ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู  (อ่าน 367255 ครั้ง)

TonG_x_Zhi

  • บุคคลทั่วไป
กำลังจริงจัง  แต่มาฮากลิ้งเพราะน้องโยขอสอง :laugh: :laugh: :laugh:

รออ่านตอนต่อไปครับ

playCardPlaYBoy

  • บุคคลทั่วไป
ผมเปล่าโรคจิตนะ! 15 [end]
.................................
วันนี้เป็นวันซวย!!!

เริ่มจากเมื่อคืนต้องดูแลคน เมา นอนก็ไม่ได้นอน นึกจะลักหลับกอดก่ายให้สมใจ ดันเป็นฝ่ายพลาดท่าถูกกอดซะเอง พอเช้าตรู่หลังอาบน้ำเสร็จ กะจะนอนสักงีบแล้วค่อยไปทำงาน ก็ดันมีโทรศัพท์ด่วนจากทางบ้านซะได้

‘ฮัลโหล’ ธณติรับโทรศัพท์ตื่นตัว ทางบ้านโทรมาเช้าขนาดนี้ จะมีเรื่องไม่ดีอะไรหรือเปล่า?

‘นัท...พี่ไม่ไหวแล้ว ทรมาน’ เสียงสั่นปลายสายยิ่งทำให้ใจไม่ดี

‘พี่เนศ เป็นอะไร??!!’

‘พี่เพิ่งออกมาจากห้องผ่าตัดเมื่อคืนนี้เอง ตอนนี้ปวดไปหมดทั้งตัว อยากเห็นหน้านายก่อนจะเข้าผ่าอีกครั้ง...’

‘เดี๋ยวๆ ผ่าอะไร หนักมากขนาดต้องผ่าสองครั้งเลยเหรอ พี่เป็นอะไร!!??’

‘…พาเจมส์มาด้วย ให้พี่เห็นหน้ามันหน่อย...’ การสนทนาหยุดอยู่แค่นี้ ไม่ได้ให้ข้อมูลมากไปกว่าที่ได้ยิน ธณัติรีบเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทาง คว้ากรงนกรวดเร็วจนเจ้าเจมส์ที่หลับอยู่ตกใจตีปีกขนร่วงกราว ก่อนจะเรียกแท็กซี่ไปส่งยังหัวลำโพง จับรถไฟเดินทางขึ้นเหนือทันที

ที่นั่งรถไฟช่างทรมานร่างกาย ที่ผ่านกิจกรรมหักโหมเมื่อคืนซะเหลือเกิน ธณัติจำเป็นต้องนั่งรถไฟชั้นสามที่เป็นรถพัดลมบวกกับเก้าอี้ไม้มุมฉากเพราะ ชั้นสูงกว่านี้ไม่ยอมให้ไอ้นกปากมากได้ขึ้นไปอวดโฉม ปวดก้นจนต้องร้องซี๊ดยามกระเด็นกระดอนตามแรงสะเทือน รอจนถึงเวลาเข้าทำงานก็ต่อโทรศัพท์มือถือหารุ่นน้องจอมป่วน

‘พี่นัท?’ เสียงโยตื่นเต้นมาก คงคิดว่าเขาจะเคลียร์เรื่องเมื่อวานล่ะมั้ง ธณัติละความขัดแย้งในใจทิ้งก่อนจะพูดธุระกับร่างบาง

‘โย ฝากส่งใบลากิจให้สองวัน ฉันจะกลับบ้าน ที่บ้านมีเรื่องด่ว...’ ปึ้บ!! ยังพูดไม่จบประโยคสายก็ตัดเงียบสนิท เอาโทรศัพท์ออกจากหูมามองดูหน้าจอ ก็พบว่าแบตฯหมดไปแล้ว

...แล้วจะโทรบอกเจ้าคิตตี้ได้ยังไงเล่า...

จึงต้องพักเรื่องทำความเข้าใจกันไว้ก่อน...ก็ดีเหมือนกัน เขาไม่อยากบอกความรู้สึกผ่านทางโทรศัพท์นักหรอก

หลับโงกหลับเงก ตื่นบ้างเป็นบางครั้งจากเสียงตะโกนขายขนมบนรถไฟสลับกับเสียงนกร้องด่าไอ้โง่ ใส่คนไปทั่ว สุดท้ายรถไฟก็วิ่งมาถึงอ่างทอง...ใกล้จุดหมายไปอีกนิดหน่อย

แต่พอถึงอ่างทอง...มันก็หยุด อยู่ที่อ่างทองจริงๆ รถจอดสนิทที่สถานีอยู่ชั่วโมงกว่า ก่อนจะประกาศว่าจะไปถึงปลายทางช้าเนื่องจากเครื่องยนต์มีปัญหา รถไฟชั้นสามที่ควบปุเลงปุเลงด้วยความเร็วพอใช้ได้มาตลอดทางก็กลายเป็นวิ่ง แบบหวานเย็นให้ดมกลิ่นโคลนสาบควายกันเต็มๆ

ไม่...ความซวยยังไม่จบแค่ นั้น ประมาณสามโมงเย็น อยู่ๆท้องฟ้าก็มืดครึ้ม ฝนตกกระหน่ำจนต้องปิดหน้าต่างรถไฟทั้งโบกี้ อากาศที่ว่าร้อนอยู่แล้วยิ่งอบอ้าวมากขึ้นจนอยากเป็นบ้า เขาต้องยอมซื้อพัดจากแม่ค้ามานั่งพัดวีตัวเอง ไม่ลืมแบ่งความเย็นให้เจ้าเจมส์อีกนิดหน่อย ตอนนี้สภาพของเขาก็ไม่ต่างจากเปียกฝนเท่าไหร่ เพียงแต่ที่เปียกมันไม่ใช่น้ำฝน แต่กลับเป็นเหงื่อโทรมกายต่างหาก

แล้วแม่สาววัยรุ่นที่นั่งติด อยู่ข้างหลังมันเกิดเฮี้ยนอะไรขึ้นมา! เวลาประมาณหกโมงเย็น แทนที่จะภูมิใจในเอกราชและความเสียสละของบรรพบุรุษไทยเปิดเพลงชาติให้ยืนตรง กันหน่อย แม่ดันเปิดเพลงฮิตติดชาร์ทวนไปวนมา

/ฉันเหมือนคนที่โดนเธอแทงข้างหลัง แล้วมันทะลุถึงหัวใจ~/

เข้าฟิลด์พี่มากเลยน้อง...เพิ่งโดนแทงข้างหลังของจริงมาเมื่อเช้านี้เอง ดีหน่อยที่มันไม่ทะลุลำใส้ไหลตายคาเตียงไปซะก่อน

กว่าจะมาถึงพิษณุโลกได้ก็ หนึ่งทุ่มพอดีไม่ขาดไม่เกิน รู้สึกดีใจที่หลุดพ้นเสียงโหยหวนของคนโดนแทงข้างหลังมาได้ซักที ธณัติในสภาพเปียกมะล่อกมะแล่ก มือหนึ่งถือกระเป๋าเดินทาง อีกมือหิ้วกรงนกร้องว้าวว้าว เดินหาโทรศัพท์สาธารณะทั่วสถานี

จนต่อสายเข้ามือถือพี่ชายได้ก็ได้รับคำตอบ “กลับมาบ้านเลย พี่เพิ่งออกจากโรง’บาลเมื่อบ่ายนี้เอง”

แล้วมันเป็นหนักตรงไหนฟะ ผ่าเมื่อคืนกลับบ้านวันนี้!!

คิดอย่างหงุดหงิดพลางโบกรถ สามล้อถีบกลับบ้านที่อยู่มาตั้งแต่เด็ก บ้านที่ยังคงความเป็นบ้านในความทรงจำ ตึกแถวสามห้องริมน้ำที่แต่งร้านแบบคนจีนเปิดขายเครื่องสังฆทานตอนนี้ปิดร้าน เงียบอย่างน่าแปลกใจ เขากดกริ่งยืนรออยู่หน้าบ้านประมาณสิบนาที รอจนท่านพี่ชายยุรยาตรร่างกายล่ำๆที่ไม่เห็นจะป่วยตรงไหนมาเปิดบ้าน

“ทำไมบ้านเงียบอย่างนี้? ป๊าม๊าไปไหน“ ธณัติถามอย่างแปลกใจ

“ป๊าม๊าไปฮันนีมูนที่จีน อีกอาทิตย์ค่อยกลับว่ะ คนใช้ก็ลากลับไปทำนาพอดี…ไหน ไอ้น้องรัก! มากอดที ไม่เห็นหน้าตั้งนาน“ พี่ชายตัวใหญ่ยักษ์รวบเขาเข้าไว้ในอ้อมกอด มือใหญ่ตบบ่าป้าบๆสองสามที

“แล้วไหนทรมานอาการหนัก ดูก็ไม่เห็นเป็นไร ทำไมต้องให้ลางานมาอย่างนี้ด้วยฟะ? “

“โหย พูดกับพี่ไม่เพราะ เด๋วแม่งจับตีก้น! ไม่ได้บอกว่าอาการหนักโว้ย แค่บอกว่าทรมาน ไม่พูดงี้แกก็ไม่กลับบ้านดิวะ“ ธเนศ พี่ธณัติ พูดอย่างไม่รู้สึกผิด

“สรุปเป็นไร? “

“นี่ไง“ พี่ชายละจากอ้อมกอด เลิกเสื้อยืดให้ดูแผลผ่าตัดยาวสองนิ้วบริเวณท้องน้อย ธณัติก้มมองก่อนร้องอย่างยั๊วะๆ

“ใส้ติ่งเนี่ยนะ!! แล้วจะต้องผ่าบ้าอะไรอีกรอบฟะ“

“ก็ตัดไหมอีกสิบวันข้างหน้า ไง แล้วอย่าคิดว่าใส้ติ่งมันเรื่องเล็ก ต้องอดข้าวทั้งก่อนผ่าหลังผ่า ทรมานเป็นบ้า!!“ เดินเข้าบ้านได้ธณัติก็ทิ้งกระเป๋าวางกรงนกปุอย่างเหนื่อยใจ...โดนพี่ชายทำ พิษจนได้!!

“ตกลงเรียกมาทำไม?“

“ก็...เรียกมาดูแล ไม่มีคนอยู่บ้านมันเหงาว่ะ“ ธเนศนอนลงบนเก้าอี้เอน กระดิกเท้า กดรีโมตทีวีแบบไม่คิดจะมีจิตสำนึกยกข้าวยกน้ำมาให้น้องชายได้ดื่มกิน

“อ้าว! เพิ่งกลับมาจะไปไหน นั่งพักก่อนเซ่“ ธณัติที่หัวเสียจัดเดินปึงปังใส่รองเท้าเตรียมออกนอกบ้าน หันมาตอบคำถามพี่ชายห้วนๆ

“ไปวัดใหญ่ล้างซวย!!!“ ออกจากบ้านโดยไม่สนใจเสียงหัวเราะขำตามหลัง

...วันนี้เป็นวันซวยจริงๆด้วย!!!...


++++++++++++++++++++++++++++++++++++


...บ้านนี้สินะ...

ชวนันท์มองสภาพบ้านที่ปิดเงียบสนิท ตรวจเช็คเลขที่บ้านให้แน่ใจอีกครั้งก่อนจะเปิดประตูรถเดินไปกดกริ่งรอ

“ไหนบอกว่าจะไปวัดใหญ่ล้าง ซวย ทำไมกลับมาเร็ว คิดถึงพี่เนศก็ว่ามาเถ้อะ ไม่ต้องอายร็อก~” เสียงใหญ่ห้าวร้องหงุงหงิงดังขึ้นทั้งที่ยังไม่เห็นตัว

เมื่อเปิดบ้านขึ้นมา ธเนศจึงค่อยรู้ว่าคนที่กดกริ่งนั้น ไม่ใช่น้องนัทอย่างที่คิด “มาหาใครครับ?” มองหน้าคนหล่อน้อยกว่าตัวเองหน่อยนึง ล่ำน้อยกว่าอีกเล็กน้อย แต่งตัวดีกว่าติ๊ดเดียว ก่อนจะถามกลับอย่างสุภาพ รู้สึกว่าไม่ถูกชะตาตั้งแต่แรกพบ

“นัทมาที่นี่รึเปล่าครับ?” ชวนันท์ถามอย่างร้อนรน อีกฝ่ายเปิดล็อคประตู ก้าวออกมาคุยนอกบ้าน เมื่อยืนเทียบกันได้จึงค่อยรู้ว่าตัวสูงพอๆกัน

“คุณเป็นใคร แล้วมาหาเจ้านัททำไม?” กอดอกยืนจังก้ารอฟังคำตอบอย่างหาเรื่อง

“ผม...”


+++++++++++++++++++++++++


ป๋อม!

ธณัตินั่งกอดเข่ามองผืนน้ำ กระฉอกเป็นวงจากก้อนหินที่ตัวเองโยนลงไป บริเวณแม่น้ำน่านเลียบวัดใหญ่ บัดนี้มีสภาพเปลี่ยนไปจากที่เคยมาวิ่งเล่นอยู่มาก ร้านรวงขายของริมน้ำดูจะซบเซากว่าเดิม บรรยากาศจึงมืดเงียบทั้งๆที่แต่ก่อนออกจะสว่างดังอึกทึกกว่าเยอะ

...คิดถึง...

คิดถึงคนที่ทำให้ใจเต้นเหลือ เกิน คนคนนั้นจะสนใจบ้างรึเปล่านะว่าเขาหายไป บางทีอาจจะคิดว่าดีก็ได้ ตอนนี้ชายหนุ่มคงจะมีความสุขกับผู้หญิงสักคนบนเตียงนอนหลังใหญ่ที่กอดเขา เมื่อคืน

คิดแล้วน้ำตาก็พาลจะไหล ธณัติเงยหน้าขึ้นสูงหลับตาปี๋บังคับให้หยดน้ำรื้นตาไหลย้อนกลับ...ลูกผู้ชาย จะร้องไห้ง่ายๆไม่ได้ แต่บรรยากาศวังเวงยามค่ำคืนแบบนี้มันจี้ใจคนเหงาชะงัดดีจริงๆ

“ร้องไห้ทำไม?” เสียงทุ้มห้าวดังขึ้นเหนือศีรษะจนสะดุ้งสุดตัว นี่เขาคิดถึงจนเพ้อว่าชวนันท์มาอยู่ที่นี่เลยเหรอเนี่ย! ลืมตาขึ้นมองก็พบหน้าตาหล่อเหลากับร่างกายกำยำมองก้มลงมา แสงไฟริมถนนเบาบางจนไม่แน่ใจว่าเขามองผิดไปรึเปล่าที่เห็นสายตาเว้าวอนส่งมา ให้

ธณัติยืนขึ้นสุดตัว ประจัญหน้ากับชวนันท์อย่างไม่เชื่อสายตา จนอีกฝ่ายคว้าแขนผอมกอดเขาไว้ในอ้อมอกแน่นหนา

“...ฉันขอโทษ” เสียงกระซิบดังข้างหู

...ขอโทษ ขอโทษอะไร มีอะไรต้องขอโทษ?...

ริมฝีปากอุ่นร้อนเริ่มไซร้ซอกคอเขา จูบซับความหอมหวานเบาๆอย่างห่วงหา

“ปล่อย!!!” เมื่อรู้สึกตัวว่าอยู่ในท่าไหน ก็ต้องดันแผงอกหนาสุดแรงเกิด อีกฝ่ายก็ไม่ยอมแพ้ยึดบ่าบางของเขาไว้แน่น

“อย่าหนีสิ นัท เราต้องทำความเข้าใจกันนะ” ชวนันท์พูดอย่างเศร้าสร้อย นี่เขาน่ารังเกียจขนาดแตะต้องตัวยังไม่ได้เชียวหรือ เขาจะไม่ได้รับโอกาสให้แก้ความผิดที่ก่อไว้เลยใช่ไหม?

“ก็บอกให้ปล่อย ไอ้คิตตี้!!! แมร่ง!! ตัวเหม็นเหงื่อจะตายอยู่แล้วจูบลงมาได้ไงฟะ!!!” คำเถียงผิดความคาดหมาย ชวนันท์นิ่งอึ้งก่อนออกแรงลากคนอนามัยจัดเข้ากอดแบบไม่มีช่องว่างให้ขัดขืน

“ไม่ได้โกรธเหรอ?” กระซิบถามเบาๆ

“มีอะไรให้โกรธ?” ในเมื่อดิ้นยังไงก็ไม่หลุด ร่างผอมจึงตัดสินใจปล่อยตัวทิ้งน้ำหนักแกล้งให้อีกฝ่ายต้องออกแรงเล่น แต่ดูเหมือนอ้อมแขนแกร่งจะไม่มีท่าทีว่าเหนื่อยแต่อย่างใด กลับโอบอุ้มเขาที่ห้อยตัวเป็นลูกลิงไว้อย่างแน่นหนา

“ก็เมื่อคืน...ฉันฝืนใจเธอ...ใช่มั้ย?” ถามอย่างลังเลด้วยความที่จำเรื่องที่เกิดขึ้นได้เพียงลางเลือน

อะฮ้า~ จำไม่ได้อย่างนี้ต้อง... “ใครฝืนใจใคร ผมต่างหากที่ฝืนใจคุณ”

ชวนันท์ขมวดคิ้วนึกอย่างงงงวย ...จะเป็นไปได้ยังไง ก็เขาจำได้ว่าเป็นฝ่ายกอดนี่นา หรือจะฝันไปเอง?

“ไม่เชื่อล่ะสิ จำไม่ได้ใช่มั้ย ว่าเมื่อคืนคุณร้องครางท่าไหน เรียกชื่อผมยังไง?” เอาเซ่! ปักใจเชื่อซะ แล้วเขาก็จะได้เป็นผู้นำอย่างสมบูรณ์

“เธอกอดฉัน?”

“ใช่ ผมกอดคุณ”

“จำที่เคยสัญญาไว้ได้รึเปล่า?” เอ้า อยากเป็นฝ่ายกอด ยอมให้ก่อนก็ได้!

“เรื่องอะไร” ทำไก๋จำไม่ได้ไว้ก่อนเป็นดี

“เธอบอกว่า...เรื่องอย่างนี้...มันควรจะเกิดจากความรัก...” ถามอย่างมีความหวัง ใจเต้นตึกตักอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

“ไม่รู้ สัญญาบ้าอะไร ใครพูด จำไม่ได้” ธณัติเพิ่งรู้ตัวว่าเสียท่า สองแขนออกแรงยันอกหนาเตรียมปลีกตัวหนีอีกครั้ง

“รักฉันใช่มั้ย?” ชวนันท์ออกแรงมากกว่าเดิม ตัดทางหนีของคนขี้อาย

“รักบ้าอะไร ผมไม่ใช่เกย์” แขนออกแรงสู้ หน้าหันหนีหลบสายตาร้อนแรงอย่างเขินๆ

“…แต่ฉันรักเธอ” เสียงนุ่มๆกระซิบข้างหูทำให้ชะงักงัน ใบหน้าหันมองหน้าตาคนพูดอย่างตะลึง ชวนันท์มองตอบอย่างแน่วแน่ กระซิบย้ำให้แน่ใจว่าฟังไม่ผิด “ฉันรักเธอ นัท”

ร่างสูงก้มหน้าลงจูบไล่ไปตาม หน้าผาก ขมับ พวงแก้มทั้งสอง ก่อนจะย้อนมาให้ความสนใจที่ริมผีปากเนิ่นนาน รู้สึกถึงการตอบรับของลิ้นอุ่น มือใหญ่ลูบไล้แผ่นหลังบางให้แน่ใจว่า เขาได้ธณัติมาอยู่ในอ้อมกอดแล้วจริงๆ

เมื่อละจากปากก็เริ่มไล้ไปตามซอกคอขาวอีกครั้ง แต่ก็ต้องคิ้วขมวดอย่างขัดใจเมื่อคนหัวดื้อออกแรงดันอีกครา

“…ผมตัวเหม็น” เอ่ยอย่างเบาๆ เขาไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้สึกแย่ที่ต้องทนกับกลิ่นเหงื่อกลิ่นโคลนของการลุยมาทั้งวัน

ชวนันท์ยิ้มกว้างอย่างเอ็นดู ลงมือจูบปากพูดมากแรงๆอย่างมันเขี้ยวทีหนึ่ง ก่อนพูดปนหัวเราะ “มันเป็นกลิ่นของเธอ...ยังไงก็หอม”

อ๊ากกกกกกก!@#@#$//* เลี่ยน!!!!

