดูกรงนกด้วยความสนใจ

“ว้าว ว้าว~” เฮ้ย! เจมส์...เอ็งเป็นผู้ชายนะ!

ธณัติคว้ากระเป๋าเดินทางใบย่อมจากตู้เก็บของ หันมาบอกชวนันท์ที่มือซนแหย่กรงนกให้เจ้าเจมส์จิกๆเล่น

“รอแป็บนึงนะครับ ขอเก็บเสื้อก่อน” คงต้องเอาไปหลายชุดหน่อย จะได้ไม่ต้องมาขนหลายรอบ ท่าทางจะต้องไปค้างห้องซานริโอ®อีกนาน เจ้าเจมส์ก็คงต้องแวะมาให้อาหารวันเว้นวัน...ก็ห่วงเหมือนกันแฮะ ไม่เคยทิ้งเจ้าเพื่อนยากไปบ่อยๆซะที อยู่ตัวเดียวไม่มีใครให้ด่าคงเหงาแย่

“จะเอาเจมส์ไปด้วยก็ได้นี่” ชวนันท์ที่เดินมานั่งปุลงบนเตียงเท้าคางมองร่างผอมยัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋า หันหน้ามองกรงนกอย่างถูกอกถูกใจ

“หา??? จริงเหรอ??” แวบหนึ่งเผลอคิดจริงๆ ว่าบางทีชวนันท์อาจจะเป็นมษุษย์พันธุ์พิเศษอ่านใจคนอื่นได้ก็ได้

“ก็หน้านายบอกชัดซะขนาดนั้น ‘ห่วงเจมส์ ห่วงเจมส์’...ใช่มั้ยล่ะ” บีบเสียงเล็กเสียงน้อยแบบขัดกับภาพลักษณ์หนุ่มธุรกิจหุ่นล่ำ สาวๆได้ยินคงน้ำตาตกในกันหมด

“งั้นผมไปเตรียมอาหารนกก่อน” ด้วยความที่กลัวอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจ จึงทิ้งงานพับเสื้อผ้าไว้ ลุกไปตู้เก็บของ คุ้ยสต็อกอาหารนกใส่ถุงก๊อบแก๊บใบใหญ่ก่อน

รู้สึกสับสนในพฤติกรรมท่านรองซะจริง เดี๋ยวก็ดีไม่น่าเชื่อ เดี๋ยวก็ร้ายเหลือ

แต่จริงๆถ้าลองคิดดู...ก็มี แต่เขาฝ่ายเดียวที่ลงมือกับชวนันท์...ถ้าไม่นับเรื่องลวนลามหาเศษหาเลยล่ะก็ นะ...สรุปแล้วชายหนุ่มเป็นคนยังไงกันแน่นะ?

ธณัติเดินแกว่งถุงใส่อาหารนก วางรวมกับของอื่นๆไว้ที่เคาน์เตอร์หน้าห้อง ก่อนจะเดินกลับไปยังห้องนอนเพื่อเก็บเสื้อผ้าต่อ เปิดประตูได้สายตาก็สะดุดกับร่างใหญ่ในห้องพอดี ของที่ถืออยู่ในมือชวนันท์ทำให้หลังเย็นวาบ

“ของนายเหรอ?” ถามไปได้ อยู่ในห้องผมก็ของผมสิคร้าบ ลำคอแห้งผาก ความชอบส่วนตัวลับๆกำลังจะถูกเปิดโปง

“เล่นม้าจนเงินหมด ต้องทำโอที?” โห...จินตนาการล้ำมากท่านรอง! ด้วยความสตอฯ ธณัติพยักหน้าหงึกหงักยอมรับไว้ก่อน...เป็นผีพนันก็ยังดีกว่าเป็นผีแอบส่อง ล่ะเว้ย

“แต่ฉันว่าไม่ใช่...” ชวนันท์เดินไปที่หน้าต่างชมวิวบานใหญ่ ยกกล้องขึ้นแนบส่อง

“หืม...ตรงกับห้องฉันพอดี” ละตาจากกล้องหันมามองคนใบ้รับประทานนิ่งๆส่งสายตาคาดคั้นจนรู้สึกว่าห้องนี้ มันร้อนจี๊ดขึ้นกะทันหัน “แอบมองฉันเหรอ?”

“ห...หลงตัวเองเกินไปแล้ว ผมมองห้องข้างล่างต่างหากเล่า!” เกลียดจริงๆ นิสัยพูดก่อนคิดเนี่ย! จะปิดปากตัวเองก็ไม่ทันซะแล้ว

“ไอ้โง่! ไอ้โง่!” ดีมากไอ้เจมส์...ด่าได้ตรงใจพ่อเจรงๆ

ร่างสูงยิ้มหึ  “แสดงว่าแอบถ้ำมองจริงๆ เป็นงานอดิเรกที่น่าสนใจดีนี่ แอบถ้ำมอง ขโมยกางเกงใน...”

หน้ามันชาไปหมด ทำไมเขาจะต้องถูกใครก็ไม่รู้มาวิจารณ์รสนิยมอย่างนี้ด้วย!

“ก็จะทำไมเล่า! มองคนที่ชอบ อยากได้ของของคนที่ชอบมาเก็บไว้ใกล้ตัว มันผิดตรงไหน!!??” ใบหน้ายังไม่ยอมเงยสบตาคู่สนทนา เถียงกลับเสียงดังจนเจ้านกขุนทองตกใจ กระพือปีกพั่บๆ ขนสีดำร่วงกราว

“ก็ไม่ได้ว่าอะไร...” ธณัติเงยหน้าขึ้นสบตาชวนันท์อย่างสงสัยระคนคลางแคลงใจ

“ก็แค่บอกว่า...น่าสนใจ” นัยน์ตาดำสนิทที่จ้องตอบกลับมาเจือแววจริงจังในคำพูด ร่างสูงลุกจากเตียงก้าวเข้าหาธณัติอย่างเชื่องช้า ตรงข้ามกับอีกฝ่ายที่เดินถอยหลังรักษาระยะห่างไม่ให้เข้าใกล้กว่าเดิมได้

“ไม่ว่าใคร...ก็อยากให้คนที่ ชอบอยู่ในสายตาตลอดเวลา...อยากได้มาเก็บไว้ใกล้ตัว…” หลังบางสะดุ้งเมื่อแนบชนกับผนังห้องเย็นๆ หมดทางจะก้าวหนีอีกต่อไป ใบหน้าคมเข้มโน้มเข้าใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจร้อนกับกลิ่นอายเฉพาะตัว

“...คุณจะทำอะ...” พูดไม่จบประโยค ปากก็ถูกปิดประกบ ลิ้นหนาร้อนบุกรุกจาบจ้วง ร่างผอมออกแรงดิ้นเต็มที่หากก็ไม่สามารถต้านแรงกดของฝ่ามือหนาได้ ความอุ่นร้อนที่ดูดดุนอยู่ในช่องปากทำให้ขนอ่อนลุกซู่ นัยน์ตาสีน้ำตาลเบิกโพลง พยายามหันหน้าหนีเต็มที่ แต่อีกฝ่ายก็ไล่ตามได้ทัน

สมองเบลอๆ กระชากสติให้กลับมาทำงานเต็มร้อย เมื่อรู้ตัวว่าดวงตาใสแจ๋วของเจ้าสัตว์ปีกปากมากกำลังจ้องมองอยู่ ขาเรียวยาวยกขึ้นกระทุ้งช่วงล่างอย่างแรงจนร่างหนากระตุกเฮือก สองมือใหญ่ละจากหน้าที่เดิม ยกขึ้นกอบกุมส่วนที่บาดเจ็บแทน ปล่อยให้ธณัติได้กลับเป็นอิสระในที่สุด

พลั่ก!!! ได้โอกาสไม่รอช้า ประเคนหมัดลุ่นๆซ้ำอีกหนึ่งกำปั้น กระแทกจนชวนันท์หน้าหัน เลือดสดๆไหลซิบจากมุมปาก

“นี่เป็นส่วนของเมื่อกี้กับตอนเช้า...ถึงผมจะยอมทำงานบ้านให้ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องยอมในเรื่องนี้!! ผมไม่ใช่ไอ้ตัว!!”

ร่างสูงใหญ่ปาดเลือดที่ริมฝีปากทิ้งด้วยหลังมือ ยืนตัวตรงแผ่รังสีจนธณัติรู้สึกว่าตัวเองเป็นแจ็คที่กำลังจะถูกยักษ์ขายถั่วไล่ฆ่า

“ฉันก็ไม่ได้คิดว่าเธอขายตัว” มือล้วงกระเป๋าเสื้อหยิบบุหรี่ออกจากกล่องเงินคาบไว้ที่มุมปาก สายตายังจับจ้องร่างผอมที่ยืนสั่นสู้

“เพราะถ้าขายจริง...คงไม่ อยู่ในสายตาหรอก” ล้วงกระเป๋ากางเกงโยนบางอย่างให้ธณัติ เมื่อแบมือดู พบว่าเป็นไฟแช็คสีเงินสวย สักลายเคโระเคโระกบน้อยตาโตเป็นสีเงินฝ้า นัยน์ตาสีน้ำตาลสบกับตาดำมืดอย่างงงๆ

“จุดบุหรี่ให้หน่อย...แค่นี้คงไม่ว่าเรียกไอ้ตัวหรอกนะ”

ธณัติกัดฟันกรอดนิ้งโป้งหมุน สลักไฟอย่างแรง ดวงไฟดวงเล็กถูกจุดขึ้นพร้อมยื่นมือเข้าใกล้ปลายบุหรี่  ฮึ่ม!! อย่าเผลอ! พ่อเผาหนวดใหม้!! ใจนึกสนุกอยากลองจี้ให้สะดุ้งเล่น แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อสบนัยน์ตาดำมืดที่แฝงความหมายบางอย่าง

ความหมายบางอย่าง…ซึ่งแม้จะไม่รู้ความหมายแต่ก็ทำให้หัวใจเต้นแรง

ปลายบุหรี่ติดไฟจนควันขาวลอย เป็นเส้นสายบางระหว่างสองคน มือใหญ่สากกุมมือผอมขาวซีด จับให้ดับดวงไฟลง นัยน์ตายังมองสบ เหมือนถูกร่ายมนต์บางอย่างทำให้ธณัติไม่สามารถเบนหลบได้

“เก็บไว้” มือใหญ่ที่ยังคงกอบกุมจนรู้สึกร้อนดันมือข้างใต้ให้แนบอกเจ้าของ ก่อนจะปล่อยเป็นอิสระอย่างอ้อยอิ่ง

“แต่ผม...ไม่สูบบุหรี่” เสียงปร่าที่ออกมาแทบจะเรียกได้ว่ากระซิบ

“เธอได้ใช้แน่...ตราบใดที่ยังเป็นพ่อบ้านของฉัน”


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

“ว้าว ว้าว~” เสียงแหลมเล็กดังลั่นล็อบบี้คอนโดหรูที่เงียบสงัดไร้ผู้คนในยามวิกาล

ธณัติขนกระเป๋าใบใหญ่ใส่ เสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวมีถุงพลาสติกใส่อาหารนกหิ้วอยู่ข้างๆ อีกมือแขวนชุดทำงานสำหรับหนึ่งสัปดาห์พาดบ่า สภาพเหมือนย้ายบ้าน ยิ่งผสมกับเสียงว้าวของเจ้านกปากมากแล้ว....ใครเห็นคงคิดว่าเป็นพวกบ้านนอก เข้ากรุง

ชวนันท์ยกมุมปากหัวเราะเบาๆ กับสภาพที่เห็นตรงหน้า รู้สึกถึงแรงสั่นจากกรงนกที่หิ้วอยู่ เจมส์ดูจะตื่นตัวมากกยู่ เมื่อได้ออกมายังโลกภายนอก

“มีอะไรขำเหรอครับ ท่านรอง?” ร้อนตัวส่งสายตาหาเรื่องไว้ก่อน

“เปล่า..ไม่มีอะไร” เหลือบมองเห็นประตูลิฟท์เปิดพอดีจึงพยักเพยิดหน้าส่งสัญญาณให้เข้าไปข้างใน พื้นที่สี่เหลี่ยมไม่กว้างนักมีเพียงธณัติและชวนันท์ยืนอยู่ นิ้วใหญ่กดเลขชั้น 24 ตามความเคยชิน ประตูเปิดคาพักหนึ่งก่อนจะเริ่มแง้มปิด

“รอด้วยครับ!!” เสียงเด็กหนุ่มตะโกนปนหอบผสมกับเสียงฝีเท้าวิ่งมาทางลิฟท์ทำให้ชวนันท์รีบกด เปิดประตูรับคนสองคนเข้ามา ตนเองร่นไปยืนรออยู่ด้านหลัง ข้างๆกับธณัติบ้าหอบฟาง

ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ เพรียวกว่าชวนันท์เล็กน้อยหันมากล่าวขอบคุณ เด็กหนุ่มอีกคนกดเลขชั้นต่ำกว่าที่เขากดไว้ชั้นหนึ่งก่อนหันกลับมายิ้มหวาน “ขอบคุณครับ”

ชวนันท์พยักหน้าเบาๆเป็นการ รับรู้ ประตูลิฟท์ปิดลงอีกครั้งพร้อมความเงียบเข้ามาเยือน ชายหนุ่มเอนหลังพิงผนัง รู้สึกกระเป๋าเดินทางที่แนบขาอยู่สั่นไหวจึงหันไปมอง

หน้าตาที่ว่าขาวซีดอยู่ แล้วกลับยิ่งซีดมากกว่าเดิม นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มส่อแววเจ็บปวดยามมองคนสองคนข้างหน้ายืนกุมมือกันก่อนจะ หลุบตาลงต่ำหันหน้าหลีกหนีความเป็นจริง


++++++++++++++++++++++++++++++++++


เสียงน้ำมันในกะทะเดือดฉ่า เกลือทั้งขวดถูกเทลงตามด้วยแป้งสาลีขาวฟุ้ง ธณัติหันกลับไปทางอ่างล้างมือ เปิดก๊อกรินน้ำประปาใส่แก้วน้ำใบใหญ่ ราดพรวดลงบนส่วนผสมอาถรรพ์ เมื่อน้ำเย็นๆราดลงบนน้ำมันเดือด ระเบิดขนาดย่อมก็เกิดขึ้น เม็ดน้ำมันเล็กแต่ร้อนจัดแตกกระเด็นเสียงดังเปรี๊ยะทั่วบริเวณ

“ว้าก!!!” ต่อเมื่อโดนหยดน้ำมันเดือดๆกระเด็นใส่เนื้อนั่นแหละ ถึงค่อยรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป ชายหนุ่มส่ายหัวเซ็งจิต มองตัวเองสภาพยุ่งเหยิง เสื้อผ้ายับยู่จากการทำงานมาทั้งวัน ผ้ากันเปื้อนแบ๊ด แบ๊ดซ์ ที่ทำหน้าที่อย่างดีบัดนี้เปื้อนคราบแป้งเป็นรอยขาว มีจุดน้ำมันแต่งแต้มพร้อยเป็นงานศิลปะชั้นต่ำ

“ไปอาบน้ำ” ชวนันท์ที่นั่งมองมานานเอ่ยอย่างหมดความอดทน คว้าผ้ากันเปื้อนผืนใหม่สีฟ้าใสลายทาโบะใส่ก่อนจะดันร่างไร้วิญญาณให้ไปไกลๆ ครัว

“แต่...” เขาเป็นพ่อบ้าน จะให้เจ้านายทำอาหารให้กินสองวันติดได้ยังไง

“รอเธอทำ ห้องฉันไฟใหม้พอดี...ไปอาบน้ำซะ แล้วค่อยออกมากินข้าว”





ประตูห้องน้ำเปิดผลัวะ ไอน้ำร้อนพวยพุ่งออกจากด้านในกระทบไอเย็นของเครื่องปรับอากาศในห้องนอนก่อน จะจางหายไป ธณัติในชุดนอนขายาวพอดีตัว มีผ้าขนหนูพาดไหล่เช็ดผมเปียก ก้าวเดินไร้สติสตัง

ไออุ่นกับแผงอกแกร่งแนบด้าน หลังทำให้สะดุ้ง ท่อนแขนกำยำอ้อมมาด้านหน้ากอดร่างผอมไว้เบามือ ฝ่ามือใหญ่ปิดตาทำให้โลกดำมืด ธณัติตกใจดิ้นรน ใจนึกโมโห ทำไมต้องมายุ่งกับเขาตลอดเลยนะ!

“อย่าเพิ่งดิ้น อยู่อย่างนี้ก่อนได้ไหม ไม่ทำอะไรหรอก” เสียงกระซิบนุ่มนวลข้างหูทำให้หย่อนแรงต่อต้านลง ความมืดมิดขับภาพบาดตาที่เห็นในลิฟท์เมื่อกี้ให้กระจ่างชัด น้ำตามันพาลจะไหล

“ในลิฟท์เมื่อกี้...คนที่แอบ ชอบใช่มั้ย?” คำถามหวดผัวะเข้ากลางใจช้ำๆ มือผอมยกขึ้นจิกแขนแกร่ง รู้สึกถึงความเปียกชื้นใต้ฝ่ามือหนา พักเรื่องขัดแย้งไว้ก่อน ตอนนี้เขาอยากระบายให้ใครสักคนฟัง

“ผม...ผมตัดใจได้แล้ว...ฮึก...ผมคิดว่าตัดใจได้แล้วนะ...”

“...อืม”

“เขาไม่รู้จักผมด้วยซ้ำ...ทั้งๆที่...ผมมองเขามาตลอด” ปากเปิดได้ เรื่องราวก็ไหลบ่าราวน้ำป่าไร้เขื่อนกีดกัน

“…อืม”

“เสียเงินซื้อกล้องส่องทางไกล อดข้าวมาเป็นเดือน”

“…อืม”

“ค่อยมารู้ว่า...เขามีคนที่รักอยู่แล้ว…ผม...ผมมันโง่งมงาย...ขี้ขลาด...ไม่กล้าแม้แต่...จะเข้าไปทำความรู้จัก”

“...อืม...”

คนตัวใหญ่ข้างหลัง ได้แต่นิ่งเงียบ ปล่อยให้คนอกหักระบายอยู่อย่างนั้น น้ำตาไหลนอง สะอึกสะอื้นจนอ่อนเพลีย

การมีใครสักคนอยู่ด้วยในช่วง เวลาอย่างนี้...แค่เพียงอยู่ข้างๆเงียบๆก็ทำให้ใจรู้สึกเบาสบายขึ้นมาก เวลาผ่านไปนานในความคิดของธณัติ น้ำตาหยุดไหล เหลือเพียงหลักฐานคือตาแดงช้ำกับปลายจมูกเข้มๆเท่านั้น นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเงยขึ้นสบร่างสูง “ขอบคุณนะครับ คุณชวนันท์” เอ่ยเบาๆอย่างอายๆ ไม่คิดว่าจะมีวันที่ต้องร้องให้เป็นเด็กขี้แยต่อหน้าใคร ยิ่งกับคู่ปรับคนนี้แล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึง

รู้สึกร้อนบริเวณขมับที่ริม ฝีปากของร่างสูงเพิ่งแนบสัมผัส เมื่อรู้ตัวว่ายังอยู่ในอ้อมกอดจึงค่อยๆแกะแขนแกร่งที่โอบอยู่หลวมๆออก “ผมหิวแล้ว” เอ่ยไม่มองหน้าเดินลิ่วๆไปทางโต๊ะทานอาหาร ทิ้งให้ชวนันท์ค่อยๆก้าวเดินตามออกมา


+++++++++++++++++++++++++++++++++


“ชอบเขาตรงไหน” เสียงถามเรียบเฉย ไม่มีวี่แววว่าจะล้อเลียนหรือหาเรื่องอะไร ทำให้ธณัติสบายใจที่จะตอบคำถาม ช้อนส้อมถูกวางรวบ มือยกขึ้นไหว้จานข้าว ดื่มน้ำล้างปากก่อนจะตั้งท่าเล่าอย่างภูมิใจ

“ผิวขาวผ่อง” ก็ขาวอยู่หรอกนะ ชวนันท์นึกภาพคนที่เห็นในลิฟท์

“ผมดำ ตาดำสนิท” ก็มาตรฐานคนไทยทั่วไป น้อยคนนักที่จะมีสีผมสีตาเป็นสีน้ำตาลเข้มแบบธณัติ

“ปากแดงอิ่ม” ที่เห็นมันไม่ใช่แฮะ ปากบางสวยก็จริง แต่ก็ไม่ถึงขั้นแดงอิ่ม คิ้วหนาขมวดนึกตามแหม่งๆ

“ตัวเล็กบอบบาง” เทียบดูเมื่อกี้ ธณัติยังผอมบางกว่าเจ้านั่นด้วยซ้ำ...หรือว่า...

“เดี๋ยวก่อน...อย่าบอกนะว่า” พูดแทรกอย่างไม่ค่อยแน่ใจ ธณัติเอียงคอสงสัย เขาพูดอะไรผิดไปหรือไง?

“เด็กหนุ่ม...ตัวเล็กนั่น...” เด็กหนุ่มที่แทบจะไม่อยู่ในสายตาเขาเลย หน้าตาดีก็จริง แต่ไม่ใช่เสป็ก

ห้องไร้เสียงพูดคุยไปนาน ก่อนจะได้ยินเสียงปุดๆจากเส้นเลือดข้างขมับร่างผอม

“คุณคิดว่าผมชอบไอ้ตัวใหญ่นั่น เอาอะไรมาคิดเนี่ย มันจะหยามกันเกินไปแล้วนะ!!! ผมนี่น่ะ...” ยืดหลังตรง ตบอกตัวเองป้าบๆ

“ไอ้นัทคนนี้น่ะ แมนเต็มร้อย หุ่นก็ผู้ชายซะขนาดนี้ ก็ต้องมองพวกตัวเล็กหน้าหวานเป็นธรรมดา!!”

“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ” เสียงหัวเราะท้องคัดท้องแข็งดังลั่น ธณัติชะงักค้างในท่าตบอกแมนๆ หน้าร้อนผ่าวมองชวนันท์กุมท้องปล่อยก๊ากน้ำตาเล็ด

“โทษทีๆ” หัวเราะจนเหนื่อยต้องพักยก เงยหน้าขึ้นเจอเด็กโข่งงอนแก้มตุ่ยเลยต้องง้อซักหน่อย

“แต่ฉันว่า...” ส่งยิ้มกวนๆทิ้งจังหวะให้ตั้งใจฟัง

“...เธอเหมาะจะเป็นฝ่ายถูกกอดมากกว่านะ”


++++++++++++++++++++++++++++++
คุณลูกหมูบอกจะเข้ามาดูเม้นต์  o7ดีจัยจิงคนแต่งเขาจะเข้ามาดูด้วย
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 8อัพ20.00 8/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: BEta-K ที่ 08-04-2008 20:51:02
มาให้กำลังใจคับ :L2:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 8อัพ20.00 8/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 08-04-2008 20:58:08
หุหุ งานนี้ธนัติมีหวังต้องรับแล้วล่ะ  :m14: :m14: :m14:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 8อัพ20.00 8/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: 5577 ที่ 08-04-2008 21:19:46
ชอบคับ ชอบคนโรคจิต 5555  :o8:


อ่านรวดเดียว ทำงานไม่ได้ ไม่จบไม่เลิกคับ อิอิ  :oni2:
ผมก็แอบมองตึกตรงข้าม แต่ไม่ได้ซื้อกล้องมาส่องอ่ะ
เดินผ่านก็ต้องมอง เผื่อเค้าออกมานั่งกินลม
บางทีก็ออกไปนั่งอ่อยกินลม เผื่อเค้าออกมาตากลม  :a11:


แต่ละคนน่ารักดี แต่เลขาแอนเว่อไปหน่อย
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 8อัพ20.00 8/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: สาวตัวกลม ที่ 08-04-2008 21:47:33
หุหุ งานนี้ธนัติมีหวังต้องรับแล้วล่ะ  :m14: :m14: :m14:
^
^
^
^
เห็นด้วยกับพี่ทิพ อิอิอิ "รับ" เถอะ :laugh:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 8อัพ20.00 8/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: อาจารย์..สีฟ้า ที่ 08-04-2008 22:00:07
หุหุ งานนี้ธนัติมีหวังต้องรับแล้วล่ะ  :m14: :m14: :m14:
^
^
^
^
เห็นด้วยกับพี่ทิพ อิอิอิ "รับ" เถอะ :laugh:

เห็นด้วยกับพี่ทิพ และ ครูดาว


เป็นกำลังใจให้คนโพสต์นะครับ  :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 8อัพ20.00 8/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 08-04-2008 23:40:12
 :สงกรานต์3:
มาให้กำลังใจคับ :L2:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 8อัพ20.00 8/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: TonG_x_Zhi ที่ 09-04-2008 02:15:16
เข้ามาอ่านรวดเดียว   ภาคแรกพระเอกก็โหดเกิ๊น  แต่น่ารัก :o8:

ภาคนี้สนุกดีครับ  เป็นกำลังใจให้นะ

รออ่านตอนต่อไปน๊าคับ :m1:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 8อัพ20.00 8/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 09-04-2008 07:33:29
เรื่องนี้สนุกมาก ๆ  o13

มาเป็นกำลังใจให้คนโพสจ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 8อัพ20.00 8/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 09-04-2008 11:21:35
 :L2: มาต่อเถอะ คุณลูกหมู ป้าจะลงแดงอยู่แล้วอยากอ่านต่อหนะ

:สงกรานต์1: :สงกรานต์1:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 8อัพ20.00 8/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 09-04-2008 13:27:51
คู่นี้น่ารักจังเลย

จะรู้ใจกันเมื่อไรเนี่ย
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 8อัพ20.00 8/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: playCardPlaYBoy ที่ 09-04-2008 21:28:05
ผมเปล่าโรคจิตนะ! 9
............................


เวลาเช้าตรู่ แสงอรุณของวันใหม่ยังไม่สาดส่องสู่พื้นโลก เจ้าเจมส์ยังหลับหัวโงกหัวเอนอยู่หน้าห้อง แต่ผู้ทำงานตำแหน่งผู้บริหาร คุมชะตากรรมพนักงานหลายร้อยชีวิตอยู่ในอุ้งมืออย่างชวนันท์กลับต้องฝืนลืมตา ตื่น ร่างสูงใหญ่เปิดประตูจากห้องน้ำเบาๆด้วยกลัวว่าจะรบกวนความฝันอันแสนสุขของ ชายหนุ่มผู้ร่วมเตียง ไอเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศเมื่อกระทบกับหยดน้ำที่เกาะพราวบนตัวทำให้ต้อง ห่อไหล่ลงเล็กน้อย

ระหว่างใส่เสื้อทำงานตามปกติ สายตาก็ทอดมองร่างผอมซีดที่ขดอยู่บนเตียงเหมือนทารกแรกเกิด แสงไฟจากห้องน้ำเมื่อกี้คงแยงตาธณัติเล็กน้อย ร่างผอมจึงพลิกตัวหนีพร้อมกับดึงผ้าห่มผืนใหญ่ขึ้นคลุมโปง เห็นเพียงเส้นผมสีน้ำตาลเข้มยุ่งเป็นรังนกโผล่แพลมๆออกมา

นัยน์ตาสีดำมืดทอดมองภาพด้านหน้า เหตุการณ์เมื่อวานผ่านวาบเข้ามาในใจ

...

...

‘ฉันว่า...เธอเหมาะจะเป็น ฝ่ายถูกกอดมากกว่านะ’ เมื่อคืนเขาพูดไปตามที่ใจคิดจริงๆ ก็ดูเถอะ...ท่าทางเหมือนเด็กทำอะไรไม่เป็นอย่างนี้จะไปกอดใครเขาได้ ตอนที่ได้จูบแรกที่ฝืนบังคับมายังแปลกใจว่าทำไมผู้ชายอายุตั้งขนาดนี้แล้ว ยังจูบไม่เป็นด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องบนเตียง...ก็คงไม่เคยอีกนั่นแหละ

ธณัติดูจะอึ้งกับประโยคนั้น ไปสามวิ ก่อนออกอาการหน้าดำหน้าเขียวช้ำเลือดช้ำหนองระเบิดอารมณ์อยากรีดเลือดออกจาก หัวหนุ่มล่ำ ถ้าตาไม่ฝาดเขาว่าเขาเห็นควันพุ่งออกมาจากหูชายหนุ่มด้วยซ้ำ ทำให้รู้ว่าเขาจี้ถูกจุดแล้ว...

‘คุณใช้อะไรดูเนี่ย! อย่างผมเนี่ยนะเหมาะจะเป็นฝ่ายถูกกอด!!’ เสียงโวยวายเอาเป็นเอาตายดังข้ามโต๊ะอาหารส่งตรงมาถึงเขา

‘แล้วคุณจะเสียใจที่พูดคำนี้ ออกมา...ผมนี่แหละ...มาตรฐานสุภาพบุรุษไทยที่สาวๆและหนุ่มๆทั่วประเทศร้อง ให้คร่ำครวญอยากซบอ้อมอก...วันที่คุณรับรู้สรรจธรรม...วันนั้นก็คงจะสายเกิน ไปแล้ว...อย่ามาร้องให้กอดขาขอให้ผมเมตตาซะให้ยาก!!’ ท่าทางเจ้าตัวจะไม่ทันคิดว่าพูดอะไรออกมา ธณัติยืนกอดอกสะบัดหน้ายื่นจมูกรั้นๆเหมือนนางเอกในการ์ตูนผู้หญิงเวลางอน ทำให้เขาต้องกลั้นหัวเราะแทบตาย

‘ว่าไงล่ะ คุณคิตตี้!’ ธณัติคงเห็นเขาเงียบไป เลยได้ใจปล่อยหมานรกออกมาเพ่นพ่านกัดไม่เลือกอย่างนี้ ...ไอ้อารมณ์เศร้าบ่อน้ำตาแตกเป็นสึนามิเมื่อกี้มันหายไปไหนเนี่ย

‘ก็ไม่ได้ว่ายังไง อยากลองดูมั้ยล่ะ ว่าใครเหมาะจะเป็นฝ่ายถูกกอดมากกว่ากัน’ เขายืดตัวตรงเดินช้าๆทำท่าเจ้าป่าตะล่อมเหยื่อ แต่ฝ่ายนั้นวันนี้ท่าจะเฮี้ยนจัด ตัวผอมๆพยายามพองลมข่มคู่ต่อสู้ เดินถอยหลังเป็นวงกลมรอบห้องกว้าง เมื่อได้โอกาสก็กระโดดแท็คจู่โจมรวบให้หงายหลังแผ่บนพื้นตามน้ำหนักที่โหม ใส่

ธณัติคร่อมเขาไว้อย่างย่ามใจ กดเขาแนบกับพื้นพรมนุ่ม ตาจ้องตา ห้องเงียบกริบ ไร้เสียงไร้การเคลื่อนไหวใดๆ ...ก็เบบี๋ซะชนาดนี้ จะทำอะไรเป็นเล่า!

‘แล้วยังไงต่อละ?’ ท่าทางสับสนในชีวิตทำให้เขาเผลอยกมุมปากยิ้ม สองมือใหญ่ที่เตรียมไว้แต่แรกยกขึ้นจับหมับที่ช่วงตัวร่างผอม เหวี่ยงพลั่กจนธณัติร้องแอ้ก เพียงพริบตาเดียว เขาก็เป็นฝ่ายคร่อมร่างคู่ต่อสู้เอาไว้ข้างใต้เรียบร้อยแล้ว

‘ข...ขี้โกง!’ ผู้เสียเปรียบร้องขอความเป็นธรรม น่าเสียดายเปาบุ้นจิ้นมีแต่ในช่องสามหกโมงตรงเท่านั้น เขาไม่รับฟังคำอุธรณ์ใดๆ กดช่วงบ่าลาดจมพื้นพรม จัดการปิดปากอวดเก่งไว้ด้วยปากของเขาเอง ลืมตามองใบหน้าขาวซีดข้างใต้พบว่าธณัติคงจะตกใจจัด ตาจึงหลับปี๋หน้าแดงแจ๋ ปากที่ปิดสนิทท้าให้เขาอยากเอาชนะ เลียลิ้นไล่ตามริมฝีปากบางตวัดลิ้มรสกลิ่นอายบริสุทธิ์ มือข้างหนึ่งสอดเข้าใต้เสื้อนอนเนื้อนุ่มคลำหาตุ่มไตส่วนไวสัมผัส เมื่อบีบหมับปากที่เม้มแน่นก็เปิดอ้าออกเป็นปฏิกิริยาตอบสนอง เขาไม่รอช้าสอดลิ้นหนาเข้าโรมรันทันที

‘อุ๊บ!!!’ รู้สึกถึงความเจ็บชาทันใดทำให้ต้องถอนปากออกอย่างรวดเร็ว ทารกน้อยหัดคลานแล้ว...หาญกล้ามากัดลิ้นเขาได้อย่างนี้

‘อั้ก!!!’

‘แอ้ก!!!’

สองเสียงดังประสานเมื่อหน้า ผากมนๆด้านล่างยกขึ้นกระแทกกับหน้าผากเขาจนเสียงกระดูกกระทบกันดังสนั่นลั่น โลกา สองคนต่างยกมือขึ้นกุมกระหม่อม บรรยากาศดีๆหายหมดเกลี้ยงเหลือแต่ตุ่ยๆเน่าๆให้เชยชม

ชวนันท์เป็นฝ่ายที่ตั้งตัว ได้ก่อน ลงมือคร่อมร่างผอมฤทธิ์มากไว้ข้างใต้อีกครั้ง ดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่จ้องกลับมาสื่อภาษาว่า อย่านะโว้ย! พ่อกัดหูขาด! ทำให้เขาตัดสินใจที่จะพักไว้ก่อนในค่ำคืนนี้

‘ไม่รู้มาก่อน นอกจากเป็นพวกซาดิสม์ชอบทำร้ายคนอื่นแล้ว ยังเป็นมาโซคิสม์ซะอีกนะ’ แหย่ให้โกรธเล่น มองหน้าตาเถียงไม่ออกได้แต่เปิดปากพะงาบๆอยู่อย่างนั้นแล้วมันบันเทิงดี จริงๆ มือใหญ่ลงมือลูบไล้ไปตามช่วงอก เอว และสะโพกลาดมน รู้สึกถึงแรงเกร็งเครียดใต้ฝ่ามือ

‘แล้วเธอจะรู้ว่า...ใครเหมาะ จะเป็นฝ่ายถูกกอดมากกว่ากัน’ มือที่ลูบไล้หยุดวางบนเอว รู้สึกได้ว่าร่างข้างใต้กลั้นหายใจรอรับการจู่โจม ชวนันท์ไม่รอช้า เริ่มลงมือปฏิบัติการเชือดทั้งเป็น...

‘ฮ่าๆๆๆๆ ก๊ากกกกๆๆๆๆๆๆๆ อ๊ากกกกกกๆๆๆๆๆ พอแล้วๆ’ ร่างกายด้านใต้บิดตัวบิดเอวหนีสิบนิ้วที่ติดหนึบตามจี้ไม่ยอมหยุด ตะเกียกตะกายน้ำหูน้ำตาไหลนองหน้าจนคว่ำตัวได้ มือผอมก็กางแผ่ตบพื้นพรมถี่รัว เป็นสัญญาณยอมแพ้แล้วก๊าบ! เขาจึงยอมหยุดมือ ธณัติหอบหายใจถี่รัวเหมือนจะขาดใจตายซะให้ได้

มือใหญ่จับหน้าเขาพลิกหัน ประทับจูบฉาบฉวยที่ริมฝีปากอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะลุกเดินหนี

‘ล้างจานให้เรียบร้อยซะ แล้วก็เข้านอนได้แล้ว…’

ดูเหมือนธณัติจะผูกใจเจ็บ หลังล้างจานเสร็จจึงเดินมาบอกเขาในห้องแบบมะนาวไม่มีน้ำ

‘ผมจะนอนที่โซฟาข้างนอก ราตรีสวัสดิ์’

ซึ่งเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร อ่านหนังสือต่อไปจนถึงตีสอง ลุกจากเตียงเปิดประตูไปยังห้องนั่งเล่นแล้วช้อนตัวคนขี้เซากลับมานอนซุกหาไอ อุ่นข้างกาย

...

...

ชวนันท์เดินอ้อมเตียงไปอีก ฝั่ง พลิกผ้าห่มดูหน้าคนนอนหลับสนิทไม่สนโลกภายนอก ปัดเส้นผมยุ่งๆที่บังใบหน้าขาวซีดออก เผยให้เห็นหน้าผากมนที่ยังคงเหลือรอยช้ำจางๆจากท่าเฮดน็อคเมื่อคืนนี้
 
เขาชอบเวลาธณัติแสดงอารมณ์หลากหลายออกมาให้เห็น ทั้งท่าทางป้ำๆเป๋อๆที่เห็นตั้งแต่แรกพบ ท่าทางใจกล้าฝังในภายนอกอ่อนยวบนั่นอีก ปากก็พร่ำพูดจาสุภาพไพเราะ แต่สายตามันด่าเขาอยู่ชัดๆทำไมจะไม่รู้ กระทั่งอารมณ์เขินอายยามถูกเขาจูบถูกเขาสัมผัสก็น่ามอง ปากสั่นๆกับหูเหอแดงไปหมดทำให้รู้สึกอยากแกล้งมากยิ่งขึ้น ทั้งๆที่รู้ว่าจะต้องเจ็บตัวจากหมัดไม่หนักไม่เบาก็ตาม

มีเพียงเมื่อคืนเท่านั้น... อารมณ์เศร้าโศกของธณัติเท่านั้นที่เขาไม่อยากเห็น สภาพเหมือนจะแหลกสลายไปต่อหน้าต่อตาทำให้อยากตระกองกอดไว้แนบอก คอยอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าจะพอใจ

ลูบไล้ตามพวงแก้มถึงช่วงฟัน กรามอย่างเบามือ ปากก็ยกยิ้มน้อยๆ ใบหน้าก้มลงต่ำประกบริมฝีปากแนบจุมพิตที่ขมับ ดวงตาดำมืดจ้องมองคนหลับไม่รู้เรื่องอย่างเอ็นดู

“...รีบๆตื่นไปทำงานด้วยล่ะ...”

...แกร้ก…

ประตูห้องปิดเบาๆทิ้งให้ธณัตินอนขดอยู่บนเตียงอย่างเป็นสุข...


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกัน? ธณัตินั่งกุมขมับโลกแตก หน้าซุกลงบนโต๊ะทำงานที่แวดล้อมไปด้วยกองกระดาษเอกสาร

เขาไปนอนอยู่บนเตียงได้ยังไง??

ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตัวเอง เป็นคนละเมอเดินไปเอง หรือชวนันท์อุ้มไป แต่จะกรณีไหนก็ทำให้รู้สึกขายหน้าเหมือนกันนั่นแหละ กรณีแรกก็เผยไต๋ให้คู่ปรับได้รู้ซะแล้วว่าตัวเองเป็นพวกละเมอขนาดที่เดินไป รอบบ้านยังไม่รู้สึกตัว กรณีหลังยิ่งแล้วใหญ่ โดนอุ้มยังหลับปุ๋ยอยู่ได้อย่างนั้น!

นึกโมโหตัวเองจนต้องลงโทษซัก ตั้ง หัวโขกลงกับพื้นโต๊ะดังโป๊กลั่น แล้วก็ต้องร้องจ๊าก เมื่อมันดันไปโขกตำแหน่งที่ช้ำเป็นสีม่วงเขียวจากการไม่เจียมตัวเอาหัวนิ่มๆ เหมือนเต้าหู้ไปโขกกะโหลกแข็งๆเป็นเหล็กกล้าของชวนันท์
 
ว่าแต่ ตอนนี้เจ้าคิตตี้จะปวดหัวตุ้บเหมือนเขารึเปล่านะ?

“เป็นอะไรรึเปล่า พี่นัท?” สะดุ้งเฮือก หันหน้าไปทางต้นเสียงก็เพิ่งรับรู้ถึงการมีอยู่ของเจ้ารุ่นน้องโย ท่าทางนั่งคร่อมเกาะพนักเก้าอี้ทำให้เดาได้ว่า โยคงนั่งมองตัวประหลาดผีร้ายเข้าสิงมานานสองนานแล้ว

“เออ ไม่มีอะไร”

“แล้วเมื่อเช้าเรียกผมทำไม?” หมายถึงระหว่างทำงาน เขาหาปากกาไม่เจอเลยไล่เรียกถามไปทีละคน ไปสะดุดกับโยที่คุยโทรศัพท์อยู่เลยไม่ได้ถาม

“ก็นิดหน่อย เห็นปากกาฉันรึเปล่า ด้ามสีดำๆน่ะ เมื่อคืนยังใช้อยู่เลย” คงจะคิดไปเอง รู้สึกเหมือนโยสะดุ้งเฮือกยังไงก็ไม่รู้

“ไม่นี่ หาดีรึยังครับ” โยตอบหลบสายตา

“เออ ช่างมันเถอะ เฮ้อ...หมู่นี้ของหายบ่อยว่ะ ระวังไว้หน่อยละกัน” โยพยักหน้าหงึกหงักก่อนโบกมือลาขอตัวไปทานอาหารกลางวัน

จะว่าไป ช่วงนี้ของหายบ่อยจริงๆซะด้วย ตั้งแต่ปากกา ดินสอ ยางลบ เข็มติดเนคไท แม้กระทั่งหลอดดูดน้ำในขวดน้ำดื่มก็ยังหายได้! สงสัยจะมีศัตรูโดยไม่รู้ตัวแฮะ...


++++++++++++++++++++++++++++++++

“น่องไก่ทอดนี่ใช้ไฟแรงไป แป้งข้างนอกใหม้ แต่เนื้อข้างในไม่สุก...”

ปึ้ด! เสียงเส้นความอดทนเส้นแรกของวันขาดผึง

“ผักก็ซื้อมาแก่เกินไป แถมยังหั่นชิ้นเล็กเกินอีก…”

ปึ้ด!! เส้นที่สอง

“ส่วนข้าว...เมื่อวานแข็งปั๋ง...วันนี้ดันแฉะยังกับข้าวต้ม น่าจะบวกกันแล้วหารสอง...”

ปึ้ด!!! ธณัติรวบช้อนส้อม ไม่ลืมไหว้จานข้าวอย่างมีมารยาท ก่อนจะออกท่าพะบู๊ม้วนแขนเสื้ออวดกล้ามแห้งๆ ตบโต๊ะดังปังจนน้ำดื่มในแก้วใสกระฉอก

“ขี้ติจริงโว้ย!!! เก่งนักก็ทำเองเซ่!!”

เป็นกิจวัตรประจำวันมาร่วม เดือน ทุกคืนดึกดื่น โต๊ะอาหารจะถูกตั้งรอชวนันท์ผู้เป็นนายมากิน...ร่วมกับนายธณัติพ่อบ้านมือ ใหม่ใสกิ๊ง รายการแข่งทำอาหารประจำวันเริ่มต้น กรรมการชวนันท์เริ่มจากการตักแกงชิม มีพ่อครัวธณัตินั่งลุ้นฝั่งตรงข้ามหวังจะได้รับคำบรรยายประมาณอาหารนุ่มลิ้น จนขึ้นสวรรค์ แต่ที่ได้รับกลับมาทุกครั้งกลับเป็นคำติ ติจนคนทำยั๊วะลุกขึ้นมาพะเว้ยได้ทุกครั้งไป แต่ก็เหมือนๆกันทุกวันอีก ชวนันท์เพียงแค่เหลือบมองคนอารมณ์เดือดเงียบๆเหมือนกำลังชมละครหลังข่าว นั่งตักนู่นกินนี่ไปเรื่อยจนเกลี้ยงฉาดซะทุกจาน

...



“ว่าแต่ ช่วงนี้ที่ทำงานมีปัญหาอะไรรึเปล่า” เป็นคำถามที่แหวกแนวไปจากทุกวัน ธณัติละความสนใจจากจานเปียกน้ำฟองฟอดในอ่างล้างจานไปมองผู้พูด แต่เห็นเป็นเพียงการถามเปรยๆไปงั้นๆ เพราะผู้ถามยังนั่งสูบบุหรี่อ่านหนังสือพิมพ์เหมือนไม่ได้สนใจจะฟังคำตอบ

“ก็ไม่มีอะไร” ถ้าไม่นับของหายเรื่อยๆล่ะก็นะ ผ่านมาเดือนกว่าแล้วก็ยังจับตัวมือดีไม่ได้ หากก็ไม่ได้ติดใจเอาความอะไร เพราะของที่หายส่วนใหญ่เป็นของเล็กๆน้อยๆไม่มีราคาค่างวดเท่าไหร่

“ว่าแต่คุณเถอะ งานหนักหรือไง” ที่ถามออกมาเพราะช่วงหลังๆนี้ชวนันท์เลิกงานดึกขึ้นเรื่อยๆ จากสามทุ่มเริ่มกลายเป็นสี่ทุ่ม บางวันถึงเที่ยงคืนเลยก็มี คงจะเนื่องจากต้องทำงานในส่วนของท่านประธานผู้เป็นบิดาที่ลาพักร้อนแบบไม่มี กำหนดด้วยล่ะมั้ง ท่าทางหลังจากกลับมาจากทำงานก็ดูเหนื่อยล้า แม้จะกวนเขาได้ไม่เว้นวัน แต่เรื่องฉวยโอกาส ใช้กำลังก็เลยเบาลงไปมากโข

“ระวังเถอะ จะไม่สบายเอา” ธณัติพูดเปรยเล่น แต่ก็ต้องสะดุ้งจนเผลอปล่อยจานหลุดมือตกลงอ่างน้ำดังเคร้ง เมื่อท่อนแขนแกร่งรวบช่วงแขนทั้งสองข้างมาโอบด้านหน้าเขาไว้อย่างไม่ทันตั้ง ตัว

“ห่วงด้วยเหรอ น่าชื่นใจนะ” เสียงห้าวๆกระซิบอยู่ข้างหู ใบหน้าเกิดรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาดื้อๆ

“ปล่อยนะเฟ้ย ไอ้คิตตี้บ้ากาม” จะศอกก็ไม่ถนัดเนื่องจากคนข้างหลังรัดเขาซะแน่นไม่เหลือที่ว่างให้สวิงแขนซักมิลเดียว

“พูดกับเจ้านายไม่เพราะอีกแล้ว ต้องลงโทษ” รู้สึกเจ็บแปล๊บปนสัมผัสเปียกร้อนบริเวณใบหูทำให้ขนลุกซู่:ซ่า

“จ๊ากกก!!! จั๊กจี้!! สยิวโว้ย!! ปล่อย ปลอย ปล๊อยยยยย!!!” ผู้บุกรุกดูจะไม่สนใจคำโวยวาย ขบกัดใบหูร่างผอมไว้แน่นแลบลิ้นไล้เลีย

“ลองเรียกเจ้านายดีๆหน่อยสิ...นัท” เสียงกระซิบใกล้เหลือเกิน ใกล้ซะจนรับรู้ลมร้อนที่ออกมาพร้อมกับคำพูด

“ฮึก!” ธณัติหลับตาปี๋ พยายามหันหน้าหนีอีกฝ่ายก็ไล่ตามทันซะทุกที จนมือหนาไต่เลื้อยเข้าไปใต้ผ้ากันเปื้อนทาโบะ กำลังจะล้วงลึกเข้าในขอบยางยืดของกางเกงเท่านั้น ศักดิ์ศรีลูกผู้ชายก็พังครืน

“คุณชวนันท์ ปล่อยยยย”

“…”

“คุณ...” กัดฟันกรอด “คุณแน็ท...”

“…ก็เท่านั้น...”

ฉับพลันร่างกายก็หลุดเป็น อิสระ ขาที่อ่อนยวบไร้กำลังจะยืนทำให้ธณัติล้มแผละกองอยู่ที่พื้น ท่าทางอ่อนปวกเปียกไม่เข้ากับหน้าตาอยากฆ่าหั่นศพเจ้านายซักนิด

ชวนันท์ยิ้มกวนประสาททิ้งท้ายก่อนเปิดปากวางระเบิดลูกสุดท้ายสำหรับค่ำคืนนี้

“...ออกกำลังกายบ้างก็ดีนะ”


++++++++++++++++++++++++++++++++
เพิ่งกลับจากพาแม่ไปหาหมอที่โคราชมาครับ  :เฮ้อ:เหนื่อย ขับรถทั้งวัน+ตื่นแต่เช้ามืดเลย แต่เพื่อแม่ ไหวคับ :m13:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 8อัพ20.00 8/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: playCardPlaYBoy ที่ 09-04-2008 21:29:49
ผมเปล่าโรคจิตนะ! 10
............................


“โย ไปกินข้าวเย็นข้างนอกกันมั้ย” หลังเลิกงานก็ได้ยินคำชวนจากรุ่นพี่

“วันนี้พี่นัทไม่ทำโอทีเหรอครับ” ถามกลับอย่างสงสัย พวกเขาสองคนอยู่ทำงานนอกเวลามาสองเดือนกว่าแล้ว แล้วทำไมอยู่ดีๆถึงเลิกทำซะล่ะ

“เก็บเงินครบตามเป้าแล้ว เลยว่าจะฉลองหน่อย ไปเปล่า? เดี๋ยวเลี้ยงเอง”

ที่จริงธณัติก็เพิ่งรู้ว่าสภาพทางการเงินกลับเป็นปกติแล้วเมื่อคืนนี้เอง เร็วกว่าที่คาดไว้ถึงหนึ่งเดือน





หลังจากที่เปิดสมุดบัญชีดู รายรับเมื่อคืนก็ต้องตกใจ เพราะเงินที่โอนเข้ามาเดือนนี้กลับมีมูลค่าเท่ากับสองเดือน เขาจึงต้องขอคำอธิบายจากชวนันท์

“ก็ค่าทำงานเป็นพ่อบ้าน ฉันไม่เอาเปรียบใครหรอกนะ” ชวนันท์ตอบเอื่อยๆพลางแหย่นิ้วกวนเจ้าเจมส์เล่น

“ทำงานบ้าน ได้เท่างานปกติเดือนนึงเนี่ยนะ?”

ร่างสูงละจากกรงนก คว้าบุหรี่จากกระเป๋าเสื้อคาบไว้ที่มุมปาก ยักคิ้วให้สัญญาณ ไฟดวงเล็กจากไฟแช็คเงินรูปเคโระก็ถูกจุดขึ้นให้ต่อไฟ พ่นควันได้สองอึกก็หันมามองธณัติที่กำลังเก็บไฟแช็คเข้ากระเป๋ากางเกง

“น้อยไปหรือไง”

“ไม่ใช่โว้ย แค่จะบอกว่ามันมากไปรึเปล่า”

“ไม่เห็นมากไป ที่บ้านใหญ่ก็ให้ค่าจ้างแม่บ้านประมาณนี้” ชวนันท์หมายถึงบ้านที่เคยอยู่กับบิดามารดา

“แต่ก็ไม่เห็นต้องให้เท่าแม่บ้านจริงก็ได้ ทำงานก็แค่วันละไม่กี่ชั่วโมง แถมกับข้าวยังโดนติทุกวันอีก”

ชวนันท์ขมวดคิ้วรำคาญใจ “ก็จะให้เท่านี้ก็รับๆไปเถอะน่า แล้วก็เลิกทำโอทีได้แล้ว จะได้กลับบ้านหัดทำอาหารให้มันอร่อยกว่านี้ซะที”

ธณัติจึงหมดเรื่องเถียง

...
...

“ว่าไง จะไปรึเปล่า หรือวันนี้ต้องทำโอที โครงการใหม่รอผ่านอยู่นี่นา ยังไม่ต้องปั่นไม่ใช่เหรอ?” ถามรุ่นน้องที่กำลังมองเขาตาใสแจ๋ว

“ไปครับๆ” โยพยักหน้าหงึกหงักเป็นตุ๊กตาเสียกบาล ด้วยกลัวจะพลาดโอกาสดี

+++++++++++++++++++++++++++++

ร้านอาหารที่ธณัติพาโยนั่ง ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ไป ไม่ได้เป็นร้านหรูหราตามห้างสรรพสินค้า หากแต่เป็นสวนอาหารตามสั่งที่เหล่านักศึกษาชอบมาสังสรรค์ยามมีโอกาสพิเศษ บรรยากาศไม่ได้เปลี่ยนไปนักจากตอนที่ธณัติยังเรียนอยู่ ยังคงสภาพความง่ายๆสบายๆเหมือนเดิม ตกดึกเวทีกลางร้านก็จะเปิดสปอตไลท์สว่างนวล มีนักร้องร้องคู่กับแซกโซโฟนเพียงตัวเดียวแต่ก็ให้อารมณ์โรแมนติกดีทีเดียว

พวกเขาสั่งกับข้าวเพียงสองสามอย่าง ที่เหลือเป็นกับแกล้มกับเบียร์สดเหยือกใหญ่

“ที่จริงพี่นัทไม่ต้องเลี้ยง ก็ได้ แชร์กันดีกว่านะครับ” โยรินเบียร์ลงแก้วฝั่งตรงข้าม ฟองขาวฟูน่ากินฉาบส่วนบนของแก้วใสทรงสูง ไอน้ำเกาะพราวจากความเย็นจัดของเครื่องดื่ม

ธณัติโบกมือ “เฮ้ย ไม่เป็นไร ถือว่าเลี้ยงน้องรหัสก็แล้วกัน ไม่ได้เลี้ยงมานานแล้วนี่นา”

โยมองอีกฝ่ายยกแก้วเบียร์ ขึ้นดื่ม ฟองขาวติดเป็นวงรอบปากก่อนจะแลบลิ้นไล่เลียทำความสะอาด เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอเอื๊อก ยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่มบ้างเพื่อสะกดกลั้นอารมณ์คุกรุ่นภายใน ตายังจ้องปากบางที่โยนหมูย่างเข้าปากเคี้ยวหนุบหนับ

“อีกอย่าง...ที่ทำโอทีน่ะ นายอยู่ทำเป็นเพื่อนฉันใช่มั้ยล่ะ” ร่างเล็กสะดุ้งเฮือก เงยหน้าขึ้นมองผู้พูดก็พบว่าธณัติกำลังมองเขาอยู่แล้ว

“ก็บ้านนายออกจะรวย จะมาทำโอทีให้ลำบากทำไม” ธณัติปล่อยตัวสบายๆ บรรยากาศดีๆกับเบียร์พอครึ้มทำให้อารมณ์เบิกบาน

“ไม่คิดว่าผมแปลกเหรอ? อยู่ทำงานเป็นเพื่อนผู้ชายอย่างนี้น่ะ?”

“ก็ไม่เห็นแปลก นายเกรงใจเรื่องที่ฉันแนะนำงานให้ใช่มั้ยล่ะเลยต้องทำอย่างนี้น่ะ” แม้จะถามอย่างไม่คาดหวังในคำตอบ แต่ก็อดผิดหวังอยู่ลึกๆไม่ได้ อยากจะให้ธณัติคิดถึงเหตุผลอื่น...เหตุผลที่แท้จริงที่เขาอุตส่าห์อยู่ทำโอ ทีเป็นเพื่อนทุกวันต่างหากเล่า

โยถอนหายใจ มือถือส้อมเขี่ยปลาหมึกย่างเล่น ขนตาหลุบต่ำบดบังแววเหนื่อยใจ แสงไฟที่ซ่อนอยู่ตามต้นไม้ขับใบหน้าเซ็งๆให้เป็นสีเนื้อปนส้มเนียนๆ ธณัตินั่งมองหน้านั้นชัดๆเพิ่งรู้ตัวว่าไม่เคยสังเกตความงามของรุ่นน้องคน นี้เลย

“โย...นาย...เคยมีผู้ชายมา จีบรึเปล่าเนี่ย” แทบจะกัดลิ้นตัวเองเมื่อคำถามที่ตั้งอยู่ในใจดันถูกปากเจ้ากรรมพ่นออกไปซะ ได้ รุ่นน้องเงยหน้ามองเขาอย่างประหลาดใจ ไม่คิดว่าจะได้ยินคำถามนี้เลยจริงๆ

“ป...เปล่านะเว้ย ฉันไม่ได้เป็นแบบนั้น!!” ธณัติเอ่ยแก้ลนลานก่อนจะต่อประโยคเบาบาง “แค่...คิดว่าสวยเกินผู้ชายน่ะ”

โยแปลกใจเป็นครั้งที่เท่าไหร่ของวันแล้วก็ไม่รู้ หัวใจเจ้ากรรมเต้นตึกตักราวกับจะกระดอนออกมานอกอก หรือว่าพวกเขาจะใจตรงกัน?

“เฮ้ย ไม่ใช่!!! อย่าคิดมากนะเว้ย ก็แค่พูดไปเรื่อยๆ...กลับกันเหอะดึกแล้ว” ธณัติชูมือดีดนิ้วเรียกบริกรให้คิดค่าอาหาร รีบลากรุ่นน้องกลับทันที

‘...เธอเหมาะจะเป็นฝ่ายถูกกอดมากกว่านะ’ รู้สึกสมเพชตัวเองที่ในส่วนลึกของจิตใจดันนึกอยากท้าทายคำสบประมาทของชวนันท์





“ขอบคุณนะครับ พี่นัท” ธณัติพานั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์มาส่งถึงใต้ที่ทำงาน ที่ที่เด็กหนุ่มจอดรถทิ้งไว้ โยถอดหมวกกันน็อคคืนเจ้าของที่นั่งอึกอักจากความคิดเมื่อครู่ใหญ่

“แล้วก็ที่ถามในร้านอาหารเมื่อกี้...” ยิ้มหวานยื่นหน้าเข้าใกล้ใบหน้าขาวซีด

“ถ้าจะบอกว่าผมเป็นฝ่ายจีบ ผู้ชายเอง จะว่ายังไงครับ” ริมฝีปากนาบลงบนต้นคอพร้อมกับดูดดุนจนเกิดสีแดงเรื่อ ถอยออกมาดูผลงานอย่างพึงพอใจ

“จ...จะบ้าเหรอวะ เล่นอะไรของแกเนี่ย ไอ้โย!!!” ทำไมเจอแต่เรื่องแบบนี้เนี่ย! ให้ดิ้นตาย!!

“ฮ่าๆ ผมล้อเล่นน่ะ เจอกันพรุ่งนี้นะครับ” เอ่ยลาพร้อมวิ่งหนีไปก่อนที่จะโดนเบื้องล่างของคนโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงไล่กระทืบเอา


+++++++++++++++++++++++++++++++++++


“กลับช้า” เสียงดุต้อนรับทันทีที่เปิดประตูห้อง ยกข้อมือขึ้นอ่านนาฬิกาพบว่าเพิ่งเป็นเวลาสองทุ่มครึ่ง

“คุณต่างหาก กลับเร็ว” เรื่องอะไรจะยอมให้ง่ายๆ มัวแต่เถียงจนทำให้ไม่ทันสังเกตใบหน้าแดงเรื่อกับท่าทางอ่อนเพลียของชวนันท์

“ไปไหนมา” ชวนันท์นั่งจังก้าพ่นควันฉุยอยู่ที่โต๊ะทานอาหาร เผชิญหน้ากับประตูพอดิบพอดี สายตาจับจ้องธณัติตั้งแต่เปิดประตู เก็บรองเท้า จนตอนนี้เดินมาวางกระเป๋าแหมะที่เคาน์เตอร์หน้าห้อง ท่อนขายาวแกร่งลุกขึ้นพาร่างเดินไปยังเป้าหมาย

“ก็ไปกินข้าวมา ขอโทษที วันนี้คุณกินข้าวคนเดียวก็แล้วกัน” ชวนันท์มองหน้าขาวซีดพบว่าบัดนี้เรื่อไปด้วยสีแดง ไม่เว้นแม้แต่ช่วงคอและไหปลาร้าที่โผล่พ้นจากกระดุมเสื้อที่ปลดอย่างสบายๆ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่ไม่ยอมมองสบฉ่ำเยิ้ม คงจะเกิดจากฤทธิ์แอลกอฮอลล์ที่โชยกลิ่นออกมาทางลมหายใจ

“ไปกับใคร” มือใหญ่จับคางบังคับให้หันมามองหน้าไม่สบอารมณ์ของตน สายตาพลันสะดุดรอยกุหลาบแดงเรื่อที่ต้นคอขาว

“เกี่ยวอะไรกับคุณเล่า! ปล่อยซะที จะได้ทำอาหารให้ ผมง่วงนอนแล้วนะ” ตอบขึ้นเสียงอย่างฉุนๆ เก็บอาการเจ็บแปล๊บจากแรงบีบของอุ้งมือไว้ในใจ

“ไปกับรุ่นน้องคนนั้นเหรอ” หมายถึงโย ที่ได้รู้ความสัมพันธ์คร่าวๆจากธณัติ

“ก็ใช่น่ะสิ บอกไว้ก่อนว่าอย่ามายุ่งกับโยเชียว” ดูเหมือนชวนันท์จะสนใจรุ่นน้องของเขาเหลือเกิน เคยถามถึงก็หลายครั้ง เรื่องอะไรจะให้เจ้าคนบ้ากามอย่างนี้มายุ่งกับโยเล่า

โดยไม่ทันตั้งตัว ปากบางตรงเข้าประกบรุนแรง ลิ้นหนาโรมรันแลบเลีย รับรสขื่นของเบียร์ในโพรงปากของธณัติอย่างถือสิทธิ์ มือข้างหนึ่งสอดเข้าใต้เรือนผมสีน้ำตาลเข้มบังคับไม่ให้หันหน้าหนีได้ ขาแกร่งอ้อมหลังกดให้สะโพกบดเบียดกัน มืออีกข้างล้วงเข้าใต้ขอบกางเกงกอบกุมส่วนไวสัมผัสที่กำลังนอนหลับไหลอย่าง สงบเงียบ

“อื้อ!!” ธณัติร้องในคออย่างตกใจ นี่มันต่างจากคราวที่แล้วที่เขากำลังหลับไม่ได้สติ ตอนนี้เขารู้ตัวเต็มร้อย หากแต่ไม่สามารถขัดขืนได้เพราะกำลังไม่มากพอจะต่อต้าน หัวใจเต้นถี่แรง ร่างกายเริ่มรับรู้ความสุขสมจากสัมผัสที่อีกฝ่ายมอบให้

ปากที่บังคับจูบละออกก่อนจะ ย้ายจุดหมายไปที่ต้นคอระหง จัดการกัดทับรอยเก่าจนขึ้นรอยฟันบางๆ ก่อนจะดูดดุนจนเกิดจ้ำแดงช้ำเด่นชัดตัดกับพื้นสีขาวซีดด้านข้างรอยเดิม ลิ้นเลียเครื่องหมายแสดงความเป็นเจ้าของอย่างพอใจ ได้ยินเสียงหายใจของธณัติหอบถี่ขึ้น มือใหญ่รู้สึกถึงความแข็งขึงขยับขยายของแก่นกายที่กอบกุมอยู่ ท่อนขาแกร่งออกแรงพยุงร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงจะทรงตัวก่อนจะกดให้ร่างผอมนอน นาบแผ่นหลังแผ่บนโต๊ะทานอาหาร ช่วงขาที่ห้อยลงด้านล่างถูกขาของชวนันท์เกี่ยวพันไว้แน่นไร้หนทางจะหลีกหนี

กระชากเสื้อเชิ้ตของธณัติออก อย่างเร็วจนได้ยินเสียงปึ้ด ก่อนจะจัดการรูดส่วนกางเกงออกโดยไม่ลืมเกี่ยวกางเกงในลงด้วยในคราเดียว ร่างข้างใต้คงจะตกใจอย่างมาก สองมือยกขึ้นปัดป่ายป้องกันตัวเอง แต่ไม่นานก็ถูกอุ้งมือหนารวบไว้เหนือศีรษะกดแน่นกับพื้นโต๊ะแข็ง มือที่กอบกุมส่วนกลางลำตัวประเคนความเร่าร้อนให้ไม่หยุดหย่อน น้ำขุ่นที่ไหลเยิ้มออกมาตามห้วงอารมณ์ชโลมจนเปรอะอุ้งมือใหญ่ให้สัมผัส เหนียวเหนอะ ก่อเกิดเสียงเฉอะแฉะน่าอาย ความเร่าร้อนไต่ขึ้นสูงจนรู้สึกถึงช่วงตัวที่สั่นอย่างอ่อนแรงใต้ร่างกายหนา ใหญ่

“โอ๊ย!!” ธณัติร้องลั่นเมื่อรู้สึกถึงแรงกัดไม่เบานักที่ยอดอก ทำให้รู้สึกชาแปลกๆ ส่วนแข็งเกร็งที่ถูกกอบกุมเบื้องล่างถูกรูดย้ำหนักหน่วง การถูกกระตุ้นอย่างรุนแรงสองแห่งพร้อมกันในคราเดียวให้ความรู้สึกทรมานปนสุข สมแบบที่ร่างกายไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต ความกลัวถาโถมให้ต้องร้องวิงวอน

“หยุ...ด...ผม...อ๊ะ!!” มือที่ฝืนขยับอยู่รูดลงเน้นเป็นจังหวะสุดท้าย สะโพกผอมแอ่นแกร็งจนสั่นระริก แผ่นอกขยับหอบหายใจขึ้นลงรุนแรง สายธารสีน้ำนมไหลทะลักล้นปรี่

ริมผีปากถูกครอบครองอีกครั้ง มือหนาปลดปล่อยข้อมือผอมทั้งสองข้างแล้ว หากแต่ยังคงไร้เรี่ยวแรงจะต่อสู้

“!!!” รู้สึกเจ็บแปล๊บที่ช่องทางด้านหลังจนตะลึงลนลาน ธณัติเกร็งข้อศอกไถลตัวกับพื้นโต๊ะหวังหนีออกห่าง แต่ไปได้ไม่ถึงคืบข้อเท้าก็ถูกจับหมับลากให้เลื่อนลงมาอยู่ตำแหน่งเดิมอย่าง ง่ายดาย พยายามฝืนยกตัวขึ้นมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้านล่าง เห็นเพียงนิ้วใหญ่ของชวนันท์ถูกสอดเข้าบุกเบิกช่องลับของตนเอง ฉับพลันก็ถูกมือหนากดช่วงอกจนหัวกระแทกต้องนอนแผ่ลงกับพื้นโต๊ะอีกครา สองมือยกขึ้นจิกท่อนแขนแน่น ศีรษะหันไปมาถูกับโต๊ะจนผมยุ่งเหยิง ดวงตาหลับปี๋ กัดฟันทนต่อความเจ็บเสียดที่เกิดขึ้น นิ้วแกร่งควานสำรวจภายในอย่างอุกอาจ ความกลัวในสิ่งที่ไม่เคยเจอเข้าถาโถมจนน้ำตาเล็ด

ชวนันท์กำลังหน้ามืด เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ความหอมหวานที่ได้ลิ้มลองทำให้อยากจะเดินหน้าต่อไปจนเสร็จสมอารมณ์หมาย เสียงน่ารำคาญเฝ้ากระซิบกรอกหูอยู่ตลอดเวลา มันสั่งให้เขาครอบครองร่างกายที่อยู่ตรงหน้าโดยเร็ว อย่าปล่อยให้ใครหน้าไหนมาแย่งชิงไปได้

...ครอบครองให้ธณัติเป็นของเขาคนเดียว!

...ไม่ว่าจะต้องใช้วิธิไหนก็จะทำ...

...ไม่ว่าจะต้องทำให้ธณัติเจ็บปวดแค่ไหนก็ตาม...

...เจ็บ...ปวด...





“ฮึก...หยุด...คุณแน็ท...ผม...ขอร้อง”

แก่นกายที่ขยายใหญ่จนร้อน ผ่าวฝืนสอดเข้าไปได้เพียงส่วนปลายก็ต้องหยุดชะงักทันทีหลังจากที่เสียง สะอื้นดังแทรกกลบเสียงกระซิบของจิตใต้สำนึก ชวนันท์มองสภาพที่เกิดขึ้นภายใต้ร่างกายเขาอย่างตกตะลึง

…ทำบ้าอะไรลงไป!?...

ธณัตินอนแผ่อยู่บนโต๊ะตัว เดิมอย่างไร้เรี่ยวแรง ผมสีน้ำตาลเข้มยุ่งปรกหน้าไม่เป็นทรง เหงื่อผุดพรายทั่วใบหน้าและลำตัว ริมฝีปากแดงช้ำเผยอหอบรุนแรง แพขนตาหนาปกปิดดวงตาสีน้ำตาลเข้มไว้ข้างใต้ น้ำตาไหลรินจากหางตานองใบหน้า ช่วงคอและแผ่นอกเป็นจ้ำแดงประปราย ยอดอกข้างหนึ่งแดงจัดจากการถูกกัด ท้องน้อยเลอะน้ำรักเหนียวเหนอะหนะ ช่องทางด้านหลังที่ยังมีความแข็งแกร่งของเขาคาอยู่เกร็งแน่น เนินเนื้อปากทางเป็นสีแดงจัด ...ก็นับว่ายังดี ที่ไม่ได้ฉีกขาดจนเลือดออก

...

...นี่น่ะเหรอดี!?...

ชวนันท์อยากชกตัวเองให้ตายซะ เดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ความผิดของธณัติเลยที่จะต้องมาพบเจอเรื่องบ้าๆแบบนี้!! เขากำลังจะทำลายช่วงเวลาที่ค่อยๆก่อร่างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เหลือแต่เพียงดวงตาสีน้ำตาลที่รื้นน้ำตากำลังจ้องมองเขาอย่างหวาดกลัวในตอน นี้

ถอนแก่นกายที่หมดอารมณ์ ออกอย่างเบาที่สุดเนื่องจากไม่ต้องการทำให้ธณัติเจ็บอีกแล้ว แต่เสียงอุทานเบาๆจากร่างข้างใต้ก็ยังตามมาหลอกหลอนเสียดแทงหัวใจ มือใหญ่ค่อยๆช้อนร่างที่เกร็งดิ้นขลุกขลักขึ้น เดินย้ายที่วางธณัติลงบนเตียงนุ่มอย่างเบามือ จัดเสื้อที่คาอยู่หมิ่นๆให้คลุมร่างกายไว้ ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมช่วงล่างที่ไร้อาภารณ์ปกปิด ตัวเขาเองนั่งหันหลังให้ ยกฝ่ามือทั้งสองขึ้นกุมใบหน้าอย่างเหนื่อยแสนเหนื่อย

“…ขอโทษ...” พื้นเตียงยวบช้าๆตามจังหวะที่ร่างผอมด้านหลังขยับกาย

ธณัติดึงผ้าห่มเช็ดน้ำตาจนแห้ง ใบหน้าเหลือแต่รอยแดงๆให้เห็น

“หันมานี่” พยายามกดเสียงสั่นๆออกคำสั่งโดยไม่สนใจว่าใครเป็นเจ้านายใครเป็นลูกน้อง ซึ่งครั้งนี้ชวนันท์ก็ยอมทำตามโดยไร้ข้อโต้แย้งใดๆ

พลั่ก!!!

ฉับพลันทันใด หมัดลุ่นๆถูกประเคนใส่หน้าอย่างรุนแรงจนเจ็บไปหมด...หากแต่มันคงจะเจ็บน้อย กว่าที่ธณัติโดนเมื่อกี้... ชวนันท์ปล่อยตัวให้อีกฝ่ายกดบ่าหนาลงบนเตียง นั่งคร่อมออกหมัดใส่ใบหน้าไม่ยั้ง ไม่สนใจเลือดที่ไหลปรี่ออกจากมุมปาก กำปั้นสุดท้ายถูกทุบลงบนแผ่นอกกว้างอย่างแรงจนกระอักไอ รู้สึกถึงหยาดน้ำอุ่นร้อนพร่างพรมลงบนใบหน้าทำให้ต้องลืมตาขึ้นดู

“นัท...อย่าร้องไห้...ฉันขอ โทษ…” หลังมือใหญ่ยกขึ้นปาดน้ำตาอย่างอ่อนโยน ปากพร่ำบอกคำขอโทษ ...เขาจะขอโทษไปเรื่อยๆจนกว่าจะได้รับการให้อภัย

ธณัติปัดมือทิ้งยกท่อนแขนขึ้นปาดน้ำตา “ผมไม่ได้ร้องไห้!!”

ดูเถิด ปากแข็งแม้กระทั่งเวลาอย่างนี้...ก็นิสัยไม่ยอมใครอย่างนี้แหละที่ถูกใจเขานักหนา

“ยิ้มทำไมเล่า!! มีอะไรน่าขำนักหรือไง!!” เสียงตวาดดังลั่นทำให้ต้องหุบปากหงับ

“…ฉันขอโทษ” วนเวียนกลับมาที่ประโยคเดิม ดวงตาสองคู่สบกันแน่นิ่ง ไร้เสียงตอบโต้ใดๆไปนานสองนาน

“…สัญญาได้มั้ย”

“??”

“อย่าทำอย่างนี้อีก... เรื่องอย่างนี้...มันควรจะเกิดจากความรัก” หันหน้าหนีทำให้ไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ในใจได้ หากแต่ตอนนี้ชวนันท์กำลังให้ความสนใจไปกับโอกาสที่อีกฝ่ายหยิบยื่นมาให้ มากกว่า

“...ฉันสัญญา”

“จริงๆนะ?” เสียงคาดคั้น ใบหน้าขาวซีดดุเอาเรื่องหันกลับมาให้เชยชม แม้ภาพจะดูมัวๆไปบ้างก็เถอะ

“...สัญญา...” ชายหนุ่มทอดเสียงอ่อนโยนหากหนักแน่น สัญญาทั้งกับตัวเองและกับคนด้านหน้า

“งั้นครั้งนี้ยกโทษให้ แต่จำไว้นะ เมื่อไหร่ที่คุณทำผิดสัญญา ...อย่าหวังจะเจอหน้ากันอีกต่อไป” จดจำคำคาดโทษไว้ในใจ ปากยิ้มอย่างยินดีกับคำให้อภัย ความสบายใจทำให้ร่างกายที่เคยตื่นตัวหนักอึ้ง อุณหภูมิกายร้อนผ่าวขึ้น ก่อนที่โลกรางเลือนจะค่อยๆดำมืดลง…


++++++++++++++++++++++++++++++++++
วันนี้ขอลง2ตอนนะคับ ไปอาบน้ำก่อน
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 9-10อัพ21.30 9/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: TonG_x_Zhi ที่ 10-04-2008 01:46:58
หุหุ   หึงจนเกิดเรื่อง...ดี :o8:

รออ่านตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 9-10อัพ21.30 9/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: sin_no ที่ 10-04-2008 02:30:52
หึหึ

สนุกดี ยังอ่านไม่จบเลย

เดี๋ยวกลับมาอ่านต่อ

 o13
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 9-10อัพ21.30 9/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 10-04-2008 03:20:22
 :สงกรานต์1: เหอๆ โรคจิตรพอกัน
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 9-10อัพ21.30 9/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 10-04-2008 11:36:42
หิงจนได้เรื่อง
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 9-10อัพ21.30 9/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 10-04-2008 23:40:49
โว้วๆ เข้ามาอ่านแล้วชอบมากเลย


เรื่องอย่างนี้...มันควรจะเกิดจากความรัก


เหอๆ ถ้าไม่มีรักล่ะ ทำไงดี อ้าก
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 9-10อัพ21.30 9/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Shumi ที่ 11-04-2008 01:16:43
เข้ามาดิ้นรอ  :a4:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 9-10อัพ21.30 9/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 11-04-2008 04:59:36
เข้ามาดิ้นรอ  :a4:
:m22:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 9-10อัพ21.30 9/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: playCardPlaYBoy ที่ 11-04-2008 14:01:29
ผมเป็นคนโรคจิต 11
เสียงเครื่องปรับอากาศในห้อง นอนครางต่ำ อากาศเย็นฉ่ำแบบนี้ ซุกหาผ้านวมอุ่นยามเช้าวันหยุดเป็นความรู้สึกที่เกินบรรยายจริงๆ ...ถ้าไม่ติดแสงแดดที่แยงตาจากกระจกหน้าต่างโค้งบานใหญ่เปิดม่านเต็มพิกัด ล่ะก็นะ

“อืม~~” พลิกตัวบิดขี้เกียจไปได้ยกหนึ่งก็คว้าโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมาดูเวลา

‘เก้าโมงครึ่งงั้นเรอะ’ ในเมื่อตื่นแล้วก็คงข่มตานอนต่อไม่ได้แล้ว ลุกจากที่นอนเดินเข้าห้องน้ำอย่างงัวเงีย ‘สงสัยเมื่อคืนจะหนักไปหน่อย’ เมื่อคืน เขาปลดปล่อยไปหลายครั้ง จากอารมณ์ที่ไม่ยอมสงบง่ายๆ ทำให้เพลียต่อมาจนถึงวันนี้จนได้ โชคดีที่วันนี้เป็นวันเสาร์ ไม่ต้องไปเรียน แถมยังเป็นเสาร์ที่ว่างสุดๆเสียด้วย เพราะเพิ่งจะสอบเสร็จไปเมื่อวานนี้เอง

เข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัว เสร็จ ก็เดินเข้าครัวหาของรองท้องที่กำลังครางโครกคราก เปิดตู้เย็นพบเพียงนมสดกล่องเดียว ...แถมบูดอีกต่างหาก...

โมโหหิว…

อารมณ์เสีย…

อยากแกล้งคน...

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เสียงนกในเมืองนี่มันน่ารำคาญจริงๆ ขนาดอยู่คอนโดตั้งชั้น 24 แล้วนะ ยังอุตสาห์ตามมาทำรังที่ระเบียงซะได้

พลขยับพลิกตัวอยู่บนเตียง หลังใหญ่อย่างหงุดหงิด วันนี้เป็นวันหยุด กะจะตื่นสายหน่อย หาอะไรกิน แล้วค่อยมานั่งดูหวานใจ เจ้านกพลัดถิ่นนี่ดันมารบกวนซะได้ คว้าโทรศัพท์มือถือจากหัวเตียงมามองเวลา

‘สิบเอ็ดโมง สายแล้วนี่หว่า ปอนด์ตื่นรึยังนะ’ ลุกขึ้นนั่งบนเตียงงัวเงียยังไม่ตื่นดีอยู่ซักพัก เกาหัวที่ยุ่งอยู่แล้วให้ยุ่งมากขึ้นอีก มองรอบห้องแบบคิดอะไรไม่ออกอีกสิบนาที ก่อนจะตัดสินใจเคลื่อนตัวออกจากเตียงหลังใหญ่ได้

ระหว่างรอคอมพิวเตอร์บู้ ตเครื่อง ก็เดินเขย่งก้าวกระโดดข้ามกองอุปกรณ์อีเล็คทรอนิกส์ที่วางระเกะระกะอยู่ตาม พื้นห้องเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัว

เดินออกมาจากห้องน้ำได้เพียง ก้าวเดียวท้องก็เริ่มประท้วงโครก ‘ทำไงได้ คนมันวัยกำลังกินกำลังนอน’ คิดเข้าข้างตัวเองพลางเขย่งก้าวกระโดดกระย่องกระแย่งไปทางส่วนที่จัด เคาน์เตอร์กั้นไว้ใช้เป็นห้องครัว เป็นจุดเดียวที่ค่อยดูเป็น ‘บ้าน’ ขึ้นมาหน่อย เปิดตู้เย็นดูซักพัก ก้มลงค้นขนมปังแถวมาปอนด์หนึ่ง กับแซนวิชเสปรดในกระปุกแก้ว หาจานใส่ทากินอย่างตามมีตามเกิด

กินไปใจก็คิดถึงเรื่องเมื่อคืน

ปอนด์เร่าร้อนกว่าทุกวัน เขาไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอะไร

เบียร์รึ ก็ไม่น่าใช่ เขาว่าเขาดื่มน้อยแล้วนะ เด็กหนุ่มยังดื่มน้อยกว่าเขาอีก ประมาณแค่จิบสองจิบเองล่ะมั้ง ที่เหลือก็ปล่อยแก้วค้างไว้รอให้ยุงมาไข่...

หรือเพราะอารมณ์ค้างจากที่จะถูกเขาจูบ ร่างบางเป็นคนห้ามไว้เองนี่นา หรือกำลังเล่นตัวอยู่กันนะ

ยังไงก็ตาม หลังจากเหตุการณ์เมื่อคืนแล้ว พลรู้อย่างหนึ่งคือ เขาอยากสัมผัสผิวขาวเนียนนั้นจนทนไม่ไหวแล้ว จะทำอย่างไรดีล่ะ เหมือนร่างบางจะไม่ได้เดือดร้อนอะไรในด้านการระบายอารมณ์

ในเมื่อปอนด์มีที่พี่งพิง สำหรับระบายออก เขาก็จะต้องตัดที่แห่งนั้นของเด็กหนุ่มออกซะ ...คงจะต้องเลิกโทรหาอย่างเด็ดขาดซักที ต่อไปนี้ควรจะมีเพียง ‘พี่พล’ คนเดียวเท่านั้น เขาจะต้องทำให้เด็กหนุ่มไร้ทางออก จนต้องมาขอร้องเขาให้ได้เลย

ด้วยความคิดถึง หรือจะเป็นความเคยชินก็ตาม ยังไม่ทันกินแซนวิชหมดชิ้นดี ร่างสูงก็ลุกจากเก้าอี้ในครัว เดินเคี้ยวตุ้ยๆ กระโดดกระย่องกระแย่งโยงโย่โยงหยกไปยังจอมอนิเตอร์ คิ้วเข้มขมวดมุ่น เลือกกล้องตัวที่ส่องไปทางเตียงนอนหลังใหญ่ พบว่าเตียงถูกพับผ้าเก็บอย่างเรียบร้อยแล้ว ไม่มีวี่แววของร่างบางนอนซุกอยู่เลย เขาคงจะตื่นสายเกินไปจริงๆ เปิดมุมกล้องอื่นจนทั่วห้องก็ไม่พบเด็กหนุ่ม คาดว่าน่าจะออกไปข้างนอก

เซ็ง...

หงุดหงิด...

อยากระบาย...

อ๊ะๆ อย่าเพิ่ง ยังไม่ได้ไปถึงสองอารมณ์หลังดี จอมอนิเตอร์ก็แสดงภาพปอนด์เดินหิ้วถุงซุปเปอร์มาเก็ตใบใหญ่เปิดประตูเดินเข้ามาในห้อง

‘โธ่...ที่แท้ก็ไปของ’ ไม่รู้เป็นอะไร เพียงแค่ตื่นมาได้เห็นร่างบางในจอมอนิเตอร์ เขาก็รู้สึกชื่นใจพร้อมรับเช้าวันใหม่แล้ว (เที่ยงแล้วเฮีย)

ทำอย่างกับเป็นเด็กที่เพิ่งมีความรักอย่างนั้นแหละ

 สายตาจับจ้องไปที่ร่างเด็ก หนุ่มในห้องครัว อา วันนี้ใส่ชุดไปรเวท น่ารักจริงๆ เสื้อแขนกุดแบบที่ผู้ชายทั่วไปใส่คงอวดกล้ามดูน่าขยะแขยงในสายตาผู้ชายด้วย กัน เข้ากันเหมือนมันถูกตัดมาเพื่อเทวดาน้อยของเขายังไงยังงั้น แขนขาวที่โผล่พ้นวงแขนเสื้อออกมาผอมบางแต่ก็อุดมด้วยกล้ามเนื้อ ดูไม่เละเผละเหมือนเนื้อผู้หญิง ยามยกแขนขึ้นเก็บน้ำแข็งในช่องแช่แข็ง วงแขนเสื้อที่ดูจะใหญ่เกินตัวทำให้สามารถมองลอดเข้าไปเห็นผิวเนื้อใต้ร่มผ้า ได้เลาๆ ท่อนขาที่เขย่งให้สูงเพื่อเก็บของบนชั้นลอยถูกปกคลุมด้วยกางเกงยีนส์รัดรูป สี่ส่วน เผยบั้นท้ายกลมกลึงน่าขยำขยี้

นั่งมองปอนด์เก็บของจนเสร็จ เปลี่ยนเสื้อเป็นเสื้ออยู่บ้านตัวเก่ง ... เสื้อกล้ามหลวมๆกับกางเกงขาสั้นจุ๊ดจู๋ คลุมด้วยผ้ากันเปื้อนพลาสติกใสขลิบมุมด้วยสีแดงเลือดนกตัดกับผิวขาวผ่อง ทอดใส้กรอกไข่ดาวอยู่ในครัวไปขยับตัวขยับสะโพกร้องเพลงไปอย่างมีความสุข ...อา...อยากเห็นเวลาน้องปอนด์ใส่ผ้ากันเปื้อนอย่างเดียวจัง...

มองไปมองมาก็ชักรู้สึกแปลกๆ ก็ท่าทางที่เทวดาน้อยของเขากำลังกินข้าวเช้านี่มัน…

ใส้กรอกเวียนนาสีส้มชิ้นใหญ่ กำลังร้อนๆ ถูกส้อมจิ้มกลางชิ้นพอดิบพอดี ทามายองเนสที่ปลายด้านหนึ่งจนชุ่ม ลิ้นเล็กแดงชื้นโผล่พ้นปากฉ่ำออกมาไล้เลียมายองเนสที่โดนความร้อนจนละลาย เยิ้มเล่นตั้งแต่ปลายไล่ไปจนถึงส่วนกลางชิ้นที่ถูกส้อมจิ้มอยู่ เท่านั้นยังไม่พอ เลียเสร็จก็เริ่มอมปลายไว้ ดูดดันอยู่พักใหญ่ก่อนจะกัดกิน จนมายองเนสสีขาวขุ่นเปื้อนพวงแก้มใส

พลรู้สึกว่าชักกลืนน้ำลาย ลำบากเสียแล้ว แก่นกลางลำตัวมันเริ่มร้อนขึ้น ทั้งๆที่เมื่อวานก็ปลดปล่อยไปตั้งหลายรอบ นัยน์ตาถลนจ้องมองจอมอนิเตอร์ไม่กระพริบ มุมที่เห็นนี่...มันพอเหมาะเหมือนจงใจยั่วให้ดูยังไงก็ไม่รู้แฮะ

นิ้วมือมันแผล่บจากขนมปัง แผ่นทาเนยสด ปาดเช็ดคราบมายองเนสที่ติดอยู่บนแก้มอิ่ม ป้ายจนเห็นคราบมันๆผสมกับคราบขาวๆเป็นทางไล่จากพวงแก้มลงมาถึงปลายคาง เหลือบมองปลายนิ้วเห็นเปื้อนๆก็ไม่คิดมาก ลงมือดูดเลียทั้งนิ้วทั้งฝ่ามือตัวเองจนสะอาด ก่อนจะดึงกระดาษทิชชู่เช็ดซ้ำอีกที กินจนเสร็จฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีพลางยกจานไปล้าง

‘โอย อยากตาย’

ร่างสูงเหลือบมองของเหลวขาว ขุ่นในอุ้งมือตัวเอง เพียงแต่มันไม่ใช่มายองเนสเหมือนที่อยู่ที่ปลายนิ้วเด็กหนุ่ม และเขาก็ไม่มีอารมณ์พิศวาสอยากเลียของของตัวเองซะด้วย...

+++++++++++++++++++++++++++++++++++

เขาแน่ใจว่า’พี่พล’กำลังดู อยู่ ปอนด์คิดอย่างอารมณ์ดี สดใสจนอดฮัมเพลงหงุงหงิงในคอไม่ได้ เขามั่นใจเต็มร้อย...ก็เครื่องส่งสัญญาณกล้องมันกระพริบแว้บๆเข้าตา ทั้งๆที่เมื่อเช้ามันยังดับสนิทอยู่เลย

ไม่รู้ป่านนี้ พี่พลจะเป็นยังไงบ้างน้า

คว้าการ์ตูนอ่านบนเตียงอย่างอารมณ์ดี

เป็นวันหยุดที่มีความสุขจริงๆ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++  


***ความจริงว่าจะลบแล้ว  แต่ให้ จขกท มาลบเองดีกว่า  ลงค้างไว้มันจะสับสนเอานา***
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 11-12อัพ14.30 11/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: playCardPlaYBoy ที่ 11-04-2008 14:04:30
ผมเป็นคนโรคจิต 12
.......................
ชีวิตยังคงเหมือนๆเดิมอยู่ ทุกวัน เช้าตื่นขึ้นมา แต่งตัวไปมหาวิทยาลัย จดเล็กเชอร์ยิก บ่ายแก่ๆเลิกเรียน นัดอ่านหนังสือที่หอสมุดกลางกับพี่พล เย็นหน่อยก็ไปทานอาหาร พอตกค่ำชายหนุ่มก็ขับรถมาส่งที่คอนโด จากวันที่ชายหนุ่มพยายามจูบเขา ผ่านมาสัปดาห์หนึ่งแล้ว ชายหนุ่มไม่มีท่าทีจะล่วงเกินเขาอีก สิ่งที่แตกต่างจากปกติไปมีเพียง

ไม่มีโทรศัพท์จากคนโรคจิตอีกเลยนับจากวันนั้น

หึ เขารู้ ว่าพี่พลต้องการให้นักถ้ำมองคนนี้หายไปอย่างเงียบๆ แล้วเรื่องทั้งหมดก็จะลงเอยด้วยดี ยังไงตอนนี้เขาสองคนก็เป็นแฟนกันแล้วนี่

ไม่มีทาง ตราบใดที่ยังไม่ได้ยินคำสารภาพบาปจากปากชายหนุ่มล่ะก็ เขาจะไม่มีวันยอมให้นักถ้ำมองหายไปอย่างไร้ความรับผิดชอบหรอก

++++++++++++++++++++++++++++++++++

รถจอดอยู่ที่ที่ประจำข้างคอน โด ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบของค่ำคืน ปอนด์ถอดเข็มขัดนิรภัย บอกลาพลเหมือนทุกๆวัน “ขอบคุณที่มาส่งนะครับพี่พล” แต่ชีวิตมันก็ต้องมีการก้าวหน้าบ้าง ร่างบางเอื้อมตัวเข้าใกล้ที่นั่งคนขับ ริมฝีปากแดงนุ่มประทับจุมพิตอุ่นละมุนลงบนแก้มสาก ถอยออกมาก้มหน้าอย่างเขินอาย “ราตรีสวัสดิ์ครับ” ว่าพลางเปิดประตูรถ แต่ชายหนุ่มเร็วกว่า คว้าแขนเล็กไว้ทัน วงหน้าใสหันกลับมามองสบสายตาปรารถนา

“น้องปอนด์ คือ…” เหมือนลิ้นจุกปาก มันพูดไม่ออก ปอนด์เอียงคอมองอย่างสงสัย

“คือ...ขอพี่...เอ่อ...จูบน้องปอนด์บ้างได้มั้ย แบบ...จูบที่ปากน่ะ”

“อย่าเพิ่งเลยครับพี่ ผมยังไม่พร้อม ขอโทษนะครับ”

“ไม่เป็นไรครับ แต่...เราก็คบกันมานานแล้ว จะชวนพี่ขึ้นไปนั่งดื่มน้ำชาบนห้องซักหน่อยได้มั้ยครับ” เอาเลย! ไม่ให้จูบ เราก็จะจับกดแทน

ปอนด์เงียบไปนาน ท่าทางอึกอักลำบากใจ “พี่พลจำเรื่องที่ผมเคยเล่าได้มั้ยครับ โรคจิตถ้ำมองคนนั้นน่ะ ...เขาเคยขู่ผมไว้ เขาบอกว่า ...ถ้าผมพาใครก็ตามขึ้นไปบนห้องล่ะก็ เขาจะทำให้ผมเสียใจจนตายเลยครับ ผมไม่กล้าให้พี่ขึ้นไปบนห้องครับ ผมขอโทษ”

อยากฆ่าตัวเองจริงๆ เขาเกือบลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าขู่อะไรเด็กหนุ่มไป

ไม่น่าเล้ย

ชายหนุ่มแสดงหน้าตาน่ากลัว ปล่อยรังสีอัมหิตออกมาเต็มที่จนร่างบางต้องรีบพูดต่อประโยค “ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากอยู่กับพี่พลตามลำพังนะครับ แต่ผมไม่กล้าจริงๆ เอางี้มั้ยครับ พาผมไปเที่ยวบ้านพี่พลดีกว่า ผมอยากลองไปหมู่บ้านจัดสรรนั้นดูซักครั้ง ได้ยินโฆษณาว่าทะเลสาบในหมู่บ้านตอนกลางคืนเค้าเปิดไฟสวยมากเลยใช่มั้ยครับ” พูดด้วยเสียงตื่นเต้น ดวงตาสีท้องฟ้ายามราตรีเป็นประกายเหมือนมีดาวกำลังส่องแสงวิบวับอยู่ภายใน

อยากฆ่าตัวเองอีกครั้ง จะพาไปได้ไงเล่า นั่นมันบ้านพ่อ! พูดใหม่ให้ถูกกว่าเดิม...บ้านอีหนูพ่อ!

