อาการของคนป่วยที่ดีวันดีคืนจนแม้แต่แพทย์ผู้ดูแลอาการยังแปลกใจ จากคนที่ครึ่งเป็นครึ่งตาย จวบจนต้องพิการ จนตอนนี้รพีสามารถควบคุมระบบขับถ่ายได้สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นและยังขยับนิ้วเท้าได้เล็กน้อยแล้ว
กระทั่งแพทย์ออกความเห็นว่ารพีสามารถกลับไปรักษาตัวเองอยู่ที่บ้านได้ แต่ต้องมาที่โรงพยาบาลเพื่อทำการกายภาพทุกวันวันละไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น
ตอนนี้จึงเกิดเหมือนงานเลี้ยงย่อมๆภายในบ้านหลังใหญ่ อาการของโปรดของคุณผู้ชายของบ้านวางเรียงรายน่ากินเต็มโต๊ะอาหาร ศูรบอกให้ทุกคนร่วมทานข้าวด้วยกันเป็นกรณีพิเศษ บรรยากาศที่สดชื่อแจ่มใสของความยินดีของทุกคนทำให้เกิดรอยยิ้มเล็กๆปรากฏอยู่ตลอดเวลา
แต่ไม่ใช่สาเหตุทั้งหมด
รอยยิ้มจากปากหนาเกิดจากคนที่เจอกันเป็นครั้งที่สองหลังจากผ่านเหตุการณ์เลวร้าย วันนี้เป็นวันที่เขากลับมาบ้านหลังจากอยู่โรงพยาบาลเป็นเดือนๆ ตอนแรกรพีนึกหงุดหงิดใจที่ไม่พบว่าอดุลย์มารับกลับ แต่ก็ไม่ได้โวยวายอะไรเพราะคนรอบๆตัวต่างประดับหน้าด้วยรอยยิ้ม แต่เมื่อกลับมาถึงคฤหาสน์หลังใหญ่ก็พบว่าคนที่อยากเจอมาทำกับข้าวมากมายไว้รอตนกลับมาจึงอดที่จะยิ้มดีใจไม่ได้จริงๆ
บนโต๊ะอาหารขนาดใหญ่ถูกใช้โดยทุกคนในครอบครัวรวมถึงคนนอกอย่างไตรเทพและทานตะวันอยู่ด้วย คนที่เป็นจุดสนทนาคงหนีไม่พ้นคุณหนูของบ้านที่ไม่ยอมกลับมาอยู่ที่นี่ซักที
“ตะวันไม่ตอบเรื่องพวกนี้นะครับ”เป็นคำตอบเอาแต่ใจของเด็กชายเมื่อถูกปู่ถามซักไซ้เรื่องที่เมื่อไรตะวันจะยอมกลับมาอยู่ด้วยกัน แม้จะเอาอะไรมากมายไปต่อรองแต่ตะวันก็ไม่ยอมรับข้อตกลงซักอย่าง
“ตะวัน”เสียงปรามจากพ่อร่างบางเมื่อตะวันออกอาการไม่น่ารักใส่แต่ก็ไม่ได้ถือโกรธอะไรจริงจัง ลูกชายอมลมขัดใจหนักขึ้นทุกทีเมื่อเห็นสีหน้าสุขสันต์ของพ่อซันที่จ้องแต่หน้าของพ่อปิงปอง ส่วนพ่อปิงปองก็แก้มแดงปลั่งด้วยความเขินอาย
ตะวันรู้ว่าพ่อทั้งสองคนกำลังมีความสุข แต่เด็กน้อยก็ยังกลัวและกังวลกับเรื่องที่ตัวเองยังคิดไม่ตกอยู่ทุกวันนี้
ถ้าเขาและพ่อปิงปองย้ายกลับมาแล้วพ่อจะเปลี่ยนไปหรือเปล่า ทั้งชีวิตพ่อมีแต่เขาทุ่มเทความรักให้เด็กชายตะวันคนนี้มาตลอด ถ้าหากพ่อมีคนที่รักเพิ่มขึ้นมาพ่อจะรักเขาน้อยลงหรือเปล่า
แต่สิ่งที่ตะวันกลัวที่สุดคือ...พ่อจะถูกทำร้ายอีกหรือเปล่า
“ตามใจตะวันเถอะ พ่อเข้าใจ...พ่อจะรอนะ”รพีพูดด้วยเสียงอ่อนโยนและดวงตาคมที่มองมาที่อดุลย์ตลอดเวลาราวกับคำสัญญานั้นไม่ได้พูดกับลูกชายของตัวเอง
“พอเถอะไอ้ซัน ไปให้หมอเช็คหน่อยก็ดีนะว่าที่ถูกยิงนี่ทำให้หัวใจมันเคลื่อนมาตรงกับปากได้ยังไง พูดซะกูเขินแทนคุณปิงปองเลย”ไตรเทพล้อเลียนเพื่อนกลางโต๊ะอาหารอย่างสนุกสนาน ผู้คนรอบข้างก็หัวเราะยิ้มแย้มตามไปด้วย ถึงไม่มีการบอกกล่าวระหว่างความสัมพันธ์ของทั้งคู่ แต่เหมือนว่าทุกคนจะยอมรับกันแบบเงียบๆไปเองโดยไม่ต้องซักถามอะไร
“เฮอะ”เด็กส่งเสียงร้องอย่างขัดใจ บรรยากาศมีแต่คนเห็นดีไปด้วย ยิ่งพ่อปิงปองก็เอาแต่เขินอายไม่พูดจาอะไรซักคำ ส่วนพ่อซันก็ยิ้มยอมรับไม่ปฏิเสธ ดูแค่นี้ก็อดอารมณ์ไม่ดีออกมาไม่ได้
“ดูเด็กขี้หวงซิครับ”เพื่อนสนิทตัวดำก็เอากับคนอื่นอีกคน ตะวันลุกขึ้นยืนพรวด รู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีพรรคพวก ส่งสายตาดุตามกามพันธุ์ไปให้ทุกคนบนโต๊ะอาหารก่อนจะเดินออกไปท่ามกลางเสียงหัวเราะของทุกคนที่เห็นท่าทางน่ารักของคุณหนูของบ้าน
“ไม่ต้องตามไปหรอกน้องทาน เดี๋ยวน้าไปเอง น้องทานกินให้อิ่มดีกว่า”อดุลย์บอกขัดเมื่อเห็นเพื่อนสนิทของลูกทำท่าจะลุกขึ้นไปตามตะวัน ถึงทั้งเขาและทานตะวันจะรู้ว่าตะวันแกล้งโกรธแต่ก็ต้องออกไปตามไปเรียกทุกที
“พาชั้นไปด้วยซิปิงปอง”รพีขอไปอีกคน คนที่ถูกขอหันไปมองรพีด้วยสีหน้าแดงๆอีกครั้ง ไม่ชินซักทีที่ถูกรพีเรียกด้วยชื่อเล่นแบบนี้ จะว่าไม่ชอบก็ไม่ถูก แค่รู้สึกเขินและไม่ชินเท่าไรนัก
“ครับ”ว่าพลางเดินอ้อมไปอีกฝั่งเพื่อไปจับรถเข็นของคนที่ร้องขอให้พาไปด้วย ก่อนจะเข็นพาออกไปทางที่ลูกชายพึ่งเดินไปทางนั้น โดยมีสายตานับสิบคู่มองตามด้วยความรู้สึกดีใจ
...โดยเฉพาะนายใหญ่ของบ้านหลังนี้...