“รักฉันมั้ย นัท?” กระซิบถาม รอคำตอบอย่างใจเย็น...จะให้เด็กดื้อขี้อายพูดออกมาได้คงต้องเข็นกันอีกนาน

จริงอย่างที่ชวนันท์คิด ธณัติหันหน้าแดงก่ำหลบตาหนี ปากยื่นปากยาว “รักบ้าอะไร”

“ฉันรักเธอนะ รักฉันมั้ย?” ยิ่งพูดหน้าแดงๆก็ยิ่งแดงจัดหลบงุดๆลงกับอกแกร่ง “ใครรักใครกัน อยากรักก็รักไปคนเดียวเด้!”

“รักนะ ชวนันท์รักธณัติ รักมากที่สุด ธณัติรักชวนันท์บ้างรึเปล่า?”

“…”

“รัก รัก รัก รัก รัก รัก...” พูดรัวจนเส้นความอดทนขาดปึ้ด บรรยากาศดีๆกระเจิงหมด ตะโกนดังลั่นอย่างเหลืออด

“เออรักโว้ย!! ธณัติรักชวนันท์!!! รักคิตตี้ รักเคโระ รักซานริโอ้® พอใจรึยัง!!!” เพิ่งรู้ตัวว่าตะโกนอะไรออกไป ส้นเท้าเหยียบกระแทกเท้าใหญ่ของคนข้างหน้าจนต้องสะดุ้งปล่อยแขน ร่างผอมได้ทีวิ่งปรู๊ดหนีหน้า

“โอย~” เสียงร้องแบบเจ็บหนักหนาดังมาจากร่างสูงทำให้ต้องจิกเท้าเบรคเอี๊ยดหันหน้า กลับไปมอง ชวนันท์คู้ตัวต่ำกุมเท้าไว้แน่นซี๊ดปากเจ็บปวด

“เป็นอะไรรึเปล่า?” ธณัติก้มดูผลงานตัวเองอย่างเป็นห่วง ทำร้ายร่างกายกันอย่างนี้มันคดีอาญารึเปล่าหว่า…ไม่ทันตั้งตัวคนเจ็บก็ยื่น แขนคว้าหมับจับเขากดนอนลงบนพื้นหญ้า

“จับได้แล้ว” ชวนันท์ยิ้มเจ้าเล่ห์จนอีกฝ่ายรู้ตัวว่าโดนหลอก ดิ้นหนีสุดแรงเกิด จึงต้องกดปราบพยศไว้แน่น “อยู่นิ่งๆก่อน” กระซิบแผ่วเป่าลมเข้าหูให้ธณัติขนลุกเล่น

“ทีนี้เราสองคนก็รักกันแล้ว ใช่มั้ย?” ไร้เสียงตอบจากธณัติ ชวนันท์กดจูบบนแก้มขาวเน้นๆ “ส่วนเรื่องเมื่อคืนใครกอดใคร ถามร่างกายดูเลยก็ได้” ว่าพลางไล้มือหนาลงบนอกผอมๆ

เฮ้ยยยย!!! ได้ไง!!!!

“ไม่อ๊าวววว มาทำบ้าอะไรกลางแจ้งอย่างนี้ ปล่อยนะเฟ้ย ไอ้คิตตี้!!! ปล๊อยยยย!!! หม่าม๊า ช่วยด้วยยย!!!” ธณัติโหยหวนดังลั่นจนนกที่นอนหลับอยู่บนต้นไม้ใหญ่ตกใจแตกกระเจิงขนร่วงกราว ดิ้นพราดๆออกแรงต้านเต็มที่ อยู่ดีๆแรงกดก็หายวับ ตามมาด้วยอุ้งมือใหญ่ที่กุมข้อมือเขาไว้แน่น ฉุดให้ลุกขึ้นยืน

“ล้อเล่นน่า...ไว้กลับบ้านก่อนแล้วค่อยพิสูจน์ก็ยังไม่สาย” พูดปนหัวเราะแกว่งแขนเล่นเดินเลียบริมคลอง

...กลับบ้าน...

...บ้านของเขาสองคน ห้องสี่เหลี่ยมในตัวเมือง ที่มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย…

…เรื่องราววุ่นๆที่ทำให้เขาหลงรักคนตัวใหญ่คนนี้สุดหัวใจ...


+++++++++++++++++++++++++++


“ว้าว ว้าว~” เสียงเจ้าเจมส์ร้องอย่างตื่นเต้นเมื่อกรงนกถูกวางลงบนเบาะหนังแท้รถซีตรองซ์

“จะกลับตอนนี้เลยเหรอนัท” ธเนศถามอย่างน้อยใจเมื่อรับรู้ว่าน้องชายที่ไม่ได้เห็นหน้ามานานจะกลับเสีย แล้ว ทั้งๆที่เพิ่งกลับมาเมื่อคืน เห็นหน้าแค่ไม่ถึงสิบนาที เจ้าน้องตัวดีก็หนีไปค้างกับไอ้หล่อน้อยกว่าเขา กลับมาอีกทีก็เช้าตรู่

“งานค้างเติ่งเพียบ ใครจะมีเวลามาดูแลคนป่วยการเมืองเล่า”

“ป่วยการเมืองที่ไหน พี่ผ่าตัดจริงๆนะ ยังปวดแผลอยู่เลย แล้วอย่างนี้ใครจะมาดูแล โอ๊ย เศร้าโว้ย”

“ปวดแผลกะป๊าเด่ะ มีแรงต่อยคนอื่นได้อย่างนี้ ยังจะหาคนดูแลอีกเรอะ”

ชวนันท์ที่จัดกระเป๋าเข้าหลังรถเสร็จเรียบร้อยแล้ว ยืนกอดอกพิงรถดูการฉะกันของสองพี่น้องอย่างขำๆ

...เหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้อง ทั้งหน้าตา ทั้งนิสัย...





เมื่อคืนเขาพาธณัติไปค้างที่โรงแรมที่จองไว้ วางแผนจะขับรถกลับกรุงเทพในตอนเช้าวันถัดมา

‘ว่าแต่หน้าไปโดนอะไรมา’ ระหว่างแช่น้ำอุ่น มีคนตัวใหญ่บริการล้างตัวให้อยู่ข้างอ่างก็สังเกตเห็นรอยเขียวม่วงบนใบหน้า ของชวนันท์ ธณัติยกมือขึ้นไล้เบาๆด้วยกลัวอีกฝ่ายจะเจ็บ มือใหญ่ยกขึ้นกุมมือของเขาแนบปากจุมพิตก่อนพูดอย่างสบายๆ

‘โดนพี่ชายต่อยมา ตอนไปขอน้องน่ะ’

‘เจอพี่เนศด้วยเหรอ’ อย่างนี้พี่เขาก็รู้เรื่องนี้แล้วน่ะสิ!

‘ก็ใช่...พอบอกว่าเป็นคนรัก มาขอพาน้องชายกลับบ้านเท่านั้นล่ะ โหมกำปั้นลงมาไม่ยั้ง...รุนแรงเหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้อง’

‘ก็ใครให้บอกไปอย่างนั้นเล่า’ ถามอย่างเขินๆ

‘ก็เรื่องจริงนี่นา’

‘เจ็บรึเปล่า?’

ชวนันท์ยิ้มอ่อนโยน ‘เจ็บแค่นี้ คุ้มค่ากับที่ได้เธอมา’

‘แล้วรู้ได้ยังไง ว่าบ้านผมอยู่พิษณุโลก’ เปลี่ยนเรื่องก่อนที่จะอ้อกรดอ่างน้ำ ถามอย่างสงสัย เขาไม่เคยคุยเรื่องที่บ้านให้ฟังนี่นา ใบสมัครเข้าทำงานก็เป็นที่อยู่ที่คอนโดในกรุงเทพ

‘บัตรประชาชนไง’ เท่านั้นทุกอย่างก็กระจ่าง บัตรประชาชนที่ถูกยึดไปในวันแรกที่เจอหน้ากันจริงๆ ตอนที่เขาถูกมัดคาเก้าอี้มีคนตัวใหญ่เอาเปรียบร่างกายนั่นเอง

หลังจากอาบน้ำเสร็จก็นอนหน้า ผากชนกัน คุยเรื่องราวต่างๆบนเตียงสวีทอยู่ครู่หนึ่ง ด้วยความที่อ่อนเพลียทั้งคู่ทำให้หลับสนิทในอ้อมกอดกันและกันอย่างมีความสุข

...

...

“แล้วพี่จะไปเยี่ยมนะ อย่าทำงานหนักนักล่ะ ผอมจะแย่แล้ว” เสียงร่ำลาครั้งสุดท้ายจบไป ชวนันท์กลับมาสู่ปัจจุบัน เงยหน้าขึ้นมองธณัติที่เดินมาทางรถของเขา ส่วนธเนศพี่ชาย ไม่ยอมแม้แต่จะหันมามองหน้า

“เออน่า เจอกันอีกทีผมจะกล้ามใหญ่กว่าพี่!!” อย่างนี้ไม่ดีมั้ง...ชวนันท์คิดพลางสตาร์ทรถ

“ไม่ลืมอะไรนะ เข้าห้องน้ำรึยัง” เอ่ยถามคนข้างกายที่กำลังง่วนอยู่กับการคาดเข็มขัดนิรภัย

“เรียบร้อยแล้วน่า กลับบ้านกันเถอะ” คำตอบที่ทำให้ชวนันท์ยิ้มยินดี

...กลับบ้าน...

...

...
++++++++++++++++++++++++++++++
-THE END-

--แถมเล็กน้อย--

เป็นเวลาบ่าย รถซีตรองซ์คันหรูจอดริมทางถนนทางหลวง แอร์ภายในเย็นฉ่ำตัดกับอากาศร้อนภายนอก

“สบายขึ้นรึยัง” เสียงถามดังขึ้นอย่างเป็นห่วง

“อา...ดีขึ้นมากแล้ว” ธณัติคว้าผ้าเย็นที่ปิดหน้าออก หลังจากที่ได้กินยาแก้เมารถเมื่อสิบห้านาทีที่แล้ว อาการคลื่นเหียนก็หายไป เหลือบมองเห็นชวนันท์ทำหน้าเป็นห่วงก็ยิ้มให้ “ขับต่อเถอะ เดี๋ยวจะไปถึงเย็นเกิน ไม่เป็นไรแล้วล่ะ”

ตาจ้องตา อารมณ์อุ่นหวานก็บังเกิด ทั้งสองโน้มหน้าเข้าใกล้ ริมฝีปากกำลังจะประทับกัน

“ว้าว ว้าว~” เสียงร้องของเจ้านกขุนทองดังขัดจังหวะจากเบาะหลังทำให้ชะงักงันแยกตัวห่าง จากกัน ธณัติหันกลับไปมองก็ต้องหน้าแดงเมื่อพบว่าเจ้าเจมส์กำลังใช้ดวงตาใสแจ๋วจ้อง มองพวกเขาสองคนอยู่

แต่ชวนันท์กลับไม่ใส่ใจ คว้าผ้าห่มบางที่ธณัติใช้ห่มยามอยู่บนรถคลุมกรงนกบังมิด ก่อนที่จะตระกองใบหน้าขาวให้หันมารับจุมพิตอ่อนหวานโดยไม่สนใจเสียงประท้วง ลั่นของเจ้านกตัวดี

“ไอ้โง่ ไอ้โง่!!”

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

แถมสุดท้าย (จบทั้งทีเอาให้คุ้ม ^ ^)

...อกหักแล้ว...

ความรักที่เก็บเงียบมานาน เพิ่งได้เปิดเผยมาไม่กี่วันก็ต้องผิดหวังรุนแรง

ทำไมจะไม่รู้ ดูจากท่าทางของพี่นัทยามมองท่านรองประธานกำลังคร่อมเขาติดผนัง หน้าตาผิดหวังเศร้าโศกซะขนาดนั้นก็รู้แน่ชัดว่า พี่นัทกำลังหึง

อีกฝ่ายคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากท่านรองชวนันท์

ไม่มีทางเป็นเขาไปได้หรอก ก็แววตาที่มองมามันไม่ได้มีเขาอยู่ข้างในแม้เพียงเสี้ยว อารมณ์ตัดพ้อต่อว่าที่สื่อออกมาทางนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มนั้น มอบให้ชายหนุ่มอีกคนอย่างชัดเจน ไม่มีที่ว่างให้เขาแทรกตัวเข้าไปได้เลย

หลังจากนั้นมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็เกินกว่าที่เขาจะหยั่งรู้ รู้เพียงแต่พี่นัทหายตัวไป และท่านรองชวนันท์ก็ร้อนรนออกตามหาเท่านั้นเอง

...

...

แต่มันก็ทำให้เขาได้สิ่งที่ เป็นของพี่นัทมาเก็บไว้มากกว่าเดิม ...แม้จะไม่สมหวังในรัก ขอแค่ได้เก็บของของคนนั้นไว้ข้างกายเขาก็พอใจ…มือบางกระชับกางเกงผ้าเนื้อดี สองตัวไว้แน่น

...กางเกงในสองตัว ที่แลกกับการบอกข้อมูลให้ท่านรองชวนันท์ได้รับรู้...

...ลายน่ารักสมกับเป็นของพี่นัท...

ก้มมองอย่างเอ็นดู ตัวแรกเป็นกางเกงในสีขาวบริสุทธ์ พิมพ์ลายกบน้อยตาโตเคโระ เคโระยิ้มร่า ด้านหลังเป็นวงกลมสีลูกกวาดซ้อนกันไปมาดูแล้วสดใสเหมือนอยู่ในทุ่งหญ้าฤดู ร้อน อีกตัวเป็นเนื้อผ้าพื้นสีเหลืองอ่อน ด้านหน้ามีเพนกวินสีดำแบ๊ดแบ๊ดซ์มารู อ้าปากเล็กกว้าง โบกมือร่าทักท้ายคนดู

มือบางบรรจงพับเก็บ สอดใส่ลงในถุงพลาสติกอย่างเรียบร้อย ก่อนจะวางในตู้คอลเล็คชั่นของพี่นัท

...ว่าแต่ พี่นัทนี่ใส่กางเกงในตัวใหญ่ชะมัด...

 


++++++++++++++++++++++++++++++++
จบจ้า

playCardPlaYBoy

  • บุคคลทั่วไป
ผมเปล่าโรคจิตนะ! ตอนพิเศษ 1
............................


“นัท...”

“ฮื้อ!...” ร่างผอมนอนคว่ำบนเตียงนอนหลังใหญ่ร้องประท้วงทั้งที่ยังไม่ตื่นดี หันหน้าหนีเสียงรบกวน สองแขนกอดหมอนนุ่มใบใหญ่ ถูไถใบหน้ารับไอเย็นจากผ้าเนื้อดี ขณะที่ร่างกายท่อนบนซึ่งไร้เสื้อผ้าปกปิดนั้นพยายามขดซุกห่มหนาหาความอุ่น สบาย

“ตื่นได้แล้ว” เสียงทุ้มกระซิบอย่างไม่ยอมแพ้ แต่ธณัติก็ยังคงความเป็นธณัติได้เสมอต้นเสมอปลาย...

“ไม่เอา...คิตตี้...ง่วง” เสียงงัวเงียจากความง่วงผสมกับช่วงปากที่ซุกติดหมอนยิ่งทำให้ฟังไม่ได้ศัพท์เข้าไปใหญ่

ชวนันท์มองอย่างขำในความขี้ เซาไม่แปรเปลี่ยน กายเย็นชื้นที่เพิ่งผ่านการอาบน้ำมาโน้มลงคร่อมร่างผอมไว้ทั้งตัว ก้มหน้าหายใจรดพวงแก้มขาวก่อนจะแง้มริมฝีปากขบใบหู ธณัติครางอือพลางเลิกผ้าห่มขึ้นคลุมโปง หากคนตัวใหญ่กลับรู้ทันกดเข่าลงบนปลายผ้าห่มขืนไว้ไม่ให้อีกฝ่ายดึงได้ สำเร็จ มือหนาตระกองพวงแก้มเคล้าริมฝีปากอุ่นลงทั่วใบหน้าก่อนจะหยุดนิ่งอยู่ที่ริม ฝีปากบาง ไล้ลิ้นชิมรสจนเปียกชื้นเป็นมันวาว จวบจนพอใจแล้วจึงยอมปล่อยให้เป็นอิสระ จมูกโด่งเป็นสันคลอเคลียอยู่กับปลายจมูกรั้น กระซิบแผ่วเบา “ถ้าไม่ตื่น จะโดนลงโทษนะ”

“อือ~…ก็บอกว่าง่วง” ความหวานที่ได้รับเมื่อครู่ค่อยๆดึงสติให้กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงทีละ เล็กทีละน้อย หยีตามองหน้าต่างบานใหญ่ในห้องนอนพบว่า แสงอรุณเพิ่งอาบขอบฟ้าเป็นสีส้มเพียงเล็กน้อยเท่านั้น “ยังเช้าอยู่เลย เมื่อคืนก็ตั้งหลายรอบ...นอนต่อไม่ได้เหรอ?” ไม่ว่าเปล่า แขนผอมยกขึ้นอ้อมรัดหลังคอของชวนันท์ ออกแรงดึงเบาๆเชิงบังคับให้ร่างสูงล้มตัวลงนอนเคียงข้าง สะบัดผ้าห่มขึ้นคลุมแบ่งปันความอุ่น ใบหน้าซุกลงกับแผ่นอกตึงหนาเปลือยเปล่า

ชวนันท์ยิ้มเอ็นดู มือใหญ่ลูบผมสีน้ำตาลเข้มพลางม้วนปอยผมนุ่มกับปลายนิ้วเล่น...ก็ดูเถอะ เวลางัวเงียนี่ช่างอ้อนซะจริง อย่างนี้จะไม่ให้หลงได้อย่างไร...

อยากจะอยู่อย่างนี้นานเท่า นาน แต่วันนี้มีหลายอย่างต้องทำ ชวนันท์จึงต้องทำใจแข็งปลุกคนข้างๆขึ้นมา ไล้มือไปตามเส้นสายกล้ามเนื้อของร่างเปลือยเปล่า ลูบวนตรงช่วงอกบางอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนจะเลื่อนมือลงต่ำวางแนบช่วงเอว...

“จะตื่นมั้ย” ถามอย่างให้โอกาสครั้งสุดท้าย

“ม่ายตื่น” พูดยานคางอย่างคิดว่า เดี๋ยวอีกฝ่ายก็ต้องยอมเหมือนทุกครั้งจนได้

ชวนันท์ถอนหายใจ...ไม่ตื่นก็ต้องทำให้ตื่น...

...

...

“อ้ากกกก!!! ฮ่าๆๆๆๆๆ ยู้ดดดด ตื่นแล้วๆๆ!!!” ธณัติที่นอนซุกอยู่ข้างร่างกำยำลืมตาตื่นในทันใดเมื่อสิบนิ้วพระกาฬปฏิบัติ การจี้จุด ครั้นจะบิดเอวหนีก็ไล่ตามเกาะติด จับมือยกขึ้นเหนือหน้าก็โดนจี้ซอกคอแทน สุดท้ายจึงต้องยอมแพ้ให้แก่คิตตี้ เดอะ โกลเด้นฟิงเกอร์

จนร่างผอมเปลือยเปล่าลุกขึ้น นั่งก่ายบนเตียง มือหนึ่งขยี้ผมที่ยุ่งอยู่แล้วให้เละกว่าเดิม เปิดปากบ่นหงุงหงิงได้จึงค่อยรามือ “จะปลุกทำไม๊ นี่วันอาทิตย์เช้าตรู่นะครับท่านรอง!!” เอ่ยอย่างไม่พอใจ หน้าบูดปากบุ้ยตาเขียวปั้ดมองชวนันท์ที่ลุกขึ้นจากเตียงเปิดตู้เสื้อผ้าหา เสื้อใส่

“ไปอาบน้ำซะ เดี๋ยวจะพาไปเที่ยว”

“เที่ยว!? เที่ยวอะไรตอนเช้า เที่ยวสายๆก็ได้”

“เถอะน่า ไปอาบน้ำซะ ใส่เสื้อบางๆนะเผื่ออากาศร้อน” มองคนพูดที่อยู่ในชุดเสื้อกล้ามคลุมทับด้วยเชิ้ตแขนสั้นปล่อยกระดุม กับกางเกงยีนเปิดปากสั่งปาวๆ พลางเดินไปเปิดกรงนกเทอาหารพรวดลงไปก็ต้องถอนหายใจลุกจากเตียง คว้าผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำไป

...

