ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู  (อ่าน 367288 ครั้ง)

Narak00

  • บุคคลทั่วไป
 :laugh3: :laugh3: :laugh3:

โยได้ใจจริง ๆ เสร็จแน่ ๆ ไอ้พี่เนศศศศศศ  :laugh:

ออฟไลน์ sin_no

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
เพิ่งรู้ว่าโยน่ากลัว :o

แต่ไม่เป็นไร เราเชียร์สุดใจ

 :mc4: :mc4:

Narak00

  • บุคคลทั่วไป
วันนี้ไม่มาต่ออีกเหรอครับ รออ่านอยู่นะครับ refresh ไปหลายสิบรอบแระ

ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
จอมวางแผนจริงๆเลย

งานนี้วุ่นและมันแน่ๆเลย คริๆ

TonG_x_Zhi

  • บุคคลทั่วไป
รออ่านตอนต่อไปนะครับ  สนุกดีอ่ะภาคใหม่

nil

  • บุคคลทั่วไป
 :m4:  :m4:

ท่าทางหนุกไม่แพ้ภาคสองนะเนี่ย
 
ขำๆ ชายแท้แต่นอนกะชายไปแล้ว ดูท่าจะติดใจซะด้วย

คึคึ จะรอดโยไปได้ซักกี่วัน จะคอยตามอ่านนะ

รอ ร๊อ รอ  :oni2: :oni2: :oni2:

peggykung

  • บุคคลทั่วไป

Haney

  • บุคคลทั่วไป
ชอบมากเลย
เดี๋ยวมาอ่านต่อ ยังอ่านไม่จบ แหะๆ
เม้นต์แปะไว้ก่อนให้กำลังใจคนโพสต์  o13

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
เฮ้ย!


เรื่องนี้ก็เขียนดีนี่นา

ทำไมเจ้พลาดไปได้ว่า

ว้ายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


กว่าจะตามอ่านทัน  ปาเข้าวันที่ 3

เอาไปหนึ่งบวกเลยนะเคอะคุณโพสต์

 o13

Haney

  • บุคคลทั่วไป
อ่านทันแล้ว!
สนุกจริงๆทุกคู่เลย
รีบมาต่อไวๆให้หายคิดถึงนะ  o7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ลูกหมู

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +394/-0
    • Lookmuh Novel blog
:m32:

...แอบดอดมาอ่านคอมเม้นท์

เฮะๆ ขอบคุณทั้งคนโพสท์คนอ่านนะคะ  :pig4:

ออฟไลน์ SataRu

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0

playCardPlaYBoy

  • บุคคลทั่วไป
แฟนผมเป็นคนโรคจิต 4
....................



กาแฟดำร้อนจัดถูกยกนำมา เสิร์ฟต่อหน้า กลิ่นหอมอ่อนๆอันเป็นเอกลักษณ์ชวนให้สูดกลิ่นละเลียดชิมรสไปพลางในยามบ่าย เสียงกรุ๊งกริ๊งของกระดิ่งอันน้อยเหนือประตูร้านดังกังวานคลอเคลียไปกับเพลง บรรเลงเปียโนที่เจ้าของร้านเลือกเปิดเพื่อให้ลูกค้าได้รู้สึกผ่อนคลายจากการ ทำงานมาครึ่งค่อนวัน แต่ทั้งหมดนั้นไม่ได้ช่วยลดความเซ็งของธเนศลงเลยแม้แต่น้อย

ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือก คีบน้ำตาลก้อนหย่อนลงกาแฟก้อนแล้วก้อนเล่า จวบจนระดับกาแฟปริ่มขอบแก้วจึงหยุดได้ ก่อนจะหยิบช้อนเงินคันจิ๋วคนให้ความหวานละลายในเครื่องดื่มได้อย่างทั่วถึง ดวงตาจับจ้องระลอกคลื่นเล็กๆที่เกิดจากแรงคน หากใจกลับหวนคิดถึงเรื่องที่เพิ่งผ่านมาเมื่อสามชั่วโมงที่แล้ว

หลังจากตกลงเซ็นสัญญาการออก แบบภายในกับผู้ว่าจ้างรายใหม่ได้ ก็สู้จัดแจงวางแผนงานแบ่งหน้าที่กับกั๊กอย่างกระตือรือร้น และงานอย่างหนึ่งที่เขาได้รับมาก็คือ การติดต่อกับธณัติเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยที่จะต้องถูกออกแบบตามที่ได้ ตกลงกับคู่เจรจาไว้
 
“คิดว่าคงจะช่วยได้นะพี่ เดี๋ยวต้องรอปรึกษาคุณแน็ทก่อน” เป็นคำตอบจากธณัติที่เขาต้องการให้เป็นตัวกลางติดต่องาน

คิดไม่ถึงว่าจะได้มีโอกาส ร่วมงานกับน้องชายทั้งๆที่เรียนมาคนละสาขา ถือเป็นโอกาสที่ดีเพราะพี่น้องที่ห่างกันมานานจะได้ใช้เวลาร่วมกันอีกครั้ง หนึ่ง...อีกอย่าง งานที่ทำก็เป็นงานต่อเนื่องซะด้วย ยังไงก็ชวนธณัติย้ายจากบ้านเจ้าชวนันท์กลับมาอยู่ที่ห้องเก่าที่เขาอาศัย อยู่ตอนนี้ซะเลย แล้วถ้านัทเกิดถูกใจงานบริหารยังไงก็ทาบทามให้มาเป็นพนักงานบริษัทเขาได้จะ ดีที่สุด...เท่านี้หนทางรักของสองคนนั้นก็จะจบลงอย่างสวยงาม ธณัติน้องชายจะได้กลับมาเป็นผู้ชายปกติเสียที

...แล้วไง...

“ขอโทษนะพี่ ผมไม่ว่างจริงๆ มีโปรเจ็คใหม่ที่ต้องรีบปั่นให้เสร็จภายในเดือนนี้ แถมยังต้องเตรียมตัวสำหรับสอบโทเฟลอีก แล้วคุณก็แน็ทกำลังจะตกแต่งห้องใหม่ผมก็ต้องเตรียมตัวย้ายของ หลังจากนั้นก็ต้องไปคอยคุมงาน ตอนนี้ก็ย้ายไปอยู่อีกคอนโดนึง อยู่ตั้งไกล ต้องไปกลับพร้อมคุณแน็ทอย่างนี้มันไม่สะดวกทำงานให้พี่น่ะ ขอโทษจริงๆ” เป็นเหตุผลยาวเหยียดที่เขาไม่มีทางทัดทานได้…โอย น้อยใจ...เจ้านัทมันเห็นแฟนดีกว่าพี่...

“…เอางี้ละกัน ผมถามรุ่นน้องที่ทำงานให้แล้ว เขาเพิ่งปั่นโปรเจ็คเสร็จ ตอนนี้สนใจจะทำงานเพิ่มน่ะ ฝีมือก็ดี ถ้ายังไงพี่ลองเปิดเว็บดูผลงานก็ได้ นิสัยก็โอเค ไม่เรื่องมากไม่จู้จี้ คุณแน็ทก็อณุญาตแล้วด้วย วันนี้เขาว่างพอดีเดี๋ยวจะนัดให้ไปคุยกันที่ร้านกาแฟข้างๆออฟฟิศพี่ละกัน... จดชื่อกับเบอร์โทรหน่อยนะ” …แถมยังส่งผู้ชายมาทำงานด้วยอีก ช่างเทคนิกผู้หญิงเก่งๆสวยๆไม่มีเหรอฟะ!?...

เรื่องก็มีอยู่เท่านี้ ตอนนี้เขาเลยต้องมานั่งไขว่ห้างกระดิกขาอย่างเซ็งในร้านข้างที่ทำงาน ธเนศจิบกาแฟพลางเปิดหนังสือพิมพ์กีฬาที่ทางร้านวางไว้ให้ เมื่อเครื่องดื่มลดลงไปค่อนแก้วก็คีบน้ำตาลเพิ่มลงไปจนเต็ม จัดการคนให้เข้ากันอีกครั้งแล้วยกขึ้นดื่มอย่างพึงใจ

…ได้กินหวานๆอย่างนี้ค่อยอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย...

นกในนาฬิกาไม้แขวนผนังของ ร้านกาแฟเยี่ยมหน้าออกจากตัวเรื่องส่งเสียงร้องกุ๊กกู~พร้อมกับที่ตุ๊กตุ่น ของนาฬิกาอีกเรือนข้างๆกันวิ่งวนไปมาน่ามอง ธเนศควักกระดาษที่จดไว้ออกมาดู ...ธาริน งั้นเหรอ...คงจะเป็นรุ่นน้องในกลุ่มเดียวกัน ชื่อถึงได้ขึ้นต้นด้วยตัวอักษรเดียวกัน...ชื่อของเจ้ากั๊กกับเขาที่ชื่อขึ้น ต้นด้วย ธ.ธงเหมือนกัน เลขที่ติดกัน ทำงานคู่กัน อยู่หอห้องเดียวกัน มันถึงได้สนิทกันขนาดนี้

เสียงกระดิ่งดังขึ้นทันทีที่ เสียงระฆังตีบอกเวลาจบลง ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองยังประตูทางเข้าเพื่อสำรวจดูว่าจะใช่รุ่นน้องที่นัด กันไว้หรือเปล่า เมื่อเห็นว่าผู้ที่เดินเข้ามาเป็นกลุ่มเด็กนักเรียนหญิงจึงก้มหน้าลงอ่าน หนังสือพิมพ์ต่อไป

กาแฟในแก้วถูกดื่มจนหมดพร้อม กับที่ธเนศอ่านคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์จบลง แขนแกร่งยกขึ้นเพื่อดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อพบว่าเลยเวลานัดมาสิบนาทีแล้วคนที่นัดไว้ก็ยังไม่มาเสียที ไม่ตรงต่อเวลาอย่างนี้น่ะเหรอ รุ่นน้องที่ธณัติแนะนำมา อย่างนี้เวลาทำงานจะมีความรับผิดชอบพอหรือ...หรือว่าจะเกิดอุบัติเหตุอะไร หรือเปล่า...ความที่เป็นพี่ชายที่คอยดูแลน้องน้อยมาตั้งแต่จำความได้ ทำให้เกิดความรู้สึกห่วงเจ้ารุ่นน้องที่รู้แค่ชื่อคนนี้ขึ้นมา

“รับกาแฟเพิ่มอีกมั้ยครับ?” เสียงใสถามเขาขึ้น คราแรกคิดว่าเป็นพนักงานร้านกาแฟ เงยหน้ากำลังจะตอบก็ต้องชะงักงันกับร่างบางของเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรง ข้ามโต๊ะกาแฟ

ใบหน้าใสกับพวงแก้มอิ่มที่ดู คุ้นตาระกรอบด้วยผมดำเงาเส้นเล็กเหมือนขนแมว นัยน์ตาสีดำหวานราวตากวางภายใต้แพขนตาหนามองตรงมายังเขา ริมผีปากแดงอิ่มที่อมยิ้มน้อยๆส่งมาให้ ดูยังไงก็...