เหงื่อซึมเต็มหลัง กระวนกระวายไม่รู้จะทำยังไงดี

ไม่น่าเล้ย

“ขอโทษนะครับน้องปอนด์ คือ ตอนนี้ไม่สะดวกจะพาไปน่ะครับ คือ ...”

“ไม่เป็นไรครับพี่พล ผมเข้าใจ พี่คงไม่อยากให้คนที่บ้านรู้เรื่องของผมเท่าไหร่หรอก ขนาดผู้หญิงที่พี่เคยคบยังไม่เห็นมีคนไหนเคยไปบ้านพี่เลย แล้วผู้ชายที่ไม่มีอะไรดีอย่างผม ...พี่จะพาไปทำไมให้เสียเวลา ผมขอโทษที่ขอไปโดยไม่ทันคิดนะครับ ลืมเรื่องนี้ไปซะเถอะ ...ราตรีสวัสดิ์ครับ”

ตะลึงจนไม่ทันได้คว้าแขนมา พูดอธิบายกันให้รู้เรื่อง พลมองตามหลังเด็กหนุ่มที่สะพายกระเป๋าวิ่งพลางยกแขนปาดหน้าไปพลางเข้าประตู คอนโดไป

เขาทำให้ปอนด์เจ็บอีกแล้ว

ไม่น่าเลย

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ผ่านไปอีกสองวันโดยที่ไร้เสียงโทรศัพท์จากเบอร์มือถือที่คุ้นเคย ท่าทางนักถ้ำมองคงจะตัดสินใจหายไปจากชีวิตเขาจริงๆ

เรื่องอะไรจะยอม กะอีแค่สารภาพออกมานี่มันยากนักหรือไง แค่แสดงความจริงใจให้เห็นแค่นี้ก็ทำไม่ได้ ทั้งๆที่ปากพร่ำบอกว่าชอบแท้ๆ

นิ้วโป้งป้อนเบอร์ที่จำได้ติดใจลงโทรศัพท์เครื่องจิ๋ว รอสัญญาณให้อีกฟากฝั่งรับสาย

“โทรมาทำไม” เสียงห้วนดังขึ้นทันทีที่รับ

“ทำไมคุณไม่โทรมาหาเลยล่ะครับ”

“เฮอะ คิดถึงรึไง รู้ไว้ซะด้วยนะว่า ฉัน – เบื่อ – เธอ – แล้ว ต่อไปนี้ ฉันจะไม่โทรไปหาอีกแล้ว อยากไประบายออกที่ไหนก็ไป” เน้นย้ำเสียงทีละพยางค์กรอกใส่โทรศัพท์มือถือทำร้ายจิตใจคนฟัง

“เดี๋ยวก่อน” เสียงเด็กหนุ่มดังแทรกขึ้นมาก่อนจะตัดสายทัน “แต่คุณยังมองผมอยู่ไม่ใช่เหรอ ผมรู้นะ ตัวส่งสัญญาณกล้องมันยังทำงานอยู่เลย ทำไม นึกจะเบื่อก็ทิ้งกันง่ายๆอย่างนี้เหรอ ฟังเอาไว้เลยนะ ถ้าคุณไม่โทรมาผมก็ไม่ว่าหรอก เพราะ ผม-จะ-โทร-ไป-หา-เอง!”

“ก็ลองซี่ ลองโทรมาอีกครั้ง รับรอง เธอได้เห็นตัวเองเป็นดาราหน้ากล้องในอินเตอร์เน็ตแน่”

“คุณไม่ทำหรอก ผมมั่นใจ ...แล้วก็นะ ฟังเอาไว้ซะ ถ้าคุณไม่ยอมรับสายหรือทิ้งเบอร์นี้ไปล่ะก็ คุณได้เจอผมนั่งรออยู่ที่หน้าห้องคุณทุกวันแน่นอน ให้มันรู้ไปเลย ว่าคุณเป็นใครกัน!”

+++++++++++++++++++++++++++++++++

จะเอายังไงกับเขาฟะเนี่ย! อุตส่าห์หักห้ามใจไม่โทรไปแทบตาย วันๆได้แต่ดูหนังใบ้ผ่านจอมอนิเตอร์ ได้เห็นแต่ชีวิตประจำวันซ้ำๆซากๆ กลับบ้าน อ่านหนังสือ แล้วก็นอน ชีวิตประจำวันที่ไม่รู้แต่ก่อนพอใจดูไปได้ยังไง อุตส่าห์ปล่อยไปขนาดนี้แล้ว ก็ยังไม่ยอมจากไป แล้วเมื่อไหร่พลในโลกแห่งความเป็นจริงจะได้แตะต้องปอนด์ฟะ ขนาดจูบยังไม่ยอมให้ทำเลย ชิ ทีนักถ้ำมองละยอมให้ ถึงขนาดโทรมาหาอย่างนี้มันจะมากเกินไปแล้ว หึงตัวเองว้อยยยย!

แต่คิดสะระตะกับคำขู่ของเด็ก หนุ่มแล้วมัน....ให้ตายสิ! นั่งรอหน้าห้อง เขามั่นใจว่าปอนด์ทำตามปากพูดจริงๆแน่ แถมคำขู่ที่ใช้มาตั้งนานยังไม่ได้ผลซะอีก จะให้เด็กหนุ่มรู้ได้ยังไงเล่า ว่าชายหนุ่มสุภาพบุรุษแฟนตัวเอง เป็นนักถ้ำมองโรคจิตน่ะ!

“...โอเค เธอชนะ” พูดทั้งๆที่กัดฟันกรอด ไม่น่าโทรไปตั้งแต่แรกเลยตู

“เข้าใจก็ดีแล้ว พรุ่งนี้ผมจะโทรไปหา”

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 
ยามกลางคืนที่ลานจอดรถข้างคอนโด รถดับเครื่องสนิทแล้ว แต่ยังไม่มีท่าทีว่าคนข้างในจะเปิดประตูออกมาเลย

“ปอนด์ เราคบกันมาก็เดือนกว่าๆแล้ว ระหว่างเราทำไมถึงไม่คืบหน้าเลย ปอนด็ไม่พร้อมเพราะอะไรเหรอครับ ปอนด์มีปัญหาอะไรรึเปล่า เราไม่ไว้ใจพี่ใช่มั้ย เราคิดว่าพี่ไม่จริงใจใช่มั้ย ...พี่ดูเป็นคนอย่างนั้นในสายตาปอนด์รึเปล่าครับ”

“แล้วพี่คิดว่าตัวพี่เองจริง ใจรึเปล่าล่ะครับ พี่คบกับผมเพราะต้องการอะไรครับ ต้องการจูบ ต้องการสัมผัสจับต้อง หรือต้องการความรักจากผม”

“...พี่จะต้องทำอะไรพิสูจน์ความจริงใจที่มีให้เราเชื่อล่ะ”

“ผมคิดว่าพี่พลรู้คำตอบอยู่ แล้วครับ วันนี้ขอบคุณมากนะครับ” เอ่ยพลางเอื้อมตัวไปยังที่นั่งคนขับ แนบริมฝีปากนุ่มลงกับแก้มของชายหนุ่มอย่างที่ได้ทำมาหลายวันแล้ว และเหมือนจะรู้ทัน เด็กหนุ่มถอยตัวออกได้เร็วเหลือเชื่อ ...เร็วกว่าที่แขนแกร่งจะยกขึ้นโอบรอบตัวกักขังอิสรภาพได้ทัน “ราตรีสวัสดิ์ครับ”

ประตูปิดลงแล้ว แต่คนที่อยู่ในรถยังจมอยู่กับความคิดของตนเองอยู่นานกว่าจะสตาร์ทเครื่องยนต็

…พี่พลรู้คำตอบอยู่แล้วครับ… คำตอบอะไรล่ะ

หรือว่า ...ปอนด์จะรู้ตัวจริงของนักถ้ำมองแล้ว

... จะรู้ได้ยังไงล่ะ

+++++++++++++++++++++++++++++++++

พลกลับถึงห้องพักได้ไม่นาน โทรศัพท์มือถือที่ทิ้งอยู่ในห้องนอนก็ดังขึ้น

...ปอนด์โทรมาหานักถ้ำมอง…

รับโทรศัพท์ เปิดจอมอนิเตอร์ ปรับหามุมของเด็กหนุ่มก็เจอตัวอยู่ที่ห้องน้ำ

โอย อยากร้องไห้ ตัวจริงแค่จูบยังไม่ได้ ทำไมนักถ้ำมองมันถึงได้ขนาดนี้วะ

ร่างขาวสว่างยืนหันหน้าเข้า หากล้องในห้องอาบน้ำ ทั้งตัวมีเพียงผ้าขนหนูผืนไม่ใหญ่นักเหน็บอยู่ที่เอวแบบจะหลุดมิหลุดแหล่ ฉากหลังเป็นอ่างอาบน้ำที่รองไว้จนเต็ม ผิวน้ำถูกปกคลุมไปด้วยฟองขาวฟอดพองฟูเต็มอ่าง

“ถูกใจฉากที่ผมจัดให้มั้ยครับ”

“ถูกใจสิ ถูกใจมาก” เค้นเสียงแทบไม่ออก ใช่ เขายอมรับตามตรงว่าฉากนี้มันถูกใจเขามาก ...ถ้าจะไม่ใช่ทำได้แค่มองล่ะก็นะ

“งั้นเหรอครับ ผมดีใจนะ ที่พอจะจับทางรสนิยมของคุณได้แล้ว อย่าชักช้าอยู่เลยครับ ผมจะทนไม่ไหวแล้ว ถอดกางเกงออกสิครับ หลับตาลงด้วย ผมจะใช้ปากให้” ทำตามที่ร่างบางสั่งทันที ตาดำเข้มหลับลงจินตนาการถึงปากแดงอิ่มอบอุ่นร้อนรุ่ม

“ผมจะเลียส่วนปลายแล้วนะครับ” มือหนาเคล้นคลึงส่วนปลายตนเองอย่างเสียวซ่าน ถึงฝ่ามือจะไม่ร้อนจัด แต่ก็พอกล้อมแกล้มไปได้

“อา มีอารมณ์แล้วสินะ แข็งแล้วนี่นา” ใช่ ตอนนี้อารมณ์มันพุ่งสูงเกินพิกัดแล้ว ทรมานเหลือเกิน ทำไมได้แต่ฟัง ทำไมไม่ได้ถูกสัมผัสโดยตรงนะ

“เอาล่ะ ต่อไปผมจะอมแล้วนะ ขยับให้เต็มที่เลยครับไม่ต้องเกรงใจ” มือใหญ่ขยับตามเสียงสั่ง ลมหายใจหอบหนัก ความต้องการมันรุนแรงจนแทบระเบิดออกมา จังหวะเร่งขึ้นเรื่อยๆไม่มีหยุด หูก็คอยฟังเสียงหอบของอีกฝั่งสัญญาณ

“อา~ ของคุณทั้งร้อนทั้งใหญ่จนเต็มปากผมเลย ใกล้ถึงแล้วใช่มั้ยครับ กระแทกเข้ามาแรงๆเลยครับ ปลดปล่อยเข้ามาในปากผมเลย” ความปรารถนาระเบิดออกอย่างรุนแรง ...ด้วยมือของเขาเอง เสียงปลายสายครางกระเส่าลากยาวเป็นเวลาเดียวกับที่เขาปลดปล่อย

“อืมม์ อย่าเพิ่งถอนออกนะครับ ขอผมดูดน้ำให้หมดก่อน เห็นรึเปล่า ผมกลืนลงไปไม่เหลือซักหยดเลย ร้อนคอไปหมดแล้ว” เสียงแหบพร่ายังพูดไม่หยุดเรียกอารมณ์ที่ยังไม่สงบดีให้พลุ่งพล่านขึ้นมา ใหม่

“เอาล่ะ...ลืมตาดูผมหน่อยซิ ครับ” เปลือกตาเปิดขึ้น มองปีศาจน้อยในจอมอนิเตอร์ที่ค่อยๆปล่อยผ้าเช็ดตัวเลื่อนหลุดระสะโพกขาว เนียนช้าๆ คราบความปรารถนาของเด็กหนุ่มเปรอะเปื้อนง่ามขาเพรียวทั้งสองข้าง

...แค่เห็น ...แค่ได้ยิน

...ทว่า…

...ไม่ได้สัมผัส ไม่ได้รับรู้ถึงอุณหภูมิที่แตกต่างเลยสักนิด

...ทรมานเหลือเกิน

คืนนั้นทั้งคืน เขาต้องทนกับภาพบาดตา ภาพที่เขาเคยชอบดู ท่าทางน่าอายของเด็กหนุ่มที่เขาเคยสั่งให้ทำด้วยความสนุกสนาน บัดนี้ เขาไม่จำเป็นต้องสั่ง ปอนด์ทำให้เขาเองทุกอย่าง แต่ความสนุกสนานมันกลับไม่เหลือแม้เศษเสี้ยว

และไม่ใช่คืนนั้นคืนเดียว ปีศาจน้อยของเขาไปเรียนรู้มาจากที่ไหนกันนะ วิธียั่วยวนไม่ซ้ำแบบให้ติดกับดักแสนหวานโดยไม่มีทางหลีกเลี่ยงนี้น่ะ

ตั้งใจจะทรมานเขาไปอีกนานแค่ไหนกัน

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 

“……”

“………”

“…………”

“ปอนด์”

“ครับ พี่พล?”

“พี่มีเรื่องจะสารภาพ”

“พี่...พี่เองแหละ ที่เป็นคน...แอบดูแอบถ่ายเรามาตลอด”

“…..”

“คุณเป็นใครกันครับ”

“ปอนด์ พี่รู้ว่าพี่ทำผิดแต่...”

“คุณไม่ใช่พี่พลของผมซัก หน่อย คนนี้ต่างหากพี่พลของผม” ทอดสายตามองไปด้านหลังเด็กหนุ่ม สิ่งที่เห็นคือ ...ตัวเขา? ทำไมล่ะ? ก็เขาอยู่ตรงนี้นี่นา แต่...ปฏิเสธไม่ได้ว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงนั้นคือตัวเขาแน่ๆ

“ใช่มั้ยครับ พี่พล พี่พลของผมน่ะ ไม่มีวันทำเรื่องน่ารังเกียจแบบนั้นได้หรอก” เด็กหนุ่มโอบแขนทั้งสองข้างรอบเอว...พี่พล อย่างรักใคร่ ร่างสูงนั้นโอบกลับดูแล้วเหมือนคู่รักที่จะไม่มีวันพรากจากกัน เขาจ้องตรงไปในดวงตาดำเข้มของ...พี่พล ดวงตาที่ฉายแววดูถูกเหยียดหยาม ปากบางยกเหยียดเยาะเย้ย

“ใช่แล้วครับน้องปอนด์...คน ที่ทำเรื่องอย่างนี้ลงไปได้ ช่างเป็นคนที่น่ารังเกียจจริงๆ คนจำพวกนี้ไม่ควรได้เงยหน้าอ้าปากอยู่บนโลกนี้ด้วยซ้ำ”

“อ้าาาาาาาากกกกกก!!!”

ดวงตาสีดำสนิทลืมผึง ปากร้องโวยวายอย่างไร้สติ ตัวเด้งขึ้นจากนอนเป็นนั่ง มือขวายกขึ้นเหมือนจะคว้า...อะไรซักอย่างที่หลุดลอยไปโดยไม่มีวันได้กลับคืน มา เหงื่อเม็ดเล็กไหลจากขมับกลิ้งตามโค้งใบหน้ารวมกันเป็นเม็ดใหญ่อยู่ที่ปลาย คางก่อนจะหยดลงบนผ้านวม

‘เขาฝันร้าย…อีกแล้ว’ ยังหายใจหอบไม่หาย อุ้งมือทั้งสองข้างถูกยกขึ้นกุมใบหน้าอย่างเหนื่อยอ่อน

เขาจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว เขาอยากจบความสัมพันธ์งี่เง่านี้เหลือเกิน นักถ้ำมองคนนี้ไม่ควรจะมีอยู่ในโลกจริงอย่างที่เขาเคยประนาม

เขาเสียใจที่สร้างคนโรคจิตคนนี้ขึ้นมา

จากวันแรกที่เขาได้เจอปอนด์ ...วินาทีแรกที่ได้ยินเสียงร่าเริง วินาทีแรกที่เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าขาวใสกับดวงตากลมโตนั่น เขารู้ตัวทันทีว่า เขาหลงไหลเด็กหนุ่มมาก …มากเหลือเกิน

หลังจากวันที่เกิดอุบัติเหตุ เขามีโอกาสได้รู้จักพูดคุยกับปอนด์เป็นครั้งแรก การทานอาหารสองต่อสองมื้อแรกในวันถัดมา แม้เรื่องที่คุยจะเป็นเพียงเรื่องทั่วไปไม่มีอะไรสลักสำคัญ แต่มันก็ทำให้รู้สึก ...ชอบเด็กหนุ่มมากขึ้นกว่าเดิม

แล้วตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ที่คำว่า...ชอบ ถูกเปลี่ยนเป็น ...รัก

รัก ...รักมากจนกลัวจะสูญเสียไป

รัก ...รักมากจนไม่กล้าสารภาพความผิดใหญ่หลวงที่เคยก่อไว้กับเด็กหนุ่ม

รัก ...จนไม่รู้จะทำอย่างไรดี

...ตอนนี้เขากำลังถูกลงโทษ เมื่อไหร่ความทรมานนี้จะจบลงเสียทีนะ ถ้าเพียงแต่เขากล้าบอก ถ้าเพียงปอนด์จะไม่โกรธเกลียดเขา ไม่ไปจากเขา...

แต่

มันจะง่ายอย่างนั้นเชียวหรือ?

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 o7ตั้งใจจะรีบโพสแต่ดันแมงป่องไอ้ตัวเล็กๆอ่ะ นอนดีๆมานมุดเข้ามาต่อย ที่สำคัญโดนที่ต้นขากะใกล้ๆๆ..... o7 คิดแล้วเศร้านี้ยังปวดจี๊ดๆอยู่เลย สงสัยแมงป่องโรคจิต o2


***ความจริงว่าจะลบแล้ว  แต่ให้ จขกท มาลบเองดีกว่า  ลงค้างไว้มันจะสับสนเอานา***
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 9-10อัพ21.30 9/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: graydragon ที่ 11-04-2008 16:56:03
ขอถามนิดนึงนะ มาผิดตอนหรือเปล่า???  :o :o
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 9-10อัพ21.30 9/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: playCardPlaYBoy ที่ 11-04-2008 17:17:14
 o2gเบลอจนลงผิดอัน กำจิงๆเรา ขอโทดๆแก้ตัวใหม่
ผมเปล่าโรคจิตนะ! 11
...............................


ความหนาวเข้ารุมเร้าจนร่าง กายทุกส่วนสั่นระริก คอแห้งเป็นผงหากไร้เรี่ยวแรงจะลุกขึ้นหาน้ำดื่ม ความทรงจำเมื่อยังเยาว์วัยหวนกลับมาให้คิดถึงอีกครา

ตอนที่อายุ 10 ขวบก็เคยมีอาการอย่างนี้ บิดามารดาทำงานหนักจนไม่มีเวลาดูแล ผู้ที่อยู่เคียงกายมีเพียงพี่เลี้ยงหญิงวัยกลางคนเท่านั้น คนที่เลี้ยงเขาตั้งแต่ลืมตามองโลกกว้าง คนที่คิดว่าเป็นแม่คนที่สอง

‘ดื่มน้ำหน่อยนะจ๊ะ แน็ท’ หญิงสาวช้อนตัวเด็กชายหน้าแดงตัวร้อนผ่าวนอนแบ่บอยู่บนเตียงให้ลุกขึ้นอิง หมอนใบใหญ่ จ่อแก้วน้ำที่ปากให้ค่อยๆจิบ น้ำที่ดื่มอยู่ทุกวันกลับให้ความรู้สึกสดชื่นมากกว่าวันใดๆ

‘คุณป้า ผมหนาว’ เด็กชายพูดเสียงสั่นปากสั่น สิ่งที่ได้กลับมาเป็นความอบอุ่นในอ้อมกอดที่ไม่รู้ลืม ชวนันท์ซบอ้อมกอดนั้นอย่างสบายกาย ถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะจมสู่ห้วงนิทรา

...

...

“ดื่มน้ำหน่อยนะ คุณแน็ท” เสียงที่คุ้นเคยกระซิบท่ามกลางอนุสติรางเลือน มือของใครบางคนช้อนคอเขาขึ้นจากหมอน น้ำอุ่นๆแตะริมฝีปากที่เผยอรับ

“แค้กๆ!!!” ด้วยความไม่รู้สติทำให้สำลักไอของเหลวออกมา คอที่แห้งอยู่แล้วยิ่งรู้สึกแสบร้อนไปหมด

“เฮ้อ...“ เขาได้ยินเสียงถอนใจ ต้นคอถูกวางนาบหมอนนุ่มดังเดิม ปากถูกเปิดพร้อมกับเม็ดอะไรบางอย่างรสขมฝาดถูกหย่อนเข้ามา ยังไม่ทันได้ไอทิ้งก็รู้สึกถึงความอุ่นนุ่มแนบประทับริมฝีปาก ของเหลวอุ่นๆค่อยๆไหลลงคอช้าๆ น้ำอุ่นธรรมดาพลันให้รสชาดดั่งน้ำทิพย์

“...หนาว” เขาเพ้อเสียงสั่น ตัวคุดคู้อยู่ใต้ผ้าห่มที่ไม่ได้ช่วยบรรเทาความเยือกนี้เลยสักนิด

ผ้าห่มถูกเลิกขึ้นให้ไอเย็นของเครื่องปรับอากาศแทรกเข้าถึงกาย เขายกแขนเอื้อมตะกายทวงผ้าผืนใหญ่คืน

สิ่งที่คว้าได้กลายเป็นร่าง กายที่อุ่นนุ่ม ผ้าห่มผืนใหญ่ปกคลุมพวกเขาทั้งสองอีกคราหนึ่ง ในเวลานี้กลับรู้สึกอุ่นซ่านกายเข้าไปจนถึงหัวใจ ชวนันท์โอบรัดร่างที่กอดเขาไว้แน่น ซุกหน้าลงกับเรือนผมหอม ถอนหายใจดำดิ่งสู่ราตรีกาลอย่างเป็นสุข


++++++++++++++++++++++++++++


รู้สึกตัวอีกทีเมื่อแสงแดดจากกระจกบานใหญ่สาดส่องเข้าแยงตา ชวนันท์ลืมตาช้าๆ สติค่อยๆกลับคืน

“สายแล้ว!” ตั้งใจจะลุกขึ้นจากที่นอนอย่างเร่งรีบ หากแต่ชะงักเนื่องจากติดแขนที่คนนอนข้างๆโอบกอดเขาเอาไว้แน่นหนา

นี่เอง ความอบอุ่นในฝันเมื่อคืน

...ไม่ใช่ฝัน...มันเป็นความ อุ่นนุ่มที่สัมผัสได้จริงแม้ในเวลานี้ ชวนันท์มองใบหน้าขาวซีดที่นอนหลับตานิ่งอยู่ข้างกาย รู้สึกมีความสุขจนอยากยิ้มกว้างๆ

แปล๊บ!!

มุมปากเจ็บแสบทันทีที่ยกยิ้ม เขายกมือขึ้นแตะ พบว่าตอนนี้มีพลาสเตอร์ปิดแผลเรียบร้อยแล้ว คนที่ทำให้คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกซะจากคนที่ชกไม่ยั้งจนเกิดแผลนี้นั่นเอง

ลากมือไปยังจุดอื่นของใบหน้า พบว่ายังมีพลาสเตอร์แปะที่หัวคิ้วอีกแห่ง ตำแหน่งอื่นก็คงจะฟกช้ำด้วยล่ะมั้ง

...ก็สาสมกับที่ทำรุนแรงไว้ล่ะนะ...

สำรวจตัวเองอย่างแปลกใจ ผ้าเช็ดหน้าขนหนูลายโปชาโกะชื้นๆหล่นร่วงลงบนหมอน เดาว่าเมื่อคืนมันคงทำหน้าที่ลดความร้อนให้เขา ร่างกายลื่นมือก็คงเป็นฝีมือธณัติที่เช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อนอนให้

...ทั้งๆที่ธณัติน่าจะเจ็บปวดอ่อนเพลียด้วยฝีมือเขา แต่ชายหนุ่มก็ยังมีแก่ใจจัดการดูแลเขาจนเรียบร้อยได้...

ฝ่ามือใหญ่ลูบพวงแก้มใสอย่าง เบามือ ใบหน้านั้นถูไถกับฝ่ามือเขาเหมือนลูกแมวออดอ้อน เขาแนบจุมพิตลงที่หน้าผากเบาบางก่อนจะออกเสียงเรียกธณัติให้รู้สึกตัว

“อืม” แขนผอมที่กอดเขาอยู่ยกขึ้นบิดขี้เกียจ ...รู้สึกเสียดายความอบอุ่นนี้เหมือนกัน แต่งานต้องมาก่อน

ดูเหมือนธณัติจะเพิ่งรู้ตัว ว่านอนกอดคนตัวใหญ่จนถึงเช้า แก้มขาวๆฝาดสีเลือดขึ้นทันที ดันกายออกห่างจากเตียงหลังใหญ่เงอะงะ พูดกับเขาเสียงเบา

“ต...ตื่นแล้วเหรอ”

“อือ ขอบคุณที่ดูแลนะ” ชวนันท์ส่งยิ้มบางให้ ปัดผ้าห่มให้พ้นทางตั้งท่าจะลุกเดิน แต่ก็ต้องถูกกดนอนลงเหมือนเดิม ธณัติดึงผ้าห่มห่มให้ถึงช่วงคอ มองหน้าเขาอย่างดุๆ

“อย่าคิดไปทำงานเชียว ยังไม่หายดีซักหน่อย” มือผอมแนบหน้าผากวัดอุณหภูมิคร่าวๆ

“แต่...เอกสารยังไม่ได้เซ็น” เมื่อคืนก็กลับเร็วกว่าปกติแล้ว งานที่ค้างก็ยังทำไม่เสร็จดี
 
“ช่างงานมันสิ ช้าไปซักวันบริษัทไม่เจ๊งหรอกน่า” ธณัติยังสวมบทคุณแม่ได้สมบูรณ์แบบ คว้าผ้าโปชาโกะชุบน้ำในกะละมังข้างเตียงโปะลงบนหน้าผากกว้าง

“แต่...”

“เว้ย! แต่เต่ออะไรเล่า! บอกให้นอนก็นอนไป” พูดตัดบทรวดเร็วจนชวนันท์หน้าจ๋อย คนเราเวลาป่วยนี่อ่อนแอลงจริงๆด้วยแฮะ

“เอางี้ ถ้าวันนี้หยุดอยู่บ้านทั้งวัน เดี๋ยวตอนเย็นจะทำแพนเค้กคิตตี้ให้กิน” เลี้ยงเด็กดื้อก็ต้องเอาขนมเข้าล่อ

ชวนันท์ยิ้มหึ “ใครจะอยากกินแพนเค้กที่แป้งไม่ละลายจับเป็นก้อนกันเล่า” เออเฮอะ! แต่เวลาป่วยหมาในปากมันไม่ยักป่วยตามแฮะ

“แถมเคโระ เคโระอีกตัว ว่าไง? ...ราดน้ำผึ้งให้ด้วย เอ้า” กลั้นใจแผ่กุศล หยอดของล่อเพิ่มอีกอย่างสองอย่าง ชวนันท์ทำท่าคิดหนัก

“...ก็ได้” ถอนใจพร้อมหลับตานอนพักผ่อน





“นัท...” เสียงเรียกดังขึ้นจากเตียงนอนเรียกให้ธณัติละความสนใจจากโน้ตบุ๊ค

“มีอะไร หิวแล้วเหรอ?”

“แต่งชุดนางพยาบาลให้ดูหน่อย จะได้หายเร็วๆ” สงสัยเห็นวันนี้ใจดี เลยลามปามใหญ่

“นอนเงียบๆไปเลย ไอ้คิตตี้ เดี๋ยวพ่อเอาขี้เถ้ายัดปาก!”


+++++++++++++++++++++++++++++++


หลังจากวางชามข้าวต้มหมูกับยาลดไข้ไว้ข้างเตียงคนป่วยที่หลับไม่รู้ตัว ธณัติก็ลงจากคอนโดขี่มอเตอร์ไซค์ดิ่งไปยังบริษัท

เป็นเวลาเที่ยงกว่าแล้วจึง ไม่ค่อยมีพนักงานอยู่ในออฟฟิศ เป้าหมายแรกที่มุ่งหน้าไปจึงเป็นแผนกวางแผนระบบหมายจะไปเก็บงานที่ทำค้างไป นั่งทำระหว่างดูแลคนป่วย เดินเข้าแผนกเงียบๆกลับต้องเห็นภาพแปลกใจ

โย เด็กหนุ่มรุ่นน้องกำลังเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานของเขาอยู่ ท่าทางจะไม่รู้สึกถึงการมาของเจ้าของโต๊ะที่หยุดดูอยู่หน้าประตูเงียบๆ

“...พี่นัท...” โยกระซิบชื่อเขาเบาๆ มือถือผ้าเช็ดหน้าของเขาขึ้นแนบจมูกสูดดม ก่อนจะรีบเก็บเข้ากระเป๋าปิดลิ้นชักโดยเร็ว

หมุนตัวเตรียมหนีออกจากห้อง ก็ต้องตกตะลึงตาค้างที่เห็นคนที่เพ้อถึงยืนกอดอกพิงผนังมองเขานิ่งๆ ธณัติเดินผ่านโยไปไม่พูดอะไร เมื่อเดินเลยไปถึงโต๊ะของรุ่นน้องก็เปิดลิ้นชักโดยที่เด็กหนุ่มห้ามไว้ไม่ ทัน

“!!!”

พวงกุญแจ ปากกาด้ามสีดำที่เคยถามหา หลอดดูดน้ำ ยางลบ ของอื่นๆที่เคยหายไปมากมาย แม้กระทั่งผมสีน้ำตาลเข้มห่อในซองพลาสติก ทั้งหมดนี้ถูกซุกอยู่ที่มุมลึกของลิ้นชัก ธณัติค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองรุ่นน้องที่ยืนตัวเกร็งหน้าซีดเผือด

“อธิบายได้มั้ย?” ถามเสียงเย็น

“…” ไร้การตอบสนอง

“ของที่หายทั้งหมด นายเป็นคนเอาไป?” โยผงกหัวหงึกหงัก

“ทำไปทำไม ไม่เห็นว่าไอ้ที่เอาไปมันจะมีค่าตรงไหน”

“…”

“เกลียดฉันเหรอ ถึงแกล้งกันเป็นเด็กๆอย่างนี้?” ส่ายหัวปฏิเสธว่าไม่ใช่ แต่ก็ไม่ทำให้คำตอบมันกระจ่างขึ้นกว่าเดิมเลย

“งั้นทำทำไม...หรือว่า...นายมีงานอดิเรกชอบขโมยของคนไปทั่ว” เกินน้ำอดน้ำทน รุ่นพี่ของเขาช่างซื่อบื้อเหลือเกิน!

“ผมไม่ได้ขโมยของคนอื่นไป ทั่วซักหน่อย! ผม...แค่ของของพี่นัทคนเดียว” ท่าทางธณัติที่มองมางงๆทำให้คิดว่า ถ้าไม่พูดตรงๆคงจะเล่นยี่สิบคำถามไปอีกนาน โยหลับตาปี๋ดับเครื่องชน ตะโกนเสียงดังลั่น

“ผมก็แค่อยากได้ของของคนที่ชอบมาเก็บไว้ใกล้ตัว มันผิดตรงไหนเล่า!!??”

เหมือนถูกทุบด้วยสากกะเบือ ประโยคนี้เขาเคยพูดให้ชวนันท์ฟังมาแล้ว นี่มันหมายความว่า...โยชอบเขางั้นเหรอ

“นาย...”

“ใช่...ผมชอบพี่ ชอบมานานตั้งแต่ตอนเรียนแล้วด้วย!!”

แล้วอย่างนี้เขาจะเอาผิดเจ้า รุ่นน้องคนนี้ได้ยังไง? พวกเขามันหัวอกเดียวกัน! ธณัติคิดหนัก จะให้ยอมรับมันก็ยังไงอยู่ แต่เขาเข้าใจความรู้สึกของโยดี...ที่สำคัญเขารู้สึกนับถือโยซะด้วยที่กล้า บอกออกมาตรงๆอย่างนี้ ผิดกับเขาที่ขี้ขลาดกลัวหัวหดซะจนเสียคนที่ชอบไป

“พี่นัท...” โยเดินเข้าใกล้คว้าตัวเขากอดหมับ รู้สึกถึงความสั่นไหวของร่างกายเด็กหนุ่ม ธณัติจึงกอดตอบ มือวางบนผมนุ่มปลอบใจ

“อย่าคิดมาก...ฉัน...ไม่ได้ รังเกียจนาย...ฉัน...” นึกว่าจะได้รับการผลักไสแต่กลับกลายเป็นกอดตอบ โยเงยหน้าขึ้นมองน้ำตาคลอหน่วย ความหวังริบหรี่ถูกโหมแรงขึ้นกว่าเก่า

“พี่นัท…ชอบผมได้รึเปล่า?” มองอย่างมีความหวัง ธณัติอึกอักทำอะไรไม่ถูก

“...ฉัน...”

ทันใด โยสังเกตเห็นรอยบนต้นคอที่เขาทำไว้เมื่อวาน คิ้วขมวดมุ่น มันไม่ใช่รอยเดี่ยวๆ มันถูกบดบังจนเสียรูปด้วยรอยฟัน ด้านข้างปรากฏกลีบผีเสื้ออีกกลีบ แดงจัดกว่าที่เขาทำไว้ซะอีก... มือเล็กยกขึ้นลูบโดยที่ชายหนุ่มไม่ทันตั้งตัว

“พี่นัท...มีคนรักอยู่แล้ว?” เหมือนถูกช่วยขึ้นมาจากการจมน้ำ แล้วถูกโยนกลับลงไปใหม่ ตัวสั่นไหวมากกว่าเดิม

“ม...ไม่ใช่!!” ปากไปก่อนความคิด รู้แต่ว่าต้องปฏิเสธ

“งั้นก็...ถูกบังคับ?”

“ก็...นะ” ก็เมื่อคืนถูกบังคับจริงๆนี่นา

“’งั้นผมก็ยังมีหวังใช่มั้ย ผมไม่ยอมแพ้หรอกนะ” โยพูดอย่างมุ่งมั่น

“…”

…พระเจ้าช่วยกล้วยทอด! ท่านอยากให้ผมเป็นเกย์นักใช่มั้ย??!!


+++++++++++++++++++++++++++++++++


ประตูห้องถูกไขเปิด ธณัติหอบหิ้วเอกสารของชวนันท์ที่ไปรับจากเลขาแอนวางบนเคาน์เตอร์หน้าห้อง ร่างผอมรีบเดินไปดูสภาพคนป่วยในห้องนอนก่อน

“เป็นอะไรรึเปล่า ทำไมไม่นอน?” ชวนันท์นั่งซุกหน้ากับฝ่ามืออยู่ปลายเตียงทำให้รู้สึกเป็นห่วงว่าอาการจะหนักขึ้น

ชวนันท์เงยหน้าขึ้นมองธณัติ ดวงตาแห้งผาก เมื่อร่างผอมเดินเข้ามาใกล้นาบหลังมือกับหน้าผาก มือใหญ่ก็รวบเอวมาใกล้ แขนแกร่งโอบกอดแน่น ใบหน้าซุกลงช่วงท้องแบนราบ

“ฉัน...ฝัน...ว่าไม่เหลือใครเลย” ศีรษะที่ซุกอยู่สั่นไหว ทำให้ธณัติต้องวางมือลงสางผมดำปลอบโยน

“ผมแค่ไปเอาเอกสารมาให้คุณนั่งเซ็นเท่านั้นเอง ไม่ได้หนีไปไหนซักหน่อย”

“อย่า...ไปไหนไกล อยู่ข้างๆฉันตลอดไปได้มั้ย?” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นเว้าวอน ท่าทางเหมือนเด็กน้อยไร้ที่พึ่งพิงทำให้ธณัติตระหนัก…

นิสัยชอบจับชอบแตะ ชอบกอดเขาไว้แน่นไม่ยอมให้ห่าง หวงเขาเหมือนเด็กหวงของเล่น กลัวใครจะมาแย่งไป...ก็เพราะชวนันท์เป็นคนขี้เหงา...บางทีอาจจะเพราะฐานะ ตำแหน่ง หน้าตา ทำให้หาคนสนิทที่จริงใจได้ยาก

เพราะเหงา จึงอยากให้ใครก็ได้มาอยู่ใกล้ๆ

...ใครสักคน...ที่ไม่จำเป็นต้องเป็นเขา?

...ใครก็ได้ที่ชวนันท์คว้าถึง...

...ก็แค่...เครื่องระบายความเหงา...

+++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 9-10อัพ21.30 9/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: playCardPlaYBoy ที่ 11-04-2008 17:18:47
ผมเปล่าโรคจิตนะ! 12
................
‘อยู่ข้างๆฉันตลอดไปได้มั้ย?’

...คำถามเมื่อคืนไร้คำตอบ แม้จะมีกระแสเว้าวอนจากคนป่วยส่งมาก็ตาม สิ่งที่ธณัติทำได้ก็แค่อ้ำอึ้ง อ้ำอึ้ง แล้วก็อ้ำอึ้ง พออีกฝ่ายเปิดปากจะพูดเท่านั้น เขาก็รีบวิ่งหนีขอตัวไปทำแพนเค้กทันที ทุกอย่างจบลง ชวนันท์นั่งวิจารณ์แพนเค้กรูปแมงกระพรุนกับโถน้ำโบราณราดน้ำตาลไหม้อย่าง สนุกปากเหมือนไม่เคยมีเรื่องก่อนหน้านี้เกิดขึ้นมาก่อนยังไงยังงั้น

...ชวนันท์พยายามซ่อนความผิดหวังไว้ข้างใน เหมือนกับธณัติที่ซ่อนอารมณ์ดำมืดซึ่งตนเองไม่รู้ที่มาไว้ลึกๆ...

ตั้งแต่ที่เจอกันครั้งแรก ก็มีสาวสวยมาตามตื๊อถึงหน้าห้อง เขายังจำได้ดีถึงคำพูดจาหยาบคายทำร้ายจิตใจอีกฝ่ายอย่างไม่สนหน้าอินทร์หน้า พรหมของชวนันท์ ถึงจะมีแค่รายเดียวให้เห็นจะจะ แต่การที่อาศัยอยู่ด้วยกันมาหนึ่งเดือนทำให้รู้ว่าชายหนุ่มไม่ได้มีตัวเลือก แค่คนเดียว ชวนันท์พร้อมจะคบและเลิกโดยไม่รู้สึกเสียดายเลยสักนิดเดียว จำนวนสายที่เข้ามายังโทรศัพท์มือถือ จำนวนครั้งที่ชายหนุ่มบอกเลิกไป เขาได้รับรู้แต่ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัว

...นี่ก็อีกเรื่องที่ไม่เข้าใจ ผู้หญิงมากมายต้องการอยู่ข้างๆก็ดันผลักไส ทีเขาจะต่อยกันตายทำไมต้องขอให้อยู่ด้วยนะ...

“พี่นัท”

ด้วยความที่กำลังจมอยู่ในโลกส่วนตัว เสียงเรียกพร้อมกับตาใสแจ๋วระยะประชิดทำให้ธณัติตกใจแทบตกเก้าอี้

...นี่ก็ปัญหาแก้ไม่ตกอีกเรื่อง...ชายหนุ่มถอนหายใจ

“ทำไมเหรอ โย?”

“หิวมั้ยครับ ผมซื้อเค้กมา พักงานกินด้วยกันซักแป๊บนึงมั้ย”

ธณัติมองนาฬิกาข้อมือ นึกได้ว่าทำไมถึงรู้สึกหิวนัก เขาทำงานติดต่อกันมาเจ็ดชั่วโมงแล้ว นับตั้งแต่ช่วงบ่ายที่ผ่านมา จากการหยุดงานดูแลคนไข้เมื่อวาน ทำให้งานที่ควรจะเสร็จกลับไม่เสร็จตามเวลาที่กำหนด โอทีที่หยุดทำไปได้สองวันเลยกลับมาเยี่ยมเยือนอีกครา บรรยากาศเดิมๆกลับมาให้ชื่นชม...ออฟฟิศที่ไม่มีใครเลยนอกจากเขากับโย เมื่อก่อนก็รู้สึกอุ่นใจที่มีคนอยู่เป็นเพื่อนอยู่หรอก แต่หลังเหตุการณ์เมื่อวานมันก็เปลี่ยนเป็นความกระอักกระอ่วนแทน

“ก็ได้” ละมือจากเม้าส์ชั่วคราวก่อนเดินตามรุ่นน้องเจ้าปัญหาไปยังห้องพักพนักงาน กล่องเค้กสีลูกกวาดวางหราอยู่บนโต๊ะทานอาหาร ข้างในมีเค้กตกแต่งหน้าตาหรูหราน่าทานอยู่สองชิ้น บานอฟฟี่ในถ้วยพลาสติกใสอีกถ้วยหนึ่ง ด้วยความหิวประกอบกับภาพที่เห็นทำให้ธณัติพักเรื่องหนักใจไว้ก่อน คว้าส้อมพลาสติกที่ติดมาในถุงขึ้น ลงมือตักทานทันที

“ชอบมั้ยครับ” โยนั่งเท้าคางดูรุ่นพี่จ้วงเค้กชิ้นโตทานอย่างเอร็ดอร่อย ตัวเองถือส้อมพลาสติกตักชิมเพียงเล็กน้อย

“อื้อ! ชอบสุดๆเลยนะเนี่ย!!” คว้าน้ำผลไม้ดื่มแก้เลี่ยน ดื่มได้สองอึกก็ต้องสำลักพรวดเมื่อได้ยินเสียงพูดปนหัวเราะของโย

“เหรอครับ...ผมดีใจนะ...ที่พี่นัทชอบผม”

…มันไปเกี่ยวกันได้ยังไงฟะ?...

ธณัติมองหน้าเจ้ารุ่นน้อง อย่างระแวง...นี่มันจะเฮี้ยนอะไรขึ้นมารึเปล่าเนี่ย! แต่โยก็แค่หัวเราะเบาๆนั่งมองเขาอยู่อย่างเดิม “ทานต่อเถอะครับ ผมล้อเล่น”

เค้กถูกตักเข้าปากอีกครั้งแต่สปีดตกลงกว่าเดิม เริ่มรู้สึกว่าดวงตาที่ส่งประกายปิ๊งๆมามันฉ่ำเยิ้มพิกล

“เอ่อ...ถ้าไม่ลำบากอะไร...ช่วยเลิกจ้องกันก่อนได้เปล่า มองกันอย่างนี้กินไม่ลงว่ะ”

“ลำบากครับ…พี่นัทไม่ต้องเกรงใจผมหรอก กินต่อไปเถอะ”

...ไม่ได้เกรงใจเฟ้ย!!...

แต่ถ้าจะให้ละทิ้งเจ้าเค้ก ชิ้นน้อยที่อ้อนวอนขอให้เขาลองลิ้มชิมรสอยู่นี่ล่ะก็ ฝันไปเถอะ ธณัติหลับหูหลับตาโซ้ยต่อจนหมดเกลี้ยง ไม่สนใจโยที่นั่งลวนลามทางสายตา ยกน้ำขึ้นดื่มอึกๆจนหมดขวด

“ฮ้า! อร่อย” สะใจจริงๆ ไม่ได้กินของอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว

“รู้สึกอะไรมั้ยครับ” โยเก็บกล่องเค้กกับขวดน้ำใส่ถุงผูกปากแน่นเตรียมทิ้ง ปากก็พูดเนิบนาบชวนคุยไปเรื่อย แต่คำถามมันสะกิดหูจนต้องหันหน้ากลับไปมองอย่างหวาดๆ

“นายคงไม่ได้...ไอ้โย...แก ใส่อะไรลงไปฟะ!” คิดว่าเจ้าเด็กนี่อาจจะใส่ยาอะไรบางอย่างเข้าไปก็ได้ แต่จะให้อ้อกออกมาตอนนี้มันก็เสียดาย เอ๊ยไม่ใช่! มันทำไม่ได้...ก็กินเข้าไปแล้วนี่นา

ธณัติลุกขึ้นยืนเดินถอยหลัง ตั้งท่าระวังถั่ว ในใจก็นึกบทสวดส่งวิญญาณปีศาจร้ายที่เคยเห็นพวกพ่อมดหมอผีในหนังมันสวดกัน จะใช้ได้ผลรึเปล่าก็ไม่รู้ ท่องไว้ก่อนดีกว่า ไม่เชื่ออย่าลบหลู่

โยลุกยืนขึ้นเดินเข้าหา ทำหน้าเสียอกเสียใจ “พี่นัทมองโลกในแง่ร้าย...ผมก็แค่ใส่ความรักลงไปเอง...หวานดีมั้ยครับ”

อ้วก!!! เสี่ยวสิ้นดี!!!

“นี่กำลังจีบฉันอยู่เหรอเนี่ย” ผู้ชายรักกันนี่มันต้องน้ำตาลเยิ้มมดขึ้นขนาดนี้เลยเชียวเรอะ

“ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอครับ” โยยิ้มหวาน แต่ในมุมมองของเขามันเหมือนแสยะยิ้มมากกว่า “ผมบอกแล้วไงว่าไม่ยอมแพ้”

“นาย...ชอบฉันตรงไหน?” โอ๊ย เขิล! ถามออกไปได้ยังไง

“…พี่นัทจำตอนแรกพบน้องใหม่รุ่นผมได้รึเปล่าครับ”

“เอ่อ...” โยอ่อนกว่าเขาสามปีแสดงว่าตอนนั้นเขากำลังจะขึ้นปีสี่ จำได้ว่าโดนเพื่อนลากไปทั้งๆที่ติดทำงานพิเศษ

“ตอนที่ให้น้องใหม่แนะนำตัว ทุกคนต้องซดเหล้าเพียว พวกผู้หญิงจะมีรุ่นพี่ผู้ชายอาสาให้น่ะครับ” มันก็ธรรมเนียมปกติของกลุ่มเขา ธณัติยังจำได้ว่าวันรับน้องตอนที่อยู่ปีหนึ่ง เขากะซดหมดขวดชิงรางวัลพันบาทจากรุ่นพี่จนหัวราน้ำต้องให้เพื่อนลากกลับด้วย ซ้ำ

“ตอนนั้นผมแนะนำตัว พอกำลังจะลุกออกไป พี่นัทก็อาสาซดให้แทนก่อน”

“จำผิดรึเปล่า?” เขาจำได้ว่าเขาซดแทนรุ่นน้องผู้หญิงนี่นา!

“ผมจำไม่ผิดหรอก…”





ภาพความทรงจำหวนกลับมา ตอนนั้นกลุ่มรับน้องจัดขึ้นที่สวนอาหารที่เขากับโยเพิ่งไปกินวันก่อน โต๊ะอาหารถูกจัดเรียงเป็นแถวยาวรองรับคนกว่าสี่สิบคน รุ่นพี่กลุ่มตั้งแต่ปีสองไล่ไปถึงปีสี่ยืนล้อมน้องใหม่ไว้ตรงกลาง ให้ปีหนึ่งลุกขึ้นแนะนำตัวทีละคน

น้องใหม่หน้าหวานคนหนึ่งลุก จากเก้าอี้ ตัวค่อมน้อยๆอย่างไม่ค่อยมั่นใจในตนเอง พูดแนะนำตัวเสียงเบาจนเสียงเจี๊ยวจ๊าวรอบข้างกลบมิด รุ่นพี่ที่ยืนด้านหลังก้มหน้ายื่นหูเข้าใกล้ก่อนตะโกนออกมาดังลั่น

‘เอ้า ต้อนรับน้องโยกันหน่อยโว้ย!!’ เสียงเพลงรับน้องดังขึ้นจากรุ่นพี่รอบข้างผสมกับเสียงตบมือเป่าปากมั่วไปหมด ขวดเหล้าขวดใหม่ถูกเปิดขึ้นวางรอให้น้องใหม่ยืนซดบนเก้าอี้ที่ตั้งไว้ด้าน หน้าแถวโต๊ะ โยกำลังจะเดินออกไปเขาก็อาสาออกมาก่อน

‘เฮ้ย! กรูเอง!!!’ ยังจำได้ว่าเพื่อนๆวี้ดวิ้วอย่างเมามันตอนที่เขาลุกไปยืนจังก้าถือขวดเหล้าบนเก้าอี้พลาสติก

ธณัติยกมือขึ้นเหนือศีรษะ เสียงจอแจเงียบหายไปเปิดโอกาสให้เขาตะโกนดังลั่น

‘กรูชื่อนัท! ธณัติ ปีสี่!! ขวดนี้ดื่มให้น้องโยโว้ย!!!’

ตามด้วยเสียงเฮ เสียงร้องเพลงเชียร์ เสียงเคาะขวดดังลั่นร้าน ธณัติดื่มหมดขวดจริงดังปากว่า แต่หลังจากนั้นก็ต้องให้เพื่อนรองรับตัวที่โงนเงนหล่นปุลงจากเก้าอี้ พากันลากจุ่มหัวลงในถุงดำ อ้อกหมดใส้หมดพุงก่อนจะสลบเหมือดไม่รู้เรื่องไป...

ใช่ เขาจำได้แล้ว เขาดื่มให้น้องใหม่ที่ชื่อโย เขามีน้องรหัสชื่อโย แล้วไอ้คนที่อยู่ข้างหน้าเขานี่ก็ไอ้โย! ทั้งหมดนี้มันก็โยเดียวกัน...โยที่เป็นผู้ชาย...โยที่เขาคิดว่าเป็นผู้หญิง ในวันแรกพบ!!!





“เหตุผลแค่นี้น่ะเหรอ นายก็รู้นี่ ว่ารุ่นพี่ดื่มให้ตามธรรมเนียม ไม่มีอะไรมากกว่านั้น” ธณัติเก็บความหน้าแตกไว้ในใจ ถามต่อไปอย่างสงสัยในความรักมั่นของโย

“ครับ เหตุผลมันแค่นิดเดียว แต่ยังไงผมก็ชอบพี่แล้วนี่นา” โยเดินเข้าใกล้ ธณัติก็เดินถอยหลัง

“แล้วยังชอบมาถึงตอนนี้เนี่ยนะ ไม่คิดจะมีแฟนหรือไง”

“ก็เคยมี แต่เปรียบเทียบทีไร พี่นัทก็ดีกว่าตลอด เลยเลือกเข้ามาทำงานที่นี่ หาโอกาสสนิทกับพี่ให้มากขึ้นไงครับ” ห้องก็ไม่ได้กว้างขวางนัก ธณัติถอยหลังได้ไม่กี่ก้าว หลังก็ชนกำแพง ต่างกับโยที่ยังย่างสามขุมเดินหาชายหนุ่มไม่หยุด

“ดีกว่าฉันเนี่ยนะ?” เทียบกับเขา...ก็แฟนผู้ชายอะดิ…เจ๊ย!!

“ครับ ก็พี่นัทน่ะ ตัวสูงเท่” ความมั่นใจเริ่มกลับมาหลังจากที่เปรียบเทียบส่วนสูงกับชวนันท์มานาน

“หุ่นก็ดี ถึงจะไม่ได้ล่ำแบบนักกีฬา แต่ก็สมาร์ท กล้ามเนื้อกำลังพอดีได้สัดส่วน” โอ้ ฟังแล้วชื่นใจ

“หน้าตาก็ดูดีน่ามอง ถึงจะแยกไม่ค่อยได้ว่าชายหรือหญิงก็เถอะ แต่หน้าตาแบบนี้กำลังอินเทรนด์เลย” เห็นไหมเล่า เจ้าคิตตี้! ฮ่าฮ่า!!

คิดภาพตัวเองกำลังเขวี้ยงคำ ดูถูกของชวนันท์ลงพื้นกระทืบซ้ำสองสามทีอย่างย่ามใจ ความฮึกเหิมทำให้ไม่สนใจริมฝีปากอิ่มที่ยื่นเข้าใกล้หมายมอบจุมพิต มือผอมที่ยกขึ้นกันโยเอาไว้ถูกอีกฝ่ายรวบไว้ในมือเรียบร้อยไร้ทางต่อต้าน

“สุดที่รัก ของชั้น น่าร้ากที่สุด เป็นมานุษย์ที่น่าเอ็นดู~” เสียงริงโทนไม่คุ้นหูดังลั่นห้อง เมื่อมองดูก็ต้องงงเต็กเพราะมันดังมาจากมือถือของเขาเอง ธณัติหลุดจากอุ้งมือมาร วิ่งสี่คูณร้อยคว้ามือถือหมับ แรงสั่นจากเครื่องสื่อสารยังไม่แรงเท่าแรงสั่นจากอุ้งมือที่กำโทรศัพท์แน่น

กล้าดียังไงมาเปลี่ยนริงโทนกันอย่างนี้!!

“ฮัลโหล!” กระแทกเสียงห้วนตึง

“นัท...ลืมเอกสารที่ต้องเซ็น ไว้ที่รถ ไปเอาให้หน่อย เอาขึ้นมาบนห้องเลยนะ” เสียงห้าวดังปลายสาย สั่งงานฉอดๆโดยไม่ฟังเสียงแย้ง ก่อนจะวางสายฉับ ธณัติจ้องโทรศัพท์มือถือตาเขียวปั้ด

...สั่งอีกแระ อะไรฟะ!!...

“เอ่อ...” เสียงโยเรียกร้องความสนใจ ทำให้รู้ตัวว่า หากไม่มีเสียงมือถือรบกวนล่ะก็ เรื่องมันคงจะเลยเถิดไปมากกว่านี้แน่นอน

“อ้า...โทษทีนะ เดี๋ยวฉันไปเอาของที่รถก่อนน่ะ” บอกรุ่นน้องได้ก็วิ่งปรู๊ดหยิบกุญแจรถหายแว๊บไปทันที


++++++++++++++++++++++++++++


เฮ้อ! เกือบแล้วเชียว... โยถอนใจออกมาเซ็งๆ นี่ถ้าไม่มีโทรศัพท์ดังขัดจังหวะ เขาก็จะได้จูบที่รอคอยมานานเสียที

เมื่ออยู่คนเดียวไร้วี่แวว ของธณัติ โยก็ค่อยๆคลายปมถุงหูหิ้วบรรจุกล่องเค้กที่ผูกไว้เมื่อกี้ออก หยิบส้อมพลาสติกที่ธณัติใช้กินเค้กขึ้นจูบเบาๆ

“หน้าตาก็ดีอยู่หรอก น่าเสียดายที่เป็นโรคจิต” เสียงห้าวที่ดังมาจากด้านหลังทำให้สะดุ้งสุดตัว ร่างบางหันไปมองผู้พูดอย่างตกตะลึง

“…ท่านรอง...”

ชวนันท์ยืนไขว้ขากอดอกมองร่างบางในห้องพักพนักงานอย่างเย็นชา “ว่าไง เพิ่งได้คุยกันนะ”

“มีธุระอะไรรึเปล่าครับ”

“หึ...ก็ไม่มีอะไรมาก ฉันจะไม่พูดอะไรอ้อมค้อมล่ะนะ” มือใหญ่เปิดกล่องเงินเกล็ดบุหรี่หนึ่งมวนคาบไว้ในปากก่อนจะจุดไฟ

“เลิกยุ่งกับนัทซะ”

โยนิ่งไปนานก่อนเบิกตากว้างอย่างตื่นตะลึง “หรือว่ารอยจูบที่คอนั่น...”

ชวนันท์คีบบุหรี่พ่นควัน ยกยิ้มเย็น “หึ ฉันเป็นคนทำเองล่ะ”

โยเริ่มประติดประต่อเรื่องราวได้ ร่างบางเอ่ยปากเถียง “นั่นน่ะ...คุณบังคับทำเอาไม่ใช่หรือไง”

“ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะ?”

“ก็พี่นัทบอกเองนี่นา” เย้ยยิ้มอย่างเป็นต่อ

...สงสัยจะต้องลงโทษกันซักหน่อยแล้ว...

หันกลับมาสนใจคู่กรณีด้าน หน้า ชายหนุ่มอัดควันบุหรี่เข้าปอดก่อนพ่นควันฉุย ปากพูดเนิบ “โครงการออกแบบเครื่องกันขโมยติดรถรุ่นใหม่น่ะ ไอเดียเธอสินะ ฉันอ่านแล้วคิดว่าเหมาะสมดี”

“ขอบคุณครับ หวังว่าโครงการนี้จะได้รับอนุมัติในเร็ววัน”

“ฉันก็หวังว่าอย่างนั้นนะ...แต่ว่า...ถึงจะเก่งยังไง ฉันก็ไม่อยากเลี้ยงหัวขโมยไว้ในบริษัทหรอก”

“...เพิ่งรู้ว่าท่านรองมีหน้าที่ต้องคอยสอดส่องพนักงานตลอดเวลาด้วยนะครับ”

“อย่ามาเล่นลิ้น คิดว่าฉันไม่กล้าไล่เธอออกหรือไง!!” ชวนันท์ตวาดเสียงกร้าว โยกลับไม่มีทีท่าจะใส่ใจ...เขาจะสนใจทำไม เขาไม่ได้ต้องการตำแหน่งเงินเดือนอะไรซักหน่อย ถ้าอยากก้าวหน้าในการงานก็เข้าทำงานที่บริษัทของบิดาไปนานแล้ว ไม่ต้องมาเป็นลูกน้องใครอย่างนี้หรอก

“ผมไม่คิดว่าเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานจะเกี่ยวกันได้นะ คุณเป็นผู้บริหาร น่าจะรู้กฏข้อนี้ดีไม่ใช่หรือ”

“ไม่ต้องมาสอนฉัน! เดิมทีก็ไม่อยากใช้วิธีนี้นักหรอก แต่นายล้ำเส้นเองนะ“ ใช่ เขารู้มานานแล้วว่าเด็กหนุ่มทำตัวเป็นแมวขโมย จ้องจะคว้าปลาชิ้นมันเลิศรสของเขาอยู่ ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจมากนักเพราะคิดว่าธณัติคงการ์ดแข็งพอ แต่เขาเข้าใจผิดไป ‘คนของเขา’ชะล่าใจเกินไป ถึงได้ปล่อยให้เจ้าเด็กนี่ทะลึ่งทำร่องรอยทิ้งไว้บนต้นคอซะได้ แถมเมื่อกี้ยังยอมให้เจ้าเด็กนี่จูบอีก นี่ถ้าเขาไม่โทรมาขัดจังหวะก่อนล่ะก็...

“ผมล้ำเส้นอะไรกัน พี่นัทไม่ใช่ของคุณซักหน่อย”

ชวนันท์กัดฟันกรอด “อีกไม่นานเขาจะต้องเป็นของฉัน เธอนั่นแหละ รีบถอนตัวออกไปซะ นัทไม่มีทางกอดเธอได้หรอกน่า”

“พี่นัทไม่มีทางยอมให้คุณกอดหรอก เขามีความเป็นผู้ชายมากพอ” โยเชื่อมั่นอย่างนั้น

ชวนันท์ยิ้มเยาะ กดบุหรี่ลงกับที่เขี่ยจนเถ้าดำร่วงกราวบนจานใส “เธอต่างหากล่ะที่คิดผิด นัทน่ะไม่เหมาะกับเธอซักนิด”


++++++++++++++++++++++++++++++++++


นี่มันบ้าบออะไรกัน!! ธณัติคิดอย่างหัวเสีย มือจิ้มปุ่มเปิดประตูลิฟท์รัวๆ

เรียกให้เอาเอกสารไปให้ แต่พอไปถึงห้องทำงานของชวนันท์ ก็พบว่าไฟปิดมืดสนิททั้งชั้น ไม่มีวี่แววของร่างสูงเลย เขาจึงตัดสินใจกลับไปที่แผนกของตัวเองเพื่อเก็บของกลับบ้านเสียที

ประตูลิฟท์เปิดออก ธณัติเดินกระแทกส้นเท้าอย่างโมโห แต่พื้นพรมก็ไม่ได้ทำให้เกิดเสียงแต่อย่างใด กำลังจะเลี้ยวเข้าส่วนสำนักงานก็ได้ยินเสียงคนคุยมาจากห้องพักพนักงานที่ อยู่ประตูถัดไป ธณัติจึงเปลี่ยนจุดหมาย ก้าวไปทางห้องพักแทน กำลังจะเข้าไปถามก็ต้องชะงักเท้าเมื่อได้ยินเสียงห้าวที่คุ้นเคย

“นัทน่ะไม่เหมาะกับเธอซักนิด” เสียงชวนันท์แน่นอน กำลังพูดถึงเขาซะด้วย นี่มันเรื่องอะไรกัน!!??

“มีความเป็นผู้ชายมากพองั้น เหรอ หึ! เอาอะไรมาพูด เขาน่ะตัวก็ไม่เห็นจะสูงตรงไหน ตัวก็บอบบางขนาดนั้นจะกอดเธอได้ยังไง” ฮึ่ม! คุยอะไรกันไม่รู้ รู้แต่เขากำลังโดนดูถูก

“ไม่จริงหรอกพี่นัทเหมาะสม กับผมแน่นอน” กึก! เสียงเท้ากระทบกำแพงดังเบาๆในห้อง แอบมองดูเห็นภาพชวนันท์กำลังคร่อมรุ่นน้องของเขาติดกำแพง กระซิบเสียงเบา

“ช่างนัทไปเถอะ หาคนอื่นที่เหมาะกว่านี้ดีกว่ามั้ง”

หรือว่า...ธณัตินึกถึงเรื่อง คืนก่อน  ชายหนุ่มฉุนเฉียวเมื่อรู้ว่าเขาไปกินข้าวกับโย แถมยิ่งรุนแรงจัดเมื่อรู้ว่าโยเป็นคนฝากรอยจูบไว้ที่คอเขา

เมื่อกี้ที่โทรมาโกหกเรื่องเอกสาร ก็ตอนที่พวกเขากำลังจะจูบกันพอดี แล้วที่มาที่นี่ก็คงเพราะอยากคุยกับโยตามลำพัง

...ชวนันท์ชอบโย...

ทำไมหัวใจมันเจ็บจี๊ด เป็นเพราะรุ่นน้องของที่ชื่นชอบเขากำลังจะถูกชายหนุ่มจีบงั้นเหรอ เพราะรู้ว่าชวนันท์เป็นผู้ชายเจ้าชู้ กลัวจะทำให้โยต้องเสียใจ...เหมือนที่เขากำลังเสียใจอย่างนั้นหรือ

…ชวนันท์ได้ของเล่นแก้เหงาชิ้นใหม่แล้ว...

ธณัติกำเสื้อที่หน้าอกด้านซ้ายแน่น ขาสั่นๆก้าวออกเดิน กระแอมไอให้คนในห้องรับรู้ว่า...เขาอยู่ตรงนี้

โยเบิกตากว้างท่าทางตกตะลึง ทำให้ชวนันท์เอะใจหันกลับมามองหน้าประตู ทั้งสองแยกจากกันเหมือนกำลังทำความผิด ในห้องเงียบสงัด บรรยากาศอึดอัดจนต้องเปิดปากพูด

“คุณชวนันท์...มาทำอะไรที่นี่เหรอครับ”

“…”

“พี่นัท” ธณัติหันหน้าไปตามเสียงเรียก ร่างบางของโยสั่นไหว กำลังจะพูดเขาก็ชิงพูดก่อน

“โย...โทษทีนะ ฉันปวดหัวน่ะ เดี๋ยวจะกลับบ้านเลย” ว่าพลางหันหลังเดินไปโต๊ะทำงานหวังจะเก็บของกลับบ้าน

“นัท!!” เขาได้ยินเสียงชวนันท์เรียกตามมา แต่ก็ไม่ได้หันไปตามเสียงเรียก สิ่งที่ได้ยินตามหลังมาไวๆเป็นเรื่องที่ยิ่งทำให้เจ็บใจ ชวนันท์หันไปพูดกับโย

“โครงการของเธอฉันจะอนุมัติ พรุ่งนี้ หลังจากนี้ 1 เดือนส่งต้นแบบอย่างสมบูรณ์มาด้วย” โยยิ้มหน้าเครียดอย่างรู้ทัน คิดจะให้เขาทำโอทีจนไม่มีเวลาว่าง คิดจะแยกพี่นัทออกจากเขาหรือไง!

ธณัติยิ่งหน้าเครียดกว่า นี่ชอบขนาดอนุมัติโครงการให้เชียวหรือ!! รู้สึกเบ้าตาร้อนผ่าว เก็บโน้ตบุ้คลวกๆก่อนจะรีบเดินหนีไปกดลิฟท์ พลันอุ้งมือใหญ่ก็คว้าแขนเขาไว้ได้

“กลับพร้อมฉัน”

ขอร้องเถอะ...ปล่อยเขาไปได้แล้ว!


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
แก้ตัวแล้วน่า :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 11-12อัพ17.30 11/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 11-04-2008 17:56:33
 :laugh: :laugh: ชอบๆๆๆ เอาอีก
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 11-12อัพ17.30 11/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Shumi ที่ 11-04-2008 19:39:45
อ้าว เป็นงั้นไป  :a11:

ใครมาแอบดูตอนกำลังดิ้น  :a6:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 11-12อัพ17.30 11/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: modi ที่ 11-04-2008 21:12:28
หนุกๆ

แต่ละตอนยาวสะจาย

ต่อเลยๆ

 :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 11-12อัพ17.30 11/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: อาจารย์..สีฟ้า ที่ 11-04-2008 21:49:49
1+  ให้กับความสนุก และความรับผิดชอบคนคนโพสต์ ลงได้แบบจุใจมากๆๆๆๆๆๆ


เป็นกำลังใจให้นะครับ   :L2: :L2: :L2: :L2:




สวัสดีปี๋ใหม่เมือง

 :สงกรานต์1: :สงกรานต์2: :สงกรานต์2: :สงกรานต์2: :สงกรานต์1:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 11-12อัพ17.30 11/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 11-04-2008 22:29:48
ชอบมากกก
ฮาได้อีก แจ่หลังๆนี่แอบเศร้าจนลุ้น
แนวแปลกๆอย่างนี้ อยากอ่านบ่อยๆแฮะ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 11-12อัพ17.30 11/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 11-04-2008 23:01:30
โอ้ว ทำไมกลายเป็นเข้าใจแบบนั้นไป

ต้องตามง้อกันอีกแล้ว เง้อ............
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 11-12อัพ17.30 11/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: sin_no ที่ 12-04-2008 00:58:14
กำลังสนุกเลย :oni2:

ตื่นเต้นๆ

รีบๆเข้าใจกันนะ

 :m1:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 11-12อัพ17.30 11/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: toonzaa ที่ 12-04-2008 03:12:12
...ชวนันท์ชอบโย...ไอ่ประโยคนี้แหละ คิดไปได้งัย นู๋นัทเอ้ย

คิดจนจะออกทะเลอยู่แล้ว ที่เขาชอบนะตัวเองต่างหาก  เฮ้อ..จะเข้าใจผิดอีกนานไหมเนี่ย

คุณแน้ทจัดการลากกลับคอนโดไปซะ แล้วถ้ามันไม่ไหวที่จะเคลียร์ละก็ จับกดทำให้เสร็จสิ้นเรื่องสิ้นราวไปเลย
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 11-12อัพ17.30 11/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Tsukasa999 ที่ 12-04-2008 17:46:19
สนีดุกมากมายค่ะ  o13

:a12: นอนรอตอนต่อไป

หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 11-12อัพ17.30 11/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Ackee ที่ 15-04-2008 17:30:41
พล๊อตเรื่องสนุกดีอ่ะ ชอบๆๆๆๆๆๆๆ
อ่านรวดเดียวเลยสะใจดี  มาต่อเยอะๆ ยาวๆ อย่างนี้อีกน้า   o13
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 11-12อัพ17.30 11/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Otaku ที่ 15-04-2008 18:13:30
เย้ๆๆ  ในที่สุดก็อ่านตามจนทัน :oni1:

ชอบเนื้อเรื่องอย่างนี้จัง

เอามาต่ออีกนะ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 11-12อัพ17.30 11/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: playCardPlaYBoy ที่ 15-04-2008 19:03:41
ผมเปล่าโรคจิตนะ! 13
................



“ปล่อยผม!!!” เสียงธณัติดังก้องชั้นจอดรถใต้ดินของอาคารสำนักงาน ร่างผอมพยายามฝืนตัวต้านแรงดึง สองขายันพื้นจนตัวโก่ง แต่ก็ไม่อาจสู้แรงช้างสารของท่านรองประธานหนุ่มได้ ชวนันท์จับคอเสื้อลากถูลู่ถูกังมาจนถึงบริเวณที่รถซีตรองซ์สีควันบุหรี่จอด สงบอยู่ กดรีโมตปี๊ดเปิดล็อค เปิดประตูออกยัดตัวผอมๆกับแขนขาเก้งก้างที่ป่ายยุ่บยับเป็นแมงกระพรุนเข้าไป ที่นั่งข้างคนขับ ปิดประตูส่งท้ายดังปัง ตนเองเดินอ้อมรถไปยังฝั่งคนขับ กำลังจะเปิดประตูก็ต้องสบถออกมาดังลั่น วิ่งไล่กวดคนหัวดื้อที่เปิดประตูออกซอยเท้าหนีด้วยอัตราเร็วสี่คูณร้อยไปได้

“จะไปไหนเล่า ก็บอกแล้วว่าให้กลับด้วยกัน!!” แขนแกร่งกอดรัดร่างผอมของธณัติไว้แน่นจนรู้สึกเหมือนซี่โครงที่หอบบานอยู่ กำลังจะหักไปทิ่มชายปอด

“ปล่อยเซ่ ผมกลับเองได้!!”

“เป็นบ้าอะไรขึ้นมา...มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิด ฟังกันก่อนได้มั้ย!”

“ใครคิดอะไร ไม่ได้คิดอะไรซักหน่อย คุณจะจีบใครมันก็เรื่องของคุณ จะอนุมัติงานใครมันก็สิทธิ์ของคุณ แต่จำไว้นะ นั่นน่ะรุ่นน้องผม ถ้าทำเขาเสียใจล่ะก็ ผมต่อยคุณตายแน่!!!”

“บ้าเอ๊ย!!!” จนถึงขนาดนี้แล้ว ธณัติยังเอาแต่พูดถึงเจ้าเด็กบ้านั่นอยู่ได้

“เออเซ่!! ผมมันบ้า!! บ้าให้คุณหยอกเล่นแก้เหงามาได้เป็นเดือน แล้วไงตอนนี้เบื่อแล้วใช่มั้ย ถึงได้อุ๊บ…!!!”

หงุดหงิดเกินจะทน ชวนันท์ลงมือปิดปากช่างหาเรื่องนี้ทันที ธณัติหลับตาปี๋เม้มปากแน่นอย่างไม่ยอมให้ลิ้นอุ่นหนารุกรานอย่างทุกครั้งที่ ผ่านมา สองกำปั้นระดมทุบต้นแขนกำยำที่รวบเอวเขาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย เมื่อเห็นว่าไม่ได้ผลก็เปลี่ยนวิธี ง้างสิบนิ้วกรีดเล็บข่วนแกรกกรากแทน

“โธ่เว้ย!! จะยอมสงบซักหน่อยไม่ได้หรือไง” ร่างสูงยอมปล่อยริมฝีปากบาง หันมาใช้เสียงเข้าข่มแทนในที่สุด

ผลัวะ!!

ไม่ทันตั้งตัวธณัติก็กำหมัด โหมตัวเข้าคลุกวงใน ตุ้ยท้องจนจุกอั้ก ตามด้วยรองเท้าขัดมันงามๆที่สอยเข้าเป้าอย่างแม่นยำ น้ำตาลูกผู้ชายเล็ดจากหางตาอย่างห้ามไม่อยู่ ชวนันท์ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะอหังการ ทิ้งตัวลงคุดคู้อยู่กับพื้น ไร้ลีลาปราศรัยโดยสิ้นเชิง

จนตั้งตัวได้เงยหน้าขึ้นก็พบธณัติใส่หมวกกันน็อคคร่อมมอเตอร์ไซค์คู่ใจบิดบรึ้มๆอยู่ต่อหน้าเขา

“ร่านนักก็ไปหาผู้หญิงมากกซะ!! คืนนี้ผมจะนอนที่ห้องผม ฝากเจมส์ด้วย ราตรีสวัสดิ์”

ยกล้อหน้าบิดแฮนด์เต็มพิกัดซิ่งจากไปทั้งไว้เพียงควันจากท่อไอเสียให้ชวนันท์สำลักอยู่คนเดียว


+++++++++++++++++++++


“แม่งเอ๊ย!!!” แก้วใบหนาถูกกระแทกบนเคาน์เตอร์อย่างแรงจนน้ำสีอำพันที่บรรจุอยู่ครึ่งๆ กระฉอกเลอะพื้นกระจกเป็นวง บาเทนเดอร์เพียงเหลือบมองนิดเดียวก่อนหันไปผสมเครื่องดื่มตามหน้าที่ต่อไป ผู้คนรอบข้างไม่ได้ให้ความสนใจชายหนุ่มที่นั่งหัวเสียอยู่คนเดียวเลย เสียงเพลงจากวงดนตรีร็อคที่เล่นสดอยู่บนเวทีแผดเสียงดังสนั่นปลดปล่อย สัญชาตญาณดิบเถื่อนของผู้คนให้โลดแล่นไปพร้อมๆกับปริมาณน้ำเมาในขวดที่พร่อง ลงเรื่อยๆ ชวนันท์สั่งเหล้าจากบาเทนเดอร์เพิ่ม กรอกดื่มอั้กๆจนหกไหลเลอะ ไม่ได้สนใจคำเตือนจากพนักงานแม้แต่น้อย ดวงตาเริ่มพร่าเลือนมากขึ้น รู้สึกหัวหนักจนต้องเท้าข้อศอกฟุบหน้าลงกับฝ่ามือ

“พี่แน็ทนี่นา ไม่เห็นมาตั้งนาน” นิ้วเรียวเย็นแตะวางที่แผ่นหลังก่อนจะลูบขึ้นลง เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็พบอดีตคู่ขาในชุดสีดำรัดรูปยืนยิ้มหว่านเสน่ห์

“ดื่มเยอะเกินไปรึเปล่าคะ อกหักมาเหรอ สุดหล่อ” เป็นคำทักทายที่ฟังแล้วจี๊ดถึงหัวใจ ชวนันท์ดวงตาแข็งกร้าว แค่นเสียงพูดลอดไรฟัน

“คนอย่างฉันเนี่ยนะ อกหัก” ว่าพลางดวดเพียวสุดซอยอีกหนึ่งแก้ว ยกมือขึ้นสั่งแก้วต่อไป

“’งั้นก็คงจะเบื่ออยู่ สนใจเพื่อนคู่คิดมิตรคู่เตียงคนนี้บ้างรึเปล่าล่ะคะ” หัวเราะคิกคักพูดจาติดตลก นิ้วเรียวทาเล็บสีแดงสดลูบไล้บนต้นคอหนา ริมผีปากที่แต่งแต้มลิปสติกสีเข้มประทับลงบนปากของชวนันท์อย่างยั่วเย้า สะโพกตึงขยับเบียดเข้าชิดอย่างเร่าร้อน

ชวนันท์ดีดนิ้วเรียกเช็คบิล ก่อนจะลุกเดินหายไปจากบรรยากาศวุ่นวาย...โดยมีหญิงสาวคอยพยุงให้เดินตรงทาง คว้ากุญแจรถส่งให้ขับ พร้อมกับหย่อนตัวเองลงที่นั่งข้างคนขับหลับตามึนๆ

“ไปห้องพี่แน็ทนะคะ?” ชายหนุ่มตอบอืออาส่งเดช...จะไปที่ไหนก็ช่างมัน ตอนนี้ขอระบายซักตั้งเหอะวะ!!


++++++++++++++++++++++++++


…ยังไม่กลับซักที...

ธณัตินั่งอยู่บนโซฟาข้าง หน้าต่างชมวิวในห้องนอนที่ไม่ได้กลับมานอนนานนับเดือน นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มจับจ้องหน้าต่างห้องคอนโดที่ยังปิดไฟมืดดำสนิท

...เหมือนคนบ้า มาแอบสำรวจคนอื่นอยู่อย่างนี้...

ยกยิ้มเยาะตัวเอง หลังจากที่กลับมานั่งเงียบๆในห้อง ทบทวนการกระทำที่เพิ่งแสดงออกไป...มันเหมือนกับอาการ ’หึง’ ของนางเอกในละครหลังข่าวยังกับแกละ

… ‘หึง’ ก็แปลว่า ‘ชอบ’ …

ชอบโดยที่ไม่ทันรู้ตัว ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ?

ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะชอบคนคน นี้ได้ หวนคิดถึงอดีตที่ผ่านมา ระหว่างพวกเขาสองคน มีแต่การเถียงทะเลาะ ฝ่ายหนึ่งก็ชอบยั่วโมโห อีกฝ่ายก็ดีแต่ใช้กำลังรุนแรง

แต่ชวนันท์ก็มีช่วงเวลาที่ อ่อนโยน...คืนวันแรกที่เริ่มงานพ่อบ้านยังกระจ่างชัดในความทรงจำ ชายหนุ่มเรียกชื่อเล่นเป็นครั้งแรกพร้อมมอบจุมพิตราตรีสวัสดิ์...ซึ่งตอน นั้นเขาดันมองข้ามความอ่อนโยนที่ได้รับไป  วันที่เขาอกหักนั่นอีกเล่า ก็ชวนันท์อีกนั่นแหละที่คอยกอดพยุงเขาไม่ให้แหลกสลายไป

ยังเคยคิดเข้าข้างตัวเอง ว่าชวนันท์ชอบเขาด้วยซ้ำ

น่าสมเพชจริงๆ...ภาพวันนี้ก็บอกชัดเจนอยู่แล้ว การกระทำที่เขาได้รับมันไม่ได้วิเศษวิโสต่างจากที่คนอื่นได้เลย

ธณัติถอนหายใจเหนื่อยหน่าย ลุกจากโซฟาตัดสินใจเข้านอนเสียที

พลันหางตาก็ปรากฏแสงไฟสว่างวาบจากหน้าต่างห้องนอนที่นั่งเผ้ามองมาหลายชั่วโมง

...กลับมาแล้ว...ดึกขนาดนี้ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง…

แม้จะรู้ว่าผิด แต่หัวใจมันห้ามไม่ได้ มือผอมคว้ากล้องส่องทางไกลที่ไม่ได้ใช้มานานขึ้นแนบส่อง เป้าหมายไม่ใช่ห้องที่เคยแอบมองอีกต่อไป แต่เป็นห้องที่เหนือจากห้องเดิมขึ้นไปหนึ่งชั้น...ห้องของชายหนุ่มคนใหม่ที่ กุมหัวใจของเขาซะอยู่หมัด

กวาดสายตาส่ายหาร่างสูงคุ้น ตาอย่างเป็นห่วง แต่ภาพที่ผ่านเข้ามากลับทำให้ตัวแข็งค้าง ด้วยความที่ไม่คิดมาก่อนว่าจะมีสายสวยหุ่นเซ็กซี่ลงทุนพยุงชายหนุ่มเข้ามา ส่งถึงในห้องนอน…จุดประสงค์ที่มาก็รู้ๆกันอยู่

ท่าทางของชวนันท์ตอนนี้เมา มายไร้สติอย่างเห็นได้ชัด หน้าแดงแจ๋กับดวงตาที่เปิดครึ่งๆส่อแววฉ่ำเยิ้ม สองมือปาดป่ายทั่วสัดส่วนโค้งมนของหญิงสาวทำให้ธณัติรู้สึกเจ็บปวด ทั้งสองคนกำลังนั่งอยู่บนเตียงนอนหลังใหญ่

...มันเป็นเตียงของเขากับชวนันท์! เตียงที่พวกเขานอนด้วยกันทุกคืน!!...

สองหนุ่มสาวสาละวนกับการประ กบปากอย่างดูดดื่ม มือขาวเรียวแต่งแต้มสีเล็บสวยสดกำลังปลดกระดุมเม็ดแรกของร่างสูง ก่อนจะหยุดชะงักหัวเราะคิกคักอย่างมีจริตเมื่อชายหนุ่มย้ายเป้าหมายจากริม ฝีปากไปจูบซับที่ต้นคอขาวระหงแทน

สองมือที่ถือกล้องส่องทางไกล อยู่สั่นระริก ใจหนึ่งอยากปิดหูปิดตาตัวเอง ลืมเรื่องในคืนนี้ไปซะ แล้วพรุ่งนี้ก็ทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หาทางคืนดีได้เรื่องทุกอย่างก็คงกลับเป็นเหมือนเดิม เขาจะได้อยู่กับชวนันท์ต่อไปจนกว่าอีกฝ่ายจะไม่ต้องการ

...แต่...

ความคิดที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น ได้ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ดันวาบขึ้นมา ธณัติถลาออกจากห้อง กดเรียกลิฟท์รัว เมื่อลงมาถึงที่จอดรถได้ก็กระโดดขี่มอเตอร์ไซค์บิดซิ่งไปตามหัวใจเรียกร้อง ทั้งๆที่ยังอยู่ในชุดนอนกางเกงขายาว

...เมื่อเช้านี้ ถ้าจำไม่ผิด...

...ชวนันท์ใส่บ็อกเซอร์ลายคิตตี้!!...

…ล า ย คิ ต ตี้ ! ! !...

ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์มารู้เห็นความลับที่เขาได้รับรู้เพียงคนเดียว…สิ่งเดียวที่ยังบ่งได้ว่าเขา ’พิเศษ’ กว่าคนอื่นๆ

ด้วยความหวงแหน ในฐานะที่อยากเป็น ’คนพิเศษ’ และในฐานะที่เป็น ‘พ่อบ้าน‘ เขาต้องปกป้องชวนันท์เอาไว้ให้ได้!!!

ท่ามกลางความเงียบสงัดของ ท้องถนนยามราตรี เครื่องยนต์แผดเสียงลั่นตามจังหวะการบิด วิ่งอย่างผงาดดั่งพาหนะของเรนเจอร์ผู้พิทักษ์ความสงบสุขและยุติธรรมของผอง เพื่อนมนุษยชาติ!!!

รอก่อนนะคิตตี้!! ธณัติกำลังจะไปช่วยแล้ว!!!


++++++++++++++++++


ปัง!!! เสียงเปิดประตูดังลั่นในการรับรู้ขาดๆเกินๆของชวนันท์ นิ้วของหญิงสาวที่กำลังไล้บนบนแผ่นอกพลางปลดกระดุมพลางชะงักกึก เสียงแหลมแสบแก้วหูดังรบกวนความฝันอย่างน่ารำคาญ

“แก!! แกเป็นใคร เข้ามาได้ยังไง” หญิงสาวยกผ้าห่มขึ้นปิดหน้าอกเปลือยเปล่าของตน

ธณัติหาได้สนใจฉากวาบหวิว เร้าอารมณ์ไม่ สองเท้าย่างสามขุมเข้าหาร่างทั้งสองอย่างรวดเร็ว คว้าแขนเรียวบางได้ก็กระชากให้ลุกยืน ดันหลังไล่ออกจากห้องพร้อมโยนบราเซียตามหลัง ยังไม่ทันปิดประตูก็โดนอีกฝ่ายดันสู้เอาไว้ก่อน

“ทำอะไรยะ มาไล่ฉันออกทำไม เปิดประตูเดี๋ยวนี้ พี่แน๊ท พี่แน๊ท~” หญิงสาวดันประตูโก่งคอเรียกคนเมาแอ๋คาเตียงหวังจะให้มาจัดการ แต่ไร้เสียงตอบรับใดๆนอกจากคำพูดห้วนๆของชายหนุ่มแปลกหน้า

“ออกไปได้แล้ว ขอบคุณที่พาคุณแน็ทมาส่ง ขอโทษที่ทำให้เสียเวลา”

“แกมีสิทธิ์อะไรมาไล่ฉันยะ ไอ้บ้า พี่แน็ทเป็นคนให้ฉันเข้ามาในนี้นะ!!”

“สิทธิ์ของพ่อบ้าน และสิทธิ์ของ...คนรัก!” ดวงตาดำสวยกับขนตายาวงอนปัดมาสคาร่าเบิกขึ้นกว้างอย่างตะลึง อ้าปากค้างชี้โบ๊ชี้เบ๊

“นาย...นาย...แต่พี่แน็ท...ผู้...ผู้...”

“ใช่...ผมเป็นผู้ชาย คุณแน็ทก็ผู้ชาย” ต่อให้อย่างใจดี

“งั้น...พวกนายก็...ป…เป็น...”

“ใช่...พวกเราเป็นเกย์” ยืดอกแถลงคำอย่างภูมิใจก่อนจะปิดประตูลงกลอน


+++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 11-12อัพ17.30 11/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: playCardPlaYBoy ที่ 15-04-2008 19:06:34
ผมเปล่าโรคจิตนะ! 14

ท่ามกลางกลุ่มควันจางเจือ ชวนันท์เริ่มรับรู้ถึงสัมผัสจั๊กจี้ที่หยุดชะงักลงเมื่อครู่ มือใครสักคนกำลังแกะกระดุมเสื้อให้เขาอยู่ เม็ดแล้วเม็ดเล่า จวบจนกระดุมเม็ดสุดท้ายถูกแกะ ไอเย็นของเครื่องปรับอากาศก็กระทบกับแผ่นอกตึงแน่นจนรู้สึกหนาว มือใหญ่ยกขึ้นหวังคว้าใครคนนั้นมาแนบอกเพื่อแบ่งไออุ่นให้แก่กันและกัน หากเจ้าของมือนั้นกลับตีมือเขาดังเพี๊ยะจนต้องหดมือกลับ

“อยู่นิ่งๆซักที!!” เสียงที่ตวาดเขาเบาๆไม่ใช่เสียงแหลมเล็กของสตรีเพศอีกต่อไป กลับกลายเป็นเสียงทุ้มห้าวเจือแหบพร่าฟังแล้วชวนวาบหวิวยิ่งนัก เขาครางอืออารับคำในขณะที่นิ้วอุ่นนั้นไล่เรื่อยลงไปยังกระดุมกางเกง เรียวขาแกร่งถูกยกขึ้นทีละข้าง กางเกงขายาวถูกถอดออกให้ผิวเนื้อสัมผัสกับอากาศเย็นภายนอก ชวนันท์ขมวดคิ้วมุ่นอย่างขัดใจ มือหนาตั้งท่าจะไขว่คว้าอีกรอบ ก็ต้องชะงักเมื่อถูกรวบไว้เหนือหัวแน่น น่าแปลก เขาไร้แรงจะต่อต้าน ร่างกายมันหนักอึ้งเหมือนไม่ใช่ตัวของตัวเอง

“บอกให้อยู่นิ่งๆ” เสียงเดิมกระซิบห้วน จิตใต้สำนึกสั่งเขาให้ทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย ทันใดนั้นสัมผัสเปียกชื้นอุ่นสบายก็โลมไล้ทั่วใบหน้า เน้นที่ริมฝีปากอย่างแรง ก่อนจะไล่ลงมาตามคอ แผ่นอก ไปหยุดอยู่บริเวณท้องน้อย เว้นช่วงส่วนกลางลำตัวไว้หันไปสนใจต้นขาลามไปจนถึงปลายนิ้วเท้า กล้ามเนื้อที่ตึงเครียดมาทั้งวันผ่อนคลายอย่างไม่น่าเชื่อ ความร้อนนั้นวนเวียนลูบไล้ไปเรื่อยจนต้องถอนหายใจออกมาอย่างเป็นสุข

“เฮ้อ!” ธณัติกำผ้าขนหนูผืนเล็กไว้แน่น ต้นแขนยกขึ้นปาดเหงื่อที่หน้าผาก รู้สึกเหนื่อยกับการจัดท่าทางคนตัวใหญ่ “ใจคอจะไม่ช่วยกันเลยใช่มั้ยเนี่ย” พูดกับคนที่นอนหลับตาพริ้มปากยิ้มกริ่มอย่างยั๊วะๆ ไม่หวังคำตอบใดๆ...ก็คนเมาที่ไหนมันคุยรู้เรื่องบ้างเล่า!