...

“ท่านรองชวนันท์บอกหน่อยได้ ไหม คิดอะไรอยู่วะครับ?”  ถามอย่างงงงวยในพฤติกรรมประหลาดตั้งแต่เช้าของชวนันท์ ยกเป้ใบใหญ่ที่บรรจุเสื้อผ้าสำหรับสองคนคนละสองชุดกับเครื่องใช้ส่วนตัวนิดๆ หน่อยๆ ขึ้นสะพายหลัง มองร่างสูงเข็นมอเตอร์ไซค์ของเขาออกจากที่จอด

“ก็ไปเที่ยวไง ค้างซักหนึ่งคืน” ชวนันท์สวมหมวกกันน็อคคาดสายรัดที่คางก่อนจะโยนหมวกอีกอันให้ธณัติ

“แล้วทำไมไม่ขับรถไป?” ปกติเวลาไปไหน ชวนันท์มักจะขับรถไปมีหนุ่มหน้ามนเป็นตุ๊กตาหน้ารถเสมอ วันนี้เกิดเฮี้ยนอะไรขึ้นมาถึงอยากแปลงร่างเป็นไอ้มดเอ็กซ์มีแมลงสาบสะพาย เป้ซ้อนท้าย?

ชวนันท์เปิดกระจกหมวกกันน็อค ขึ้นยิ้มหล่อให้ “เดี๋ยวก็รู้เอง” พูดจบก็ปิดฉับลงดังเดิม ขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์ เสียบกุญแจสตาร์ทเครื่องบิดแฮนด์บรึ้นๆ

“เออเว้ย เดี๋ยวก็รู้” ธณัติพูดเลียนเสียงก่อนถอนหายใจใส่หมวกกันน็อคเดินไปคร่อมซ้อนท้าย

“เอาปืนด้วยมั้ยครับ ธนาคารไหนดี?” ถามอย่างกวนๆกับสภาพผู้ชายสองคนในเสื้อผ้าร่มแขนยาวขี่ซ้อนมอเตอร์ไซค์ใส่ หมวกกันน็อคกระจกดำปี๋ปิดหน้า สะพายเป้ใบใหญ่ไว้ข้างหลัง

“ไม่เอาธนาคาร จะเอาธณัติ...เกาะไว้แน่นๆแล้วกัน เดี๋ยวจะหลุดกระเด็นหายไป ชวนันท์เสียใจแย่” ตอบกลับอย่างกวนไม่แพ้กัน ลงมือบิดเร่งน้ำมันให้เครื่องยนต์ครางเสียงดังก่อนจะเปลี่ยนเกียร์ออกตัว เริ่มการเดินทาง





ธณัติกอดเอวหนาไว้แน่น มอเตอร์ไซค์วิ่งบนถนนทางหลวงด้วยความเร็วกำลังพอดี ไม่อืดเกินไป แต่ก็ไม่ได้ท้านรกยกมือไหว้ยมบาล ด้วยความที่เป็นเวลาเช้าแดดเพิ่งออก ทำให้รู้สึกเย็นสบายกับสายลมที่พัดตีเข้ามาในเสื้อวอร์ม ภาพวิวข้างทางค่อยๆเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จากในตัวเมืองที่เต็มไปด้วยอาคารสูง เริ่มกลายเป็นทุ่งหญ้าท้องนาเขียวสบายตา

“หิวมั้ย” ได้ยินคนขับตะโกนถามมาแว่วๆก็ตะโกนตอบกลับไป “หิวแล้ว!!”

“’งั้นแวะหาอะไรกินหน่อยก็แล้วกัน” เสียงบอกตะโกนกลับมาพร้อมๆกับรถเริ่มชะลอตัวเลี้ยวเข้าปั๊มน้ำมันขนาดใหญ่ที่มีร้านอาหารภายใน


 “ตกลงจะไปไหน” กัดแฮมเบอเกอร์เคี้ยวตุ้ยๆ พลางถามชวนันท์ที่เดินถือน้ำอัดลมแก้วใหญ่เสิร์ฟให้ถึงโต๊ะ

“ไหว้พระ” ตอบไปก็ราดน้ำผึ้งใส่วัฟเฟิลชิ้นใหญ่ไป

“ไหว้พระเนี่ยนะ?” ถามอย่างงงในภาพลักษณ์เพลย์บอย เห็นอย่างนี้นึกว่าทำเป็นแต่บาปซะอีก เข้าวัดแล้วไม่ปวดแสบปวดร้อนหรือไง

“ก็ไหว้พระ เดินเล่น ทำอาหาร แล้วก็...อีกหลายๆอย่าง” ส่งแป้งหนานุ่มเข้าปากพลางร่ายแพลนหนึ่งวันให้ฟัง

“แล้วทำไมต้องมอเตอร์ไซค์” เออเฮอะ รู้สึกตัวเองเป็นเจ้าหนูจำไม

“ก็...อยากขี่...” ตอบได้ดี ไม่อยากคงไม่ขี่มาหรอก!!!


++++++++++++++++++++++++++++++++++++


บรรยากาศของเมืองเข้ามาแทน ที่ทุ่งหญ้าอีกครั้ง ชวนันท์ขี่รถตัดผ่านตลาดสดที่มีพ่อค้าแม่ขายตะโกนขายของต่อรองราคากันคึกคัก จมูกฟุดฟิดกลิ่นเกลือ เมื่อมองของขายข้างทางก็พบว่าเป็นของสดจำพวกอาหารทะเล ชวนันท์จอดรถไว้ริมทางลงยืนพยักหน้าเป็นสัญญาณให้ลงตาม

“เลือกของสดก่อน ไว้มือเย็นทำปิ้งย่างกินกัน”

พวกเขาเลือกซื้อของอย่างที่ ชวนันท์บอก ส่วนใหญ่ก็คนพูดนั่นแหละเป็นคนเลือก เนื่องจากธณัติเด็กเหนือเลือกอาหารทะเลไม่เป็นจึงทำหน้าที่เป็นคนถือของคอย รับกุ้งปูปลาหมึกมาถือไว้แทน เมื่อซื้อน้ำจิ้มเป็นรายการสุดท้ายได้ก็ออกเดินทางต่อ


“โห เจ๋ง!” ธณัติร้องทึ่งๆเมื่อชวนันท์จูงมอเตอร์ไซค์ขึ้นเรือข้ามฟากเก่าๆลำไม่ใหญ่ไม่ เล็ก ด้านข้างมีสิงห็นักบิดจูงมอเตอร์ไซค์ขึ้นจอดเทียบอีกสองสามคัน

“ใช่มั้ยล่ะ เอามอเตอร์ไซค์มาก็เพราะอย่างนี้ไง” ตัวเขาเองก็ไม่เคยเอารถข้ามฟากมาก่อน แค่เคยเห็นเวลามาทานอาหารริมน้ำเท่านั้น “เดี๋ยวเอาของไปเก็บที่บ้านก่อนแล้วค่อยไปไหว้พระ…” ชวนันท์พูดเข้าหูขวาออกหูซ้ายธณัติที่ไม่ค่อยจะสนใจคำบอกเล่าเท่าไหร่เนื่อง จากกำลังดื่มด่ำกับรายละเอียดของวิวแม่น้ำตรงหน้า

บ้านที่พูดถึง คือบ้านที่ครอบครัวชวนันท์ซื้อไว้เผื่อมาเที่ยว เป็นบ้านหลังเล็กชั้นเดียวกลางสนามหญ้าซึ่งดูจากสภาพแล้วคงจะมีคนมาดูแลสม่ำ เสมอ เก็บของวางกระเป๋านั่งพักเหนื่อยได้ซักพัก ร่างสูงก็พาขี่มอเตอร์ไซค์มุ่งหน้าไปยังวัดในตัวเมือง

“อธิษฐานดีๆนะ วันนี้วันพิเศษ ขอให้ได้อยู่กับชวนันท์ตลอดไปซะ” ระหว่างพนมมือจุดธูปหลับตาขมุบขมิบสวดบทที่จำได้ลางๆว่าเคยสวดตอนเข้าแถว เคารพธงชาติ ก็ได้ยินเสียงห้าวกระซิบมาจากข้างตัว

“คร้าบ ขอให้ชวนันท์เลิกกวนทีนลูกช้างซะที ก่อนจะเกิดคดีฆาตรกรรมอำพราง”


++++++++++++++++++++++++++


“ตกลงวันนี้มันวันอะไร?” หลังจากไหว้พระทำบุญ ปล่อยนกปล่อยปลาปล่อยเต่า ขี่มอเตอร์ไซค์เดินเล่นตามสวนสาธารณะจนบ่ายแดดจัด พวกเขาก็มุ่งหน้ากลับบ้าน ดื่มน้ำนั่งพักได้ที่ ธณัติก็ถามคำถามที่เก็บมาตั้งแต่เช้า

“ให้ทาย” ชวนันท์ที่เดินออกมาจากห้องน้ำ ก้าวเดินไปทางร่างผอมที่กึ่งนั่งกึ่งนอนตากแอร์บนโซฟา เอื้อมแขนกอดธณัติหลังแนบอกไว้หลวมๆ

“ไม่เอาโว้ย เหนียวตัวจะตาย” แขนผอมดันใบหน้าที่ซุกไซร้ซอกคอออก “บอกมา ตกลงมันวันอะไร?”

“บอกแล้วไงว่าให้ทาย” ไม่ยอมแพ้ ออกแรงกอดแน่นขึ้นคลอเคลียจมูกกับแก้มขาว

“วันเกิดคิตตี้มั้ง?” ทายส่งๆเอี้ยวหน้าหนีไรหนวดแข็งๆ

“ผิด วันเกิดคิตตี้มัน 1 พฤศจิกา” อุ้งมือใหญ่ล้วงเข้าใต้เสื้อยืดบีบคลึงยอดอกครั้งหนึ่งเป็นการลงโทษ

“เห~ จำวันเกิดกันได้อย่างนี้  แต่งงานกับคิตตี้เลยดีมั้ย” เริ่มเห็นว่าไม่ได้การ มือใหญ่ชักจะซุกซนมากขึ้นทุกที ปากจึงพูดบ่ายเบี่ยงหาทางรอด “เอางี้ เล่นยี่สิบคำถามกันก่อน เคโระเกิดวัน...ฮื้อ!!!” ยังไม่จบประโยคก็ต้องอุทานตกใจตัวแข็งเกร็งเมื่อมือใหญ่เปลี่ยนเป้าหมายคลึง เคล้นแก่นกายแทน

“อย่านอกเรื่อง ทายมาเร็ว” เสียงกระซิบระยะประชิดหูเริ่มปนหายใจหนักๆเล็กน้อย

...วันพิเศษ…ไปเที่ยว...ไหว้พระทำบุญ...จ๊ากก!! ลิ้นเข้ารูหูแล้ววว!! “วัน...วันเกิด!”

“วันเกิดใคร” ละจากการจาบจ้วงลิ้น ถามอย่างรอคำตอบ

“วันเกิดคุณแน็ท!!!” ชวนันท์ยิ้มแสยะกับคำตอบที่ถูกต้อง

“จำไม่ได้ ต้องลงโทษ” สองมือจับเสื้อยืดคนข้างหน้ายกถอดลอดศีรษะก่อนจับคางบังคับหันกลับมารับจูบดูดดื่ม

“จำได้แล้วค้าบบบบ!!!!” ตัวถูกผลักล้มปุลงบนโซฟา ก่อนที่ชวนันท์จะลงคร่อมมิด

“ดี จำได้แล้วอย่างนี้ แต่งงานกันเลยดีมั้ย?” ปัดมือที่กุมขอบกางเกงขาสั้นออก แกะกระดุมรูดซิบ ดึงกางเกงออกรวดเร็ว

“จำไม่ได้แล้วว ไม่แต่งงาน!!! ยู้ดดด!! ก็บอกแล้วว่าเหนียว!!! ไม่อ๊าววว!!! ตำรวจ!!! ผมจะถูกล้วงใส้แล้วคร้าบบบ!!!” ร้องโหยหวนยามโดนชวนันท์ยกตัวหิ้วเข้าห้องน้ำ วางตัวลงใต้ฝักบัวเปิดน้ำราดตัว น้ำเย็นจัดตัดกับอากาศร้อนๆทำให้ขนลุกพรึ่บ

“นึกบ้าอะไรขึ้นมาเนี่ย มันหนาวนะเฟ้ย!!” ธณัติตวาดอย่างเดือดดาลพลางสะบัดหัวไล่ผมเปียกน้ำที่ปรกหน้าออก มือก็คอยตีมือใหญ่ที่ลูบไล้ร่างกายยุ่บยั่บ

“ก็เห็นบอกว่าเหนียวตัว อาบน้ำให้ไม่ดีหรือไง” ชายหนุ่มยังคงพูดเนิบๆ ขัดกับสองมือที่ฉวยโอกาสเต็มที่

“อาบน้ำแค่นี้อาบเป็นเฟ้ย!!”

“’เก่ง! อาบน้ำเป็น งั้นอาบให้ฉันด้วยแล้วกัน” ไม่ว่าเปล่า สองมือจัดการลอกคราบตัวเอง ก้าวเข้าบริเวณใต้ฝักบัวพร้อมดึงปิดม่านพลาสติกปิดเร็วไม่น่าเชื่อ

“ไม่เอา!! ตัวใหญ่ฉิบหาย ออกไป อาบทีละคนเด้!!! อื้อ!!!” ชวนันท์จัดการปิดปากที่พูดไม่หยุดเสีย เสียงครางอู้อี้ไม่ได้ศัพท์ดังกังวาลประสานกับเสียงน้ำจากฝักบัวไหลกระทบ พื้นดังเปาะแปะ ยามปากแยกกันได้ ร่างผอมก็สมองว่างกลวง ไร้ศัพท์ถกเถียง ปากบางอ้าหอบรับอากาศเข้าปอดหลังจากที่ขาดออกซิเจนมานาน

“ไหนๆก็วันเกิด ขอของขวัญเป็นธณัติก็แล้วกัน” พูดเคลียกับปากที่อ้าหอบก่อนจัดการประกบชิมอีกระลอก กิจกรรมยามบ่ายเริ่มขึ้นตามแผนการเที่ยวหนึ่งวันหนึ่งคืนที่ชวนันท์คิดไว้ ไม่มีพลาด


++++++++++++++++++++++++++++++


“พี่นัท นอนไม่พอเหรอครับ” รุ่นน้องโยทักขึ้นเมื่อเห็นสภาพซอมบี้ธณัติ นอนแห้งแหงแก๋ติดโต๊ะทำงานตอนพักเที่ยง

“เออ!!!” เมื่อวานหลังกิจกรรมออกกำลังกายในร่มผ่านไปได้จนตกเย็น ปิ้งย่างที่รอมานานก็เปิดเตา กินไปคุยไปซักพักจนอิ่มหมีพีมัน เก็บจานชามข้าวของเรียบร้อย กิจกรรมยามค่ำก็เริ่มต้น ต่อเรื่อยมาจนกลายเป็นกิจกรรมยามดึก ได้นอนไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องตื่นหัวซุกหัวซุนซิ่งมอเตอร์ไซค็ซ้อนกันมาถึงที่ ทำงาน ยังดีที่ท่านรองประธานวางแผนไว้ดี จัดชุดมาพร้อม ไม่อย่างนั้นคงต้องใส่เสื้อยืดคาราบาวแดงมาทำงานเป็นแน่แท้

“แล้วจะไปค้างไหนครับ” โยถามพลางมองกระเป๋าเป้ใบใหญ่

“ไม่ได้จะไป...ไปมาแล้ว” ก็ชวนันท์อีก ที่สั่งให้เขารับผิดชอบเป้ใส่เสื้อผ้า ด้วยเหตุผลที่ว่า ท่านรองประธานสะพายเป้มาที่ทำงานมันดูไม่ดี

“ไปไหนมาเหรอ”

“โว้ย!!! พอซักที คนจะหลับจะนอน” ตวาดอย่างเหลืออดเป็นเวลาเดียวกับที่มือถือดังขึ้น “ฮัลโหล ธณัติไม่อยู่!!” กรอกเสียงห้วนอย่างกวนคนปลายสาย

“ธณัติไม่อยู่ งั้นขอคุยกับแฟนชวนันท์” เสียงกลั้วหัวเราะตอบกลับมา

“เออ!! มีอะไร ว่ามา”

“ไม่มีอะไร แค่จะชวนมานอนพักผ่อนที่ห้อง” โอย อิจฉาผู้บริหาร มีห้องนอนในที่ทำงาน

“ไม่เอา ไปให้โง่ นอนฟุบกับโต๊ะตัวเองก็ได้” ตอบอย่างรู้ทัน…ไปก็เสร็จอีกเซ่ หื่นถึกซะขนาดนี้!!

“มีข้าวเที่ยงกับของหวานแถมให้ด้วย” เห น่าสนใจ

คิดหนัก ปลายสายก็เงียบเหมือนรอคำตอบ “…ไปก็ได้” กดวางโทรศัพท์ได้ก็เพิ่งรู้ตัวว่ารุ่นน้องยังนั่งมองอยู่

“ไปกินข้าวก่อนนะ” ธณัติยกมือทำท่าขอตัว ก่อนจะเดินออกนอกห้องไป ทิ้งโยให้นั่งเงียบอยู่ตามลำพัง

…ไปค้างที่อื่นมา... ร่างบางมองกระเป๋าเป้ไม่วางตา

...ก็แสดงว่า... เหลียวมองซ้ายขวาไม่มีใคร ก็ลงมือรูดซิปกระเป๋าคุ้ยของอย่างถือวิสาสะ

...เจอแล้ว!!!...  มือบางยกกางเกงในผ้าเนื้อดีสีฟ้าพิมพ์ลายทาโบะตรงด้านหลังอย่างยินดี โอกาสดีจริงๆ!!! คราวที่แล้วได้มาสองตัว แต่ยังไม่ตรงใจ...มันต้องตัวนี้!!! เด็กหนุ่มผู้โชคร้ายยิ้มกว้างยกกางเกงผ้าขึ้นสูดดมกลิ่นของเจ้าของที่หลง เหลืออยู่

…ขอแล้วกันนะครับ...


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

playCardPlaYBoy

  • บุคคลทั่วไป
ผมเปล่าโรคจิตนะ! ตอนพิเศษ 2
....................
“ไม่ให้ไป!!!”

“จะไป!!!”

แสงแดดช่วงโพล้เพล้ฉาบขอบฟ้า ช่วงเวลาหรรษาของครอบครัว ในห้องของคอนโดหรูกลับล้งเล้งไปด้วยเสียงผู้ชายสองคนเถียงกันดังลั่นห้อง วนเวียนสองประโยคซ้ำไปมาเป็นเวลากว่าสิบนาทีแล้ว ธณัติในชุดกางเกงขายาวกับเสื้อเชิ้ตปล่อยชายคลุมด้วยผ้ากันเปื้อนแบ๊ด แบ๊ดซ์มารุ ถือตะหลิวเหวี่ยงไปมา เหงื่อกาฬไหลพลั่กเต็มใบหน้าทั้งๆที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ

“ไม่ให้ไป!!” ชวนันท์ยังคงอยู่ในชุดทำงาน ผมที่เสยเรียบดูภูมิฐานบัดนี้ตกลงมาเกลี่ยหน้าผากจากการออกท่าทางรุนแรง เน็คไทที่เพิ่งถอดออกถูกสองมือดึงปลายขึงตึงเป็นเส้นตรง คอยยกขึ้นรับตะหลิวเหล็กที่ฟันเฟี้ยวฟ้าวหวังประทุษร้ายอย่างน่าหวาดเสียว

“ผมจะไป!!” ธณัติเถียงเป็นคำตอบสุดท้าย ถูกคนตัวโตกว่าคอยดักทางต้อนจนมุมจนขาชนโซฟา เจ้าตัวไม่รอช้ายันตัวกระโดดถอยหลังขึ้นยืนจังก้าบนโซฟาหลังใหญ่ในห้องรับ แขก มือขวาประเคนตะหลิว มือซ้ายคอยจับพนักพิงพยุงตัวทุลักทุเล

“ก็บอกแล้วว่าไม่ให้ไป!”

