“ยังไม่อยากให้ไป”
พอได้ยินเสียงหงอยๆของเด็กน้อยด้านหลังก็พาให้ขาก้าวไม่ออก ก็ไหนว่าไล่กันแล้วไง เมื่อกี้ยังบอกให้กลับไปอยู่เลยไม่ใช่เหรอ
“เราก็แค่อยากจะให้รออีกนิด เรื่องทั้งหมดมันกำลังแย่เรารู้ เราเองก็ไม่สบายใจเหมือนกัน แต่เพราะว่าช่วงนี้ข่าวมันกำลังแรง...”
เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ดังมาจากเบื้องหลังเมื่อคนพูดหยุดเงียบไป ก่อนจะเอ่ยปากขึ้นมาอีกครั้ง
“โอเค มันเป็นความผิดเราเอง เราคิดน้อยไป ไม่ทันคิดว่านัทจะกังวลใจมากแค่ไหน อันที่จริง... แค่รับโทรศัพท์ก็ไม่น่าจะเป็นอะไร ยังไงพวกผู้ใหญ่ที่ค่ายก็คงไม่รู้ว่าเราคุยกันหรือเปล่า...” เสียงพูดอ้อมแอ้มจากคนสำนึกผิดทำให้ผมต้องหันหลังกลับไปหาเขา บิดแขนออกจากมือเล็กและยืนจ้องหน้าเขาอยู่อย่างนั้น
“ก็รู้นี่”
“นัท...” ดวงตาสวยเริ่มรื้นขึ้นด้วยน้ำใสๆ พาเอาหัวใจผมกระตุกวูบ อดไม่ได้ต้องยื่นมือไปวางแหมะลงบนหัวกลมๆนั่นก่อนจะลูบไปมาเบาๆ
“งอแงอีกแล้ว”
“ไม่ได้งอแงสักหน่อย”
“แล้วนี่อะไร” ปากบอกไม่ได้งอแง แล้วไอ้ที่มันไหลออกมาจากหางตาที่อะไร น้ำลายรึไง? เห็นอยู่ทนโท่แล้วจะยังมาปากแข็งอีก
“เหงื่อ”
“เหงื่อบ้าอะไรออกมาจากลูกกะตา”
“นิสัยเสีย” ไม่พูดเปล่า ยังเอามือมาผลักกันจนหลังกระแทกประตูเข้าให้อีก
“อะไรอีกอ่ะ”
“ใครบอกให้หันหลังกลับไปง่ายๆแบบนั้นเล่า”
“อ้าว แล้วผมทำอะไรผิดล่ะครับ ก็คุณซินไล่ ไอ้ผมมันเป็นแค่บอดี้การ์ด จะทำอะไรได้นอกจากทำตามคำสั่งล่ะครับ”
คนสวยเบะปากทันที ก่อนน้ำตาจะเอ่อขึ้นมาอีกรอบ อ้าวเฮ้ย... ผมทำอะไรผิดอีกอ่ะ คนที่ควรนอยด์ควรน้อยใจมันต้องเป็นผมไม่ใช่เหรอครับ แล้วไหงกลายเป็นแบบนี้ล่ะ
“ทำไมชอบพูดแบบนี้นักวะ อยากเป็นนักใช่มั้ยไอ้บอดี้การ์ดน่ะ เออ! เป็นไปเลย! แฟนเฟินไม่ต้องเป็นมันแล้ว! อยากไปตายที่ไหนก็ไปเลยไป ไอ้บ้า!!”
อ้าวเป็นงั้นไป เห็นซินโวยวาย ทุ้บผมอั๊กๆไป น้ำตาไหลไป เฮ้ย... จะว่าไงดีล่ะ มันจะสงสารก็สงสาร แต่ทำไมผมขำวะ อาจเป็นเพราะว่านานๆทีจะเห็นคุณซินขี้ซึนหลุดเก๊กแบบนี้นี่ครับ แมวน้อยของผมวันนี้อาละวาดเสียแล้ว
ผมยกสองมือขึ้นรวบมือซินเอาไว้ด้วยกัน หยุดการประทุษร้ายร่างกายเอาไว้ก่อนที่จะพูดคุยกันไม่รู้เรื่อง
“อยากให้ไปตายจริงดิ” อารมณ์นี้ก็ยังอยากจะกวนตีนกันนะครับ
“เออ!!”
“งั้นขอตายในอกซินละกัน”
“ไม่ต้องมาพูดดีเลย ไอ้คนนิสัยเสีย แม่ง... ปล่อยเลยนะ ปล่อยเราเลย!”