ตอนเป็นไข้นั่นก็ครั้งหนึ่ง กว่าจะถอดเสื้อผ้า เช็ดตัว ใส่เสื้อนอนให้จนเสร็จ พลังชีวิตก็ลดฮวบฮาบ ดูแลเด็กโข่งนี่มันเหนื่อยแทบรากเลือด! แถมคราวนี้ยังยุ่งยากกว่าเดิมด้วยเจ้ามือยุ่บยั่บที่คอยจะยุ่งย่ามจับโน่น นี่ไปเรื่อยไม่รู้เรื่องจนเขาต้องเสียแรงกดไว้ไม่ให้แผงฤทธิ์นี่อีก

นัยน์ตาสีน้ำตาลกวาดมองความ เรียบร้อยของร่างกายชายหนุ่มบนเตียง ชวนันท์นอนไม่รู้เรื่อง จังหวะหายใจสม่ำเสมอบ่งว่าเจ้าตัวน่าจะจมอยู่ในห้วงฝันเรียบร้อยแล้ว ปล่อยให้เขาใช้สิทธิ์ตำแหน่งพ่อบ้านลงมือจัดการปรณนิบัติพัดวีเต็มที่ ผมดำขลับที่เสยเรียบโชว์หน้าผากยามทำงานที่บริษัท บัดนี้ถูกปัดหล่นบังใบหน้าหล่อเหลาบางส่วนทำให้หน้าตาดูอ่อนเยาว์ลงมาก ไรหนวดออกสีเขียวเข้มให้สัมผัสสากมือกว่ายามเช้า แผงอกอุดมด้วยกล้ามเนื้อสมส่วนสมชายชาตรี ท่อนขายาวแกร่งมีขนปกคลุมบางเบาดูน่าหลงไหล...ดูภาพต่อหน้าก็พอจะเข้าใจว่า ทำไมชายหนุ่มถึงได้มีสาวๆโทรศัพท์ตามง้อไม่เว้นวัน

เหลือบมองช่วงกลางลำตัว ส่วนเดียวที่ยังมือเครื่องแต่งกายชิ้นน้อยปิดบังอยู่

...คิตตี้จริงๆด้วย...

ธณัติก้มหน้าลงใกล้ลายพิมพ์ สีสดใส พิจารณาลวดลายแมวน้อยน่ารักตรงกลาง เอี๊ยมชมพูตัดกับพื้นหลังสีครีม ดอกไม้ในมือปุยบานอวดกลีบสีเหลืองสด ด้านหลังปรากฏสายรุ้งพาดจากพื้นขึ้นถึงก้อนเมฆรูปร่างเหมือนขนมปุยฝ้ายน่า ทาน

...ยังคงเป็นของเขา...

ปากบางยิ้มอย่างภูมิใจ เขารักษาความลับที่เป็นของเขาคนเดียวไว้ได้ในที่สุด เขายังคงความเป็น ‘คนพิเศษ’ ของชวนันท์ไว้ได้ใช่ไหม?

ยื่นใบหน้าเข้าใกล้ ใช้แสงไฟสีส้มหัวเตียงเพียงดวงเดียวเพ่งพิศราวเด็กน้อยชื่นชมของเล่นส่วนตัว ประสาทสัมผัสเริ่มรับรู้ถึงกลิ่นอายของความเป็นชายเจือมากับอุณหภูมิอุ่น ร้อนของร่างกาย ธณัติกลืนน้ำลายเอื๊อกจนลูกกระเดือกเคลื่อนขึ้นลง รู้สึกว่าคอแห้งจนต้องแลบลิ้นเลียริมฝีปาก หัวใจเต้นถี่รัวกับความคิดที่ก่อเกิด

...อยาก...

...อยากได้ชวนันท์มาเป็นของตัวเองเหลือเกิน เขาอยากทำให้ชายหนุ่มที่นอนแผ่ไร้ความระแวดระวังนึ้ได้รับความสุขโดยที่เขาเป็นผู้มอบให้

...ทีนี้จะได้รู้กันไป ว่าเขาเหมาะจะเป็นฝ่ายกอดขนาดไหน…

กระหยิ่มยิ้มย่อง เรียวปากบางบรรจงมอบจุมพิตลงตรงใบหน้าของแม่แมวสาว ส่งผ่านความร้อนไปยังร่างกายใต้เนื้อผ้านุ่มลื่นนี้ นวดเฟ้นถุงอุ่นนุ่มด้านล่างอย่างเบามือ รู้สึกถึงการถอนหายใจหนักๆจากร่างข้างใต้ ลิ้นร้อนแลบไล้เลียผ้าจนเปียกชื้น สะโพกหนาแกร่งเริ่มขยับเข้าหาความสุขสมโดยที่เจ้าตัวยังไร้สติ จวบจนธณัติรู้สึกลิ้นแห้งผากเนื่องจากถูกเนื้อผ้าชั้นดีดูดซับน้ำลายไป จึงเลื่อนมือขึ้นเกี่ยวของยางยืดลง เปิดเผยเนื้อแท้ที่ปะทุอารมณ์แห่งเพศรสจนแข็งเกร็ง

ธณัติยกศีรษะขึ้นสูง ก้มลงมองภาพประติมากรรมด้านล่างอย่างภาคภูมิใจ ...งานศิลปะชั้นดีที่ถูกก่อร่างโดยเขา และถูกควบคุมความเป็นไปโดยตัวเขาอีกเช่นกัน…

กอบกุมท่อนเนื้อแข็งแกร่ง อย่างเบามือ เสียงครางฮือจากคนข้างล่างทำให้ยิ่งฮึกเหิม ธณัติอ้าปากกว้าง รับความปรารถนาแห่งอารมณ์เข้าสู่โพรงปากร้อนผ่าว ขยับลิ้นไล้เลียส่วนปลายฉาบฉวย ปากเม้มแน่นก่อนขยับศีรษะขึ้นลง มือจับรูดเน้นตามจังหวะ รู้สึกถึงแรงดีดจากสะโพกแกร่งที่รุนแรงขึ้นกว่าเดิมจนต้องใช้มืออีกข้างกด ไว้ให้นิ่งอยู่กับที่ หากแรงขับดันมีมากเกินมือเดียวจะควบคุมไหว จึงตัดสินใจยกตัวขึ้นคร่อม สองเข่าวางแนบลำตัวหนา ท่อนแขนกดเอวร่างสูงไว้แน่น สะโพกมนยกขึ้นสูงเพื่อปรับให้ช่วงศีรษะได้จ่อมจมลงดูดดุนความเร่าร้อนอย่าง เมามัน

ไล้ลิ้นไปตามเส้นเลือดปูดโปน รู้สึกถึงแรงขับดันของชีพจร ธณัติมอบห้วงอารมณ์สุขสมให้ชวนันท์อย่างต่อเนื่อง กลิ่นอาย จังหวะการขยับ และอุณหภูมิที่แล่นขึ้นสูงทำให้รู้สึกอยากปลดปล่อยความทรมานของตนเอง มือผอมข้างหนึ่งละจากเอวหนาเข้ามอบความสุขแก่ร่างกายตัวเองแทน จังหวะการขยับของสองมือสอดคล้องกันไม่มีขัด ความพึงใจไต่ระดับขึ้นสูงเรื่อยๆ ความเร็วของสองมือก็ยิ่งเพิ่มขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่

“อื้อ!!” อุทานอย่างตกใจเมื่อจู่ๆ สัมผัสเย็นจากนิ้วแกร่งก็สอดเข้าร่องเนินเนื้ออย่างถือวิสาสะ กำลังจะผงกสีรษะขึ้นฝ่ามือหนาใหญ่ก็กดเขาไว้แน่นโดยไม่ทันให้เวลาตั้งตัว สะโพกข้างใต้สวนขึ้นลงอย่างบ้าคลั่งจนท่อนแขนผอมคุมไว้ไม่อยู่ แรงอัดเข้าช่องปากรุนแรงจนแสบจมูกน้ำตาเล็ด รู้ตัวว่าเสียท่าชวนันท์เสียแล้ว บัดนี้เขาถูกอีกฝ่ายควบคุมไว้ซะอยู่หมัด ความเสียวซ่านเพิ่มขึ้นจากนิ้วมือที่ควานลึกผสมกับลิ้นอุ่นร้อนที่กำลังไล่ เลียต้นขาขาว มือผอมที่กุมแก่นกายกระชับแน่นเร่งจังหวะหนักหน่วงให้ตัวเองอย่างรัญจวนใจ ปากครางอืออาทั้งที่ยังครอบครองความร้อนไว้ภายใน น้ำใสไหลเล็ดมุมปากเลอะคางหยดลงย้อมผิวเนื้อเบื้องล่างจนมันวาว

ธณัติหอบหนักหลับตาเพ่งสมาธิ ไปยังกายสัมผัส ความทรมานใกล้สิ้นสุด ทุกส่วนเร่งเร้าให้ไต่เต้าขึ้นสูงสู่สรวงสวรรค์ เขาปลดปล่อยจนเปรอะเปื้อนหน้าอกอุดมกล้ามเนื้อด้านล่างจนรู้สึกหมดแรง มือหนาที่กดศีรษะไว้สั่นเกร็งกดให้รับแก่นกายเข้าลึกกว่าเดิมจนสุดความยาว ความร้อนที่พุ่งฉีดสู่ลำคออย่างแรงจนสำลักไอ  เรี่ยวแรงทั้งตัวหายวาบ ร่างผอมทิ้งตัวลงนอนพังพาบนาบร่างกำยำ หอบหนักอย่างคนขาดอากาศหายใจ เหงื่อกาฬไหลพลั่กหยดผสมกับของคนข้างล่างจนเป็นเนื้อเดียวกัน

สัมผัสเหนอะหนะที่ช่วงสะโพก ทำให้รู้สึกไม่สบายตัวจนอยากลุกหนี พยายามจะพลิกตัวขึ้นก็พบว่าช่วงเอวถูกท่อนแขนรัดไว้แน่นเสียแล้ว นิ้วที่ควานลึกยังคงทำหน้าที่ต่อไปไม่หยุดหย่อน จากหนึ่งเพิ่มเป็นสอง จากสองเพิ่มเป็นสาม ธณัติครางฮืออย่างอึดอัดในท้องน้อย แก่นกายอ่อนนุ่มที่เพิ่งปลดปล่อยไปเริ่มเข็งร้อนขึ้นอีกครา เป็นเวลาไล่เลี่ยกับความแข็งเกร็งที่ผงาดเงื้อร้อนฉ่านนาบแก้มขาวของเขาอยู่ ตอนนี้

“อ๊ะ~!!” อุทานอย่างร่านร้อนเมื่อทั้งตัวถูกลากขึ้นสูงพร้อมกับลิ้นอุ่นหนาจาบจ้วง เข้ายังช่องทางด้านหลังที่มีนิ้วแกร่งคอยนำทาง เมื่อเลื่อนเข้าลึกขึ้น นิ้วก็สวนออกครูดยังจุดกระสันจนต้องกรีดร้องออกมา สองมือจิกสะโพกหนาไว้แน่นอย่างซาบซ่านในอารมณ์

พลั่ก!

เสียงหลังกระทบเตียงนุ่มดัง ลั่น รู้ตัวอีกทีธณัติก็ถูกกดคร่อมไว้ใต้ร่างกำยำของชวนันท์แล้ว นัยน์ตาตื่นๆสีน้ำตาลเข้มจ้องเข้าไปยังสีดำมืดดังท้องฟ้าไร้ดาวอย่างหลงไหล ปากบางถูกจูบรัวเหมือนนกจิกก่อนที่จะแนบสนิทสอดลิ้นเข้ารุกรานอย่างดูดดื่ม แก่นกายถูกมือหนากุมแน่นรูดลงเน้นๆจนตัวสั่นเกร็ง สองคนอลวนอยู่กับการแลกลิ้นเมามันดังการต่อสู้ของลูกผู้ชาย

เมื่อแยกจากกันได้ ร่างสูงก็ยืดตัวขึ้นสูง อุ้งมือทั้งสองกำรอบข้อเท้าบางแน่น จับแยกออกกว้างดันขึ้นแนบหน้าอกข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งยกขึ้นพาดบ่าหนา เผยส่วนน่าอายให้เชยชมเต็มที่จนธณัติหน้าแดงก่ำ สองมือพยายามเอื้อมลงล่างเพื่อปกปิดส่วนลับ แต่ก็กลับโดนมือหนายึดแน่นไว้ทั้งคู่

ธณัติกลืนน้ำลายลงคอที่แห้ง ผาก ความหวาดกลัวเริ่มรุมเร้า ใจหวนนึกถึงคืนก่อน วันที่ชวนันท์พยายามบุกรุกเข้ามา เจ็บปวดจนรู้สึกเหมือนตัวจะฉีกขาดออกจากกัน ทั้งๆที่อีกฝ่ายสอดใส่เข้ามาเพียงส่วนปลาย วันนี้ชายหนุ่มคงตั้งใจเดินหน้าจนจบแน่ๆ ...แล้วเขาจะทนไหวหรือ?

“หยุดแค่นี้...ได้มั้ย?” กระซิบถามเสียงสั่นกระเส่า ใจหนึ่งนึกอยากกัดลิ้นตัวเองที่ถามคำถามนั้นออกไป ถ้าหยุดตอนนี้ไม่ใช่แต่ชวนันท์เท่านั้นที่ทรมาน ตัวเขาเองก็คงค้างเติ่งเหมือนกัน แต่อีกใจก็กลัว...กลัวความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้น นัยน์ตาสองสบกัน ต่างฝ่ายต่างส่งสายตาเว้าวอน

“...คิดจะฆ่าฉันทั้งเป็นหรือ ไง?” เสียงที่ส่งมานั้นอ้อนขอความเมตตาจนเขาไม่อาจตอบปฏิเสธออกไปได้ ธณัติหลับตาปี๋ยอมรับชะตากรรมที่กำลังจะบังเกิด

“อา...” มือหนารูดเน้นแก่นกายของเขาแรงกว่าเดิม เร่งจังหวะอย่างไร้ความอดทนจะรออีกต่อไป เมื่อลืมตาขึ้นเห็นสายตาดำมืดที่จ้องมองมาอย่างเร่าร้อน ก็ต้องทนไม่ไหวหลับตาปี๋หลบหนีดังเดิม ธณัติอ้าปากกร็งค้าง ของเหลวขาวขุ่นฉีดพุ่งอย่างรุนแรงประสานกับเสียงครางกระเส่ายาวนาน

เมื่อลืมตามาเห็นนิ้วแกร่ง ปาดของเหลวเหนอะจากหน้าท้องเขาจนเกลี้ยง ลงมือขโลมแก่นกายจนเปียกแฉะ หน้าก็แดงก่ำไปจนถึงใบหู ธณัติใช้สองแขนยันตัวช่วงบนขึ้นดูท่อนเนื้อหนาใหญ่กำลังจ่อวนหน้าปากทางเข้า อย่างหวาดๆ อีกฝ่ายคงเข้าใจ มือหนาจึงดันช่วงอกจนต้องนอนแบ่บลงตามเดิมพร้อมปิดตาไว้แน่น

“อย่าเพิ่งมอง...นัท... ฉัน...สัญญา...จะไม่ทำให้เธอเจ็บ” สิ้นคำพูดก็รู้สึกถึงแรงดันเข้ายังปากทาง สิ่งแปลกปลอมร้อนฉ่าค่อยๆบุกรุกเข้ามาช้าๆ จากความโค้งมนขยายใหญ่ของส่วนปลาย ไล่ลึกทีละนิ้วๆ จนสุดความยาว ธณัติถอนหายใจยาวรู้สึกคับแน่นไปจนถึงท้องน้อย แต่น่าแปลกที่ไม่รู้สึกถึงความเจ็บเสียดแบบคืนนั้นเลยสักนิด...ชวนันท์รักษา สัญญาไว้ได้จริงๆ

ความแข็งแกร่งในร่างกายเริ่ม ขยับเข้าออกหลังจากที่รอให้เขาปรับตัวชั่วเวลาหนึ่ง ส่วนปลายครูดกับผนังภายในจนต้องร้องครางออกมา สองคนหอบหายใจรุนแรงสอดประสานเข้ากับจังหวะการขยับกายสม่ำเสมอ สองมือขาวเอื้อมสูงตระกองใบหน้าหล่อเหลาของชวนันท์ไว้หลวมๆ ตาสองคู่สบสื่อภาษาใจก่อนที่จะหลับพริ้มก้มลงแนบริมฝีปากแลกจุมพิตหวามหวาน ชวนันท์ดันสะโพกเข้าจนสุดฟังเสียงครางในริมฝีปากของตัวเองอย่างพึงพอใจ

“อ๊ะ...อา...ฮ้า!!!” เมื่อแยกจากกันได้ก็หยัดกายขึ้นสูงจับสองมือให้โอบรอบหลังลำคอแกร่งแน่น ดันสะโพกคลุกเคล้าฮึกเหิมจนธณัติร้องไม่เป็นภาษา

“เรียกชื่อฉัน นัท!” ชวนันท์กัดฟันอดทนต่อความคับแน่นที่รัดร่างกายอยู่ รู้สึกดีอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนในชีวิต ปรารถนาอยากได้ยินธณัติเรียกชื่อเขาเหลือเกิน

“คุณ...อือ” ...ไม่ไหว...มันรุนแรงจนพูดไม่รู้เรื่อง ในหัวขาวโพลนไปหมด

“บัดซบ! เรียกชื่อฉัน นัท!” พูดพลางหอบหลางอย่างกราดเกรี้ยว เขากำลังจะไปถึงจุดสูงสุดแล้ว ขอสักครั้งที่อยากได้ยิน

“ฮ้า!!! ไม่...ไม่ไหว...คุณ” ยิ่งกรีดร้องมากกว่าเดิมเมื่อมือใหญ่ร้อนกอบกุมความปรารถนาขยับเน้นย้ำให้เสียวซ่านรุนแรง

“นัท...ขอร้อง...” สะโพกยันเข้าสุดก่อนถอยออกอย่างรวดเร็ว รู้สึกถึงการเกร็งกระตุกของร่างข้างใต้ ธณัติตัวสั่นเทิ้ม ปากหอบหาอากาศหายใจ ครางฟังไม่รู้เรื่อง ก่อนปลดปล่อยความร้อนออกมาจนสุดตัว แรงรัดของช่องทางด้านหลังมากขึ้นจนชวนันท์รู้สึกว่าร่างกายกำลังจะแตกสลาย เขาค้อมตัวลงแนบหน้าผากชื้นเหงื่อลงกับหน้าผากมนของอีกฝ่าย กระซิบแผ่วลอดไรฟัน “นัท...ขอ...ร้อง...”

“คุณ...คุณแน็ท!!!” ธณัติกรีดร้องลั่น เป็นเวลาเดียวกับที่ชวนันท์ปลดปล่อยอารมณ์ปรารถนาสู่ช่องทางคับแคบอย่างสุ -สม ยันสะโพกอีกสองสามทีจนหมดแรง ฟุบตัวลงแนบอกขาวหมดสติไป


+++++++++++++++++++++++++


...ทำไปจนได้...

ธณัตินอนตาค้างรองรับน้ำหนัก ร่างกายสูงใหญ่ที่ทั้งเมาทั้งเหนื่อยจนหมดสติไปแล้ว ตัวเขาเองก็เหนื่อยแสนเหนื่อยแต่ความตื่นตัวยังคงฝังอยู่ในอนุสติเพียบพร้อม จนไม่สามารถข่มตาลงหลับได้

เมื่อเรื่องทั้งหมดผ่านไป ความกังวลก็หวนกลับมาตีกระเจิงอีกครั้ง

ใช่...เขากังวล สำหรับเขา เซ็กส์ครั้งแรกนี้ ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เขาคิดอย่างที่เคยพูดกับชวนันท์จริงๆ

...เรื่องอย่างนี้...มันควรจะเกิดจากความรัก

เขารักชวนันท์!

แต่กับอีกฝ่ายเล่า ถ้าเขาไม่เข้ามาขวางไว้ ชายหนุ่มก็คงสุขสมอารมณ์หมายกับหญิงสาวสวยเซ็กซี่คนนั้นได้ เรื่องอย่างนี้...สำหรับชวนันท์ ก็คงเป็นเพียงเกมส์สนุกๆที่ชายหนุ่มลงเล่นเท่านั้นเอง

...เรื่องคืนนี้ ชวนันท์จะจำได้รึเปล่ายังไม่รู้ด้วยซ้ำ...

ถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม มือผอมค่อยๆประคองร่างสูงให้ลงจากตัวเขา จัดท่านอนหงายให้สบายตัวก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นคลุมกาย เหลือบมองนาฬิกาแขวนก็ต้องตกใจว่าเป็นเวลาใกล้เช้าแล้ว

“อูย” ด้วยความที่รีบเกินไปทำให้สะเทือนถึงส่วนสะโพก ถึงเมื่อกี้จะไม่เจ็บ แต่ก็ร้าวระบบไปทั้งแผ่นหลัง ค่อยๆเปลี่ยนที่เดินลงจากเตียงได้ก็เดินเข้าห้องน้ำชำระล้างเนื้อตัว เตรียมตัวสำหรับวันใหม่โดยเร็ว

...

...

เสียงมือถือแผดลั่นห้องเวลา เดียวกับที่ธณัติเดินห่มผ้าเช็ดตัวออกมาจากห้องน้ำ ชายหนุ่มรีบวิ่งไปยังกระเป๋าโดยเร็วด้วยกลัวว่าเสียงดังนี้จะรบกวนการนอนของ ชายหนุ่มที่อยู่บนเตียง

“ฮัลโหล...”


+++++++++++++++++++++++++++++


“อูย~” แดดส่องหน้า ชวนันท์เพิ่งรู้สึกตัวก็ต้องกุมหัวที่ปวดตุบ เมื่อคืนท่าทางจะดื่มหนักเกินไป ถึงได้เมาค้างอย่างนี้ เมื่อเหลือบมองนาฬิกาก็ต้องตกใจว่าสายมากแล้ว ชายหนุ่มจึงเลิกผ้าห่มขึ้นเตรียมลุกไปอาบน้ำแต่งตัวไปทำงาน แต่ก็ต้องชะงักกับสภาพเปลือยเปล่าของตนเอง

...เมื่อคืนมันสับสนไปหมด...เท่าที่จำได้ เขาพบกับหญิงสาวคนหนึ่งในผับ จากนั้นก็มาที่ห้องนี้ด้วยกัน

...แล้วทำไมในความทรงจำถึงมีแต่หน้าธณัติกับเสียงทุ้มพร่าร้องครางกระเส่าอยู่ข้างหู???

ความสบายกายที่รู้สึกนี้เป็นตัวยืนยันแน่นอนว่า เมื่อคืนเขาได้ปลดปล่อยไป แต่กลับไม่มีใครนอนอยู่ข้างกายในเวลานี้

ถ้าเป็นผู้หญิงส่วนมากก็จะต้องนอนรอจนกว่าเขาจะตื่นอยู่แล้ว ก็ในเมื่อมีโอกาสเรียกคะแนนแล้วจะโง่หนีกลับก่อนทำไม

แสดงว่าคนที่เขากอดเมื่อคืน น่าจะเป็นธณัติจริงๆ...แต่...เป็นธณัติได้ยังไงเล่า แล้วร่างผอมหายไปไหน ทั้งๆที่ปกติขี้เซาจะตาย

กวาดตามองสภาพห้องก็ต้องตกใจเมื่อกรงนกของเจ้าเจมส์หายไป

...หายไปทั้งธณัติ ทั้งเจมส์...

คำสัญญาหวนกลับมาในห้วงนึกคิด

‘…อย่าทำอย่างนี้อีก...เรื่องอย่างนี้...มันควรจะเกิดจากความรัก...’

‘...จำไว้นะ เมื่อไหร่ที่คุณทำผิดสัญญา ...อย่าหวังจะเจอหน้ากันอีกต่อไป...’

...เมื่อคืนเขาทำผิดสัญญา!!!


+++++++++++++++++++++++++++++++++++


ก๊อกๆ

เสียงเคาะประตูห้องดังเบาๆ ด้วยใจจดจ่อทำให้ชวนันท์ก้าวยาวๆไปยังหน้าประตูเปิดผางออกทันที

“นัทอยู่กับเธอรึเปล่า” เปิดมาไม่มองหน้าค่าตา กรอกคำถามรดร่างบางของโยรวดเร็วจนร่างบางถึงกับผงะถอยหลัง

“คุณพูดอะไร?” จากคำสั่งเรียกด่วนของท่านรองประธาน ตอนแรกคิดว่าจะถูกหาเรื่อง ...ตอนนี้ก็กำลังถูกหาเรื่องจริงๆ...ข้อมูลที่เขาได้มาเมื่อเช้าคงจะใช้ ประโยชน์ได้มากโขอยู่

“อย่ามาทำไก๋ นัทหนีไปอยู่กับเธอใช่มั้ย!” เมื่อเช้าเขารีบแต่งตัว บุกไปหาที่คอนโดของธณัติ เมื่อลองเคาะห้องดูก็ไร้เสียงเรียก ลงทุนบุกผู้ดูแลขอกุญแจเปิดดู สุดท้ายก็ไม่พบทั้งคนทั้งนกอยู่ในห้องเลย มาที่บริษัทสอบถามทางแผนกก็พบว่าธณัติไม่มาทำงาน จึงต้องเรียกเจ้าเด็กเปรตนี่มาคั้นความจริงโดยด่วน

“แล้วทำไมผมต้องบอกคุณเล่า พี่นัทอยากจะอยู่ไหนมันก็สิทธิ์ของเค้าไม่ใช่เหรอ” โยตอบอย่างยียวน

“...กางเกงใน” ชวนันท์กัดฟันกรอดผืนใจไม่ให้ออกหมัดชกโยจนขึ้นโรงพัก พูดลอดไรฟัน

“…ครับ??” โยขมวดคิ้วอย่างงงๆ

“เอากางเกงในของนัทไปหนึ่ง ตัว บอกมาว่านัทอยู่กับเธอรึเปล่า? เขาติดต่อเธอรึเปล่า?” โยยิ้มกว้างกับข้อแลกเปลี่ยน สิ่งที่รู้นี่ใช้ประโยชน์ได้เกินคาด

“พี่นัทไม่ได้อยู่กับผม แต่เมื่อเช้าเขาโทรหาผมบอกว่า...” เว้นช่วงนาน ตามีประกายระริกจ้องหน้าชวนันท์อย่างน่าหมั่นใส้

“ว่าอะไรเล่า บอกมาเร็วๆ!!” ชวนันท์ตะคอกถามอย่างใจร้อน

โยแบมือทำท่าขอ มุมปากยิ้มอย่างได้เปรียบ “กางเกงในสองตัวครับ”

“เออ!! สองตัว!! บอกมาซักที!!” ต้องท่องแผ่เมตตาในใจ ตราบใดที่เขายังไม่รู้ว่าธณัติอยู่ไหน เขาจะฆ่าเจ้าบ้านี่ไม่ได้

“พี่นัทกลับบ้านครับ เขาฝากให้ส่งใบลากิจให้ แต่ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าบ้านพี่นัทอยู่ที่ไหน” โยยังพูดไม่จบ ชวนันท์ก็วิ่งสวนออกประตูไปแล้ว

“แอน!! เลื่อนประชุมให้หมด ฉันลางานสองวัน!!!”

ได้ยินเพียงเสียงตะโกนสั่งเลขาไกลๆ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
มาต่อให้แล้วนะคับ  :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 13-14อัพ19.00 15/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 15-04-2008 23:05:09
 :laugh:
สองตัว...คุ้มมั้ยเนี่ย
555555555555555
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 13-14อัพ19.00 15/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: sin_no ที่ 15-04-2008 23:24:16
กกน. กางเกงใน ใส่แล้วมีพลังภายใน

 :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 13-14อัพ19.00 15/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: totoken ที่ 16-04-2008 01:05:40
ชอบเรื่องแนวนี้อ่ะ ชอบมากๆ เลย จะติดตามผลงานเรื่อยๆ นะครับ รีบๆ ปั่นนะครับ อยากอ่านต่อ  :m13:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 13-14อัพ19.00 15/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Ackee ที่ 16-04-2008 09:30:58
ไอ้เราก็นึกว่ารีบขับมอไซออกไปเพราะหึงหวง
ที่ไหนได้ไม่อยากให้ใครเห็น "คิตตี้" ของพระเอก     :laugh:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 13-14อัพ19.00 15/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: lettus_live ที่ 16-04-2008 16:21:16
 :c5:  อยากอ่านตอนต่อไปแล้วงะรีบๆๆมาต่อนะจ้า :oni2: :oni2: อยากอ่านสุดๆเลย o13
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 13-14อัพ19.00 15/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 17-04-2008 11:12:47
คิดถึงจังยังไม่ได้อ่านเลย :angry2:เด่ยวไปฆ่าไอ้swisscomก่อนเด่ยวกลับมาอ่าน
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 13-14อัพ19.00 15/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: ltahset ที่ 18-04-2008 00:23:00
ชอบมากๆค่ะ o13
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 13-14อัพ19.00 15/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: modi ที่ 18-04-2008 16:37:09
เหอๆ ของแลกเปลี่ยนก็..นะ

ว่าแต่สองตัวมันจะพอเร้อ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 13-14อัพ19.00 15/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: peggykung ที่ 19-04-2008 00:16:36
 :m29:  ของแลกเปลี่ยนนี่สุดยอดจิง ว่าแต่เอาตัวซักแล้วหรือยังไม่ได้ซักหว่า
ยังไงก้อมาต่อเร็วๆนะงับ หนุกดีชอบๆ :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 13-14อัพ19.00 15/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: VitamiN ที่ 19-04-2008 21:34:01
 :m1:
กรี๊ดดดดด
ชอบมั๊กมากกกกกกกกกกกกกกกกก :o8:

ฮากระจาย  นั่งบิดไปบิดมา ทุบโต๊ะ อายแทน แต่ละคน :laugh:

มาต่อนะค้า :oni1:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 13-14อัพ19.00 15/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: TonG_x_Zhi ที่ 19-04-2008 22:24:04
กำลังจริงจัง  แต่มาฮากลิ้งเพราะน้องโยขอสอง :laugh: :laugh: :laugh:

รออ่านตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 13-14อัพ19.00 15/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: playCardPlaYBoy ที่ 20-04-2008 07:19:31
ผมเปล่าโรคจิตนะ! 15 [end]
.................................
วันนี้เป็นวันซวย!!!

เริ่มจากเมื่อคืนต้องดูแลคน เมา นอนก็ไม่ได้นอน นึกจะลักหลับกอดก่ายให้สมใจ ดันเป็นฝ่ายพลาดท่าถูกกอดซะเอง พอเช้าตรู่หลังอาบน้ำเสร็จ กะจะนอนสักงีบแล้วค่อยไปทำงาน ก็ดันมีโทรศัพท์ด่วนจากทางบ้านซะได้

‘ฮัลโหล’ ธณติรับโทรศัพท์ตื่นตัว ทางบ้านโทรมาเช้าขนาดนี้ จะมีเรื่องไม่ดีอะไรหรือเปล่า?

‘นัท...พี่ไม่ไหวแล้ว ทรมาน’ เสียงสั่นปลายสายยิ่งทำให้ใจไม่ดี

‘พี่เนศ เป็นอะไร??!!’

‘พี่เพิ่งออกมาจากห้องผ่าตัดเมื่อคืนนี้เอง ตอนนี้ปวดไปหมดทั้งตัว อยากเห็นหน้านายก่อนจะเข้าผ่าอีกครั้ง...’

‘เดี๋ยวๆ ผ่าอะไร หนักมากขนาดต้องผ่าสองครั้งเลยเหรอ พี่เป็นอะไร!!??’

‘…พาเจมส์มาด้วย ให้พี่เห็นหน้ามันหน่อย...’ การสนทนาหยุดอยู่แค่นี้ ไม่ได้ให้ข้อมูลมากไปกว่าที่ได้ยิน ธณัติรีบเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทาง คว้ากรงนกรวดเร็วจนเจ้าเจมส์ที่หลับอยู่ตกใจตีปีกขนร่วงกราว ก่อนจะเรียกแท็กซี่ไปส่งยังหัวลำโพง จับรถไฟเดินทางขึ้นเหนือทันที

ที่นั่งรถไฟช่างทรมานร่างกาย ที่ผ่านกิจกรรมหักโหมเมื่อคืนซะเหลือเกิน ธณัติจำเป็นต้องนั่งรถไฟชั้นสามที่เป็นรถพัดลมบวกกับเก้าอี้ไม้มุมฉากเพราะ ชั้นสูงกว่านี้ไม่ยอมให้ไอ้นกปากมากได้ขึ้นไปอวดโฉม ปวดก้นจนต้องร้องซี๊ดยามกระเด็นกระดอนตามแรงสะเทือน รอจนถึงเวลาเข้าทำงานก็ต่อโทรศัพท์มือถือหารุ่นน้องจอมป่วน

‘พี่นัท?’ เสียงโยตื่นเต้นมาก คงคิดว่าเขาจะเคลียร์เรื่องเมื่อวานล่ะมั้ง ธณัติละความขัดแย้งในใจทิ้งก่อนจะพูดธุระกับร่างบาง

‘โย ฝากส่งใบลากิจให้สองวัน ฉันจะกลับบ้าน ที่บ้านมีเรื่องด่ว...’ ปึ้บ!! ยังพูดไม่จบประโยคสายก็ตัดเงียบสนิท เอาโทรศัพท์ออกจากหูมามองดูหน้าจอ ก็พบว่าแบตฯหมดไปแล้ว

...แล้วจะโทรบอกเจ้าคิตตี้ได้ยังไงเล่า...

จึงต้องพักเรื่องทำความเข้าใจกันไว้ก่อน...ก็ดีเหมือนกัน เขาไม่อยากบอกความรู้สึกผ่านทางโทรศัพท์นักหรอก

หลับโงกหลับเงก ตื่นบ้างเป็นบางครั้งจากเสียงตะโกนขายขนมบนรถไฟสลับกับเสียงนกร้องด่าไอ้โง่ ใส่คนไปทั่ว สุดท้ายรถไฟก็วิ่งมาถึงอ่างทอง...ใกล้จุดหมายไปอีกนิดหน่อย

แต่พอถึงอ่างทอง...มันก็หยุด อยู่ที่อ่างทองจริงๆ รถจอดสนิทที่สถานีอยู่ชั่วโมงกว่า ก่อนจะประกาศว่าจะไปถึงปลายทางช้าเนื่องจากเครื่องยนต์มีปัญหา รถไฟชั้นสามที่ควบปุเลงปุเลงด้วยความเร็วพอใช้ได้มาตลอดทางก็กลายเป็นวิ่ง แบบหวานเย็นให้ดมกลิ่นโคลนสาบควายกันเต็มๆ

ไม่...ความซวยยังไม่จบแค่ นั้น ประมาณสามโมงเย็น อยู่ๆท้องฟ้าก็มืดครึ้ม ฝนตกกระหน่ำจนต้องปิดหน้าต่างรถไฟทั้งโบกี้ อากาศที่ว่าร้อนอยู่แล้วยิ่งอบอ้าวมากขึ้นจนอยากเป็นบ้า เขาต้องยอมซื้อพัดจากแม่ค้ามานั่งพัดวีตัวเอง ไม่ลืมแบ่งความเย็นให้เจ้าเจมส์อีกนิดหน่อย ตอนนี้สภาพของเขาก็ไม่ต่างจากเปียกฝนเท่าไหร่ เพียงแต่ที่เปียกมันไม่ใช่น้ำฝน แต่กลับเป็นเหงื่อโทรมกายต่างหาก

แล้วแม่สาววัยรุ่นที่นั่งติด อยู่ข้างหลังมันเกิดเฮี้ยนอะไรขึ้นมา! เวลาประมาณหกโมงเย็น แทนที่จะภูมิใจในเอกราชและความเสียสละของบรรพบุรุษไทยเปิดเพลงชาติให้ยืนตรง กันหน่อย แม่ดันเปิดเพลงฮิตติดชาร์ทวนไปวนมา

/ฉันเหมือนคนที่โดนเธอแทงข้างหลัง แล้วมันทะลุถึงหัวใจ~/

เข้าฟิลด์พี่มากเลยน้อง...เพิ่งโดนแทงข้างหลังของจริงมาเมื่อเช้านี้เอง ดีหน่อยที่มันไม่ทะลุลำใส้ไหลตายคาเตียงไปซะก่อน

กว่าจะมาถึงพิษณุโลกได้ก็ หนึ่งทุ่มพอดีไม่ขาดไม่เกิน รู้สึกดีใจที่หลุดพ้นเสียงโหยหวนของคนโดนแทงข้างหลังมาได้ซักที ธณัติในสภาพเปียกมะล่อกมะแล่ก มือหนึ่งถือกระเป๋าเดินทาง อีกมือหิ้วกรงนกร้องว้าวว้าว เดินหาโทรศัพท์สาธารณะทั่วสถานี

จนต่อสายเข้ามือถือพี่ชายได้ก็ได้รับคำตอบ “กลับมาบ้านเลย พี่เพิ่งออกจากโรง’บาลเมื่อบ่ายนี้เอง”

แล้วมันเป็นหนักตรงไหนฟะ ผ่าเมื่อคืนกลับบ้านวันนี้!!

คิดอย่างหงุดหงิดพลางโบกรถ สามล้อถีบกลับบ้านที่อยู่มาตั้งแต่เด็ก บ้านที่ยังคงความเป็นบ้านในความทรงจำ ตึกแถวสามห้องริมน้ำที่แต่งร้านแบบคนจีนเปิดขายเครื่องสังฆทานตอนนี้ปิดร้าน เงียบอย่างน่าแปลกใจ เขากดกริ่งยืนรออยู่หน้าบ้านประมาณสิบนาที รอจนท่านพี่ชายยุรยาตรร่างกายล่ำๆที่ไม่เห็นจะป่วยตรงไหนมาเปิดบ้าน

“ทำไมบ้านเงียบอย่างนี้? ป๊าม๊าไปไหน“ ธณัติถามอย่างแปลกใจ

“ป๊าม๊าไปฮันนีมูนที่จีน อีกอาทิตย์ค่อยกลับว่ะ คนใช้ก็ลากลับไปทำนาพอดี…ไหน ไอ้น้องรัก! มากอดที ไม่เห็นหน้าตั้งนาน“ พี่ชายตัวใหญ่ยักษ์รวบเขาเข้าไว้ในอ้อมกอด มือใหญ่ตบบ่าป้าบๆสองสามที

“แล้วไหนทรมานอาการหนัก ดูก็ไม่เห็นเป็นไร ทำไมต้องให้ลางานมาอย่างนี้ด้วยฟะ? “

“โหย พูดกับพี่ไม่เพราะ เด๋วแม่งจับตีก้น! ไม่ได้บอกว่าอาการหนักโว้ย แค่บอกว่าทรมาน ไม่พูดงี้แกก็ไม่กลับบ้านดิวะ“ ธเนศ พี่ธณัติ พูดอย่างไม่รู้สึกผิด

“สรุปเป็นไร? “

“นี่ไง“ พี่ชายละจากอ้อมกอด เลิกเสื้อยืดให้ดูแผลผ่าตัดยาวสองนิ้วบริเวณท้องน้อย ธณัติก้มมองก่อนร้องอย่างยั๊วะๆ

“ใส้ติ่งเนี่ยนะ!! แล้วจะต้องผ่าบ้าอะไรอีกรอบฟะ“

“ก็ตัดไหมอีกสิบวันข้างหน้า ไง แล้วอย่าคิดว่าใส้ติ่งมันเรื่องเล็ก ต้องอดข้าวทั้งก่อนผ่าหลังผ่า ทรมานเป็นบ้า!!“ เดินเข้าบ้านได้ธณัติก็ทิ้งกระเป๋าวางกรงนกปุอย่างเหนื่อยใจ...โดนพี่ชายทำ พิษจนได้!!

“ตกลงเรียกมาทำไม?“

“ก็...เรียกมาดูแล ไม่มีคนอยู่บ้านมันเหงาว่ะ“ ธเนศนอนลงบนเก้าอี้เอน กระดิกเท้า กดรีโมตทีวีแบบไม่คิดจะมีจิตสำนึกยกข้าวยกน้ำมาให้น้องชายได้ดื่มกิน

“อ้าว! เพิ่งกลับมาจะไปไหน นั่งพักก่อนเซ่“ ธณัติที่หัวเสียจัดเดินปึงปังใส่รองเท้าเตรียมออกนอกบ้าน หันมาตอบคำถามพี่ชายห้วนๆ

“ไปวัดใหญ่ล้างซวย!!!“ ออกจากบ้านโดยไม่สนใจเสียงหัวเราะขำตามหลัง

...วันนี้เป็นวันซวยจริงๆด้วย!!!...


++++++++++++++++++++++++++++++++++++


...บ้านนี้สินะ...

ชวนันท์มองสภาพบ้านที่ปิดเงียบสนิท ตรวจเช็คเลขที่บ้านให้แน่ใจอีกครั้งก่อนจะเปิดประตูรถเดินไปกดกริ่งรอ

“ไหนบอกว่าจะไปวัดใหญ่ล้าง ซวย ทำไมกลับมาเร็ว คิดถึงพี่เนศก็ว่ามาเถ้อะ ไม่ต้องอายร็อก~” เสียงใหญ่ห้าวร้องหงุงหงิงดังขึ้นทั้งที่ยังไม่เห็นตัว

เมื่อเปิดบ้านขึ้นมา ธเนศจึงค่อยรู้ว่าคนที่กดกริ่งนั้น ไม่ใช่น้องนัทอย่างที่คิด “มาหาใครครับ?” มองหน้าคนหล่อน้อยกว่าตัวเองหน่อยนึง ล่ำน้อยกว่าอีกเล็กน้อย แต่งตัวดีกว่าติ๊ดเดียว ก่อนจะถามกลับอย่างสุภาพ รู้สึกว่าไม่ถูกชะตาตั้งแต่แรกพบ

“นัทมาที่นี่รึเปล่าครับ?” ชวนันท์ถามอย่างร้อนรน อีกฝ่ายเปิดล็อคประตู ก้าวออกมาคุยนอกบ้าน เมื่อยืนเทียบกันได้จึงค่อยรู้ว่าตัวสูงพอๆกัน

“คุณเป็นใคร แล้วมาหาเจ้านัททำไม?” กอดอกยืนจังก้ารอฟังคำตอบอย่างหาเรื่อง

“ผม...”


+++++++++++++++++++++++++


ป๋อม!

ธณัตินั่งกอดเข่ามองผืนน้ำ กระฉอกเป็นวงจากก้อนหินที่ตัวเองโยนลงไป บริเวณแม่น้ำน่านเลียบวัดใหญ่ บัดนี้มีสภาพเปลี่ยนไปจากที่เคยมาวิ่งเล่นอยู่มาก ร้านรวงขายของริมน้ำดูจะซบเซากว่าเดิม บรรยากาศจึงมืดเงียบทั้งๆที่แต่ก่อนออกจะสว่างดังอึกทึกกว่าเยอะ

...คิดถึง...

คิดถึงคนที่ทำให้ใจเต้นเหลือ เกิน คนคนนั้นจะสนใจบ้างรึเปล่านะว่าเขาหายไป บางทีอาจจะคิดว่าดีก็ได้ ตอนนี้ชายหนุ่มคงจะมีความสุขกับผู้หญิงสักคนบนเตียงนอนหลังใหญ่ที่กอดเขา เมื่อคืน

คิดแล้วน้ำตาก็พาลจะไหล ธณัติเงยหน้าขึ้นสูงหลับตาปี๋บังคับให้หยดน้ำรื้นตาไหลย้อนกลับ...ลูกผู้ชาย จะร้องไห้ง่ายๆไม่ได้ แต่บรรยากาศวังเวงยามค่ำคืนแบบนี้มันจี้ใจคนเหงาชะงัดดีจริงๆ

“ร้องไห้ทำไม?” เสียงทุ้มห้าวดังขึ้นเหนือศีรษะจนสะดุ้งสุดตัว นี่เขาคิดถึงจนเพ้อว่าชวนันท์มาอยู่ที่นี่เลยเหรอเนี่ย! ลืมตาขึ้นมองก็พบหน้าตาหล่อเหลากับร่างกายกำยำมองก้มลงมา แสงไฟริมถนนเบาบางจนไม่แน่ใจว่าเขามองผิดไปรึเปล่าที่เห็นสายตาเว้าวอนส่งมา ให้

ธณัติยืนขึ้นสุดตัว ประจัญหน้ากับชวนันท์อย่างไม่เชื่อสายตา จนอีกฝ่ายคว้าแขนผอมกอดเขาไว้ในอ้อมอกแน่นหนา

“...ฉันขอโทษ” เสียงกระซิบดังข้างหู

...ขอโทษ ขอโทษอะไร มีอะไรต้องขอโทษ?...

ริมฝีปากอุ่นร้อนเริ่มไซร้ซอกคอเขา จูบซับความหอมหวานเบาๆอย่างห่วงหา

“ปล่อย!!!” เมื่อรู้สึกตัวว่าอยู่ในท่าไหน ก็ต้องดันแผงอกหนาสุดแรงเกิด อีกฝ่ายก็ไม่ยอมแพ้ยึดบ่าบางของเขาไว้แน่น

“อย่าหนีสิ นัท เราต้องทำความเข้าใจกันนะ” ชวนันท์พูดอย่างเศร้าสร้อย นี่เขาน่ารังเกียจขนาดแตะต้องตัวยังไม่ได้เชียวหรือ เขาจะไม่ได้รับโอกาสให้แก้ความผิดที่ก่อไว้เลยใช่ไหม?

“ก็บอกให้ปล่อย ไอ้คิตตี้!!! แมร่ง!! ตัวเหม็นเหงื่อจะตายอยู่แล้วจูบลงมาได้ไงฟะ!!!” คำเถียงผิดความคาดหมาย ชวนันท์นิ่งอึ้งก่อนออกแรงลากคนอนามัยจัดเข้ากอดแบบไม่มีช่องว่างให้ขัดขืน

“ไม่ได้โกรธเหรอ?” กระซิบถามเบาๆ

“มีอะไรให้โกรธ?” ในเมื่อดิ้นยังไงก็ไม่หลุด ร่างผอมจึงตัดสินใจปล่อยตัวทิ้งน้ำหนักแกล้งให้อีกฝ่ายต้องออกแรงเล่น แต่ดูเหมือนอ้อมแขนแกร่งจะไม่มีท่าทีว่าเหนื่อยแต่อย่างใด กลับโอบอุ้มเขาที่ห้อยตัวเป็นลูกลิงไว้อย่างแน่นหนา

“ก็เมื่อคืน...ฉันฝืนใจเธอ...ใช่มั้ย?” ถามอย่างลังเลด้วยความที่จำเรื่องที่เกิดขึ้นได้เพียงลางเลือน

อะฮ้า~ จำไม่ได้อย่างนี้ต้อง... “ใครฝืนใจใคร ผมต่างหากที่ฝืนใจคุณ”

ชวนันท์ขมวดคิ้วนึกอย่างงงงวย ...จะเป็นไปได้ยังไง ก็เขาจำได้ว่าเป็นฝ่ายกอดนี่นา หรือจะฝันไปเอง?

“ไม่เชื่อล่ะสิ จำไม่ได้ใช่มั้ย ว่าเมื่อคืนคุณร้องครางท่าไหน เรียกชื่อผมยังไง?” เอาเซ่! ปักใจเชื่อซะ แล้วเขาก็จะได้เป็นผู้นำอย่างสมบูรณ์

“เธอกอดฉัน?”

“ใช่ ผมกอดคุณ”

“จำที่เคยสัญญาไว้ได้รึเปล่า?” เอ้า อยากเป็นฝ่ายกอด ยอมให้ก่อนก็ได้!

“เรื่องอะไร” ทำไก๋จำไม่ได้ไว้ก่อนเป็นดี

“เธอบอกว่า...เรื่องอย่างนี้...มันควรจะเกิดจากความรัก...” ถามอย่างมีความหวัง ใจเต้นตึกตักอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

“ไม่รู้ สัญญาบ้าอะไร ใครพูด จำไม่ได้” ธณัติเพิ่งรู้ตัวว่าเสียท่า สองแขนออกแรงยันอกหนาเตรียมปลีกตัวหนีอีกครั้ง

“รักฉันใช่มั้ย?” ชวนันท์ออกแรงมากกว่าเดิม ตัดทางหนีของคนขี้อาย

“รักบ้าอะไร ผมไม่ใช่เกย์” แขนออกแรงสู้ หน้าหันหนีหลบสายตาร้อนแรงอย่างเขินๆ

“…แต่ฉันรักเธอ” เสียงนุ่มๆกระซิบข้างหูทำให้ชะงักงัน ใบหน้าหันมองหน้าตาคนพูดอย่างตะลึง ชวนันท์มองตอบอย่างแน่วแน่ กระซิบย้ำให้แน่ใจว่าฟังไม่ผิด “ฉันรักเธอ นัท”

ร่างสูงก้มหน้าลงจูบไล่ไปตาม หน้าผาก ขมับ พวงแก้มทั้งสอง ก่อนจะย้อนมาให้ความสนใจที่ริมผีปากเนิ่นนาน รู้สึกถึงการตอบรับของลิ้นอุ่น มือใหญ่ลูบไล้แผ่นหลังบางให้แน่ใจว่า เขาได้ธณัติมาอยู่ในอ้อมกอดแล้วจริงๆ

เมื่อละจากปากก็เริ่มไล้ไปตามซอกคอขาวอีกครั้ง แต่ก็ต้องคิ้วขมวดอย่างขัดใจเมื่อคนหัวดื้อออกแรงดันอีกครา

“…ผมตัวเหม็น” เอ่ยอย่างเบาๆ เขาไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้สึกแย่ที่ต้องทนกับกลิ่นเหงื่อกลิ่นโคลนของการลุยมาทั้งวัน

ชวนันท์ยิ้มกว้างอย่างเอ็นดู ลงมือจูบปากพูดมากแรงๆอย่างมันเขี้ยวทีหนึ่ง ก่อนพูดปนหัวเราะ “มันเป็นกลิ่นของเธอ...ยังไงก็หอม”

อ๊ากกกกกกก!@#@#$//* เลี่ยน!!!!

“รักฉันมั้ย นัท?” กระซิบถาม รอคำตอบอย่างใจเย็น...จะให้เด็กดื้อขี้อายพูดออกมาได้คงต้องเข็นกันอีกนาน

จริงอย่างที่ชวนันท์คิด ธณัติหันหน้าแดงก่ำหลบตาหนี ปากยื่นปากยาว “รักบ้าอะไร”

“ฉันรักเธอนะ รักฉันมั้ย?” ยิ่งพูดหน้าแดงๆก็ยิ่งแดงจัดหลบงุดๆลงกับอกแกร่ง “ใครรักใครกัน อยากรักก็รักไปคนเดียวเด้!”

“รักนะ ชวนันท์รักธณัติ รักมากที่สุด ธณัติรักชวนันท์บ้างรึเปล่า?”

“…”

“รัก รัก รัก รัก รัก รัก...” พูดรัวจนเส้นความอดทนขาดปึ้ด บรรยากาศดีๆกระเจิงหมด ตะโกนดังลั่นอย่างเหลืออด

“เออรักโว้ย!! ธณัติรักชวนันท์!!! รักคิตตี้ รักเคโระ รักซานริโอ้® พอใจรึยัง!!!” เพิ่งรู้ตัวว่าตะโกนอะไรออกไป ส้นเท้าเหยียบกระแทกเท้าใหญ่ของคนข้างหน้าจนต้องสะดุ้งปล่อยแขน ร่างผอมได้ทีวิ่งปรู๊ดหนีหน้า

“โอย~” เสียงร้องแบบเจ็บหนักหนาดังมาจากร่างสูงทำให้ต้องจิกเท้าเบรคเอี๊ยดหันหน้า กลับไปมอง ชวนันท์คู้ตัวต่ำกุมเท้าไว้แน่นซี๊ดปากเจ็บปวด

“เป็นอะไรรึเปล่า?” ธณัติก้มดูผลงานตัวเองอย่างเป็นห่วง ทำร้ายร่างกายกันอย่างนี้มันคดีอาญารึเปล่าหว่า…ไม่ทันตั้งตัวคนเจ็บก็ยื่น แขนคว้าหมับจับเขากดนอนลงบนพื้นหญ้า

“จับได้แล้ว” ชวนันท์ยิ้มเจ้าเล่ห์จนอีกฝ่ายรู้ตัวว่าโดนหลอก ดิ้นหนีสุดแรงเกิด จึงต้องกดปราบพยศไว้แน่น “อยู่นิ่งๆก่อน” กระซิบแผ่วเป่าลมเข้าหูให้ธณัติขนลุกเล่น

“ทีนี้เราสองคนก็รักกันแล้ว ใช่มั้ย?” ไร้เสียงตอบจากธณัติ ชวนันท์กดจูบบนแก้มขาวเน้นๆ “ส่วนเรื่องเมื่อคืนใครกอดใคร ถามร่างกายดูเลยก็ได้” ว่าพลางไล้มือหนาลงบนอกผอมๆ

เฮ้ยยยย!!! ได้ไง!!!!

“ไม่อ๊าวววว มาทำบ้าอะไรกลางแจ้งอย่างนี้ ปล่อยนะเฟ้ย ไอ้คิตตี้!!! ปล๊อยยยย!!! หม่าม๊า ช่วยด้วยยย!!!” ธณัติโหยหวนดังลั่นจนนกที่นอนหลับอยู่บนต้นไม้ใหญ่ตกใจแตกกระเจิงขนร่วงกราว ดิ้นพราดๆออกแรงต้านเต็มที่ อยู่ดีๆแรงกดก็หายวับ ตามมาด้วยอุ้งมือใหญ่ที่กุมข้อมือเขาไว้แน่น ฉุดให้ลุกขึ้นยืน

“ล้อเล่นน่า...ไว้กลับบ้านก่อนแล้วค่อยพิสูจน์ก็ยังไม่สาย” พูดปนหัวเราะแกว่งแขนเล่นเดินเลียบริมคลอง

...กลับบ้าน...

...บ้านของเขาสองคน ห้องสี่เหลี่ยมในตัวเมือง ที่มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย…

…เรื่องราววุ่นๆที่ทำให้เขาหลงรักคนตัวใหญ่คนนี้สุดหัวใจ...


+++++++++++++++++++++++++++


“ว้าว ว้าว~” เสียงเจ้าเจมส์ร้องอย่างตื่นเต้นเมื่อกรงนกถูกวางลงบนเบาะหนังแท้รถซีตรองซ์

“จะกลับตอนนี้เลยเหรอนัท” ธเนศถามอย่างน้อยใจเมื่อรับรู้ว่าน้องชายที่ไม่ได้เห็นหน้ามานานจะกลับเสีย แล้ว ทั้งๆที่เพิ่งกลับมาเมื่อคืน เห็นหน้าแค่ไม่ถึงสิบนาที เจ้าน้องตัวดีก็หนีไปค้างกับไอ้หล่อน้อยกว่าเขา กลับมาอีกทีก็เช้าตรู่

“งานค้างเติ่งเพียบ ใครจะมีเวลามาดูแลคนป่วยการเมืองเล่า”

“ป่วยการเมืองที่ไหน พี่ผ่าตัดจริงๆนะ ยังปวดแผลอยู่เลย แล้วอย่างนี้ใครจะมาดูแล โอ๊ย เศร้าโว้ย”

“ปวดแผลกะป๊าเด่ะ มีแรงต่อยคนอื่นได้อย่างนี้ ยังจะหาคนดูแลอีกเรอะ”

ชวนันท์ที่จัดกระเป๋าเข้าหลังรถเสร็จเรียบร้อยแล้ว ยืนกอดอกพิงรถดูการฉะกันของสองพี่น้องอย่างขำๆ

...เหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้อง ทั้งหน้าตา ทั้งนิสัย...





เมื่อคืนเขาพาธณัติไปค้างที่โรงแรมที่จองไว้ วางแผนจะขับรถกลับกรุงเทพในตอนเช้าวันถัดมา

‘ว่าแต่หน้าไปโดนอะไรมา’ ระหว่างแช่น้ำอุ่น มีคนตัวใหญ่บริการล้างตัวให้อยู่ข้างอ่างก็สังเกตเห็นรอยเขียวม่วงบนใบหน้า ของชวนันท์ ธณัติยกมือขึ้นไล้เบาๆด้วยกลัวอีกฝ่ายจะเจ็บ มือใหญ่ยกขึ้นกุมมือของเขาแนบปากจุมพิตก่อนพูดอย่างสบายๆ

‘โดนพี่ชายต่อยมา ตอนไปขอน้องน่ะ’

‘เจอพี่เนศด้วยเหรอ’ อย่างนี้พี่เขาก็รู้เรื่องนี้แล้วน่ะสิ!

‘ก็ใช่...พอบอกว่าเป็นคนรัก มาขอพาน้องชายกลับบ้านเท่านั้นล่ะ โหมกำปั้นลงมาไม่ยั้ง...รุนแรงเหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้อง’

‘ก็ใครให้บอกไปอย่างนั้นเล่า’ ถามอย่างเขินๆ

‘ก็เรื่องจริงนี่นา’

‘เจ็บรึเปล่า?’

ชวนันท์ยิ้มอ่อนโยน ‘เจ็บแค่นี้ คุ้มค่ากับที่ได้เธอมา’

‘แล้วรู้ได้ยังไง ว่าบ้านผมอยู่พิษณุโลก’ เปลี่ยนเรื่องก่อนที่จะอ้อกรดอ่างน้ำ ถามอย่างสงสัย เขาไม่เคยคุยเรื่องที่บ้านให้ฟังนี่นา ใบสมัครเข้าทำงานก็เป็นที่อยู่ที่คอนโดในกรุงเทพ

‘บัตรประชาชนไง’ เท่านั้นทุกอย่างก็กระจ่าง บัตรประชาชนที่ถูกยึดไปในวันแรกที่เจอหน้ากันจริงๆ ตอนที่เขาถูกมัดคาเก้าอี้มีคนตัวใหญ่เอาเปรียบร่างกายนั่นเอง

หลังจากอาบน้ำเสร็จก็นอนหน้า ผากชนกัน คุยเรื่องราวต่างๆบนเตียงสวีทอยู่ครู่หนึ่ง ด้วยความที่อ่อนเพลียทั้งคู่ทำให้หลับสนิทในอ้อมกอดกันและกันอย่างมีความสุข

...

...

“แล้วพี่จะไปเยี่ยมนะ อย่าทำงานหนักนักล่ะ ผอมจะแย่แล้ว” เสียงร่ำลาครั้งสุดท้ายจบไป ชวนันท์กลับมาสู่ปัจจุบัน เงยหน้าขึ้นมองธณัติที่เดินมาทางรถของเขา ส่วนธเนศพี่ชาย ไม่ยอมแม้แต่จะหันมามองหน้า

“เออน่า เจอกันอีกทีผมจะกล้ามใหญ่กว่าพี่!!” อย่างนี้ไม่ดีมั้ง...ชวนันท์คิดพลางสตาร์ทรถ

“ไม่ลืมอะไรนะ เข้าห้องน้ำรึยัง” เอ่ยถามคนข้างกายที่กำลังง่วนอยู่กับการคาดเข็มขัดนิรภัย

“เรียบร้อยแล้วน่า กลับบ้านกันเถอะ” คำตอบที่ทำให้ชวนันท์ยิ้มยินดี

...กลับบ้าน...

...

...
++++++++++++++++++++++++++++++
-THE END-

--แถมเล็กน้อย--

เป็นเวลาบ่าย รถซีตรองซ์คันหรูจอดริมทางถนนทางหลวง แอร์ภายในเย็นฉ่ำตัดกับอากาศร้อนภายนอก

“สบายขึ้นรึยัง” เสียงถามดังขึ้นอย่างเป็นห่วง

“อา...ดีขึ้นมากแล้ว” ธณัติคว้าผ้าเย็นที่ปิดหน้าออก หลังจากที่ได้กินยาแก้เมารถเมื่อสิบห้านาทีที่แล้ว อาการคลื่นเหียนก็หายไป เหลือบมองเห็นชวนันท์ทำหน้าเป็นห่วงก็ยิ้มให้ “ขับต่อเถอะ เดี๋ยวจะไปถึงเย็นเกิน ไม่เป็นไรแล้วล่ะ”

ตาจ้องตา อารมณ์อุ่นหวานก็บังเกิด ทั้งสองโน้มหน้าเข้าใกล้ ริมฝีปากกำลังจะประทับกัน

“ว้าว ว้าว~” เสียงร้องของเจ้านกขุนทองดังขัดจังหวะจากเบาะหลังทำให้ชะงักงันแยกตัวห่าง จากกัน ธณัติหันกลับไปมองก็ต้องหน้าแดงเมื่อพบว่าเจ้าเจมส์กำลังใช้ดวงตาใสแจ๋วจ้อง มองพวกเขาสองคนอยู่

แต่ชวนันท์กลับไม่ใส่ใจ คว้าผ้าห่มบางที่ธณัติใช้ห่มยามอยู่บนรถคลุมกรงนกบังมิด ก่อนที่จะตระกองใบหน้าขาวให้หันมารับจุมพิตอ่อนหวานโดยไม่สนใจเสียงประท้วง ลั่นของเจ้านกตัวดี

“ไอ้โง่ ไอ้โง่!!”

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

แถมสุดท้าย (จบทั้งทีเอาให้คุ้ม ^ ^)

...อกหักแล้ว...

ความรักที่เก็บเงียบมานาน เพิ่งได้เปิดเผยมาไม่กี่วันก็ต้องผิดหวังรุนแรง

ทำไมจะไม่รู้ ดูจากท่าทางของพี่นัทยามมองท่านรองประธานกำลังคร่อมเขาติดผนัง หน้าตาผิดหวังเศร้าโศกซะขนาดนั้นก็รู้แน่ชัดว่า พี่นัทกำลังหึง

อีกฝ่ายคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากท่านรองชวนันท์

ไม่มีทางเป็นเขาไปได้หรอก ก็แววตาที่มองมามันไม่ได้มีเขาอยู่ข้างในแม้เพียงเสี้ยว อารมณ์ตัดพ้อต่อว่าที่สื่อออกมาทางนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มนั้น มอบให้ชายหนุ่มอีกคนอย่างชัดเจน ไม่มีที่ว่างให้เขาแทรกตัวเข้าไปได้เลย

หลังจากนั้นมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็เกินกว่าที่เขาจะหยั่งรู้ รู้เพียงแต่พี่นัทหายตัวไป และท่านรองชวนันท์ก็ร้อนรนออกตามหาเท่านั้นเอง

...

...

แต่มันก็ทำให้เขาได้สิ่งที่ เป็นของพี่นัทมาเก็บไว้มากกว่าเดิม ...แม้จะไม่สมหวังในรัก ขอแค่ได้เก็บของของคนนั้นไว้ข้างกายเขาก็พอใจ…มือบางกระชับกางเกงผ้าเนื้อดี สองตัวไว้แน่น

...กางเกงในสองตัว ที่แลกกับการบอกข้อมูลให้ท่านรองชวนันท์ได้รับรู้...

...ลายน่ารักสมกับเป็นของพี่นัท...

ก้มมองอย่างเอ็นดู ตัวแรกเป็นกางเกงในสีขาวบริสุทธ์ พิมพ์ลายกบน้อยตาโตเคโระ เคโระยิ้มร่า ด้านหลังเป็นวงกลมสีลูกกวาดซ้อนกันไปมาดูแล้วสดใสเหมือนอยู่ในทุ่งหญ้าฤดู ร้อน อีกตัวเป็นเนื้อผ้าพื้นสีเหลืองอ่อน ด้านหน้ามีเพนกวินสีดำแบ๊ดแบ๊ดซ์มารู อ้าปากเล็กกว้าง โบกมือร่าทักท้ายคนดู

มือบางบรรจงพับเก็บ สอดใส่ลงในถุงพลาสติกอย่างเรียบร้อย ก่อนจะวางในตู้คอลเล็คชั่นของพี่นัท

...ว่าแต่ พี่นัทนี่ใส่กางเกงในตัวใหญ่ชะมัด...

 


++++++++++++++++++++++++++++++++
จบจ้า
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 13-14อัพ19.00 15/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: playCardPlaYBoy ที่ 20-04-2008 07:20:43
ผมเปล่าโรคจิตนะ! ตอนพิเศษ 1
............................


“นัท...”

“ฮื้อ!...” ร่างผอมนอนคว่ำบนเตียงนอนหลังใหญ่ร้องประท้วงทั้งที่ยังไม่ตื่นดี หันหน้าหนีเสียงรบกวน สองแขนกอดหมอนนุ่มใบใหญ่ ถูไถใบหน้ารับไอเย็นจากผ้าเนื้อดี ขณะที่ร่างกายท่อนบนซึ่งไร้เสื้อผ้าปกปิดนั้นพยายามขดซุกห่มหนาหาความอุ่น สบาย

“ตื่นได้แล้ว” เสียงทุ้มกระซิบอย่างไม่ยอมแพ้ แต่ธณัติก็ยังคงความเป็นธณัติได้เสมอต้นเสมอปลาย...

“ไม่เอา...คิตตี้...ง่วง” เสียงงัวเงียจากความง่วงผสมกับช่วงปากที่ซุกติดหมอนยิ่งทำให้ฟังไม่ได้ศัพท์เข้าไปใหญ่

ชวนันท์มองอย่างขำในความขี้ เซาไม่แปรเปลี่ยน กายเย็นชื้นที่เพิ่งผ่านการอาบน้ำมาโน้มลงคร่อมร่างผอมไว้ทั้งตัว ก้มหน้าหายใจรดพวงแก้มขาวก่อนจะแง้มริมฝีปากขบใบหู ธณัติครางอือพลางเลิกผ้าห่มขึ้นคลุมโปง หากคนตัวใหญ่กลับรู้ทันกดเข่าลงบนปลายผ้าห่มขืนไว้ไม่ให้อีกฝ่ายดึงได้ สำเร็จ มือหนาตระกองพวงแก้มเคล้าริมฝีปากอุ่นลงทั่วใบหน้าก่อนจะหยุดนิ่งอยู่ที่ริม ฝีปากบาง ไล้ลิ้นชิมรสจนเปียกชื้นเป็นมันวาว จวบจนพอใจแล้วจึงยอมปล่อยให้เป็นอิสระ จมูกโด่งเป็นสันคลอเคลียอยู่กับปลายจมูกรั้น กระซิบแผ่วเบา “ถ้าไม่ตื่น จะโดนลงโทษนะ”

“อือ~…ก็บอกว่าง่วง” ความหวานที่ได้รับเมื่อครู่ค่อยๆดึงสติให้กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงทีละ เล็กทีละน้อย หยีตามองหน้าต่างบานใหญ่ในห้องนอนพบว่า แสงอรุณเพิ่งอาบขอบฟ้าเป็นสีส้มเพียงเล็กน้อยเท่านั้น “ยังเช้าอยู่เลย เมื่อคืนก็ตั้งหลายรอบ...นอนต่อไม่ได้เหรอ?” ไม่ว่าเปล่า แขนผอมยกขึ้นอ้อมรัดหลังคอของชวนันท์ ออกแรงดึงเบาๆเชิงบังคับให้ร่างสูงล้มตัวลงนอนเคียงข้าง สะบัดผ้าห่มขึ้นคลุมแบ่งปันความอุ่น ใบหน้าซุกลงกับแผ่นอกตึงหนาเปลือยเปล่า

ชวนันท์ยิ้มเอ็นดู มือใหญ่ลูบผมสีน้ำตาลเข้มพลางม้วนปอยผมนุ่มกับปลายนิ้วเล่น...ก็ดูเถอะ เวลางัวเงียนี่ช่างอ้อนซะจริง อย่างนี้จะไม่ให้หลงได้อย่างไร...

อยากจะอยู่อย่างนี้นานเท่า นาน แต่วันนี้มีหลายอย่างต้องทำ ชวนันท์จึงต้องทำใจแข็งปลุกคนข้างๆขึ้นมา ไล้มือไปตามเส้นสายกล้ามเนื้อของร่างเปลือยเปล่า ลูบวนตรงช่วงอกบางอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนจะเลื่อนมือลงต่ำวางแนบช่วงเอว...

“จะตื่นมั้ย” ถามอย่างให้โอกาสครั้งสุดท้าย

“ม่ายตื่น” พูดยานคางอย่างคิดว่า เดี๋ยวอีกฝ่ายก็ต้องยอมเหมือนทุกครั้งจนได้

ชวนันท์ถอนหายใจ...ไม่ตื่นก็ต้องทำให้ตื่น...

...

...

“อ้ากกกก!!! ฮ่าๆๆๆๆๆ ยู้ดดดด ตื่นแล้วๆๆ!!!” ธณัติที่นอนซุกอยู่ข้างร่างกำยำลืมตาตื่นในทันใดเมื่อสิบนิ้วพระกาฬปฏิบัติ การจี้จุด ครั้นจะบิดเอวหนีก็ไล่ตามเกาะติด จับมือยกขึ้นเหนือหน้าก็โดนจี้ซอกคอแทน สุดท้ายจึงต้องยอมแพ้ให้แก่คิตตี้ เดอะ โกลเด้นฟิงเกอร์

จนร่างผอมเปลือยเปล่าลุกขึ้น นั่งก่ายบนเตียง มือหนึ่งขยี้ผมที่ยุ่งอยู่แล้วให้เละกว่าเดิม เปิดปากบ่นหงุงหงิงได้จึงค่อยรามือ “จะปลุกทำไม๊ นี่วันอาทิตย์เช้าตรู่นะครับท่านรอง!!” เอ่ยอย่างไม่พอใจ หน้าบูดปากบุ้ยตาเขียวปั้ดมองชวนันท์ที่ลุกขึ้นจากเตียงเปิดตู้เสื้อผ้าหา เสื้อใส่

“ไปอาบน้ำซะ เดี๋ยวจะพาไปเที่ยว”

“เที่ยว!? เที่ยวอะไรตอนเช้า เที่ยวสายๆก็ได้”

“เถอะน่า ไปอาบน้ำซะ ใส่เสื้อบางๆนะเผื่ออากาศร้อน” มองคนพูดที่อยู่ในชุดเสื้อกล้ามคลุมทับด้วยเชิ้ตแขนสั้นปล่อยกระดุม กับกางเกงยีนเปิดปากสั่งปาวๆ พลางเดินไปเปิดกรงนกเทอาหารพรวดลงไปก็ต้องถอนหายใจลุกจากเตียง คว้าผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำไป

...

...

“ท่านรองชวนันท์บอกหน่อยได้ ไหม คิดอะไรอยู่วะครับ?”  ถามอย่างงงงวยในพฤติกรรมประหลาดตั้งแต่เช้าของชวนันท์ ยกเป้ใบใหญ่ที่บรรจุเสื้อผ้าสำหรับสองคนคนละสองชุดกับเครื่องใช้ส่วนตัวนิดๆ หน่อยๆ ขึ้นสะพายหลัง มองร่างสูงเข็นมอเตอร์ไซค์ของเขาออกจากที่จอด

“ก็ไปเที่ยวไง ค้างซักหนึ่งคืน” ชวนันท์สวมหมวกกันน็อคคาดสายรัดที่คางก่อนจะโยนหมวกอีกอันให้ธณัติ

“แล้วทำไมไม่ขับรถไป?” ปกติเวลาไปไหน ชวนันท์มักจะขับรถไปมีหนุ่มหน้ามนเป็นตุ๊กตาหน้ารถเสมอ วันนี้เกิดเฮี้ยนอะไรขึ้นมาถึงอยากแปลงร่างเป็นไอ้มดเอ็กซ์มีแมลงสาบสะพาย เป้ซ้อนท้าย?

ชวนันท์เปิดกระจกหมวกกันน็อค ขึ้นยิ้มหล่อให้ “เดี๋ยวก็รู้เอง” พูดจบก็ปิดฉับลงดังเดิม ขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์ เสียบกุญแจสตาร์ทเครื่องบิดแฮนด์บรึ้นๆ

“เออเว้ย เดี๋ยวก็รู้” ธณัติพูดเลียนเสียงก่อนถอนหายใจใส่หมวกกันน็อคเดินไปคร่อมซ้อนท้าย

“เอาปืนด้วยมั้ยครับ ธนาคารไหนดี?” ถามอย่างกวนๆกับสภาพผู้ชายสองคนในเสื้อผ้าร่มแขนยาวขี่ซ้อนมอเตอร์ไซค์ใส่ หมวกกันน็อคกระจกดำปี๋ปิดหน้า สะพายเป้ใบใหญ่ไว้ข้างหลัง

“ไม่เอาธนาคาร จะเอาธณัติ...เกาะไว้แน่นๆแล้วกัน เดี๋ยวจะหลุดกระเด็นหายไป ชวนันท์เสียใจแย่” ตอบกลับอย่างกวนไม่แพ้กัน ลงมือบิดเร่งน้ำมันให้เครื่องยนต์ครางเสียงดังก่อนจะเปลี่ยนเกียร์ออกตัว เริ่มการเดินทาง





ธณัติกอดเอวหนาไว้แน่น มอเตอร์ไซค์วิ่งบนถนนทางหลวงด้วยความเร็วกำลังพอดี ไม่อืดเกินไป แต่ก็ไม่ได้ท้านรกยกมือไหว้ยมบาล ด้วยความที่เป็นเวลาเช้าแดดเพิ่งออก ทำให้รู้สึกเย็นสบายกับสายลมที่พัดตีเข้ามาในเสื้อวอร์ม ภาพวิวข้างทางค่อยๆเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จากในตัวเมืองที่เต็มไปด้วยอาคารสูง เริ่มกลายเป็นทุ่งหญ้าท้องนาเขียวสบายตา

“หิวมั้ย” ได้ยินคนขับตะโกนถามมาแว่วๆก็ตะโกนตอบกลับไป “หิวแล้ว!!”

“’งั้นแวะหาอะไรกินหน่อยก็แล้วกัน” เสียงบอกตะโกนกลับมาพร้อมๆกับรถเริ่มชะลอตัวเลี้ยวเข้าปั๊มน้ำมันขนาดใหญ่ที่มีร้านอาหารภายใน


 “ตกลงจะไปไหน” กัดแฮมเบอเกอร์เคี้ยวตุ้ยๆ พลางถามชวนันท์ที่เดินถือน้ำอัดลมแก้วใหญ่เสิร์ฟให้ถึงโต๊ะ

“ไหว้พระ” ตอบไปก็ราดน้ำผึ้งใส่วัฟเฟิลชิ้นใหญ่ไป

“ไหว้พระเนี่ยนะ?” ถามอย่างงงในภาพลักษณ์เพลย์บอย เห็นอย่างนี้นึกว่าทำเป็นแต่บาปซะอีก เข้าวัดแล้วไม่ปวดแสบปวดร้อนหรือไง

“ก็ไหว้พระ เดินเล่น ทำอาหาร แล้วก็...อีกหลายๆอย่าง” ส่งแป้งหนานุ่มเข้าปากพลางร่ายแพลนหนึ่งวันให้ฟัง

“แล้วทำไมต้องมอเตอร์ไซค์” เออเฮอะ รู้สึกตัวเองเป็นเจ้าหนูจำไม

“ก็...อยากขี่...” ตอบได้ดี ไม่อยากคงไม่ขี่มาหรอก!!!


++++++++++++++++++++++++++++++++++++


บรรยากาศของเมืองเข้ามาแทน ที่ทุ่งหญ้าอีกครั้ง ชวนันท์ขี่รถตัดผ่านตลาดสดที่มีพ่อค้าแม่ขายตะโกนขายของต่อรองราคากันคึกคัก จมูกฟุดฟิดกลิ่นเกลือ เมื่อมองของขายข้างทางก็พบว่าเป็นของสดจำพวกอาหารทะเล ชวนันท์จอดรถไว้ริมทางลงยืนพยักหน้าเป็นสัญญาณให้ลงตาม

“เลือกของสดก่อน ไว้มือเย็นทำปิ้งย่างกินกัน”

พวกเขาเลือกซื้อของอย่างที่ ชวนันท์บอก ส่วนใหญ่ก็คนพูดนั่นแหละเป็นคนเลือก เนื่องจากธณัติเด็กเหนือเลือกอาหารทะเลไม่เป็นจึงทำหน้าที่เป็นคนถือของคอย รับกุ้งปูปลาหมึกมาถือไว้แทน เมื่อซื้อน้ำจิ้มเป็นรายการสุดท้ายได้ก็ออกเดินทางต่อ


“โห เจ๋ง!” ธณัติร้องทึ่งๆเมื่อชวนันท์จูงมอเตอร์ไซค์ขึ้นเรือข้ามฟากเก่าๆลำไม่ใหญ่ไม่ เล็ก ด้านข้างมีสิงห็นักบิดจูงมอเตอร์ไซค์ขึ้นจอดเทียบอีกสองสามคัน

“ใช่มั้ยล่ะ เอามอเตอร์ไซค์มาก็เพราะอย่างนี้ไง” ตัวเขาเองก็ไม่เคยเอารถข้ามฟากมาก่อน แค่เคยเห็นเวลามาทานอาหารริมน้ำเท่านั้น “เดี๋ยวเอาของไปเก็บที่บ้านก่อนแล้วค่อยไปไหว้พระ…” ชวนันท์พูดเข้าหูขวาออกหูซ้ายธณัติที่ไม่ค่อยจะสนใจคำบอกเล่าเท่าไหร่เนื่อง จากกำลังดื่มด่ำกับรายละเอียดของวิวแม่น้ำตรงหน้า

บ้านที่พูดถึง คือบ้านที่ครอบครัวชวนันท์ซื้อไว้เผื่อมาเที่ยว เป็นบ้านหลังเล็กชั้นเดียวกลางสนามหญ้าซึ่งดูจากสภาพแล้วคงจะมีคนมาดูแลสม่ำ เสมอ เก็บของวางกระเป๋านั่งพักเหนื่อยได้ซักพัก ร่างสูงก็พาขี่มอเตอร์ไซค์มุ่งหน้าไปยังวัดในตัวเมือง

“อธิษฐานดีๆนะ วันนี้วันพิเศษ ขอให้ได้อยู่กับชวนันท์ตลอดไปซะ” ระหว่างพนมมือจุดธูปหลับตาขมุบขมิบสวดบทที่จำได้ลางๆว่าเคยสวดตอนเข้าแถว เคารพธงชาติ ก็ได้ยินเสียงห้าวกระซิบมาจากข้างตัว

“คร้าบ ขอให้ชวนันท์เลิกกวนทีนลูกช้างซะที ก่อนจะเกิดคดีฆาตรกรรมอำพราง”


++++++++++++++++++++++++++


“ตกลงวันนี้มันวันอะไร?” หลังจากไหว้พระทำบุญ ปล่อยนกปล่อยปลาปล่อยเต่า ขี่มอเตอร์ไซค์เดินเล่นตามสวนสาธารณะจนบ่ายแดดจัด พวกเขาก็มุ่งหน้ากลับบ้าน ดื่มน้ำนั่งพักได้ที่ ธณัติก็ถามคำถามที่เก็บมาตั้งแต่เช้า

“ให้ทาย” ชวนันท์ที่เดินออกมาจากห้องน้ำ ก้าวเดินไปทางร่างผอมที่กึ่งนั่งกึ่งนอนตากแอร์บนโซฟา เอื้อมแขนกอดธณัติหลังแนบอกไว้หลวมๆ

“ไม่เอาโว้ย เหนียวตัวจะตาย” แขนผอมดันใบหน้าที่ซุกไซร้ซอกคอออก “บอกมา ตกลงมันวันอะไร?”

“บอกแล้วไงว่าให้ทาย” ไม่ยอมแพ้ ออกแรงกอดแน่นขึ้นคลอเคลียจมูกกับแก้มขาว

“วันเกิดคิตตี้มั้ง?” ทายส่งๆเอี้ยวหน้าหนีไรหนวดแข็งๆ

“ผิด วันเกิดคิตตี้มัน 1 พฤศจิกา” อุ้งมือใหญ่ล้วงเข้าใต้เสื้อยืดบีบคลึงยอดอกครั้งหนึ่งเป็นการลงโทษ

“เห~ จำวันเกิดกันได้อย่างนี้  แต่งงานกับคิตตี้เลยดีมั้ย” เริ่มเห็นว่าไม่ได้การ มือใหญ่ชักจะซุกซนมากขึ้นทุกที ปากจึงพูดบ่ายเบี่ยงหาทางรอด “เอางี้ เล่นยี่สิบคำถามกันก่อน เคโระเกิดวัน...ฮื้อ!!!” ยังไม่จบประโยคก็ต้องอุทานตกใจตัวแข็งเกร็งเมื่อมือใหญ่เปลี่ยนเป้าหมายคลึง เคล้นแก่นกายแทน

“อย่านอกเรื่อง ทายมาเร็ว” เสียงกระซิบระยะประชิดหูเริ่มปนหายใจหนักๆเล็กน้อย

...วันพิเศษ…ไปเที่ยว...ไหว้พระทำบุญ...จ๊ากก!! ลิ้นเข้ารูหูแล้ววว!! “วัน...วันเกิด!”

“วันเกิดใคร” ละจากการจาบจ้วงลิ้น ถามอย่างรอคำตอบ

“วันเกิดคุณแน็ท!!!” ชวนันท์ยิ้มแสยะกับคำตอบที่ถูกต้อง

“จำไม่ได้ ต้องลงโทษ” สองมือจับเสื้อยืดคนข้างหน้ายกถอดลอดศีรษะก่อนจับคางบังคับหันกลับมารับจูบดูดดื่ม

“จำได้แล้วค้าบบบบ!!!!” ตัวถูกผลักล้มปุลงบนโซฟา ก่อนที่ชวนันท์จะลงคร่อมมิด

“ดี จำได้แล้วอย่างนี้ แต่งงานกันเลยดีมั้ย?” ปัดมือที่กุมขอบกางเกงขาสั้นออก แกะกระดุมรูดซิบ ดึงกางเกงออกรวดเร็ว

“จำไม่ได้แล้วว ไม่แต่งงาน!!! ยู้ดดด!! ก็บอกแล้วว่าเหนียว!!! ไม่อ๊าววว!!! ตำรวจ!!! ผมจะถูกล้วงใส้แล้วคร้าบบบ!!!” ร้องโหยหวนยามโดนชวนันท์ยกตัวหิ้วเข้าห้องน้ำ วางตัวลงใต้ฝักบัวเปิดน้ำราดตัว น้ำเย็นจัดตัดกับอากาศร้อนๆทำให้ขนลุกพรึ่บ

“นึกบ้าอะไรขึ้นมาเนี่ย มันหนาวนะเฟ้ย!!” ธณัติตวาดอย่างเดือดดาลพลางสะบัดหัวไล่ผมเปียกน้ำที่ปรกหน้าออก มือก็คอยตีมือใหญ่ที่ลูบไล้ร่างกายยุ่บยั่บ

“ก็เห็นบอกว่าเหนียวตัว อาบน้ำให้ไม่ดีหรือไง” ชายหนุ่มยังคงพูดเนิบๆ ขัดกับสองมือที่ฉวยโอกาสเต็มที่

“อาบน้ำแค่นี้อาบเป็นเฟ้ย!!”

“’เก่ง! อาบน้ำเป็น งั้นอาบให้ฉันด้วยแล้วกัน” ไม่ว่าเปล่า สองมือจัดการลอกคราบตัวเอง ก้าวเข้าบริเวณใต้ฝักบัวพร้อมดึงปิดม่านพลาสติกปิดเร็วไม่น่าเชื่อ

“ไม่เอา!! ตัวใหญ่ฉิบหาย ออกไป อาบทีละคนเด้!!! อื้อ!!!” ชวนันท์จัดการปิดปากที่พูดไม่หยุดเสีย เสียงครางอู้อี้ไม่ได้ศัพท์ดังกังวาลประสานกับเสียงน้ำจากฝักบัวไหลกระทบ พื้นดังเปาะแปะ ยามปากแยกกันได้ ร่างผอมก็สมองว่างกลวง ไร้ศัพท์ถกเถียง ปากบางอ้าหอบรับอากาศเข้าปอดหลังจากที่ขาดออกซิเจนมานาน

“ไหนๆก็วันเกิด ขอของขวัญเป็นธณัติก็แล้วกัน” พูดเคลียกับปากที่อ้าหอบก่อนจัดการประกบชิมอีกระลอก กิจกรรมยามบ่ายเริ่มขึ้นตามแผนการเที่ยวหนึ่งวันหนึ่งคืนที่ชวนันท์คิดไว้ ไม่มีพลาด


++++++++++++++++++++++++++++++


“พี่นัท นอนไม่พอเหรอครับ” รุ่นน้องโยทักขึ้นเมื่อเห็นสภาพซอมบี้ธณัติ นอนแห้งแหงแก๋ติดโต๊ะทำงานตอนพักเที่ยง

“เออ!!!” เมื่อวานหลังกิจกรรมออกกำลังกายในร่มผ่านไปได้จนตกเย็น ปิ้งย่างที่รอมานานก็เปิดเตา กินไปคุยไปซักพักจนอิ่มหมีพีมัน เก็บจานชามข้าวของเรียบร้อย กิจกรรมยามค่ำก็เริ่มต้น ต่อเรื่อยมาจนกลายเป็นกิจกรรมยามดึก ได้นอนไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องตื่นหัวซุกหัวซุนซิ่งมอเตอร์ไซค็ซ้อนกันมาถึงที่ ทำงาน ยังดีที่ท่านรองประธานวางแผนไว้ดี จัดชุดมาพร้อม ไม่อย่างนั้นคงต้องใส่เสื้อยืดคาราบาวแดงมาทำงานเป็นแน่แท้

“แล้วจะไปค้างไหนครับ” โยถามพลางมองกระเป๋าเป้ใบใหญ่

“ไม่ได้จะไป...ไปมาแล้ว” ก็ชวนันท์อีก ที่สั่งให้เขารับผิดชอบเป้ใส่เสื้อผ้า ด้วยเหตุผลที่ว่า ท่านรองประธานสะพายเป้มาที่ทำงานมันดูไม่ดี

“ไปไหนมาเหรอ”

“โว้ย!!! พอซักที คนจะหลับจะนอน” ตวาดอย่างเหลืออดเป็นเวลาเดียวกับที่มือถือดังขึ้น “ฮัลโหล ธณัติไม่อยู่!!” กรอกเสียงห้วนอย่างกวนคนปลายสาย

“ธณัติไม่อยู่ งั้นขอคุยกับแฟนชวนันท์” เสียงกลั้วหัวเราะตอบกลับมา

“เออ!! มีอะไร ว่ามา”

“ไม่มีอะไร แค่จะชวนมานอนพักผ่อนที่ห้อง” โอย อิจฉาผู้บริหาร มีห้องนอนในที่ทำงาน

“ไม่เอา ไปให้โง่ นอนฟุบกับโต๊ะตัวเองก็ได้” ตอบอย่างรู้ทัน…ไปก็เสร็จอีกเซ่ หื่นถึกซะขนาดนี้!!

“มีข้าวเที่ยงกับของหวานแถมให้ด้วย” เห น่าสนใจ

คิดหนัก ปลายสายก็เงียบเหมือนรอคำตอบ “…ไปก็ได้” กดวางโทรศัพท์ได้ก็เพิ่งรู้ตัวว่ารุ่นน้องยังนั่งมองอยู่

“ไปกินข้าวก่อนนะ” ธณัติยกมือทำท่าขอตัว ก่อนจะเดินออกนอกห้องไป ทิ้งโยให้นั่งเงียบอยู่ตามลำพัง

…ไปค้างที่อื่นมา... ร่างบางมองกระเป๋าเป้ไม่วางตา

...ก็แสดงว่า... เหลียวมองซ้ายขวาไม่มีใคร ก็ลงมือรูดซิปกระเป๋าคุ้ยของอย่างถือวิสาสะ

...เจอแล้ว!!!...  มือบางยกกางเกงในผ้าเนื้อดีสีฟ้าพิมพ์ลายทาโบะตรงด้านหลังอย่างยินดี โอกาสดีจริงๆ!!! คราวที่แล้วได้มาสองตัว แต่ยังไม่ตรงใจ...มันต้องตัวนี้!!! เด็กหนุ่มผู้โชคร้ายยิ้มกว้างยกกางเกงผ้าขึ้นสูดดมกลิ่นของเจ้าของที่หลง เหลืออยู่

…ขอแล้วกันนะครับ...


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 13-14อัพ19.00 15/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: playCardPlaYBoy ที่ 20-04-2008 07:22:02
ผมเปล่าโรคจิตนะ! ตอนพิเศษ 2
....................
“ไม่ให้ไป!!!”

“จะไป!!!”