“อั้ก!” ชวนันท์ได้โอกาสคว้าข้อเท้าอีกฝ่ายดึงพรึ่ดเดียวร่างผอมก็ลื่นไถลก้นจ้ำเบ้า ลงกับพื้นโซฟานุ่ม แย่งตะหลิวอรหันต์ในมือได้ก็โยนไปไกลแปดลี้ เน็คไทที่ใช้ต่างโล่ห์เมื่อกี้เปลี่ยนหน้าที่เข้ามัดข้อมือผอมทั้งคู่ไขว้ หลังไว้จนแน่นหนาทันที

“เจ็บนะ ไอ้คิตตี้!!” ธณัติโวยวายเสียงดังลั่น ทั้งขัดใจ ทั้งเจ็บก้นจนน้ำตาเล็ด สองขายกขึ้นเตะป่ายมั่วซั่วจนชวนันท์ต้องถอยห่าง

“ก็อยากดื้อทำไมเล่า” เกินจะทน ชวนันท์จัดการดึงปลอกหมอนข้างที่วางระเนระนาดบนพื้นหน้าทีวีออก จัดการรวบขาสองข้างมัดผ้าแน่น ก่อนจะจับธณัติพลิกตัวคว่ำหน้าบนโซฟา มัดเชื่อมเน็คไทกับปลอกหมอนเข้าด้วยกัน ไม่ลืมคว้าดัมเบลสามกิโลที่เอาไว้ยกเล่นขณะพักผ่อน ผูกล่ามปลายผ้าเข้ากับแกนเหล็กถ่วงน้ำหนัก ก็เป็นอันเสร็จสิ้นพิธี

“ปล่อยน้า คุยกันให้รู้เรื่องเซ่ อย่ามาเล่นอย่างนี้นะ ผมไม่ชอบ!!!” ธณัติดิ้นเป็นปลาขาดน้ำอยู่บนโซฟา ตามองคนที่ยืนเท้าเอวยกแขนปาดเหงื่อบนหน้าผากอย่างเดือดดาล

“คุยกันให้รู้เรื่องเรอะ!” ชวนันท์พูดแค่นในลำคอน้ำเสียงบ่งพื้นอารมณ์ไม่ใคร่จะเอาชีวิตเข้าเสี่ยง “สิบนาทีที่แล้วฉันก็พูดอย่างนี้ แล้วเธอยอมคุยมั้ยล่ะ”

“ผมต่างหาก บอกให้คุณฟังเหตุผลก่อนน่ะ แล้วคุณฟังรึเปล่าเล่า!!” ธณัติไม่เสียดายชีวิต หลับตาดับเครื่องชน เถียงเสียงดังจนเห็นลิ้นไก่สั่น ชวนันท์กลับไม่สนใจ มือล้วงกระเป๋าเสื้อคว้าบุหรี่คาบจุดสูบอัดควัน ก่อนจะวางเข่าข้างหนึ่งทิ้งน้ำหนักกดลงบนแผ่นหลังบางจนเจ้าตัวดิ้นไม่ออก

“เหตุผลอะไรเล่า กะอีแค่อยากเรียนต่อ ฉันก็บอกแล้วไงว่าไม่จำเป็น”

“ทำไมจะไม่จำเป็น นี่มันยุคไหนแล้วท่านรอง จบตรีมันก้าวหน้าซะที่ไหนฟะ” ถึงจะเถียงลำบากก็ยังอยากจะเถียง เงยหน้าแอ่นคอรวบรวมอากาศเค้นเสียงพูดกระท่อนกระแท่น แล้วก็ต้องหมดแรงเมื่อมือหนาเอื้อมลงมากดหัวเขาจนหน้าจิ้มหมอนอิง

“ฉันก็บอกแล้ว อยากก้าวหน้าก็บอกมา อยากได้ตำแหน่งอะไรล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะทำจดหมายแต่งตั้งให้ทันทีเลย จะไปเรียนต่อทำไมให้เสียเวลา” อันที่จริงเรียนต่อก็ไม่เท่าไหร่ แต่ที่รับไม่ได้คือธณัติตั้งใจจะไปต่อนอกหลังจากที่เก็บเงินได้ก้อนหนึ่ง แล้วต่างหาก เรื่องอะไรจะยอมให้ออกไปเจอไอ้พวกมะกันขี้หลีตามลำพังเล่า! เห็นท่าทางธณัติกำลังจะขาดอากาศตาย เขาจึงยอมปล่อยมือละเข่า ลงยืนบนพื้นพรม ขยี้ปลายบุหรี่ลงบนจานเขี่ยทั้งๆที่ยังสูบไม่หมดมวน

เมื่อน้ำหนักที่กดทับหายไปจึงค่อยสบายขึ้น พลิกตัวนอนตะแคงหลังแอ่น สูดอากาศหายใจเข้าเต็มปอด

“ตำแหน่งเส้นอย่างนั้นผมไม่ต้องการ ผมอยากก้าวหน้าด้วยตัวเอง ถ้ายังจบแค่ตรีอย่างนี้จะมีหน้าไปบริหารงานอื่นกับใครเค้าได้ยังไง!!”
ปึ้ด!! เสียงเส้นความอดทนขาดผึงเมื่อได้ยินเจ้าคนหัวดื้อเถียง ชวนันท์จัดการคว้าร่างผอมขึ้นพาดบ่า พาเดินเข้าห้องนอนโดยไม่สนใจดัมเบลสามกิโลที่พ่วงน้ำหนักห้อยต่องแต่งแถมมา ด้วยเลย โยนลงบนเตียงเด้งดึ๋งได้ก็โน้มตัวลงคร่อม กดจูบรุนแรงทันที

“คิดจะไปทำงานกับใครกัน แอบมีใครรึไง ลองหนีไปทำงานที่อื่นดูเซ่ ฉันจะฆ่าเธอ” นัยน์ตาที่มีเปลวไฟลุกโชติช่วงชัชวาลอยู่ภายใน กับน้ำเสียงบาดใจที่เหมือนจะบาดคอได้ทำให้ธณัติรู้ว่า ปากพล่อยๆของเขาแหย่ผิดจุดซะแล้ว มือใหญ่ล้วงชอนไชเข้าใต้เสื้อ เคล้นคลึงจุดอ่อนไหวจนแข็งขึ้นเป็นตุ่มไต รู้สึกเสียวจนต้องครางฮือออกมาเบาๆ

“เดี๋ยวก่อน...คุยกันก่อนได้มั้ย” ธณัติถามเสียงอ่อน ด้วยรู้ตัวว่าคนตัวใหญ่ที่คร่อมอยู่เอาจริงแน่

“พูดมาสิ” เสียงทุ้มสั่งให้อธิบาย แต่ริมฝีปากกลับหมกมุ่นอยู่กับเครื่องประดับชิ้นน้อยบนแผ่นอกขาว แลบลิ้นเลียเน้นๆจนรู้สึกถึงแรงสะท้านรับของคนข้างล่าง

“หยุดก่อนได้มั้ย คุยกันก่อน อื๊อ!” ชักจะหายใจถี่ เริ่มเรียบเรียงคำพูดได้ลำบากลำบน

“ก็ฟังอยู่” ขบกัดลงบนตุ่มแข็งเบาๆ มือบรรจงมอบความวาบหวามให้แก่ยอดอกอีกข้างอย่างเท่าเทียมกัน เรียวขาแกร่งบดเคล้าลงกับสะโพกบางที่บิดเกร็งไปมาบนที่นอนอุ่นนุ่ม ธณัติดิ้นรนสุดชีวิตออกแรงบิดข้อมือไปมาก่อนที่อะไรๆจะเลยเถิดนอกเรื่องไป มากกว่านี้ โชคดีที่เชือกถูกมัดอย่างเร่งรีบ จึงพอมีช่องว่างให้พอลอดมือออกได้

ผัวะ!!!

ดัมเบลอรหันถูกประเคนใส่หัว ชวนันท์อย่างไม่แรงนัก แต่ก็ไม่เบาเกินไป ร่างสูงทรุดฮวบมือกุมหัวพลางครางโอดโอย ไม่ทันได้คว้าตัวคู่กรณีที่พลิกพลิ้วลุกหนีไปได้ ธณัติจับลูกบิด หันกลับมาตะโกนสั่งลา

“สงบจิตสงบใจ แล้วก็หัดเชื่อใจคนอื่นซะบ้าง!...ผมจะไปรับพี่เนศที่สนามบิน คืนนี้ไม่กลับบ้าน!!”


+++++++++++++++++++++++


ฮึ่ม แฮ่ง แง่..... โกรธเฟ้ย!! ในหัวคิดวนเวียนอยู่แต่เหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมา ...ทำไมไม่เชื่อใจกันบ้างเลย...รถก็ติดซะเจรง หงุดหงิดโว้ยยย!!

คิดระบายในใจพลางวิ่งไปยัง ร้านค็อฟฟี่ช็อปในสนามบิน นาฬิกาข้อมือบอกให้รีบเร่งมากกว่าเดิมเพราะเลยเวลานัดมานานโข เมื่อเลี้ยวมุมตึกก็ถึงจุดหมาย เห็นเธนศตัวใหญ่ๆนั่งหน้าเซ็งอยู่ข้างใน

“พี่เนศ!” ขาก้าวแทบจะพันกัน ทั้งเหนื่อยทั้งลน มือถือเจ้ากรรมดันดังขึ้นมาอีก ...เจ้าคิตตี้ จะโทรมาง้อเรอะ ฝันไปเหอะ!... คิดล่วงหน้าโดยไม่ทันดูชื่อคนโทรเข้า คว้ามือถือออกจากกระเป๋าเตรียมเล่นบทพ่อแง่แม่งอน ฝุ่นสามไมครอนดันเสนอตัวขวางทางให้สะดุดซะได้ โชคดีที่พี่ชายคว้าไว้ได้ทัน เกาะหนึบได้ซักพักก็ไม่วายต้องเจ็บตัว …หน้าเขามันมีแมลงสาบติดอยู่เรอะ ถึงได้ปล่อยตกพื้นกันง่ายๆอย่างนี้ ...แบบนี้มันลูบหัวแล้วตบหลังนะครับ พี่เนศ!

“ทำไมมารับช้า ให้รอตั้งนาน?” จะให้ตอบยังไงดีล่ะ...ทะเลาะกับแฟน...ง้องอนกันอยู่...กำลังจะเข้าเข็มแต่ดัมเบลช่วยไว้...ไม่ตอบดีกว่า

“ก็...นิดหน่อย” ธเนศเงยหน้าขึ้นจากหนังสือพิมพ์บันเทิง ใช้สายตาราวกับจะรีดความจริงไม่ให้เหลือซักหยด

“ทะเลาะกันมา?” เจ๊ย!! รู้ได้ไง? โอ๊ย คิดแล้วน้ำตาจะไหล “ใช่มั้ย?“ จะคาดคั้นกันไปถึงไหน

“เออน่า! ก็เรื่องปกติ คบกันก็ต้องมีทะเลาะกันบ้างเป็นธรรมดา” ใช่...คบกันก็ต้องทะเลาะกันเป็น...ธรรมดา อือ เครียด ปกติไม่เคยทะเลาะกันอย่างคราวนี้ จะออกแนวก่อกวนให้ป่วนใจเล่นซะมากกว่า

“…เคยบอกแล้ว ว่าชายกับชาย มันไม่รุ่งเรืองหรอก มีแต่จะรุ่งริ่ง” เป็นแนวที่ได้ยินธเนศพูดเหนี่ยวนำมาตั้งแต่ตอนที่ชวนันท์ไปแนะนำตัวรับ กำปั้นจากพิษณุโลก ยิ่งถูกตอกย้ำก็ยิ่งหงุดหงิด ธณัติกลั้นอารมณ์ก่อนจะคว้ากระเป๋าเดินทางไปถือไว้หนึ่งใบ “กลับห้องก่อนเหอะ เดี๋ยวจะดึกเกิน”


++++++++++++++++++++++++++++


ห้องนอนที่โหวกเหวกโวยวาย เมื่อสามชั่วโมงก่อน บัดนี้เงียบกริบขนาดได้ยินเสียงนาฬิกาเดิน ชวนันท์นั่งบนเตียงหลังใหญ่อย่างสุดเซ็ง...โอเค คราวนี้เขาเป็นฝ่ายผิดที่ไม่เชื่อใจธณัติ แต่เรื่องหึงหวงมันก็เป็นธรรมดาของคนรักกันไม่ใช่เหรอ พอได้ยินว่าจะไปทำงานที่อื่น ในหัวมันก็จี๊ดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

นั่งรอมาก็นาน ไม่มีทีท่าว่าร่างบางจะกลับมาสักที

...คงต้องไปรับซะแล้ว...







ห้องของธณัติไม่มีวี่แววว่าจะมีใครอยู่ทำให้รู้สึกขัดใจ...แทนที่จะรอให้มาง้อดีๆดันหายไปซะได้...สงสัยคราวนี้จะโกรธจริง

ในหัวนึกทวนถึงที่ที่ธณัต ิชอบไป...ร้านอาหารบ้านสวน ร้านเค้ก ร้านกาแฟ สลิ่มกะทิ ก๋วยเตี๋ยวจับกัง ไก่ย่างหาดใหญ่ ร้านน้ำแข็งไส ร้านไอติมเจ้าประจำ...สุดท้านคือร้านเหล้าที่นานๆจะไปที เรียงลำดับจากความน่าจะเป็นในใจ ชวนันท์ไม่รอช้า เริ่มปฏิบัติการตามล่าธณัติ...ปฏิบัติการตามง้อคนงอน

...

...

รถซีตรองจอดกลางลานจอดรถที่ เงียบสงัด นาฬิกาข้อมือบอกเวลาเที่ยงคืนพอดิบพอดี ร้านเหล้านี้เป็นที่สุดท้ายที่นึกออกแล้ว ชวนันท์เดินขึ้นบันได้ มุ่งหน้าไปยังแหล่งรวมความบันเทิงยามราตรี

ในร้านเบียดเสียดดูวุ่นวาย เสียงเพลงดังสนั่นลั่นแก้วหูทำให้รู้สึกหงุดหงิดมากกว่า ในใจคิดไปไกล ห่วงหาคนที่ทิ้งให้ต้องตามง้อเหลือเกิน ...ตอนนี้อยู่ที่ไหน จะเป็นอะไรไปรึเปล่านะ?

กวาดตามองไปพบแต่หมู่คนมาก มายกระโดดบ้างเต้นบ้างอยู่ทั่งทุกตารางนิ้ว พลันเห็นร่างคุ้นตาในสภาพที่ทำให้เดือดดาล ขาแกร่งพาก้าวไปยังเป้าหมายโดยไม่ต้องคิด

อุ้งมือจับหมับที่บ่าของใคร บางคน...คนที่กำลังถูลู่ถูกังธณัติในสภาพเมามาย คนที่บังอาจใช้ปากสกปรกแทะเล็มพวงแก้มใสของร่างบาง ไอ้หนุ่มดวงกุดหันหลังมามองอย่างงงๆก็ต้องเจอกับกำปั้นที่ประเคนเข้าโหนก แก้มหนักหน่วง กับเสียงขรึมบาดใจดังให้ได้ยินก่อนที่ธณัติจะถูกหิ้วจากไป “อย่ายุ่งกับของคนอื่น”


++++++++++++++++++++++++++++

ซ่า!!!


“หนาว!!!” ธณัติตาสว่างหลังจากที่ถูกน้ำเย็นเฉียบจากฝักบัวรินรดหัวจรดเท้า เสื้อผ้าถูกถอดออกตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ชวนันท์ลงมือคว้าไยหินขัดตามเนื้อตัวราวกับจะลบกลิ่นเหล้ากลิ่นบุหรี่ เน้นหนักที่พวงแก้มที่โดนไอ้หนุ่มบังอาจมาแทะเล็ม

“มันเจ็บนะ ไอ้คิตตี้” เมื่อรู้ตัวว่าใครเป็นคนขัดตัวก็ส่งเสียงประท้วงโวยวาย ...ว่าแต่ “ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” ถามอย่างงงๆเมื่อมองเห็นสภาพห้องน้ำในห้องที่ใช้อยู่ทุกวัน ...ก็เมื่อกี้ยังอยู่ในร้านเหล้าอยู่เลยนี่นา

ไม่มีเสียงตอบจากร่างใหญ่ สายน้ำถูกปิดเมื่อคนอาบคิดว่าสะอาดพอแล้ว จัดการคว้าผ้าขนหนูเช็ดหัวหูจนแห้งหมาดก่อนจะมัดมือห่อตัวจับยกพาดบ่าโยนลง เตียงนอน

“อื้อ!!” ริมฝีปากบางถูกบดเบียดโดยไม่ทันตั้งตัว ปลายลิ้นใหญ่จาบจ้วงอย่างหิวกระหายปนโกรธเคือง ฝ่ามืออุ่นร้อนไล้ตามตัวเร่งให้เลือดหมุนเวียนจนธณัติหน้าร้อนผ่าว

“อย่าทำอย่างนี้อีก” เอ่ยปากขณะยังคลอเคลียพวงแก้มขาว

“ทำอะไร?” ถามปนหอบอย่างเบลอๆ

“อย่าเมา...โดยที่ฉันไม่อยู่ด้วย”

ประโยคออกแนวคำสั่งทำให้อารมณ์ที่สงบไปแล้วจี๊ดขึ้นมา ธณัติบุ้ยปากหันหน้าหนีบ่นอุบอิบ “อะไรๆก็สั่ง ไม่เคยถามความเห็นของผมเลย”

“ยังโกรธอยู่อีกเหรอ?”