ธเนศอ้าปากพะงาบๆ ยกมือขึ้นชื้หน้าอีกฝ่ายอย่างไม่สนใจว่ามันเป็นการเสียมารยาทเพียงใด ร่างบางก็ยังคงยิ้มนิ่งรอให้ชายหนุ่มเค้นเสียงตะลึงพรึงเพริดออกมาอย่างช้าๆ “น...นาย...”

จวบจนแน่ใจว่าร่างสูงพูดอะไรไม่ออกแล้วจริงๆ จึงค่อยแนะนำตัวอย่างสุภาพ “สวัสดีครับพี่ธเนศ ผมธารินที่พี่นัทแนะนำมาครับ”


++++++++++++++++++++++++++++++++


เค้กช็อคโกแล็ตชิ้นโตราดด้วย วิปปิ้งครีมสีขาวบริสุทธิ์พองฟูถูกเสิร์ฟวางตรงหน้าเด็กหนุ่ม ตามด้วยกาแฟร้อนแก้วใหม่ที่ถูกวางลงต่อหน้าธเนศ น้ำตาลก้อนถูกคีบลงจนน้ำปริ่มแก้วดังเดิม ก่อนที่ชายหนุ่มจะเอ่ยปากขอน้ำตาลโถใหม่กับพนักงานเสิร์ฟ

กาแฟร้อนรสหวานอย่างที่ชอบ หนักหนากลับให้รสขมปนชืด ธเนศนั่งจิบพลางมองชายหนุ่มที่น่าจะเรียกว่า “เด็กหนุ่ม” มากกว่าใช้ส้อมเงินตัดเค้กป้อนเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย ตามด้วยวิปปิ้งครีมคำโต เมื่อทานเสร็จจึงเหลือเป็นคราบสีน้ำตาลปนครีมขาวๆติดที่มุมปากแดงอิ่มที่ กำลังเม้มเบาๆลิ้มรสชาตินุ่มนวลชวนฝันของขนมหวาน

“น้องธาริน...” ธเนศกลืนน้ำลายลงคอ สั่งตัวเองให้จดจ่ออยู่แต่เรื่องงาน

“เรียกโยดีกว่าครับ” เสียงใสสวนขึ้นมาทำให้คำพูดที่เสียเวลาคิดตั้งนานกระเจิงหมด ธเนศคีบน้ำตาลก้อนในโถใหม่ใส่เติมในกาแฟพร้อมกับจมจ่อมกับความคิดวกวนต่อไป

“…น้องโย ใช่เอ่อ...”

“ครับ...ผมเป็นน้องรหัสของ พี่นัท” โยตอบทั้งๆที่ธเนศยังพูดไม่ทันจบ จ้องมองพิจารณาใบหน้าแสดงอารมณ์ลำบากใจอย่างนึกสนุกจนธเนศต้องเป็นฝ่ายหลบตา

เป็นคำตอบที่เข้าใจไปคนละ อย่างกับธเนศ เขาอยากจะถามแต่ปากมันพูดไม่ออก ...น้องโยเป็นคนที่นอนกับพี่คืนนั้นรึเปล่า...ว้ากกกก!!!ถามงี้ได้ไง!!... พยายามคิดหาคำพูดที่ดูโอเคถามออกไป ใจก็ดันนึกถึงใบหน้ายามหลับกับสัมผัสเนียนนุ่มน่าลูบไล้จนได้ ธเนศยกแก้วกาแฟขึ้นซดรวดเดียวหมดก่อนจะร้องจ้ากเพราะมันยังไม่คลายความร้อน ดี คว้าแก้วน้ำเย็นที่อีกฝ่ายส่งให้ซดตามโดยเร็วก่อนจะถอนหายใจค่อยยังชั่ว

“อ๊ะ! ขอโทษครับ ผมหยิบผิดแก้ว...” คำขอโทษของโยเรียกให้มองดูแก้วน้ำดีๆ แก้วใสทรงสูงด้านหน้าเขายังวางแน่นิ่งอยู่ ...แสดงว่าที่อยู่ในมือมันก็ของอีกฝ่าย...แสดงว่า...จูบทางอ้อม...ว้ากก กก!!!

“ขอโทษที...ไม่ทันมอง” ธเนศวางแก้วน้ำกระอักกระอ่วน นึกด่าตัวเองว่าจะหวั่นไหวไปทำไมฟะ! กะอีแค่กินน้ำแก้วเดียวกัน

ร่างสูงกระแอมไอ ก่อนจะเปิดหัวข้อสนทนาอีกครั้ง “น้องธาริน...” …ใช่คนที่เจอกันวันก่อนรึเปล่า...เวิร็ค! คำถามนี้โอเค! ถามไปดิวะ ไอ้เนศ “เอ่อ...น้อง” ถามไปเด้! “น้องจบวิศวะเหรอ?” โอยย~ สงสารความป๊อดของตัวเอง

ริมฝีปากแดงอิ่มยิ้มกว้างหัวเราะขันในคำถามของคนตรงหน้า “พี่เนศถามตลก...ผมเป็นน้องรหัสพี่นัทก็ต้องจบวิศวะสิครับ”

“นั่นสินะ แหะๆ” มือใหญ่ยกเกาหลังคอแกรกๆแก้เขิน “แล้วห่างจากนัทกี่รุ่นล่ะ?” เอาวะ คุยสัพเพเหระไปก่อน เดี๋ยวค่อยเข้าเรื่องก็ได้

“สามรุ่นครับ”

“ก็อายุ 23 เองน่ะสิ” …ห่างกันตั้งสี่ปี

“เปล่าครับ ผมเพิ่ง 20 ไปเดือนที่แล้วเอง”

“หา?”

“ผมเรียนเร็วน่ะครับ”

“งั้นเหรอ” เจ๊ย!!! นี่เขามีอะไรกับเด็กผู้ชายที่ห่างกันถึง 7 ปีเชียวเหรอเนี่ย!!! แถมเพิ่งบรรลุนิติภาวะซะด้วย

“ง่า...แล้วอยู่บ้านกับพ่อแม่รึเปล่าล่ะ”...พ่อแม่มันจะมาเอาเรื่องเปล่าวะเนี่ย!

“กำลังจะย้ายออกมาอยู่คนเดียวครับ”

“ทำไมล่ะ?” ...หรือว่าโดนพ่อแม่ไล่ออกมา?...

“…ก็อยากลองอยู่คนเดียว”

“เหรอ แล้วจะไปอยู่ที่ไหนล่ะ?” ถามต่อบทสนทนาไปตามเรื่องตามราว ก็ต้องขมวดคิ้วสงสัยเมื่อร่างบางหัวเราะหึออกมาเบาๆ “ขำอะไร?”

“ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่คิดว่า...เหมือนคำถามจีบกันมากกว่าจะเป็นคำถามสัมภาษณ์คนร่วมงาน”

มันเป็นความหรรษาไม่น้อยที เดียวที่ได้นั่งมองใบหน้าหล่อเหลาเดี๋ยวแดงเดี๋ยวซีด อยู่ๆก็เหม่อเหมือนคิดอะไรสักอย่างก่อนจะเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม ธเนศลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พยักหน้าให้เขาลุกตาม หยิบบิลหัวโต๊ะจ่ายค่าอาหารที่เคาน์เตอร์หน้าร้านโดยไม่กล่าวอะไรอีก ร่างบางเดินตามชายหนุ่มที่ก้าวฉับออกจากร้านมุ่งหน้าไปยังสำนักงานอย่างเร็ว

เมื่อเข้ามาภายในออฟฟิศก็พบ ว่า กั๊กเพื่อนของเขาหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ฮึ่ม โดดงานเหรอฟะ! แต่เรื่องนี้ไม่สำคัญ...ธเนศพาเด็กหนุ่มเข้าไปยังส่วนใน เปิดประตูห้องที่ติดป้ายไว้ว่า “ห้องพักพนักงาน” เมื่อโยเดินตามเข้ามาแล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงปิดประตูตามดังปัง

ร่างบางหันหลังกลับมาพบร่าง สูงเดินย่างสามขุมเข้ามาหาเขาอย่างช้าๆ  ด้วยความที่ยังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรรึเปล่าทำให้ต้องก้าวถอยหลังรักษา ระยะห่าง จวบจนหลังชนผนังห้องขาสะดุดกึก ธเนศก็ยังไม่หยุดเดิน แขนแกร่งสองข้างเอื้อมข้ามบ่าบางวางนาบบนผนัง ตัวใหญ่ๆยืนคร่อมให้ความรู้สึกเหมือนถูกคุกคาม หัวใจเต้นถี่รัวด้วยความตื่นเต้นยากจะบรรยาย ใบหน้าหล่อเหลาก้มลง สายตาสีน้ำตาลคมดุจ้องในระดับเดียวกับสายตาเขา

“...ใช่คนที่เจอกันวันนั้นจริงๆด้วยสินะ” เสียงขรึมถามเรียบๆ…ขู่ๆมันไว้ก่อนดีกว่า...

“…พี่เนศจำผมไม่ได้เหรอครับ วันนั้นเรา...”

“หยุด!” อย่าพูดเว้ย! เขิน “ไม่ต้องพูดอะไร ฟังพี่ดีๆนะ…เรื่องในวันนั้น...” ธเนศเม้มปากจ้องมองดวงตาสีราตรีส่อแววเหมือนจะตัดพ้อนิดๆจิตใจก็พลันอ่อนยวบ ยามราวขนมตังเม

“พี่เนศจะบอกว่าคืนนั้นมัน เกิดจากความเข้าใจผิดเหรอครับ” เด็กหนุ่มกระซิบเสียงสั่นเครือ ดวงหน้าหมองก้มลงต่ำหลบสายตา ท่าทางของโยที่เม้มปากแน่นพยายามกลั้นสะอื้น มองดูแล้วใจสั่นไหวอยากจะรวบมาไว้แนบอกปลุกปลอบขวัญเสียจริง...เฮ้ย หยุดนะเฟ้ย...นี่มันผู้ชาย!!!

ดวงหน้าซุกลงกับสองมือ ไหล่บางสั่นน้อยๆหากไร้เสียงใดๆเล็ดรอดออกมา “ฟังนะโย...คือ...ง่า...โยก็...น่ารัก...ใช่! โยเป็นคนน่ารักนะ เพียงแต่ว่า...พี่...คือพูดไงดีล่ะ...พี่ไม่ชอบผู้ชายน่ะ” หลับตาฝืนใจพูดออกไปได้ก็กลัวเหลือเกินว่าจะทำร้ายจิตใจเด็กหนุ่มคนนี้เพียง ไร...แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวกับชีวิตทั้งชีวิตของเขาเชียวนะ! “แล้วก็...พี่ขอร้องนะ อย่าบอกนัทได้มั้ย?” เกิดเจ้านัทรู้ว่าพี่ชายนอนกับผู้ชาย ความหวังที่จะแยกสองคนนั้นออกจากกันคงพังทลาย

“…” ไร้เสียงตอบรับ

“โย?” ธเนสก้มหน้าพยายามมองลอดฝ่ามือน้อยที่กอบกุมใบหน้าอยู่

เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ยากจะ บอก แต่มันนานเหลือเกินในความคิดของชายหนุ่ม เขารออย่างเงียบๆ จนอีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นช้าๆ ดวงตาแดงเรื่อเจือน้ำตาภายในกระตุกหัวใจให้จี๊ดในอก โยสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะพูดออกมาเบาๆ “เข้าใจแล้วครับ พี่เนศ...จากนี้ไปเราจะเป็นแค่เพื่อนร่วมงาน...พี่ต้องการอย่างนี้ใช่รึ เปล่าครับ?”