แสงแดดช่วงโพล้เพล้ฉาบขอบฟ้า ช่วงเวลาหรรษาของครอบครัว ในห้องของคอนโดหรูกลับล้งเล้งไปด้วยเสียงผู้ชายสองคนเถียงกันดังลั่นห้อง วนเวียนสองประโยคซ้ำไปมาเป็นเวลากว่าสิบนาทีแล้ว ธณัติในชุดกางเกงขายาวกับเสื้อเชิ้ตปล่อยชายคลุมด้วยผ้ากันเปื้อนแบ๊ด แบ๊ดซ์มารุ ถือตะหลิวเหวี่ยงไปมา เหงื่อกาฬไหลพลั่กเต็มใบหน้าทั้งๆที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ

“ไม่ให้ไป!!” ชวนันท์ยังคงอยู่ในชุดทำงาน ผมที่เสยเรียบดูภูมิฐานบัดนี้ตกลงมาเกลี่ยหน้าผากจากการออกท่าทางรุนแรง เน็คไทที่เพิ่งถอดออกถูกสองมือดึงปลายขึงตึงเป็นเส้นตรง คอยยกขึ้นรับตะหลิวเหล็กที่ฟันเฟี้ยวฟ้าวหวังประทุษร้ายอย่างน่าหวาดเสียว

“ผมจะไป!!” ธณัติเถียงเป็นคำตอบสุดท้าย ถูกคนตัวโตกว่าคอยดักทางต้อนจนมุมจนขาชนโซฟา เจ้าตัวไม่รอช้ายันตัวกระโดดถอยหลังขึ้นยืนจังก้าบนโซฟาหลังใหญ่ในห้องรับ แขก มือขวาประเคนตะหลิว มือซ้ายคอยจับพนักพิงพยุงตัวทุลักทุเล

“ก็บอกแล้วว่าไม่ให้ไป!”

“อั้ก!” ชวนันท์ได้โอกาสคว้าข้อเท้าอีกฝ่ายดึงพรึ่ดเดียวร่างผอมก็ลื่นไถลก้นจ้ำเบ้า ลงกับพื้นโซฟานุ่ม แย่งตะหลิวอรหันต์ในมือได้ก็โยนไปไกลแปดลี้ เน็คไทที่ใช้ต่างโล่ห์เมื่อกี้เปลี่ยนหน้าที่เข้ามัดข้อมือผอมทั้งคู่ไขว้ หลังไว้จนแน่นหนาทันที

“เจ็บนะ ไอ้คิตตี้!!” ธณัติโวยวายเสียงดังลั่น ทั้งขัดใจ ทั้งเจ็บก้นจนน้ำตาเล็ด สองขายกขึ้นเตะป่ายมั่วซั่วจนชวนันท์ต้องถอยห่าง

“ก็อยากดื้อทำไมเล่า” เกินจะทน ชวนันท์จัดการดึงปลอกหมอนข้างที่วางระเนระนาดบนพื้นหน้าทีวีออก จัดการรวบขาสองข้างมัดผ้าแน่น ก่อนจะจับธณัติพลิกตัวคว่ำหน้าบนโซฟา มัดเชื่อมเน็คไทกับปลอกหมอนเข้าด้วยกัน ไม่ลืมคว้าดัมเบลสามกิโลที่เอาไว้ยกเล่นขณะพักผ่อน ผูกล่ามปลายผ้าเข้ากับแกนเหล็กถ่วงน้ำหนัก ก็เป็นอันเสร็จสิ้นพิธี

“ปล่อยน้า คุยกันให้รู้เรื่องเซ่ อย่ามาเล่นอย่างนี้นะ ผมไม่ชอบ!!!” ธณัติดิ้นเป็นปลาขาดน้ำอยู่บนโซฟา ตามองคนที่ยืนเท้าเอวยกแขนปาดเหงื่อบนหน้าผากอย่างเดือดดาล

“คุยกันให้รู้เรื่องเรอะ!” ชวนันท์พูดแค่นในลำคอน้ำเสียงบ่งพื้นอารมณ์ไม่ใคร่จะเอาชีวิตเข้าเสี่ยง “สิบนาทีที่แล้วฉันก็พูดอย่างนี้ แล้วเธอยอมคุยมั้ยล่ะ”

“ผมต่างหาก บอกให้คุณฟังเหตุผลก่อนน่ะ แล้วคุณฟังรึเปล่าเล่า!!” ธณัติไม่เสียดายชีวิต หลับตาดับเครื่องชน เถียงเสียงดังจนเห็นลิ้นไก่สั่น ชวนันท์กลับไม่สนใจ มือล้วงกระเป๋าเสื้อคว้าบุหรี่คาบจุดสูบอัดควัน ก่อนจะวางเข่าข้างหนึ่งทิ้งน้ำหนักกดลงบนแผ่นหลังบางจนเจ้าตัวดิ้นไม่ออก

“เหตุผลอะไรเล่า กะอีแค่อยากเรียนต่อ ฉันก็บอกแล้วไงว่าไม่จำเป็น”

“ทำไมจะไม่จำเป็น นี่มันยุคไหนแล้วท่านรอง จบตรีมันก้าวหน้าซะที่ไหนฟะ” ถึงจะเถียงลำบากก็ยังอยากจะเถียง เงยหน้าแอ่นคอรวบรวมอากาศเค้นเสียงพูดกระท่อนกระแท่น แล้วก็ต้องหมดแรงเมื่อมือหนาเอื้อมลงมากดหัวเขาจนหน้าจิ้มหมอนอิง

“ฉันก็บอกแล้ว อยากก้าวหน้าก็บอกมา อยากได้ตำแหน่งอะไรล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะทำจดหมายแต่งตั้งให้ทันทีเลย จะไปเรียนต่อทำไมให้เสียเวลา” อันที่จริงเรียนต่อก็ไม่เท่าไหร่ แต่ที่รับไม่ได้คือธณัติตั้งใจจะไปต่อนอกหลังจากที่เก็บเงินได้ก้อนหนึ่ง แล้วต่างหาก เรื่องอะไรจะยอมให้ออกไปเจอไอ้พวกมะกันขี้หลีตามลำพังเล่า! เห็นท่าทางธณัติกำลังจะขาดอากาศตาย เขาจึงยอมปล่อยมือละเข่า ลงยืนบนพื้นพรม ขยี้ปลายบุหรี่ลงบนจานเขี่ยทั้งๆที่ยังสูบไม่หมดมวน

เมื่อน้ำหนักที่กดทับหายไปจึงค่อยสบายขึ้น พลิกตัวนอนตะแคงหลังแอ่น สูดอากาศหายใจเข้าเต็มปอด

“ตำแหน่งเส้นอย่างนั้นผมไม่ต้องการ ผมอยากก้าวหน้าด้วยตัวเอง ถ้ายังจบแค่ตรีอย่างนี้จะมีหน้าไปบริหารงานอื่นกับใครเค้าได้ยังไง!!”
ปึ้ด!! เสียงเส้นความอดทนขาดผึงเมื่อได้ยินเจ้าคนหัวดื้อเถียง ชวนันท์จัดการคว้าร่างผอมขึ้นพาดบ่า พาเดินเข้าห้องนอนโดยไม่สนใจดัมเบลสามกิโลที่พ่วงน้ำหนักห้อยต่องแต่งแถมมา ด้วยเลย โยนลงบนเตียงเด้งดึ๋งได้ก็โน้มตัวลงคร่อม กดจูบรุนแรงทันที

“คิดจะไปทำงานกับใครกัน แอบมีใครรึไง ลองหนีไปทำงานที่อื่นดูเซ่ ฉันจะฆ่าเธอ” นัยน์ตาที่มีเปลวไฟลุกโชติช่วงชัชวาลอยู่ภายใน กับน้ำเสียงบาดใจที่เหมือนจะบาดคอได้ทำให้ธณัติรู้ว่า ปากพล่อยๆของเขาแหย่ผิดจุดซะแล้ว มือใหญ่ล้วงชอนไชเข้าใต้เสื้อ เคล้นคลึงจุดอ่อนไหวจนแข็งขึ้นเป็นตุ่มไต รู้สึกเสียวจนต้องครางฮือออกมาเบาๆ

“เดี๋ยวก่อน...คุยกันก่อนได้มั้ย” ธณัติถามเสียงอ่อน ด้วยรู้ตัวว่าคนตัวใหญ่ที่คร่อมอยู่เอาจริงแน่

“พูดมาสิ” เสียงทุ้มสั่งให้อธิบาย แต่ริมฝีปากกลับหมกมุ่นอยู่กับเครื่องประดับชิ้นน้อยบนแผ่นอกขาว แลบลิ้นเลียเน้นๆจนรู้สึกถึงแรงสะท้านรับของคนข้างล่าง

“หยุดก่อนได้มั้ย คุยกันก่อน อื๊อ!” ชักจะหายใจถี่ เริ่มเรียบเรียงคำพูดได้ลำบากลำบน

“ก็ฟังอยู่” ขบกัดลงบนตุ่มแข็งเบาๆ มือบรรจงมอบความวาบหวามให้แก่ยอดอกอีกข้างอย่างเท่าเทียมกัน เรียวขาแกร่งบดเคล้าลงกับสะโพกบางที่บิดเกร็งไปมาบนที่นอนอุ่นนุ่ม ธณัติดิ้นรนสุดชีวิตออกแรงบิดข้อมือไปมาก่อนที่อะไรๆจะเลยเถิดนอกเรื่องไป มากกว่านี้ โชคดีที่เชือกถูกมัดอย่างเร่งรีบ จึงพอมีช่องว่างให้พอลอดมือออกได้

ผัวะ!!!

ดัมเบลอรหันถูกประเคนใส่หัว ชวนันท์อย่างไม่แรงนัก แต่ก็ไม่เบาเกินไป ร่างสูงทรุดฮวบมือกุมหัวพลางครางโอดโอย ไม่ทันได้คว้าตัวคู่กรณีที่พลิกพลิ้วลุกหนีไปได้ ธณัติจับลูกบิด หันกลับมาตะโกนสั่งลา

“สงบจิตสงบใจ แล้วก็หัดเชื่อใจคนอื่นซะบ้าง!...ผมจะไปรับพี่เนศที่สนามบิน คืนนี้ไม่กลับบ้าน!!”


+++++++++++++++++++++++


ฮึ่ม แฮ่ง แง่..... โกรธเฟ้ย!! ในหัวคิดวนเวียนอยู่แต่เหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมา ...ทำไมไม่เชื่อใจกันบ้างเลย...รถก็ติดซะเจรง หงุดหงิดโว้ยยย!!

คิดระบายในใจพลางวิ่งไปยัง ร้านค็อฟฟี่ช็อปในสนามบิน นาฬิกาข้อมือบอกให้รีบเร่งมากกว่าเดิมเพราะเลยเวลานัดมานานโข เมื่อเลี้ยวมุมตึกก็ถึงจุดหมาย เห็นเธนศตัวใหญ่ๆนั่งหน้าเซ็งอยู่ข้างใน

“พี่เนศ!” ขาก้าวแทบจะพันกัน ทั้งเหนื่อยทั้งลน มือถือเจ้ากรรมดันดังขึ้นมาอีก ...เจ้าคิตตี้ จะโทรมาง้อเรอะ ฝันไปเหอะ!... คิดล่วงหน้าโดยไม่ทันดูชื่อคนโทรเข้า คว้ามือถือออกจากกระเป๋าเตรียมเล่นบทพ่อแง่แม่งอน ฝุ่นสามไมครอนดันเสนอตัวขวางทางให้สะดุดซะได้ โชคดีที่พี่ชายคว้าไว้ได้ทัน เกาะหนึบได้ซักพักก็ไม่วายต้องเจ็บตัว …หน้าเขามันมีแมลงสาบติดอยู่เรอะ ถึงได้ปล่อยตกพื้นกันง่ายๆอย่างนี้ ...แบบนี้มันลูบหัวแล้วตบหลังนะครับ พี่เนศ!

“ทำไมมารับช้า ให้รอตั้งนาน?” จะให้ตอบยังไงดีล่ะ...ทะเลาะกับแฟน...ง้องอนกันอยู่...กำลังจะเข้าเข็มแต่ดัมเบลช่วยไว้...ไม่ตอบดีกว่า

“ก็...นิดหน่อย” ธเนศเงยหน้าขึ้นจากหนังสือพิมพ์บันเทิง ใช้สายตาราวกับจะรีดความจริงไม่ให้เหลือซักหยด

“ทะเลาะกันมา?” เจ๊ย!! รู้ได้ไง? โอ๊ย คิดแล้วน้ำตาจะไหล “ใช่มั้ย?“ จะคาดคั้นกันไปถึงไหน

“เออน่า! ก็เรื่องปกติ คบกันก็ต้องมีทะเลาะกันบ้างเป็นธรรมดา” ใช่...คบกันก็ต้องทะเลาะกันเป็น...ธรรมดา อือ เครียด ปกติไม่เคยทะเลาะกันอย่างคราวนี้ จะออกแนวก่อกวนให้ป่วนใจเล่นซะมากกว่า

“…เคยบอกแล้ว ว่าชายกับชาย มันไม่รุ่งเรืองหรอก มีแต่จะรุ่งริ่ง” เป็นแนวที่ได้ยินธเนศพูดเหนี่ยวนำมาตั้งแต่ตอนที่ชวนันท์ไปแนะนำตัวรับ กำปั้นจากพิษณุโลก ยิ่งถูกตอกย้ำก็ยิ่งหงุดหงิด ธณัติกลั้นอารมณ์ก่อนจะคว้ากระเป๋าเดินทางไปถือไว้หนึ่งใบ “กลับห้องก่อนเหอะ เดี๋ยวจะดึกเกิน”


++++++++++++++++++++++++++++


ห้องนอนที่โหวกเหวกโวยวาย เมื่อสามชั่วโมงก่อน บัดนี้เงียบกริบขนาดได้ยินเสียงนาฬิกาเดิน ชวนันท์นั่งบนเตียงหลังใหญ่อย่างสุดเซ็ง...โอเค คราวนี้เขาเป็นฝ่ายผิดที่ไม่เชื่อใจธณัติ แต่เรื่องหึงหวงมันก็เป็นธรรมดาของคนรักกันไม่ใช่เหรอ พอได้ยินว่าจะไปทำงานที่อื่น ในหัวมันก็จี๊ดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

นั่งรอมาก็นาน ไม่มีทีท่าว่าร่างบางจะกลับมาสักที

...คงต้องไปรับซะแล้ว...







ห้องของธณัติไม่มีวี่แววว่าจะมีใครอยู่ทำให้รู้สึกขัดใจ...แทนที่จะรอให้มาง้อดีๆดันหายไปซะได้...สงสัยคราวนี้จะโกรธจริง

ในหัวนึกทวนถึงที่ที่ธณัต ิชอบไป...ร้านอาหารบ้านสวน ร้านเค้ก ร้านกาแฟ สลิ่มกะทิ ก๋วยเตี๋ยวจับกัง ไก่ย่างหาดใหญ่ ร้านน้ำแข็งไส ร้านไอติมเจ้าประจำ...สุดท้านคือร้านเหล้าที่นานๆจะไปที เรียงลำดับจากความน่าจะเป็นในใจ ชวนันท์ไม่รอช้า เริ่มปฏิบัติการตามล่าธณัติ...ปฏิบัติการตามง้อคนงอน

...

...

รถซีตรองจอดกลางลานจอดรถที่ เงียบสงัด นาฬิกาข้อมือบอกเวลาเที่ยงคืนพอดิบพอดี ร้านเหล้านี้เป็นที่สุดท้ายที่นึกออกแล้ว ชวนันท์เดินขึ้นบันได้ มุ่งหน้าไปยังแหล่งรวมความบันเทิงยามราตรี

ในร้านเบียดเสียดดูวุ่นวาย เสียงเพลงดังสนั่นลั่นแก้วหูทำให้รู้สึกหงุดหงิดมากกว่า ในใจคิดไปไกล ห่วงหาคนที่ทิ้งให้ต้องตามง้อเหลือเกิน ...ตอนนี้อยู่ที่ไหน จะเป็นอะไรไปรึเปล่านะ?

กวาดตามองไปพบแต่หมู่คนมาก มายกระโดดบ้างเต้นบ้างอยู่ทั่งทุกตารางนิ้ว พลันเห็นร่างคุ้นตาในสภาพที่ทำให้เดือดดาล ขาแกร่งพาก้าวไปยังเป้าหมายโดยไม่ต้องคิด

อุ้งมือจับหมับที่บ่าของใคร บางคน...คนที่กำลังถูลู่ถูกังธณัติในสภาพเมามาย คนที่บังอาจใช้ปากสกปรกแทะเล็มพวงแก้มใสของร่างบาง ไอ้หนุ่มดวงกุดหันหลังมามองอย่างงงๆก็ต้องเจอกับกำปั้นที่ประเคนเข้าโหนก แก้มหนักหน่วง กับเสียงขรึมบาดใจดังให้ได้ยินก่อนที่ธณัติจะถูกหิ้วจากไป “อย่ายุ่งกับของคนอื่น”


++++++++++++++++++++++++++++

ซ่า!!!


“หนาว!!!” ธณัติตาสว่างหลังจากที่ถูกน้ำเย็นเฉียบจากฝักบัวรินรดหัวจรดเท้า เสื้อผ้าถูกถอดออกตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ชวนันท์ลงมือคว้าไยหินขัดตามเนื้อตัวราวกับจะลบกลิ่นเหล้ากลิ่นบุหรี่ เน้นหนักที่พวงแก้มที่โดนไอ้หนุ่มบังอาจมาแทะเล็ม

“มันเจ็บนะ ไอ้คิตตี้” เมื่อรู้ตัวว่าใครเป็นคนขัดตัวก็ส่งเสียงประท้วงโวยวาย ...ว่าแต่ “ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” ถามอย่างงงๆเมื่อมองเห็นสภาพห้องน้ำในห้องที่ใช้อยู่ทุกวัน ...ก็เมื่อกี้ยังอยู่ในร้านเหล้าอยู่เลยนี่นา

ไม่มีเสียงตอบจากร่างใหญ่ สายน้ำถูกปิดเมื่อคนอาบคิดว่าสะอาดพอแล้ว จัดการคว้าผ้าขนหนูเช็ดหัวหูจนแห้งหมาดก่อนจะมัดมือห่อตัวจับยกพาดบ่าโยนลง เตียงนอน

“อื้อ!!” ริมฝีปากบางถูกบดเบียดโดยไม่ทันตั้งตัว ปลายลิ้นใหญ่จาบจ้วงอย่างหิวกระหายปนโกรธเคือง ฝ่ามืออุ่นร้อนไล้ตามตัวเร่งให้เลือดหมุนเวียนจนธณัติหน้าร้อนผ่าว

“อย่าทำอย่างนี้อีก” เอ่ยปากขณะยังคลอเคลียพวงแก้มขาว

“ทำอะไร?” ถามปนหอบอย่างเบลอๆ

“อย่าเมา...โดยที่ฉันไม่อยู่ด้วย”

ประโยคออกแนวคำสั่งทำให้อารมณ์ที่สงบไปแล้วจี๊ดขึ้นมา ธณัติบุ้ยปากหันหน้าหนีบ่นอุบอิบ “อะไรๆก็สั่ง ไม่เคยถามความเห็นของผมเลย”

“ยังโกรธอยู่อีกเหรอ?”

“ก็ใช่น่ะสิ คุณแน็ทไม่เคยฟังผมอยู่แล้วนี่นา” ก็ดูอย่างตอนเย็น ยังไม่ยอมฟังแม้แต่เหตุผลด้วยซ้ำ

หน้าตาเหมือนเด็กงอนยามโดน เพื่อนแย่งขนม เรียกให้ชวนันท์อมยิ้มเอ็นดู นิ้วใหญ่ปลุกเร้าตุ่มไตแข็งบนแผ่นอก พลางกระซิบประชิดหู “เรื่องเรียนต่อน่ะเหรอ บอกเหตุผลมาสิ ฉันจะฟัง”

“ผมก็แค่...อยากเท่าเทียม” ธณัติตอบพลางพยายามออกแรงดันร่างใหญ่ที่คร่อมอยู่ออก แต่แรงหลังสร่างเมามีหรือจะสู้ท่านรองได้ ชวนันท์กดรวบสองมือที่ชอบต่อต้านไว้ไม่ให้ออกลายได้อีกต่อไป

“พูดต่อสิ” จมูกโด่งไซร้ต้นคอ ปากดูดดุนเกิดเสียงน่าอาย ทิ้งรอยแดงราวกลีบกุหลาบไว้ตามเนื้ออ่อนประปราย

“ทั้งๆที่อายุมากกว่า...แต่ ตำแหน่งก็ยัง...ต่ำกว่า” หยุดพูดเมื่อเสื้อยืดถูกเกี่ยวดึงขึ้นผ่านคอไป มือหนาไล้ไปตามแผ่นอกเนียนเปลือยเปล่า

“พูดต่อ” ชวนันท์สั่งเบาๆ ก้มหน้าลงมอบจุมพิตแก่หน้าท้องแบนราบมีกล้ามเนื้อสมส่วน จุ่มลิ้นลงยังร่องสะดือเรียกเสียงครางอึดอัดจากริมฝีปากบางได้ง่ายดาย

“ฐานะก็...ฮ้า...ด้อยกว่า... ไม่...อา...ไม่มีอะไรเท่าเทียมกันเลย” ธณัติพูดเสียงปนสะอื้นอย่างบอกไม่ถูกว่าเกิดจากอารมณ์น้อยใจหรือเกิดจากความ เร่าร้อนที่ร่างสูงมอบให้กันแน่ สองมือสอดเข้าเรือนผมดำสนิทลูบไล้เคล้นคลึงตามห้วงอารมณ์หฤหรรษ์

ชวนันท์ละความสนใจจากหน้า ท้องเกร็ง หยัดกายขึ้นมองจ้องสบตาสีน้ำตาลเข้มที่เจือแววกังวลอยู่ภายใน “จะคิดมากไปทำไม ฉันไม่ได้สนใจเรื่องแบบนี้ซักหน่อย ยังไงเธอก็ยังเป็นเธออยู่ดี” เป็นธณัติ…คนที่เขารักและห่วงใย

“แต่ผมสนใจ...ผม...ไม่อยากเป็นตัวถ่วงอยู่อย่างนี้...อยากทำงานใกล้ๆ...อยากคอยให้คำปรึกษาเวลา...คนที่ผมรักมีปัญหา”

ชวนันท์ยิ้มกว้างกับคำว่า ‘คนรัก‘ ที่ร่างผอมพูดรัวเร็วเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน พวงแก้มขาวเรื่อสีแดงอย่างเขินอาย ใบหน้าหันหนีหลบสายตาร้อนรน เขาจับคางบังคับให้ธณัติหันหน้ามารับจุมพิตหอมหวานที่มอบให้อย่างอ้อยอิ่ง รับรู้การตอบสนองของลิ้นอุ่นจากคนขี้อาย

ธณัติในชุดแรกเกิดนอนแผ่เย้า ยวนอยู่บนเตียง สีผิวขาวซีดดูดซับสีส้มของผ้าปูที่นอนชวนให้อยากลูบไล้ไม่รู้เบื่อ ชวนันท์ลากมือผ่านท้องน้อย ลงไปยังช่วงขาหนีบ บีบนวดต้นขาด้านในอย่างสนุกมือ

“ถ้าอยากเท่าเทียม...” ร่างสูงยิ้มเจ้าเล่ห์ กล่าวเรียกคนที่สติล่องลอยไปไกลให้กลับมา “เริ่มจากการถอดเสื้อให้ฉันก่อนเป็นไง”

ธณัติหน้าแดงไปถึงใบหู มองชวนันท์ที่นั่งนิ่งบนเตียงนอน รอคอยการตัดสินใจของเขาเงียบๆ ร่างผอมลุกขึ้นนั่ง ปลดกระดุมเสื้อให้ทีละเม็ดอย่างเงอะงะ กว่าจะถอดเสื้อได้ก็ใช้เวลาไปเกือบนาที กลืนน้ำลายเอื๊อกกับส่วนกางเกง เงยหน้าขึ้นมอง ถามเสียงเบา “ข้างล่างด้วยเหรอ?...”

“เธอเคยแต่ให้ฉันถอดให้...คราวนี้ก็ต้องถอดให้ฉัน” ยิ้มกวนๆทิ้งระยะก่อนเอ่ยต่อ “จะได้เท่าเทียมกันไง”

ชักรู้สึกผิดที่พูดคำนั้นออก มา ตอนนี้ ‘ความเท่าเทียม’ กลับกลายเป็นอาวุธทิ่มแทงเขาจนกระอัก ธณัติหมดทางเลือก ลงมือถอดเข็มขัด กระดุม รูดซิปลง ชวนันท์ก็ร่วมมืออย่างดี นอนหงายลงบนเตียงยกสะโพกให้มือขาวดึงกางเกงลงได้สบายๆ

“เสร็จแล้ว...” บอกเผื่อไม่รู้ พยายามไม่หันไปดูความเป็นชายเหนือชายจนน่าอิจฉา ใบหน้าที่ร้อนผ่าวเหมือนเพิ่งนาบเตาย่างเนื้อมาก้มงุดๆมองหาตัวไรฝุ่นบนผ้า ปูที่นอน

“...คนเก่ง” เสียงแหบห้าวกระซิบข้างหูก่อนที่โลกจะพลิกคว่ำในทันใด เขาถูกจับให้อยู่ในท่าคลานสี่ขาโดยไม่ทันตั้งตัว

“ไม่เอา คุณแน็ท!!” เสียงแหบร้องประท้วงเมื่อนิ้วมือเคลือบด้วยสารหล่อลื่นเย็นเฉียบล่วงล้ำเข้า ยังช่องทางลับด้านหลัง ในขณะที่แก่นกายถูกมือใหญ่กอบกุมกำรอบก่อนลงมือขยับหนักๆสองสามที

“ไม่เอาอะไร” ชวนันท์กระซิบข้างหูส่อเจตนาหยอกเย้าให้ต้องกระดากอาย

“…ไม่เอาท่านี้…อ๊ะ!” พูดจบก็โดนครูดส่วนไวสัมผัสภายในแม่นยำจนต้องร้องอุทานออกมา

“ทำไมล่ะ”

“มัน...” ธณัติหลับตาปี๋ ก้มหน้าลงกับพื้นเตียง ข้อศอกที่ยันตัวอยู่อ่อนแรงลง ปล่อยลำตัวหล่นลงแนบพื้น สะโพกที่ถูกเข่าค้ำเอาไว้ลอยสูงเด่นน่าอาย

“ว่าไง” มือที่กอบกุมแก่นกายแข็งขึงอยู่ออกแรงขยับยั้งๆ อย่างกลั่นแกล้ง นัยว่าถ้าไม่ยอมพูดก็คงค้างคาอยู่ตรงนี้อีกนาน

“...มัน...ลึกเกินไป...ฮึก!” นิ้วที่ควานลึกถูกดึงออกรวดเร็ว แทนที่ด้วยสัดส่วนร้อนจัดที่ขนาดใหญ่กว่าหลายเท่าตัว ชวนันท์กัดฟันอดทนกับความคับแน่นที่รัดรึงห้วงอารมณ์รุนแรง

“แต่คราวที่แล้ว...เธอออกจะ ชอบ” มือที่กอบกุมความร้อนของธณัติไว้ลงมือปลอบโยน รอจนร่างข้างใต้ผ่อนคลายได้จึงเริ่มขยับตามไปเป็นจังหวะเดียวกับฝ่ามือ

“ไอ้...อ๊า!!!” ธณัติกรีดร้องเสียงดังเมื่อถูกรุกเร้าหนักหน่วงจากสองทางพร้อมกัน นิ้วแกร่งสอดเข้าโพรงปากที่เผยอกว้าง ไล่ล่าปลายลิ้นอุ่นที่หลีกหนีอย่างเมามัน รู้สึกถึงลมร้อนดีกระทบฝ่ามือยามร่างผอมออกเสียงครางกระเส่า

จังหวะถูกเร่งจนเร็วขึ้น เรื่อยๆ จวบจนใกล้จะถึงที่สุดก็พลันชะลอช้าหน่วงไว้ไม่ให้จบลง...เป็นอย่างนี้วน เวียนจนธณัติทนไม่ไหว ร้องขอปนหอบสะอื้นฮั่กฟังไม่เป็นภาษา

“พอ...อะ...ไม่...ไม่ไหว” มือใหญ่ที่ขยับเอื่อยๆพลันเร่งความเร็วให้รางวัล หากช่องทางปลดปล่อยกลับถูกนิ้วหนาอุดไว้แน่น

“เธอรู้นี่ ว่าต้องทำยังไง…” ชวนันท์หอบรุนแรง พยายามอดทนทั้งที่แทบทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน เขาเกร็งแน่น จนแทบขึ้นตะคริว บังคับตัวเองให้อดทนไว้ก่อน...แล้วจะได้รางวัลรื่นหูเหมือนที่ได้รับมา เหมือนทุกๆครั้ง

“คุณ...”

“เร็วๆ”

“คุณแน็ท...”

“นัท...เร็วๆ”

“คุณแน็ท...อือ...ให้ผมไป... อ๊ะ!” จังหวะถูกเร่งเร็วหนักหน่วงจนระเบิดพร่างพราย ธณัติเหงื่อโทรมทั่วกาย หมดแรงล้มฟุบคว่ำลงกับเตียง คนตัวใหญ่ยังคงออกแรงดันต่อ ปลดปล่อยความร้อนผ่าวเข้ายังช่องทางคับแคบจนหมดสิ้นไม่เหลือแม้ธุลี


++++++++++++++++++++++++++


“ตัดสินใจแล้ว”

หลังจากที่ให้ธณัตินอนพักหายใจหายคอเงียบๆ พักหนึ่ง ชวนันท์ที่นอนหงายสูบบุหรี่ปุ๋ยอยู่ข้างๆก็พูดขึ้นมา

“หา?” ร่างผอมพลิกตัวนอนตะแคง หันหน้ามองผู้พูดงงๆ...ตัดสินใจอะไร?

“เรื่องเรียนต่อไง...ให้ไปก็ ได้” ธณัติอ้าปากค้างอย่างไม่เชื่อหู มองหน้าชวนันท์เป๋ง...เมื่อกี้เถียงกันแทบตาย ทำไมตอนนี้มันง่ายกว่าปอกกล้วยอย่างนี้ฟะ??

“ไม่ต้องทำหน้าไม่เชื่ออย่างนั้น ฉันบอกว่าให้เธอไปเรียนต่อก็ได้...แต่ให้ไปด้วยทุนของบริษัทเท่านั้นนะ”

เป็นเงื่อนไขที่เขาเพิ่ง พิจารณาเมื่อกี้นี้เอง ใช้ทุนของบริษัทไปเรียนต่อ เงินที่ธณัติแอบจำขัดจำเขี่ยเก็บมาจะได้เอาไปใช้อย่างอื่นได้อย่างสบายๆ และก็จะได้ไม่มีข้ออ้างคิดลาออกไปหางานที่อื่นทำ ได้ทั้งบุคลากรที่มีความรู้มากกว่าเดิม ได้ทั้งเงื่อนไขผูกมัดให้อยู่กับเขานานๆ กำไรทั้งขึ้นทั้งล่อง...อยากไปต่างประเทศก็ไม่เป็นไร ตอนนี้พ่อที่เป็นประธานบริษัทก็จะกลับมาทำงานเหมือนเดิมแล้ว เขาก็แค่ขอลางานซักปีสองปีไปเรียนต่อเอกที่ยูฯเดียวกัน มันจะไปยากอะไร

“เอ่อ...” เสียงพูดเจือแววยินดีเรียกร้องความสนใจให้เขาหันไปมอง

“ขอบคุณนะครับ คุณแน็ท” เป็นการพูดที่เพราะที่สุดในรอบสัปดาห์ทีเดียว ชวนันท์ยิ้มกว้าง รอฟังคำหวานจากคนที่ทำท่าคิดหนักอ้าปากค้างเตรียมพูดต่อ

“แล้วก็...เพื่อความเท่าเทียม...” ธณัติเงยหน้าขึ้นสบตาอย่างทะลึ่งทะเล้น “เมื่อกี้คุณทำให้ผม...งั้นคราวนี้ผมทำให้คุณแล้วกัน...”

นิ้วแกร่งบดปลายบุหรี่ลงกับ จานเขี่ยจนขี้เถ้าปลิวกระจาย ก่อนพองลมตัวใหญ่เตรียมเข้าขย้ำหนูน้อยหมวกแดงที่หาเรื่องใส่ตัวไม่รู้จัก เจียม

“ได้เลย...งั้นคราวนี้เธออยู่ข้างบนก็แล้วกัน”

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
END
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต (จบ+ตอนพิเศษ)+ ผมเปล่าโรคจิตนะ! 13-14อัพ19.00 15/4/51 By ลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: playCardPlaYBoy ที่ 20-04-2008 07:23:53
จบภาค2มาต่อภาค3ให้อ่าน1ตอนก่อน  :laugh: :laugh: :laugh: ยังคงสถาณะโรคจิตเหมือนเดิม

แฟนผมเป็นคนโรคจิต 1
........................


อากาศเย็นชื้นจากเครื่องปรับ อากาศที่ครางหึ่งอวลในห้องขนาดใหญ่ชวนให้รู้สึกสบายตัว สภาพแวดล้อมยังคงมืดทึมด้วยผ้าม่านหนาหนักที่รูดปิดหน้าต่างกระจกบานใหญ่ไว้ เสียงอึกทึกจากการจราจรแน่นขนัดภายนอกไม่สามารถเล็ดรอดเข้ามารบกวนผู้ที่ หลับสบายอยู่ข้างในได้ด้วยตำแหน่งของห้องที่อยู่สูงกว่าพื้นดินถึงสี่สิบ ชั้น พื้นห้องที่ถูกปูด้วยพรมหนานุ่มนั้นกลับดูรกตาด้วยสภาพของเสื้อสอง กางเกงสอง และชั้นในอีกสองที่ถูกทิ้งระเกะระกะเป็นทางตั้งแต่หน้าประตูจนถึงเตียงคู่ หลังใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางห้องนอน ผ้าห่มสีขาวสะอาดปกคลุมสองร่างไว้ข้างใต้ เหลือเพียงแขนแกร่งข้างหนึ่งกับปอยผมยุ่งโผล่พ้นผ้าออกมาเท่านั้น

“อือ” ชายหนุ่มส่งเสียงครางทุ้มในลำคออย่างสบายตัว แพขนตาค่อยๆยกขึ้นเผยดวงตาสีน้ำตาลเข้มข้างใน ก่อนจะกระพริบถี่ๆเพื่อปรับสายตากับแสงสว่าง สภาพห้องเหมือนโรงแรมนี่ช่างไม่คุ้นตาเสียเลย เข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรยังจำไม่ได้ด้วยซ้ำ หัวมันหนักอึ้งจนไม่อยากยกขึ้นจากหมอนเอาซะเลย เปลือกตาปิดลงอีกครั้งพร้อมทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา…


+++++++++++++++++++++++++++++++


-14 ชั่วโมงก่อน –

เสียงครางกระหึ่มของนกเหล็ก ขนาดกลางดังสนั่นแหวกชั้นบรรยากาศ ตามด้วยแรงกระแทกลงสู่พื้นดิน ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นจากหนังสือพิมพ์มองลอดหน้าต่างบานเล็กก็พบสภาพของพื้น ลาดยางเป็นลานกว้างแทนที่กลุ่มเมฆสีขาวที่เห็นเมื่อห้านาทีที่แล้ว

“ขณะนี้สายการบินได้พาท่านมาถึงกรุงเทพมหานครแล้วค่ะ ขอให้ผู้โดยสารทุกท่าน...”

เสียงหวานของผู้ประกาศดัง ขึ้นหลังจากที่เครื่องจอดสนิท แต่จะมีคนฟังก็หาไม่ ทันทีที่สัญญาณไฟรัดเข็มขัดดับลง เสียงปลดเข็มขัดกริ๊กแกร๊กก็ดังรัวราวประทัดวันตรุษจีน ตามด้วยเสียงจอแจร้อยแปดของบรรดาผู้โดยสารหลากวัย


+++++++++++++++++++++++++++++++++


“พี่เนศ!”

หลังจากนั่งรอในร้าน คอฟฟี่ช็อปจนรู้สึกทะแม่งๆ ธเนศก็ควักโทรศัพท์ขึ้นกดเบอร์ยกแนบหู เสียงรอสายดังขึ้นตามด้วยเสียงเรียกชื่อเขาพอดี เมื่อหันไปทางต้นเสียงก็พบน้องชายหัวแก้วหัวแหวนวิ่งกระหืดกระหอบตรงมา สัญญาณโทรศัพท์คงจะเพิ่งส่งไปถึงงทางนั้น ธณัติจึงมีอาการพวักพะวนกับการควักมือถือรับไปวิ่งไปจนขาสะดุดกันเองได้ ทั้งๆที่ไม่มีอะไรขวางทาง

“ว...เหวอ!!” เสียงร้องตกใจกับท่าทางโงนเงนจะล้มมิล้มแหล่ราวภาพสโลวโมชั่น สั่งให้ท่อนขาแกร่งลุกพาตัวไปยังจุดหมายโดยไม่ต้องใช้สมองคิด อุ้งมือใหญ่คว้าจับช่วงเอวพยุงไว้ได้ก่อนที่น้องชายจะหน้าแบนลงอีกสามมิล มือของธณัติที่ไขว่คว้าหาหลักยึดลอดอ้อมบ่าโอบยังหลังคอผู้เป็นพี่ เก่าแน่นติดหนึบเป็นหลักราวโคอาล่าเกาะต้นไผ่ก็ไม่ปาน...แล้วทุกอย่างก็จบลง

“เฮ้อ...ขอบคุณ” ธณัติพูดพลางถอนหายใจอย่างโล่งอก

แต่เสียงพูดกลับส่งไปไม่ถึงธเนศผู้พี่ ที่คิ้วขมวดมุ่นกับสัมผัสที่เปลี่ยนไป

...เปลี่ยนไป...

น้องชายของเขาตัวนุ่มหอมได้ ขนาดนี้เชียว รู้สึกจะมีเนื้อมีหนังเพิ่มขึ้นกว่าที่เจอเมื่อสองเดือนที่แล้วมากมาย ช่วงเอวสมส่วนกับบั้นท้ายกลมกลึงช่างน่า...

“ว้าก!!!” มือใหญ่พลันปล่อยเอวบางทิ้งกระทันหัน ส่งผลให้หมีโคอาล่าถไลพรืดหล่นโครมหน้าทิ่มพื้นสิบคะแนน

...คิดบ้าอะไรฟะ เจ้านัทมันน้องชาย! ....น้อง...ผู้ชาย!!!

ธเนศส่ายหัวย้ำบอกตัวเองโดยไม่สนใจเสียงร้องด่าเหยงๆของโจทก์ “เฮ้ย ได้ยินเปล่าฟะ! เมาเครื่องเรอะ!”

ต่อเมื่อปลายเท้าถูกเขี่ย แรงๆจึงค่อยรู้ตัว “เออ...โทษที” ว่าพลางทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ คว้ากาแฟที่เริ่มเย็นชืดดื่มให้หมดแก้ว “ว่าแต่ทำไมมารับช้า ให้รอตั้งนาน“ ก่อนขึ้นเครื่องก็โทรเช็คเวลากันแล้ว

“ก็...นิดหน่อย” เสียงอึกอักแบบมีพิรุธทำให้ต้องละสายตาจากหนังสือพิมพ์ขึ้นมอง

“หือม์?” หรี่ตามองสภาพของน้องชายอย่างพิจารณา...ตาแดงบวม ปากช้ำเจ่อ กับเสื้อผ้าที่ค่อนข้างจะยับยู่

“ทะเลาะกันมา?” ธณัติสะอึกทีหนึ่ง ก่อนจะก้มหน้าหลุบขนตาลงปิดบังดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่เริ่มรื้นน้ำ

“ใช่มั้ย?“ ถามย้ำอีกทีเพื่อความชัวร์

“เออน่า! ก็เรื่องปกติ คบกันก็ต้องมีทะเลาะกันบ้างเป็นธรรมดา” พูดเหมือนปลอบใจตัวเองมากกว่าจะอธิบายให้ผู้เป็นพี่ฟัง

“…เคยบอกแล้ว ว่าชายกับชาย มันไม่รุ่งเรืองหรอก มีแต่จะรุ่งริ่ง” นับเป็นโอกาสดีที่ไม่ควรพลาด ธเนศลงมือถือพัดเข้าโหมกระพือ แต่ดูเหมือนจะสู้แรงไม่ได้ ไฟจึงมอดดับอย่างน่าเสียดาย ธณัติไม่สนใจ ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะคว้ากระเป๋าเดินทางของธเนศขึ้นพาดบ่า

“กลับห้องก่อนเหอะ เดี๋ยวจะดึกเกิน”  ร่างบางเดินลิ่วโดยทิ้งผู้เป็นพี่ชายไว้ภายหลัง

“ชิ!” จิ๊กปากอย่างขัดใจก่อนจะคว้ากระเป๋าอีกใบเดินตามหลังไป


++++++++++++++++++++++++++++++


“โห~ รสนิยมดีนะเนี่ย!” พูดขึ้นอย่างทึ่งๆเมื่อไฟในห้องคอนโดเปิดสว่าง

“แหง อุตส่าห็ผ่อนตั้งนาน เหลืออีกแค่สี่เดือนเอง”

“พูดงี้หวังจะให้ผ่อนต่อให้ใช่มั้ย? เอาก็เอาฟะ! ยังไงก็มาขออยู่ร่วมห้องแล้ว” เอ่ยอย่างรู้ใจน้องชาย

“โห...เป็นพระคุณคร้าบ พี่เนศ...แต่ไม่ใช่อยู่ร่วมห้องหรอก ให้อยู่คนเดียว”

“อยู่คนเดียว?” ธเนศทวนคำอย่างงงๆก่อนจะนึกขึ้นได้ “เฮ้ย! นี่ถึงขนาดไปนอนบ้านเค้าแล้วเรอะ! คนที่บ้านเขาไม่ว่าเอารึไง?”

“เหอะน่า...คุณแน็ทเค้าอยู่คนเดียว...อย่าพูดถึงได้มั้ย หงุดหงิดเฟ้ย!!”

“เออๆ...แต่ทะเลาะกันงี้ เดี๋ยวก็เลิกกัน...ให้พี่ชายคนนี้หาสาวใหม่ให้ดีกว่ามั้ยน้องเอ๋ย มันวาบหวิวกว่ากอดผู้ชายเยอะ!” โอบบ่าตบไหล่ปลอบใจก่อนจะเดินไปเปิดกระเป๋าเดินทางค้นเสื้อผ้าเลือกชุดบุก ประจัญบานยามค่ำคืน

“รู้ได้ไง พี่เนศเคยกอดผู้ชายเรอะ?” พูดจบหมอนนุ่นใบใหญ่ก็ถูกคนที่รื้อเสื้อคว้าโยนปุใส่หน้า

“กรูเป็นชายแท้โว้ย!!”


+++++++++++++++++++++++++++


-10 ชั่วโมงก่อน –

เสียงเพลงเป็นจังหวะตื่นเต้นเร้าใจดังกระหึ่มในพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ หากผู้คนมากมายเบียดเสียดกันจนน่าอึดอัด

“เฮ้ย! ไอ้นัท! สุดซอยโว้ย!” ธเนศตะโกนแข่งเสียงเพลงอย่างคึกครื้น ความมีสติละลายหายไปพร้อมกับปริมาณน้ำเมาที่พร่องไปเกือบครึ่งขวด ต่างกับธณัติ ที่ยิ่งดื่มก็ยิ่งเศร้าใจ

“ฮือ~ คุณแน็ท ทำมาย...ทำไมไม่เชื่อใจกันบ้าง...ทามม้ายยย!!” โก่งคอตะโกนสุดเสียงก่อนจะฟุบลงกับโต๊ะปัดกระติกน้ำแข็งหล่นกระจายเต็มพื้น

“เป็นไรฟะ” ธเนศกับหัวเราะร่วนกับท่าทางกลุ้มใจของน้องชาย เดินไปด้านหลังตบหัวฉาดหนึ่งก่อนจะงัดคางขึ้นบังคับมอง

“โน่น! ดูซะ สาวสวยมีตั้งเยอะแยะ ไปสนใจทำไมไอ้ผู้ชายหล่อน้อยแบบนั้น รีบหาใหม่แล้วเลิกๆไปเหอะน่า! ป๊าม๊าจะได้ดีใจที่ลูกชายเดินถูกทาง”

“แต่ว่า...คุณแน็ท...งือออ...”

“เห็นป่าว น้องชุดดำน่ะ มองแกอยู่นะโว้ย แสดงความแมนให้เพ่เห็นหน่อย” กรอกหูกล่อมประสาทจนธณัติชักเห็นดีเห็นงาม พยักหน้าลุกขึ้นเดินโงนเงน มีธเนศผู้พี่คอยผลักหลังคอยเชียร์เป็นแรงส่ง

“เฮ้อ! ไอ้น้องคนนี้ ต้องให้สอน” ธเนศยืนมองน้องชายอยู่ที่โต๊ะ ยกแก้วขึ้นดื่มอย่างพึงใจ ก่อนจะพ่นพรวดวางแก้วลงเมื่อเห็นภาพน้องชายถูกดึงไปซบอกหนุ่มที่ไหนก็ไม่รู้ แทนที่จะเป็นสาวชุดดำดังที่หมายมั่น

“ให้ตาย! ไอ้พวกผิดเพศ น้องชายกรูห้ามแตะโว้ย!!” ก้าวฉับๆคว้าแขนบางของธณัติดึกออกจากอกล่ำๆได้ก็ตะโกนด่าดังลั่น ก่อนจะลากน้องชายเจ้าปัญหาถูลู่ถูกังกลับโต๊ะ

“ฮือ~ พี่เนศว่าผมผิดเพศ! เออเซ่! ผมมันเป็นเกย์! ก็ผมรักคุณแน็ทนี่นา อืออ...คิตตี้...ฮือออ...อยากกินแพนเค้ก...โฮ!!!!!” พอนั่งลงได้ลิ้นไก่สั้นๆก็งึมงำฟังไม่เป็นภาษาจนธเนศถอนใจ...แผนหาน้องสะใภ้ คงต้องพับเก็บ

“นัทเอ๊ย...ยังไงแกก็เป็น น้องฉัน ถึงแกจะชอบผู้ชาย มันก็ต้องเปลี่ยนไปชอบผู้หญิงได้นะ” ก็ดูสิ ขนาดนั่งเฉยๆสาวเยอแยะยังเหลียวมองพวกเขาเป็นทางซะขนาดนี้...ธเนศคิดโดย พยายามมองข้ามสายตาหนุ่มเยอะแยะที่มองเป็นทางไปเสีย

กวาดตามองรอบข้างสายตาก็ สะดุดอยู่ที่ร่างบางในชุดเสื้อยืดแขนสั้นสีพื้นกับกางเกงยีนส์ขายาวดูเรียบ ง่ายหากจับตาอยู่ในที ด้วยใบหน้าขาวใสที่แม้ความมืดทึมของร้านก็ไม่อาจบดบัง ริมฝีปากแดงฉ่ำกำลังเม้มน้อยๆเชิงไม่ใคร่พอใจ ผมซอยยาวไล่ต้นคอดูกระฉับกระเฉงสะบัดพริ้วตามแรงส่ายหน้าของเจ้าของ มือเรียวสวยยกขึ้นปฏิเสธน้ำเมาที่ชายหนุ่มข้างกายกึ่งเสนอกึ่งยัดเยียดให้ ดื่ม

...สาวน้อยสไตล์ทอมบอย...เป็นแบบที่ถูกใจพอดี...

...ลักษณะขาลุยอย่างที่หาได้ยากนักในชีวิตที่ผ่านมา...

ท่าทางกำลังลำบากเสียด้วย ในที่สุดก็ต้องยอมรับแก้วเหล้าที่อีกฝ่ายส่งให้ถือจนได้ หน้าใสก้มลงมองน้ำสีอำพัน คิ้วเรียวบางขมวดปมอย่างลำบากใจ

...คงต้องช่วยซะแล้ว...

ทันทีที่คิด ขาก็พาย่างก้าวสู่เป้าหมายอย่างว่องไว มือใหญ่คว้าบ่าบางจับกระชับแนบอก ก่อนที่อีกมือจะฉวยแก้วเหล้ามาไว้กับตัว ก้มมองดวงตาสีดำที่เบิ่งตากว้างอย่างตกใจแว่บหนึ่ง

“เฮ้ย!! มึงเป็นใครวะ อย่ามายุ่ง!” ชายหนุ่มคนเดิมตะโกนถามหาเรื่องเต็มพิกัด

“กรูชื่อเนศ!! ธเนศ!  แก้วนี้กรูดื่มแทนน้องคนนี้เองโว้ย!!!” จบคำไม่รอช้า ยกแก้วขึ้นจรดริมฝีปาก ปล่อยให้น้ำรสขมไหลผ่านลำคอรวดเดียวหมด

ก้มลงมองใบหน้าขาวอีกทีกลับ รู้สึกว่ารูปหน้ามันโยกโย้ ไฟหลากสีสันส่องวูบวาบไปมายิ่งเร่งให้มึนงง ขาทั้งสองข้างพลันหมดแรงพยุงตัว เปลือกตาหนักอึ้งปิดลงอย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนที่ทุกอย่างจะดับสนิทราวกับหนังที่ฉายจบตอน


++++++++++++++++++++++++++


นั่นเป็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่ เขาจำได้ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเหลือบมองปอยผมที่โผล่พ้นขอบผ้าห่มออกมาของผู้ร่วมเตียง ...แล้วหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นกันนะ

อยู่บนเตียงสองคน...ในสภาพเปลือยเปล่า

ธเนศไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดเดา ไม่ออกว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น อารมณ์ผ่องใสกับร่างกายเบาสบายขนาดนี้เป็นเครื่องยืนยันที่ดีอยู่แล้ว ...แต่ที่ยังสงสัยคือ ...เขาร่วมเตียงกับใครต่างหาก

...จะใช่สาวน้อยคนนั้นรึเปล่านะ?...

มือใหญ่จับผ้าห่มเลื่อนลงอย่างแผ่วเบา หวังว่าจะได้เห็นใบหน้าขาวใสที่ถูกตาต้องใจเมื่อคืน

...ใช่จริงๆด้วย...

คิดอย่างลิงโลดเมื่อเป็นดัง หวัง แสงแดดอ่อนๆยามเช้าที่ส่องลอดหน้าต่างเข้ามารำไรยิ่งขับให้ใบหน้าขาวใสดูดี ขึ้นกว่าที่เห็นในผับเมื่อคืนนี้มากมาย แพขนตายาวงอนกับเปลือกตาบางยังคงบดบังนัยน์ตาไว้ จมูกเล็กโด่งกับริมฝีปากแดงฉ่ำที่แย้มยิ้มจางๆให้กับห้วงฝันนั้นน่ามองเหลือ เกิน

ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกว่า น้ำลายมันฝืดคอ ความร้อนเริ่มรุมเร้าร่างกายเมื่อจินตนาการต่อว่า ร่างกายที่อยู่ใต้ผ้าห่มนี้จะน่าฟอนเฟ้นเพียงใด มือใหญ่ลอดใต้ผ้าห่มค่อยๆสัมผัสลูบไล้เนื้อแท้อย่างแผ่วเบา

“อืม~” เสียงครางแหบเซ็กซี่น่าฟังดังขึ้นเบาๆ ท่าทางร่างบางจะรู้สึกสบายจึงได้เบียดตัวเข้าชิดหาไออุ่นให้มากกว่าเดิม

…อืมม...หน้าอกหน้าใจเล็กไปหน่อย แต่ก็สมรูปร่างล่ะนะ...เล็กๆแบบนี้ก็น่ารักดี...

...ว่าแต่...

..ไอ้ที่มันดันขาอยู่คืออะไรฟะ?...

คิ้วหนาขมวดอย่างไม่อยากคิด ว่าไอ้ที่เดาไว้มันถูกหรือผิด แขนแกร่งปาดผ้าห่มยกขึ้นเบาๆ มองลอดข้างใต้เผยให้เห็นร่างกายที่ถูกเนื้อผ้าหนาบดบัง

...

...

ธเนศค่อยๆปลีกตัวออกจากร่างที่กกก่าย ย่องลงจากเตียงหลังใหญ่ก่อนจะเก็บเสื้อผ้าที่ระเนระนาดบนพื้นพรมสวมใส่อยากรวดเร็ว

ประตูห้องถูกเปิดแง้มพร้อม กับปิดลงอย่างไร้ซุ่มเสียง ร่างสูงที่ยืนหลังพิงบานประตูฝั่งทางเดินนอกห้องกำลังอยู่ในห้วงอารมณ์ที่ ยากจะบรรยาย คิ้วขมวดมุ่นจนแทบจะผูกกันเป็นโบว์ เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลจากหน้าผากกลิ้งลงเปียกชุ่มคอเสื้อ

มือใหญ่ทั้งสองยกขึ้นกุมขมับ ก่อนจะไถลตัวลงนั่งยองๆอย่างกลัดกลุ้มในความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิต ของตนเอง เสียงแหบแห้งเล็ดลอดออกจากปากเบาๆ





...

“…ผู้ชายนี่หว่า…”


++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต(จบ+ตอนพิเศษ)+ผมเปล่าโรคจิตนะ!(จบ+ตอนพิเศษ)+แฟนผมเป็นคนโรคจิต 1 BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 20-04-2008 10:57:22
เข้ามาอีกทีก็จบภาค 2 ซะแระ  :oni1: :oni1: :oni1:
แต่ภาค 3 เปิดมาได้ฮาดี จะทำยังไงล่ะทีนี้  :oni2: :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต(จบ+ตอนพิเศษ)+ผมเปล่าโรคจิตนะ!(จบ+ตอนพิเศษ)+แฟนผมเป็นคนโรคจิต 1 BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Tsukasa999 ที่ 20-04-2008 13:01:23
 :laugh: ขนาดจบอย่างแฮปปี้เอนดิ้งก็ยังฮามากมาย แต่งเก่งจริงๆ

สนุกมากๆเลยค่ะ  o13 มีภาคต่อของคุณพี่ธเนศด้วยใช่มะคะ จะรออ่านนะ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต(จบ+ตอนพิเศษ)+ผมเปล่าโรคจิตนะ!(จบ+ตอนพิเศษ)+แฟนผมเป็นคนโรคจิต 1 BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: totoken ที่ 20-04-2008 17:58:24
 :m25: :m25: :m25: :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต(จบ+ตอนพิเศษ)+ผมเปล่าโรคจิตนะ!(จบ+ตอนพิเศษ)+แฟนผมเป็นคนโรคจิต 1 BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: madboo ที่ 20-04-2008 19:06:06
ชอบผมเปล่าโรคจิตนะอ่า><~
ชอบนัท ชอบคนนิสัยแบบนัท  :a3:
อ๊ากกกกก กลับไปอ่านอีกรอบดีกว่า  o13
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต(จบ+ตอนพิเศษ)+ผมเปล่าโรคจิตนะ!(จบ+ตอนพิเศษ)+แฟนผมเป็นคนโรคจิต 1 BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: boboaje ที่ 20-04-2008 20:26:56
555555555+

หน้าเดียวเท่านั้น

ทุกอารมณ์  จริง  อ่ะ 

เพิ่งอ่านจบหน้าแรกค่ะ 


หนุกดีอ่ะ   คู่สองหนุกดี
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต(จบ+ตอนพิเศษ)+ผมเปล่าโรคจิตนะ!(จบ+ตอนพิเศษ)+แฟนผมเป็นคนโรคจิต 1 BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 20-04-2008 21:26:57
สูดยอดดดดดดดดดดดดดดดดด o13
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต(จบ+ตอนพิเศษ)+ผมเปล่าโรคจิตนะ!(จบ+ตอนพิเศษ)+แฟนผมเป็นคนโรคจิต 1 BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: ltahset ที่ 20-04-2008 23:32:10
 o13
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต(จบ+ตอนพิเศษ)+ผมเปล่าโรคจิตนะ!(จบ+ตอนพิเศษ)+แฟนผมเป็นคนโรคจิต 1 BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: TonG_x_Zhi ที่ 20-04-2008 23:58:56
โธ่  น้องโย  จะได้กางเกงในนัทคงเร็วไปอ่ะนะ 5555  น่าสงสารปนสะใจ :laugh:

ภาค3น่าสนุกดีคับ  รออ่านตอนต่อไปนะ :oni1:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต(จบ+ตอนพิเศษ)+ผมเปล่าโรคจิตนะ!(จบ+ตอนพิเศษ)+แฟนผมเป็นคนโรคจิต 1 BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: boboaje ที่ 21-04-2008 16:30:06
 :m14:  เฮียธเนศเราเสร็จแน่อ่ะ  "กรูชายแท้โว้ย"

ขำเสร็จ    :laugh:อยากรุอ่ะว่าคู่กะใคร


สนุกทุกภาคเลยค่ะ   :oni1: มาอัพต่อีกนะค่ะ

ลุ้น :oni2:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต(จบ+ตอนพิเศษ)+ผมเปล่าโรคจิตนะ!(จบ+ตอนพิเศษ)+แฟนผมเป็นคนโรคจิต 1 BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 21-04-2008 19:39:07
 :c5: wow ช้อบชอบ ชอบม๊ากมากข่าาาาาาา มาลงเร็วนะตะเองเค้ารอ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต(จบ+ตอนพิเศษ)+ผมเปล่าโรคจิตนะ!(จบ+ตอนพิเศษ)+แฟนผมเป็นคนโรคจิต 1 BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: VitamiN ที่ 21-04-2008 20:48:35
 :laugh:

เหมือนกับเขียนได้เรื่อยๆเลยนะ
แถวๆนั้นมีแต่คนโรคจิต
ก๊ากกกก ชอบๆ

มาต่ออีกน้า :oni1:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต(จบ+ตอนพิเศษ)+ผมเปล่าโรคจิตนะ!(จบ+ตอนพิเศษ)+แฟนผมเป็นคนโรคจิต 1 BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: nil ที่ 21-04-2008 23:10:36
 :oni2: :oni2: :oni2:

ภาคแรกก็ว่าหนุกดีนะ

ภาคสองนี่ชอบมาก ฮาสุดๆ ก๊ากกกกกก คิตตี้ คิดได้งัยเนี่ย

ภาคสามเริ่มมาก็ท่าทางมัน ยิ่งนึกถึงน้องโยที่โรคจิตยิ่งอยากอ่านเข้าไปอีก

รีบมาต่อนะ รอกันอยู่มากมาย
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต(จบ+ตอนพิเศษ)+ผมเปล่าโรคจิตนะ!(จบ+ตอนพิเศษ)+แฟนผมเป็นคนโรคจิต 1 BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Tsukasa999 ที่ 21-04-2008 23:29:54
 :oni1:จริงๆอยากอ่าน story side ของน้องโยด้วยนะ อยากให้ทุกคนสมหวังค่ะ อิอิ ถ้าจะกรุณาแต่งมาให้อ่านจะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง

แต่ไปๆมาๆ เหลือตั้งสองคูู่่แน่ะ ตามสะดวกของท่านผู้แต่งนะคะ  :a1:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต(จบ+ตอนพิเศษ)+ผมเปล่าโรคจิตนะ!(จบ+ตอนพิเศษ)+แฟนผมเป็นคนโรคจิต 1 BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: playCardPlaYBoy ที่ 21-04-2008 23:58:46
ของน้องโยมีแน่นอนคร๊าบบบบบบบ  :o8: :o8: อ่ะๆ อย่าเพิ่งคิดมากน่า สมหวังทุกคู่ละกาน บอกแค่นี้ก่อน นอนก่อนน่า พุ่งนี้ไปตรวจสุขภาพประจำปี นอนดีกว่า :a12: :a12: :a12:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต(จบ+ตอนพิเศษ)+ผมเปล่าโรคจิตนะ!(จบ+ตอนพิเศษ)+แฟนผมเป็นคนโรคจิต 1 BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: toonzaa ที่ 22-04-2008 00:34:13
สนุก และน่ารักทุกคู่เลยค่ะ

โดยเฉพาะท่านรองประธาน ท่าทางจะเป็นแฟนคลับซานริโอตัวจริง  น้องนัทก็เป็นองครักษ์พิทักษ์คิตตี้ ได้ดีเหลือใจ 

ส่วนน้องโยเอ้ย สงสัยมองแต่หน้าน้องนัท ไม่เคยมองตรูดด ทำไมไม่เฉลียวใจเลยบ้างว่าหุ่นผอมบางอย่างน้องนัท ทำมาย กกน.มันถึงได้ตัวใหญ่ 555 อยากเห็นคู่น้องโย จะเป็นคนแบบไหนกันนะ

ส่วนท่านพี่ธเนศ อย่าฟันแล้วทิ้งนะเว๊ย รับผิดชอบด้วย

ขอเม้นทีเดียวอย่างนี้เลยแล้วกัน จะรอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต(จบ+ตอนพิเศษ)+ผมเปล่าโรคจิตนะ!(จบ+ตอนพิเศษ)+แฟนผมเป็นคนโรคจิต 1 BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: sirasyung ที่ 22-04-2008 00:44:37
โอยยยย....อ่านรวดเดียวจบเลย... o2

ภาคแรกแบบโหด ๆ  โรคจิตได้จาย   :laugh:

ภาคสองนี่ก็ฮาดีอะ  คนแต่งคิดได้งายนี่  :serius2:
ชอบคู่สองจัง ชอบนายคิตตี้น่ารักดี


คนอ่านก็อ่านอยู่ด้ายยยยย...สงสัยจะ ~โ~ร~ค~จิ~ต~ เหมือนคนแต่ง 55555

ปูลู  คนนี่อยู่กับเนศน่ะ อย่าบอกนะว่าเป็นน้องโย หุหุหุ  :o8:



หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต(จบ+ตอนพิเศษ)+ผมเปล่าโรคจิตนะ!(จบ+ตอนพิเศษ)+แฟนผมเป็นคนโรคจิต 1 BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: sin_no ที่ 22-04-2008 01:22:41
น่ารักหมดเลย

รอลุ้นพี่เนศ
 :o8:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต(จบ+ตอนพิเศษ)+ผมเปล่าโรคจิตนะ!(จบ+ตอนพิเศษ)+แฟนผมเป็นคนโรคจิต 1 BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Narak00 ที่ 22-04-2008 02:31:02
ขอบบอกว่าเรื่องนี้สุดยอดดดดดดดดดดด  o13  แต่งได้ไงอ่ะ เก่งคอด ๆ

ภาคแรกว่าสนุกแล้ว

ภาคสองสนุกกว่าอีกหลายเท่าเลย

รออ่านภาคสามอยู่นะคร้าบบบบบ อยากอ่านเรื่องของพี่เนศ (ตอนแรกแอบคิดว่าภาคสามจะเป็นเรื่องของโย)

 :oni1: :oni1: :oni1: :oni1:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต(จบ+ตอนพิเศษ)+ผมเปล่าโรคจิตนะ!(จบ+ตอนพิเศษ)+แฟนผมเป็นคนโรคจิต 1 BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 22-04-2008 18:17:23
 :a5:มาต่อสักที่เถอะพี่ รอนานมากแล้วววววววว
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต(จบ+ตอนพิเศษ)+ผมเปล่าโรคจิตนะ!(จบ+ตอนพิเศษ)+แฟนผมเป็นคนโรคจิต 1 BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: playCardPlaYBoy ที่ 22-04-2008 20:48:05
แฟนผมเป็นคนโรคจิต 2



ร้านอาหารบ้านสวนยามเย็น คึกคักไปด้วยเสียงเฮ ปะปนกับเสียงเพลงที่นักดนตรีแสดงสดอยู่บนเวที สปอตไลท์ที่ซ่อนอยู่ตามต้นไม้ใหญ่สาดแสงหลากสีสันน่ามอง ส่วนกลางของร้านถูกเหล่านักศึกษาจับจองต่อโต๊ะยาวเป็นแพ แม้จำนวนเก้าอี้ที่ทางร้านจัดเสริมมาให้จะดูมากมาย แต่ก็ยังไม่สารมารถรองรับผู้มาร่วมกิจกรรมได้พอ

โยอยู่ในชุดนักศึกษาตัวหลวม โพรกที่เจ้าตัวให้เหตุผลตอนเลือกซื้อว่า เดี๋ยวโตขึ้นก็พอดีตัวเอง โดยหารู้ไม่ว่า สี่ปีผ่านไปมันก็ยังคงหลวมอยู่เหมือนเดิม นั่งจิ้มหมูแดดเดียวบนจานด้านหน้าเข้าปากพอเป็นพิธี เพื่อนๆที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่กี่วันคุยกันจอแจสนุกสนาน แต่ตัวเขากลับนั่งเงียบอยู่คนเดียวด้วยการเป็นคนปรับตัวช้า แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้รู้สึกเบื่อหน่ายกับงานรึ่นเริงนี้ซักเท่าไหร่ การนั่งฟังเพื่อนๆลุกขึ้นแนะนำตัวทีละคนตามด้วยเสียงร้องเพลง เสียงเชียร์ดื่มของรุ่นพี่ทำให้รู้สึกเพลิดเพลินไปกับงานดีเหมือนกัน

“เอ้า น้องคนต่อไปครับ” รุ่นพี่ที่ล้อมวงอยู่ด้านหลังตะโกนพร้อมพยักเพยิดให้เขาลุกขึ้นแนะนำตัว เมื่อถึงคิว ด้วยความที่ยังไม่เคยชินกับการแสดงตัวในคนหมู่มาก ทำให้ออกจะเกร็งๆอยู่พอดู เขาลุกขึ้นค้อมตัวเล็กน้อยอย่างไม่ค่อยมั่นใจ พร้อมกับพูดแนะนำตัวเองด้วยเสียงแผ่วเบา

เดชะบุญ รุ่นพี่ที่ยืนอยู่ข้างหลังใช้วิชาหูมารรับฟังคำแนะนำตัวได้แม่นยำ ซ้ำยังทำหน้าที่เป็นโทรโข่งจำเป็นได้อย่างไม่เคอะเขิน  ‘เอ้า ต้อนรับน้องโยกันหน่อยโว้ย!!’ ตามด้วยเสียงเฮ เสียงตีขวดเป่าปากของพี่ๆดังสนั่น

ต่อจากการแนะนำตัว น้องใหม่ทุกคนก็ต้องเดินออกไปด้านหน้าเพื่อรับเหล้ารับขวัญมากรอกดื่มให้หัว ราน้ำ เขายังคงมองขวดเหล้าเปิดใหม่เอี่ยมอ่องวางนิ่งบนโต๊ะ ด้วยความที่เป็นเด็กดีเหล้าไม่ดื่มบุหรี่ไม่สูบมาได้ถึงสิบแปดปีทำให้รู้สึก หนักใจ

...เอาน่ะ แตะปากนิดหน่อยคงไม่เป็นไร...

คิดได้ดังนั้นจึงค่อยๆลุกขึ้นยืน เตรียมตัวจะออกเดินไปยังหน้าลาน

‘เฮ้ย! กรูเอง!!!’ เสียงหนึ่งดังขึ้นทันใด เรียกให้ต้องหันหน้าไปทางต้นเสียง ชายหนุ่มในชุดนักศึกษาก้าวมาด้านหน้าคว้าขวดเหล้าขึ้นชูพร้อมประกาศศักดา ‘กรูชื่อนัท! ธณัติ ปีสี่!! ขวดนี้ดื่มให้น้องโยโว้ย!!!’

นั่นเป็นครั้งแรกที่ได้ยินชื่อ เป็นครั้งแรกที่ธณัติเรียกชื่อเขา และเป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดมา...ที่เขาหลงรักผู้ชาย

น้ำสีอำพันไหลจากขวดลงสู่ลำคอ อึกแล้วอึกเล่า ทันใดกลับมีมือใหญ่จับมือของธณัติ บังคับให้ต้องลดขวดลง

“ธณัติดื่มให้ใครไม่ได้หรอก” เสียงพูดปนเยาะเย้ยดังจากปากของชายหนุ่มร่างใหญ่ ผู้เป็นศัตรูหัวใจของโย มือแกร่งคว้าบ่าของธณัติดึงเข้าหาตัว ดวงตาคมดุเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะมอบจูบดูดดื่มแก่รักแรกของเขา


เฮือก!!

ดวงตากลมโตเบิ่งกว้างในทันใด มันลืมค้างอยู่ชั่วครู่จนสติของเจ้าของฟื้นคืน จึงค่อยหลับลง มือบางยกขึ้นปาดเหงื่อที่ซึมแฉะตามไรผม ในขณะที่อีกมือปัดผ้านวมให้พ้นตัวเพื่อให้รับไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศได้ เต็มที่ ปากแดงอิ่มเผยอพึมพำแหบเบา

“…ฝันไป...”

คิดถึงซะจนเก็บเอามาฝันเป็น ตุเป็นตะ...อยากจะหัวเราะตัวเองซะจริง รู้ทั้งรู้ว่าทั้งตัวทั้งหัวใจ พี่นัทมอบให้คนอื่นไปแล้ว เขาก็ยังไม่ยอมตัดใจเสียที มันเป็นความรักฝังใจ ราวกับการได้เห็นธณัติในวันรับน้อง เป็นวันที่ลูกเจี๊ยบฟักตัวออกจากไข่ ได้พบแม่ไก่อย่างไรอย่างนั้น

จนถึงเดี๋ยวนี้ ก็ยังรู้สึกยอกในอกทุกครั้งที่ได้ยินธณัติคุยโทรศัพท์กับชวนันท์ เจ็บปวดทุกครั้งที่เห็นสองคนอยู่ด้วยกัน หยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน…

ร่างบางลุกขึ้นนั่งพิงหมอน เอื้อมมือจะหยิบแก้วน้ำที่วางบนโต๊ะเล็กข้างเตียงขึ้นดื่ม พลันกลับเบนเป้าหมายไปยังสิ่งที่ตั้งอยู่ด้านหลังแทน สองมือประคองกรอบรูปราวสิ่งล้ำค่า นิ้วโป้งไล้ไปตามโครงหน้าบนกระดาษอย่างเบามือ

ธณัติในชุดนักศึกษา

...แตะต้องได้เพียงรูปถ่าย ตัวจริงช่างไกลเกินเอื้อม...

...เหงา...

อยากมีคนรู้ใจเหลือเกิน แต่ทำไมทุกครั้งที่คบกับใครสักคน ใบหน้าของธณัติก็มักจะเข้ามารบกวนอยู่ร่ำไป ตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสี่ จวบจนเรียนจบแล้วก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม เขาจึงตัดสินใจเข้าใกล้เพื่อหวังจะเผยความในใจให้อีกฝ่ายได้รู้เสียที ...แต่กว่าจะคิดได้มันก็สายเกินไป…ธณัติเป็นของชวนันท์ไปแล้ว

โยก้าวลงจากเตียง พาตัวเองไปยังตู้เสื้อผ้า คุกเข่าลงเปิดลิ้นชักที่มักจะเปิดดูทุกวี่ทุกวัน ทุกอย่างของพี่นัทที่พอจะเก็บมาได้อยู่ในลิ้นชักนี้...สมบัติล้ำค่าของเขา หยิบผ้าเช็ดหน้าที่ห่อถุงพลาสติกอย่างดีขึ้นแนบอกโหยหาหวังจะได้ไออุ่นจาก ผู้เป็นเจ้าของ

...พอเถอะ...โยบอกตัวเองอย่างนั้น...ถึงเวลาที่จะต้องตัดให้ขาดเสียที...มองความเป็นจริงแล้วเริ่มความรักครั้งใหม่เสียเถอะ...

ผ้าเช็ดหน้าถูกวางกลับที่เก่าอย่างเบามือ ตามด้วยกรอบรูปวางทับด้านบนสุด ก่อนที่ลิ้นชักจะถูกปิดลง สลักกุญแจเป็นขั้นตอนสุดท้าย

...จบได้แล้ว โย...

นัยตากลมโตมองลิ้นชักอย่างอาลัยอาวรณ์เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะกระซิบแผ่วเบา

“ลาก่อนครับ พี่นัท”

+++++++++++++++++++++++++++


“ไม่เห็นหน้าซะนาน เป็นยังไงบ้าง?” เสียงตะโกนทักทายดังขึ้นแข่งกับเสียงเพลงดังกระหึ่มในผับที่เคยมาประจำ

“สบายดี ขอบคุณ” โยยกแก้วน้ำชงตามความเข้มที่ชอบขึ้นดื่ม สายตากวาดมองผู้คนมากมายมัวเมาไปกับค่ำคืนหรรษา

“แล้วตอนนี้ยังว่างอยู่รึเปล่า?” อีกฝ่ายไม่รอช้าที่จะทำตามใจตัวเองเลย มือใหญ่เอื้อมกอดยังเอวของร่างบาง โยค่อยๆถอยออกอย่างมีมารยาท

“ก็เรื่อยๆ ว่างบ้างไม่ว่างบ้าง” เขาไม่อยากตอบตามตรง เพราะพอจะรู้เป็นหมายของอีกฝ่ายอยู่

ริมฝีปากเจือกลิ่นเหล้ากับ บุหรี่เคลื่อนเข้าใกล้หู กระซิบพอให้ได้ยิน “คืนนี้ว่างรึเปล่าล่ะ” ว่าจบไม่รอช้า จัดการขบใบหูให้สะท้านอารมณ์ โยยกมือขึ้นปัดเต็มที่

“อย่าคิดว่าคราวที่แล้วได้ แล้วต่อไปจะได้ทุกครั้งไป เราไม่ได้สนใจนาย” ใช่...เรื่องคราวที่แล้วมันเป็นความผิดพลาด ดันเผลอดื่มแก้วที่อีกฝ่ายชงให้ หลงคิดว่าเป็นน้ำหวานผสมนิดผสมหน่อย โดยที่ไม่ได้ระแวงว่าอีกฝ่ายจะใช้ความหวานของน้ำอัดลมบดบังรสขมของสุราได้ อย่างแนบเนียน...เมื่อตื่นขึ้นมาบนเตียงพร้อมกับชายหนุ่ม จึงได้รู้ว่าเสียท่าไปซะแล้ว แต่มันก็เป็นเพียงความสัมพันธ์ช่วงข้ามคืนที่ไม่ได้สานต่อ

“อย่าตัดรอนอย่างนั้นซี่”

“นายนั่นแหละ เลิกเซ้าซี้ซักที”

แล้วบทสนทนาก็จบแค่นั้น จนคิดว่าชายหนุ่มคงจะตัดใจไปแล้ว กลับมีมือสะกิดเรียกที่บ่าอีกคราหนึ่ง  แก้วน้ำหวานสีเข้มถูกเสนอจ่อหน้าเชิงบังคับให้รับไป

“นายดื่มเองเถอะ” โยบอกปัดไม่รักษาน้ำใจ

“นิดหน่อยเองน่า รับรองใส่เหล้าไปแค่นิ๊ดเดียว” บีบเสียงให้รู้ว่าน้อยจริงๆพลางยัดเยียดให้ร่างบางต้องรับไว้ถือ โยก้มลงมองแก้วน้ำหวานอย่างคลางแคลงใจ...

“เอาน่า อย่าคิดมาก แค่ชงมาให้ดื่มเอง”

…จากประสบการณ์ เหล้าแก้วนี้มันต้องมีอะไรซักอย่างไม่ชอบมาพากล...

“น่านะ อึกเดียวก็ยังดี ดื่มให้ชื่นใจหน่อย อุตส่าห์ตั้งใจชงให้” อีกฝ่ายยังคะยั้นคะยอไม่เลิก

โยถอนหายใจหนัก “โอเคๆ อึกเดียวแล้วเลิกยุ่งกันซักทีนะ อยากได้เพื่อนนอนก็ไปหาคนอื่นซะ วันนี้เราไม่มีอารมณ์” ว่าพลางตั้งท่าจะยกแก้วขึ้นดื่ม ฉับพลันบ่าก็ถูกรวบไป จมูกแทบชนกับแผ่นอกตึงแน่น กลิ่นโคโลญจ์ผู้ชายหอมอวล แก้วเหล้าถูกแย่งออกจากมือ

เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็ต้องตกตะลึง...แวบแรกนึกว่าพี่นัทมาช่วยเหมือนเมื่อคราวรับน้อง...แต่กลับไม่ใช่...

...ถึงจะไม่ใช่...แต่ก็เหมือนกันเหลือเกิน... ใบหน้าหล่อเหลาที่ก้มลงมา อีกทั้งดวงตาสีน้ำตาลเข้มช่างเหมือนซะจนน่าแปลกใจ

“เฮ้ย!! มึงเป็นใครวะ อย่ามายุ่ง!” ชายหนุ่มคนแรกตะโกนหาเรื่อง

“กรูชื่อเนศ!! ธเนศ!  แก้วนี้กรูดื่มแทนน้องคนนี้เองโว้ย!!!” เขายกแก้วขึ้นจรดริมฝีปาก ปล่อยให้น้ำรสขมไหลผ่านลำคอรวดเดียวหมด เมื่อก้มหน้าลงมาสบตาหวานฉ่ำได้เพียงชั่ววินาที ร่างกายกำยำพลันหล่นวูบจนต้องออกแรงพยุงไว้ เปลือกตาบางหลับลงอย่างฝืนไม่อยู่

“คุณ! คุณ...ธเนศ!!!” ให้ตาย ขนาดชื่อยังเหมือนกันขนาดนี้ ถ้าเหมาว่าเป็นพี่น้องกันจะผิดมั้ยเนี่ย!

“ชิ! ไอ้บ้าเอ๊ย เสือกแย่งดื่มซะได้” เมื่อโยได้ยินเสียงสบถบ่นจึงเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างโมโห

“นายใส่ยานอนหลับ!”

“ก็เออซิวะ! โว้ย เซ็ง! เสียแผน...ไม่เอาก็ได้วะ  ไปหาคนอื่นก็ได้” ว่าพลางเดินจากไป ทิ้งไว้เพียงภาระชิ้นใหญ่ในอ้อมแขนบาง


+++++++++++++++++++++++++++++


“เฮ้อ!” โยถอนหายใจปาดเหงื่ออย่างเหนื่อยแสนเหนื่อย การถูลากถูกังผู้ชายตัวใหญ่กว่ามาถึงห้องนอนของโรงแรมข้างผับได้นี่มันช่าง กินพลังงานซะจริง ร่างบางนั่งพักบนขอบเตียงพลางพิจารณาใบหน้าของอีกฝ่าย
เหมือนมาก หน้าคล้าย เสียงคล้าย ชื่อคล้าย...แม้แต่คำพูดยังคล้ายกันเลย

‘กรูชื่อเนศ!! ธเนศ!  แก้วนี้กรูดื่มแทนน้องคนนี้เองโว้ย!!!’ คล้ายกับเหตุการณ์ที่ทำให้หลงรักพี่นัท

...ไม่ได้ๆ เอาภาพพี่นัทมาซ้อนกับคนอื่นได้ยังไง...

...แต่...

โยคร่อมตัว ล้วงมือเข้ายังกระเป๋ากางเกงอีกฝ่าย จับกระเป๋าสตางค์ได้ก็ดึงออกมา เมื่อซึมซับข้อความบนบัตรประชาชนได้ก็แย้มยิ้ม...ช่างบังเอิญจริงๆ...

“พี่เนศ...” ก้มลงกระซิบข้างหู นิ้วเรียวบรรจงแกะกระดุม

“อือ...” แม้จะไม่รู้สึกตัว แขนแกร่งก็ยกขึ้นรวบเอวอีกฝ่ายได้ตามสัญชาติญาณ ใบหน้าทั้งสองห่างกันแค่คืบ

“พี่เนศ...เป็นรักครั้งใหม่ ของผมได้รึเปล่า” เปรยอย่างไม่ต้องการคำตอบจากคนหลับ ริมฝีปากแนบประทับดูดดื่ม ก่อนที่ปากแดงอิ่มจะยิ้มแสยะ

“ผมจะถือว่าตกลงก็แล้วกันนะ”


++++++++++++++++++++++++++++++


อากาศเย็นฉ่ำในห้องนอนเรียก ให้โยโหยหาไออุ่นโดยไม่รู้สึกตัว แขนผอมบางก่ายหาเป้าหมายก่อนจะคว้าวืดเมื่อข้างตัวเป็นเพียงที่นอนว่างๆ เย็นๆ ดวงตาเปิดขึ้นอย่างง่วงงุน เหลียวซ้ายแลขวาไม่พบใครจึงค่อยรู้ตัว

…ธเนศไปแล้ว...

เรื่องเมื่อคืนนี้ ชายหนุ่มจะจำได้รึเปล่านะ จะรู้สึกยังไงกับเขาบ้าง หนีไปอย่างนี้ท่าทางเมื่อคืนจะเป็นเรื่องพลาดสำหรับธเนศล่ะมั้ง...แต่ไม่ เป็นไร แม้มันจะเป็นเรื่องผิดพลาด แม้ธเนศจะไม่ได้ชอบผู้ชาย แม้ความสัมพันธ์เมื่อคืนนี้จะเป็นการตบมือข้างเดียว แต่ครั้งนี้เขาจะทุ่มสุดตัว ทุ่มสุดใจ...

โยแสยะยิ้ม “หนีไม่พ้นหรอกครับ พี่เนศ...ผมจะทำให้พี่รักผมให้ได้เลย”


+++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต(จบ+ตอนพิเศษ)+ผมเปล่าโรคจิตนะ!(จบ+ตอนพิเศษ)+แฟนผมเป็นคนโรคจิต 1 BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: playCardPlaYBoy ที่ 22-04-2008 20:49:22
แฟนผมเป็นคนโรคจิต 3



“ฮัลโหล” เสียงรับโทรศัพท์ของธณัติเรียกความสนใจให้โยละสายตาจากมือถือเพียงครู่เดียว ก่อนจะกลับไปนั่งมองนั่งจ้องหน้าจอโทรศัพท์ดังเดิม

...ยิ่งดูก็ยิ่งเหมือน...

หลังจากนั่งเปรียบเทียบ ระหว่างรูปกับคนตรงหน้ามานานก็เก็บรายละเอียดได้มากมาย สายตาจับจ้องชายหนุ่มในหน้าจอ เส้นผมตัดสั้นสีน้ำตาลเข้มเป็นสีเดียวกับธณัติไม่มีผิดเพี้ยน เปลือกตาปิดสนิททำให้ไม่สามารถเห็นแววตาสีน้ำตาลเข้มภายใน จมูกโด่งเป็นสันกับริมฝีปากบาง หากมองผ่านๆคงคิดว่า ผู้ชายที่ถูกถ่ายยามหลับอยู่นี้คือธณัติเป็นแน่แท้…ที่ต่างกันก็คงจะเป็น... รูปร่างส่วนสูงที่กำยำกว่า กล้ามเนื้อแกร่งเป็นลอนต่างจากธณัติที่แค่เพียงตึงแน่น สีผิวเข้มกว่าเล็กน้อยแต่ก็ยังออกขาวอย่างคนเหนือ  แล้วก็...

นิ้วโป้งกดไล่ไปอีกภาพพร้อมรอยยิ้มประทับมุมปากยามหน้าจอแสดงภาพชายหนุ่มนอนหลับอ้าปากหวอ ...เขี้ยวน่ารักคู่นี้ไง...

เมื่อไล่ไปอีกรูปก็ต้องฝืน ไม่ให้ยิ้มกว้างออกมา ...ไม่รู้ตอนนี้พี่ธเนศรู้รึยัง ว่าโดนมือซนเขียนชื่อจองไว้ด้านหลังคอพร้อมรอยจูบเรียบร้อยแล้ว…

“โธ่พี่! ก็บอกแล้วไงว่าไม่เลิกๆ” เสียงโวยวายใส่โทรศัพท์ทำให้ต้องเงี่ยหูตั้งใจฟัง

“เออน่า! นี่จะมายุ่งกับผมทำไมเนี่ย แฟนตัวเองล่ะ ไปไหน? หา!? เลิกแล้วเรอะ? เพิ่งคบกันได้แค่เดือนครึ่งเนี่ยนะ!?” หูผึ่งขึ้นกว่าเดิมเพื่อเก็บข้อมูลยัดใส่สมองส่วนที่จับจองไว้สำหรับพี่ธเนศ

“ว่าแต่...เมื่อคืนกลับบ้านยังไง เมารึเปล่า?...ฮัลโหลๆ เงียบไปทำไม ยู้ฮู!” …เมื่อคืนก็โยลากกลับไงครับ พี่นัท...

“จำไม่ได้ แล้วไปนอนที่ไหน ร้านเค้าไม่โยนออกมาข้างถนนเรอะ? ว่าไงนะ! อุตส่าห์เป็นห่วงยังมาด่ากันอีกเหรอฟะ ไอ้พี่เนศบ้า! ไปเจออะไรไม่ดีมารึเปล่า ทำไมวันนี้แปลกๆยังไงไม่รู้? ...อ้าว!?” ธณัติขมวดคิ้วยกมือถือออกจากข้างหูขึ้นดูหน้าจอก่อนจะฮัลโหลกรอกไปอีกสองสาม ที “เฮ้ย! ไรฟะ นึกจะวางก็วาง” สบถอย่างหัวเสียก่อนหันมาโดยไม่ทันตั้งตัว ทำเอาโยสะดุ้งมือถือแทบหลุดมือ

“กินข้าวกันมั้ย โย?” ธณัติถามอย่างไม่ได้เอะใจเลย ว่าพี่ชายตัวเองถูกลอบสูบข้อมูลไปเท่าไหร่

“พี่นัท...มีพี่ชายด้วยเหรอครับ?” ทำเนียนไว้ก่อนดีกว่า

“ก็นะ...” ธณัติตอบ เงียบไปสักพักก่อนจะทำท่านึกขึ้นได้ “เฮ้ย! แต่อย่าคิดอย่างนั้นอย่างนู้นอย่างนี้เชียว เค้าไม่ชอบผู้ชายนะเฟ้ย ขนาดฉันยังโดนขวางซะ...ฮึ้ย! เคือง!” ชริ...ไม่เข้าใจจริงๆ เรื่องตัวเองนี่ความรู้สึกช้าเป็นเต่าคลาน ทีเรื่องพี่ชายละลางสังหรณ์เร็วจี๋ติดจรวด

“แล้วตกลงจะไปกินข้างกันมั้ย หิวแล้ว” ธณัติยังถามย้ำ

โยเสียเวลาคิดเพียงแวบเดียวก่อนให้คำตอบ “พี่นัทไปกินก่อนเถอะครับ ผมยังเคลียร์งานไม่เสร็จ”

…ใช่...มีงานใหญ่ต้องเคลียร์...


+++++++++++++++++++++++++++++


“หนอย! เจ้าน้องบ้า ทำไมไม่เชื่อฟังกันเลยฟะ! ก็บอกให้เลิกๆ คบกับผู้ชายมันมีแต่เสียกับเสีย ดูอย่างเมื่อเช้า...” เมื่อคิดถึงความผิดพลาดเมื่อเช้าก็ต้องขนลุกซู่จนต้องยกมือปัดฉากในหัวทิ้ง ไป “กับผู้ชายมันมีอะไรดีฟะ! ไอ้ที่ควรมีก็ไม่มี ไอ้ที่ไม่ควรมีก็ดันมี มันจะไปรู้สึกดีได้ยังไง” พยายามบอกตัวเองว่า ไอ้ความรู้สึกนุ่มมือยามลูบไล้บนตัวเด็กหนุ่มคนนั้นมันเป็นเพราะยังตื่นนอน ไม่เต็มที่เท่านั้นเอง

…คิดๆไปก็เสียดาย...ทำไมต้องเป็นผู้ชายด้วย หน้าตาอุตส่าห์ตรงสเป็กซะขนาดนั้น...

ธเนศสะบัดหัวยิกเมื่อรู้ตัวว่าเริ่มจะเบี่ยงเบน ...ชายแท้โว้ย! ชายแท้! แลหญิงไม่แลชาย ไม่มีนโยบายปลูกป่า!!!

พยายามตั้งสติให้ดีก่อนจะคว้ากระเป๋าออกจากห้องคอนโดไป
 

++++++++++++++++++++++++++


“ขออณุญาตครับ ท่านรอง” โยพูดเบาๆพร้อมเคาะประตูเป็นสัญญาณให้คนในห้องได้รับรู้ถึงการมา

“มีเรื่องอะไร” ชวนันท์ยังคงก้มหน้าเซ็นเอกสารต่อไป เห็นได้ชัดว่าไม่อยากเห็นหน้าค่าตา ...เขาเองก็ไม่ได้อยากเจอนักหรอกน่า คนที่แย่งพี่นัทของเขาไปน่ะ...

“นี่...” โยยื่นมือถือให้ชวนันท์ดูหน้าจอ เป็นรูปธเนศยามหลับที่โยนั่งจ้องอยู่เมื่อกี้นานสองนาน ท่านรองพิจารณาสักพักก่อนจะถอดแว่นเงยหน้าขึ้นสบตา เป็นสัญญาณว่าการเจรจาจริงจังกำลังจะเริ่มขึ้น

“พี่ชายของนัท?”

 “ผมอยากได้ข้อมูลของคนคนนี้...ทุกอย่างที่คุณรู้”

“แล้วทำไมฉันจะต้องบอกด้วย?”

“ก็ไม่ทำไม ผมอยากได้ข้อมูลของเขา คุณเองก็คงอยากจะบอกอยู่...”

ชวนันท์ขมวดคิ้ว “ทำไมถึงคิดว่าฉันอยากบอก?”

“พี่ธเนศขัดขวางเรื่องคุณกับ พี่นัทใช่มั้ยล่ะ ครั้งนี้คงตั้งใจจะเดินหน้าเต็มที่แน่ๆ...ผมยังได้ยินพี่นัทโทรศัพท์เถียง ปาวๆอยู่เมื่อกี้เลย ว่าอะไรน้า...จะเลิกๆอะไรนี่ล่ะครับ” พูดเสียงสูงหวังกวนเบื้องล่างตามประสาคนไม่ชอบขี้หน้ากัน

“ถ้าอยากจะเจรจาก็อย่ามากวนอารมณ์ฉัน! ...แล้วเธอจะทำอะไรให้ฉันคิดว่ามันคุ้มค่ากับการบอกข้อมูลล่ะ?”