“ก็ใช่น่ะสิ คุณแน็ทไม่เคยฟังผมอยู่แล้วนี่นา” ก็ดูอย่างตอนเย็น ยังไม่ยอมฟังแม้แต่เหตุผลด้วยซ้ำ

หน้าตาเหมือนเด็กงอนยามโดน เพื่อนแย่งขนม เรียกให้ชวนันท์อมยิ้มเอ็นดู นิ้วใหญ่ปลุกเร้าตุ่มไตแข็งบนแผ่นอก พลางกระซิบประชิดหู “เรื่องเรียนต่อน่ะเหรอ บอกเหตุผลมาสิ ฉันจะฟัง”

“ผมก็แค่...อยากเท่าเทียม” ธณัติตอบพลางพยายามออกแรงดันร่างใหญ่ที่คร่อมอยู่ออก แต่แรงหลังสร่างเมามีหรือจะสู้ท่านรองได้ ชวนันท์กดรวบสองมือที่ชอบต่อต้านไว้ไม่ให้ออกลายได้อีกต่อไป

“พูดต่อสิ” จมูกโด่งไซร้ต้นคอ ปากดูดดุนเกิดเสียงน่าอาย ทิ้งรอยแดงราวกลีบกุหลาบไว้ตามเนื้ออ่อนประปราย

“ทั้งๆที่อายุมากกว่า...แต่ ตำแหน่งก็ยัง...ต่ำกว่า” หยุดพูดเมื่อเสื้อยืดถูกเกี่ยวดึงขึ้นผ่านคอไป มือหนาไล้ไปตามแผ่นอกเนียนเปลือยเปล่า

“พูดต่อ” ชวนันท์สั่งเบาๆ ก้มหน้าลงมอบจุมพิตแก่หน้าท้องแบนราบมีกล้ามเนื้อสมส่วน จุ่มลิ้นลงยังร่องสะดือเรียกเสียงครางอึดอัดจากริมฝีปากบางได้ง่ายดาย

“ฐานะก็...ฮ้า...ด้อยกว่า... ไม่...อา...ไม่มีอะไรเท่าเทียมกันเลย” ธณัติพูดเสียงปนสะอื้นอย่างบอกไม่ถูกว่าเกิดจากอารมณ์น้อยใจหรือเกิดจากความ เร่าร้อนที่ร่างสูงมอบให้กันแน่ สองมือสอดเข้าเรือนผมดำสนิทลูบไล้เคล้นคลึงตามห้วงอารมณ์หฤหรรษ์

ชวนันท์ละความสนใจจากหน้า ท้องเกร็ง หยัดกายขึ้นมองจ้องสบตาสีน้ำตาลเข้มที่เจือแววกังวลอยู่ภายใน “จะคิดมากไปทำไม ฉันไม่ได้สนใจเรื่องแบบนี้ซักหน่อย ยังไงเธอก็ยังเป็นเธออยู่ดี” เป็นธณัติ…คนที่เขารักและห่วงใย

“แต่ผมสนใจ...ผม...ไม่อยากเป็นตัวถ่วงอยู่อย่างนี้...อยากทำงานใกล้ๆ...อยากคอยให้คำปรึกษาเวลา...คนที่ผมรักมีปัญหา”

ชวนันท์ยิ้มกว้างกับคำว่า ‘คนรัก‘ ที่ร่างผอมพูดรัวเร็วเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน พวงแก้มขาวเรื่อสีแดงอย่างเขินอาย ใบหน้าหันหนีหลบสายตาร้อนรน เขาจับคางบังคับให้ธณัติหันหน้ามารับจุมพิตหอมหวานที่มอบให้อย่างอ้อยอิ่ง รับรู้การตอบสนองของลิ้นอุ่นจากคนขี้อาย

ธณัติในชุดแรกเกิดนอนแผ่เย้า ยวนอยู่บนเตียง สีผิวขาวซีดดูดซับสีส้มของผ้าปูที่นอนชวนให้อยากลูบไล้ไม่รู้เบื่อ ชวนันท์ลากมือผ่านท้องน้อย ลงไปยังช่วงขาหนีบ บีบนวดต้นขาด้านในอย่างสนุกมือ

“ถ้าอยากเท่าเทียม...” ร่างสูงยิ้มเจ้าเล่ห์ กล่าวเรียกคนที่สติล่องลอยไปไกลให้กลับมา “เริ่มจากการถอดเสื้อให้ฉันก่อนเป็นไง”

ธณัติหน้าแดงไปถึงใบหู มองชวนันท์ที่นั่งนิ่งบนเตียงนอน รอคอยการตัดสินใจของเขาเงียบๆ ร่างผอมลุกขึ้นนั่ง ปลดกระดุมเสื้อให้ทีละเม็ดอย่างเงอะงะ กว่าจะถอดเสื้อได้ก็ใช้เวลาไปเกือบนาที กลืนน้ำลายเอื๊อกกับส่วนกางเกง เงยหน้าขึ้นมอง ถามเสียงเบา “ข้างล่างด้วยเหรอ?...”

“เธอเคยแต่ให้ฉันถอดให้...คราวนี้ก็ต้องถอดให้ฉัน” ยิ้มกวนๆทิ้งระยะก่อนเอ่ยต่อ “จะได้เท่าเทียมกันไง”

ชักรู้สึกผิดที่พูดคำนั้นออก มา ตอนนี้ ‘ความเท่าเทียม’ กลับกลายเป็นอาวุธทิ่มแทงเขาจนกระอัก ธณัติหมดทางเลือก ลงมือถอดเข็มขัด กระดุม รูดซิปลง ชวนันท์ก็ร่วมมืออย่างดี นอนหงายลงบนเตียงยกสะโพกให้มือขาวดึงกางเกงลงได้สบายๆ

“เสร็จแล้ว...” บอกเผื่อไม่รู้ พยายามไม่หันไปดูความเป็นชายเหนือชายจนน่าอิจฉา ใบหน้าที่ร้อนผ่าวเหมือนเพิ่งนาบเตาย่างเนื้อมาก้มงุดๆมองหาตัวไรฝุ่นบนผ้า ปูที่นอน

“...คนเก่ง” เสียงแหบห้าวกระซิบข้างหูก่อนที่โลกจะพลิกคว่ำในทันใด เขาถูกจับให้อยู่ในท่าคลานสี่ขาโดยไม่ทันตั้งตัว

“ไม่เอา คุณแน็ท!!” เสียงแหบร้องประท้วงเมื่อนิ้วมือเคลือบด้วยสารหล่อลื่นเย็นเฉียบล่วงล้ำเข้า ยังช่องทางลับด้านหลัง ในขณะที่แก่นกายถูกมือใหญ่กอบกุมกำรอบก่อนลงมือขยับหนักๆสองสามที

“ไม่เอาอะไร” ชวนันท์กระซิบข้างหูส่อเจตนาหยอกเย้าให้ต้องกระดากอาย

“…ไม่เอาท่านี้…อ๊ะ!” พูดจบก็โดนครูดส่วนไวสัมผัสภายในแม่นยำจนต้องร้องอุทานออกมา

“ทำไมล่ะ”

“มัน...” ธณัติหลับตาปี๋ ก้มหน้าลงกับพื้นเตียง ข้อศอกที่ยันตัวอยู่อ่อนแรงลง ปล่อยลำตัวหล่นลงแนบพื้น สะโพกที่ถูกเข่าค้ำเอาไว้ลอยสูงเด่นน่าอาย

“ว่าไง” มือที่กอบกุมแก่นกายแข็งขึงอยู่ออกแรงขยับยั้งๆ อย่างกลั่นแกล้ง นัยว่าถ้าไม่ยอมพูดก็คงค้างคาอยู่ตรงนี้อีกนาน

“...มัน...ลึกเกินไป...ฮึก!” นิ้วที่ควานลึกถูกดึงออกรวดเร็ว แทนที่ด้วยสัดส่วนร้อนจัดที่ขนาดใหญ่กว่าหลายเท่าตัว ชวนันท์กัดฟันอดทนกับความคับแน่นที่รัดรึงห้วงอารมณ์รุนแรง

“แต่คราวที่แล้ว...เธอออกจะ ชอบ” มือที่กอบกุมความร้อนของธณัติไว้ลงมือปลอบโยน รอจนร่างข้างใต้ผ่อนคลายได้จึงเริ่มขยับตามไปเป็นจังหวะเดียวกับฝ่ามือ

“ไอ้...อ๊า!!!” ธณัติกรีดร้องเสียงดังเมื่อถูกรุกเร้าหนักหน่วงจากสองทางพร้อมกัน นิ้วแกร่งสอดเข้าโพรงปากที่เผยอกว้าง ไล่ล่าปลายลิ้นอุ่นที่หลีกหนีอย่างเมามัน รู้สึกถึงลมร้อนดีกระทบฝ่ามือยามร่างผอมออกเสียงครางกระเส่า

จังหวะถูกเร่งจนเร็วขึ้น เรื่อยๆ จวบจนใกล้จะถึงที่สุดก็พลันชะลอช้าหน่วงไว้ไม่ให้จบลง...เป็นอย่างนี้วน เวียนจนธณัติทนไม่ไหว ร้องขอปนหอบสะอื้นฮั่กฟังไม่เป็นภาษา

“พอ...อะ...ไม่...ไม่ไหว” มือใหญ่ที่ขยับเอื่อยๆพลันเร่งความเร็วให้รางวัล หากช่องทางปลดปล่อยกลับถูกนิ้วหนาอุดไว้แน่น

“เธอรู้นี่ ว่าต้องทำยังไง…” ชวนันท์หอบรุนแรง พยายามอดทนทั้งที่แทบทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน เขาเกร็งแน่น จนแทบขึ้นตะคริว บังคับตัวเองให้อดทนไว้ก่อน...แล้วจะได้รางวัลรื่นหูเหมือนที่ได้รับมา เหมือนทุกๆครั้ง

“คุณ...”

“เร็วๆ”

“คุณแน็ท...”

“นัท...เร็วๆ”

“คุณแน็ท...อือ...ให้ผมไป... อ๊ะ!” จังหวะถูกเร่งเร็วหนักหน่วงจนระเบิดพร่างพราย ธณัติเหงื่อโทรมทั่วกาย หมดแรงล้มฟุบคว่ำลงกับเตียง คนตัวใหญ่ยังคงออกแรงดันต่อ ปลดปล่อยความร้อนผ่าวเข้ายังช่องทางคับแคบจนหมดสิ้นไม่เหลือแม้ธุลี


++++++++++++++++++++++++++


“ตัดสินใจแล้ว”

หลังจากที่ให้ธณัตินอนพักหายใจหายคอเงียบๆ พักหนึ่ง ชวนันท์ที่นอนหงายสูบบุหรี่ปุ๋ยอยู่ข้างๆก็พูดขึ้นมา

“หา?” ร่างผอมพลิกตัวนอนตะแคง หันหน้ามองผู้พูดงงๆ...ตัดสินใจอะไร?

“เรื่องเรียนต่อไง...ให้ไปก็ ได้” ธณัติอ้าปากค้างอย่างไม่เชื่อหู มองหน้าชวนันท์เป๋ง...เมื่อกี้เถียงกันแทบตาย ทำไมตอนนี้มันง่ายกว่าปอกกล้วยอย่างนี้ฟะ??

“ไม่ต้องทำหน้าไม่เชื่ออย่างนั้น ฉันบอกว่าให้เธอไปเรียนต่อก็ได้...แต่ให้ไปด้วยทุนของบริษัทเท่านั้นนะ”

เป็นเงื่อนไขที่เขาเพิ่ง พิจารณาเมื่อกี้นี้เอง ใช้ทุนของบริษัทไปเรียนต่อ เงินที่ธณัติแอบจำขัดจำเขี่ยเก็บมาจะได้เอาไปใช้อย่างอื่นได้อย่างสบายๆ และก็จะได้ไม่มีข้ออ้างคิดลาออกไปหางานที่อื่นทำ ได้ทั้งบุคลากรที่มีความรู้มากกว่าเดิม ได้ทั้งเงื่อนไขผูกมัดให้อยู่กับเขานานๆ กำไรทั้งขึ้นทั้งล่อง...อยากไปต่างประเทศก็ไม่เป็นไร ตอนนี้พ่อที่เป็นประธานบริษัทก็จะกลับมาทำงานเหมือนเดิมแล้ว เขาก็แค่ขอลางานซักปีสองปีไปเรียนต่อเอกที่ยูฯเดียวกัน มันจะไปยากอะไร

“เอ่อ...” เสียงพูดเจือแววยินดีเรียกร้องความสนใจให้เขาหันไปมอง

“ขอบคุณนะครับ คุณแน็ท” เป็นการพูดที่เพราะที่สุดในรอบสัปดาห์ทีเดียว ชวนันท์ยิ้มกว้าง รอฟังคำหวานจากคนที่ทำท่าคิดหนักอ้าปากค้างเตรียมพูดต่อ

“แล้วก็...เพื่อความเท่าเทียม...” ธณัติเงยหน้าขึ้นสบตาอย่างทะลึ่งทะเล้น “เมื่อกี้คุณทำให้ผม...งั้นคราวนี้ผมทำให้คุณแล้วกัน...”

นิ้วแกร่งบดปลายบุหรี่ลงกับ จานเขี่ยจนขี้เถ้าปลิวกระจาย ก่อนพองลมตัวใหญ่เตรียมเข้าขย้ำหนูน้อยหมวกแดงที่หาเรื่องใส่ตัวไม่รู้จัก เจียม

“ได้เลย...งั้นคราวนี้เธออยู่ข้างบนก็แล้วกัน”

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
END

playCardPlaYBoy

  • บุคคลทั่วไป
จบภาค2มาต่อภาค3ให้อ่าน1ตอนก่อน  :laugh: :laugh: :laugh: ยังคงสถาณะโรคจิตเหมือนเดิม

แฟนผมเป็นคนโรคจิต 1
........................


อากาศเย็นชื้นจากเครื่องปรับ อากาศที่ครางหึ่งอวลในห้องขนาดใหญ่ชวนให้รู้สึกสบายตัว สภาพแวดล้อมยังคงมืดทึมด้วยผ้าม่านหนาหนักที่รูดปิดหน้าต่างกระจกบานใหญ่ไว้ เสียงอึกทึกจากการจราจรแน่นขนัดภายนอกไม่สามารถเล็ดรอดเข้ามารบกวนผู้ที่ หลับสบายอยู่ข้างในได้ด้วยตำแหน่งของห้องที่อยู่สูงกว่าพื้นดินถึงสี่สิบ ชั้น พื้นห้องที่ถูกปูด้วยพรมหนานุ่มนั้นกลับดูรกตาด้วยสภาพของเสื้อสอง กางเกงสอง และชั้นในอีกสองที่ถูกทิ้งระเกะระกะเป็นทางตั้งแต่หน้าประตูจนถึงเตียงคู่ หลังใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางห้องนอน ผ้าห่มสีขาวสะอาดปกคลุมสองร่างไว้ข้างใต้ เหลือเพียงแขนแกร่งข้างหนึ่งกับปอยผมยุ่งโผล่พ้นผ้าออกมาเท่านั้น

“อือ” ชายหนุ่มส่งเสียงครางทุ้มในลำคออย่างสบายตัว แพขนตาค่อยๆยกขึ้นเผยดวงตาสีน้ำตาลเข้มข้างใน ก่อนจะกระพริบถี่ๆเพื่อปรับสายตากับแสงสว่าง สภาพห้องเหมือนโรงแรมนี่ช่างไม่คุ้นตาเสียเลย เข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรยังจำไม่ได้ด้วยซ้ำ หัวมันหนักอึ้งจนไม่อยากยกขึ้นจากหมอนเอาซะเลย เปลือกตาปิดลงอีกครั้งพร้อมทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา…


+++++++++++++++++++++++++++++++


-14 ชั่วโมงก่อน –

เสียงครางกระหึ่มของนกเหล็ก ขนาดกลางดังสนั่นแหวกชั้นบรรยากาศ ตามด้วยแรงกระแทกลงสู่พื้นดิน ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นจากหนังสือพิมพ์มองลอดหน้าต่างบานเล็กก็พบสภาพของพื้น ลาดยางเป็นลานกว้างแทนที่กลุ่มเมฆสีขาวที่เห็นเมื่อห้านาทีที่แล้ว

“ขณะนี้สายการบินได้พาท่านมาถึงกรุงเทพมหานครแล้วค่ะ ขอให้ผู้โดยสารทุกท่าน...”

เสียงหวานของผู้ประกาศดัง ขึ้นหลังจากที่เครื่องจอดสนิท แต่จะมีคนฟังก็หาไม่ ทันทีที่สัญญาณไฟรัดเข็มขัดดับลง เสียงปลดเข็มขัดกริ๊กแกร๊กก็ดังรัวราวประทัดวันตรุษจีน ตามด้วยเสียงจอแจร้อยแปดของบรรดาผู้โดยสารหลากวัย


+++++++++++++++++++++++++++++++++


“พี่เนศ!”

หลังจากนั่งรอในร้าน คอฟฟี่ช็อปจนรู้สึกทะแม่งๆ ธเนศก็ควักโทรศัพท์ขึ้นกดเบอร์ยกแนบหู เสียงรอสายดังขึ้นตามด้วยเสียงเรียกชื่อเขาพอดี เมื่อหันไปทางต้นเสียงก็พบน้องชายหัวแก้วหัวแหวนวิ่งกระหืดกระหอบตรงมา สัญญาณโทรศัพท์คงจะเพิ่งส่งไปถึงงทางนั้น ธณัติจึงมีอาการพวักพะวนกับการควักมือถือรับไปวิ่งไปจนขาสะดุดกันเองได้ ทั้งๆที่ไม่มีอะไรขวางทาง

“ว...เหวอ!!” เสียงร้องตกใจกับท่าทางโงนเงนจะล้มมิล้มแหล่ราวภาพสโลวโมชั่น สั่งให้ท่อนขาแกร่งลุกพาตัวไปยังจุดหมายโดยไม่ต้องใช้สมองคิด อุ้งมือใหญ่คว้าจับช่วงเอวพยุงไว้ได้ก่อนที่น้องชายจะหน้าแบนลงอีกสามมิล มือของธณัติที่ไขว่คว้าหาหลักยึดลอดอ้อมบ่าโอบยังหลังคอผู้เป็นพี่ เก่าแน่นติดหนึบเป็นหลักราวโคอาล่าเกาะต้นไผ่ก็ไม่ปาน...แล้วทุกอย่างก็จบลง

“เฮ้อ...ขอบคุณ” ธณัติพูดพลางถอนหายใจอย่างโล่งอก

แต่เสียงพูดกลับส่งไปไม่ถึงธเนศผู้พี่ ที่คิ้วขมวดมุ่นกับสัมผัสที่เปลี่ยนไป

...เปลี่ยนไป...

น้องชายของเขาตัวนุ่มหอมได้ ขนาดนี้เชียว รู้สึกจะมีเนื้อมีหนังเพิ่มขึ้นกว่าที่เจอเมื่อสองเดือนที่แล้วมากมาย ช่วงเอวสมส่วนกับบั้นท้ายกลมกลึงช่างน่า...

“ว้าก!!!” มือใหญ่พลันปล่อยเอวบางทิ้งกระทันหัน ส่งผลให้หมีโคอาล่าถไลพรืดหล่นโครมหน้าทิ่มพื้นสิบคะแนน

...คิดบ้าอะไรฟะ เจ้านัทมันน้องชาย! ....น้อง...ผู้ชาย!!!

ธเนศส่ายหัวย้ำบอกตัวเองโดยไม่สนใจเสียงร้องด่าเหยงๆของโจทก์ “เฮ้ย ได้ยินเปล่าฟะ! เมาเครื่องเรอะ!”

ต่อเมื่อปลายเท้าถูกเขี่ย แรงๆจึงค่อยรู้ตัว “เออ...โทษที” ว่าพลางทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ คว้ากาแฟที่เริ่มเย็นชืดดื่มให้หมดแก้ว “ว่าแต่ทำไมมารับช้า ให้รอตั้งนาน“ ก่อนขึ้นเครื่องก็โทรเช็คเวลากันแล้ว

“ก็...นิดหน่อย” เสียงอึกอักแบบมีพิรุธทำให้ต้องละสายตาจากหนังสือพิมพ์ขึ้นมอง

“หือม์?” หรี่ตามองสภาพของน้องชายอย่างพิจารณา...ตาแดงบวม ปากช้ำเจ่อ กับเสื้อผ้าที่ค่อนข้างจะยับยู่

“ทะเลาะกันมา?” ธณัติสะอึกทีหนึ่ง ก่อนจะก้มหน้าหลุบขนตาลงปิดบังดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่เริ่มรื้นน้ำ

“ใช่มั้ย?“ ถามย้ำอีกทีเพื่อความชัวร์

“เออน่า! ก็เรื่องปกติ คบกันก็ต้องมีทะเลาะกันบ้างเป็นธรรมดา” พูดเหมือนปลอบใจตัวเองมากกว่าจะอธิบายให้ผู้เป็นพี่ฟัง

“…เคยบอกแล้ว ว่าชายกับชาย มันไม่รุ่งเรืองหรอก มีแต่จะรุ่งริ่ง” นับเป็นโอกาสดีที่ไม่ควรพลาด ธเนศลงมือถือพัดเข้าโหมกระพือ แต่ดูเหมือนจะสู้แรงไม่ได้ ไฟจึงมอดดับอย่างน่าเสียดาย ธณัติไม่สนใจ ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะคว้ากระเป๋าเดินทางของธเนศขึ้นพาดบ่า

“กลับห้องก่อนเหอะ เดี๋ยวจะดึกเกิน”  ร่างบางเดินลิ่วโดยทิ้งผู้เป็นพี่ชายไว้ภายหลัง

“ชิ!” จิ๊กปากอย่างขัดใจก่อนจะคว้ากระเป๋าอีกใบเดินตามหลังไป


++++++++++++++++++++++++++++++


“โห~ รสนิยมดีนะเนี่ย!” พูดขึ้นอย่างทึ่งๆเมื่อไฟในห้องคอนโดเปิดสว่าง

“แหง อุตส่าห็ผ่อนตั้งนาน เหลืออีกแค่สี่เดือนเอง”

“พูดงี้หวังจะให้ผ่อนต่อให้ใช่มั้ย? เอาก็เอาฟะ! ยังไงก็มาขออยู่ร่วมห้องแล้ว” เอ่ยอย่างรู้ใจน้องชาย

“โห...เป็นพระคุณคร้าบ พี่เนศ...แต่ไม่ใช่อยู่ร่วมห้องหรอก ให้อยู่คนเดียว”

“อยู่คนเดียว?” ธเนศทวนคำอย่างงงๆก่อนจะนึกขึ้นได้ “เฮ้ย! นี่ถึงขนาดไปนอนบ้านเค้าแล้วเรอะ! คนที่บ้านเขาไม่ว่าเอารึไง?”

“เหอะน่า...คุณแน็ทเค้าอยู่คนเดียว...อย่าพูดถึงได้มั้ย หงุดหงิดเฟ้ย!!”

“เออๆ...แต่ทะเลาะกันงี้ เดี๋ยวก็เลิกกัน...ให้พี่ชายคนนี้หาสาวใหม่ให้ดีกว่ามั้ยน้องเอ๋ย มันวาบหวิวกว่ากอดผู้ชายเยอะ!” โอบบ่าตบไหล่ปลอบใจก่อนจะเดินไปเปิดกระเป๋าเดินทางค้นเสื้อผ้าเลือกชุดบุก ประจัญบานยามค่ำคืน

“รู้ได้ไง พี่เนศเคยกอดผู้ชายเรอะ?” พูดจบหมอนนุ่นใบใหญ่ก็ถูกคนที่รื้อเสื้อคว้าโยนปุใส่หน้า

“กรูเป็นชายแท้โว้ย!!”


+++++++++++++++++++++++++++


-10 ชั่วโมงก่อน –

เสียงเพลงเป็นจังหวะตื่นเต้นเร้าใจดังกระหึ่มในพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ หากผู้คนมากมายเบียดเสียดกันจนน่าอึดอัด

“เฮ้ย! ไอ้นัท! สุดซอยโว้ย!” ธเนศตะโกนแข่งเสียงเพลงอย่างคึกครื้น ความมีสติละลายหายไปพร้อมกับปริมาณน้ำเมาที่พร่องไปเกือบครึ่งขวด ต่างกับธณัติ ที่ยิ่งดื่มก็ยิ่งเศร้าใจ

“ฮือ~ คุณแน็ท ทำมาย...ทำไมไม่เชื่อใจกันบ้าง...ทามม้ายยย!!” โก่งคอตะโกนสุดเสียงก่อนจะฟุบลงกับโต๊ะปัดกระติกน้ำแข็งหล่นกระจายเต็มพื้น

“เป็นไรฟะ” ธเนศกับหัวเราะร่วนกับท่าทางกลุ้มใจของน้องชาย เดินไปด้านหลังตบหัวฉาดหนึ่งก่อนจะงัดคางขึ้นบังคับมอง

“โน่น! ดูซะ สาวสวยมีตั้งเยอะแยะ ไปสนใจทำไมไอ้ผู้ชายหล่อน้อยแบบนั้น รีบหาใหม่แล้วเลิกๆไปเหอะน่า! ป๊าม๊าจะได้ดีใจที่ลูกชายเดินถูกทาง”

“แต่ว่า...คุณแน็ท...งือออ...”

“เห็นป่าว น้องชุดดำน่ะ มองแกอยู่นะโว้ย แสดงความแมนให้เพ่เห็นหน่อย” กรอกหูกล่อมประสาทจนธณัติชักเห็นดีเห็นงาม พยักหน้าลุกขึ้นเดินโงนเงน มีธเนศผู้พี่คอยผลักหลังคอยเชียร์เป็นแรงส่ง

“เฮ้อ! ไอ้น้องคนนี้ ต้องให้สอน” ธเนศยืนมองน้องชายอยู่ที่โต๊ะ ยกแก้วขึ้นดื่มอย่างพึงใจ ก่อนจะพ่นพรวดวางแก้วลงเมื่อเห็นภาพน้องชายถูกดึงไปซบอกหนุ่มที่ไหนก็ไม่รู้ แทนที่จะเป็นสาวชุดดำดังที่หมายมั่น

“ให้ตาย! ไอ้พวกผิดเพศ น้องชายกรูห้ามแตะโว้ย!!” ก้าวฉับๆคว้าแขนบางของธณัติดึกออกจากอกล่ำๆได้ก็ตะโกนด่าดังลั่น ก่อนจะลากน้องชายเจ้าปัญหาถูลู่ถูกังกลับโต๊ะ

“ฮือ~ พี่เนศว่าผมผิดเพศ! เออเซ่! ผมมันเป็นเกย์! ก็ผมรักคุณแน็ทนี่นา อืออ...คิตตี้...ฮือออ...อยากกินแพนเค้ก...โฮ!!!!!” พอนั่งลงได้ลิ้นไก่สั้นๆก็งึมงำฟังไม่เป็นภาษาจนธเนศถอนใจ...แผนหาน้องสะใภ้ คงต้องพับเก็บ

“นัทเอ๊ย...ยังไงแกก็เป็น น้องฉัน ถึงแกจะชอบผู้ชาย มันก็ต้องเปลี่ยนไปชอบผู้หญิงได้นะ” ก็ดูสิ ขนาดนั่งเฉยๆสาวเยอแยะยังเหลียวมองพวกเขาเป็นทางซะขนาดนี้...ธเนศคิดโดย พยายามมองข้ามสายตาหนุ่มเยอะแยะที่มองเป็นทางไปเสีย

กวาดตามองรอบข้างสายตาก็ สะดุดอยู่ที่ร่างบางในชุดเสื้อยืดแขนสั้นสีพื้นกับกางเกงยีนส์ขายาวดูเรียบ ง่ายหากจับตาอยู่ในที ด้วยใบหน้าขาวใสที่แม้ความมืดทึมของร้านก็ไม่อาจบดบัง ริมฝีปากแดงฉ่ำกำลังเม้มน้อยๆเชิงไม่ใคร่พอใจ ผมซอยยาวไล่ต้นคอดูกระฉับกระเฉงสะบัดพริ้วตามแรงส่ายหน้าของเจ้าของ มือเรียวสวยยกขึ้นปฏิเสธน้ำเมาที่ชายหนุ่มข้างกายกึ่งเสนอกึ่งยัดเยียดให้ ดื่ม

...สาวน้อยสไตล์ทอมบอย...เป็นแบบที่ถูกใจพอดี...

...ลักษณะขาลุยอย่างที่หาได้ยากนักในชีวิตที่ผ่านมา...

ท่าทางกำลังลำบากเสียด้วย ในที่สุดก็ต้องยอมรับแก้วเหล้าที่อีกฝ่ายส่งให้ถือจนได้ หน้าใสก้มลงมองน้ำสีอำพัน คิ้วเรียวบางขมวดปมอย่างลำบากใจ

...คงต้องช่วยซะแล้ว...

ทันทีที่คิด ขาก็พาย่างก้าวสู่เป้าหมายอย่างว่องไว มือใหญ่คว้าบ่าบางจับกระชับแนบอก ก่อนที่อีกมือจะฉวยแก้วเหล้ามาไว้กับตัว ก้มมองดวงตาสีดำที่เบิ่งตากว้างอย่างตกใจแว่บหนึ่ง

“เฮ้ย!! มึงเป็นใครวะ อย่ามายุ่ง!” ชายหนุ่มคนเดิมตะโกนถามหาเรื่องเต็มพิกัด

“กรูชื่อเนศ!! ธเนศ!  แก้วนี้กรูดื่มแทนน้องคนนี้เองโว้ย!!!” จบคำไม่รอช้า ยกแก้วขึ้นจรดริมฝีปาก ปล่อยให้น้ำรสขมไหลผ่านลำคอรวดเดียวหมด

ก้มลงมองใบหน้าขาวอีกทีกลับ รู้สึกว่ารูปหน้ามันโยกโย้ ไฟหลากสีสันส่องวูบวาบไปมายิ่งเร่งให้มึนงง ขาทั้งสองข้างพลันหมดแรงพยุงตัว เปลือกตาหนักอึ้งปิดลงอย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนที่ทุกอย่างจะดับสนิทราวกับหนังที่ฉายจบตอน


++++++++++++++++++++++++++


นั่นเป็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่ เขาจำได้ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเหลือบมองปอยผมที่โผล่พ้นขอบผ้าห่มออกมาของผู้ร่วมเตียง ...แล้วหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นกันนะ

อยู่บนเตียงสองคน...ในสภาพเปลือยเปล่า

ธเนศไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดเดา ไม่ออกว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น อารมณ์ผ่องใสกับร่างกายเบาสบายขนาดนี้เป็นเครื่องยืนยันที่ดีอยู่แล้ว ...แต่ที่ยังสงสัยคือ ...เขาร่วมเตียงกับใครต่างหาก

...จะใช่สาวน้อยคนนั้นรึเปล่านะ?...

มือใหญ่จับผ้าห่มเลื่อนลงอย่างแผ่วเบา หวังว่าจะได้เห็นใบหน้าขาวใสที่ถูกตาต้องใจเมื่อคืน

...ใช่จริงๆด้วย...

คิดอย่างลิงโลดเมื่อเป็นดัง หวัง แสงแดดอ่อนๆยามเช้าที่ส่องลอดหน้าต่างเข้ามารำไรยิ่งขับให้ใบหน้าขาวใสดูดี ขึ้นกว่าที่เห็นในผับเมื่อคืนนี้มากมาย แพขนตายาวงอนกับเปลือกตาบางยังคงบดบังนัยน์ตาไว้ จมูกเล็กโด่งกับริมฝีปากแดงฉ่ำที่แย้มยิ้มจางๆให้กับห้วงฝันนั้นน่ามองเหลือ เกิน

ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกว่า น้ำลายมันฝืดคอ ความร้อนเริ่มรุมเร้าร่างกายเมื่อจินตนาการต่อว่า ร่างกายที่อยู่ใต้ผ้าห่มนี้จะน่าฟอนเฟ้นเพียงใด มือใหญ่ลอดใต้ผ้าห่มค่อยๆสัมผัสลูบไล้เนื้อแท้อย่างแผ่วเบา

“อืม~” เสียงครางแหบเซ็กซี่น่าฟังดังขึ้นเบาๆ ท่าทางร่างบางจะรู้สึกสบายจึงได้เบียดตัวเข้าชิดหาไออุ่นให้มากกว่าเดิม

…อืมม...หน้าอกหน้าใจเล็กไปหน่อย แต่ก็สมรูปร่างล่ะนะ...เล็กๆแบบนี้ก็น่ารักดี...

...ว่าแต่...

..ไอ้ที่มันดันขาอยู่คืออะไรฟะ?...

คิ้วหนาขมวดอย่างไม่อยากคิด ว่าไอ้ที่เดาไว้มันถูกหรือผิด แขนแกร่งปาดผ้าห่มยกขึ้นเบาๆ มองลอดข้างใต้เผยให้เห็นร่างกายที่ถูกเนื้อผ้าหนาบดบัง

...

...

ธเนศค่อยๆปลีกตัวออกจากร่างที่กกก่าย ย่องลงจากเตียงหลังใหญ่ก่อนจะเก็บเสื้อผ้าที่ระเนระนาดบนพื้นพรมสวมใส่อยากรวดเร็ว

ประตูห้องถูกเปิดแง้มพร้อม กับปิดลงอย่างไร้ซุ่มเสียง ร่างสูงที่ยืนหลังพิงบานประตูฝั่งทางเดินนอกห้องกำลังอยู่ในห้วงอารมณ์ที่ ยากจะบรรยาย คิ้วขมวดมุ่นจนแทบจะผูกกันเป็นโบว์ เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลจากหน้าผากกลิ้งลงเปียกชุ่มคอเสื้อ

มือใหญ่ทั้งสองยกขึ้นกุมขมับ ก่อนจะไถลตัวลงนั่งยองๆอย่างกลัดกลุ้มในความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิต ของตนเอง เสียงแหบแห้งเล็ดลอดออกจากปากเบาๆ





...

“…ผู้ชายนี่หว่า…”


++++++++++++++++++++++++++++++

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
เข้ามาอีกทีก็จบภาค 2 ซะแระ  :oni1: :oni1: :oni1:
แต่ภาค 3 เปิดมาได้ฮาดี จะทำยังไงล่ะทีนี้  :oni2: :oni2: :oni2:

Tsukasa999

  • บุคคลทั่วไป
 :laugh: ขนาดจบอย่างแฮปปี้เอนดิ้งก็ยังฮามากมาย แต่งเก่งจริงๆ

สนุกมากๆเลยค่ะ  o13 มีภาคต่อของคุณพี่ธเนศด้วยใช่มะคะ จะรออ่านนะ


madboo

  • บุคคลทั่วไป
ชอบผมเปล่าโรคจิตนะอ่า><~
ชอบนัท ชอบคนนิสัยแบบนัท  :a3:
อ๊ากกกกก กลับไปอ่านอีกรอบดีกว่า  o13

ออฟไลน์ boboaje

  • ไม่ชอบหวาน ชอบครบรส
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4
555555555+

หน้าเดียวเท่านั้น

ทุกอารมณ์  จริง  อ่ะ 

เพิ่งอ่านจบหน้าแรกค่ะ 


หนุกดีอ่ะ   คู่สองหนุกดี

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6


TonG_x_Zhi

  • บุคคลทั่วไป
โธ่  น้องโย  จะได้กางเกงในนัทคงเร็วไปอ่ะนะ 5555  น่าสงสารปนสะใจ :laugh:

ภาค3น่าสนุกดีคับ  รออ่านตอนต่อไปนะ :oni1:

ออฟไลน์ boboaje

  • ไม่ชอบหวาน ชอบครบรส
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4
 :m14:  เฮียธเนศเราเสร็จแน่อ่ะ  "กรูชายแท้โว้ย"

ขำเสร็จ    :laugh:อยากรุอ่ะว่าคู่กะใคร


สนุกทุกภาคเลยค่ะ   :oni1: มาอัพต่อีกนะค่ะ

ลุ้น :oni2:

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
 :c5: wow ช้อบชอบ ชอบม๊ากมากข่าาาาาาา มาลงเร็วนะตะเองเค้ารอ

VitamiN

  • บุคคลทั่วไป
 :laugh:

เหมือนกับเขียนได้เรื่อยๆเลยนะ
แถวๆนั้นมีแต่คนโรคจิต
ก๊ากกกก ชอบๆ

มาต่ออีกน้า :oni1:

nil

  • บุคคลทั่วไป
 :oni2: :oni2: :oni2:

ภาคแรกก็ว่าหนุกดีนะ

ภาคสองนี่ชอบมาก ฮาสุดๆ ก๊ากกกกกก คิตตี้ คิดได้งัยเนี่ย

ภาคสามเริ่มมาก็ท่าทางมัน ยิ่งนึกถึงน้องโยที่โรคจิตยิ่งอยากอ่านเข้าไปอีก

รีบมาต่อนะ รอกันอยู่มากมาย

Tsukasa999

  • บุคคลทั่วไป
 :oni1:จริงๆอยากอ่าน story side ของน้องโยด้วยนะ อยากให้ทุกคนสมหวังค่ะ อิอิ ถ้าจะกรุณาแต่งมาให้อ่านจะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง

แต่ไปๆมาๆ เหลือตั้งสองคูู่่แน่ะ ตามสะดวกของท่านผู้แต่งนะคะ  :a1:

playCardPlaYBoy

  • บุคคลทั่วไป
ของน้องโยมีแน่นอนคร๊าบบบบบบบ  :o8: :o8: อ่ะๆ อย่าเพิ่งคิดมากน่า สมหวังทุกคู่ละกาน บอกแค่นี้ก่อน นอนก่อนน่า พุ่งนี้ไปตรวจสุขภาพประจำปี นอนดีกว่า :a12: :a12: :a12:

toonzaa

  • บุคคลทั่วไป
สนุก และน่ารักทุกคู่เลยค่ะ

โดยเฉพาะท่านรองประธาน ท่าทางจะเป็นแฟนคลับซานริโอตัวจริง  น้องนัทก็เป็นองครักษ์พิทักษ์คิตตี้ ได้ดีเหลือใจ 

ส่วนน้องโยเอ้ย สงสัยมองแต่หน้าน้องนัท ไม่เคยมองตรูดด ทำไมไม่เฉลียวใจเลยบ้างว่าหุ่นผอมบางอย่างน้องนัท ทำมาย กกน.มันถึงได้ตัวใหญ่ 555 อยากเห็นคู่น้องโย จะเป็นคนแบบไหนกันนะ

ส่วนท่านพี่ธเนศ อย่าฟันแล้วทิ้งนะเว๊ย รับผิดชอบด้วย

ขอเม้นทีเดียวอย่างนี้เลยแล้วกัน จะรอตอนต่อไปนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






sirasyung

  • บุคคลทั่วไป
โอยยยย....อ่านรวดเดียวจบเลย... o2

ภาคแรกแบบโหด ๆ  โรคจิตได้จาย   :laugh:

ภาคสองนี่ก็ฮาดีอะ  คนแต่งคิดได้งายนี่  :serius2:
ชอบคู่สองจัง ชอบนายคิตตี้น่ารักดี


คนอ่านก็อ่านอยู่ด้ายยยยย...สงสัยจะ ~โ~ร~ค~จิ~ต~ เหมือนคนแต่ง 55555

ปูลู  คนนี่อยู่กับเนศน่ะ อย่าบอกนะว่าเป็นน้องโย หุหุหุ  :o8:




ออฟไลน์ sin_no

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1

Narak00

  • บุคคลทั่วไป
ขอบบอกว่าเรื่องนี้สุดยอดดดดดดดดดดด  o13  แต่งได้ไงอ่ะ เก่งคอด ๆ

ภาคแรกว่าสนุกแล้ว

ภาคสองสนุกกว่าอีกหลายเท่าเลย

รออ่านภาคสามอยู่นะคร้าบบบบบ อยากอ่านเรื่องของพี่เนศ (ตอนแรกแอบคิดว่าภาคสามจะเป็นเรื่องของโย)

 :oni1: :oni1: :oni1: :oni1:

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
 :a5:มาต่อสักที่เถอะพี่ รอนานมากแล้วววววววว

playCardPlaYBoy

  • บุคคลทั่วไป
แฟนผมเป็นคนโรคจิต 2



ร้านอาหารบ้านสวนยามเย็น คึกคักไปด้วยเสียงเฮ ปะปนกับเสียงเพลงที่นักดนตรีแสดงสดอยู่บนเวที สปอตไลท์ที่ซ่อนอยู่ตามต้นไม้ใหญ่สาดแสงหลากสีสันน่ามอง ส่วนกลางของร้านถูกเหล่านักศึกษาจับจองต่อโต๊ะยาวเป็นแพ แม้จำนวนเก้าอี้ที่ทางร้านจัดเสริมมาให้จะดูมากมาย แต่ก็ยังไม่สารมารถรองรับผู้มาร่วมกิจกรรมได้พอ

โยอยู่ในชุดนักศึกษาตัวหลวม โพรกที่เจ้าตัวให้เหตุผลตอนเลือกซื้อว่า เดี๋ยวโตขึ้นก็พอดีตัวเอง โดยหารู้ไม่ว่า สี่ปีผ่านไปมันก็ยังคงหลวมอยู่เหมือนเดิม นั่งจิ้มหมูแดดเดียวบนจานด้านหน้าเข้าปากพอเป็นพิธี เพื่อนๆที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่กี่วันคุยกันจอแจสนุกสนาน แต่ตัวเขากลับนั่งเงียบอยู่คนเดียวด้วยการเป็นคนปรับตัวช้า แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้รู้สึกเบื่อหน่ายกับงานรึ่นเริงนี้ซักเท่าไหร่ การนั่งฟังเพื่อนๆลุกขึ้นแนะนำตัวทีละคนตามด้วยเสียงร้องเพลง เสียงเชียร์ดื่มของรุ่นพี่ทำให้รู้สึกเพลิดเพลินไปกับงานดีเหมือนกัน

“เอ้า น้องคนต่อไปครับ” รุ่นพี่ที่ล้อมวงอยู่ด้านหลังตะโกนพร้อมพยักเพยิดให้เขาลุกขึ้นแนะนำตัว เมื่อถึงคิว ด้วยความที่ยังไม่เคยชินกับการแสดงตัวในคนหมู่มาก ทำให้ออกจะเกร็งๆอยู่พอดู เขาลุกขึ้นค้อมตัวเล็กน้อยอย่างไม่ค่อยมั่นใจ พร้อมกับพูดแนะนำตัวเองด้วยเสียงแผ่วเบา

เดชะบุญ รุ่นพี่ที่ยืนอยู่ข้างหลังใช้วิชาหูมารรับฟังคำแนะนำตัวได้แม่นยำ ซ้ำยังทำหน้าที่เป็นโทรโข่งจำเป็นได้อย่างไม่เคอะเขิน  ‘เอ้า ต้อนรับน้องโยกันหน่อยโว้ย!!’ ตามด้วยเสียงเฮ เสียงตีขวดเป่าปากของพี่ๆดังสนั่น

ต่อจากการแนะนำตัว น้องใหม่ทุกคนก็ต้องเดินออกไปด้านหน้าเพื่อรับเหล้ารับขวัญมากรอกดื่มให้หัว ราน้ำ เขายังคงมองขวดเหล้าเปิดใหม่เอี่ยมอ่องวางนิ่งบนโต๊ะ ด้วยความที่เป็นเด็กดีเหล้าไม่ดื่มบุหรี่ไม่สูบมาได้ถึงสิบแปดปีทำให้รู้สึก หนักใจ

...เอาน่ะ แตะปากนิดหน่อยคงไม่เป็นไร...

คิดได้ดังนั้นจึงค่อยๆลุกขึ้นยืน เตรียมตัวจะออกเดินไปยังหน้าลาน

‘เฮ้ย! กรูเอง!!!’ เสียงหนึ่งดังขึ้นทันใด เรียกให้ต้องหันหน้าไปทางต้นเสียง ชายหนุ่มในชุดนักศึกษาก้าวมาด้านหน้าคว้าขวดเหล้าขึ้นชูพร้อมประกาศศักดา ‘กรูชื่อนัท! ธณัติ ปีสี่!! ขวดนี้ดื่มให้น้องโยโว้ย!!!’

นั่นเป็นครั้งแรกที่ได้ยินชื่อ เป็นครั้งแรกที่ธณัติเรียกชื่อเขา และเป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดมา...ที่เขาหลงรักผู้ชาย

น้ำสีอำพันไหลจากขวดลงสู่ลำคอ อึกแล้วอึกเล่า ทันใดกลับมีมือใหญ่จับมือของธณัติ บังคับให้ต้องลดขวดลง

“ธณัติดื่มให้ใครไม่ได้หรอก” เสียงพูดปนเยาะเย้ยดังจากปากของชายหนุ่มร่างใหญ่ ผู้เป็นศัตรูหัวใจของโย มือแกร่งคว้าบ่าของธณัติดึงเข้าหาตัว ดวงตาคมดุเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะมอบจูบดูดดื่มแก่รักแรกของเขา


เฮือก!!

ดวงตากลมโตเบิ่งกว้างในทันใด มันลืมค้างอยู่ชั่วครู่จนสติของเจ้าของฟื้นคืน จึงค่อยหลับลง มือบางยกขึ้นปาดเหงื่อที่ซึมแฉะตามไรผม ในขณะที่อีกมือปัดผ้านวมให้พ้นตัวเพื่อให้รับไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศได้ เต็มที่ ปากแดงอิ่มเผยอพึมพำแหบเบา

“…ฝันไป...”

คิดถึงซะจนเก็บเอามาฝันเป็น ตุเป็นตะ...อยากจะหัวเราะตัวเองซะจริง รู้ทั้งรู้ว่าทั้งตัวทั้งหัวใจ พี่นัทมอบให้คนอื่นไปแล้ว เขาก็ยังไม่ยอมตัดใจเสียที มันเป็นความรักฝังใจ ราวกับการได้เห็นธณัติในวันรับน้อง เป็นวันที่ลูกเจี๊ยบฟักตัวออกจากไข่ ได้พบแม่ไก่อย่างไรอย่างนั้น

จนถึงเดี๋ยวนี้ ก็ยังรู้สึกยอกในอกทุกครั้งที่ได้ยินธณัติคุยโทรศัพท์กับชวนันท์ เจ็บปวดทุกครั้งที่เห็นสองคนอยู่ด้วยกัน หยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน…

ร่างบางลุกขึ้นนั่งพิงหมอน เอื้อมมือจะหยิบแก้วน้ำที่วางบนโต๊ะเล็กข้างเตียงขึ้นดื่ม พลันกลับเบนเป้าหมายไปยังสิ่งที่ตั้งอยู่ด้านหลังแทน สองมือประคองกรอบรูปราวสิ่งล้ำค่า นิ้วโป้งไล้ไปตามโครงหน้าบนกระดาษอย่างเบามือ

ธณัติในชุดนักศึกษา

...แตะต้องได้เพียงรูปถ่าย ตัวจริงช่างไกลเกินเอื้อม...

...เหงา...

อยากมีคนรู้ใจเหลือเกิน แต่ทำไมทุกครั้งที่คบกับใครสักคน ใบหน้าของธณัติก็มักจะเข้ามารบกวนอยู่ร่ำไป ตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสี่ จวบจนเรียนจบแล้วก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม เขาจึงตัดสินใจเข้าใกล้เพื่อหวังจะเผยความในใจให้อีกฝ่ายได้รู้เสียที ...แต่กว่าจะคิดได้มันก็สายเกินไป…ธณัติเป็นของชวนันท์ไปแล้ว

โยก้าวลงจากเตียง พาตัวเองไปยังตู้เสื้อผ้า คุกเข่าลงเปิดลิ้นชักที่มักจะเปิดดูทุกวี่ทุกวัน ทุกอย่างของพี่นัทที่พอจะเก็บมาได้อยู่ในลิ้นชักนี้...สมบัติล้ำค่าของเขา หยิบผ้าเช็ดหน้าที่ห่อถุงพลาสติกอย่างดีขึ้นแนบอกโหยหาหวังจะได้ไออุ่นจาก ผู้เป็นเจ้าของ

...พอเถอะ...โยบอกตัวเองอย่างนั้น...ถึงเวลาที่จะต้องตัดให้ขาดเสียที...มองความเป็นจริงแล้วเริ่มความรักครั้งใหม่เสียเถอะ...

ผ้าเช็ดหน้าถูกวางกลับที่เก่าอย่างเบามือ ตามด้วยกรอบรูปวางทับด้านบนสุด ก่อนที่ลิ้นชักจะถูกปิดลง สลักกุญแจเป็นขั้นตอนสุดท้าย

...จบได้แล้ว โย...

นัยตากลมโตมองลิ้นชักอย่างอาลัยอาวรณ์เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะกระซิบแผ่วเบา

“ลาก่อนครับ พี่นัท”

+++++++++++++++++++++++++++


“ไม่เห็นหน้าซะนาน เป็นยังไงบ้าง?” เสียงตะโกนทักทายดังขึ้นแข่งกับเสียงเพลงดังกระหึ่มในผับที่เคยมาประจำ

“สบายดี ขอบคุณ” โยยกแก้วน้ำชงตามความเข้มที่ชอบขึ้นดื่ม สายตากวาดมองผู้คนมากมายมัวเมาไปกับค่ำคืนหรรษา

“แล้วตอนนี้ยังว่างอยู่รึเปล่า?” อีกฝ่ายไม่รอช้าที่จะทำตามใจตัวเองเลย มือใหญ่เอื้อมกอดยังเอวของร่างบาง โยค่อยๆถอยออกอย่างมีมารยาท

“ก็เรื่อยๆ ว่างบ้างไม่ว่างบ้าง” เขาไม่อยากตอบตามตรง เพราะพอจะรู้เป็นหมายของอีกฝ่ายอยู่

ริมฝีปากเจือกลิ่นเหล้ากับ บุหรี่เคลื่อนเข้าใกล้หู กระซิบพอให้ได้ยิน “คืนนี้ว่างรึเปล่าล่ะ” ว่าจบไม่รอช้า จัดการขบใบหูให้สะท้านอารมณ์ โยยกมือขึ้นปัดเต็มที่

“อย่าคิดว่าคราวที่แล้วได้ แล้วต่อไปจะได้ทุกครั้งไป เราไม่ได้สนใจนาย” ใช่...เรื่องคราวที่แล้วมันเป็นความผิดพลาด ดันเผลอดื่มแก้วที่อีกฝ่ายชงให้ หลงคิดว่าเป็นน้ำหวานผสมนิดผสมหน่อย โดยที่ไม่ได้ระแวงว่าอีกฝ่ายจะใช้ความหวานของน้ำอัดลมบดบังรสขมของสุราได้ อย่างแนบเนียน...เมื่อตื่นขึ้นมาบนเตียงพร้อมกับชายหนุ่ม จึงได้รู้ว่าเสียท่าไปซะแล้ว แต่มันก็เป็นเพียงความสัมพันธ์ช่วงข้ามคืนที่ไม่ได้สานต่อ

“อย่าตัดรอนอย่างนั้นซี่”

“นายนั่นแหละ เลิกเซ้าซี้ซักที”

แล้วบทสนทนาก็จบแค่นั้น จนคิดว่าชายหนุ่มคงจะตัดใจไปแล้ว กลับมีมือสะกิดเรียกที่บ่าอีกคราหนึ่ง  แก้วน้ำหวานสีเข้มถูกเสนอจ่อหน้าเชิงบังคับให้รับไป

“นายดื่มเองเถอะ” โยบอกปัดไม่รักษาน้ำใจ

“นิดหน่อยเองน่า รับรองใส่เหล้าไปแค่นิ๊ดเดียว” บีบเสียงให้รู้ว่าน้อยจริงๆพลางยัดเยียดให้ร่างบางต้องรับไว้ถือ โยก้มลงมองแก้วน้ำหวานอย่างคลางแคลงใจ...

“เอาน่า อย่าคิดมาก แค่ชงมาให้ดื่มเอง”

…จากประสบการณ์ เหล้าแก้วนี้มันต้องมีอะไรซักอย่างไม่ชอบมาพากล...

“น่านะ อึกเดียวก็ยังดี ดื่มให้ชื่นใจหน่อย อุตส่าห์ตั้งใจชงให้” อีกฝ่ายยังคะยั้นคะยอไม่เลิก

โยถอนหายใจหนัก “โอเคๆ อึกเดียวแล้วเลิกยุ่งกันซักทีนะ อยากได้เพื่อนนอนก็ไปหาคนอื่นซะ วันนี้เราไม่มีอารมณ์” ว่าพลางตั้งท่าจะยกแก้วขึ้นดื่ม ฉับพลันบ่าก็ถูกรวบไป จมูกแทบชนกับแผ่นอกตึงแน่น กลิ่นโคโลญจ์ผู้ชายหอมอวล แก้วเหล้าถูกแย่งออกจากมือ

เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็ต้องตกตะลึง...แวบแรกนึกว่าพี่นัทมาช่วยเหมือนเมื่อคราวรับน้อง...แต่กลับไม่ใช่...

...ถึงจะไม่ใช่...แต่ก็เหมือนกันเหลือเกิน... ใบหน้าหล่อเหลาที่ก้มลงมา อีกทั้งดวงตาสีน้ำตาลเข้มช่างเหมือนซะจนน่าแปลกใจ

“เฮ้ย!! มึงเป็นใครวะ อย่ามายุ่ง!” ชายหนุ่มคนแรกตะโกนหาเรื่อง

“กรูชื่อเนศ!! ธเนศ!  แก้วนี้กรูดื่มแทนน้องคนนี้เองโว้ย!!!” เขายกแก้วขึ้นจรดริมฝีปาก ปล่อยให้น้ำรสขมไหลผ่านลำคอรวดเดียวหมด เมื่อก้มหน้าลงมาสบตาหวานฉ่ำได้เพียงชั่ววินาที ร่างกายกำยำพลันหล่นวูบจนต้องออกแรงพยุงไว้ เปลือกตาบางหลับลงอย่างฝืนไม่อยู่

“คุณ! คุณ...ธเนศ!!!” ให้ตาย ขนาดชื่อยังเหมือนกันขนาดนี้ ถ้าเหมาว่าเป็นพี่น้องกันจะผิดมั้ยเนี่ย!

“ชิ! ไอ้บ้าเอ๊ย เสือกแย่งดื่มซะได้” เมื่อโยได้ยินเสียงสบถบ่นจึงเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างโมโห

“นายใส่ยานอนหลับ!”

“ก็เออซิวะ! โว้ย เซ็ง! เสียแผน...ไม่เอาก็ได้วะ  ไปหาคนอื่นก็ได้” ว่าพลางเดินจากไป ทิ้งไว้เพียงภาระชิ้นใหญ่ในอ้อมแขนบาง


+++++++++++++++++++++++++++++


“เฮ้อ!” โยถอนหายใจปาดเหงื่ออย่างเหนื่อยแสนเหนื่อย การถูลากถูกังผู้ชายตัวใหญ่กว่ามาถึงห้องนอนของโรงแรมข้างผับได้นี่มันช่าง กินพลังงานซะจริง ร่างบางนั่งพักบนขอบเตียงพลางพิจารณาใบหน้าของอีกฝ่าย
เหมือนมาก หน้าคล้าย เสียงคล้าย ชื่อคล้าย...แม้แต่คำพูดยังคล้ายกันเลย

‘กรูชื่อเนศ!! ธเนศ!  แก้วนี้กรูดื่มแทนน้องคนนี้เองโว้ย!!!’ คล้ายกับเหตุการณ์ที่ทำให้หลงรักพี่นัท

...ไม่ได้ๆ เอาภาพพี่นัทมาซ้อนกับคนอื่นได้ยังไง...

...แต่...

โยคร่อมตัว ล้วงมือเข้ายังกระเป๋ากางเกงอีกฝ่าย จับกระเป๋าสตางค์ได้ก็ดึงออกมา เมื่อซึมซับข้อความบนบัตรประชาชนได้ก็แย้มยิ้ม...ช่างบังเอิญจริงๆ...

“พี่เนศ...” ก้มลงกระซิบข้างหู นิ้วเรียวบรรจงแกะกระดุม

“อือ...” แม้จะไม่รู้สึกตัว แขนแกร่งก็ยกขึ้นรวบเอวอีกฝ่ายได้ตามสัญชาติญาณ ใบหน้าทั้งสองห่างกันแค่คืบ

“พี่เนศ...เป็นรักครั้งใหม่ ของผมได้รึเปล่า” เปรยอย่างไม่ต้องการคำตอบจากคนหลับ ริมฝีปากแนบประทับดูดดื่ม ก่อนที่ปากแดงอิ่มจะยิ้มแสยะ

“ผมจะถือว่าตกลงก็แล้วกันนะ”


++++++++++++++++++++++++++++++


อากาศเย็นฉ่ำในห้องนอนเรียก ให้โยโหยหาไออุ่นโดยไม่รู้สึกตัว แขนผอมบางก่ายหาเป้าหมายก่อนจะคว้าวืดเมื่อข้างตัวเป็นเพียงที่นอนว่างๆ เย็นๆ ดวงตาเปิดขึ้นอย่างง่วงงุน เหลียวซ้ายแลขวาไม่พบใครจึงค่อยรู้ตัว

…ธเนศไปแล้ว...

เรื่องเมื่อคืนนี้ ชายหนุ่มจะจำได้รึเปล่านะ จะรู้สึกยังไงกับเขาบ้าง หนีไปอย่างนี้ท่าทางเมื่อคืนจะเป็นเรื่องพลาดสำหรับธเนศล่ะมั้ง...แต่ไม่ เป็นไร แม้มันจะเป็นเรื่องผิดพลาด แม้ธเนศจะไม่ได้ชอบผู้ชาย แม้ความสัมพันธ์เมื่อคืนนี้จะเป็นการตบมือข้างเดียว แต่ครั้งนี้เขาจะทุ่มสุดตัว ทุ่มสุดใจ...

โยแสยะยิ้ม “หนีไม่พ้นหรอกครับ พี่เนศ...ผมจะทำให้พี่รักผมให้ได้เลย”


+++++++++++++++++++++++++++++++++++

playCardPlaYBoy

  • บุคคลทั่วไป
แฟนผมเป็นคนโรคจิต 3



“ฮัลโหล” เสียงรับโทรศัพท์ของธณัติเรียกความสนใจให้โยละสายตาจากมือถือเพียงครู่เดียว ก่อนจะกลับไปนั่งมองนั่งจ้องหน้าจอโทรศัพท์ดังเดิม

...ยิ่งดูก็ยิ่งเหมือน...

หลังจากนั่งเปรียบเทียบ ระหว่างรูปกับคนตรงหน้ามานานก็เก็บรายละเอียดได้มากมาย สายตาจับจ้องชายหนุ่มในหน้าจอ เส้นผมตัดสั้นสีน้ำตาลเข้มเป็นสีเดียวกับธณัติไม่มีผิดเพี้ยน เปลือกตาปิดสนิททำให้ไม่สามารถเห็นแววตาสีน้ำตาลเข้มภายใน จมูกโด่งเป็นสันกับริมฝีปากบาง หากมองผ่านๆคงคิดว่า ผู้ชายที่ถูกถ่ายยามหลับอยู่นี้คือธณัติเป็นแน่แท้…ที่ต่างกันก็คงจะเป็น... รูปร่างส่วนสูงที่กำยำกว่า กล้ามเนื้อแกร่งเป็นลอนต่างจากธณัติที่แค่เพียงตึงแน่น สีผิวเข้มกว่าเล็กน้อยแต่ก็ยังออกขาวอย่างคนเหนือ  แล้วก็...

นิ้วโป้งกดไล่ไปอีกภาพพร้อมรอยยิ้มประทับมุมปากยามหน้าจอแสดงภาพชายหนุ่มนอนหลับอ้าปากหวอ ...เขี้ยวน่ารักคู่นี้ไง...

เมื่อไล่ไปอีกรูปก็ต้องฝืน ไม่ให้ยิ้มกว้างออกมา ...ไม่รู้ตอนนี้พี่ธเนศรู้รึยัง ว่าโดนมือซนเขียนชื่อจองไว้ด้านหลังคอพร้อมรอยจูบเรียบร้อยแล้ว…

“โธ่พี่! ก็บอกแล้วไงว่าไม่เลิกๆ” เสียงโวยวายใส่โทรศัพท์ทำให้ต้องเงี่ยหูตั้งใจฟัง

“เออน่า! นี่จะมายุ่งกับผมทำไมเนี่ย แฟนตัวเองล่ะ ไปไหน? หา!? เลิกแล้วเรอะ? เพิ่งคบกันได้แค่เดือนครึ่งเนี่ยนะ!?” หูผึ่งขึ้นกว่าเดิมเพื่อเก็บข้อมูลยัดใส่สมองส่วนที่จับจองไว้สำหรับพี่ธเนศ

“ว่าแต่...เมื่อคืนกลับบ้านยังไง เมารึเปล่า?...ฮัลโหลๆ เงียบไปทำไม ยู้ฮู!” …เมื่อคืนก็โยลากกลับไงครับ พี่นัท...

“จำไม่ได้ แล้วไปนอนที่ไหน ร้านเค้าไม่โยนออกมาข้างถนนเรอะ? ว่าไงนะ! อุตส่าห์เป็นห่วงยังมาด่ากันอีกเหรอฟะ ไอ้พี่เนศบ้า! ไปเจออะไรไม่ดีมารึเปล่า ทำไมวันนี้แปลกๆยังไงไม่รู้? ...อ้าว!?” ธณัติขมวดคิ้วยกมือถือออกจากข้างหูขึ้นดูหน้าจอก่อนจะฮัลโหลกรอกไปอีกสองสาม ที “เฮ้ย! ไรฟะ นึกจะวางก็วาง” สบถอย่างหัวเสียก่อนหันมาโดยไม่ทันตั้งตัว ทำเอาโยสะดุ้งมือถือแทบหลุดมือ

“กินข้าวกันมั้ย โย?” ธณัติถามอย่างไม่ได้เอะใจเลย ว่าพี่ชายตัวเองถูกลอบสูบข้อมูลไปเท่าไหร่

“พี่นัท...มีพี่ชายด้วยเหรอครับ?” ทำเนียนไว้ก่อนดีกว่า

“ก็นะ...” ธณัติตอบ เงียบไปสักพักก่อนจะทำท่านึกขึ้นได้ “เฮ้ย! แต่อย่าคิดอย่างนั้นอย่างนู้นอย่างนี้เชียว เค้าไม่ชอบผู้ชายนะเฟ้ย ขนาดฉันยังโดนขวางซะ...ฮึ้ย! เคือง!” ชริ...ไม่เข้าใจจริงๆ เรื่องตัวเองนี่ความรู้สึกช้าเป็นเต่าคลาน ทีเรื่องพี่ชายละลางสังหรณ์เร็วจี๋ติดจรวด

“แล้วตกลงจะไปกินข้างกันมั้ย หิวแล้ว” ธณัติยังถามย้ำ

โยเสียเวลาคิดเพียงแวบเดียวก่อนให้คำตอบ “พี่นัทไปกินก่อนเถอะครับ ผมยังเคลียร์งานไม่เสร็จ”

…ใช่...มีงานใหญ่ต้องเคลียร์...


+++++++++++++++++++++++++++++


“หนอย! เจ้าน้องบ้า ทำไมไม่เชื่อฟังกันเลยฟะ! ก็บอกให้เลิกๆ คบกับผู้ชายมันมีแต่เสียกับเสีย ดูอย่างเมื่อเช้า...” เมื่อคิดถึงความผิดพลาดเมื่อเช้าก็ต้องขนลุกซู่จนต้องยกมือปัดฉากในหัวทิ้ง ไป “กับผู้ชายมันมีอะไรดีฟะ! ไอ้ที่ควรมีก็ไม่มี ไอ้ที่ไม่ควรมีก็ดันมี มันจะไปรู้สึกดีได้ยังไง” พยายามบอกตัวเองว่า ไอ้ความรู้สึกนุ่มมือยามลูบไล้บนตัวเด็กหนุ่มคนนั้นมันเป็นเพราะยังตื่นนอน ไม่เต็มที่เท่านั้นเอง

…คิดๆไปก็เสียดาย...ทำไมต้องเป็นผู้ชายด้วย หน้าตาอุตส่าห์ตรงสเป็กซะขนาดนั้น...

ธเนศสะบัดหัวยิกเมื่อรู้ตัวว่าเริ่มจะเบี่ยงเบน ...ชายแท้โว้ย! ชายแท้! แลหญิงไม่แลชาย ไม่มีนโยบายปลูกป่า!!!

พยายามตั้งสติให้ดีก่อนจะคว้ากระเป๋าออกจากห้องคอนโดไป
 

++++++++++++++++++++++++++


“ขออณุญาตครับ ท่านรอง” โยพูดเบาๆพร้อมเคาะประตูเป็นสัญญาณให้คนในห้องได้รับรู้ถึงการมา

“มีเรื่องอะไร” ชวนันท์ยังคงก้มหน้าเซ็นเอกสารต่อไป เห็นได้ชัดว่าไม่อยากเห็นหน้าค่าตา ...เขาเองก็ไม่ได้อยากเจอนักหรอกน่า คนที่แย่งพี่นัทของเขาไปน่ะ...

“นี่...” โยยื่นมือถือให้ชวนันท์ดูหน้าจอ เป็นรูปธเนศยามหลับที่โยนั่งจ้องอยู่เมื่อกี้นานสองนาน ท่านรองพิจารณาสักพักก่อนจะถอดแว่นเงยหน้าขึ้นสบตา เป็นสัญญาณว่าการเจรจาจริงจังกำลังจะเริ่มขึ้น

“พี่ชายของนัท?”

 “ผมอยากได้ข้อมูลของคนคนนี้...ทุกอย่างที่คุณรู้”

“แล้วทำไมฉันจะต้องบอกด้วย?”

“ก็ไม่ทำไม ผมอยากได้ข้อมูลของเขา คุณเองก็คงอยากจะบอกอยู่...”

ชวนันท์ขมวดคิ้ว “ทำไมถึงคิดว่าฉันอยากบอก?”

“พี่ธเนศขัดขวางเรื่องคุณกับ พี่นัทใช่มั้ยล่ะ ครั้งนี้คงตั้งใจจะเดินหน้าเต็มที่แน่ๆ...ผมยังได้ยินพี่นัทโทรศัพท์เถียง ปาวๆอยู่เมื่อกี้เลย ว่าอะไรน้า...จะเลิกๆอะไรนี่ล่ะครับ” พูดเสียงสูงหวังกวนเบื้องล่างตามประสาคนไม่ชอบขี้หน้ากัน

“ถ้าอยากจะเจรจาก็อย่ามากวนอารมณ์ฉัน! ...แล้วเธอจะทำอะไรให้ฉันคิดว่ามันคุ้มค่ากับการบอกข้อมูลล่ะ?”

โยเสนอข้อแลกเปลี่ยน พักความเป็นศัตรูไว้ชั่วคราว ตอนนี้พวกเขาจำเป็นต้องถ้อยทีถ้อยอาศัย “ถ้าคุณคอยบอกข้อมูลให้ผม ผมจะคอยกันไม่ให้พี่ธเนศไปยุ่งกับพี่นัท เผลอๆผมอาจจะทำให้เขาเลิกคิดขัดขวางคุณก็ได้”

“เอาความมั่นใจขนาดนั้นมาจากไหนกัน...รู้บ้างรึเปล่า ว่าธเนศไม่ได้ชอบผู้ชาย”

“ครั้งนี้ผมทุ่มสุดตัว ผลจะเป็นยังไงค่อยว่ากัน...แต่มันก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลยไม่ใช่หรือไง ตอนนี้ไม่ชอบ ต่อไปอาจจะชอบก็ได้ ใครจะรู้”

แล้วเขาก็ได้เห็นรอยยิ้มพึง ใจของชวนันท์ ร่างสูงยื่นมือข้ามโต๊ะประจำตำแหน่งมาหยุดอยู่ด้านหน้า โยก็ไม่ลังเลที่จะจับกระชับแน่น “ตกลง ลบความบาดหมางที่ผ่านมาทั้งหมดทิ้งไปซะ...จากนี้ไปเราจะร่วมมือกัน”  แน่นอน เรื่องนี้เป็นความลับห้ามธณัติรู้เด็ดขาด...ทั้งสองคนคิดตรงกัน


++++++++++++++++++++++++


- T&T décor -
รับออกแบบสำนักงาน สถานที่ ตกแต่งภายใน

ธเนศแหงนหน้ามองป้ายบริษัท ใหม่เอี่ยมหน้าทางเข้าอย่างภูมิใจ ทำงานเก็บเงินมาตั้งนาน ในที่สุดก็มีทุนพอจะตั้งบริษัทกับเพื่อนสนิทได้ งานที่ทำก็ตามที่ป้ายอธิบาย เป็นงานที่เขารักและตรงตามสาขาที่ได้เรียนมา น่าเสียดายตรงที่ได้มางานเปิดบริษัทเมื่อเดือนที่แล้วเพียงครั้งเดียว หลังจากนั้นก็ต้องสะสางงานที่ทำอยู่กับเรื่องต่างๆที่พิษณุโลกให้เรียบร้อย โดยปล่อยให้เพื่อนบริหารงานเป็นเวลาถึงหนึ่งเดือน

“เฮ้ย!ไอ้เนศ! ยืนหาเศษทองเจิมป้ายเรอะ ไม่เข้ามาข้างในซักที ร้อนจะตายชัก” หันไปมองตามเสียงเรียกก็พบกับชายหนุ่มขาวตี๋ใส่แว่นกรอบเหลี่ยมดูเฉี่ยวแบบ แนวๆ ตัวเล็กกว่าเขาเล็กน้อยเปิดประตูบริษัทโบกมือเรียกให้เข้าไปข้างใน

“ไอ้กั๊ก ขอดูให้มันชื่นใจหน่อยดิวะ” เอ่ยตอบกั๊ก ชื่อที่เพื่อนในวงเหล้าตั้งให้เพราะมันเมาในหนึ่งกั๊กทุกที หรือชื่อจริงๆที่พ่อแม่ตั้งให้ว่าเม้ง ธนธร ผู้เป็นเพื่อนร่วมทุน เหลียวมองป้ายเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเดินตามชายหนุ่มเข้าไปในตึกสำนักงาน

...

...

“ไม่เห็นหน้าตั้งนาน ไอ้เพื่อนรัก คิดถึงว่ะ” เมื่อเข้ามาในห้องแอร์เย็นเฉียบกั๊กก็โผเข้ากระโดดกอดคอตามประสาเพื่อนสนิท คิดซื่อ แต่ธเนศดันคิดไม่ซื่อนึกภาพไปถึงร่างบางเพศพ่อที่เขากอดไล้เมื่อเช้า ชายหนุ่มจึงยกแขนกันเพื่อนออกห่างโดยสัญชาตญาณ

“บ้าไรวะ อยู่ๆก็เข้ามากอด อึ๋ย~ ขนลุก” ลูบแขนไปมายืนยันให้เห็นว่าขนมันลุกของจริงพลางขยับตัวออกห่าง

“บ๊ะ! เดือนที่แล้วก็กอด ไม่เห็นว่าอะไร ทีคราวนี้ละทำสะดิ้ง...ไปเจอเรื่องสยองอะไรมารึเปล่า?”

คำถามมันพุ่งเข้าทึ่มอกดัง ฉึก จนกระอักออกมาเป็นเลือดแดงๆสูบฉีดบนสองแก้ม พูดจาพาโวยปกปิดใจที่เต้นตุ้บตับตุ้มต่อม “เจอไร จะบ้าเรอะ! ไม่ขำ! อย่างกูนี่...ไม่มีวันพลาดเฟ้ย เรื่องนอนกะผู้ชายนี่ ไม่มีซะล่ะ!”

...แค่ถามเรื่องสยอง มันดันตอบไปถึงนอนกะผู้ชาย... กั๊กขมวดคิ้วรู้สึกว่ามันชักจะแหม่งๆ “ไอ้เนศ...ก็รู้อยู่นะ ว่าชอบสไตล์ทอมบอย แต่ไม่นึกเลย ว่าจะ...”

“เจ๊ย ขัดใจ! ก็บอกแล้วไงว่าไม่พลาด” พลาด ไม่พลาด พลาด ไม่พลาด พลาด ไม่พลาด พลาด ไม่พลาด …โอย เครียด...มันพลาดไปแล้ววว

“แล้วแฟนที่คบอยู่เป็นไงบ้างล่ะ”

“เลิกแล้ว” ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟารับแขก พาดบ่ากับพนักพิงอย่างผ่อนคลาย

“หา! เลิกอีกแล้ว! เพิ่งเดือนกว่าๆเนี่ยนะ!?” กั๊กที่เดินไปเทน้ำด้านหลังสำนักงานตะโกนถามเสียงดัง

“เออ เดือนกว่าๆ”

“ทำไมฟะ?”

“ก็จะเข้ามากรุงเทพ”

“แล้วไง? แค่เข้ากรุงเทพต้องเลิกด้วยเรอะ?”

“แม่จะตามมาด้วย”

“แล้วไม่พามาล่ะ?”

“น่ารำคาญ พอบอกไม่ให้มา แม่มถามว่า’งานกะฉันอันไหนสำคัญกว่ากัน’” จีบปากจีบคอเลียนเสียงเล็กปนสะอื้น ประโยคคลาสสิกของผู้หญิงนี่มันทำให้ดีกรีความเบื่อพุ่งสูงชนเพดานได้ชะงัด นัก

“แล้วตอบไปว่ายังไง” กั๊กถามพลางยื่นแก้วน้ำเย็นเฉียบให้เพื่อนได้ดื่มแก้กระหาย

“จะให้ตอบไง เจอประโยคนี้ทีไรแพ้ใจทุกที”

“แพ้ใจแล้วทำไมเลิก?”

“ไม่ได้แพ้จนใจอ่อน แพ้จนอดใจไม่ไหว กรูเลยตอบกลับไปว่า เธอสำคัญมากนะ...มากเท่าผู้หญิงทุกคนน้อยกว่าหม่าม้านึดจึง  แต่งานกับอิสระของฉันมันสำคัญกว่า …เท่านั้นเอง แมร่งต่อยเข้าเบ้าตา เขียวไปอาทิตย์นึง”

แม้งหยีตาทำหน้าหวาดเสียว “นี่ล่ะว้า สไตล์ทอมบอยอย่างที่มึงชอบ”

“เออ...อยากจะต่อยจะถีบกูไม่ ว่าหรอก แต่จู้จี้จุกจิกนี่ทนไม่ได้ว่ะ...ไม่เข้าใจจริงๆ ตอนคบกันก็ดูไม่ยุ่งยากเรื่องมากดี แต่คบไปคบมาไหงนิสัยเพื่อนทอมมันเปลี่ยนเป็นนิสัยพระมารดาไปได้ฟะ... อย่างกรูน่ะ มันต้องพวกยังไงก็ได้แบบไหนก็ได้ ไปไหนไปกัน...ที่สำคัญ...ต้องปราบนิสัยเจ้าชู้ของกูอยู่ว่ะ” บ่นพลางเคี้ยวน้ำแข็งกรุบๆ มองเหม่อไปไกลจินตนาการหน้าตาสาวในเสป็ก ก่อนจะรีบหลับตาปี๋สะบัดหัว เมื่อใบหน้าใสๆนอนหลับสบายเมื่อเช้ามันแวบเข้ามากระแทกใจ

“เนศเอ๊ย~ พวกเลือกมากเปลี่ยนแฟนบ่อยกว่ากางเกงในอย่างมึงนี่มันคงโดนกรรมตามสนองเข้า สักวัน...ระวังนะเว้ย พอเจอตัวจริงแล้วเขาจะเป็นฝ่ายทิ้งเอา” กั๊กส่ายหน้าระอากับนิสัยไม่เคยเปลี่ยนของเพื่อนสนิท พลางนึกประเด็นเก่าได้ “…หรือว่า ผิดหวังกับนิสัยผู้หญิงจนต้องไปหาผู้ช...”

“ว้ากกกก!!!” เสียงร้องของชายหนุ่มกลบคำท้ายของกั๊กเสียมิด “ไม่ใช่โว้ย! ถึงกูจะชอบผู้หญิงนิสัยชาย แต่ชายจริงไม่ปลื้มโว้ย!”

หลังคำแก้ตัว กั๊กก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ กลับหย่อนก้นลงนั่งข้างธเนศดื่มน้ำให้เย็นชื่นใจเงียบๆแทน

“ว่าแต่บริษัทเป็นไงบ้างล่ะ งานใหญ่มารึยัง?” จบเรื่องสัพเพเหระก็เข้าเรื่องงาน เท่าที่คุยโทรศัพท์กัน หนึ่งเดือนที่ผ่านมายังมีแต่งานตกแต่งเล็กๆเช่นพวกห้องนอน บริษัท ร้านค้า

“ยังหาไม่ได้เลยว่ะ รอให้นายมาช่วยหานี่ไง”

“โหย แล้วจะไปหาที่ไหนดีว้า ประกาศลงเน็ทไปรึยัง?” โดยไม่รู้ตัว แขนแกร่งที่พาดพนักโซฟาค่อยๆเปลี่ยนที่ มือใหญ่เผลอจับผมคนข้างๆเล่นตามนิสัย อีกฝ่ายก็ไม่ว่าอะไรด้วยมันเป็นนิสัยที่ธเนศติดมาแต่ไหนแต่ไร...เพื่อนของ เขามือซน รักการแตะเนื้อต้องตัวมาก่อนที่พวกเขาจะสนิทกันเสียอีก...มันคงเป็นลักษณะ ของผู้ชายขี้เหงาล่ะมั้ง...ว่าแต่เพิ่งเลิกกะแฟนปุ๊บก็เที่ยวปั๊บเลยเหรอ เนี่ย แถมกับสาวขี้เล่นซะด้วยนะ...น้องโยเหรอ...กั๊กคิดเมื่อสังเกตเห็นรอยประทับ จูบที่หลังคอโดยมีปากกาหมึกดำเขียนคำว่า ‘ของโย’ พร้อมกับรูปหัวใจไว้ข้างๆ

“กั๊ก...เหม่อไรฟะ? เน็ทน่ะเน็ท ลงไปรึยัง?” ธเนศถามซ้ำเมื่อเห็นว่าเพื่อนรักใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

“เพิ่งเปิดเว็บไปอาทิตย์ที่แล้ว มัวแต่แต่งนั่นแต่งนี่อยู่” นั่นไง สายเลือดนักออกแบบมันพุ่งปรี๊ด ไม่แจ่มไม่นำเสนอ

“แล้วหนังสือพิมพ์...” ยังพูดไม่จบเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ให้กั๊กรีบวิ่งไปรับ

“สวัสดีครับ...ครับ...ใช่ ครับ...อะไรนะครับ! แต่งห้องในโรงแรม ครับๆ รับทำครับ ครับ...ครับได้ครับ จะส่งรายละเอียดไปให้นะครับ ขอเบอร์แฟกซ์ด้วยครับ...” ธเนศยกแก้วน้ำขึ้นดื่มหูก็กางผึ่งตั้งใจฟัง จวบจนอีกฝ่ายวางโทรศัพท์หน้าบานแฉ่ง วิ่งมากอดคออย่างเบิกบานใจ

“ไอ้เนศ! แกนี่มันตัวนำโชคจริงๆว่ะ! งานแต่งโรงแรมสร้างใหม่ตั้งร้อยห้าสิบห้อง เค้าให้รับผิดชอบออกแบบภายในทั้งตึกเลยเว้ย ฮ่าๆๆ”

ธเนศขมวดคิ้ว “มันแปลกๆ ยังไม่ทันดูงานตกลงอะไรกันเลย ไหงบอกออกมาว่าตกลงจ้างทันทีฟะ?”

“เค้าบอกว่าได้ดูผลงานที่เคย ออกแบบไว้แล้วรู้สึกถูกใจ อยากให้มาออกแบบให้น่ะ...แต่มีส่วนที่เพิ่มมาจากออกแบบนิดนึง...แต่กูว่าไม่ ใช่ปัญหาว่ะ เรื่องวางระบบรักษาความปลอดภัยเนี่ย...ก็น้องชายมึงทำงานด้านนี้นี่นา คงยืมแรงได้ใช่มั้ย?”

ธเนศค่อยวางใจเมื่อได้ฟังคำ อธิบาย เพื่อนเขาคงไม่สะเพร่าขนาดโดนหลอกง่ายๆหรอกน่า เรื่องสัญญาการว่าจ้างก็ยังต้องนั่งอ่านนั่งปรึกษากันอีกทีอยู่แล้ว “อือ...กูว่าไม่น่ามีปัญหา...บทโชคดีจะมา มันก็มาจริงๆแฮะ”

“นั่นสินะ ถึงบอกไง ว่ามึงเป็นตัวนำโชค” กั๊กพูดปนหัวเราะเปิดสมุดออกแบบงานอย่างมีไฟ

..เอาน่ะ จะถือว่าเรื่องซวยๆเมื่อเช้าเป็นเครื่องสะเดาะเคราะห์ก็แล้วกัน...จากนี้ไปคงจะมีแต่โชคดี...สาธู้~…


++++++++++++++++++++++++++++++
 :laugh: :laugh: :laugh: มีคนทายถกด้วยว่าน้องโยยยยยยยยย อ่าแล้วนี้เฮีเนศแกจาทำงายนี้

VitamiN

  • บุคคลทั่วไป
โอ๊ะโอ ตรวจสุขภาพประจำปีเหรอคะ
ดีจัง เราไม่เคยไปเลยอ่ะ :laugh:

แล้วมาต่ออีกน้าน้า

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
เอาละวุ้ย งานนี้ธเนศไม่รอด  :oni1: :oni2: :oni2: :oni2:

totoken

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด