เสียงดังก้องกังวานของพระสงฆ์หลายรูปกำลังท่องบทสวดด้วยทำนองที่ฟังแล้วทำให้จิตใจสงบอย่างประหลาด ในงานเผาศพที่ไม่เหมือนงานเผาศพทั่วไปเพราะมีแค่ชายหนุ่มหน้าตาเศร้าสร้อยเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มายืนอยู่หน้าเตาเผาส่งคนที่รักเป็นครั้งสุดท้าย
การินยืนมองประตูขนาดเล็กที่กั้นกลางระหว่างเขาและร่างของพี่สาวที่คงกำลังมอดไหม้ด้วยเปลวไฟภายในนั้น นึกสงสารพี่สาวคนเดียวของตนสุดใจ แต่ก็โทษใครไม่ได้...เป็นเพราะพี่สาวของเขาทำตัวเองทั้งนั้น
ได้แต่ขอให้พี่...ไปสู่สุขคติ
การินถอนหายในก่อนจะเดินผละออกมาจากบรรยากาศที่ร้อนรุ่มหน้าเตาไฟ ถึงจะบอกว่าเป็นงานศพแต่ก็มีแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่มาเผาผีพี่ ไม่มีใครรู้ถึงการตายของนลินเพราะศูรสั่งให้ปิดไว้ทุกอย่าง
ศูรสั่งให้คนสร้างหลักฐานปลอมว่านลินเดินทางไปต่างประเทศ ไปในที่ที่ไม่มีใครเอะใจสงสัย และบังคับให้น้องชายอย่างเขารอคอยเวลาที่จะแจ้งให้พี่เป็นบุคคลสูญหาย ชายชราที่สั่งการด้วยความเย็นชาทำให้การินไม่กล้าจะต่อความด้วย ได้แค่ตกลงด้วยความข่มขื่น
แต่แค่นี้ก็ถือว่าฝ่ายนั้นเมตราพวกเขามากแล้ว ถึงไม่มีงานสวดศพใหญ่โต แต่ศูรก็อนุญาตให้การินเอาศพมาตั้งบำเพ็ญกุศลเงียบๆ ในวัดที่ห่างไกลผู้คน จนกระทั้งครบเจ็ดวันเขาจึงได้เผาศพส่งพี่กลับคืนสู่ความว่างเปล่า
“หลับให้สบายนะครับพี่”การินเอ่ยบอกครั้งสุดท้ายแล้วเดินลงบันไดลงมา ก่อนที่ตาจะเบิกกว้างด้วยความตกใจ เมื่อเห็นคนที่ไม่คิดว่าจะได้เจออยู่ตรงหน้า
“...คุณรพี”การินครางเรียกชื่อคนที่นั่งอยู่ในรถเข็น ข้างหลังมีพยาบาลกับไตรเทพที่เป็นเพื่อนสนิทของรพี เคยเห็นแค่ครั้งเดียวตอนงานแต่งพี่นลินแต่ได้ยินชื่อจากพี่สาวบ่อยจนจำได้ขึ้นใจ
“ชั้นมาขออโหสิ”รพีบอกเรียบๆ ใบหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆออกมา การินมองคนที่พูดเมื่อครู่ด้วยสีหน้าแปลกใจ ถึงไม่ได้สนิทอะไรกันมากมายนักแต่เขาก็รู้ดีว่ารพีเป็นผู้ชายที่ถือตัวขนาดไหน
“...ครับ”
“พาชั้นไปหาพี่สาวนายหน่อย”รพีบอกออกมาพร้อมจ้องหน้าอีกฝ่ายจนการินสะดุ้งตกใจ ดวงตาดุดวงนั้นน่ากลัวกว่าจะน่าหลงใหล ไม่เข้าใจว่าพี่ไปชอบคนที่มีตาแบบนั้นบนใบหน้าได้อย่างไร การินพยักหน้ารับคำสั่งเจ้านายเก่าและเพื่อนสนิทของเข้าก่อนจะเดินนำไปกลับไปทางที่พึ่งลงมา
จนเมื่อถึงหน้าบันได ร่างสันทันของไตรเทพก็ออกแรงยกประคองเพื่อนสนิทขึ้นมาทั้งตัว ใบหน้าคมสันบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บเสียดที่ปากแผลที่ถูกยิง การินหันมองด้วยความสงสัยก่อนจะตาค้างด้วยคิดถึงความเป็นไปได้เมื่อเห็นว่าที่รพีนั่งรถเข็นไม่ใช่เพราะบาดเจ็บเล็กน้อยแต่เพราะขาที่ลู่ลงราวไม่มีแรงนั้นไม่สามารถจะใช้การเหมือนปรกติ
มือยกขึ้นปิดปากด้วยความตกใจพร้อมสายตาที่รู้สึกแย่กับสิ่งที่ตัวเองก็มีส่วนเหมือนกัน
“ขอบใจไตร”ไตรเทพพยักหน้ารับรพีที่บอกขอบคุณเมื่อเพื่อนอุ้มเขาขึ้นมาจนถึงหน้าเตาไฟภายในเมรุหลังไม่ใหญ่ เสียงดังฟู่ของไฟภายในบ่งบอกว่ากำลังถึงขั้นตอนอะไรอยู่ รพีมองตรงไปราวกับจะมองทะลุเข้าไปภายใน หวังจะสื่อให้ถึงคนที่ล่วงลับ
“ชั้นมาขอโทษเธอ...ชั้นขออโหสิกรรมทั้งที่ชั้นทำไว้กับเธอ หรือที่เธอทำกับชั้น ขอให้เวรกรรมทั้งหมดหมดลงในชาตินี้เท่านั้น”เสียงเข้มเอ่ยบอกจริงจังเสียคนรอบข้างขนลุก รพียังจ้องมองตรง
วันนี้เขารู้มาจากวัชรว่าจะเผาศพของนลิน ภายในจิตใจของเขาก็เรียกร้องให้มาให้ได้ อย่างน้อยก็จะมาขอโทษทุกสิ่งที่เคยทำกัน เวลาหนึ่งอาทิตย์ที่มีเรื่องราวมากมายได้ไหลผ่านเข้ามาในชีวิตจนรู้สึกว่ามันหนักหนากว่าตลอดสี่สิบปีที่มีชีวิตมาเสียอีก
แต่ก็เพราะปัญหาเหล่านั้นทำให้รพีได้นอนนิ่งๆและรู้สึกว่าตัวเองเป็นต้นเหตุของปัญหาอะไรหลายๆอย่าง เป็นตัวเขาที่เริ่มต้นสิ่งเลวร้ายที่มันกำลังถาโถมเข้ามา
ทั้งเรื่องของนลินที่เขาหลอกใช้จนเธอต้องมาลงเอยแบบนี้
ทั้งเรื่องของตะวัน ที่ตอนวัยรุ่นเขาคิดจะให้ผู้หญิงที่ตัวเองก็จำไม่ได้แล้วไปเอาตะวันออก เพียงแต่โชคดีที่มีคนช่วยไว้
และเรื่องของอดุลย์ที่เขารู้สึกเสียใจที่ทำร้ายร่างบางนั้นตลอดมา
“ชั้นขอให้เธอไปสู่ภพภูมิที่มีแต่ความสุข ตลอดมาชั้นไม่เคยให้ความสุขกับเธอเลย เพราะชั้นเองก็ไม่เคยคิดว่าชีวิตชั้นจะมีความสุขอยู่เหมือนกัน”หน้าคมหลับตาพลางนึกถึงใบหน้าคนบางคนขึ้นมาในหัว
“แต่ชั้นว่าชั้นคิดผิด...ความสุขมันอยู่รอบตัวชั้นไปหมด...ถ้าไม่มีเธอชั้นก็คงยังคิดไม่ได้ ชั้นก็คงจะเป็นคนที่ปฏิเสธสิ่งดีๆที่เข้ามาในชีวิต”
“...ขอบคุณมากนะนลินที่เข้ามาในชีวิตชั้น ขอบคุณที่รักคนที่ไม่เคยทำดีกับเธอเลยแม้ซักครั้ง ขอบคุณที่เธอทำให้ชั้นตระหนักได้ถึงความสุข”รพียกยิ้มอย่างจริงใจขึ้นมา พร้อมกับลมจางๆที่พัดผ่านพากลิ่นหอมของดอกบัวที่อยู่แถวนั้นขึ้นมาด้วยกัน รพีสูดลมหายใจเอากลิ่นหอมนั้นเข้ามาในตัว
“หลับให้สบายนะ ขอบคุณจริงๆ...ลาก่อน”คำพูดสุดท้ายเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบาฝากไปกับสายลมและกลิ่นบัวหลวงฝากส่งให้คนที่ล่วงลับ รพีหันไปสบตากับไตรเทพที่ยืนนิ่งมองเพื่อนด้วยความรู้สึกดีก่อนที่จะเดินมาอุ้มเพื่อนอีกครั้งเพื่อพาลงไปที่เดิม
“ขอบคุณนะครับคุณรพี ถ้าพี่รู้...เขาต้องดีใจมากแน่ๆ”การินพูดแต่สายตาก็ยังอดมองที่ขาส่วนล่างไม่ได้ ความสงสัยภายในยังคงติดค้างเพียงแต่ไม่กล้าเอ่ยปากถาม
“อืม...แล้วนายจะเอายังไง”รพีถามเสียงนิ่งเมื่อลงมาถึงข้างล่างจนนั่งลงบนรถเข็นคันเดิมเรียบร้อย การินมองคนถามด้วยความไม่เข้าใจในคำถาม
“จะกลับไปทำงานที่บริษัทชั้นต่อหรือเปล่า”รพีถามนิ่งๆ มองคนตรงหน้าที่ดูประหม่าแล้วก็นึกสงสาร หากเป็นแต่ก่อนเขาคงปล่อยผ่านให้การินไปตามเวรตามกรรม แต่เพราะถ้าเขาไม่ยอมให้อภัยคนเป็นทั้งๆที่มาขออโหสิกรรมคนตายคงไม่ดีเท่าไรนัก
“เอ้อ...”
“ค่อยๆคิดแล้วกัน ชั้นไปก่อนล่ะ ยังไงก็ติดต่อไปทีวัชรถ้าอยากทำงานที่เดิม แต่คงไม่ใช่ตำแหน่งเก่าหรอกนะ รู้ใช่มั้ยว่าทำไม”การินพยักหน้าหงอยๆ เครดิตตัวเขามันไม่มีเหลืออยู่แล้ว ชื่อเสียของเขาดังกระฉ่อนไปทั่ว ถ้าการินยังทำตำแหน่งเดิมคงไม่น่าไว้วางใจ เขารู้ตัวดี
“ขอบคุณครับที่ยังให้โอกาสผมแต่ผมคงไม่มีหน้ากลับไปอีกแล้ว”การินยกมือขึ้นไหว้ รพีหยักหน้ารับ
“ไม่ใช่หรอก ไม่ใช่ว่าชั้นให้โอกาสนาย...มีแค่นายเท่านั้นที่เลือกจะให้โอกาสตัวเองหรือเปล่า เหมือนอย่างชั้นที่กำลังให้โอกาสตัวเองอยู่”พูดเป็นปริศนาก่อนจะถูกเข็นออกไปเงียบๆ
เขียนตอนต่อไปไม่ค่อยออกเลย เริ่มเขียนตั้งแต่ห้าทุ่ม ปรกติเขียนชั่วโมงเดียวได้มาประมาณสามพันคำ นี่ได้มาแค่พันกว่าๆ ไม่ถนัดจริงๆค่ะ เลยเอาบทแทรกมาลงให้ก่อน ที่จริงตอนนี้กะไว้ลงตอนอื่น เพราะเรื่องหลักไม่อยากพูดถึงนลินมาก กลัวคนเกลียดเธอ ซึ่งความคิดคนเขียนนะ เราสงสารตัวละครตัวนี้อ่ะ เขียนเองสงสารเองบ้าไปแล้ว
จะพยายามเขียนตอนหน้าพรุ่งนี้นะคะ ขอนอนก่อน
ปล นลินแปลว่าดอกบัวนะคะ