โยเสนอข้อแลกเปลี่ยน พักความเป็นศัตรูไว้ชั่วคราว ตอนนี้พวกเขาจำเป็นต้องถ้อยทีถ้อยอาศัย “ถ้าคุณคอยบอกข้อมูลให้ผม ผมจะคอยกันไม่ให้พี่ธเนศไปยุ่งกับพี่นัท เผลอๆผมอาจจะทำให้เขาเลิกคิดขัดขวางคุณก็ได้”

“เอาความมั่นใจขนาดนั้นมาจากไหนกัน...รู้บ้างรึเปล่า ว่าธเนศไม่ได้ชอบผู้ชาย”

“ครั้งนี้ผมทุ่มสุดตัว ผลจะเป็นยังไงค่อยว่ากัน...แต่มันก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลยไม่ใช่หรือไง ตอนนี้ไม่ชอบ ต่อไปอาจจะชอบก็ได้ ใครจะรู้”

แล้วเขาก็ได้เห็นรอยยิ้มพึง ใจของชวนันท์ ร่างสูงยื่นมือข้ามโต๊ะประจำตำแหน่งมาหยุดอยู่ด้านหน้า โยก็ไม่ลังเลที่จะจับกระชับแน่น “ตกลง ลบความบาดหมางที่ผ่านมาทั้งหมดทิ้งไปซะ...จากนี้ไปเราจะร่วมมือกัน”  แน่นอน เรื่องนี้เป็นความลับห้ามธณัติรู้เด็ดขาด...ทั้งสองคนคิดตรงกัน


++++++++++++++++++++++++


- T&T décor -
รับออกแบบสำนักงาน สถานที่ ตกแต่งภายใน

ธเนศแหงนหน้ามองป้ายบริษัท ใหม่เอี่ยมหน้าทางเข้าอย่างภูมิใจ ทำงานเก็บเงินมาตั้งนาน ในที่สุดก็มีทุนพอจะตั้งบริษัทกับเพื่อนสนิทได้ งานที่ทำก็ตามที่ป้ายอธิบาย เป็นงานที่เขารักและตรงตามสาขาที่ได้เรียนมา น่าเสียดายตรงที่ได้มางานเปิดบริษัทเมื่อเดือนที่แล้วเพียงครั้งเดียว หลังจากนั้นก็ต้องสะสางงานที่ทำอยู่กับเรื่องต่างๆที่พิษณุโลกให้เรียบร้อย โดยปล่อยให้เพื่อนบริหารงานเป็นเวลาถึงหนึ่งเดือน

“เฮ้ย!ไอ้เนศ! ยืนหาเศษทองเจิมป้ายเรอะ ไม่เข้ามาข้างในซักที ร้อนจะตายชัก” หันไปมองตามเสียงเรียกก็พบกับชายหนุ่มขาวตี๋ใส่แว่นกรอบเหลี่ยมดูเฉี่ยวแบบ แนวๆ ตัวเล็กกว่าเขาเล็กน้อยเปิดประตูบริษัทโบกมือเรียกให้เข้าไปข้างใน

“ไอ้กั๊ก ขอดูให้มันชื่นใจหน่อยดิวะ” เอ่ยตอบกั๊ก ชื่อที่เพื่อนในวงเหล้าตั้งให้เพราะมันเมาในหนึ่งกั๊กทุกที หรือชื่อจริงๆที่พ่อแม่ตั้งให้ว่าเม้ง ธนธร ผู้เป็นเพื่อนร่วมทุน เหลียวมองป้ายเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเดินตามชายหนุ่มเข้าไปในตึกสำนักงาน

...

...

“ไม่เห็นหน้าตั้งนาน ไอ้เพื่อนรัก คิดถึงว่ะ” เมื่อเข้ามาในห้องแอร์เย็นเฉียบกั๊กก็โผเข้ากระโดดกอดคอตามประสาเพื่อนสนิท คิดซื่อ แต่ธเนศดันคิดไม่ซื่อนึกภาพไปถึงร่างบางเพศพ่อที่เขากอดไล้เมื่อเช้า ชายหนุ่มจึงยกแขนกันเพื่อนออกห่างโดยสัญชาตญาณ

“บ้าไรวะ อยู่ๆก็เข้ามากอด อึ๋ย~ ขนลุก” ลูบแขนไปมายืนยันให้เห็นว่าขนมันลุกของจริงพลางขยับตัวออกห่าง

“บ๊ะ! เดือนที่แล้วก็กอด ไม่เห็นว่าอะไร ทีคราวนี้ละทำสะดิ้ง...ไปเจอเรื่องสยองอะไรมารึเปล่า?”

คำถามมันพุ่งเข้าทึ่มอกดัง ฉึก จนกระอักออกมาเป็นเลือดแดงๆสูบฉีดบนสองแก้ม พูดจาพาโวยปกปิดใจที่เต้นตุ้บตับตุ้มต่อม “เจอไร จะบ้าเรอะ! ไม่ขำ! อย่างกูนี่...ไม่มีวันพลาดเฟ้ย เรื่องนอนกะผู้ชายนี่ ไม่มีซะล่ะ!”

...แค่ถามเรื่องสยอง มันดันตอบไปถึงนอนกะผู้ชาย... กั๊กขมวดคิ้วรู้สึกว่ามันชักจะแหม่งๆ “ไอ้เนศ...ก็รู้อยู่นะ ว่าชอบสไตล์ทอมบอย แต่ไม่นึกเลย ว่าจะ...”

“เจ๊ย ขัดใจ! ก็บอกแล้วไงว่าไม่พลาด” พลาด ไม่พลาด พลาด ไม่พลาด พลาด ไม่พลาด พลาด ไม่พลาด …โอย เครียด...มันพลาดไปแล้ววว

“แล้วแฟนที่คบอยู่เป็นไงบ้างล่ะ”

“เลิกแล้ว” ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟารับแขก พาดบ่ากับพนักพิงอย่างผ่อนคลาย

“หา! เลิกอีกแล้ว! เพิ่งเดือนกว่าๆเนี่ยนะ!?” กั๊กที่เดินไปเทน้ำด้านหลังสำนักงานตะโกนถามเสียงดัง

“เออ เดือนกว่าๆ”

“ทำไมฟะ?”

“ก็จะเข้ามากรุงเทพ”

“แล้วไง? แค่เข้ากรุงเทพต้องเลิกด้วยเรอะ?”

“แม่จะตามมาด้วย”

“แล้วไม่พามาล่ะ?”

“น่ารำคาญ พอบอกไม่ให้มา แม่มถามว่า’งานกะฉันอันไหนสำคัญกว่ากัน’” จีบปากจีบคอเลียนเสียงเล็กปนสะอื้น ประโยคคลาสสิกของผู้หญิงนี่มันทำให้ดีกรีความเบื่อพุ่งสูงชนเพดานได้ชะงัด นัก

“แล้วตอบไปว่ายังไง” กั๊กถามพลางยื่นแก้วน้ำเย็นเฉียบให้เพื่อนได้ดื่มแก้กระหาย

“จะให้ตอบไง เจอประโยคนี้ทีไรแพ้ใจทุกที”

“แพ้ใจแล้วทำไมเลิก?”

“ไม่ได้แพ้จนใจอ่อน แพ้จนอดใจไม่ไหว กรูเลยตอบกลับไปว่า เธอสำคัญมากนะ...มากเท่าผู้หญิงทุกคนน้อยกว่าหม่าม้านึดจึง  แต่งานกับอิสระของฉันมันสำคัญกว่า …เท่านั้นเอง แมร่งต่อยเข้าเบ้าตา เขียวไปอาทิตย์นึง”

แม้งหยีตาทำหน้าหวาดเสียว “นี่ล่ะว้า สไตล์ทอมบอยอย่างที่มึงชอบ”

“เออ...อยากจะต่อยจะถีบกูไม่ ว่าหรอก แต่จู้จี้จุกจิกนี่ทนไม่ได้ว่ะ...ไม่เข้าใจจริงๆ ตอนคบกันก็ดูไม่ยุ่งยากเรื่องมากดี แต่คบไปคบมาไหงนิสัยเพื่อนทอมมันเปลี่ยนเป็นนิสัยพระมารดาไปได้ฟะ... อย่างกรูน่ะ มันต้องพวกยังไงก็ได้แบบไหนก็ได้ ไปไหนไปกัน...ที่สำคัญ...ต้องปราบนิสัยเจ้าชู้ของกูอยู่ว่ะ” บ่นพลางเคี้ยวน้ำแข็งกรุบๆ มองเหม่อไปไกลจินตนาการหน้าตาสาวในเสป็ก ก่อนจะรีบหลับตาปี๋สะบัดหัว เมื่อใบหน้าใสๆนอนหลับสบายเมื่อเช้ามันแวบเข้ามากระแทกใจ

“เนศเอ๊ย~ พวกเลือกมากเปลี่ยนแฟนบ่อยกว่ากางเกงในอย่างมึงนี่มันคงโดนกรรมตามสนองเข้า สักวัน...ระวังนะเว้ย พอเจอตัวจริงแล้วเขาจะเป็นฝ่ายทิ้งเอา” กั๊กส่ายหน้าระอากับนิสัยไม่เคยเปลี่ยนของเพื่อนสนิท พลางนึกประเด็นเก่าได้ “…หรือว่า ผิดหวังกับนิสัยผู้หญิงจนต้องไปหาผู้ช...”

“ว้ากกกก!!!” เสียงร้องของชายหนุ่มกลบคำท้ายของกั๊กเสียมิด “ไม่ใช่โว้ย! ถึงกูจะชอบผู้หญิงนิสัยชาย แต่ชายจริงไม่ปลื้มโว้ย!”

หลังคำแก้ตัว กั๊กก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ กลับหย่อนก้นลงนั่งข้างธเนศดื่มน้ำให้เย็นชื่นใจเงียบๆแทน

“ว่าแต่บริษัทเป็นไงบ้างล่ะ งานใหญ่มารึยัง?” จบเรื่องสัพเพเหระก็เข้าเรื่องงาน เท่าที่คุยโทรศัพท์กัน หนึ่งเดือนที่ผ่านมายังมีแต่งานตกแต่งเล็กๆเช่นพวกห้องนอน บริษัท ร้านค้า

“ยังหาไม่ได้เลยว่ะ รอให้นายมาช่วยหานี่ไง”

“โหย แล้วจะไปหาที่ไหนดีว้า ประกาศลงเน็ทไปรึยัง?” โดยไม่รู้ตัว แขนแกร่งที่พาดพนักโซฟาค่อยๆเปลี่ยนที่ มือใหญ่เผลอจับผมคนข้างๆเล่นตามนิสัย อีกฝ่ายก็ไม่ว่าอะไรด้วยมันเป็นนิสัยที่ธเนศติดมาแต่ไหนแต่ไร...เพื่อนของ เขามือซน รักการแตะเนื้อต้องตัวมาก่อนที่พวกเขาจะสนิทกันเสียอีก...มันคงเป็นลักษณะ ของผู้ชายขี้เหงาล่ะมั้ง...ว่าแต่เพิ่งเลิกกะแฟนปุ๊บก็เที่ยวปั๊บเลยเหรอ เนี่ย แถมกับสาวขี้เล่นซะด้วยนะ...น้องโยเหรอ...กั๊กคิดเมื่อสังเกตเห็นรอยประทับ จูบที่หลังคอโดยมีปากกาหมึกดำเขียนคำว่า ‘ของโย’ พร้อมกับรูปหัวใจไว้ข้างๆ

“กั๊ก...เหม่อไรฟะ? เน็ทน่ะเน็ท ลงไปรึยัง?” ธเนศถามซ้ำเมื่อเห็นว่าเพื่อนรักใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

“เพิ่งเปิดเว็บไปอาทิตย์ที่แล้ว มัวแต่แต่งนั่นแต่งนี่อยู่” นั่นไง สายเลือดนักออกแบบมันพุ่งปรี๊ด ไม่แจ่มไม่นำเสนอ

“แล้วหนังสือพิมพ์...” ยังพูดไม่จบเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ให้กั๊กรีบวิ่งไปรับ

“สวัสดีครับ...ครับ...ใช่ ครับ...อะไรนะครับ! แต่งห้องในโรงแรม ครับๆ รับทำครับ ครับ...ครับได้ครับ จะส่งรายละเอียดไปให้นะครับ ขอเบอร์แฟกซ์ด้วยครับ...” ธเนศยกแก้วน้ำขึ้นดื่มหูก็กางผึ่งตั้งใจฟัง จวบจนอีกฝ่ายวางโทรศัพท์หน้าบานแฉ่ง วิ่งมากอดคออย่างเบิกบานใจ

“ไอ้เนศ! แกนี่มันตัวนำโชคจริงๆว่ะ! งานแต่งโรงแรมสร้างใหม่ตั้งร้อยห้าสิบห้อง เค้าให้รับผิดชอบออกแบบภายในทั้งตึกเลยเว้ย ฮ่าๆๆ”

ธเนศขมวดคิ้ว “มันแปลกๆ ยังไม่ทันดูงานตกลงอะไรกันเลย ไหงบอกออกมาว่าตกลงจ้างทันทีฟะ?”

“เค้าบอกว่าได้ดูผลงานที่เคย ออกแบบไว้แล้วรู้สึกถูกใจ อยากให้มาออกแบบให้น่ะ...แต่มีส่วนที่เพิ่มมาจากออกแบบนิดนึง...แต่กูว่าไม่ ใช่ปัญหาว่ะ เรื่องวางระบบรักษาความปลอดภัยเนี่ย...ก็น้องชายมึงทำงานด้านนี้นี่นา คงยืมแรงได้ใช่มั้ย?”

ธเนศค่อยวางใจเมื่อได้ฟังคำ อธิบาย เพื่อนเขาคงไม่สะเพร่าขนาดโดนหลอกง่ายๆหรอกน่า เรื่องสัญญาการว่าจ้างก็ยังต้องนั่งอ่านนั่งปรึกษากันอีกทีอยู่แล้ว “อือ...กูว่าไม่น่ามีปัญหา...บทโชคดีจะมา มันก็มาจริงๆแฮะ”

“นั่นสินะ ถึงบอกไง ว่ามึงเป็นตัวนำโชค” กั๊กพูดปนหัวเราะเปิดสมุดออกแบบงานอย่างมีไฟ

..เอาน่ะ จะถือว่าเรื่องซวยๆเมื่อเช้าเป็นเครื่องสะเดาะเคราะห์ก็แล้วกัน...จากนี้ไปคงจะมีแต่โชคดี...สาธู้~…


++++++++++++++++++++++++++++++
 :laugh: :laugh: :laugh: มีคนทายถกด้วยว่าน้องโยยยยยยยยย อ่าแล้วนี้เฮีเนศแกจาทำงายนี้
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิต2-3 22/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: VitamiN ที่ 22-04-2008 20:53:50
โอ๊ะโอ ตรวจสุขภาพประจำปีเหรอคะ
ดีจัง เราไม่เคยไปเลยอ่ะ :laugh:

แล้วมาต่ออีกน้าน้า
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิต2-3 22/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 22-04-2008 21:07:34
เอาละวุ้ย งานนี้ธเนศไม่รอด  :oni1: :oni2: :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิต2-3 22/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: totoken ที่ 22-04-2008 21:55:58
อ่านแล้วปลื้มมมม  :o8: :oni1: :oni2:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิต2-3 22/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 22-04-2008 22:08:26
 o13
โยนี่เยี่ยมเจรงๆ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิต2-3 22/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Narak00 ที่ 22-04-2008 22:31:35
 :laugh3: :laugh3: :laugh3:

โยได้ใจจริง ๆ เสร็จแน่ ๆ ไอ้พี่เนศศศศศศ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิต2-3 22/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: sin_no ที่ 22-04-2008 23:36:19
เพิ่งรู้ว่าโยน่ากลัว :o

แต่ไม่เป็นไร เราเชียร์สุดใจ

 :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิต2-3 22/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Narak00 ที่ 23-04-2008 00:06:36
วันนี้ไม่มาต่ออีกเหรอครับ รออ่านอยู่นะครับ refresh ไปหลายสิบรอบแระ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิต2-3 22/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 23-04-2008 00:15:37
จอมวางแผนจริงๆเลย

งานนี้วุ่นและมันแน่ๆเลย คริๆ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิต2-3 22/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: TonG_x_Zhi ที่ 23-04-2008 01:24:14
รออ่านตอนต่อไปนะครับ  สนุกดีอ่ะภาคใหม่
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิต2-3 22/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: nil ที่ 23-04-2008 15:51:49
 :m4:  :m4:

ท่าทางหนุกไม่แพ้ภาคสองนะเนี่ย
 
ขำๆ ชายแท้แต่นอนกะชายไปแล้ว ดูท่าจะติดใจซะด้วย

คึคึ จะรอดโยไปได้ซักกี่วัน จะคอยตามอ่านนะ

รอ ร๊อ รอ  :oni2: :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิต2-3 22/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: peggykung ที่ 24-04-2008 13:21:57
 :m1: :m1:มาปูเสื่อรอคับ 
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิต2-3 22/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Haney ที่ 24-04-2008 16:00:13
ชอบมากเลย
เดี๋ยวมาอ่านต่อ ยังอ่านไม่จบ แหะๆ
เม้นต์แปะไว้ก่อนให้กำลังใจคนโพสต์  o13
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิต2-3 22/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 24-04-2008 19:15:28
เฮ้ย!


เรื่องนี้ก็เขียนดีนี่นา

ทำไมเจ้พลาดไปได้ว่า

ว้ายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


กว่าจะตามอ่านทัน  ปาเข้าวันที่ 3

เอาไปหนึ่งบวกเลยนะเคอะคุณโพสต์

 o13
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิต2-3 22/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Haney ที่ 24-04-2008 19:20:17
อ่านทันแล้ว!
สนุกจริงๆทุกคู่เลย
รีบมาต่อไวๆให้หายคิดถึงนะ  o7
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิต2-3 22/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกหมู ที่ 24-04-2008 20:05:38
:m32:

...แอบดอดมาอ่านคอมเม้นท์

เฮะๆ ขอบคุณทั้งคนโพสท์คนอ่านนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิต2-3 22/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: SataRu ที่ 24-04-2008 21:41:35
 :o รออยู่น่ะครับ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิต2-3 22/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: playCardPlaYBoy ที่ 24-04-2008 22:35:25
แฟนผมเป็นคนโรคจิต 4
....................



กาแฟดำร้อนจัดถูกยกนำมา เสิร์ฟต่อหน้า กลิ่นหอมอ่อนๆอันเป็นเอกลักษณ์ชวนให้สูดกลิ่นละเลียดชิมรสไปพลางในยามบ่าย เสียงกรุ๊งกริ๊งของกระดิ่งอันน้อยเหนือประตูร้านดังกังวานคลอเคลียไปกับเพลง บรรเลงเปียโนที่เจ้าของร้านเลือกเปิดเพื่อให้ลูกค้าได้รู้สึกผ่อนคลายจากการ ทำงานมาครึ่งค่อนวัน แต่ทั้งหมดนั้นไม่ได้ช่วยลดความเซ็งของธเนศลงเลยแม้แต่น้อย

ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือก คีบน้ำตาลก้อนหย่อนลงกาแฟก้อนแล้วก้อนเล่า จวบจนระดับกาแฟปริ่มขอบแก้วจึงหยุดได้ ก่อนจะหยิบช้อนเงินคันจิ๋วคนให้ความหวานละลายในเครื่องดื่มได้อย่างทั่วถึง ดวงตาจับจ้องระลอกคลื่นเล็กๆที่เกิดจากแรงคน หากใจกลับหวนคิดถึงเรื่องที่เพิ่งผ่านมาเมื่อสามชั่วโมงที่แล้ว

หลังจากตกลงเซ็นสัญญาการออก แบบภายในกับผู้ว่าจ้างรายใหม่ได้ ก็สู้จัดแจงวางแผนงานแบ่งหน้าที่กับกั๊กอย่างกระตือรือร้น และงานอย่างหนึ่งที่เขาได้รับมาก็คือ การติดต่อกับธณัติเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยที่จะต้องถูกออกแบบตามที่ได้ ตกลงกับคู่เจรจาไว้
 
“คิดว่าคงจะช่วยได้นะพี่ เดี๋ยวต้องรอปรึกษาคุณแน็ทก่อน” เป็นคำตอบจากธณัติที่เขาต้องการให้เป็นตัวกลางติดต่องาน

คิดไม่ถึงว่าจะได้มีโอกาส ร่วมงานกับน้องชายทั้งๆที่เรียนมาคนละสาขา ถือเป็นโอกาสที่ดีเพราะพี่น้องที่ห่างกันมานานจะได้ใช้เวลาร่วมกันอีกครั้ง หนึ่ง...อีกอย่าง งานที่ทำก็เป็นงานต่อเนื่องซะด้วย ยังไงก็ชวนธณัติย้ายจากบ้านเจ้าชวนันท์กลับมาอยู่ที่ห้องเก่าที่เขาอาศัย อยู่ตอนนี้ซะเลย แล้วถ้านัทเกิดถูกใจงานบริหารยังไงก็ทาบทามให้มาเป็นพนักงานบริษัทเขาได้จะ ดีที่สุด...เท่านี้หนทางรักของสองคนนั้นก็จะจบลงอย่างสวยงาม ธณัติน้องชายจะได้กลับมาเป็นผู้ชายปกติเสียที

...แล้วไง...

“ขอโทษนะพี่ ผมไม่ว่างจริงๆ มีโปรเจ็คใหม่ที่ต้องรีบปั่นให้เสร็จภายในเดือนนี้ แถมยังต้องเตรียมตัวสำหรับสอบโทเฟลอีก แล้วคุณก็แน็ทกำลังจะตกแต่งห้องใหม่ผมก็ต้องเตรียมตัวย้ายของ หลังจากนั้นก็ต้องไปคอยคุมงาน ตอนนี้ก็ย้ายไปอยู่อีกคอนโดนึง อยู่ตั้งไกล ต้องไปกลับพร้อมคุณแน็ทอย่างนี้มันไม่สะดวกทำงานให้พี่น่ะ ขอโทษจริงๆ” เป็นเหตุผลยาวเหยียดที่เขาไม่มีทางทัดทานได้…โอย น้อยใจ...เจ้านัทมันเห็นแฟนดีกว่าพี่...

“…เอางี้ละกัน ผมถามรุ่นน้องที่ทำงานให้แล้ว เขาเพิ่งปั่นโปรเจ็คเสร็จ ตอนนี้สนใจจะทำงานเพิ่มน่ะ ฝีมือก็ดี ถ้ายังไงพี่ลองเปิดเว็บดูผลงานก็ได้ นิสัยก็โอเค ไม่เรื่องมากไม่จู้จี้ คุณแน็ทก็อณุญาตแล้วด้วย วันนี้เขาว่างพอดีเดี๋ยวจะนัดให้ไปคุยกันที่ร้านกาแฟข้างๆออฟฟิศพี่ละกัน... จดชื่อกับเบอร์โทรหน่อยนะ” …แถมยังส่งผู้ชายมาทำงานด้วยอีก ช่างเทคนิกผู้หญิงเก่งๆสวยๆไม่มีเหรอฟะ!?...

เรื่องก็มีอยู่เท่านี้ ตอนนี้เขาเลยต้องมานั่งไขว่ห้างกระดิกขาอย่างเซ็งในร้านข้างที่ทำงาน ธเนศจิบกาแฟพลางเปิดหนังสือพิมพ์กีฬาที่ทางร้านวางไว้ให้ เมื่อเครื่องดื่มลดลงไปค่อนแก้วก็คีบน้ำตาลเพิ่มลงไปจนเต็ม จัดการคนให้เข้ากันอีกครั้งแล้วยกขึ้นดื่มอย่างพึงใจ

…ได้กินหวานๆอย่างนี้ค่อยอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย...

นกในนาฬิกาไม้แขวนผนังของ ร้านกาแฟเยี่ยมหน้าออกจากตัวเรื่องส่งเสียงร้องกุ๊กกู~พร้อมกับที่ตุ๊กตุ่น ของนาฬิกาอีกเรือนข้างๆกันวิ่งวนไปมาน่ามอง ธเนศควักกระดาษที่จดไว้ออกมาดู ...ธาริน งั้นเหรอ...คงจะเป็นรุ่นน้องในกลุ่มเดียวกัน ชื่อถึงได้ขึ้นต้นด้วยตัวอักษรเดียวกัน...ชื่อของเจ้ากั๊กกับเขาที่ชื่อขึ้น ต้นด้วย ธ.ธงเหมือนกัน เลขที่ติดกัน ทำงานคู่กัน อยู่หอห้องเดียวกัน มันถึงได้สนิทกันขนาดนี้

เสียงกระดิ่งดังขึ้นทันทีที่ เสียงระฆังตีบอกเวลาจบลง ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองยังประตูทางเข้าเพื่อสำรวจดูว่าจะใช่รุ่นน้องที่นัด กันไว้หรือเปล่า เมื่อเห็นว่าผู้ที่เดินเข้ามาเป็นกลุ่มเด็กนักเรียนหญิงจึงก้มหน้าลงอ่าน หนังสือพิมพ์ต่อไป

กาแฟในแก้วถูกดื่มจนหมดพร้อม กับที่ธเนศอ่านคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์จบลง แขนแกร่งยกขึ้นเพื่อดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อพบว่าเลยเวลานัดมาสิบนาทีแล้วคนที่นัดไว้ก็ยังไม่มาเสียที ไม่ตรงต่อเวลาอย่างนี้น่ะเหรอ รุ่นน้องที่ธณัติแนะนำมา อย่างนี้เวลาทำงานจะมีความรับผิดชอบพอหรือ...หรือว่าจะเกิดอุบัติเหตุอะไร หรือเปล่า...ความที่เป็นพี่ชายที่คอยดูแลน้องน้อยมาตั้งแต่จำความได้ ทำให้เกิดความรู้สึกห่วงเจ้ารุ่นน้องที่รู้แค่ชื่อคนนี้ขึ้นมา

“รับกาแฟเพิ่มอีกมั้ยครับ?” เสียงใสถามเขาขึ้น คราแรกคิดว่าเป็นพนักงานร้านกาแฟ เงยหน้ากำลังจะตอบก็ต้องชะงักงันกับร่างบางของเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรง ข้ามโต๊ะกาแฟ

ใบหน้าใสกับพวงแก้มอิ่มที่ดู คุ้นตาระกรอบด้วยผมดำเงาเส้นเล็กเหมือนขนแมว นัยน์ตาสีดำหวานราวตากวางภายใต้แพขนตาหนามองตรงมายังเขา ริมผีปากแดงอิ่มที่อมยิ้มน้อยๆส่งมาให้ ดูยังไงก็...

ธเนศอ้าปากพะงาบๆ ยกมือขึ้นชื้หน้าอีกฝ่ายอย่างไม่สนใจว่ามันเป็นการเสียมารยาทเพียงใด ร่างบางก็ยังคงยิ้มนิ่งรอให้ชายหนุ่มเค้นเสียงตะลึงพรึงเพริดออกมาอย่างช้าๆ “น...นาย...”

จวบจนแน่ใจว่าร่างสูงพูดอะไรไม่ออกแล้วจริงๆ จึงค่อยแนะนำตัวอย่างสุภาพ “สวัสดีครับพี่ธเนศ ผมธารินที่พี่นัทแนะนำมาครับ”


++++++++++++++++++++++++++++++++


เค้กช็อคโกแล็ตชิ้นโตราดด้วย วิปปิ้งครีมสีขาวบริสุทธิ์พองฟูถูกเสิร์ฟวางตรงหน้าเด็กหนุ่ม ตามด้วยกาแฟร้อนแก้วใหม่ที่ถูกวางลงต่อหน้าธเนศ น้ำตาลก้อนถูกคีบลงจนน้ำปริ่มแก้วดังเดิม ก่อนที่ชายหนุ่มจะเอ่ยปากขอน้ำตาลโถใหม่กับพนักงานเสิร์ฟ

กาแฟร้อนรสหวานอย่างที่ชอบ หนักหนากลับให้รสขมปนชืด ธเนศนั่งจิบพลางมองชายหนุ่มที่น่าจะเรียกว่า “เด็กหนุ่ม” มากกว่าใช้ส้อมเงินตัดเค้กป้อนเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย ตามด้วยวิปปิ้งครีมคำโต เมื่อทานเสร็จจึงเหลือเป็นคราบสีน้ำตาลปนครีมขาวๆติดที่มุมปากแดงอิ่มที่ กำลังเม้มเบาๆลิ้มรสชาตินุ่มนวลชวนฝันของขนมหวาน

“น้องธาริน...” ธเนศกลืนน้ำลายลงคอ สั่งตัวเองให้จดจ่ออยู่แต่เรื่องงาน

“เรียกโยดีกว่าครับ” เสียงใสสวนขึ้นมาทำให้คำพูดที่เสียเวลาคิดตั้งนานกระเจิงหมด ธเนศคีบน้ำตาลก้อนในโถใหม่ใส่เติมในกาแฟพร้อมกับจมจ่อมกับความคิดวกวนต่อไป

“…น้องโย ใช่เอ่อ...”

“ครับ...ผมเป็นน้องรหัสของ พี่นัท” โยตอบทั้งๆที่ธเนศยังพูดไม่ทันจบ จ้องมองพิจารณาใบหน้าแสดงอารมณ์ลำบากใจอย่างนึกสนุกจนธเนศต้องเป็นฝ่ายหลบตา

เป็นคำตอบที่เข้าใจไปคนละ อย่างกับธเนศ เขาอยากจะถามแต่ปากมันพูดไม่ออก ...น้องโยเป็นคนที่นอนกับพี่คืนนั้นรึเปล่า...ว้ากกกก!!!ถามงี้ได้ไง!!... พยายามคิดหาคำพูดที่ดูโอเคถามออกไป ใจก็ดันนึกถึงใบหน้ายามหลับกับสัมผัสเนียนนุ่มน่าลูบไล้จนได้ ธเนศยกแก้วกาแฟขึ้นซดรวดเดียวหมดก่อนจะร้องจ้ากเพราะมันยังไม่คลายความร้อน ดี คว้าแก้วน้ำเย็นที่อีกฝ่ายส่งให้ซดตามโดยเร็วก่อนจะถอนหายใจค่อยยังชั่ว

“อ๊ะ! ขอโทษครับ ผมหยิบผิดแก้ว...” คำขอโทษของโยเรียกให้มองดูแก้วน้ำดีๆ แก้วใสทรงสูงด้านหน้าเขายังวางแน่นิ่งอยู่ ...แสดงว่าที่อยู่ในมือมันก็ของอีกฝ่าย...แสดงว่า...จูบทางอ้อม...ว้ากก กก!!!

“ขอโทษที...ไม่ทันมอง” ธเนศวางแก้วน้ำกระอักกระอ่วน นึกด่าตัวเองว่าจะหวั่นไหวไปทำไมฟะ! กะอีแค่กินน้ำแก้วเดียวกัน

ร่างสูงกระแอมไอ ก่อนจะเปิดหัวข้อสนทนาอีกครั้ง “น้องธาริน...” …ใช่คนที่เจอกันวันก่อนรึเปล่า...เวิร็ค! คำถามนี้โอเค! ถามไปดิวะ ไอ้เนศ “เอ่อ...น้อง” ถามไปเด้! “น้องจบวิศวะเหรอ?” โอยย~ สงสารความป๊อดของตัวเอง

ริมฝีปากแดงอิ่มยิ้มกว้างหัวเราะขันในคำถามของคนตรงหน้า “พี่เนศถามตลก...ผมเป็นน้องรหัสพี่นัทก็ต้องจบวิศวะสิครับ”

“นั่นสินะ แหะๆ” มือใหญ่ยกเกาหลังคอแกรกๆแก้เขิน “แล้วห่างจากนัทกี่รุ่นล่ะ?” เอาวะ คุยสัพเพเหระไปก่อน เดี๋ยวค่อยเข้าเรื่องก็ได้

“สามรุ่นครับ”

“ก็อายุ 23 เองน่ะสิ” …ห่างกันตั้งสี่ปี

“เปล่าครับ ผมเพิ่ง 20 ไปเดือนที่แล้วเอง”

“หา?”

“ผมเรียนเร็วน่ะครับ”

“งั้นเหรอ” เจ๊ย!!! นี่เขามีอะไรกับเด็กผู้ชายที่ห่างกันถึง 7 ปีเชียวเหรอเนี่ย!!! แถมเพิ่งบรรลุนิติภาวะซะด้วย

“ง่า...แล้วอยู่บ้านกับพ่อแม่รึเปล่าล่ะ”...พ่อแม่มันจะมาเอาเรื่องเปล่าวะเนี่ย!

“กำลังจะย้ายออกมาอยู่คนเดียวครับ”

“ทำไมล่ะ?” ...หรือว่าโดนพ่อแม่ไล่ออกมา?...

“…ก็อยากลองอยู่คนเดียว”

“เหรอ แล้วจะไปอยู่ที่ไหนล่ะ?” ถามต่อบทสนทนาไปตามเรื่องตามราว ก็ต้องขมวดคิ้วสงสัยเมื่อร่างบางหัวเราะหึออกมาเบาๆ “ขำอะไร?”

“ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่คิดว่า...เหมือนคำถามจีบกันมากกว่าจะเป็นคำถามสัมภาษณ์คนร่วมงาน”

มันเป็นความหรรษาไม่น้อยที เดียวที่ได้นั่งมองใบหน้าหล่อเหลาเดี๋ยวแดงเดี๋ยวซีด อยู่ๆก็เหม่อเหมือนคิดอะไรสักอย่างก่อนจะเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม ธเนศลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พยักหน้าให้เขาลุกตาม หยิบบิลหัวโต๊ะจ่ายค่าอาหารที่เคาน์เตอร์หน้าร้านโดยไม่กล่าวอะไรอีก ร่างบางเดินตามชายหนุ่มที่ก้าวฉับออกจากร้านมุ่งหน้าไปยังสำนักงานอย่างเร็ว

เมื่อเข้ามาภายในออฟฟิศก็พบ ว่า กั๊กเพื่อนของเขาหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ฮึ่ม โดดงานเหรอฟะ! แต่เรื่องนี้ไม่สำคัญ...ธเนศพาเด็กหนุ่มเข้าไปยังส่วนใน เปิดประตูห้องที่ติดป้ายไว้ว่า “ห้องพักพนักงาน” เมื่อโยเดินตามเข้ามาแล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงปิดประตูตามดังปัง

ร่างบางหันหลังกลับมาพบร่าง สูงเดินย่างสามขุมเข้ามาหาเขาอย่างช้าๆ  ด้วยความที่ยังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรรึเปล่าทำให้ต้องก้าวถอยหลังรักษา ระยะห่าง จวบจนหลังชนผนังห้องขาสะดุดกึก ธเนศก็ยังไม่หยุดเดิน แขนแกร่งสองข้างเอื้อมข้ามบ่าบางวางนาบบนผนัง ตัวใหญ่ๆยืนคร่อมให้ความรู้สึกเหมือนถูกคุกคาม หัวใจเต้นถี่รัวด้วยความตื่นเต้นยากจะบรรยาย ใบหน้าหล่อเหลาก้มลง สายตาสีน้ำตาลคมดุจ้องในระดับเดียวกับสายตาเขา

“...ใช่คนที่เจอกันวันนั้นจริงๆด้วยสินะ” เสียงขรึมถามเรียบๆ…ขู่ๆมันไว้ก่อนดีกว่า...

“…พี่เนศจำผมไม่ได้เหรอครับ วันนั้นเรา...”

“หยุด!” อย่าพูดเว้ย! เขิน “ไม่ต้องพูดอะไร ฟังพี่ดีๆนะ…เรื่องในวันนั้น...” ธเนศเม้มปากจ้องมองดวงตาสีราตรีส่อแววเหมือนจะตัดพ้อนิดๆจิตใจก็พลันอ่อนยวบ ยามราวขนมตังเม

“พี่เนศจะบอกว่าคืนนั้นมัน เกิดจากความเข้าใจผิดเหรอครับ” เด็กหนุ่มกระซิบเสียงสั่นเครือ ดวงหน้าหมองก้มลงต่ำหลบสายตา ท่าทางของโยที่เม้มปากแน่นพยายามกลั้นสะอื้น มองดูแล้วใจสั่นไหวอยากจะรวบมาไว้แนบอกปลุกปลอบขวัญเสียจริง...เฮ้ย หยุดนะเฟ้ย...นี่มันผู้ชาย!!!

ดวงหน้าซุกลงกับสองมือ ไหล่บางสั่นน้อยๆหากไร้เสียงใดๆเล็ดรอดออกมา “ฟังนะโย...คือ...ง่า...โยก็...น่ารัก...ใช่! โยเป็นคนน่ารักนะ เพียงแต่ว่า...พี่...คือพูดไงดีล่ะ...พี่ไม่ชอบผู้ชายน่ะ” หลับตาฝืนใจพูดออกไปได้ก็กลัวเหลือเกินว่าจะทำร้ายจิตใจเด็กหนุ่มคนนี้เพียง ไร...แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวกับชีวิตทั้งชีวิตของเขาเชียวนะ! “แล้วก็...พี่ขอร้องนะ อย่าบอกนัทได้มั้ย?” เกิดเจ้านัทรู้ว่าพี่ชายนอนกับผู้ชาย ความหวังที่จะแยกสองคนนั้นออกจากกันคงพังทลาย

“…” ไร้เสียงตอบรับ

“โย?” ธเนสก้มหน้าพยายามมองลอดฝ่ามือน้อยที่กอบกุมใบหน้าอยู่

เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ยากจะ บอก แต่มันนานเหลือเกินในความคิดของชายหนุ่ม เขารออย่างเงียบๆ จนอีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นช้าๆ ดวงตาแดงเรื่อเจือน้ำตาภายในกระตุกหัวใจให้จี๊ดในอก โยสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะพูดออกมาเบาๆ “เข้าใจแล้วครับ พี่เนศ...จากนี้ไปเราจะเป็นแค่เพื่อนร่วมงาน...พี่ต้องการอย่างนี้ใช่รึ เปล่าครับ?”

แม้ในอกโหวงๆกับท่าทางของ เด็กหนุ่ม แต่ร่างสูงก็ลอบถอนหายใจโล่งอก...ท่าทางจะตกลงกันง่ายหน่อย...เรื่องมันควร จะจบลงแค่คืนนั้น ไม่ควรมีภาคต่อให้ลำบากใจอีกต่อไป

“แต่ว่า...ผม...ขออะไรอย่างนึงได้มั้ยครับ?”

“อะไรล่ะ?”

“จูบผมอีกครั้งได้มั้ยครับ ให้เหมือนกับที่พี่จูบผมในคืนนั้น?”

ตะลึงกับคำถาม แต่ดวงตารื้นน้ำที่จ้องตรงมาอย่างซื่อตรงในความรู้สึกทำให้ไม่อาจปฏิเสธได้ ลง “…แค่ครั้งเดียวนะ” ...ว่าแต่คืนนั้นมันจูบแบบไหนฟะ?

...เอาเถอะ จูบก็คือจูบ...ธเนศก้มลงช้าๆอย่างลังเลใจ...มันเป็นจูบกับผู้ชายครั้งแรกใน ชีวิต...ถ้าไม่นับคืนที่จำไม่ได้นั่นล่ะก็นะ ...น่าแปลก ที่เขากลับไม่รู้สึกรังเกียจ แถมหัวใจเจ้ากรรมยังเต้นตุ้บตั้บอย่างกับจะกระดอนออกมานอกอกซะอีก

ริมฝีปากแตะกันเบาๆ...แค่นี้ก็คงพอ...

แต่มันดันไม่เป็นอย่างที่ ธเนศหวัง เมื่อเรียวแขนสองข้างยกขึ้นโอบรอบคอหนาทันใด พร้อมกับลิ้นอุ่นนุ่มที่รุกรานเข้ามาในช่องปาก มันซุกซนขี้เล่น หยอกเย้าเขาที่เอาแต่หลบหนีอย่างสำราญในอารมณ์

“อุก...” ธเนศร้องออกมาเบาๆเมื่อริมฝีปากถูกขบเม้มโดยไม่ทันตั้งตัว เมื่อลืมตาขึ้นก็พบใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มกับดวงตาเป็นประกายใสของโย กำลังมองเขาอยู่แล้ว

“...นาย...” จวบจนรู้ตัวอีกทีว่าโดนหลอก เลือดก็สูบฉีดขึ้นใบหน้าจนร้อนผะผ่าว

“ผมเข้าใจ แต่ไม่ได้บอกว่าจะตัดใจนะครับ” คว้ากระเป๋าได้ก็เปิดประตูห้องเดินออกไปอย่างรื่นเริง ไม่ลืมหันกลับมาพูด

“ผมดีใจที่พี่เนศคิดว่าผมน่ารักนะ” เฮ้ย!! อย่าตัดมาแค่ประโยคเดียวเด้!! เนื้อหามันผิดเพี้ยนนะเฟ้ย!

“ส่วนเรื่องงาน ผมจะติดต่อมาอีกทีนะครับ พี่เนศ”

ปัง...เสียงประตูปิดลง พร้อมกับความว่างเปล่าในห้องพักพนักงาน เหลือเพียงชายหนุ่มตัวโตกับวิญญาณที่ลอยออกจากร่างไปเรียบร้อยแล้ว

…ท่าทางมากรุงเทพคราวนี้จะมีแต่ความซวย!...

+++++++++++++++++++++++++++++++++++
 :oni2: :oni2:ดีใจจังคนเขียนมาดูด้วย
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิต2-3 22/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: playCardPlaYBoy ที่ 24-04-2008 22:39:27
แฟนผมเป็นคนโรคจิต 5



“เป็นไงบ้าง พี่เนศ รุ่นน้องคนนี้ใช้ได้เลยใช่มั้ยล่ะ” ...ใช้ได้มากเลย น้องเอ๋ย…ธเนศพยักหน้าเห็นด้วย

“เจ้านี่มันเรียนเก่งนะ ข้ามชั้นมาได้ตั้งสามปี...ยังไงก็ดูแลหน่อยละกัน ยังเด็กอยู่อาจจะทำอะไรแปลกๆไปนิดๆหน่อยๆก็อย่าถือสา” ...โอเค จะถือว่าที่ทำไปเมื่อบ่ายนี่มันนิดๆหน่อยๆก็แล้วกัน ถ้าเยอะกว่านี้จะทนได้รึเปล่าก็ไม่รู้

คำพูดของน้องชายควบคำตอบในใจ กับเสียงอือๆที่ออกมาจากปากโดยไม่ผ่านสมองดำเนินไปได้อีกสักพัก สายก็ตัดไป ธเนศเอนคอพิงพนักโซฟาถอนหายใจเฮือก คิดหมกมุ่นอยู่แต่ว่า ชีวิตอันรุ่งโรจน์จะถูกไฟรักสีม่วงโหมกระหน่ำให้มอดไหม้กลายเป็นจุลเมื่อ ไหร่

ตึง!

เสียงของกระทบพื้นดังมาจาก ข้างห้องทำให้สะดุ้งตกใจสุดตัว...มษุษย์ต่างดาวบุก...ไม่ใช่! ห้องข้างๆไม่มีคนอยู่ อย่างนี้ก็...ผีเมืองกรุง!...คิดอะไรกัน ผีที่ไหน...เหลือบมองหน้าต่างบานใหญ่ในห้องนอนก็พบว่า แดดโพล้เพล้ยังส่องรำไรเห็นขอบฟ้าเป็นสีแดงระเรื่อ ...ผีที่ไหนออกมาตอนฟ้าสว่าง...แต่เดี๋ยวนี้มันยุคโลกาภิวัฒน์แล้ว ผีมือถือก็มี ผีช่องแอร์ก็มา ผีโรงหนังก็ออกเกลื่อน นับสาอะไรผีๆทั้งหลายจะไม่พกครีมกันแดดเพื่อผิวเปล่งปลั่งเหมือนดั่งตอนเป็น คน

ตบกะโหลกหยุดยั้งความ เพ้อเจ้อของตัวเองได้ก็ตั้งสติใหม่ บังคับขาไม่ให้สั่นไหวก้าวเดินไปยังประตูห้อง เปิดแง้มออกไปก็ต้องถอนหายใจโล่งอก เมื่อพบว่าเสียงปึงปังที่ได้ยินมันก็แค่พนักงานขนของที่ขนย้ายโต๊ะตู้เข้า ห้องข้างๆที่ยังว่างอยู่นั่นเอง

ธเนศไม่ได้ก้าวออกจากห้อง ด้วยเห็นว่าเมื่อไม่ใช่ผีก็ไม่ต้องหนี ปิดประตูปังหลังพิงบานประตูไม้ หลับตาพักสมองชั่วครู่ บรรยากาศในห้องช่างเงียบสงัดวังเวงต่างจากนอกห้องที่อึกทึกครึกโครม...คิดๆ ไปก็เหงา ตั้งแต่จำความได้ชีวิตนี้ตัวก็ติดหนึบอยู่กับธณัติผู้เป็นน้องชาย ตอนที่เขามาเรียนกรุงเทพเมื่อหลายปีที่แล้วก็อยู่กับกั๊กที่หอมหาวิทยาลัย พอกลับบ้านถึงจะไม่มีธณัติแต่ด้วยการที่บ้านเป็นร้านขายของทำให้เต็มไปด้วย เสียงพูดคุยกับบรรยากาศอบอุ่นจนร้อนจี๋ของครอบครัว ดังนั้นนี่จึงเป็นครั้งแรกที่ออกมาอยู่คนเดียวโดดเดี่ยวเดียวดายโฮมอะโลน อย่างนี้

...ก็ตอนแรกคิดว่าจะมาอยู่กันเจ้านัทนี่นา...ใครจะคิดว่าน้องชายตัวดีย้ายสำมะโนครัวหนีตามชายชู้ไปอยู่บ้านเดียวกันซะแล้ว...

“เฮ้อ...สงสัยต้องขอเจ้า เจมส์มาเป็นเพื่อนซะแล้ว” นึกถึงเจ้านกตัวดีที่เขาให้ธณัติเป็นของขวัญ ถ้ามีมันอยู่ห้องนี้คงจะไม่เงียบนัก...”แต่น่าจะสอนคำพูดให้รื่นหูกว่านี้ หน่อย” …คิดสะระตะแล้วก็ล้มเลิกไป...ธเนศเลือกจะอยู่กับความเงียบดีกว่าจะอยู่กับ เสียงแหลมๆด่าไอ้โง่ๆตลอดวัน

อย่างนี้คงจะต้องเลี้ยงนกตัวใหม่ ครั้งนี้แหละเขาจะสอนให้พูดคำน่ารักๆอย่างสุดหล่อๆ เก่งๆ ดีๆ อะไรประมาณนั้น

“ดีๆ วางตรงนี้แหละครับ” กำลังคิดอย่างหมายมั่นปั้นมือ เสียงพูดจากห้องข้างๆก็เล็ดลอดมาทางระเบียงที่เปิดกระจกรับลมยามเย็น

ที่สำคัญ...เสียงนี้มันคุ้นๆ อยู่... ชายหนุ่มชักสงสัยว่าทำไมต่อมเหวอผู้ชายที่ติดต่อกับรูขุมขนบนผิวหนังมันถึง ได้สามัคคีพร้อมในกันทำงานลุกพรึ่บพรั่บทั่วตัวอย่างนี้ สะกดจิตตัวเองว่า มันไม่ใช่ มันต้องไม่ใช่ มันไม่มีทางใช่

“โย พี่กลับก่อนนะ” เสียงผู้หญิงดังขึ้น

“ขอบคุณนะ พี่” เด็กหนุ่มตอบกลับ

ผีทะเล!...มันจะไม่ใช่ได้ยังไง!!

มันเป็นเรื่องบังเอิญหรือตั้งใจกันแน่ ทำไมชีวิตเขาถึงได้พัวพันกับเด็กหนุ่มคนนี้ราวกับมีใครก็ไม่รู้กำลังเขียนบทกลั่นแกล้งเขาอยู่
 
แต่อย่างว่า ในเมื่อบทชีวิตลิขิตได้ เขาก็แค่ทำให้ความบังเอิญนี้ไม่เกิดขึ้นก็พอ...ไม่ต้องโผล่หน้าไปเจอ ออกไปทำงานคนละเวลา กับข้าวก็ทำเอาเองอยู่ในห้องนี้ แค่นี้เขาก็จะเป็นแค่เพื่อนบ้านนิรนามสำหรับโยแล้ว...ไม่เห็นยากอะไรเลย







ติ๊งต่อง~

เสียงกริ่งดังขึ้นพร้อมกับบท ชีวิตที่ร่างเอาไว้พังไม่เป็นท่า ชายหนุ่มลุกลี้ลุกลนใจวกวนว่าจะจัดการยังไงกับชีวิตดี พลันเส้นผมที่บังภูเขาอยู่ก็ถูกเป่าปลิว ความคิดง่ายๆแต่ได้ผลผุดขึ้นมา...แกล้งทำเป็นไม่อยู่ซะก็หมดเรื่อง...

ธเนศซุกตัวคุดคู้ลงกับโซฟา คว้าหมอนปิดหัวเพื่อกลบเสียงกริ่งขยันกด เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก สติกลับมาอีกทีก็รู้สึกถึงน้ำหนักที่กดทับลงมาบนหมอนใบใหญ่แล้ว

“เฮ้ย!” ร่างสูงปัดหมอนออกอย่างตกใจ แต่ที่ทำให้ตกใจยิ่งกว่าก็คือ หน้าใสๆของเด็กหนุ่มที่ขโมยจูบเขา(?)เมื่อตอนกลางวัน

“หลับอยู่เหรอครับ พี่เนศ” โยถามยิ้มๆ

“นาย...เข้ามาได้ยังไง”

ร่างบางทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ เขา “กุญแจหน้าห้อง ผมเป็นคนออกแบบเอง” ที่จริงไม่ต้องลำบากขนาดนั้นหรอก...คีย์การ์ดจากพันธมิตรกิติมศักดิ์นอนแน่ นิ่งอยู่ในกระเป๋ากางเกง

“แต่ทำอย่างนี้มันบุกรุกนะ! มีใครที่ไหนเค้าเข้าห้องคนอื่นแบบนี้กัน”

“ป้ายหน้าห้องมันชื่อพี่นัท นะครับ ไม่ใช่ห้องคนอื่นซักหน่อย” โยพูดปนหัวเราะ “อีกอย่าง พี่เนศว่าผมบุกรุกไม่ได้หรอก เพราะพี่เนศก็บุกรุกผมเหมือนกัน”

“บุกรุกอะไร?” ธเนศถามอย่างสงสัยในคำกล่าวหา คำถามพาซื่อเรียกให้เด็กหนุ่มหัวเราะพรืด

“ก็พี่เนศเข้ามาในใจผมโดยไม่ขออนุญาตซักคำ” ...ห้องนี้มีตู้ยาเปล่าฟะ อยากได้พาราซักสองเม็ด...คิดอีกทีขอทั้งกระปุกเลยดีกว่า

“ห้องน่ารักดีนะครับ” โยลุกขึ้นสำรวจห้องอย่างถือวิสาสะ ทิ้งให้ธเนศนั่งเหวอเอ๋ออยู่ที่โซฟาต่อไป

“ทำไมมีรูปท่านรองด้วย” ถามอย่างสงสัยเมื่อพบรูปของชวนันท์ปักหมุดริมภาพติดอยู่กับบอร์ดบันทึกข้อ ความ ตัวรูปเก่าอย่างผ่านการใช้งานมาอย่างโชกโชน “ของพี่นัทเหรอครับ?”

“เปล่า...ของพี่เอง” ธเนศลุกเดินไปยังตำแน่งที่เด็กหนุ่มยืน คว้าลูกดอกในตะกร้าด้านล่างขึ้น พลางทำสัญญาณมือให้โยออกห่างจากบริเวณนั้น “รูปนี้น่ะ...เอาไว้ทำอย่างนี้” ว่าพลางหลับตาเล็งเป้าก่อนจะปล่อยลูกดอกพุ่งปักหน้าผากในรูปถ่ายพอดิบพอดี ร่างสูงกอดอกหัวเราะอย่างสะใจในอารมณ์

“พี่เนศไม่ชอบคุณชวนันท์เหรอครับ”

“แน่นอนอยู่แล้ว!! ใครมันจะชอบผู้ชายที่แย่งน้องที่น่ารักไปกัน” ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจ ธณัติไม่ยอมทำงานกับเขาก็เพราะเจ้าบ้านี่แหละ

“พี่เนศติดน้อง…”

“เปล่าติดซะหน่อย แค่ทำหน้าที่พี่ชายที่ดีต่างหาก” ธเนศเถียง

“แต่ไม่คิดบ้างเหรอครับ ว่าตอนนี้พี่นัทมีความสุขขนาดไหน” …ใช่ เขาเห็นเวลาธณัติยิ้มให้ท่านรองแล้วยังปวดใจไม่หาย นี่ถ้าไม่ใช่เพราะจะแยกพี่เนศออกมา อย่าหวังว่าจะเชียร์ให้เสียแรง....

“นัทมันแค่หลงผิด! มันควรจะมีความสุขอยู่กับผู้หญิงมากกว่า อยู่กับผู้ชายจะไปแฮปปี้ได้ยังไง!”

“งั้นลองดูมั้ยล่ะครับ พี่เนศอาจจะแฮปปี้ก็ได้นะ...” คำพูดที่แทรกขึ้นมาทำให้ความอหังการ์ของชายหนุ่มถดถอย ธเนศเหงื่อตกคอยสำรวจท่าทางของคนข้างกาย ร่างบางหันมาสบตาบุกรุกห้วงอารมณ์ที่ยากจะเข้าใจ “หรือพี่เนศจะบอกว่า ไม่รู้สึกดีๆกับจูบเมื่อตอนบ่ายเลย”

ร่างสูงกลืนน้ำลายลงคอดัง เอื้อก หวนนึกถึงรสชาติหอมหวานชวนให้วาบหวิวในช่องท้องของจูบเมื่อตอนบ่ายแล้วก็ ต้องไล่ความคิดทิ้งไป...เขาจะรู้สึกดีไม่ได้!! นั่นมันจูบกับผู้ชาย!!!

ใจคิดอย่างร่างกายกับสั่ง อย่าง เมื่อธเนศยืนแข็งทื่อเป็นเป้านิ่งให้ใบหน้าใสยื่นเข้าใกล้เสียจนรับรู้ถึงลม หายใจอุ่นๆ ริมฝีปากประทับกันเบาๆก่อนจะถอยห่างทันที จึงค่อยรู้ตัวว่าถูกแหย่อีกแล้ว

“อย่างนี้ดีกว่ามั้ยครับ” โยถามพลางจ้องมองลึกเข้าไปยังดวงตาที่เจืออารมณ์อ่อนไหว หัวเราะหึอย่างพึงใจ “แล้วเจอกันนะครับ พี่เนศ” ว่าจบก็หันหลังกลับเดินออกจากห้องไปเงียบๆ


+++++++++++++++++++++++++++++


กับข้าวง่ายๆสองอย่างวางควัน ฉุยบนโต๊ะอาหาร ตามด้วยข้าวหนึ่งจานกับแก้วใส่น้ำเย็นเฉียบอีกหนึ่งใบ ธเนศนั่งมองมื้อเย็นบนโต๊ะอย่างห่อเหี่ยวใจ นี่เขาจะต้องกินข้าวคนเดียวไปอีกนานเท่าไหร่กัน ใจคิดอย่างหมายมั่นว่า เมื่อไหร่ที่ธณัติเลิกกับชวนันท์ เมื่อนั้นสองพี่น้องก็จะได้มาร่วมมื้อเย็นแสนสุขกันอีกครั้งหนึ่ง

ฝ่ามือประกบไหว้ตามธรรมเนียม ปฏิบัติที่มารดาสั่งสอนมา ก่อนจะเตรียมตัวจับช้อนส้อม พลันรู้สึกถึงกลิ่นไหม้กับควันหนาที่ฟุ้งมาจากทางหน้าต่างระเบียง ตามด้วยเสียงไอโขลกของคนข้างห้อง ร่างสูงออกวิ่งตามสัญชาตญาณ เปิดประตูห้องได้ก็เคาะประตูข้างห้องถี่รัว

“โย! เป็นอะไรรึเปล่า??” ตะโกนถามคนในห้องอย่างเป็นห่วงก็ไร้เสียงตอบรับ มีเพียงเสียงไอเป็นชุดเท่านั้น ธเนศตัดสินใจบิดลูกบิดเพื่อเปิดประตู

“เว้ยยย!!!” อุทานเสียงดังเมื่อภาพห้องหลังประตูไม้ปรากฏแก่สายตา สภาพชเหมือนเพิ่งผ่านศึกสงครามเวียดนามมาหมาดๆ น้ำจากก๊อกไหลซู่ล้นอ่างนองเจิ่งเต็มพื้นกระเบื้องส่วนที่จัดไว้เป็นห้อง ครัว ควันดำโขมงทั่วห้องจนต้องหยีตา กะทะอย่างดีหล่นอยู่ที่พื้น ข้างๆมีสิ่งที่น่าจะเคยเป็นเนื้อหมูหล่นแผ่อย่างไร้ชะตะกรรม ผนังห้องเลอะคราบน้ำมันกระจายเป็นด่างดวง

เมื่อกวาดตามองไปก็สะดุดอยู่ ที่ร่างเล็กของเด็กหนุ่มกำลังคุกเข่ากุมหน้าอกไอโขลก น้ำหูน้ำตาไหลเจิ่งใบหน้าที่เปื้อนเขม่าควันจนดำปิ๊ดปี๋

“เป็นอะไรรึเปล่า? เหวอ!!!” หวังดีคิดจะเข้าไปช่วย ขาก็ดันเหยียบแอ่งน้ำมันที่พื้นจนลื่นล้ม ธเนศหลับตาปี๋เหยียดแขนเมื่อรู้ตัวว่ากำลังจะล้มคว่ำ

เมื่อลืมตาขึ้นก็พบกับ สถานการณ์น่าหวั่นใจ นึกสงสัยว่าทำไมมันถึงล้มได้บังเอิญขนาดนี้ ร่างใหญ่ของเขาล้มคร่อมโยที่นอนหงายแผ่อยู่พอดิบพอดี แต่สิ่งที่ทำให้ห่วงหนักกว่าก็คือ เด็กหนุ่มที่ตอนนี้นอนหลับตานิ่งไม่รู้สติ

“โย!” …เงียบ ยกมือขึ้นตบหน้าเบาๆก็ยังไร้การตอบสนอง ...น่ากลัวจะสำลักควัน

ภาพการช่วยชีวิตที่เรียนมา ตอนเด็กๆแว่บเข้ามาในสมอง จำได้ว่าต้องปั๊มหัวใจ ผายปอด ...ไม่ใช่...ผายปอดแล้วค่อยปั๊มหัวใจ...งงตามประสาเด็กสายศิลป์ได้สักพักก็ ตัดสินใจทำสิ่งที่ทำได้ง่ายกว่าก่อน

...สำลักควันก็น่าจะต้องผายปอดก่อน...

มือใหญ่แกะกระดุมเสื้อเพื่อให้หายใจได้สะดวกอย่างที่เคยเรียนมา ก้มหน้า หน้าผากชิดกันก่อนจะหลับหูหลับตาประกบปากปล่อยลม

“อื้อ!” อุทานอย่างตกใจเมื่อจู่ๆปลายลิ้นเล็กกับริมฝีปากอิ่มก็ตอบสนองในทันใด จัดการดูดเลียขบเม้มจนเวียนหัว มือใหญ่ถูกนิ้วเรียวจับนำให้วางนาบยังแผ่นอกเนียนที่โผล่พ้นสาบเสื้อออกมา เรียวขาบางสอดประสานกับท่อนขาแกร่งของเขาอย่างยากจะถอนตัว

เมื่อฝืนตัวจับบ่าบางกดลงกับพื้นเพื่อแยกจากกันได้ ธเนศก็มองหน้าอย่างโกรธๆ

“อย่าเล่นอย่างนี้อีก นึกว่าจะเป็นอะไรไปแล้ว”

“ผมไม่ได้เล่นซักหน่...” ยังพูดไม่ทันจบก็ถูกตัดบท

“ไม่ต้องเถียง! เป็นน้องเป็นนุ่งจะจับตีก้นให้! ประตูห้องก็ไม่รู้จักล็อค แล้วนี่ทำอะไร ทำไมห้องมันถึงได้เละอย่างนี้!”

ท่าทางยั๊วะๆของธเนศทำให้เด็กหนุ่มค่อนข้างจะตกใจพอสมควร ไม่นึกว่าจะโดนดุเหมือนเขาเป็นเด็กๆอย่างนี้ “…ทำกับข้าวครับ”

“ทำกับข้าวภาษาอะไรให้ห้องเกือบจะไฟไหม้ได้ ทำไม่เป็นหรือไง!”

“...ก็เพิ่งเคยทำ” ก้มหน้าอย่างหวาดๆในเสียงดัง พูดสารภาพอุบอิบ...ไม่ได้โกหก ก็ไม่เคยทำอาหารเองจริงๆ เรื่องควันโขมงกับน้ำมันหกกระจายก็ตกใจมากอยู่ ส่วนเรื่องจูบนั่นผลพลอยได้บวกกับไหวพริบเล็กๆน้อยๆ ...ก็ไม่โกหกอีกนั่นแหละ สำลักจริงๆ แต่มันเป็นสำลักความสุข ไม่ได้สำลักควัน...

ธเนศตบหน้าผากตัวเองดังป้าบ บ่นอย่างยอมรับในชะตากรรม “นายนี่มัน...ใช้ได้จริงๆ” แค่วันเดียวยังวีรกรรมขนาดนี้ น่าแปลกใจว่าอยู่มาได้ยังไงยี่สิบปีโดยที่ไม่ทำกรุงเทพล่มสลายไปซะก่อน

ร่างสูงลุกขึ้นยืน ยื่นมือให้โยจับเพื่อดึงให้ลุกตาม น้ำมันลื่นเท้าทำให้เด็กหนุ่มต้องคอยเกาะแขนแกร่งเพื่อพยุงตัวเอง เมื่อความตกใจหายไป ความรู้สึกแปลกๆก็เข้ามาแทนที่ ธเนศประคองร่างบางไว้อย่างเบามือ พร้อมกับสูดกลิ่นหอมของสบู่ที่เจือมากับกลิ่นไหม้ ก่อนที่จะบอกตัวเองว่า...วันนี้นายรั่วมามากพอแล้ว หยุดไขว้เขวเสียที!


++++++++++++++++++++++++++++


“แล้วทีนี้จะเอายังไง?” ถามพลางยื่นนมร้อนให้โยในชุดนอนตัวหลวมโพรกดื่ม ตัวเองนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงกันข้าม

“พี่เนศจะว่าอะไรมั้ย...ถ้าผมจะขอค้างด้วยซักคืน” โยมองอย่างมีความหวัง

ธเนศถอนหายใจ “…ตามใจเถอะ” ...ก็จะให้ไปค้างที่ไหนได้ เขาก็ไม่ได้ใจร้ายพอจะไล่เด็กอายุยี่สิบในชุดนอนออกไปหาที่นอนที่อื่นทั้งๆ ที่นอนในห้องนี้ก็ได้หรอก

“ขอบคุณครับ ...แล้วก็...” จิบนมหนึ่งอึกเลียปากล้างคราบก่อนจะพูดต่อ “จะว่าอะไรมั้ยครับ...ถ้าผมจะขอนอนที่นี่จนกว่าห้องจะซ่อมเสร์จ”

“หา?”

“เถอะนะครับ พี่เนศ” เด็กหนุ่มพูดอ้อนวอน “พี่สาวที่เคยอยู่ด้วยกันตอนนี้ก็เพิ่งแต่งงาน ผมไปรบกวนไม่ได้หรอก แล้วเพื่อนคนอื่นบ้านก็อยู่ไกลเกินไป มาทำงานลำบาก ตอนนี้ผมมีแต่พี่เนศเป็นที่พึ่ง ถือว่าช่วยผมเถอะนะครับ”

มือใหญ่คว้ากระปุกยา หยิบพาราสองเม็ดโยนใส่ปากพร้อมกรอกน้ำตาม “เออ เอาเถอะ...จนกว่าจะซ่อมห้องเสร็จ”

“แล้วก็...คงจะซ่อมห้องช้า หน่อยนะครับ เพราะเงินเก็บผมเอามามัดจำค่าห้องกับจ่ายค่าขนของไปหมดแล้ว คงต้องรอจนกว่าเงินเดือนเดือนหน้าจะออก”

ซองยาลดกรดถูกฉีกแคว่ก เทลงแก้วจนเป็นฟองฟู่ เมื่อละลายหมดจึงยกดื่ม “...จะอยู่ถึงเมื่อไหร่ก็ตามใจ”


++++++++++++++++++++++++++++++


“นอนที่ห้องนี้แล้วกันนะ” ธเนศพาโยเข้ามาในห้องนอน ตัวเองเก็บหมอนผ้าห่มเตรียมเดินออกไป ติดที่แขนถูกคว้าไว้ซะก่อน

“พี่เนศนอนที่ไหนครับ”

“นอนโซฟาข้างนอก”

“ไม่ได้หรอกครับ ผมมาขออยู่ ผมก็ต้องนอนข้างนอก”

อันที่จริงมันก็ควรจะเป็น อย่างนั้น แต่หน้าตาราวผู้หญิงกับขนาดตัวน่าทะนุถนอมทำให้ธเนศรู้สึกว่าตัวเองจะต้อง เป็นฝ่ายเสียสละมากกว่า “นอนข้างในไปเถอะ”

“ไม่ได้หรอกครับ ถ้าพี่เนศนอนข้างนอก ผมก็จะนอนข้างนอกด้วย”

…และแล้วก็เข้าสู่อีหรอบ การ์ตูนญี่ปุ่น ธเนศนอนลืมตาตัวเกร็งบนเตียง ห้องนอนปิดไฟสนิทเหลือเพียงแสงไฟจากทางด่วนส่องเข้ามารางๆ เมื่อเหลือบตามองคนข้างกายก็พบว่าหลับสนิทไปแล้ว...

...หนอย หลับสบายเชียวนะ!... พิจารณาหน้าตายามหลับดูอ่อนเยาว์ พวงแก้มขาวเจือเลือดฝากน่าประทับจูบ ร่างสูงยิ้มกับตัวเอง ...ถ้าเป็นผู้หญิงก็คงจะดี...

…แต่อย่างน้อย วันนี้เขาก็ไม่ได้กินข้าวเย็นเหงาๆอยู่คนเดียว...

ดวงตาสีน้ำตาลเข้มค่อยๆหรี่ปรือก่อนจะปิดลงในที่สุด ลมหายใจเป็นจังหวะสม่ำเสมอบ่งว่าเข้าสู่ห้วงนิทราแล้ว

...

...

...

เปลือกตาบางกระพริบน้อยๆ ก่อนจะเปิดหยีขึ้นมาข้างหนึ่ง เมื่อเห็นว่าคนข้างกายหลับไปแล้วจึงค่อยลืมขึ้นสองข้าง โยนอนเท้าคางยิ้มขำมองหน้าคนหลับอ้าปากหวอ

...น่ารัก...

เป็นคำบรรยายที่โยมอบให้แก่ ธเนศ...ชายหนุ่มที่แสดงอารมณ์ออกมาอย่างซื่อตรง ชายหนุ่มที่ดุว่าเขาเพราะเป็นห่วง ...ชายหนุ่มที่ไม่รังเกียจจะนอนเตียงเดียวกันแม้จะรู้ว่าเขาชอบผู้ชาย

ริมฝีปากอิ่มสัมผัสแก้มสาก สองข้างอย่างเบาบางด้วยกลัวจะรบกวนผู้ที่อยู่ในห้วงนิทรา ประทับครั้งสุดท้ายที่หน้าผาก กระซิบแผ่วส่งข้อความหวังให้ร่างสูงได้ทำตาม

“ฝันถึงผมหน่อยนะครับ พี่เนศ”


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิต4-5 24/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: SataRu ที่ 25-04-2008 00:12:29
 :m13: :m13: รอรอรอรอรอครับ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิต4-5 24/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 25-04-2008 00:22:23
ทามมายมานสาหนุกงี้เนี่ยยยยยยย
อยากอ่านอีกคร้าบบบบบบบ :oni3:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิต2-3 22/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 25-04-2008 00:37:44
:m32:

...แอบดอดมาอ่านคอมเม้นท์

เฮะๆ ขอบคุณทั้งคนโพสท์คนอ่านนะคะ  :pig4:

ว้ายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

คุณคนเขียนเรื่องเข้า

เก่งจังเลย

เขียนเก่งจัง

ชมจากใจ

เอาไปหนึ่งบวกเลย  o13
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิต4-5 24/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 25-04-2008 00:47:18
เอ้า!

ลืมบอก

ให้คนโพสต์หนึ่งบวกด้วยเน้อ

อิอิ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิต4-5 24/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: nil ที่ 25-04-2008 00:57:44
รักคนแต่ง ใจดีจัง มาให้ตั้งสองตอน

จะมานั่งรอนอนรอทุกวันเลย

ให้เลย +2  :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิต4-5 24/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Narak00 ที่ 25-04-2008 01:05:14
สนุกมาก ๆ +1 ให้ทั้งคนแต่ง และคนโพสต์เลยครับ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิต4-5 24/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: sin_no ที่ 25-04-2008 01:07:10
โยสู้ๆ โยสู้ตาย

เหอๆ ลุ้นคู่นี้มาก
 :m1:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิต4-5 24/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: kogomon ที่ 25-04-2008 01:52:54
 :m4:

แต่งเรื่องได้เยี่ยมจิงๆคับ

อ่านแล้วทั้ง ฮา+หื่นดีจิงๆ  :m25:

ชอบคู่ของ แน็ทกับนัทอ่ะ

โย สู้ๆ

เหอๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิต4-5 24/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: toonzaa ที่ 25-04-2008 02:03:16
นึกไม่ถึงว่าโยจะน่ารัก และเจ้าเล่ห์ขนาดนี้

ท่าทางพี่เนศจะตามไม่ทันน้องโยหรอกนะ แถมมีกำลังสนับสนุนเป็นคุณรองประธานชวนันท์อีก  แล้วไอ้นิสัยแตะเนื้อต้องตัวคนของธเนศนะ วันต่อๆไป ตอนนอนเตียงเดียวกันกับน้องโยทุกวัน จะเป็นยังไงนะ

สนุกมากๆ เลยค่ะ เขียนเก่งจริงๆ จะรอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิต4-5 24/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 25-04-2008 09:44:28
โยนี่ก้อเจ้าเล่ห์ไม่เบานะเนี่ย

อิอิ

 :m4:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิต4-5 24/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: peggykung ที่ 25-04-2008 11:07:35
 :m1:โห ทะมายน้องโยถึงได้เจ้าเลห์ขนาดนี้
แล้วพี่เนศของเราจารอดไม๊เนี่ย
สงสัยจาเรียบร้อยโรงเรียนน้องโย

ฟันธง :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิต4-5 24/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: ( = ___ = ) ที่ 25-04-2008 12:09:14


 :110011: น้องโยน่าร๊ากกกกกก

ซาหนุกจาง จ๊วบๆ :จุ๊บๆ: ทั้งคนเขียนคนโพสน้า :oni1:

หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิต4-5 24/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 25-04-2008 13:31:50
 :oni2:ชอบเรื่องนี้มาก ชอบพี่เนศมาก +1 ให้ทุกท่านที่เชิญเรื่องนี้ค่ะ

หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิต4-5 24/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: VitamiN ที่ 25-04-2008 22:36:11
 :m1:
คิคิคิ
เชียร์โย
สู้ๆ :a2:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิต4-5 24/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: playCardPlaYBoy ที่ 26-04-2008 10:08:29
 :m15: :m15:9้องย้ายบ้านวันนี้อ่า ทำงัยดี อยากโพสให้จบก่อนนนนนนน :m31: :m31: :m31: เอางัยดีหว่า :เฮ้อ: :เฮ้อ: ตัดสินใจโพสหมดเลยละกานนะ :m23: :m23: :m23:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิต4-5 24/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: playCardPlaYBoy ที่ 26-04-2008 10:09:34
แฟนผมเป็นคนโรคจิต 6
..........................


“ฮือ~”

ธเนศมองหาต้นเสียงเล็กที่ ร้องให้ฮือไม่ยอมหยุด รอบกายคราคร่ำไปด้วยผู้คนทั้งๆที่เป็นเวลากลางคืน แสงไฟที่แขวนระโยงระยางส่องแสงสว่างไสว ร้านอาหารเรียงรายเป็นตับเต็มไปด้วยลูกค้าที่มีตั้งแต่วัยชรายันลูกเล็กเด็ก แดง เครื่องเล่นต่างๆดูเก่าคร่ำ ชิงช้าสวรรค์วงเล็กหมุนแรงเร็วจนน่ากลัวว่าจะล้มลงมาเมื่อไหร่ แต่พวกเด็กๆกลับไม่สนใจ ยืนเล็มสายไหมถือคูปองเข้าแถวเพื่อจะได้ขึ้นไปนั่งสักสามสี่รอบก็พอใจ

ร่างเล็กคุ้นตานั่งยองๆอยู่ที่มุมตึก หัวทุยที่ก้มซบเข่าตัวเองยังมีหน้ากากไอ้มดแดงคาดอยู่ ดูแล้วขัดกับการร้องไห้งอแงไปคนละเรื่อง

“จะร้องไปทำไมเล่า นัท” เสียงเล็กแก่นเซี้ยวอีกเสียงดังขึ้น พร้อมกับร่างของเด็กอีกคนปรากฏขึ้นข้างตัวน้อย เด็กชายคนหลังใส่เสื้อยืดมอมแมมกับกางเกงขาสั้นเปื้อนดินฝุ่นจนเป็นปื้น บ่งถึงความซุกซนของเจ้าตัวเป็นอย่างดี เรือนผมสีน้ำตาลเข้มรุงรังไม่เป็นทรง ที่แก้มมีรอยแดงช้ำอยู่ข้างหนึ่ง แต่เจ้าตัวดูจะไม่ยี่หระ กลับสนใจที่จะลูบหัวปลุกปลอบเด็กชายตรงหน้าเสียมากกว่า

“ก็...ฮึก...นัท...ฮือ...พี่ เนศถูกพวกนั้นรุม...ฮือ...” ดวงหน้าเล็กเปื้อนน้ำตากับฝุ่นดำที่เงยขึ้นเหมือนเด็กชายที่ยืนอยู่ไม่ผิด เพี้ยน ต่างกันเพียงขนาดตัวที่ออกจะผอมบางกว่าผู้พี่พอสมควร

ธเนศมองเด็กชายสองคนที่นั่ง อยู่เคียงกัน ธเนศน้อยโอบคอน้องชายให้ซบบ่าตนเองพร้อมกับลูบหัวไปมา ตัวโยกเบาๆปลุกปลอบร่างเล็กที่สะอื้นไห้จนตัวสั่นไหว

“ไม่เห็นต้องร้องไห้เลย จะไปเสียน้ำตาให้ไอ้พวกบ้าพรรค์นั้นทำไม มันหาเรื่องเราก่อนชัดๆ” จมูกโด่งเชิดขึ้นอย่างถือตัวยามเอ่ยถึงคู่กรณี “นัทน่าจะหัวเราะมากกว่า พี่ทำมันพวกมันสะบักสะบอมหัวแตกแลกกับแก้มบวมๆแค่ข้างเดียวเอง”

ใบหน้าเปื้อนน้ำตาเงยขึ้นมองพี่ชาย นิ้วเล็กแต่แก้มบวมแดงเบาๆ “เจ็บมั้ย”

“ไม่เลยสักนิด” ที่จริงเจ็บน้ำตาแทบเล็ด แต่ทำไงได้...เพื่อไม่ให้เจ้าตัวเล็กรู้สึกผิดไปมากกว่านี้ เขาในตอนนั้นก็ต้องฝืนยิ้มยืดอก

“รอเดี๋ยวนะ” เด็กชายตัวน้อยลุกขึ้นยืน กดบ่าพี่ชายตัวเองให้นั่งอยู่อย่างนั้น ตัวเองออกแรงวิ่งปรู๊ดหายไปในฝูงชน

ชายหนุ่มร่างใหญ่หลับตาทบทวน เรื่องในอดีต...เป็นเวลานานทีเดียวที่ไม่ได้ฝันถึงเรื่องยามที่เขากับธณัต ิยังเป็นเด็กน้อย เรื่องที่เกือบลืมว่าครั้งหนึ่งตนเองเคยมีเรื่องชกต่อยกับกลุ่มเด็กเจ้าที่ เพื่อช่วยน้องชาย...ส่วนทะเลาะกันเรื่องอะไรนั้น  เขาเองก็จำไม่ได้

เมื่อนั่งรอได้สักพักก็เห็นร่างเล็กวิ่งกลับมาพร้อมกับถุงก๊อบแก๊บใส่น้ำแข็งถุงหนึ่ง

“เจ็บหน่อยนะพี่” ว่าพลางค่อยๆประคบถุงน้ำแข็งลงแก้มอย่างกล้าๆกลัวๆ เด็กชายธเนศจำต้องฝืนตัวอยู่นิ่งทนให้น้องชายค่อยๆแปะน้ำแข็งลงบนแก้มทั้งๆ ที่เจ็บแทบตาย แต่เมื่อประคบไปได้สักพัก ความเย็นจัดของน้ำแข็งก็ช่วยลดบวมลดระบมไปได้ดีทีเดียว

“ดีขึ้นมากแล้วล่ะ” เด็กชายธเนศจับมือน้อยให้ลดลง ตั้งใจจะยิ้มให้น้องชายก็ต้องเบ้หน้าเมื่อความเจ็บแปลบที่มุมปากมันกลับ มาทักทายอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งครั้งนี้ก็ไม่อาจหลุดพ้นสายตาของธณัติไปได้ เด็กชายเบ้ปากกลั้นสะอื้น น้ำตาที่แห้งไปแล้วกลับรื้นขึ้นมาใหม่

“พี่เนศเจ็บเพราะนัท...”

ตั้งแต่เล็กจนโต สิ่งที่เขาไม่ชอบเอามากๆก็คือ การเห็นธณัติผู้เป็นน้องชายต้องร้องไห้เสียใจ เด็กชายธเนศลุกลี้ลุกลน ลูบหัวลูบหางน้องชาย แต่ร่างเล็กก็ไม่มีทีท่าจะหยุดร้องได้เลย เมื่อไม่รู้จะทำอย่างไรดี จึงจำต้องใช้บรรยากาศรอบตัวให้เป็นประโยชน์ ธเนศน้อยพลิกสาบเสื้อยืดด้านใน หาส่วนที่สะอาดที่สุดเพื่อเช็ดน้ำตาให้น้องชาย จนเจ้าตัวมองว่าใช้ได้แล้วจึงฉุดผู้เป็นน้องให้ลุกขึ้นยืน

“ไปเที่ยวในงานวัดกันดีกว่า อุตส่าห์มาเที่ยวกันทั้งที เดี๋ยวหม่าม้าถามจะตอบไม่ได้นะ ว่างานมันมีอะไรบ้าง” ว่าจบก็ออกวิ่งฉุดกระชากมือน้อยให้วิ่งตามตัวเองให้ทัน “จับมือพี่ให้แน่นนะ เดี๋ยวหลงไปโดนผีหลอกจะไม่มีใครช่วย”

ซุ้มแสดงของแปลกมากมายตั้ง อยู่ตรงหน้า รอให้สองพี่น้องซื้อบัตรเพื่อเข้าไปชม ด้วยเงินไม่กี่บาทที่มารดาให้มาทำให้เด็กชายธเนศพาน้องชายเดินวนดูลาดเลา อยู่นาน

“น้องตรงนั้น ไม่คิดจะเข้าซุ้มนี่เหรอ เด็กสองหัวตัวเดียว เคยเห็นมั้ย?” ชายหนุ่มแปลกหน้าตะโกนถามเมื่อเห็นเขามาด้อมๆมองๆอยู่นาน “ซื้อบัตรสองใบพี่แถมท้อฟฟี่ให้ด้วยนะ” ตามด้วยโปรโมชั่นลดแหลกแจกแถม

...หม่าม้าห้ามรับของจากคน แปลกหน้า... คิดดังนั้นเด็กน้อยจึงถอยทัพกลับไปหาซุ้มใหม่ ทิ้งหนุ่มแปลกหน้าพนักงานเชียร์แขกให้ตะโกนหาเหยื่อรายใหม่ไว้ข้างหลัง

“พี่เนศ...อยากดูนี่” หลังจากวนไปมาซื้อขนมสายไหมกินได้คนละหนึ่งไม้ ธณัติน้อยก็ดึงชายเสื้อผู้เป็นพี่พลางชี้ไปที่ป้ายไม้วาดรูปแปะเหนือซุ้ม ด้านริมวัด

“เด็กแปลก หัวเป็นคนตัวเป็นงู...” ธเนศอ่านตัวหนังสือบนป้ายเสียงดัง “แต่อันนี้ปีที่แล้วเราก็ดูนะ”

“ผมจะดูอันนี้” น้องน้อยยืนยันทำให้พี่ชายไม่อยากจะขัด สองคนพากันวิ่งไปยังโต๊ะขายบัตร จ่ายเงินเสร็จก็ค่อยๆเกาะกันย่องเข้าซุ้มที่ปิดไฟมืดอย่างกล้าๆกลัวๆ

ชายหนุ่มมองเด็กชายสองพี่ น้องวิ่งลับเข้าไปในซุ้มหลับตาลง นึกถึงภาพเด็กแปลกในความทรงจำ ...เด็กที่มากับผู้จัดซุ้มงานวัด นั่งหน้าตายอยู่ในส่วนที่จัดเป็นเวที โดยที่มีแค่หัวโผล่ออกมาจากไม้ที่เจาะรู้ไว้ ด้านหน้าเป็นไม้กระดานที่วาดรูปงูตัวใหญ่โดยตัดอยู่แค่ส่วนคอ มองโดยรวมจากด้านหน้าแล้วส่วนหัวเด็กกับคองูต่อกันได้พอดิบพอดี ...ถ้าไปดูตอนเป็นผู้ใหญ่คงจะหัวเราะขำในความแถของเจ้าของซุ้ม แต่ยามเป็นเด็กพวกเขาสองพี่น้องก็สนุกที่จะหลับหูหลับตาเชื่อว่า มันเป็นเด็กหัวเป็นคนตัวเป็นงูจริงๆ

“ว้ากกกกกก!!!” เสียงประสานอย่างตกใจของสองพี่น้องทำให้ร่างสูงวิ่งตามเข้าไปดูในเต้นท์ หวังจะได้เห็นภาพต้มตุ๋นเดิมๆที่ทำให้เขาตื่นตาตื่นใจยามยังเป็นเด็กน้อย

แต่ที่เห็นมันไม่ใช่... นัยน์ตาสีน้ำตาลเบิกกว้างอย่างตกตะลึง เมื่อเปิดประตูซุ้มเข้าไปแล้ว กลับพบว่า เด็กหัวเป็นคนตัวเป็นงู บัดนี้มันมีอยู่จริง ร่างกายช่วงล่างเป็นงูลำตัวยาวใหญ่กำลังเลื้อยพันสองพี่น้องไม่ให้หนีไปไหน ได้ เกล็ดของมันมันวับสะท้อนแสงไฟสลัวเป็นสีทองวาว เมื่อไล่ขึ้นไปยังหน้าของเด็กงูยิ่งต้องตะลึงมากกว่าเดิม

ก็ในเมื่อมันไม่ใช่หน้าของเด็กอย่างที่คิดไว้...แต่มันเป็นใบหน้าหวานใสของเด็กหนุ่มที่มาอาศัยเขาอยู่ในตอนนี้!!!

...นี่มันโยชัดๆ...ดวงตาแพรวพราวกับลิ้นแดงที่แลบเลียริมฝีปากอย่างมันเขี้ยวยิ่งทำให้ดูแล้วขนลุกขนพอง

“แง้~!!!” เสียงร้องโวยวายของธณัติน้อยเรียกสติของธเนศกลับมา เมื่อเขามองไปพบว่าสองพี่น้องกำลังจะถูกลำตัวยาวของงูประหลาดพัน ขาแกร่งจึงกระโจนเข้าใส่อย่างไม่กลัวตาย

“ปล่อยน้องฉันนะเฟ้ย!!” ชายหนุ่มกระโดดโหนช่วงคอของโยแน่น ขาปีนป่ายลำตัวห้องต่องแต่ง เมื่อหันกลับไปเพื่อดูว่าสองพี่น้องในอดีตยังปลอดภัยอยู่หรือไม่ก็ต้องเบิก ตาอย่างงงๆ เพราะร่างเล็กของตัวเขาเองและธณัติน้อยหายวับไร้ร่องรอยไปแล้ว

กลับกลายเป็นว่า ตอนนี้เขากำลังห้อยโหนอยู่พร้อมๆกับลำตัวยาวของงูยักษ์ที่ค่อยๆขดล้อมเขา เข้ามาเรื่อยๆ ใบหน้าของโยก้มลงมอง ดวงตาดำโตส่อประกายหวานจับใจ ริมฝีปากแดงสดแย้มยิ้มก่อนจะอ้าปากเพื่อพูดอะไรบางอย่าง

“…ผมจะทำให้พี่เนศเป็นของผมให้ได้เลย...” พูดจบก็ก้มลงหาเขาเพื่อประทับริมฝีปากอย่างช้าๆ





“ย๊ากกกกก!!!!!”

เสียงร้องดังสนั่นของชาย หนุ่มที่นอนหลับปุ๋ยอยู่บนโซฟาเมื่อครู่เรียกให้โยสะดุ้งสุดตัวหันขวับไปยัง ส่วนของห้องรับแขก รีบเก็บสิ่งของที่กองอยู่บนโต๊ะเตรียมอาหาร ก่อนจะออกวิ่งไปยังธเนศที่ลุกขึ้นหอบแฮ่กตาเบิกกว้าง

“ฝันร้ายเหรอครับ พี่เนศ?” ว่าพลางหยิบน้ำเย็นในเหยือกเทใส่แก้วส่งให้ร่างสูงรับไปดื่มดับกระหาย ธเนศซัดน้ำอึกใหญ่รวดเดียวหมดแก้วก่อนจะวางแก้วลงบนโต๊ะญี่ปุ่น นั่งมองหน้าโยชั่วครู่

“นิดหน่อยน่ะ...” …ว่าพลางยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผาก

“บอกได้มั้ยครับ?”

“...อย่าหัวเราะนะ” ร่างสูงมองหน้าใสที่มองเขากลับอย่างเป็นห่วง รู้สึกสบายใจที่มีคนอยู่ข้างๆยามตื่นจากฝันร้าย...แม้คนคนนั้นจะเป็นบุคคลใน ฝันร้ายก็เถอะ

ธเนศระบายลมหายใจ “ฝันว่าถูกงูรัดน่ะ เกือบตาย…”  ...แถมงูตัวนั้นมันหน้าเป็นนายด้วยว่ะ...

โยหัวเราะคิกทำให้ร่างสูงหันมองอย่างเคืองๆ “ขำไรฟะ ก็บอกว่าอย่าหัวเราะ”

“ขอโทษครับ” โยหยุดหัวเราะ แต่ก็ยังต้องกลั้นยิ้มเอาไว้ “แต่ว่า...ฝันถึงงูเค้าว่าฝันถึงเนื้อคู่นะครับ...พี่เนศฝันถึงใครอีกบ้างรึ เปล่า” …บอกมาสิว่าฝันถึงผม ...ก็อุตส่าห์กระซิบให้ฝันถึงทุกครั้งที่พี่เนศหลับ…

ธเนศกลืนน้ำลายลงคอเอื๊อก คิดว่าควรจะตัดบทเสียทีก่อนที่จะเลยเถิดไปไกล ร่างสูงเหลียวมองกระจกหน้าต่างบานใหญ่ในห้องนอน พบว่าฟ้ายามเย็นเริ่มจะมืด...ทั้งๆที่กะจะงีบไปแค่แป๊บเดียว ดันหลับเลยเวลาซะได้... เมื่อก้มลงมองตัวก็พบว่ามีผ้าห่มที่ตัวเองไม่ได้เอามาห่มให้อยู่แล้ว

“เอามาห่มให้เหรอ...ขอบใจนะ” โยเพียงยิ้มพยักหน้ารับคำขอบคุณเท่านั้น ก่อนจะนั่งยองๆมองจ้องหน้าเขาเคลิ้มๆจนธเนศต้องหลบตา

โครก~

เสียงท้องร้องดังสนั่นทำให้ หน้าแดงแจ๋ มองนาฬิกาก็พบว่าเลยเวลาทานอาหารเย็นมาชั่วโมงกว่าแล้ว ร่างสูงบิดขี้เกียจเตรียมจะลุกขึ้นยืน “ยังไม่ได้เตรียมอาหารเลยแฮะ” ว่าเปรยๆพลางหันหน้าไปถามโย “กินอะไรรึยัง?”

แต่ยังไม่ทันได้ลุก มือบางก็กดให้เขานั่งกับที่ก่อน โยลุกขึ้นยืนเต็มความสูงทำให้เพิ่งสังเกตเห็นว่า ร่างบางมีผ้ากันเปื้อนสวมทับชุดเสื้อกล้ามกางเกงขาสั้นจุ๊ดจู่อยู่ด้วย “พี่เนศนั่งก่อนก็ได้ ผมทำจวนจะเสร็จแล้ว”

“ทำได้เหรอ มีปัญหาอะไรรึเปล่า?” ถามอย่างเกรงๆว่าห้องครัวจะพังเหมือนที่เด็กหนุ่มทำห้องตัวเองพังรึเปล่า

“ได้สิ ผมทำให้กินมาตั้งสองอาทิตย์แล้ว ยังไม่เชื่อใจกันอีกเหรอ” ร่างบางพูดก่อนจะหันหลังกลับเพื่อมุ่งหน้าไปยังครัว

“ให้ช่วยอะไรมั้ย?” ถามพลางทำท่าจะลุกขึ้นอีก แต่ก็ต้องชะงักเมื่อโยโผล่หน้ามาจากส่วนของห้องครัว ชี้มีดหั่นเนื้อมาทางเขา

“พี่เนศนั่งตรงนั้นแหละครับ ผมกำลังฝึกทำอาหารอยู่ อย่าเพิ่งมากวนสมาธิ”

เขาจึงนั่งอยู่ที่โซฟาตัวใหญ่ต่อไป

...