ศูรมองภาพที่ลูกชายนั่งอยู่บนรถเข็นนวมคันใหญ่ และมีร่างบางของคนที่เป็นเหมือนแสงสว่างกำลังเข็นรถให้ลูกชายตัวเองอย่างระมัดระวังบ่องบอกถึงความห่วงใยอยู่ทุกขณะ
ความรู้สึกเต็มตื้นก่อเกิดขึ้นมาในจิตใจอีกครั้ง เขาบอกขอบคุณร่างบางในใจนับเป็นพันๆครั้งที่เขามาในชีวิตของรพี ขอบคุณที่ช่วยชีวิตหลานชายที่น่ารักของเขาไว้ และอีกมากมายที่อดุลย์ทำให้พวกเขา
การได้เห็นรพีมีความสุขทำให้ชายชรารู้สึกมีแรงมีกำลังใจที่จะมีชีวิตต่อไปในวันพรุ่งนี้ ก่อนหน้าเขาคิดแค่ว่ามีชีวิตไปวันๆ หาต้นไม้หาอะไรมาทำให้ไม่ว่างเพื่อรอชีวิตจะดับสูญ ช่วงชีวิตที่ผ่านมามีอะไรมากมายที่เขาทำพลาดไปหมด
ถ้าไม่มีอดุลย์เข้ามาแก้ไข เขาก็คงตายไปทั้งๆที่ยังไม่ได้แก้ปมอะไรซักปม
“คุณท่านครับ”ลุงกระซิบเรียกเจ้านายที่นั่งทานอยู่ข้างๆด้วยถืออาวุโสจึงถูกจัดให้นั่งเคียงศูร คนถูกเรียกหันมามองคนที่เป็นเหมือนเพื่อนสนิทที่โตมาพร้อมกันอย่างโชน
“ผมคิดว่าถ้าเป็นตอนนี้คงจะไม่น่ามีปัญหาอะไรแน่ครับ”เรื่องที่ลุงโชนพูดออกมาเป็นปริศนาแต่ไม่ใช่กับศูร นายใหญ่ของบ้านพยักหน้านิ่งๆอย่างเห็นด้วยกับที่โชนบอกออกมา พลางถอนหายใจเบาๆ
“ชั้นก็ว่าอย่างนั้นนะโชน”เสียงเข้มพูดด้วยความไม่มั่นใจเท่าไรนัก
“ตอนนี้คุณรพีเข้มแข็งขึ้นมากนะครับ และคุณรพีไม่ใช่ตัวคนเดียว ตอนนี้มีทั้งคุณปิงปองและคุณตะวันผมเชื่อว่าถ้าบอกออกไปคุณรพีจะต้องไม่เป็นอะไรอย่างแน่นอนครับ”โชนพูดเสริมแรงใจและความมั่นใจให้เจ้านาย ศูรเหลือบมองหน้าของที่หย่อนคล้อยตามวัยแต่ยังมีตาที่คงลุกโชนด้วยพลังของชีวิตของลูกน้องคนสนิท ก่อนที่จะพยักหน้าเบาๆให้
“วัชร”เสียงเข้มของศูรเอ่ยเรียกเลขาของลูกชายเสียงค่อยข้างดัง ทำให้ทั้งโต๊ะเงียบลงในชั่วพริบตา ทุกคนหันมาสนใจคนที่นั่งหัวโต๊ะ ยิ่งวัชรที่จู่ๆก็ถูกเรียกยิ่งมองไปที่ศูรอย่างสงสัย
“ชั้นมีเรื่องจะบอกนาย”ศูรเอ่ยบอกแบบนั้นท่ามกลางความเงียบ ชั่วอึดใจที่ดูกดดันจากสีหน้าจริงจังนั้นทำให้คนอื่นไม่รู้สึกตัวว่าไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้จะขอตัวแยกออกไปอย่างมีมารยาท แต่ทว่าก็ถูกขัดไว้เสียก่อน
“ไม่ต้องออกไปกันหรอก เรื่องที่ชั้นจะเล่าพวกเธอทุกคนสามารถรู้ได้ แต่ก่อนหน้านั้นชั้นมีเรื่องจะขอร้องนายก่อน”ศูรหันมามองวัชรอย่างเต็มตา หนุ่มตาตี๋กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากรู้สึกว่าจะต้องมีเรื่องยากๆจากผู้อาวุโสตรงหน้าแน่ๆ
“ค...ครับ?”ถามเสียงสั่นด้วยความกังวล ดวงตาคมที่ดูดุยิ่งกว่าของเจ้านายทำให้รู้สึกกดดันกว่าใคร ไม่นานเกิดรอคำตอบ ศูรก็บอกเรื่องที่ตนอยากขอร้องกับเลขาลูกชายพร้อมกับเสียงร้องตกใจของชายหนุ่มเชื้อสายจีนจนลั่นบ้าน
“...มาเป็นประธานกรรมการให้บริษัทของชั้นได้มั้ย”
••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••
อดุลย์เดินเข็นรถเข็นออกมาทางหน้าบ้านที่ถูกปรับเปลี่ยนไปนิดหน่อย ด้านทางซ้ายมือของบันไดหน้าบ้านมีทางลาดที่ถูกทำขึ้นมา ไม่รวมถึงราวเล็กทั่วบ้านที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรพีโดยเฉพาะ บอกถึงความห่วงใยและใส่ใจของคนเป็นพ่อได้ขนาดไหน
ตลอดทางเดินรพีจะเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยมองใบหน้าขาวที่ขึ้นสีอย่างน่าดูตลอดเวลาอย่างมีความสุข วันนี้เขารู้สึกว่ามีความสุขจนล้นออกมาจากริมฝีปาก รพีฉีกยิ้มเล็กๆอยู่ตลอดเวลา
ร่างบางรู้ตัวตลอดว่าถูกมองเอามองเอาตลอดเวลา ทำตัวไม่ถูกจนประหม่าไปหมด วันนี้ตะวันบอกให้เขามาต้อนรับรพีกลับบ้านเป็นวันแรก ตลอดเดือนกว่าๆที่ผ่านมาตะวันดูจะยอมรับเรื่องอะไรๆได้มากขึ้นเรื่อยๆ
ทุกวันตะวันจะบอกเรื่องราวของรพีให้เขาฟังเพราะเด็กชายจะแวะเยี่ยมพ่อแท้ๆของตัวเองหลังจากเลิกเรียน แต่ที่มากกว่าเดิมคือตะวันก็เล่าเรื่องของอดุลย์ให้รพีฟังด้วยเช่นกัน
“ตะวัน”ครางเรียกชื่อลูกชายเมื่อเห็นร่างเพรียวผิวขาวใสนั่งจุมปุกแกว่งขาเล่นที่เก้าอี้ไม้ตัวใหญ่ในสวนหน้าบ้าน ตะวันหันกลับมามองด้วยรอยยิ้มกว้างอย่างนึกดีใจในตอนแรกที่คิดว่าพ่อตามมาง้อเขา แต่ก็กลับกลายมาหน้าบูดเหมือนเดิมที่เห็นพ่อปิงปองเข็นพ่อซันมาด้วย
...ที่จริงก็เป็นภาพที่ดูอบอุ่น...
...แต่ทำไมตะวันต้องรู้สึกไม่ชอบด้วยก็ไม่รู้...
“อิ่มแล้วเหรอครับ ของโปรดตะวันตั้งเยอะที่ยังทานไม่หมดนะ”เอาเรื่องของกินล่ออย่างรู้นิสัยลูกชาย แต่เด็กหัวกลมก็ไม่ยอมที่จะหันมาสนใจกัน จนกระทั่งเข็นรถให้รพีไปนั่งอยู่เคียงข้างของลูกชาย
“โกรธอะไรพ่อหรือเปล่า”รพีถามเสียงนิ่ง แต่ก็แฝงด้วยน้ำเสียงของความกังวล
“เปล่านี่ครับ”
“เพราะพ่อหรือเปล่าที่ทำให้ตะวันไม่ยอมทานข้าวให้อิ่ม”คนเป็นพ่อเซ้าซี้อย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน รพีรู้ว่าทำไมตะวันถึงเป็นแบบนี้ เพราะแต่ก่อนเขาก็เคยเป็นมาก่อน แต่ต่างกันตรงที่พอเขาเรียกร้องความสนใจ ร้องหาความรักแต่ศูรกลับไม่ยอมสนใจและมองมาที่เขา
แต่ตะวัน...มีพ่ออย่างอดุลย์ที่มองไปที่ตัวเขาตลอดเวลา มีความรักจากอดุลย์ที่มอบให้อย่างไม่มีหยุด
“แล้วถ้าใช่ล่ะครับ”ตะวันตอบด้วยความรู้สึกไม่พอใจ น้ำเสียงของรพีดูเหมือนจะจับผิดและยัดเยียดความผิดให้ตัวเขา แม้สิ่งที่รพีพูดออกมาจะแทงใจดำเข้าเต็มๆก็ตามที
“ถ้าเป็นอย่างนั้น...ก็บอกพ่อได้หรือเปล่าตะวันว่าพ่อทำอะไรที่ลูกไม่ชอบ”รพีบอกลูกชายด้วยเสียงอ่อนโยน มองหน้าตะวันที่ทำสีหน้าเอาแต่ใจก็อดคิดถึงสมัยก่อนไม่ได้จริงๆ เขาเคยได้รับความผิดพลาดมาแล้วจากพ่อ จึงไม่อยากให้ตะวันเดินทางที่ผิดแบบเขา
แต่อะไรที่เขาทำได้บ้างล่ะ...ตลอดมาเขาไม่เคยสั่งสอนใคร ที่ทำได้คงมีแต่บอกเล่าประสบการณ์ตัวเองเท่านั้น
“พ่อรู้ว่าพ่อไม่ใช่พ่อที่ดีเท่าไร”เพียงแค่คำขึ้นต้นก็เรียกทั้งสายตาของตะวันและคนที่อยู่ข้างหลังอย่างอดุลย์ให้หันมาสนใจได้ไม่ยาก สายตาคมดูหม่นลงไปเล็กน้อยเมื่อคิดถึงอดีตที่เหลวแหลกของตัวเอง
“ขนาดว่าเป็นคนดีพ่อยังเป็นไม่ค่อยจะได้ด้วยซ้ำไป...พ่อเคยเรียกร้องให้ปู่ของลูกหันมาสนใจพ่อ พ่อไม่เคยต้องการเงินทองมากมาย ไม่เคยต้องการบ้านหลังใหญ่โต ไม่เคยต้องการให้คนมานับหน้าถือตาว่าเป็นคนสังคมชั้นสูง”รพีบอกพลางจ้องตาลูกชายให้ลึกลงไปในจิตใจ
“พ่อต้องการแค่เวลาและความรักของปู่เท่านั้น พ่อบอกตัวเองว่าปู่ไม่รักพ่อ ไม่เคยให้เวลาพ่อ”รพีพูดด้วยความเสียงที่เริ่มสั่นเครือ มือบางของคนที่อยู่ข้างหลังกุมไหล่อย่างให้กำลังใจ ส่วนลูกชายที่อยู่ตรงหน้ารู้สึกตกใจกับเรื่องที่ได้ยินครั้งแรก และใจมากกว่าเมื่อเห็นถึงความอ่อนแอครั้งแรกของพ่อแท้ๆของตัวเอง
“แต่ที่จริงแล้วพ่อต่างหากที่ทำให้ตัวเองไม่ควรถูกรัก...พ่อเริ่มเกเรเรียกร้องความสนใจ แต่ปู่ก็เอาแต่ทำงาน...พ่อก็เริ่มเรียกร้องหนักขึ้นเรื่อยๆจนตัวเองยังถอนตัวไม่ขึ้น พ่อทำทุกอย่างที่พูดได้เลยว่าคนเลวเขาทำกัน”
“แต่เชื่อหรือเปล่าว่าปู่ของลูกก็ยังไม่เคยทอดทิ้งพ่อซักครั้ง พ่อจะเลวแค่ไหนปู่ลูกก็ยังรักพ่อ...แต่พ่อก็ไม่เคยเห็น พ่อตั้งอคติขึ้นมาจนมันบดบังทุกๆอย่างไปจากสายตาของพ่อมันทำให้พ่อเหมือนคนตาบอด”
“ตาบอดจนมองคนที่รักพ่อเป็นคนที่ไม่สนใจพ่อ มองคนที่ห่วงใยเป็นคนที่คอยยุ่งย่าม...มองคนที่ดีแสนดีเป็นคนร้ายไปซะจนทำอะไรผิดพลาดมากกว่าเดิม”ตาคมละจากลูกชายเงยมองดูอดุลย์อย่างมีความหมาย
“พ่อไม่มีคำพูดอะไรได้มากกว่าขอโทษ...ตอนนี้พ่อรู้แล้วว่าทำไมปู่ถึงทำแบบนั้นกับพ่อ รู้แล้วว่าพ่อผิดมากขนาดไหน”
“....เพราะแบบนั้นตะวันอย่าเป็นแบบพ่อนะ”เสียงเข้มพูดออกมาด้วยใจที่แทบจะร้าวราน ในใจเขาตอนนี้แทบจะไม่มีความภูมิใจอะไรเหลือในตัวเองอีกแล้ว ถึงอยากจะเป็นต้นแบบให้ลูกชายแค่ไหน แต่เขาก็ไม่เห็นว่าในชีวิตนี้เขามีความดีอะไรหลงเหลืออยู่เลย
“พ่อครับ...”ตะวันพูดอะไรไม่ออก เอื้อมมือไปจับมือหนาของพ่อแท้ๆที่วางอยู่ที่พักมือของรถเข็นพร้อมบีบให้กำลังใจ
สิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่เหมือนว่าพ่อซันกำลังบอกเล่าเรื่องราวในอดีตของตัวเองก็จริง แต่ตะวันจับเหตุผลที่พ่อยอมเล่าเรื่องน่าอายนั้นทำไม...ที่พ่อซันยอมเล่าออกมาก็เพราะ...
พ่อไม่อยากให้ตะวันต้องเดินทางพลาดแบบตัวเอง...
เพราะ...พ่อรักและหวังดีกับตะวัน
“ตะวันไม่ทำแบบนั้นหรอกครับ...”ตะวันเอ่ยเสียงแผ่วอย่างที่แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่มั่นใจกับสิ่งที่พูดออกมา คนที่เลี้ยงมาตลอดอย่างอดุลย์มองดูลูกชายก็ยิ้มด้วยความดีใจที่อย่างน้อยตะวันก็ไม่ทำตัวโกรธจนมองข้ามเรื่องเศร้าของผู้เป็นพ่อ ในดวงตาของลูกชายมีแต่ความสงสารให้รพี
“แต่เรื่องที่พ่อซันกับพ่อปิงปองรักกัน...”ตะวันพูดก้มหน้าอย่างคิดหนักกับเรื่องที่อยู่ในหัว
“เอ่อ...”ร่างบางที่เงียบมานานส่งเสียงจะขัดหากแต่โดนสายตาคมจ้องดุให้เงียบเพื่อรอจังหวะให้ลูกชายได้ตัดสินใจ รพีรู้ว่าลูกชายไม่ได้ไร้สมอง สิ่งที่เขาเล่าไปและขอร้องไป หมายถึงไม่ให้ตะวันทำตัวแบบเขาในอดีต...หรืออีกนัยก็คือขอร้องให้ตะวันยอมรับเรื่องของเขาและร่างบางข้างหลังไปในทีเดียวกัน
และตะวันก็เข้าใจเจตนาที่เขาแฝงไป
“ถ้าพ่อซันสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายพ่ออีก...”
“พ่อสัญญา”คำสัญญาเอ่ยบอกทันทีทั้งที่ตะวันยังพูดไม่จบประโยคดีทำเอาคนข้างหลังสีแดงขึ้นริ้วที่ใบแก้มอย่างหยุดไม่อยู่
“ตะวันรวมถึงห้ามทำร้ายทางจิตใจด้วย พ่อต้องห้ามเลิกรักพ่อปิงปอง”ตะวันจ้องมองอย่างเอาจริง มองสลับระหว่างคนหน้านิ่งที่จ้องแงกับตัวเองกับพ่อปิงปองที่เขินอายปิดไม่มิดอยู่ข้างหลัง
“ชีวิตพ่อเอาก็ใช้ชีวิตมามากแล้ว ไม่รู้ว่าพ่อจะมีชีวิตอยู่ได้อีกนานเท่าไร”คนที่ถูกขอคำสัญญาพูดเสียงหนักแน่น บอกความมั่นคงในคำพูดสร้างความเชื่อมั่นให้คนที่ฟัง
“แต่พ่อสัญญาครับตะวัน...ชั้นสัญญานะปิงปอง”รพีหันคนด้านหลังด้วยสีหน้าเดียวกับที่พูดกับลูกชาย
“....ว่าชีวิตที่เหลือต่อจากนี้ จะสิบปี ห้าปี ปีเดียว...หรือแค่หนึ่งวัน...ชั้นจะรักนายแค่คนเดียว”
ถ้าเป็นโหมดดราม่านี่ คนเขียนเขียนได้แบบวันต่อวัน บางวันมาสองตอนด้วยค่ะ
ปล...นี่มันคำขอแต่งงานนี่หน่าาาาาาาาาา