แม้ในอกโหวงๆกับท่าทางของ เด็กหนุ่ม แต่ร่างสูงก็ลอบถอนหายใจโล่งอก...ท่าทางจะตกลงกันง่ายหน่อย...เรื่องมันควร จะจบลงแค่คืนนั้น ไม่ควรมีภาคต่อให้ลำบากใจอีกต่อไป

“แต่ว่า...ผม...ขออะไรอย่างนึงได้มั้ยครับ?”

“อะไรล่ะ?”

“จูบผมอีกครั้งได้มั้ยครับ ให้เหมือนกับที่พี่จูบผมในคืนนั้น?”

ตะลึงกับคำถาม แต่ดวงตารื้นน้ำที่จ้องตรงมาอย่างซื่อตรงในความรู้สึกทำให้ไม่อาจปฏิเสธได้ ลง “…แค่ครั้งเดียวนะ” ...ว่าแต่คืนนั้นมันจูบแบบไหนฟะ?

...เอาเถอะ จูบก็คือจูบ...ธเนศก้มลงช้าๆอย่างลังเลใจ...มันเป็นจูบกับผู้ชายครั้งแรกใน ชีวิต...ถ้าไม่นับคืนที่จำไม่ได้นั่นล่ะก็นะ ...น่าแปลก ที่เขากลับไม่รู้สึกรังเกียจ แถมหัวใจเจ้ากรรมยังเต้นตุ้บตั้บอย่างกับจะกระดอนออกมานอกอกซะอีก

ริมฝีปากแตะกันเบาๆ...แค่นี้ก็คงพอ...

แต่มันดันไม่เป็นอย่างที่ ธเนศหวัง เมื่อเรียวแขนสองข้างยกขึ้นโอบรอบคอหนาทันใด พร้อมกับลิ้นอุ่นนุ่มที่รุกรานเข้ามาในช่องปาก มันซุกซนขี้เล่น หยอกเย้าเขาที่เอาแต่หลบหนีอย่างสำราญในอารมณ์

“อุก...” ธเนศร้องออกมาเบาๆเมื่อริมฝีปากถูกขบเม้มโดยไม่ทันตั้งตัว เมื่อลืมตาขึ้นก็พบใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มกับดวงตาเป็นประกายใสของโย กำลังมองเขาอยู่แล้ว

“...นาย...” จวบจนรู้ตัวอีกทีว่าโดนหลอก เลือดก็สูบฉีดขึ้นใบหน้าจนร้อนผะผ่าว

“ผมเข้าใจ แต่ไม่ได้บอกว่าจะตัดใจนะครับ” คว้ากระเป๋าได้ก็เปิดประตูห้องเดินออกไปอย่างรื่นเริง ไม่ลืมหันกลับมาพูด

“ผมดีใจที่พี่เนศคิดว่าผมน่ารักนะ” เฮ้ย!! อย่าตัดมาแค่ประโยคเดียวเด้!! เนื้อหามันผิดเพี้ยนนะเฟ้ย!

“ส่วนเรื่องงาน ผมจะติดต่อมาอีกทีนะครับ พี่เนศ”

ปัง...เสียงประตูปิดลง พร้อมกับความว่างเปล่าในห้องพักพนักงาน เหลือเพียงชายหนุ่มตัวโตกับวิญญาณที่ลอยออกจากร่างไปเรียบร้อยแล้ว

…ท่าทางมากรุงเทพคราวนี้จะมีแต่ความซวย!...

+++++++++++++++++++++++++++++++++++
 :oni2: :oni2:ดีใจจังคนเขียนมาดูด้วย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-04-2008 22:38:24 โดย playCardPlaYBoy »

playCardPlaYBoy

  • บุคคลทั่วไป
แฟนผมเป็นคนโรคจิต 5



“เป็นไงบ้าง พี่เนศ รุ่นน้องคนนี้ใช้ได้เลยใช่มั้ยล่ะ” ...ใช้ได้มากเลย น้องเอ๋ย…ธเนศพยักหน้าเห็นด้วย

“เจ้านี่มันเรียนเก่งนะ ข้ามชั้นมาได้ตั้งสามปี...ยังไงก็ดูแลหน่อยละกัน ยังเด็กอยู่อาจจะทำอะไรแปลกๆไปนิดๆหน่อยๆก็อย่าถือสา” ...โอเค จะถือว่าที่ทำไปเมื่อบ่ายนี่มันนิดๆหน่อยๆก็แล้วกัน ถ้าเยอะกว่านี้จะทนได้รึเปล่าก็ไม่รู้

คำพูดของน้องชายควบคำตอบในใจ กับเสียงอือๆที่ออกมาจากปากโดยไม่ผ่านสมองดำเนินไปได้อีกสักพัก สายก็ตัดไป ธเนศเอนคอพิงพนักโซฟาถอนหายใจเฮือก คิดหมกมุ่นอยู่แต่ว่า ชีวิตอันรุ่งโรจน์จะถูกไฟรักสีม่วงโหมกระหน่ำให้มอดไหม้กลายเป็นจุลเมื่อ ไหร่

ตึง!

เสียงของกระทบพื้นดังมาจาก ข้างห้องทำให้สะดุ้งตกใจสุดตัว...มษุษย์ต่างดาวบุก...ไม่ใช่! ห้องข้างๆไม่มีคนอยู่ อย่างนี้ก็...ผีเมืองกรุง!...คิดอะไรกัน ผีที่ไหน...เหลือบมองหน้าต่างบานใหญ่ในห้องนอนก็พบว่า แดดโพล้เพล้ยังส่องรำไรเห็นขอบฟ้าเป็นสีแดงระเรื่อ ...ผีที่ไหนออกมาตอนฟ้าสว่าง...แต่เดี๋ยวนี้มันยุคโลกาภิวัฒน์แล้ว ผีมือถือก็มี ผีช่องแอร์ก็มา ผีโรงหนังก็ออกเกลื่อน นับสาอะไรผีๆทั้งหลายจะไม่พกครีมกันแดดเพื่อผิวเปล่งปลั่งเหมือนดั่งตอนเป็น คน

ตบกะโหลกหยุดยั้งความ เพ้อเจ้อของตัวเองได้ก็ตั้งสติใหม่ บังคับขาไม่ให้สั่นไหวก้าวเดินไปยังประตูห้อง เปิดแง้มออกไปก็ต้องถอนหายใจโล่งอก เมื่อพบว่าเสียงปึงปังที่ได้ยินมันก็แค่พนักงานขนของที่ขนย้ายโต๊ะตู้เข้า ห้องข้างๆที่ยังว่างอยู่นั่นเอง

ธเนศไม่ได้ก้าวออกจากห้อง ด้วยเห็นว่าเมื่อไม่ใช่ผีก็ไม่ต้องหนี ปิดประตูปังหลังพิงบานประตูไม้ หลับตาพักสมองชั่วครู่ บรรยากาศในห้องช่างเงียบสงัดวังเวงต่างจากนอกห้องที่อึกทึกครึกโครม...คิดๆ ไปก็เหงา ตั้งแต่จำความได้ชีวิตนี้ตัวก็ติดหนึบอยู่กับธณัติผู้เป็นน้องชาย ตอนที่เขามาเรียนกรุงเทพเมื่อหลายปีที่แล้วก็อยู่กับกั๊กที่หอมหาวิทยาลัย พอกลับบ้านถึงจะไม่มีธณัติแต่ด้วยการที่บ้านเป็นร้านขายของทำให้เต็มไปด้วย เสียงพูดคุยกับบรรยากาศอบอุ่นจนร้อนจี๋ของครอบครัว ดังนั้นนี่จึงเป็นครั้งแรกที่ออกมาอยู่คนเดียวโดดเดี่ยวเดียวดายโฮมอะโลน อย่างนี้

...ก็ตอนแรกคิดว่าจะมาอยู่กันเจ้านัทนี่นา...ใครจะคิดว่าน้องชายตัวดีย้ายสำมะโนครัวหนีตามชายชู้ไปอยู่บ้านเดียวกันซะแล้ว...

“เฮ้อ...สงสัยต้องขอเจ้า เจมส์มาเป็นเพื่อนซะแล้ว” นึกถึงเจ้านกตัวดีที่เขาให้ธณัติเป็นของขวัญ ถ้ามีมันอยู่ห้องนี้คงจะไม่เงียบนัก...”แต่น่าจะสอนคำพูดให้รื่นหูกว่านี้ หน่อย” …คิดสะระตะแล้วก็ล้มเลิกไป...ธเนศเลือกจะอยู่กับความเงียบดีกว่าจะอยู่กับ เสียงแหลมๆด่าไอ้โง่ๆตลอดวัน

อย่างนี้คงจะต้องเลี้ยงนกตัวใหม่ ครั้งนี้แหละเขาจะสอนให้พูดคำน่ารักๆอย่างสุดหล่อๆ เก่งๆ ดีๆ อะไรประมาณนั้น

“ดีๆ วางตรงนี้แหละครับ” กำลังคิดอย่างหมายมั่นปั้นมือ เสียงพูดจากห้องข้างๆก็เล็ดลอดมาทางระเบียงที่เปิดกระจกรับลมยามเย็น

ที่สำคัญ...เสียงนี้มันคุ้นๆ อยู่... ชายหนุ่มชักสงสัยว่าทำไมต่อมเหวอผู้ชายที่ติดต่อกับรูขุมขนบนผิวหนังมันถึง ได้สามัคคีพร้อมในกันทำงานลุกพรึ่บพรั่บทั่วตัวอย่างนี้ สะกดจิตตัวเองว่า มันไม่ใช่ มันต้องไม่ใช่ มันไม่มีทางใช่

“โย พี่กลับก่อนนะ” เสียงผู้หญิงดังขึ้น

“ขอบคุณนะ พี่” เด็กหนุ่มตอบกลับ

ผีทะเล!...มันจะไม่ใช่ได้ยังไง!!

มันเป็นเรื่องบังเอิญหรือตั้งใจกันแน่ ทำไมชีวิตเขาถึงได้พัวพันกับเด็กหนุ่มคนนี้ราวกับมีใครก็ไม่รู้กำลังเขียนบทกลั่นแกล้งเขาอยู่
 
แต่อย่างว่า ในเมื่อบทชีวิตลิขิตได้ เขาก็แค่ทำให้ความบังเอิญนี้ไม่เกิดขึ้นก็พอ...ไม่ต้องโผล่หน้าไปเจอ ออกไปทำงานคนละเวลา กับข้าวก็ทำเอาเองอยู่ในห้องนี้ แค่นี้เขาก็จะเป็นแค่เพื่อนบ้านนิรนามสำหรับโยแล้ว...ไม่เห็นยากอะไรเลย







ติ๊งต่อง~

เสียงกริ่งดังขึ้นพร้อมกับบท ชีวิตที่ร่างเอาไว้พังไม่เป็นท่า ชายหนุ่มลุกลี้ลุกลนใจวกวนว่าจะจัดการยังไงกับชีวิตดี พลันเส้นผมที่บังภูเขาอยู่ก็ถูกเป่าปลิว ความคิดง่ายๆแต่ได้ผลผุดขึ้นมา...แกล้งทำเป็นไม่อยู่ซะก็หมดเรื่อง...