...

ไม่ได้ฝันถึงเรื่องเก่าๆตั้งนาน...ธเนศหัวเราะกับตัวเองพลางคิดว่า คงจะแก่ตัวแล้วถึงได้มานั่งนึกถึงเรื่องในอดีตแบบนี้

มือใหญ่จับปลายผ้าห่มเพื่อ พับเก็บเงียบๆ ฟังเสียงกุกกักในครัวไปพลาง เมื่อพับผ้าห่มวางพาดที่ปลายโซฟาเรียบร้อยก็ค่อยๆลุกย่องไปทางครัว

...ก็ไม่ใช่ว่าไม่ไว้ใจ แต่การแอบมองเด็กหนุ่มวุ่นวานกับหนังสือทำอาหารไปพลางคอยคุมหม้อน้ำแกงไป พลางมันเพลินดี ท่าทางทะมัดทะแมงทำให้ดูเป็นงานมากกว่าวันแรกที่แค่จับมีดปุ๊บกัดเกือบจะ เฉือนนิ้วตัวเองปั๊บ

โยกำลังง่วนกับการตักฟองใน หม้อแกงจืด มีหนังสือทำอาหารเล่มบางวางคั่นหน้าไว้บนโต๊ะข้างๆ ธเนศหรี่ตาปรับโฟกัสก็ต้องงงกับชื่อหนังสือที่เปิดคาอยู่

...เคล็ดลับมัดใจคุณผู้ชาย...

กับคำโปรยบนหน้าปกเพื่อดึงดูดสายตาแม่บ้านทั้งหลาย ...สูตรสุดพิเศษ ส่วนผสมเพิ่มเสน่ห์ สามารถสั่งซื้อได้ที่...

เมื่อหันกลับมามองร่างบาง คิ้วเข้มยิ่งต้องขมวดหนักกว่าเดิม โยนั่งคุกเข่าค้นอะไรกุกกักในตู้ข้างใต้เตา

“หึๆ” เสียงหัวเราะกับขวดส่วนผสมปริศนาสีดำทำให้ขนอ่อนของธเนศลุกเกรียวอย่างไม่มีสาเหตุ

กะทะถูกตั้งพร้อมกับเสียงงืมงำท่องวิธีทำให้ได้ยินเบาๆ “ตั้งไฟอ่อนที่สุด...”

“…ใส่กระเทียมสับ เจียวให้เกรียม” นิ้วเรียวโยนกระเทียมสับละเอียดลงกะทะตรงหน้า เกิดเสียงน้ำกระทบน้ำมันดับเปรี๊ยะๆ

“...ร่ายมนต์สามจบ...” ตามด้วยเสียงงึมงำยากจะบอกภาษา

“ผักใบเขียว กับดอกกะหล่ำสามกลีบ” ส่วนผสมดังกล่าวถูกทิ้งลงกะทะตามที่พูด

“น้ำอัมฤทธิ์พิชิตใจ สามช้อนครึ่ง”

“เนื้อหมูตามแต่ต้องการ ผัดให้เร็วที่สุด”

“เหล้าขาวครึ่งถ้วย กับน้ำอัมฤทธิ์เพิ่มอีกสองช้อน” ธเนศกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก เริ่มรู้สึกฝืดคอกับสูตรอาหารที่ได้ยิน

“เปิดไฟแรงที่สุด” …ชักแปลกๆแฮะ...

“เอียงกะทะให้น้ำมันสัมผัสไฟ อืม...ยากแฮะ...ต้องให้ไฟลุกท่วมด้วยเหรอ...”

เฮ้ย!!! เดี๋ยวก่อนเฟ้ย อย่าเพิ่งงงงงง!!!

เป็นคำที่อยู่แค่ในความคิดของร่างสูงเท่านั้น ไม่อาจเค้นออกมาเป็นคำพูดได้ทัน


++++++++++++++++++++++++++++++


“แล้วไง?” ชวนันท์สูดควันบุหรี่เข้าปอดก่อนจะปล่อยออกมาเป็นสาย พูดเรียบๆ ตามองชายหนุ่มร่างโตกับเด็กหนุ่มหน้าบู้สองคนสะพายกระเป๋ายืนจ๋องอยู่หน้า ห้องของเขา

“ก็ไม่ไง เกิดอุบัติเหตุห้องพัง เลยมาขอค้างด้วยซักสองคืน” ธเนศพูดอย่างอับจนหนทาง...ติดต่อกั๊กก็ไม่ได้ โยก็ไม่มีที่ไป สุดท้ายเลยต้องแบกหน้ามาขออยู่กับแฟนน้องชายที่เกลียดหนักหนา…ก็ยังดีที่ ห้องคอนโดข้างๆของชวนันท์ตกแต่งเสร็จแล้ว ไม่อย่างนั้นคงต้องนั่งรถกันไปไกลโข

“ไอ้โง่ๆ” เสียงแหลมของเจ้านกผี พูดคำที่เขาเป็นคนสอนตอนมันยังเด็ก ตอกย้ำอารมณ์เซ็งของธเนศให้ยิ่งเซ็งหนักเข้าไปใหญ่

“แล้วนัทไปไหน” ดึกแล้วทำไมยังไม่เห็นแม้แต่เงาของน้องชาย เจ้าชวนันท์ดูแลน้องเขายังไงให้กลับบ้านมืดๆค่ำๆอย่างนี้

“ไปเรียนภาษาอังกฤษ อีกชั่วโมงกว่าๆค่อยกลับ” ท่านรองประธานพูด ก่อนจะผายมือเชิงให้เข้าห้องได้

“เพิ่งกินข้าวเหรอ” ธเนศถามขึ้นเมื่อพบว่ากับข้าวสามอย่างกับจานข้าววางจัดเป็นระเบียบอยู่บน โต๊ะทานอาหาร ร่างสูงกลืนน้ำลายเอื้อก ท้องร้องโครกคราก

ชวนันท์มองพี่เขย พลางนั่งลง อัดบุหรี่เพิ่มอีกตัวจนควันโขมงไปหมด “ถ้าหิวก็นั่ง กินส่วนของนัทไปก่อน เดี๋ยวค่อยทำใหม่ก็ได้”

น่าเศร้าที่กองทัพเดินด้วย ท้อง ไม่มีอาหารถึงท้องธเนศก็ไม่สามารถสู้รบกับชวนันท์ได้ ร่างสูงวางกระเป๋านั่งลงพร้อมกับโย รับจานข้าวที่ชวนันท์ส่งมาให้ ก่อนจะนั่งจ้องกับข้าวรูปลักษณ์สวยงามหน้ากิน

“ซื้อมาเรอะ?” ก็สงสัยอยู่ ชายหนุ่มสองคนอยู่ห้องเดียวกันจะทำอะไรกินได้ยังไง เจ้านัทยิ่งทำอาหารไม่เป็นอยู่ ตอนที่มาเรียนกรุงเทพอยู่ด้วยกันเมื่อก่อน เขายังเป็นฝ่ายทำให้ตลอดเลย

ชวนันท์ยิ้มมุมปากหัวเราะหึ “ถ้าซื้อมากิน นัทคงไม่สมบูรณ์ผิวใสขนาดนั้นหรอก...นี่น่ะ เมนูบำรุงนัทโดยเฉพาะ”

…เหลือเชื่อจริงๆ...นักกล้าม กับอาหารโนเนะ...คิดพลางมองไข่ดาวที่ดาวด้วยพิมพ์รูปหัวใจ ใส้กรอกสีสวยผ่านการหั่นเจียเป็นปลาหมึก และผัดผักที่หันแครอทเป็นรอยหยักสวยงาม


++++++++++++++++++++++++++++++++++


“ไหนว่าจะไม่ให้ธเนศมายุ่ง กับนัทไง” หลังจากที่อิ่มหมีพีมัน ไล่ธเนศพี่ชายเข้าห้องอาบน้ำได้ ชวนันท์ก็เปิดบทไล่บี้โยทันที ร่างสูงอัดบุหรี่เข้าปอดอีกครั้งบ่งพื้นอารมณ์ที่คุกรุ่นเหมือนไฟแดงๆที่ ปลายมวน

“นี่มันอุบัติเหตุ”

ชวนันท์กัดฟันกรอด “อุบัติเหตุ! คิดว่านี่มันวันอะไรกัน...วันศุกร์นะเฟ้ย ปลายอาทิตย์ที่วันรุ่งขึ้นจะเป็นวันหยุด” ขาแกร่งเดินวนเป็นเสือติดจั่น  “ช่วงนี้นัทงานก็เยอะ แถมยังต้องเรียนพิเศษดึกๆดื่นๆทุกวัน ฉันอุตส่าห์อดใจรอจนถึงคืนวันศุกร์...แล้วนี่อะไร! ผิดแผนไม่พอยังมีตัวกวนตั้งสองคนมาขออยู่ด้วยซะอีก!!” มือใหญ่คว้าต้นแขนทั้งสองข้างของเด็กหนุ่มจับเขย่าอย่างหัวเสีย

เมื่อโดนบ่นเป็นชุด โยที่พื้นอารมณ์ไม่ค่อยจะดีด้วยจึงตอบกลับเสียงดังโดยไม่ได้ยินเสียงเปิดประ ตูแกร๊กเบาๆที่มุมห้องเลย “ก็บอกว่านี่มันอุบัติเหตุ คิดว่าผมอยากมาดูคนที่เคยรักมีความสุขกับคนอื่นหรือไงกัน!!” เมื่อคิดถึงภาพธณัติแย้มยิ้มคลอเคลียกับชายหนุ่มตรงหน้า น้ำตาก็รื้นหางตา ความผิดหวังแล่นขึ้นมาจุกอกอีกครั้งหนึ่ง

...เขายังตัดใจจากพี่นัทไม่ได้...

แอ๊ด!

เสียงแง้มประตูดังขัดบทสนทนา เมื่อหันไปพบธเนศหน้าตาเคร่งขรึมเปิดประตูห้องนอนออกมา ก็ต้องเย็นวาบที่หลัง ...เมื่อกี้พี่เนศได้ยินแน่ๆ...พี่เนศรู้แล้ว ว่าเขาเคยชอบพี่นัทมาก่อน

เมื่อรู้ตัวว่าดวงตาสีน้ำตาล เข้มมองยังจุดที่มือแกร่งจับต้นแขนเขาอยู่ โยก็รีบสะบัดให้พ้นจากเงื้อมือของชวนันท์ทันที ธเนศไม่พูดพล่ามทำเพลง เดินไปเก็บของ คว้ากระเป๋าทั้งของเขาและของโยขึ้น ก่อนจะจับต้นแขนโยดึงให้อยู่ใกล้ตัวเองแทน

“โทษทีที่รบกวน เรื่องนี้ฉันจะเก็บไว้ไม่บอกนัทละกัน”

“เรื่องอะไร?” ชวนันท์ถามอย่างไม่เข้าใจ...หรือว่าธเนศยังไม่รู้ว่าโยเคยชอบนัทมาก่อน

“ก็เรื่องที่โยกับนายเคยชอบกัน ...หึ...ตอนนี้คงยังตัดกันไม่ขาดสินะ ถึงได้ทะเลาะกันอย่างนี้”

โยกับชวนันท์ที่ไม่ค่อยจะลง รอยกัน ตอนนี้กลับมีความรู้สึกเหมือนโดนไม้หน้าสามตีแสกหน้าเหมือนๆกัน...ธเนศคิดปะ ติดปะต่อยังไงให้ได้อย่างนี้เนี่ย!

“โย...ไปค้างที่อื่น” ร่างสูงยังไม่สนใจท่าทางงงเต็กของสองหนุ่ม กลับคิดว่าคงจะตกใจที่เขามารู้ความสัมพันธ์ลับๆเข้า เดินลากโยไปยังประตูห้อง กำลังจะปิดประตูก็หันกลับมาพูดกับชวนันท์เป็นครั้งสุดท้าย

“อย่าคิดว่าฉันไม่บอกนัทเพราะสนับสนุนพวกนายนะ! ฉันจะทำให้นายกับนัทเลิกกันให้ได้...โดยที่นัทต้องไม่เป็นฝ่ายเสียใจ!”


+++++++++++++++++++++++++++++++

โรงแรมที่ธเนศพาโยเข้า เป็นโรงแรมระดับกลางที่อยู่แถวนั้น ระหว่างทางพวกเขาไม่พูดอะไรกันเลย จวบจนขึ้นมายังห้องนอนได้ ธเนศก็เปิดปากพูดขรึมๆ

“เรื่องนี้พี่จะไม่ติดใจก็แล้วกัน แต่อย่าติดต่อกับเจ้าชวนันท์อีก”

โยอยากจะคิดเข้าข้างตัวเองเหลือเกิน ว่าธเนศไม่พอใจเพราะแรงหึงที่เจ้าตัวไม่แสดงออกมาโดยไม่รู้ตัว “พี่เนศเข้าใจผิด”

“ไม่ต้องแก้ตัวหรอก พี่เข้าใจว่าเราก็คงไม่อยากผิดใจกับนัทที่เป็นพี่รหัสตัวเอง” …คิดไปได้นะ พี่เนศ...

“แล้วก็...อย่าให้รู้ว่าพวก นายสองคนแอบทำอะไรที่จะทำให้นัทเสียใจเชียว พี่ยอมให้พวกนายทำร้ายน้องพี่ไม่ได้” ...หัวใจที่กำลังจะพองฟูกลับเหี่ยวแห้งลงอีกครั้ง เมื่อคิดได้ว่า คนที่ทำให้ธเนศมอบความรักและห่วงใยให้นั้น มีเพียงธณัติผู้เป็นน้องชายเพียงคนเดียว





...แต่ผมจะไม่ยอมหยุดอยู่แค่นี้หรอก...

โยเงยหน้าขึ้นสบตาธเนศอย่างแน่วแน่ เอ่ยปากบอกชายหนุ่มพร้อมกับสัญญากับตัวเองไปในตัว

“เข้าใจแล้วครับ ...ผมจะไม่ยุ่งกับสองคนนั้นอีก ผมจะลืม...เขา...ให้ได้ ...และต่อไปนี้...ผมจะมองแต่พี่เนศคนเดียว”


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิต4-5 24/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: playCardPlaYBoy ที่ 26-04-2008 10:10:24
แฟนผมเป็นคนโรคจิต 7
...........................


เช้าวันอาทิตย์แสนสุข เวลาที่หนุ่มโสดทั้งหลายควรจะนอนก่ายหมอนนุ่มๆบนเตียง แต่กรณีของธเนศกลับตรงกันข้าม

ร่างสูงลุกจากเตียงอย่างเบา ที่สุดด้วยกลัวว่าคนที่นอนอยู่ข้างๆจะรู้สึกตัวขึ้นมาซะก่อน เหลือบมองโยตรวจเช็คระดับความรู้สึกแล้วก็นอนใจ...เรื่องที่เขาจะทำวันนี้ ไม่อยากให้เด็กคนนี้เข้ามามีเอี่ยวด้วยเลย

ประตูห้องน้ำถูกปิดอย่างเบา พร้อมๆกับที่เปลือกตาบางลืมขึ้น เผยให้เห็นดวงตาดำใสตื่นเต็มที่ข้างใต้ โยกระโดดลงจากเตียงก่อนจะวิ่งไปที่ห้องน้ำ คว้ากุญแจห้องน้ำที่แอบปั๊มมาได้จัดการไขแบบไร้เสียง อีกมือหนึ่งถือโทรศัพท์มือถือประจำตัว เมื่อแง้มประตูเป็นช่องเล็กๆได้ก็จัดการแนบส่วนเลนส์ยังช่องประตู ก่อนจะร้องชิอย่างขัดใจเล็กน้อยเพราะไอน้ำในห้องน้ำมันดันเกาะเลนส์จนขึ้น ฝ้า

...เอาน่ะ อย่างน้อยก็ยังพอมองเห็น...

ชายหนุ่มใช้เวลาอาบน้ำเพียง ไม่นาน เสียงน้ำกระทบพื้นกระเบื้องเงียบลงพร้อมๆ กับบานประตูที่ปิดล็อคลงดังเดิม...โดยที่ธเนศไม่มีโอกาสได้รู้เลยว่า ตัวเองกลายเป็นดาราหน้ากล้องในคลิปวาบหวิวสามนาทีเรียบร้อยแล้ว

ธเนศเปิดประตูห้องน้ำออกมา หลังจากที่แต่งตัวเสร็จแล้ว มองไปที่เตียงก็ถอนใจอย่างโล่งอกเมื่อพบว่า โยยังคงไม่มีทีท่าจะตื่นขึ้นมาเห็นว่าเขากำลังจะออกจากห้องไป

คว้ากระเป๋าที่แอบจัดไว้ได้ ก็รีบใส่ร้องเท้าโดยเร็ว ประตูห้องถูกเปิดและปิดลงเงียบๆ ทิ้งโยที่นอนลืมตาแจ๋วมองหน้าจอมือถืออย่างพึงใจ เด็กหนุ่มรีบอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะคว้าเนวิเกเตอร์ที่แอบติดตัวสัญญาณไว้ที่ กระเป๋าเป้ออกมาดู


+++++++++++++++++++++++++++++++++


สวนสยาม ทะเลกรุงเทพ

ธเนศยืนมองป้ายเก่าๆด้านหน้าพลางปาดเหงื่อ ...กรุงเทพนี่มันทั้งรถติดทั้งร้อนจริงๆ ให้ตายสิ

หลังจากคุยโทรศัพท์กับน้องชายเมื่อคืน ได้ความว่าธณัติกับชวนันท์จะออกมาเดทสนุกๆกันในวันหยุด แผนร้ายก็ก่อขึ้นในใจของผู้เป็นพี่

งานนี้มันต้องป่วน!

จะทำยังไงค่อยว่ากัน แต่ยังไงเขาก็ไม่ยอมให้ธณัติได้สวีทวี๊ดวิ้วกับชวนันท์ง่ายๆแน่นอน

เริ่มปฏิบัติการ!!!


+++++++++++++++++++++++++++


สวนสยาม ทะเลกรุงเทพ

โยขมวดคิ้วมองป้ายอย่างงงๆ...ก็อย่างพี่เนศเนี่ยนะ มาเที่ยวสวนสยาม...แถมมาแบบไม่อยากให้เขารู้อีกต่างหาก

...หรือว่าจะแอบนัดใครไว้…

ปากบางแสยะยิ้ม

...งานนี้มันต้องป่วน!!...


+++++++++++++++++++++++++++


...นั่นไง เจอตัวแล้ว...ธเนศยิ้มอย่างพอใจเมื่อหาร่างคุ้นตาของน้องชายเจอ แต่เมื่อเห็นชุดที่ธณัติใส่เต็มตัวก็ต้องกัดฟันกรอด...หนอย ไอ้เจ้าชวนันท์...เอาอะไรมาให้นัทใส่ฟะ!!

ก็ในเมื่อธณัติอยู่ในชุด กางเกงว่างน้ำแบบบิกินี่วาบหวิว อวดสัดส่วนให้ทั้งหญิงและชายได้เชยชมอย่างนี้ ดีหน่อยที่เจ้าตัวดูจะเขินอายอยู่บ้างเลยรีบกระโดดลงน้ำอย่างเร็ว ผิดกับชวนันท์ ที่นอนแขนหนุนหัวถือน้ำปั่นอยู่บนเก้าอี้ข้างสระน้ำ ลวนลามธณัติทางสายตาไม่เว้นซักวินาที

อย่างนี้มันต้องแกล้ง...

ธเนศค่อยๆย่องไปหลบด้านหลังต้นมะพร้าวใกล้ๆเก้าอี้เอน เปิดกระเป๋าเป้ใบใหญ่ คว้ากาวตราช้างเหนียวแน่นหนึบหนับออกมา

...นี่แหละโว้ย!!...


+++++++++++++++++++++++++++++


อยู่นี่นี่เอง...

โยเงยหน้าจากนาวิเกเตอร์ก็พบ ร่างสูงใหญ่ของธเนศที่ตอนนี้เปลี่ยนชุดเป็นกางเกงบ็อกเซอร์สำหรับว่ายน้ำ แล้ว แถมออฟชั่นแว่นกันแดดเรย์แบนดูมาดแมนกว่าเดิมร้อยยี่สิบเปอร์เซ็นต์ ร่างสูงกำลังนั่งยองๆอยู่หลังต้นไม้ ควักๆล้วงๆอะไรซักอย่างออกมาจากกระเป๋าเป้ส่วนตัว

โยควักกล้องถ่ายวีดีโอตัวจิ๋วจับภาพซูมซะจนเห็นไรหนวด ก่อนจะได้เห็นรอยยิ้มจับใจน่าอัดเก็บไว้มองก่อนนอน

...แกล้งให้ตกใจเล่นดีกว่า...

ด้วยความคิดนี้ทำให้เด็กหนุ่มค่อยๆย่องไปทางด้านหลังร่างสูง ทีละก้าว ทีละก้าว จวบจนถึงตัวก็ทำเซอร์ไพรส์แบบง่ายๆแต่ได้ผลเกินคาด


++++++++++++++++++++++++++++++++


กาวช้างถูกบีบเป็นหยดติดปลายหลอด เป้าหมายคือกางเกงว่ายน้ำของชวนันท์กับเก้าอี้เอนพลาสติก

...เอาล่ะ...กาวพร้อม...ตำแหน่งพร้อม...โอ้เค๋ย์...โก!!!

“แฮ่~~!!!” เสียงร้องกะทันหันกับแรงผลักของสองมือที่วางลงด้านหลังทำให้ธเนศหน้าคว่ำ ก่อนจะหันกลับไปดูตัวการล้มแผน

“โย!!” ตะโกนยังไม่ครบประโยคก็ต้องปิดปากตัวเองไว้ ด้วยกลัวว่าเป้าหมายจะไหวตัวทัน

“พี่เนศมาทำอะไรที่นี่?” โยทักด้วยเสียงและหน้าตาแอ๊บแบ๊วเป็นที่สุด

“นายนั่นแหละมาทำอะไร?” ถามกลับอย่างหัวเสีย...โยไม่ควรมาเห็นภาพบาดตาที่นี่...เหตุผลที่เขาแอบมา โดยไม่ให้เด็กหนุ่มตามมาด้วยก็เพราะอย่างนี้แหละ…ก็พอรู้อยู่ว่าเคยรักชวนัน ท์ มาเห็นเจ้าบ้านั่นกับน้องชายเขาเที่ยวเล่นกันอย่างนี้คงจะปวดใจน่าดู

“พี่เนศนั่นแหละ มาทำอะไร”

“ก็มาเที่ยวนะสิ ถามได้”

“ผมก็มาเที่ยวเหมือนกัน เห็นมั้ย มาว่ายน้ำน่ะ” ยืดอกให้เห็นว่าตนใส่กางเกงว่ายน้ำ พร้อมห่วงยางสีเหลืองแป๋นแหลนคาดอยู่ที่เอว

“แล้วแต่งตัวอย่างนี้ได้ไง! น่าตีจริงๆ” เมื่อพิจารณาการแต่งตัววาบหวิวของโยแล้วก็ต้องตวาดดุก่อนจะเปิดกระเป๋าเป้ คว้าเสื้อยืดของตัวเองคลุมร่างบางไว้ “ใส่ไว้ซะ”

เป็นโอกาสให้เด็กหนุ่มจับเสื้อขึ้นสูดดมเต็มลมหายใจ “กลิ่นพี่เนศหอมดี”

“หยุดเลย เจ้าบ้า! ไปว่ายน้ำไป ว่ายเสร็จก็กลับไปได้แล้ว”

“แล้วพี่เนศไม่ว่ายน้ำเหรอครับ?” ถามพลางสังเกตเห็นมือใหญ่ที่กำกาวตาช้างจนน้ำกาวเยิ้มเลอะเต็มมือ “แล้วเอากาวตราช้างมาทำอะไร?”

คำถามทักทำให้ธเนศนึกขึ้นได้ ก้มลงมองมือตัวเองก็ต้องร้องเหวอ เพราะกาวมันดันแห้งแหงแก๋ติดเหนียวแน่นหนึบการันตียี่ห้องช้างฉุดไม่หลุด จริงๆ มือข้างที่ว่างเตรียมถอดแว่นดำเพื่อจัดการมือกาวก็พบว่า ที่โดนผลักหัวทิ่มเมื่อกี้กาวมันดันเปื้อนจนเรย์แบนสุดหล่อเกาะแน่นกับดั้ง จมูกไม่ยอมหลุดสักมิล


+++++++++++++++++++++++++++++++


“แล้วตกลงพี่เนศมาทำอะไร” หลังจากปล้ำกับกาวช้างสำเร็จอย่างทุลักทุเลจนชาตินี้สาบานว่าจะไม่ซื้อมาใช้อีก โยก็ถามขึ้นอีกครั้ง

“วะ! ก็บอกว่ามาเที่ย...”

“ว้าก! จมแล้ว!!” เสียงของธณัติที่ดังขึ้นมาจากสระน้ำเรียกให้โยหันกลับไปมอง ธเนศกำลังจะออกตัวพุ่งลงน้ำก็ดันโดนคนตัวโตกว่ากระโดดตัดหน้าลงจากอีกฝั่งจน น้ำกระจาย

จนชวนันท์ว่ายไปถึงตัวดีที่ พุ้ยท่าหมาตกน้ำได้ก็โดนกอดคอดำหายไปใต้น้ำ พักใหญ่จึงโผล่มาพร้อมกับหน้าแดงๆของธณัติ และคำพูดร่าเริง “ล้อเล่นน่า ท่านรอง” ก่อนจะว่ายหนีไปอย่างคล่องแคล่ว

ธเนศมองฉากสวีทอย่างเคืองๆ เสียงข้างตัวก็เรียกร้องความสนใจ “หืมม์...มาเที่ยว?”

“เอ่อ...โย...คือ” ยังพูดไม่จบก็ถูกตัดบทจากคนที่ก้มหน้านิ่งแผ่รังสีมาคุเสียก่อน

“ผมพอจะเข้าใจแล้ว ว่าทำไมพี่เนศถึงไม่อยากให้ผมมา...กลัวผมจะยุ่งกับท่านรองของน้องชายพี่สินะ?”

“ไม่ใช่อย่างนั้นซักหน่อย พี่ก็แค่...” ฝ่ามือเล็กยกขึ้นปิดปากก่อนจะได้อธิบาย ธเนศเหลือบมองกิริยาคนก้มหน้านิ่งอย่างหนักใจ

“ไม่ต้องพูดหรอก ผมเคยบอกแล้วไง” โยเงยหน้ามองลึกเข้าไปยังดวงตาสีน้ำตาลเข้มสื่อความหมายลึกซึ้ง “ว่าผมจะมองแต่พี่เนศคนเดียว”

…เข้าตัวอีกจนได้...”พี่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น...”

“ช่างเหอะครับ พี่เนศ” ใบหน้าที่ดูเศร้าสร้อยเมื่อครู่กลับเปลี่ยนเป็นเริงร่าอย่างรวดเร็วราวพลิก หน้ากระดาษ มือเล็กฉุดมือใหญ่ให้วิ่งตามไปยังสระน้ำส่วนที่อยู่ไกลออกไป “ไปเล่นน้ำกันดีกว่าน่า อุตส่าห์มาเที่ยวทั้งที จะมัวแต่ไปดูภาพบาดใจทำไม”

“เฮ้ย...” กำลังจะขืนตัวไว้ แต่ภาพใบหน้าเศร้าสร้อยของโยที่เห็นเมื่อกี้ก็แวบเข้ามาในใจ...ให้ตาย...เขา แพ้หน้าแบบนั้นซะด้วย! ว่าแล้วจึงยอมให้เด็กหนุ่มจูงมือวิ่งไปไหนต่อไหน

ที่ที่โยพามาเป็นสระเล็กที่ ทำเป็นน้ำวน ร่างบางผลักธเนศลงน้ำโดยไม่ทันตั้งตัว จนต้องตะพุ้ยน้ำหัวหูเปียกโชกไปหมด เมื่อโผล่พ้นน้ำได้กำลังจะตะโกนด่าก็ต้องชะงักงันกับภาพที่เห็นตรงหน้า

แสงแดดส่องแทรกผ่านร่มเงาไม้ สาดลงยังร่างบางที่กำลังถอดเสื้อเชิ้ตที่เขาสวมให้อยู่ เผยให้เห็นผิวขาวกระจ่างที่ไม่อาจปกปิดไว้ได้ ดวงตาสีราตรีที่หลุบต่ำค่อยๆมองมาทางเขาให้อารมณ์ยากจะบรรยาย ธเนศกลืนน้ำลายเอื้อกยืนนิ่งเป็นรูปปั้น จนโยลงมาในสระได้จึงค่อยลากร่างสูงไปยังส่วนที่จัดให้นั่งนวดตัว

“ผมนวดให้มั้ย” โดยไม่รอคำตอบ มือเล็กก็ลงมือนวดเฟ้นบ่ากว้าง

“อ...อย่าดีกว่า” ธเนศกระซิบตอบ

“ทำไมล่ะ รังเกียจรึเปล่า?” โยกระซิบถามกลับ

“ไม่ใช่...”

“งั้นก็...” ใบหน้าขาวในยื่นเข้าช้าๆ ใกล้ขึ้นทุกทีๆ ...ช้านาน...ขัดกับเสียงหัวใจของธเนศที่เต้นถี่รัวจนน่ารำคาญ ปากแดงฉ่ำเผยอน้อยๆอยู่ห่างจากปากเขาเพียงช่วงฝ่ามือกั้น “...หวั่นไหว?”
 
 ดวงตาหลับลงรับรู้ถึงสัมผัสเนียนนุ่มแตะยังริมฝีปาก เบาบางดุจขนนก ก่อนจะถอยห่างออกไป เมื่อลืมตาก็พบดวงตาคู่สวยจ้องมองมาอยู่แล้ว

“ใช่มั้ยครับ?” โยถามซ้ำ

“หวั่นไหว...” เขาเนี่ยนะ หวั่นไหว? โยเป็นผู้ชาย เขาจะรู้สึกอย่างนั้นกับผู้ชายได้ยังไง? มันเป็นเรื่องที่ผิด! “หวั่นไหวอะไรกัน ไม่ใช่ซักหน่อย” พูดพลางหันหน้าหนีหลบสายตา ก่อนจะผลักร่างบางให้ออกห่าง ตัวเองขึ้นจากสระน้ำสะพายเป้ส่วนตัว “กลับดีกว่า ง่วงนอนแล้ว”

เด็กหนุ่มมองร่างสูงเดินแขน กับขาไปทางเดียวกันยิ้มๆ ...พี่เนศปากช่างไม่ตรงกับใจ...จะเรียกว่าพวกความรู้สึกช้าหรือว่าชอบหลอก ตัวเองดีนะ?...คิดพลางตะโกนตามหลังไป “พี่เนศ ผมเอารถมานะ กลับด้วยกันมั้ย?”

“อย่าดีกว่า จะแวะออฟฟิศก่อน” ธเนศตอบกลับด้วยกลัวว่า หากอยู่กับเด็กหนุ่มคนนี้มากกว่านี้ ตัวเองคงจะถูกรุกรานทางจิตใจมากขึ้นแน่ๆเชียว

“ไหนว่าง่วงนอน? รถผมแอร์เย็นนะ งีบระหว่างทางก็ได้ ไม่ต้องนั่งรถเมล์ร้อนๆ…จะได้แวะร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดเจ้าดังด้วยไง” เสียงตอบกลับมาทำให้คิดหนัก...เอาไงดีวะ? ก๋วยเตี๋ยวเป็ดของโปรดซะด้วย

“ร้านนั้นน้ำมะพร้าวแช่แข็งอร่อยน้า” เสียงดังขัดความคิดเร่งเร้าให้ตอบคำถาม ...ก๋วยเตี๋ยวเป็ด น้ำมะพร้าว...

“เออ! ไปก็ไป...เจอกันหน้าห้องอาบน้ำ” พูดพลางเดินก้าวใหญ่หนีคนที่วิ่งตามหลังมาอย่างกระชั้นชิด ปล่อยให้เด็กหนุ่มได้วิ่งตาม มองแผ่นหลังตึงแน่นอย่างหลงไหล

...หนทางคงอีกไม่ไกล...

...

...



สู้เว้ยย!!!

++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิต4-5 24/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: playCardPlaYBoy ที่ 26-04-2008 10:12:12
แฟนผมเป็นคนโรคจิต 8
..............................
“ฮัลโหล” ระหว่างทำความสะอาดห้องตอนบ่าย ริงโทนโทรศัพท์มือถือของเด็กหนุ่มก็ดังขึ้น โยคว้าหูฟังไร้สายเสียบหูก่อนจะกรอกเสียงตอบกลับไป

“โย เป็นไงบ้าง” เสียงของผู้เป็นพี่ดังขึ้นเรียกให้เด็กหนุ่มแอบถอนหายใจคนเดียว มือบางถือผ้าขี้ริ้วเช็ดอ่างล้างหน้าไปพลาง

“พี่...โทรมาอย่างนี้ไม่มีเรื่องดีหรอก ใช่มั้ย?” แน่นอนล่ะ เวลาดีๆเคยโทรมาซะที่ไหน

“เรื่องไม่ดีน่ะมันสำหรับแก แต่โทษที มันเป็นเรื่องดีสำหรับฉันว่ะ” เสียงตอบกลั้วหัวเราะ

“ตกลงมีอะไรล่ะ?” ถามอย่างไม่ใส่ใจ เพราะตอนนี้สิ่งที่อยู่ข้างหน้านั้นน่าสนใจมากกว่า โยมองผ้าผืนน้อยในตะกร้าทิ้งผ้าข้างประตูห้องน้ำพลางเลียริมฝีปาก เหลือบตาแอบมองคนที่นั่งอยู่ที่ห้องรับแขกแวบหนึ่ง เมื่อเห็นว่าทางสะดวกจึงค่อยผลักประตูปิดอย่างไร้เสียง

“ก็ที่สัญญาไว้เดือนที่แล้ว ยังจำได้รึเปล่า?”

“ไม่ลืมหรอกน่า” มือบางทั้งสองจับชายผ้าคลี่ออก ปรากฏเป็นรูปร่างของกางเกงชั้นในสีฟ้าตัดเทา เด็กหนุ่มบรรจงพับจนขนาดพอดีมือ สอดใส่กระเป๋ากางเกง เมื่อมองกระจกเห็นว่าไม่มีรอยโป่งออกจากกางเกงแล้วจึงจัดการนำผ้าที่เหลือ ใส่ลงในเครื่องซักผ้าต่อไป

“เออ ไม่ลืมก็ดี...จะจัดห้องประจำตำแหน่งไว้รอ อย่าเบี้ยวซะล่ะ…เฮ้อ! อะไรของมันฟะ งานบ้านตัวเองมีให้ทำไม่ทำ ต้องแบกหน้าไปเป็นลูกน้องคนอื่นเค้า แล้วบ้าอะไรขึ้นมา หนีไปอยู่คอนโดคนเดียว...” เสียงบ่นหงุงหงิงของผู้เป็นพี่ดังตบท้ายก่อนจะตัดสายไป แต่ก็ไม่ได้เรียกร้องความสนใจโยมากนัก ด้วยนัยน์ตาสีราตรีกำลังกวาดหาเหยื่อใหม่...มีดโกนหนวดใช้แล้วที่วางแน่นิ่ง อยู่ข้างอ่างล้างหน้า
โยหยิบด้ามมีดขึ้น แนบริมฝีปากจุมพิตตัวมีดพลางสูดกลิ่นน้ำยาโกนหนวดเข้าปอด ใจก็คิดอย่างเบื่อหน่าย

...เรื่องที่น่าหนักใจก็คือ สัญญาที่ให้กับทางบ้านไว้...การลาออกจากงานที่ทำอยู่ตอนนี้กลับไปทำงาน ธุรกิจของครอบครัว แลกกับเอกสิทธิ์ในการเลือกจ้างบริษัทตกแต่งมาแต่งโรงแรมที่กำลังก่อสร้าง...

...เหลือเวลาอีกอาทิตย์เดียว ...เรื่องของพี่เนศช้ากว่าที่คาดไว้เยอะ...คิดอย่างเหนื่อยใจเพราะหลังจาก วันที่ไปสวนสยามก็ไม่มีท่าทีว่าจะรุกคืบได้เลย ธเนศเริ่มชินกับการถูกแตะเนื้อต้องตัวแล้ว และท่าทางห่วงใยของชายหนุ่มก็ออกมาในแนวพี่ชายน้องชายซะมากกว่า ที่เห็นว่าดีขึ้นในตอนนี้ก็คือ ความถี่ในการโทรไปก่อกวนธณัติเริ่มน้อยลงแล้ว ซึ่งก็คงจะเป็นเพราะการทำงานหนักในตอนนี้มากกว่าจะเป็นการเห็นดีเห็นงามใน ความรักของน้องชาย...แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าดีใจสำหรับเด็ก หนุ่มนัก

สายตาแลกวาดตามอ่างล้างหน้า ก่อนจะสะดุดกับขวดใสบรรจุน้ำสีชาที่วางหลบมุม เป็นขวดที่เขาเอามาวางไว้เอง นานซะจนลืมไปว่ามีอยู่ โยแย้มยิ้มอย่างนึกสนุก เก็บมีดโกนหนวดใส่กระเป๋ากางเกงก่อนจะรีบทำความสะอาดต่อให้เสร็จโดยไว


++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

 “เฮ้อ...” แสงแดดช่วงผีตากผ้าอ้อมสาดเข้ามาในห้องนอน อาบกระดาษนิตยาสารตรงหน้าให้กลายเป็นสีส้มอ่อนๆ ธเนศถอนหายใจ หลับตาคิดถึงเรื่องเมื่อตอนบ่าย

...

...

‘เหม่ออะไรอีกแล้ว มีใครให้คิดถึงหรือไง’ กั๊กเพื่อนสนิททักขึ้นขณะนั่งจ้วงเค้กยามบ่าย

‘คิดถึงอะไรกัน ไม่ได้คิดถึงซะหน่อย อย่างกูเนี่ยนะ…’ ว่าพลางตบอกตัวเองดังปึ้กๆ ‘...จะคิดถึงผู้ชาย!!’ แล้วก็เพิ่งรู้ตัวว่ารั่วอีกแล้ว

‘หืม...’ กั๊กเลียเค้กที่ริมฝีปาก ขยับแว่นกึกๆ ‘คิดถึงผู้ชาย…’

‘ก็บอกแล้วไงว่าไม่ใช่!!!’ เธนศสวน

วงเค้กเงียบไปพักหนึ่ง ปล่อยให้เสียงผู้ประกาศข่าวทีวีช่วงบ่ายดังเป็นพื้นหลังกลั้วรสน้ำชา

‘แล้วเค้าเป็นใครล่ะ?’ กั๊กถามขึ้นอีกเมื่อเห็นว่าเพื่อนตัวเองกำลังเหม่อได้ที่

‘โยน่ะเหรอ?’ เมื่อพูดเพ้อๆจบก็ต้องรีบตะครุบปากตัวเองทันที

‘ชื่อโยงั้นเหรอ?’ กั๊กยิ้มเจ้าเล่ห์ ใจไพล่นึกถึงมือดีที่แอบเขียนชื่อไว้ที่หลังคอธเนศเมื่อเดือนที่แล้ว...ที่แท้ก็เป็นผู้ชายนี่เอง

จนเมื่อเห็นว่าคงปิดเป็นความลับต่อไปไม่ได้แล้ว ร่างสูงจึงค่อยผ่อนลมหายใจเปิดปากเล่าเรื่องหนักใจ ‘ฉันโดนรุกอยู่ว่ะ’

‘โดนรุก?’

‘ก็เค้าบอกว่าชอบ แล้วก็มาขออยู่ด้วย...’ ...ตัดเรื่องคืนแรกออกไปคงไม่ว่ากันนะ ไอ้เพื่อนยาก...

‘แล้วนายก็ให้อยู่?’

‘เออ...มันมีเหตุจำเป็น’ ...คิดๆไปก็ชักสงสัย ทำไมซ่อมห้องไม่เสร็จซักที...

‘แล้วรำคาญรึเปล่า?’ ถามอย่างรู้ใจเพื่อน...นอกจากเขาที่เป็นรูมเมทแล้ว ธเนศอยู่กับใครไม่ได้นานนักหรอก โดยเฉพาะเหล่าแฟนสาวทั้งหลาย เผลอแผล็บเดียวก็ต้องหอบผ้าหอบผ่อนหนีตายด้วยเหตุผลว่ารำคาญหม่าม้าคนที่สอง

‘ก็ไม่...คงเพราะเค้าไม่จู้ จี้มั้ง ฉันซะอีก ต้องคอยไปจู้จี้กับเค้า รู้เปล่า อายุก็ตั้งยี่สิบ งานก็ทำแล้ว กลับเพิ่งเคยออกมาอยู่คนเดียว ไม่ใช่แค่ทำอาหารไม่เป็นนะ เปิดแก๊สยังทำไม่เป็นเลย’ …คิดถึงคดีไฟเกือบไหม้ห้องแล้วก็หวาดเสียว

กั๊กนั่งกินเค้กไปพลางมอง เพื่อนที่ร่ายเรื่องวุ่นๆเป็นหางว่าวไม่จบไม่สิ้นไปพลางพร้อมยกยิ้ม เมื่อธเนศเล่าจนจบผู้เป็นเพื่อนจึงค่อยพูดขึ้น ‘...บางทีนายอาจจะเหมาะกับคนคนนี้ที่สุดก็ได้นะ...’





...บางทีนายอาจจะเหมาะกับคนคนนี้ที่สุดก็ได้นะ...

...บางทีนายอาจจะเหมาะกับคนคนนี้ที่สุดก็ได้นะ...

...บางทีนายอาจจะเหมาะกับคนคนนี้ที่สุดก็ได้นะ...

โว้ย! ปวดเฮด!! มือใหญ่กุมขมับตัวเอง สายตาจับจ้องนิตยสารราวกับว่ารูปแมวน้อยคิตตี้ในกระดาษจะสามารถให้คำตอบอะไรได้

เหมาะงั้นเหรอ...จะไปเหมาะได้ยังไง อีกฝ่ายเป็นผู้ชายนะ!

เป็นคำที่ตอบเพื่อนไปในตอนนั้น กั๊กเพียงแค่ยิ้มตอบกลับมาเรียบๆ

‘ถ้านึกจะรักใครสักคน จะไปสนใจเรื่องเพศทำไม รักแล้วมีความสุข ดีกว่าไม่มีสุขเพราะไม่ได้รัก...หรือนายว่าไง’

มันเป็นอย่างนั้นจริงๆเหรอ ...ที่เขาคิดมาทั้งหมดมันไม่ถูกเหรอ ตลอดมาเขาคิดแค่ว่า ผู้ชายกับผู้หญิงเท่านั้นถึงจะรักกันได้ มันเป็นเรื่องธรรมชาติ มันเป็นเรื่องของลูกผู้ชายที่จะต้องคอยปกป้องดูแลให้ความสำคัญกับผู้หญิง เขาจินตนาการคนรักที่เป็นผู้ชายของเขาไม่ออกสักหน่อย...

...จินตนาการไม่ออก...ใช่มั้ย?

...แล้วทำไมหน้าโยมันถึงผุดขึ้นมาซะชัดเจนขนาดนี้ล่ะ?...

“พี่เนศอยากได้มากขนาดนี้เลยเหรอ” ...แถมยังมีเสียงทักกลับมาอีก

...

...

“เฮ้ย!!! โย!!!” สะดุ้งตกใจเมื่อใบหน้าที่คิดว่าจินตนาการเอาเองกลับกลายเป็นของจริง โยก้มหลังต่ำเงยหน้าทักทายเขาที่เหม่อหน้าทิ่มนิตยสารอยู่นานสองนาน เมื่อเขาสะดุ้งลุกขึ้นยืน เด็กหนุ่มจึงค่อยถือหนังสือขึ้นดูชัดๆ

“แค็ตตาล็อกตุ๊กตาคิตตี้รุ่นใหม่จากญี่ปุ่น...พี่เนศชอบของอย่างนี้เหรอเนี่ย เห็นจ้องหน้าเครียดอยู่ตั้งนาน”

ธเนศดึงหนังสือกลับปิดฉับ “เปล่าชอบเฟ้ย ลูกผู้ชายจะชอบของแบบนี้ได้ยังไง” ...ก็แค่หนังสือที่ธณัติทิ้งไว้ที่โต๊ะนั่งเล่น ไม่มีอะไรทำเลยเอามาเปิดดูเท่านั้นเอง

“เหรอ...ช่างเถอะครับ” ปากช่างใจไม่ช่าง พื้นที่เก็บข้อมูลพี่เนศถูกยัดรสนิยมเข้าไปอีกหนึ่งข้อ...ชอบคิตตี้เหมือน กันเลยน้า ทั้งพี่นัทพี่เนศ...

เมื่อหายตกใจจึงนึกคำถามที่ว่าจะถามขึ้นมาได้ “เออ โย ว่าแต่นายเห็นกางเกงในพี่รึเปล่า? หายไปสองตัวน่ะ”

“พอดีผมรีดมันไหม้น่ะครับ ก็เลยทิ้งไป”

“เฮ้อ...นายนี่น้า ก็บอกแล้วว่าไม่ต้องๆ งานบ้านอะไรนั่นด้วย พี่ทำเองได้ ไม่ต้องทำให้เพราะเกรงใจที่มาอยู่ด้วยหรอกน่า”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ พี่เนศตามผมมานี่ดีกว่า” พูดตัดบท มือเล็กฉุดมือใหญ่ให้เดินตามไปยังห้องนอน เมื่อถึงหน้าประตูก็อ้อมมาทางด้านหลัง เขย่งตัวปิดตาร่างสูงเอาไว้

“อะไร?” ธเนศถามอย่างไม่เข้าใจพฤติกรรม

“เปิดประตูสิครับ พี่เนศ ผมมีเซอร์ไพรส์ให้ด้วยนะ”

มือใหญ่บิดลูกบิดเปิดประตูตามที่อีกฝ่ายว่า จมูกสูดกลิ่นฟุดฟิด “ไหว้พระทำไม นี่มันเย็นแล้วนะ”

“ไม่ได้ไหว้พระซะหน่อย นี่มันกลิ่นกำยานหอม” โยพูดเสียงตึงเล็กน้อย...อุตส่าห์สร้างบรรยากาศ พี่เนศนี่บื้อจริงๆ...มือเล็กค่อยๆเปิดตาคนตัวสูง

ธเนศมองบรรยากาศของห้องอย่าง งงๆ แอร์ในห้องนอนเปิดเย็นเฉียบเมื่อเจือกลิ่นกำยานที่โยว่าแล้วหอมติดจมูกดี หน้าต่างบานใหญ่ของห้องตอนนี้ถูกผ้าม่านหนาหนักคลุมจนมิด เหลือเพียงแสงยามเย็นสาดเข้าห้องรางๆเท่านั้นเอง เสียงเพลงบรรเลงเย็นๆจากเครื่องเสียงมุมห้องดังคลอเข้าโสตประสาท ไฟเพดานปิดสนิทเปิดไว้เพียงโคมไฟสีส้มหัวเตียงนอน เมื่อมองไปยังเตียงนอนหลังใหญ่ก็ต้องงงหนักกว่าเดิม เพราะตอนนี้บนเตียงดันมีดอกไม้โรยไว้ประปรายอย่างที่เขาไม่เข้าใจว่า จะโรยให้เลอะทำไม  “เล่นอะไร?”

“พี่เนศนี่! ไม่ได้เล่นครับ!” เสียงตึงขึ้นอีกเล็กน้อย ก่อนจะปรับอารมณ์ให้เย็นลง ...คืนนี้ยังอีกไกล จะรีบอารมณ์เสียไปทำไม “ผมจะนวดให้พี่เนศต่างหาก”

“นวด?”

“ก็พี่เนศบ่นว่าปวดเอวทุกเช้า” เออ...ก็ปวดจริงๆ ไม่รู้ทำไม

“ปวดหนังหัวด้วย ผมร่วงอีกต่างหาก” นี่ก็ไม่รู้เพราะอะไร สงสัยจะเครียดเกินไป

“ก็เลยจะนวดน้ำมันคลายเครียด ให้...ถือว่าเป็นการตอบแทนที่ให้ผมมาอยู่แล้วกัน ยังไงก็จะย้ายกลับห้องเดิมแล้ว” โยพูดพลางลากร่างสูงไปยังเตียงนอน กดบ่าให้นั่งลง

...จะกลับห้องแล้ว...

ไม่รู้ทำไม ตอนแรกที่ร่างบางมาขออยู่ด้วย เขายังรู้สึกแปลกๆอยู่เลย ตอนนี้พอเด็กหนุ่มบอกว่าจะกลับห้อง ในใจมันกลับรู้สึกโหวงๆ...สงสัยจะเป็นห่วงมากเกินไป...ก็ขนาดอยู่ห้องเดียว กับเขายังต้องคอยดูแลไม่ให้ทำอะไรแปลกๆเลยนี่นา...หมายถึงเรื่องงานบ้านที่ ทำไม่ค่อยเป็นน่ะนะ

เมื่อรู้ตัวว่ายังไม่ได้ตอบ คำถาม แถมตอนนี้โยก็นั่งจ้องหน้าอยู่ด้วย ร่างสูงจึงค่อยหัวเราะแหะๆเกาคอแกรกกๆ “ก็นึกว่าเรื่องอะไร ตามใจสิ อยากนวดให้ก็นวด”

“งั้นเริ่มแล้วนะครับ” โยยิ้มกริ่ม ขยับกายเข้าใกล้ มือบางเอื้อมแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตให้

“เฮ้ย! ทำอะไร แกะกระดุมทำไม” ธเนศโวยวายพลางปัดมือออก

“ก็นวดน้ำมันต้องถอดเสื้อ พี่เนศไม่เคยนวดเหรอครับ?”

“ไม่เคยเฟ้ย ถอดเถิดอะไรกัน! ไม่ต้องนวดแล้วก็ได้” ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเหลือบมองหน้าคนเจ้าเล่ห์อย่างไม่ไว้วางใจ

“หรือว่าพี่เนศอาย?” โยถามพลางหัวเราะคิก

ธเนศหน้าร้อนเมื่อได้ยินคำ ถาม...แบบนี้มันดูถูกกันชัดๆ ลูกผู้ชายมีหรือจะอาย กะอีแค่โชว์กล้ามแค่นี้ อายอะไรกัน “ไม่ได้อายซะหน่อย เอาวะ!! ถอดก็ถอด!!” ว่าพลางลุกขึ้นยืน ถอดเสื้อออกอย่างเร็ว เชิดหน้ายืดอกอย่างอวดเบ่งให้โยมอง หวังจะได้เห็นแววตาอึ้งทึ่งกับความล่ำของตน กลับเจอกับแววตายิ้มหัวเราะที่ส่งมาให้ ทำให้รู้ตัวว่าหลงกลอีกแล้ว

“ข้างล่างด้วยครับ พี่เนศ” โยพูดราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งๆที่ในใจเต้นตุ้บกับภาพที่เห็นตรงหน้า

...เอาวะ ลูกผู้ชาย พูดคำไหนคำนั้น...ธเนศคิดอย่างห่อเหี่ยวใจ ค่อยๆถอดกางเกงออกช้าๆ หลบสายตาแรงกล้าที่มองตรงมา

“เหลือไว้ซักชิ้นแล้วกันนะ” พูดเสียงอ่อยกับปราการด่านสุดท้ายของท่านชาย ให้โยแอบหัวเราะอย่างเอ็นดูอีกครั้ง

“ครับๆ ทีนี้ก็นอนลงแล้วก็ผ่อนคลายซะนะครับ” ว่าพลางกดให้ร่างสูงนอนคว่ำลง

ธเนศรับรู้ถึงเตียงที่ยวบลง ตามน้ำหนัก เมื่อมองไปก็พบว่า โยกำลังถอดเสื้อของตัวเองออก กำลังจะอ้าปากค้าน เสียงหวานก็ขัดขึ้นมาอย่างรู้ทัน “เดี๋ยวเสื้อผมเลอะน้ำมันครับ” จึงจำต้องยอมก้มหน้าหลับตาไม่รู้ไม่ชี้ต่อไป

น้ำมันอุ่นอุณหภูมิกำลังพอดี ถูกทาลงบนแผ่นหลัง ตามด้วยแรงกดจากนิ้วโป้งทั้งสองเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่เหนื่อยล้ามาทั้ง วัน แรงลูบเรียบลื่นกำลังพอดีเน้นไล่ตั้งแต่หลังคอ สะบัก ลงมาจนถึงเอว รุกเร้าหนักแน่นก่อนจะถอนแรง เปลี่ยนเป็นลูบไล้ฝ่ามือแผ่วเบาแทน เป็นอย่างนี้ซ้ำไปมา ร่างสูงถอนหายใจผ่อนคลาย ปิดเปลือกตาลงอย่างเคลิ้มในความสบายที่อีกฝ่ายมอบให้ โยค่อยๆลูบน้ำมันนวดไปทั้งตัวอย่างชำนาญ ซึมซับสัมผัสของกล้ามเนื้อตึงแน่นใต้ฝ่ามืออย่างสุขใจ

“หงายด้วยครับ” เสียงแผ่วเบาดังปลุกภวังค์ของชายหนุ่ม ให้ร่างสูงพลิกตัวนอนหงายก่อนจะหลับตาเคลิบเคลิ้มไปกับความสบายของน้ำมัน และเพลงเบาๆที่คลอไปกับกลิ่นหอมของกำยาน

ฝ่ามือเล็กลูบไล้ตั้งแต่ช่วง คอ แผ่นอกตึงแน่นได้รูป เน้นตรงแอ่งไหปลาร้าเล็กน้อย ก่อนจะละไปให้ความสนใจกับท่อนแขนกำยำ ธเนศเคลิ้มหลับโดยไม่ได้สนใจว่า อีกฝ่ายนั้นบัดนี้ถือวิสาสะนั่งคร่อมลงบนต้นขาแกร่งเรียบร้อยแล้ว ขอบกางเกงในถูกรูดลงอย่างเบามือ ก่อนที่แก่นกายภายในจะถูกฝ่ามือน้อยจับเล่นหยอกเย้า

“อือ...” เสียงครางฮือเรียกให้ร่างบางหยุดการกระทำเพียงเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆจรดริมฝีปากลงจุมพิตต่อไป จมูกรั้นสูดกลิ่นกายกระตุ้นเร้า แลบลิ้นเลียไล้ความเป็นชายที่เริ่มจะแข็งแกร่งด้วยสัมผัสของฝ่ามือ

เมื่อธเนศรู้ตัวอีกทีหนึ่ง ก็สายเกินจะหักห้ามได้แล้ว สะโพกแกร่งโถมเข้าหาปากแดงอิ่มอย่างห้ามไม่อยู่ ฝ่ามือหนาแทนที่จะดึงศีรษะอีกฝ่ายให้เงยหน้าออกไป กลับกลายเป็นกดให้ใบหน้าหวานคลุกเคล้าอยู่กับตัวเองไม่ให้ห่างสักวินาที ปากบางเผยอหอบ ดวงตาหลับสนิท โสตประสาทรับรู้ถึงเสียงครางอู้อี้ของร่างบาง ก่อนที่จะเส้นประสาทจะเกร็งเขม็ง ปลดปล่อยห้วงอารมณ์จนหมดสิ้น

...เก่งชะมัด...

เป็นความคิดโดยไม่รู้สึกตัว ของธเนศ ก่อนที่จะสะดุ้งเมื่อรู้สึกถึงแรงสะเทือนที่หน้าท้อง เมื่อลืมตาขึ้นจึงพบเด็กหนุ่มนั่งคร่อมหลับตา กอบกุมสัดส่วน บำเรอความสุขให้แก่ตัวเอง ก่อนจะผวาเฮือกแอ่นกายเกร็งตัว ปลดปล่อยความปรารถนาสิ้น ฟุบลงบนแผ่นอกของชายหนุ่ม เหงื่อของทั้งสองชุ่มโชกจนเปื้อนผ้าปูที่นอน แม้เครื่องปรับอากาศเย็นเฉียบก็ไม่สามารถดับความร้อนนี้ลงได้


+++++++++++++++++++++++++++++++++


...จบกัน!...

ธเนศนั่งกุมขมับอยู่บนเตียงขณะที่โยเข้าไปอาบน้ำชำระร่างกาย

...จบแล้ว ชีวิตลูกผู้ชาย ปณิธานที่ตั้งมาซะดิบดีถูกขยี้ไม่เหลือซากก็วันนี้นี่เอง...ทั้งๆที่คิดว่า เรื่องอย่างนี้กับผู้ชาย จะเกิดขึ้นแค่คืนนั้นเป็นคืนสุดท้าย...สุดท้ายจิตใจก็แพ้ให้แก่ร่างกายจนได้ ...แล้วอย่างนี้จะแบกหน้ากลับไปหาหม่าม้าได้ยังไง...

คิดอย่างเครียดจัดโดยไม่ได้ สนใจเสียงเปิดประตูห้องน้ำเลย โยเดินมาหยุดอยู่ที่ด้านหน้าธเนศ เช็ดน้ำที่เกาะพราวบนใบหน้าไปพลาง พูดปลอบใจไปพลาง

“พี่เนศไม่ต้องเสียใจไปนะครับ ผมจะเป็นคนรับผิดชอบให้เอง” …หม่าม้า...ลูกชายหม่าม้ามีคนรับผิดชอบแล้ว...ดีใจมั้ยครับ

“จากนี้ไปเรียกผมว่าดาร์ลิ้งนะครับ” …เหอะ! ดาร์ลิ้ง...

ธเนศเงยหน้า ส่งสายตาแข็งกร้าวให้เด็กหนุ่ม “ดาร์ลิ้งอะไรกัน!! ฉันเนี่ยนะต้องเรียกนายว่าดาร์ลิ้ง” ร่างสูงลุกขึ้นยืน ย่างสามขุมเข้าหาร่างบางที่เดินถอยหลัง

“นายต่างหากเล่า ต้องเรียกฉันว่าดาร์ลิ้ง!!! แล้วนี่อะไรกัน ออกมาจากห้องน้ำไม่รู้จักใส่เสื้อ ตัวก็เปียกอย่างนี้ ไม่สบายขึ้นมาจะว่ายังไง แล้วผมน่ะ!! หัดเช็ดให้มันแห้งหน่อยได้มั้ย บอกตั้งกี่ครั้งแล้วไม่รู้จักจำ เจ้าเด็กบ้านี่!!!” ว่าพลางแย่งผ้าขนหนูจากมือบาง ลงมือขยี้หัวทุยๆอย่างแรง

“โอ๊ย!! พี่เนศ ผมเจ็บนะ” โยหลับตาปี๋ ตะโกนไปพลางหัวเราะไปพลาง ก่อนจะหยุดหัวเราะเมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายนิ่งไป

“พี่เนศเสียใจรึเปล่า?” โยกระซิบถามแผ่วเบา กลัวเหลือเกินว่าคำตอบที่ได้รับจะทำร้ายจิตใจตัวเอง

“…นายล่ะ เสียใจมั้ย...” กลับได้รับคำถามกลับมาแทน

เด็กหนุ่มยิ้มส่ายหน้า “ผมไม่เสียใจหรอก ก็ผมเป็นคนเริ่มเองนี่นา พี่เนศล่ะ เสียใจมั้ย...มีอะไรกับคนที่ไม่ได้รักน่ะ?”

“ไม่รู้สิ” เป็นคำตอบที่ได้รับก่อนที่น้ำหนักที่กดบนหัวจะหายวับไป เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็พบว่า ธเนศหายตัวเข้าห้องน้ำไปแล้ว

…ไม่รู้…ว่าเสียใจรึเปล่า...

...ไม่รู้...ว่ารักรึเปล่า...

คำตอบของพี่เนศหมายความว่ายังไงนะ?

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิต4-5 24/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: playCardPlaYBoy ที่ 26-04-2008 10:13:05
แฟนผมเป็นคนโรคจิต 9
....................
ภาพตู้เย็นที่ว่างเปล่าเหลือ เพียงมายองเนสขวดเดียววางโดดเดี่ยวเดียวดายพาให้โยถอนหายใจอย่างสุดเซ็ง... แม้กระทั่งน้ำซักแก้วยังไม่มีให้ดื่ม

เขาหมกตัวอยู่ในห้องนี้มา ตั้งแต่คืนวันศุกร์ จนนี่บ่ายแก่ๆวันอาทิตย์แล้วก็ยังเคลียร์งานไม่เสร็จ เวลาที่จะเหลืออยู่ก่อนจะกลับบ้านก็แค่สองวันเท่านั้นเอง เขาจะทำให้เพื่อนร่วมงานลำบากไม่ได้ งานสรุปโปรเจ็คส์ต้องทำให้เสร็จก่อนที่จะลาออกไป ความรับผิดชอบมันสั่งให้ทำอย่างนั้น เขาเร่งทำงาน...เร่งซะจนไม่แม้แต่จะกินข้าวหรือขนมเพื่อรองท้อง

แต่ตอนนี้หิวน้ำชะมัด

ร่างบางตัดสินใจเดินออกจาก ห้องส่วนตัว เลยห้องตัวเองไปเคาะประตูยังห้องข้างๆ หวังว่าจะขอน้ำแค่ซักแก้วดื่ม แต่รอจนแล้วจนรอดก็ไม่มีวี่แววว่าเจ้าของห้องจะเปิดประตูออกมารับเลย

พี่เนศคงไม่อยู่

โยถอนใจเฮือกใหญ่อีกครั้ง หนึ่ง...คิดถึงชะมัด ไม่ได้เจอมาตั้งสามวันแล้ว ตั้งแต่วันที่เขากับพี่เนศเกินเลยกันเป็นครั้งที่สอง หลังจากนั้นพี่เนศก็หลบหน้าหลบตาเขาตลอด จนตอนกลางคืนหลังจากที่เก็บข้าวของส่วนตัวเสร็จก็กลับมาห้องตัวเองโดยไม่ได้ คุยอะไรกันอีกเลย

โยเดินกลับห้องตัวเองอย่างห่อเหี่ยว หิวก็หิว คิดถึงก็คิดถึง

ก็ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่า เอาน่ะ เดี๋ยวงานเสร็จอะไรๆก็จะดีขึ้นเอง เหลือแฟ้มที่ต้องสรุปอีกแค่สามแฟ้มเอง หลังจากนั้นก็จะไปหาอะไรอร่อยๆกินปลอบใจ แล้วก็ไปหาพี่เนศให้หายคิดถึงได้ซะที

ร่างบางเปิดตู้เสื้อผ้าชั้น ล่างสุด ปรากฏของจุกจิกมากมาย ทั้งกางเกงในที่พับใส่ถุงพลาสติกเรียบร้อยสามสี่ตัว มีดโกนหนวดอันล่าสุดที่ได้มา ช้อนส้อมใช้แล้ว ไม่เว้นแม้กระทั่งปอยผมสีน้ำตาลเข้มในห่อพลาสติก โยเลือกหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กที่ธเนศใช้เช็ดหน้าหลังโกนหนวดขึ้นแนบจมูก สูดดมกลิ่นอาฟเตอร์เชฟหอมกรุ่นเจือจางที่ติดผ้าขนหนูอย่างชื่นใจ

...กลิ่นของพี่เนศ...

ตอนแรกก็แค่หลง ตอนแรกก็แค่เข้าใจผิด คิดว่าพี่เนศเป็นพี่นัท เรื่องในคืนแรกก็แค่อยากให้ใครสักคนเป็นตัวแทนของพี่นัท คนที่เขาหลงรักมานานเท่านั้นเอง พอรู้ว่าพี่เนศเป็นพี่ชายของพี่นัท ก็ได้แต่บอกตัวเองว่า นี่เป็นโอกาสดีที่ฟ้าส่งมาให้ เขาจะได้พี่นัทมาครอบครองซักที...ถึงจะไม่ใช่พี่นัทตัวจริง แต่มันก็พอจะทดแทนกันได้ หน้าตาก็คล้ายกันออกซะขนาดนั้น นิสัยเล่าก็ยังออกจะคล้ายๆกันซะอีก

แต่พอเอาเข้าจริงๆ ระยะเวลาเกือบเดือนที่ได้อยู่ใกล้ชิดพี่เนศทำให้รู้ว่า พี่เนศกับพี่นัทนั้นเหมือนกันแค่บางส่วนเท่านั้น กลับมีส่วนต่างกันมากมาย พี่เนศติดนิสัยพี่ชาย ชอบที่จะดูแล คอยจู้จี้จุกจิก คอยทำให้ทุกอย่าง ต่างกับพี่นัทที่ติดนิสัยน้องชาย ชินกับการได้รับซะมากกว่า

แล้วเขาก็ตกหลุมรักอีกครั้งหนึ่ง

รักพี่เนศที่เป็นตัวตนที่แท้จริงของพี่เนศ...ไม่ใช่ตัวแทนของพี่นัท

ภาพชายหนุ่มร่างใหญ่นอนหลับ อุตุเคียงข้างทุกคืน แวบเข้ามาในหัว แม้จะนอนเคียงข้างกันโดยไม่มีอะไรเกินเลย...พูดอีกทีมีนิดหน่อยตอนที่พี่เนศ หลับไปแล้ว...แต่เขาก็มีความสุขที่ได้อยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้

ภาพของพี่นัทที่เคยอยู่ในใจเสมอมา ตอนนี้จึงแทนที่ด้วยใบหน้าหล่อๆ กับสายตาสีน้ำตาลเข้มที่จ้องมองอย่างซื่อตรงของพี่เนศแทน

จากเรื่องเมื่อสามวันก่อนทำ ให้พอจะเข้าข้างตัวเองได้ว่า อาการรังเกียจผู้ชายของพี่เนศคงจะหายไปแล้ว แม้เจ้าตัวจะยังไม่รู้ตัวก็เถอะ แต่จะทำยังไงให้พี่เนศยอมรับออกมาได้เท่านั้น อยากให้พี่เนศยอมรับออกมาเหลือเกินว่า รักเขา อยากให้พี่เนศใจดีกับเขาเพียงคนเดียว...ในฐานะที่เป็นคนรัก ไม่ใช่การใจดีที่เกิดจากนิสัยพี่ชายของพี่เนศ

ผ้าขนหนูผืนน้อยถูกปากแดง อิ่มจูบซับอย่างอาลัยอาวรณ์ราวกับร่างบางต้องการส่งจุมพิตบางเบาไปยังผู้ เป็นเจ้าของ ก่อนที่มือบางจะพับผืนผ้าอย่างเรียบร้อย เก็บกลับเข้ายังตู้สะสมของพี่เนศดังเดิม ไม่ลืมลูบไล้อย่างคิดถึงเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะปิดตู้ลง

โยยกสองมือขึ้นตบแก้มตัวเอง เบาๆดังแปะ ก่อนจะรวบรวมแรงฮึดอีกครั้ง พยายามไม่สนใจเสียงพยาธิไชท้องดังโครกคราก บอกตัวเองว่า...อีกแค่นิดเดียวจะใกล้ฝันแล้ว รีบๆเคลียร์งานให้เสร็จจะได้ไปหาพี่เนศซะที...จะได้กินข้าวด้วย


+++++++++++++++++++++++++++++++++++

ป๊อก!!

เสียงลูกสักหลาดกระทบเอ็นไม้ แร็กเก็ตก่อนจะเด้งกระทบพื้นข้ามตาข่ายไปยังอีกฟากฝั่งให้ชายหนุ่มหน้าตี๋ กั๊ก ได้ตีโต้กลับมา ธเนศไม่ยอมแพ้ลงทุนเปิดประตูที่สามออกท่าทริปเปิ้ลเคาน์เตอร์นางแอ่นเหินโต้ กลับ ลูกเทนนิสถูกส่งข้ามเน็ตอีกครั้งก่อนจะราบตามพื้นคอร์ดโดยไม่เด้งกระดอนขึ้น สู่อากาศ กั๊กฮึกเหิมลากแร็กเก็ตกับพื้นคอร์ดเปลี่ยนจุดหมุนให้แก่บอลลูกเล็กก่อนจะ งัดขึ้นสู่บรรยากาศ กระโดดสูงสามเมตรส่งท่าสแมชความเร็วสองร้อยสามสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงโต้กลับ จนลูกเทนนิสแทบลุกเป็นไฟ

ผลัวะ!!!

ผิดคาด แทนที่ธเนศจะโต้กลับได้ ความเหม่อดันกัดกินจิตใจให้ลืมส่งลูกข้ามฝั่ง เจ้าลูกเทนนิสเจ้ากรรมจึงหมุนควงสว่านพุ่งเข้าแก้มสากๆอย่างจัง ส่งผลให้ร่างสูงร้องออกมาหนึ่งแอ้กก่อนจะหงายตึงลงบนพื้นสนาม เรียกให้เพื่อนสนิทผู้ต้องหาพยายามฆ่าต้องลนลานวิ่งข้ามฝั่งมาดูอาการอย่าง เป็นห่วงว่าตัวเองจะโดนจับ

...

...

“เป็นไง ดีขึ้นบ้างรึยัง” กั๊กถามขึ้นหลังจากที่ลากร่างสูงมานั่งประคบเย็นข้างขอบสนามได้พักใหญ่

“อืม โทษที ดันหลับซะได้”

“หลับระหว่างเล่นเทนนิสเนี่ยนะ?!”

หลับก็คือหลับ ธเนศยอมรับว่าตัวเองก๊งถึงขนาดหลับระหว่างเล่นเทนนิส แต่จะไม่ให้หลับได้ยังไง ก็นอนไม่หลับมาตั้งสองคืนแล้วนี่นา

หลังจากที่โยกลับไป ตอนแรกชายหนุ่มล้มตัวลงนอนบนเตียงหลังใหญ่อย่างรื่นเริง ดีจริงๆ ในที่สุดก็ได้ครอบครองเตียงคนเดียวแล้ว ไม่ต้องมีผู้ร่วมเตียงแล้ว แต่หลังจากนั้นอีกครึ่งค่อนคืนกลับต้องลุกขึ้นมาต้มมาม่ากินด้วยเหตุผลว่า ตามันไม่ยอมปิด

ไม่น่าเชื่อจริงๆ ว่าการมีคนนอนอยู่ข้างๆทุกคืนเกือบหนึ่งเดือนมันทำให้นิสัยขาดคนนอนข้างๆไม่ ได้ก่อกำเนิดขึ้นมา ธเนศนึกถึงหน้าใสๆที่นอนซุกอยู่ข้างกายทุกคืน เมื่อตื่นขึ้นมาก็ต้องคอยแงะร่างเล็กที่นอนกอดก่ายแน่นเป็นปลิงเสียทุกครั้ง ไป ตอนแรกก็รู้สึกรำคาญว่าร้อนจะตายจะมากอดทำไม แต่หลังๆดันติดใจสัมผัสอบอุ่นนุ่มนิ่ม กับกลิ่นแป้งเด็กหอมๆซะได้

“ก็นอนไม่หลับน่ะสิ” หลังจากเหม่อไปได้สามย่อหน้า ธเนศก็ตอบกลับไป

“ทำไมล่ะ เด็กคนนั้นกวนหรือไง...ชื่ออะไรนะ...โยใช่มั้ย”

“ก็ไม่ได้กวนหรอก ที่จริงก็นอนไม่หลับตั้งแต่ที่เด็กนั้นกลับห้องไปนั่นแหละ”

“เห” กั๊กยิ้มกริ่ม ชี้นิ้วชี้จิ้มแก้มสากล้อๆ “เหงานอนไม่หลับใช่มั้ย ถ้าไงให้เพื่อนคนนี้ไปนอนเป็นเพื่อนดีมั้ยจ๊ะ เนเน่จัง”

ใช่...เพื่อนของเขาคนนี้เดา ได้ไม่ยากหรอก...กั๊กคิด...ก็ตอนที่มันมาอยู่หอใหม่ๆยังต้องมาขอนอนด้วย เพราะนอนคนเดียวไม่หลับเลยนี่นา ใช้เวลาตั้งนานกว่าจะแก้นิสัยนี้หาย ตอนนี้มีคนมานอนข้างๆด้วยตั้งหนึ่งเดือน คงจะติดใจซะแล้วล่ะมั้ง

ธเนศปัดนิ้วของเพื่อนสนิททิ้งฉุนๆ “พอเลย ไอ้บ้า ฉันนอนคนเดียวได้โว้ย”

กั๊กคว้าผ้าขนหนูที่พาดบนกระเป๋าขึ้นเช็ดหน้าพาดบ่า ก่อนจะหยิบขวดน้ำเย็นขึ้นกรอกปาก “วันนี้ร้อนนะ ว่ามั้ย?”

ธเนศพยักหน้าตอบไปแกนๆ “อือ”

“เล่นเทนนิสแล้วเมื่อยแขนด้วย ไม่ได้ออกแรงเยอะๆมาตั้งนาน”

“...อือ”

“เอางี้...ไปนวดกันมั้ย นวดน้ำมันน่ะ นายไม่เคยนวดนี่นา ฉันมีร้านประจำอยู่ ที่นั่นเค้านวดสบายสุดยอดเลยนะเฟ้ย ไปด้วยกันมั้ย?”





“…ไม่ดีกว่าว่ะ...”


+++++++++++++++++++++++++++++++++++


...ประตูห้องคอนโดทุกห้องมัน ก็ครือๆกัน กริ่งมันก็คล้ายๆกัน...แล้วทำไมกดยากกดเย็นอย่างนี้ฟะ…ธเนศคิดอย่างหัวเสีย เดินวนไปมาเป็นเลขแปดอยู่หน้าห้องโยมาเป็นเวลาสิบกว่านาทีแล้ว

...ก็แค่บอกว่าทำข้าวเกิน ให้ไปนั่งกินด้วยกัน แค่นี้เอง เอาเลย! ไอ้เนศ เคาะประตูแล้วก็บอกไป...แค่นี้เอง

คิดวนไปมาเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ โดยพยายามปัดเหตุผลที่ว่า กินข้าวคนเดียวแล้วเหงาทิ้งไป

จะว่าไปก็ไม่เห็นหน้ามาตั้ง สามวันแล้ว เห็นโยบอกแค่ว่าต้องเคลียร์งานให้เสร็จ แล้วก็หายหน้าไป ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง ขนาดอยู่สองคนยังมีเรื่องป่วนๆป้ำๆเป๋อๆทุกวัน นี่มาอยู่คนเดียวคงไม่ได้ทำห้องเละไปแล้วหรอกนะ

คิดอย่างเป็นห่วงกลัวว่าถ้า เปิดห้องมาแล้วจะมองเห็นสภาพฉนวนอาก้าอยู่ข้างใน ก่อนจะรู้สึกตัวว่าเพ้อเจ้อเกินไป ส่ายหัวทิ้งพลางกลั้นใจกดกริ่งติ๊งต่อง

...

...

...เงียบ...

หรือว่าไม่อยู่?

ติ๊งต่อง~

….

…เงียบ...

ก็คงจะไม่อยู่ แต่คิดอีกที เจ้าตัวบอกเองว่าจะรีบเคลียร์งานนี่นา...ร่างสูงถือวิสาสะบิดลูกบิดประตูลอง เปิดดู...แล้วก็เปิดได้จริงๆ...เจ้าเด็กนี่น้า บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้ล็อกประตู ไม่รู้จักจำ!

แต่ก็ต้องปัดความคิดที่จะจับ ตีก้นลงโทษทิ้งไป เมื่อสภาพที่เห็นในห้องนั้น เต็มไปด้วยกระดาษเอกสารเกลื่อนพื้นห้อง เมื่อกวาดสายตามองไปยังส่วนกลางของห้องก็ต้องลนลาน เมื่อเห็นร่างบางนอนฟุบหน้าแน่นิ่งอยู่ที่พื้น ไม่มีท่าทีว่าจะลุกขึ้นมาต้อนรับผู้บุกรุกเลย

โดยไม่ต้องคิด ธเนศรีบเขย่งก้าวกระโดดข้ามกองเอกสารไปยังร่างของเด็กหนุ่ม จับนอนหงายก่อนที่มือใหญ่จะตบแปะลงบนแก้มใสที่เริ่มซูบตอบเบาๆ “โย...เฮ้ย!...โย...”

ไร้เสียงตอบรับกลับมา ทำให้หัวใจเต้นถี่รัวด้วยความเป็นห่วง ธเนศจับแขนบอบบางพาดบ่า ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เมื่อเห็นว่าท่านี้ไม่เหมาะจึงค่อยเปลี่ยนเป็นท่าอุ้มเจ้าสาวแทน พลางรับรู้ถึงน้ำหนักแผ่วเบาของร่างในอ้อมแขน

“อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะ โย” พูดกับร่างไร้สติเบาๆก่อนจะรีบอุ้มออกจากห้อง มุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาล ปล่อยให้กับข้าวที่ทำเผื่อสำหรับสองคนแห้งจืดอยู่ในห้องอย่างเดียวดาย


++++++++++++++++++++++++++++++++


“หิวจนเป็นลม”

เป็นคำที่หมอบอกมา ธเนศฟังด้วยความเซ็งจิต ใจหนึ่งก็โล่งอกที่โยไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่อีกใจก็นึกโมโหว่า เจ้าเด็กนี่ปั่นหัวเขาอีกแล้ว

หลังจากคุยกับหมอเรียบร้อย ร่างสูงก็เปิดประตูเข้าไปยังห้องพิเศษที่เด็กหนุ่มนอนให้น้ำเกลือ เหลือบมองร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงขาวสะอาด...โยยังไม่มีท่าทางว่าจะตื่นเลย ...นี่คงจะอดข้าวอดน้ำแล้วยังอดนอนด้วยสินะ ถึงได้หลับลึกขนาดนี้...

ขาแกร่งก้าวไปยังเตียงนอน พิจารณาใบหน้าขาวใสอย่างเหม่อลอย

มองกี่ทีก็ชอบ...ใบหน้านี้ ...หลงรักตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นในผับ ถ้าไม่ได้เป็นผู้ชายก็คงจะดี...ไล่ตั้งแต่หน้าผากกลมมน คิ้วเรียวโก่ง แพขนตาหนา จมูกรั้นน้อยๆบ่งความเอาแต่ใจ ไล่ลงมาถึงริมฝีปากแดงอิ่มก็พลันหน้าแดง เมื่อนึกถึงเรื่องในคืนก่อน...ปากน้อยนี้เอง ที่ครอบครองทั้งหมดของเขาเอาไว้ ปากนี้เอง ที่เขาปลดปล่อยห้วงอารมณ์ใส่จนหยาดหยดสุดท้าย

ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงต่ำ ดวงตาจับจ้องอยู่ที่ริมฝีปากราวกับต้องมนตร์ อีกเพียงไม่กี่เซ็นริมฝีปากจะแตะกัน ...อีกแค่นิดเดียว...

แกร็ก!

เสียงประตูห้องเปิดผางอย่าง กะทันหันทำให้ร่างสูงลุกขึ้นเหยียดเต็มความสูงอย่างตกใจ เมื่อหันกลับไปก็พบว่ากั๊กกำลังมองตรงมาด้วยสายตารู้ทัน

“มันไม่ใช่อย่างที่นายคิดนะ ก็แค่...” ธเนศเอ่ยแก้ตัวลนลานก่อนจะสะบัดหัวแรงๆทีหนึ่ง “ฝากด้วยละกัน เดี๋ยวจะไปซุปเปอร์ข้างๆซื้อของใช้ส่วนตัวก่อน คงต้องนอนโรงพยาบาลซักคืนนึง...” พูดยังไม่จบดีก็ผลุนผลันออกจากห้องไปทิ้งให้เพื่อนสนิทอยู่กับร่างบางตาม ลำพัง


+++++++++++++++++++++++++++++++++++


หลังจากได้ข่าวเรื่องรุ่น น้องผู้ร่วมงานป่วยเข้าโรงพยาบาล กั๊กจึงเดินทางมาเยี่ยมเพื่อแสดงน้ำใจเล็กๆน้อยๆ...ก็ดีเหมือนกัน จะได้มาเห็นหน้าด้วย ยังไม่รู้จักกันเลย

คิดพลางเดินเข้าไปใกล้เตียงนอนเพื่อดูหน้า ทันทีที่เห็นใบหน้าคุ้นตาก็ต้องเบิกตากว้างไปพักใหญ่ ก่อนจะรวบรวมสติได้ ยกยิ้มอย่างย่ามใจ

“ลืมตาได้แล้วมั้ง?” กั๊กพูดเบาๆ

แพขนตาหนากระตุกนิดๆก่อนที่เปลือกตาบางจะลืมขึ้นเผยให้เห็นดวงตาสีราตรีใสแจ๋วข้างใต้

“ตรงนี้น่ะ” กั๊กว่าพลางทำท่าชี้ขนตา “ไม่เนียนเลย คนหลับเค้าไม่กระตุกกันหรอกนะ” จะว่าไป ไอ้เนศนี่ก็ซื่อบื้อซะจริง แค่นี้ก็ดูไม่ออก

“เรารู้จักกันด้วยเหรอ?” โยถามเรียบๆ ค่อนข้างหัวเสีย...ชิ อีกนิดเดียวพี่เนศก็จะจูบแล้ว ดันมาขัดจังหวะซะได้

กั๊กยิ้ม “จำไม่ได้สินะ เราเคยเจอกันที่ผับครั้งนึง”

“เหรอ?” โยตอบรับแกนๆอย่างไม่สนใจใยดี

“นายชื่อโยใช่รึเปล่า คนที่อยู่กับเนศตอนนี้?” กั๊กเปิดประเด็นอย่างใคร่รู้

โยหันกลับมาให้ความสนใจชาย หนุ่มหน้าตี๋ มองผ่านเลนส์ใสของแว่นตาเข้าไปยังดวงตาดำสนิทข้างใต้...พี่เนศสนิทกับคนคน นี้ขนาดเล่าเรื่องเขาให้ฟังเชียวหรือ? “ถ้าใช่แล้วจะทำไม”

“ก็ไม่ทำไม” ยืดตัวสูงแสร้งให้ความสนใจกับขวดน้ำเกลือที่แขวนอยู่แทน ก่อนจะหันกลับมาสบตาจริงจัง

“แค่จะบอกว่า เลิกตามตื้อเนศอย่างนี้ซะเถอะ มันไม่ได้ผลหรอก”


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ธเนศหิ้วถุงก๊อบแก๊บบรรจุของ ใช้ส่วนตัวห้าหกอย่างไว้ที่แขนข้างหนึ่ง อีกข้างหิ้วตะกร้าผลไม้เยี่ยมไข้ ก่อนจะหายใจเข้าเฮือกใหญ่ เตรียมตัวเปิดประตูเข้าห้องไป…กั๊กคงจะไม่บอกเรื่องเมื่อกี้ให้โยรู้หรอกนะ เสียหน้าแย่ ตัวเองประกาศปาวๆว่าผู้ชายรักกันมันผิด ดันลืมตัวจะไปจูบเค้าซะได้

แต่ยังไม่ทันได้เปิดประตู ประตูดันชิงถูกเปิดจากข้างในก่อน ตามด้วยเสียงของกั๊กที่พูดก่อนจะออกมาจากห้อง “...คิดให้ดีนะ...”

คิดอะไร?

เมื่อกั๊กหันกลับมาจ๊ะเอ๋กับธเนศที่ยืนเอ๋ออยู่ก็เบิกตากว้างเล็กน้อยก่อนจะยิ้มให้ “ฉันกลับก่อนนะ มีงานค้างอยู่น่ะ”

...งานอะไรฟะ นี่มันวันอาทิตย์ กลบเกลื่อนเห็นๆ...

แต่ธเนศก็ไม่ได้ว่าอะไร ในเมื่อเพื่อนเขาไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไร นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มมองตามแผ่นหลังของเพื่อนที่ห่างไปทุกทีก่อนจะละกลับมา ให้ความสนใจคนที่อยู่ในห้องแทน

“ตื่นแล้วเหรอ” ...น่าแปลก ดูโยจะเหม่อลอยผิดปกติ คงจะยังเพลียอยู่.... ร่างสูงไม่ว่าอะไร เดินไปวางผลไม้กับถุงของใช้ที่โต๊ะตรงข้ามเตียงแทน





“พี่เนศใจดีกับทุกคนอย่างนี้รึเปล่า?” อยู่ดีๆโยก็ถามขึ้นมา

“อะไรนะ?” ด้วยความว่าคงจะฟังเสียงเบาๆนี้ไม่ชัด ธเนศจึงถามกลับไป แต่น่าเสียดาย ที่คงจะไม่ได้ยินคำถามนี้อีกเป็นครั้งที่สอง

โยล้มตัวลงนอน ดวงตามองหยดน้ำเกลือหยดติ๋งๆอย่างเหม่อลอย


++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิต4-5 24/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: playCardPlaYBoy ที่ 26-04-2008 10:13:51
แฟนผมเป็นคนโรคจิต 10
....................
ลมหนาวต้นปีพัดโกรกเข้ามายัง ส่วนของที่จอดรถคอนโด พาให้ร่างบางต้องกระชับเสื้อหนาวเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ตัว เหลือบมองนาฬิกาข้อมือ ใจก็คิดหมกมุ่นอยู่แค่เรื่องเดียว

“เลิกตามตื้อเนศอย่างนี้ซะเถอะ มันไม่ได้ผลหรอก” เป็นคำที่ติดอยู่ในใจมาตั้งแต่วันที่นอนโรงพยาบาล

“ที่เนศมันใจดีอย่างนี้น่ะ เพราะเป็นนิสัยของมันเอง ไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าจะต้องทำดีกับใครเป็นพิเศษ” เป็นอีกคำที่บั่นทอนกำลังใจเด็กหนุ่มทั้งยามหลับยามตื่น

เขาก็พอเข้าใจ...แรกเริ่มที่ ตัดสินใจวางแผนจีบพี่เนศ เขาก็ใช้ความใจดีที่เป็นจุดอ่อนของพี่เนศนี่แหละ ทั้งการขอเข้าไปอยู่ด้วย ทั้งขอให้สอนทำอาหาร ทำงานบ้าน แล้วก็อีกมากมาย จนถึงเดี๋ยวนี้จึงยังไม่แน่ใจสักที ว่าที่พี่เนศปฏิบัติกับเขานั้น ‘เป็นพิเศษ’ หรือว่าแค่ปกติทั่วไป

“เฮ้อ” โยถอนหายใจเฮือกใหญ่ วันที่ในนาฬิกาข้อมือยิ่งทำให้กลุ้มหนักกว่าเดิม

...วันนี้เขาจะต้องกลับบ้านตามสัญญาที่ให้ไว้กับทางครอบครัวแล้ว...

...ทั้งๆที่ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเลย…

“เหม่ออะไร?”

เสียงเข้มเรียบที่พูดอยู่ ข้างตัวทำให้เด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือก เพิ่งรู้ตัวว่ามีคนอยู่ใกล้ๆ เมื่อหันไปมองก็ต้องขำกับภาพที่เห็น ผู้ชายตัวโตหอบตุ๊กตาคิตตี้เต็มไม้เต็มมือนี่มันดูไม่เข้ากันเอาซะเลย

“ขอบคุณครับ ท่านรอง” โยขอบคุณพลางรับตุ๊กตาตัวใหญ่ไว้ในอ้อมแขน ยิ้มอย่างดีใจว่าในที่สุดก็หาได้เสียที...ตุ๊กตาคิตตี้ที่พี่เนศนั่งจ้องใน แคตตาล็อกวันนั้น คิดว่าคงจะอยากได้มาก จึงเพียรหามาเป็นของขวัญก่อนที่จะกลับบ้านไป ตอนแรกจะโทรหาพี่นัท ก็คิดได้ว่าเรื่องนี้ไม่น่าให้พี่นัทรู้ จึงโทรหาท่านรองชวนันท์แทน คิดว่าคงจะพอรู้แหล่งอยู่บ้าง...แล้วก็รู้จริงๆเสียด้วย แถมยังอุตส่าห์ไปซื้อมาให้อีกต่างหาก

“โอ๊ะ!” อุทานออกมาเบาๆเมื่อน้ำหนักของตุ๊กตามากกว่าที่คิดไว้ทำให้เซถอยหลังไปก้าว หนึ่ง พลันรู้สึกถึงมือใหญ่อุ่นที่ดุนแผ่นหลังไม่ให้หงายล้มลงไป เงยหน้าขึ้นก็พบท่านรองมองมาอย่างดุๆ

“ระวังหน่อย” วูบหนึ่งที่โยคิดว่า ท่านรองนี่ก็เป็นคนดีเหมือนกันนะ โดยหารู้ไม่ว่า ชายหนุ่มไม่ได้ห่วงร่างบางเลย ก็แค่ห่วงว่าผลิตภัณฑ์ซานริโอ้®ในดวงใจจะเปื้อนฝุ่นเท่านั้นเอง

“ขอบคุณ” โยตอบกลับอย่างญาติดี ยิ้มหวานส่งให้พร้อมกล่าวคำลา “แล้วจะโอนเงินค่าตุ๊กตาไปให้นะครับ” เมื่อหันหลังกลับเดินไปได้สามก้าวก็ถูกอุ้งมือหนาตะบบบ่าหยุดเอาไว้เรียกให้ หันกลับไปมอง

“รูปถ่ายของนัท” ชิ...นึกว่าลืม...โยคิดอย่างหัวเสีย ควักอัลบั้มรวมรูปพี่นัทตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัยส่งให้ร่างสูง

“ขอบใจ” ท่านรองพูดเพียงสั้นๆก่อนจะขึ้นรถปิดประตูซิ่งออกจากบริเวณลานจอดไป


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++


จากลานจอดรถ ขึ้นลิฟท์มาถึงห้องตัวเองได้ก็เรียกเหงื่อไม่น้อยเหมือนกัน เพราะเจ้าคิตตี้ตัวนี้มันหนักเหลือเกิน แต่ในใจมันเบิกบานจนไม่ได้คิดว่าลำบากอะไร...ในหัวนึกถึงใบหน้าดีใจยามที่ ร่างสูงได้ของขวัญ ยามที่พวกเขากินข้าวเย็นมื้อสุดท้ายด้วยกัน คิดเผื่อถึงว่าจะทำอย่างไรจึงจะขโมยจูบได้ ริมฝีปากแดงอิ่มก็ยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

เด็กหนุ่มรูดการ์ดกุญแจเปิดประตูเก้ๆกังๆ ฉับพลันก็ต้องร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ เมื่อรู้สึกถึงแรงจับที่ต้นแขน

“เคยสัญญากันแล้วไม่ใช่รึไง ว่าอย่าไปยุ่งกับเจ้าชวนันท์อีก” เสียงเครียดๆที่กระซิบข้างหูทำให้ขนอ่อนลุกชันไปหมด

“พี่เนศ!” เมื่อหันกลับไปก็ต้องถอยหลังไปก้าวหนึ่งอย่างกริ่งเกรง หน้าตาบึ้งตึงของธเนศนั้นน่ากลัวแบบที่โยไม่เคยเห็นมาก่อน...พี่เนศโกรธ อะไร?