“อย่าเสียดังสิซิน เดี๋ยวคนข้างนอกก็ได้ยินหรอก”
คนเสียงดังเงียบลงไปทันที แต่ใบหน้านี่หงิกงอง้ำเชียวนะครับ ปากยื่นๆแบบนี้มันน่ากัดให้ขาดซะจริงๆ
“ไหน เมื่อกี้ใครบอกว่าอยากให้กอดไง” คนโกรธหน้าแดงเรื่อขึ้นมาทันที
“....” ก้มหน้าหนีงุดๆไม่ยอมตอบ
“ไม่เอาแล้ว ไม่ทะเลาะกันแล้วนะซิน ที่มาหานี่ไม่ได้อยากทะเลาะเลยนะ” พูดไปก็เช็ดคราบน้ำตาข้างแก้มใสไปด้วย ไม่ได้เห็นซินร้องไห้แบบนี้นานแล้ว คงเพราะว่าครั้งนี้รู้สึกแย่มากจริงๆ ไหนจะยังสถานการณ์ย่ำแย่ในตอนนี้อีก เขาเองก็คงกดดันมากเหมือนกัน
“ก็นัทจะพูดแบบนั้นทำไม เราไม่ชอบเลยนะ งานก็ส่วนงานสิ แฟนก็ส่วนแฟน อย่าเอาเรื่องนี้มาประชดประชันกันได้มั้ย เราไม่ชอบเลย”
“ขอโทษครับ”
คนสวยยังคงเบะปากออกนิดๆ แต่น้ำตาก็หยุดไหลไปแล้ว ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี
“เราเองก็ขอโทษเหมือนกัน ไม่ได้อยากให้นัทกลับ แล้วก็ไม่ได้อยากให้นัทตายด้วย...” น้ำเสียงแบบนี้ ทำหน้าแบบนี้ เหมือนเด็กน้อยจริงๆเลยครับ
ผมยิ้มนิดๆก่อนจะคว้าร่างบางเข้ามากอด ไอ้ตัวดีก็ยอมโอนอ่อนผ่อนตามไม่ได้ว่าอะไร แถมยังเอาหัวทุยมาถูๆไถๆกันอีกต่างหาก อ้อนเกินไปแล้ว...
“รู้แล้ว”
“ขอโทษนะ ที่ไม่รับโทรศัพท์ แต่ไม่ได้ตั้งใจจะหนีเหมือนเมื่อตอนนั้นนะ” ซินเงยหน้าขึ้นมามองผมหน้าตาตื่น
“ครับ เชื่อแล้ว ก็รู้แหละว่าไม่ได้จะหนีกันไปไหน แต่ก็ไม่อยากให้ทำแบบนี้ อยากให้คิดถึงใจกันบ้าง”
“ขอโทษ”
“โอเค พอแล้ว ไม่ต้องขอโทษแล้ว ไม่ทะเลาะแล้วนะ ไหน.. ไม่ได้เจอหน้าตั้งสี่วัน ขอมองหน้าแฟนให้ชัดๆหน่อยครับ”
ตากลมสวยเงยมองหน้ากัน เห็นตาใสๆต้องมาปรอยไปด้วยน้ำตาแบบนี้แล้วมันใจไม่ดีเลย ชอบเห็นซินเวลายิ้มน่ารักมากกว่า หรือไม่ก็ตอนตีสีหน้าซึนๆ แบบนั้นก็น่ารักไปอีกแบบนะครับ แต่ไม่ชอบเวลาแบบนี้เลย ซินตอนนี้ที่ดูราวกับจะแตกหักออกซะง่ายๆ ซินคนเก่งของผมหายไปไหนแล้วนะ
“น้ำลายไหลออกมาจากตาอีกแล้วเนี่ย ไม่เอาๆ พอแล้ว”
“ไอ้นัทบ้า น้ำลายที่ไหนเล่า!”
“อ้าว ก็ไหนบอกว่าไม่ได้ร้องไห้ไง”
“ก็ไม่ได้ร้อง...มันไหลออกมาเอง”
“ครับๆ ไม่ได้ร้องก็ไม่ได้ร้อง” ปากก็พูด มือก็เช็คคราบน้ำตาให้เขาไปด้วย ก่อนจะลากไล้นิ้วมือลงมาที่ริมฝีปากแดงเบาๆ ลูกแมวน้อยไล้ปากเขากับมือผมไปมา
อย่าๆ... อย่ามาให้ท่ากันด้วยวิธีนี้ เดี๋ยวจะเสร็จในห้องน้ำโดยที่ไม่รู้ตัวครับซิน
“นัท...”
