ผมเปล่าโรคจิตนะ! 12
................
‘อยู่ข้างๆฉันตลอดไปได้มั้ย?’
...คำถามเมื่อคืนไร้คำตอบ แม้จะมีกระแสเว้าวอนจากคนป่วยส่งมาก็ตาม สิ่งที่ธณัติทำได้ก็แค่อ้ำอึ้ง อ้ำอึ้ง แล้วก็อ้ำอึ้ง พออีกฝ่ายเปิดปากจะพูดเท่านั้น เขาก็รีบวิ่งหนีขอตัวไปทำแพนเค้กทันที ทุกอย่างจบลง ชวนันท์นั่งวิจารณ์แพนเค้กรูปแมงกระพรุนกับโถน้ำโบราณราดน้ำตาลไหม้อย่าง สนุกปากเหมือนไม่เคยมีเรื่องก่อนหน้านี้เกิดขึ้นมาก่อนยังไงยังงั้น
...ชวนันท์พยายามซ่อนความผิดหวังไว้ข้างใน เหมือนกับธณัติที่ซ่อนอารมณ์ดำมืดซึ่งตนเองไม่รู้ที่มาไว้ลึกๆ...
ตั้งแต่ที่เจอกันครั้งแรก ก็มีสาวสวยมาตามตื๊อถึงหน้าห้อง เขายังจำได้ดีถึงคำพูดจาหยาบคายทำร้ายจิตใจอีกฝ่ายอย่างไม่สนหน้าอินทร์หน้า พรหมของชวนันท์ ถึงจะมีแค่รายเดียวให้เห็นจะจะ แต่การที่อาศัยอยู่ด้วยกันมาหนึ่งเดือนทำให้รู้ว่าชายหนุ่มไม่ได้มีตัวเลือก แค่คนเดียว ชวนันท์พร้อมจะคบและเลิกโดยไม่รู้สึกเสียดายเลยสักนิดเดียว จำนวนสายที่เข้ามายังโทรศัพท์มือถือ จำนวนครั้งที่ชายหนุ่มบอกเลิกไป เขาได้รับรู้แต่ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัว
...นี่ก็อีกเรื่องที่ไม่เข้าใจ ผู้หญิงมากมายต้องการอยู่ข้างๆก็ดันผลักไส ทีเขาจะต่อยกันตายทำไมต้องขอให้อยู่ด้วยนะ...
“พี่นัท”
ด้วยความที่กำลังจมอยู่ในโลกส่วนตัว เสียงเรียกพร้อมกับตาใสแจ๋วระยะประชิดทำให้ธณัติตกใจแทบตกเก้าอี้
...นี่ก็ปัญหาแก้ไม่ตกอีกเรื่อง...ชายหนุ่มถอนหายใจ
“ทำไมเหรอ โย?”
“หิวมั้ยครับ ผมซื้อเค้กมา พักงานกินด้วยกันซักแป๊บนึงมั้ย”
ธณัติมองนาฬิกาข้อมือ นึกได้ว่าทำไมถึงรู้สึกหิวนัก เขาทำงานติดต่อกันมาเจ็ดชั่วโมงแล้ว นับตั้งแต่ช่วงบ่ายที่ผ่านมา จากการหยุดงานดูแลคนไข้เมื่อวาน ทำให้งานที่ควรจะเสร็จกลับไม่เสร็จตามเวลาที่กำหนด โอทีที่หยุดทำไปได้สองวันเลยกลับมาเยี่ยมเยือนอีกครา บรรยากาศเดิมๆกลับมาให้ชื่นชม...ออฟฟิศที่ไม่มีใครเลยนอกจากเขากับโย เมื่อก่อนก็รู้สึกอุ่นใจที่มีคนอยู่เป็นเพื่อนอยู่หรอก แต่หลังเหตุการณ์เมื่อวานมันก็เปลี่ยนเป็นความกระอักกระอ่วนแทน
“ก็ได้” ละมือจากเม้าส์ชั่วคราวก่อนเดินตามรุ่นน้องเจ้าปัญหาไปยังห้องพักพนักงาน กล่องเค้กสีลูกกวาดวางหราอยู่บนโต๊ะทานอาหาร ข้างในมีเค้กตกแต่งหน้าตาหรูหราน่าทานอยู่สองชิ้น บานอฟฟี่ในถ้วยพลาสติกใสอีกถ้วยหนึ่ง ด้วยความหิวประกอบกับภาพที่เห็นทำให้ธณัติพักเรื่องหนักใจไว้ก่อน คว้าส้อมพลาสติกที่ติดมาในถุงขึ้น ลงมือตักทานทันที
“ชอบมั้ยครับ” โยนั่งเท้าคางดูรุ่นพี่จ้วงเค้กชิ้นโตทานอย่างเอร็ดอร่อย ตัวเองถือส้อมพลาสติกตักชิมเพียงเล็กน้อย
“อื้อ! ชอบสุดๆเลยนะเนี่ย!!” คว้าน้ำผลไม้ดื่มแก้เลี่ยน ดื่มได้สองอึกก็ต้องสำลักพรวดเมื่อได้ยินเสียงพูดปนหัวเราะของโย
“เหรอครับ...ผมดีใจนะ...ที่พี่นัทชอบผม”
…มันไปเกี่ยวกันได้ยังไงฟะ?...