ร่างสูงเหลือบมองตุ๊กตาตัวใหญ่ แค่นเสียงต่ำ “แอบพบกันไม่พอ ยังอุตส่าห์หาตุ๊กตามาเป็นของขวัญกันอีก นี่คงจะคิดถึงกันมากสินะ!”

…เขาจะคิดว่าพี่เนศโกรธเพราะหึงได้รึเปล่า?...

“ถึงขนาดแลกไดอารี่กันอ่าน หึ! น่ารักกันจริงนะ”

...เขาเข้าข้างตัวเองได้มั้ย?...

“เคยบอกแล้วไง ว่าพี่ยอมให้พวกนายทำให้นัทเสียใจไม่ได้!!”

คำพูดบาดลึกจิตใจเหมือนเป็นคำตอบที่บดขยี้ความหวังของเด็กหนุ่มเสียแหลกละเอียด กระบอกตาร้อนผ่าว ก้อนจุกคอจนพูดไม่ออก

“ผู้ชายมีตั้งเยอะแยะ จะไปยุ่งกับคนที่เค้ามีเจ้าของแล้วทำไม!”

ยังไม่ทันตอบกลับไป ริมฝีปากก็ถูกปิดด้วยปากบางของคนตัวสูงกว่า ตามด้วยลิ้นหน้าที่จาบจ้วงเข้ามาอย่างดุดัน ด้วยความคาดไม่ถึงว่าจะเป็นฝ่ายถูกจูบ ทันทีที่ปากแยกจากกัน เด็กหนุ่มจึงถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ “พี่เนศทำอะไร?”

คำตอบที่ได้กลับมากลับยิ่งทำให้ใบหน้าที่ร้อนอยู่แล้ว ร้อนฉ่ามากขึ้นกว่าเดิม

“ก็ในเมื่ออยากได้ผู้ชายนัก จะสนองให้ไง จะได้ไม่ต้องไปรบกวนคนอื่นเขา”

…พี่เนศมองเขาในมุมนี้เองเหรอเนี่ย? การที่เขารุกพี่เนศหนักหน่วงทำให้เขาดูเป็นผู้ชายใจง่ายในสายตาพี่เนศใช่มั้ย?...

พี่เนศยอมเป็นของเขาแล้ว... แต่มันไม่ได้ทำให้รู้สึกดีเลยสักนิด...มันต้องไม่ใช่อย่างนี้…พี่เนศควรจะ ตอบรับเขาเพราะความรักไม่ใช่เหรอ?...

…มันต้องไม่ใช่อย่างนี้...

มือใหญ่กำต้นแขนบางไว้แน่น ใบหน้าหล่อเหลาซุกลงกับซอกคอขาว ดูดดุนจนเกิดจ้ำแดงช้ำ อีกมือปลดกระดุมเสื้ออย่างรุนแรง โดยไม่ได้ทันเห็นหยดน้ำอุ่นที่ไหลกลิ้งลงจากหางตาเลย

พลั่ก!!!

โดยไม่ทันตั้งตัว ร่างสูงพลันรู้สึกถึงแรงของกำปั้นที่กระทบข้างแก้มเข้าอย่างจังจนหน้าหัน เมื่อหันกลับมามองก็ต้องตกตะลึงกับภาพของเด็กหนุ่มใบหน้าอาบไปด้วยน้ำตา ทั้งๆที่หน้าใสนี้มักจะยิ้มให้เขาอยู่เสมอๆ

“พอกันที” โยกลั้นใจพูด พยายามไม่ให้เสียงสะอื้นเล็ดลอดออกมา ร่างบางจับมือใหญ่หมับ ลากไปยังส่วนของห้องนอน นั่งคุกเข่าลง เปิดลิ้นชักตู้ ล้วงของที่เก็บอย่างดีโยนใส่ชายหนุ่ม

“นี่ของที่ผมเคยเอามา ผมคืนให้พี่เนศ”

ธเนศก้มลงมองอย่างงงๆ มีทั้งผ้าเช็ดหน้า ผ้าขนหนู ช้อนส้ม ที่โกนหนวด แม้กระทั้งกางเกงในที่หายไป ถูกห่ออยู่ในถุงพลาสติกอย่างดี กองแน่นิ่งอยู่บนพื้นพรม “นี่มัน?”

“ใช่...ของของพี่เนศนั่นแหละ น่ารังเกียจใช่มั้ย ที่ผมเป็นโรคจิต ชอบเก็บของของคนที่ตัวเองรัก!! ของที่หวังว่ามันจะเป็นตัวแทนของคนคนนั้นได้ คนที่อยู่ในใจของผม!!”

“นาย...”

“พี่เนศคงไม่รู้เลย พี่เนศไม่รู้อะไรเลย! ตั้งแต่เรื่องที่ผมได้มาทำงานกับพี่เนศ ผมก็วางแผนกับคุณชวนันท์ไว้ ให้พี่นัทไม่ว่างมา ผมจะได้มาแทน บริษัทที่จ้างพี่เนศออกแบบ ก็บริษัทบ้านผม ห้องห้องนี้ผมก็จงใจย้ายมา เพราะรู้ว่าพี่เนศอยู่ข้างๆนี้ แม้กระทั่งเรื่องทำห้องพัง ก็ผมทำทั้งนั้น ทั้งหมดมันเป็นแผนของผมเอง!!”

“แต่ผมก็ได้รู้แล้ว ว่าที่ลงแรงทำไปทั้งหมดมันสูญเปล่า” แขนบางยกขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลริน กลั้นสะอื้นบอกตัวเอง “ใจของพี่เนศไม่ได้มีผมอยู่เลย พี่เนศห่วงแต่น้องชายตัวเองเท่านั้น…พี่เนศไม่เคยชายตามองผมเลย…

“...ผมจะกลับบ้านวันนี้แล้ว ...ตุ๊กตาตัวนี้ผมหามาให้เป็นของขวัญสุดท้ายก่อนจาก ขอบคุณที่คอยดูแล ขอบคุณที่พาไปโรงพยาบาล เรื่องงานที่บริษัทไม่ต้องห่วงหรอก ผมฝากเพื่อนไว้ให้ทำต่อแล้ว”

เด็กหนุ่มเขย่งปลายเท้า แนบริมฝีปากอิ่มยังปากบางของธเนศที่ยืนอึ้งพูดไม่ออก จ้องเข้าไปในดวงตาตกตะลึง เอ่ยคำเบาๆเป็นครั้งสุดท้าย

“ลาก่อนครับ”

+++++++++++++++++++++++++++++++


...โยจากไปแล้ว...

มือใหญ่ยกขึ้น ปลายนิ้วแตะริมฝีปากตัวเอง รู้สึกถึงรสเค็มปร่าของน้ำตาที่อีกฝ่ายส่งมาให้ ใบหน้าเปื้อนน้ำตาบีบคั้นจนเจ็บจี๊ดที่หัวใจ

...ในใจมันรู้สึกโหวงๆบอกไม่ถูก...

...จากนี้จะไม่ได้เจอกันแล้ว...


+++++++++++++++++++++++++++++++


นิ้วเรียวกดปุ่มโทรศัพท์มือถือ ค้นหาชื่อที่ได้บันทึกวันที่นอนโรงพยาบาล รอเสียงสัญญาณสักพักก็มีเสียงตอบกลับมา

“ว่าไง น้องโย?”

เด็กหนุ่มกลั้นใจเฮือกใหญ่ กรอกเสียงที่คิดว่านิ่งที่สุดลงไป “พี่กั๊ก...ผมทำตามที่บอกแล้วนะ”


+++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิต4-5 24/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: playCardPlaYBoy ที่ 26-04-2008 10:15:52
แฟนผมเป็นคนโรคจิต 11 [end]
.............................
…โยจากไปแล้ว...

ร่างสูงเหลียวมองรอบห้องคอน โด เพิ่งสังเกตเห็นว่า บัดนี้เครื่องเรือนที่เคยอยู่ในห้อง ของใช้ส่วนตัวของร่างบางนั้น ถูกเก็บเรียบแทบจะไม่เหลืออยู่เลย เป็นเครื่องยืนยันได้อย่างชัดเจนว่า เด็กหนุ่มย้ายออกจากห้องนี้ไปแล้วจริงๆ

ท่อนขาแกร่งย่อตัวลงนั่งคุก เข่ากับพื้น หยิบสิ่งของในห่อพลาสติกขึ้นดู...ของของเขาทั้งนั้น ทั้งของที่เขาคิดว่าหายไป ทั้งของที่ไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่าหายไป ดูจากช้อนส้อมใช้แล้ว โยคงจะซื้อของใหม่มาแทนที่…น่าทึ่งในความเนียนของเจ้าตัวแสบนี่จริงๆ

...น่ารังเกียจใช่มั้ย ที่ผมเป็นโรคจิต ชอบเก็บของของคนที่ตัวเองรัก!! ของที่หวังว่ามันจะเป็นตัวแทนของคนคนนั้นได้ คนที่อยู่ในใจของผม!!...

...โยชอบเขาขนาดนี้เลยเชียวหรือ...เขาจับจองพื้นที่ในใจของคนคนหนึ่งได้มากขนาดนี้เชียวหรือ

ขาเรียวยาวพาร่างสูงไปยัง ส่วนของห้องน้ำ มือใหญ่คว้าผ้าขนหนูผืนน้อยที่แขวนนิ่งอยู่ที่ราวขึ้นแนบจมูก สูดดมกลิ่นคุ้นเคยที่อยู่ข้างตัวยามหลับมาถึงหนึ่งเดือนเต็ม

...กลิ่นของโย...

...โยทำอะไรกับของที่แอบเอา มาบ้างนะ จะรู้สึกดีกับกลิ่นของเขา เหมือนกับที่เขารู้สึกดีอยู่ตอนนี้รึเปล่า...หวนคิดถึงน้ำหนักของมือน้อยที่ นวดเฟ้นน้ำมันอุ่นลงบนแผ่นอก มือใหญ่ก็วางทับร่องรอยแห่งความทรงจำ ไล่ตั้งแต่ช่วงคอแกร่ง แผ่นอกตึงแน่น วนเวียนยั่วยวนอยู่บริเวณหน้าท้อง ก่อนจะล้วงเข้าใต้ขอบกางเกง กอบกำแก่นกายตัวเองไว้หลวมๆ หลับตานึกถึงปากแดงอิ่มที่กลืนกินทั้งหมดของเขาเข้าไป ความรุ่มร้อน ความนุ่มนวลที่ได้รับ พลันขนอ่อนที่คอก็ลุกชัน จังหวะของนิ้วแกร่งเร็วขึ้นตามจังหวะของศีรษะทุยที่ผงกขึ้นลงในภาพจินตนาการ เสียวซ่านอย่างยากจะทัดทาน เร็วขึ้นเรื่อยๆจนถึงที่สุดของที่สุด ธเนศกดผ้าขนหนูผืนเล็กเข้ากับจมูกโด่งแนบแน่นกว่าเดิม สูดกลิ่นอายของเจ้าของขณะที่ปลดปล่อยห้วงอารมณ์ปรารถนาจนหมดสิ้น

ระหว่างเผยอปากหอบน้อยๆ สติรับรู้ก็หวนกลับมา

...เขาทำอะไร?...

...เขามีอารมณ์เพียงแค่คิดถึงเจ้าตัวแสบนี่น่ะหรือ?...

...รัก หวง หรือแค่หลงกัน?...

คิดอย่างสับสนไม่เข้าใจตัว เอง เขาไม่พอใจอย่างรุนแรงเมื่อภาพของเด็กหนุ่มหอบตุ๊กตาตัวใหญ่ไว้ในอ้อมแขน เซถลาเข้าสู่อ้อมอกของชวนันท์แทรกเข้ามาในจิตใจ

...ตอนนั้นเขาไม่ชอบเพราะว่าเขาไม่ต้องการให้น้องชายเสียใจ...

...

...

...ใช่มั้ย??...

 

++++++++++++++++++++++++++++++


“ไอ้เนศ เหม่ออีกแล้ว” ฝ่ามือที่ตบปั้บลงบนบ่าหนาเรียกความรู้สึกให้กลับมา ธเนศมองเพื่อนถือกล่องเค้กเจ้าประจำหน้ายิ้มแป้นอย่างหมั่นใส้...เออดี ร่าเริงกันเข้าไป

“อย่ามายุ่งกับกู” ธเนศบอกปัดๆพลางนอนพังพาบลงไปกับโต๊ะสำนักงาน

“อกหักหรือไง?” เสียงยังคงร่าเริง เรียกให้เส้นเลือดข้างขมับมันเต้นตุบๆ

“เออโว้ย!! อกหักแล้วไง!!!”

เงียบไปพักใหญ่

“อกหักจริงๆด้วย” กั๊กพูดเรียบๆ น้ำเสียงจริงจังกว่าเดิม “แล้วเป็นยังไงบ้างล่ะ”

“ก็ไม่ยังไง ช่างดิวะ! คนอะไร นึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไป!!” …ไม่ได้สนใจเล้ย ว่าคนอื่นเค้าจะคิดยังไง

“ฟังดูมันเหมือนเด็กทะเลาะกันมากกว่าว่ะ นายงอนใช่มั้ยเนี่ย?”

“จะงอนอะไรเล่า ไม่ได้ชอบซะหน่อย จะงอนทำไม” …ไม่ได้ชอบเลย จริงๆ...

“เห” เพื่อนสนิทยิ้มยียวน “แสดงว่าชอบล่ะสิ ถึงได้อารมณ์เสียอย่างนี้”

“จะชอบได้ยังไง ผู้ชายทั้งคู่” ธเนศยังคงเถียงไม่เลิก กั๊กไม่สนอะไร แสร้งแกะกล่องเค้ก วางใส่จานอย่างสบายอกสบายใจ

“เคยบอกแล้ว ว่าผู้ชายก็ช่าง รักก็คือรัก หรือนายว่าไม่จริง”

...รักก็คือรัก...ไม่อยากจะยอมรับเลย...

ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นในร้านเหล้า เช้าตรู่บนเตียงที่เกิดจากการเข้าใจผิด พบกันอีกครั้งในร้านกาแฟ จูบดูดดื่มท่ามกลางควันขโมง...

ไม่อยากยอมรับเลยว่าตกหลุม รักเจ้าเด็กตัวป่วนคนนี้ซะจนถอนตัวไม่ขึ้น...ที่ผ่านมาก็แค่ทิฐิของคนหัว ดื้อที่ไม่อยากยอมรับว่าตัวเองชอบผู้ชายเท่านั้นเอง

ธเนศสะอึก พูดไม่ออกเมื่อรู้ใจตัวเอง ฟังเพื่อนที่พูดพล่ามไปเรื่อยก็ยิ่งบาดใจ

“ก็เตือนไว้ก่อนแล้วน้า ว่าหักอกคนอื่นไปเรื่อย ระวังเจอตัวจริงจะถูกทิ้งเอา…”

คำเตือนมันเป็นจริง...เขาถูกโยทิ้งแล้วใช่มั้ย? พวกเขาจะไม่ได้พบกันอีกแล้วใช่มั้ย? โยหนีจากเขาไปแล้ว...

เมื่อเห็นว่าเพื่อนหน้าเสีย นิ่งไป กั๊กจึงไม่รอช้า หยอดใส่อีกดอก “ว่าแต่น้องโยนี่น่ารักดีนะ” ปรายตามองเพื่อนที่ใช้สายตาเอาเรื่องจ้องกลับมา มุมปากยกยิ้ม “ถ้านายอกหักแล้ว ขอต่อเลยได้เปล่า?”

...แค่เพียงนึกภาพโยกับผู้ชายคนอื่น ในอกมันก็ร้อนรุ่มไปหมด...

ร่างสูงกัดฟันกรอด เค้นเสียงลอดไรฟัน “เรื่องอะไร...”

“หา~?” กั๊กลากเสียงยาว ถามซ้ำว่าเพื่อนพึมพำอะไร

“เรื่องอะไรจะยอมวะ!!”

พูดได้เพียงประโยคเดียวก็หุน หันพลันแล่นออกจากออฟฟิศไป ทิ้งเพื่อนสนิทให้นั่งดื่มชากินเค้กอย่างร่าเริง นึกขึ้นได้ก็ต่อโทรศัพท์ไปยังเจ้าตัวยุ่ง

“ฮัลโหล น้องโย...ไอ้เนศมันแล่นไปแล้ว รอรับด้วยล่ะ แล้วก็อย่าลืมนะ อัลบั้มรวมรูปเซ็กซี่ของพี่เราน่ะ” เมื่อได้คำตอบที่พอใจ ก็วางสายไป หันมาสนใจกับเค้กของธเนศที่ไม่ได้รับการแตะต้องต่อไป

…ก็บอกแล้ว กับไอ้เนศน่ะ เอาแต่ไล่ตามเมื่อไหร่จะสำเร็จ ต้องหนีลูกเดียว มันกลัวถูกทิ้งจะตายไป...

หนุ่มแว่นคิดอย่างเป็นสุข เมื่อนึกถึงอัลบั้มรวมรูปของร่างงามสง่าผู้ที่อยู่ในดวงใจตั้งแต่วันแรกเจอ...จากนี้ไปจะได้รู้จักกันเสียที

“ว่าแต่พี่น้องนี่สวยเหมือนกันเลยน้า~” พูดเสียงสูงพร้อมกับอ้าปากงับสตอว์เบอร์รี่ชิ้นแดงเต็มคำ


+++++++++++++++++++++++++++++++++++


...หนีไปแล้วยังไง!!...

ร่างสูงคิดพลางจ่ายเงินให้รถ แท็กซี่ วิ่งตรงไปยังตึกสำนักงานใหญ่ บริษัทที่ธณัติน้องชายทำงานอยู่ ขึ้นลิฟท์ต่อตรงไปยังชั้นบนสุดโดยไม่เสียเวลาติดต่อประชาสัมพันธ์

...เจ้าเด็กนั่นยังลงทุนลงแรงเพื่อเขาไปตั้งเยอะ ทำไมเขาจะเป็นฝ่ายไล่ตามบ้างไม่ได้!!...

เดินเลยส่วนของโต๊ะเลขาสาวไป โดยไม่สนใจเสียงทัดทานที่ดังขึ้นอย่างตกใจ เมื่อเห็นป้ายทองเหลืองสลักชื่อรองประธานแปะอยู่หน้าประตูบานใหญ่ ก็ผลักผลัวะเข้าไปโดยไม่เคาะประตู

“พี่เนศ!!” เสียงคุ้นหูเรียกชื่อเขาอย่างตกตะลึง เมื่อมองเข้าไปก็ต้องอึ้งกับภาพน้องชายนั่งหันหลังเสื้อผ้าหลุดลุ่ยอยู่บน โต๊ะทำงานหลังใหญ่ อารมณ์เริ่มคุกรุ่น

...ไม่! เขาไม่ได้มาเพราะเรื่องนี้ เขามีเรื่องต้องทำ เป็นเรื่องที่สำคัญกว่าการขัดขวางน้องชายเสียอีก...

ธเนศส่ายหัวบอกตัวเอง มองรองประธานอย่างไม่ใคร่จะญาติดี แต่ก็ต้องข่มใจตัวเอง เมื่อคิดว่าคนคนนี้น่าจะเป็นคนที่รู้เรื่องของเจ้าเด็กบ้านั่นดีที่สุด

“นัท ขอพี่คุยกับเจ้าชวนันท์สองคน” พูดจบก็ยืนจ้องหน้าจ้องตาแผ่รังสีกับท่านรองประธาน ปลายสายตาเห็นน้องชายตัวเองแต่งตัวอิหลักอิเหลื่อก่อนจะออกจากห้องปิดประตู บานใหญ่ดังแกร๊กเบาๆ

“มีเรื่องอะไร” เมื่อท่าทางมาไม่ดี ชวนันท์ก็ส่งท่าต้อนรับพร้อมขับสู้กลับไป บรรยากาศให้ห้องราวกับมีเมฆดำเข้าปกคลุม

ธเนศเดินย่างสามขุมเข้าไปยัง ส่วนกลางของห้องรองประธาน เสียงรองเท้าหนังกระทบพื้นหินอ่อนดังแกร๊ก แกร๊ก บวกกับอุณหภูมิเย็นเฉียบยิ่งทำให้ระหว่างชายร่างสูงสองคนราวกับมีสายฟ้าฟาด ฟันกันอยู่

มือใหญ่กำแน่นจนสั่น เล็บจิกเข้าอุ้งมือจนเจ็บแปล็บ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มหลับสนิท กัดฟันกรอด ก่อนจะพูดด้วยเสียงที่คิดว่า ร้อนรนน้อยที่สุด

“ขอที่อยู่บ้านโยด้วย”

“หา?” ชวนันท์เบิกตากว้าง ถามอย่างเก๊กแตก ไม่นึกว่าพี่ชายของธณัติจะมาหาเขาด้วยเรื่องนี้

ธเนศก้มหน้า ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันที่ต้องพูดกับเจ้าคนที่เขาเกลียดแสนเกลียดนี้...แต่ เมื่อชั่งน้ำหนักระหว่างได้เจอหน้าใสๆที่หลอกหลอนในใจอยู่ตอนนี้กับการเสีย หน้าให้เจ้าชวนันท์ เขาก็พูดลอดไรฟันออกมาเสียงเบา “ขอร้องล่ะ”

ชวนันท์มองธเนศก้มหน้านิ่ง แก้มแดงเป็นมะเขือเทศ มุมปากก็ยกยิ้ม “แล้วถ้าฉันไม่บอกล่ะ?”

ใบหน้าหล่อเหลาเงยขึ้น จ้องเข้าไปในดวงตาดำสนิทของคู่สนทนาอย่างเว้าวอน ราวกับสุนัขถูกเจ้าของงดอาหาร นั่นทำให้ท่านรองประธานอดรนทนแกล้งต่อไปไม่ได้...ก็หน้าตามันเหมือนธณัติเลย นี่นา แค่เห็นหน้าเศร้าๆก็ปวดจี๊ดที่ใจแล้ว ร่างสูงถอนหายใจ มือล้วงกระเป๋าหยิบบุหรี่ขึ้นคาบจุดสูบ พ่นควันปุ๋ย ก่อนจะพูดออกมาเรียบๆ “…หนึ่งเดือน”

“หา?”

แสร้งหยิบเอกสารขึ้น อ่านอย่างไม่สนใจคู่สนทนา เริ่มกลยุทธการต่อรองเมื่อเห็นว่าอยู่ในสถานการณ์ได้เปรียบ “เลิกโทรหานัทหนึ่งเดือน เลิกขัดขวางพวกเราซะ ยังไงนายก็ตกหลุมรักผู้ชายเหมือนกันแล้ว ไม่มีเหตุผลให้ต้องขัดขวางพวกเราอีก”

ใบหน้าเปื้อนน้ำตาผ่านแวบ เข้ามาทำให้จิตใจอ่อนยวบ...ตอนนี้เจ้าเด็กบ้าที่ป่วนจิตใจเขามันสำคัญกว่า การขัดขวางน้องชายเสียอีก ธเนศเงยหน้าสบสายตามุ่งมั่น พูดตอบกลับไปด้วยเสียงหนักแน่น “...ได้...”


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++


“โห~” ธเนศอุทานยาวเหยียด อ้าปากหวอเมื่อแท็กซี่พามาจอดตามที่อยู่ที่ได้มา “บ้านหรือปราสาทฟะเนี่ย!”

ไหนตอนแรกบอกว่ามีแค่พี่สาว ไม่มีบ้านอยู่จนต้องมาขออาศัยอยู่ตั้งเดือนนึง...เจ้าเด็กบ้านี่หลอกเขากี่ เรื่องกันนะ...มิน่าถึงทำงานบ้านไม่เป็นสักอย่าง ก็บ้านใหญ่โมโหราฬอย่างนี้จะเคยทำเองได้ยังไง

คิดๆไปก็ไม่เข้าใจ คุณชายอย่างโย ทำไมถึงมาสนใจผู้ชายที่ไม่มีอะไรเลยอย่างเขากันนะ พวกเขาเหมาะสมกันจริงๆหรือ?

“มาหาใครครับ?” ยามที่อยู่ในป้อมหน้าบ้านถามขึ้นมาเมื่อเห็นชายหนุ่มร่างใหญ่ยืนอยู่หน้ารั้วนานสองนาน

ธเนศกลืนน้ำลายลงคอเอื๊อก ก่อนจะตอบกลับอย่างสุภาพ “หาโยครับ เขาอยู่รึเปล่า เรียกมาคุยหน่อยได้มั้ย?”

“คุณธเนศรึเปล่าครับ?”

หัวใจพองโตเมื่อคิดว่า ร่างบางคงจะบอกให้เขาเข้าไปได้ ถึงได้บอกชื่อให้ยามรู้อย่างนี้  หน้าหล่อพยักหงึกหงัก หูตั้งหางกระดิก

“คุณหนูโยสั่งว่า ห้ามให้คุณธเนศเข้าพบครับ” หัวใจดวงโตๆพลันห่อเหี่ยว โยยังโกรธเขาอยู่แน่ๆ

“ขอผมคุยด้วยหน่อยได้มั้ย ผมมีเรื่องสำคัญจะต้องคุยจริงๆ” เมื่อออดอ้อนนานเข้า ยามแก่จึงถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่รู้ว่ารำคาญหรือเห็นใจกันแน่

“เอางี้ ผมให้เข้ามารอในป้อมละกัน ผมจะโทรถามคุณหนูอีกที”

...ได้แค่นี้ก็เพียงพอ...ธเนศนั่งรอคอยด้วยความหวังว่า เขาคงจะมีโอกาสได้แก้ตัวอีกสักครั้งหนึ่ง

เมื่อรอไปได้สิบกว่านาที ยามแก่คนเดิมก็เดินเข้ามา ยื่นโทรศัพท์ไร้สายให้ก่อนจะเดินออกไป ธเนศมองอย่างงงๆก่อนจะยกขึ้นแนบหู

“โย?”

เงียบ

“โย ฟังอยู่รึเปล่า?”

เงียบ

ร่างสูงหลับตา ถอนหายใจก่อนจะเปิดปากระบายความในใจ “โย พี่ขอโทษ ที่ทำให้นายต้องร้องไห้ ที่ผ่านมาพี่โง่เองที่ไม่ได้มองเห็นสิ่งดีๆที่อยู่ใกล้ตัวเลย ทำร้ายความรู้สึกนายไปตั้งไม่รู้กี่ครั้ง ตอนนี้พี่สำนึกผิดแล้ว พี่ขอโทษ ยกโทษให้พี่คนนี้ได้มั้ย?”

ปลายสายเงียบไปสักพัก ก่อนจะมีเสียงปวดร้าวตอบกลับมา “พี่เนศก็แค่รู้สึกผิด พี่เนศก็แค่ใจดี…พี่เนศใจดีกับทุกๆคน”

น้ำเสียงสั่นๆเขย่าหัวใจชายหนุ่มจนเจ็บจี๊ด รู้สึกผิดเหลือเกิน “ไม่ ต่อไปนี้จะใจดีกับนายคนเดียว พี่สัญญา”

“ผมมันน่ารังเกียจ ผมเป็นโรคจิต ผมแอบขโมยของของพี่เนศ ผมวางแผนโกหกไปตั้งหลายเรื่อง” ยิ่งพูดเสียงก็ยิ่งสั่น

“พี่ไม่ได้โกรธเลย โยไม่น่ารังเกียจสักนิด ถ้าอยากได้ของของพี่ วันหลังพี่ยกให้เลยก็ได้” ร่างสูงพูดอย่างปลอบประโลม “ขอร้องเถอะ ออกมาให้เห็นหน้าหน่อยได้มั้ย?” พูดพลางมองไปยังกล้องวงจรปิดบนเพดาน หวังเหลือเกินว่าเด็กหนุ่มจะนั่งมองเขาอยู่ตอนนี้

“พี่เนศมองแต่น้องชายตัวเอง ฮึก...พี่เนศไม่เคยสนใจผม” เสียงปนสะอื้นยิ่งทำให้ลนลานยิ่งขึ้น

“พี่สัญญากับคุณชวนันท์แล้ว พี่จะเลิกสนใจนัท ต่อไปนี้จะสนใจแต่นายคนเดียว ออกมาให้พี่เห็นหน่อยได้มั้ย” อยากหายตัวไปอยู่ต่อหน้าเหลือเกิน อยากคว้าร่างบอบบางมาไว้ในอ้อมกอด อยากลูบไปบนหัวทุยเพื่อปลอบประโลม

เสียงสูดจมูกดังมาจากปลายสาย ทำให้ปวดใจเมื่อใบหน้านองน้ำตาหวนกลับมาในใจ “สำหรับพี่เนศ ความรักของผู้ชายด้วยกันมันผิด”

ธเนศหลับตา เสียใจเหลือเกินที่คำพูดของตัวเองมันกลับมาตอกย้ำว่าแต่ก่อน มุมมองของโลกในสายตามันคับแคบเพียงไหน เหมือนอย่างที่กั๊กว่า รักของผู้ชายมันก็คือความรัก เขามัวแต่ใช้เพศเป็นตัวขีดกั้น จนไม่รู้ตัวเลย ว่าตัวเองทั้งทำลายความสุขของน้องชาย ทั้งทำร้ายความรักที่เด็กคนนี้มีให้

ร่างสูงมองไปยังกล้องวงจรปิด สบตาสีน้ำตาลเข้าซื่อตรงหวังให้อีกฟากฝั่งได้เห็นความจริง

“พี่จะไม่คิดอย่างนั้นอีกแล้ว เพราะตอนนี้...พี่รักโย”

แกร๊ก!...

เสียงประตูปิดลงด้านหลัง เรียกให้ธเนศสะดุ้งสุดตัว หันหลังหนีจากกล้องวงจรปิด เผชิญหน้ากับประตูห้องแทน ยังไม่ทันได้เห็นอะไรชัดเจน ก็รู้สึกถึงแรงโหมกอด พร้อมกับร่างบางที่สั่นสะอื้นอยู่ในอ้อมอก

“โย...” แขนแกร่งกอดตอบแน่นหนา ลูบไล้ผมเส้นเล็กเหมือนขนแมวอย่างเบามือ “พี่ขอโทษ...พี่ขอโทษ...”

นิ้วเรียวเล็กนาบลงบนริมฝีปาก ปิดให้สนิท “บอกรักผมหน่อย”

มองจ้องเข้าไปในดวงตาสีราตรีรื้นน้ำแน่วแน่ กระซิบเสียงแผ่วเบา แต่หนักแน่นเหลือเกินทั้งในใจคนพูดและคนฟัง

“พี่รักโย”

ร่างเล็กเขย่งขาขึ้น แขนเรียวบางอ้อมรอบต้นคอร่างสูง เหนี่ยวให้ก้มลงต่ำ ดวงตาที่มองสบกันหรี่ปรือ ก่อนที่ปากแดงอิ่มจะแนบจุมพิตหอมหวานเนิ่นนาน

เมื่อแยกจากกันอย่างอ้อยอิ่งได้ เด็กหนุ่มก็ยิ้มหวานจับใจ เอ่ยเสียงพร่า “ผมก็รักพี่ครับ”

เป็นคำที่หอมหวานกว่าคำให้ อภัยใดๆทั้งสิ้น ธเนศกอดร่างบอบบางไว้แน่น แนบหน้าซุกต้นคอขาวอย่างชื่นใจ สูดกลิ่นกายที่ห่างเพียงวันก็คิดถึงเหลือเกินไว้เต็มปอด พลันรู้สึกถึงมือเล็กซุกซนที่ยุกยิกอยู่แถวกลางลำตัว

“...ที่นี่เลยเหรอ” ถามอย่างไม่แน่ใจเมื่อร่างเล็กลงคุกเข่า ปลดเข็มขัดให้ แต่มันก็สุดจะทานทน เมื่อรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่กระทบผิวเนื้อเปลือยเปล่า ปากบางอ้าหอบอย่างเสียวซ่านเมื่อความร้อนผ่าวเข้าครอบงำร่างกายจนอารมณ์ กระเจิดกระเจิง ลิ้นเล็กไล้เลียอย่างชำนาญ มือน้อยจับขยับรับกับจังหวะที่สะโพกแกร่งดันสวน มือใหญ่สอดสางเส้นผมสีดำอย่างรักใคร่ ก่อนที่จังหวะจะเร่งเร็วกระชั้น

“อือ~” ยิ่งฟังเสียงครางอือที่ลอดออกจากปากแดงอิ่ม มองใบหน้าขาวใสหลับตาพริ้มตั้งใจปรนเปรอความสุขให้ ยิ่งเหมือถูกเร่งเร้าให้ไต่ไปยังจุดหมายเร็วขึ้น ธเนศดันท้ายทอยเด็กหนุ่มไว้แน่น ปลดปล่อยหยาดอารมณ์อย่างห้ามไม่อยู่ จ้องมองลูกกระเดือกอีกฝ่ายเคลื่อนขึ้นลงตามการกลืนอย่างรัญจวนใจ

“ฮ่า...” เมื่อปากเป็นอิสระ โยก็ถอนหายใจแรงยาว ของเหลวขาวขุ่นเยิ้มริมฝีปากไหลเรื่อยลงมายังคาง แค่ได้เห็น อารมณ์ที่เพิ่งปลดปล่อยไปก็หวนกลับมาอีกครา

มือใหญ่ค่อยๆปลดผ้าร่างใน อ้อมแขนออกทีละชิ้นจนเปลือยเปล่า มองสำรวจผิวขาวราวผิวทารก ลมหายใจพลันหนักถี่กว่าที่เคย ยิ่งร่างบางหันหลังโค้งสะโพกให้ยิ่งยากเกินจะห้ามใจ สอดใส่ความปรารถนาตามที่มือเล็กนำทาง ความร้อนนุ่มที่ตอดรัดยิ่งทำให้เสียวซ่านจนต้องร้องครางออกมา ร่างสูงดันสะโพกเข้าจนสุดก่อนจะถอยออกมาตามจังหวะ เด็กหนุ่มก็ให้ความร่วมมืออย่างดี เสียงครางหอบของสองคนดังประสานในห้องเล็กแคบ อุณหภูมิของห้องสูงขึ้นตามลำดับ ใช้เวลาไม่นานในการไปถึงจุดมุ่งหมายปลายทาง ระเบิดพร่างพรายออกมาในเวลาเดียวกัน ร่างสูงดันสะโพกเน้นรุนแรงเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะแช่ไว้เนิ่นนาน รู้สึกถึงความร้อนที่ฉีดพุ่งยังร่างกายในอ้อมกอด

เมื่อพักจนแรงหอบเบาบางลง ธเนศจึงค่อยแต่งตัวให้ร่างบาง ลูบไล้บ่าเนียนที่ซุกอยู่กับแผ่นอกกว้างอย่างรักใคร่ ก่อนจะก้มลงกระซิบเรี่ยหู “กลับบ้านกันนะ ไปอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม” ภาพห้องชุดที่มีร่างบางยิ้มต้อนรับอยู่ทุกคืนวันผ่านเข้ามาในใจ

โยเงยหน้าแนบริมฝีปากกับคางสากแวบหนึ่ง ยิ้มมีความสุขก่อนจะพยักหน้า

“...ครับ…”

แล้วเขาก็ได้สมหวังกับพี่ธเนศเสียที

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
END

~แถมท้าย~

‘ต่อไปนี้จะใจดีกับนายคนเดียว พี่สัญญา’

‘จะสนใจแต่นายคนเดียว’

‘พี่จะไม่คิดอย่างนั้นอีก แล้ว เพราะตอนนี้...พี่รักโย’ ภาพใบหน้าหล่อเหลาจ้องตรงมานั้นเรียกให้ปากแดงอิ่มยกยิ้มอย่างพึงใจ กดรีโมทย้อนหลังเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ฟังคำที่หวังมานานให้เต็มอิ่ม

เทปเล่นต่อไปพร้อมกับใบหน้าหลับตาพริ้ม คิ้วขมวดหักห้ามใจ ยามที่ปากเล็กครอบครอง

‘อา’ เสียงแหบทุ้มในโทรทัศน์ร้องครางปลุกอารมณ์วาบหวาม มือบางยกกางเกงในขึ้นแนบจมูกสูดกลิ่นกายของคนที่ยังไม่กลับจากทำงาน

...พี่เนศจะรู้รึเปล่านะ ว่าถูกแอบอัดวีดีโอเอาไว้...

โยยิ้มตาพราว พร้อมทั้งตัดสินใจอยู่คนเดียว

...เก็บไว้เป็นความลับต่อไปดีกว่า...

แผ่นดีวีดีถูกส่งออกมาจาก เครื่องเล่น เก็บใส่กล่องที่เขียนด้านหน้าไว้ว่า ‘พี่เนศ #3’ ก่อนที่ทั้งกล่องจะถูกเก็บใส่ตู้ล็อคกุญแจอย่างแน่นหนา โดยที่คนถูกแอบถ่ายจะไม่มีวันได้รับรู้เลย


++++++++++++++++++++++++++++++++++
END
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิต4-5 24/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: playCardPlaYBoy ที่ 26-04-2008 10:23:22
แฟนผมเป็นคนโรคจิต ตอนพิเศษ
...............
"...อา..." เสียงหวานครางกระเส่าดังสอดประสานกับเสียงหอบฮั่กจากการออกแรงหักโหม เหงื่อเย็นๆหยดลงบนที่นอนยับยู่จนเปียกชื้นเป็นวง ตรงข้ามกับไอแห่งความร้อนรุ่มที่แผ่กำจายออกจากสองร่างขับให้อุณหภูมิในห้อง สูงขึ้นเรื่อยๆ

ธเนศหรี่ตามองวงหน้าหวานของ คนข้างบน เลือดสูบฉีดพวกแก้มใสจนแดงระเรื่อน่าเอ็นดู บ่าบางขยับขึ้นลงตามจังหวะการขยับกายสอดประสาน ปากแดงช้ำเผยอรับอากาศราวกับไม่ได้หายใจมานานปี ดวงตาหรี่ปรือ คิ้วเรียวขมวดมุ่น ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าลำดับขั้นของอารมณ์กำลังไต่สูงขึ้นเรื่อยๆ ชายหนุ่มออกแรงเสือกสะโพกขึ้นกระแทก มือแกร่งจับเอวบางไว้แน่นอำนวยความสะดวกในการขยับเคลื่อนอีกแรง จนเกือบจะสุดฟากฝั่งฝัน ใบหน้าหวานก็แหงนเงยขึ้น ครางเสียงยาวนาน มือเล็กขยับเร่งจังหวะที่กอบกุมตัวเองอยู่ ปลดปล่อยความต้องการอย่างรุนแรง เป็นเวลาเดียวกับที่เขาปลดปล่อยในร่างบาง

โยหมดสิ้นเรี่ยวแรง ล้มฟุบลงกับแผ่นอกกำยำก่อนจะผล็อยหลับไปอย่างสุขสมอารมณ์หมาย

...

...

...

ท้องฟ้าเริ่มขมุกขมัว อากาศยามเย็นไม่ใคร่จะเย็นนัก แต่ลมแรงๆบนคอนโดชั้น 24 ก็เพียงพอที่จะไล่เหงื่อแฉะๆตามเนื้อตัวให้แห้งได้

ธเนศนั่งขัดสมาธิอยู่ที่ ระเบียงของห้อง กวาดตามองท้องฟ้ายามเย็น สีของมันก็ดูสวยดี แต่จิตใจของชายหนุ่มกลับไม่ได้สวยงามไปตามทิวทัศน์ที่ได้ชมสักเท่าไหร่

...ศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย...

ตั้งแต่เล็กแต่น้อย ทั้งป๊า ทั้งอากงก็คอยฝังความคิด ความทระนงในความเป็นผู้นำแห่งเพศพ่อ เขาก็เชื่ออย่างนั้น ผู้ที่แข็งแกร่ง ควรจะได้เป็นผู้นำ ควรจะเป็นผู้ที่คอยชี้ทิศทางความถูกต้องสมบูรณ์แบบ

...แล้วทำไม...

ทำไมทุกครั้งที่มีอะไรกัน เขากลับรู้สึกเหมือนเขาเป็นผู้ตาม โยกลับเป็นผู้คอยควบคุมความเป็นไปให้สมใจอยาก ทุกจังหวะ ทุกการเคลื่อนไหว เหมือนกับว่าเขาจะตกอยู่ภายใต้มนต์สะกดของเจ้าปีศาจน้อยตนนี้เสียทุกครั้งไป

ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีความสุข ธเนศยอมรับกับตัวเองว่า การได้มีอะไรลึกซึ้งกับเด็กคนนี้ นำพาความสุขสมให้เขาอย่างเต็มที่

แค่มันรู้สึกว่าเสียเชิงชาย

ราวกับมีเสี้ยนชิ้นเล็กๆคอยทิ่มคอยตำเขาอยู่เรื่อยมา ไม่ได้เจ็บ แต่ก็รู้สึกรำคาญ

...เขาควรจะได้เป็นฝ่ายนำบ้างซี่!!!...

“ผมบอกพี่พลกี่ครั้งแล้ว ว่าให้ทิ้งไปซะที!!!” ร่างสูงสะดุ้งสุดตัวเมื่อจู่ๆก็มีเสียงตวาดดังแทรกความคิด ทิศทางของเสียงไม่ใกล้ไม่ไกล อยู่ที่ระเบียงห้องข้างล่างเขาเพียงชั้นเดียว

มือใหญ่เลื่อนประตูกระจก ระหว่างห้องกับระเบียงให้ปิดสนิท ด้วยกลัวว่าเสียงจะไปรบกวนคนที่หลับสงบอยู่ในห้องนอน ธเนศส่ายหัวถอนหายใจพลางคิดในใจ ...ห้องข้างล่างมีเรื่องอีกแล้ว...

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขามา นั่งเล่นที่ระเบียงแล้วได้ยินเสียงจากด้านล่าง ระเบียงห้องตรงกันพอดีอย่างนี้ จะหาว่าแอบฟังก็กระไรอยู่ แต่สองหนุ่มผู้อาศัยในห้องข้างล่างนี่มักจะมีเสียงเผื่อแผ่มาถึงห้องของเขา เสมอๆ บางวันก็ต้องสะดุ้งเพราะเสียงถกเถียงกัน...ก็เรื่องเดิมๆ...ฝ่ายหนึ่งให้ ทิ้งอะไรสักอย่าง อีกฝ่ายหัวชนฝาก็ไม่ยอม ทะเลาะกันไป ทะเลาะกันมา สุดท้ายก็จบลงด้วยเสียงครางกระเส่าทุกที

“น้องปอนด์ พี่ก็บอกแล้วว่าขอเก็บไว้แค่ชุดเดียว” เก็บอะไรฟะ?

“ผมก็บอกแล้วไง ว่าให้ทิ้งไป อยากดูผมก็ให้ดูอยู่แล้ว จะถ่ายเก็บไว้ทำไม!!!” คนที่น่าจะเป็นน้องปอนด์เถียงกลับมา

“แต่ชุดนี้พี่ตั้งใจถ่ายมาก นี่นา จะทิ้งไปได้ยังไง ครั้งแรกของเราสองคนเชียวนะ” ธเนศเริ่มหน้าแดงจากประโยคที่พอจะเดาได้เลาๆว่า ครั้งแรก คืออะไร

“ไม่รู้ล่ะ ถ้าไม่ทิ้ง พี่พลก็นอนตรงระเบียงไปเลยก็แล้วกัน!!!” น้องปอนด์ตวาดกลับ ตามด้วยเสียงกระแทกประตูบานเลื่อนดังปัง ตามด้วยเสียงเรียกชื่อ เสียงทุบกระจกวุ่นวาย

สุดท้ายเมื่อคนที่น่าจะเป็นพี่พลเห็นว่าไร้ประโยชน์จะง้อ ธเนศจึงได้ยินเสียงทิ้งตัวลงนั่งที่พื้นระเบียงพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่

“ขอโทษที่รบกวนนะครับ” เมื่อเงียบไปพักใหญ่ เสียงของคนที่น่าจะเป็นพี่พลก็ดังขึ้นให้พอสะดุ้ง

ธเนศตอบกลับไป “ขอโทษที ไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังนะครับ” …ก็แค่ได้ยิน เขาไม่คิดจะเข้าไปยุ่งเรื่องชาวบ้านอยู่แล้ว

“ก็ไม่ได้ว่าอะไร…” ตอบกลับมา

แล้วชายหนุ่มทั้งสองก็เงียบไปอีกพักใหญ่ เมื่อเหตุการณ์ลุ้นระทึกจบลง ใจจึงกลับมาหมกมุ่นเรื่องเดิมที่น่าห่อเหี่ยวอีกครั้งหนึ่ง

...เขาจะทำยังไงดีนะ เพื่อจะได้เป็นผู้นำอย่างสมบูรณ์แบบ ก็พอเข้าใจอยู่ว่าโยก็ผู้ชาย จะให้ตามเขาตลอดก็คงไม่ได้ แต่มันก็ควรจะได้สลับบทบาทกันบ้าง ไม่ใช่ให้เขายอมให้เด็กหนุ่มควบคุมเสียทุกครั้งไป ปัญหามันก็อยู่ที่ โยเก่งเกินไปนั่นแหละ เขาไม่รู้ว่าโยผ่านประสบการณ์มามากน้อยแค่ไหน เขารู้แต่เพียงว่า เริ่มเล้าโลมทีไร เขาจะเป็นฝ่ายพลาดท่าเสียทีทุกครั้งไป

“...เฮ้อ~!!!...” ธเนศถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก็ต้องแปลกใจที่ได้ยินเสียงประสานมาจากระเบียงด้านล่าง

“ฮะๆ บังเอิญจังนะ” พลเป็นฝ่ายกล่าวทักก่อน

“นั่นสินะ” ธเนศตอบกลับอย่างมีไมตรี

...เงียบ...

“ไม่รู้ทำไมนะครับ” พลเริ่มชวนคุย “ผู้ชายเรา ก่อนหน้าที่จะคบกัน เราก็เป็นฝ่ายนำเขาตลอด ทำไมพออยู่ๆไป ถึงไม่เคยชนะเลยน้า”

บังเอิญจริงๆ อุตส่าห์กลุ้มใจเรื่องเดียวกันซะด้วย

“นั่นสินะครับ ไม่รู้ต้องทำยังไง ถึงจะเป็นฝ่ายนำกับเขาได้บ้าง” ธเนศตอบกลับอย่างเริ่มเห็นอีกฝ่ายเป็นพวกเดียวกัน ...ก็กลุ้มใจเรื่องเดียวกัน มันก็คงจะดีถ้าได้คุยระบายซะบ้าง

“คุณเคยมีของที่หวงมากๆมั้ย ประมาณว่าตัดใจทิ้งไปไม่ได้ แต่คนที่คุณรักก็สั่งให้ทิ้งๆๆอยู่ได้น่ะ ผมทำใจไม่ได้ซะทีแฮะ” เสียงกลั้วหัวเราะมันไม่ได้ทำให้ธเนศรู้สึกขำไปด้วยเลย เพราะมันเจืออารมณ์อาลัยอาวรณ์มาด้วย

“…จะฝากไว้กับผมมั้ยล่ะ อยากได้คืนเมื่อไหร่ค่อยมาเอาคืน ไม่ต้องเอาไปทิ้ง เขาก็ไม่รู้ด้วยว่ายังเก็บไว้อยู่” ด้วยความเป็นคนเผื่อแผ่ทำให้ธเนศยื่นข้อเสนอไป เพราะมันก็ไม่ลำบากอะไร ดีเสียอีกที่ได้ช่วยคนที่กำลังลำบาก

คนข้างล่างเงียบไป ก่อนจะพูดอย่างซาบซึ้ง “ขอบคุณจริงๆ คุณนี่มีน้ำใจดีจัง เอางี้ กลุ้มใจเรื่องอะไรอยู่ ผมช่วยมั้ยล่ะ”

ด้วยรู้สึกถูกชะตา ธเนศจึงเล่าเรื่องคาใจให้อีกฝ่ายฟัง จนเมื่อเล่าจบ เขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ

“มันไม่ขำนะคุณ”

“ขอโทษที ไม่ได้ขำคุณหรอก แค่คิดว่ามันน่าจะมีวิธีแก้ง่ายๆ”

ธเนศหูผึ่ง “แก้ง่ายๆเหรอ?”

“เอางี้ ผมให้ยืมของ ยื่นมือลงมาสิ”

ธเนศยื่นมือผ่านรัวเหล็กดัด ลงไปด้านล่าง รู้สึกถึงวัตถุเย็นเยียบ กับของอีกสองสามอย่างถูกส่งเข้ามาในอุ้งมือ เมื่อชักมือกลับมาดู ดวงตาสีน้ำตาลเข้มก็เบิกกว้าง “นี่มัน!!!”

ประโยคสุดท้ายจากคนข้างล่างคือ “ลองเอาไปใช้ดูนะ...”


+++++++++++++++++++++++++++++++++++


“อือ” โยครางงัวเงียเมื่อรู้สึกถึงฝ่ามืออุ่นใหญ่ลูบไล้ไปตามตัว สติรางเลือนเริ่มแจ่มชัด ความทรงจำเร่าร้อนก่อนที่จะสลบไสลไปหวนกลับมา เขาหลับไปนานเท่าไหร่แล้วนะ

“พี่เนศ” เสียงหวานร้องเรียกผะแผ่วเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสวาบหวิวที่ส่วนกลางลำตัว ยกมือขึ้นกำลังจะจับมือใหญ่ ก็ต้องแปลกใจที่มันกลับยกไม่ได้ถนัดนัก เหมือนมีอะไรคล้องข้อมือทั้งสองข้างเอาไว้ด้วยกัน

“ตื่นรึยัง?” เสียงทุ้มห้าวน่าฟังดังอยู่ประชิดหู แต่น่าแปลกที่เมื่อลืมตาจะมองดูใบหน้าคนรัก กลับเห็นแต่ภาพดำมืด

เมื่อสติกลับมาครบถ้วนสมบูรณ์ คำตอบทั้งหมดก็กระจ่าง

...เขาถูกใส่กุญแจมือ ร้ายกว่านั้นยังถูกปิดตาอีกต่างหาก...

...พี่เนศเล่นอะไร???...

ยังงุนงงไม่หายก็ต้องสะดุ้ง ตกใจกับสัมผัสเปียกลื่นของนิ้วมือใหญ่ที่วนเวียนอยู่กับช่องทางด้านหลัง กลิ่นแปลกๆไม่คุ้นเคยโชยเข้าจมูก...พี่เนศเอาอะไรมาทาให้เขากัน??...

เมื่อนิ้วอุ่นวนเวียนรอบปาก ทางจนพอใจ ก็ค่อยๆสอดใส่ช่องทางเล็กแคบอย่างเบามือ แต่สัมผัสเบาบางที่ได้รับ ตอนนี้กลับมีความรู้สึกแปลกๆแทรกอยู่ โยรู้สึกกระสับกระส่ายอย่างบอกไม่ถูก เสียวซ่านอย่างที่ไม่เคยเจอ

“พี่เนศทำอะไร?” ถามเสียงสั่นอย่างแปลกใจที่วันนี้ พี่เนศของเขาแปลกไป

ไม่มีเสียงตอบกลับมา ตัวของเขาถูกจับพลิกหงาย รับรู้ถึงปลายลิ้นหนาเปียกไล้เลียอยู่บนยอดอก ขบเม้มเครื่องประดับชิ้นน้อยจนแข็งเป็นไต เมื่อพอใจกับข้างหนึ่งแล้ว ก็หันไปให้ความสนใจกับอีกข้างหนึ่ง ในขณะที่อีกมือก็ยังวุ่นวายกับช่องทางของเขาไม่หยุดหย่อน โยครางเสียงผะแผ่วอย่างห้ามไม่อยู่ กองไฟที่ดับไปเมื่อครู่ถูกพัดโหมให้กระพือแรงอีกครั้งหนึ่ง

“ชู่ว์” เสียงจุ๊ปากดังข้างหู ตามด้วยเสียงทุ้มของคนรัก “พี่จะเป็นคนทำให้เองนะ นายนอนเฉยๆไปเถอะ”

“พี่เนศปล่อยผมก่อนได้มั้ย? เล่นอย่างนี้ผมตกใจ อยากทำเดี๋ยวผมทำให้ก็ได้!!”

“ไม่ได้หรอก ปล่อยนาย เดี๋ยวก็ไม่ได้ทำให้พอดี”

คำตอบอย่างลืมตัวของธเนศทำ ให้โยเริ่มประมวลผลได้ พี่เนศไม่พอใจที่เขาเป็นฝ่ายนำนี่เอง...แต่ไม่ได้แกล้งก็ไม่ใช่โยซะแล้ว... ร่างบางคิดอย่างหมายมาดในใจ พยายามข่มความรู้สึกคันยิบๆตามตัวไว้ ก่อนที่จะเอื้อมสองมือน้อยไปประคองใบหน้าที่มองไม่เห็น

ปากแดงอิ่มแนบสนิทกับเรียว ปากบางของร่างสูง ไล้เลียปลายลิ้นหยอกเย้าอย่างเคยคุ้น ซึ่งธเนศก็คงจะลุ่มหลงกับรสหวานนี้เหมือนกัน ร่างสูงจึงแง้มปากให้โยได้สอดลิ้นเข้าไปรุกรานได้

สงครามปลายลิ้นดำเนินต่อไปได้ไม่นาน ธเนศจึงรู้ตัวว่าเสียท่าแล้ว แขนแกร่งจับบ่าบางไว้ ผลักแยกออกจากกันได้ในที่สุด

“พี่บอกแล้วไง ว่าเดี๋ยวทำให้เอง” …ไม่ไหว เกือบไปแล้ว เจ้าเด็กนี่มันจูบเก่งซะจริง...

“แต่พี่เนศ~ ผม...อา...ผมไม่ไหวแล้ว” ธเนศหน้าแดงแป๊ดกับภาพที่เห็นตรงหน้า ร่างบางผิวขาวผ่องในชุดแรกเกิด ทั้งเนื้อทั้งตัวมีเพียงเครื่องประดับเป็นสายหนังปิดตากับกุญแจมือ ตัวสั่นน้อยๆ ปากอิ่มเผยอขึ้นร้องอ้อนวอนเสียงหวาน เส้นไหมสีเงินไหลเล็ดจากมุมปากไล่ไปตามคางเรียว หน้าอกมีเครื่องประดับชิ้นน้อยสีสวยแข็งด้วยแรงอารมณ์ เมื่อมองไล่ไปด้านล่างก็ต้องกลืนน้ำลายดังเอื๊อกกับความปรารถนาเปลือยเปล่า ซื่อตรง

มือน้อยไล้ตามตัว ไล่ไปจนถึงแก่นกายเข็งแกร่งของร่างสูง เมื่อเจอจึงค่อยกอบกุมไว้ด้วยสองมือ อุ่นนุ่มจนธเนศเผลอครางอือ “ให้ผมทำให้พี่เนศนะครับ” โดยไม่รอคำตอบ ปากแดงอิ่มก็เข้าครอบครอง ลิ้มรสหอมหวานอย่างเต็มใจ ธเนศขนอ่อนลุกซู่ สูญเสียการควบคุมตัวในบัดดล

...เก่งเป็นบ้า...

เป็นความคิดซ้ำทุกๆครั้งที่ โยใช้ปากให้ มันทำให้สติหลุดลอยได้ไม่ยากนัก เมื่อรู้ตัวอีกครั้ง เขาก็กำลังเสือกเอว ดันแก่นกายเข้าไปยังโพรงปากร้อน ก่อนที่จะปลดปล่อยอารมณ์หฤหรรษ์จนหมดสิ้น

ยังพักไม่หายเหนื่อยดี  ก็ต้องถูกผลักนอนราบ ก่อนที่โยจะลุกขึ้นนั่งคร่อมอย่างชำนิชำนาญ เอวบางขยับโยก ร่อนละเลงเพลงรักอย่างเมามัน ทั้งด้วยอารมณ์ดิบตามสัญชาติญาณ ทั้งด้วยน้ำมันแปลกๆที่ร่างสูงเอามาใช้ ผสมปนเนแยกไม่ออกว่าเกิดจากอะไรกันแน่ ธเนศมองภาพของร่างบางปิดตากับกุญแจมือ นั่งแอ่นกายครางกระเส่าอยู่บนตัว ยิ่งรู้สึกว่าถูกโหมให้ไฟร้อนพัดพระพือแรงขึ้นเรื่อยๆ สะโพกแกร่งช่วยขยับตามลำดับ เมื่อมือใหญ่เข้ากอบกุมแก่นกายของเด็กหนุ่มก็ยิ่งพอใจกับเสียงกรีดร้องหวาน หู ร่างสูงปีนป่ายขึ้นยังจุดสูงสุด ระเบิดพร่างพรายก่อนจะรู้สึกถึงน้ำหนักของร่างบางที่ล้มแผ่ลงบนแผ่นอกชื้น เหงื่อ

+++++++++++++++++++++++++++++

...มีความสุข...

ธเนศยอมรับว่าบทรักที่เพิ่งผ่านพ้นไปนั้น สุดยอดจริงๆ ...แต่...

...สุดท้ายโยก็เป็นฝ่ายนำอยู่ดี...

...แล้วมันต่างจากเดิมตรงไหนฟร๊าาา?...

“คิดอะไรอยู่ครับพี่เนศ” กลิ่นสบู่หอมฟุ้งกระจายเข้าจมูก โยเดินมาจากข้างหลังเมื่อไหร่ไม่รู้ กอดบ่าแกร่งไว้หลวมๆก่อนจะโน้มหน้ามาหอมแก้มสากทีหนึ่ง

“ไม่มีอะไร” ธเนศตอบอย่างงอนๆ

เด็กหนุ่มยิ้มกริ่ม ยกนิ้วชี้ขึ้นจิ้มแก้มป่องๆเล่น “งอนที่ไม่ได้นำเหรอครับ ไม่เห็นเป็นไรนี่นา ยังไงพี่เนศก็มีความสุขไม่ใช่เหรอ?”

…มีความสุข...

...จริงด้วย...ยังไงก็มีความสุขไม่ใช่หรือ?...

ใบหน้าถูกอุ้งมือบอบบางจับหัน รับจุมพิตหอมหวานเนี่นนาน ก่อนที่โยจะถอนปากออกไป “ผมรักพี่เนศนะครับ”

หัวใจเต้นเป็นจังหวะแทงโก้ แก้มแดงก่ำด้วยความเขินอาย ธเนศก้มหน้างุดก่อนจะขอตัวไปอาบน้ำ ทิ้งให้เด็กหนุ่มยิ้มมองตามอยู่คนเดียว


+++++++++++++++++++++++++++++++


เมื่อประตูห้องน้ำปิดสนิท ตามด้วยเสียงน้ำฝักบัวไหลซู่ โยจึงค่อยลุกย่องไปทางตู้เสื้อผ้า เปิดประตูตู้ออก ก่อนที่จะหยิบกล้องวีดีโอเปี่ยมคุณภาพขึ้นมากดปุ่มหยุดถ่าย

…คิดถูกที่ตั้งกล้องไว้วันนี้แฮะ ได้ของดีโดยไม่คิดมาก่อนเลย...

หยิบแผ่นดีวีดีออกมาจากเครื่องอัด หากล่องเปล่าใส่อย่างทะนุถนอม ไม่ลืมคว้าปากกาเขียนซีดี เขียนหน้าแผ่นไว้กันลืม

...พี่เนศ # 5…

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
END
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิต4-5 24/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: dawa_11 ที่ 26-04-2008 10:29:44
มาเป็นกำลังใจให้ทั้งคนแต่ง & คนโพสต์
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิต4-5 24/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: playCardPlaYBoy ที่ 26-04-2008 10:30:29
ต้องขอโทษที่โพสจบรวดเดียว จะย้ายบ้านวันนี้คับ ยังงัยกะลองโหวตดูน่า ชอบคู่ไหน ส่วนตัวผมชอบคิตตี้กะนัทคร๊าบบบบบบบ ลำเอียงอ่ะปล่าวเรา :m23:  ยังงัยกะลาก่อนเน้อ ไม่รู้เมื่อไหร่จาได้เข้ามาอีก  :m29:ย้ายลบ้านใหม่คงไม่เอาเน็ตเข้าอีกละ  :bye2:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิต4-5 24/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: ( = ___ = ) ที่ 26-04-2008 10:44:07

 :กอด1:คุณเพลย์(ขออนุญาตเรียกงี้)จายยยยดีจัง มาต่อให้จนจบเยย 

ว่าแต่...ย้ายบ้าน เอริ่ม....ย้ายแค่ที่อยู่หรือว่าย้ายไปตจว.อ่ะ

เหอเหอ แต่เรื่องย้ายบ้านนี่มันงานช้างชัดๆ ตอนเราย้ายอ่ะ หลังยอก
ปวดเมื่อยไปหลายวัน  ยังไงก็อย่ายกของเกินกำลังน้า


ต้องขอโทษที่โพสจบรวดเดียว จะย้ายบ้านวันนี้คับ ยังงัยกะลองโหวตดูน่า ชอบคู่ไหน ส่วนตัวผมชอบคิตตี้กะนัทคร๊าบบบบบบบ ลำเอียงอ่ะปล่าวเรา :m23:  ยังงัยกะลาก่อนเน้อ ไม่รู้เมื่อไหร่จาได้เข้ามาอีก  :m29:ย้ายลบ้านใหม่คงไม่เอาเน็ตเข้าอีกละ  :bye2:


แงแง ทามมายยยยอ่า ไงก็อย่าหายไปเลยน้า  :sad4: ใจหายอ่ะ
อุตส่าห์ติดตามอ่านมานาน นะนะอย่าไปแล้วไปเลย เข้าเล้ามาให้เจอมั่งน้า..


ป๋อหลอ เราชอบคู่โย-พี่เนศอ่ะ เพราะโยน่าร๊ากกกก





หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Haney ที่ 26-04-2008 11:46:24
สนุกโคดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
พี่เนศน่ารักกก
โยแรงได้จายยยยย ฮ่าๆๆๆๆ

เรื่องต่อไปคาดว่าเป็นเรื่องของกั๊ก กับ นายจุดจุดจุด แหง
จะรออ่านนะฮับ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Tsukasa999 ที่ 26-04-2008 14:43:59
 :m15:อ๋า...ย้ายบ้านแล้วจะหยุดแล้วหรือคะ เสียดายค่ะ เขียนได้เก่งและสนุกขนาดนี้

อย่างไรก็ตามก็กลับมาทักทายแวะเวียนไปมาให้พอชื้นใจก็ยังดีนะ ขอให้การย้ายบ้านราบรื่น และโชคดีค่ะ :bye2:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: totoken ที่ 26-04-2008 17:09:39
นักเขียนในดวงใจเลยนะเนี่ย รักม๊ากมาก :o8: :oni1: :oni2:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 26-04-2008 18:35:23
สุดยอดๆ

แต่งมารวมกันได้ดีมากเลย

ชอบจัง อิอิ

สุดท้าย โยก็ชนะเลิศ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 26-04-2008 18:51:37
 :laugh5: โอ๋...ดีใจจังมีคนโรงจิตเหมือนเราแล้ว นึกว่าเป็นคนเดียวซะอีก 5555555

พี่เชื่อว่าน้องโยต้องเอานิยายมาลงอีกแน่นอน เพราะเล้าเป็ดมีอาถรรใครเข้ามาแล้วมักออกไม่ได้ละ จริงๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: nil ที่ 26-04-2008 21:32:27
 :m1: :m1: :m1: :m1:

จบแล้วเหรอ ขออีกคู่นึงน๊า น๊า น๊า น๊า

 :m4: :m4: คู่กั๊กอ่ะ ท่าทางร้ายไม่เบาเหมือนกัน

ตอนแรกเนี่ย ยังคิดอยู่ว่าถ้าถามตอนไหนหนุกสุด ก็จะตอบว่าคู่นัทกะแน็ท

แต่พออ่านตอนแถมกะตอนพิเศษแล้วเนี่ย ชักเลือกไม่ถูก โยนี่ร้ายจริงๆ ขำอ่ะ แถมมีถ่ายคลิปไว้ตลอด

โรคจิตของจริง แพร่เชื้อไปถึงเนศเลยนะเนี่ย ดูสิเอาผ้าเช็ดตัวไปดมไปทำไป  :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: VitamiN ที่ 26-04-2008 21:59:21
 o13
สุดยอด สุดยอด สุดยอด
โอววว
บอกไม่ถูก

ชอบหมดเลย :laugh:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: sin_no ที่ 26-04-2008 22:48:38
ชอบคู่ โยกับพี่เนส และคู่นัทกับแน็ท มากๆเลย

สนุกมากๆ o13
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 26-04-2008 23:34:50
จะมีต่อมั้ยคับ
มีมั้ยคับ
มีเถอะคับ
เพราะอยากอ่าน5555 o13

ชอบคู่แรก
555555555555555555555555555 :laugh:
โรคจิตได้อีก :m13:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Shumi ที่ 27-04-2008 02:35:07
อ่า.. เรื่องนี้จะมีภาคต่อรึเปล่าน๊า

หรือมีแค่ 3 ภาค  o2
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 27-04-2008 03:05:02
เอาไปหนึ่งบวก  เพื่อเป็นกำลังใจในการย้ายบ้าน

ขออวยพรให้  สรรพทุกข์  สรรพโศก  สรรพโรค สรรพภัย  สรรพเสนียดจัญไร  จงวินาสปราศจากคุณน้องนะเคอะ


ขอให้บ้านใหม่  อยู่ดีมีสุข เฮงๆๆๆๆ  นะเคอะคุณน้องขา



อิเจ้  กระเทยโคนเสาไฟฟ้า   :laugh:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 27-04-2008 10:38:25
เสียดายอยากให้แต่งอีกหลายๆ คู่เลยค่ะ

แต่งต่อเถอะน้า...


...ชอบสุดคงเป็นคู่ชวนันท์-นัท อ่ะ

ฮาดี :oni2:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: duchess ที่ 28-04-2008 13:53:34
 :m4:

ป๋มชอบทุกคู่เรยคับ

แต่ชอบสุดๆก้อคงเปน

คู่พี่พล กะ น้องปอนด์ คับป๋ม

555+

อยากอ่านตอนพิเศษอีกคับ

รออยู่นะคร้าบ  :bye2:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: ltahset ที่ 29-04-2008 22:57:57
 :L2:

 o13

 :L2:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: thomaskung ที่ 02-05-2008 21:34:49
พอได้อ่านยาวๆ ก็เหนื่อย

รออ่านเป็นตอนๆ ก็จะขาดใจตาย - -"

ขอบคุณมากฮะ

ที่เขียนงานดีๆ มาฝาก

 :bye2:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: InLuSt ที่ 21-05-2008 14:00:28
แง...หมดแล้วเหรอ
อ่านสองวันจบหมดแล้ว...
โรคจิตได้ใจ
ถามว่าชอบคู่ไหนเหรอ...
ต้องคู่พี่พลกะน้องปอนด์ดิ...ติดใจเพราะคู่นี้เลยแหละ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 29-05-2008 10:52:29
้เพิ่งอ่านตอน ๒ จบ ฮากลิ้งอะ ไอ้คิ๊ตตี้  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: oong ที่ 30-05-2008 13:05:33
อ่านะ

ชอบภาคแรกอ่ะ น่ารักดี

แต่ภาค3 ก็น่ารักไปอีกแบบ 55+

แต่นิสัยโยนี่แบบว่าขำอ่ะ อ่านแล้วก็ขำไปตั้งหลายรอบ 555+

หนุกดีค่ะ  :m13:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Siri_nan ที่ 13-06-2008 22:14:50
เพิ่งได้อ่านค่ะ น่ารักแบบหื่นๆ ดีค่ะ :laugh:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: actionzero ที่ 22-06-2008 22:51:01
ขอบคุณนะครับ สนุกดีครับผม   o13
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: the_pooh9 ที่ 24-06-2008 00:07:08
 o13 จิตมาก แต่ชอบนัท กะ คิตตี้ที่สู้ดเลยอ่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: ๐DoNuT๐ ที่ 25-06-2008 20:12:21
สนุกมากครับ
นี่มันโรคจิตรกันทั้งเรื่องเลย 555+
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: moonlight ที่ 27-06-2008 03:35:29
หื่น :m10:

มัน o13

ฮา :laugh:

ชอบทุกคู่เลยค่ะ  

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: chatori ที่ 27-06-2008 09:45:57
อิอิ น่ารักทุกคู่เลย.. น้องโยเจ้าเล่ห์ดีจัง น่าร้ากกกก  :o8:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: dekchin ที่ 27-06-2008 19:19:17
 o13
 :oni1:
 :bye2:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 15-09-2008 13:09:51
มาตามอ่านช้าไปหน่อย แต่ว่าชอบบบบบบมากเลยค่ะ จะมีต่อไหมอ้า อยากอ่านคู่กั๊ก+พี่ของโยมั่ง เหอๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: echisen ที่ 17-09-2008 00:28:15
อ่านจบแล้วฮับ อย่างฮาอ่ะ 555 โรคจิต เจ้าเลห์ กันทั้งเรื่องเลย 555555 ชอบอ่ะ ตลกดี
สมชื่อเรื่องจริงๆๆๆๆ ชอบฮับ  o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 29-11-2008 23:50:18
สนุกจังเลยค่ะ  o13

ยังอ่านไม่ทันเลยค่ะ

แต่ไม่ไหวล่ะ   :really2:

เด่วมาอ่านต่อจ้า +1 ให้ทั้งคนโพสต์

และ คนแต่งจ้า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 30-11-2008 14:56:51
อ่านจบแล้วววววววววววววว

ขอบคุณที่เอามาให้อ่านค่ะ  :กอด1:

ชอบทุกคู่เลย  :z1:

แต่ชอบ คู่ 1 กับ คู่ 2 มากเป็นพิเศษ

จิตได้ใจ  :-[

เสียดายจังเลย ถ้าคนโพสต์ไม่ย้ายบ้าน

คงได้อ่านคู่นายกั๊กอีกคู่แน่ ๆ  :z1:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: palpouverny ที่ 04-12-2008 18:22:08
สุดยอดเลยก๊าบบบบ
ชอบตอนพี่คิตตึ้สุดและเนี่ยยยย
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: npn* ที่ 08-12-2008 02:28:16
น้องปอนด์น่ารักมากมาย อิอิอิอิ


ยั่วได้ใจมากเลย เอิ๊กๆๆๆ
ชอบอ่า

เพิ่งอ่านตอนแรกจบ แล้วก้ตอนที่สองอีกหน่อยนึง


ตอนที่สอง ก้สนุกดีค่ะ

ดูจะมีเรื่องอีกเยอะเลย เหอๆๆ


เจ้านัท ท่าจะเจอดีเข้าแล้วแหละ อิอิอิ
ก็คนๆนั้นกลายมาเป็นเจ้านายตัวเองซะงั้น ฮ่าๆๆๆๆๆ



เด๋วมาอ่านต่อวันหลังค่า


ไปนอนแล้ว หุหุหุ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: cascada ที่ 08-12-2008 11:45:05
:impress2:
อิอิอิ ชอบครับ ดูแต่ละเรื่องตลกๆดี
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: npn* ที่ 09-12-2008 03:44:12
ในที่สุด เจ้านัท ก้เส็ด คุณแน็ท อิอิอิ


ปลื้มๆๆ

เด๋วมาอ่านต่อ
ไปนอนแระ พรุ่งนี้เรียนเช้า อิอิ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: romantica ที่ 18-12-2008 12:45:34
อิอิ น่ารักทุกคู่เลย :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: ltahset ที่ 01-01-2009 17:44:48
(http://img100.imageshack.us/img100/9721/hnyltahsetgp1.gif)


รักมากมาย

^^
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: omelordkung ที่ 04-01-2009 22:58:42
โอ้วววววววววววววววววว

แต่ละเรื่อง มันส์สุดยอดดีแท้

ขอบคุณคนแต่ง และคนโพสต์ ครับผม

เรื่องนี้สนุกจิง ๆ  :m25:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: i-tatae ที่ 05-01-2009 21:32:51
 :m25: :m25:

โดนใจ เป็นที่ซู๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

 :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: altctrldelete ที่ 09-01-2009 20:50:06
ขำจนกรามบาน สนุกทุกเรื่องเลยค่ะ  (ฮาตรงของแลกเปลี่ยนอ่ะ) :pigha2:

ชอบคู่ซานริโอน่ารักดี



ว่าแต่คอนโดนี้มีแต่คนโรคจิตนะเนี่ย เหอๆ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: faareeyong ที่ 11-01-2009 16:45:28
ชอบที่สู๊ดดดดด  :-[ :-[

ชอบทั้ง 3 ภาคเลย :impress2:

โรคจิตสุดๆ เหอๆ :z1:


ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆน่ะครับ :pig4:

จะติดตามผลงานต่อไปคับ o13

 :bye2:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกหมู ที่ 26-01-2009 19:40:00
แวะมาโพสท์ตอนพิเศษ  :L1:

+++++++++++++++++++++++

ผมเปล่าโรคจิตนะ! พิเศษ 3

“โธ่เว้ย!!”

ธณัติถอดหมวกกันน็อคสะบัดหัวยิกเพื่อไล่เหงื่อ ปากก็สบถเสียงดังแบบไม่เกรงใจฟ้าดิน  มองไปทางไหนก็มีแต่รถ...รถเต็มไปหมด ควันดำโขมงจนมองรอบด้านเป็นฝ้าฟาง...มะเร็งปอดไม่กินคนกรุงก็แปลกแล้ว ชายหนุ่มปาดแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นเพื่อมองเวลาจากนาฬิกาข้อมือ...

“แมร่ง!!!” แล้วก็สบถออกมาอีกรอบ

จะไม่ให้สบถได้ยังไง...ก็ติดแหง่กมา 2 ชั่วโมงเต็มแล้ว!...นี่ขนาดเขาขี่มอเตอร์ไซค์ยังไม่วายถูกกักบนถนนได้ เบี่ยงซ้ายก็เจอท้ายรถ เบี่ยงขวาก็เจอกระบังหน้า ไอ้ครั้นจะถอยหลังเพื่อนมอเตอร์ไซค์ร่วมชะตากรรมก็ดันอุดทางซะแน่นสนิท แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่จะถึงบ้าน ...คิดๆไปก็ชักจะปวดหัวหนับขึ้นมาทุกที ว่าแล้วก็ท่องบทสาปแช่งลูกค้าวีไอพี ที่ดันเอาเวลาวันศุกร์บ่ายแสนสุขของเขาไปซะฉิบ ไม่อย่างนั้นป่านนี้คงได้นั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถตากแอร์เย็นฉ่ำบนเบาะหนังแท้ชั้นดีของรถซีตรองซ์แล้ว...ไอ้เจ้าคิตตี้นี่ก็เหลือเกิน...แฟนกลับบ้านเย็นทั้งที ไม่รู้จักเป็นห่วงโทรตาม ส่งฮ.มารับเหมือนโฆษณาประกันชีวิตซะบ้าง ปล่อยให้สูดควันเหงือกดำอยู่อย่างนี้ได้ไง คอยดูเหอะ กลับบ้านจะเอาหัวโขกให้กระอักเลือดตาย ยิ่งปวดหัวอยู่ โธ่เว้ย!! โธ่เว...

/สาดเนี่ย สาดเนี่ยเนี่ย!!!/

ก่อนที่จะบ่นต่อไปอีกสองหน้ากระดาษ ริงโทนเฉพาะสำหรับคนรักสุดหัวใจก็ดังขึ้นขัดทัพซะก่อน เล่นเอาธณัติตกใจเกือบจะเขวี้ยงหมวกกันน็อคใส่หัวปิงปองตรงสี่แยกไปแล้ว

“ฮ...ฮัลโหล...อ่า...ม...ไม่ได้กำลังด่าอยู่นะ ไม่ได้นินทาด้วย...ซักนิดก็ไม่มี” จะด้วยความร้อนตัวหรือปวดหัวจัดหรืออะไรก็ตาม ธณัติก็ตอบอย่างนี้ออกไปแล้ว จนเมื่อระลึกได้ว่าพูดอะไรออกไป นิ้วโป้งนิ้วชี้ก็บีบหมับเข้าที่จมูก พูดเสียงสูงเป็นคนละคน

“สวัสดีครับ ผมว่าคุณชวนันท์โทรผิดเบอร์นะครับ ที่นี่ไม่มีคนชื่อธณัติหรอกครับ กรุณาโทรใหม่นะครับ ขอบคุณครับ” แล้วก็ตัดสายเอาดื้อๆ

/สาดเนี่ย สาดเนี่ยเนี่ย!!!/

น่าน...เชื่อฟังดีอีกต่างหาก ธณํติคิดพลางกดโทรศัพท์รับสาย ไม่ลืมปรับเสียงให้เป็นผู้เป็นคนเสียก่อน

“ฮัลโหล”

“อยู่ไหน” เสียงทุ้มห้วนวางอำนาจสไตล์ชวนันท์ดังขึ้นให้ปวดขมับจี๊ดๆเล่น

เลยทนไม่ไหว ต้องตอบออกไป... “อยู่บ้านบิดาคุณมั้ง”

ได้ผล...เงียบไปถนัด ก่อนที่เสียงปลายสายส่อบรรยากาศเย็นเยียบชวนขนลุกจะตอบกลับมา “อย่าล้อเล่น ไม่ขำ อยู่ไหน รีบกลับมาเดี๋ยวนี้”

มาว่าล้อเล่นอีก ทางนี้ก็อารมณ์บูดอยู่เหมือนกันนะเฟ้ย “รถติดแหง็กอยู่ที่สี่แยกที่สอง ทำไม จะส่งฮ.มารับหรือไง?”

“สี่แยกที่สองนะ โอเค อีก 5 นาทีเจอกัน” แล้วสายก็ตัดไปดื้อๆ ทำเอาคนหัวเสียแทบจะเขวี้ยงโทรศัพท์ขยี้ให้จมพื้นยางมะตอย “ไอ้คิตตี้บ้าเอ๊ย!! ก็บอกแล้วว่ารถติดๆ”

แต่พระเจ้าช่วยม้วยมอด! ไม่ถึง 3 นาที รถที่เคยติดตังเมมากว่าสองชั่วโมงกลับเริ่มเคลื่อนที่ ไฟแดงที่แดงมานานแสนนานกลับเปลี่ยนเป็นสีเขียวได้ ธณํติใส่หมวกกันน็อคบิดคันเร่งดังบรึ้น พลางงึมงำกับตัวเอง “อิทธิพลสูงส่งจริงๆฟ่ะ”


+++++++++++++++++++++++++++++++++


แล้วในที่สุดก็มาถึงห้องซะที ธณัติค้นกุญแจห้องในกระเป๋ามือเป็นระวิง “ก็ว่าใส่ไว้ช่องนี้นี่หว่า หายไปไหนล่ะเนี่ย”

แกร๊ก

ยังไม่ทันได้ไข ประตูก็เปิดออกมาก่อน ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น หวังจะได้เห็นใบหน้ากวนๆที่แสนคิดถึงมาทั้งวัน แต่ก็เป็นอันต้องหยุดหายใจ เหงื่อกาฬไหลพรากเต็มหลัง

หนุ่มใหญ่ร่างสูงกำยำในชุดเสื้อสูททับเชิ้ตสีพื้น ร่างกายที่น่าจะโรยราตามอายุที่มากขึ้นกลับฟิตเปรี๊ยะราวกับคนวัยหนุ่ม ดวงตาดำคมเหมือนชวนันท์ไม่ผิดเพี้ยน ทำไมธณัติจะไม่รู้จัก...ก็คนในกรอบรูปที่แขวนอยู่ตรงทางเข้าบริษัทของเขาเอง

ท่านประธาน...พ่อของชวนันท์

ร่างผอมพึมพำกับตัวเอง “มิน่า...ถึงว่าอย่าล้อเล่น”


+++++++++++++++++++++++++++++++


เปลวไฟจากไฟแช็คร้อนแรงราวกับจะแผดเผาธณัติที่นั่งจมโซฟาตัวสั่นให้วอดวาย  ท่านประธานชยกรค่อยๆจ่อปลายบุหรี่เข้ากับดวงไฟ เมื่อติดดีแล้วจึงโยนไฟแช็คไว้กลางโต๊ะนั่งเล่น นั่งไขว้ขา สองแขนก่ายพนักโซฟา พ่นควันบุหรี่โขมง ชวนันท์เห็นดังนั้น จึงเกล็ดบุหรี่ขึ้นมาสูบบ้าง สองพ่อลูกจึงแข่งกันอัดควันเสียจนธณัติต้องแอบกระแอมไอออกมาเบาๆ

“พ่อมาทำไม?” ชวนันท์ถามก่อนจะดูดบุหรี่อีกเฮือกหนึ่ง

ชยกรพ่นควันขึ้นฟ้า คีบบุหรี่ด้วยท่าที่สาวๆเห็นคงอ่อนระทวยกันเป็นแถบ “ช่วงนี้ได้ข่าวว่ามีคนมาขออาศัยอยู่ด้วย?” ไม่พูดเปล่า ยังอุตส่าห์ปรายตามาทางธณัติที่นั่งเรียบร้อยก้มหน้าวิจัยปลายเท้าตัวเองเสียอีก

...ตายแน่!!! ถ้าท่านประธานรู้ว่า...เขาไม่ใช่แค่มาขออาศัยอยู่ล่ะก็... ธณัติกระพริบตาปริบๆเพราะซองขาวมันมาหลอนดวงตาอยู่ตงิดๆ

“ก็แค่มาขออาศัย แล้วพ่อจะทำไม” ชวนันท์ใช้ดวงตาคมกริบมองบุพการีตัวเอง

ธณัติยิ่งห่อไหล่กว่าเดิม รู้สึกเหมือนทั้งห้องมันมีกระแสไฟฟ้าแล่นแปลบปลาบยังไงก็ไม่รู้

“ไม่คิดจะแนะนำให้พ่อรู้จักหรือไง”

“นัท” ธณัติสะดุ้งโหยงกับเสียงของชวนันท์ที่จู่ๆก็เรียกเขา ชายหนุ่มตบโซฟาข้างตัวเองแปะๆเชิงบังคับให้ย้ายที่นั่งมาอยู่ข้างกาย ซึ่งตอนนี้ลูกหมาไร้เขี้ยวอย่างธณัติจะทำอะไรได้ นอกจากปฏิบัติตามอย่างว่าง่าย

“ธณัติ ฝ่ายวางแผนระบบฯของบริษัท” คำแนะนำแรกโอเคเยี่ยมกู้ด ธณัติชักเห็นทางรอดอยู่รางๆ หวังว่าท่านรองจะสามารถรักษาความลับและรักษาเก้าอี้ตำแหน่งวางแผนระบบแสนจิ๊บจ้อยของเขาไว้ได้นะ

“...เป็นคนรักของผมเอง”

...เงียบ...

ชยกรอัดควันบุหรี่ต่อ หลับตาหน้าเครียด ปากบางเฉียบพูดเบาๆ “คนรัก?” มือใหญ่คีบบุหรี่บดขยี้ลงกับจานเขี่ยจนแหลกละเอียด กัดฟันกรอดๆ “ลูกไม่รักดี”

ธณัติเริ่มใจเสีย กลัวตกงานก็กลัว...แต่ตอนนี้ที่กลัวมากกว่าคือการต้องแยกจากคนที่รักสุดหัวใจข้างๆนี่ต่างหาก... ร่างผอมหลับตาปี๋พูดท้านรก “คุณพ่อครับ!! ผม...คือ...เรารักกันจริงๆ ถึงจะเป็นผู้ชายเหมือนกัน ถึงจะเป็นลูกน้องกับเจ้านาย หรือถึงแม้ว่าคุณแน็ทจะชอบคิตตี้ ยังไงผมก็รักจริงหวังแต่งนะครับ โปรดอณุญาตให้พวกเราคบกันต่อด้วย อย่าดุด่าคุณแน็ทเลยครับ ผมยินดีรับผิดชอบลูกชายของคุณพ่อเอง!!!”

...เงียบ...

ชยกรพูดลอดไรฟัน “ใครอณุญาตให้เรียกพ่อ?”

ธณัติกำมือแน่นกัดฟันสู้ เขาจะแพ้ไม่ได้!! เขาคงทนไม่ได้ถ้าจะไม่ได้เจอชวนันท์อีก “ขอโทษครับท่านประธาน”

“ท่านประธาน?” เสียงทุ้มทวนคำเบาๆ เย็นเยียบเสียจนขนอ่อนที่คอธณัติลุกชัน

...แม้แต่ท่านประธานเขาก็เรียกไม่ได้หรือ? นี่เขาถูกไล่ออกแล้วใช่มั้ย?... น้ำตาลูกผู้ชายเริ่มเอ่อคลอเบ้า ในใจคิดคำนวณสะระตะ ค่าผ่อนคอนโดอีกหนึ่งปี ค่ากินค่านอน ค่าที่อยู่กรณีที่ถูกไล่ออกจากที่นี่ ค่า....

“อะแฮ่ม!!” ชยกรกระแอมไอ “เราน่ะ ชื่อธณัติใช่มั้ย?” ว่าพลางตบโซฟาบังคับให้ย้ายมานั่งข้างตัวเองแทน

“...ค...ครับผม” ธณัติลุกออกจากข้างกายชวนันท์ เปลี่ยนมานั่งข้างท่านประธานแทน โดยไม่สนใจแรงดึงจากมือใหญ่อบอุ่นของชวนันท์...เขาต้องสู้!!

แต่แล้วก็ต้องเบิกตากว้างอย่างงงงวย เมื่อมือใหญ่ของชยกรจับหมับลงที่ขาอ่อน “เรียกว่าพ่อมันแก่เกินไป เรียกว่าคุณอาดีกว่า ว่าแต่ สนใจจะเปลี่ยนมาอยู่กับอามั้ย?”

พลั่ก!!!

ยังไม่ทันตั้งตัว หมัดลุ่นๆของชวนันท์ก็เหวี่ยงใส่หน้าผู้เป็นพ่อเสียแล้ว ชยกรกุมแก้มตัวเองพลางตะโกนเสียงดัง “กล้าต่อยพ่อเรอะ ไอ้ลูกทรพี!!!”

“คนนี้ของผม พ่อห้ามยุ่ง!!!” แขนผอมๆของธณัติถูกกระชากดึงเข้าอ้อมอกร่างสูง

“หนอย! ไอ้ลูกไม่รักดี มีเด็กน่ารักๆอย่างนี้ในบริษัทก็ไม่รู้จักรายงาน ดันเก็บไว้เองซะนี่” อีกแขนก็ถูกท่านประธานดึงกลับมา

“แล้วคนเก่าของพ่อไปไหนเล่า!?” ชยนันท์ไม่ยอมแพ้ ดึงธณัติกลับมาไว้ข้างตัว

“เด็กบ้าๆพรรค์นั้นฉันเบื่อแล้วเฟ้ย!” ชยกรจะคว้าตัวร่างผอมกลับ แต่ชวนันท์กลับรู้ทัน ซ่อนตัวธณัติไว้หลังตัวเอง

“เขาทนรสนิยมพ่อไม่ไหวล่ะสิ!” ธณัติที่อยู่ด้านหลังเริ่มได้สติ ...ฟังพ่อลูกเถียงกันก็สนุกดีเหมือนกันแฮะ...ว่าแต่รสนิยมอะไรกัน

“แล้วแกล่ะ โตจนป่านนี้ยังบ้าคิตตี้อยู่อีก ไม่เป็นลูกผู้ชายเอาซะเลย ไอ้ลูกไม่รักดี! มันต้องนี่!!!” ว่าพลางล้วงมือเข้าใต้เสื้อสูท

ธณัติที่แอบชะโงกหน้าโผล่พ้นบ่าหนาของชวนันท์มาดูถึงกับอึ้งไปสามวินาที

“เฮอะ!” ชวนันท์สายหัว ส่งเสียงเฮอะเยาะเย้ย  “ก็แค่อุลตร้าแมน” ว่าพลางเหล่ตามองตุ๊กตาฮีโร่หัวบากอย่างเหยียดหยาม

โครม!!! เท้าเบอร์เก้ายันโครมเข้าท้องน้อยร่างสูง เล่นซะชวนันท์ทนไม่ไหวต้องคู้ตัวลงกอดท้องตัวเอง “อย่าดูถูกอุลตร้าแมนนะเฟ้ย”

“หนวกหูน่า!! อุลตร้าแมนก็อุลตร้าแมนสิเฟ้ย ฮีโร่เก่าคร่ำครึพรรค์นั้นน่าสนใจตรงไหนกัน!!!” ไม่ว่าเปล่า มือใหญ่จับหมับเข้าที่ขาคุณพ่อ ลากพรืดเดียวก้นชยกรก็เจ้าเบ้าลงกับพื้นพรม

“แล้วไอ้ตุ๊กตาคิกขุน่ารักของแกล่ะฟะ รู้ถึงไหนอายถึงนั่น” ฝ่ายคุณพ่อก็ไม่ยอมแพ้ ถีบเท้ายิกๆจนอีกฝ่ายต้องปล่อยมือ

“พ่อนั่นแหละ...” ธณัติที่หนีออกมาจากวงต่อสู้ได้หอบหายใจแฮ่กๆหลังพิงประตู นี่เขาจริงจังไปเพื่ออะไรฟะเนี่ย!!...พักยังไม่ทันหายหอบก็ต้องหน้าคว่ำลงกับพื้นเมื่อประตูที่พิงอยู่ดันถูกถีบโครม ธณัติที่แก้มแนบพื้นอยู่ตาเหลือกกับส้นเข็มสูงปรี๊ดที่ปักลงเฉียดจมูกเขาไปเซ็นเดียว

เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็ต้องเจอกับหญิงสาวเปรี้ยวจี๊ดในชุดแส็กสวยงาม เจ้าหล่อนเดินดุ่มๆฝ่าวงสงครามราวกำลังย่ำอยู่บนแค้ทวอล์ค

“โอ๊ย!!!” ใช้เวลาไม่นาน ใบหูของท่านประธานก็ถูกดึงลากขึ้น

“กลับบ้าน” เสียงใสไพเราะพูดเบาๆก่อนจะลากร่างสูงใหญ่ออกจากห้องไป เหลือเพียงเสียงร้องโหยหวนที่ห่างไกลออกไปเรื่อยๆ

...