ธเนศซุกตัวคุดคู้ลงกับโซฟา คว้าหมอนปิดหัวเพื่อกลบเสียงกริ่งขยันกด เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก สติกลับมาอีกทีก็รู้สึกถึงน้ำหนักที่กดทับลงมาบนหมอนใบใหญ่แล้ว

“เฮ้ย!” ร่างสูงปัดหมอนออกอย่างตกใจ แต่ที่ทำให้ตกใจยิ่งกว่าก็คือ หน้าใสๆของเด็กหนุ่มที่ขโมยจูบเขา(?)เมื่อตอนกลางวัน

“หลับอยู่เหรอครับ พี่เนศ” โยถามยิ้มๆ

“นาย...เข้ามาได้ยังไง”

ร่างบางทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ เขา “กุญแจหน้าห้อง ผมเป็นคนออกแบบเอง” ที่จริงไม่ต้องลำบากขนาดนั้นหรอก...คีย์การ์ดจากพันธมิตรกิติมศักดิ์นอนแน่ นิ่งอยู่ในกระเป๋ากางเกง

“แต่ทำอย่างนี้มันบุกรุกนะ! มีใครที่ไหนเค้าเข้าห้องคนอื่นแบบนี้กัน”

“ป้ายหน้าห้องมันชื่อพี่นัท นะครับ ไม่ใช่ห้องคนอื่นซักหน่อย” โยพูดปนหัวเราะ “อีกอย่าง พี่เนศว่าผมบุกรุกไม่ได้หรอก เพราะพี่เนศก็บุกรุกผมเหมือนกัน”

“บุกรุกอะไร?” ธเนศถามอย่างสงสัยในคำกล่าวหา คำถามพาซื่อเรียกให้เด็กหนุ่มหัวเราะพรืด

“ก็พี่เนศเข้ามาในใจผมโดยไม่ขออนุญาตซักคำ” ...ห้องนี้มีตู้ยาเปล่าฟะ อยากได้พาราซักสองเม็ด...คิดอีกทีขอทั้งกระปุกเลยดีกว่า

“ห้องน่ารักดีนะครับ” โยลุกขึ้นสำรวจห้องอย่างถือวิสาสะ ทิ้งให้ธเนศนั่งเหวอเอ๋ออยู่ที่โซฟาต่อไป

“ทำไมมีรูปท่านรองด้วย” ถามอย่างสงสัยเมื่อพบรูปของชวนันท์ปักหมุดริมภาพติดอยู่กับบอร์ดบันทึกข้อ ความ ตัวรูปเก่าอย่างผ่านการใช้งานมาอย่างโชกโชน “ของพี่นัทเหรอครับ?”

“เปล่า...ของพี่เอง” ธเนศลุกเดินไปยังตำแน่งที่เด็กหนุ่มยืน คว้าลูกดอกในตะกร้าด้านล่างขึ้น พลางทำสัญญาณมือให้โยออกห่างจากบริเวณนั้น “รูปนี้น่ะ...เอาไว้ทำอย่างนี้” ว่าพลางหลับตาเล็งเป้าก่อนจะปล่อยลูกดอกพุ่งปักหน้าผากในรูปถ่ายพอดิบพอดี ร่างสูงกอดอกหัวเราะอย่างสะใจในอารมณ์

“พี่เนศไม่ชอบคุณชวนันท์เหรอครับ”

“แน่นอนอยู่แล้ว!! ใครมันจะชอบผู้ชายที่แย่งน้องที่น่ารักไปกัน” ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจ ธณัติไม่ยอมทำงานกับเขาก็เพราะเจ้าบ้านี่แหละ

“พี่เนศติดน้อง…”

“เปล่าติดซะหน่อย แค่ทำหน้าที่พี่ชายที่ดีต่างหาก” ธเนศเถียง

“แต่ไม่คิดบ้างเหรอครับ ว่าตอนนี้พี่นัทมีความสุขขนาดไหน” …ใช่ เขาเห็นเวลาธณัติยิ้มให้ท่านรองแล้วยังปวดใจไม่หาย นี่ถ้าไม่ใช่เพราะจะแยกพี่เนศออกมา อย่าหวังว่าจะเชียร์ให้เสียแรง....

“นัทมันแค่หลงผิด! มันควรจะมีความสุขอยู่กับผู้หญิงมากกว่า อยู่กับผู้ชายจะไปแฮปปี้ได้ยังไง!”

“งั้นลองดูมั้ยล่ะครับ พี่เนศอาจจะแฮปปี้ก็ได้นะ...” คำพูดที่แทรกขึ้นมาทำให้ความอหังการ์ของชายหนุ่มถดถอย ธเนศเหงื่อตกคอยสำรวจท่าทางของคนข้างกาย ร่างบางหันมาสบตาบุกรุกห้วงอารมณ์ที่ยากจะเข้าใจ “หรือพี่เนศจะบอกว่า ไม่รู้สึกดีๆกับจูบเมื่อตอนบ่ายเลย”

ร่างสูงกลืนน้ำลายลงคอดัง เอื้อก หวนนึกถึงรสชาติหอมหวานชวนให้วาบหวิวในช่องท้องของจูบเมื่อตอนบ่ายแล้วก็ ต้องไล่ความคิดทิ้งไป...เขาจะรู้สึกดีไม่ได้!! นั่นมันจูบกับผู้ชาย!!!

ใจคิดอย่างร่างกายกับสั่ง อย่าง เมื่อธเนศยืนแข็งทื่อเป็นเป้านิ่งให้ใบหน้าใสยื่นเข้าใกล้เสียจนรับรู้ถึงลม หายใจอุ่นๆ ริมฝีปากประทับกันเบาๆก่อนจะถอยห่างทันที จึงค่อยรู้ตัวว่าถูกแหย่อีกแล้ว

“อย่างนี้ดีกว่ามั้ยครับ” โยถามพลางจ้องมองลึกเข้าไปยังดวงตาที่เจืออารมณ์อ่อนไหว หัวเราะหึอย่างพึงใจ “แล้วเจอกันนะครับ พี่เนศ” ว่าจบก็หันหลังกลับเดินออกจากห้องไปเงียบๆ


+++++++++++++++++++++++++++++


กับข้าวง่ายๆสองอย่างวางควัน ฉุยบนโต๊ะอาหาร ตามด้วยข้าวหนึ่งจานกับแก้วใส่น้ำเย็นเฉียบอีกหนึ่งใบ ธเนศนั่งมองมื้อเย็นบนโต๊ะอย่างห่อเหี่ยวใจ นี่เขาจะต้องกินข้าวคนเดียวไปอีกนานเท่าไหร่กัน ใจคิดอย่างหมายมั่นว่า เมื่อไหร่ที่ธณัติเลิกกับชวนันท์ เมื่อนั้นสองพี่น้องก็จะได้มาร่วมมื้อเย็นแสนสุขกันอีกครั้งหนึ่ง

ฝ่ามือประกบไหว้ตามธรรมเนียม ปฏิบัติที่มารดาสั่งสอนมา ก่อนจะเตรียมตัวจับช้อนส้อม พลันรู้สึกถึงกลิ่นไหม้กับควันหนาที่ฟุ้งมาจากทางหน้าต่างระเบียง ตามด้วยเสียงไอโขลกของคนข้างห้อง ร่างสูงออกวิ่งตามสัญชาตญาณ เปิดประตูห้องได้ก็เคาะประตูข้างห้องถี่รัว

“โย! เป็นอะไรรึเปล่า??” ตะโกนถามคนในห้องอย่างเป็นห่วงก็ไร้เสียงตอบรับ มีเพียงเสียงไอเป็นชุดเท่านั้น ธเนศตัดสินใจบิดลูกบิดเพื่อเปิดประตู

“เว้ยยย!!!” อุทานเสียงดังเมื่อภาพห้องหลังประตูไม้ปรากฏแก่สายตา สภาพชเหมือนเพิ่งผ่านศึกสงครามเวียดนามมาหมาดๆ น้ำจากก๊อกไหลซู่ล้นอ่างนองเจิ่งเต็มพื้นกระเบื้องส่วนที่จัดไว้เป็นห้อง ครัว ควันดำโขมงทั่วห้องจนต้องหยีตา กะทะอย่างดีหล่นอยู่ที่พื้น ข้างๆมีสิ่งที่น่าจะเคยเป็นเนื้อหมูหล่นแผ่อย่างไร้ชะตะกรรม ผนังห้องเลอะคราบน้ำมันกระจายเป็นด่างดวง

เมื่อกวาดตามองไปก็สะดุดอยู่ ที่ร่างเล็กของเด็กหนุ่มกำลังคุกเข่ากุมหน้าอกไอโขลก น้ำหูน้ำตาไหลเจิ่งใบหน้าที่เปื้อนเขม่าควันจนดำปิ๊ดปี๋

“เป็นอะไรรึเปล่า? เหวอ!!!” หวังดีคิดจะเข้าไปช่วย ขาก็ดันเหยียบแอ่งน้ำมันที่พื้นจนลื่นล้ม ธเนศหลับตาปี๋เหยียดแขนเมื่อรู้ตัวว่ากำลังจะล้มคว่ำ

เมื่อลืมตาขึ้นก็พบกับ สถานการณ์น่าหวั่นใจ นึกสงสัยว่าทำไมมันถึงล้มได้บังเอิญขนาดนี้ ร่างใหญ่ของเขาล้มคร่อมโยที่นอนหงายแผ่อยู่พอดิบพอดี แต่สิ่งที่ทำให้ห่วงหนักกว่าก็คือ เด็กหนุ่มที่ตอนนี้นอนหลับตานิ่งไม่รู้สติ

“โย!” …เงียบ ยกมือขึ้นตบหน้าเบาๆก็ยังไร้การตอบสนอง ...น่ากลัวจะสำลักควัน

ภาพการช่วยชีวิตที่เรียนมา ตอนเด็กๆแว่บเข้ามาในสมอง จำได้ว่าต้องปั๊มหัวใจ ผายปอด ...ไม่ใช่...ผายปอดแล้วค่อยปั๊มหัวใจ...งงตามประสาเด็กสายศิลป์ได้สักพักก็ ตัดสินใจทำสิ่งที่ทำได้ง่ายกว่าก่อน

...สำลักควันก็น่าจะต้องผายปอดก่อน...

มือใหญ่แกะกระดุมเสื้อเพื่อให้หายใจได้สะดวกอย่างที่เคยเรียนมา ก้มหน้า หน้าผากชิดกันก่อนจะหลับหูหลับตาประกบปากปล่อยลม

“อื้อ!” อุทานอย่างตกใจเมื่อจู่ๆปลายลิ้นเล็กกับริมฝีปากอิ่มก็ตอบสนองในทันใด จัดการดูดเลียขบเม้มจนเวียนหัว มือใหญ่ถูกนิ้วเรียวจับนำให้วางนาบยังแผ่นอกเนียนที่โผล่พ้นสาบเสื้อออกมา เรียวขาบางสอดประสานกับท่อนขาแกร่งของเขาอย่างยากจะถอนตัว

เมื่อฝืนตัวจับบ่าบางกดลงกับพื้นเพื่อแยกจากกันได้ ธเนศก็มองหน้าอย่างโกรธๆ

“อย่าเล่นอย่างนี้อีก นึกว่าจะเป็นอะไรไปแล้ว”

“ผมไม่ได้เล่นซักหน่...” ยังพูดไม่ทันจบก็ถูกตัดบท

“ไม่ต้องเถียง! เป็นน้องเป็นนุ่งจะจับตีก้นให้! ประตูห้องก็ไม่รู้จักล็อค แล้วนี่ทำอะไร ทำไมห้องมันถึงได้เละอย่างนี้!”