ธณัติมองหน้าเจ้ารุ่นน้อง อย่างระแวง...นี่มันจะเฮี้ยนอะไรขึ้นมารึเปล่าเนี่ย! แต่โยก็แค่หัวเราะเบาๆนั่งมองเขาอยู่อย่างเดิม “ทานต่อเถอะครับ ผมล้อเล่น”
เค้กถูกตักเข้าปากอีกครั้งแต่สปีดตกลงกว่าเดิม เริ่มรู้สึกว่าดวงตาที่ส่งประกายปิ๊งๆมามันฉ่ำเยิ้มพิกล
“เอ่อ...ถ้าไม่ลำบากอะไร...ช่วยเลิกจ้องกันก่อนได้เปล่า มองกันอย่างนี้กินไม่ลงว่ะ”
“ลำบากครับ…พี่นัทไม่ต้องเกรงใจผมหรอก กินต่อไปเถอะ”
...ไม่ได้เกรงใจเฟ้ย!!...
แต่ถ้าจะให้ละทิ้งเจ้าเค้ก ชิ้นน้อยที่อ้อนวอนขอให้เขาลองลิ้มชิมรสอยู่นี่ล่ะก็ ฝันไปเถอะ ธณัติหลับหูหลับตาโซ้ยต่อจนหมดเกลี้ยง ไม่สนใจโยที่นั่งลวนลามทางสายตา ยกน้ำขึ้นดื่มอึกๆจนหมดขวด
“ฮ้า! อร่อย” สะใจจริงๆ ไม่ได้กินของอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว
“รู้สึกอะไรมั้ยครับ” โยเก็บกล่องเค้กกับขวดน้ำใส่ถุงผูกปากแน่นเตรียมทิ้ง ปากก็พูดเนิบนาบชวนคุยไปเรื่อย แต่คำถามมันสะกิดหูจนต้องหันหน้ากลับไปมองอย่างหวาดๆ
“นายคงไม่ได้...ไอ้โย...แก ใส่อะไรลงไปฟะ!” คิดว่าเจ้าเด็กนี่อาจจะใส่ยาอะไรบางอย่างเข้าไปก็ได้ แต่จะให้อ้อกออกมาตอนนี้มันก็เสียดาย เอ๊ยไม่ใช่! มันทำไม่ได้...ก็กินเข้าไปแล้วนี่นา
ธณัติลุกขึ้นยืนเดินถอยหลัง ตั้งท่าระวังถั่ว ในใจก็นึกบทสวดส่งวิญญาณปีศาจร้ายที่เคยเห็นพวกพ่อมดหมอผีในหนังมันสวดกัน จะใช้ได้ผลรึเปล่าก็ไม่รู้ ท่องไว้ก่อนดีกว่า ไม่เชื่ออย่าลบหลู่
โยลุกยืนขึ้นเดินเข้าหา ทำหน้าเสียอกเสียใจ “พี่นัทมองโลกในแง่ร้าย...ผมก็แค่ใส่ความรักลงไปเอง...หวานดีมั้ยครับ”
อ้วก!!! เสี่ยวสิ้นดี!!!