“เอ่อ...” ธณัติเอ่ออย่างงงงวย...ทุกอย่างมันผ่านไปเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน

ชวนันท์จุดบุหรี่มวนใหม่พลางอัดควันเข้าปอด “พ่อทะเลาะกับแม่น่ะ”

“บ้านคุณนี่...สุดๆเลยนะ” ...ในหลายๆความหมาย...ธณัติพูดพลางถอนหายใจโล่งอก ในที่สุดพายุก็ผ่านไป ...

“หวา!!!” แต่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ทั้งตัวก็ถูกยกขึ้นจากพื้นเสียก่อน “เล่นอะไรเนี่ย ไอ้คิตตี้!!”

ริมฝีปากถูกปิดประกบแนบแน่นนาน ก่อนที่ชวนันท์จะถอนปากออก กระซิบเบาๆข้างหูให้ขนลุกเล่น “ฉันดีใจที่เธอบอกว่ารับผิดชอบ บอกว่ารักฉันนะ”

“พูดอะไร จำไม่เห็นได้” ธณัติใบหน้าร้อนผ่าว แสร้งหันไปวิเคราะห์เจ้าเจมส์ในห้องนอนแทน...ว่าแต่ทำไมห้องนอนมันใกล้เข้ามาเรื่อยๆหว่า

ตัวถูกโยนเด้งดึ๋งลงบนเตียงหลังใหญ่ ตามด้วยน้ำหนักกดทับ แน่นหนาแต่อบอุ่น “จำไม่ได้งั้นจะทำให้พูดอีกทีดีมั้ย”

“ว๊ะ...”

ยังร้องไม่ทันจบ ริมฝีปากก็ถูกปิดลงอีกครั้งหนึ่ง ร่างผอมรับรู้ถึงสัมผัสนุ่มนวลของเรียวลิ้น มือบางทั้งสองข้างยกขึ้นเกาะเสื้อร่างหนาจนยับยู่ เป็นเวลาเดียวกับที่ดวงตาสีน้ำตาลเข้มค่อยๆปิดลง

...คืนนี้คงได้บอกรักอีกหลายครา...

+++++++++++++++++++++++++++++++

END

หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกหมู ที่ 26-01-2009 19:42:09
ผมเปล่าโรคจิตนะ! พิเศษ 4

++++++++++++++++++++

“Mister, coffee or tea?” สำเนียงแปร่งๆเรียกความสนใจของธณัติจากการคร่ำเคร่งแปลหนังสือพิมพ์ต่างประเทศในมือ เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบกับสาวสวยในยูนิฟอร์ม ยืนรอรับการตัดสินใจของเขาตาแป๋ว

...

...

ย้อนหลังไปยี่สิบวัน...

“ธณัติ ฝ่ายวางแผนระบบ” เสียงประกาศชื่อของเขาทำให้เพื่อนร่วมงานที่อยู่ข้างๆร้องออกมาด้วยความเสียดายราวกับเสียหวยยังไงยังงั้น

“โธ่เว้ย...รู้งี้ทำโอทีเหมือนไอ้นัทดีกว่าว่ะ ได้ทั้งเงินเพิ่ม ได้ทั้งตำแหน่งพนักงานดีเด่น” เพื่อนๆกระแนะกระแหน ทำเอาร่างผอมคันปากอยากจะตอบกลับเหลือเกินว่า...จะลองทำโอทีทั้งวันทั้งคืนอย่างเขาดูไหมล่ะ...

หลังจากท่านประธานบริษัทกลับมาจากพักร้อนแสนยาวนาน ก็ตั้งนโยบายหาเสียงยึดอำนาจคืนจากท่านรองทันที โดยการคัดเลือกพนักงานดีเด่นแต่ละแผนกเพื่อให้รางวัลไปเที่ยวต่างประเทศ แล้วธณัติก็เป็นหนึ่งในผู้โชคดีนั้นนั่นเอง

...

...

นั่นคือเหตุผลว่าทำไมธณัติจึงได้มานั่งอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษอยู่บนเครื่องบินอย่างนี้ ทั้งๆที่เป็นเวลาทำงาน

“coffee or tea?” พนักงานต้อนรับสาวถามย้ำอีกครั้งหนึ่ง ทำให้ร่างผอมหลุดออกจากการย้อนอดีต...อืม นั่งเครื่องญี่ปุ่นก็น่าจะต้อง...

“2 cups of Tea, please” ยังไม่ทันได้สั่ง เสียงทุ้มจากด้านข้างก็พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน ธณัติอ้าปากค้าง

“เอ้า” ชายหนุ่มรับแก้วน้ำชา ก่อนจะหันกลับไปมองผู้ร่วมเดินทางที่นั่งอยู่ด้านข้าง

“แล้วทำไมคุณถึงมาด้วยเนี่ย!” เป็นคำถามคาใจมาตั้งแต่เมื่อตอนเย็น ที่หลังจากวุ่นวายจากการจัดกระเป๋าตัวเองเสร็จ ก็พบว่าท่านรองประธานจัดกระเป๋าแต่งตัวคอยท่าไว้เรียบร้อยแล้ว

“หืม” ชวนันท์ดื่มชาญี่ปุ่นร้อนๆทำท่าทางดื่มด่ำจนธณัติอยากจะสอยคางหล่อๆนั่นสักทีหนึ่ง “ก็ได้รางวัลพนักงานดีเด่นไง”

“คุณเนี่ยนะ!” ร่างผอมร้องอย่างกังขา...บริษัทนี้มันให้รางวัลพนักงานดีเด่นกับรองประธานด้วยเหรอฟะ?

“ถูก” ร่างสูงตอบเพียงคำตอบสั้นๆ ก่อนจะหันกลับไปนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ

ธณัติเหลียวหน้าไปมองรอบตัว ก่อนจะหันมายึดหนังสือพิมพ์คนด้านข้าง “แล้วรางวัลแค่นี้ต้องจองเฟิร์สคลาสเชียวเหรอ?”

“หึ” คำตอบเพียงคำเดียวไม่ได้อธิบายให้กระจ่างขึ้นแม้แต่น้อย

“ว่าแต่...พนักงานคนอื่นล่ะ?”  ...จำได้ว่าไม่ใช่เขาคนเดียวที่ได้รางวัลนี่นา...อย่างน้อยก็ยังมีโยอีกคนหนึ่ง...

ชวนันท์หันมายักคิ้วข้างเดียวด้วยท่าทางหล่อเข้มสุดใจ “ไปดูงานที่พม่า”

...รางวัลบ้านไหนฟะ กลุ่มนึงไปพม่า อีกกลุ่ม (หนึ่งพนักงานกับหนึ่งรองประธาน) ไปญี่ปุ่น!!!

++++++++++++++++++++++++++++++

“หวาว~” หลังจากนั่งรถดูวิวมาสองชั่วโมงก็ถึงบ้านพักคืนแรกเสียที ธณัติอ้าปากค้างร้องอย่างทึ่งๆเมื่อภาพของโรงแรมสไตล์ญี่ปุ่นสุดไฮโซปรากฏอยู่ต่อหน้า

“ชอบมั้ยล่ะ” ชวนันท์หันมายิ้มให้คนรักพลางลากกระเป๋าตามพนักงานต้อนรับไป

ในห้องของโรงแรมถูกจัดแบบญี่ปุ่นแท้ๆ พื้นปูด้วยเสื่อทาตามิ กับโต๊ะน้ำชานั่งพื้น เมื่อเปิดประตูระเบียงออกไปก็พบกับบ่อน้ำแร่ส่วนตัวส่งควันกรุ่น ยิ่งทำให้ธณัติอ้าปากหวอด้วยความทึ่งมากขึ้นไปอีก

“น้ำแร่ๆๆๆๆ” ชวนันท์ยิ้มอย่างเอ็นดูเมื่อเห็นร่างผอมวิ่งออกไปชะโงกหน้าดูราวกับเป็นเด็กๆ

“คุณแน็ท! อาบน้ำแร่!!” ธณัติหันมาร้องอย่างตื่นเต้น

“หึ...ไปหาอะไรกินกันก่อนดีมั้ย?” ว่าพลางลากเจ้าเด็กโข่งที่ยืนกรานจะโดดลงบ่อให้ได้ออกจากห้องพักไป

++++++++++++++++++++++++++++++++

“ปู!!!” ธณัติที่อายุถอยลงไปสักสิบปีหลังจากเหยียบแผ่นดินญี่ปุ่นร้องอย่างตื่นเต้นอีกครั้งเมื่อเห็นขาปูขาเบอเริ่มวางรอท่าอยู่ที่โต๊ะทานอาหาร ชายหนุ่มลงมือล้วงแคะแกะกระดองออกพลางเคี้ยวจั๊บๆอย่างเอร็ดอร่อย

ชวนันท์นั่งมองดูอีกฝ่ายเงียบๆพลางจิบเบียร์เย็นตรงหน้า...”เบียร์จืดหมดแล้ว นัท” ว่าพลางส่งเบียร์ป้อนอีกฝ่ายถึงปาก ซึ่งธณัติก็ยอมซดอึกๆ แต่โดยดี

เวลาผ่านไปเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ เปลือกปูบนโต๊ะพูนขึ้นเรื่อยๆ พร้อมๆกับแก้วเบียร์ที่ถูกเติมจนนับไม่ถูก ธณัติเริ่มโงนเงน ใบหน้าขาวตอนนี้กลับแดงกล่ำ

ชวนันท์วางแก้วเบียร์เปล่าลงบนโต๊ะพลางลากร่างผอมกลับห้องพัก

++++++++++++++++++++++++++++++

“อือ~ น้ำแร่~” ธณัติที่กำลังกรึ่มได้ที่เริ่มถอดเสื้ออย่างไร้ความระมัดระวัง ซึ่งก็ลงล็อคร่างสูงพอดี...นี่แหละ เขาถึงจงใจชวนอีกฝ่ายที่สุดแสนจะขี้อายไปละลายสติก่อน

ริมฝีปากบางยกยิ้มขึ้นเมื่อกางเกงหลุดออกจากท่อนขายาวเพรียว เหลือไว้เพียงกางเกงชั้นในชิ้นน้อยที่แทบจะปกปิดอะไรไม่ได้

หากก็ผิดจากที่คิดไปหน่อยเมื่อความอายยังหลงเหลือในจิตใจร่างผอม ธณัติหันกลับมามองชวนันท์ตาขวาง “หันไปก่อน ผมจะถอดกางเกงใน”

ชวนันท์ยกมือสองข้างขึ้นเป็นเชิงว่ายอมแพ้ หันหลังให้แต่โดยดี โดยที่ธณัติหารู้ไม่ว่า กระจกบานใหญ่ที่แขวนอยู่ที่ผนัง ทำให้การลวนลามสะโพกขาวทางสายตา เป็นไปโดยสมบูรณ์

...จ๋อม...

เสียงน้ำเบาๆเรียกอารมณ์เร่าร้อนได้ชะงัด ชวนันท์ลงมือถอดเสื้อตัวเองออก ก่อนจะย่องเดินไปทางด้านหลังร่างผอมที่นั่งแช่น้ำหลับตาอย่างสบายใจ

“อ๊ะ!” ธณัติสะดุ้งเฮือกเมื่อรู้สึกถึงมือหยาบลูบไล้ลงบนแผ่นอกของตน ยังไม่ทันตั้งตัว แผ่นหลังก็ถูกแนบชิดกับแผงอกแกร่ง

“ค...คุณแน็...” คางถูกเชยให้หันกลับมาด้านหลัง รับจุมพิตเร่าร้อน ลิ้นอีกฝ่ายที่โลมเลียอยู่ที่ริมฝีปากเชิงออกคำสั่ง เรียกให้ธณัติต้องยอมเผยอปากให้อีกฝ่ายเข้ามาสำรวจแต่โดยดี จวบจนแทบจะขาดอากาศหายใจ ชวนันท์ที่รับรู้ถึงแรงดิ้นของร่างผอมจึงยอมปล่อยออกอย่างเสียดาย

มือใหญ่ทำหน้าที่ลูบไล้ทำความสะอาดให้อีกฝ่ายโดยไม่ขอคำอณุญาต ยอดอกสองข้างถูกเล้าโลมจนแข็งตึง ทำให้ธณัติที่กำลังมึนได้ที่ร้องครางออกมาอย่างมีความสุข ก่อนจะรู้สึกหน้าแดงฉ่าเมื่อรับรู้ถึงความแข็งแกร่งที่ดุนดันอยู่ด้านหลังตัวเอง

ยามที่ส่วนกลางร่างกายถูกกระตุ้นด้วยสัมผัสที่คุ้นเคยในที่กลางแจ้งอย่างนี้ ยิ่งทำให้รู้สึกวาบหวิวยิ่งขึ้นไปอีก “คุณแน็ท...อย่า...”

ชวนันท์เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ เล็มเลียใบหูแดงแจ๋พลางกระซิบถาม “ทำไมล่ะ รู้สึกไม่ดีเหรอ?”

ร่างผอมสะกดเสียงร้องด้วยกลัวจะดังไปให้ห้องข้างๆได้ยิน “ด...เดี๋ยวบ่อน้ำร้อนเปื้อน...อ๊ะ!...”

“ไม่เห็นเป็นไร” พวงแก้มขาวถูกจุมพิตอย่างเอ็นดู ก่อนที่ริมฝีปากบางจะค่อยๆย้ายไปหาริมฝีปากอิ่มของอีกฝ่าย มือใหญ่ที่กอบกุมความเร่าร้อนเริ่มเร่งความเร็ว

“ม...ไม่เอา” ธณัติหลับตาปี๋ เงยหน้ากัดริมฝีปากกลั้นเสียงคราง พลันก็ต้องแปลกใจ เมื่ออยู่ๆทั้งร่างก็โดนฉุดขึ้นจากน้ำร้อน ออกมาเผชิญกับอากาศเย็นฉ่ำภายนอกแทน

ชวนันท์คว้าผ้าขนหนูผืนใหญ่ที่ทางโรงแรมจัดไว้ให้ เช็ดร่างกายให้ธณัติจนแห้งสนิทก่อนจะรีบๆเช็ดตัวเองลวกๆ ร่างสูงถอยหลังออกมาดูผลงานอย่างภูมิใจ

...ร่างที่เคยขาวซีด หลังจากผ่านการแช่น้ำร้อนแล้ว ทำให้กลายเป็นสีขาวอมชมพูน่ามอง ยิ่งท่าทางพยายามปกปิดทั้งๆที่ไม่สามารถปิดได้มิด ยิ่งทำให้น่ามองเข้าไปใหญ่ ส่วนกลางร่างกายที่ถูกทิ้งไว้กลางคัน กำลังเรียกร้องสัมผัสอย่างน่าอาย ธณัติหันหน้าแดงก่ำหนี ไม่กล้าสู้กับสายตาร้อนแรงที่ร่างสูงใช้จ้องตนเองอยู่

“มานี่สิ นัท” ชวนันท์เอนลงบนที่นอน จัดหมอนให้พิงหลังตนเอง เรียกคนรักด้วยเสียงเชิงสั่ง ซึ่งผู้อยู่ใต้มนสะกดก็ยอมทำตามแต่โดยดี

ธณัติยื่นมือผอมสัมผัสความเร่าร้อนของอีกฝ่ายอย่างกล้าๆกลัวๆ...แม้จะมีความสัมพันธ์กันหลายครั้ง แต่การที่ร่างผอมจะเป็นฝ่ายบริการอีกฝ่ายนั้น แทบจะนับครั้งได้ นั่นทำให้เขารู้สึกประหม่าอย่างมาก

“อืม” นัยน์ตาคมดำจ้องมองร่างกายของตนเองที่ถูกความนุ่มร้อนของโพรงปากครอบครอง มือใหญ่แทรกผ่านกลุ่มผมสีน้ำตาลเข้ม พลางครางเบาอย่างพึงพอใจ ขยับสะโพกแกร่งเข้ารับจังหวะกับการขยับลิ้นและมือของอีกฝ่าย

“อ๊ะ!” ธณัติที่กำลังตั้งอกตั้งใจปรนเปรออีกฝ่าย สะดุ้งเฮือกเมื่อรู้สึกถึงครีมเย็นๆลากไล้ไปตามแผ่นหลัง  เขาปล่อยริมฝีปากออก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงเชิงต่อว่า

“หึ...ผิวจะได้ไม่แห้งเกินไปไง” ชวนันท์ตอบยิ้มๆก่อนจะลากร่างผอมขึ้น ประกบริมฝีปากอย่างเร่าร้อน โดยไม่ลืมขยับมือใหญ่ ลากครีมทาผิวลูบไล้ไปตามสะโพกบาง นั่นทำให้ธณัติรู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก

แต่เมื่อรู้สึกถึงนิ้วใหญ่ที่สอดแทรกเข้าทางช่องทางด้านหลัง ธณัติก็เกร็งตัวออกห่าง “ไม่เอา!”

ชวนันท์ขมวดคิ้วขัดใจ “มีปัญหาอะไร?”

ร่างผอมก้มหน้าเขินอาย พูดเสียงเบา “พรุ่งนี้...”

“หือ?” ชวนันท์ได้ยินไม่ถนัด เริ่มส่งเสียงหนักๆในลำคอ

“....ไม่มี...” อีกฝ่ายยังงุบงิบคนเดียวต่อไป

ร่างสูงชักขัดใจ สองมือใหญ่เคล้นคลึงแก้มก้นสองด้านไม่เบานัก “มีอะไรก็พูดมา”

ธณัติจึงตัดความอายพูดออกไปได้ “ใส่เข้ามา เดี๋ยวพรุ่งนี้ไม่มีแรงเดินเฟ้ย ไอ้บ้า!”

“หึ...ก็แค่นั้น” ชวนันท์หัวเราะขึ้นจมูก “ช่วยไม่ได้”

โดยไม่ทันตั้งตัว ครีมอีกชนิดหนึ่งก็ถูกป้ายเข้าที่ช่องทางคับแคบ เร็วเสียจนธณัติหลักไม่ทัน

“ก็บอกว่าไม่เอาไงฟะ!” เส้นเลือดที่ขมับเริ่มเต้นตุบ...หนอย ไอ้บ้ากาม มาเที่ยวยังไม่เว้น เรื่องอะไรเขาจะยอมตัดกำลังเที่ยวตัวเองเล่า!!!

แต่ความคิดพลันถูกกลบไปด้วยความรู้สึกแปลกๆที่ด้านหลัง เมื่อจุดที่ถูกป้ายเมื่อกี้มันรู้สึกร้อนวาบประหลาด “เอาอะไรมาทาเนี่ย!!”

ชวนันท์ยิ้มหวาน ชูขวดแก้วเล็กในมือให้ดูจะจะ “เพื่อนที่ญี่ปุ่นเพิ่งส่งมาให้เมื่อกี้เอง เลยคิดว่าน่าจะลองเอามาใช้ดูหน่อย”

“ก...แก~” ธณัติกัดฟันกรอด ความรู้สึกวาบหวามมันรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็วจนต้องส่ายสะโพกอย่างอดไม่ได้

“ทีนี้ จะนอนเอาแรงก็ตามใจนะ” ชวนันท์หัวเราะหึ ล้มตัวลงนอนหงายอย่างไม่สนใจจะปกปิดร่างกายเปลือยเปล่าเต็มไปด้วยมัดกล้ามของตนเอง

“ไอ้บ้า!” ธณัติด่าอย่างเหลืออด คลานพาร่างกายที่มาถึงที่สุดของความอดทนขึ้นคร่อมเจ้าคนมากเล่ห์

ความใหญ่ร้อนที่เติมเต็มช่องทางด้านหลัง ทำให้ร่างผอมรู้สึกปลดปล่อยจากสัมผัสร่อนผ่าวประหลาดๆนั้นได้ ธณัติขยับสะโพกเองอย่างจำใจเมื่อคนที่นอนอยู่นั้นไม่มีท่าทีจะช่วยเหลือ แถมยังหัวเราะเยาะอย่างสะใจอีกต่างหาก

“อะ...อะ...อือ~...” ร่างด้านบนหอบครางเป็นจังหวะ ความเหนื่อยล้าจากการต้องขยับเองทำให้จังหวะที่เคยเร็วขึ้นเรื่อยๆกลับช้าลง

“อ๊า!” พลันก็ต้องร้องอุทานตกใจ เมื่อร่างที่นอนนิ่งข้างใต้ จู่ๆก็ขยับสะโพกสวนขึ้นอย่างรุนแรง ร่างกายที่โงนเงนถูกโยนให้นอนหงายลงบนเตียง ก่อนที่ความแข็งขืนจะตามเข้าจู่โจมอีกครั้ง ชวนันท์ขยับเร่งตามอารมณ์ปรารถนาที่ร้อนขึ้นเรื่อยๆ

จนเมื่อถึงที่สุดของที่สุด ความต้องการก็ระเบิดพร่างพราย เติมเต็มช่องทางร้อนผ่าวจนล้นทะลักเปื้อนฟูกนอนนุ่มขาว ทำเอาคนขี้อายหน้าแดงก่ำเมื่อมองเห็นผลงานที่อีกฝ่ายทิ้งไว้ให้

ธณัตินอนหงาย หอบฮั่กสักพัก สองมือก็คว้าหมอนนุ่มขึ้นตบหน้าชวนันท์ที่นั่งกดชัตเตอร์กล้องถ่ายรูปอย่างเมามัน ทั้งๆที่ยังไม่ยอมออกไปจากร่างกายเสียที “นี่แน่ะ ไอ้บ้า!!”

“อะไรอีกเล่า!” โชคดีที่รับหมอนทัน ปัดออกจากหน้าไปได้ก็กดถ่ายรูปสุดท้ายก่อนจะวางกล้องลง หันมาตวาดร่างผอมที่นอนหอบหน้าแดงแจ๋อยู่ข้างล่าง

“ปล่อยข้างในอย่างนี้มันก็เลอะหมดเซ่!!” ถึงจะอาย แต่ธณัติก็อยากจะด่าเหลือเกิน มาเที่ยวอย่างนี้ ยังมาปลดปล่อยตามสบายอย่างนี้อีก แล้วคืนนี้จะได้นอนกี่โมงฟะ!!

“อ๋อ~” ชวนันท์ยิ้มกริ่ม ถอนร่างกายออกโดยไม่ให้ตั้งตัว ทำเอาร่างผอมสะดุ้งร้องครางเสียงดังน่าฟัง แขนแกร่งช้อนร่างผอมขึ้นแนบ พาเดินไปยังบ่อน้ำแร่อีกรอบ จับแช่ลงทั้งคู่ ก่อนจะสอดนิ้วเข้าไปยังช่องทางอบอุ่น “’ไม่ต้องห่วงน่า เดี๋ยวฉันทำให้เอง”

ยิ่งทำให้ธณัติหน้าแดงกว่าเดิมเข้าไปใหญ่ ถ้าควันระเบิดออกมาจากหัวได้ก็คงระเบิดไปแล้ว “ไม่ต้องมายุ่งนะ ไอ้คิตตี้!”

แต่แขนแกร่งไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆหรอก “ไม่ต้องเกรงใจหรอก...เดี๋ยวท่านรองประธานคนนี้จะบริการคุณพนักงานดีเด่นเอง...”

แล้วประโยคสุดท้ายก็ตามมาหลังจากที่ลิ้นอุ่นเลียใบหูจาบจ้วง “...แต่หลังจากที่มันเลอะกว่านี้แล้วน่ะนะ...”

“ปล่อยน๊าาาาาา!!!!” คราวนี้ธณัติส่งเสียงดังลั่นโดยไม่สนใจ แล้ว ว่าข้างห้องจะได้ยินหรือไม่

...เหลือเวลาเที่ยวอีกแค่ 5 คืน...

++++++++++++++++++++++++++

END

หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: yuiyui ที่ 26-01-2009 19:43:03
 :L1: :L1: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกหมีน้ำแดง ที่ 27-01-2009 10:00:52
 :pig4:คนแต่ง(คุณลูกหมู)และคนโพสท์ค่ะ (playCardPlaYBoy)สนุกมากมาย จิตกันทั้งเรื่อง ชอบทั้ง3คู่ เลยค่ะ แต่อยากรู้คู่ของกั๊กกับ....ค่ะ คุณลูกหมู

จะแต่งอีกหรือเปล่าค่ะ แต่งเถอะนะค่ะ อยากรู้มากกกกกกกกกกกกกกกก ว่าจะจิตยังไง จะรอค่ะ

โชคดีจังได้อ่านตอนพิเศษด้วย ขอบคุณคนโพสท์(LookMuh) มากๆเลยค่ะ ที่นำมาลงให้

สุขสันต์วันตรุษจีนนะค่ะ :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: lilth ที่ 16-02-2009 22:31:28
สนุกกกกกมากกกมายย
ชอบค่ะเรื่องที่แบบโรคจิตๆๆอย่างเงี้ย55

ขอบคุณทั้งคนโพสคนแต่งเลยนะคะ
 :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: patiharn ที่ 16-02-2009 23:12:11
เค้าไปอยู่โลกอังคารหรือจักรวาลไหนมาเนี่ยทำไมเพิ่งได้อ่านเรื่องสนุกๆขำๆอย่างนี้
น่ารักมากๆเลยคะ   แบบแอบจิตนิดๆ...บ้าอำนาจหน่อยๆ..ปากไม่ตรงกับใจน้อยๆอะไรประมาณเนี่ย.....ชอบ
ขอบคุณมากๆทั้งคนแต่งคนโพสนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: i_lost in.. ที่ 04-03-2009 15:54:19
ชอบนิยายของคุณลูกหมูสุดสุด...ทุกเรื่องสนุกดี  :pigha2: แน่นอนรวมเรื่องนี้ด้วยค่ะ

พล็อตเรื่องน่ารัและแอบจิ้นได้อีก  :-[


รอเรื่องต่อไปนะค๊ะ

ขอบคุณสำหรับนิยายดีดี+สนุกค่าาา  :กอด1:


ขอบคุณคนโพส ที่เอาเรื่องสนุกอย่างนี้มาให้และ คนแต่งที่สร้างสรรผลงานค่ะ


แอบจริงจังและจริงใจนิสนึง  :impress2:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: arty136 ที่ 05-03-2009 02:09:26
oh godd o13
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: everytime ที่ 09-03-2009 18:27:51
 :z1: บอก ได้ คำเดียว ว่า  :jul1:


 :oo1: หื่น   :m25:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 09-03-2009 19:58:58
 :laugh: หนุกมากมากเลย  จิตสมกับชื่อเรื่องที่ตั้งเลย
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: pollapat ที่ 10-03-2009 15:21:47
 :m11: ชอบชอบ โรคจิตวันละนิด จิตแจ่มใส
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Tempozia ที่ 10-03-2009 22:53:31
ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบมากๆเลยอ่ะ

แบบจิตๆ อ่านแล้วนั่งยิ้ม สงสัยจะชอบมาก บางทีก็กรี๊ดอยู่คนเดียวประมาณว่าเขิลลลแทน

อิอิ อยาดอ่านต่องค่ะ คนเขียนมาเขียนต่ออีกนะคะสนุกมากเลย ลื่นไหลอ่านสนุกมั้กๆ

คนโพสก็ขยันโพสค่ะ น่ารักทั้งคู่เลย อิอิ :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Ferfa ที่ 07-04-2009 20:25:48
ดีค่ะ

อ่านมาหลายรอบแล้วรู้สึกตื่นเต้นทุกรอบที่อ่านค่ะ

แล้วก็ยังติดใจค่ะ เรื่งอพี่กั๊กกะพี่ของน้องโยอะ  :serius2:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 14-04-2009 14:54:33
ขอบคุณ playCardPlaYBoy ที่นำเรื่องดีๆมาแบ่งปัน
ขอบคุณ "ลูกหมู" สำหรับเรื่องดีๆ
ขอบอกว่าคุณแต่งได้ดีจิงๆนะ
ภาษาที่ใช้ราบรื่นไม่สะดุดเลย
อารมณ์ไม่ติดขัด ฉากอัศจรรย์ไม่มากไปน้อยไป กะลังดี อิอิ  :-[
แล้วไม่แต่งต่อคู่อื่นแล้วหรอคะ มันยังมีทางไปได้นี่เนอะ

คือ ไม่เคยอ่านเรื่องโรคจิตแบบนี้เหมือนกัน
ปกติจะเจอโรคจิตพวกเก็บกด ดราม่าๆหน่อย
แต่อันนี้ฮาดีค่ะ ชักจะชอบแล้วซิ ฮี่ๆๆๆ  :impress2:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: faren ที่ 16-04-2009 01:40:59
อ่านชื่อเรื่องแล้วไม่นึกว่าจะฮาได้ขนาดนี้ สนุกมากเลยก๊าบ  :m25:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Cloud~ ที่ 17-04-2009 20:19:37
ทั้งฮา ทั้งหื่น

สนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: only_uG ที่ 08-05-2009 22:09:41
สนุกมาก

น่ารักดีครับ

 o13
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: AcHii3acHoTheR ที่ 20-07-2009 17:29:07
โรคจิตหนักทั้งเรื่อง 5 555 ,,  :laugh:
มันใกล้ตัวแบบนี้นี่เอง !
แอบคิดว่า เห่ย ! คนรู้จักมันจะมีเป็นแบบนี้ป่าวว๊ะเนี๊ย แมรี่ *
ชอบทั้ง 3 เรื่อง ให้ตายเหอะ .

จิตแบบ หื่นๆ ซาดิสม์นิดๆมาโซหน่อยๆ,,

โอ๊วเย !  นี่แหล่ะที่ต้องการ 5 555
ขอบคุณพี่ลุกหมูกับพี่คนโพสเหมือนกันนน
เอานิยายแจ่มๆมาให้อ่าน นน

ว่าแต่จะมีคู่พี่ของโย กับนายกั๊กหว่า อยากจิตอีกอ้ะ ,,* ฮี่ๆ

รักน๊ะ บ๊วบๆ,, !  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 21-07-2009 11:50:59
ถ้าเอาความจิตก็ต้องเรื่องที่ 1

แต่จริงๆชอบเรื่องที่ 3 มากที่สุด หุหุ

น้องโยน่าร๊ากกกกก o13
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 22-08-2009 15:56:36
จิต 1 กับ จิต 3 จิตสุดๆ แต่จิต 2 ไม่ค่อยเท่าไหร่นะ  :o8:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: crazy Y ที่ 06-09-2009 15:01:33
 เรามัวไปหลงทิศหลงทาง ไหนมาเนี่ยะกว่าจะได้มาอ่านเรื่องนี้

บอกได้คำเดียวว่า

 เริ่ด   :haun4:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: breath ที่ 19-10-2009 21:29:10
ในที่สุดก็อ่านจบ

น่ารักมากๆเลยค่ะ > <
ชอบคู่ แน๊ทนัท ที่สุดเลย
>//////////<

น่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ก         ก       
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Y2Y ที่ 03-11-2009 21:23:41
คนโรคจิต นี่ไมมันทำให้เราอ่านไปยิ้มไปได้หว่า

ว่าแต่ว่า คอนโดนี้อยู่แถวไหนอ่ะ

จะได้ไม่ไปอยู่   กลัวเป้นคนโรคจิตอีกคน
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: OhJa ที่ 13-11-2009 12:31:39
น่ารักมากๆ สนุกมากๆ อ่านเพลินไปเลย

คนแต่งเก่งๆ  o13
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: leeseunggi ที่ 03-12-2009 18:02:41
อ่าน กี่ ครั้ง ก็ ไม่ เบื่อ เลย นะ เนี่ย


 :z2:   :z2:   :z2:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: leeseunggi ที่ 28-12-2009 19:48:14
กลับมาอ่านอีกหรอก็ยัง.............. o13
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 29-12-2009 22:45:29
มาอ่านอีกรอบนึงจ้า อ่านอีกรอบ ก็ยังสนุกเหมือนเดิมเลย  o13
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 07-01-2010 15:17:49
สนุกดีคะ

ชอบ ชอบ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: runglovely3 ที่ 13-01-2010 19:39:51
ขอบคุณครับ  น่ารักดี :z1:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: สมาคมโคแก่ ที่ 14-01-2010 20:18:48
 :m25:   หื่นสุดๆ ถูกใจๆ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: mixmix ที่ 04-02-2010 00:58:27
เพิ่งอ่านจบไปแค่ภาคแรกเอง เล่นเอาเลือดหมดตัวไปแล้ว  :m25:

โฮกกกกกกกกกก ไม่ไหวจะเครียล์เลยเรื่องนี้ ได้ใจมากๆ 55+  :impress2:

เดี๋ยวค่อยแวบมาอ่านต่อภาคอื่น ตอนนี้ไม่ไหวแล้ว ต้องไปเติ่มเลือดที่โรงพยาบาลก่อนหล่ะ คึคึ  :laugh:

อ่อ ชอบผลงานของคุณลูกหมูจัง ยิ่งเรื่องนี้ยิ่งได้ใจมาก ขอบคุณสำหรับเรื่องดี(เรียกเลือด)นะคะ  :กอด1:

เดี๋ยวอ่านจบหมดทุกภาคเมื่อไหร่จะเม้นให้อีกที แล้วก็ขอบคุณคนโพสเรื่องด้วย อิอิ  :L2:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 18-02-2010 23:00:43
โอยยยยยย ยิ่งอ่านยิ่งขำ เป็นสามเรื่องที่อ่านแล้วมีความสุขจริงๆค่ะ
แต่ละคน(ในเรื่อง)นี่ต้องบอกว่าจิตขั้นสูง ไม่ใช่แค่จิตธรรมดา
ทั้งจิตทั้งหื่น คนอ่านก็อ่านจนจะจิตตามแล้ว กร้ากกกกกกกกกกกกกส์


ขอบคุณทั้งผู้แต่ง ผู้โพสท์ มากๆนะคะ  o13 :impress2:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Gligar ที่ 19-02-2010 22:40:14
อ่านจบแล้ว
สนุกทุกคู่
แต่ชอบคู่นัทแน็ทมากที่สุด
ขอบคุณมากครับ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: hikikomori ที่ 24-02-2010 03:10:39
ตามอ่านทันจนได้   :really2:  ยาวมากมายค่ะ
อยากจะบอกว่าชอบมากกกกก   สนุกมากค่ะ
อ่านไปขำไปไม่ไหวแล้วว   ชอบทุกคู่เลยอ้ะ :impress2:
คนเขียนคนโพสก็ขยันมากเลยด้วย
อยากกดบวกให้แต่ตอนนี้ยังกดให้ไม่ได้อ่ะ :impress3:
แล้วมาต่อภาคอื่นอีกนะคะ  อยากดูคู่ของกั๊กมากกกก
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: ArCaNiNe ที่ 05-03-2010 21:15:33
ในที่สุดก็อ่านจบ
สนุกดี หลายแบบดี
ชอบคู่ของนัทกับแน็ท เพราะมันไม่โรคจิตมาก (คู่อื่นจิตเกิน - -)
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: ┠┨ ¡ Þ Þ ☻ ❣ ╰╰ ที่ 06-03-2010 10:35:53
โรคจิตว่ะ......แต่....ชอบมากมาย...กิกิ....

เค้าโพสท์มาตั้ง  2  ปีล่ะ...เพิ่งเข้ามาอ่าน.....อิ๊กๆ....

ขอบคุณสำหรับเรื่องราว  จิตๆ  ค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Momoro ที่ 08-03-2010 14:43:15
ไม่ค่อยได้เจอแนวนี้เลยแหะ.....แบบว่าชอบจิตๆแบบนี้อ่ะ 
ชอบทุกคู่เลย สนุกดี
ขอบคุณนะ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: butajang ที่ 15-03-2010 19:01:12
ขอบคุณนะคะไรเตอร์ อ่านจบเเล้วชอบมากเลยคู่ที่ 2 อะ คิตตี้ กับ ยอดมนุษย์ น่าร้ากที่สุดเลยอะ  o13
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: kunnyppk ที่ 16-03-2010 01:09:32
อ่านจบมา2วันแล้วแต่เพิ่งเข้ามาเม้น
 :pig4:คนแต่งมากๆเลยค้า
3เรื่องสนุกจริงๆ
อ่านไปหัวเราะไปกับความจิตของตัวเอกแต่ละตอน
อยากอ่านผลงานเรื่องอื่นอีกแต่ไม่รู้จะไปหาอ่านที่ไหน เศร้าเลย
 :L2:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิ$
เริ่มหัวข้อโดย: fayala ที่ 16-03-2010 11:26:43
Sanook kod kod lei a' ka

Narak, funny, and very very sexy!!

I like every part lei ka

Thank you na ka..
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: dekba428 ที่ 16-03-2010 17:28:14
ขอบคุณครับ

ชอบๆๆๆ

ชอบทุกตอนเลยครับ

 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: fayala ที่ 30-03-2010 01:41:06
This is my 2nd time reading this story..

Sanook jing jing naa.. 555
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 13-04-2010 13:54:46
หื่นนิด ๆ จิตหน่อย ๆ แต่ฮาโครต ๆ
ชอบเรื่องนี้มาก ๆ ไม่คิดว่าจะสนุกขนาดนี้
เห็นชื่อเรื่องแล้วลากเมาส์ผ่านไปไปตลอด
แต่พอได้อ่านแล้ว  อยากบอกว่าการใช้ภาษาก้อดี
อ่านแล้วอิน  เห็นภาพด้วยย :haun4:

ชอบขบวนการยื่นหมูยื่นแมวจริง ๆ มันผูกกันเป็นตอน ๆ ได้ไม่ขาดเลย
ชอบมากกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: jira ที่ 14-04-2010 11:23:34
คุณลูกหมู๊......... :a5:


บรรเจิดมาก...แต่ละเรื่องที่คุณแต่งมันช่าง o13


จะรอชื่นชมผลงานต่อไปเรื่อย ๆ นะคะ

:pig4:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: fayala ที่ 18-04-2010 14:10:38
อ่านกี่รอบก็สนุกค่ะเรื่องนี้ ตลกดี ช่วยคลายเครียดได้เยอะ แถมยังหื่นได้ใจ  :haun4: ของคุณลูกหมูนี่เค้าดีจริงๆ
ขอบคุณคนแ่ต่งและคนโพสท์อีกทีค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: ampritise ที่ 18-04-2010 15:15:57
 :z3:อ่านอย่าบ้าคลั่ง
 :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun:
 :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1:
เลือดๆๆๆๆๆ
 :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: fernnakab ที่ 28-04-2010 21:31:57
เรื่องแรก  จิตทั้งคู่แฮะ.. คิคิ

ปอนด์กับพี่พล   555+ พี่พลแบบว่าโรคจิตขั้นสุดยอดไปส่องนู๋ปอนด์เค้าซะงั้น

เรื่องที่สอง(อันนี้ชอบมาก 555+)

ธนัติกับคุณชวนันท์ คิคิ ไม่น่าเชื่อว่าระดับผู้บริหารจะชอบซานริโอ้ 5555 นัทก็น่ารัก 555+  ฮาตอนแรกมากมายจะจะเข้าห้องนู๋ปอนด์ดันไปเข้าห้องคุณชวนันท์ 5555+

เรื่องที่สาม

นู๋โยกับพี่ธเนศ คู่นี้น่ารักดี  พี่กับน้องทำไม เหมือนกันขนาดนี้ คิคิ นู๋โยก็นะไม่น่าเชื่อว่าจะ....555+น่ารักมากๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: fay_13 ที่ 06-06-2010 17:57:22
ทั้งขำทั้งหื่นอ่านไปอมยิ้มไปจนเพื่อนจะหาว่าบ้าแล้วนั่น  :o8: :o8:

น่าเสียดายคู่กั๊กกับ...จังอยากอ่านต่อ

โดยส่วนตัวแล้วชอบคู่แน๊ทกับนัทค่ะ อ่านแล้วน่ารักสุดๆเลย  :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 18-06-2010 20:24:00
อะคริๆ แบบว่าชอบทั้งสามคู่ กร๊ากกกกก
ขอบคุณนะค้าา สนุกมากเลยยย o13
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince ที่ 22-06-2010 11:14:00
หนุกๆๆ เพิ่งอ่านจบเรื่องที่สอง ไว้จะมาต่อครับ
ชอบอ่านเรื่องโรคจิต นี่เราจะโรคจิตด้วยรึเปล่าหว่า เหอๆๆ
 
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: pimm ที่ 22-06-2010 18:28:26
สนุกมากกกกกก
พลอตเรื่องแหวกแนว น่าสนใจ
อ่านไปแล้วก็หยุดไม่อยู่

ส่วนตัวชอบคู่คิตตี้ค่ะ
จีบกันรุนแรงดี 555555
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: iNklaNd ที่ 25-06-2010 18:14:08
กลับมาอ่านอีกรอบก็ยังสนุกเหมือนเดิม
คู่ที่ฮาที่สุดคงไม่พ้น คิดตี้กับนัท
บ้าบอกันดี แถมนัทก็เอ๋อได้ใจ
เป็นซีรีย์ 'โรคจิต' ที่สนุกมากๆ
ขอบคุณคุณลูกหมูกับคนโพสต์มากๆ นะ

+1 ให้เลย
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 17-07-2010 17:04:47
ขอบคุณค้าบบ

หื่นกันได้อีกอะ พระเอก แต่ละภาค 555
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: cinney_min ที่ 21-07-2010 17:04:16
ชอบมากๆเลย

ฮาได้ใจจริงๆ

แต่ล่ะคู่ก็แร๊งงง...
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: win200 ที่ 21-07-2010 23:35:39
พึ่งเข้ามาอ่านครับ


อยากบอกว่าหนุกมากกกก :pigha2:


ชอบคู่นัทกับคิตตี้เป็นการส่วนตัว น่ารัก ติ๊งต๊อง บ้าๆบอๆรั่วๆดี :laugh:

รองมาก็ชอบคู่น้องโย แรงงงส์ได้จัย :z1:

รองมาอีกก็พี่พลกับน้องปอนด์ จิตมากๆหน่อย :o8:

ขอบคุณสำหรับเรื่องจิตดีดีครับ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: PeeYaR ที่ 27-07-2010 01:36:02
สนุกมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆค่า
สนุกทั้งสามเรื่องเลย
ทั้งน่ารัก ทั้งจิต ทั้งหื่น 5555
>////<
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: beautyless ที่ 27-07-2010 19:48:26
โหย สุดๆ อ่ะเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: april@tbl ที่ 29-07-2010 20:37:30
ชอบทุกคู่เลย สนุกมากๆ
แต่ละคู่ก็เกี่ยวโยงกัน น่ารักเชียว
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: hydry ที่ 16-08-2010 01:45:09
 o13 เป็นเรื่องที่สุดยอดเลยอ่ะ คนแต่งโคตรเทพ คิดพล็อตได้งัยอ่ะ โคตรๆเลย ชอบๆๆๆๆ  :o8: :o8:
แต่งเรื่องอื่นมาอีกนะจะรออ่าน :call:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Bejae ที่ 16-08-2010 03:32:26
โอ๊ย ยยยย อ่านแล้วเกิดอารมณ์ฮา !
อารายมันจะขนาดน้าน นนน

สนุกดีค่ะ ไม่เครียด ฮ่าๆ ๆ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิตEnd+ผมเปล่าโรคจิตนะ!End+แฟนผมเป็นคนโรคจิตEnd(จำเป็นจบย้ายบ้านคับ) 26/4/51BYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: half-clear ที่ 16-08-2010 12:58:21
น่ารักทั้งสามคู่เลยค่ะ เชื่อแล้วว่าชอบคิตตี้เพราะมีแต่ตอนของคิตตี้ หุหุ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: พระสนมฝ่ายขวา ที่ 28-09-2010 02:18:35
แหมๆๆ  :-[ แนวนี้เนี่ย เอ่อ.. ถูกใจคนอ่านอย่างแรงค่ะ  :impress2: :impress2: :impress2:
สนุกทั้งสามเรื่องเลยค่ะ อ่านไปขำไป ฮ่าๆๆๆ
ชอบคู่ธณัติกับท่านรองเป็นพิเศษ อิอิ(ชอบเห็นคนถูกแกล้งง่ะ  o18)

ขอบคุณคุณลูกหมูและคุณplayCardPlaYBoy มากกกกๆๆนะคะ  :กอด1:

ปล. อยากจะมอบโล่ให้คุณplayCardPlaYBoy จริงๆ โพสแบบนี้คนอ่านรักตายเลย  o13
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 28-09-2010 19:35:16
อ่านไปก็ฮาไป 3 เรื่องนี้ แต่ละคู่นี่แบบ.... อยากอ่านตอนพิเศษอีกจัง...
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: devilmlb ที่ 29-09-2010 19:26:41
มีแต่ตัวร้ายๆทั้งนั้นเลย

หนุกมากมายเลยอ่าา ร้อยเรื่องต่อกันได้สงั้นอ่าา

จอมวางแผนกานทั้งนั้น โฮะๆๆ พ่อคุนพี่แน็ทแรงได้อีกเล่นอุนตร้าแ้ม่นซะงัน

แอบสงสารน้อง โยอ่าา ตอน ที่ได้เคโร กะ อีเป็ดดำไป นั่งหัวเราะอยู่คนเดียว เหมือนคสบ้าเลย โฮะๆ(<-- แน่ใจนะว่าที่หัวเราะน่ะสงสาร)

แอบอยากรู้เรื่อง พี่กั๊ก กะพี่ของโยอ่าา
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: momoko_1144 ที่ 04-10-2010 02:31:28
 o13 o13

น่ารัก ทุกภาคเลยค่ะ สนุกมากๆ เยี่ยมเลย

ยังไงเป็นกำลังใจให้นะคะ

ถ้าชอบ คงชอบภาคแรกค่ะ ดูโรคจิต แรงๆดี แจ่มมากเลย

แต่ภาคสองนี่ น่ารักสุดๆ

อ่านไป อมยิ้มไป

ภาคสุดท้ายนี่ พี่เนศ ได้ใจไปเลย ผู้ชา :bye2:ยใจดี ซื่อๆ แบบนี้แหละค่ะ ที่ครองใจไปหมด

ชอบมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 04-10-2010 07:11:47
กลับมาอ่านอีกรอบค่ะ

สนุก อ่านแล้วมีความสุขมากมาย
รอคุณลูกหมูเสมอนะคะ รอ ร้อออออออออ รอ
>////////<
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: MyTeaMeJive ที่ 04-10-2010 12:57:00
อ่านไปก็สงสัยตัวเอง
ผมโรคจิตหรือเปล่าว๊า
5555
แต่งมาอีกนะ นะ นะ
 o13
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: WhatLoveIs ที่ 05-10-2010 05:17:22
อ่านจบแว้ว
ขอบคุณมากนะคะ  :กอด1:
เรื่องนี้สนุกมาก แปลกและฮามากอ่ะ

หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: nookik ที่ 05-10-2010 09:05:44
 o13 สุดยอดดดดด


น่ารักทุกคู่เลยอ่ะ ((ถึงจะแอบจิตก็เถอะน๊ะ))


ยกนิ้วให้คนแต่ง ผล็อตเรื่องได้เจ่งมาก!!!


 :-[  อยากอ่านตอนพิเศษ อีกจังงงง :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Rina ที่ 05-10-2010 11:19:45
ชอบทั้ง 3 คู่เลยค่ะ แต่คู่คิตตี้กับนัทยี่ชอบมากที่สุดแบบว่าผู้ชาสยตัวโตๆ
แต่ชอบซานริโอมาก มันก็เลยขำนิดหน่อยค่ะ เวลาอ่าน
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Pamphlet ที่ 06-10-2010 13:20:38
อยากบอกว่าชอบทั้ง 3 ภาคเลยค่ะ  :-[
ไม่อยากให้จบเลยจริงๆเรื่องนี้...ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะอ่านตอนพิเศษอีก
ปล.ขอบคุณทั้งคุณลูกหมูแล้วก็คนโพสมากนะคะ ที่นำเรื่องดีๆแบบนี้มาให้อ่าน
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: M23 ที่ 06-10-2010 14:43:13
นิยายจิตๆๆ ถูกใจ สนุกทั้ง 3 ภาคเลย
แต่ชอบคิตตี้ที่สุด หื่นเนียนๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: PandP ที่ 06-10-2010 22:07:43
อ่านกี่ทีก็สนุก อิอิ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 08-10-2010 16:47:30
อ่านแล้วฮาอ่ะ
55555555555555
จิตทุกตอน
ก๊ากกก
ว่าคนในเรื่องโรคจิต
แล้วเรานี่นั่งอ่านไปขำไปนี่...
จิตกว่าป่าววะ
 -  -
 o22
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Chubby ที่ 21-10-2010 16:37:37
 o13
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: nano ที่ 29-10-2010 22:10:42
 o13 สุดยอด เลือดไหลเกือบหมดตัว :haun4: หุหุ

ทั้งน่ารักทั้งหื่น ชอบๆๆๆๆ


ชอบทุกภาคเลย อ่านจบยังแอบเพ้อไม่หาย  :-[
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: iMarchs ที่ 15-11-2010 03:40:14
อ่านจบแล้ว   :-[
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: eyejaejae ที่ 19-11-2010 21:50:21
 :L2: สุดยอดดดดดด

น่ารักมากมาย อ่านจนจบแล้วค่าาาา o18
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: @Iriz ที่ 19-11-2010 23:14:06
สนุกทุกตอนเลยค่ะ  :-[

อยากให้มีตอนพิเศษอีกจัง  :impress2:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 21-11-2010 14:12:07
คู่แรกก็นะ จิตดี แต่ชอบคู่สองมากกว่าค่ะ อย่างฮา  :laugh:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 21-11-2010 17:35:52
เย่ อ่านทันแล้ว ขอตอนพิเศษเพิ่มอีกสิคะ ชอบคู่ท่านรองฯคิตตี้อะ   :o8:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 24-11-2010 23:41:46
ชอบมากเลย
ทุกตอน ทุกภาค

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 26-11-2010 19:29:03
ชอบบบบบบบบ
ชอบแนวนี้จัง ^^ (เริ่มโรคจิตตามแล้วเรา 55+)
ตอนแรกนึกว่าจะมีอีกคู่นึง
ที่เป็นพี่ของโยน่ะ
แต่ไม่เป็นไร ชอบทุกคู่เลย ^^
ขอบคุณจ้า
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: ♫~Eristneth~♪ ที่ 02-02-2011 21:43:40
อ่านเรื่องนี้ จากที่หื่นเล็กน้อย(?) เอ่อ หื่นอยู่เเล้ว ก็ยิ่งหื่น

ชอบ ฮุฮุ น่ารักดี  :-[
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: บีบีจัง ที่ 07-02-2011 13:01:43
เคยอ่านครั้งแรกแล้วชอบมาก
เลยตามมาอ่านเป็นรอบที่สองค่ะ  :3123:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: jojobuffy ที่ 12-02-2011 18:39:47
เอิ่มมมมมม ตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองโรคจิตหน่อยๆๆๆแล้ว



อ่านไป ขำไป หัวเราะไป สนุกดีนะ ชอบ




แตกกำลังดี
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: #9 ที่ 18-02-2011 20:17:39
 :m25:
ขอบคุณคุณลูกหมู และ คนโพสครับ
 :L2:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: sassyaom ที่ 23-02-2011 14:02:10
อ่านไปเรื่องนึงละ

หนุกดีจ้าา

NC เยอะมากๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: fayala ที่ 23-02-2011 15:55:26
ซีรี่ส์นี้สนุกจริงๆ ค่ะ เข้ามาตามอ่านอีกรอบพร้อม +1 ให้คนโพสท์ค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 01-03-2011 00:08:11
สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ชอบสุดๆไปเลยค่า
ชอบทั้ง 3 คู่เลย
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: pongsa777 ที่ 08-03-2011 11:34:41
อ่านจบแล้วคร้าบบ  ชอบ 3 เรื่องนี้มากเลย เนื้อเรื่องสนุก(โรคจิตดี  :m20:) มีเหตุการ์ณเชื่อมต่อระหว่างเรื่องด้วย

ขอบคุณมากครับที่เขียนนิยายดีๆแบบนี้มาให้อ่าน  :impress2:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 09-03-2011 02:32:53
โฮววว
ชอบเรื่องนี้จังค่ะ
น่ารักมากกก (เรียกว่าน่ารัก)
อ่าจจบแล้วรู้สึกเลยว่า การอ่านมาจนจบแสดงว่าฉันก็จิตเหมือนกัน
ฮ่าๆๆๆๆๆ
พี่เนศ น่าสงสาร ก๊ากกกกกก
น้องปอนด์ก็น่ารัก
คุณแน็ทก็เริ่ดดด  ฮ่าๆๆ ชอบทุกตัวละครเลย !!!
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 05-04-2011 14:16:09
โหวตให้เรื่องที่หนึ่งครับ ชอบพี่พล ฮ่าๆๆๆๆ :z1:

แต่คู่อื่นๆก็ชอบหมดนะ แค่ชอบคู่แรกเป็นพิเศษ  :z2:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: kihaezzzzzz ที่ 06-04-2011 18:51:06
ชอบทุกเรื่องเลยค่ะ ไม่ค่อยได้อ่านเรื่องเเนวนี้มาก่อนเลย

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวสนุกๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: erng ที่ 08-04-2011 00:41:05
น่ารักมากอ่ะค่า
ชอบบบบบบ
2 เร่ืืื่องหลังนี้แบบว่า ชอบอ่ะ
5555+

นัทกับแน็ทนี่แบบบว่ารักจริงๆๆๆ
รักคือรัก555+

แต่เนสกับโยนี่
ได้มาแบบบงงงง
แต่ก็ดีน่าที่ยังรู้ใจตัวเอง
เฮ้อออออ

พลกับปอนด์นี่ลุ้นมากกกกก
กลัวจะเสียใจซะแล้ว เฮ้ออออ

ขอบคุณมากนะค่า
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: meiji ที่ 12-04-2011 13:32:13
ชอบเรื่องนี้มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
อ่านเเบบหยุดไม่อยู่เลยจริงๆ 555 ชอบทุกภาคเลยค่ะ
ขอบคุณทั้งคนแต่งคนโพสเลยนะคะ ที่นำเรื่องดีๆอย่างนี้มาให้อ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: june24 ที่ 13-04-2011 17:53:25
ชอบมากกกกกเลย ชอบจิต2อ่ะ ชอบตอนนัทเรียกแน๊ทว่า "ไอ้คิตตี้"อ่ะ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: pingwowo ที่ 20-04-2011 21:55:18
หนุกค๊อตต

ชอบคู่ พล กะ ปอด์น

แน็ท กะ นัท

เนศ กะ   โย

สรุป ชอบทุกคู่ ฃ

ชอบมากสุดคือ พล กกะ ปอด์นอ่ะ

เลือดพุ่งง :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: OuOkung ที่ 21-04-2011 13:37:47
นั่งอ่านมาราธอนมาตั้งนาน
มารู้ตัวอีกที...อ้าว นี่เราไม่ได้นอนมาคืนนึงเต็มๆเลยนะเนี่ย --

สนุกทั้ง3คู่เลยครับ
แต่ถ้าถามว่าชอบคู่ไหนมากที่สุด
ผมว่าผมชอบ พล-ปอนด์นะ
หื่น+โรคจิต+ดราม่า ดี 55+
จบแล้วแต่อยากอ่านต่ออีกแหะ ^^
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: J_Dargon ที่ 24-04-2011 13:43:47
สนุกทั้งสามภาคเลยค่ะ

ชอบทุกคู่เลย  หื่นทุกคน ฮ่า ๆ

ปล. ตั้งแต่อ่านมา เราเพิ่งจะสมัครก็เลยเพิ่งมาเม้นน่ะค่ะ  ขอโทษที่ไม่ได้มาเม้นตั้งแต่แรก ^^
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: 111223 ที่ 31-08-2011 14:23:43
:pighaun: สุดยอดไปเลยจร้า ชอบทุกคู่เลยอ่ะ สมกับชื่อเรื่องจริงๆ

คู่พลกับปอนด์ ยังไงพลก็เลิกโรคจิตไม่ได้หรอก ฮ่าๆ คู่นี้น่ารักดีทดสอบกับไปมา

คู่ของท่านรองกับนัท ฮ่าๆ เอาไปเอามานัทดูไม่เหมือนโรคจิต แต่ท่านรองนี้ซินับวันยิ่งเหมือน

พ่อท่านรองได้ใจมากๆ ฮาสุดๆ แต่แม่ก็เฉียบขาดมากๆ >-<

คู่ของธเนศกับโย กว่าธเนศจะยอมรับว่ารักโยทำเอาเราลุ้นซะตั้งนาน แต่โยนี้สุดๆ มีการติดกล้องถ่ายเอาไว้ด้วย

สนุกมากๆเลยจร้า ชอบเรื่องนี้สุดๆ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: mamarin_smile ที่ 06-09-2011 21:08:20
 :haun4:สนุกมากเลยอะ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: V ที่ 06-09-2011 22:10:35
ว้าวว้าว

สนุกมากมายย ^O^
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 07-09-2011 16:02:57
เข้ามาอ่านกี่รอบๆ ก็ยังสนุกเหมือนเดิม  o13
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: minminmin ที่ 07-09-2011 18:40:03
สนุกมากเลยค่ะ

ตอนนี้พึ่งอ่านถึงภาคที่2

เรื่องน่าร๊ากกกกกกกกกกกก :bye2:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: minminmin ที่ 07-09-2011 21:44:05
อ่านจบแล้วค่าาา

ยังอยากอ่านต่ออยู่เลยค่า

เรื่องนี้น่าร๊ากกกกกกกจริงๆเลยค่าาาาาาาา :man1:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: thyme812 ที่ 14-09-2011 23:20:27
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 22-09-2011 22:52:04
ชอบคะ สนุก จิตดีจังเลย
ชอบตัวละครทุกตัวเลย มีนิสัยจิต เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง
ฉากอัศจรรย์ไม่มากไม่น้อย พอดี อ่านไปจิ้นไปไ้ด้ ทั้งตลกทั้งหวิว ๆ 55+
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: rule ที่ 29-09-2011 22:21:52
I love it
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 01-10-2011 12:17:21
 :z2: กลับมาอ่านตอนที่ 2 อีกครั้งด้วยความคิดถึง

แม้จะเคยบอกว่าชอบตอนที่ 1 ที่สุดก็เหอะนะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Guill ที่ 27-12-2011 11:23:42
หื่นๆกันทั้งนั้น
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: คุณแม่ลูกสอง ที่ 03-01-2012 17:19:38
ตามมาอ่านตามคำแนะนำ

น่ารักมากกกกกกกกกกอ่ะ

ถึงจะจิดจิดไปหน่อยก็ตาม

ขอบคุณมากครับที่นำมาให้อ่านกัน


 :L2:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: bambooiihallo ที่ 10-01-2012 20:22:45
ชวนันท์ -/////-
หัวข้อ: Re:
เริ่มหัวข้อโดย: 1993stone ที่ 10-01-2012 22:57:21
 :z2: :z2: :z2: :z2:

 สนุกมากๆ ครับ ^^
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: KuMaY ที่ 21-01-2012 20:55:13
สุดยอกมาก
เกินคำบรรยายจริงๆ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: jing_sng ที่ 22-01-2012 18:17:21
คู่แรกจิตสุด ท่าทางจะจิตไม่หยุดด้วยสิ
คู่สองน่ารัก ออกแนวฮาๆ กับความไม่รู้เดี่ยงสาของนัท
ท่านรองดูยัไงก็เหมือนแก่กว่านัทเลยนะ
คู่สุดท้าย ก็ฮาดีน่ารักกับความเอาแต่ใจของโย
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: ThE_PaRaN ที่ 23-01-2012 13:47:04
ชอบคู่ชวนันท์กับธนัตที่สุดค่ะ น่ารักดีอ่ะ

ที่จริงน่ารักทุกคู่เลยนะ หุหุ  o13
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Siri_nan ที่ 26-01-2012 22:18:43
สนุกมากเลยค่ะอยากอ่านต่อจัง
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: yang ที่ 02-02-2012 09:15:26
 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: wanmai ที่ 07-02-2012 09:32:10
ผมเป็นคนโรคจิต
น้องปอนด์เซ็กกุซี่มากมาย ส่วนพี่พลโรคจิตได้อีกอ่ะ :oo1:

ผมเปล่าโรคจิตนะ
ชอบเรื่องนี้มาก พี่นัทแอบส่องน้องปอนด์จนได้เรื่องเลยไหมล่ะ เจอโรคจิตกว่าอย่างพี่พลเข้าไปถึงกับน็อค!! :sad3:
พี่คิตตี้หื่นมากกก แอบขำคอลเลคชั่นของคุณพี่แกจริงๆ :pigha2: แอบปลื้มคุณพ่อเบาๆ อิอิ

แฟนผมเป็นคนโรคจิต
น้องโยหนูจิตไปไหมมม ว่าแต่มีเผื่อพี่สักคลิปไหมลูก คึคึ :haun5:

ขอบคุณผู้แต่ง ผู้โพสต์ และเล้าเป็ดค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 08-02-2012 20:41:20
ได้ใจทั้งสามภาคเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: LiliLiN ที่ 08-02-2012 21:32:36
มาบอกข่าวค่ะ

เรื่องนี้ทางสนพ.ไร้กรอบกำลังเปิดจองอยู่นะคะ มีตอนพิเศษด้วย  :haun4:

ที่นี่ค่ะ >> http://www.weloveshopping.com/shop/showproduct.php?pid=21500494&shopid=272390
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกหมู ที่ 12-02-2012 00:29:06
ู^
^
ขอบคุณที่ช่วยประกาศค่ะ  :pig4:

ลองทำลิงค์ง่ายๆแล้วค่ะ คลิกที่ลายเซ็นข้างล่างได้เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 12-02-2012 09:37:51
^
^
^
^
^
 :z13: จิ้มคุณลูกหมู

อยากได้ แต่ต้องเก็บตังค์ก่อน  :z10:

มีตอนพิเศษนอกจากในเล้าด้วยหรอครับ?

น่าสนใจมากกกกกกกก  :m4:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: wasawath ที่ 12-02-2012 18:33:16
ชอบมว๊ากกกกก พึ่งเข้ามาอ่าน อ่านรวดเดียวจบเลยยย
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: k_roro ที่ 14-02-2012 22:13:52
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ชอบเรื่องนี้มากๆๆ สั่งจองเรียบร้อยแล้วค่ะ

หุหุ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 16-02-2012 18:25:23
ชอบเรื่องนี้เหมือนได้ปลดปล่อยตัวตนที่แท้จริง :z1:
ขโมยของคนที่ชอบหรือหยิบของที่เค้าใช้แล้วไม่ได้โรคจิตนะใคร ๆก็ทำกัน
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: fox ที่ 18-02-2012 00:55:38
ชอบนัทกับคิตตี้ที่สุดเลย น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: timtam ที่ 21-02-2012 18:02:49
สนุกมากๆเลยเรื่องนี้ เป็นนิยายที่แต่งได้ลื่นไหล

อ่านแล้วขำอ่ะ :m20: น่ารักมากๆ ><

คุณคนแต่ง แต่งได้ดีจิงๆ น่ะ o13
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: kimyunjae ที่ 22-02-2012 15:01:37
 :-[อ่านจบแล้ว สนุกมากเลยค่ะ หนังสือก็อยากได้มากเลย
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Huasia ที่ 04-03-2012 14:57:20
ชอบมากค่า  เดี๋ยวไปจองให้ได้เเลย
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Number1_90 ที่ 04-03-2012 22:16:29
สนุกมากๆ ฮาสุดๆ

เเต่ละคู่ โรคจิตหมดอ่ะ  :laugh:

+1 ให้กับคุณลูกหมู เเล้วก็คนโพสด้วยค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: miwmiwjung ที่ 08-03-2012 19:17:33
แต่งเก่งมากเลยอ่ะ
สนุก
หื่นด้วย
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: phoenixa ที่ 08-03-2012 22:25:57
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ แบบนี้นะคะ
ตลก เฮฮา แล้วก็แอบดราม่านิดๆ กำลังดีทีเดียวค่ะ
ภาษาอ่านง่ายด้วย ชอบเวลาพูดจิกกัดกัน น่ารักดีค่ะ

แต่งได้สนุกมาก น่าติดตามจริงๆ ทำเอาไม่ต้องหลับต้องนอนกันไปเลย
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: ♀♥♀DearigA♂♥♂ ที่ 09-03-2012 02:41:33
สุดยอดมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

พล็อตดูดีมากค่ะ เชื่อมโยงกันดีมาก ภาษาที่ใช้ก็สละสลวย

ตัวละครทุกตัวน่ารักน่าชัง

ชอบทุกคู่เลย..... แอบคิดไว้ตั้งแต่ตอนที่สองว่าอยากให้เนศคู่กับโย ไม่คิดว่าจะมีคู่นี้จริงๆ ฮาๆๆ

 :กอด1: :L2: :pig4:  ขอบคุณมากสำหรับผลงานดีๆ ที่แอบอิน ร้องไห้ด้วย(ตอนเลิพซันครั้งแรกของปอนด์กะพี่พล ทั้งๆที่น่าจะหื่นแต่มันกลับบีบคั้นอารมณ์ซะจนร้องไห้เฉยเลย ) 
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: azure™ ที่ 12-03-2012 11:10:08
ถ้าบอกว่าชอบทั้งสามเรื่องเลยนี้ ผมจะดูเป็นคนโรคจิตไหมครับ? 5555

ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆนะครับผม อ่านแล้วยิ้มไปตลอดเรื่องเลยอ่า : )
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: setblack ที่ 13-04-2012 17:28:07
 :jul1: :jul1: :jul1:

 :-[ :-[ :-[

 :L1: :L1:

ชอบ มากๆๆ เลยค่ะ อ่าน 2วันรวด เลยทีเดียว

ชอบหมดทุกภาคเลยเจ้าค่ะ

เป็นกำลังใจให้คนแต่ง+คนโพส นะค่ัะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: sarucw ที่ 15-04-2012 23:55:27
สนุกค่ะ ทั้ง 3 เรื่องเลย

ชอบคู่นัทกะคิตตี้มากๆ ฮาดีอ่ะ

ขอบคุณทั้งคนแต่ง และคนโพสเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Liszamy ที่ 17-04-2012 18:27:05
อ่านรอบสองแล้ว ก็สนุกอยู่ดี  o13
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: witchhound ที่ 18-04-2012 12:21:52
สนุกมากเลยค่ะ
ชอบคู่2มาก
ไอ้คิตตี้น่ารักดี
 :o8:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Magis ที่ 30-04-2012 22:21:24
 อ่านไปแล้วขำไปด้วย ชอบตอนพิเศษอะ ไปเที่ยวแบบนี้่ท่าทางนัทจะเหนื่อยเป็นเท่าตัวเลยละ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: saladbar ที่ 09-08-2012 23:34:34
สนุกมากกกกก
ชอบน้องโย
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: FFS_Yaoi ที่ 15-09-2012 05:57:22
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: FFS_Yaoi ที่ 15-09-2012 18:24:33
อ่านจบแล้วววว   :pighaun:

 :laugh: :m20:

 :man1:รักคนเขียนมากกกกก

ฃอบทุกภาคเลย
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: zombie26no ที่ 15-09-2012 23:17:37
สนุกมากๆเลยค่ะ

ชอบมากๆๆ > ____ <

นั่งอ่านวันเดียวจบ สนุกมากๆ

ขอบคุณมากนะคะ ทั้ง คุณคนเขียน > /\ <
และ คุณคนที่เอามาให้อ่าน > /\ <
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: funland ที่ 16-09-2012 16:31:18
ชอบทั้ง 3 คู่เลยอ่ะ  :กอด1: ฮา ได้อีก อ่านจบแล้วไม่รู้จะหื่นดีหรือฮาดี ปนๆกันไปจนตอนนี้เราว่าเราก็จิตนิดๆแระแหะ :a5:
คุณ  o13 จริงๆ ขอบคุณมากค่ะ 
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: moodyfairy ที่ 17-09-2012 02:14:39
 :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1:
ตายไปแล้ววว เลือดหมดตัวววว !!! :z3: :z3:


น่ารักมากกกกกกกกก และสนุกมากกกกกกกกก :o8: :o8:
ขอบคุณนะคะ :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: paintshinki ที่ 20-09-2012 10:45:48
ชอบทุกคู่เลย
สนุกมากกกกกกก
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 20-09-2012 20:36:45
ชอบๆ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 20-09-2012 20:58:52
ชอบมาก สนุกมากมาย

ขอบคุณจ้าา  :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: M33A ที่ 26-09-2012 07:33:27
อ๊ากก  ก ก ก กกกก

สนุกมากๆเลยคะ ชอบมากก กกกกกกก

 :m25: :m25: :m25:



สงสัยเราจะโรคจิตเหมือนกัน  เอิ๊ก ก กก กกก   :z3:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: charapin ที่ 03-10-2012 02:31:15
สนุกมากกกกกกกกกกกกกกก  เจิมไว้ก่อน
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Lisnary ที่ 04-10-2012 03:55:17
 :m10: ชอบที่สู้ดดดดดดดดดดเลย พึ่งได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้อ่านเพลินลืมเม้นต์เลย แฮะๆ :m3:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: charapin ที่ 05-10-2012 00:11:56
 :m25: :a5:

โดนนนนนนนนนนนนนนนนนนนมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกอ่ะ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: na-au ที่ 10-11-2012 21:54:06
คนแก่อ่านแล้ว   :a5:  ชอบทั้ง 3 ภาคเลย  o18 o18

ทำเอาคนแก่เลือดกระฉูด  :pighaun: :pighaun:  แทบจะหมดตัว  :jul1: :jul1:

น้ำหมากกระจาย  :m25: :m25:

รวมแล้วสุดยอดดดดดดดดด  o13 o13

 :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Secretandwizard ที่ 15-11-2012 19:44:27
เพิ่งจะได้มาติดตามผลงานของคนแต่ง(คุณลูกหมู)สักพัก ชอบทุกเรื่องที่คุณลูกหมูแต่งเลยคะ :-[
ทั้งพล็อตเรื่อง การเขียน ภาษา การดำเนินเรื่อง บอกตรงๆชอบมากกกกกจนกลายเป็นนักเขียนในดวงใจเลย555555
เราจะรอติดตามผลงานไปเรื่อยๆตลอดทุกเรื่องเลยนะคะ o13

และสำหรับคนที่ขาดไม่ได้เลยคือคนโพสคะ ขอบคุณมากๆๆๆนะคะที่ขยันโพสมากๆๆๆได้อ่านแบบไม่ขาดตอนเลย
ขอบคุณทั้งสองคนอีกครั้งนะคะที่สร้างสรรค์และนำเรื่องราวดีๆมาให้ได้อ่านกันเสมอ :bye2: o13
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Hang_Hong ที่ 02-12-2012 22:09:52
บอกได้คำเดียวว่า.......สุโค่ยยยยยยยยยยย  :pighaun: ชอบมากๆ  o13
เป็นกำลังใจให้นักเขียนต่อไปครับ  :L2: ^^
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 07-12-2012 00:39:09
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน สนุกมากมาย
ชอบมากค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 19-12-2012 21:29:19
ฉันไปอยุ่มุมไหนมาทำไมพลาดนิยายจิตๆเเบบนี้

อ๊าอ ชอบหมดทุกคู่เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: sunshinesunrise ที่ 26-12-2012 16:33:59
เข้ามาอ่านเรื่องน้ีเพราะมีคนโพสไว้ในหมวดนิยายแนะนำ พอมาอ่านก็อยากจะแนะนำให้คนอื่นมาอ่านบ้างเลยค่ะ สนุกมาก พลิกล็อคตลอดเวลา อ่านแล้วลุ้นยิ่งตอนที่มีแววดราม่าอารมณ์นี่พาหน่วงเลยค่ะ สนุกมากจริงๆทั้งสำนวน การวางพลอต การดำเนินเรื่องมันราบรื่นลื่นไหลน่าติดตามอยู่ตลอดเวลาเลยค่ะ เดาไม่ถูกเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น ที่น่าประทับใจที่สุดคือลักษณะนิสัยของตัวละครมันเป็นเอกลักษณ์และสร้างสรรค์มากค่ะ ขอบคุณคนโพสที่นำเรื่องดีๆมาแบ่งปันกัน และอยากขอบคุณเจ้าของเรื่อง คุณลูกหมู ที่สร้างสรรค์นิยายดีๆแบบนี้มาให้อ่านกัน จะเป็นกำลังใจให้ และจะรอติดตามเรื่อวต่อๆไปนะคะ ^^
 o13 o1
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: rayray ที่ 08-01-2013 22:58:51
สนุกมากๆเลยจ๊ะ อ่านไปออินไป ชอบมากกกก

ชอบทั้ง 3 ภาคเลย  :-[
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: pockypocky ที่ 16-01-2013 22:36:51
สนุกมากเลยค่า
ทั้งฮาทั้งหื่นได้ใจ  :-[
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 21-01-2013 17:35:15
เดี๋ยวไปซื้อหนังสือมาอ่านดีกว่า อิๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: ammlovey ที่ 04-02-2013 17:34:32
หนุกมากกกกกกกกกกกกกกกก   
น่ารัก+หื่นได้ใจ  :bye2: :haun4:
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: nemesis ที่ 08-02-2013 09:55:11
สนุกมาก
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 23-02-2013 15:21:55
ชอบทั้งสามเรื่องเลย วนอ่านแล้วอ่านอีก
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Black Orlov ที่ 23-02-2013 23:03:25
สนุกและน่ารักทั้งพระเอกนายเอก
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: preaw-sm ที่ 05-03-2013 08:21:54
น่ารักมากเลยค่า 3 คู่เลย
ชอบคู่น้องโยมากๆ น่ารักกกกก >< ขี้อ้อน คุณเนศในที่สุดก็รู้ใจตัวเองแล้วนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: ur_my_melody ที่ 07-03-2013 22:16:12
จะบอกว่าอ่านเรื่องนี่แล้วสูญเสียเลือดอย่างหนัก :jul1:
แต่ก็ชอบนะคะ...อิอิ :z1:
ขอบคุณสำหรับนิยายน่ารักๆ และชวนเสียเลือดด้วยนะคะ
สนุกมากกกกกกก o13 น่านักทุกๆคู่เลย...
แต่โดยส่วนตัวชอบคู่แน็ทกับนัทมากที่สุดแล้ว :haun4:
เป็นกำลังใจให้ในเรื่องต่อๆไปนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: omeye ที่ 10-03-2013 12:14:47
 :pighaun:    สนุกมากๆๆๆคะ  o13
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: blanchet ที่ 16-03-2013 19:16:15
5555อ่านไปฮาไป สนุกมากค่ะ
แต่งเก่งจริง สนุกสุดๆ อินมาก
สู้ๆนะคะ o13 o13
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: kinly ที่ 21-05-2013 11:36:04
ขอบคุณครับ อ่านมาทุกตอนสนุกดีครับอ่านแล้วเพลินดีแปปเดียวจบแล้ว
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Windiizz ที่ 28-05-2013 11:42:03
ไม่รุ้ว่าพลาดเรื่องนี้ไปได้อย่างไรรรรรร
สนุกมากกกกกกก นั่งอ่านรวดเดียวันเดียวจบเลยยยย ชอบมากค่ะ!!
เอาตั้งแต่คู่แรกก่อน พี่พลกับน้องปอนด์ ตอนพิเศษน้อยไปนิ๊ด เหมือนจะสั้นๆ แต่โรคจิตมาก ทั้งพี่ทั้งน้อง สะใจคนอ่านแปลกๆ อ่านไปเขินไป ส่วนคู่ที่สองนี่คู่ในดวงใจเลยค่ะ คิตตี้ 555555 ไม่รู้คิดได้เยี่ยงไร เป็นพระเอกที่มีมุมมืดมาก ส่วนนัทตอนที่ชอบที่สุดคือตอนปกป้องคิตตี้อ่ะค่ะ ฮากร๊ากมากกกก ทำตัวเป็นพาเวอร์เรนเจอร์เลยทีเดียว โอ่ยยยย ส่วนคู่น้องโยกับพี่เนศอันนี้บอกเลยว่าน้องโยน่ากลัวมาก สโตรกเกอร์สุดๆ ถ้าไม่น่ารักนี่คงสยองขวัญ T^T
ดีใจที่ได้อ่านรวมพลคนโรคจิตนะคะ มันสนุกแบบอ่านเรื่อยๆ แต่หยุดไม่ได้ แถมฮาทั้งเรื่องอ่ะะ ชอบบบบบบบบบ
ขอบคุณคุณคนโพสต์และคนเขียนนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: himenana ที่ 30-05-2013 10:24:57
ตาม หา มา นาน  ถูกใจม๊าก ค่ะ  :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 19-08-2013 02:03:04
เคยอ่านเมื่อ4ปีที่แล้ว
กลับมาอ่านอีกครั้ง ยังสนุกเหมือนเดิม  ⌒.⌒
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 25-09-2013 22:59:09
เห็นในหมวดนิยายแนะนำเลยได้มีโอกาสเข้ามาอ่านฮะ
อ่านตั้งแต่ประมาณทุ่มกว่า ๆ ยันเที่ยงคืนมาราธอนจนหลับคามือถือกันเลย
ซัดlyricaแต่ยังถ่างตาอ่าน
สนุกมากกกก เรื่องแรกกับเรื่องสุดท้ายนี่นายเอกร้ายทั้งคู่ เป็นแนวที่เดาได้ยาก
ไม่อยากจะคิดว่าถ้าเจ้าแผนการณ์ทั้งโยกับปอนด์ชอบกันเองนี่ใครจะชนะ
พระเอกของเราประมาทไม่ได้นะฮะ
แต่ชอบสุดเรื่องแน็ทกับนัท คือฮามาก ฮาแบบ อันลิมิเต็ด โถๆๆ คิตตี้คือน่าสงสารอะ ปวดกบาลแทน
นัทโคตรขี้เถียง
แต่แบบเป็นพระเอกในดวงใจมาก นิ่ง และเป็นผู้นำ ถึงคราวดราม่าจะหึงกันทีเล่นเอาใจหายแว้บ
ชอบตอนฉากที่นัทบอกว่าอย่าทำถ้าไม่ได้เกิดขึ้นเพราะรักอะ
รู้สึกถึงความรักที่พระเอกมีให้มากๆ
ขอบคุณทั้งคนที่เอามาแบ่งปันเรื่องดีๆแบบนี้ แล้วก็ขอบคุณพี่ลูกหมูมากครับที่เขียนมาให้อ่านกัน
คือตลกมากจริงๆ สมแล้วที่เป็นเรื่องแนะนำ ไม่ได้อ่านคงเสียดายแย่ 5555  ^^
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: thank_it ที่ 30-09-2013 21:23:31
ซุ่มอ่านมาหลายเรื่อง ชอบบ้างไม่ชอบบ้าง มาเจอเรื่องนี้ยกให้เป็นที่ 1 ในใจเลย (บางอย่างก็เคยทำ ยังสงสัยตัวเองอยู่?)
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Ningg.Destiny ที่ 07-10-2013 22:45:26
สนุกมากๆเลยเรื่องนี้ 555555
ทั้งสนุกทั้งฮา ชอบไอ้คิตตี้ที่สุดเลย มึนๆดี
คุณลูกหมูแต่งนิยายเก่งมาก นี่กำลังจะสอบแต่ไม่อ่านหนังสือ
มัวแต่อ่านนิยายจนจบเรื่อง สบายใจ ~~
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 08-10-2013 18:52:55
กระทู้"นิยายแนะนำ เรื่องนี้ต้องอ่าน"แนะนำมาค่ะ
ไม่ผิดหวังจริง ๆ สนุกมากกกกก
ขอบคุณนะคะ ชอบทั้ง 3 คู่เลยค่ะ^^
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Keikoku ที่ 09-10-2013 11:06:42
ขอบคุณ
คุณลูกหมู และคุณplayCardPlaYBoy
มากๆค่ะ
อ่านะฟินมากกกค่ะ
 :m11:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: tpaibull ที่ 13-11-2013 20:18:58
มีคนแนะนำให้มาอ่าน ไม่ผิดหวังจริงๆ สนุกมาก ใสๆกุ๊กกิ๊กทุกคู่
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 25-02-2014 00:02:23
วางพลอตเรื่องดี  o13  สนุก ฮา หื่น
ขอบคุณสำหรับเรื่องคะ  :3123:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 01-03-2014 13:13:55
XD อ่านจบแล้ววว
ชอบทั้งสามคู่เลยค่ะ
แต่ชอบค๋แรกที่สุด อิอิ
อยากอ่านอีกจังน้ออ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: SWIM ที่ 08-04-2014 14:44:10
อร๊ายยย ชอบเรื่องนี้อ่ะ อิ้อิ้
ครบทุกรส หื่น ฮา ตลก มีหมด
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่านงับ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: ▲TEACHCHY▼ ที่ 15-07-2014 21:29:36
สนุกทั้ง3เรื่องเลย  o13

ชอบนัทที่สุดละ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: zaturday ที่ 11-08-2014 15:59:07
 :haun4: :katai5: :katai5:
ความรู้สึกที่อ่านแต่ละตอน ก็ออกมาอีโมประมาณนี้แหล่ะ
คืออยากจะบอกว่าเราอ่านในโทรศัพท์ อ่านแบบ รวดเดียวจบ พออ่านจบแล้ว เกิดอาการ แบบทนไม่ไหวเลยต้องมาเปิดคอมเพื่อที่จะเม้น
ก่อนอื่นเลย อยากขอบคุณคนโพส ที่โพสแบบสะใจมากกกก อ่านรวดเดียวแบบไม่ได้พักโฆษณา อ่านแบบหูดับตับไหม้กันเลยทีเดียว
แต่เอาจริงๆเราชอบนะ ชอบทั้งพล็อต ชอบทั้งภาษา ณ จุดๆนี้คงต้องขอขอบคุณคนแต่ง ที่กรุณา ให้เราได้อ่านเรื่องนี้แม้หลายปีผ่านไปก็ยังไม่ลบ เราเลยรู้สึกขอบคุณมาก ที่เราเพิ่งมาสิงเล้าได้ไม่นานก็ได้มีโอกาศมาเจอเรื่องนี้ แต่แบบว่า อยากให้เรื่องหน้าๆ พระเอกจิตกว่านี้ หุหุ ปอลิ อีคนอ่านโรคจิตกว่าอีก ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 09-09-2014 20:36:02
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 16-09-2014 23:52:55
 :heaven
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 19-09-2014 07:52:01
ชอบบบบจุงง
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 21-09-2014 20:34:17
สนุกมากเลยค่ะ เป็นเรื่องที่แปลกแนวดี 5555 ตัวละครแต่ล่ะตัวต่างกันออกไม่ ไม่ซ้ำไม่เบื่อ
แต่คู่เนศนี้น่าสงสารเนศนะ คือแบบ โยคุมเกมตลอดเลยง่ะ 555

ขอบคุณคนเขียนมากจ้าาาา
 :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 11-11-2014 00:21:26
ชอบน้องโยมากๆ จิต หื่น น่ารักสุดๆ
เป็นเรื่องที่ซ่องสุม คนจิตหื่น มารวมตัวกัน 
ไม่ว่า คนแต่ง นักอ่าน พระเอก นายเอก
ทั้งจิตทั้งหื่นไม่ยอมใคร 555 :hao6: :hao6:
ขอบคุณคนแต่งน้า
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 17-11-2014 09:32:12
 :-[
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: NoteZapZa ที่ 20-11-2014 13:19:48
 o13  เนื้องเรื่องสนุกมาเลยค่ะ....อ่านแล้วฟินเวอร์  แหล่งรวมพลคนจิตหื่น 5555   :o8:  +10 ให้คุณลูกหมู
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 20-11-2014 13:51:43
 :pighaun:  สนุกมากค่ะ เพิ่งอ่านจบแแค่เรื่องน้องปอนด์  :hao6: เป็นโรคจิตที่น่ารัก

เรามาช้าไปหลายปีเลยแต่ดีใจที่ได้มาอ่าน คนเขียนขยันสุดยอดด้วย  o13
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 07-12-2014 21:56:34
สนุกมาก ๆ ครับ ทั้ง 3 ภาคเลย แต่ชอบภาค 2 มากที่สุด ชอบ นัท แน็ท

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 11-01-2015 09:46:04
โอ้วววววว  :haun4: :haun4:
สนุกมากๆเลยค่ะ ทั้งสามเรื่องเลย  :m25:
คู่คิตตี้ก็น่ารัก+ฮาเกิ๊นนน  :m1:
คนแต่งเก่งมากเลยค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: sasaka8 ที่ 01-03-2015 13:05:01
ขอบคุณนะคะ นินายน่ารักตลกด้วยหื่นด้วย ชอบมากเลย :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 08-04-2015 21:57:10
-_-///
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: koyookiki ที่ 07-05-2015 11:38:37
ว้าวๆๆ มาตามอ่านค่าา  คนแนะนำเยอะเลยย
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Aumy8059yaoi ที่ 09-05-2015 20:32:44
สนุกมากกกกกกกกก
หื่นทุก/ทั้งเรื่อง!!!!!!! หื่นสุดนี่คงเป็นน้องโย(รู้สึกสงสารเนศ)5555555 :m20:
ชอบที่สุดคงเป็นเรื่องที่2ค่ะ ฮาดี :jul3:
 :haun4: :haun4:
ขอบคุณทั้งคนเขียนและคนโพสนะค่ะ
 :pig4:

หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: xeruoh ที่ 10-05-2015 00:27:19
เข้ามาอ่านอีกรอบก็ยัง
 :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: M.J. ที่ 10-05-2015 21:59:42
 :impress2:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: ♥♥ดอกช่อบานสะพรั่ง♥♥ ที่ 20-04-2016 10:26:01
 o13 ชอบมากเรื่องนี้ อ่านแล้วรู้สึกถึงความโรคจิตแต่ละคน คู่แรกก็หื่น คู่สองนี่ชอบมากตลกนัทอ่ะ คู่สามก็ดีงาม ลุ้นให้ได้กันสักที  :hao6:
ปล.ขอบคุณคนโพส ขอบคุณคนแต่ง  :3123:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: ปลาดาว★ ที่ 20-04-2016 11:03:47
มาอ่านอีกรอบ 5555
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 21-04-2016 14:15:30
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: nuch-p ที่ 25-09-2016 23:14:24
 :z1: :z1:

สนุกมากกกค่า

มาเขียนต่อคู่สี่นะคะ

 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: cinpetals ที่ 29-11-2016 18:47:14
 :haun4:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 03-02-2017 13:03:22
ชอบสองเรื่องหลัง ส่วนเรื่องแรกโรคจิตเกินเยียวยา

 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: abc_b ที่ 20-03-2017 21:38:44
ขำ ฮา หื่น สนุก5555 :hao7:
จิตวันละนิดชีวิตสดใส  :z1:
ชอบภาคแรกแหละ ปอนด์คุมได้อยู่หมัดไปเลย สะใจเบาๆ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: gakuen ที่ 16-07-2017 22:48:01
 :impress2: น้องปอน
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 20-12-2017 13:55:25
สนุกแบบจิต ๆ  :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: mrsnikiforov ที่ 12-03-2018 16:38:12
งื้ออออ เอ็นดูความหื่นจิตของตัวนายเอกแต่ละเรื่องมั่กๆ555
ยิ่งโดยเฉพาะหลังจากน้องโยที่อกหักรักคุดมาก็มาป๊ะกับพี่เนศเลยนี่สิ
อะไรจะโลกกลมพรหมลิขิตขนาดนี้ น่ารักดีค่ะ อ่านเพลินเลย
พล็อตแปลกแหวกแนว ทั้งตลกปนหื่น บันเทิงมากค่ะแต่ละคู่  :ruready
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Monnee ที่ 14-05-2018 18:01:54
 :hao7:
ชอบคู่คิตตี้อ่ะ...หลงรักแกงค์ซาริโอเหมือนกันเลยยย!๚=^^=
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: chanakan2535 ที่ 29-05-2018 00:47:03
ชอบเรื่องของคุณ ลูกหมู นี่จัง
พล็อตเค้าแรงดี อิอิ :o8:

 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:

 ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ (https://www.88live.tv)
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: jumajejudy ที่ 18-06-2018 23:03:00
เป็นเรื่องที่ดีมากเลยค่ะ อ่านรวดเดียวเลย ดีงามมมม  :กอด1: :กอด1: :-[
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 30-01-2019 13:09:07
รักคิตตี้กับนัทสุดอะ
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 04-02-2021 10:00:04
เพิ่งเข้ามาอ่าน สนุกทุกคู่และหื่นทุกคู่เลยค่า 55555  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
เริ่มหัวข้อโดย: Sunset and Eeyore ที่ 27-01-2023 16:11:47
เป็นซีรีย์ที่น่ารักมากๆค่ะ ชอบคู่คุณธณัติมาก