ท่าทางยั๊วะๆของธเนศทำให้เด็กหนุ่มค่อนข้างจะตกใจพอสมควร ไม่นึกว่าจะโดนดุเหมือนเขาเป็นเด็กๆอย่างนี้ “…ทำกับข้าวครับ”

“ทำกับข้าวภาษาอะไรให้ห้องเกือบจะไฟไหม้ได้ ทำไม่เป็นหรือไง!”

“...ก็เพิ่งเคยทำ” ก้มหน้าอย่างหวาดๆในเสียงดัง พูดสารภาพอุบอิบ...ไม่ได้โกหก ก็ไม่เคยทำอาหารเองจริงๆ เรื่องควันโขมงกับน้ำมันหกกระจายก็ตกใจมากอยู่ ส่วนเรื่องจูบนั่นผลพลอยได้บวกกับไหวพริบเล็กๆน้อยๆ ...ก็ไม่โกหกอีกนั่นแหละ สำลักจริงๆ แต่มันเป็นสำลักความสุข ไม่ได้สำลักควัน...

ธเนศตบหน้าผากตัวเองดังป้าบ บ่นอย่างยอมรับในชะตากรรม “นายนี่มัน...ใช้ได้จริงๆ” แค่วันเดียวยังวีรกรรมขนาดนี้ น่าแปลกใจว่าอยู่มาได้ยังไงยี่สิบปีโดยที่ไม่ทำกรุงเทพล่มสลายไปซะก่อน

ร่างสูงลุกขึ้นยืน ยื่นมือให้โยจับเพื่อดึงให้ลุกตาม น้ำมันลื่นเท้าทำให้เด็กหนุ่มต้องคอยเกาะแขนแกร่งเพื่อพยุงตัวเอง เมื่อความตกใจหายไป ความรู้สึกแปลกๆก็เข้ามาแทนที่ ธเนศประคองร่างบางไว้อย่างเบามือ พร้อมกับสูดกลิ่นหอมของสบู่ที่เจือมากับกลิ่นไหม้ ก่อนที่จะบอกตัวเองว่า...วันนี้นายรั่วมามากพอแล้ว หยุดไขว้เขวเสียที!


++++++++++++++++++++++++++++


“แล้วทีนี้จะเอายังไง?” ถามพลางยื่นนมร้อนให้โยในชุดนอนตัวหลวมโพรกดื่ม ตัวเองนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงกันข้าม

“พี่เนศจะว่าอะไรมั้ย...ถ้าผมจะขอค้างด้วยซักคืน” โยมองอย่างมีความหวัง

ธเนศถอนหายใจ “…ตามใจเถอะ” ...ก็จะให้ไปค้างที่ไหนได้ เขาก็ไม่ได้ใจร้ายพอจะไล่เด็กอายุยี่สิบในชุดนอนออกไปหาที่นอนที่อื่นทั้งๆ ที่นอนในห้องนี้ก็ได้หรอก

“ขอบคุณครับ ...แล้วก็...” จิบนมหนึ่งอึกเลียปากล้างคราบก่อนจะพูดต่อ “จะว่าอะไรมั้ยครับ...ถ้าผมจะขอนอนที่นี่จนกว่าห้องจะซ่อมเสร์จ”

“หา?”

“เถอะนะครับ พี่เนศ” เด็กหนุ่มพูดอ้อนวอน “พี่สาวที่เคยอยู่ด้วยกันตอนนี้ก็เพิ่งแต่งงาน ผมไปรบกวนไม่ได้หรอก แล้วเพื่อนคนอื่นบ้านก็อยู่ไกลเกินไป มาทำงานลำบาก ตอนนี้ผมมีแต่พี่เนศเป็นที่พึ่ง ถือว่าช่วยผมเถอะนะครับ”

มือใหญ่คว้ากระปุกยา หยิบพาราสองเม็ดโยนใส่ปากพร้อมกรอกน้ำตาม “เออ เอาเถอะ...จนกว่าจะซ่อมห้องเสร็จ”

“แล้วก็...คงจะซ่อมห้องช้า หน่อยนะครับ เพราะเงินเก็บผมเอามามัดจำค่าห้องกับจ่ายค่าขนของไปหมดแล้ว คงต้องรอจนกว่าเงินเดือนเดือนหน้าจะออก”

ซองยาลดกรดถูกฉีกแคว่ก เทลงแก้วจนเป็นฟองฟู่ เมื่อละลายหมดจึงยกดื่ม “...จะอยู่ถึงเมื่อไหร่ก็ตามใจ”


++++++++++++++++++++++++++++++


“นอนที่ห้องนี้แล้วกันนะ” ธเนศพาโยเข้ามาในห้องนอน ตัวเองเก็บหมอนผ้าห่มเตรียมเดินออกไป ติดที่แขนถูกคว้าไว้ซะก่อน

“พี่เนศนอนที่ไหนครับ”

“นอนโซฟาข้างนอก”

“ไม่ได้หรอกครับ ผมมาขออยู่ ผมก็ต้องนอนข้างนอก”

อันที่จริงมันก็ควรจะเป็น อย่างนั้น แต่หน้าตาราวผู้หญิงกับขนาดตัวน่าทะนุถนอมทำให้ธเนศรู้สึกว่าตัวเองจะต้อง เป็นฝ่ายเสียสละมากกว่า “นอนข้างในไปเถอะ”

“ไม่ได้หรอกครับ ถ้าพี่เนศนอนข้างนอก ผมก็จะนอนข้างนอกด้วย”

…และแล้วก็เข้าสู่อีหรอบ การ์ตูนญี่ปุ่น ธเนศนอนลืมตาตัวเกร็งบนเตียง ห้องนอนปิดไฟสนิทเหลือเพียงแสงไฟจากทางด่วนส่องเข้ามารางๆ เมื่อเหลือบตามองคนข้างกายก็พบว่าหลับสนิทไปแล้ว...

...หนอย หลับสบายเชียวนะ!... พิจารณาหน้าตายามหลับดูอ่อนเยาว์ พวงแก้มขาวเจือเลือดฝากน่าประทับจูบ ร่างสูงยิ้มกับตัวเอง ...ถ้าเป็นผู้หญิงก็คงจะดี...

…แต่อย่างน้อย วันนี้เขาก็ไม่ได้กินข้าวเย็นเหงาๆอยู่คนเดียว...

ดวงตาสีน้ำตาลเข้มค่อยๆหรี่ปรือก่อนจะปิดลงในที่สุด ลมหายใจเป็นจังหวะสม่ำเสมอบ่งว่าเข้าสู่ห้วงนิทราแล้ว

...

...

...

เปลือกตาบางกระพริบน้อยๆ ก่อนจะเปิดหยีขึ้นมาข้างหนึ่ง เมื่อเห็นว่าคนข้างกายหลับไปแล้วจึงค่อยลืมขึ้นสองข้าง โยนอนเท้าคางยิ้มขำมองหน้าคนหลับอ้าปากหวอ

...น่ารัก...

เป็นคำบรรยายที่โยมอบให้แก่ ธเนศ...ชายหนุ่มที่แสดงอารมณ์ออกมาอย่างซื่อตรง ชายหนุ่มที่ดุว่าเขาเพราะเป็นห่วง ...ชายหนุ่มที่ไม่รังเกียจจะนอนเตียงเดียวกันแม้จะรู้ว่าเขาชอบผู้ชาย

ริมฝีปากอิ่มสัมผัสแก้มสาก สองข้างอย่างเบาบางด้วยกลัวจะรบกวนผู้ที่อยู่ในห้วงนิทรา ประทับครั้งสุดท้ายที่หน้าผาก กระซิบแผ่วส่งข้อความหวังให้ร่างสูงได้ทำตาม

“ฝันถึงผมหน่อยนะครับ พี่เนศ”


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ออฟไลน์ SataRu

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
ทามมายมานสาหนุกงี้เนี่ยยยยยยย
อยากอ่านอีกคร้าบบบบบบบ :oni3:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
:m32:

...แอบดอดมาอ่านคอมเม้นท์

เฮะๆ ขอบคุณทั้งคนโพสท์คนอ่านนะคะ  :pig4:

ว้ายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

คุณคนเขียนเรื่องเข้า

เก่งจังเลย

เขียนเก่งจัง

ชมจากใจ

เอาไปหนึ่งบวกเลย  o13

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
เอ้า!

ลืมบอก

ให้คนโพสต์หนึ่งบวกด้วยเน้อ

อิอิ

nil

  • บุคคลทั่วไป
รักคนแต่ง ใจดีจัง มาให้ตั้งสองตอน

จะมานั่งรอนอนรอทุกวันเลย

ให้เลย +2  :m4: :m4:

Narak00

  • บุคคลทั่วไป
สนุกมาก ๆ +1 ให้ทั้งคนแต่ง และคนโพสต์เลยครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ sin_no

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
โยสู้ๆ โยสู้ตาย

เหอๆ ลุ้นคู่นี้มาก
 :m1:

ออฟไลน์ kogomon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 475
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
 :m4:

แต่งเรื่องได้เยี่ยมจิงๆคับ

อ่านแล้วทั้ง ฮา+หื่นดีจิงๆ  :m25:

ชอบคู่ของ แน็ทกับนัทอ่ะ

โย สู้ๆ

เหอๆๆๆ

toonzaa

  • บุคคลทั่วไป
นึกไม่ถึงว่าโยจะน่ารัก และเจ้าเล่ห์ขนาดนี้

ท่าทางพี่เนศจะตามไม่ทันน้องโยหรอกนะ แถมมีกำลังสนับสนุนเป็นคุณรองประธานชวนันท์อีก  แล้วไอ้นิสัยแตะเนื้อต้องตัวคนของธเนศนะ วันต่อๆไป ตอนนอนเตียงเดียวกันกับน้องโยทุกวัน จะเป็นยังไงนะ

สนุกมากๆ เลยค่ะ เขียนเก่งจริงๆ จะรอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ Just let it be

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 979
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
โยนี่ก้อเจ้าเล่ห์ไม่เบานะเนี่ย

อิอิ

 :m4:

peggykung

  • บุคคลทั่วไป
 :m1:โห ทะมายน้องโยถึงได้เจ้าเลห์ขนาดนี้
แล้วพี่เนศของเราจารอดไม๊เนี่ย
สงสัยจาเรียบร้อยโรงเรียนน้องโย

ฟันธง :mc4: :mc4: :mc4:

ออฟไลน์ ( = ___ = )

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 605
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-1


 :110011: น้องโยน่าร๊ากกกกกก

ซาหนุกจาง จ๊วบๆ :จุ๊บๆ: ทั้งคนเขียนคนโพสน้า :oni1:



anna1234

  • บุคคลทั่วไป
 :oni2:ชอบเรื่องนี้มาก ชอบพี่เนศมาก +1 ให้ทุกท่านที่เชิญเรื่องนี้ค่ะ


VitamiN

  • บุคคลทั่วไป

playCardPlaYBoy

  • บุคคลทั่วไป
 :m15: :m15:9้องย้ายบ้านวันนี้อ่า ทำงัยดี อยากโพสให้จบก่อนนนนนนน :m31: :m31: :m31: เอางัยดีหว่า :เฮ้อ: :เฮ้อ: ตัดสินใจโพสหมดเลยละกานนะ :m23: :m23: :m23:

playCardPlaYBoy

  • บุคคลทั่วไป
แฟนผมเป็นคนโรคจิต 6
..........................