“นี่กำลังจีบฉันอยู่เหรอเนี่ย” ผู้ชายรักกันนี่มันต้องน้ำตาลเยิ้มมดขึ้นขนาดนี้เลยเชียวเรอะ
“ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอครับ” โยยิ้มหวาน แต่ในมุมมองของเขามันเหมือนแสยะยิ้มมากกว่า “ผมบอกแล้วไงว่าไม่ยอมแพ้”
“นาย...ชอบฉันตรงไหน?” โอ๊ย เขิล! ถามออกไปได้ยังไง
“…พี่นัทจำตอนแรกพบน้องใหม่รุ่นผมได้รึเปล่าครับ”
“เอ่อ...” โยอ่อนกว่าเขาสามปีแสดงว่าตอนนั้นเขากำลังจะขึ้นปีสี่ จำได้ว่าโดนเพื่อนลากไปทั้งๆที่ติดทำงานพิเศษ
“ตอนที่ให้น้องใหม่แนะนำตัว ทุกคนต้องซดเหล้าเพียว พวกผู้หญิงจะมีรุ่นพี่ผู้ชายอาสาให้น่ะครับ” มันก็ธรรมเนียมปกติของกลุ่มเขา ธณัติยังจำได้ว่าวันรับน้องตอนที่อยู่ปีหนึ่ง เขากะซดหมดขวดชิงรางวัลพันบาทจากรุ่นพี่จนหัวราน้ำต้องให้เพื่อนลากกลับด้วย ซ้ำ
“ตอนนั้นผมแนะนำตัว พอกำลังจะลุกออกไป พี่นัทก็อาสาซดให้แทนก่อน”
“จำผิดรึเปล่า?” เขาจำได้ว่าเขาซดแทนรุ่นน้องผู้หญิงนี่นา!
“ผมจำไม่ผิดหรอก…”
…
…
ภาพความทรงจำหวนกลับมา ตอนนั้นกลุ่มรับน้องจัดขึ้นที่สวนอาหารที่เขากับโยเพิ่งไปกินวันก่อน โต๊ะอาหารถูกจัดเรียงเป็นแถวยาวรองรับคนกว่าสี่สิบคน รุ่นพี่กลุ่มตั้งแต่ปีสองไล่ไปถึงปีสี่ยืนล้อมน้องใหม่ไว้ตรงกลาง ให้ปีหนึ่งลุกขึ้นแนะนำตัวทีละคน
น้องใหม่หน้าหวานคนหนึ่งลุก จากเก้าอี้ ตัวค่อมน้อยๆอย่างไม่ค่อยมั่นใจในตนเอง พูดแนะนำตัวเสียงเบาจนเสียงเจี๊ยวจ๊าวรอบข้างกลบมิด รุ่นพี่ที่ยืนด้านหลังก้มหน้ายื่นหูเข้าใกล้ก่อนตะโกนออกมาดังลั่น
‘เอ้า ต้อนรับน้องโยกันหน่อยโว้ย!!’ เสียงเพลงรับน้องดังขึ้นจากรุ่นพี่รอบข้างผสมกับเสียงตบมือเป่าปากมั่วไปหมด ขวดเหล้าขวดใหม่ถูกเปิดขึ้นวางรอให้น้องใหม่ยืนซดบนเก้าอี้ที่ตั้งไว้ด้าน หน้าแถวโต๊ะ โยกำลังจะเดินออกไปเขาก็อาสาออกมาก่อน
‘เฮ้ย! กรูเอง!!!’ ยังจำได้ว่าเพื่อนๆวี้ดวิ้วอย่างเมามันตอนที่เขาลุกไปยืนจังก้าถือขวดเหล้าบนเก้าอี้พลาสติก
ธณัติยกมือขึ้นเหนือศีรษะ เสียงจอแจเงียบหายไปเปิดโอกาสให้เขาตะโกนดังลั่น
‘กรูชื่อนัท! ธณัติ ปีสี่!! ขวดนี้ดื่มให้น้องโยโว้ย!!!’