“ครับ”
ดวงตากลมเลื่อนขึ้นมามองหน้าผม ก่อนจะก้มหลบลงไปด้วยท่าทางเขินๆ
“...อยากให้จูบ”
โอ้ยยยยยยย พลังทำลายล้างขั้นสุด! ไปเอาท่าทางเชิญชวนแบบนี้มากจากไหนนน ใคร! ใครมันสอนซินของผมให้พูดจาแบบนี้! มาเอารางวัล!!! มีแสนให้แสน มีล้านให้ล้านเลยครับ
โอ้ยตาย... จะเป็นลม
ในเมื่ออยากให้จูบแต่ก้มหน้างุดๆแบบนี้จะไปจูบได้ยังไงกันล่ะครับ หึหึ ในหัวเริ่มคิดเรื่องบรรเจิดได้อีกแล้ว
ในเมื่ออยากให้จูบก็จะจูบครับ ผมเป็นคนตามใจแฟนอยู่แล้ว
คิดได้แบบนั้นก็เชยคางคนขี้อายขึ้นมาให้มองหน้ากันให้ชัดๆ แก้มใสแดงแปร๊ดมากกว่าทุกที คงเป็นเพราะว่าครั้งนี้เป็นฝ่ายเอ่ยขอกันเองน่ะสิ
ผมโน้มไปหน้าลงใกล้เขามากยิ่งขึ้น ลมหายใจอุ่นร้อนสัมผัสผะผาวยามเมื่อเราอยู่ห่างกันเพียงแค่นี้ ซินหลับตาลงพริ้ม รอรับสัมผัสจากผม ก่อนที่ผมจะแตะริมฝีปากลงบนหน้าผากมนแผ่วเบา และถอนริมฝีปากออกมา
ซินที่หลับตาออยู่สักพักแต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้นจึงลืมตาขึ้นมาอย่างงุนงง ยิ่งเจอผมยืนยิ้มแป้นแล้นอยู่ตรงหน้า คิ้วเรียวก็เริ่มขมวดมุ่น จะอะไรซะอีกล่ะ นอกซะจากผมอยากจะแกล้งลูกแมวขี้ซึนตัวนี้น่ะสิ
ทำไมล่ะ อยากให้จูบ ก็จูบไปแล้วนั่นไง...
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงทำหน้ายุ่ง ผมจึงแกล้งถามออกไปอย่างงุนงง
“เป็นอะไรซิน ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ จูบของนัทไม่ลึกซึ้งพอเหรอ”
“นี่คือจูบแล้วเหรอ” คนโดนขัดใจถามขึ้นมาอย่างงงๆ
“อ้าว มันไม่ใช่จูบเหรอ”
“มันก็ใช่... แต่ไม่เหมือนอย่างทุกทีนี่นา”
“แล้วทุกทีมันเป็นยังไงครับ”
“แกล้งเราป่ะเนี่ย”
“ไม่ได้แกล๊งงง เปล่าเลยยย” เปล่าเลย แต่น้ำเสียงนี่ไปแล้วครับ ตอแหลนำหน้าไปแล้ว
คนสวยขมวดคิ้วยุ่ง ก่อนจิ้ปากอย่างหงุดหงิด เอาแล้วครับ เริ่มมีอารมณ์ขึ้นมาบ้างแล้ว แต่เป็นอารมณ์โมโหนะ ไม่ใช่อารมณ์โรแมนติกแต่อย่างใด ไอ้คนแกล้งอย่างผมก็ได้แต่ขำกึกๆอยู่ในใจเท่านั้น รอดูปฏิกิริยาต่อไป
“แล้วทุกทีนัททำยังละซิน ทำให้ดูหน่อย....”
ยังไม่ทันขาดคำที่จะให้เขาทำให้ดู มือบางก็เอื้อมมากระชากคอเสื้อกัน ดึงลงต่ำก่อนจะประกบปากจูบลงมาอย่างรวดเร็ว
ช็อคซีนีม่า!!!
เหวอแดกกันไปเลย บทจะแรงก็มาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยกันเลยครับคนคนนี้
เรียวลิ้นเล็กสอดแทรกเข้ามาอย่าขัดๆเขินๆ เกี่ยวกระหวัดรัดรึงไล่ต้อนผมจนจนมุม แต่เด็กน้อยก็ยังคงเป็นเด็กน้อย ท่าทีกล้าๆกลัวๆแบบนี้คงต้องสอนกันชุดใหญ่ซะหน่อยแล้ว
ผมค่อยๆขยับตัวเบาๆเพื่อดันซินให้เป็นฝ่ายหันหลังชนประตู บดเบียบดริมฝีปากเข้าหา ดูดเม้นปากแดงสวยย้ำๆเพื่อให้เขารู้ว่าผมคิดถึงเขามากแค่ไหน มือสองข้างลากไล้เอวบางภายใต้เสื้อเชิต ก่อนจะละมือข้างหนึ่งขึ้นประคองใบหน้าสวยให้แหงนรับจูบได้ถนัดขึ้น บดเบียดลำตัวเข้ากับหน้าขาซินเพื่อให้เขารับรู้ความต้องการทั้งหมดที่มี
ลากไล้ริมฝีปากผ่านคางมนลงมายังลำคอขาวที่บัดนี้ไร้กลุ่มผมบดบังเมื่อเจ้าตัวมัดรวบเป็นหางม้าไว้ด้านหลัง ซุกไซร้ดอมดมกลิ่นหอมเฉพาะตัวของซิน ไม่สนใจเสียงเล็กที่ดังคัดค้านกันอย่างไม่จริงจังนัก
“นัท...นี่มันห้องน้ำนะ”
ห้องน้ำแล้วยังไง กลางห้องคนป่วยในโรงพยาบาลยังเคยมาแล้ว...
เสียงห้ามกลายเป็นเสียงครางแผ่นเบาอย่างพึงใจเมื่อผมหยอกล้อกับใบหูขาว เป่าลมรดรินเบาๆให้ขนกายคนในอ้อมกอดลุกซู่
“อื้อ... นัท...”
อากาศอบอ้าว พาเอาเหงื่อชื้นตามไรผม แต่ใครจะสนเช็ดมันตอนนี้กันล่ะ
“นัท!”
สองมือเล็กจับไหล่ผมดันออกก่อนจะเรียกขึ้นเสียงดัง ทำให้ผมจำต้องถอยออกมาจากซอกคอขาวที่ฝากฝังรอยแสดงความเป็นเจ้าของลงไปเรียบร้อยแล้ว ให้มันรู้ซะบ้างว่าตอขาวๆกับไหปลาร้าสวยๆนี่ผมเห็นได้แค่คนเดียว สติกระเจิดกระเจิงถูกรวบรวมกลับมาอีกครั้ง พาตัวเองมายืนจ้องหน้าคนห้ามที่เป็นคนเริ่มเอง
“นี่มันห้องน้ำนะ แล้วเราก็อยู่ระหว่างทำงาน”
“นายขึ้นร้องไปแล้วไม่ใช่หรือไง เสร็จงานนายแล้วนี่”
“ร้องเสร็จแล้ว แต่ก็ไม่ควรหายเงียบไปเลยอย่างนี้”
“กลับเลยก็ได้นี่”
“ก็ได้...”
“แล้วจะกลัวอะไร”
“ก็...ในนี้มันแคบ”
“แปลว่าถ้าไม่แคบ ก็ไม่เป็นไรใช่มั้ย”
คนสวยก้มหน้างุดไม่ยอมสบตากัน ผมจึงต้องเอื้อมมือไปเชยคางคนขี้อายให้เงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าแดงซ่านเงยขึ้นแต่ไม่ยอมสบตามองผม มาถึงขั้นนี้แล้วก็ยังคงจะเขินไม่เลิกลา น่าหมันเขี้ยวซะจริงๆ
“วันนี้...” เสียงเบาพูดขึ้น แต่เพราะคนพูดงึมงำอยู่ในลำคอทำให้ผมได้ยินไม่ชัด
“ว่าอะไรนะซิน พูดดังๆหน่อยไม่ได้.../วันนี้ป๊ากับม้าไม่อยู่ไปนอนบ้านเรามั้ย” ก่อนที่ผมจะได้พูดจนจบประโยคกลับต้องหยุดชะงักลงเพราะซินพูดแทรกขึ้นมาซะก่อน แถมเป็นการแทรกที่พูดรวดเดียวจบอย่างรวดเร็วจนแทบจับใจความไม่ได้
แต่บังเอิญว่าผมหูดีครับ ได้ยินชัดทุกถ้อยคำ ^^
แก้มแทบแตกอยู่แล้วไอ้นัทเอ๊ยยยยย
ใครก็ได้บอกทีวิธีการหุบยิ้มมันเป็นยังไง ก็ไหนใครบอกว่าผู้ใหญ่เขาสั่งห้ามเราเจอกันไงครับ แล้วมาชวนเค้าไปนอนบ้านแบบนี้ คิดไรกับเค้าป่ะเนี่ยตัวเองงง >.,<
ผมหัวเราะออกมาสองสามที ก่อนจะยื่นหน้าไปกระซิบข้างหูเขา
“เชิญชวนกันขนาดนี้ ปฏิเสธไหวเหรอ...”
หูซินนี่แดงเถือกเลยครับ ^^
“พอเลย ออกไปข้างนอกได้แล้ว” คนซึนพูดขึ้นพร้อมกับดึงผมด้านหลังท้ายทอยผมออก พาให้ใบหน้าผมต้องถอยตามไปด้วย
“โอ๊ย... อะไรเนี่ย” ก่อนคนใจร้ายจะก้มลงมองมือตัวเอง มันแพล่บเลยครับ ฮ่าๆๆ น้ำมันใส่ผมออกฤทธิ์ซะแล้ว “โหยดูดิ คอเราคางเราเปื้อนไปหมดเลยอ่ะ อะไรของนัทเนี่ย”
“ฮ่าๆๆ น้ำมันจัดทรงไง จะได้หล่อๆ”
“หล่อบ้าอะไรเนี่ย เลอะเราหมดแล้ว” พูดไปก็เช็ดมือเช็ดคอตัวเองไปป้อยๆ โธ่ๆ สงสารเลย
“ป่ะๆ ออกไปล้างข้างนอก” แต่ก่อนที่มือจะได้เปิดประตูห้องน้ำกลับต้องชะงักลงก่อน “เดี๋ยวๆ”
“อะไรอีกอ่ะ”
“เอาผมลงก่อน แกะยางมัดผมออก”
“ทำไม มันร้อน”
“ตามใจนะ อยากร้อน หรือว่าอยากโชว์” ผมยกมือขึ้นแตะคอตัวเองในตำแหน่งที่ผมทิ้งร่องรอยไว้กับซิน
คนสวยรีบหันหลังส่องประตูที่เป็นสีเงินสะท้อนได้เหมือนกระจก ก่อนจะตาโตหันมาทุบผมดังอั้ก
จุกสิครับ...
“ใครบอกให้ทำรอยตรงนี้! ใครเห็นเข้าจะทำยังไง”
“ไม่อยากให้ใครเห็นก็ปล่อยผมลงสิครับ”
ซินจิ้ปากอย่างขัดใจก่อนจะยอมปล่อยผมลงในที่สุด เห็นมั้ย ง่ายดายเพียงแค่นี้ ไม่ต้องเสียเวลาเถียงกันให้เมื่อยเลย
เมื่อปล่อยผมลงเสร็จแล้วมือเล็กก็ปลดล็อคกลอนห้องน้ำ และเดินออกไปตามด้วยผมที่ตามหลังมาติดๆ และในตอนนั้นเอง สิ่งที่รออยู่ด้านนอกห้องน้ำกลับทำให้ขาเรียวยาวชะงักลงทันที แสงแฟลชนับสิบสาดส่องมายังเราสองคนอย่างรวดเร็ว มากมายจนคนตรงหน้าหยีตาหนีแสงนั้น ผมที่ยืนอยู่ด้านหลังก้าวไปด้านหน้าและบังเขาเอาไว้เบื้องหลัง มองไปรอบๆอย่างตกใจ
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ก็ไหนว่าเป็นงานปิด แล้วกองทัพนักข่าวมากมายมหาศาลนี่มันอะไรกัน!!!
หางตาเหลือบไปเห็นโอลีฟยืนกอดอกอยู่ด้านหลังบรรดานักข่าว บนใบหน้าแย้มรอยยิ้ม ก่อนจะยกมือโบกทักทายมาให้ และหันหลังถอยกลับออกจากห้องน้ำไป...
TBC.
.....
นางมาอีกแล้ว...
**ใกล้จะจบไปทุกทีแล้วน้าา ใครอยากได้รูปเล่มบ้างมั้ยเอ่ย ถ้าเปิดจองจะมีคนสนใจมั้ยคะ
Eucalyp SN << แวะไปพูดคุยกันได้ที่เพจนี้นะคะ เพจของแยมเอง
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นนะคะ
พบกันเร็วๆนี้!!