“ฮือ~”

ธเนศมองหาต้นเสียงเล็กที่ ร้องให้ฮือไม่ยอมหยุด รอบกายคราคร่ำไปด้วยผู้คนทั้งๆที่เป็นเวลากลางคืน แสงไฟที่แขวนระโยงระยางส่องแสงสว่างไสว ร้านอาหารเรียงรายเป็นตับเต็มไปด้วยลูกค้าที่มีตั้งแต่วัยชรายันลูกเล็กเด็ก แดง เครื่องเล่นต่างๆดูเก่าคร่ำ ชิงช้าสวรรค์วงเล็กหมุนแรงเร็วจนน่ากลัวว่าจะล้มลงมาเมื่อไหร่ แต่พวกเด็กๆกลับไม่สนใจ ยืนเล็มสายไหมถือคูปองเข้าแถวเพื่อจะได้ขึ้นไปนั่งสักสามสี่รอบก็พอใจ

ร่างเล็กคุ้นตานั่งยองๆอยู่ที่มุมตึก หัวทุยที่ก้มซบเข่าตัวเองยังมีหน้ากากไอ้มดแดงคาดอยู่ ดูแล้วขัดกับการร้องไห้งอแงไปคนละเรื่อง

“จะร้องไปทำไมเล่า นัท” เสียงเล็กแก่นเซี้ยวอีกเสียงดังขึ้น พร้อมกับร่างของเด็กอีกคนปรากฏขึ้นข้างตัวน้อย เด็กชายคนหลังใส่เสื้อยืดมอมแมมกับกางเกงขาสั้นเปื้อนดินฝุ่นจนเป็นปื้น บ่งถึงความซุกซนของเจ้าตัวเป็นอย่างดี เรือนผมสีน้ำตาลเข้มรุงรังไม่เป็นทรง ที่แก้มมีรอยแดงช้ำอยู่ข้างหนึ่ง แต่เจ้าตัวดูจะไม่ยี่หระ กลับสนใจที่จะลูบหัวปลุกปลอบเด็กชายตรงหน้าเสียมากกว่า

“ก็...ฮึก...นัท...ฮือ...พี่ เนศถูกพวกนั้นรุม...ฮือ...” ดวงหน้าเล็กเปื้อนน้ำตากับฝุ่นดำที่เงยขึ้นเหมือนเด็กชายที่ยืนอยู่ไม่ผิด เพี้ยน ต่างกันเพียงขนาดตัวที่ออกจะผอมบางกว่าผู้พี่พอสมควร

ธเนศมองเด็กชายสองคนที่นั่ง อยู่เคียงกัน ธเนศน้อยโอบคอน้องชายให้ซบบ่าตนเองพร้อมกับลูบหัวไปมา ตัวโยกเบาๆปลุกปลอบร่างเล็กที่สะอื้นไห้จนตัวสั่นไหว

“ไม่เห็นต้องร้องไห้เลย จะไปเสียน้ำตาให้ไอ้พวกบ้าพรรค์นั้นทำไม มันหาเรื่องเราก่อนชัดๆ” จมูกโด่งเชิดขึ้นอย่างถือตัวยามเอ่ยถึงคู่กรณี “นัทน่าจะหัวเราะมากกว่า พี่ทำมันพวกมันสะบักสะบอมหัวแตกแลกกับแก้มบวมๆแค่ข้างเดียวเอง”

ใบหน้าเปื้อนน้ำตาเงยขึ้นมองพี่ชาย นิ้วเล็กแต่แก้มบวมแดงเบาๆ “เจ็บมั้ย”

“ไม่เลยสักนิด” ที่จริงเจ็บน้ำตาแทบเล็ด แต่ทำไงได้...เพื่อไม่ให้เจ้าตัวเล็กรู้สึกผิดไปมากกว่านี้ เขาในตอนนั้นก็ต้องฝืนยิ้มยืดอก

“รอเดี๋ยวนะ” เด็กชายตัวน้อยลุกขึ้นยืน กดบ่าพี่ชายตัวเองให้นั่งอยู่อย่างนั้น ตัวเองออกแรงวิ่งปรู๊ดหายไปในฝูงชน

ชายหนุ่มร่างใหญ่หลับตาทบทวน เรื่องในอดีต...เป็นเวลานานทีเดียวที่ไม่ได้ฝันถึงเรื่องยามที่เขากับธณัต ิยังเป็นเด็กน้อย เรื่องที่เกือบลืมว่าครั้งหนึ่งตนเองเคยมีเรื่องชกต่อยกับกลุ่มเด็กเจ้าที่ เพื่อช่วยน้องชาย...ส่วนทะเลาะกันเรื่องอะไรนั้น  เขาเองก็จำไม่ได้

เมื่อนั่งรอได้สักพักก็เห็นร่างเล็กวิ่งกลับมาพร้อมกับถุงก๊อบแก๊บใส่น้ำแข็งถุงหนึ่ง

“เจ็บหน่อยนะพี่” ว่าพลางค่อยๆประคบถุงน้ำแข็งลงแก้มอย่างกล้าๆกลัวๆ เด็กชายธเนศจำต้องฝืนตัวอยู่นิ่งทนให้น้องชายค่อยๆแปะน้ำแข็งลงบนแก้มทั้งๆ ที่เจ็บแทบตาย แต่เมื่อประคบไปได้สักพัก ความเย็นจัดของน้ำแข็งก็ช่วยลดบวมลดระบมไปได้ดีทีเดียว

“ดีขึ้นมากแล้วล่ะ” เด็กชายธเนศจับมือน้อยให้ลดลง ตั้งใจจะยิ้มให้น้องชายก็ต้องเบ้หน้าเมื่อความเจ็บแปลบที่มุมปากมันกลับ มาทักทายอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งครั้งนี้ก็ไม่อาจหลุดพ้นสายตาของธณัติไปได้ เด็กชายเบ้ปากกลั้นสะอื้น น้ำตาที่แห้งไปแล้วกลับรื้นขึ้นมาใหม่

“พี่เนศเจ็บเพราะนัท...”

ตั้งแต่เล็กจนโต สิ่งที่เขาไม่ชอบเอามากๆก็คือ การเห็นธณัติผู้เป็นน้องชายต้องร้องไห้เสียใจ เด็กชายธเนศลุกลี้ลุกลน ลูบหัวลูบหางน้องชาย แต่ร่างเล็กก็ไม่มีทีท่าจะหยุดร้องได้เลย เมื่อไม่รู้จะทำอย่างไรดี จึงจำต้องใช้บรรยากาศรอบตัวให้เป็นประโยชน์ ธเนศน้อยพลิกสาบเสื้อยืดด้านใน หาส่วนที่สะอาดที่สุดเพื่อเช็ดน้ำตาให้น้องชาย จนเจ้าตัวมองว่าใช้ได้แล้วจึงฉุดผู้เป็นน้องให้ลุกขึ้นยืน

“ไปเที่ยวในงานวัดกันดีกว่า อุตส่าห์มาเที่ยวกันทั้งที เดี๋ยวหม่าม้าถามจะตอบไม่ได้นะ ว่างานมันมีอะไรบ้าง” ว่าจบก็ออกวิ่งฉุดกระชากมือน้อยให้วิ่งตามตัวเองให้ทัน “จับมือพี่ให้แน่นนะ เดี๋ยวหลงไปโดนผีหลอกจะไม่มีใครช่วย”

ซุ้มแสดงของแปลกมากมายตั้ง อยู่ตรงหน้า รอให้สองพี่น้องซื้อบัตรเพื่อเข้าไปชม ด้วยเงินไม่กี่บาทที่มารดาให้มาทำให้เด็กชายธเนศพาน้องชายเดินวนดูลาดเลา อยู่นาน

“น้องตรงนั้น ไม่คิดจะเข้าซุ้มนี่เหรอ เด็กสองหัวตัวเดียว เคยเห็นมั้ย?” ชายหนุ่มแปลกหน้าตะโกนถามเมื่อเห็นเขามาด้อมๆมองๆอยู่นาน “ซื้อบัตรสองใบพี่แถมท้อฟฟี่ให้ด้วยนะ” ตามด้วยโปรโมชั่นลดแหลกแจกแถม

...หม่าม้าห้ามรับของจากคน แปลกหน้า... คิดดังนั้นเด็กน้อยจึงถอยทัพกลับไปหาซุ้มใหม่ ทิ้งหนุ่มแปลกหน้าพนักงานเชียร์แขกให้ตะโกนหาเหยื่อรายใหม่ไว้ข้างหลัง

“พี่เนศ...อยากดูนี่” หลังจากวนไปมาซื้อขนมสายไหมกินได้คนละหนึ่งไม้ ธณัติน้อยก็ดึงชายเสื้อผู้เป็นพี่พลางชี้ไปที่ป้ายไม้วาดรูปแปะเหนือซุ้ม ด้านริมวัด

“เด็กแปลก หัวเป็นคนตัวเป็นงู...” ธเนศอ่านตัวหนังสือบนป้ายเสียงดัง “แต่อันนี้ปีที่แล้วเราก็ดูนะ”

“ผมจะดูอันนี้” น้องน้อยยืนยันทำให้พี่ชายไม่อยากจะขัด สองคนพากันวิ่งไปยังโต๊ะขายบัตร จ่ายเงินเสร็จก็ค่อยๆเกาะกันย่องเข้าซุ้มที่ปิดไฟมืดอย่างกล้าๆกลัวๆ

ชายหนุ่มมองเด็กชายสองพี่ น้องวิ่งลับเข้าไปในซุ้มหลับตาลง นึกถึงภาพเด็กแปลกในความทรงจำ ...เด็กที่มากับผู้จัดซุ้มงานวัด นั่งหน้าตายอยู่ในส่วนที่จัดเป็นเวที โดยที่มีแค่หัวโผล่ออกมาจากไม้ที่เจาะรู้ไว้ ด้านหน้าเป็นไม้กระดานที่วาดรูปงูตัวใหญ่โดยตัดอยู่แค่ส่วนคอ มองโดยรวมจากด้านหน้าแล้วส่วนหัวเด็กกับคองูต่อกันได้พอดิบพอดี ...ถ้าไปดูตอนเป็นผู้ใหญ่คงจะหัวเราะขำในความแถของเจ้าของซุ้ม แต่ยามเป็นเด็กพวกเขาสองพี่น้องก็สนุกที่จะหลับหูหลับตาเชื่อว่า มันเป็นเด็กหัวเป็นคนตัวเป็นงูจริงๆ

“ว้ากกกกกก!!!” เสียงประสานอย่างตกใจของสองพี่น้องทำให้ร่างสูงวิ่งตามเข้าไปดูในเต้นท์ หวังจะได้เห็นภาพต้มตุ๋นเดิมๆที่ทำให้เขาตื่นตาตื่นใจยามยังเป็นเด็กน้อย

แต่ที่เห็นมันไม่ใช่... นัยน์ตาสีน้ำตาลเบิกกว้างอย่างตกตะลึง เมื่อเปิดประตูซุ้มเข้าไปแล้ว กลับพบว่า เด็กหัวเป็นคนตัวเป็นงู บัดนี้มันมีอยู่จริง ร่างกายช่วงล่างเป็นงูลำตัวยาวใหญ่กำลังเลื้อยพันสองพี่น้องไม่ให้หนีไปไหน ได้ เกล็ดของมันมันวับสะท้อนแสงไฟสลัวเป็นสีทองวาว เมื่อไล่ขึ้นไปยังหน้าของเด็กงูยิ่งต้องตะลึงมากกว่าเดิม

ก็ในเมื่อมันไม่ใช่หน้าของเด็กอย่างที่คิดไว้...แต่มันเป็นใบหน้าหวานใสของเด็กหนุ่มที่มาอาศัยเขาอยู่ในตอนนี้!!!

...นี่มันโยชัดๆ...ดวงตาแพรวพราวกับลิ้นแดงที่แลบเลียริมฝีปากอย่างมันเขี้ยวยิ่งทำให้ดูแล้วขนลุกขนพอง

“แง้~!!!” เสียงร้องโวยวายของธณัติน้อยเรียกสติของธเนศกลับมา เมื่อเขามองไปพบว่าสองพี่น้องกำลังจะถูกลำตัวยาวของงูประหลาดพัน ขาแกร่งจึงกระโจนเข้าใส่อย่างไม่กลัวตาย

“ปล่อยน้องฉันนะเฟ้ย!!” ชายหนุ่มกระโดดโหนช่วงคอของโยแน่น ขาปีนป่ายลำตัวห้องต่องแต่ง เมื่อหันกลับไปเพื่อดูว่าสองพี่น้องในอดีตยังปลอดภัยอยู่หรือไม่ก็ต้องเบิก ตาอย่างงงๆ เพราะร่างเล็กของตัวเขาเองและธณัติน้อยหายวับไร้ร่องรอยไปแล้ว

กลับกลายเป็นว่า ตอนนี้เขากำลังห้อยโหนอยู่พร้อมๆกับลำตัวยาวของงูยักษ์ที่ค่อยๆขดล้อมเขา เข้ามาเรื่อยๆ ใบหน้าของโยก้มลงมอง ดวงตาดำโตส่อประกายหวานจับใจ ริมฝีปากแดงสดแย้มยิ้มก่อนจะอ้าปากเพื่อพูดอะไรบางอย่าง

“…ผมจะทำให้พี่เนศเป็นของผมให้ได้เลย...” พูดจบก็ก้มลงหาเขาเพื่อประทับริมฝีปากอย่างช้าๆ





“ย๊ากกกกก!!!!!”

เสียงร้องดังสนั่นของชาย หนุ่มที่นอนหลับปุ๋ยอยู่บนโซฟาเมื่อครู่เรียกให้โยสะดุ้งสุดตัวหันขวับไปยัง ส่วนของห้องรับแขก รีบเก็บสิ่งของที่กองอยู่บนโต๊ะเตรียมอาหาร ก่อนจะออกวิ่งไปยังธเนศที่ลุกขึ้นหอบแฮ่กตาเบิกกว้าง

“ฝันร้ายเหรอครับ พี่เนศ?” ว่าพลางหยิบน้ำเย็นในเหยือกเทใส่แก้วส่งให้ร่างสูงรับไปดื่มดับกระหาย ธเนศซัดน้ำอึกใหญ่รวดเดียวหมดแก้วก่อนจะวางแก้วลงบนโต๊ะญี่ปุ่น นั่งมองหน้าโยชั่วครู่

“นิดหน่อยน่ะ...” …ว่าพลางยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผาก

“บอกได้มั้ยครับ?”

“...อย่าหัวเราะนะ” ร่างสูงมองหน้าใสที่มองเขากลับอย่างเป็นห่วง รู้สึกสบายใจที่มีคนอยู่ข้างๆยามตื่นจากฝันร้าย...แม้คนคนนั้นจะเป็นบุคคลใน ฝันร้ายก็เถอะ

ธเนศระบายลมหายใจ “ฝันว่าถูกงูรัดน่ะ เกือบตาย…”  ...แถมงูตัวนั้นมันหน้าเป็นนายด้วยว่ะ...

โยหัวเราะคิกทำให้ร่างสูงหันมองอย่างเคืองๆ “ขำไรฟะ ก็บอกว่าอย่าหัวเราะ”

“ขอโทษครับ” โยหยุดหัวเราะ แต่ก็ยังต้องกลั้นยิ้มเอาไว้ “แต่ว่า...ฝันถึงงูเค้าว่าฝันถึงเนื้อคู่นะครับ...พี่เนศฝันถึงใครอีกบ้างรึ เปล่า” …บอกมาสิว่าฝันถึงผม ...ก็อุตส่าห์กระซิบให้ฝันถึงทุกครั้งที่พี่เนศหลับ…

ธเนศกลืนน้ำลายลงคอเอื๊อก คิดว่าควรจะตัดบทเสียทีก่อนที่จะเลยเถิดไปไกล ร่างสูงเหลียวมองกระจกหน้าต่างบานใหญ่ในห้องนอน พบว่าฟ้ายามเย็นเริ่มจะมืด...ทั้งๆที่กะจะงีบไปแค่แป๊บเดียว ดันหลับเลยเวลาซะได้... เมื่อก้มลงมองตัวก็พบว่ามีผ้าห่มที่ตัวเองไม่ได้เอามาห่มให้อยู่แล้ว

“เอามาห่มให้เหรอ...ขอบใจนะ” โยเพียงยิ้มพยักหน้ารับคำขอบคุณเท่านั้น ก่อนจะนั่งยองๆมองจ้องหน้าเขาเคลิ้มๆจนธเนศต้องหลบตา

โครก~

เสียงท้องร้องดังสนั่นทำให้ หน้าแดงแจ๋ มองนาฬิกาก็พบว่าเลยเวลาทานอาหารเย็นมาชั่วโมงกว่าแล้ว ร่างสูงบิดขี้เกียจเตรียมจะลุกขึ้นยืน “ยังไม่ได้เตรียมอาหารเลยแฮะ” ว่าเปรยๆพลางหันหน้าไปถามโย “กินอะไรรึยัง?”

แต่ยังไม่ทันได้ลุก มือบางก็กดให้เขานั่งกับที่ก่อน โยลุกขึ้นยืนเต็มความสูงทำให้เพิ่งสังเกตเห็นว่า ร่างบางมีผ้ากันเปื้อนสวมทับชุดเสื้อกล้ามกางเกงขาสั้นจุ๊ดจู่อยู่ด้วย “พี่เนศนั่งก่อนก็ได้ ผมทำจวนจะเสร็จแล้ว”

“ทำได้เหรอ มีปัญหาอะไรรึเปล่า?” ถามอย่างเกรงๆว่าห้องครัวจะพังเหมือนที่เด็กหนุ่มทำห้องตัวเองพังรึเปล่า

“ได้สิ ผมทำให้กินมาตั้งสองอาทิตย์แล้ว ยังไม่เชื่อใจกันอีกเหรอ” ร่างบางพูดก่อนจะหันหลังกลับเพื่อมุ่งหน้าไปยังครัว

“ให้ช่วยอะไรมั้ย?” ถามพลางทำท่าจะลุกขึ้นอีก แต่ก็ต้องชะงักเมื่อโยโผล่หน้ามาจากส่วนของห้องครัว ชี้มีดหั่นเนื้อมาทางเขา

“พี่เนศนั่งตรงนั้นแหละครับ ผมกำลังฝึกทำอาหารอยู่ อย่าเพิ่งมากวนสมาธิ”

เขาจึงนั่งอยู่ที่โซฟาตัวใหญ่ต่อไป

...

...

ไม่ได้ฝันถึงเรื่องเก่าๆตั้งนาน...ธเนศหัวเราะกับตัวเองพลางคิดว่า คงจะแก่ตัวแล้วถึงได้มานั่งนึกถึงเรื่องในอดีตแบบนี้

มือใหญ่จับปลายผ้าห่มเพื่อ พับเก็บเงียบๆ ฟังเสียงกุกกักในครัวไปพลาง เมื่อพับผ้าห่มวางพาดที่ปลายโซฟาเรียบร้อยก็ค่อยๆลุกย่องไปทางครัว

...ก็ไม่ใช่ว่าไม่ไว้ใจ แต่การแอบมองเด็กหนุ่มวุ่นวานกับหนังสือทำอาหารไปพลางคอยคุมหม้อน้ำแกงไป พลางมันเพลินดี ท่าทางทะมัดทะแมงทำให้ดูเป็นงานมากกว่าวันแรกที่แค่จับมีดปุ๊บกัดเกือบจะ เฉือนนิ้วตัวเองปั๊บ

โยกำลังง่วนกับการตักฟองใน หม้อแกงจืด มีหนังสือทำอาหารเล่มบางวางคั่นหน้าไว้บนโต๊ะข้างๆ ธเนศหรี่ตาปรับโฟกัสก็ต้องงงกับชื่อหนังสือที่เปิดคาอยู่

...เคล็ดลับมัดใจคุณผู้ชาย...

กับคำโปรยบนหน้าปกเพื่อดึงดูดสายตาแม่บ้านทั้งหลาย ...สูตรสุดพิเศษ ส่วนผสมเพิ่มเสน่ห์ สามารถสั่งซื้อได้ที่...

เมื่อหันกลับมามองร่างบาง คิ้วเข้มยิ่งต้องขมวดหนักกว่าเดิม โยนั่งคุกเข่าค้นอะไรกุกกักในตู้ข้างใต้เตา

“หึๆ” เสียงหัวเราะกับขวดส่วนผสมปริศนาสีดำทำให้ขนอ่อนของธเนศลุกเกรียวอย่างไม่มีสาเหตุ

กะทะถูกตั้งพร้อมกับเสียงงืมงำท่องวิธีทำให้ได้ยินเบาๆ “ตั้งไฟอ่อนที่สุด...”

“…ใส่กระเทียมสับ เจียวให้เกรียม” นิ้วเรียวโยนกระเทียมสับละเอียดลงกะทะตรงหน้า เกิดเสียงน้ำกระทบน้ำมันดับเปรี๊ยะๆ

“...ร่ายมนต์สามจบ...” ตามด้วยเสียงงึมงำยากจะบอกภาษา

“ผักใบเขียว กับดอกกะหล่ำสามกลีบ” ส่วนผสมดังกล่าวถูกทิ้งลงกะทะตามที่พูด

“น้ำอัมฤทธิ์พิชิตใจ สามช้อนครึ่ง”

“เนื้อหมูตามแต่ต้องการ ผัดให้เร็วที่สุด”

“เหล้าขาวครึ่งถ้วย กับน้ำอัมฤทธิ์เพิ่มอีกสองช้อน” ธเนศกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก เริ่มรู้สึกฝืดคอกับสูตรอาหารที่ได้ยิน

“เปิดไฟแรงที่สุด” …ชักแปลกๆแฮะ...