ตามด้วยเสียงเฮ เสียงร้องเพลงเชียร์ เสียงเคาะขวดดังลั่นร้าน ธณัติดื่มหมดขวดจริงดังปากว่า แต่หลังจากนั้นก็ต้องให้เพื่อนรองรับตัวที่โงนเงนหล่นปุลงจากเก้าอี้ พากันลากจุ่มหัวลงในถุงดำ อ้อกหมดใส้หมดพุงก่อนจะสลบเหมือดไม่รู้เรื่องไป...
ใช่ เขาจำได้แล้ว เขาดื่มให้น้องใหม่ที่ชื่อโย เขามีน้องรหัสชื่อโย แล้วไอ้คนที่อยู่ข้างหน้าเขานี่ก็ไอ้โย! ทั้งหมดนี้มันก็โยเดียวกัน...โยที่เป็นผู้ชาย...โยที่เขาคิดว่าเป็นผู้หญิง ในวันแรกพบ!!!
…
…
“เหตุผลแค่นี้น่ะเหรอ นายก็รู้นี่ ว่ารุ่นพี่ดื่มให้ตามธรรมเนียม ไม่มีอะไรมากกว่านั้น” ธณัติเก็บความหน้าแตกไว้ในใจ ถามต่อไปอย่างสงสัยในความรักมั่นของโย
“ครับ เหตุผลมันแค่นิดเดียว แต่ยังไงผมก็ชอบพี่แล้วนี่นา” โยเดินเข้าใกล้ ธณัติก็เดินถอยหลัง
“แล้วยังชอบมาถึงตอนนี้เนี่ยนะ ไม่คิดจะมีแฟนหรือไง”
“ก็เคยมี แต่เปรียบเทียบทีไร พี่นัทก็ดีกว่าตลอด เลยเลือกเข้ามาทำงานที่นี่ หาโอกาสสนิทกับพี่ให้มากขึ้นไงครับ” ห้องก็ไม่ได้กว้างขวางนัก ธณัติถอยหลังได้ไม่กี่ก้าว หลังก็ชนกำแพง ต่างกับโยที่ยังย่างสามขุมเดินหาชายหนุ่มไม่หยุด
“ดีกว่าฉันเนี่ยนะ?” เทียบกับเขา...ก็แฟนผู้ชายอะดิ…เจ๊ย!!
“ครับ ก็พี่นัทน่ะ ตัวสูงเท่” ความมั่นใจเริ่มกลับมาหลังจากที่เปรียบเทียบส่วนสูงกับชวนันท์มานาน
“หุ่นก็ดี ถึงจะไม่ได้ล่ำแบบนักกีฬา แต่ก็สมาร์ท กล้ามเนื้อกำลังพอดีได้สัดส่วน” โอ้ ฟังแล้วชื่นใจ
“หน้าตาก็ดูดีน่ามอง ถึงจะแยกไม่ค่อยได้ว่าชายหรือหญิงก็เถอะ แต่หน้าตาแบบนี้กำลังอินเทรนด์เลย” เห็นไหมเล่า เจ้าคิตตี้! ฮ่าฮ่า!!
คิดภาพตัวเองกำลังเขวี้ยงคำ ดูถูกของชวนันท์ลงพื้นกระทืบซ้ำสองสามทีอย่างย่ามใจ ความฮึกเหิมทำให้ไม่สนใจริมฝีปากอิ่มที่ยื่นเข้าใกล้หมายมอบจุมพิต มือผอมที่ยกขึ้นกันโยเอาไว้ถูกอีกฝ่ายรวบไว้ในมือเรียบร้อยไร้ทางต่อต้าน
“สุดที่รัก ของชั้น น่าร้ากที่สุด เป็นมานุษย์ที่น่าเอ็นดู~” เสียงริงโทนไม่คุ้นหูดังลั่นห้อง เมื่อมองดูก็ต้องงงเต็กเพราะมันดังมาจากมือถือของเขาเอง ธณัติหลุดจากอุ้งมือมาร วิ่งสี่คูณร้อยคว้ามือถือหมับ แรงสั่นจากเครื่องสื่อสารยังไม่แรงเท่าแรงสั่นจากอุ้งมือที่กำโทรศัพท์แน่น
กล้าดียังไงมาเปลี่ยนริงโทนกันอย่างนี้!!
“ฮัลโหล!” กระแทกเสียงห้วนตึง
“นัท...ลืมเอกสารที่ต้องเซ็น ไว้ที่รถ ไปเอาให้หน่อย เอาขึ้นมาบนห้องเลยนะ” เสียงห้าวดังปลายสาย สั่งงานฉอดๆโดยไม่ฟังเสียงแย้ง ก่อนจะวางสายฉับ ธณัติจ้องโทรศัพท์มือถือตาเขียวปั้ด
...สั่งอีกแระ อะไรฟะ!!...
“เอ่อ...” เสียงโยเรียกร้องความสนใจ ทำให้รู้ตัวว่า หากไม่มีเสียงมือถือรบกวนล่ะก็ เรื่องมันคงจะเลยเถิดไปมากกว่านี้แน่นอน
“อ้า...โทษทีนะ เดี๋ยวฉันไปเอาของที่รถก่อนน่ะ” บอกรุ่นน้องได้ก็วิ่งปรู๊ดหยิบกุญแจรถหายแว๊บไปทันที
++++++++++++++++++++++++++++
เฮ้อ! เกือบแล้วเชียว... โยถอนใจออกมาเซ็งๆ นี่ถ้าไม่มีโทรศัพท์ดังขัดจังหวะ เขาก็จะได้จูบที่รอคอยมานานเสียที
เมื่ออยู่คนเดียวไร้วี่แวว ของธณัติ โยก็ค่อยๆคลายปมถุงหูหิ้วบรรจุกล่องเค้กที่ผูกไว้เมื่อกี้ออก หยิบส้อมพลาสติกที่ธณัติใช้กินเค้กขึ้นจูบเบาๆ
“หน้าตาก็ดีอยู่หรอก น่าเสียดายที่เป็นโรคจิต” เสียงห้าวที่ดังมาจากด้านหลังทำให้สะดุ้งสุดตัว ร่างบางหันไปมองผู้พูดอย่างตกตะลึง
“…ท่านรอง...”
ชวนันท์ยืนไขว้ขากอดอกมองร่างบางในห้องพักพนักงานอย่างเย็นชา “ว่าไง เพิ่งได้คุยกันนะ”
“มีธุระอะไรรึเปล่าครับ”
“หึ...ก็ไม่มีอะไรมาก ฉันจะไม่พูดอะไรอ้อมค้อมล่ะนะ” มือใหญ่เปิดกล่องเงินเกล็ดบุหรี่หนึ่งมวนคาบไว้ในปากก่อนจะจุดไฟ
“เลิกยุ่งกับนัทซะ”
โยนิ่งไปนานก่อนเบิกตากว้างอย่างตื่นตะลึง “หรือว่ารอยจูบที่คอนั่น...”
ชวนันท์คีบบุหรี่พ่นควัน ยกยิ้มเย็น “หึ ฉันเป็นคนทำเองล่ะ”
โยเริ่มประติดประต่อเรื่องราวได้ ร่างบางเอ่ยปากเถียง “นั่นน่ะ...คุณบังคับทำเอาไม่ใช่หรือไง”
“ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะ?”
“ก็พี่นัทบอกเองนี่นา” เย้ยยิ้มอย่างเป็นต่อ
...สงสัยจะต้องลงโทษกันซักหน่อยแล้ว...
หันกลับมาสนใจคู่กรณีด้าน หน้า ชายหนุ่มอัดควันบุหรี่เข้าปอดก่อนพ่นควันฉุย ปากพูดเนิบ “โครงการออกแบบเครื่องกันขโมยติดรถรุ่นใหม่น่ะ ไอเดียเธอสินะ ฉันอ่านแล้วคิดว่าเหมาะสมดี”
“ขอบคุณครับ หวังว่าโครงการนี้จะได้รับอนุมัติในเร็ววัน”
“ฉันก็หวังว่าอย่างนั้นนะ...แต่ว่า...ถึงจะเก่งยังไง ฉันก็ไม่อยากเลี้ยงหัวขโมยไว้ในบริษัทหรอก”
“...เพิ่งรู้ว่าท่านรองมีหน้าที่ต้องคอยสอดส่องพนักงานตลอดเวลาด้วยนะครับ”
“อย่ามาเล่นลิ้น คิดว่าฉันไม่กล้าไล่เธอออกหรือไง!!” ชวนันท์ตวาดเสียงกร้าว โยกลับไม่มีทีท่าจะใส่ใจ...เขาจะสนใจทำไม เขาไม่ได้ต้องการตำแหน่งเงินเดือนอะไรซักหน่อย ถ้าอยากก้าวหน้าในการงานก็เข้าทำงานที่บริษัทของบิดาไปนานแล้ว ไม่ต้องมาเป็นลูกน้องใครอย่างนี้หรอก
“ผมไม่คิดว่าเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานจะเกี่ยวกันได้นะ คุณเป็นผู้บริหาร น่าจะรู้กฏข้อนี้ดีไม่ใช่หรือ”
“ไม่ต้องมาสอนฉัน! เดิมทีก็ไม่อยากใช้วิธีนี้นักหรอก แต่นายล้ำเส้นเองนะ“ ใช่ เขารู้มานานแล้วว่าเด็กหนุ่มทำตัวเป็นแมวขโมย จ้องจะคว้าปลาชิ้นมันเลิศรสของเขาอยู่ ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจมากนักเพราะคิดว่าธณัติคงการ์ดแข็งพอ แต่เขาเข้าใจผิดไป ‘คนของเขา’ชะล่าใจเกินไป ถึงได้ปล่อยให้เจ้าเด็กนี่ทะลึ่งทำร่องรอยทิ้งไว้บนต้นคอซะได้ แถมเมื่อกี้ยังยอมให้เจ้าเด็กนี่จูบอีก นี่ถ้าเขาไม่โทรมาขัดจังหวะก่อนล่ะก็...
“ผมล้ำเส้นอะไรกัน พี่นัทไม่ใช่ของคุณซักหน่อย”
ชวนันท์กัดฟันกรอด “อีกไม่นานเขาจะต้องเป็นของฉัน เธอนั่นแหละ รีบถอนตัวออกไปซะ นัทไม่มีทางกอดเธอได้หรอกน่า”
“พี่นัทไม่มีทางยอมให้คุณกอดหรอก เขามีความเป็นผู้ชายมากพอ” โยเชื่อมั่นอย่างนั้น
ชวนันท์ยิ้มเยาะ กดบุหรี่ลงกับที่เขี่ยจนเถ้าดำร่วงกราวบนจานใส “เธอต่างหากล่ะที่คิดผิด นัทน่ะไม่เหมาะกับเธอซักนิด”
++++++++++++++++++++++++++++++++++
นี่มันบ้าบออะไรกัน!! ธณัติคิดอย่างหัวเสีย มือจิ้มปุ่มเปิดประตูลิฟท์รัวๆ
เรียกให้เอาเอกสารไปให้ แต่พอไปถึงห้องทำงานของชวนันท์ ก็พบว่าไฟปิดมืดสนิททั้งชั้น ไม่มีวี่แววของร่างสูงเลย เขาจึงตัดสินใจกลับไปที่แผนกของตัวเองเพื่อเก็บของกลับบ้านเสียที
ประตูลิฟท์เปิดออก ธณัติเดินกระแทกส้นเท้าอย่างโมโห แต่พื้นพรมก็ไม่ได้ทำให้เกิดเสียงแต่อย่างใด กำลังจะเลี้ยวเข้าส่วนสำนักงานก็ได้ยินเสียงคนคุยมาจากห้องพักพนักงานที่ อยู่ประตูถัดไป ธณัติจึงเปลี่ยนจุดหมาย ก้าวไปทางห้องพักแทน กำลังจะเข้าไปถามก็ต้องชะงักเท้าเมื่อได้ยินเสียงห้าวที่คุ้นเคย
“นัทน่ะไม่เหมาะกับเธอซักนิด” เสียงชวนันท์แน่นอน กำลังพูดถึงเขาซะด้วย นี่มันเรื่องอะไรกัน!!??
“มีความเป็นผู้ชายมากพองั้น เหรอ หึ! เอาอะไรมาพูด เขาน่ะตัวก็ไม่เห็นจะสูงตรงไหน ตัวก็บอบบางขนาดนั้นจะกอดเธอได้ยังไง” ฮึ่ม! คุยอะไรกันไม่รู้ รู้แต่เขากำลังโดนดูถูก
“ไม่จริงหรอกพี่นัทเหมาะสม กับผมแน่นอน” กึก! เสียงเท้ากระทบกำแพงดังเบาๆในห้อง แอบมองดูเห็นภาพชวนันท์กำลังคร่อมรุ่นน้องของเขาติดกำแพง กระซิบเสียงเบา
“ช่างนัทไปเถอะ หาคนอื่นที่เหมาะกว่านี้ดีกว่ามั้ง”
หรือว่า...ธณัตินึกถึงเรื่อง คืนก่อน ชายหนุ่มฉุนเฉียวเมื่อรู้ว่าเขาไปกินข้าวกับโย แถมยิ่งรุนแรงจัดเมื่อรู้ว่าโยเป็นคนฝากรอยจูบไว้ที่คอเขา
เมื่อกี้ที่โทรมาโกหกเรื่องเอกสาร ก็ตอนที่พวกเขากำลังจะจูบกันพอดี แล้วที่มาที่นี่ก็คงเพราะอยากคุยกับโยตามลำพัง
...ชวนันท์ชอบโย...
ทำไมหัวใจมันเจ็บจี๊ด เป็นเพราะรุ่นน้องของที่ชื่นชอบเขากำลังจะถูกชายหนุ่มจีบงั้นเหรอ เพราะรู้ว่าชวนันท์เป็นผู้ชายเจ้าชู้ กลัวจะทำให้โยต้องเสียใจ...เหมือนที่เขากำลังเสียใจอย่างนั้นหรือ
…ชวนันท์ได้ของเล่นแก้เหงาชิ้นใหม่แล้ว...
ธณัติกำเสื้อที่หน้าอกด้านซ้ายแน่น ขาสั่นๆก้าวออกเดิน กระแอมไอให้คนในห้องรับรู้ว่า...เขาอยู่ตรงนี้
โยเบิกตากว้างท่าทางตกตะลึง ทำให้ชวนันท์เอะใจหันกลับมามองหน้าประตู ทั้งสองแยกจากกันเหมือนกำลังทำความผิด ในห้องเงียบสงัด บรรยากาศอึดอัดจนต้องเปิดปากพูด
“คุณชวนันท์...มาทำอะไรที่นี่เหรอครับ”
“…”
“พี่นัท” ธณัติหันหน้าไปตามเสียงเรียก ร่างบางของโยสั่นไหว กำลังจะพูดเขาก็ชิงพูดก่อน
“โย...โทษทีนะ ฉันปวดหัวน่ะ เดี๋ยวจะกลับบ้านเลย” ว่าพลางหันหลังเดินไปโต๊ะทำงานหวังจะเก็บของกลับบ้าน
“นัท!!” เขาได้ยินเสียงชวนันท์เรียกตามมา แต่ก็ไม่ได้หันไปตามเสียงเรียก สิ่งที่ได้ยินตามหลังมาไวๆเป็นเรื่องที่ยิ่งทำให้เจ็บใจ ชวนันท์หันไปพูดกับโย
“โครงการของเธอฉันจะอนุมัติ พรุ่งนี้ หลังจากนี้ 1 เดือนส่งต้นแบบอย่างสมบูรณ์มาด้วย” โยยิ้มหน้าเครียดอย่างรู้ทัน คิดจะให้เขาทำโอทีจนไม่มีเวลาว่าง คิดจะแยกพี่นัทออกจากเขาหรือไง!
ธณัติยิ่งหน้าเครียดกว่า นี่ชอบขนาดอนุมัติโครงการให้เชียวหรือ!! รู้สึกเบ้าตาร้อนผ่าว เก็บโน้ตบุ้คลวกๆก่อนจะรีบเดินหนีไปกดลิฟท์ พลันอุ้งมือใหญ่ก็คว้าแขนเขาไว้ได้
“กลับพร้อมฉัน”
ขอร้องเถอะ...ปล่อยเขาไปได้แล้ว!
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
แก้ตัวแล้วน่า