“เอียงกะทะให้น้ำมันสัมผัสไฟ อืม...ยากแฮะ...ต้องให้ไฟลุกท่วมด้วยเหรอ...”

เฮ้ย!!! เดี๋ยวก่อนเฟ้ย อย่าเพิ่งงงงงง!!!

เป็นคำที่อยู่แค่ในความคิดของร่างสูงเท่านั้น ไม่อาจเค้นออกมาเป็นคำพูดได้ทัน


++++++++++++++++++++++++++++++


“แล้วไง?” ชวนันท์สูดควันบุหรี่เข้าปอดก่อนจะปล่อยออกมาเป็นสาย พูดเรียบๆ ตามองชายหนุ่มร่างโตกับเด็กหนุ่มหน้าบู้สองคนสะพายกระเป๋ายืนจ๋องอยู่หน้า ห้องของเขา

“ก็ไม่ไง เกิดอุบัติเหตุห้องพัง เลยมาขอค้างด้วยซักสองคืน” ธเนศพูดอย่างอับจนหนทาง...ติดต่อกั๊กก็ไม่ได้ โยก็ไม่มีที่ไป สุดท้ายเลยต้องแบกหน้ามาขออยู่กับแฟนน้องชายที่เกลียดหนักหนา…ก็ยังดีที่ ห้องคอนโดข้างๆของชวนันท์ตกแต่งเสร็จแล้ว ไม่อย่างนั้นคงต้องนั่งรถกันไปไกลโข

“ไอ้โง่ๆ” เสียงแหลมของเจ้านกผี พูดคำที่เขาเป็นคนสอนตอนมันยังเด็ก ตอกย้ำอารมณ์เซ็งของธเนศให้ยิ่งเซ็งหนักเข้าไปใหญ่

“แล้วนัทไปไหน” ดึกแล้วทำไมยังไม่เห็นแม้แต่เงาของน้องชาย เจ้าชวนันท์ดูแลน้องเขายังไงให้กลับบ้านมืดๆค่ำๆอย่างนี้

“ไปเรียนภาษาอังกฤษ อีกชั่วโมงกว่าๆค่อยกลับ” ท่านรองประธานพูด ก่อนจะผายมือเชิงให้เข้าห้องได้

“เพิ่งกินข้าวเหรอ” ธเนศถามขึ้นเมื่อพบว่ากับข้าวสามอย่างกับจานข้าววางจัดเป็นระเบียบอยู่บน โต๊ะทานอาหาร ร่างสูงกลืนน้ำลายเอื้อก ท้องร้องโครกคราก

ชวนันท์มองพี่เขย พลางนั่งลง อัดบุหรี่เพิ่มอีกตัวจนควันโขมงไปหมด “ถ้าหิวก็นั่ง กินส่วนของนัทไปก่อน เดี๋ยวค่อยทำใหม่ก็ได้”

น่าเศร้าที่กองทัพเดินด้วย ท้อง ไม่มีอาหารถึงท้องธเนศก็ไม่สามารถสู้รบกับชวนันท์ได้ ร่างสูงวางกระเป๋านั่งลงพร้อมกับโย รับจานข้าวที่ชวนันท์ส่งมาให้ ก่อนจะนั่งจ้องกับข้าวรูปลักษณ์สวยงามหน้ากิน

“ซื้อมาเรอะ?” ก็สงสัยอยู่ ชายหนุ่มสองคนอยู่ห้องเดียวกันจะทำอะไรกินได้ยังไง เจ้านัทยิ่งทำอาหารไม่เป็นอยู่ ตอนที่มาเรียนกรุงเทพอยู่ด้วยกันเมื่อก่อน เขายังเป็นฝ่ายทำให้ตลอดเลย

ชวนันท์ยิ้มมุมปากหัวเราะหึ “ถ้าซื้อมากิน นัทคงไม่สมบูรณ์ผิวใสขนาดนั้นหรอก...นี่น่ะ เมนูบำรุงนัทโดยเฉพาะ”

…เหลือเชื่อจริงๆ...นักกล้าม กับอาหารโนเนะ...คิดพลางมองไข่ดาวที่ดาวด้วยพิมพ์รูปหัวใจ ใส้กรอกสีสวยผ่านการหั่นเจียเป็นปลาหมึก และผัดผักที่หันแครอทเป็นรอยหยักสวยงาม


++++++++++++++++++++++++++++++++++


“ไหนว่าจะไม่ให้ธเนศมายุ่ง กับนัทไง” หลังจากที่อิ่มหมีพีมัน ไล่ธเนศพี่ชายเข้าห้องอาบน้ำได้ ชวนันท์ก็เปิดบทไล่บี้โยทันที ร่างสูงอัดบุหรี่เข้าปอดอีกครั้งบ่งพื้นอารมณ์ที่คุกรุ่นเหมือนไฟแดงๆที่ ปลายมวน

“นี่มันอุบัติเหตุ”

ชวนันท์กัดฟันกรอด “อุบัติเหตุ! คิดว่านี่มันวันอะไรกัน...วันศุกร์นะเฟ้ย ปลายอาทิตย์ที่วันรุ่งขึ้นจะเป็นวันหยุด” ขาแกร่งเดินวนเป็นเสือติดจั่น  “ช่วงนี้นัทงานก็เยอะ แถมยังต้องเรียนพิเศษดึกๆดื่นๆทุกวัน ฉันอุตส่าห์อดใจรอจนถึงคืนวันศุกร์...แล้วนี่อะไร! ผิดแผนไม่พอยังมีตัวกวนตั้งสองคนมาขออยู่ด้วยซะอีก!!” มือใหญ่คว้าต้นแขนทั้งสองข้างของเด็กหนุ่มจับเขย่าอย่างหัวเสีย

เมื่อโดนบ่นเป็นชุด โยที่พื้นอารมณ์ไม่ค่อยจะดีด้วยจึงตอบกลับเสียงดังโดยไม่ได้ยินเสียงเปิดประ ตูแกร๊กเบาๆที่มุมห้องเลย “ก็บอกว่านี่มันอุบัติเหตุ คิดว่าผมอยากมาดูคนที่เคยรักมีความสุขกับคนอื่นหรือไงกัน!!” เมื่อคิดถึงภาพธณัติแย้มยิ้มคลอเคลียกับชายหนุ่มตรงหน้า น้ำตาก็รื้นหางตา ความผิดหวังแล่นขึ้นมาจุกอกอีกครั้งหนึ่ง

...เขายังตัดใจจากพี่นัทไม่ได้...

แอ๊ด!

เสียงแง้มประตูดังขัดบทสนทนา เมื่อหันไปพบธเนศหน้าตาเคร่งขรึมเปิดประตูห้องนอนออกมา ก็ต้องเย็นวาบที่หลัง ...เมื่อกี้พี่เนศได้ยินแน่ๆ...พี่เนศรู้แล้ว ว่าเขาเคยชอบพี่นัทมาก่อน

เมื่อรู้ตัวว่าดวงตาสีน้ำตาล เข้มมองยังจุดที่มือแกร่งจับต้นแขนเขาอยู่ โยก็รีบสะบัดให้พ้นจากเงื้อมือของชวนันท์ทันที ธเนศไม่พูดพล่ามทำเพลง เดินไปเก็บของ คว้ากระเป๋าทั้งของเขาและของโยขึ้น ก่อนจะจับต้นแขนโยดึงให้อยู่ใกล้ตัวเองแทน

“โทษทีที่รบกวน เรื่องนี้ฉันจะเก็บไว้ไม่บอกนัทละกัน”

“เรื่องอะไร?” ชวนันท์ถามอย่างไม่เข้าใจ...หรือว่าธเนศยังไม่รู้ว่าโยเคยชอบนัทมาก่อน

“ก็เรื่องที่โยกับนายเคยชอบกัน ...หึ...ตอนนี้คงยังตัดกันไม่ขาดสินะ ถึงได้ทะเลาะกันอย่างนี้”

โยกับชวนันท์ที่ไม่ค่อยจะลง รอยกัน ตอนนี้กลับมีความรู้สึกเหมือนโดนไม้หน้าสามตีแสกหน้าเหมือนๆกัน...ธเนศคิดปะ ติดปะต่อยังไงให้ได้อย่างนี้เนี่ย!

“โย...ไปค้างที่อื่น” ร่างสูงยังไม่สนใจท่าทางงงเต็กของสองหนุ่ม กลับคิดว่าคงจะตกใจที่เขามารู้ความสัมพันธ์ลับๆเข้า เดินลากโยไปยังประตูห้อง กำลังจะปิดประตูก็หันกลับมาพูดกับชวนันท์เป็นครั้งสุดท้าย

“อย่าคิดว่าฉันไม่บอกนัทเพราะสนับสนุนพวกนายนะ! ฉันจะทำให้นายกับนัทเลิกกันให้ได้...โดยที่นัทต้องไม่เป็นฝ่ายเสียใจ!”


+++++++++++++++++++++++++++++++

โรงแรมที่ธเนศพาโยเข้า เป็นโรงแรมระดับกลางที่อยู่แถวนั้น ระหว่างทางพวกเขาไม่พูดอะไรกันเลย จวบจนขึ้นมายังห้องนอนได้ ธเนศก็เปิดปากพูดขรึมๆ

“เรื่องนี้พี่จะไม่ติดใจก็แล้วกัน แต่อย่าติดต่อกับเจ้าชวนันท์อีก”

โยอยากจะคิดเข้าข้างตัวเองเหลือเกิน ว่าธเนศไม่พอใจเพราะแรงหึงที่เจ้าตัวไม่แสดงออกมาโดยไม่รู้ตัว “พี่เนศเข้าใจผิด”

“ไม่ต้องแก้ตัวหรอก พี่เข้าใจว่าเราก็คงไม่อยากผิดใจกับนัทที่เป็นพี่รหัสตัวเอง” …คิดไปได้นะ พี่เนศ...

“แล้วก็...อย่าให้รู้ว่าพวก นายสองคนแอบทำอะไรที่จะทำให้นัทเสียใจเชียว พี่ยอมให้พวกนายทำร้ายน้องพี่ไม่ได้” ...หัวใจที่กำลังจะพองฟูกลับเหี่ยวแห้งลงอีกครั้ง เมื่อคิดได้ว่า คนที่ทำให้ธเนศมอบความรักและห่วงใยให้นั้น มีเพียงธณัติผู้เป็นน้องชายเพียงคนเดียว





...แต่ผมจะไม่ยอมหยุดอยู่แค่นี้หรอก...

โยเงยหน้าขึ้นสบตาธเนศอย่างแน่วแน่ เอ่ยปากบอกชายหนุ่มพร้อมกับสัญญากับตัวเองไปในตัว

“เข้าใจแล้วครับ ...ผมจะไม่ยุ่งกับสองคนนั้นอีก ผมจะลืม...เขา...ให้ได้ ...และต่อไปนี้...ผมจะมองแต่พี่เนศคนเดียว”


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด